เพลงยาวรบพม่าที่ท่าดินà¹à¸”ง
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
การปรับปรุง เมื่อ 07:18, 8 กรกฎาคม 2552 โดย Admin (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
| ๏ แสนรักสุดรักภิรมย์สม | |||
| ทุกอนงค์ทรงลักษณ์อันสุนทร | สถาวรพูนสวาดิสวัสดี | ||
| ประกอบศักดิ์สมบูรณ์จำรูญเนตร | อัคเรศงอนงามจำเริญศรี | ||
| แสนกระสันปั่นป่วนฤดีทวี | มีมโนเสน่ห์น้อมถนอมนวล | ||
| อันราคีมิให้เคืองระคางข้อง | ปองประคองนิ่มเนื้อนวลสงวน | ||
| หวังสวาดิมิรู้ขาดอารมณ์ครวญ | เป็นที่ชวนชูชื่นทุกอิริยา | ||
| เกษมสุขภิรมย์สมสมาน | เคยสำราญมิได้แรมนิราศา | ||
| ไม่นิราศขาดชมสักเวลา | บำเรอล้อมพร้อมหน้าไม่ราวัน | ||
| นิจจาเอ๋ยโอ้กรรมจึงจำไกล | มาซ้ำให้ทุเรศร้างมไหศวรรย์ | ||
| ก็เพราะมีอริราชไภยัน | เข้าหักหั่นด่านแดนบุรีรมย์ | ||
| จึงต้องกรูกรีธาพลากร | มาจำจรจากสุขเกษมสม | ||
| สารพัดสิ่งสวัสดิ์ที่เคยชม | ก็นิยมให้วิโยคด้วยจำเป็น | ||
| เมื่อวันออกนาเวศทุเรศสถาน | แสนสงสารสุดอาลัยใครจะเห็น | ||
| พี่เคยทัศนาเจ้าทุกเช้าเย็น | เพราะเกิดเข็ญจึงต้องละสละมา | ||
| ครั้นถึงด่านดาลเทวษทวีถึง | คะนึงในให้หวนละห้อยหา | ||
| ถึงนางนองเหมือนพี่นองชลนา | ยิ่งอาทวาอาวรณ์สะท้อนใจ | ||
| ครั้นถึงโขลนทวารยิ่งลานแล | ให้หวาดแหวอารมณ์ดังจะล้มไข้ | ||
| จนลุล่องคลองชลามหาชัย | ย่านไกลสุดสายนัยน์ตาแล | ||
| เหมือนอกเราที่นิรามาทุเรศ | เหลือสังเกตมุ่งหามาห่างแห | ||
| ระกำเดียวเปลี่ยวดิ้นฤดีแด | จนล่วงกระแสสาครบุรีไป | ||
| ลุสถานบ้านบ่อนาขวาง | ให้อางขนางร้อนรนกมลไหม้ | ||
| ถึงย่านซื่อเหมือนพี่ซื่อสังวรณ์ใจ | มิได้มีลำเอียงเที่ยงธรรม์ | ||
| เมื่อถึงสามสิบสามคดแล้ว | แคล้วแคล้วเหมือนจะกลับมารับขวัญ | ||
| คล้ายคล้ายอัสดงพระสุริยันต์ | ก็บรรลุถึงคลองสุนักข์ใน | ||
| พอชลาถอยถดลงลดฝั่ง | เรือคั่งเคืองเขินไม่เดินได้ | ||
| พลพายรายกันลงเข็นไป | เหมือนเข็ญใจเคืองจิตที่จากมา | ||
| ครั้นเพลาสุริยาอรุณเรือง | แสงประเทืองเบื้องบูรพ์ทิศา | ||
| พอตกลึกแล้วให้ล่องนาวาคลา | ประทับท่าเมืองสมุทบุรีรมย์ | ||
| อันฝูงชนชาวบ้านย่านนั้น | ผิวพรรณไม่รื่นรวยสวยสม | ||
| ไม่เป็นที่ชวนชื่นอารมณ์ชม | ยิ่งเกรียมตรมสุดแสนระกำใจ | ||
| ให้ปั่นป่วนหวนสวาดิประหวัดหา | จะดูใครไม่พาใจชื่นได้ | ||
| จึงให้ออกนาวาคลาไคล | รีบไปตามสายชลธี | ||
| อันเรือหลังดั้งกันสิ้นทั้งหลาย | ก็พายแซงแข่งขึ้นไปอึงมี่ | ||
| โห่สนั่นครั่นครื้นทั้งนาวี | มีแต่ความเกษมสุขไปทุกคน | ||
| เสียงเส้าเร้าเร่งพลพาย | เหมือนรักหมายสายสวาดิทุกขุมขน | ||
| ให้อักอ่วนป่วนจิตจลาจล | ถึงตำบลบางกุ้งเป็นคุ้งเลี้ยว | ||
| ยิ่งลับไม้ไกลเนตรทุเรศสถาน | ให้แดดาลหวั่นหวั่นกระสันเสียว | ||
| ดังเอกามาแต่นาวาเดียว | เปลี่ยวสวาดินิราศไร้ภิรมย์ชม | ||
| มาถึงย่านนกแขวกแสกส่งเสียง | ฟังสำเนียงถอนใจเพียงใจล่ม | ||
| เคยยินเสียงประโคมขานสำราญรมย์ | โอ้ครั้งนี้มาระงมแต่เสียงนก | ||
| แสนทุเรศเวทนานิจจาเอ๋ย | นี่ใครเลยจะเล็งเห็นในอก | ||
| ได้ระกำช้ำใจมาหลายยก | หวังจะป้องปิดปกให้พ้นภัย | ||
| มิให้หมู่พาลาอาธรรม์ | มาย่ำยีเขตขัณฑ์บุรีได้ | ||
| จึงสู้สละรักหักใจ | มาทนเทวษอยู่ไกลเอกา | ||
| ถึงบำหรุเหมือนพี่บำราศรัก | ให้อักอ่วนครวญใคร่อาลัยหา | ||
| ครั้นลุราชบุรีภิรมยา | ที่อาทวาหักอารมณ์ค่อยสมประดี | ||
| จึงรีบรัดจัดหมู่โยธา | ให้อยู่รักษาบุรีศรี | ||
| ครั้นอรุณเรืองแรงแสงรวี | ก็จรลีนาเวศทุเรศจร | ||
| ด่วนเดินโดยทางชลมารค | แสนลำบากด้วยร้างแรมสมร | ||
| กระหายหิวหวิวใจให้อาวรณ์ | แต่ข้อนข้อนขุ่นเข็ญเป็นนิรันดร์ | ||
| ถึงท่าราบเหมือนที่ทาบทรวงถวิล | ยิ่งโดยดิ้นโหยหวนครวญกระสัน | ||
| ด้วยได้ทุกข์ฉุกใจมาหลายวัน | จนบรรลุเจ็ดเสมียนตำบลมา | ||
| ลำลำจะใคร่เรียกเสมียนหมาย | มารายทุกข์ที่ทุกข์คะนึงหา | ||
| จึงรีบเร่งนาเวศครรไลคลา | พอทิวากรเยื้องจะสายัณห์ | ||
| ก็ลุยังวังศิลาท่าลาด | ชายหาดทรายแดงดังแกล้งสรร | ||
| จึงประทับแรมรั้งยังที่นั้น | พอพักพวกพลขันธ์ให้สำราญ | ||
| พรั่งพร้อมล้อมวงเป็นหมู่หมวด | ชาวมหาดตำรวจแลทวยหาญ | ||
| เฝ้าแหนแน่นนันต์กราบกราน | นุ่งห่มสคราญจำเริญตา | ||
| ต่างว่าจะเข้าโหมหักศึก | ห้าวฮึกขอขันอาสา | ||
| ไม่คิดกายขอถวายชีวา | พร้อมหน้าถ้วนทั่วทุกตัวไป | ||
| แต่ตริการที่จะผลาญอรินราช | จนโอภาสแสงจันทร์จำรัสไข | ||
| ให้ขุกคิดอาวรณ์สะท้อนใจ | ถึงอนงค์นางในไม่รู้วาย | ||
| ด้วยเคยทอดทัศนาไม่รารัก | ภิรมย์พักตร์ร้องรำบำเรอถวาย | ||
| บ้างเฝ้าแหนหมอบเมียงเรียงราย | กรกรายโบกพัชนีพาน | ||
| ยิ่งเร่าร้อนถอนทอดฤทัยทุกข์ | เมื่อเคยสุขหรือมาเสื่อมทุกสิ่งสมาน | ||
| จนลืมหลงที่ดำรงดำริการ | แต่เดือดดาลอารมณ์ไม่สมประดี | ||
| จนเพลาสิบทุ่มยิ่งรุ่มร้อน | ให้ยกพลนิกรออกจากที่ | ||
| กระบวนทัพซับซ้อนมามากมี | โห่มี่สะเทือนก้องท้องวาริน | ||
| ถึงม่วงชุมเหมือนเมื่อเคยประชุมเฝ้า | ยิ่งร้อนเร่ารื้อกำหนัดประหวัดถวิล | ||
| ยามเสวยเคยเห็นเป็นอาจิณ | แดดิ้นถึงเนื้อวิมลมาลย์ | ||
| แสนเทวษเสื่อมสิ้นสิ่งสวาดิ | ด้วยนิราศแรมร้างห่างสถาน | ||
| ถึงยามชื่นมิได้ชื่นสำราญบาน | แต่นี้นานสวาดิเว้นไม่เห็นใคร | ||
| ถึงปากแพรกซึ่งเป็นที่ประชุมพล | พร้อมพหลพลนิกรน้อยใหญ่ | ||
| ค่ายคูเขื่อนขัณฑ์ทั้งนั้นไซร้ | สารพัดแต่งไว้ทุกประการ | ||
| จึงรีบรัดจัดโดยกระบวนทัพ | สรรพด้วยพยุหทวยหาญ | ||
| ทุกหมู่หมวดตรวจกันไว้พร้อมการ | ครั้นได้ศุภวารเวลา | ||
| ให้ยกขึ้นตามทางไทรโยคสถาน | ทั้งบกเรือล้วนทหารอาสา | ||
| จะสังหารอริราชพาลา | อันสถิตอยู่ยังท่าดินแดง | ||
| ครั้นเดือนสามวันแรมเก้าค่ำ | ย่ำรุ่งสี่บาทอรุณแสง | ||
| จึงให้ยกพหลรณแรง | ล้วนกำแหงหาญเหี้ยมสงครามครัน | ||
| ไปโดยพยุหบาตรรัถยา | พลนาวาตามไปเป็นหลั่นหลั่น | ||
| สะพรึบพร้อมหน้าหลังดั้งกัน | โห่สนั่นสะเทือนท้องนทีธาร | ||
| รีบเร่งพลพายให้เร่งพาย | ฝืนสายชลเชี่ยวฉ่าฉาน | ||
| ถึงตำแหน่งแก่งหลวงศิลาดาล | ชลธารไหลเชี่ยวเป็นเกลียวมา | ||
| แต่จำเพาะเตราะตรอกซอกทาง | แก่งเกาะขัดขวางอยู่หนักหนา | ||
| แสนลำบากยากใจที่ไคลคลา | ใครจะเห็นเวทนาบรรดามี | ||
| สองวันบรรลุถึงวังยาง | คะนึงวังอ้างว้างเกษมศรี | ||
| เคยเป็นสุขทุกทิวาราตรี | โอ้ครานี้มีกรรมมาจำไกล | ||
| ถึงบางลานยิ่งดาลทรวงสมร | ให้ขุ่นข้อนอารมณ์หม่นไหม้ | ||
| จึงเร่งรีบนาวาคลาไคล | มาถึงไศลชลธีศีขรินทร์ | ||
| สูงสง่าตรงโตรกโดดเดี่ยว | อยู่ริมสายชลเชี่ยวกระแสสินธุ์ | ||
| พรายแพร้วดังแก้วแกมนิล | ปักษิณบินร้องระงมไพร | ||
| บ้างจับไม้รายเรียงบนเชิงเขา | บ้างง่วงเหงาหาคู่พิสมัย | ||
| นกเอ๋ยยังรู้มีอาลัย | อกเราหรือจะไม่เวทนา | ||
| ครั้นบรรลุถึงศาลเทพารักษ์ | อันพิทักษ์ปากน้ำประจำท่า | ||
| มีแต่ศาลสันโดษอยู่เอกา | คิดมาเหมือนอกพี่ที่จากจร | ||
| เห็นอารักษ์แล้วคิดสังเวชจิต | มาไร้มิตรเหมือนพี่ร้างแรมสมร | ||
| สารพัดจะวิบัติอนาทร | แต่ร้อนแรมตามทางทุเรศมา | ||
| ครั้นมาถึงวังนางตะเคียน | พิศเพี้ยนมิ่งไม้ใบหนา | ||
| คั่งเคียงเรียงเรียบริมชลา | สาขารื่นร่มสำราญใจ | ||
| ต้นไม้เปลาเปลาอยู่สล้าง | เหมือนไม้กระถางวางเรียงงามไสว | ||
| ชมพลางพลางรีบนาวาไป | บรรลุล่วงมาได้หลายตำบล | ||
| มาทางพลางแสนคะนึงหา | นัยนาแลลับไพรสณฑ์ | ||
| ยิ่งแดดาลร่านร้อนทุรนทน | จนลุดลเขาท้องไอยรารมย์ | ||
| เป็นช่องชั้นเชิงผาศิลาลาด | รุกขชาติรื่นรวยสวยสม | ||
| ไพจิตรพิศพรรณอยู่น่าชม | ลมพัดพากลิ่นสุมาลย์มา | ||
| มีท่อธารน้ำพุดุดั้น | ตลอดลั่นไหลลงแต่ยอดผา | ||
| เป็นโปลงปล่องช่องชั้นบรรพตา | เซ็นซ่าดังสายสุหร่ายริน | ||
| บ้างเป็นท่อแถวทางหว่างบรรพต | เลี้ยวลดไหลมาไม่รู้สิ้น | ||
| น้ำใสไหลซอกศิขรินทร์ | แสนถวิลถึงสวาดิไม่คลาดคลา | ||
| เกษมสุขสรงสนานสำราญเริง | บันเทิงจิตพิศวงหรรษา | ||
| ชะลอได้ก็จะใคร่ชะลอมา | ให้เป็นที่ผาสุกทุกนางใน | ||
| คิดเคยเมื่อเคยสรงสนาน | สุธาธารทิพรสสดใส | ||
| อันหอมหวนอวลอบสุมาลัย | มาร้างไร้สุคนธกำจร | ||
| เจ้าเคยถวายภูษาสุธาสรง | อันบรรจงทิพรสเกสร | ||
| เคยไพบูลย์ด้วยตรุณนิกร | ทีนี้มาจำจรอยู่เอกา | ||
| ชมเขาลำเนาพนาวาส | แสนสวาดิไม่วายถวิลหา | ||
| ถึงไทรโยคปลายแดนนัครา | มิให้หยุดโยธาเร่งคลาไคล | ||
| แต่เห็นทางท่าชลานั้น | เป็นเกาะแก่งขัดขั้นล้วนเนินไศล | ||
| ยากที่นาวีจะหลีกไป | จึงสั่งให้รอรั้งยั้งนาวา | ||
| เร่งรีบคชสารอัสดร | บทจรตามแถวแนวพฤกษา | ||
| ชมพรรณมิ่งไม้นานา | บ้างทรงผลปนผกาเขียวขจี | ||
| ลางต้นสาขาดูน่าชม | รื่นร่มมิดแสงพระสุรศรี | ||
| สดับเสียงปักษาสุวาที | ลิงค่างบ่างชะนีวิเวกดง | ||
| เสนาะเสียงจักจั่นสนั่นไพร | แม่ม่ายลองไนในป่าระหง | ||
| เรไรร้องหริ่งหริ่งอยู่ริมพง | ส่งเสียงดังสำเนียงอนงค์นวล | ||
| คิดคล้ายละม้ายเหมือนดนตรี | จำเรียงรี่เรื่อยโรยโหยหวน | ||
| ยิ่งซับซาบอาบชื่นอารมณ์ชวน | กำสรวลว้าเหว่ทุเรโรย | ||
| ฟังแต่เสียงสำเนียงนกวิหคร้อง | วิเวกก้องเกริ่นไพรฤทัยโหย | ||
| รุกขชาติแกว่งกวัดสะบัดโบย | ลมโชยคันธรสจรุงใจ | ||
| ตะวันรอนอ่อนแสงจะอัสดง | เหล่าจัตุรงค์เตรียมกายทั้งนายไพร่ | ||
| แรมร้อนนอนแนวพนาลัย | เขตไศลป่าระหงดงดอน | ||
| นอนเดียวเปลี่ยวเทวษทวีทุกข์ | ไม่มีสุขเร่าร้อนสะท้อนถอน | ||
| แสงจันทร์ส่องสว่างกลางอัมพร | ยิ่งอาวรณ์หวังสวาดิไม่ขาดคิด | ||
| วายุพัดพานดวงศศิธร | เขจรจรบังเมฆมิดสนิท | ||
| พิรุณโรยโปรยปรายใบไม้ชิด | สะท้านจิตเจียนจักเป็นไข้ใจ | ||
| เย็นฉ่ำน้ำฟ้าละอองฝน | มาทนเทวษครั้งนี้จะมีไหน | ||
| ถึงทั้งหลายหนาวกายได้ผิงไฟ | ไม่เหมือนพี่หนาวใจที่ในทรวง | ||
| เห็นดาวดึกนึกหวนรัญจวนหา | ในอุราเพียงทับด้วยเขาหลวง | ||
| อันหาบหามที่เขาตามมาทั้งปวง | ไม่หนักทรวงเหมือนพี่หนักอาลัยไกล | ||
| เขาหนักหาบถึงที่ก็ได้พัก | พี่หนักรักนี้ไม่ปลงเอาลงได้ | ||
| มีแต่คอนข้อนทุกข์ทุกวันไป | จะเห็นใจหรือที่ใจการุญกัน | ||
| แต่นอนนิ่งกลิ้งกลับไม่หลับสนิท | ยิ่งคิดคิดก็ยิ่งโทมนัสสันต์ | ||
| จนอรุณเรืองศรีรวีวรรณ | จึงให้ยกพลขันธ์ยาตรา | ||
| ออกจากเนินผาศิลาพนัส | เร่งรัดทวยหาญทั้งซ้ายขวา | ||
| ไปตามแถวแนวในพนาวา | พอสุริยาสายัณห์ลงรอนรอน | ||
| ก็ถึงด่านท่าขนุนโดยหมาย | ให้ตั้งค่ายตามเชิงสิขร | ||
| แล้วรีบเร่งพหลพลนิกร | ทั้งลาวมอญเขมรไทยเข้าโจมตี | ||
| ทัพพม่าอยู่ยังท่าดินแดง | แต่งค่ายรายไว้เป็นถ้วนถี่ | ||
| ทั้งเสบียงอาหารสารพันมี | ดังสร้างสรรค์ธานีทุกประการ | ||
| มีทั้งพ่อค้ามาขาย | ร้านรายกระท่อมพลทุกสถาน | ||
| ด้านหลังท่าทางวางตะพาน | ตามละหานห้วยน้ำทุกตำบล | ||
| ร้อยเส้นมีฉางระหว่างค่าย | ถ่ายเสบียงมาไว้ทุกแห่งหน | ||
| แล้วแต่งกองร้อยอยู่คอยคน | จนตำบลสามสบครบครัน | ||
| อันค่ายคูประตูหอรบ | ตบแต่งสารพัดเป็นที่มั่น | ||
| ทั้งขวากหนามเขื่อนคูป้องกัน | เป็นชั้นชั้นอันดับมากมาย | ||
| ให้ทหารเข้าหักโหมโรมรัน | สามวันพวกพม่าก็พังพ่าย | ||
| แตกยับกระจัดพลัดพราย | ทั้งค่ายคอยน้อยใหญ่ไม่ต่อตี | ||
| ให้ติดตามไปจนแม่กษัตร | เหล่าพม่ารีบรัดลัดหนี | ||
| บ้างก็ตายก่ายกองในปัถพี | ด้วยเดชะบารมีที่ทำมา | ||
| ตั้งใจจะอุปถัมภก | ยอยกพระพุทธศาสนา | ||
| จะป้องกันขอบขัณฑสิมา | รักษาประชาชนแลมนตรี | ||
| จะบำรุงทั้งฝูงสุรางค์รัก | ให้อัคเรศเป็นสุขจำเริญศรี | ||
| ครั้นเสร็จการผลาญราชไพรี | ก็ให้กรีธาทัพกลับมา | ||
| ทั้งทิวาราตรีไม่หยุดหย่อน | ด้วยอาวรณ์ทนเทวษถวิลหา | ||
| แสนคะนึงถึงสวาดิไม่คลาดคลา | แต่พร่ำปรารภนั้นเป็นอาจิณ | ||
| จิตเจ็บจะขาดด้วยนิราศรส | จะอดไว้ก็สุดอาลัยถวิล | ||
| อันบำราบรบราชไพริน | ถึงจะไร้ศรศิลป์ที่ชิงชัย | ||
| ก็พอจะพยายามตามตี | ให้ชนะไพรีจงได้ | ||
| จะสู้สงครามรักนี้หนักใจ | ด้วยไร้ศรรสสวาดิจะราวี | ||
| อันแสนศึกทั้งหลายก็พ่ายแพ้ | ยากแต่จะรบรักให้หน่ายหนี | ||
| ที่ลำบากแต่หลังในครั้งนี้ | สุดที่จะปรับทุกข์กับผู้ใด | ||
| อันฝูงสุรางค์นางทั้งหลาย | ยังค่อยอยู่สุขสบายหรือไฉน | ||
| หรือในจิตคิดอ่านประการใด | อย่าอำไว้จงแจ้งแต่จริงเอย ฯ | ||
