นิราศหาดเจ้าสำราà¸
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
การปรับปรุง เมื่อ 10:46, 29 กันยายน 2553 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: นายเฟื่องชวาลี
นิราศเรื่องนี้ นายเฟื่อง ชวาลี แต่งเมื่อครั้งตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวไปยังหาดเจ้าสำราญ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๔
บทประพันธ์
| ๏ นิราศร้างห่างขวัญกะสันเสียว | |||
| ไม่เคยพรากจากกันสักวันเดียว | มาเด็ดเดี่ยวความสวาทนิราศไกล | ||
| ให้อัดอ้นจนจิตด้วยกิจหลวง | ต้องหักห่วงจากมิตรพิสมัย | ||
| จะมีแต่ปั่นป่วนรัญจวนใจ | กว่าจะได้กลับมาเห็นหน้ากัน | ||
| ในระหว่างร้างโรยโดยเสด็จ | ยี่สิบเอ็ดวาระสละขวัญ | ||
| ใครจะปลอบแก้วตาสุดาจันทร์ | จะนับวันโศกาเฝ้าอาวรณ์ | ||
| อันใจพี่นี้น้องย่อมมองเห็น | ว่าจำเป็นจำใจไกลสมร | ||
| แต่คราวนี้ดีอย่างหนทางจร | จะไปตอนหาดเจ้าค่อยเบาใจ | ||
| โดยมหากรุณะสละทรัพย์ | อเนกนับแสนบาทไม่หวาดไหว | ||
| ราชดำรัสจัดสร้างทางรถไฟ | สำหรับไปแรมประพาสหาดสำราญ | ||
| กับทั้งผู้ดูทำที่ดำริ | มีวุฒิสามารถอันอาจหาญ | ||
| คือพระยาวรวงพงศผู้บงการ | เปนแม่งานทำมาเพียงกว่าปี | ||
| ไม่นานหลายขวายขวนจนสำเร็จ | คราวเสด็จขึ้นล่องค่อยผ่องศรี | ||
| จะมาไปได้ง่ายสบายดี | แต่ใจพี่นั้นยังเป็นกังวล | ||
| แม้หนทางร่างกายสบายมาก | ก็ไม่อยากร้างรักเลยสักหน | ||
| ด้วยตัวสุขทุกข์ใจดังไฟลน | ร่ำแต่บ่นถึงนางไม่วางวาย | ||
| ถึงหาดเจ้าเจ้าท่านสำราญราช | ด้วยข้าบาทติดตามมาหลามหลาย | ||
| เล่นทะเลเฮฮาน่าสบาย | ถ้าโฉมฉายมานี่จะดีครัน | ||
| พี่จะชวนเนื้อเย็นลงเล่นคลื่น | ให้ชุ่มชื่นปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
| คงจะคลายหายทุกข์เป็นสุขกัน | จะพาขวัญว่ายไปให้ไกลตา | ||
| เหมือนดังเรื่องพระอภัยวิไลศรี | เมื่อครั้งหนีเมียรักนางยักษา | ||
| ก็ขี่เงือกเกลือกว่ายตะกายมา | นางเงือกพาล่วงลุถึงมุนี | ||
| จึงพ้นภัยได้พักกับนักสิทธิ์ | รอดชีวิตสิ้นทุกข์เป็นสุขี | ||
| คิดถึงคุณเงือกน้ำที่ทำดี | ไม่ถึงปีเกิดบุตรสุดสาคร | ||
| ถ้าตัวพี่นี้เป็นเหมือนเช่นนั้น | ไม่โศกศัลย์จริงจริงมิ่งสมร | ||
| นี่มาร้างห่างมิตรสนิทนอน | ให้อาวรณ์ถึงนาฎอนาถทรวง | ||
| ได้เคยอยู่ชูชมประสมสอง | ถนอมน้องสุดแสนจะแหนหวง | ||
| พี่มาแล้วแก้วตาสุดาดวง | จะเหงาง่วงเปล่าใจไม่เสบย | ||
| อยาจะใคร่ได้สั่งให้ตั้งจิต | สามอาทิตย์เท่านั้นแหละขวัญเอ๋ย | ||
| จะได้กลับไปอยู่เปนคู่เชย | อย่าทุกข์เลยโฉมศรีไม่กี่วัน | ||
| ถึงตัวพี่ที่ได้ไกลสมร | ไม่เดือดร้อนโรคภัยอย่าใฝ่ฝัน | ||
| โดยพระเดชปกครองช่วยป้องกัน | ข้อสำคัญไข้ใจไม่ทุเลา | ||
| อันการอยู่การกินก็สิ้นทุกข์ | ไม่มีสุขอยู่หน่อยที่หงอยเหงา | ||
| เคยประโลมโฉมฉายสบายเบา | มาจากเจ้าว้าเหว่อยู่เอกี | ||
| ถึงยามนอนค่อนคืนรู้สึกหนาว | อุระร้าวหวนหามารศรี | ||
| เสียงแต่คลื่นครื้นคลั่งประดังดี | ในใจพี่เพียงคลั่งเหมือนฝั่งชล | ||
| ถึงยามหลับกลับฝันกระสันหา | หวาดผวาหวั่นจิตคิดฉงน | ||
| นึกว่านอนแนบน้องกันสองคน | รู้สึกตนเดียวดายให้อายใจ | ||
| เมื่อจวนแจ้งแสงศรีระพีส่อง | ยิ่งหม่นหมองถึงมิตรพิสมัย | ||
| พอเห็นดวงสุริโยอโณทัย | แลแต่ไกลเต็มโตดูโอฬาร | ||
| ทั้งมารุตหยุดพัดสงัดเงียบ | อุทกเพียบเปี่ยมท่าชลาหาร | ||
| สนิทนิ่งยิ่งน้ำในลำธาร | น่าสนานแลไปประไพตา | ||
| ด้วยแสงทองส่องทาบลงนาบน้ำ | เป็นเหลือบคล้ำส่องสู่ต้องภูผา | ||
| สีกระแสแพร่พร่างกลางนภา | ขึ้นจับฟ้าดังสีมณีราย | ||
| เมื่อแสงแดดแผดส่องห้องอากาศ | วโรภาสรุ้งรัศมิ์จรัสฉาย | ||
| ชลาลัยใสเย็นเป็นประกาย | ดูแพรวพรายพราวตาสง่างาม | ||
| พอผันแปรแลพบเรือรบหลวง | นามพระร่วงลำใหญ่ในสยาม | ||
| เปนชนิดนาวากล้าสงคราม | คอยปราบปรามปัจจาทางนาวี | ||
| พร้อมทหารชาญศึกได้ฝึกฝน | ทั้งต้นกลล่าต้ากลาสี | ||
| จอดพิทักษ์รักษาฝ่าธุลี | อาวุธมีพร้อมท่อตอปิโด | ||
| ข้างท้ายลำทำท่อเปิดระเบิดทิ้ง | ยังปืนยิงเรือเหาะดูเหมาะโข | ||
| บนปลายเสาเขาว่าราดิโอ | เพื่อส่งโทรเลขลับในทัพชัย | ||
| อันศาสตราสาระพัดไม่ขัดขวาง | ช่วงสรรพ์สร้างป้องกันทันสมัย | ||
| แสงอาทิตย์สอดส่งเห็นธงไทย | ทำให้ใจเรียมปลื้มแทบลืมตน | ||
| จะพิศหาดหรือหาดก็ลาดรื่น | เสมอพื้นดุจแต่งทุกแห่งหน | ||
| เปนทรายอ่อนห่อนมีธุลีปน | ละเอียดป่นโปรยปรายดังทรายกรอง | ||
| ที่หาดทรายพรายพรอยหอยสลับ | งามระยับแสงสีไม่มีหมอง | ||
| ยังระคนปนทรายอยู่ก่ายกอง | อเนกนองนักหนาบรรดามี | ||
| ต่อนาน ๆ พานพบที่กบกาบ | ฤทัยวาบกำสรดสลดศรี | ||
| พอจะปลื้มลืมทุกข์สนุกดี | เหมือนหอยชี้ความในให้ใจตรม | ||
| ยามที่อยู่ชูเชยเคยแสวง | หามาแกงกินบ่อยอันหอยขม | ||
| เพราะรู้ช่องร่องรอยไปคอยงม | ถึงหมกตนซ่อนตนไม่พ้นตาย | ||
| มากินข้าวคราวนี้ไม่มีหอย | สิ้นอร่อยสิ้นรสหมดทั้งหลาย | ||
| ถ้าแรมร้างอย่างนี้สักปีปลาย | คงวางวายชีวังไม่ยั่งยืน | ||
| ยามอาหารพานปากไม่อยากเคี้ยว | ต้องหน่วงเหนี่ยววิญญาณ์อุตส่าห์ฝืน | ||
| พอเลี้ยงตัวชั่วมีชีวีคืน | สู้กล้ำกลืนแม้คำก็จำเป็น | ||
| แต่กระนั้นวันที่พี่จะกลับ | ช่างอาภัพเกือบไม่ได้มาเห็น | ||
| เหตุด้วยรถสายเล็กเอ๊กสิเด็น | กระโดดเผ่นตกรางลงกลางคัน | ||
| แสนรันทดหมดท่านึกว่าจบ | คงไม่พบกันจริงแล้วมิ่งขวัญ | ||
| ต้องนอนดินกินทรายอีกหลายวัน | จะบากบั่นเยื้องย่างก็ทางไกล | ||
| เป็นกุศลผลบุญหนุนสนอง | จึงปรองดองปฤกษาอัชฌาสัย | ||
| คนที่มาทั้งหมดบนรถไฟ | ต่างพร้อมใจยกรถแทบหมดแรง | ||
| พี่อุตส่าห์พยายามด้วยความรัก | ถึงรถหนักช่วยกันโดยขันแขง | ||
| เอาขึ้นได้ใส่รางไม่คลางแคลง | เพราะเหตุแห่งพร้อมพรักสามัคคี | ||
| ตั้งแต่นั้นมรรคามาเป็นสุข | ไม่มีทุกข์สิ่งใดในวิถี | ||
| จบนิราศโดยเสด็จเพชรบุรี | เท่านั้นทีพอให้เป็นชัยโย, ชัยโย, ชัยโย. | ||
| ฯ ๗๖ คำ ฯ | |||
เชิงอรรถ
ที่มา
ประชุมนิราศเมืองเพชรบุรี พ.ศ.๒๕๒๕
