เพลงยาวหม่อมภิมเสน

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: หม่อมภิมเสน

บทประพันธ์

๏ อนุชามาทางทุรัศสถาน
เหลือทุกข์ที่จะทนทรมานขอน้อมสารสุจริตประสิทธิ์มา
ยังสุขานิราโรคหรือไฉนค่อยห่างภัยไกลเทวษหรือเชษฐา
ทั้งพี่ผู้คู่คิดอนุชายังผาสุกเกษมสานต์หรือประการใด
อันละครและกลอนเล่นนะพี่เอ๋ยพี่เคยร้องนั้นยังร้องอยู่หรือไฉน
ฝ่ายน้องหมองสมรด้วยจรไกลรัญจวนใจมาในนทีธาร
ถวิลวันพบพจนาพี่ที่วัดศรีสรรเพชญ์ได้สั่งสาร
สารสัญญากันว่าพลันการพอจวนวารวรฤกษ์จะจำจร
แสนทุกข์ที่มิได้ไปรับพี่แสนทวีโศกสุดสุสนธ์สมร
น้องก็ได้ใช้เขาไปว่าวอนแจ้งกันจรมานั้นไม่ทันที
ครั้นเชษฐามาอยู่ที่บ้านดินผินพักตร์แลน้องยิ่งหมองศรี
น้องจะขอเห็นหน้าว่าปรานีไฉนพี่ไม่มาตามสัญญาไย
หรือคนใช้นั้นมิได้แจ้งแถลงหรือมาแล้วพี่แหนงอยู่หรือไฉน
ยังคลางแคลงอยู่มิแจ้งประจักษ์ใจอันอาลัยน้องเหลือที่จะดำรง
จนภูษาผ้าสะพักก็เปลี่ยนผลัดจะเจียนจัดสิ่งไรให้ใหลหลง
ถึงเวลาที่จะยาตราตรงดำรงใจมาในความตรอม
๏ เดินทางย่างจะถอยย้อนรอยหยุดสุดใจด้วยใจจะไกลถนอม
ถึงประตูไชยร้อนอารมณ์ตรอมออมเทวษประเวศลงนาวา
ตระหนักจิตตามนามเรือรบแลไหนไม่พบพักตร์เชษฐา
จึงให้ล่องแลตามท้องชลามาเห็นเรือราพายมาหลายลำ
แลไปหมายว่านาเวศพี่ครั้นใกล้เข้าใช่ที่อุปถัมภ์
เห็นผิดหน้าใช่หน้าที่เคยจำแสนช้ำทรวงร้อนอุระรน
น้องชะแง้แลสุดสองฟากฝั่งตั้งตาหาพี่ทุกแห่งหน
หาไหนใช่โฉมใช่สกนธ์จวบจนบ้านดินปิ้มสิ้นใจ
แลหมายสุดสายกระแสเนตรหากเจตนาน้องนี้หมองไหม้
อนาถใจเพียงใจมิใช่ใจชลนัยน์คลอนัยนาเนือง
คล้ายคล้ายเห็นสายกระแสสินธุ์ไหลรินเนตรน้องยิ่งไหลเนื่อง
เพลิงสมรร้อนรุ่มอารมณ์เรืองแต่มุ่งเมืองหมายเรือที่รายตาม
แลลำมากล้ำหลายลำนักครั้นใช่พักตร์น้องหวาดฤทัยหวาม
จึงให้หยุดเข้าที่วัดโพไชยรามไม่เห็นพี่มาตามยิ่งเจ็บเจียว
ครั้นเช้าเขาก็บากกรรเชียงล่องสอดส่องเนตรน้องกระสันเสียว
สุดถวิลดังจะดิ้นฤดีเดียวจึงเฉลียวเหลียวหลังสั่งคงคา
เห็นวารีไหลคืนขึ้นข้างกรุงก็มุ่งสั่งสายน้ำมาหนักหนา
ให้บอกพี่เถิดว่าน้องนี้อาทวาหวนหาสายสวาทเพียงขาดใจ
ให้เชษฐามาหน่อยพอเห็นพักตร์วารีรักบอกบ้างฤๅไฉน
เห็นชลาเหมือนจะพาเอาข่าวไปถอนใจใจเอ๋ยเพียงเจ็บจริง
๏ ครั้นมาถึงเกาะพระที่สำนักพระอารักษ์เรืองฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์สิง
เวลาเที่ยงก็ให้หยุดกรรเชียงพิงประทับนิ่งนั่งช้ำระยำทรวง
จำเริญพรศรัทธาพระอารักษ์เซ่นวักแล้วถวายเครื่องบวงสรวง
ขอแจ้งร้อนอ่อนคำที่บำบวงเทพทุกกระทรวงตามเศร้าใจ
ใจความว่าให้ตามมาเห็นพักตร์พอคลายรักที่น้องนั้นหมองไหม้
ครั้นบวงสรวงสิ้นกระแสแล้วแลไปในแถวนทีบุรีรมย์
เห็นนาวาลำหนึ่งลอยเลื่อนก็หมายเหมือนเชษฐาจะมาสม
ที่บังแผงแฝงหน้านั้นน่าชมนั่งคู่ดูคมกระบวนครวญ
เหมือนเชษฐามาคลองเมื่อคราวเล่นน้องเขม้นเห็นเหิมหทัยหวน
นางกล่าวสารเสียงสำเนียงนวลประมวลพรอ่อนโอนอารมณ์ชู
ว่าไปดีมีสุขเสวยสวัสดิ์น้องฟังวัจนานิ่งอยู่เป็นครู่
ครั้นลับตาแล้วสอดตาดูก็รู้แจ้งตระหนักประจักษ์ตรง
ว่าใช่โฉมเชษฐาวราโฉมโทมนัสกลัดจิตพิศวง
พิศวาสบาดทรวงง่วงงงหลงแลแต่นั้นไม่แลเลย
ถ้วนหน้าเขาเสพโภชนาสิ้นน้องไม่กินกินแต่กำสรวลเสวย
เขาเตือยเยื้อนรับสำรับเคยเฉยเคี้ยวข้าวแค้นระคายคอ
แต่กลั้วน้ำแล้วยังกล้ำกลืนขัดเจ็บถนัดใจน้องนี้หนักหนอ
สุดกำลังที่จะรั้งให้เรือรอก็ล่วงต่อมาตามกระแสชล
บ่ายแล้วห้าโมงหมายนาทีอธิบดีรอเรียกพลพหล
ให้หามาพร้อมหน้าลูกคู่พลบอกยุบลสารสักวาครวญ
ท่านบอกบทมาให้น้องร้องบอกต่อเป็นหลายข้อมาจนตำบลสวน
ทางบางบ้านแล้วท่านรัญจวนประมวลทบทวนคำเทียบเปรียบพี่นาง
มะพร้าวอ่อนอรชรเหมือนผิวพี่แล้วเหมือนสีนวลน้องยิ่งหมองหมาง
เห็นสลาว่าเห็นสลานางสลาสล้างฝั่งชลมารดมา
๏ ถึงบางจีนชื่อเช่นเหมือนชื่อพี่ชื่อสิมีนึกหน้าแล้วแฝงหน้า
ท่านบอกบทกำหนดสักวามาจะถึงท่าประทับที่บุรีธน
สนธยาราตรีสี่ทุ่มเศษฝ่ายน้องนองเนตรละห้อยหน
เมื่อทนทุกข์หรือมาได้ยินชื่อธนทนเทวษเพทนาจาบัลย์
ให้ขุ่นคิ่นวิ่นว้าสวาทหมายจะเอนกายลงก็ตั้งแต่เตือนฝัน
ถึงตัวไกลใจน้องยังผูกพันจนไก่ขันกระชั้นเร่งรวีจร
เขาแจวเรือมาจอดหน้าวัดแจ้งแรงร้อนข้อนคิดขุ่นสมร
ประทับร้อนระทมอารมณ์ร้อนแต่ทอดถอนใจหาทุกนาที
เชษฐาถามว่าใครมาหาบ้างจะทวนทางไปแทบบุรีศรี
ไปแจ้งเหตุเชษฐาภคินีน้องว่ามีอยู่แต่ไม่มีเงื่อนงาม
ท่านสะท้อนถอนใจตะลึงคิดอนุชาเพิ่มพิศวาสหวาม
ถามถี่น้องชี้เฉลยความแนะนามเนื้อแท้คดีเดา
เขาเคียมคัลเอากำนัลมาคำนับไม่อยากรับอยากรักสักแสนเท่า
แสนถวิลกินเทวษทุกค่ำเช้าแสนเร้าระอุเพียงผุพัง
ดึกประมาณสามยามที่เรือจอดน้ำขอดเรือค้างตะแคงฝั่ง
ถึงเรือค้างเขาเข็นด้วยกำลังแต่ค้างรักนี้ยังรั้งอารมณ์แรง
สุดกำลังที่จะเข็นด้วยค้างรักอกจะหักตับจะแตกเป็นระแหง
ความกำหนัดเข้ามาขัดอารมณ์แรงจนพันแสงส่องฟ้าอโณทัย
๏ พลกรรเชียงเขาก็ตีกรรเชียงคล่องลอยล่องเข้าคลองบางกอกใหญ่
ตะลึงแลตามกระแสชลาลัยชลนัยน์คลอนัยนานอง
ถ้าพี่มาจะได้ชี้ให้ชวนชมแสนระทมทรวงน้องดังกรมหนอง
เขาเร่งรีบนาวามาตามคลองแต่ฝ่ายน้องมิได้วายคลายคะนึง
ตะลึงแลสองข้างทางชลมารดใจจะขาดแล้วตรึกระลึกถึง
ไฉนพี่จะแจ้งน้องรำพึงแสนคะนึงมิได้วายคลายอารมณ์
นิ่งนอนยอกรตระกองพักตร์อกจะหักหนักใจด้วยไม่สม
เห็นระกำยิ่งระกำทรวงกรมแต่วางลมหายใจไม่ขาดคิด
ยิ่งระกำหรือมาช้ำระกำแกมระกำแนมเสียดสวาทเพียงขาดจิต
อกเอ๋ยไม่เคยหรือมาควรคิดมาหลงพิศกอระกำนี้เนื้อกรรม
๏ กรรมใดมาให้บำราศรักอกเอ๋ยหวนหักไม่เหนื่อยหนำ
ถึงบางโทรัดเรือเรียงลำน้ำแห้งขอดไปไม่คล่องคลอง
กรมการเกณฑ์ไว้ด้วยใจภักดิ์ให้ฉุดชักด้วยกาสรสอง
นาวาวิ่งน้ำตามลำคลองฝ่ายน้องนองน้ำนัยนาคลอ
๏ ถึงขนอนเขาถือชื่อบ่อมากเขาละลากเสียว่าสุดอารมณ์หนอ
สุดกำลังที่จะรั้งให้เรือรอก็ล่องต่อมาตามสายกระแสชล
คงคาหรือมาเค็มขมเฝื่อนเตือนใจให้ระหวยกระหายหน
ถึงกระหายวารีก็มีชลกระหายรักนี้แหละพ้นจะผ่อนคลาย
ถ้าอยู่ใกล้หรือจะได้ไปแจ้งพี่จะพาทีเสียให้ความกระหายหาย
แลฝั่งล้วนหลังกำพรวดพรายเปี้ยวมาหมายปูแสมเสมือนใจ
แต่เปี้ยวยังปองปูแสมหมายน้องมาหน่ายหน่ายพี่นี้กรรมไฉน
เห็นชลเร่งหลั่งชลนัยน์ตะพรุนไหลตามสายชลาแล
๏ ถ้าแม้นพี่มาน่าจะเก็บเล่นจะชี้เช่นชมเปี้ยวปูแสม
ถึงคลองมหาชัยชลไหลแลไม่มีแชเลยลิ่วตะโล่งตรง
ฝั่งชลล้วนต้นตาตุ่มใหญ่นึกไหนน้องตะลึงพะวงหลง
ถึงคลองโคกขามบ้านประมงร้อนใจจำสรงคงคาเค็ม
แสบเนื้อเหลือแสบสมรนักเจ็บรักทรวงน้องดังต้องเข็ม
แสนเจ็บพ้นที่จะเก็บเล็มเต็มคิดพิศวงพะวงกล
ยอแสงสนธยาสงัดเงียบก็ล่องเลียบแลป่าพนาสณฑ์
ไม้ชอุ่มพุ่มสะพรั่งฝั่งชลแต่ต้นลำพูนั้นดูพราย
แจ่มแจ้งล้วนแสงหิ่งห้อยจับยับยับเหมือนดวงศศิฉาย
ถ้ามาด้วยจะได้ช่วยชมไม้รายจะถามทายหิ่งห้อยด้วยยินดี
เพลานาฬิกาห้าทุ่มเศษถึงบุเรศสาครบุรีศรี
แระทับแรมอยู่ในราษราตรีจนพันสีส่องฟ้าทิวาวาร
เลี้ยงกันแล้วก็ล่องตามชลมารดเรือราษฎรชักอยู่ฉ่าฉาน
เขาเรียกเรือโห่ร้องก้องกังวานเสียงประสานขานขับด้วยคำเคย
เขาร้องเริงบรรเทิงด้วยเพลงพลัดเจ็บถนัดใจนักนะพี่เอ๋ย
จะแลไหนก็ไม่ลืมอาลัยเลยที่ควรเคยขาดสิ้นทุกสิ่งอัน
ฝั่งชลาดาดาษด้วยดงชิดพิศใบเหมือนใบจะโบกขวัญ
ใบหากชื่อจากน่าอัศจรรย์ผลผันชื่อชิดระคนผน
ชังใบชอบใจแต่ชื่อชิดชังจากน้องคิดพะวงผล
ร้อนอุระผะผ่าวหนาวสกนธ์แลสองฟากชลไม่เชือนเลย
เห็นจากเร่งเจ็บด้วยจากพี่ผลสิมีชื่อชิดเล่าอกเอ๋ย
อันใบจากน้องไม่อยากจะแลเลยหลงเชยผลชิดยิ่งติดใจ
มะพร้าวอ่อนเหลืองสล้างทะลายดกยอกรลูบอกแล้วโหยไห้
อุทยานเป็นที่สำราญใจมาจำไกลจากพี่นางทางอาวรณ์
๏ บ่ายประมาณสามโมงถึงเมืองสมุทรสงครามยุทธยิ่งร้อนแรงสมร
จะร่ำร้องเล่าก็สุดที่ร่ำร้อนที่เรื่องรักเล่าก็ห่อนจะเห็นจริง
จะเห็นใจก็แต่ในสุราฤทธิ์ถ้าใครคิดก็จะเห็นด้วยทุกสิ่ง
อันเจ็บไกลพี่เจ็บใจจริงจริงดังศรยิงทรวงแน่นสักแสนที
เห็นศาลาอาศัยหลังอารามวัดสมุทรสงครามบุรีศรี
ยับระทมร่มไม้ก็ไม่มีอธิบดีศรัทธาสถาวร
ให้ซ่อมแซมศาลาอาศัยเสร็จบัดเดี๋ยวก็สำเร็จปฏิสังขรณ์
ฝ่อยน้องแนบนิ้วประนมกรถอนจิตแล้วก็พิษฐานพลัน
เดชะข้าได้สร้างศาลาชำรุดรักใคร่อย่ารู้สุดเกษมสันต์
เป็นสมคิดมิตรภาพผูกพันถึงไกลกันก็อย่ารู้นิราเลย
ถึงมิมาก็อย่าได้ประมาทน้องจงหมองมั่งเหมือนนุชหรือพี่เอ๋ย
สิ้นคำแล้วน้ำชเลเลยคงคาเคยขึ้นเข้าเขาเคยคอย
กรมการเชื้อเชิญให้เดินสมุทรฝ่ายนุชฟังเขาให้เศร้าสร้อย
สิบทุ่มให้คุมนาวาลอยไปคอยปากช่องเร่งหมองใจ
มืดหน้ามัวตาด้วยหมอกมิดสุดคิดที่จะอ้างอาศัยไหน
จะแลหลังฝั่งฟากก็ไกลไปถอนใจไร้รักหนักอาวรณ์
ถ้ากลับได้จะใคร่ไปหาพี่แสนทวีร้อนทอดฤทัยถอน
ไม่มีชื่อฝืนใจจำใจจรข้ามท้องสาทรชเลมา
๏ ก็ลุถึงปากน้ำบางตะเครายิ่งแลเปล่าเศร้าใจใฝ่หา
จรดลตามชลมารดมาหมายตามณฑปวัดเขาดิน
เห็นเหมือนมณฑปวัดศพสวรรค์ยิ่งร้อนรัญจวนหนักหนักถวิล
ที่เลนสูงล้วนฝูงกุมภิลนอนแฝงฝั่งสินธุ์รายเรียง
อันภัยในกุมภีล์ก็ยังชั่วไม่กลัวเท่าทนรักเป็นแท้เที่ยง
กลับจะผิดผอมเนื้อเบื่อเสบียงใจระวังวังเวียงไม่วายวาง
๏ บ่ายประมาณสามโมงถึงบางครกเจ็บอกเร่าร้อนสมรหมาง
เมื่อเจ็บใจหรือมาได้ยินชื่อบางครกวางทรวงเร้าอุราราน
แสนระกำช้ำใจด้วยไกลพักตร์มิควรร้างห่างรักสมัครสมาน
แต่นี้ไปจะจำใจไกลนานสิ่งสำราญจะเสื่อมสุขทุกเวลา
ถึงการเล่นก็ไม่เป็นกังวลนักอกจะหักก็จากพี่เสน่หา
เคยเห็นพักตร์จำเริญรักจำเริญตาเคยพร้อมพจนาจำเริญใจ
ไม่เคยทุกข์ถอนใจด้วยจำจากแสนวิบากอกน้องนี่กรรมไฉน
ตัวไกลใจน้องไม่อาจไกลอาลัยมิได้วายคลายคะนึง
๏ ถึงคดอ้อยจะเข็นก็สุดคิดดิ้นติดจำแรมยิ่งคิดถึง
ยามเย็นเห็นอะไรให้ตะลึงจนนอนขึงซ่อนหน้าไม่พาที
๏ ครั้นเช้าเศร้าใจลงเรือน้อยค่อยลอยพายไปถึงเพชรบุรีศรี
เขาตั้งพลับพลาไว้ใกล้บุรีสถิตที่พระราชฐานา
แต่ฟากฝ่ายสายชลคนละแห่งเห็นตำแหน่งพระตำหนักยิ่งหวนหา
ก็หมายเหมือนเมื่อพี่เคยลีลาโดยเสด็จประธานาธิบดินทร์
น้องอาศัยในที่ควรสำนักอกจะหักแต่ครุ่นครวญหวนถวิล
เกรงใจไปถึงเพชรบุรินฤดีดิ้นสิ้นสมประดีเดียว
ตลาดดาษดาแม่ค้าขายรูปร้ายนั่งร้านขี้คร้านเหลียว
จำใจไปดูประเดี๋ยวเดียวเที่ยวไหนก็ไม่ลืมอาลัยเลย
ยิ่งเห็นต้นพิกุลหน้าพระธาตุใจจะขาดแล้วนะพี่ของน้องเอ๋ย
คิดเคยที่เคยหรือขาดเคยขาดหากเฉยน้องมาชื่นไม่ชื่นใจ
เห็นปูนเปี่ยมอ่างวางขายที่ชื่อสิมีส่วนบ้านไปอยู่ไหน
โดยเห็นเช่นหลังยิ่งชังไกลถอนใจไร้รักหนักอาวรณ์
ไหนจะทุกข์ถึงพี่ที่คู่คิดไหนจะทุกข์ถึงมิตรที่เรียงหมอน
ไหนจะทุกข์ไหนจะทนความรนร้อนยามนอนฝันเห็นไม่เว้นวัน
ยามกินกินทุกข์ระคนข้าวยามนั่งนั่งเศร้ากรรแสงศัลย์
ยามเดินเดินดุจดิ้นยันยามยืนยืนหันระหวยใจ
จะนับแรมก็แรมกรรมบำราศสุดสวาทไม่มีที่อาศัยไหน
จะตั้งหน้าใกล้กรรมด้วยจำไกลอยู่ก็ใช่ไปก็ช้ำเร่งรำคาญ
แม้นตายได้ก็ดุจดีกว่าไม่ทนเทวษเพทนาสุดสงสาร
นับเดือนก็จะเลื่อนทิวาวารยิ่งคะนึงก็ยิ่งนานเห็นหน้าเอย ฯ
ฯ นายภิมเสน ๑๗๘ คำ ฯ
             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

กวีสยามนำเที่ยวกรุงเทพฯ มติชน ๒๕๔๗

เครื่องมือส่วนตัว