จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ
ผู้แต่ง: พระยาอุปกิตศิลปสาร (แปลจาก An Elegy Written in a Country Churchyard ของ Thomas Gray)
บทประพันธ์
1
|
|
| The Curfeu tolls the Knell of parting Day,
|
| The lowing Herd winds slowly o'er the Lea,
|
| The Plow-man homeward plods his weary Way,
|
| And leaves the World to Darkness and to me.
|
|
|
| ๑.
|
| วังเอ๋ยวังเวง
|
| หง่างเหง่ง! ย่ำค่ำระฆังขาน
|
| ฝูงวัวควายผ้ายลาทิวากาล
|
| ค่อยค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน
|
| ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ
|
| ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน
|
| ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล
|
| และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียว เอย.
|
| | |
|
2
|
|
| Now fades the glimmering Landscape on the Sight,
|
| and all the Air a solemn Stillness holds,
|
| Save where the Beetle wheels his droning Flight,
|
| and drowsy Tinklings lull the distant Folds;
|
|
|
| ๒.
|
| ยามเอ๋ยยามนี้
|
| ปถพีมืดมัวทั่วสถาน
|
| อากาศเย็นเยือกหนาวคราววิกาล
|
| สงัดปานป่าใหญ่ไร้สำเนียง
|
| มีก็แต่เสียงจังหรีดกระกรีดกริ่ง!
|
| เรไรหริ่ง! ร้องขรมระงมเสียง
|
| คอกควายวัวรัวเกราะเปาะแปะ ! เพียง
|
| รู้ว่าเสียงเกราะแว่วแผ่วแผ่ว เอย.
|
| | |
|
3
|
|
| Save that from yonder ivy-mantled Tow'r
|
| The moping Owl does to the Moon complain
|
| Of such as, wand'ring near her secret Bow'r,
|
| Molest her ancient solitary Reign.
|
|
|
| ๓.
|
| นกเอ๋ยนกแสก
|
| จับจ้องร้องแจ๊กเพียงแถกขวัญ
|
| อยู่บนยอดหอระฆังบังแสงจันทร์
|
| มีเถาวัลย์รุงรังถึงหลังคา
|
| เหมือนมันฟ้องดวงจันทร์ให้ผันดู
|
| คนมาสู่ซ่องพักมันรักษา
|
| ถือเป็นที่รโหฐานนมนานมา
|
| ให้เสื่อมผาสุกสันต์ของมัน เอย.
|
| | |
|
4
|
|
| Beneath those rugged Elms, that Yew-Tree's Shade,
|
| Where heaves the Turf in many a mold'ring Heap,
|
| Each in his narrow Cell for ever laid,
|
| the rude Forefathers of the Hamlet sleep.
|
|
|
| ๔.
|
| ต้นเอ๋ยต้นไทร
|
| สูงใหญ่รากย้อยห้อยระย้า
|
| และต้นโพธิ์พุ่มแจ้แผ่ฉายา
|
| มีเนินหญ้าใต้ต้นเกลื่อนกล่นไป
|
| ล้วนร่างคนในเขตประเทศนี้
|
| ดุษณีนอนราย ณ ภายใต้
|
| แห่งหลุมลึกลานสลดระทดใจ
|
| เรายิ่งใกล้หลุมนั้นทุกวัน เอย.
|
| | |
|
5
|
|
| The breezy Call of incense-breathing Morn,
|
| the Swallow twitt'ring from the Straw-built Shed,
|
| The Cock's shrill Clarion, or the echoing Horn,
|
| No more shall rouse them from their lowly Bed.
|
|
|
| ๕.
|
| หมดเอ๋ยหมดห่วง
|
| หมดดวงวิญญาณลาญสลาย
|
| ถึงลมเช้าชวยชื่นรื่นสบาย
|
| เตือนนกแอ่นลมผายแผดสำเนียง
|
| อยู่ตามโรงมุงฟางข้างข้างนั้น
|
| ทั้งไก่ขันแข่งดุเหว่าระเร้าเสียง
|
| โอ้เหมือนปลุกร่างกายนอนรายเรียง
|
| พ้นสำเนียงที่จะปลุกให้ลุก เอย.
|
| | |
|
6
|
|
| For them no more the blazing Hearth shall burn,
|
| Or busy Housewife ply her Evening Care'
|
| No Children run to lisp their Sire's Return,
|
| Or climb his Knees the envied Kiss to share
|
|
|
| ๖.
|
| ทอดเอ๋ยทอดทิ้ง
|
| ยามหนาวผิงไฟล้อมอยู่พร้อมหน้า
|
| ทิ้งเพื่อนยากแม่เหย้าหาข้าวปลา
|
| ทุกเวลาเช้าเย็นเป็นนิรันดร์
|
| ทิ้งทั้งหนูน้อยน้อยร่อยร่อยรับ
|
| เห็นพ่อกลับปลื้มเปรมเกษมสันต์
|
| เข้ากอดคอฉอเลาะเสนาะกรรณ
|
| สารพันทอดทิ้งทุกสิ่ง เอย.
|
| | |
|
7
|
|
| Oft did the Harvest to their sickle yield,
|
| Their Furrow oft the stubborn Glebe has broke;
|
| How jocund did they drive their Team afield!
|
| How bow'd the Woods beneath their sturdy Stroke!
|
|
|
| ๗.
|
| กองเอ๋ยกองข้าว
|
| กองสูงราวโรงนายิ่งน่าใคร่
|
| เกิดเพราะการเก็บเกี่ยวด้วยเคียวใคร
|
| ใครเล่าไถคราดพื้นฟื้นแผ่นดิน
|
| เช้าก็ขับโคกระบือถือคันไถ
|
| สำราญใจตามเขตประเทศถิ่น
|
| ยึดหางยามยักไปตามใจจินต์
|
| หางยามผินตามใจเพราะใคร เอย.
|
| | |
|
8
|
|
| Let not Ambition mock their useful Toil,
|
| Their homely Joys, and Destiny obscure;
|
| Nor Grandeur hear with a disdainful Smile,
|
| The short and simple Annals of the Poor.
|
|
|
| ๘.
|
| ตัวเอ๋ยตัวทะยาน
|
| อย่าบันดาลดลใจให้ใฝ่ฝัน
|
| ดูถูกกิจชาวนาสารพัน
|
| และความครอบครองกันอันชื่นบาน
|
| เขาเป็นสุขเรียบเรียบเงียบสงัด
|
| มีปวัตติ์เป็นไปไม่วิตถาร
|
| ขออย่าได้เย้ยเยาะพูดเราะราน
|
| ดูหมิ่นการเป็นอยู่เพื่อนตู เอย.
|
| | |
|
9
|
|
| The boast of Heraldry, the Pomp of Pow'r,
|
| And all that Beauty, all that Wealth e'er gave,
|
| Awaits alike th'inevitable hour.
|
| The Paths of glory lead but to the Grave.
|
|
|
| ๙.
|
| สกุลเอ๋ยสกุลสูง
|
| ชักจูงจิตฟูชูศักดิ์ศรี
|
| อำนาจนำความสง่าอ่าอินทรีย์
|
| ความงามนำให้มีไมตรีกัน
|
| ความร่ำรวยอวยสุขให้ทุกอย่าง
|
| เหล่านี้ต่างรอตายทำลายขันธ์
|
| วิถีแห่งเกียรติยศทั้งหมดนั้น
|
| แต่ล้วนผันมาประจบหลุมศพ เอย.
|
| | |
|
10
|
|
| Nor you, ye Proud, impute to these the Fault,
|
| If Mem'ry o'er their Tomb no Trophies raise,
|
| Where thro' the long-drawn aisle and fretted Vault
|
| The pealing Anthem swells the Note of Praise.
|
|
|
| ๑๐.
|
| ตัวเอ๋ยตัวหยิ่ง
|
| เจ้าอย่าชิงติซากว่ายากไร้
|
| เห็นจมดินน่าสลดระทดใจ
|
| ที่ระลึกสิ่งไรก็ไม่มี
|
| ไม่เหมือนอย่างบางศพญาติตบแต่ง
|
| เครื่องแสดงเกียรติยศเลิศประเสริฐศรี
|
| สร้างสานการบุญหนุนพลี
|
| เป็นอนุสาวรีย์สง่า เอย.
|
| | |
|
11
|
|
| Can storied Urn or animated Bust
|
| Back to its Mansion call the fleeting Breath?
|
| Can Honor's Voice provoke the silent Dust,
|
| Or Flatt'ry soothe the dull cold ear of Death?
|
|
|
| ๑๑.
|
| ที่เอ๋ยที่ระลึก
|
| ถึงอธึกงามลบในภพพื้น
|
| ก็ไม่ชวนชีพที่ดับให้กลับคืน
|
| เสียงชมชื่นเชิดชูคุณผู้ตาย
|
| เสียงประกาศเกียรติเอิกเกริกลั่น
|
| จะกระเทือนถึงกรรณนั้นอย่าหมาย
|
| ล้วนเป็นคุณแก่ผู้ยังไม่วางวาย
|
| ชูเกียรติญาติไปภายภาคหน้า เอย.
|
| | |
|
12
|
|
| Perhaps in this neglected Spot is laid
|
| Some Heart once pregnant with celestial Fire;
|
| Hands that the Rod of Empire might have sway'd,
|
| Or wak'd to Extacy the living Lyre.
|
|
|
| ๑๒.
|
| ร่างเอ๋ยร่างกาย
|
| ยามตายจมพื้นดาษดื่นหลาม
|
| อย่าดูถูกถิ่นนี้ว่าที่ทราม
|
| อาจขึ้นชื่อลือนามในก่อนไกล
|
| อาจจะเป็นเจดีย์มีพระศพ
|
| แห่งจอมภพจักรพรรดิกษัตริย์ใหญ่
|
| ประเสริฐด้วยสัตตรัตน์จรัสชัย
|
| ณ สมัยก่อนกาลบุราณ เอย.
|
| | |
|
13
|
|
| But Knowledge to their Eyes her ample Page
|
| Rich with the Spoils of Time did ne'er unroll;
|
| Chill Penury repress'd their noble Rage,
|
| And froze the genial Current of the Soul.
|
|
|
| ๑๓.
|
| ความเอ๋ยความรู้
|
| เป็นเครื่องชูชี้ทางสว่างไสว
|
| หมดโอกาสที่จะชี้ต่อนี้ไป
|
| ละห่วงใยอยากรู้ลงสู่ดิน
|
| อันความยากหากให้ไร้ศึกษา
|
| ย่นปัญญาความรู้อยู่แค่ถิ่น
|
| หมดทุกข์ขลุกแต่กิจคิดหากิน
|
| กระแสวิญญาณงันเพียงนั้น เอย.
|
| | |
|
14
|
|
| Full many a Gem of purest Ray serene,
|
| The dark unfathom'd Caves of Ocean bear:
|
| Full many a Flower is born to blush unseen,
|
| And waste its Sweetness on the desert Air.
|
|
|
| ๑๔.
|
| ดวงเอ๋ยดวงมณี
|
| มักจะลี้ลับอยู่ในภูผา
|
| หรือใต้ท้องห้องสมุทรสุดสายตา
|
| ก็เสื่อมซาสิ้นชมนิยมชน
|
| บุปผชาติชูสีและมีกลิ่น
|
| อยู่ในถิ่นที่ไกลเช่นไพรสณฑ์
|
| ไม่มีใครได้เชยเลยสักคน
|
| ย่อมบานหล่นเปล่าดายมากมาย เอย.
|
| | |
|
15
|
|
| Some village-Hampden, that with dauntless Breast
|
| The little Tyrant of his Fields withstood;
|
| Some mute inglorious Milton here may rest,
|
| Some Cromwell, guiltless of his Country's Blood.
|
|
|
| ๑๕.
|
| ซากเอ๋ยซากศพ
|
| อาจเป็นซากนักรบผู้กล้าหาญ
|
| เช่นชาวบ้านบางระจันขันรำบาญ
|
| กับหมู่ม่านมาประทุษอยุธยา
|
| ไม่เช่นนั้นท่านกวีเช่นศรีปราชญ์
|
| นอนอนาถเล่ห์ใบ้ไร้ภาษา
|
| หรือผู้กู้บ้านเมืองเรืองปัญญา
|
| อาจจะมานอนจมถมดิน เอย.
|
| | |
|
16
|
|
| Th' Applause of list'ning Senates to command,
|
| The Threats of Pain and Ruin to despise,
|
| To scatter Plenty o'er a smiling Land,
|
| And read their Hist'ry in a Nation's Eyes.
|
|
|
| ๑๖.
|
| คุณเอ๋ยคุณเหลือ
|
| ผู้เอื้อเฟื้อเกื้อชาติซึ่งอาจหาญ
|
| แน่วนับถือซื่อสัตย์ต่อรัฐบาล
|
| ไม่เห็นการส่วนตัวไม่กลัวตาย
|
| แสวงชอบกอบคุณอุดหนุนชาติ
|
| กษัตริย์ศาสน์แม้ชีวิตปลิดถวาย
|
| ไว้ปวัตน์แก่ชาติญาตินิกาย
|
| ได้อ่านภายหลังลือระบือ เอย.
|
| | |
|
17
|
|
| Their lot forbad: nor circumscrib'd alone
|
| Their growing Virtues, but their Crimes confin'd;
|
| Forbade to wade through Slaughter to a Throne,
|
| And shut the Gates of Mercy on Mankind.
|
|
|
| ๑๗.
|
| ชาวเอ๋ยชาวนา
|
| วาสนากั้นไว้ไม่วิตถาร
|
| ไม่ชั่วล้นดีล้นพ้นประมาณ
|
| สองประการนี้แหละขวางทางคระไล
|
| คือไม่ลุยเลือนั่งบรรลังก์ราช
|
| นำพินาศนรชนพ้นนิสัย
|
| แต่ปิดทางกรุณาอันพาไป
|
| ยังคุณใหญ่ยิ่งเลิศประเสริฐ เอย.
|
| | |
|
18
|
|
| The struggling Pangs of conscious Truth to hide,
|
| To quench the Blushes of ingenuous Shame,
|
| Or heap the Shrine of Luxury and Pride
|
| With Incense kindled at the Muse's Flame.
|
|
|
| ๑๘.
|
| มักเอ๋ยมักใหญ่
|
| ก่นแต่ใฝ่ฝันฟุ้งตามมุ่งหมาย
|
| อำพรางความจริงใจไม่แพร่งพราย
|
| ไม่ควรอายก็ต้องอายหมายปิดบัง
|
| มุ่งแต่โปรยเครื่องปรุงจรุงกลิ่น
|
| คือความฟูมฟายสินลิ้นโอหัง
|
| ลงในเพลิงเกียรติศักดิ์ประจักษ์ดัง
|
| เปลวเพลิงปลั่งหอมกลบตลบ เอย.
|
| | |
|
19
|
|
| For from the madding Crowd's ignoble Strife,
|
| Their sober Wishes never learn'd to stray:
|
| Along the cool sequester'd Vale of Life
|
| They kept the noiseless Tenor of their Way.
|
|
|
| ๑๙.
|
| ห่างเอ๋ยห่างไกล
|
| ห่างจากพวกมักใหญ่ฝักใฝ่หา
|
| แต่สิ่งซึ่งเหลวไหลใส่อาตมา
|
| ความมักน้อยชาวนาไม่น้อมไป
|
| เพื่อนรักษาความสราญฐานวิเวก
|
| ร่มเชื้อเฉกหุบเขาลำเนาไศล
|
| สันโดษดับฟุ้งซ่านทะยานใจ
|
| ตามวิสัยชาวนาเย็นกว่า เอย.
|
| | |
|
20
|
|
| Yet ev'n these Bones from Insult to protect
|
| Some frail Memorial still erected nigh,
|
| With uncouth Rhymes and shapeless Sculpture deck'd,
|
| Implores the passing Tribute of a Sigh.
|
|
|
| ๒๐.
|
| ศพเอ๋ยศพไพร่
|
| ไม่มีใครขึ้นชื่อระบือขาน
|
| ไม่เกรงใครนินทาว่าประจาน
|
| ไม่มีการจารึกบันทึกคุณ
|
| ถึงบางทีมีบ้างเป็นอย่างเลิศ
|
| ก็ไม่ฉูดฉาดเชิดประเสริฐสุนทร์
|
| พอเตือนใจได้บ้างในทางบุญ
|
| เป็นเครื่องหนุนนำเหตุสังเวช เอย.
|
| | |
|
21
|
|
| Their Name, their Years, spelt by th'unletter'd Muse,
|
| The place of Fame and Elegy supply:
|
| And many a holy Text around she strews,
|
| That teach the rustic Moralist to dye.
|
|
|
| ๒๑.
|
| ศพเอ๋ยศพสูง
|
| เป็นเครื่องจูงจิตให้เลื่อมใสศานต์
|
| จารึกคำสำนวนชวนสักการ
|
| ผิดกับฐานชาวนาคนสามัญ
|
| ซึ่งอย่างดีก็มีกวีเถื่อน
|
| จากรึกชื่อปีเดือนวันดับขันธ์
|
| อุทิศสิ่งซึ่งสร้างตามทางธรรม์
|
| ของผู้นั้นผู้นี้แก่ผี เอย.
|
| | |
|
22
|
|
| For who to dumb Forgetfulness a Prey,
|
| This pleasing anxious Being e'er resigned,
|
| Left the warm Precincts of the cheerful Day,
|
| Nor cast one longing ling'ring Look behind?
|
|
|
| ๒๒.
|
| ห่วงเอ๋ยห่วงอะไร
|
| ไม่ยิ่งใหญ่เท่าห่วงดวงชีวิต
|
| แม้คนลืมสิ่งใดได้สนิท
|
| ก็ยังคิดขึ้นได้เมื่อใกล้ตาย
|
| ใครจะยอมละทิ้งซึ่งสิ่งสุข
|
| เคยเป็นทุกข์ห่วงใยเสียได้ง่าย
|
| ใครจะยอมละแดนแสนสบาย
|
| โดยไม่ชายตาใฝ่อาลัย เอย.
|
| | |
|
23
|
|
| On some fond Breast the parting Soul relies,
|
| Some pious Drops the closing Eye requires;
|
| Ev'n from the Tomb the Voice of Nature cries,
|
| Ev'n in our Ashes live their wonted Fires.
|
|
|
| ๒๓.
|
| ดวงเอ๋ยดวงจิต
|
| ลืมสนิทกิจการงานทั้งหลาย
|
| ย่อมละชีพเคยสุขสนุกสบาย
|
| เคยเสียดายเคยวิตกเคยปกครอง
|
| ละทิ้งถิ่นที่สำราญเบิกบานจิต
|
| ซึ่งเคยคิดใฝ่เฝ้าเป็นเจ้าของ
|
| หมดวิตกหมดเสียดายหมดหมายปอง
|
| ไม่ผินหลังเหลียวมองด้วยซ้ำ เอย.
|
| | |
|
24
|
|
| For thee, who mindful of th'unhonoured Dead
|
| Dost in these lines their artless Tale relate;
|
| If chance, by lonely Contemplation led,
|
| Some kindred Spirit shall inquire thy Fate,
|
|
|
| ๒๔.
|
| ดวงเอ๋ยดวงวิญญาณ
|
| เมื่อยามลาญละพรากไปจากขันธ์
|
| ปองแต่ให้ญาติมิตรสนิทกัน
|
| คล่าวน้ำตาต่างบรรณาการไป
|
| ธรรมดาพาคะนึงไปถึงหลุม
|
| หรือที่ชุมเพลิงเผาเฝ้าร้องไห้
|
| คิดถึงกาลก่อนเก่ายิ่งเศร้าใจ
|
| ตามวิสัยธรรมดาเกิดมา เอย.
|
| | |
|
25
|
|
| Haply some hoary-headed Swain may say,
|
| Oft have we seen him at the Peep of Dawn
|
| Brushing with hasty Steps the Dews away
|
| To meet the Sun upon the upland Lawn.
|
|
|
| ๒๕.
|
| ท่านเอ๋ยท่านสุภาพ
|
| ผู้ใคร่ทราบสนใจศพไร้ศักดิ์
|
| รู้เรื่องราวจากป้ายจดลายลักษณ์
|
| บางทีจักรำพึงคิดถึงตน
|
| มาม้วยมรณ์นอนคู้อยู่อย่างนี้
|
| คงจะมีผู้สังเกตในเหตุผล
|
| ปลงสังเวชวาบเสียวเหี่ยวกมล
|
| เหมือนกับตนท่านบ้างกระมัง เอย.
|
| | |
|
26
|
|
| There at the Foot of yonder nodding Beech
|
| That wreathes its old fantastic Roots so high,
|
| His listless Length at Noontide wou'd he stretch,
|
| And pore upon the Brook that babbles by.
|
|
|
| ๒๖.
|
| บางเอ๋ยบางที
|
| อาจจะมีผู้เฒ่าเล่าขยาย
|
| รำพันความเป็นไปเมื่อใกล้ตาย
|
| จนตราบวายชีวาตม์อนาถใจ
|
| อนิจจา! เห็นเขาเมื่อเช้าตรู่
|
| ออกจากหมู่บ้านเดินสู่เนินใหญ่
|
| ฝ่าน้ำค้างกลางนามุ่งคลาไคล
|
| ผิงแดดในยามเช้าหน้าหนาว เอย.
|
| | |
|
27
|
|
| Hard by yon Wood, now smiling as in Scorn,
|
| Mutt'ring his wayward Fancies he wou'd rove,
|
| Now drooping, woeful wan, like one forlorn,
|
| Or craz'd with Care, or cross'd in hopeless Love.
|
|
|
| ๒๗.
|
| ต้นเอ๋ยต้นกร่าง
|
| อยู่ที่ข้างเนินใหญ่พุ่มใบหนา
|
| มีรากเขินเผินพ้นพสุธา
|
| กลางวันเขาเคยมาผ่อนอารมณ์
|
| นอนเหยียดหยัดดัดกายภายใต้ต้น
|
| ฟังคำรนวารีมี่ขรม
|
| กระแสชลไหลเชี่ยวเป็นเกลียวกลม
|
| เขาเคยชมลำธารสำราญ เอย.
|
| | |
|
28
|
|
| One Morn I miss'd him on the custom'd Hill,
|
| Along the Heath, and near his fav'rite Tree;
|
| Another came; nor yet beside the Rill,
|
| Nor up the Lawn, nor at the Wood was he.
|
|
|
| ๒๘.
|
| ป่าเอ๋ยป่าละเมาะ
|
| ยังอยู่เยาะเย้ยให้ถัดไปนั่น
|
| เขาเดินมาป่านี้ไม่กี่วัน
|
| ปากรำพันจิตรำพึงคะนึงใน
|
| บัดเดี๋ยวดูสลดระทดจิต
|
| เหมือนสิ้นคิดขัดหาที่อาศัย
|
| หรือคล้ายคนทุกข์ถมระทมใจ
|
| หรือคู่รักร้างไม่อาลัย เอย.
|
| | |
|
29
|
|
| The next with Dirges due in sad Array
|
| Slow thro' the Church-way Path we saw him born.
|
| Approach and read (for thou can'st read) the Lay,
|
| Grav'd on the Stone beneath yon aged Thorn.
|
|
|
| ๒๙.
|
| ต่อเอ๋ยต่อมา
|
| ณ เวลาวันใหม่มิได้เห็น
|
| ทั้งกลางนากลางเนินเผอิญเป็น
|
| ใต้ต้นกร่างว่างเว้นเช่นเมื่อวาน
|
| เห็นคนหนึ่งเดินไปใจว่าเขา
|
| แต่ไม่เข้ากลางนามาสถาน
|
| ที่เขาเคยพักผ่อนแต่ก่อนกาล
|
| ทั้งไม่ผ่านป่าเล่าผิดเขา เอย.
|
| | |
|
30
|
|
| There scatter'd oft, the earliest of the Year,
|
| By Hands unseen, are Show'rs of Violets found:
|
| The Red-breast loves to bill and warble there,
|
| And little Footsteps lightly print the Ground.
|
|
|
| ๓๐.
|
| ถัดเอ๋ยถัดมา
|
| เห็นเขาพาศพไปใจสลด
|
| เสียงประโคมครื้นครั่นน่ารันทด
|
| ญาติทั้งหมดตามมาโศกาลัย
|
| ทำการศพตบแต่งที่ระลึก
|
| มีบันทึกถ้อยคำประจำไว้
|
| อยู่ที่ดงหนามนั้นถัดนั่นไป
|
| ความอย่างไรเชิญท่านไปอ่าน เอย.
|
| | |
|
THE EPITAPH
|
|
| Here rests his Head upon the Lap of Earth
|
| A Youth to Fortune and to Fame unknown:
|
| Fair Science frown'd not on his humble Birth,
|
| And Melancholy mark'd him for her own.
|
|
|
|
|
| คำจารึก
|
| ที่เอ๋ยที่นี้
|
| อนุสาวรีย์ศรีสถาน
|
| แห่งชายไม่ประจักษ์ศักดิ์ศฤงคาร
|
| แม้สกุลคุณสารต่ำปานไร
|
| ขอจงอย่าขึ้งเครียดรังเกียจเขา
|
| ขอจงเคารพงามตามวิสัย
|
| มัจจุราชรับพาเขาคลาไคล
|
| ทิ้งร่างไว้ทวงเคารพผู้พบ เอย.
|
| | |
|
|
|
| Large was his Bounty, and his Soul sincere,
|
| Heav'n did a Recompence as largely send:
|
| He gave to Mis'ry all he had, a Tear:
|
| He gain'd from Heav'n ('twas all he wish'd) a Friend.
|
|
|
|
|
| น้ำเอ๋ยน้ำใจ
|
| ซึ่งเนาในร่างกายผู้ตายนี้
|
| ล้วนสุภาพผ่องใสด้วยไมตรี
|
| อีกโอบอ้อมอารีมีในคน
|
| คุณนี้นำชำร่วยอวยสนอง
|
| บำเหน็จมองมูนมากวิบากผล
|
| คือห่วงใยยั่วหยัดอัสสุชล
|
| จากฝูงคนผู้ใฝ่อาลัย เอย.
|
| | |
|
|
|
| No farther seek his Merits to disclose,
|
| Or draw his Frail ties from their dread Abode,
|
| (There they alike in trembling Hope repose)
|
| The Bosom of his Father and his God.
|
|
|
|
|
| แต่เอ๋ยแต่นี้
|
| เป็นหมดที่ใฝ่จิตริษยา
|
| เป็นหมดที่อุปถัมภ์คิดนำพา
|
| เป็นนับว่า อโหสิกรรม กัน
|
| เขาจะมีดีชั่วติดตัวไป
|
| เป็นวิสัยกรรมแต่งและแสร้งสรร
|
| เรารู้ได้แต่ปวัตน์ปัจจุบัน
|
| ซึ่งทิ้งอยู่คู่กันกับนาม เอย.
|
| | |
|
เชิงอรรถ
อ้างอิง
[1]