นิราศรับพัชนิ์

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 03:15, 3 พฤศจิกายน 2553 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

ผู้แต่ง: พระครูพิจารณ์ศีลคุณ

บทประพันธ์

เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระพรรษา
พุทธศกหกสิบสี่ปีระกาเดือนธนวาขึ้นสี่ค่ำกำหนดจร
ด้วยพระองค์ทรงเดชเกศสยามทรงพระนามวชิราวุธมหิศร
ทรงปรึกษากรมหมื่นพระชินวร ฯมีอักษรบอกหมายให้เรียกตัว
บรรดาพระที่เป็นเจ้าคณะแขวงทุกตำแหน่งในนอกบอกรู้ทั่ว
ไปรับตราตามที่มีหน้าที่ตัวต่างรู้ทั่วในประเทศเขตนคร
ท่านเจ้าคุณเจ้าคณะเจ้าจังหวัดได้แจ้งจัดให้พระอ่ำนำอักษร
ไปยังวัดจะทิ้งพระอันถาวรว่าให้จรรับพัชนิ์และบัตรา
ไม่มีความเจ็บไข้ไปเป็นแน่เอาแก่แก่เขาไม่เอาอย่าเอาว่า
ได้รับสาส์นอ่านจบตบอุราด้วยระอาร่างกายร้ายโรครุม
คิดอายุนับได้เจ็ดสิบสองไม่ไวว่องเหมือนยังกำลังหนุ่ม
เหลียวดูความเจ็บไข้ไม่กันกลุมถึงโรครุมร่างระยำต้องจำไป
      เดือนสิบสองแรมได้สิบสี่ค่ำให้จัดลำนาวาลำหนึ่งใหญ่
บอกสานุศิษย์มิตรญาติที่ใกล้ไกลว่าจะไปกรุงเทพมหานคร
ต่างต่างรู้ไรปัจจัยเอาไปให้ทั้งเจ้านายที่ศาลาสโมสร
ไรปัจจัยให้จ้างทางรถจรเสร็จแล้วผ่อนผันตรงลงนาวา
ทั้งพระสงฆ์สานุศิษย์สนิทพร้อมรุมกันล้อมเรียงรายทั้งซ้ายขวา
ตะวันบ่ายให้เลื่อนเคลื่อนนาวาออกจากท่าหน้าวัดเร็วบัดใจ
ออกจากวัดทัศนาดูอาวาสยิ่งอนาถนึกน่าน้ำตาไหล
ด้วยที่กุฏิไม่มีใครเป็นผู้ใหญ่เกื้อชูดูร้ายดี
ยังแต่พระหนุ่มหนุ่มกับสามเณรทั้งเช้าเพลขัดข้องจะหมองศรี
ไม่เห็นใครผู้ใดที่ไหนมีเฝ้าคอยที่ปฏิบัติตามอัชฌา
ต่างองค์ต่างใคร่จะไปด้วยผลัดกันช่วยป่วยไข้ได้รักษา
ปัจจัยมีไม่พอที่จะพาแต่ที่มาเขาให้พอได้ไป
      ถึงโหนดรอบรอศาลาที่หน้าบ้านต่างรู้กาลพร้อมหน้ามาไสว
อีกชนชาวสถานบ้านศรีวิชัยไรปัจจัยไว้ได้ให้ฝากมา
จากโหนดรอบแจวถ่อมารอพักที่สำนักคูขุดหยุดศาลา
รู้ครูจ้วนชวนชนรนเร็วมานั่งพูดจาใคร่ห้ามแต่ขามใจ
ไรปัจจัยมาได้เอาให้บ้างตามที่ทางปฏิบัติอัชฌาสัย
เป็นกำลังเดินทางกลางรถไฟแล้วเลยไปดอนคันตะวันเวลา
ขึ้นสำนักพักอาศัยในอาวาสคณะญาติมาสู่ดูถ้วนหน้า
บ้างก็เอาหมากพลูมาบูชาบ้างจัดหาสิ่งของที่ต้องการ
ครั้นรุ่งเช้าเล่าลาเจ้าอาวาสบรรดาญาติมาถวายให้อาหาร
ภัตกิจเสร็จสำเร็จการจากสถานลงเรือเหลืออาลัย
โอ้ว่าวัดดอนคันสันคันธาวาสเคยอยู่ญาติพร้อมหน้าอัชฌาสัย
ขึ้นไปอยู่วัดจะทิ้งละทิ้งไว้ได้มอบให้พระอยู่ไม่สู้ทน
ด้วยผู้เพียรเบียนมาเหมือนทางปลิงยิ่งปลิดทิ้งก็ยิ่งกัดคิดขัดสน
ให้พระเหี้ยงมาอยู่ลองสู้ชนจะทานทนได้บ้างหรืออย่างไร
ปลูกโรงอุโบสถขึ้นหลังหนึ่งยังไม่แล้วมาคลาดแคล้วค้างคาเหลืออาลัย
ถ้าผู้ทำอยู่หลังยังชั่วใจแต่ไม่ใครจะกล้าอาสาทำ
ยังหลังคานิดหนึ่งที่จะแล้วมาคลาดแคล้วห่างผู้อุปถัมภ์
คิดขึ้นทีหนึ่งเล่าคนเจ้ากรรมเที่ยวคิดทำก่อสร้างให้ร้างโรย
คิดถึงญาติกาที่วัดจะทิ้ง ฯทั้งชายหญิงจะคอยละห้อยโหย
จะเศร้าสร้อยโศกถวิลให้ดิ้นโดยประกอบโกยกองกรรมระยำใจ
คอยอยู่เถิดจะลาอย่าโศกไห้ไม่ช้าไปไวมาอย่าไฉน
จงอยู่สุขสวัสดิ์อย่ามีภัยอย่าข้องใจไปนี้ไม่กี่วัน
      แล้วจึงให้ชักใบขึ้นใส่รอกนาวาออกจากที่ขมีขมัน
พระพายพัดต้องใบแล่นไปพลันพอตะวันค่ำถึงวัดแหลมทราย
อยู่ฝั่งฟากปากน้ำเมืองสงขลาเจ้าวัดมานิมนต์ไปดังใจหมาย
ขึ้นพักกุฏิใหม่ได้สบายชนหญิงชายรู้เรื่องเนืองกันมา
ต่างไต่ถามความไปแจ้งใจจบต่างปรารภเป็นทุกข์ไม่สุขขา
กลัวจะไปป่วยไข้ได้เวทนาด้วยชราร่างกายไม่บริบูรณ์
      อยู่ถึงวันธันวา ฯ ขึ้นสี่ค่ำบ้างก็นำวัตถามาเกื้อหนุน
อีกให้ค่ารถไฟอันไพบูลย์บ้างเกื้อกูลอาหารการกินไป
ต่างตามส่งถึงที่สถานีรถไปกันหมดพระเณรทั้งน้อยใหญ่
ฆราวาสกับพระที่พาไปขึ้นรถไฟอยู่ห้องที่สองงาม
ยังสองคนขนของขึ้นใส่รถขนขึ้นหมดเข้าอยู่ห้องที่สาม
เสียค่ารถหมดกันทั้งสามตามห้องที่สามสี่สิบบาทนั้นสองคน
ห้องที่สี่คนหนึ่งสามสิบบาทเสียเสร็จขาดเจ็ดสิบตามนุสนธ์
สงขลา - บางกอกน้อย ทางจรดลตีตั๋วหนเดียวได้ไม่รำคาญ
      พอรุ่งเจ็ดนาฬิการถสงขลาออกไปบางกอกข้ามเขตประเทศสถาน
นายรถรีบถีบรถบทยานจากสถานสงขลาถึงสถานี
ที่น้ำกระจายเจ็ดนาฬิกาเศษตามสังเกตทางรถกำหนดที่
สองข้างทางสร้างสวนมะพร้าวมีอ้วนงามดีพึงปลูกตกลูกลาย
ยังคิดถางสร้างป่าต่อต่อไปรอยเอาไฟเผาลนเหมือนปรนไร่
ความโลภะของมนุษย์สุดแรงร้ายไม่คิดกายว่าจะเหนื่อยเมื่อยกายา
      จากน้ำกระจายถึงสถานีบ้านควนหินเห็นเจ๊กจีนจับหมูยืนอยู่ท่า
จ้างรถไฟทุกไปเป็นสินค้าอนิจจาไม่คิดบาปปิดบัง
แล้วเลื่อนรถเร็วมาอีกสถานีน้ำน้อยอีกที่ดังใจหวัง
เขาน้ำน้อยรอยแร่แม่เหล็กยังขุดไปตั้งสูบเผาเอาตีชะแลง
บ้างตีจอบตีพร้าพาไปขายซื้อไปใช้ทุกตำบลทุกหนแห่ง
ความโลภะของบุคคลนี้รนแรงอุตส่าห์แสวงหาจะให้มี
      จากน้ำน้อยถึงชุมทางอู่ตะเภาสิ้นเขตเขาระหว่างคีรีศรี
คนเดินไขว่ไปมาที่สถานีสถานที่เปลี่ยนรถปลดไปมา
รถสงขลาสายหนึ่งไปไทรบุรีสายหนึ่งรี่ไปทุ่งสงลงรอท่า
รถชุมพรรับตอนไปไชยารถสงขลาเลยไรไปเมืองตรัง
รถอู่ตะเภาสายหนึ่งไปปัตตานีออกเป็นสี่ทางแพรกแยกโดยหวัง
รถสงขลาที่เลยไปเมืองตรังรุ่งขึ้นหวังกลับมาสงขลาเมือง
      จากอู่ตะเภามาหยุดที่หาดใหญ่ทั้งจีนไทยแขกฝรั่งเดินนั่งเนื่อง
มีตลาดขายของเหมือนกลางเมืองไม่ขัดเคืองสินค้าสารพัน
      จากสถานีหาดใหญ่ไปบางกล่ำเห็นคนล่ามโคควายอยู่หลายหลั่น
บ้างดำนาถอนกล้าอยู่เนืองนันต์กลางทุ่งนั้นแลไปไกลสุดตา
สองริมฟากสวนหมากสวนมะพร้าวปลูกเรือนเหย้าเรียงรายทั้งซ้ายขวา
ระหว่างบ้านตั้งวัดตามศรัทธาปลูกศาลาทอดสะพานชาวบ้านเดิน
      จากทุ่งนาเข้าป่าตามลำเนาทางขุดเขาเจาะเขาภูผาเผิน
เขานั้นต่ำสูงเห็นพอเป็นเนินผาทางเดินมาถึงบ้านควนเนียง
หยุดให้คนขึ้นลงส่งฟืนน้ำตีสามยามกลางงายยังไม่เที่ยง
เอาฟืนน้ำใส่รอได้พอเพียงเลยหลีกเลี่ยงถึงสถานบ้านหนองจีน
เห็นจีนเทศตะพายผ้าเที่ยวค้าขายแพรผ้าด้วยเที่ยวค้าหาทรัพย์สิน
ไม่มีเรือช้างม้าอาศันตีนเที่ยวหากินตามลำบากคนยากจน
      ถึงหารเทาเห็นเขาตัดไม้ขายมากองไว้ริมทางข้างถนน
การถากไม้ถากได้ไปทุกคนเป็นตำบลขายไม้แต่ไรมา
      ถึงบางแก้วเห็นแต่แนวพฤกษาสูงไม่มีฝูงสัตว์สิงห์มหิงสา
คิดถึงญาติทั้งหลายที่กายชราถ้ารูว่าเราจรจะร้อนรน
จะโศกไห้ครวญถึงคนึงหากว่ากลับมาคงละห้อยนั่งคอยหน
นึกถึงหลานลูกน้องสองสามคนจะทุกข์ทนคอยหาไม่ราวัน
ถ้าทราบว่าเราไปคงไปด้วยค้ำชูช่วยกันไปในไพรสัณฑ์
ยังไม่รู้ว่าจะไปยังไกลครันไม่กี่วันก็จะมาอย่าอาวรณ์
คิดการก่อพระเจดีย์ที่บางแก้วแตกมากแล้วมาปฏิสังขรณ์
ไม่เหลวไหลทำไว้เร็วรีบร้อนสิบเดือนผ่อนได้เสร็จสำเร็จการ
วันฉลองทักขิณาอภิวาทเชิญพระธาตุให้มาประดิษฐาน
เสร็จบูชากลับมาอยู่โรงงานราตรีกาลดึกเงียบสงัดคน
พระสงฆ์แสดงธรรมบนธรรมาสน์เห็นโอกาสขนพองสยองขน
มากกเกาะอยู่บนยอดกรุงแก้วบนริมมณฑลกลมเท่าผลมะนาวควาย
สำแดงแสงกลบแสงพระจันทร์เจ้าแสงช่วงพราวดุจสีมณีฉาย
เสด็จคล้อยลอยล่องละอองพรายมาดับหายเสียบนโรงแสดงธรรม
ต่างเห็นแสงแจ้งสิ้นก็ยินดีไม่เสียทีที่มาอุปถัมภ์
ขอเดชะผลบุญที่เคยทำมาเดินนำหน้าไปไวได้มา
      จากบางแก้วเลยไปเขาไชยสนรอให้คนขึ้นลงตรงศาลา
วันนั้นนัดจ่ายขายสินค้าต่างเอามาสารพันทุกอันมี
      อินทเนียร์เลื่อนรถออกจากเขา ฯไปตามแนวแถวทางหว่างวิถี
ที่ตรงนั้นไกลห่างทางสถานีถึงเรือนมีก็ไกลไปจากทาง
เรียกว่าบ้านหารโพธิ์เจ็ดตำนานที่ริมบ้านทุ่งนาป่าห่างห่าง
ไม้ใหญ่อื่นหาไม่มีไม้ยางรอยคนถางเจาะเผาเอาน้ำมัน
      ถึงสถานีเขาคูหาสูงเห็นคนจูงโคควายอยู่หลายหลั่น
มีถนนสี่แพรกยักแยกกันแพรกหนึ่งนั้นทุ่งสงทางตรงไป
แพรกพัทลุงเลยตรงไปเมืองตรังริมทางตั้งเรือนบ้านสถานใหญ่
มุงกระเบื้องมุงจากมากเต็มไปปลูกโรงใหญ่ใส่ไม้ไว้ก่ายกอง
มุงกระเบื้องซีเมนต์เป็นเรือนเสมียนไว้ที่เขียนรายจ่ายใช้สิ่งของ
บ้างปลูกสร้างต่อเนื่องกันเนืองนองขายสิ่งของทุกอย่างเหมือนกลางเมือง
ถนนนั้นขุดดินขึ้นข้างหนึ่งเป็นคูตึงน้ำขังเหมือนอย่างเหมือง
เรือขึ้นลงไปได้ไม่ขัดเคืองมานองเนืองบ้างจอดทอดสมอ
ริมสถานีสร้างโรงสีโรงหนึ่งใหญ่ใช้จักรไฟผัดผันหันผลอผลอ
ข้าวเปลือกบ้านเรือนใกล้สีไม่พอต้องทุกล้อเกวียนลากไปจากอื่น
ริมถนนหนทางตั้งตลาดขายเชี่ยนขันน้ำมันกาสไม่ขัดขืน
ขายลูกกระดุมตุ้มใส่ไว้ใช้ยืนขายของอื่นสารพันทุกอันมี
สร้างรถม้าล้อเกวียนดูเดียรดาษท้องตลาดกลางถนนคนขึ้นขี่
บนยอดเขาเล่าก็ก่อพระเจดีย์ยอดไม่มีสายฟ้าฟาดหักขาดไป
โอ้ว่าคนศรัทธาเสาะหาผลอุตส่าห์ทนทรมานก่อขึ้นได้
ขนอิฐปูนขึ้นลงประจงไว้กว่าจะได้สมคิดแทบปลิดปลง
ท่านผู้ที่มีจิตคิดจงลุขอสาธุโมทนาอานิสงส์
เสียดายฟ้าผ่ายอดให้หักลงถ้ายังคงเห็นจะงามตามที่ทำ
ถ้าอยู่ใกล้ใคร่จะทำขึ้นตามเดิมเข้าซ่อมเสริมช่วยชุบอุปถัมภ์
นี่อยู่ไกลสุดปัญญาจะมาทำมีแต่น้ำใจคิดอยู่นิดเดียว
ดูข้างขวาเห็นคนทำนาไร่ดูข้างซ้ายเห็นเงาภูเขาเขียว
บ้านใกล้ไกลไม้ไผ่กลายเป็นเรียวสักประเดี๋ยวรถก็เดินดำเนินจร
      จากสถานีที่บ้านคูหาสวรรค์กลายกระชันช่องทางหว่างสิงขร
ชื่อเขาอ้อต่อเนื่องเรื่องแต่ก่อนที่พักผ่อนคนมากินน้ำมัน
ยังมีครูรู้มนต์อยู่คนหนึ่งรู้ลึกซึ้งมนต์เวทย์วิเศษขยัน
สิ้นชีวิตสอนศิษย์ไว้ติดพันเศกน้ำมันได้เหมือนครูรู้มนต์ดี
มีตำราสร้างสำหรับกับอาวาสใครฉลาดเป็นครูอยู่วัดนี้
ต้องสนใจไปตามตำรามีจนได้ดีเหมือนครูรู้เรียนมา
      ถึงสถานีปากคลองกลางท้องทุ่งดูสุดมุ่งนาไร่ทั้งซ้ายขวา
ถนนรถจดทางกลางทุ่งนาคนถอนกล้าปักดำยังทำอยู่
      ถึงสถานีที่สถานบ้านโตนดไม่สิ้นโสดทุ่งนาป่าจุดหนู
คนเดินจูงโคดวายอยู่ชายคูหาหอยปูช้อนกุ้งกลางทุ่งนา
             

      ถึงสถานีที่บ้านบางนางหลงคนขึ้นลงเปลี่ยนปลดจากรถา
แล้วก็เลยล่วงทางไปกลางนาถึงสถานท่าเสม็ดพอเที่ยงตรง
หยุดอยู่นานจัดการเอาฟืนน้ำได้ครบตามที่ของต้องประสงค์
แล้วเลื่อนรถเลยทางวางเข้าดงเป็นป่าพงห่างห่างหนทางจร
ดินเป็นทรายคล้ายศาลาไม้ร้อยต้นสนสร้อยริมทางสล้างสลอน
ก่อกะทุทิ้งทวดชวดแชะช้อนทรายขาวอ่อนดูเพลินเจริญตา
      ถึงบ้านตูพูลสวัสดิ์เห็นวัดบ้านใกล้สถานสถานีมีศาลา
คนแน่นนั่งตั้งของขายสินค้าหมากพลูยาขนมต้มผลส้มโอ
      ถึงสถานีชุมทางเขาชุมทองคนขายของข้าวปลามากอักโข
ขายน้ำตาลน้ำส้มขนมโคขายแตงโมมะม่วงปรางต่างต่างพรรณ
สถานีนี้เป็รสถานีใหญ่หยุดรถไฟปลดเปลี่ยนอยู่เหียนหัน
สายหนึ่งไปนคร ฯ ผ่อนคนครันสายหนึ่งนั้นทุ่งสงตรงเดินไป
คนที่ลงปลงของลงสิ้นหมดแล้วเลื่อนรถจากที่สถานีใหญ่
      คราทีนั้นหนทางเข้ากลางไพรเป็นป่าใหญ่เขาไม้อยู่รายเรียง
เขาชุมทองสองเขากับเขากังเสียงนกดังร่ำร้องกึกก้องเสียง
เครือมลิวัลย์เถาวัลย์เปรียงตะวันเอียงถึงสถานีร่อนพิบูลย์
รอให้คนขึ้นลงส่งข้างของช่างไวว่องเก็บไว้ไม่ให้สูญ
คนขึ้นขึ้นใหม่ไปอเนกนูนคนตระกูลเช่าห้องที่สองนอน
      เดินรถจากสถานีร่อนพิบูลย์ดับอาดูรเดินทางหว่างสิงขร
เขาทมึนสูงเยี่ยมเทียมอัมพรเมฆหมอกจรจดจอดยอดคีรี
หมอกน้ำค้างเช้าเช้าดูขาวปลอดขึ้นห่อหุ้มคลุมยอดคีรีศรี
เขาไปตรังข้างเราก็ยังมีไม่สูงเท่าเขานี้ที่เห็นมา
      ถึงช่องเขาเรานั่งไม่ทันรู้รถจรจู่เข้าปล่องช่องคูหา
สักอึดใจไปไวไม่ได้ช้าลอดคูหาเปลวปล่องช่องคีรินทร์
เค็กไฟฟ้าขึ้นสว่างไว้กลางรถดูเห็นหมดรอยเจาะและก่อหิน
ปูนซีเมนต์ผูกกำชับไว้กับดินไม่ให้หินข้างบนหล่นลงมา
เสาสายโยชน์ยังมีอยู่สี่เสาเห็นเป็นเงาในปล่องช่องคูหา
ทั้งสองข้างกว่าจะถึงที่เจาะมารอยขุดผาปราบปลงลงไปครัน
      จากช่องเขามาถึงที่สถานีเล่าเรียกช่องเขาสถานีที่ตรงนั่น
คนอยู่เฝ้าปลูกมะพร้าวปลายเป็นควันปลูกลูกจันทร์กาแฟและกรามพลู
ใช้คนจ้างถางป่าไปอีกเล่านานคงเข้าดูไปไกลหายหู
ทางแห่งหนึ่งถึงเหวเป็นเปลวคูเมื่อแลดูปลายไม้อยู่ใต้ทาง
รถรีบเร็จจากปากเหวเข้าป่ากล้วยต้นสวยสวยเหมือนแกล้งแต่งปลูกสร้าง
ดูเหมือนบ้านอยู่ใกล้ริมชายทางที่จริงห่างไกลสถานที่บ้านคน
พ้นแต่นั้นถึงป่าไม้ไผ่ผากสุดจะมากอยู่ข้างทางถนน
ดูเหมือนรั้วริมบ้านสถานคนริมถนนเป็นป่าพนาเนิน
รถก็ล่วงเลยออกไปนอกเขาพ้นลำเนาแนวป่าภูผาเผิน
มองสุดมุ่งทุ่งนาดูน่าเพลินรถเลยเดินมุ่งมาถึงสถานี
      ถึงทุ่งสงเวลาคนขึ้นตาลรอรถนานคนขนของเสียงอึงมี่
ทั้งจีนจามพรามหมณ์แขกเทศไทยมีลงหยุดที่นอนนั่นตะวันเวลา
      รถนั้นเลยไปค่ำที่เมืองตรังรถอื่นยังรับต่อไปข้างหน้า
รถไปตรังรุ่งเช้าเล่ากลับมาไปสงขลาใกล้เที่ยงสุริยัน
หยุดถามหาขุนศรี ฯ กับนายช่วยรู้เรื่องด้วยเร็วมาหาที่นั่น
ครั้นถึงถามธุระที่มานั้นแจ้งจาบัลย์คำค่ำรอนรอน
นิมนต์ไปอาศัยวัดโคกหม้อก็เพียงพอสำนักหยุดพักผ่อน
ท่านคณะเจ้าวัดจัดที่นอนหาสาดหมอนปูลาดสะอาดดี
เคยรู้จักกันเมื่อรับเสด็จเมื่อเดือนเจ็ดปีเถาะต่อมานี้
คิดประสมสิ้นเสร็จได้เจ็ดปีท่านรู้ดีรู้จักออกทักทา
ค่ำเข้านั่งพูดทางปฏิบัติในศีลสัตย์แสนโสมนัสสา
ดึกสงัดเข้าในที่ศรีไสยยาจนเวลารุ่งลาศราตรี
ในวัดนั้นสร้างรถม้าเอาไว้ใช้ท่านได้ให้เด็กวัดเป็นสารถี
ผูกรถม้าพาไปส่งสถานีเจ้าขุนศรีจัดให้อาหารไป
ต่างขึ้นรถที่จะไปกรุงสยามทั้งจีนพราหมณ์ชายหญิงวิ่งไสว
ขึ้นสู่รถหมดกันในทันใดเลื่อนรถไฟจากที่สถานีพลัน
      เมื่อยามเช้าเจ็ดนาฬิกาเศษตามสังเกตรถไฟรีบผายผัน
เลื่อนเลยไปในป่าพนาวัลย์ใกล้กระชั้นถึงสถานีที่คลองจัง
มีคลองท่านาไร่อยู่หลายบ้านปลูกเรือนร้านมากมายอยู่หลายหลัง
ที่สร้างสวนหมากมะพร้าวเล่าก็ยังบ้างพึ่งตั้งบ้านใหม่ไปเรียงราย
รถออกจากสถานีเลยรี่ราไปริมป่าไม้ไผ่ผากมากใจหาย
รอยคนฟันบันเล่นเสียเรี่ยรายไม่มีไม้อื่นมาเข้าปะปน
      ถึงคลองกุยสถานีที่รอรถคนเปลี่ยนปลดเลยทางมากลางหน
ถึงสถานีจันดีที่เปลี่ยวคนแต่ก่อนคนอาศัยไม่ไกลทาง
เมื่ออายุสามสิบปีแรมนิราศไปพระบาทที่เกาะเมืองถลาง
ปีระกาเช่นกันวันแรมร้างอยู่ริมทางเลยไปไม่แรมรอ
      จากจันดีเลยไปในไพรสณฑ์ไกลบ้านคนปล่อยสปริงรถวิ่งผลอ
เร่งรีบรถเร็วไวไปต่อต่อถึงทานพอหยุดพักสักอึดใจ
คนขึ้นลงแล้วไปในดงดอนริมทางจรยิงไม่สิ้นป่าไม้ไผ่
นับได้สี่สถานีที่มาไกลมากกระไรพ้นที่จะนาระพรรณ
      ถึงสถานีที่กระเบียดคลองสถานบ้านนาสานที่ขมีขมัน
ถึงเขาพลูบ้านเขาควายบ่ายครันพ้นแต่นั้นถึงสุราษฎร์สถานี
เป็นคลองใหญ่ปลายน้ำคลองบ้านดอนรอรถผ่อนเติมน้ำฟืนที่นี่
ฟืนกระไรกองไว้มากมายมีห่างจากนี่ไกลไปได้สิบวา
เขาสีนไม้ไว้สั้นสักกึ่งศอกแล้วผ่าออกจัดสูงขึ้นเพียงหน้า
ดับสี่แถวแนวเรียงเคียงกันมาดูด้านหน้าดับทำเหมือนกำแพง
ที่ทุ่งสงจัดลงไว้เหมือนกันไม้ฟืนนั้นตามสถานีมีทุกแห่ง
ยังจ้างคนให้ตัดคิดจัดแจงทุกหนแห่งดับไว้ไม่ขาดทาง
อีกแห่งหนึ่งปลูกโรงสามห้องใหญ่เฉียงฟืนใส่เหมือนข้าวเขาใส่ฉาง
ดับถึงแปไม่แลที่ระวางอยู่ริมทางที่รถบทจร
สุราษฎร์ธานีมีแม่น้ำเรือจ้างข้ามคนลงดูสลอน
ตั้งเรือนเรียงริมท่าชายสาครเห็นซับซ้อนดูไปไกลสุดตา
เรือนมุงกระเบื้องปูนซีเมนต์เห็นดารดาษตั้งตลาดเรียงรายทั้งซ้ายขวา
ขายส้มสูกลูกไม้มีนานาขายแพรผ้าของดีมีทุกพรรณ
ขายน้ำแข็งแทงใส่ไว้ในชามเด็กซื้อน้ำโซดามาให้ฉัน
ครั้นรถไฟใส่ฟืนสำเร็จพลันรีบเร็วผันมุ่งมาข้ามสะพาน
เมื่อจะข้ามคลองขวางที่กว้างใหญ่เร่งจักรไฟแรงกำแหงหาญ
เสียงหวีดหวีบรีบรถบทยานข้ามสะพานเร็วพลันทันพริบตา
คลองบ้านดอนใหญ่กว้างน้ำลึกล้ำสะพานข้ามเสาปักมากนักหนา
กระดานปูเหล็กขึงมั่นตรึงตรากระดานหนาไม้แก่นแสนจะดี
ริมสะพานผ่านทำตารางกั้นเกรงจักรหันเหหกตกจากที่
รถข้ามคลองเข้าป่าพนาลีถึงสถานีหัวเตยเลยล่วงจร
      ถึงท่าเตยสถานีที่รอรถเลยพ้นหมดไปทางหว่างสิงขร
ถึงท่าฉางไชยาสถาวรรอรถผ่อนผันให้คนขึ้นลง
ที่ไชยาทุ่งนาป่าโหนดแน่นนับหมื่นแสนแลแลระเริงหลง
เหมือนกับทุ่งจะทิ้งพระเป็นป่าดงทางท่าตรงทุ่งนาก็เหมือนกัน
ทิศตะวันตกไชยามีป่าเขาจะทิ้งเราเป็นทะเลเสียเท่านั้น
บ้านเขามีต้นไม้มากมายพรรณต้นอินจันหมากมะพร้าวเป็นเล่าลาย
หมายจะหยุดเยี่ยมญาติของโยมหญิงนึกประวิงเกลือกไม่สมอารมณ์หมาย
ด้วยพี่น้องของแม่แต่ล้วนตายทั้งพี่หญิงน้องชายไม่สักคน
ยังแต่ลูกหลินหลานนานนานปะจะสืบหายังเห็นไม่เป็นผล
ถ้าลูกเองยังมีอยู่สักคนถึงมาจนจะตามสืบถามไว้
ลูกเติบใหญ่ไปมาได้อาศัยจะสืบไว้ให้ใครเมื่อหาไม่
เราเกิดมาคนเดียวเปล่าเปลี่ยวกายชีวาวายตายแล้วก็แล้วกัน
คิดสละละญาติอนาถนิ่งนึกโยมหญิงเสียน้ำใจอยู่ไหวหวั่น
โอ้กรรมเอยกรรมมากพลัดพรากกันสิ้นชีวันไม่ได้มาพบหน้าเลย
สั่งเอาไว้ให้มาหาจนพบมันหมดจบสิ้นโอมแล้วโยมเหย
ที่สั่งไว้อย่าได้น้อยน้ำใจเลยฉันไม่เคยพบญาติแล้วชาตินี้
แรกกำลังยังหนุ่มไม่ได้มาจนชราร่างกายใกล้เป็นผี
ถ้าเมื่อหนุ่มยังกำลังดีคงจะมีน้าป้าอยู่สักคน
นี้ตายสิ้นยังแต่ลูกเหลนหลานคิดขี้คร้านสืบเห็นไม่เป็นผล
แม้นสืบไว้ได้รู้อยู่มากคนไม่เห็นผลลึกซึ้งไปถึงไหน
โอ้คิดมาสารพัดจะตัดขาดจะตัดญาติตัดมิตรคิดไม่ไหว
ตัดแล้วยังหวังห่วงหนักหน่างใจเหลืออาลัยที่จะตัดให้พลัดกัน
อย่าว่าอะไรที่อยู่จะทิ้งพระคิดสละสานุศิษย์คิดเท่านั้น
ลูกผู้อื่นไม่ใช่พวกพงศ์พันธุ์แต่เท่านั้นยังละไม่ได้เทียว
มาครั้งนี้คิดจะหนีไปอยู่อื่นแล้วกลับคืนคิดไปหัวใจเหี่ยว
ถึงอยู่มากไม่ดนเสียคนเดียวจะเปล่าเปลี่ยวเปลี่ยวใจให้อาวรณ์
      นายรถเลื่อนรถจากสถานีไม่เร็วรี่รีบพลันไวผันผ่อน
พ้นป่าตาลทุ่งนาเข้าป่าดอนรถเร็วจรถึงบ้านหนองหวายไว
      ถึงควนธูปคันธุลีสถานีละแมเลยพ้นแต่นั้นถึงบ้านขนานใหญ่
บ้านขนานเก้าล่วงเถาว์เข้าป่าไปเข้าป่าไสรอยไร่เขาร้างนาน
      จากสถานีขนานบ้านเก่าใหม่เร็วบัดใจหลังสวนล้วนสถาน
นับสถานีแต่จากที่ทุ่งสงนานได้ประมาณยี่สิบสามนามสถานี
หลังสวนนี้มีศิษย์ชื่อจีนหิ้นเที่ยวหากินเรื่อซัดพลัดจากที่
เขาขึ้นอยู่ที่บ้านหลังสวนนี้นายหลายปีไปที่วัดใจศรัทธา
เอาฉากฝ่าพระบาทไปถวายหวังจะได้เป็นญาติพระศาสนา
บอกว่าอยู่หลังสวนแล้วไหว้ลาไปนานช้านับกว่ายี่สิบปี
คิดสืบหาไม่ที่จะได้ถามใครรถเลยไปล่วงทางหว่างวิถี
ถึงตะโกเขาบีบรีบทันทีถึงสวี วิสัย ไปทุ่งคา
      เจ็ดสถานีที่จะถึงบ้านแสงแดดนับเป็นแปดชุมพรจรข้างหน้า
รถไปถึงชุมพรพอสนธยาหยุดรถหาสำนักที่พักพล
นับสามสิบสถานีถึงชุมพรรอพักผ่อนสิ้นทางที่เดินหน
หยุดโรงจีนไม่ดีมีมากคนผู้หญิงปนแขกไทยไม่สบาย
จึงไปนอนสำนักพักรถไฟที่นอนในสองแห่งแพงใจหาย
มีมุ้งม่านเบาะหมอนที่นอนนายต้องเสียให้สี่บาทนอนสองคน
นอนที่ต่ำคนหนึ่งเสียหนึ่งบาทเสียเสร็จขาดห้าบาทโดยนุสนธ์
ในห้องนั้นสบายไม่มีคนไม่ขัดสนน้ำท่าก็ย่อมยัง
ที่อาบน้ำนั้นปูเหล็กวิลาศมีขอพาดผ้าตามอารมณ์หวัง
ที่ถ่ายอุจจาระปัสสาวะก็ย่อมยังที่ไขขังน้ำกินก็ย่อมมี
กระจกใหญ่ปิดไว้ที่ชายฝาเค็กไฟฟ้ารุ่งสว่างกระจ่างศรี
ชามรองน้ำล้างหน้าก็ย่อมมีมีเก้าอี้ที่นั่งข้างที่นอน
      ดึกสงัดจำวัดครั้นรุ่งเช้าเด็กซื้อข้าวใส่ชั้นแล้วผันผ่อน
ขึ้นรถไฟไปเหมือนกับวันก่อนก่อนจากชุมพรถึงสถานีนาชะอัง
ไปสะหลี บ้านสน มาปลีกสถานถึงห้วนสักบางสะพานดังใจหวัง
บางตะพานนั้นแน่แร่ทองยังรถหยุดยั้งเอาน้ำและฟืนลง
      จากบางตะพานผ่านไปนาผักขวงบ้านกุดล่วงเลยไปในป่าระหง
มีนกไม้หลายหลากมากในดงออกพุ่งตรงถึงทับสะแกพลัน
ไปทุ่งประดู่ห้วยยางข้างคีรินทร์ถึงหนองหินไปประจวบคีรีขันธ์
รถหยุดเที่ยงทีหนึ่งเพราะกึ่งวันถึงเขาขั้นกระไดดังใจจง
เห็นเขาสูงสองข้างเหมือนถางไร่ไม่มีไม้แลลานระเริงหลง
เห็นแต่งอกหย่อมหญ้าเป็นป่าพงน่าขึ้นลงเดินเล่นเห็นสบาย
ต้นไม้มีอยู่บ้างเห็นห่างห่างจะว่าคนถางทำไร่ก็ไม่ใช่
กับคนอยู่ทางไกลไปเป็นงายการถางไร่ได้ใครแต่ไรมา
      ถึงบ่อนอกทางรถขึ้นออกแท้ขึ้นไปแค่ริมทะเลคลื่นฉ่าวฉ่า
เห็นน้ำเชี่ยวเกลียวคลื่นกลางชลามองนาวาแล่นไปในกลางชล
เห็นเกาะหลักเหมือนเขาปักไว้กลางน้ำดูสวยงามกลางทะเลระเหระหน
ริมทะเลแลเห็นเป็นบ้านคนมีต้นสนมะพร้าวเป็นเหล่าราย
ดินตรงนั้นเหมือนดินริมระวะไม่มีหญ้าเหมือนแกล้งแต่งกากถ่าย
ดินอ่อนเข้าระคนปนดินทรายงอกแค่ไม้ทิ้งทวดกับเสม็ดชุน
เห็นเขาหนึ่งอยู่ริมทะเลแค่เมื่อแลเห็นหินสีหมุนหมุน
คล้ายกับเขาเกาะห้าเอามาปุนรถก็หมุนจักรเฉยเลยแล่นไป
      ถึงคลองกุยสัมปทานสามร้อยยอดเลยตลอดหนองค้างห้วยขวางใหญ่
ถึงสถานีเมืองปราณบานฤทัยเมืองกว้างใหญ่สุดมุ่งกลางทุ่งนา
มีวัดวาอาวาสสะอาดสะอ้านปลูกเรือนร้านมุงจากมากนักหนา
ตั้งตลาดเรียงรายจ่ายสินค้าแพรไหมผ้าสารพันทุกอันมี
      ถึงวังพงก์ตรงนี้ที่กำหนดระยะรถงานหยุดแต่เพียงนี่
รถหยุดตามระยะสถานีรถที่ขี่เลยข้ามสถานีไป
ถ้าธุระมากมากหยุดพักบ้างหยุดห่างห่างตามที่สถานีใหญ่
เอาฟืนน้ำตามเติมใส่รถไฟแล้วเลยไปหนองแกระยะมา
             

      ถึงหัวหินบ่อฝ้ายห้วยทรายอ่อนบางควายนอนนาชะอำน้ำถึงตา
นี่ชื่อหนองตะพดกำหนดมาถึงหนอกจอกศาลาให้รอรถ
ให้คนลงแล้วไปหนองไม้เหลืองเขาทะโมนเนืองเนืองตามกำหนด
ถึงห้วยเสือสถานีที่รอรถเลยไปจดเมืองเพชรบุรี
ดูเห็นคนเกี่ยวข้าวในนาคล่ำนาที่ทำทุ้งกว้างขวางกว่านี้
กับทุ่งระโนดกว้างขวางเหมือนกันมีดินนาดีข้าวอ้วนน่าควรทำ
ทั้งซ้ายขวาดูไปไกลสุดมุ่งในท้องทุ่งดูสนุกปลูกขนำ
ฝนพลัดตกเดือนหกแรงลงทำเดือนแปดดำเดือนอ้ายสุกทุกถ้วนนา
เขาไม่เก็บทีละรวงเหมือนข้างเราเขาเกี่ยวเอากองไว้เสมอหน้า
เป็นหย่อมหย่อมล้อมเต็มทั้งทุ่งนาไม่ทราบว่าจะทำเป็นอย่างไร
      เลื่อนรถออกจากที่นั้นถึงบางจากคนลงมากขึ้นมาหนองปลาไหล
ถึงบ้านน้อยคลองประดู่เขาเล่าไว้แล้วเลยไปบ้านปากท่อบ่อตะกร้อ
      ตะวันบ่ายนายรถปลดปล่อยสปริงรถไววิ่งจักรผันหันผรอผรอ
เลยไปบ้านคูบัวไม่รั้งรอล่วงเลยต่อถึงราชบุรีเมือง
ริมภูเขาเขาสร้างเป็นอาวาสก่อพระบาทไว้บนเขาเขาเล่าเรื่อง
จำลองมาจากพระบาทบางกอกเมืองได้รุ่งเรืองธานีที่บูชา
      ถึงบ้านกล้วยกล้วยมากมีสล้างสองข้างทางแลรายทั้งซ้ายขวา
ไม่มีลูกปลูกเต็มตามทุ่งนาเห็นเป็นป่าไปสุดลูกตาแล
      รถหยุดบ้านเจ็ดเสมียนเปลี่ยนขึ้นลงรถหยุดส่งคนไปบ้านไกลแต่
ถึงสถานีโพธารามตามหัวแจวัดอยู่แค่ริมข้างทางรถเดิน
      ไปถึงหนองตาคดนครชุมบ้านโป่งปุ่มสถานีวิถีเถิน
หนองปลาดุกบางตาลบ้านมากเมินรถก็เดินถึงสถานีโพรงมะเดื่อ
ไม้ไผ่หนามตามทางสองข้างรถเกินกำหนดหลายหลากมีมากเหลือ
ปล้องสั้นสั้นหนามนั้นมากเหลือเฟือจากโพรงมะเดื่อถึงบ้านสนามจันทน์
      รถเลยไปไวถึงนครปฐมที่นิยมพระเจดีย์มีที่นั่น
ดูรุ่งเรืองส่งศรีฉวีวรรณสูงใหญ่ครันแก่เก่าไม่ร้าวราน
อยู่กลางทุ่งรุ่งโรจน์สันโดดเด่นเดินดูเห็นแต่ไปไกลสถาน
สูงเทียมนกเขาเหินเกินทะยานพระยาพาลก่อสร้างไว้ล้างกรรม
ฆ่าพ่อตายเมื่อขึ้นต่อคอช้างรบรู้ปรารภหาผู้อุปถัมภ์
องค์พระโมคคัลลีบุตรเธอแนะนำจะแก้กรรมพแคลายไม่สิ้นดี
ก่อสถูปสูงเท่านกเขาเหินแล้วให้เชิญบรมธาตุชินสีห์
ประจุใส่ไว้ในพระเจดีย์ต่อหนึ่งที่บาปเบาบรรเทาคลาย
พระยาพาลทำได้ดังจำนงก่อเป็นองค์พระเจดีย์นี้ขึ้นได้
เสาะพระธาตุได้มาบรรจุไว้ไว้ที่ได้บูชานมัสการ
ครั้งสมเด็จพระหน่อบรมนาถเสด็จประพาสสนามจันทน์อันวิตถาร
ปราสาทยังครั้งเมืองปฐมนานแตกร้าวรานทรงแต่งขึ้นมั่นคง
ก่ออื่นแอบเข้าสองยอดประสาทงามโอภาสแลเหลืองเรืองระหง
มาประทับฝึกหัดจัตุรงค์เมื่อยังทรงเยาวภามาเลือนเลือน
ในคืนหนึ่งบนยอดพระเจดีย์ส่งแสงสีจะว่าไฟก็ไม่เหมือน
สีเขียวแดงแสงสว่างถึงกลางเรือนพระทรงเอื้อนโอษฐ์อรรถตรัสแสงใด
เขาทูลว่าพระธาตุปาฏิหาริย์โปรดประทานให้เห็นเป็นนิสสัย
ท้องร้อยคนพันคนหมื่นคนไปอยากจะได้ปรากฏทศนา
พระองค์เห็นเช่นนี้เป็นบุญลาภจะได้ปราบศัตรูไปในเบื้องหน้า
เป็นจอมเมืองเรืองฤทธิ์อิศราเทวดาจะช่วยอำนวยพร
ทรงสดับรับสารเสนาะโสตแสนปราโมทย์ภิญโญสโมสร
เสร็จประทับสนามจันทน์อันบวรแล้วกลับจรย้อนหลังยังนครา
      รถก็เดินจากที่นครปฐมต่างชี้ชมนกไม้ปลายพฤกษา
เสียงคุ่มเขากาเหว่าร้องก้องวันนาโกกิลากาลิงและคลิ้งโคลง
นกกระทาท้าขันสนั่นอึงรถก็ถึงสถานีที่ต้นโหรง
ถึงบ้านแฉล้มเลยมาตามหน้าโรงบ่ายสี่โมงถึงบ้านเขมนพลัน
เป็นที่รถหยุดเอาฟืนน้ำแล้วเลยลามทันทีขมีขมัน
ถึงงิ้วรายคลองสวัสดิ์วัดสุวรรณพ้นจากนั้นถึงบ้านศาลายา
ถึงศาลาธรรมศพพอพลบค่ำเค็กไฟฉ่ำขึ้นสว่างกลางรถา
ถึงบ้านฉิมพลีรถลีลาเลยล่วงมาถึงบ้านตลิ่งชัน
      พอตีหนึ่งรถถึงบางกอกน้อยคนปล่อยรถลงส่งที่นั้น
พวกจีนเทศไทยมีอยู่นี่นันยื้อแย่งกันรับจ้างขนของลง
หมู่มันมากบ้างลากของไปซ่อนดูไขว่ว่อนดูหน้าจะไหลหลง
ไม่อุตส่าห์ระวังไว้ให้มั่นคงพลั่งเผลอลงสูญหายได้มันไป
เราสามคนขนของลงกองตั้งคนหนึ่งนั่งอยู่เฝ้าไม่ไปไหน
คนหนึ่งยังระวังบนรถไฟคนหนึ่งไปขนของวิ่งขึ้นลง
ที่หน้าท่าไฟฟ้าแสงสว่างลงเรือจ้างขนของต้องประสงค์
เรือจ้างรับเร็วไวไปโดยตรงเรือจ้างส่งถึงวัดสามพระยา
      ขึ้นไปนั่งยังที่กุฎีนอกพระบางกอกมานั่งอยู่ถ้วนหน้า
พูดบางกอกออกแอสแนสนาแลเห็นหน้าพระชุมกลุ้มกันไป
นั่งล้อมหน้าล้อมหลังพลางไต่ถามตามเรื่องความที่มาเหตุไฉน
พระชุมบอกสิ้นความตามเรื่องไปต่างทราบในเรื่องสิ้นแสนยินดี
บ้างไปจัดปัดกวาดปูสาดหมอนที่นั่งนอนหมอนตั้งไว้ข้างที่
จุดโคมยามตามไฟในทันทีจัดหาที่เชี่ยนขันและปั้นชา
      พระพรรษาอ่อนนั้นสนิทเหมือนศิษย์สอนไม่เกี่ยงงอนเกลียดขึ้งคิดหึงสา
ด้วยพระชุมอยู่วัดนั้นแต่นานมาพระสงขลาเพื่อนมีอยู่มากองค์
พระจะนะและพระวัดชะแล้วัดชะแมก็ยังดังจำนง
พระบางกอกก็มีไม่กี่องค์พระนอกกรุงมาอยู่อีกมากมาย
      บ้างพูดยอว่าพ่อท่านพอมาถึงเราได้พึ่งบรรเทาพอหนาวหาย
ที่จริงหนาวตั้งแต่ต้นเดือนอ้ายไม่ห่มหายหนาวกล้าจนหมาร้อง
เมื่อวานซืนคืนหลังยังหนาวกล้าพอถึงมาหนาวหายได้คลายหมอง
เหมือนหนึ่งมาพาหนาวไปทิ้งคลองละอายอองปลิวปลายลายน้ำไป
ชรอยบุญบารมีเจดีย์บางแก้วที่แจ้งแจ้วให้เห็นเป็นนิสัย
มาบันดาลหนาวร้ายให้หายไปชาวเวียงไชยได้พอคลายเวทนา
      รุ่งขึ้นชาวเมืองมาปฏิบัติไม่ขาดขัดการบุญชะภักษา
ตะวันบ่ายโมงครึ่งถึงเวลาเข้าไปหาพระวุฒิที่หน้าวัง
พาพระชุมไปด้วยได้ช่วยพูดพบพระวุฒินิมนต์นั่งดังใจหวัง
พูดไต่ถามความไปบอกให้ฟังนำไปนั่งกับท่านอธิบดี
ถามพรรษาอายุได้เท่าไรตอบว่าอายุได้เจ็บสิบเอ็ดเข้าปีนี่
บวชได้นานพรรษาห้าสิบปีถามที่ท่านวัดโพธิใยไม่มา
ส่งหนังสือที่ท่านเจ้าคุณฝากไปให้รับไปได้อ่านฟังสิ้นกังขา
ท่านแก่แล้วใยทำไมมาตอบเขาว่าหาเหตุผลให้ไม่พอ
ครั้นไปมาไม่มีความเจ็บไข้คิดบิดไพล่ไม่มาเขาว่าฉ้อ
อธิบดีได้ฟังนั่งหัวร่อแล้วถามต่อไปตามรูปความมี
เมื่อยังหนุ่มได้มาบ้างไหมเล่าตอบว่าเปล่าได้มาหนเดียวนี่
เขาตอบว่าท่านมาในครานี้เมื่อคืนหลังจะได้กลับไปเล่าเขา
ส่งหนังสือที่เจ้าคุณฝากไปให้รับไปได้อ่านฟังสิ้นกังขา
ของดีดีมีมากในเมืองเราจะได้เล่าความสบายให้เขาฟัง
      สิบสามค่ำบ่ายสามโมงนิมนต์มารับพัดตราชื่อนามตามรับสั่ง
ในหลวงถวายพัดในราชวังยังที่นั่งอัมรินทร์สิ้นทุกองค์
เจ็ดสิบรูปทุกเมืองนิมนต์มารับพัดตราชื่อนามตามประสงค์
ท่านอาศัยวัดไหนบอกให้ตรงตอบว่าองค์อาตมามาหยุดใน
ในวัดสามพระยาริมท่าน้ำเรือจ้างข้ามให้มาได้อาศัย
พระสงขลามาอยู่มากไม่ยากใจเขาก็ได้ปรนนิบัติไม่ขัดเคือง
แล้วก็ลากลับมาอาวาสสถานเจ้าคุณญาณท่านพระครูครั้นรู้เรื่อง
ต่างดีใจว่าได้ไปบางกอกเมืองไปนั่งเนื่องพร้อมญาติไม่ขาดวัน
      ครั้นรุ่งขึ้นไปเฝ้าพระสังฆราชในวัดราชบพิธอันมหันต์
เอาเทียนแพไปถวายดอกไม้กันไปวันนั้นพร้อมพระเจ็ดแปดองค์
ผ้าห่มดองครองสังฆะติพาดประคตคาดถวายของต้องประสงค์
พระแก่ ๆ ก็มีอยู่มากองค์แรกคิดคงว่าแก่มีแต่เรา
คิดว่าพระหนุ่ม ๆ จะรุมเยาะด้วยไม่เหมาะเพราะร่างกายไม่เหมือนเขา
เห็นพระแก่ยังคลายค่อยบ่ายเบาสิ้นความเศร้ากราบลามาประชุม
      ที่เจ้าคุณพรหมมุนีวัดสุทัศน์ปฏิบัติเทียนแพทั้งแก่หนุ่ม
ท่านถามความปฏิบัติพูดรัดกุมการห่มคลุมห่มดองครองผ้าไตร
ห่มซ้ายแหวกแกวกมือถืออุ้มบาตรเห็นเหลือขาดตกลงที่ตรงไหน
ห่มเคลียวขวาบ่าตะพายบาตรเข้าไปเขาไม่ใส่ข้าวให้ได้หรือเปล่า
ถ้ากลับมาไม่ได้อะไรฉันคราทีนั้นต้องเปลี่ยนให้เหมือนเขา
เมื่อยังได้ดีอุดมใยงมเงาทำตามเขาคิดว่างามให้คนยอ
ไม่ทำตามอุปัชฌาย์นุ่งห่มให้คิดทำได้ไม่กลัวเพื่อนหัวร่อ
อุปัชฌาย์ห่มให้ไม่ชอบพอทำเผลอผลอพลิ้วไพล่ไม่คิดคุณ
ไม่คิดเห็นว่าขาดอุปนิสสัยเที่ยวทำไขว่เคลียวซ้ายให้เฉียวฉุน
เมื่อเราไม่เคลียวซ้ายยังได้บุญเที่ยวทำวุ่นไปใยให้ป่วยการ
อุตส่าห์เรียนธรรมวินัยไปดีกว่าฉันคิดว่าคงเห็นเป็นแก่นสาร
ถืออย่างเดียวอย่ารักคิดหักรานตรองแต่การบาปกรรมอย่าทำไป
ถึงไม่ได้นิพพานในชาตินี้คงจะมีการอุปนิสัย
แม้นตายแล้วเกิดเล่าเบื้องหน้าไปคงจะได้พบพระอย่ากังวล
สวรรค์นิพพานไม่อยู่ที่ห่มผ้าอย่าเที่ยวคว้าไม่เห็นว่าเป็นผล
ห่มอย่างไรครั้นใจยังวุ่นวนคงไม่พ้นจากภัยในอบาย
      ต่างฟังสอนอ่อนเศียรน้อมคำนับกราบลากลับต่างไปดังใจหมาย
พอเวลาสายัณห์ตะวันบ่ายเลยไปไหว้ศพพระยาวชิรญาณ ฯ
องค์พระมหาสมณะอันอุดมวัดบรมนิเวศน์นิวาสสถาน
ตั้งธูปเทียนดอกไม้นมัสการได้ดูอ่านกระดานป้ายใกล้โกฏทอง
ในตัวป้ายว่าให้ไรปัจจัยตามที่ในเขตดินสิ้นทั้งผอง
เป็นเจ้าหมู่เจ้าคณะใต้ฝ่าละอองใครบุญปองปรารถนาบูชาคุณ
คิดจัดแจงปัจจัยเอาไปให้ได้ใช้จ่ายชดเจือก่อเกื้อหนุน
ถวายพระในทางบังสุกุลให้แก่คุณที่ท่านบอกออกให้เรียน
อุตส่าห์ส่งลงพิมพ์ออกไปให้ได้อ่านง่ายไม่พักยากลำบากเขียน
ทั้งข้างไทยฝ่ายอังกฤษคริสเตียนอุตส่าห์เพียรจงจิตรไม่คิดกาย
ที่ลึกนักชักออกมาให้ตื้นทุกวันคืนพากเพียรให้เรียนง่าย
ไม่ถือตนว่าองค์ท่านเป็นนายจนพระกายซูบผอมเพราะตรอมคิด
ท่านหมายแม่นแทนองค์พระศาสดาจึงอุตส่าห์อดนอนสั่งสอนศิษย์
คิดก่อสร้างทางไหนท่านไม่คิดประจงจิตรคิดแก่แต่แปลธรรม์
ควรหมู่เราชาวคณะพระทั้งหลายอย่าเสียดายปลงจิตรคิดจัดสรร
ออกปัจจัยตามได้จะให้ปันไม่เสกสรรค์เสแสร้งแกล้งบังคับ
ตามถนัดศรัทธาจะออกให้รวมไปไว้เจ้าหมวดตรวจเสร็จสรรพ
ส่งคณะเจ้าจังหวัดจัดคนรับธนาณัติส่งไปทางไปรษณีย์
คณะกลางสงขลาไรได้แปดร้อยจะทิ้งน้อยร้อยหนึ่งไม่ถึงที่
ได้แปดสิบสามบาทขาดเต็มทีด้วยแขวงที่นั้นจนทุกคนไป
เจ้าคณะสองคณะส่งมาไว้ลงดานป้ายไว้เห็นเป็นนิสสัย
คณะพระธรรมยุติทั้งนอกในรวมปัจจัยหกพันแปดร้อยมี
มหานิกายได้หมื่นสองพันเศษจดหมายเหตุลงป้ายได้เพียงนี้
ไม่ว่าแขวงจะทิ้งพระหรือแขวงแห่งใดมีบอกแต่ที่สองคณะไว้เท่านั้น
      ดูโกฏทองของหลวงที่ใส่ศพประดับครบงามเลิศดูเฉิดฉัน
ดูแพรวพรายแก้วแกมแนมสุวรรณลายกุดั่นดอกกระเด็นเห็นเรืองรอง
ยอดเหมเห็นเป็นเสมือนยอดมงกุฏที่ยอดสุดสวมแก้วแววขาวผ่อง
ดอกสท้านก้านสุวรรณอันเรืองรองสุวรรณกรองเครื่องห้อยย้อยระย้า
ที่ตั้งศพมณฑปประดับขั้นเป็นชั้น ๆ แลเลิศอันเลขา
มีฮากบังตั้งช่องทวาราใบระกากาบก้านกาญจน์มณี
นภอัดแอบแทบเท้าจมูกสิงห์ลายก้านกิ่งเครือลัดดาวลีศรี
สลับดอกกุหลาบรับกับมณีส่งแสงศรีพรายแพรวดังแก้วดาว
เพดานตัดประดับเดือนดาวแก้วเพริศแพร้วรัศมีสีเหลืองขาว
การเวกรูปสุวรรณอันแพรวพราวประดับดาวเดือนแก้วแววระยับ
จงกลกาบอุบลรับผ้าพานช้างตีนเตียงตั้งประดับมุขสุกสีสลับ
ที่สวดศพโต๊ะตั้งห่างประดับเก้าอี้รับนับสี่เก้าอี้ราย
ที่พระนั่งบังสุกุลปูพรมอวดประกอบลวดที่ต่ำตั้งเก้าอี้หวาย
ที่หน้าศพโสภาปูผ้าลายที่ถวายธูปเทียนเขียนเบญจรงค์
ฉัตรสุวรรณปักชั้นบังพนักนับเรียงระดับชั้นละสี่คู่ดูระหง
ที่ริมรอบสี่ด้านมีม่านวงปั้นรูปหงส์ครฑอัดปักฉัตรเทียน
ชามเชิงใส่ลูกไม้ดูก่ายกองที่ชั้นช่องห้องไม้ลวดลายเขียน
แลแต่ล้วนโสภาศีรษะเวียนถวายเทียนดอกไม้แล้วไหว้ลา
      ในเมื่อวันเข้าไปไหว้ไม่มีใครที่จะได้รู้จักออกทักหา
ยังแต่สองคนนั่งทรมาจวนเวลาเลยออกนอกประตู
ขึ้นรถเจ๊กชักไวไปตามถนนรีบร้อนรนเร็วไวไปส่งสู่
ณ วัดสามพระยาที่มาอยู่สานุศิษย์รู้ไปนั่งในกลางคืน
ถามถึงญาติและมิตรที่อยู่หลังบอกสบายให้ฟังน้ำใจชื่น
ประสกพระไปหาทุกค่ำคืนพระวัดอื่นใกล้ไกลรู้ไปมา
ไม่ทราบว่ามาจากแต่วัดไหนสุดแท้แต่ที่ไปจากสงขลา
อีกพระเส้งวัดโพธิ์รู้เรื่องมาพระมหาหัวกะถินได้ยินไป
พระนุ้ยเป็นสามเณรไปแต่วัดครบปียัติได้สองพรรษาใหม่
ทั้งพระก่ำวัดหงส์ประจงใจรู้เรื่องไปไปหาทุกอาราม
ครูธรรมาธิการกับนายเปรื่องครั้นรู้เรื่องไปหาพูดจาถาม
ถึงญาติมิตรบิตุรงค์พวกพงษ์นามก็เล่าความอยู่สบายให้เขาฟัง
หนูกลับฝากผ้าไปให้นายเปรื่องได้รับเรื่องทราบสมอารมณ์หวัง
พระยาวิโชติอยู่ใกล้ได้ยินฟังออกคำสั่งยกสำรับให้ทุกวัน
ใบบอกที่เป็นพระยาปฤกษภิรมย์รู้ชื่นชมไปนิมนต์มาให้ฉัน
นั่งพูดจาสนทนาสารพันครั้นเสร็จฉันแล้วถวายให้ปัจจัย
สิบสองบาทปรารถนาให้ค่ารถที่จรจดบรรจงไปส่งให้
ถึงเวลาที่จะกลับทับทวนไปเธอก็ให้รถพามาส่งวัด
      รุ่งขึ้นเข้าไปโรงพยาบาลคิดอ่านจะใส่ฟันนั้นขืนขัด
เขาว่าอยู่ไปสักเดือนจึงได้จัดเห็นขืนขัดกลับมาหาพระยาภิรมย์
ไปนั่งท่าบ้านเจ้าพระยายมราชช่างแคล้วคลาดนั่งพินิจคิดปรารมย์
สักประเดี๋ยวไม่ช้าพระยาภิรมย์เดินกั้นร่มมาเห็นก็ยินดี
ลดร่มกลดถอดเกือกออกตั้งไว้แล้วเบี่ยงบ่ายเข้านั่งยังเก้าอี้
ถามถึงคนอยู่กันแต่ก่อนมีตอบทันทีว่าตายบ้างก็ยัง
ได้สดับทราบสิ้นอนุสนธิ์แล้วนิมนต์ไปเรือนเหมือนใจหวัง
เรียกแม่ชื่นภรรยาออกมานั่งแล้วก็สั่งคนใช้ต้มน้ำชา
เอาผ้านุ่งกับแมลงตาห้าสิบให้รับมาได้สรวลสันต์ให้หรรษา
(ต้นฉบับขาดเพียงเท่านี้)
             

เชิงอรรถ

ที่มา

[1]

เครื่องมือส่วนตัว