นิราศทัพเวียงจันท์

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 02:46, 6 กันยายน 2555 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระนิพนธ์: หม่อมเจ้าทับ ในกรมหลวงเสนีบริรักษ์

บทประพันธ์

๏ โอ้สุดาดวงมณีของพี่เอ๋ย
เวรวิบัติซัดวิบากให้จากเชยจะล่วงเลยลับพักตร์ยุพินจร
รัญจวนใจด้วยจะไกลสมรมิ่งหวาดประวิงทรวงระทึกฤทัยถอน
สิบเอ็ดค่ำคุรุวาร์ยิ่งอาวรณ์พร้อมนิกรเทียบท่าในวารี
จอมณรงค์ทรงพักตำหนักน้ำได้ฤกษ์ย่ำฆ้องโห่ประทับที่
เสร็จลินลาศยาตราลงนาวีโดยวิถีแถวท่าชลาลัย
พี่เหลียวชะแง้แลหาไม่เห็นน้องยิ่งเนืองนองอัสสุชลนัยน์ไหล
นาวาชิดติดตามเสด็จไปโอ้จะไกลลับแล้วนะแก้วตา
ถึงอาวาสวัดดาวดึงส์สถานชลีกรนมัสการเหนือเกศา
ขอพระเดชพุทธฤทธิ์อิศราให้ข้าศึกมรณาอย่าต่อกร
ทั้งยุพินที่สถิตในสถานพระคุณช่วยอภิบาลบำรุงสมร
ให้พ้นภัยโรคาสถาพรประณมกรกราบถวายบังคมลา
ถึงบางจากเจียนจิตจะจากร่างตำบลบางแม้นเหมือนนิราศา
ดังจากเรียมจากรักหนักอุราแสนระอาเสียด้วยจากวิบากเจียว
ถึงบางพลัดซ้ำพลัดเข้าอีกแล้วได้ยินแว่วหวาดไหวฤทัยเสียว
เหมือนพลัดนวลครวญหาสุดาเดียวตะลึงเหลียวดูบางระบมทรวง
ถึงบางซ่อนเศร้าศรีไม่มีสุขระทมทุกข์เทียมเท่าภูเขาหลวง
เหมือนแสร้งซ่อนขนิษฐาสุดาดวงไว้ให้ง่วงงงฉงนไม่ยลนวล
ถึงบางโพธิ์พื้นญวนตลอดย่านโพงพางพานบวบบั่นอยู่หันหวน
กระสินธุ์เชี่ยวเลี้ยวลดไม่ทดทวนเหมือนใจพี่จวนจากรักภัคินี
ตลาดแก้วแก้วพี่ศรีสวัสดิ์จะเคืองขัดขุ่นข้องด้วยหมองศรี
ตลาดขวัญขวัญตาอยู่ธานีปานฉะนี้จะเทวษถวิลครวญ
ถึงปากเตร็ดตรึกตรมอารมณ์ร้อนระทดถอนท้อใจอาลัยหวน
นาวาเรียงเคียงข้ามตามขบวนพี่เปี่ยมป่วนปิ่มจิตจะจากจร
แล้วจำใจทัศนาที่ท่านั้นเห็นรามัญหมอบเมียงเคียงสลอน
ประณมหัตถ์ชูช่วยอำนวยพรที่แถวท่าสาครดูขำคม
ทัศนารามัญขยันเหยาะละม่อมเหมาะเกล้ามวยดูสวยสม
ลางนางทอดทัศนาเห็นตาคมสไบห่มพอประมาณไม่ปิดทรวง
พอเนตรสบพบของเคยถนอมยิ่งตรมตรอมจิตใจนั้นใหญ่หลวง
จะจำจากขวัญตาสุดาดวงไม่หายห่วงโหยหาเป็นตราใจ
ก็ลับเตร็ดเสร็จโดยวิถีแถวลำเนาแนวคงคาชลาไหล
ถึงบางพูดเลยพ้นตำบลไปพี่โหยไห้หวนหาในสาคร
ถึงบางพังดุจดังอุราพี่จะพังพับทับที่บรรจถรณ์
ยิ่งรัญจวนครวญหาให้อาวรณ์เห็นเชิงราครุ่มร้อนในฤดี
ถึงสามโคกแลโคกไม่ห่อนเห็นวิบัติเป็นมีนามน่าบัดสี
แต่ดอนเดียวดูไหนก็ไม่มีช่างลับลี้เลื่อนลบไม่พบดอน
ถึงเกาะใหญ่ยอแสงพระสุริเยศจะข้ามเขตพระสุเมรุสิงขร
ปักษาชาติสกุณาทิชากรก็เร่ร่อนเร่งรีบเข้ารังเรียง
ที่พลัดคู่กู่ร้องบนรังร้างไม่ยลนางนกสมประสานเสียง
เหมือนอกเรียมร้างน้องประคองเคียงจะไปเวียงวายสวาทนิราศมา
ถึงบางไทรสุดโศกวิโยคนักนิรารักแรมนวลรัญจวนหา
โอ้คลองนี้เคยประพาสลินลาศมาประทับท่าแถวทุ่งไม่ขาดปี
ก็เลยล่องคลองใหญ่บางไทรลับจันทร์พยับมัวโพยมไม่ยลศรี
เป็นหมอกมืดเมฆาในราตรีแถววิถีหมายเขม้นไม่เห็นทาง
ค่อยลอยเลาะเลียบมาในสาคเรศแสนเทวษอกตรมระบมหมาง
ทั้งมืดมิดมิได้ยลตำบลบางทั้งสองข้างฝั่งชลไม่ชื่นเลย
ถึงเกาะเรียนรอบรกล้วนหย่อมหญ้าสำคัญว่ามีคลองเจียวน้องเอ๋ย
นาวาพายใกล้ชิดเข้าติดเกยต้องค้ำเลยเข้าเกาะจำเพาะไป
ด้วยมัวมืดเมฆาในนาเวศสุดสังเกตที่ว่าเกาะอยู่ตรงไหน
จนเลยทางลับบางตำบลไปสังเกตได้แต่ที่คลองตะเคียนมา
ถึงวัดนาคปากช่องปราการใหญ่แลวิไลดังหนึ่งเทพเรขา
มีเขื่อนรอบขอบงามอร่ามตาเหมราปักเรียงอยู่เคียงกัน
นาวาล่องพ้นคลองตะเคียนลัดถึงอาวาสนามวัดพุทไธศวรรย์
ศาลาใหญ่หักยับลงทับกันแต่ขอบคันเลี่ยนสะอาดแลสำอาง
ดูภูมิฐานใหญ่กว้างแต่ปางก่อนก็สมควรพระนครเป็นคู่สร้าง
แลวิเวกสูงระหงทรงพระปรางค์เสียดายร้างรกชัฏทุกวัดวา
นิกรชนเงียบสงัดกำดัดดึกสว่างแสงกะระพฤกกระจ่างหล้า
บรรลุถึงท่าประทับที่พลับพลาตำแหน่งวัดธรมาอร่ามเรือง
จะจวนรุ่งแสงทองจำรัสฟ้าพระสุริยารัฒมีพอสีเหลือง
นาวาเลี้ยวลับล่องเข้าคลองเมืองคะนึงเนืองอัสสุชลนานอง
โอ้นิเวศดังวิมานในเมืองฟ้าไม่มีผู้รักษาก็เศร้าหมอง
ปราสาททรุดเสื่อมศรีไม่มีทองก็มัวหมองเหมือนพี่จากสมรมา
ถึงอารามนามวัดว่าโรงฆ้องจะเลี้ยวล่องแสนยากสหัสสา
เป็นหาดพื้นตื้นเต็มทั้งมรคาต้องเข็นขุดฉุดคร่านาวาไป
จนถึงรอจึงให้รอหยุดประทับเรียงลำดับนาวาแลไสว
จึงแรมร้อนผ่อนพหลพลไกรสงบไว้ฟังกิจให้แจ้งการ
ครั้นทราบเสร็จแล้วเสด็จลินลาพร้อมนิกรโยธาทวยหาญ
ออกจากกรุงมุ่งมาไม่ช้านานถึงสถานปากจั่นเข้าโดยจง
ถึงคลองลัดจะใคร่หลีกให้ลี้ลับแล้วเสด็จกลับคืนไปเหมือนใจประสงค์
แต่กริ่งเกรงภูวนาถบาทบงสุ์จะขัดแค้นแสนทรงพระโกรธา
บรรลุถึงบางระกำให้ช้ำจิตระกำใจไกลมิตรเสนหา
พี่โหยหวนครวญคิดเป็นนิตย์มาสักเวลามิได้ขาดสวาทคลาย
บรรจวบจวนพระนครเป็นเขื่อนเขตเห็นวงวังพระนิเวศเป็นที่หมาย
กำแพงวังพังยุบยับทลายนครหลวงล่วงหลายกษัตริย์ครอง
ลุตำบลบ้านอรัญญิกแล้วไม่ผ่องแผ้วทุกข์ทนกมลหมอง
เห็นเรือนร้างเรี่ยรายลงก่ายกองทั้งเข้าของทิ้งกราดดาษดา
ไอ้ลาวไล่ต้อนครัวไปมั่วไว้แล้วจุดไฟทุ่มทิ้งขึ้นเคหา
ตลอดย่านบ้านแลจนลิบตามรณาลงด้วยไฟบรรลัยลาญ
ถึงวังแดงแลดาษด้วยหาดใหญ่เออที่ไหนจึงว่าตั้งวังสถาน
ออกชื่อวังพี่ก็ตั้งทรมานมีแต่บ้านชาวป่าพนาดร
ศาลาลอยล่วงแล้วนะแก้วพี่ยิ่งทวีทุกข์ท้อฤทัยถอน
มาลอยคว้างร้างเร่พเนจรไม่หยุดหย่อนบ้างบางทางตำบล
ถึงบ้านขวางทางท่าที่นาเวศพระสุริเยศบ่ายคล้อยพระเวหน
นาวาพายตามสายชลาวนประจวบจนท่าเรือศาลาราย
เห็นบ้านเรียงเคียงตั้งริมฝั่งสมุทรทั้งโรงสัปรุษที่ซื้อขาย
ไม่เห็นคนแตกพลัดกระจัดจายแต่เรือนร้างตั้งรายอยู่ริมชล
ลุสถานนามบ้านเจ้าสนุกยิ่งซ้ำทุกข์ทับกายเข้าหลายหน
ไม่เห็นสนุกแลยแต่ทุกข์ระทมทนแจ้งยุบลอยู่ทุกบางหนทางจร
พระที่นั่งถึงฝั่งฟากประทับเรียงสลับนาวาแลสลอน
ให้พักพวกหมู่พหลพลนิกรก็แรมรอนอยู่ที่ท่าชลาลัย
คอยรอฤกษ์ที่จะเลิกพยุห์ยกขึ้นเดินบกข้ามเขินเนินไศล
อรุณรุ่งพุธวาร์จะคลาไคลพลไกรเตรียมทั่วทุกตัวคน
ครั้นสิ้นแสงสุริยนสนธเยศจวนประเวศขึ้นสว่างพระเวหน
ที่สถิตนาวาที่ท่าชลแสนทุรนร้อนรึงคะนึงนวล
จะนิทราอาดูรพูนเทวษพอหลับเนตรก็เห็นน้องประคองสงวน
ผวาตื่นชื่นชมอารมณ์ชวนสำคัญนวลว่ามาแนบอยู่แอบกาย
ครั้นลืมเนตรมิได้ยลวิมลแม่โอ้ยิ่งแลก็ยิ่งลับมากลับหาย
หรือนงนุชเนื้อเหลืองเคืองระคายจึงเบี่ยงบ่ายเบือนพักตร์ไม่พาที
ละเมอบ่นอยู่จนคนที่เคียงชิดเกาสะกิดว่านี่ตรัสกับใครนี่
ได้ยินแว่วหวาดผวาในราตรีแจ้งคดีว่านิมิตก็คิดอาย
จึงกล่าวแกล้งแสร้งว่าข้าไม่หลับปิศาจอำปล้ำทับไม่สูญหาย
ได้ยินแจ้วแว่วเสียงสำเนียงนายไอ้หมู่พรายจึงปลาสนาจร
แต่เย้าหยอกสำรวลสรวลสันต์จนสุริยันเยี่ยมยอดสิงขร
หมู่คชาช้างที่นั่งอลังกรเรียงสลอนเป็นลำดับประทับเกย
โอ้ว่ากรรมแล้วก็จำจากท่าสงสารแต่นาวานะอกเอ๋ย
ได้อาศัยเป็นนิรันดร์ทุกวันเคยจะล่วงเลยลอยคว้างอยู่กลางชล
พอได้ฤกษ์ฆ้องหึ่งแล้วโห่ร้องสะท้านท้องหิมวาพนาสณฑ์
เสด็จขึ้นทรงช้างอยู่กลางพลให้จรดลเดินทศโยธา
พี่ก็ตามเสด็จทรงไอยเรศแสนเทวษไปในไพรพฤกษา
ดำเนินทางพลางทอดทัศนาหิมวายิ่งวิเวกวังเวงใจ
ประจวบจวนบางโขมดที่เคยพักมีสำนักชลท่าชลาไหล
ศาลาคู่สองข้างที่ทางไปได้อาศัยสุปรุษที่เดินทาง
ลุตำบลบ่อโศกยิ่งซ้ำเศร้าเหมือนโศกเราเกรียมกรมอารมณ์หมาง
เห็นโศกสุมกลุ้มสะปะทะทางเหมือนโศกเรียมแรมร้างนิรานวล
ที่เนานานมิได้พานประสบพักตร์จะร้อนรักรุ่มรึงคะนึงหวน
จะโหยหาเช้าเย็นไม่เว้นครวญเสียดายนวลก็จะหมองละอององค์
ถึงศาลาสามเณรตำแหน่งพักที่สำนักอยู่ในเนินพนาระหง
ไม่เห็นห้องสามเณาในเวณวงล้วนเสาทรงแฝกฝาเป็นพาไล
ก็ลุถึงหนองคนทีที่สำนักตำแหน่งพักชลท่าชลาใส
ดำเนินเหนื่อยเมื่อยล้าที่มาไกลเข้าอาศัยพลพักสำนักนาน
ถึงเขาตกหินตั้งเป็นเนินผามีศาลาร่มแสงพระสุริย์ฉาน
เขาบวงสรวงมิ่งม้าคชาชาญแต่โบราณไม่ตระหนักประจักษ์ใจ
จะไถ่ถามความข้อที่คนรู้ไม่เห็นผู้ที่จะแจ้งแถลงไข
จนลับล่วงเลยเขาลำเนาไพรพี่โหยไห้หวนคิดที่จิตจง
ถึงสระยอสุริยนขยับเยื้องเรียมชำเลืองแลหาที่ท่าสรง
เคยชุมนุมชุมชวนนวลอนงค์สำอางองค์สู่สายกระแสชล
ที่จากคูเคยมาอยู่ที่ริมสระคอยปะทะอยู่ที่ทางหว่างถนน
สำเร็จนึกตรึกหมายไว้หลายคนไยไม่ยลไปสถิตสถานใด
แต่สระเปล่าแลเปลี่ยวไม่เหลียวเห็นนิจจาเอ๋ยโอ้เป็นเช่นนี้ได้
เหมือนเรียมจากขนิษฐานิราไกลก็เปลี่ยวใจเปล่าจิตทุกวันจร
จนลุล่วงมรรคาพลับพลาพักเห็นธงทิวปลิวปักบนสิงขร
เสด็จถึงเกยชาลาคชาธรเรียมก็จรลดเลื่อนจำลองลง
สถิตพื้นภูมิภาคทิศยิ่งเปลี่ยวจิตเปล่าใจอาลัยหลง
แต่ก่อนเคยมาประณตบทบงสุ์ในวังวงมีแต่ฝูงชาววังเวียง
เคยสดับดนตรีปี่พาทย์ก้องกระดึงดังระฆังฆ้องไม่ขาดเสียง
ทั้งแม่ค้าร้านขายอยู่รายเรียงบ้างแข่งเคียงคู่ขึ้นบรรพตา
ทุกพุ่มพงดงห้วยเหวละหานท่าธารตรอกโตรกชะโงกผา
ทั้งหญิงชายกร่ายเกร่เที่ยวเร่มาบ้างเกี้ยวพาเชยชมภิรมย์กัน
เออไฉนไยจึงเงียบฉะนี้นี่อุระพี่ก็ยิ่งเปลี่ยวเสียวกระสัน
วิเวกเสียงเรไรในไพรวันจักรจั่นเรื่อยร้องระงมดง
ชะนีร่ายไต่ไม้บนไหล่เขาแล้วห้อยโหนโยนเย้าน่าพิศวง
ให้เคลือบแคลงอยู่ด้วยแสงพระสุริยงกระสันส่งเสียงร้องวังเวงใจ
มยุเรศร่อนจับบนจอมผาก็รำฟ้อนหลอนกาให้หลงใหล
กาเข้าห้อมล้อมชมแล้วตรมใจทะลวงไล่ฉาบเฉี่ยวอยู่ไปมา
พวกวานรหลอนหลอกกับฝูงค่างแล้ววิ่งวางขึ้นไปเซาบนพฤกษา
เอาลูกน้อยแนมแนบแอบอุราสองกรกุมกัณฐาไม่วางมือ
ข้างฝ่ายแม่โน้มเหนี่ยวเอาพฤกษาก็เก็บผลไม้มาให้ลูกถือ
แล้วกู่ก้องร้องเล่นอยู่บันลือออกอึงอื้ออยู่บนเชิงคิรีวัน
พี่เล็งแลเหล่าสัตว์ในสิงขรยิ่งเร่าร้อนจิตใจให้กระศัลย์
จึงเรียกเหล่าโยธาเข้ามาพลันให้เก็บพรรณบุษบาบรรดามี
ทั้งธูปเทียนบรรจงจำนงหมายหวังถวายบทเบื้องพระชินศรี
ก็จรดลตามแนวแถวคิรีโดยบันไดนาคีประวิงวอน
จังหวัดเวียนเทียนถือประนมหัตถ์ค่อยเลี้ยวลัดรอบเชิงชายสิงขร
โดยคำรบครบเจ็ดแล้วเสร็จจรชลีกรมัสการพระชินวงศ์
ให้เอิบอิ่มปรีดาด้วยปราโมทย์โดยประโยชน์หวังจิตคิดประสงค์
จึงปลดเปลื้องภูษิตอุทิศตรงจิตจำนงน้อมเศียรลงมัสการ
เอาแพรชมพูปูทรงวงพระบาทแล้วแผ่พาดหุ้มมิดให่้ปิดฐาน
ขอพระคุณป้องปัดกำจัดพาลอธิษฐานสารพันจะบรรยาย
เดชะบุญคุณสร้อยพระสรรเพชญ์ให้สำเร็จเวียงจันท์ดังมั่นหมาย
จะรบลาวเสียให้ชื่อลือกระจายให้แตกตายเต็มป่าพนาลัย
ถึงจะเรืองศักดามหาเวทจะมีคุณวิเศษสักเพียงไหน
ให้ถอยฤทธิย่อยยับทั้งทัพชัยจึงสาใจสมจิตที่คิดพาล
แล้วนอบน้อมวันทนาลาพระบาทยุรยาตรไปตำแหน่งแห่งสถาน
พอเสร็จขึ้นเกยสถิตประทับอานคชาธารพระที่นั่งอลังกร
ทหารปืนเดินดื่นออกดาษป่าครั้นทัศนาหอกแห่แลสลอน
นำเสด็จเสร็จโดยวิถีจรทุเรศร้อนไปในไพรพนาวา
ฝ่ายพี่ก็ขึ้นขี่จำลองคชยิ่งรันทดแสนโทมนัสสา
รีบตามเสด็จพ้นตำบลมาพี่โหยหามิได้เว้นสักนาที
บรรลุถึงธารทองแดงตำแหน่งห้วยเป็นโกรกกรวยชลท่าชลาศรี
อันเดินรอบขอบคันในวารีนั้นแดงดีดุจชาดสะอาดตา
เหล่านิกรดื่มกินสุธารสอันใสสดที่ในธารละหานผา
แล้วรีบเดินตามเนินมรคาเข้าแห่หุ้มไอยราที่นั่งทรง
พระสุริยงยอแสงเย็นพยับก็ถึงธารที่ประทับโดยประสงค์
อันมีนามพุกำจานเป็นด่านดงสั่งให้ปลงหยุดประทับแรมประทม
แล้วยกย่างจรดลเข้าดงชัฏล้วนเหล่าไม้เยียดยัดกันสับสม
เสียงเรไรเรื่อยร้องก้องระงมก็ล่วงเลยวังส้มพอสุดดง
ออกป่าแดงรีบเดินถึงเนินเขาสูงเฉลาแลพินิจพิศวง
เป็นเปลวปล่องช่องชั้นเหมือนบรรจงชื่อพระยาเดินธงเป็นทิวทาง
สถานถิ่นภูมิพื้นก็รื่นราบดังคนปราบขุดขนแล้วก่นถาง
มีวารีล้นไหลอยู่ในรางเป็นแอ่งอ่างซึมใสค่อยไหลริน
ที่เพิงผาน่าดูดังพู่ห้อยเป็นน้ำย้อยหยดเพรื่อด้วยเหงื่อหิน
ระยับแสงพรายพร้อยร้อยดังพลอยนิลสถานถิ่นเทพเจ้าลำเนาไพร
เป็นหุบห้วงเหวหินชะง่อนงอกที่โกรกกรอกผาเผินเนินไศล
ไม้รวกเรียงเคียงลำอยู่รำไรก็กวัดไกวยวบโยกอยู่ไปมา
รุกขชาติที่สำหรับประดับเขาเป็นหลั่นเหล่าแดงเขียวดังเลขา
พิศดอกออกผลดาษดาสกุณาจับจิกแล้วบินจร
พี่ยลพลางทางขับกุญชรชาติให้ยุรยาตรเลียบเดินริมสิงขร
ถึงกำพรานบ้านไพรที่ในดอนเข้าซอกซอนอยู่ในดงไม่น่าดู
แล้วลุย่านบ้านนามโคกถลุงเอาแฝกมุงเรือนพังเหมือนรังหนู
เห็นกองทัพชายหญิงเที่ยววิ่งพรูไปซ่อนอยู่ชัฏชิดให้มิดกาย
ก็จรดลพ้นย่านบ้านป่าถึงทางท่าน้ำสักกระแสสาย
เป็นทิวเลี่ยนเตียนลาดด้วยหาดทรายจำนงหมายท่ากระเพราะกำหนดไพร
สั่งให้หยุดพักพลที่บนหาดพี่ยุรยาตรสู่ท่าชลาไหล
กระสินธุ์เชี่ยวเลี้ยวลดรันทดใจพี่โหยไห้หวนหาสุดาดวง
แต่วารียังเป็นที่กำหนดแน่สายกระแสไหลล่องทะเลหลวง
เหมือนพี่มุ่งนัคราเป็นตราทรวงแต่ตัวถ่วงทวนทุกข์ขึ้นเดินดอน
จนสุดแดนนัคราอาณาเขตสุดสังเกตที่จะพบสบสมร
ยิ่งนับวันนับไกลครรไลจรเอาสิงขรพุ่มพงเป็นวงวัง
แล้วจรจากวารีไม่มีสุขระทมทุกข์ในกมลกังวลหลัง
ขึ้นพลับพลาฝากิ่งพฤกษาบังคะนึงนั่งนึกนวลรัญจวนใจ
จนอรุณรุ่งสางสว่างหล้าเสียงลั่นฆ้องสัญญาอยู่หวั่นไหว
พยุหบาตรยาตราออกคลาไคลคชไกรรับเสด็จจรลี
ค่อยเลาะเลียบคงคาสาคเรศไปตามเขตคันดงลงวิถี
ประทับร้อนผ่อนพักพวกโยธีแล้วจากที่ย่างเยื้องจรจรัล
ก็ลุล่วงไชยบาดาลสถานที่นิคมเขตธานีในเขื่อนขัณฑ์
พอสิ้นแสงสุริยาลงสายัณห์ก็ยับยั้งตั้งมั่นอยู่ริมชล
พี่ชมชาวไชยบาดาลที่ธารท่าลงอาบกินธาราอยู่สับสน
รูปพรรณพักตราไม่น่ายลถ้ามีขนก็ว่าค่างที่กลางไพร
ทั้งแดนดินถิ่นฐานที่บ้านอยู่จะพิศดูก็ไม่น่าจะอาศัย
แต่เสียงสัตว์ครื้นเครงวังเวงใจชั่วอยู่ได้ชื่นชมนิยมยิน
ครั้นตรวจเตรียมจัตุรงคพร้อมเสร็จแล้วเสด็จจากท่าชลาสินธุ์
ไปข้ามเนินนัทีศีขรินทร์ถึงแถวถิ่นที่บัวชุมธานี
             

ตรัสสั่งทัพอุทัยให้ไปหน้าพอโยธาลับล่วงเข้าไพรศรี
ครั้นพร้อมเสร็จแล้วเสด็จจรลียกพยุหโยธีออกเดินทาง
ข้ามแถวแนวเนินอรัญเวศถึงคันเขตสิทธิรงค์ห้วยขวาง
อันแนวน้ำนั้นเป็นลำพญากลางล้วนยูงยางชิดชัฏระบัดใบ
จำเพาะทางขึ้นหว่างยอดบรรพตค่อยเลี้ยวลดพุ่มพงดงไสว
เสียงชะนีเรื่อยร้องอยู่ก้องไพรกันแสงไห้โหยหาถึงสามี
ฝ่ายเรียมก็แต่เกรียมกรมเทวษแสนทุเรษแรมไพรพนาศรี
โอ้ว่าสัตว์ในพนัสพนาลียังรู้มีมิตรจิตเจตนา
เหมือนอกเรียมแรมร้างนิราศรักก็ตั้งพักตร์คอยเพื่อนเสนหา
ไม่ว่างเว้นวันถวิลจินตนาดุจตราตีประทับไว้กับทรวง
คะนึงพลางทางทัศนานกหมู่วิหคร่อนร้องบนเขาหลวง
ประหลาดหลากปีกหางเป็นด่างดวงบ้างหม่นม่วงมากมายอยู่หลายพรรณ
เที่ยวพาเพื่อนจับไม้แล้วไซ้ขนบ้างเวียนวนเคล้าคู่แล้วคูขัน
นิจจาสัตว์ก็รู้จักว่ารักกันยิ่งกระสันเสียวคิดที่จิตตรม
กระทั่งถึงธารท่าชลาสินธุ์ประเทศถิ่นแห่งนางลงสระผม
มีแท่นขวางที่นางนิทรารมณ์เมื่อพิศชมร่างรอยปรากฏมี
นี่นางใดใครหนอมาสระเกศหรือแรมร้างนัคเรศบุรีศรี
มาไสยาสน์เอองค์ในพงพีหรือจำจากสามีอยู่เมืองใด
จึงเดินดงพงกว้างทางทุเรศจะสังเกตธานีบุรีไหน
คะนึงนึกหน่ายแหนงยิ่งแคลงใจให้หลงใหลรอยร่างที่นางนอน
แล้วเที่ยวทอดทัศนาที่ท่าแท่นก็มุ่งแม่นหมายพบสบสมร
ไม่เห็นแก้วแววตาพะงางอนดำเนินจรไปหนตำบลใด
ไม่ยลองค์หลงชมแต่บรรจถรณ์ทั้งรอยนอนรอยลงชลาไหล
ปรากฏชื่อโฉมนางไว้กลางไพรให้ปลื้มใจคนจรมาดอนดง
พอสุดสิ้นมรรคาสาคเรศถึงเขาเขตหิมวาป่าระหง
เป็นเขื่อนคันกั้นขวางอยู่กลางดงวิถีตรงขึ้นบนยอดบรรพตา
พระสุริยงลงลับพยับศรีจึงพักพวกโยธีอยู่เพิงผา
พวกนายกองเกณฑ์กันเป็นโกลาให้ล้อมวงซ้ายขวาและกองแล
ออกเดินตรวจเสียงเกราะเสนาะก้องบ้างตีฆ้องนั่งยามตามกระแส
พลเบียดเยียดยัดกันอัดแอเสียงเซ็งแซ่ก้องป่าพนาดร
ฝ่ายพี่ขึ้นสถิตกระท่อมเถื่อนสันโดษเดียวเปลี่ยวเพื่อนสโมสร
อนาถหนาวคราวดึกไม่นึกนอนทุเรศร้อนตรึกตรมอารมณ์รวน
พระพายพัดพานพาสุมาเลศในท้องแถวหิมเวศตระหลบหวน
สัมผัสพานาสายิ่งพาครวญเหมือนกลิ่นนวลเคยแนบอุราเรียง
ได้ชุ่มชื่นก็แต่พื้นบุปผชาตินุชนาฏมิได้ยลได้ยินเสียง
เคยสนิทแนบน้องประคองเคียงไอ้ลาวเวียงก่อกรรมให้จำมา
กระเวนไพรขันทักระวังเถื่อนจนดาวเดือนคลาดคล้อยพระเวหา
สกุณแก้วแว่วขันกระชั้นมาแสงนภาผ่องแผ้วในอัมพร
น้ำค้างย้อยพร้อยพรมบุปผชาติดูหยัดหยาดเป็นละอองดังฟองฝน
หมู่แมลงภู่ผึ้งออกอึงอลเที่ยวเวียนวนร่อนหาสุมาลี
ดุเหว่าร้องเร่งรถพระสุริเยศให้ประเวศเยี่ยมยอดคิรีศรี
ฝ่ายฝูงลิงค่างบ่างชะนีบ้างซิกซี้เย้าหยอกกันชมเชย
พลช้างพลางผูกคเชนทร์มั่นด้วยสำคัญขึ้นเขาพังเหย
ครั้นกูบอานเสร็จสรรพประทับเกยกำหนดเคยรับเสด็จลีลา
ก็ล่วงขึ่นเขาเขินเนินสิงขรบทจรแสนยากสหัสสา
เป็นตรอกน้อยจุรอยไอยราค่อยเลาะเลียบไหล่ผาไปตามเนิน
กุญชรเหนี่ยวพฤกษาเข้าคว้ามั่นด้วยตัวสั่นกลัวตกระหกระเหิน
ที่ผาชันก็ต้องเทาเอาเข่าเดินบนเขาเขินคอยแลจนลิบตา
ครั้นถึงยอดคิรีเป็นที่รื่นในแผ่นพื้นเรียบราบเป็นหนักหนา
ล้วนเต็งรังเรียงร่มมรรคานานารุกขชาติประหลาดพรรณ
ประชุมช่อต่อก้านกิ่งระยับบางกลีบกลับสู้แสงพระสุริย์ฉัน
ที่ต่างสีซ้อนซับสลับกันพี่ยลพลางทางหวั่นประวิงใจ
โอ้เจ้าเยาวพาแม้นมาด้วยจะรื่นรวยพิศวงหลงใหล
จะเลือกเก็บบุปผาสุมาลัยมาร้อยกรองสวมใส่ทั้งสองกร
สาวหยุดย้อยห้วยพวงระย้าพุ่มล้วนกลิ่นกลุ้มเสาวคนธเกสร
จะร้อยเรียงเคียงวางไว้ข้างนอนให้ขจรกลั่วกลิ่นทั้งอินทรีย์
พิกุลแก้วกรรณิการ์มหาหงส์ไม้แดงดงดูดาษประหลาดสี
จะทำบุหงาผ้าที่อย่างดีเอาห่อดอกมาลีเข้าทัดกรรณ
ทั้งพะยอมหอมหวนลำดวนดาษพุทธชาติสุกรมนมสวรรค์
มลุลีกระดังงาสารพันจะจัดสรรค์ให้เจ้าอบสไบทรง
นี่สุดจนคนเดียวสันโดษดิ้นแสนถวิลอยู่ที่ในไพรระหง
คะนึงน้องเช้าเย็นเหมือนเห็นองค์ละเลิงหลงปรากฏในดวงใจ
รัญจวนพลางทางเร่งคชาช้างให้เหย่าย่างข้ามธารละหานไหล
ละเลาะเลียบมรคาพนาลัยก็ตรงไปท่าสะอาดสำนักชล
เป็นน้ำเปี่ยมห้วงหินระรินไหลกระเซ็นใสเย็นฉ่ำดังน้ำฝน
มัจฉาเล็มไคลหินเที่ยวกินวนเมื่อพี่ยลก็เหมือนอย่างในอ่างปลา
ประทับแรมแล้วก็เลื่อนจัตุรงค์เข้าดอนดงข้ามธารละหานผา
ครั้นเย็นรอนอ่อนแสงพระสุริยาที่มรรคามืดคลุ้มชอุ่มไพร
หมายประทับหน่ยงแหย่งตำแหน่งน้ำดำเนินนำมรรคาถึงอาศัย
ก็พักพลหยุดยั้งระวังไพรจะจวบใกล้นครราชสิมา
ครั้นรุ่งรางสางแสงพระสุริยนแล้วจรดลตามเนินเชิงเผินผา
พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยาถึงแถวท่าบึงมะเลิงเห็นเรือนเรียง
พวกครอบครัวกลัวลาวไปแอบซุ่มออกเกลื่อนกลุ้มอื้ออึงคะนึงเสียง
ให้เกณฑ์กันสืบข่าวอ้ายลาวเวียงคอยม่ายเมียงทางท่าจะราวี
เห็นลาวน้อยไทยออกระดมฆ่าครั้นมากมาต้อนครัวเข้าไพรศรี
พลลาวแตกตายลงหลายทีจนซากผีเกลื่อนกลุ้มที่ทางจร
เสด็จถึงให้ประทับที่ชายป่าพวกนายครัวออกมาหมอบสลอน
ต่างสำราญวิญญาสถาวรประณมกรคิดการราญณรงค์
ข่าวตระหนักถึงอนุก็ยกหนีให้จุดเผาบุรีเป็นผุยผง
แล้วขับพลช้างมาไปทางตรงไม่แวะวงรีบรัดเร่งตัดไพร
ทรงทราบเสร็จแล้วเสด็จดำเนินจรพวกครัวตามข้ามดอนดูไสว
ทั้งเกวียนต่างช้างมาก็คลาไคลที่หาบคอนต้อนไล่กันจรลี
ถึงถิ่นฐานบ้านใครเคยสำนักก็พร้อมพักตร์ปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ขึ้นสิงสู่เคหาไม่ราคีอันเป็นที่เก่าเกิดกำเนิดตน
เสด็จจวบจวนเย็นก็หยุดพักที่สำนักนาเกลืออยู่กลางหน
เป็นเวิ้งทุ่งขาดย่านที่บ้านคนหมู่พหลเลื่อยล้ามาไม่ทัน
ให้หยุดยั้งรั้งแรมซึ่งโยธีประทับที่ชายป่าพนาสัณฑ์
จนรุ่งรางส่างศรีรวีวรรณก็ยกพวกพลขันธ์ออกลินลา
ไปตามแถวแนวย่านบ้านประเทศนิคมเขตแว่นแคว้นดูแน่นหนา
ล่วงตำบลพ้นย่านบ้านพุทราถึงคงคาห้วยขวางอยู่กลางดอน
เป็นน้ำแซะทรายใสค่อยไหลรินลงอาบกินเป็นสุขสโมสร
จึงพักพวกโยธาพลากรประทับร้อยอยู่ที่ร่มสำราญใจ
ในอาวาสวงวัดที่ห่างบ้านเป็นสถานถิ่นท่าเข้าอาศัย
ครั้นบ่ายแสงสุริยาก็คลาไคลเข้ากรุงไกรนครราชสิมาเมือง
ดูขอบคันมั่นคงเป็นเขื่อนเขตทุกประเทศกล่าวชื่อก็ลือเลื่อง
ทั้งว่านยาอาคมก็รุ่งเรืองไม่ควรเคืองข้าศึกมายายี
กำแพงรอบขอบเมืองเสมาตั้งดูขึงขังเป็นสง่าราศี
หอรบรอบขอบเนินเชิงเทินมีบนหน้าที่ป้อมปืนขึ้นยืนยัน
เรือนบ้านแต่ล้วนตึกระดาดาษทั้งบริเวณอาวาสก็เฉิดฉัน
แลจำหลักลวดลายพรายสุวรรณที่หน้าบันครุฑบิดสุกรีบิน
เสียดายเมืองเสียศึกก็มัวหมองจนเข้าของย่อยยับทั้งทรัพย์สิน
ไอ้ลาวแย่งยื้อขนลงปนดินแล้วฟันยับสับสิ้นทุกสิ่งอัน
แต่อาวาสของนรินทร์ปิ่นนเรศวร์อันประเวศสู่สถานพิมานสวรรค์
ยังปรากฏงดงามอยู่ครามครันแต่ครั้งเสร็จทรงธรรม์อยู่ธานี
ทรงสร้างไว้เป็นทางพระนฤพานจึงบันดาลข้าศึกให้นึกหนี
ไม่สามารถอาจกล้ามายายีจึงเลี่ยงลี้ย่อยย่นไม่ทนทาน
พี่ครรไลไปเที่ยวที่อาวาสแล้วยุรยาตรเข้าไปในวิหาร
ศิโรดมก้มเกศลงกราบกรานอธิษฐานขอเบื้องพระบารมี
มาคุ้มครองข้าน้อยผู้รองบาทพระอำนาจเหนือเกศเกศี
จะรบศึกครั้งใดให้ได้ทีอรินภัยยับยี่ด้วยศักดา
แล้วอภิวันท์ครรไลไปสำนักพลับพลาพักตั้งอยู่ทะเลหญ้า
สะพรั่งพร้อมจัตุรงคโยธาทรงปรึกษาที่จะตามไปตีเวียง
ถึงวันฤกษ์แล้วก็เลิกจัตุรงค์ดำเนินธงฆ้องลั่นสนั่นเสียง
พลเหิมโห่ร้องก้องสำเนียงทหารแห่เดินเคียงเป็นคู่กัน
เสด็จจากเกยมาศราชศักดิ์ทรงจำลองคชลักษณ์อันเฉิดฉัน
ข้างฝ่ายพี่ขึ้นขี่คเชนทร์พลันก็จรจรัลตามเสด็จไปกลางพล
ออกจากนครราชสิมาแล้วยาตราเข้าป่าพนาสณฑ์
ไปตามแถวแนวย่านบ้านตำบลนิคมพ้นขอบเขตในธานี
จนสุดบ้านด่านลำจากก็จวนค่ำสำนักน้ำอยู่ที่แนวพนาศรี
พระสุริยงลงลับเหลี่ยมคิรีอุราพี่วังเวงวิเวกใจ
จะแลซ้ายเห็นชายละหานผาครั้นแลขวาก็แต่พุ่มพงไสว
จึงรั้งทัพแรมทางอยู่กลางไพรให้กองไฟแสงสว่างกระจ่างดง
พี่หวนจิตคิดมาน่าอนาถมาไสยาสน์อยู่ที่ในไพรระหง
ล้วนอาวุธรอบข้างกลางณรงค์รักษาองค์ไม่เป็นอันจะนิทรา
แต่ปล้ำปลุกอาดูรพูนเทวษชลเนตรนองแน่นในนาสา
จะล่วงหลุดด่านแล้วนะแก้วตาจวนสิ้นเขตนัคราธานี
นับวันแต่จะดั้นเข้าเดินป่าจะลิบลับอยุธยากรุงศรี
โอ้พี่แสนโศกศัลย์พันทวีจนราตรีรุ่งสางสว่างดง
ช้างประทับรับเสด็จที่เกยมาศยุรยาตรเข้าในไพรระหง
จำเพาะพักตร์บุรพาทิศาตรงที่นั่งทรงเดินทางไปกลางพล
ก็มุ่งไม้หมายเขาลำเนาน้ำจะใกล้ค่ำก็พยับโพยมหน
เป็นเมฆหมอกออกมืดในอัมพลวิบัติฝนสาดซัดกระจัดกระจาย
ลงถูกต้องกองทัพที่เดินหนลำบากตนมิได้ส่างสว่างหาย
เข้าตากพองไถ้แหกแตกกระจายไม่คิดอายแก้ผ้าทำหน้าจน
แลตามมรรคาหน้าสังเวชเหมือนหนึ่งเปรตจะมารับส่วนกุศล
แสนลำยากยากใจแก่ไพร่พลจนมัวมนท์มืดแสงพระสุริยา
ประทับที่โคกหลวงกำลังฝนระทมทนเหน็บหนาวเป็นหนักหนา
ออกเยือกเย็นเซ็นซ่าทั้งกายามีแต่กูบไอยราพอร่มกาย
ในดอนดงมัวมืดไม่เห็นหนพายุฝนก็ไม่ส่างสว่างหาย
พวกกองทัพซานซมอยู่งมงายที่บ่าวนายกู่กันออกก้องไพร่
อันแสนยากบอกใครจะเหมือนเข็ญถ้าแม้นเห็นก็จะสิ้นที่สงสัย
หัวอกเรียมเกรียมกรมระทมใจจะว่าไปก็จะเนิ่นทิวานาน
ครั้นหิรัญรุ่งรางสว่างหล้าก็พร้อมพวกโยธาล้วนทวยหาญ
เสด็จทรงไอยราคชาธารให้ขุนด่านนำเสด็จจรลี
ขึ้นดงลงโคกแล้วข้ามห้วยโกกกรวยเนินแถวแนววิถี
พิศพรรณพฤกษาประดามีเป็นหลายอย่างต่างสีน่าพึงชม
ถึงฟากชลธาร์ชลาศรีตำแหน่งนามแม่ประชีโดยปฐม
ที่โล่งเลี่ยนถิ่นฐานสะอ้านลมก็ประทับแรมประทมที่ฝั่งชล
พี่เที่ยวชมถิ่นลาวที่ริมฝั่งล้วนบ้านตั้งตามละเมาะในไพรสณฑ์
แต่เรือนร้างเยือกเย็นไม่เห็นคนเที่ยวเดินด้นเข้าป่าพนาดร
ดูดูก็เป็นน่าสังเวชจิตแล้วเสียวคิดเหมือนพี่ร้างแรมสมร
ให้เปล่าเปลี่ยววิญญายิ่งอาวรณ์ก็จากจรขับคชสารมา
กำหนดหยุดสามเวรทั้งวันพักครั้นพร้อมพรักจัตุรงคแน่นหนา
ตั้งกระบวนพยุหบาตรออกยาตราลงข้ามฝั่งคงคาแล้วรีบจร
เดินโดยมรรคาพนาเวศกำหนดเขตทางเขาในสิงขร
พระสุริยาสายัณห์ลงรอนรอนทิชากรรีบเร่งเข้ารวงรัง
มฤคปีบเปิ่บร้องคะนองเถื่อนพยัคฆ์เลื่อนเลี้ยวลัดสกัดหลัง
สุกรเห็นเผ่นตรงเข้าดงรังพยัคฆ์ยังยุบยอบลงหมอบมอง
กระทิงเถื่อนเดินเที่ยวเล็มระบัดไม่พรากพลัดสมสู่เป็นคู่สอง
ภาษาสัตว์ดูงามตามทำนองค่อยหยัดย่องเรียงรายอยู่ชายไพร
ที่เหล่าพรานคลานแอบเอาปืนแนะพอนกเฉะดังลั่นสนั่นไหว
กระสุนโดดโลดกัดเข้าตัดใจก็บรรลัยเลยล้มระเนนนอน
อนาถจิตพิศดูที่คู่ชื่นครั้นเสียงปืนกัมปนาทขยาดหยอน
ก็ทิ้งเพื่อนเอกาไม่อาวรณ์กระเจิงจรไปแต่ตัวด้วยกลัวภัย
ครั้นสุดดงลงทุ่งก็ถึงบ้านราตรีกาลจวบจวนปจุสมัย
ชื่อหนองจอกกว้างขวางอยู่กลางไพรรับสั่งให้หยุดพักสำนักพล
ลงแรมร้อนผ่อนแรงไอยเรศที่คันเขตหิมวาพนาสณฑ์
ครั้นรุ่งรางส่างแสงพระสุริยนก็จรดลเลื่อนทัพออกเดินทาง
กองตระเวนเกณฑ์ซุ่มไปสืบข่าวก็พบลาวเล็ดลอดมาเขาขวาง
สิบห้าคนด้นมาในป่าซางมานั่งทางคอยทัพที่ยกจร
ทั้งไทยลาวลอบแลกันแต่ห่างที่ริมทางคนละฟากสิงขร
ได้ทียิงวิ่งรุกเข้ารบรอนตะลุมบอนกันในทางหว่างคิรี
นายลาวถูกปืนถลาโลดไทยโดดจับจิกเอาเกศี
เอาดาบฟาดขาดกลางอินทรีย์บ่าวหนีแตกพลัดกระจัดจาย
พอทัพหลวงเลยข้ามชลาสินธุ์ถึงแถวถิ่นสามหมอกำหนดหมาย
แต่บุราณเล่าต่อก่อนิยายกุมภีล์ร้ายสาหัสในนัที
พวกหมอเล่นสามคนก็ม้วยมุดเข้าฉวยฉุดคาบลงชลาศรี
แล้วพาเข้าคูหาในวารีอันเป็นที่อาศัยอยู่ในชล
อันนามนั้นจึงได้เรียกว่าสามหมอเขารู้ต่อมาแสดงแจ้งนุสนธิ
อนุตั้งสำนักไว้พักพลเมื่อจรดลมาเฝ้าอยู่อัตรา
ในเวิ้งเขาเป็นห้วยละหานหินกระแสสินธุ์ไหลรบกระทบผา
เป็นน้ำพุดุด้นชนศิลาออกฉานฉ่าซึมซาบลงอาบเย็น
เมื่อยามร้อนก็ค่อยผ่อนบรรเทาทุกข์วิเศษสุขกายาประสาเข็ญ
ด้วยคงคาไหลโลดโดดกระเด็นพี่แลเห็นคิดถึงคะนึงนวล
แม้นได้น้องมาประคองเป็นคู่คิดจะเชยชิดชื่นชมภิรมย์หวน
นี่เรียมเดียวว้าเหว่อยู่เรรวนแต่เปี่ยมป่วนปิ้มจิตจะจากกาย
แล้วเที่ยวชมภูผาชลาสินธุ์ไม่สุดสิ้นโศกเบาบรรเทาหาย
ทำยินดีปรีดาประสาชายแต่ดวงจิตหมองหมายอยู่มัวมนท์
ถึงกำหนดทัพหน้าก็คลาเคลื่อนละเลาะเลื่อนลับไม่ในไพรสณฑ์
ทั้งช้างม้าเกลื่อนกลุ้มชุมนุมพลทัพหลวงจรดลออกเดินจร
กำจัดจากที่พักสำนักเขาพี่ยิ่งเศร้าโศกถึงคะนึงสมร
แต่โหยหวนชวนคิดจิตอาวรณ์อยู่เหนือหลังกุญชรที่เดินทาง
เข้าบุกป่าฝ่าดงในพงชัฏล้วนไม่ไล่เลาะลัดลงล้มขวาง
แล้วเข้าในป่าระหงแลดงยางแลสล้างสูงเวลาดูแปล่าตา
วายุเวกพานพัดระบัดโบกเขยื้อนโยกร่มรุกขสาขา
ใบระบัดพัดระงมเมื่อลมพาเสนาะลั่นหิมวาวิเวกใจ
ก็ล่วงลุเข้าป่าพนาเวศอันพงเพศมีนามตามวิสัย
ชื่อบ้านเต่าเสาสล้างอยู่กลางไพรพระสุริย์ใสอ่อนสีลงสายัณก์
ก็แรมพลหยุดพักสำนักบ้านให้เตรียมการพร้อมพวกพลขันธ์
ทุกหมวดหมู่ตรวจเกณฑ์ตระเวนกันเขม้นมั่นอยู่ด้วยราชไพรี
ครั้นรุ่งยกโยธาออกคลาเคลื่อนเข้าทางเถื่อนตามแถวแนววิถี
ถึงฟากฝั่งชลธาร์วารีประเทศที่ลำเขินสะอาดชล
กระสินธิ์เชี่ยวเลี้ยวไหลอยู่โครมครื้นจะคิดคืนหลีกลัดก็ขัดสน
แสนลำบากยากใจกับไพร่พลเป็นจำจนแล้วก็ลงในคงคา
ด้วยเดชะบารมีเป็นที่ตั้งก็ล่วงลุถึงฝั่งดังปรารถนา
อันเงือกงูกุมภีล์ไม่บีฑาทั้งสินธพไอยราไม่อันตราย
ครั้นถึงฝั่งแล้วก็ตั้งพยุหบาตรยุรยาตรไปตามกำหนดหมาย
พอเวลาสายัณห์ตะวันชายก็ถึงค่ายกองหน้าสำนักแรม
ทำรั้วอ้อมเรือนปิดไว้มิดรอบด้วยเขตขอบบ้านปอนั้นล่อแหลม
ไอ้ลาวเที่ยวเล็ดลอดมาสอดแนมด้วยย่านบ้านแซกแซมกันเนื่องไป
เสด็จถึงพลับพลาในค่ายล้อมสะพรั่งพร้อมโยธามาไสว
เข้าหน้าที่นั่งทางไม่วางใจทั้งนายไพร่ก็ระมัดระวังตน
             

ให้เสือป่าแมวเซานั้นเล็ดลอดเที่ยวเสาะสอดไประวังฟังนุสนธิ์
ถ้าพบลาวมาแสดงแจ้งยุบลเกณฑ์คนไว้จะจับมาแจ้งความ
แล้วตรัสสั่งทัพหน้าพม่ามอญกองโคราชรีบจรไปทั้งสาม
พอแลลับทัพหลวงก็ล่วงตามอันฤกษ์ยามเทพช่วยอำนวยพร
พลรบบันเทิงสำเริงรื่นดูชุ่มชื่นมิได้ท้อระย่อหย่อน
ล้วนอาวุธกุมจับอยู่กับกรจะคอยรอนรับราชไพรี
บ้างกรายหอกแกว่งดาบแล้วรำง้าวทั้งปืนน้าวหน่วงนกไม่นึกหนี
ขยับท่วงทีท่าจะราวีกำเริบเริงฤทธีทุกตัวคน
คเชนทร์รนร้องม้าคะนองเผ่นปะเตะเต้นกลอกกลับอยู่สับสน
พื้นอากาศผาดผ่องในอัมพลโพยมบนหมดเมฆไม่ราคี
ธงทิวปลิวไสวใบสะบัดวายุพัดสวนส่งตรงวิถี
สดับเสียงเบื้องบนเหมือนดนตรีประโคมขับอึงมี่แล้วตามมา
ทัพเดียวเด่นโดดไปกลางชัฎละเลาะลัดลับไม้ที่ใบหนา
ดาดาษกลาดกลางอรัญวาพงกโยธาโห่ร้องอยู่ก้องไพร
ก็ล่วงลุภูเวียงวงสิงขรพี่อาวรณ์พิศวงให้หลงใหล
ดูละหานธารถ้ำอันอำไพที่วงในบ้านเคียงอยู่เรียงราย
มีทางเดินแห่งเดียวที่ผาขาดดุจเขาคันธมาทน์อันเฉิดฉาย
ข้างรอบนอกพื้นผาศิลารายเป็นที่หมายของอนุสำนักพล
ตั้งพลับพลาไว้ที่หน้าเนินสิงขรสำนักนอนเมื่อดำเนินออกเดินหน
แล้วพานวลนางอนงค์ลงสรงชลเก็บอุบลบุษบาในวารี
แล้วแล่นไล่โคถึกมฤคมาศเที่ยวประพาสนกไม้ในไพรศรี
สำราญใจไพร่พลมนตรีแล้วจรลีแรมร้อนเที่ยวนอนไพร
พอทัพถึงสิงขรเป็นที่ขันก็ตั้งมั่นมุ่งหาที่อาศัย
โปรดให้กองพระเสนานั้นคลาไคลขยับไปตั้งรับอยู่ลำพอง
พอกองโจรสามร้อยมาคอยทัพครั้นได้ทีก็ขยับผันผยอง
เข้านั่งอิงพิงผานัยน์ตามองพอได้ช่องยิงปืนระดมดัง
แล้วโห่ร้องก้องกึกโกญจนาทออกชักปีกพันพาดตลบหลัง
ไทยมอญพม่าละล้าละลังไม่คิดหวังว่าศึกจะโจมตี
บ้างก็ถูกปืนล้มลงกลาดกลิ้งบ้างก็วิ่งซมซานทะยานหนี
บ้างไม่ย่อท้อเข้าต่อตีคลุกคลีไทยลาวตะลุมบอน
พระเสนาเสียกระบวนก็ซวนหนีเข้าชิงที่ชัยภูมิเอาสิงขร
ครั้นตั้งได้ไล่ทหารเข้าราญรอนพม่ามอญตีลัดขึ้นตัดทาง
พวกทัพลาวเหลือทนจะถอยหนีเห็นโยธีเข้าตัดก็ขัดขวาง
แต่ศึกกลุ้มหุ้มไว้อยู่ในกลางกระหนาบข้างเข่นฆ่าเข้าราวี
ลงล้มกลาดดาษดิ้นสิ้นชีวิตทุกคนคิดแยกย้ายกระจายหนี
เที่ยวซุกซนด้นป่าพนาลีจะเอาแต่ชีวีให้คงคืน
ขุนณรงค์องอาจเอกทหารก็ขับอาชาชาญเข้าฝ่าฝืน
ไล่ถาโถมโจมจับไม่กลับคืนจนดึกดื่นลุถึงกึ่งราตรี
เสด็จยกพลตามพวกทัพหน้าเที่ยวบุกชัฎลัดป่าพนาศรี
จนพ้นดงพงชัฎถึงนัทีชื่อลำพองวารีเป็นวังวน
ประกอบด้วยเงือกงูอันแรงร้ายกุมภีล์พาลพล่านว่ายอยู่สับสน
ลงข้ามพลม้าช้างมากลางชลไม่เห็นหนด้วยเป็นยามสนธยา
เที่ยวหลีกไม้ไล่โดนแต่จระเข้จนซวนเซพลาดพล้ำถลำผา
บ้างหกล้มจมลงในคงคาขึ้นคว้าหาฝั่งฟากชลธี
ไปตามรอยบทจรทัพหน้าไล่บุกหารอยเท้าไอ้ลาวหนี
เที่ยวแคะค้นมรรคาในราตรีจนสุดแรงพาชีและไอยรา
บรรลุบ้านนามกะตุดชางแปนโอ้ว่าแสนสุดยากสหัสสา
จนสิ้นแรงหิวโหยลงโรยราเข้าตากต่างโภชนาทุกคืนวัน
ประทับริมอาวาสในหิมเวศตามสังเกตบึงใหญ่ในไพรสัณฑ์
ก็พบพวกกองหน้าเข้ามาทันอภิวันท์หมอบเมียงอยู่เรียงราย
ขุนณรงค์โจมจับเอาลาวได้โปรดให้ไล่คำให้การอ่านถวาย
ครั้นทราบเสร็จทรงเห็นเป็นอุบายจึงสั่งนายขุนณรงค์ให้รีบจร
คอยจับลาวที่จะลงมาจุดบ้านจะชิงขนอาหารเข้าสิงขร
แต่ทัพใหญ่หยุดพักสำนักนอนคอยนิกรล้าหลังในดงดาน
พี่สุดแสนชอกช้ำระกำจิตเหมือนเวรก่อต่อติดมาตามผลาญ
ลำบากตนสุดทนที่ทรมานทั้งอาหารอดอยากลำบากกาย
เมื่อยามนอนนอนเหนือใบไม้ลาดเมื่อยามกินเคลื่อนคลาดเวลาหมาย
จะกินน้ำก็แต่ตมขมระคายล้วนกลิ่นอายสาบสางทั้งช้างคน
อันความเข็ญไหนจะเห็นในอกพี่ด้วยลับลี้อยู่ในป่าพนาสณฑ์
จึงจดหมายมาให้แจ้งแห่งยุบลซึ่งเหตุผลทุกข์ยากลำบากใจ
ถึงกระนั้นก็ไม่วายคะนึงน้องที่ห่างห้องห่วงคิดพิสมัย
อันศึกนอกก็ไม่นึกเท่าศึกในพี่เตรียมใจตรมจิตทุกราตรี
ครั้นอรุณเรื่อรุ่งจำรัสฟ้ากระจ่างหล้าเหล่าไม้ในไพรศรี
ช้างประทับรับเสด็จจรลีตามวิถีแถวในไพรพนม
พี่เก็บพรรณพฤกษาผลาหารอันเปรี้ยวหวานลางชาติก็ฝาดขม
ทั้งหว้าหวายพลับพลองของนิยมและม่วงปรางซางซมตะคร้อครอง
หมากพอกผลซามสุกอยู่ดื่นดาษอันรสชาติหวานดีไม่มีสอง
ลูกขวิดขวาดดาษดกลงตกกองทั้งแห้วหาดตาดต้องมะเฟืองไฟ
พวาหวานยามยากอร่อยรสเมื่อคราวอดโอชาจะหาไหน
เที่ยวเลือกเก็บสิ่งของที่ต้องใจอันมีในหิมวันต์อรัญญา
ถึงบ้านโพธิ์ภูมิฐานเป็นลานเลี่ยนอยู่กลางเตียนบ้านติดกันแน่นหนา
พวกนิกรจรลงในคงคาสำราญร่มรุกขาอยู่ริมชล
พระที่นั่งเลยทางไปกลางชัฎถึงบ้านลาดมีวัดอยู่กลางหน
พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยนก็ตรวจพลหยุดพักพวกโยธี
ริมชายเชิงภูเก้าโดยกำหนดซึ่งบรรพตอยู่กระหนาบแนววิถี
ทั้งเก้ายอดเยี่ยมเมฆเมฆีสถานที่โล่งเลี่ยนเตียนสบาย
ล้วนบ้านลาวเรียงรันเป็นหลั่นสลับอเนกนับจะกำหนดนั้นเหลือหลาย
เห็นกองทัพวุ่นวิ่งทั้งหญิงชายแตกกระจายขึ้นบนยอดคิรี
บ้างก็แอบเล็ดลอดมาสอดมองพอได้ช่องปืนยิงแล้ววิ่งหนี
พวกไทยหลบลุกได้เข้าไล่ตีไอ้ลาวหนีซ่อนตัวด้วยกลัวตาย
ต่างคนไม่ประมาททั้งกองทัพนายและไพร่มิได้หลับสิ้นทั้งหลาย
อันอาวุธม้าช้างไม่ห่างกายเขม้นหมายคอยศึกจะโจมตี
ครั้นส่างแสงหิรัญสุวรรณเรื่อคณาเนื้อนกก้องในไพรศรี
พอพ้นยามสนธยาและราตรีค่อยยินดีบางเบาบรรเทาใจ
ตั้งกระบวนจัตุรงค์แล้วทรงช้างขยายย่างจากท่าที่อาศัย
ละเลาะเลียบแนวเขาลำเนาไพรเห็นแสงไฟเรืองรอบมรรคา
ไอ้ลาวแอบเอาไฟเข้าใส่ยุ้งแล้วรบพุ่งโหมหักกันหนักหนา
ขุนณรงค์ลงจับได้ตัวมาพิฆาตฆ่าล้มตายลงหลายคน
ที่บ้านพร้าวต่อแดนบ้านแสนตอไม่เหลือหลอเสียเข้าไม่ทันขน
พวกกองทัพทุกข์ทั่วทุกตัวคนเห็นขัดสนด้วยเสบียงนั้นบางเบา
ก็รีบจรมิได้หย่อนลงหยุดพักเข้าโหมหักชิงเข้าที่ลาวเผา
ไปติดตามรบรุกทุกลำเนาก็ชิงเอาเสบียงได้ครามครัน
สดับข่าวลาวมาตั้งสู้ที่หนองบัวลำภูเป็นค่ายขัน
ทำทิมั่นกั้นทางไปเวียงจันท์ทั้งแปดพันคอยท่าจะราวี
ระยะทางนั้นห่างสักร้อยเศษพอร้อนแรงสุริเยศจำรัสศรี
ถึงบ้านพร้าวเหล่าสถานสะอ้านดีก็พักพวกโยธีเข้าพร้อมกัน
ชุมนุมทัพจับจัดเป็นกองหน้าทั้งปีกซ้ายปีกขวาและกองขัน
พวกสามหอกเจ็ดหอกก็ออกพลันพวกรามัญเดินหน้าพม่าตาม
ครั้นได้ฤกษ์เลิกทศโยธีเสียงดนตรีกึกก้องท้องสนาม
เพชรฤกษ์รณรงค์ในสงครามมห้ข่มนามแล้วเสด็จออกยาตรา
จรจากถิ่นที่ประทับร้อนบทจรตามทางระวางผา
เขม้นเมิลเดินโดยมรคาต่างกำยำกายาทุกตัวคน
บ้างทรงเครื่องโพกผ้าตะแบงมานบ้างกินยาทาว่านอยู่สับสน
บ้างปลุกฤทธิสิทธิเดชพระเวทมนตร์สำเริงรณอิทธิฤทธิเรืองแรง
พวกรามัญปลุกเสือสักที่ขาพวกพม่าปลุกแมวสักที่แข้ง
เอามือปบตบตีให้มีแรงทำตาแดงดิบโดดโลดทะลวง
แขกตานีเสกน้ำซะระบัดแล้วเป่าปัดเวทมนตร์ข้างตวนหลวง
เช็ดหน้าโพกนุ่งผ้าตาเป็นดวงถือหอกควงเดินเคียงกันดูดี
ก็ลุถึงทางท่าชลาสินธุ์ที่แถวถิ่นลำพะเนียงพนาศรี
พร้อมนิกรโยธาฝั่งวารีตั้งกระบวนนาคีลงข้ามชล
ให้ข้ามกลางหางเศียรอยู่ภายหลังคอยระวังต้นทางที่กลางหน
ครั้นถึงพร้อมขึ้นบกแล้วยกพลล่วงตำบลหนองบัวเข้าโดยจง
เห็นบ้านจิกเรียงรายอยู่ชายหนองเขม้นมองดูก็น่าพิศวง
ถ้ากองลาวมาซุ่มที่พุ่มพงเข้าแวดวงตัดทัพก็เสียที
ให้กองหน้าดากันไปเที่ยวค้นไม่พบคนครอบครัวก็กลัวหนี
ทิ้งสถานบ้านถิ่นไม่ยินดีเที่ยวหลบลี้ซุกซ่อนใปดอนดง
แล้วยกเลยล่วงพ้นตำบลบ้านระยะย่านชายไม้ไพรระหง
ค่อยเลี้ยวเลียบแนวหนองบุษบงในจิตจงมาดมุ่งกับไพรี
ถึงพลับพลาอาศัยอนุพักที่สำนักนอนทางกลางวิถี
ก็ยลเขตค่ายลาวนั้นยาวรีชัยภูมิวาสุกรีอันเรี่ยวแรง
ทั้งกว้างยาวราวสามสิบเส้นเศษมีคูเขตรั้วขวากล้วนเข้มแข็ง
ตั้งประชิดติดกันคั่นกำแพงเสาไม้แดงร้อยเอ็นดูอาจอง
สนามเพลาะช่องปืนตลอดป้อมมีลับล้อมหอรบสูงระหง
ดูท่วงทีอาจหาญชาญณรงค์ในแว่นวงขอบเขตที่คามา
แต่ครอบครัวต้อนออกไว้นอกค่ายเที่ยวปีนป่ายขึ้นไปเดินบนเนินผา
พวกกองทัพลอบลัดไปทัศนาจนลิบตาแลลับบนคิรี
แต่กำลังตั้งรออยู่คอยรับขึ้นหอรบรายตับไว้ตามที่
เขม้นมองคอยท่าจะยายีทำลอบลี้ซ่อนเร้นไม่เห็นพล
พวกไทยถึงพร้อมเข้าล้อมค่ายไปตามชายทิวป่าพนาสณฑ์
เหล่านายร้อยเร่งรัดกำจัดพลให้รุกร้นต้อนตามกันเติมมา
เร่งเกณฑ์กันล้อมค่ายได้สองด้านก็สุดสิ้นทหารที่อาสา
ด้วยค่ายลาวยาวใหญ่มหึมาเหลือกำลังโยธาจะอ้อมวง
จึงรอรั้งโปรดสั่งทหารกล้าออกขี่ม้าสื่อสาส์นตามประสงค์
ให้แม่ทัพมาประณตบทบงสุ์จอมณรงค์สองเสด็จดำเนินมา
พระยานรินทร์กลับกลอกแล้วบอกเบือนทำพูดเชือนว่ายังชวนกันปรึกษา
แล้วเสแสร้งแกล้งแต่งเป็นสาราทิ้งออกมาว่าจะขอเป็นไมตรี
พวกทัพไทยหลงคิดจิตประวิงด้วยลาวยิงสัญญาเข้าหน้าที่
บ้างโห่ร้องก้องป่าพนาลีได้ท่วงทีสาดปืนเป็นโกลา
จนควันกลุ้มพุ่มพงดงสิงขรบนอัมพรมัวมืดพระเวหา
ที่ค่ายลาวเลื่อนลับไปกับตาด้วยธุมามืดคลุ้มอรุ่มมัว
พวกกองไทยถอยหลังมาตั้งมั่นก็เกณฑ์กันเร่งล้อมเข้าพร้อมทั่ว
บ้างขุดดินขึ้นตั้งลงบังตัวไม่ย่นย่อท้อกลัวแก่ไพรี
ทุกหมวดกองเกณฑ์กันเข้าทุกด้านเหล่าทหารแผลงฤทธิไม่คิดหนี
ทั้งปืนใหญ่น้อยยิงเป็นสิงคลีถ้อยทีรบรอเข้าต่อยุทธ์
ลาวไล่ไทยหนีเป็นทีท่าลาวล่าไทยไล่อุตลุด
พุ่งซัดศัสตราแลอาวุธสัประยุทธ์ไม่ย่อท้อกัน
เสียงไพร่พลดนตรีออกมี่ก้องปี่พาทย์ฆ้องกราวเชิดดูเฉิดฉัน
กลองแขกตีเปลี่ยนแปลงเมื่อแทงกันบันลือลั่นกึกก้องทั้งหิมวา
ดูแสงปืนไทยลาวนั้นวาบวับดังหิ่งห้อยย้อยจับบนพฤกษา
ก้องสำเนียงเสียงโห่เป็นโกลาดุจฟ้าฟาดสายทำลายลง
มืดคลุ้มกลุ้มควันทั้งวันเวศในขอบเขตหิมวาป่าระหง
โพยมพยับอับแสงพระสุริยงจนลดลงลับเหลี่ยมยุคุนธร
พระยาเกียรติ์รามัญประมาทศึกเข้าโหมฮึกแทงค่ายทลายถอน
ก็ต้องปืนนกสับลงพับนอนพระยามอญอาสัญในทันตา
ปลัดกองถาโถมเข้าโจมอุ้มอ้ายลาวซุ่มยิงซ้ำเข้าอังสา
ทั้งสองนายวายชีพชีวาอ้ายลาวร่าเริงร้องลำพองใจ
พลรบต่างต้องศัสตราวุธบริสุทธิสามารถไม่หวาดไหว
เข้ายิงแทงลาวตายกระจายไปโลหิตไหลแดงดาษปัฐพี
เมื่อเริ่มรบกันแต่บ่ายจนรุ่งเช้าพวกกองลาวเหลือฤทธิ์ก็คิดหนี
กระโดดค่ายป่ายปีนขึ้นคิรีพม่ามอญต้อนหนีกระหนาบไป
บ้างถูกปืนถูกหอกระยำยับไทยเข้าโถมโจมจับเอาตัวได้
ใส่ตะโหงกผูกมัดมาบัดใจเข้าส่งให้ตำรวจใส่ตะราง
แต่ตัวนายโยธาพระยานรินทร์ครั้นพลไพร่ไปสิ้นก็ขัดขวาง
ขึ้นขี่ขับนางม้าเป็นท่าทางออกวิ่งวางจะไปขึ้นบนคิรี
กองพระยากลาโหมเข้าโจมจับพวกกองทัพติดพันไม่ทันหนี
ก็ตกม้าลงไปขัดอยู่ปัฐพีพวกโยธีกลุ้มกลัดเข้ามัดมา
ถึงถวายบังคมพระบรมบาทจอมณรงค์ปรงประภาษที่ปรึกษา
ให้ซักถามตามยุบลแต่ต้นมาได้กิจจาแจ้งจริงทุกสิ่งอัน
ว่าอนุให้สุริยะหลานมาตั้งด่านเข้าสารเป็นที่มั่น
พลรบสองหมื่นหกพันทำเขื่อนค่ายยับยันกับคิรี
ตั้งบิลันกันทางไว้หว่างเขาให้ขนเอาศิลาขึ้นหน้าที่
คอยจะทุ่มทิ้งทับให้ยับยีกันวิถีไว้ที่กลางหนทางจร
ตูข้อยน้อยเห็นว่าเหลือกำลังนักจะหันหักขึ้นข้ามบนสิงขร
จะสิ้นเสียโยธาพลากรจงผันผ่อนทรงคิดให้จงดี
อันเวียงจันท์ล้วนแต่คันภูเขาล้อมจำเพาะจรขึ้นจอมคิรีศรี
อันทางราบที่จะไปนั้นไม่มีช่องวิถีแสนสุดกันดารเดิน
ที่ทางไปหนองหานด่านสนมนั้นเชียงสามาระดมบนเขาเขิน
ทำค่ายขั้นกั้นทางไว้กลางเนินพลประมาณหมื่นเกินสักสามพัน
ไม่ใกล้ไกลไปจากช่องเข้าสารระยะย่ายสามคืนที่เดินขยัน
ข้างช่องซ้ายมรคาอีกห้าวันชื่อด่านนั้นคำกีลงเป็นทางจร
ราชวงศ์ยกลงไปรักษาคัดศิลาทับทางวางสลอน
ทหารหมื่นหกพันกันนครประจำนอนอยู่บนเนินคิรีวัน
แต่นั้นไปนับได้สิบเอ็ดหลับถึงด่านซ้ายเขาคับเป็นด่านขัน
พวกเชียงใต้รักษาอยู่ห้าพันหนทางนั้นดงชัฏที่ลัดลง
จะเดินอ้อมเขาไปนั้นไกลนักไม่รู้จักเดินเคยก็เลยหลง
ช่องเข้าสารด่านนี้เป็นที่ตรงแต่มั่นคงด้วยพยุหโยธี
แล้วเจ้าเวียงแจงจัดดำรัสไว้ว่าทัพไทยตีด่านเราซานหนี
จะโจนของล่องลงในนัทีให้สุดสิ้นชีวีในคงคา
แม้นพระองค์ทรงตีเอาด่านได้แล้วเสด็จไปชมเวียงให้สุขา
ไม่ลำบากยากใจแก่โยธาตามแต่จะปรารถนาทุกสิ่งอัน
แต่กองทัพพระเสด็จดำเนินมาพวกโยธาเรืองแรงล้วนแข็งขัน
ทั้งหน้าหนุนพร้อมเสร็จสักเจ็ดพันข้อยหวาดหวั่นเห็นน้อยจะเหลือแรง
อันเวียงจันท์ไพร่พลเอนกนับทั้งกองแก้วเข้ากำกับก็เข้มแข็ง
ทั้งลาวญวนพุงดำซ้ำเป็นแรงแล้วจัดแจงสามารถด้วยศาสตรา
อันทางขึ้นด่านเขาก็แคบคับเห็นสุดฤทธิจะรับด้วยตรอกผา
เขาตั้งตับคอยยิงกลิ้งศิลาทั้งน้ำท่าที่นั้นก็กันดาร
ขอยกไว้ในเสด็จในศึกอื่นสักสิบหมื่นก็ไม่ตีเขาแตกฉาน
นี่แล้วแต่พระบรมสมภารก็สิ้นคำให้การลงทันใด
ทรงดำรัสตรัสถามตามสุนทรศรีรัตรกรบังคมไหว้
ลิขิตคำให้การแล้วอ่านไปไม่สงสัยทราบสิ้นทุกสิ่งอัน
แล้วทรงคิดที่จะยกเข้าตีด่านจะสิ้นเสียพลทหารเป็นแม่นมั่น
จะตั้งรอไว้พองามสักสามพันที่หนึ่งนั้นมีน้ำในลำธาร
เป็นบ้านร้างทางลงมาจากเขานามลำเนาส้มป่อยเป็นถิ่นฐาน
ทรงดำริแล้วดำรัสให้จัดการแต่งทหารทัพไทยพะม่ามอญ
ทั้งสามนายรีบยกไปตั้งมั่นชักปีกกาถึงกันอย่าย่อหย่อน
พวกไทยมอญพะม่าสถาวรประณมกรกราบถวายบังคมลา
พอได้ฤกษ์รีบยกตามรับสั่งคอยระวังทัพลาวบนเนินผา
ถึงตั้งค่ายรายลงริมคงคาชักปีกกาปิดน้ำในลำธาร
กองตระเวณเหณฑ์ลาวได้ข่าวทัพออกรบรับกั้นที่ริมห้วยละหาน
ครั้นแตกหนีขึ้นไปแจ้งแสดงการกับนายด่านแม่ทัพบนคิรี
อ้ายสุริยาอ้ายสุโพอ้าบหงวนคำเห็นได้ทีหมายทำให้ป่นปี้
คิดจะยกโยธาไปฆ่าตีจะฟันแทงดลที่ไม่ทั่วกัน
             

เราจัดแจงกันให้พร้อมไปล้อมไว้จะจับไทยเล่นให้สุขเกษมสันต์
มัดแขนศอกเอามาเบิ่งหน้ามันแล้วส่งเมื้อเวียงจันท์ให้เจ้าเรา
ครั้นปรึกษาปรารภกันเสร็จสรรพก็ยกทัพเปิดทางลงหว่างเขา
ล้วนธงทิวพู่หอกเป็นดอกเลาทั้งม้าช้างย่างเหย่าเร่งเร็วมา
สุริยะแม่ทัพขึ้นเสลี่ยงสองข้างเคียงดาบกรายทั้งซ้ายขวา
อ้ายหงวนคำหนุนทัพสลับมาอ้ายสุโพทัพหน้าก็รีบจร
ไอยราห้าร้อยล้วนสับสนกระหึ่มมันกล้าชนไม่ย่นหย่อน
ตระหง่านเงื้อมภูผาเห็นงางอนล้วนผูกเขนอาภรณ์สง่างาม
เอาหอกซัดมัดปักไว้สองข้างคนกลางถือปืนยืนสนาม
คนคอของ้าวดูวาววามคนท้ายสายทามกระวินตี
พวกทัพม้าดาดาษออกกลาดป่าทั้งเบาะอานพานหน้าสลับสี
ปักหางมยุราเป็นท่าทีทหารขี่ควบขันกันเร็วมา
พวกทัพพลเดินเท้าราวกับมดทั้งดงแดนแน่นหมดออกมืดป่า
สรรพไปด้วยอาวุธอันนานามีเชือกยาวราววาทุกตัวคน
พอทัพหน้าถึงค่ายเข้ารายล้อมพวกทัพหลวงหุ้มห้อมเข้าสับสน
ออกถอนขวาดถอนหนามคำรามรณตั้งประจญประชิดเข้าติดพัน
พวกกองหลังตั้งติดปีกกาในเข้าชิงหนองน้ำไทยลงตั้งมั่น
ทั้งช้างมาดาล้อมอยู่พร้อมกันเป็นสามชั้นมิได้ว่างออกเคลื่อนคลาย
ทั้งไทยมอญพะม่าออกมารับเห็นศึกหุ้มทุ่มทับระส่ำระสาย
ทั้งเสียงคลองหนองน้ำจะซ้ำตายให้ระหายหิวโหยอยู่โรยแรง
เสียงไทยโห่มอญเห่พะม่าฮือสดับดังอู้อื้อด้วยคอแห้ง
พวกศึกลาวมีใจยิ่งได้แรงเร่งเข้าแย่งค่ายให้ยับจะจับคน
ทั้งไทยมอญพะม่าไม่ล่าถอยก็ยิงปืนใหญ่น้อยดังห่าฝน
บ้างล้มลุกคลุกคลานไม่ทานทนทั้งญวนวิ่งลาววนอยู่วุ่นวาย
บ้างแขนหักขาขาดลงกลาดกลิ้งบ้างล้มพิงพาดขอนลงนอนหงาย
บ้างถูกไม่สำคัญไม่ทันตายก็กระจายวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี
เข้าโหมแหกสามหนก็ย่นยับจนรอบค่ายตายทับกันแต่ผี
ก็ตั้งมั่นประชิดเข้าติดตีทุกหน้าที่ล้อมปิดไว้มิดไทย
ทั้งเสียงพลเสียงปืนออกครื้นครั่นหมวันต์กัมปนาทหวาดไหว
ม้าเร็วรีบขับด้วยฉับไวเอาเหตุไปทูลฉลองที่หนองบัว
ครั้นทรงทราบเสร็จสั่งให้เกณฑ์ทัพเร่งจัดจับเข้ากระบวนให้ถ้วนทั่ว
ที่หาบคอนซ่อนไว้ไปแต่ตัวจนสุดสิ้นหนองบัวเร่งบอกกัน
ทรงจัดไว้ให้อยู่สักสามร้อยขึ้นหอคอยเฝ้าค่ายอย่าผายผัน
ระวังลาวอย่าให้ลัดมาตัดทันจงจัดกันลาดตระเวนทุกเวลา
พระยาพิชัยราชาเป็นแม่กองให้ตรึกตรองพิทักษ์อยู่รักษา
ครั้นสั่งเสร็จแล้วเสด็จยาตราสถิตหลังไอยราที่นั่งทรง
ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องกลองสนั่นบันลือลั่นหิมวาป่าระหง
ท่าตาเกศเวทดีก็คลี่ธงจมณรงค์ยาตราพลากร
ออกชายทุ่งมุ่งป่าพนาเวศตามสังเกตทิวทางหว่างสิงขร
ก็ผ่านพบคนควบอัสดรนำศุภสุนทรมาทูลความ
ว่าทัพหน้าลาวล้อมไว้แน่นนักเข้าแหกหักถ้วนครบคำรบสาม
เห็นทัพหลวงหน่างช้าให้มาตามอันสงครามครั้งนี้เห็นสุดแรง
ในวันนี้ทัพช่วยไม่ถึงทันเห็นไม่ถึงสุริยันจะยอแสง
ทั้งข้าวน้ำไม่ได้กินก็สิ้นแรงจะคุมแข็งอยู่สักกึ่งทิวาวัน
ครั้นทราบเสร็จทรงเร่งไอยราให้บุกชัฏลัดป่าพนาสัณฑ์
หมู่พหลพลไกรไปไม่ทันก็คลาดกันหมวดกองกระจัดจาย
ที่เดินจัดตัดตามเสด็จทันไม่แข็งขันเมื่อยล้านั้นเหลือหลาย
เสียกระบวนป่วนแยกกันแพรกพรายด้วยทรงหมายว่าจะช่วยให้ทันที
ครั้นใกล้ค่ายพบลาวอยู่ราวป่าให้ฟันฝ่าเข้ากลางหว่างวิถี
ดำรัสเร่งโยธาเข้ายายีกระโจมตีเบิกทางเข้ากลางพล
พวกทัพลาวกลัดกลุ้มเข้าหุ้มไว้เร่งล้อมไทยตัดทางไว้กลางหน
บ้างไสช้างวางม้าเข้าผ่าพลอ้ายช้างเข็นแทงคนไม่ขามงา
ทหารขี่ตีท้ายแล้วปรายหอกทั้งในนอกกลุ้มกลัดสหัสสา
จอมณรงค์ทรงยืนพื้นสุธาคอยเลี่ยงหลีกหลบงาที่ร่มรัง
จัตุรงค์ร้อยเศษที่ตามไปทั้งนายไพร่มิได้ท้อจะถอยหลัง
เห็นงาช้างเสยสอยคอยระวังบ้างหลบบ้างเบนแทงทแยงยิง
ทั้งคนช้างต่างต้องศัสตราวุธอุตลุดวุ่นวายกระจายวิ่ง
บ้างซานซมล้มกลาดลงพาดพิงบ้างตายกลิ้งเกลื่อนกลุ้มประชุมกัน
ทั้งแปดทิศมิดมืดแต่คนช้างจะเรื่อรางก็แต่ช่องปล่องสวรรค์
พวกกองไทยถาโถมเข้าโจมฟันพวกลาวรับขับกันเข้าต่อตี
ดูกองไทยดุจไกรสรราชอันองอาจมิได้ท้อจะถอยหนี
เข้าฝ่าฝูงเถื่อนถึกมฤกคีดูท่าทีเผ่นโผนโจนทะยาน
บ้างหลีกหลบรบรับคอยกลับกลอกทั้งดาบหอกฟาดฟันกันฉาดฉาน
บ้างโจนแทงแฝงฟันประจัญบานบ้างรุกราญหลีกไล่กันในที
ทัพพระยาล่าหลงในดงชัฏเร่งตามตัดมรรคาพนาศรี
เห็นลาวล้อมจอมณรงค์ในพงพีได้ท่วงทีถาโถมเข้าโจมฟัน
ตลบหลังตั้งหน้าประดารบตีกระทบลาวป่วนอยู่หวนหัน
ไม่ทานทนย่นแยกออกแตกกันกระโดดดันแหกหักเข้าพงพี
ไปกลัดกลุ้มรุมแหกเอาค่ายหน้ามอญพม่าพร้อมจิตไม่คิดหนี
ออกฟันแทงแย้งยิงเป็นสิงคลีด้วยยินดีว่าเสด็จไปถึงทัน
แล้วทรงจัดคงคากระยาหารพระราชทานกองทัพล้วนสรรพสรรพ์
ยิ่งเข้มแข็งแรงฤทธิเข้าติดพันเพราะหมายมั่นทัพช่วยกระหนาบมา
พวกกองลาวเหลือฤทธิจะคิดแหกก็ย้ายแยกกองซ้ายและฝ่ายขวา
เอาทัพช้างกางซีกเป็นปีกกาจะห้อมหุ้มโยธาทั้งทัพไทย
ก็ทรงสั่งปีกซ้ายทนายขวาให้กางทานต้านหน้าอย่าหวั่นไหว
ทหารม้าพาพลลำพองใจเข้าลุยไล่ฟาดฟันประจัญบาน
ลาวรับไทยรุกเข้าบุกรบลาวหลบไทยไล่ด้วยใจหาญ
ลาวยิงไทยวิ่งเข้ารอนราญลาวแตกแซกซ่านเข้าพงพี
ข้างปีกซ้ายลาวตายลงซับซ้อนขยาดหย่อนเสียเชิงกระเจิงหนี
แล้วเนื่องหนุนโยธามาราวีเข้าต่อตีตัดทางออกกลางแปลง
ทัพไทยได้ชัยไม่ยั้งหยุดรีบรุดเข้าหักด้วยกำแหง
เป็นควันกลุ้มเมฆาในป่าแดงไม่แจ่มแจ้งมัวมืดเป็นเมฆี
ล้วนโลหิตติดไม้ลงไหลกองออกเนืองนองแดงดาษปัฐวี
อาศพกลาดดาษดงในพงพีบ้างทับยีเหยียบย่ำกันรอนราญ
ต้นเต็งรังพังล้มระดมดาษก็โค่นขาดราบรื่นด้วยปืนผลาญ
ละโล่งเลี่ยนเตียนพงในดงดานทุกห้วยธารโทรมทรุดชำรุดพัง
ศึกส้มป่อยฟั่นเฝือเหลือกำหนดจะจำจดสุดเล่ห์คะเนหวัง
แต่ฟันฝ่าอาวุธสุดกำลังเป็นศึกสั่งเวียงสิ้นฝีมือลาว
เฝ้ารบรับสัประยุทธ์จนสุดฤทธิเมื่อขุกคิดกัมปนาทอนาถหนาว
ด้วยข้องขัดลูกดินนั้นสิ้นคราวเอาหอกง้าวดาบดั้งเข้าราวี
ทั้งสองคืนสองวันประจันรบจนจวนพลบไทยแหกก็แตกหนี
เตลิดด่านซานขึ้นบนคิรีบ้างวิ่งเข้าพงพีกระจัดกระจาย
อนุแจ้งเหตุการณ์ว่าด่านเสียก็พาเมียจะไปสู่กระแสสาย
เสลี่ยงขาดพลาดล้มลงจมทรายนิมิตร้ายบอกเหตุมหัศจรรย์
ทั้งผ้าผ่อนล่อนลุ่ยไม่ติดตนก็เซ่อซนสิ้นสมประดีไม่มีขวัญ
ลงเกลือกกลิ้งนิ่งแน่อยู่แดยันอุระสั่นสิ้นทั้งวิญญา
เรียกอนงค์นุชน้องคำปล้องพี่ว่ามานี่มาเร็วพี่ร่ำหา
คำปล้องภู่คู่ใจครรไลคลาหวีดผวาเข้าประคองทั้งสองนาง
พยุงองค์ทรงยืนให้ยุรยาตรไปข้ามหาดลงท่านาวาขวาง
ให้เคืองแค้นคนหามไปตามทางสั่งให้ล้างคู่ท้ายเสียวายชนม์
แล้วเร่งรัดจัดทรัพย์สิ่งของทั้งเงินทองดื่นดาษไม่ขาดขน
ตำรวจรักษ์แจกปันทั้งพันคนสำหรับตนติดตามไปนาวา
กำหนดเงินคนละชั่งตั้งพิกัดบ้างซ้ำตัดทองเติมบ้างเพิ่มผ้า
บำรุงใจไปเป็นเพื่อนอาตมาครั้นเสร็จสั่งภริยายอดอนงค์
ทั้งสามร้อยน้อยแน่งนางสนิทที่ใช้ชิดคู่เชยเคยประสงค์
ว่าเวรกรรมจำเพาะมาเจาะจงจะจำจากเวียงวงนิเวศเรา
ผู้ใดมีวงศาคณาญาติเราให้ขาดเร่งมารับไปเถิดเจ้า
ที่นางไทยให้คืนถิ่นภูมิลำเนาไปตามเผ่าพงศ์ญาติที่กวาดมา
ทั้งเงินทองกองโกยเอากอบให้มากน้อยตามใจปรารถนา
ที่ไร้ญาติขาดมิตรไม่ติดมาเป็นกำพร้าเลือกไว้เอาไปตาม
ครั้นเสร็จสั่งวงศาประชาราษฎร์เร่งต้อนกวาดลงนาวาท่าสนาม
ที่ล้นเหลือไล่ส่งเข้าดงรามให้ยกตามทางบกเป็นหมวดกอง
ประมาณหมู่สัดจองที่ล่องตามสักพันลำลอยหลามแม่น้ำของ
ขอสำเร็จเสร็จสรรพทั้งเงินทองก็ทิ้งเมืองเลยล่องทางนัที
เมื่อศูนย์เสียเวียงจันท์นั้นเดือนหกเป็นปีกุนนพศกอนุหนี
ยกนิกรโยธาลงนาวีก็ตรงไปยังที่ท่าสีดา
ครั้นสงครามมีชัยได้ดังนึกพระจอมศึกทรงโสมนัสสา
ให้เตรียมตรวจหมวดหมู่พวกโยธาจะยกข้ามภูผาไปตามตี
ที่ป่วยไข้ให้คืนหนองอุบลรักษาตนตั้งทัพอยู่กับที่
แล้วหยุดยั้งรั้งแรมพวกโยธีอยู่เชิงชายคิรีริมคงคา
พี่แสนสุดชอกช้ำระกำกายดังจะวายวางชีพลงสังขาร์
แต่ทรมานอยู่บนอานอัศวราสามทิวามิได้เว้นสักโมงยาม
จนศึกไปได้ชัยชนะแล้วจึงเคลื่อนแคล้วจรดลพ้นสนาม
ก็ไม่วายหวาดพะวงในสงครามยังกริ่งเกรงว่าจะตามมาต่อตี
สู้อดกลั้นเวทนานั้นสาหัสถึงเจ็บขัดมาดหมายไม่หน่ายหนี
ขึ้นชื่อชายไม่เสียดายชีวีมีเมื่อถึงที่กองกรรมก็จำเป็น
แม้ยสุดฤทธิจิตพี่จะจากรักยุพาพักตร์จึงจะลับไม่แลเห็น
ถ้ากุศลช่วยชูให้อยู่เย็นไปปราบเข็ญแล้วคงพบประสบกัน
แล้วถอยทัพลงมารับอีกสองศึกอ้ายขอนแก่นโหมฮึกทำหุนหัน
เข้าล้อมค่ายหนองบัวอยู่พัวพันได้รบกันล่าหลบขึ้นคิรี
ก็ตรัสสั่งพระณรงคสงครามให้ยกเร่งรีบตามไอ้ลาวหนี
ไปทันทัพรบรับกันทันทีพวกไทยลาวตีแตกกระจายจร
ก็หยุดทัพกลับพวกจัตุรงค์ค่อยลัดลงตามทางข้างสิงขร
ถึงถวายบังคมประณมกรแสดงความตามที่รอนราญณรงค์
ครั้นศึกเสร็จแล้วเสด็จจรลีขึ้นข้ามด่านคิรีสูงระหง
ล้วนหินเลื่อมเหลืองพรายเป็นลายรงค์เงื้อมชะโงกโตรกตรงเป็นตรอกทาง
จำเพาะขึ้นจรดลได้คนเดียวจะเลี่ยงเลี้ยวหลีกลัดก็ขัดขวาง
พอช้างก้าวเท้าตรงให้ลงรางค่อยย้ายย่างคุกเท้าด้วยเข่าคลาน
เอางวงคว้าผากอดแล้วสอดท้าวค่อยโน้มน้าวหน่วงกิ่งพฤกษาสาร
จนสุดยอดยากแค้นแสนกันดารอันมีชื่อช่องเข้าสารเป็นเขื่อนเวียง
บนยอดเขาตั้งค่ายแล้วรายขวากต้องเดินบากเบี่ยงเท้าคอยก้าวเฉียง
ล้วนกองหินรอบค่ายอยู่รายเรียงค่อยลัดเลี่ยงเลี้ยวเลียบคิรีจร
ลงหลังเขาค่ายมีอีกสี่ด้านระยะย่านต่อตั้งทัพสิงขร
เห็นแถวทัพลาวทำประจำนอนจนเต็มดอนพิศดูน่าอัศจรรย์
เห็นแต่ค่ายผู้คนเที่ยวซนหนีเพราะเสียทีแตกทัพอันคับขัน
จะรอรับกลับตัวกลัวไม่ทันเตลิดเลยเวียงจันท์กระจัดจาย
ดูคิรีที่ขันดังเขื่อนเพชรน่าขามเข็ดคิดไปก็ใจหาย
ไม่ควรทิ้งนัคราน่าเสียดายด่านทลายศึกจะเลยเข้าเกยวัง
หัวจุกลาวคราวนี้เป็นที่มาดจะแคล้วคลาดมือไทยอย่าได้หวัง
ต้องบุกป่าผ่ารกอกแทบพังให้แค้นคั่งเดือดดาลทะยานใจ
แล้วรีบจรข้ามดอนโดยวิถีลงจากที่โขดเขินเนินไศล
ถึงสถานบ้านแถวอยู่แนวไพรเป็นย่านใหญ่เยิ่นยาวอยู่ราวทาง
ที่ทุ่งนาท่าน้ำลำละหานปลสะอ้านดูสะอาดดังกวาดถาง
เห็นแต่ราวตากผ้าที่ท่านางเป็นบ้านร้างเรือนเย็นไม่เห็นคน
พระสุริยนยอแสงสนธเยศเสนาะเสียงมยุเรศในไพรสณฑ์
วิเวกแว่ววาบทรวงดวงกมลระเหหนหาที่จะนิทรา
ถึงบ้านเมดอาวาสสะอาดเอี่ยมดูราบเลี่ยมรื่นรุกขสาขา
จอมณรงค์ทรงประทับบนพลับพลาประชุมชาวโยธาสถิตนอน
ครั้นหิรัญรุ่งสางสว่างภพกระจ่างจบหิมเวศเขตสิงขร
สะพรั่งพร้อมโยธาพลากรทุเรศร้อนรีบยกซึ่งโยธี
ให้ลัดทางลงหว่างจังหวัดบ้านล้วนถิ่นฐานรายเรียงเคียงวิถี
พฤกษาสวนนานาบรรดามีออกกลาดกลางทางที่จะลีลา
พวกกองทัพเปรี้ยวหวานนั้นพานโซก็เผ่นโผป่ายปีนขึ้นพฤกษา
บ้างฟันกิ่งชิงกันเข้าเก็บมาบ้างรั้งราโก่นถางลงวางดิน
ที่เรือนเหย้าเผาจุดแล้วรื้อแย่งบ้างฟันแทงสักสับหาทรัพย์สิน
ทั้งยุ้งฉางล้างล้มลงจมดินให้ช้างกินอาหารสำราญใจ
แล้วจากจรร้อนรีบจรลีถึงถิ่นที่นามบ้านชื่อพานไฝ
เป็นหลุมลุ่มลาดขวางหนทางไปสะพานใหญ่ยาวเยิ่นเกินประมาณ
ระยะห้องหกร้อยห้าสิบหกถึงตีนตกข้ามน้ำลำละหาน
ดูราบรื่นพื้นพาดลาดกระดานที่กลางย่านมีที่สำนักพล
แต่โดยยาวเก้าร้อยกับสามวาดูยืดยังมรคาพนาสณฑ์
ท่านสร้างไว้ให้เดินดำเนินคนอนุสนธิ์สืบแจ้งแสดงความ
เจ้าของสร้างหัวคูอยู่ที่วัดเมตตาสัตว์เดินทางกลางสนาม
ต้องลุยหลุ่มจมลาดไม่ขาดยามผู้ใดข้ามยากแค้นแสนกันดาร
จึงชวนชัดพรรคพวกพระสงฆ์ศิษย์เข้าพร้อมคิดกันสิ้นทั้งถิ่นฐาน
จำหน่ยทรัพย์สินจ้างสร้างสะพานก็สมการปรารถนาอยู่ถาวร
แต่ไอยราพาชีต้องขี่ข้ามลงลุยตามเต็มพรั่นขยั่นหยอน
บ้างติดหล่มจมเลนระเนนนอนจนถึงดอนแสนสุดกันดารเดิน
พวกโยธาพากันขึ้นลินลาศสะพานพาดสูงทรงระหงเหิน
ละโล่งลิ่วทิวแถวแนวดำเนินที่ร้อนแดดรีบเดินไปพักดอน
ครั้นขึ้นพร้อมไอยราและพาชีพวกโยธีคั่งคับสลับสลอน
ตั้งกระบวนด่วนเดินดำเนินจรพี่อาวรณ์พิศวงอยู่องค์เดียว
เห็นถิ่นฐานด้านดาษไม่ขาดบ้านน่าสำราญคิดไปก็ใจเสียว
ละม้ายแม้นกรุงศรีอย่างนี้เจียวเสียดายเปลี่ยวเปล่าเย็นไม่เห็นคน
ที่เขตแดนดูงามไปตามเพศยิ่งประเทศตำแหน่งทุกแห่งหน
มาก่อกรรมคิดการบันดาลดลให้ไพร่พลพลัดพรายกระจายจร
ดูบ้านพลับน่าเพลินจำเริญจิตถิ่นสถิตอยู่ในกลางหว่างสิงขร
ล้วนเรือนรั้วดื่นดาษไม่ขาดตอนออกซับซ้อนดูสายนัยนา
ระยะทางมีที่ตำแหน่งพักทุกสำนักห้วยธารละหานผา
ที่รื่นร่มริมฝั่งตั้งศาลาไว้พักพวกโยธาที่เดินทาง
เมื่อยามยลถิ่นฐานสำราญจิตแล้วเสียวคิดเตรียมตรมอารมณ์หมาง
เหมือนอกเรียมมานิราศสวาทวางเห็นบ้านร้างดุจเรื่องอันเดียวกัน
รัญจวนพลางทางขับไอยเรศให้ประเวศในระวางพลขันธ์
ก็ล่วงเลยบ้านบางทางอรัญพอสายัณห์สุริยนระยับเย็น
ก็ลุถึงคงคาชลาเชี่ยวแม่น้ำของล่องเลี้ยวพอแลเห็น
อันไหลลบแก่งเกาะเซาะกระเซ็นมัจฉาเต้นโดดตามชโลทร
กุมภีล์พาลลอยล่องท้องสมุทรขึ้นดำผุดว่ายเวียนเศียรสลอน
พวกราหูชูหางขึ้นขวางนอนบนสันดอนเชิงลาดที่หาดทราย
นัทีกว้างว้างเวิ้งละเลิงลิ่วพอเห็นทิวไม้บ้านประมาณหมาย
ละเมาะหมู่วังเวียงนั้นเรียงรายอยู่ฟากฝ่ายบูรพาที่ธานี
พวกทัพไทยถึงฝั่งประจิมทิศพอมืดมิดสิ้นแสงพระสุริย์ศรี
ก็หยุดยั้งรั้งแรมซึ่งโยธีประทับที่ท่าบ่อตำบลบาง
มีศาลาพลพักสำนักน้ำอนุทำไว้ที่ฝั่งแล้วตั้งฉาง
สำหรับข้ามคงคาเป็นท่าทางที่ขึ้นช้างเกยตั้งบนฝั่งชล
สถานที่โล่งเลี่ยนเตียนสะอาดอยู่ชิดหาดชายไม้ที่ไพรสณฑ์
พวกกองทัพบันเทิงสำเริงรณทุกตัวตนเหิมใจจะไปเวียง
ครั้นจวบแจ้งแสงสนธโยบาตฆ้องพิฆาตแข่งขานประสานเสียง
ทั้งโกร่งเกราะเคาะฟังดังสำเนียงดาราเรียงร่อเขายุคุนธร
แสงสุวรรณพรรณรายกระจายแจ้งทั้งเหลืองแดงแลเลื่อมประภัสสร
พลพรั่งพร้อมกระบวนจะจวนจรคเชนทรเข้าประทับกับเกยทรง
รับเสด็จเสด็จโดยสถลมารดให้เคลื่อนคลาดจากท่าชลาสรง
พวกช้างดั้งออกเดินดำเนินธงจัตุรงค์ร่าเริงบันเทิงใจ
ลงข้ามน้ำลำโขงแล้วหมายมุ่งไปตามทุ่งเลียบท่าชลาไหล
ล้วนบ้านเรือนเรียงรันเป็นชั้นไปในหมู่ไม้ทิวแถวที่แนวชล
             

พฤกษาชาติดาษดื่นเป็นพื้นร่มดูระดมสุกงามเมื่อยามผล
ด้วยเรือนร้างว่างขาดนิราศคนระบุหล่นดื่นดาษลงกลาดดิน
พวกเดินทางพลางเก็บผลาหารอันเปรี้ยวหวานโดยนิยมสมถวิล
บ้างหาบห่อพอควรจะยวนยินบ้างหยุดกินชื่นบานสำราญใจ
พระสุริยงเที่ยงถึงกึ่งทวีปก็เร่งรีบไปยังท่าชลาไหล
ตำแหน่งบ้านพรานพร้าวพวกลาวในเป็นย่านใหญ่เยิ่นยาวสักคราววัน
พอตรงเวียงเห็นวังที่ฝั่งข้ามวิเศษงามเพราเพริดดูเฉิดฉัน
ทองระยับจับแสงพระสุริยันที่หน้าบันช่อฟ้าบราลี
เสด็จจากพระที่นั่งไอยเรศถึงนิเวศเวียงท่าชลาศรี
ให้จัดพวกโยธาลงนาวีจะเร่งข้ามวารีให้รีบจร
เสด็จลงทรงเรืออุปราชงามประหลาดแลเลื่อมประภัสสร
ที่ทำลายรจนากันยางอนทั้งหน้าท้ายเข้าร้อนไปกลางชล
ถึงฝั่งฟากวังเวียงเคียงประทับทรงสดับทูลแสดงแจ้งนุสนธิ์
ว่าเจ้าเวียงยกหนีไม่มีคนจรดลสุดแดนพนาดร
ประชาราษฎร์ครอบครัวก็กลัวหนีเที่ยวแตกเข้าไพรศรีและสิงขร
ล้วนเรือนร้างว่างเว้นเย็นนครเที่ยวซนซ่อนพรายพลัดกระจัดจาย
เสด็จพักที่ตำหนักชลมาศอันโอภาสดูงามอร่ามฉาย
บรรจถรณ์แท่นพนักจำหลักลายฉากระบายบังนางอยู่ข้างใน
เป็นที่เคยของนุสำราญร้อนชวนสมรมิ่งมิตรพิสมัย
ลอยกระทงลงเล่นชลาลัยสนามในน้ำของไม่ขาดปี
เมื่อจะสุขเห็นจะแสนสำราญนักก็ประจักษ์นัยนาแต่ท่าที่
ทั้งโรมริมคบคาศาลารีถนนสี่กั๊กเกี่ยวตลอดกัน
เมืองประมาณด้านยาวสักร้อยเศษถึงคันคูสุดเขตในเขื่อนขัณฑ์
มีค่ายล้อมป้อมเคียงอยู่เรียงรันเป็นสองชั้นเชิงเทินที่เดินพล
ถ้าตั้งรับกับเมืองก็เต็มมุ่งจะติดตามข้ามคุ้งก็ขัดสน
กระสุนใหญ่สุดยั้งเป็นกังวลจรดลยากแค้นแสนกันดาร
แต่ทัพหมื่นเต็มหมายทำลายลุจะมุ่งมุสามารถเข้าอาจหาญ
หลลาวเหลือล้นพ้นประมาณถ้าต่อต้านเต็มคิดจะติดตี
นี่หากฤทธิ์จอมณรงค์อันทรงเดชไปปราบเข็ญเย็นเกศทั้งกรุงศรี
ให้ศึกเกรงศักดาไม่ราวีปลาตหนีเวียงวังไปทั้งนวล
พี่นั่งนึกตรึกตรมอารมณ์ร้อนยิ่งอาวรณ์มิได้วายกระหายหวน
เห็นนิเวศเวียงจันท์ยิ่งรัญจวนคะนึงนวลนุชหน่ายเสน่ห์นาน
ดูวงวังดุจดังถิ่นสถิตไม่เพี้ยนผิดนัคเรศเขตสถาน
ยิ่งเปล่าเปลี่ยวเหลียวแลอยู่แดดานอุระปานเปี่ยมปิ่มทำลายวาย
พอเสร็จเรื่องบริรักษ์ตำหนักชลจรดลจากท่าชลาสาย
สะพรั่งพร้อมหมูพหลพลนิกายจำนงหมายนัคเรศทวารา
ล่วงทวารด่านโดยทักษิณทิศพี่เปลี่ยวจิตเปล่าใจอาลัยหา
งามสถานปานศรีอยุธยาช่างเทียบทำทีท่าไม่ผิดทรง
ลุถนนดลโรงอัศวเรศมีหอลอยคอยเหตุสูงระหง
เป็นสามชั้นกลองชัยอยู่ในกรงล้วนบรรจงเงื้อมงามอร่ามตา
มีตึกดินทิมดาบขนาบข้างศาลาใหญ่ให้ขุนนางนั่งปรึกษา
ทั้งโรงรถโรงคชไอยราเป็นสง่าตามแถวอยู่แนวทาง
มีโรงศักดิ์โรงแสงตำแหน่งที่ทั้งโรงสารบัญชีอันกว้างขวาง
อีกโรงพิจารณาศาลากลางทั้งสองข้ามแถวทิมอยู่ริมวัง
มีโรงปืนหน้าป้อมล้อมนิเวศจนรอบเขตซ้ายขวาและหน้าหลัง
ที่วงในล้วนแล้วแต่แถวคลังเป็นตึกตั้งรายเรียงอยู่เคียงกัน
มีโรงโขนใหญ่เยี่ยมเอี่ยมสะอาดงามประหลาดน่าชมดูคมสัน
มีรอกร้อยห้อยเหาะเห็นเหมาะครันเป็นจักรผันเลี้ยวไล่กันไปมา
มีอาวาสลาดล้วนศิลาเลี่ยนช่อวิเชียรวาววามพระเวหา
หางหงส์ยอดลำยองล้วนทองทารจนาด้วยสุวรรณอันบรรจง
มีมณฑปอันประดับวิเชียรรัตน์กระจ่างจัดฉ้อช้อยลอยระหง
งามสมทรงสมตรวจทั้งทรวดทรงเป็นวัดวงในเขตนิเวศวัง
ทรงสำนักพักหน้าอุโบสถเป็นราบหลั่นชั้นลดนอกผนัง
ก็ตรัสสั่งให้พระยารักษาคลังแล้วเสร็จยั้งหยุดพักพวกโยธี
พี่ลัดเลี้ยวเที่ยวชมแถวสถานแสนสำราญรื่นเริงบันเทองศรี
สารพันเสร็จสรรพสำหรับมีตำแหน่งที่จักพรรดิกษัตรา
ไฉนหนอยังควรมาคิดร้ายไม่ว่างวายที่อำนาจปรารถนา
ให้เสื่อมสูญเวียงจันท์สวรรยาอนิจจาจนวิบัติกำจัดจร
เพราะหมายมุ่งอยุธยามหาสถานประกอบการมุ่นมุเห็นลุถอน
ไม่สมหมายตายยับเป็นสับบอนทิ้งนครไปท่าสีดาดง
แล้วเดินเลยล่วงทวารในนิเวศตามสังเกตจงจิตคิดประสงค์
ถึงเกยรถเกยคชสารทรงอันหยัดยงคู่เคียงอยู่เรียงราย
ท้องพระโรงที่แท่นสุวรรณรัตน์เศวตฉัตรห้าชั้นอันเฉิดฉาย
กำพูพื้นแดงฉันสุวรรณพรายงามระบายขามขำดูอำไพ
ตำแหน่งนอกมีที่นั่งสำราญร้อนที่นั่งสนามศศิธรอันสุกใส
พี่เที่ยวชมชื่นบานสำราญใจแล้วตรงไปเข้าสู่ที่ไสยา
เป็นหลายชั้นหลั่นลดจนเลยหลงล้วนบรรจงวาดเขียนอันเรขา
กระจกซุ้มกลุ้มกลาดสะอาดตาโคมระย้าแสงระยับสลับกัน
ในตึกกลางแห่งนางอนงค์นาฏมีที่ลาดไสยาทำฝาคั่น
เป็นคู่คู่เคียงเคียงอยู่เรียงรันกระแจะจันทน์หอมหวนรำจวนใจ
เหมือนคนหิวอาหารได้พานรสพอจิบจดซาบซ่านสะท้านไหว
ด้วยนาสาปรากฏกำหนดในให้สงสัยค้นห้องไม่หายแคลง
จนสุดสิ้นเรือนหลวงทั้งหกหลังพะวงหวังมิได้วายหายแสวง
ไม่พานพบสบสมรยิ่งร้อนแรงกลิ่นแสลงเข้าสลับจับกมล
แล้วเลยลงทางสวนมาลีเลี้ยวประพาสเที่ยวในตำแหน่งทุกแห่งหน
เห็นเรือนางกัลยาดูน่ายลเป็นท่องแถวแนวถนนกระหนาบกลาง
ล้วนรุกขาน่าชมดูร่มรื่นที่ภูมิพื้นรายเรียงเคียงกระถาง
มีสระโศกเคียงสนอยู่ต้นทางทำแท่นวางไว้ประทับสำหรับทรง
ประชุมชวนนวลนุชสุดสวาทเลือกประพาสตามจิตคิดประสงค์
ที่เอวบางร่างรัดสันทัดทรงล้วนอนงค์นางฟ้อนชะอ้อนนวล
ทั้งสามร้อยกลอยแก่ไม่อิ่มหนำยังโลภทำทุจริตให้ผิดผวน
จนเสียเมืองเคืองแค้นไปแดนญวนไม่ข้อควรเลยมาคิดให้จิตตรม
แต่สินทรัพย์นั้นจะนับสักหมื่นแสนออกเนืองแน่นนัคราไม่สาสม
มีเมืองขึ้นรอบประเทศเขตนิคมมาประณมน้อมกายถวายกร
เป็นจอมจักรนัคเรษประเทศราชอันหมายมาดเมืองศุภอักษร
ทุกแดนลาวเลื่องชื่อลือขจรสถาวรเรืองยศปรากฏนาม
พี่แจ้งเรื่องแรมรักอัคเรศกำหนดเหตุเค้าเงื่อนเมื่อเดือนสาม
เป็นปีจอต่อกุนขุ่นสงครามบังเกิดความเคืองแค้นทั้งแดนไตร
ต้องกรีธาทัพจรไปรอนรบกระจายจบเมื่อตอนสะท้อนไหว
ไปลุยล้างเวียงจันท์เสียบรรลัยระยำไปย่อยยับอัปรา
ผู้เกิดหลังวังเวียงนั้นเลื่อนลับได้สดับแล้วก็ยังจะกังขา
ดำเนินนามเวียงจันท์จำนรรจาไม่แจ้งว่าเมืองบ้านสักปานใด
จึงกำหนดไว้ที่นุชสุดสวาทเป็นนิราศแรมมิตรพิสมัย
พอจดจำมรคาพนาลัยเป็นตราใจทุกสำนักลำเนาทาง
แต่บทกลอนสอนทำไม่ชำนิอย่าแต้มติไยไพให้ใจหมาง
จงต่อเติมเพิ่มกลอนอักษรวางให้เรืองรางพริ้งเพราะเสนาะเอย ฯ
             
เจ้า นิพนธ์พจน์เพื่อเรียงแถลง
ทับ นรินทร์นเรศร์แรงเลื่องหล้า
วัง บวรทรงแสดงสิทธเสร็จ ท่านเฮย
หลัง หยุหข่มข้าเหล่าร้ายตายแสยง ฯ
ทำ วิถีสถลมารคแหม้นอารัญ
ไว้ เมื่อค่ำคืนวันหยุดยั้ง
ให้ อนงค์นิ่มนวลจันทร์รู้เรื่อง รักแฮ
แจ้ง ที่จริงไป่พลั้งแน่งน้อยอย่าฉงน ฯ
๏ ศรีสัตนาคนหุตเจ้าจอมสกล
ส้มป่อยพ่ายเสียพลยิ่งร้อย
สองเสด็จดัสกรกลเทวษ ท่านฤา
ตูบ่อาจต่อต้อยเร่งร้างเวียงถวาย ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

นิราศทัพเวียงจันท์ หม่อมเจ้าทับ ในกรมหลวงเสนีบริรักษ์ สำนักพิมพ์มติชน ๒๕๔๔

เครื่องมือส่วนตัว