บทละครพูดชวนหัว น้อยอินทเสน

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 11:51, 26 สิงหาคม 2553 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

พระราชนิพนธ์: พระขรรค์เพ็ชร์ (พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว)

บทประพันธ์

ตัวละคร

พระสมานบริกร(อายุ ๔๐ ปีแต่ท่าทางยังหนุ่ม)
หลวงราชภัตติ์จารัญ(อายุราว ๒๕ ปี)
น้อยอินทเสน(อายุ ๒๐ ปี)
หลวงวรเวสวิสิฐ(เศรษฐี อายุ ๔๐ ปี)
นายบุญโรจน์(บุตรหลวงวรเวส อายุ ๑๗ ปี)
พระยารามฤทธิไกร(ข้าหลวงประจำนครเชียงราย)
นาง (มลิ) วรเวสวิสิฐ(ภรรยาหลวงวรเวส อายุ ๓๖ ปี)
นางสาวมาไลย(บุตรสาวหลวงวรเวส อายุ ๑๘ ปี)
             

องก์ที่ ๑ มุขที่บ้านพระสมานบริกร ถนนตลาด (นางเลิ้ง)

ฉาก: มุขที่บ้านพระสมานบริกร เป็นเรือนไม้ทาสีผีมือจีนทำ ลวดลายก็ไม่สู้มีมากนัก เครื่องตบแต่งมีเป็นเครื่องหวายบ้าง เครื่องไม้บ้าง ปน ๆ กัน (แปลว่าไม่ได้ซื้อเป็นชุด หาเพิ่มเติมมาเป็นครั้งคราว)


เมื่อเปิดม่าน หลวงราชภัตติ์จารัญ นั่งอ่านหนังสือพิมพ์และสูบบุหรี่ นั่งอยู่สักครู่ก็วางหนังสือพิมพ์ ลุกเดินไปมองที่หน้าต่างซ้ายถอนใจใหญ่ กลับไปนั่งเก้าอี้อ่านหนังสือพิมพ์อีก แล้วก็ลุกขึ้นอีก เดินไปมาดูท่าทางอยู่ข้างจะกระสับกระส่ายมาก

พระสมาน      (พูดข้างนอก) หา! มาคอยอยู่นานแล้วหรือ? เออข้าจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้ (หลวงราชภัตติ์แสดงความพอใจเมื่อได้ยินเสียงพระสมาน พระสมานบริกรเข้ามาจากทางเฉลียงด้านหลัง)
หลวงราชภัตติ์      ยังไงคุณพระ ?
พระสมาน      (ถอนใจใหญ่) ไม่เป็นรส ! (นั่ง)
หลวงราชภัตติ์      ทำไมครับ?
พระสมาน      ปลาไม่ได้กินกัน เสียแรงไปนั่งตกเสียจนเมื่อย เอาเหยื่อไปกินเสียเปล่า ๆ เบ็ดไม่ติดเลย
หลวงราชภัตติ์      ก็ทำไมคุณพระไม่พยายามให้สิ้นเชิงล่ะครับ ? เมื่อเบ็ดมันไม่ได้ก็ควรจะใช้แห แหไม่ได้ก็ใช้อวน อวนไม่ได้ก็ใช้โพงพาง ก็หนทางมันถมไปนี่นะครับ
พระสมาน      เฮ้อคุณ! อ้ายการพูดน่ะ มันง่ายกว่าทำนะ คุณถามว่าทำไมผมไม่ใช้แห ใช้อวนหรือโพงพาง ผมต้องตอบว่าเพราะผมเป็นสปอตสแมน การตกเบ็ดเป็นวิธีของสปอตสแมน อ้ายแหอวนหรือโพงพางนั้น มันเป็นวิธีหากินของชาวประมงต่างหาก
หลวงราชภัตติ์      พุทโธ่! ถ้าสมมุติว่าตัวคุณน่ะอดจะตายอยู่แล้วละ ยังจะมัวเป็นสปอตสแมนตกเบ็ดอยู่อีกหรือ? คุณจะไม่คิดใช้ทางที่จะหาปลากินให้แน่นอนที่สุดที่จะหาได้หรือ ?
พระสมาน      ข้อนี้ก็อาจจะเป็นได้ แต่ผมก็เดาไม่ถูก ว่าถ้าผมจวนจะอดตายละก็ผมจะใช้วิธีจับปลาอย่างไร เพราะผมยังไม่เคยจวนอดตายเลย
หลวงราชภัตติ์      ถ้ายังงั้นคุณพระก็ไม่สามารถจะเข้าใจได้เลยว่าการที่จวนอดตายนั้นจะลำบากปานใด
พระสมาน      แต่ผมเชื่อว่าผมเดาถูก ความรู้สึกคงมีความหิวนั่นแหละเป็นที่ตั้ง แต่ผมแลไม่เห็นว่าทำไมจะต้องนั่งนิ่งทนหิวจนตาย ดูน่าจะขวนขวายหาอะไรกินให้อิ่มได้
หลวงราชภัตติ์      พุทโธ่คุณพระ! คุณได้ว่าอยู่เองหยก ๆ ว่าพูดน่ะมันง่ายกว่าทำ ในสมัยนี้คุณพระก็ทราบอยู่แล้วว่า ถ้าเป็นคนจนแทบจะไม่มีโอกาสที่จะยังชีวิตไว้ได้เลยเทียวนะ
พระสมาน      นี่คุณหลวงน่ะจนหรือ ?
หลวงราชภัตติ์      คุณนึกว่ายังไงล่ะ ?
พระสมาน      ผมนึกว่าคุณก็ไม่ใช่ร๊อคเฟลเล่อร์หรือคาร์เนกี้ หรือร้อธไชล์ดอะไรยังงั้นหรอก แต่ผมเข้าใจว่า คุณก็ยังไม่ถึงกะจะต้องอดตายหรอกไม่ใช่หรือ ?
หลวงราชภัตติ์      ก็ยังไม่ถึงยังงั้นจริงอยู่ แต่รายรับมันไม่ใคร่จะทันกะรายจ่ายนะคุณพระ เงินเดือนผมก็ได้อยู่ราวเดือนละ ๑๐๐ บาท เท่านั้น
พระสมาน      ไหนคุณว่านายท่านจะขึ้นให้ละยังไงล่ะ ?
หลวงราชภัตติ์      ปีหน้าท่านจึงจะขึ้นให้
พระสมาน      แต่เงินส่วนตัวคุณก็มีอยู่ไม่ใช่หรือ ?
หลวงราชภัตติ์      มีอะไรกี่มากน้อยเทียว
พระสมาน      เอาเถอะ ไหนลองว่าให้ผมฟังทีหรือ ?
หลวงราชภัตติ์      เงินมรดกคุณพ่อมีฝากแบงก์ไว้ราวสักสี่พันชั่งได้อยู่
พระสมาน      ฮือก็น้อยอยู่หน่อย แต่ถ้าผมมีฝากมั่งสักสี่บาทก็ไม่เสียใจ สมบัติของคุณหมดเท่านั้นหรือ ?
หลวงราชภัตติ์      ยังมีตึกแถวอยู่ทางแถบสามเพ็งแห่งหนึ่ง ได้ค่าเช่าเบ็ดเสร็จเดือนละสักสี่ร้อยบาทเห็นจะได้ แล้วนั่นก็มีแชร์ในบริษัทอะไรต่าง ๆ อีกสักสองสามราย กับมีที่ดินอยู่ทางแถบคลองเตยบ้าง แต่ยังไม่ได้ทำอะไร
พระสมาน      พุทโธ่ ๆ เท่านั้นเองแหละหรือ ? แล้วกัน ถ้ายังงั้นคุณหลวงก็จนมากอยู่จริง
หลวงราชภัตติ์      คุณพระไม่ต้องเยาะผม ผมขอบอกตามความจริงว่า เวลานี้รายรับผมไม่ใคร่จะทันกับรายจ่ายนะ
พระสมาน      รายจ่ายมีอะไรมั่ง?
หลวงราชภัตติ์      ก็มันออกมากมาย หลายอย่างผมจะไปจดจำอะไรได้
พระสมาน      ก็เอาแต่ที่สำคัญ ๆ ก็พอ เอ้าว่ามาซิ
หลวงราชภัตติ์      ค่าเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว เดือนหนึ่ง ๆ ก็เข้าไปหลายสิบบาท
พระสมาน      คุณหลวงงดกินข้าวเสียแล้วหรือยังไงกัน ?
หลวงราชภัตติ์      อะไรงดกินข้าว จะได้หิวตายปะไรล่ะ
พระสมาน      ก็ในบัญชีจำหน่ายไม่ได้ยินคุณกล่าวถึงค่ากินเลย
หลวงราชภัตติ์      แหม! นั่นแหละสำคัญนักทีเดียว อ้ายเงินเดือนที่ผมได้น่ะ ชั่วแต่ใช้ค่ากินก็หมดเสียแล้ว แต่ลำพังเงินเดือนอ้ายกุ๊กก็เข้าไป ๓๐ บาทเสียแล้ว
พระสมาน      อ้อคุณมีกุ๊กด้วยหรือ ?
หลวงราชภัตติ์      ครับ ข้อนี้คุณพระคงจะท้วงว่าไม่จำเป็น แต่ผมได้คิดตลอดแล้ว ผมได้ลองคิดไว้ว่าข้าวเย็นจะไปกินเสียที่โฮเต็ลทุก ๆ คืน แต่ลองคิดเลขดู มันกลับจะต้องเปลืองโสหุ้ยยิ่งกว่าจ้างกุ๊ก การที่จะให้แม่ครัวทำกับข้าวฝรั่งนั้นมันก็กินไม่ได้เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นผมจึงต้องตกลงจ้างกุ๊กไว้คนหนึ่ง
พระสมาน      ถ้าเช่นนั้นผมก็เข้าใจ ถ้าจะกินกับข้าวฝรั่งแล้วมันก็ต้องมีกุ๊ก
หลวงราชภัตติ์      ผมเห็นเป็นการจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกินกับข้าวฝรั่ง ถ้าขืนมัวกินกับข้าวไทยย้ำอยู่เสมอ อายุเห็นจะสั้นเป็นแน่
พระสมาน      แล้วก็ใช้จ่ายอะไรอีกล่ะ ?
หลวงราชภัตติ์      ค่ารถยนต์สองคัน เงินเดือนคนขับสองคน คนละยี่สิบห้า แล้วผมยังมีรถม้าคู่อยู่คันหนึ่ง ม้าเทศคู่หนึ่ง ค่าเลี้ยงม้าก็เข้าไปเดือนละมาก ๆ ยังเงินเดือนอ้ายคนเลี้ยงม้าอีก นอกนั้นก็มีซื้อของเบ็ดเตล็ด เช่นอย่างดุมเชิ้ต ซองบุหรี่ เป็นต้น
พระสมาน      เบ็ดเตล็ดเช่นนี้เดือนละมากน้อยเท่าใด ?
หลวงราชภัตติ์      กำหนดไม่ได้แน่ครับ บางเดือนก็มาก บางเดือนก็น้อย แล้วผมมันเป็นคนชอบกล เห็นซองบุหรี่ใหม่ ๆ อดซื้อไม่ใคร่ได้เลย ถ้าพอไปซื้อซองบุหรี่ใหม่ที่ไหนมาแล้วอ้ายบุหรี่ในซองเก่ามันชักจะสูบไม่อร่อยไปทีเดียว แต่พอได้เปลี่ยนใส่ซองใหม่เข้าแล้วละก็ แหมมันช่างเอร็ดอร่อยขึ้นอีกมาก ถ้าผมได้ซองใหม่มาคราวหนึ่งเป็นต้องสูบบุหรี่เสียจนกินข้าวแสบลิ้นทุกที
พระสมาน      แล้วนี่ความประสงค์ของคุณก็คือ จะหาเมียที่มีเงิน จะได้พอทุ่นในทางใช้จ่ายการบ้าน และคุณจะได้มีเงินเหลือเพื่อหาความแสบลิ้นมาใส่ตัวคุณอีกยังงั้นหรือ ?
หลวงราชภัตติ์      คุณพระพูดสรุปความมันดีเกินไปนัก ตามความจริงความคิดเช่นนั้นก็มีอยู่บ้าง แต่ที่จริงผมมีความรักในส่วนตัวแม่มาไลยอยู่ด้วยมากทีเดียว ไม่เกี่ยวกะส่วนเงินทองอะไร
พระสมาน      คุณรักเขาจริงจริ๊งเทียวหรือ ?
หลวงราชภัตติ์      จริงจริ๊งเทียวครับ! ถ้าจะให้ทำมืออย่างเด็ก ๆ ก็ต้องบอกว่ารักเท่านี้เทียว ! (กางแขนออกไปจนสุดแขนทั้งสองข้าง)
พระสมาน      ก็รายที่ปากคลองตลาดล่ะ ?
หลวงราชภัตติ์      ฮื้อ ! นั่นนะหรือ ? ไม่ควรจะเอามาเปรียบมันคนละชนิด แล้วการมันก็แล้วไปแล้ว จะเอามาพูดอะไรอีกทำไม
พระสมาน      อ้าวเลิกกับเขาแล้วหรือ ?
หลวงราชภัตติ์      ผมไม่ได้เลิกกับเขา เขาเลิกกับผม
พระสมาน      อ้าว ! มีเหตุอะไร ?
หลวงราชภัตติ์      เหตุที่นายทหารคนหนึ่ง อย่าให้ผมออกชื่อเขาเลย
พระสมาน      โอ ! เสียใจ คุณพบหรือ ?
หลวงราชภัตติ์      พบที่ห้องทีเดียว ! บ๊ะเกิดบู๊กันใหญ่ ! ต่อยเสียตกกระไดเทียว !
พระสมาน      ใครตกกระได ?
หลวงราชภัตติ์      ผม
พระสมาน      เสียใจ ! เสียใจมาก
หลวงราชภัตติ์      ผมก็เหมือนกัน
พระสมาน      แน่ละซิ เสียแรงคุณได้เลี้ยงดูออกดิบดียังประพฤตินอกใจคุณได้
หลวงราชภัตติ์      ไม่ใช่เช่นนั้น ผมเสียใจที่ไม่ได้รู้เสียก่อนว่า อ้ายเจ้านั่นมันอยู่บนนั้น ถ้าได้รู้เสียก่อนละก็-ฮือ !
พระสมาน      คุณจะได้เตรียมตัวได้ดีกว่านั้น ยังงั้นหรือ ?
หลวงราชภัตติ์      ถ้าได้รู้ก่อนก็จะได้ไม่ขึ้นไปให้เขาต่อยตกกระได น่ะซิขอรับ
พระสมาน      ถูกทีเดียว คุณหลวงเป็นผู้มีปัญญา ควรต้องประพฤติเช่นนั้น ภาษิตท่านก็ว่าไว้ว่า “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” ไม่ใช่หรือครับ ?
หลวงราชภัตติ์      ถูกอย่างคุณพระว่า แต่นี่แน่ครับ หันกลับไปพูดกันถึงเรื่องเดิมต่อไปเถอะ ตามที่ผมได้ชี้แจงให้คุณพระแล้ว ก็คงจะเห็นได้ว่า ในเวลานี้ ผมไม่มีอะไรกีดขวางในการที่จะมีภรรยาให้เป็นหลักฐาน ผมได้พิจารณาผู้หญิงนักแล้ว ยังไม่เห็นใครที่ถูกนัยน์ตาผมยิ่งกว่าแม่มาไลยเลยทีเดียว
พระสมาน      ขอโทษเถอะนะ แต่ผมดูเหมือนจะเคยได้ยินคุณหลวงยกย่องสรรเสริญแม่กิมเฮงลูกเจ๊สัวฮ่องหลีเช่นเดียวกัน
หลวงราชภัตติ์      นั่นน่ะมันก่อนที่ผมได้รู้จักแม่มาไลยนี่นะครับ
พระสมาน      พูดกันตามจริง ๆ เทียวนะ ถ้าจะเปรียบกันด้วยความสวยความงามละก็ ดูเหมือนผมนึกว่าแม่กิมเฮงจะมีภาษีกว่านะครับ
หลวงราชภัตติ์      อะไรคุณพระ ถ้าเปรียบกันเข้าแล้วละก็แม่กิมเฮงหลุดลุ่ยเทียว แม่กิมเฮงเขามีที่ดูได้อยู่ก็แต่ตุ้มหูคู่หนึ่ง เข็มกลัดเล็กสักสามอันเท่านั้น แม่มาไลยน่ะในเวลางานฤดูหนาว เขาแต่งไม่ได้ซ้ำกันสักวันหนึ่ง
พระสมาน      อ้อ นี่ผู้หญิงน่ะสวยงามกันอยู่ที่เครื่องเพชรเท่านั้นหรือ?
หลวงราชภัตติ์      ก็คุณพระดูที่ไหนล่ะ ?
พระสมาน      ผมบางทีก็ดูหน้าเขา บางทีก็ดูรูป บางทีก็ดูกิริยามารยาท
หลวงราชภัตติ์      ส่วนหน้าหรือรูปน่ะ ผมไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องไปมัวพิจารณาอะไรนัก ถ้าเมื่อมันสวยไม่งามก็พอจะแก้ตบแต่งขึ้นได้ ส่วนกิริยามารยาทนั้น ก็อาศัยที่ฝึกหัดให้ดี เพราะฉะนั้น หน้าก็ดี รูปก็ดี กิริยามารยาทก็ดี มันเป็นของที่ผู้หญิงทุก ๆ คน อาจแก้ไขดัดแปลงให้เทียมทันกันได้ แต่ในส่วนเครื่องเพชรนี่ ถ้ามันลงไม่ทันกันเสียแล้วละก็จบเทียว มันแลเห็นผิดกันง่ายเหลือเกิน
พระสมาน      เมื่อคุณหลวงอธิบายให้ผมฟัง แล้วเช่นนี้ผมก็เข้าใจ นี่คุณเห็นว่าแม่มาไลยน่ะเป็นไม่มีใครสู้ละหรือ ?
หลวงราชภัตติ์      ครับ ผมได้ตริตรองตลอดแล้ว ไม่เห็นว่าใครจะสู้เลย เพราะฉะนั้นผมจึงต้องรบกวนคุณขอให้ช่วยอุดหนุนผม
พระสมาน      ข้อนั้นจริง คุณหลวงได้กวนผมมากแต่ผมก็ไม่ได้เพิกเฉย ผมได้เวียนไปบ้านหลวงวรเวสหลายวันมาแล้ว แต่ผมก็ได้บอกคุณหลวงแล้วเมื่อกี้นี้ ว่าปลาไม่ติดเอาเหยื่อไปกินเสียเปล่า ๆ
หลวงราชภัตติ์      คุณพระได้ใช้วิธีพูดอย่างไร ?
พระสมาน      พูดด้วยปาก กับลิ้น กับคอ ตามธรรมดายังงั้นแหละครับ
หลวงราชภัตติ์      ไม่ใช่ คุณพระพูดอย่างไร ใช้ทางอย่างไร ?
พระสมาน      ใช้ทุกทางแหละคุณ ทั้งปลอบ ทั้งขู่ ทั้งล่อ ทั้งหลอก ทั้งลวง ไม่สำเร็จสักอย่างเดียว ตาหลวงวรเวสแกคอยปัดเสียเสมอเทียว
หลวงราชภัตติ์      นั่นแปลว่ายังไงกัน ?
พระสมาน      แปลว่าแกไม่สมัครยกแม่มาไลยให้แก่คุณน่ะซิ
หลวงราชภัตติ์      เพราะเหตุไร ?
พระสมาน      ไม่ทราบ แกไม่ได้บอกผม
หลวงราชภัตติ์      คุณพระเดาถูกไหม ?
พระสมาน      เห็นพอจะเดาได้ แต่จะถูกหรือไม่ถูกผมรับประกันไม่ได้
หลวงราชภัตติ์      เอาเถอะครับ เดาให้ผมฟังทีเถอะ
พระสมาน      อย่าโกรธนะ
หลวงราชภัตติ์      เถอะครับ ถึงโกรธผมก็จะตีหน้าให้สนิทไม่ให้คุณพระรู้สึกเลยทีเดียว
พระสมาน      ประการหนึ่งเห็นจะเป็นเพราะวิธีใช้จ่ายของคุณไม่สู้ตรงกับความคิดของหลวงวรเวสนัก พูดกันตรง ๆ แกพูดว่าคุณหลวงสุรุ่ยสุร่าย
หลวงราชภัตติ์      นี่แหละหาความแท้ ๆ ทีเดียว ผมก็ได้ชี้แจงให้คุณพระเข้าใจดีแล้วไม่ใช่หรือ ว่าการใช้จ่ายของผมน่ะมีแต่ในสิ่งที่จำเป็นโดยแท้ทั้งนั้น
พระสมาน      ครับ ผมเข้าใจดีแล้ว เช่นกุ๊กเป็นต้น คุณก็ได้อธิบายให้ผมฟังแจ่มแจ้งดีแล้ว ว่าจำเป็นต้องมี แต่เรื่องกุ๊กนี่เองเป็นข้อหนึ่งที่หลวงวรเวสยกขึ้นเป็นตัวอย่างของความสุรุ่ยสุร่ายของคุณหลวง
หลวงราชภัตติ์      พุทโธ่ ! เงินเดือนมันก็ไม่มากมายอะไรนัก เพียง ๓๐ บาทเท่านั้น แล้วก็ไม่น่าเสียดาย ฝีมือมันดีจริง ๆ ด้วย คุณพระก็ทราบดีอยู่แล้ว
พระสมาน      ครับ ผมทราบดีทีเดียว มือทำกับข้าวเป็นเยี่ยมทีเดียว บางทีหลวงวรเวสแกจะอิจฉาคุณหลวงในการที่มีกุ๊กดีเช่นนั้น แกจึงได้ติเตียน
หลวงราชภัตติ์      ท่าทางจะจริงอย่างคุณพระว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วก็เอาเถอะ ผมยอมทนความลำบากไล่อ้ายกุ๊กเสีย ขอแต่ให้ได้แม่มาไลยก็แล้วกัน
พระสมาน      ถึงไล่อ้ายกุ๊กก็เห็นจะไม่เป็นประโยชน์
หลวงราชภัตติ์      ทำไมครับ ?
พระสมาน      หลวงวรเวสแกเห็นคุณหลวง ไม่ดีพอสมควรที่จะแ ต่งงานกับลูกสาวแก
หลวงราชภัตติ์      ชะ ๆ ชะ ๆ ตัวแกเองเป็นอะไรมาทีเดียว พ่อแกเป็นขี้ข้าเขาด้วยส่ง แกยังจะมาอวดดี ยกตัวแกสูงกว่าผมอีกหรือ ? ผมน่ะนับเนื่องตระกูลวงศ์ต่อขึ้นไปได้จนถึงกรุงเก่า ไม่เชื่อไปค้นดูในหนังสือมุข มาตยาวงศ์ ของอาจารย์เกศร์ซิครับ
พระสมาน      ผมทราบแล้ว ได้อ่านหนังสือพิมพ์สยามประภาจนตลอด เออคุณจัดการอย่างไรท่านอาจารย์เกศร์จึงได้ลงกูลวงศ์ของคุณหลวงได้ ?
หลวงราชภัตติ์      ไม่ต้องจัดการอะไร แต่ผมนับถือแกเป็นอาจารย์ แกรักผมแกก็อุดหนุนจัดการค้นได้กูลวงศ์ของผมจนตลอด ถ้าหากท่านอาจารย์เกศร์แกไม่อุดหนุน ผมก็คงเลยไม่ได้รู้ว่าผมเองเป็นผู้มีกูลวงศ์เนื่องขึ้นได้ยืดยาวเช่นนั้น
พระสมาน      ผมน่ะทราบเรื่องอยู่ดีทีเดียวว่า ความจริงมันเป็นอย่างไร ผมก็ได้ชี้แจงแก่หลวงวรเวสแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลอะไร
หลวงราชภัตติ์      ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าตาคนนี้แกจะต้องการคนชนิดไรเป็นลูกเขย
พระสมาน      บางทีแกจะเป็นเทือกรณจักร์กระมังครับ “ถ้าแม้แต่แม่ดวงใจอยากได้คู่ จะป่าวหมู่เทวฤทธิ์ทุกทิศา ทั้งเมืองแมนแดนนาคนาคา..............”
หลวงราชภัตติ์      ถ้ายังงั้นก็บ้าเต็มทีละขอรับ ส่วนเทวดาน่ะไม่ต้องกล่าวถึงละเพราะยังไง ๆ เทวดาก็คงไม่ลงมา แต่นาคน่ะ พุทโธ่ ๆ ! ผมเชื่อว่าแม่มาไลยคงสมัครเป็นเมียผมมากกว่าเป็นเมียงูเงี้ยวอะไรเป็นแน่ทีเดียว
พระสมาน      เทวฤทธิ์ในที่นี้ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่หมายความถึงเทวดาบนสวรรค์จริงนะคุณหลวง
หลวงราชภัตติ์      ถ้ายังงั้นก็มีแต่เทวดาคู่แห่ ซึ่งผมเชื่อว่าคงไม่ดีกว่าผมเป็นแน่
พระสมาน      ไม่ใช่ครับ ผมหมายความอีกอย่างหนึ่ง ผมหมายความว่าคนที่เป็นที่เคารพนับถือของมหาชนเท่านั้น
หลวงราชภัตติ์      อ๋อ ! แกจะต้องการลูกเขยเจ้ายังงั้นหรือ?
พระสมาน      ถ้าแกหาได้แกก็ไม่เสียใจ
หลวงราชภัตติ์      อุ๊วะ ! ตานี่มักใหญ่ใฝ่สูงจริงนะ
พระสมาน      ตัวหลวงวรเวสไม่สู้กระไร สำคัญที่เมียแก ท่านมลิแกอยู่ข้างจะอวดวงศ์ตระกูลของแกพอใช้เหมือนกัน
หลวงราชภัตติ์      พุทโธ่ ! ช่างไม่รู้จักเสงี่ยมเจียมตัวของตัวมั่งเลยเทียว
พระสมาน      ก็แกจะต้องเสงี่ยมทำไม แก้วสารพัดนึกอยู่ในกำมือแล้ว จะนึกเอาอะไรก็ได้ทั้งนั้น ใคร ๆ ก็ต้องประจบแก แหมพอแกมีงานอะไรทีหนึ่ง บ้านเกือบไม่พอรับแขก ทั้งเจ้านาย ทั้งขุนนาง ทั้งพ่อค้า พากันไปทั้งนั้น เบียดกันคลั่ก ๆ ราวกับปลาซาดิน คนเช่นคุณ เช่นผมต้องไปเที่ยววิ่งเชิญเสียแทบตาย แต่ยังงั้นไม่ใคร่จะได้ใครมา วงศ์ตระกูลหรืออะไร ๆ มันก็ไม่สู้มีเงินนะคุณนะ
หลวงราชภัตติ์      ข้อนี้ก็จริงอย่างคุณพระว่า นี่น่ะผมมิเป็นอันไม่ได้แม่มาไลยหรือ ?
พระสมาน      ก็เห็นจะไม่ได้ นอกจาก-ฮือ ! แต่คุณก็เห็นจะไม่ทำ
หลวงราชภัตติ์      ทำยังไง ?
พระสมาน      ไปพามาเสียน่ะซิ
หลวงราชภัตติ์      ไม่ได้ซิครับ ทำยังงั้นก็เสียไปน่ะซิ ทำผู้หญิงเขาเสียชื่อเปล่า ๆ
พระสมาน      ก็เป็นอยู่
หลวงราชภัตติ์      แล้วการลักพาน่ะ มิใช่ว่าจะทำได้ง่าย ๆ เมื่อไร
พระสมาน      จริงครับ เสียท่วงเสียทีบางทีก็จะเกิดเหตุใหญ่ บางทีจะถึงหัวหูแตกก็เป็นได้
หลวงราชภัตติ์      นั่นน่ะซิครับ
พระสมาน      ผมนึกแล้วว่าคุณหลวงยังไม่ตกลง ผมเชื่ออยู่ในใจว่าคุณหลวงคงจะมีสติปัญญามากเกินกว่าที่จะไปลักไปพาเขาเช่นนั้น
หลวงราชภัตติ์      นี่ถ้าใครไม่รู้จักผมดี คงหาว่าผมขี้ขลาดถึงได้ไม่กล้าไปลักไปพาเขา แต่ผมเห็นว่าการที่จะแสดงความกล้า มันควรจะแสดงแต่ในเวลาอันสมควร
พระสมาน      ถูกทีเดียว ผมเชื่อแน่ทีเดียว ว่าถ้ามีเหตุการณ์สำคัญที่จำเป็นจะต้องกระทำศึกสงครามอะไรเป็นต้น คุณคงจะวิ่งเร็วกว่าคนโดยมาก
หลวงราชภัตติ์      แน่ทีเดียวครับ
พระสมาน      ผมละช่างเจ็บแค้นแทนคุณหลวงเสียจริง ๆ ทีเดียว นึกจะหาทางอะไรแก้แค้นก็นึกไม่ออก เพราะหลวงวรเวสแกมีอาวุธสำคัญ คือ เงินที่จะต่อสู้ข้าศึกได้ดีอย่างเอก
หลวงราชภัตติ์      แกอยากได้ลูกเขยเป็นเจ้านัก ควรจะหาเจ้าไปยัดให้แกเสียให้เข็ด
พระสมาน      แกจะไปเข็ดปหลาบอะไร แกก็ดีใจไปเท่านั้น
หลวงราชภัตติ์      ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่หาเจ้าจริงไปให้แก ที่ผมหมายความน่ะ คือ จับอ้ายแมงอะไรคนหนึ่งแต่งให้เป็นเจ้าไปให้แกบูชาเสียให้เข็ดสักทีแล้วก็จะได้หัวเราะเยาะแกเล่น
พระสมาน      ถ้าทำได้ก็ดีน่ะซิครับ แต่มันยากที่จะทำให้สำเร็จได้ เพราะเจ้านายแกก็รู้จักเสียหมดแล้ว เห็นจะหลอกแกยาก
หลวงราชภัตติ์      อือ! ข้อนี้ก็เป็นอยู่
             

(น้อยอินทเสนเข้ามาทางเฉลียงข้างหลัง น้อยอินทเสนนั้นเป็นคนอายุประมาณ ๒๐ หรือ ๒๑ ปี ในชุดนี้แต่งกายนุ่งผ้าพื้นสวมเสื้อขาวไม่สวมถุงเท้ารองเท้า เมื่อเข้ามานั้นถือหนังสือเข้ามาฉบับหนึ่ง)

พระสมาน      อ้อ! เขียนแล้วหรือ ?
อินทเสน      แล้วขอรับ คุณพระโปรดตรวจดูเสียให้ตลอดหน่อย บางทีจะยังผิดอยู่บ้าง (ส่งหนังสือให้พระสมาน)
พระสมาน      เอาเถอะ ฉันเชื่อแก แกเขียนไม่ใคร่จะพลาดพลั้งอะไรนักดอก (รับหนังสือไปวางบนโต๊ะ ควักปากกาหมึกซึมออกจากกระเป๋าลงนามในหนังสือ แล้วคืนให้อินทเสน) ฉบับอื่น ๆ ยังไม่แล้วหรือ ?
อินทเสน      ยังครับ ผมรีบทำฉบับนี้มาให้คุณพระเซ็นเสียก่อน เพราะเห็นเป็นการด่วน
พระสมาน      ถูกแล้ว ! (อินทเสนจะไป) อ้อประเดี๋ยวขอถามอะไรนิดเถอะ เขาว่าเจ้าราชบุตรเมืองเชียงรายน่ะลงมาอยู่ในกรุงเทพ นี่จริงหรือ ?
อินทเสน      ขอรับ
พระสมาน      ทำไมยังไม่เห็นใครพบปะเลย
อินทเสน      ผมได้ยินว่าลงมาเป็นการส่วนตัว ตามคำแนะนำของหมอ ผมทราบว่าเจ้าราชบุตรเป็นคนที่ชอบเล่นอะไรแปลก ๆ บางทีก็ปลอมตัวไปเที่ยวแอบซ่อนอยู่
พระสมาน      แกเป็นญาติกะเธอหรือเปล่า ?
อินทเสน      ก็เป็นเทือกญาติขอรับ แต่ผมบอกไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน ยังไม่มีใครค้นตัวพบเลยขอรับ
พระสมาน      ฮือ ! (พยักหน้า อินทเสนออกไปจากห้อง) คุณหลวง ผมมีความคิดชอบกลอะไรอย่างหนึ่งแล้ว
หลวงราชภัตติ์      อะไรครับ ?
พระสมาน      ถ้าจะจัดหาเจ้าประเทศราชไปยัดให้หลวงวรเวสสักคนจะเป็นยังไร
หลวงราชภัตติ์      เจ้าประเทศราชอะไร?
พระสมาน      ประเทศราชก็อย่างเช่นเมืองต่าง ๆ ในมณฑลพายัพ หรือเมืองมลายูยังงั้นแหละ
หลวงราชภัตติ์      จะเอาใคร ?
พระสมาน      เช่นเจ้าราชบุตรเชียงรายยังงี้เป็นต้น จะใช้ได้ไหม ?
หลวงราชภัตติ์      ก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ทางเหนือทางใต้ที่ไหนเลย จะไปเอาตัวเขาไปปล่อยให้ตาหลวงวรเวสยังไง ผมก็ยังไม่เข้าใจ
พระสมาน      จะต้องไปเอาตัวแกมาจริง ๆ ทำไมเดี๋ยวนี้นี่ ก็หาตัวแมลงอะไรไปปลอมให้แก เอาไปยกย่องเล่นให้หรู จะมิดูเล่นสนุกกว่าหรือ ?
หลวงราชภัตติ์      ดีซิครับ ถ้าหากตัวราชบุตรปลอมได้ให้เหมาะ
พระสมาน      ได้ซิ ตัวมีอยู่แล้ว
หลวงราชภัตติ์      ที่ไหนล่ะครับ ?
พระสมาน      อยู่ที่นี่แหละ
หลวงราชภัตติ์      ใคร ?
พระสมาน      อินทเสน
หลวงราชภัตติ์      เจ้าเสมียนของคุณพระน่ะหรือ?
พระสมาน      ครับ
หลวงราชภัตติ์      น่าจะดีครับ แต่คุณพระจะรับประกันได้หรือว่า จะไม่ไปขยายขี้เท่ออะไรให้เขาจับได้
พระสมาน      ไม่เป็นไรครับ ผมเชื่อว่าคงไม่เป็นเช่นนั้น ดูมันก็เป็นคนเรียบร้อยดี ความรู้ก็ออกจะดี ๆ ด้วย เราช่วยกันสั่งสอนเสียหน่อยก็เห็นจะพอใช้ได้
หลวงราชภัตติ์      ลองถามเจ้าตัวเขาดูสักหน่อยทีจะดีครับ
พระสมาน      ผมเชื่อว่าคงไม่มีขัดข้องอะไร แต่เรียกมาถามดูเดี๋ยวนี้ก็ได้ (เรียก) อินทเสน
อินทเสน      (ขานในโรง) ขอรับ
พระสมาน      มานี่เดี๋ยวเถอะ
             

(อินทเสนเข้ามา)

พระสมาน      นี่แน่ะ แกได้เคยเห็นเจ้าราชบุตรเชียงรายสักกี่หนละ ?
อินทเสน      ก็เคยเห็นหลายครั้งอยู่ขอรับ
พระสมาน      แกจะทำกิริยาล้อให้เหมือนได้ไหม ?
อินทเสน      ก็เห็นจะพอได้ขอรับ แต่จะเหมือนหรือไม่เหมือนผมรับประกันไม่ได้
พระสมาน      แต่ที่จริงก็ไม่เป็นไร ถึงจะไม่เหมือนก็ไม่เป็นไร นี่แน่ะฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง ฉันกับคุณหลวงราชภัตติ์ อยากจะล้อใครเล่นสักคน จะพาแกไปหาเขา บอกเขาว่าแกเป็นเจ้าราชบุตรเชียงราย ดูทีว่าเขาจะต้อนรับแกยังไงบ้าง เข้าใจไหมล่ะ ?
อินทเสน      ขอรับ แต่ขอรับประทานโทษ ผมอยู่ข้างจะมีข้อหนักใจอยู่บ้าง คือ ถ้าแม้เขาจับกลได้จะไม่เกิดความใหญ่หรือขอรับ ?
พระสมาน      เปล่า มันไม่เกิดใหญ่อะไรหรอก อย่างมากเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปเท่านั้น แต่คงไม่กล้าเอะอะมาก เพราะยิ่งเอะอะก็ยิ่งอายมาก ยังไง ๆ ก็ต้องนิ่งอยู่เอง
อินทเสน      เครื่องตกแต่งของผมก็ – เอ้อ-
พระสมาน      เรื่องนั้นแกไม่ต้องวิตก ฉันจะอุดหนุนให้สำเร็จ
หลวงราชภัตติ์      ไม่เป็นไรผมเข้าหุ้นส่วนด้วยก็ได้
พระสมาน      ขอบใจครับ ให้ผมเป็นผู้กำหนดแบ่งหุ้นหรือ?
หลวงราชภัตติ์      ยังงั้นซิครับ คุณพระเป็นผู้อำนวยการบริษัทเทียว
พระสมาน      ถ้ายังงั้นผมขอตั้งคุณหลวงเป็นเหรัญญิก ดูแลการในหน้าที่จ่ายเงิน
หลวงราชภัตติ์      ได้ซิครับ การจ่ายเงินชำนาญนัก ผมจะรับจัดการหาเครื่องแต่งตัวให้นายอินทเสนให้เสร็จเทียว เป็นไว้ใจผมได้เทียว
พระสมาน      ครับ แต่ผมขอเตือนอย่างหนึ่ง สายนาฬิกาประดับเพชรไม่จำเป็นนะ
หลวงราชภัตติ์      ครับ ผมเข้าใจแล้ว อินทเสน ไปหรือยังล่ะ?
พระสมาน      ประเดี๋ยวก็ได้ครับ ซ้อมกิริยากันเสียก่อน นี่แน่ะ อินทเสน ไหนลองตั้งท่าทางให้กันดูหน่อยหรือ ?
อินทเสน      ท่าอะไรขอรับ ?
พระสมาน      ลองเดินดูก่อนทีหรือ ? (อินทเสนเดินทำท่าเฉย ๆ) อะไรเดินออกเซื่องยังงั้น!
อินทเสน      เดินยังไงถึงจะดีละขอรับ?
พระสมาน      ต้องตั้งท่าให้โอ่โถง ถนนกว้างสิบวามาไม่ได้นัยน์ตาดูข้าม ๆ หัวคนไป เหมือนก็ว่าคนนั้นต่ำต้อยเกินไปจนแกไม่เห็น
หลวงราชภัตติ์      ลุกขึ้นทำท่าให้เขาดูหน่อยซิครับ
             

(พระสมานลุกขึ้นทำท่าเดินวางภูมิ อินทเสนเดินตามทำท่าเลียนคล้าย ๆ แต่กลับจะเลยล้อพระสมานต่อไปอีก)

อินทเสน      ถูกหรือยังครับ ?
หลวงราชภัตติ์      พอใช้ พอใช้ ท่านั่งล่ะครับ ?
พระสมาน      นั่งไม่สู้ยากนัก คงนั่งเก้าอี้โดยมาก ไขว่ห้างไว้เสมอเห็นจะใช้ได้
อินทเสน      มิเมื่อยหรือครับ ?
พระสมาน      เมื่อยก็ต้องทนเอาหน่อยซิ ยศเรามันมากมันก็ต้องทนลำบากหน่อย การไขว่ห้างมันเป็นเครื่องหมายของผู้มียศมาก
อินทเสน      จริงขอรับ ผมจำได้แล้ว แต่ตุ๊กตาที่เป็นตัวเจ้าคุณเขายังปั้นไขว่ห้างเสมอทีเดียว แล้วผมจะต้องแต่งนุ่งผ้าม่วงน้ำเงิน สวมเสื้อดำติดตราอย่างตุ๊กตาเจ้าคุณเสมอหรือขอรับ ?
พระสมาน      ไม่ต้องถึงเช่นนั้นหรอก แต่งแต่พอให้หรู ๆ ก็แล้วกัน
หลวงราชภัตติ์      นุ่งซิ่นไม่ดีหรือครับ ? ดูจะหรูดี
พระสมาน      อะไรคุณหลวง ผู้ชายเขานุ่งซิ่นกันเมื่อไรล่ะ เขานุ่งตาโก้งต่างหาก ถูกไหม ?
อินทเสน      ผู้ชายชาติไหนครับ พม่าหรือครับ ?
พระสมาน      ไม่ใช่ พวกชาวเมืองแกน่าแหละ !
อินทเสน      ชาวเมืองผมเขาก็นุ่งเหมือนชาวเมืองใต้นี่แหละขอรับ
หลวงราชภัตติ์      ถ้ายังงั้นก็ดี หาเครื่องแต่งตัวง่ายดี
พระสมาน      ส่วนวิธีจะพูดจาน่ะ ขอให้ระวังหน่อยนะอินทเสน อย่าพูดให้เป็นคนธรรมดา
อินทเสน      พูดยังไงถึงจะดีขอรับ?
หลวงราชภัตติ์      พูดอย่างแบบแอ่วหรือจ้อย หรืออะไรนั่นแหละจะเข้าที
อินทเสน      เขาจะเอาผมไปปากคลองสานเสียกระมังขอรับ
หลวงราชภัตติ์      ถึงยังไง ๆ ก็ควรจะแถมอ้าย “ข้อยบ่ฮู้” หรือ คำลาวอะไร ๆ ไว้ให้มากถึงจะดี
อินทเสน      ชาวเชียงรายผู้ดีดูเหมือนเขาก็พูดภาษาบางกอกได้ดี ๆ เท่ากับคุณหลวงแหละนะขอรับ
พระสมาน      คุณหลวงเห็นจะไม่ต้องสอนเขาถึงปานนั้นดอกครับ เสียงที่พูดหรือคำที่ใช้ไม่สำคัญอะไร สำคัญอยู่ที่วิธีพูด ต้องพูดข้าม ๆ หัวเขาไปยังงี้ (ทำท่าและทำเสียง) หา ? นี่ใคร อ้อ สบายอยู่หรือ ?
อินทเสน      (เลียนพระสมาน) หา ? นี่ใคร อ้อ สบายอยู่หรือ?
พระสมาน      เทือกนั้นแหละ เห็นจะพอใช้ได้
อินทเสน      เขาจะไม่ด่าผมว่าจองหองหรือขอรับ
พระสมาน      ต้องจองหองซิถึงจะควร ยิ่งทำจองหองถือตัวมาก ๆ ดูเหมือนหลวงวรเวสจะยิ่งป้อยอหนักขึ้น ยังไงคุณหลวง ?
หลวงราชภัตติ์      จริงครับ
อินทเสน      หลวงวรเวสที่มีลูกสาวชื่อมาไลยใช่ไหมขอรับ?
พระสมาน      นั่นแหละ แกรู้จักเขาแล้วหรือ ?
อินทเสน      มิได้ขอรับ ผมรู้จักชื่อและเคยเห็นตัว แต่ไม่รู้จัก
พระสมาน      ดีแล้ว นั่นแหละฉันจะพาแกไปหาหลวงวรเวส บอกว่าแกเป็นเจ้าราชบุตรเชียงราย
อินทเสน      แล้วแต่คุณพระจะโปรดเถอะครับ แต่ถ้าฉวยเกิดถ้อยร้อยความอะไร คุณพระโปรดเมตตาผมด้วยนะครับ
พระสมาน      เอาเถอะ ถ้าเกิดเหตุอะไรฉันจะเป็นผู้รับหน้าเอง
หลวงราชภัตติ์      ถ้ายังงั้น ผมพาอินทเสนไปหาเครื่องแต่งตัวนะครับ
พระสมาน      ครับ จะไปไหนก่อน ?
หลวงราชภัตติ์      ไปตัดเสื้อห้างแซมสันก่อน
พระสมาน      อะไรถึงแซมสันเทียวหรือครับ !
หลวงราชภัตติ์      ไม่ถึงแซมสันมันจะสมเกียรติยศเขาหรือครับ?
พระสมาน      ถ้ายังงั้นก็อย่าตัดให้หลายตัวนักนะครับ บริษัทจะล้มละลายเสียเร็วนัก
หลวงราชภัตติ์      เอาเถอะครับ เอาแต่พอควร
พระสมาน      หมวกก็อย่าให้ถึงปานามาจริงเลยนะครับ เอาแต่หมวกอย่างถูก ๆ ที่หน้าตาคล้าย ๆ ปานามาก็พอ
หลวงราชภัตติ์      อะไรจะให้ใส่ปานามาเก๊หรือครับ ?
พระสมาน      ก็ราชบุตรเก๊มันก็ต้องปานามาเก๊ซิครับ มันถึงจะเหมาะกัน ถ้าให้ผมเลือกผมจะให้ตัดเสื้อแซมสันเก๊เสียด้วยส่ง จะได้เบาเงิน
หลวงราชภัตติ์      ไม่ได้ละครับ ผมยอมปานามาเก๊ให้คุณอย่างหนึ่งแล้ว ผมไม่ยอมเสื้อแซมสันเก๊อีกละ เกือกล่ะ ?
พระสมาน      เกือกน่ะเอาจีนคดแท้ก็ได้ ผมไม่คัดค้าน
หลวงราชภัตติ์      หมายว่าจะให้เกือกจีนคดเก๊อีกล่ะ !
พระสมาน      ส่วนสายนาฬิกา.................
หลวงราชภัตติ์      เกร ๎เลิตเก๊ไม่ได้นะครับ
พระสมาน      ผมนึกจะแนะนำว่าให้ซื้อโรงจำนำทีเดียว
หลวงราชภัตติ์      จริงครับ ผมรู้ว่ามีดีอยู่สายหนึ่งแล้ว สายนาฬิกาหลวงอำไพเอาไปจำนำไว้สายหนึ่ง ผมจะไปจัดการกับหลวงอำไพ ขอไปไถ่มาแทนเขา ดีไหมครับ ?
พระสมาน      ดีทีเดียว นาฬิกามีหรือเปล่า ?
หลวงราชภัตติ์      มีด้วยครับ เจ้าของเดียวกัน หลวงอำไพน่ะมีดีอย่างหนึ่ง พอเขาเอาอะไรไปจำนำ เขาบอกให้ผมทราบเสมอ เผื่อผมต้องการก็ไปไถ่เอามาใช้ชั่วคราว พอเขาฟุ่มเฟือยขึ้นอีกหน่อย เขาก็มาซื้อคืนไปจากผมอีกทีหนึ่ง เสียแต่เขาชอบเล่นซื้อเชื่อนัก
พระสมาน      ถ้ายังงั้นคุณพาอินทเสนไปซิ อยู่ทางนี้ผมจะเขียนหนังสือถึงหลวงวรเวส บอกข่าวเจ้าราชบุตร ผมจะบอกแกว่าถ้าแกต้องการ จะได้ให้เจ้าราชบุตรไปบ้านแก ผมจะช่วยจัดการให้นะครับ
หลวงราชภัตติ์      ดีทีเดียว แล้วเราก็เตรียมหัวเราะเยาะแกเสียให้หนำใจเทียวนะครับ (หัวเราะ)
พระสมาน      ยังงั้นซิครับ (หัวเราะ)
อินทเสน      มันก็จะขันดีอยู่ขอรับ (หัวเราะ)
หลวงราชภัตติ์      ผมนึกหัวเราะเสียแต่ป่านนี้แล้ว ฮะ ๆ ฮะ ๆ ไปเถอะอินทเสน (หลวงราชภัตติ์กับอินทเสนพากันไป พระสมานไปยืนดูที่หน้าต่างข้างซ้ายสักครู่หนึ่งแล้วก็เดินหัวเราะออกไปทางเฉลียง)
             

ปิดม่าน

องก์ที่ ๒ (ภายหลังองก์ที่ ๑ ประมาณ ๓ วัน) ชาลาหน้าห้องรับแขก ที่บ้านหลวงวรเวสวิสิฐ สามเสน

ฉาก: หน้าห้องรับแขกชาลา ที่บ้านหลวงวรเวสวิสิฐ ด้านหลังเป็นผนังห้องรับแขก กั้นเข้ามาประมาณส่วนหนึ่งในสามของโรงมีประตู ๓ ช่อง เปิดทั้ง ๓ ช่อง มองทางประตูแลเห็นห้องรับแขกอยู่ข้างใน ที่ผนังมีลวดลายวิจิตรมาก ด้านสกัดชาลาข้างขวาเป็นผนังมีประตู ๑ ช่อง ด้านสกัดข้างซ้ายมีพนักปูนและเสาเหล็กรับปะรำ นอกคูหาออกไปแลเห็นต้นไม้ดูร่มรื่นดี เพดานชาลาดาดผ้าใบริ้วสีสลับกัน ๒ สี ส่วนเครื่องตกแต่งนั้น ที่ชาลามีโต๊ะเก้าอี้สานเป็นชุด ที่แลเห็นในห้องรับแขกเป็นเครื่องอย่างดี


พอเปิดม่านหลวงวรเวสวิสิฐ กับพระสมานบริกรเดินออกมาจากห้องรับแขกด้วยกัน


หลวงวรเวสนั้นเป็นคนอายุประมาณ ๔๐ เศษ แต่งตัวดีเรียบร้อย

หลวงวรเวส      เชิญคุณพระนั่งพักเย็นที่นี่ก่อนเถอะครับ
พระสมาน      ขอบใจครับ (นั่งลงด้วยกันทั้ง ๒ คน)
หลวงวรเวส      ผมขอบใจคุณพระจนไม่รู้ที่จะหาถ้อยคำอะไรมากล่าวให้เหมาะเลยครับ
พระสมาน      ไม่จำเป็นเลยครับ ไม่จำเป็น ผมมีความยินดีที่มีโอกาสทำให้คุณหลวงเป็นที่พอใจ
หลวงวรเวส      ผมต้องขอขอบใจหน่อย ถ้าไม่ได้คุณพระผมก็คงไม่มีโอกาสได้พบปะเจ้าราชบุตรเชียงรายเลยทีเดียว แล้วยังมิหนำซ้ำคุณพระยังเมตตามาช่วยจัดตกแต่งห้องหับของผมให้เรียบร้อยอีก
พระสมาน      ถ้าคุณหลวงจะให้ผมเป็นที่พอใจละก็ ขออย่าได้ขอบใจผมเลยอีกคำเดียว จะดีกว่าอย่างอื่น
หลวงวรเวส      ถ้ายังงั้น คุณพระก็เป็นคนประหลาดคนหนึ่งละครับ คนที่ไม่ชอบให้คนสรรเสริญ ผมก็พึ่งเคยพบแต่คุณพระนี่แหละ โดยมากผมได้เคยพบแต่คนที่ต้องการความสรรเสริญ จนส่งให้ไม่ทันทีเดียว
พระสมาน      ผมไม่อยากให้คุณหลวงต้องลำบากแจกความสรรเสริญให้แก่ผมน่ะซิครับ
หลวงวรเวส      อ้อ ! ผมเห็นจะต้องรบกวนคุณพระอีกสักหน่อย ผมอยากรู้อะไรอยู่อย่างหนึ่ง แต่ผมสู้งดไว้ไม่ถามต่อหน้าแม่มลิหรือแม่มาไลย กลัวเขาจะหัวเราะเยาะผมน่ะเป็นคนเซ่อซ่าป่าเถื่อนเหลือเกิน
พระสมาน      เขาคงไม่ว่าคุณหลวงเช่นนั้นเป็นแน่
หลวงวรเวส      ทำไมเขาจะไม่ว่าครับ แม่มาไลยน่ะไม่สู้กระไร เพราะมันเป็นลูกมันก็เกรงใจอยู่บ้าง แต่แม่มลิน่ะเขาคอยอนุสาสน์ผมอยู่ไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อนเลย นี่แหละครับ การที่ได้ภรรยาเป็นผู้มีตระกูลเช่นแม่มลิมันก็ลำบากอยู่บ้าง ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่เขาคงเตือนให้ผมรู้สึกอยู่เสมอว่าการที่ผมได้เขามาเป็นภรรยาน่ะ เป็นเคราะห์ดีของผมอย่างยิ่ง
พระสมาน      อะไรคุณมลิจะเตือนคุณหลวงดื้อ ๆ ยังงั้นเทียวหรือครับ ?
หลวงวรเวส      วิธีเตือนของเขามีต่าง ๆ ขอรับ เขาเตือนได้ทั้งด้วยกิริยาทั้งด้วยวาจา บางทีก็เตือนแต่พอเยื้อง ๆ ไป แต่บางทีก็เล่นเอาตรง ๆ ทีเดียว ยังไง ๆ เขาคงไม่ให้ผมลืมเลยว่าพ่อผมเคยเป็นบ่าวพ่อของเขา จนบางทีทำให้ผมนึกว่าถ้าผมได้ผู้หญิงชาวไร่ชาวนาอะไรมาเป็นเมียเสียดีกว่า
พระสมาน      เอ้อ- อ้า - เมื่อแต่กี้คุณหลวงพูดว่าคุณหลวงอยากถามความเห็นอะไรผมสักอย่างหนึ่ง มีเรื่องอะไรล่ะครับ ?
หลวงวรเวส      ผมอยากทราบว่า ผมควรจะพูดกับเจ้าราชบุตรอย่างไร เช่นจุพูดถึงตัวผมเองยังงี้จะพูดว่ากระไร คำลาวเขาจะใช้กันอย่างไรผมก็ไม่ทราบ พอผมได้รับจดหมายคุณพระ ผมก็ไปลากหนังสือพระลอออกมาอ่านดู ก็ออกจะไม่ใคร่เข้าใจ คุณทราบอยู่แล้วว่าหนังสือน่ะ ผมมันไม่ได้รู้เพียงเท่าไร
พระสมาน      ไม่จำเป็นต้องใช้คำอย่างในเรื่องพระลอดอกครับ พูดอย่างเรา ๆ ยังงี้เขาก็เข้าใจ
หลวงวรเวส      ถ้ายังงั้นจะพูดเพียงแค่ไรดีครับ เห็นจะไม่ถึงข้าพระพุทธเจ้ากระมังครับ
พระสมาน      ไม่ควรเลยครับ
หลวงวรเวส      เพียงเกล้ากระหม่อมจะพองามกระมังครับ ?
พระสมาน      ยังเกินไป เพียงผมก็พอ
หลวงวรเวส      อะไรพูดผมกับเจ้า เขาจะไม่ว่าผมเซ่อซ่าไปหรือครับ ?
พระสมาน      ตรงกันข้าม ถ้าคุณหลวงเรียกตัวอย่างอื่นนอกจากผมเห็นจะถูกติเตียนว่าเซ่อซ่าแน่ละครับ
หลวงวรเวส      ถ้าขานก็ขานว่าขอรับ หรือขอรับกระผมก็พอหรือครับ ?
พระสมาน      ขอรับเท่านั้นก็พอ ขอรับกระผมดูเหมือนจะเกิน ๆ ไปสักหน่อยเสียอีก
หลวงวรเวส      ยังงั้นหรือครับ ? ถ้ายังงั้นฉวยว่าเกิดมีปากเสียงกันขึ้นกับแม่มลิ ต้องขออนุญาตอ้างคุณพระเป็นหลักนะครับ
พระสมาน      ได้ซิครับ ผมรับผิดรับชอบเอง
หลวงวรเวส      ขอบใจครับ ขอบใจ
พระสมาน      ถ้าคุณหลวงไม่ธุระอะไรอีกแล้ว ผมจะขอลาที แล้วผมจะมาอีกให้ทันเวลาดินเน่อร์
             

(ลุกขึ้นยืน หลวงวรเวสลุกขึ้นด้วย)

หลวงวรเวส      แล้วคุณพระดูละครต่อไปด้วยนะครับ
พระสมาน      ยังงั้นซิครับ ผมลาที (ออกไปทางห้องรับแขก)
             

(หลวงวรเวสลงนั่งสูบบุหรี่ต่อไปสักครู่หนึ่ง มลิออกมาทางประตูขวา มลิอายุประมาณ ๓๖ หรือ ๓๗ แต่งตัวอยู่กับบ้าน)

มลิ      ยังไงคุณ ลูกชายคุณน่ะเมื่อไหร่จะมา? ไปเชือนแชอยู่เสียที่ไหนก็ไม่รู้
หลวงวรเวส      ฉันสั่งอ้ายเนตร์ไปว่าให้บอกให้รีบมาทันที ทำไมมาช้านักก็ไม่ทราบเลย
             

(นายบุญโรจน์มาทางห้องรับแขก นายบุญโรจน์อายุประมาณ ๑๗ ปี แต่งกายดี)

มลิ      อ้าวนี่แน่ะ ! พอถามถึงก็มาทีเดียว
หลวงวรเวส      ยังไงมาช้านัก อ้ายเนตร์มันไม่ได้บอกหรือว่าให้รีบมา?
บุญโรจน์      มันบอกครับ พออ้ายเนตร์ไปบอกผมก็ขึ้นไปลาครูออกจากโรงเรียนมาทีเดียว
มลิ      เอ๊ะ ! ก็ยังไงมาถึงนี่ช้านัก อ้ายเนตร์ไปบอกเมื่อไหร่ ?
บุญโรจน์      เมื่อบ่ายสัก ๒ นาฬิกาได้อยู่ครับ
มลิ      แหม ! ก็นี่เป็น ๔ นาฬิกาแล้ว ไปแวะเวียนเสียที่ไหนมั่งก็ไม่รู้
บุญโรจน์      ไม่ได้แวะได้เวียนที่ไหนเลยเทียวคุณแม่
มลิ      คุณ นี่คุณส่งรถคันไหนไปรับ ?
หลวงวรเวส      คันแดง
มลิ      อ้อ ! คุณส่งรถสำหรับบ่าวใช้ไปให้ลูกฉันขี่ยังงั้นหรือ ?
หลวงวรเวส      ตัวเขาเองเขาชอบคันนั้น เขาว่ามีมันขับง่ายดี เขาขับเองได้
มลิ      ทำไมคนสำหรับขับไม่มีหรือ คุณต้องให้ลูกคุณขับรถเอง ?
หลวงวรเวส      ก็ผู้ดีเขาก็ขับเองกันถมไป การที่ผู้ดีจะขับรถยนต์ ไม่เป็นที่เสื่อมเสียเกียรติอะไรเลย
มลิ      พวกดิฉันไม่เคยขับรถเองเลย
หลวงวรเวส      (พูดเบา ๆ หน่อย) ก็มันไม่เห็นเคยมีรถรัถหัตถีอะไรจะขับ
มลิ      คุณไม่ต้องหมิ่นประมาทพวกดิฉัน ถึงยังไง ๆ คนทั้งหลายก็นับถือเขาเพราะเหตุอื่น ๆ นอกจากเพราะตื่นเงิน
หลวงวรเวส      อือ! หูหล่อนไวจริง ๆ ฉันนึกดัง ๆ ก็ได้ยินด้วย
มลิ      นี่นัยว่าคุณจะไม่ชำระลูกชายคุณหรือ ว่าทำไมถึงมาช้านัก
หลวงวรเวส      ชำระซิ ! (พูดกับนายบุญโรจน์) อ้ายแดงมานี่ !
มลิ      นี่ลูกน่ะมันไม่มีชื่อหรือ ถึงได้ต้องเรียกมันว่าอ้ายแดง ?
หลวงวรเวส      ชื่อมันน่ะมีดอก ฉันเห็นมันหรูเกินกว่าที่จะใช้เรียกทุก ๆ วัน นึกว่าเรามีงานมีการถึงค่อยให้มันเป็นนายบุญโรจน์ ถ้าอยู่กะบ้านในหมู่กันเองให้มันเป็นแต่อ้ายแดงก็จะพอ
มลิ      เออ ! ลูกมีชื่อเป็นผู้ลากมากดีอยู่ดี ๆ กลับไม่ชอบ อยากให้มันมีชื่อเหมือนลูกขี้ข้า
หลวงวรเวส      ขอทีแม่คุณ ขอที ! (พูดกับลูก) ยังไงพ่อบุญโรจน์ ทำไมถึงมาช้านัก ไปเชือนแชอยู่เสียที่ไหน ? หรือเอ็งไปดูหาบุหรี่ให้พ่อสูบอย่างครั้งก่อน
มลิ      นั่นทำไมต้องไปแนะทางให้เขาปดด้วย จะให้เขานึกปดของเขาเองไม่ได้เทียวหรือ ?
หลวงวรเวส      (แกล้งทำเสียงแข็ง) ยังไงบุญโรจน์ว่ามา ไปเชือนแชเสียที่ไหน ?
บุญโรจน์      ผมไม่ได้เชือนแชที่ไหนเลย ตรงกลับมาบ้านทีเดียว
หลวงวรเวส      ขออย่าให้พูดปดต่อพ่อแม่ นอกจากที่มีเหตุจำเป็นโดยแท้
มลิ      นั่นทำไมจะต้องไปเปิดช่องไว้ให้ยังงั้นด้วย
หลวงวรเวส      คนสมัยใหม่เขาถือกันอยู่ ว่ามีเวลาบางเวลาจำเป็นจะต้องปดเพื่อรักษาความสัตย์ต่อเพื่อนฝูงอะไรของเขาไม่รู้ได้
มลิ      ขอให้พูดกันจริง ๆ เถอะ
บุญโรจน์      ผมไม่ได้เชือนที่ไหนจริง ๆ ครับ
มลิ      ก็ยังงั้นทำไมมาช้านักล่ะ หรืออ้ายรถคันแดงนั่นไปขลุกขลักเสียกลางทางอีกกระมัง ?
บุญโรจน์      ไม่ได้เสียเลยครับ มาเรียบร้อยตลอดทาง
มลิ      ก็ยังงั้นทำไมช้านักน่ะ ?
บุญโรจน์      ผมมารถไอ
มลิ      อะไรนะ ?
หลวงวรเวส      มันว่ามันมารถไอ ฮะ ๆ ฮะ ๆ
มลิ      คุณเห็นขันยังไง ?
หลวงวรเวส      เปล่า !
มลิ      บุญโรจน์ รถยนต์เขาก็ให้ไปรับแล้ว ทำไมถึงต้องขี่รถไอมา
บุญโรจน์      อยากมาก็มา (หลวงวรเวสพยักหน้าและยิ้ม)
มลิ      ทำไม มันจะสบายไปกว่ารถยนต์ยังไง
บุญโรจน์      มันไม่สบายกว่าครับ แต่มันสนุกกว่า
มลิ      สนุก ! นั่งเบียดคนมาแอ็ด ๆ มันสนุกสนานยังไง ?
หลวงวรเวส      อีกประการหนึ่ง ต้องเข้าใจว่าเสียสตางค์ไปโดยใช่ที่เลย มันสองระยะไม่ใช่หรือ ?
บุญโรจน์      ครับ สองระยะ แต่ผมเสีย ๑๒ สตางค์เท่านั้น
หลวงวรเวส      ยังงั้นเอ็งก็มาที่ ๖ สตางค์น่ะซิ
บุญโรจน์      (ยิ้ม ๆ) ครับ
มลิ      (ตบอก) ตาย ๆ พิลึกจริง ๆ มีรถยนต์ขี่ดี ๆ ว่าไม่ดี ชอบไปขึ้นรถไอ นั่งที่ ๖ สตางค์ เบียดกับอ้ายคนสารเลวอะไรมิรู้
บุญโรจน์      นาน ๆ ได้ขึ้นรถไอทีหนึ่ง มันก็สนุกอยู่นะครับ
หลวงวรเวส      (หัวเราะ) ฮะ ๆ ฮะ ๆ !
มลิ      คุณหลวงขันอะไร ขันว่าลูกอยากเป็นไพร่ยังงั้นหรือ ?
หลวงวรเวส      ที่จริงมันก็ขันอยู่บ้าง !
มลิ      บุญโรจน์ ตัวเจ้าน่ะไปเอาสันดานไพร่มาจากไหนไม่รู้ ไม่ได้เอาไปจากแม่น่ะเป็นแน่ละ
บุญโรจน์      ผมก็ไม่ทราบว่า ได้มาจากทางไหนครับ บางทีมันจะเกิดขึ้นในตัวผมเองก็เป็นได้
มลิ      เสียแรงขวนขวายให้ได้เล่าได้เรียนอย่างดี จนที่สุดนี้ได้ไปอยู่ที่ราชวิทยาลัย แล้วสันดานไพร่ของเจ้ามันน่าจะตัดให้หายไปได้เบาหรือ ก็นี่อ้ายเนตร์อ้ายสาน่ะไม่ได้ตามมาหรือ ?
บุญโรจน์      ตามมาครับ มันตามมาในรถยนต์ขับตามหลังรถไอมาเทียว
มลิ      แล้วมันขนของของลูกมาแล้วหรือ ?
บุญโรจน์      ขนมาแล้วครับ อ้ายเนตร์มันถือช้อนคัดรองเท้ามา
มลิ      ฮือ ! อ้ายสาล่ะ
บุญโรจน์      อ้ายสาถือแปรงถูฟันกับอับยาฟัน ! (หลวงวรเวสหัวเราะเอามือปิดปาก เพื่อไม่ให้เมียเห็น)
มลิ      อะไรให้มันถือของออกเหลวแหลกยังงั้น !
บุญโรจน์      พุทโธ่คุณแม่ ไม่ใช่เหลวไหลเลยนะครับ ช้อนคัดรองเท้าน่ะเป็นของจำเป็นจริง ๆ รองเท้าผมมันพอดีกะเท้า ถ้าไม่ใช้ช้อนใส่แทบไม่ได้เทียวครับ
มลิ      ก็ช้อนที่บ้านนี้ก็มีไม่ใช่หรือ ?
บุญโรจน์      มีอยู่จริงครับ แต่มันเป็นช้อนเงินหรือช้อนงา ไม่คล่องเหมือนช้อนเขานะครับ ช้อนเขามันเยิ่นดีนัก
มลิ      ฮึ ! สำแดงความไพร่อออกมาอีกแล้วไหมล่ะ ก็แปรงถูฟันกะยาฟันน่ะทำไมต้องเอามาด้วยล่ะ
บุญโรจน์      ยาฟันถ้าทิ้งไว้หมดครับ ส่วนแปรงน่ะขืนทิ้งไว้ก็คงถูกใครยืมไป ผมเคยโดนเข้าทีหนึ่งแล้วเลยเข็ด
หลวงวรเวส      (หัวเราะ) ฮะ ๆ ฮะ ๆ !
มลิ      เมื่อไหร่คุณจะหมดของขันเสียสักที
หลวงวรเวส      เห็นจะยังอีกหลายปี แต่นี่เวลาก็บ่ายมากแล้วเราไม่ควรจะมัวเสียเวลาพูดกันในเรื่องไม่เป็นสาระอยู่ยังงี้
มลิ      ใครพูดไม่เป็นสาระคะ ?
หลวงวรเวส      (ถอนใจใหญ่) ก็ฉันน่ะซิ
มลิ      ก็อยากจะทำอะไรต่อไปก็ทำไปซิ
หลวงวรเวส      ฉันอยากจะซ้อมอ้ายแดง – เอ๊ย ! บุญโรจน์ในการที่จะออกงานรับแขกคราวนี้น่ะซิ
มลิ      ก็ดีแล้ว จะสอนอะไรก็สอนกันไปซิ
หลวงวรเวส      เอ้าไหนลองคำนับไปทีหรือ ?
มลิ      ทำไมเขาจะคำนับไม่เป็น เขาเรียนอยู่กะครูฝรั่งทีเดียวนี่นะ
หลวงวรเวส      จริงซิ ! ถ้ายังงั้นช่างเถอะไม่ต้องซ้อมคำนับละ แต่วิธีที่จะพูดกับเจ้าราชบุตรน่ะเอ็งจะพูดยังไง ?
บุญโรจน์      ก็เห็นจะเหมือนอย่างพูดกับเจ้าอื่น ๆ กระมังครับ
หลวงวรเวส      ไม่ถูก ไม่ถูก ถ้าจะขานต้องขอรับ ถ้าจะพูดถึงตัวเอ็งต้องใช้ว่าผมหรือกระผมก็ได้ แต่อ้ายกะขุนอย่างที่เอ็งเคยพูดอยู่กะท่านขุนการีน่ะใช้ไม่ได้นะ
มลิ      เออ ! ตามืดจูงตาบอดละเจ้าข้าเอ๊ย !
หลวงวรเวส      ฉันรับสารภาพว่าแต่แรกตาฉันมืด แต่เดี๋ยวนี้ฉันไปหาหมอรักษาจนตาสว่างแล้ว ตาแม่มลิเองแหละยังมัวอยู่
มลิ      ทำไม ?
หลวงวรเวส      หล่อนท้วงฉันผิดแล้วครั้งนี้
มลิ      ท้วงผิดยังไง ก็อะไรพูดกะเจ้าว่าขอรับ มีเยี่ยงมีอย่างที่ไหนมั่ง
หลวงวรเวส      นี่แหละฉันถึงได้ว่า หล่อนน่ะตามัวอยู่มาก (หัวเราะเยาะ) ถ้าขืนไปพูดอย่างอื่นกะเจ้าราชบุตรนอกจากขอรับละก็เขาได้ฮากันครืนละ
มลิ      ใครบอกคุณว่าควรจะพูดขอรับ
หลวงวรเวส      คุณพระสมานบอกแต่กี้นี้เอง
มลิ      อ้อยังงั้นหรือ ?
หลวงวรเวส      ยังงั้น คุณพระสมานเห็นจะเป็นผู้มีตระกูลดี พอที่จะรู้ขนบธรรมเนียมกระมัง
มลิ      ถ้าคุณพระสมานว่ายังงั้นก็เห็นจะถูกแล้ว
หลวงวรเวส      (หัวเราะ) เฮอะ ๆ
มลิ      ดีใจว่าดิฉันพลาดท่ายังงั้นหรือ ?
หลวงวรเวส      เปล่า ! เปล่า ! ฉันดีใจว่าฉันมีความคิดพอที่จะถามไว้เสียก่อน
มลิ      ฮือ! เออพ่อบุญโรจน์ เสียแรงเป็นนักเรียนฝรั่งมังค่า ลูกจะบอกแม่ได้ไหม ว่าวิธีที่แม่คำนับน่ะถูกหรือยัง ?
บุญโรจน์      คุณแม่จะให้ผมทำท่าให้ดูหรือครับ ?
มลิ      ก็เอาซิ
บุญโรจน์      ยังงี้เป็นยังไงครับ ? (ทำท่าวิ่งโดดแหยว ๆ ออกมาแล้วย่อคำนับอย่างผู้หญิงละครม้า)
หลวงวรเวส      พุทโธ่ ! ก็ตัวแม่เจ้าเขาเบาอย่างเช่นเอ็งเมื่อไหร่ จะได้เต้นแหยวยังงั้นได้ ขืนให้ทำก็คงงามตายละ
มลิ      นั่นลูกไปจำมาแต่ไหน ?
บุญโรจน์      จำมาแต่ละครฝรั่งครับ
มลิ      ก็แม่อยากดูท่าผู้หญิงผู้ดีเขาคำนับ อะไรไปเอาท่าอีผู้หญิงละครมาทำให้ดูละ
บุญโรจน์      ก็ผมไม่รู้จักท่าผู้หญิงผู้ดีคำนับ ผมจะทำให้คุณแม่ดูได้ยังไงล่ะครับ
มลิ      ทำไมครูฝรั่งเขาไม่ได้สั่งได้สอนมั่งหรือ ?
บุญโรจน์      พุทโธ่! ก็ราชวิทยาลัยไม่ใช่โรงเรียนผู้หญิงเลยนี่ครับ เขาจะได้มาฝึกหัดกิริยาผู้หญิง ถ้าอยากให้ผมรู้กิริยาผู้หญิงทำไมไม่ส่งผมไปโรงเรียนผู้หญิงละครับ
หลวงวรเวส      ถ้าส่งเอ็งไปโรงเรียนผู้หญิงก็จะได้สนุกยิ่งกว่ารถไออีกน่ะซิ
มลิ      คุณหลวง ! พูดอะไรไม่จำเป็นเลย นี่แน่ะบุญโรจน์ ถ้ายังงั้นท่าที่คำนับอยู่น่ะก็เห็นจะถูกแล้วละกระมัง
บุญโรจน์      เห็นจะถูกแล้วละครับ แต่ถึงจะผิดผมก็คงไม่ทราบ
มลิ      ฮือ ! ถ้ายังงั้นฉันจะต้องไปดูซ้อมท่าทางคำนับของแม่มาไลยเสียสักหน่อย (ลุกขึ้นจะไป)
หลวงวรเวส      อ้อประเดี๋ยว ฉันมีอะไรที่จะปรึกษาหล่อนสักหน่อย ฉันทราบจากคุณพระสมานว่าเวลานี้เจ้าราชบุตรไปเช่าบ้านเขาอยู่แห่งหนึ่ง เรือนเล็กนิดเดียวเท่านั้น
มลิ      แล้วยังไงล่ะ ?
หลวงวรเวส      อ้ายตึกหลังเล็กของเรามันก็อยู่เปล่า ฉันหมายว่าจะเชิญให้เจ้าราชบุตรมาพักอยู่ที่นั่น หล่อนจะเห็นยังไง ?
มลิ      คุณประสงค์อะไร
หลวงวรเวส      อ้าวฉันเห็นว่า น่าจะมีผลสองประการ ประการหนึ่งเราจะมีชื่อเสียงว่าได้จัดการรับรองเจ้าประเทศราช ที่เป็นของแน่นอน อีกประการหนึ่งฉันเห็นว่าสวนของเราหรือก็ใช้ร่วมกันกะตึกเล็กนั้นอยู่
มลิ      จะให้เจ้าราชบุตรมาช่วยทำสวนหรือ ?
หลวงวรเวส      ไม่ใช่ ฉันนึกถึงลูกสาวเราดอกนะ
มลิ      อะไรคุณจะเอาลูกสาวไปยัดเยียดให้เขายังงั้นเทียวหรือ
หลวงวรเวส      ไม่ต้องยัดเยียด เจ้าราชบุตรคงเห็นเอง เราก็มีแต่จะจัดการให้แม่มาไลยลงชมสวนเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น เจ้าราชบุตรเห็นผ่านแวบไปแวบมาขี้คร้านใจเต้นไปเสียอีก
มลิ      ฮือ ! ก็ชอบกล
หลวงวรเวส      นั่นซิ
มลิ      ที่จริงฉันนึกไว้............
หลวงวรเวส      ฉันรู้แล้ว แต่ตามที่หล่อนประสงค์ฉันเห็นท่าจะได้ยาก เพราะฉะนั้นถ้าได้เจ้าราชบุตรก็จะไม่เลวนะหล่อน
มลิ      ไม่เลว ที่จริงฉันจะยอมชมให้ว่าค่อนข้างดีเสียอีก
หลวงวรเวส      ขอบใจ นาน ๆ ฉันก็มีความคิดดีโผล่ขึ้นมาทีหนึ่งยังงี้แหละ
มลิ      จริง
หลวงวรเวส      ถ้ายังงั้นเป็นอันตกลงให้ฉันเชิญเขานะ
มลิ      คะเชิญเถอะ แต่ทำให้ดีนะ อย่าตรงไปถึงก็ชวนปุบปับทีเดียวนะ เดี๋ยวเขาจะว่าเราเห่อ
หลวงวรเวส      ถูกแล้ว ฉันจะค่อย ๆ พูดอ้อมเข้าไปทีละน้อยตีวงให้แคบเข้าไปทุกที จนพอถึงปับก็จับปุบให้อยู่เทียว
มลิ      เออ ! ทำให้ดีเถอะคะ นี่เวลาเท่าไหร่ละ?
หลวงวรเวส      (ควักนาฬิกาออกมาดู) แม่เจ้าโว้ย สองทุ่มกะสิบห้านาทีแล้ว เผลอไปประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น
มลิ      อะไรยังไม่ทันค่ำเลย จะสองทุ่มสองแท่มอะไรได้
หลวงวรเวส      เออจริง ! (ยกนาฬิกาขึ้นฟังที่หู) หยุดเสียแล้วตั้งแต่เมื่อเช้า สองโมงสิบห้านาทีนั่นเอง
มลิ      พุทโธ่พุถัง ! ช่างพกไว้ได้ หนักกระเป๋าเปล่า บุญโรจน์ดูนาฬิกาทีหรือ ?
บุญโรจน์      (ดูนาฬิกา) สิบเอ็ดทุ่มครึ่ง
หลวงวรเวส      เอ๊ะ ! นั่นนาฬิกาหยุดเสียแล้วเหมือนกันหรือ ? (หัวเราะเยาะ)
บุญโรจน์      เปล่าครับ ผมบอกผิดไป ได้ยินคุณพ่อพูดว่าเช้า ๆ ผมก็หลงไปด้วยยังงั้นเอง
มลิ      ก็ที่จริงน่ะมันกี่นาฬิกา ?
บุญโรจน์      ที่จริงน่ะมันบ่าย ๕ นาฬิกาครึ่งครับ
มลิ      ต๊ายตาย! เกือบถึงเวลาแต่งตัวแล้ว ฉันต้องลาที แล้วคุณโปรดตรวจดูการข้างนอกนี่เสียให้เรียบร้อยแล้วถึงค่อยไปแต่งตัวนะคะ
หลวงวรเวส      ได้ ฉันจะทำให้ตลอด
             

(มลิออกไปทางประตูขวา)

หลวงวรเวส      เอออ้ายแดง – โอ๊ยลืมไป
บุญโรจน์      ช่างเถอะครับ ผมชอบให้คุณพ่อเรียกผมว่าอ้ายแดงมากกว่าบุญโรจน์ ดูรู้สึกสนิทสนมกันดีกว่ามาก
หลวงวรเวส      เออข้าก็รู้สึกยังงั้นเหมือนกัน ข้าเรียกบุญโรจน์ทีไร รู้สึกเหมือนพูดกะเจ้าอะไรองค์หนึ่ง ถ้าเรียกอ้ายแดง ดูค่อยรู้สึกว่าเอ็งเป็นลูกข้าหน่อยหนึ่ง
บุญโรจน์      ผมก็เหมือนกันครับ เพราะยังงั้นให้ผมเป็นบุญโรจน์แต่จำเพาะต่อหน้าคุณแม่เท่านั้น ก็แล้วกัน
หลวงวรเวส      นี่แน่ะ วันนี้ทำไมเอ็งถึงได้ขี่รถไอกลับมา ?
บุญโรจน์      พุทโธ่ ผมเบื่ออ้ายการวางภูมิเสียเหลือทนแล้ว ผมได้นึกอยู่เสมอว่า ถ้าได้เป็นเหมือนคนอื่น ๆ เขามั่งก็จะสบายดี ผมได้เคยอยากขี่รถไอมานานแล้ว แต่ไม่มีช่องเลย วันนี้ผมเห็นได้ช่องต้องลองดูที
หลวงวรเวส      เอ็งไม่รู้หรือว่า การที่อยากขี่รถไอเบียดกับคนสามัญเช่นนั้น คุณแม่เห็นเป็นการเสียผิวมาก เห็นเป็นทำตัวเป็นไพร่ไปทีเดียว
บุญโรจน์      ครับ ผมทราบ แต่ผมมีบางเวลาที่นึกอยากเป็นไพร่
หลวงวรเวส      เออข้าจะบอกอะไรให้ อย่าอึงไปนะ
บุญโรจน์      ครับ
หลวงวรเวส      ตัวข้าเองก็มีบางเวลา ที่อยากเป็นไพร่พิลึก ตั้งแต่ข้าได้กะแม่เอ็งแล้ว เขาไม่ยอมให้ข้าเป็นำไพร่เลยเทียว เดี๋ยวนี้ละก็ข้าเห็นส้มฟักไม่ได้อยากกินจนน้ำลายไหลเทียววะ ให้ตกรกซิ ข้าถูกกินแต่อ้ายกับข้าวผู้ดี จนเบื่อเสียแสนเบื่อแล้ว ยังวันนี้จะต้องนั่งกินดินเน่อร์อีก
บุญโรจน์      คุณพ่ออยากกินของไพร่ ๆ จริงหรือครับ ?
หลวงวรเวส      พุทโธ่ ! ทำไมจะไม่อยากวะ อยากเหลือเกินเทียว!
บุญโรจน์      ถ้ายังงั้นผมจะบอกความลับคุณพ่อสักอย่างหนึ่ง เมื่อผมไปยืนคอยจะเปลี่ยนรถไอสายโน้นมาสายนี้ ผมแวะไปซื้อส้มฟักมาไว้แยะเทียว
หลวงวรเวส      ยังงั้นหรือวะ เอาไว้ที่ไหน ?
บุญโรจน์      อยู่ในถ้ำในสวนแน่ะครับ ไปกินด้วยกันหรือครับ ?
หลวงวรเวส      อ้ายแดง ! เอ็งนี่ระยำมาก ถ้าแม่เขารู้ละเขากระหนาบตายเทียววะ (เหลียวซ้ายแลขวา) ยังมีเวลาอยู่วะ ไปเที่ยวถ้ำกันหน่อยเถอะ
             

(สองคนพ่อลูกเหลียวซ้ายแลขวาแล้วค่อย ๆ ย่องออกไปด้วยกันทางห้องรับแขก)


ปิดม่าน


องก์ที่ ๓ (ภายหลังองก์ที่ ๒ ประมาณกึ่งเดือน) สวนที่บ้านหลวงวรเวสวิสิฐ

ฉาก: สวนในบ้านหลวงวรเวสวิสิฐ ด้านหลังมีเขามีถ้ำและมีน้ำตก มีลำธาร ทำอยู่ข้างจะเป็นที่น่าสบาย มีต้นไม้ใหญ่ครึ้ม ใต้ต้นไม้ใหญ่มีเก้าอี้สวน และโต๊ะตั้งเป็นที่ชมน้ำพุ

เมื่อเปิดม่าน นายบุญโรจน์กำลังตั้งกล้องถ่ายรูป จะถ่ายเขา หัวอยู่ในโปงผ้าคลุมกล้อง น้อยอินทเสนเดินเข้ามาจากทางซ้าย

อินทเสน      โรจน์ นั่นถ่ายอะไร ?
บุญโรจน์      (โผล่ออกมาจากโปง) เจ้าระวังตัวให้ดีเถอะ เรียกผมโรจน์เปล่า ๆ จนติดปาก ไปเรียกต่อหน้าคุณแม่เข้าสักทีละก็เถอะ ได้เกิดเหตุใหญ่เทียว
อินทเสน      คุณแม่จะกระหนาบฉันใหญ่เทียวหรือ ?
บุญโรจน์      แน่ละครับ
อินทเสน      ฉันก็มาอาศัยอยู่ในบ้านนี้เป็นนานแล้ว ยังไม่เคยเห็นคุณมลิโกรธสักทีเดียว
บุญโรจน์      อ๋อ ! ไม่ประหลาดอะไร คุณแม่ทำดีต่อเจ้าไว้ เพราะเจ้ายังเป็นคนอื่นอยู่ แต่นีเจ้าจะมาเกี่ยวดองกะท่านแล้ว ท่านไม่ต้องเกรงใจเจ้าอีกละ
อินทเสน      อ้อ ! ทำไมแกถึงรู้ ?
บุญโรจน์      เดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง ขอให้ผมถ่ายรูปแผ่นนี้เสียให้สำเร็จก่อนหน่อยเถอะ (เอาผ้าคลุมหัวมองในกล้องอีก)
อินทเสน      จะถ่ายไปทำไม ?
บุญโรจน์      (พูดในโปง) ถ่ายไปแข่งเอารางวัล เออนี่แน่ะเจ้า วานไปยืนที่เขาหน่อยได้ไหม ถ่ายรูปมีคนดูเข้าทีขึ้น
อินทเสน      ได้ซิ ! (ไปยืนที่เขา) เอาหรือยัง ?
บุญโรจน์      กระเถิบไปข้างขวาอีกนิด – ไม่ใช่ไปข้างซ้าย มือของเจ้าเองน่ะ – อีกนิด
อินทเสน      อีกนิดก็เปียกน่ะซิ
บุญโรจน์      ยังงั้นทำยังไงตัวเจ้าถึงจะติดในกล้องหมดล่ะ
อินทเสน      ก็นี่ไม่หมดหรือ ?
บุญโรจน์      แขนยังขาดข้างหนึ่ง
อินทเสน      หันหน้ากล้องไปทางซ้ายมือแกเสียหน่อยไม่ได้หรือ ?
บุญโรจน์      (ลองหันกล้องแล้วพูด) เห็นตัวเจ้าเต็มแล้ว แต่น้ำพุมันแหว่งไป
อินทเสน      ยังงั้น ลองขยับตัวกล้องไปข้างซ้ายสักนิดซิ (บุญโรจน์ขยับและเล็งใหม่) เป็นยังไง ดีหรือยัง?
บุญโรจน์      ดีแล้วครับ ! (ออกมาจากโปงปิดหน้ากล้อง) นี่ถ้าได้พี่มาไลยมายืนด้วยอีกคนจะยิ่งดีกว่านี่อีกนะครับ ยังไง ?
อินทเสน      แน่ละซิ แต่ฉันไม่แลเห็นหนทางที่จะเป็นไปได้เลย
บุญโรจน์      เจ้าไม่ต้องวิตก ! (ก้มลงไปหยิบกระจกพลางพูดพลาง) ดูท่าทางชอบกลนักนะครับ (เสือกกระจกเข้าไปหลังกล้อง) เจ้ามีหนังสือถึงคุณพ่อเมื่อตะกี้นี้ ผมก็รู้ (ไปดูจัดที่หน้ากล้องสำหรับเปิด)
อินทเสน      แล้วคุณหลวงว่ากระไร ?
บุญโรจน์      ผมได้ยินคุณพ่อพูดว่า – เจ้ายืนนิ่ง ๆ นะ
อินทเสน      อะไรพูดว่า “ยืนนิ่ง ๆ นะ” ทำไม ?
บุญโรจน์      เปล่านั้นผมพูดเอง (ชักฉากบังกระจก)
อินทเสน      ยังงั้นคุณหลวงว่ากระไรล่ะ ?
บุญโรจน์      ประเดี๋ยวครับ ถ่ายรูปเสียก่อนถึงค่อยเล่า นิ่ง ๆ นะครับ (เปิดกล้อง) อ้าวไหวเสียแล้ว ขออีกแผ่นเถอะครับ (ปิดฉากกลับกระจกแล้วไปจัดกล้อง) เจ้ายิ้มหน่อยละ ดีละ นึกถึงพี่มาไลยซิครับ !
อินทเสน      เออ ! แกนี่ช่างล่อดีจริงนะ ควรจะเลยเป็นช่างถ่ายรูปเสียทีเดียว
บุญโรจน์      คุณแม่จะได้ลมจับตายปะไรล่ะครับ แหม ! ลูกคุณแม่จะไปหากินเป็นช่างถ่ายรูปน่ะแลไม่เห็นเลย (ชักฉากบังกระจก) เอาละครับนิ่ง ! (เปิดกล้อง) เห็นจะได้การละครับ (ปิดฉากกระจก) ขอบใจมากครับ
อินทเสน      ยังไงล่ะ จะเล่าอะไรให้ฟัง
บุญโรจน์      เมื่อตะกี้นี้นะครับ พอคุณพ่อรับหนังสือของเจ้าก็เอาไปให้คุณแม่ดู ผมกำลังจะถ่ายรูปคุณแม่อยู่ทีเดียว พอเปิดกล้องคุณพ่อก็วิ่งตัง ๆ เข้าไปชูหนังสือแล้วร้องว่า “แม่มลิ ! แม่มลิ ! ฉันว่าแล้ว! ฉันว่าแล้ว” ทำเอาคุณแม่สะดุ้งเหยงรูปเสียหมด ผมเคืองพิลึก !
อินทเสน      เออ ๆ แล้วยังไงอีล่ะ ?
บุญโรจน์      พอคุณพ่อบอกคุณแม่ว่าเจ้ามีหนังสือไป เป็นเรื่องสำคัญ ผมก็หายเคืองเทียว เพราะผมเดาถูกว่าเรื่องอะไร ผมก็เอียงหูคอยฟังว่าจะพูดกันว่ากระไร
อินทเสน      ทำไมแกถึงเดาถูกล่ะ ?
บุญโรจน์      พุทโธ่ ! ตาผมบอดเมื่อไหร่ล่ะ ผมได้เคยเห็นเจ้ากับพี่มาไลย มาพบพูดกันที่นี่เป็นหลายหนมาแล้วนี่น่ะ แต่เจ้าไม่ต้องวิตก พอผมเห็นผมก็เลยเดินเลี่ยงไปเสียทางอื่น นึกจะถ่ายรูปกำลังพูดกันไว้สักรูปหนึ่งแล้ว แต่กลัวจะหาที่ล้างไม่ได้ ก็เลยต้องเลิกไป นึก ๆ ขึ้นมาก็ออกเสียดาย
อินทเสน      ทำไมจะหาที่ล้างไม่ได้ ห้องมืดก็มีไม่ใช่หรือ ?
บุญโรจน์      มีครับ แต่ผมใช้อยู่ด้วยกันกับพี่มาไลย
อินทเสน      อ้อเข้าใจแล้ว ! แต่นี่แน่ะ พูดกันถึงอีเรื่องนั้นอีกเถอะ แล้วคุณพ่อคุณแม่เมื่ออ่านหนังสือฉันแล้วว่ากระไร ?
บุญโรจน์      แหม ! ปลื้มพิลึกครับ พอใจมาก ดูเป็นตกลงแน่ เชื่อผมเถอะ นี่อีกประเดี๋ยวก็คงไปหาเจ้า
อินทเสน      อ้อ ! ยังงั้นไม่รังเกียจฉันดอกหรือ ?
บุญโรจน์      ตรงกันข้ามเทียวครับ อยากได้เจ้าเป็นลูกเขยมานานแล้ว เมื่อผมลงมานี่กำลังปรึกษาการกันกลุ้มอยู่แล้ว ว่าจะทำยังไงมั่ง
อินทเสน      ก็ตัวแกเองล่ะ แกจะเต็มใจยกพี่สาวให้ฉันไหม ?
บุญโรจน์      ผมเต็มใจเทียวครับ ให้ตายซิ ! แต่ผมรำคาญหน่อยเดียวที่พี่มาไลย จะไปอยู่เสียออกลึกลับถึงเชียงราย
อินทเสน      ฉันก็นึกอยู่ว่าจะไป ๆ มา ๆ แกคงได้พบกะพี่แกอยู่บ่อย ๆ หรือแกจะขึ้นไปเยี่ยมพี่เขาที่เชียงรายบ้างก็ได้ ฉันรับประกันเทียวว่าแกคงสนุก
บุญโรจน์      มีนกยิงแยะหรือครับ ?
อินทเสน      แหม ! ยิงเสียบ่าบวมละแก ลูกปืนแกหมดก่อนนกของฉัน
บุญโรจน์      ถ้ายังงั้นผมยินดียกพี่มาไลยให้เจ้าทีเดียว
อินทเสน      ขอบใจ ขอบใจมากเทียว ! (จับมือ)
บุญโรจน์      นี่เจ้าจะคอยพบพี่มาไลยที่นี่ยังงั้นหรือ ?
อินทเสน      ถ้าหล่อนลงมาฉันก็คงได้พบเขา
บุญโรจน์      (เก็บกล้อง) ถ้ายังงั้นผมไปละนะ อยู่ก็จะขัดคอ จริงไหม ? (ดูไปข้างขวา) อ้าว ! นั่นแน่ะ คุณพี่มาแล้วละ ผมเปิดละ (แบกกล้องและหิ้วกระเป๋ากระจกออกไปทางซ้าย)
             

(มาไลยเข้ามาจากทางขวา ทำเดินเรื่อย ๆ เฉย ๆ อายุประมาณมาไลยประมาณ ๑๘ แต่งตัวอย่างอยู่กับบ้าน แต่งามดี)

มาไลย      อ้อ ! เจ้าอยู่นี่เองหรือ ?
อินทเสน      ฉันมายืนให้บุญโรจน์เขาถ่ายรูปหน่อยหนึ่ง หล่อนจะไปไหน ?
มาไลย      ดิฉันหมายจะมานั่งเล่นเย็น ๆ ดูน้ำพุ
อินทเสน      นั่งนี่ซิจ๊ะ (ควักผ้าเช็ดหน้าออกมาปัดเก้าอี้ให้นั่ง มาไลยก็ไปนั่ง) อ้อตามที่ฉันบอกหล่อนไว้เมื่อวานนี้ ว่าฉันจะมีหนังสือถึงคุณพ่อหล่อน ฉันได้มีไปแล้ว
มาไลย      (ก้มหน้า) อ้อ
อินทเสน      ฉันได้ข่าวว่าคุณพ่อคุณแม่ของหล่อนดูเหมือนจะตกลงยกหล่อนให้กะฉัน หล่อนจะว่ายังไง ? (มาไลยก้มหน้าแต่ยิ้ม ๆ อยู่) ยังไงจ๊ะ?
มาไลย      บุญโรจน์รู้แล้วหรือยัง? จะว่ายังไงมั่งก็ไม่รู้ !
อินทเสน      บุญโรจน์น่ะเขาได้ยินดียกหล่อนให้กะฉันแล้ว แต่แรกยังออกเสียดายนิด ๆ แต่ฉันบอกว่าฉันจะเชิญไปยิงนกที่เชียงรายก็ตกลงยกหล่อนให้ทันทีเทียว
มาไลย      อ้อ ! นี่ฉันแลกกะนกยังงั้นหรือ ? (ยิ้ม)
อินทเสน      ก็เห็นจะยังงั้นกระมัง ก็ทั้งพ่อแม่น้องชายก็จะยอมยกหล่อนให้กะฉันแล้ว ยังแต่ตัวหล่อนเองเท่านั้น ยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าจะยกตัวหล่อนให้กะฉันหรือไม่ (มาไลยก้มหน้า) ยังไงจ๊ะ โธ่จะบอกสักคำไม่ได้หรือ ?
มาไลย      ก็รู้อยู่แล้วจะต้องให้บอกทำไมอีกก็ไม่รู้ละ
อินทเสน      ยังไง ๆ หล่อนก็จะไม่กลับใจละหรือ ?
มาไลย      ถ้าไม่มีเหตุก็ไม่กลับ
อินทเสน      มีเหตุยังไงถึงจะกลับใจ ?
มาไลย      เหตุอะไรสำคัญ ๆ มาก ๆ
อินทเสน      ถ้าแม้มีใครมาบอกกะหล่อนว่า ฉันน่ะไม่ใช่เป็นคนที่หล่อนนึกเช่นนี้เป็นต้น หล่อนจะว่ากระไร ?
มาไลย      อย่าพูดเป็นเล่นไปน่ะ
อินทเสน      จริง ๆ นะจ๊ะ ถ้าแม้มีผู้มาบอกหล่อนว่าฉันน่ะไม่ใช่ราชบุตรเชียงรายจริง ๆ เป็นแต่คนปลอมมายังงี้ หล่อนจะว่ากระไร ?
มาไลย      ใครจะพูดยังงั้น
อินทเสน      เอาเถอะ ถ้าเผื่อมี หล่อนจะว่ายังไง ?
มาไลย      ฉันก็คงว่าไม่จริง
อินทเสน      ถ้าเผื่อเขามีพยิงพยานแน่นอนจะว่ายังไง ?
มาไลย      ก็จะไปว่ายังไงได้นอกจากนิ่งเสียเท่านั้น
อินทเสน      ใจหล่อนจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยหรือ ?
มาไลย      นี่เจ้านึกว่าฉันเป็นคนยังไง
อินทเสน      ถ้ายังงั้น แปลว่าหล่อนคงจะไม่กลับใจเลยหรือจ๊ะ ?
มาไลย      ต่อไปให้บอกว่า เธอเป็นลูกขี้ข้าฉันก็ไม่กลับใจ
อินทเสน      ฉันเชื่อหล่อน ขอโทษที่ฉันได้มีความสงสัยใจหล่อน (เข้าไปเท้าหลังเก้าอี้ ก้มลงไปพูด) ถ้าเมื่อฉันได้ทราบน้ำใจหล่อนเช่นนี้แล้วฉันน่ะไม่ตั้งใจรักษาน้ำใจหล่อนจนตราบเท่าวันตาย ฉันก็ไม่ใช่คนละ
             

(หลวงราชภัตติ์จารัญออกมาจากถ้ำ เห็นอินทเสนก้มพูดกับมาไลยยืนดูอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เดินออกมา)

หลวงราชภัตติ์      เจ้าราชบุตร
อินทเสน      (เหลียวไป) อ้อคุณหลวง ! ธุระอะไรครับ ?
หลวงราชภัตติ์      คุณหลวงวรเวสอยากพบ
อินทเสน      (แลดูตามาไลยแล้วจึ่งพูด) อยู่ที่ไหนครับ ?
หลวงราชภัตติ์      ที่ห้องรับแขกที่ตึกเล็ก
อินทเสน      ผมไปเดี๋ยวนี้ครับ ! (ออกไปทางซ้าย)
หลวงราชภัตติ์      แม่มาไลย
มาไลย      ทำไมคะ ?
หลวงราชภัตติ์      ดูเหมือนหล่อนสนทนาอยู่กับเจ้าราชบุตรเชียงรายไม่ใช่หรือ ?
มาไลย      ดูเหมือนยังงั้น
หลวงราชภัตติ์      แล้วดูเหมือนเขาเท้าหลังเก้าอี้หล่อน แล้วก้มลงไปพูดไม่ใช่หรือ ?
มาไลย      ดูเหมือนเธอจะได้ทำเช่นนั้น
หลวงราชภัตติ์      ทำไมหล่อนยอมให้เขาทำเช่นนั้น ?
มาไลย      ก็ไม่ทราบ
หลวงราชภัตติ์      ฉันอยากรู้ว่า เหตุไรหล่อนถึงได้ยอมให้เจ้าราชบุตรตั้งท่าเป็นเจ้าเข้าเจ้าของหล่อนเช่นนั้น
มาไลย      ข้อนั้นดิฉันบอกไม่ได้ แต่ถ้าถามว่าเหตุไร ดิฉันถึงได้ยอมให้คุณหลวงมาตั้งกระทู้ถามดิฉันเช่นนี้ ดิฉันจะตอบได้
หลวงราชภัตติ์      (ดีใจ) เหตุไรจ๊ะ บอกฉันให้ฉันชื่นใจหน่อยเถอะ
มาไลย      เพราะดิฉันเป็นเจ้าของบ้าน จะไล่คุณหลวงเสียก็จะเป็นคนกิริยาชั่วเต็มที
หลวงราชภัตติ์      พุทโธ่ ! นัยว่าหล่อนจะมีแก่ใจไล่ฉันเสียทีเดียวหรือ ?
มาไลย      ดิฉันไม่ได้บอกเลยว่าจะไล่คุณ !
หลวงราชภัตติ์      ที่ไม่ไล่ก็เพราะกิริยาดีเกินไปที่จะขับไล่ฉันจากบ้านหล่อนยังงั้นหรือจ๊ะ ?
มาไลย      แน่ทีเดียว !
หลวงราชภัตติ์      นี่ถ้าเป็นบ้านคนอื่นหล่อนจะไล่ฉันหรือ ?
มาไลย      ไม่ไล่
หลวงราชภัตติ์      อ้อถ้ายังงั้น หล่อนก็ยังมีความเมตตาต่อฉันอยู่หรือจ๊ะ ? (เดินเข้าไปทางมาไลย)
มาไลย      อย่าเข้าใจผิด ดิฉันจะไม่ไล่คุณเพราะจะไล่ไม่ได้ต่างหาก ถ้าแม้เราอยู่ในบ้านคนอื่นเขาแล้ว ดิฉันจะไปมีอำนาจขับไล่อะไรใครได้
หลวงราชภัตติ์      พุทโธ่ ! หล่อนไม่ได้สังเกตหรือว่าฉันน่ะมีความรักในตัวหล่อนเพียงไร ฉันน่ะรักหล่อนเสียเหลือเกิน จนชั้นเห็นแมลงวันตัวเดียวเกาะที่แก้มหล่อน ฉันยังหึงอ้ายแมลงนั่นเลย ก็นี่ได้มาเห็นเจ้าราชบุตรมาทำท่าเป็นเจ้าเข้าเจ้าของหล่อนอยู่เช่นนั้น จะไม่ให้ฉันเคืองยังไง
มาไลย      (ลุกขึ้น) ถ้าคุณจะพูดยังงี้ดิฉันจะต้องลาคุณละ
หลวงราชภัตติ์      โธ่ ! อย่าเพ่อไปเลยหล่อน ขอให้ฟังฉันสักทีเถอะ ฉันมีความรักหล่อนจริงจริ๊งทีเดียว
มาไลย      ดิฉันไม่ขอฟังคุณพูดเช่นนี้ เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง ถ้าเมื่อคุณรักดิฉันจริง ๆ ทำไมคุณไม่ไปจัดการสู่ขอต่อคุณพ่อตามธรรมเนียม จะพูดเกี้ยวดิฉันยังงี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง
หลวงราชภัตติ์      ฉันก็ได้ให้คุณพระสมานมาทาบทามแล้วก็ไม่เห็นทางสมประสงค์ ฉันจึ่งได้หาโอกาสมาพูดตรงกับตัวหล่อนเอง
มาไลย      ขอรับประทานโทษ ดิฉันจะฟังไม่ได้เป็นอันขาด (หันหน้าจะเดินไป)
หลวงราชภัตติ์      เดี๋ยวหล่อน เดี๋ยวเถอะ หล่อนฟังฉันหน่อยเถอะ การที่หล่อนไม่ยอมฟังฉันนี่ก็เป็นการถูกต้องแล้ว เห็นได้ว่าหล่อนอยู่ในถ้อยคำบิดามารดาของหล่อน แต่บิดามารดาไม่ควรจะขัดใจลูกในการที่จะมีสามี ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ถึงจะถูก เมื่อบิดามารดาไม่ตามใจหล่อน หล่อนควรจะต้องสำแดงความเป็นอิสระแก่ตน
มาไลย      คุณไม่ต้องสั่งสอนดิฉันในเรื่องนี้
หลวงราชภัตติ์      ถ้าหล่อนคิดอยู่เช่นนั้นแล้วก็ยิ่งดี นี่ถึงเวลาอันควรแล้วที่หล่อนจะสำแดงอิสรภาพของหล่อนให้ปรากฏ ถึงเวลาแล้วว่าบิดามารดาจะบังคับได้แต่ในทางที่ถูก จะใช้อำนาจกดขี่ตามอำเภอน้ำใจไม่ได้เป็นอันขาด
มาไลย      จะให้ฉันสำแดงอิสรภาพยังไง ?
หลวงราชภัตติ์      ทำไมจะต้องให้ฉันอธิบายอีกหรือ ?
มาไลย      ก็ดิฉันเห็นว่าทางที่จะสำแดงอิสรภาพมันมีอยู่หลายทางนี่คะ
หลวงราชภัตติ์      ก็จริง แต่หล่อนควรจะเลือกทางที่ดีที่สุด
มาไลย      อะไรเป็นทางที่ดีที่สุด
หลวงราชภัตติ์      ทางดีที่สุดก็คือสำแดงให้ปรากฏ ว่าในส่วนเรื่องที่จะมีสามีนั้นหล่อนจะมีแต่เฉพาะที่หล่อนมีความรักจริง ๆ และไม่ยอมให้บิดามารดาจับหล่อนไปเยียดยัดให้กะใคร ๆ ตามความพอใจของเขา จริงไหมจ๊ะ ?
มาไลย      จริง
หลวงราชภัตติ์      เออยังงั้นซิแม่คุณ แต่ถ้าเราจะพากันไปเสียเฉย ๆ ก็จะมีผู้ติฉินนินทาได้ เพราะฉะนั้นเราควรจะพากันไปหาคุณพ่อหล่อนเสียก่อน บอกกล่าวให้เข้าใจเสีย ว่าถ้าไม่ยอมยกหล่อนให้กะฉันละก็จะได้ความเดือดร้อนใจ ยังไงจ๊ะ ?
มาไลย      ดิฉันไม่เห็นด้วย
หลวงราชภัตติ์      อะไรหล่อนจะไปเสียเฉย ๆ ไม่ให้โอกาสพ่อแม่บ้างเลยเทียวหรือจ๊ะ ?
มาไลย      ใครบอกว่าดิฉันจะไปกะคุณ
หลวงราชภัตติ์      อ้าว ! นี่จะไม่ไปกะฉันดอกหรือ ?
มาไลย      ก็ไม่ไปน่ะซิ !
หลวงราชภัตติ์      พุทโธ่ ๆ ทำไมล่ะ
มาไลย      คุณก็ย่อมทราบอยู่ แล้ว ว่าผู้หญิงที่ตามผู้ชายไปน่ะ มันไม่ได้รับผลดีอย่างใดเลยสักอย่างเดียว ขายหน้าเขาก็เหลือเกิน แล้วอีกประการหนึ่งการที่ตามเขาไปเช่นนั้น ทำให้ราคาตัวเองถูกลงไปปานใด ผู้ชายที่ได้เมียเช่นนั้น เขาไม่รู้สึกว่าเขาต้องถนอมน้ำใจอย่างหนึ่งอย่างใดเลย พอเขาเบื่อเข้าเมื่อไหร่เขาก็ทิ้งเสียได้ง่าย ๆ ไม่ต้องนึกเกรงอกเกรงใจใคร เมื่อดิฉันรู้อยู่ดีเช่นนี้แล้ว ก็เป็นธรรมดาที่ดิฉันคงจะไม่ตามผู้ชายใดไป นอกจากที่ดิฉันมีความรักเขาเสียอย่างมาก ๆ เต็มที
หลวงราชภัตติ์      ถ้ายังงั้นแปลว่าหล่อนไม่มีความรักฉันพอที่จะไปกับฉันได้ยังงั้นหรือ ?
มาไลย      (ก้มหน้า) คุณหลวงจะนึกอย่างไรก็ตามใจ
หลวงราชภัตติ์      แต่หล่อนเป็นอันไม่ยอมไปกะฉันยังงั้นหรือ ?
มาไลย      ขอโทษที ดิฉันไปไม่ได้
หลวงราชภัตติ์      หล่อนได้ตริตรองตลอดแล้วหรือจ๊ะ? แล้วอย่าให้ต้องเสียใจเมื่อภายหลังนะหล่อน
มาไลย      ดิฉันนึกตลอดแล้ว ไปกะคุณหลวงไม่ได้จริง ๆ ขออย่าให้คุณหลวงคิดอีกต่อไปเลย
หลวงราชภัตติ์      ถ้าหล่อนไม่ไปกะฉันละก็ต้องเข้าใจว่าฉันเป็นต้องหมดความสุขในชีวิตนี้ ตัวฉันก็จะรู้สึกเหมือนกับต้องอยู่ในที่มืด
มาไลย      ก็ทำไมคุณหลวงไม่หาโคมไว้ใช้ล่ะคะ เขาว่าโคมที่อู่บางกอกด๊อกมีเข้ามาใหม่มาก ลองซื้อมาใช้บ้างซิคะ !
หลวงราชภัตติ์      โธ ! หล่อนอย่าพูดเป็นเล่นไปหน่อยเลยแม่คุณเถอะ
มาไลย      ดิฉันไปกะคุณไม่ได้ คุณจะทำอะไรดิฉัน
หลวงราชภัตติ์      ฉันจะไปทำอะไรหล่อนได้ แต่เมื่อหล่อนไม่มีความเมตตาฉันแล้ว การที่ฉันอยู่ต่อไปในโลกนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
มาไลย      ยังงั้นคุณจะไปไหน จะไปตากอากาศยุโรปหรือ ?
หลวงราชภัตติ์      ฉันจะไปตากอากาศอาแกดที่ไหน ฉันนึกว่าจะตายเสียทีเดียว
มาไลย      อะไรคะ ? รอไว้ก่อนเถอะ คุณยังหนุ่มอยู่
หลวงราชภัตติ์      หนุ่มก็เหมือนแก่ หล่อนไม่รักฉันแล้วก็เท่าอายุฉันได้ร้อยปีแล้ว ฉันจะต้องกลั้นใจตายเสียละ
มาไลย      จะได้อัดใจแย่ปะไรล่ะ !
หลวงราชภัตติ์      จริง เห็นจะลำบากนัก แล้วก็เห็นจะช้านักด้วย ปืนเห็นจะดีกว่า (ควักปืนในกระเป๋าออกมา)
มาไลย      โอ๊ย ! อย่าคะ ขอที ! (ลุกขึ้นไปยืนแอบต้นไม้)
หลวงราชภัตติ์      ทำไม
มาไลย      นั่นปืนเบรานิงไม่ใช่หรือ ?
หลวงราชภัตติ์      จ๊ะ เบรานิง ดีนัก ! (แกว่งปืนไปมา)
มาไลย      คุณหลวง ! คุณหลวง ! ระวังหน่อย มันจะลั่นมาโดนดิฉันเข้า ขึ้นชื่อว่าเบรานิงละดิฉันกลัวนัก มันไม่ค่อยจะลั่นออกไปทางที่ต้องการเลย
หลวงราชภัตติ์      อ้อ ! นี่หล่อนวิตกอยู่แต่ว่ามันจะลั่นไปโดนหล่อนเข้ายังงั้นหรือ ?
มาไลย      ก็ยังงั้นน่ะซิ
หลวงราชภัตติ์      ถ้ายังงั้นหล่อนไม่ต้องวิตก ปืนนี่มันไม่ได้ประจุไว้ดอก (โยนปืนลงบนโต๊ะ)
มาไลย      อ๋อ ! ยังงั้นดอกหรือ ก็แล้วไปนะซิ ! (กลับออกมานั่งตามเดิม)
หลวงราชภัตติ์      (ออกเสียใจ) ฉันหมายว่าหล่อนร้องเอะอะ เพราะกลัวฉันจะยิงตัวฉัน
มาไลย      ดิฉันไม่ได้นึกกลัวเช่นนั้นเลย
หลวงราชภัตติ์      อ้อ ! นี่หล่อนมิเกลียดฉันเสียเต็มทีหรือ จนจะตายก็ไม่ทุกข์
มาไลย      ไม่ใช่เช่นนั้น เป็นแต่ดิฉันเชื่อว่าคุณคงไม่ยิงตัวคุณเป็นแน่
หลวงราชภัตติ์      จริง ฉันไม่ยิงตัวฉันเอง ถ้าแม้ฉันยิงขึ้นก็จะดังปึงปังเอะอะไปเปล่า ๆ
มาไลย      ถูกทีเดียว
หลวงราชภัตติ์      แต่หล่อนอย่าเข้าใจไปว่าฉันน่ะจะกลัวตายไม่ใช่เช่นนั้น เวลานี้หมดความเสียดายชีวิต (เหลียวไปเหลียวมา) เออนึกออกแล้ว
มาไลย      อะไรคะ ?
หลวงราชภัตติ์      ฉันจะโดดเขาตายเสียละ (เดินไปทางเขา)
มาไลย      จะโดดเขานี้แหละหรือคะ ?
หลวงราชภัตติ์      เขานี้แหละ ไม่ต้องเดินไปหาที่ไหนอีกละทางขึ้นอยู่ทางไหน ? (มองหาทางขึ้นเขา)
มาไลย      ทางขึ้นไม่มีดอกค่ะ ถ้าจะขึ้นก็ต้องปีน
หลวงราชภัตติ์      ปีนก็ปีนกัน
มาไลย      ปีนขึ้นน่ะพอจะได้ แต่ลงเห็นจะยากนะคะมันลื่นอยู่
หลวงราชภัตติ์      ทางลงฉันจะต้องหาทำไม ก็ฉันจะโดดลงมานี่นะ !
มาไลย      สูงนะคะ !
หลวงราชภัตติ์      ยิ่งสูงยิ่งดี (เดินตรวจท่าทางตลอดแล้ว เห็นเหมาะทางข้างซ้ายจึงค่อยปีนขึ้นไป จนถึงยอดเขา แล้วแลลงมา ทำหน้าเหย)
มาไลย      (หันหลังพูด) ถึงยอดหรือยังคะ ?
หลวงราชภัตติ์      ถึงแล้ว
มาไลย      เป็นยังไง ?
หลวงราชภัตติ์      สูงพอใช้
มาไลย      (หันไปพูดแล้วหัวเราะ) ดิฉันบอกแล้วว่าสูง ปีนลื่นไหมคะ ?
หลวงราชภัตติ์      ก็ลื่นอยู่ !
มาไลย      ขาลงจะยิ่งลื่นกว่านั้น
หลวงราชภัตติ์      ก็ฉันจะโดดลงไปต่างหากล่ะ
มาไลย      ถ้าจะโดดละก็โดดทางหญ้านี่เห็นจะยังชั่ว
หลวงราชภัตติ์      ฉันนึกว่าจะโดดตรงลำธารนี่แหละ
มาไลย      น้ำตื้นนิดเดียวนะคะ เจ็บกว่าที่หญ้าเป็นแน่ละ
หลวงราชภัตติ์      ก็ฉันจะตายอยู่แล้วจะมามัวกลัวอะไรอยู่อีกละ !
มาไลย      ยังงั้นก็ตามใจคุณซิ
หลวงราชภัตติ์      ฉันต้องลาหล่อนทีละนะ (มาไลยแลดูไปเสียทางอื่น) แม่มาไลย ฉันลาที! (แม่มาไลยนิ่ง) นี่หล่อนอยากให้ฉันโดดหรือ?
มาไลย      ดิฉันไม่ได้อยากให้คุณโดดเลย
หลวงราชภัตติ์      ยังงั้นทำไมหล่อนไม่ห้ามฉันล่ะ
มาไลย      การที่ดิฉันจะห้ามไม่เห็นจะเป็นประโยชน์อะไร
หลวงราชภัตติ์      ทำไมจ๊ะ ?
มาไลย      เพราะถ้าแม้คุณตั้งใจจะโดดจริงแล้ว ถึงดิฉันจะห้ามคุณก็คงไม่ฟัง ถ้าคุณไม่ตั้งใจจะโดดจริงแล้ว ดิฉันจะต้องห้ามทำไม
หลวงราชภัตติ์      (ถอนใจใหญ่) เฮอ ! ถ้ายังงั้นแปลว่าหล่อนจะไม่ห้ามละหรือ ?
มาไลย      ไม่ห้าม
หลวงราชภัตติ์      ฮือ ! ถ้ายังงั้นก็แล้วไปน่ะซิ ! (ยืนมองไปมองมาอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็มองหาทางลง) แม่มาไลย
มาไลย      อะไรคะ ?
หลวงราชภัตติ์      นี่หล่อนนะจะไม่ห้ามฉันเป็นแน่ละหรือ ?
มาไลย      แน่ละคะ
หลวงราชภัตติ์      ถ้ายังงั้นการที่ฉันจะโดดก็ไม่มีประโยชน์อะไร
มาไลย      (หัวเราะ) จริงอย่างคุณหลวงว่า
             

(หลวงราชภัตติ์มองหาทางลง ลองหยั่งเท้าลงมา ไม่เหมาะ หดกลับขึ้นไปใหม่ แต่ทำเช่นนี้อยู่สักสองสามครั้ง ในที่ต่าง ๆ แล้วจึงลงนั่งบนยอดเขา)

หลวงราชภัตติ์      แม่มาไลย เมื่อหล่อนไม่เมตตาฉันแล้ว ฉันจะต้องลาหล่อนไปให้พ้นบ้านหล่อนละ
มาไลย      จำเป็นที่คุณหลวงจะต้องทำเช่นนั้นหรือคะ
หลวงราชภัตติ์      จำเป็นทีเดียว ฉันจะมานั่งดูหล่อนอยู่ยังงี้ ก็ยิ่งจะมีความทุกข์ในใจไม่หยุดหย่อน เพราะฉันรักหล่อนเหลือเกิน
มาไลย      ถ้ายังงั้นดิฉันก็ไม่ขัดคุณละ
หลวงราชภัตติ์      ขอบใจ แต่ฉันมีความเสียใจที่ฉันยังไปไม่ได้
มาไลย      ทำไมล่ะคะ
หลวงราชภัตติ์      เพราะฉันลงจากเขานี้ยังไม่ได้
มาไลย      (หัวเราะ) ดิฉันบอกแล้ว ว่าขาลงมันจะยาก
หลวงราชภัตติ์      ก็นี่ฉันจะมิต้องนั่งทนแลดูหล่อน ให้ความรักแทงหัวใจฉันระบมอยู่ยังงี้เรื่อยไปหรือ ?
มาไลย      ก็คุณหลวงจะนั่งหันหลังให้ดิฉันเสียไม่ได้หรือคะ จะได้ไม่แลเห็น
หลวงราชภัตติ์      ฉันก็อดเหลียวมาไม่ได้อีกแหละ
มาไลย      ถ้ายังงั้นดิฉันลุกไปเสียจากที่นี่เห็นจะดีกว่า (ลุกขึ้น) เอาเถอะคะ แล้วดิฉันจะบอกให้เขาเอากระไดมาพาดให้คุณหลวงลง (เดินไปทางขวา) (หลวงราชภัตติ์ นั่งดูมาไลยจนไปลับตาแล้วลุกขึ้นมองทางลง และลงจดจ้องอย่างเช่นครั้งก่อนอีก แต่ลงปลายก็ไม่ลง เลยลงนั่งเสียอีก ท่าทางดูไม่สบาย พระสมานเดินเข้ามาจากทางซ้าย ไม่เห็นหลวงราชภัตติ์ จะเดินผ่านไป)
หลวงราชภัตติ์      คุณพระ !
พระสมาน      (เหลียวไปเห็น) อ้าว ! นั่นขึ้นไปอยู่บนนั้นทำไม ?
หลวงราชภัตติ์      ผมปีนขึ้นมาจะโดดเขาตาย
พระสมาน      ทำไมกัน ?
หลวงราชภัตติ์      ผมชวนแม่มาไลยให้ไปกะผม เขาไม่ตกลง ผมก็บอกเขาว่า เมื่อไม่ตกลงรักใคร่กะผมแล้ว ผมจะโดดลงมาเสียให้ตาย
พระสมาน      อ้อ ! หมายจะขู่ให้เขาตกใจ เขาจะได้ต้องว่า รักคุณยังงันหรือ ?
หลวงราชภัตติ์      ยังงั้นน่ะซิครับ ผมทำเอะอะว่าจะโดด หมายว่าเขาจะห้าม เขาก็ไม่ยักห้าม
พระสมาน      แล้วคุณก็ไม่โดด
หลวงราชภัตติ์      ก็ไม่โดดน่ะซิครับ โดดลงมาจะได้ชักปะไรล่ะ
พระสมาน      ที่จริงคุณไม่ควรจะทำใจร้อนใจรนไปเลยทีเดียว ตามที่คิดกันไว้หรือมันก็สำเร็จ
หมดแล้ว วันนี้อินทเสนมีหนังสือไปถึงหลวงวรเวส      ก็เรื่องจะขอลูกสาว ตานั่นฮุบโผงเทียว
หลวงราชภัตติ์      ยังงั้นหรือครับ ถ้ายังงั้นเห็นจะถึงเวลาขยายความจริงกระมัง
พระสมาน      รอไว้หน่อยก่อนดีกว่า รอไว้ให้แกจัดเตรียมการแต่งงานให้วุ่นเสียก่อนถึงค่อยขยาย ความอายแกจะได้มากขึ้นอีก
หลวงราชภัตติ์      พุทโธ่ ! คุณพระละชอบเล่นแต่ให้ช้า ๆ ไว้ร่ำไป ใจผมหรือร้อนราวกะไฟ
พระสมาน      เพราะใจร้อนน่ะซิ ถึงได้แพ่นขึ้นไปอยู่บนยอดเขา (นายบุญโรจน์มาจากทางขวา แบกกล้องถ่ายรูปมาด้วย)
บุญโรจน์      คุณหลวงครับ ขอผมถ่ายรูปคุณบนยอดเขาสักแผ่นเถอะ (ตั้งกล้อง) โปรดทำท่ากำลังจะโดดหน่อยได้ไหมครับ ? (หัวเราะ) พอพี่มาไลยเล่าให้ผม ผมก็รีบมาเทียว ผมขออนุญาตนะครับ (จัดกล้องจะถ่ายรูป)
หลวงราชภัตติ์      (ออกโกรธ) ฉันไม่อนุญาตให้แกถ่ายรูปเป็นอันขาด
บุญโรจน์      ยังงั้นก็แล้วไปซิครับ (ยกกล้อง) เฮ้ย ! อ้ายสา กระไดไม่ต้องเอามาละวะ (ทำท่าจะเดินไป)
หลวงราชภัตติ์      ประเดี๋ยว ! ประเดี๋ยว ! แกหรือเป็นผู้เอากระไดมา ?
บุญโรจน์      ผมเป็นผู้นำมา อ้ายสาเป็นผู้ยก
หลวงราชภัตติ์      (นิ่งครู่หนึ่งแล้วจึงพูด) เอา ! จะถ่ายก็ถ่ายไป
บุญโรจน์      ขอบพระเดชพระคุณมาก (ตั้งกล้องและเข้าโปงดู) โปรดยืนหน่อยซิครับ (หลวงราชภัตติ์ยืนขึ้น) ตั้งท่าโดดหน่อยได้ไหมครับ ?
หลวงราชภัตติ์      ขอตัวทีเถิดพ่อ ถ้าพลาดพลั้งจะขะมำลงไป
บุญโรจน์      ยังงั้นยืนตั้งท่าดี ๆ หน่อยครับ (ออกมาจัดหน้ากล้อง) ถ้าล้างได้ดีผมจะพิมพ์ส่งไปให้คุณหลวงแผ่นหนึ่ง (ใส่กรอบกระจกและชักฉากบัง) นิ่งนะครับ (เปิดกล้อง) เรี่ยมเทียวครับ หนเดียวพอ
หลวงราชภัตติ์      ไหนกระไดล่ะ ?
บุญโรจน์      อยู่นั่นครับ เฮ้ย ! อ้ายสายกกระไดมานี่วะ ! (เก็บกล้องเอาไปเสียทางหนึ่ง)
             

(บ่าวผู้ชายผู้หนึ่งยกกระไดเข้ามา พาดที่เขา หลวงราชภัตติ์ลงมาจากเขาบ่าวยกกระไดออกไป)

บุญโรจน์      ยังไงครับ ขึ้นเขาสนุกหรือครับ ?
หลวงราชภัตติ์      สนุกอะไร ! เมื่อขึ้นก็ลื่นจะตาย เกือบตกบนนั้น ศิลาก็เป็นปุ่มเป็นปม นั่งเจ็บพิลึก
             

(หลวงวรเวส แม่มลิกับอินทเสน พากันเข้ามาทางซ้าย)

หลวงวรเวส      อ้อ ! คุณหลวงราชภัตติ์ขอรับ ผมได้รับจดหมายคุณหลวงแล้ว ผมรู้สึกเป็นเกียรติยศมาก ในการที่คุณมีความประสงค์จะขอลูกสาวผม แต่ผมเสียใจที่ผมจะยกให้คุณหลวงไม่ได้ เพราะจดหมายคุณหลวงมาช้าไป ผมได้พูดจาตกลงกับเจ้าราชบุตรเชียงรายเสียแล้ว (บุญโรจน์ตีปีกฉวยกล้องวิ่งไปทางขวา)
หลวงราชภัตติ์      พุทโธ่ ! ผมได้ให้คุณพระสมานมาพูดก่อนเป็นนมเป็นนาน
หลวงวรเวส      ก็ไม่ได้พูดกันเป็นกิจลักขณะครับ เป็นแต่เปรย ๆ ยังงั้นเอง
หลวงราชภัตติ์      แล้วที่จริงคุณหลวงก็ออกจะสมัคร ยกให้เจ้าราชบุตรมากกว่าด้วยกันแหละ
             

(มาไลยกับบุญโรจน์มาทางขวา แต่มายืนแอบ ๆ อยู่)

หลวงวรเวส      จริง ข้อนี้ผมยอมรับ แต่ถ้าเป็นตัวคุณเอง คุณจะไม่อยากมีลูกเขยเป็นผู้มีบรรดาศักดิ์เช่นนี้บ้างหรือ ?
หลวงวรเวส      ผมคงไม่อยากได้ลูกเขยที่เป็นเจ้าเก๊ อย่างเจ้าราชบุตรคนนี้ !
พระสมาน      จุ๊ ๆ จุ๊ ๆ คุณ (สั่นหัว)
หลวงวรเวส      เจ้าเก๊ยังไง ?
หลวงราชภัตติ์      มันไม่ใช่เจ้าราชบุตรจริง ๆ น่ะซิครับ อ้ายนี่มันชื่อน้อยอินทเสน เป็นเสมียนของคุณพระสมาน
มลิ      อ๊ะ ! จริงหรือ ?
หลวงราชภัตติ์      ก็ไม่เชื่อถามคุณพระสมานดูซิครับ
มลิ      จริงหรือคุณพระ ?
พระสมาน      ครับ จริง
มลิ      (หันไปทางอินทเสน) หนอยแน่ะ ! เอ็งมาทำเล่นเสียสนุกใจเทียวนะ
อินทเสน      ผมทำยังไง ?
มลิ      ทำยังไงล่ะ มาหลอกเขาว่าเป็นราชบุตรจนเขาเชื่อกันหมด
อินทเสน      ผมไม่ได้คิดหลอกลวงอะไรคุณเลยทีเดียว คุณพระสมานพาผมมาผมก็มา คุณหลวงวรเวสเชิญให้ผมมาพักที่ตึกเล็ก ผมจะไม่รับ คุณเองก็ยังได้ช่วยอ้อนวอน จนผมรับ จะว่าผมหลอกลวงยังไง
มลิ      แล้วยังมิหนำซ้ำมีหน้ามาขอลูกสาวเขาอีก แต่เกิดมาไม่เห็นใครหน้าด้านเท่าเอ็งเลยทีเดียว ไม่มีความอายเลยจนนิดเดียว
อินทเสน      ผมไม่ได้ทำความผิดอะไร ผมรักแม่มาไลย ผมก็ได้ขอต่อคุณหลวงวรเวสโดยดี มิใช่ว่าผมได้ลักพาไปเมื่อไร
มลิ      คนอย่างเช่นเอ็งน่ะหรือลูกข้าจะตามไป ไม่มีเสียละ
อินทเสน      ข้อนั้นผมก็จะบอกแน่ไม่ได้
มลิ      ยิ่งพูดก็ยิ่งกวนโทโส ไป ! ไปให้พ้นบ้านข้า
อินทเสน      ผมไม่มีความผิดอะไร
พระสมาน      ไปก็ไปเถอะน่ะ ยังจะอยู่ทำไมอีกล่ะ
อินทเสน      ผมไม่มีความผิดอะไร
มลิ      ไม่ไปหรือ ? (หันไปพูดกับหลวงวรเวส) คุณเรียกอ้ายบ่าว ๆ ให้มาไล่เตะมันออกไป
บุญโรจน์      (วิ่งออกมา) คุณแม่จะทำยังงั้นยังไงได้ เขาไม่มีความผิดอะไร
มลิ      ไม่ใช่กงการอะไรของเด็กของเล็กเลย (หันไปทางอินทเสน) บอกว่าให้ไป ถ้ารักหัวของตัวละก็รีบไปเสียเดี๋ยวนี้
บุญโรจน์      (พูดกับอินทเสน) อย่าไปเราไม่มีความผิดอะไร ความผิดของผู้ที่เป็นต้นคิดต่างหาก (แลดูพระสมาน)
อินทเสน      ที่จริงผมไม่มีความผิดเลย แต่ถ้าคุณหลวงวรเวสผู้เป็นเจ้าของบ้านไล่ผม ผมก็ต้องไป
มลิ      คุณไล่มันไปซิ !
หลวงวรเวส      ไป !
บุญโรจน์      คุณพ่อระวังนะครับ เท่ากับไล่พี่มาไลยไปด้วยนะ
หลวงวรเวส      ทำไม ?
บุญโรจน์      พี่มาไลยคงไปกะเขาด้วยเป็นแน่
หลวงวรเวส      อ๊ะ ! จริงยังงั้นหรือ ? (เหลียวไปทางลูกสาว) มาไลย มานี่แน่ะ (มาไลยเดินออกมาหาพ่อ) ยังไงกันหล่อนจะไปกับเขาจริง ๆ เทียวหรือ ?
มาไลย      (ก้มหน้าพูด) ถ้าจำเป็นก็ไป
มลิ      (โกรธ) หนอยแน่ะ ! พูดออกมาได้ หมดความอายเสียแล้วหรือ ? เดี๋ยวได้ตบเข้าเดี๋ยวนี้เอง! (เดินเข้าไปทางลูกสาว)
หลวงวรเวส      (ยกมือห้าม) แม่มลิ ! ขอที
มลิ      ก็ลูกสาวคุณน่ะ คุณไม่เสียดายหรือ จะยอมยกให้อ้ายขี้ข้าม้าครอกยังงั้นได้หรือ ?
หลวงวรเวส      ความผิดมันอยู่ที่เราเอง เราปล่อยให้เขารักใคร่กัน จะเอาโทษลูกสาวไม่ถูก (หันไปทางอินทเสน) นี่น่ะ ! แกก็ดูหน้าตาเป็นผู้ดี เพราะฉะนั้นฉันขอพูดกะแกอย่างผู้ดี ขอให้แกไปเสียคราวหนึ่งแล้วถึงค่อยพูดกันต่อไปคราวหน้า
อินทเสน      เมื่อคุณหลวงประสงค์เช่นนั้นผมก็จำจะต้องยอมตาม (ตั้งท่าจะไป)
             

(พระยารามฤทธิไกรเดินเข้ามาจากทางขวา พระยารามเป็นคนผู้ใหญ่ เรื่อย ๆ)

พระยาราม      (พบอินทเสน) อ้าว ! เจ้าราชบุตรอยู่นี่เองแหละหรือ ?
หลวงวรเวส      เอ๊ะ ! ราชบุตรไหน ?
พระยาราม      อ้าว ! ก็นี่ยังไงล่ะ ! (ชี้อินทเสน)
หลวงวรเวส      ราชบุตรเมืองเชียงรายน่ะหรือครับ ?
พระยาราม      ก็ยังงั้นน่ะซิ (ต่างคนต่างแลดูตากันทุกคน)
หลวงวรเวส      ไม่ผิดตัวหรือครับ
พระยาราม      ถ้านี่ไม่ใช่เจ้าราชบุตรเมืองเชียงราย ก็เป็นพี่หรือน้องแฝดของเจ้าราชบุตรเท่านั้นแหละ
หลวงวรเวส      ไหนว่าชื่อน้อยอินทเสนยังไงล่ะ
พระยาราม      ก็จริง เจ้าราชบุตรเชียงรายชื่อน้อยอินทเสน รับสัญญาบัตรเป็นเจ้าราชบุตร
หลวงวรเวส      พุทโธ่ ! คุณพระสมาน คุณหลอกผมเล่นเปล่า ๆ ยังงั้นเอง
พระสมาน      (เรี่ย ๆ) ผมนึกจะลองใจคุณหลวงกับคุณมลิเล่นยังงั้นเอง
มลิ      ดิฉันไม่ได้เชื่อเลยทีเดียว ดิฉันรู้อยู่ดีเทียว ว่านั่นน่ะเจ้าราชบุตรจริง ๆ ดูแต่กิริยาเท่านั้นก็เห็นได้
บุญโรจน์      (ชี้หน้าหลวงราชภัตติ์) รู้งี้ไม่ปรารถนาเอากระไดพาดให้ดอก
หลวงวรเวส      เจ้าคุณมาพอเหมาะทีเดียว จะได้มาช่วยการแต่งงานเจ้าราชบุตรกับแม่มาไลยบุตรสาวผม
พระยาราม      ผมยินดีมาก (หันไปคำนับมาไลยแล้วไปจับมือกับอินทเสน) อ้อยังงี้เอง ! มิน่าเจ้าเจ็บไม่หายเลย (หัวเราะ) คุณหลวงครับ เจ้าราชบุตรน่ะลาลงมารักษาตัวที่กรุงเทพนะ
อินทเสน      โรคเดิมผมพอหายก็เผอิญเห็นแม่มาไลยที่งานฤดูหนาว เลยเกิดเป็นโรคใหม่ เรื้อรังมาจนบัดนี้แหละครับ (เลยคุยกับพระยารามต่อไป)
พระสมาน      ผมเห็นจะต้องลาคุณหลวงที มีธุระ
หลวงราชภัตติ์      ผมก็เหมือนกันครับ
บุญโรจน์      (พูดกับหลวงราชภัตติ์) ต้องการกระไดพาดอีกไหมครับ ?
             

(หลวงราชภัตติ์หันไปทำตาขึง แล้วก็เดินไปทางขวากับพระสมาน)

พระยาราม      นี่เรื่องที่เจ้าจะได้เมียไปน่ะ เจ้าหลวงรู้แล้วหรือ ?
อินทเสน      ผมโทรเลขไปหารือแล้วครับ ตอบมาว่าตามใจ แต่ให้ปรึกษาเจ้าคุณเสียก่อน
พระยาราม      ผมน่ะไม่ได้คัดค้านเลยทีเดียว พลอยยินดีด้วยเสียอีก
อินทเสน      ถ้ายังงั้นเจ้าคุณได้โปรดจัดการข้างฝ่ายผมแทนบิดาผมด้วยนะครับ
พระยาราม      อย่าวิตก ผมจัดการให้ตลอด คุณหลวงวรเวสครับ เจ้าราชบุตรขอให้ผมจัดการข้างผู้ชาย คุณเห็นจะไม่รังเกียจนะครับ
หลวงวรเวส      ตรงกันข้าม ยินดีมาก เชิญเจ้าคุณขึ้นไปบนบ้าน นานแล้วไม่ได้พบกัน เชิญซิครับ !
             

(พาพระยารามไปทางข้างขวา)

บุญโรจน์      คุณแม่ครับ ขอผมถ่ายรูปให้เหมาะอีกสักรูปเถอะ เมื่อเช้านี้คุณพ่อเข้าไปตึงตังทำให้คุณแม่ไหวไปได้
มลิ      ก็ได้ซิลูก ไปเลือกหาที่ถ่ายให้เหมาะ ๆ เถอะนะ ! (เดินไปทางขวา บุญโรจน์แบกกล้องตามไป)
อินทเสน      แม่มาไลย หล่อนตั้งใจจะไปกับฉันจริง ๆ เทียวหรือ ?
มาไลย      ยังจะสงสัยอะไรอีกล่ะ
อินทเสน      (เข้าไปจับมือมาไลย) ไม่สงสัยอีกเลยเป็นแต่ปลื้มเหลือที่จะปลื้มเท่านั้น
มาไลย      ฉันก็เหมือนกัน
             

(สองคนยืนนิ่งดูกันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพากันเดินไปทางขวาช้า ๆ)


จบเรื่อง

เชิงอรรถ

ที่มา

โครงการสมุดไทย ภาควิชาวรรณคดีเปรียบเทียบ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย [1]

เครื่องมือส่วนตัว