เพลงยาวกรมศักดิ์ฯ

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 16:12, 25 สิงหาคม 2553 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: กรมพระราชวังบวรมหาศักดิ์พลเสพ

เพลงยาวสามชายเป็นเพลงยาวแต่งเทียบเรื่องอิเหนา ชายที่ ๑ เป็นอิเหนา ชายที่ ๒ เป็นสังคามาระตา ชายที่ ๓ เป็นประสันตา โต้ตอบกับหญิงซึ่งเป็นมะเดหวี

บทประพันธ์

เพลงยาวกรมศักดิ์ฯ

ที่ ๑/๑ พระบวรราชนิพนธ์

๏ ถ่ายจิตรออกจารึกเจริญสาร
ศรีศุภสุนทรในกลอนการสมานมิตรมอบมิตรไมตรีมา
โดยดำริแรกเรื่องภิรมย์รักประจักษ์ถวิลที่พี่จินตนาหา
เจ้าโฉมทิพย์เกสรสุมาลาอย่าร้างรักโดยราให้แรมวัน
ขอมอบชีวิตจิตรกายจนตายจากขอฝากของขวัญขวัญใจจงรับขวัญ
ขอร่วมร้อนร่วมเย็นเป็นนิรันดร์ร่วมพันธุมิตรร่วมประยูรวงศ์
แต่ทนทุกข์ขุกคิดไม่ขาดสวาดิเป็นเหลือมาตรที่จะมุ่งหมายประสงค์
สุดคิดสุดจิตรที่ใจจงหมายไม่คงครองชีพชีวาวาย
เพราะแสนร้อนสุดรนด้วยทนรักยิ่งกว่าผลักแผ่นฟ้าสุธาหงาย
วิดสมุทรขุดเขาคิรีทลายว่ายเมฆไปชะลอวิมานอินทร์
ก็ไม่เหมือนพยายามในความรักนั้นสุดหนักอกโอ้อาวรณ์ถวิล
ดำริรักหนักจิตเป็นอาจินต์ก่นแต่กินเทวษไห้ไม่วายวัน
อย่าเมินมิตรมอบเสน่ห์พี่เทรักอย่าผละผลักใจสูญสวาดิสั้น
สงสารอกเทิดที่โอ้ประมาณครันแต่จิตรหวั่นเร่าร้อนก็เหลือตรอม
ตราสวาดิมิได้ขาดวันถวิลเพราะไกลกลิ่นไกลกลั้วกลิ่นถนอม
ไกลเนื้อที่จะแนบนวลประนอมไกลจอมเสน่ห์หน้าปรานีชม
ไม่เป็นกินเป็นนอนแต่ร้อนรักอกจะหักเสียด้วยทุกข์ระทมถม
เจ็บถนัดกลัดทรวงแสนระทมตั่งตองคมอาวุธในหว่างแด
เชิญสมรช่วยสมานประสานรสเป็นโอสถเสนหารักษาแผล
ถึงมิเยือนก็แต่พอเอื้อนอาลัยแลมาพอแก้ใจเศร้าที่สุดทน
ขอปราโมทย์มโนปรีดิ์ไมตรีจิตรกับสุจริตจารึกเรื่องนุสนธิ์
อย่าเคลือบแคลงแหนงใจว่าใส่กลในนิพนธ์พื้นจริงประจงวาง
แต่ตั้งใจมาก็จวบเข้าขวบปีจงปรานีเทิดอย่าเมินสะเทินหมาง
เหมือนช่วยชีพไว้ให้รอดตลอดปางอย่าเสียทางระหว่างรักภักดีดี
เจ้าดั่งดวงมณฑาทิพย์เทศกาลควรจะบานแบ่งรับพระสุรีย์ศรี
แมนเนิ่นนานเกลือกพาลไพรีมีจะราคีขุ่นข้องระคายกาย
ฤๅคิดขามอยู่ในความอุปวาทด้วยเกรงชาติเกสรจะหล่นสลาย
ก็ใช่การอย่ารำคาญเคืองระคายจงหมายมาตรเทิดที่มุ่งมิตรใจ
แล้วจะหมางว่าพี่หมิ่นประมาทอาจเพราะสวาดิใช่จะลามในความใคร่
ย่อมเกิดกับสำหรับโลกมาแต่ไรสุดวิสัยซึ่งจะห้ามความติเตียน
ถึงดินน้ำลมไฟทิวากรศศิธรส่องทิศสถิตเสถียร
ก็ไม่พ้นคนตำหนิติเตียนย่อมมีเสี้ยนหนามเหน็บคือนินทา
ก็เป็นวิสัยครหาชะล่าลิ้นถึงน้ำดินลมฝนไม่พ้นว่า
ไม่เว้นตัวทั่วกันเป็นธรรมดาย่อมมีมามากแล้วแต่ก่อนกาล
อันมธุรสสุนทรอักษรสวัสดิ์เป็นคำสัตย์จริงใจมาในสาร
มิใช่จะล่อลิ้นแต่งสำนวนพาลแล้วจะราญรอนรักนิราไกล
เหมือนวิทเยศลอบโลมตระโบมสมานฤดีดาลแล้วจะหน่ายนั้นหาไม่
ขอเชิญสมานรับสารอย่าถือใจตระกูลใช่จรกาจะเสื่อมพงศ์
ตัวเจ้าก็เป็นวงศ์อสัญเพศเรียมประเวศจากห้องครรไลหงส์
อย่าถือใจเลยใช่น้ำจะต่ำวงศ์ถึงจะคงยังนิเวศสงวนนวล
แม้นลมรานพานผิวจะหมองพักตร์อย่าราแรมรสรักฤดีหวล
อย่าเนิ่นนักชักช้าให้เรียมครวญขอเชิญนวลเสนาะถ้อยสุหร่ายคำ
มาสรงโสตพี่ด้วยรสวาทีทิพย์ประจงหยิบมาในกลอนสุนทรขำ
อยาเมินเมียงสมรม้วนคดีอำยั่วให้ช้ำเย้าให้พี่ภักดีตรอม
ให้ตรงจริงเหมือนหนึ่งสิ่งสนองนุชอันโกมุทอย่าเจือพาลให้รานหอม
จะเสื่อมกลิ่นรสฟุ้งบำรุงออมวานอย่าน้อมรสรักให้เรรวน
อันสิ่งเกษมขอให้สมสวาดิพักตร์เจริญรักอย่าให้ร้าวรานสงวน
แต่คิดค่อนนอนคอยในข่าวนวลหวังประมวญมอบใจมาในมิตร
เมื่อกุศลจะส่งผลให้ประจักษ์ยังมีเทพารักษ์อันศักดิ์สิทธิ์
รับบวงสรวงว่าจะช่วยให้สมคิดที่ร้อนจิตรนั้นค่อยคลายบรรเทากรม
จึงตั้งจิตรแต่งกลอนสุนทรสนองหวังประคองมิให้เคืองระคายขม
ใช่ขัดเงาเกลาคำสำนวนคมแสนระทมเหลือทนประทังกาย
อนึ่งอย่าประเจิดแจ้งให้ประจักษ์ที่ในลักษณ์เล็ดลอดมาถึงสาย
สมรปิดอย่าให้แซ่กระแสระคายที่เรียมหมายจงให้สมอารมณ์ปอง
แม้นเมตตาขอให้มีสาราตอบโดยระบอบอย่าให้เสื่อมนุสรสนอง
จะได้คลายอุระช้ำระกำตรองประจงปองอย่าให้ป่วยไมตรีเอย
      ฯ ๕๖ คำ ฯ
             

ที่ ๒/๒ พระบวรราชนิพนธ์

๏ แถลงปางให้พระน้องจำทูลถวาย
การุญจิตรปิ้มชีพิตจะวางวายหากเสียดายอยู่ด้วยรักจึ่งหักเพียร
จึงได้ดำรงคงชีพนับขวบมาด้วยยาเกร็ดรักษาตามพาเหียร
ครั้งหนึ่งโรคกำเริบร้ายประหนึ่งเจียนเจ็บยิ่งเสี้ยนศรแล่งอุรารอน
จึงตั้งจิตรต่อด้วยพรหมวิหารกับสัตยาธิษฐานบุพเพก่อน
เข้าตาจนก็ต้องทนโอ้อาวรณ์แต่จงมาตรหมายสมรไม่วางเลย
เดชะสัตย์จึงบำบัดประทังโรคแต่แรงโศกนั้นไม่สร่างนะน้องเอ๋ย
จึงกลับเพียรสวาดิหวังยังก่อนเคยกริ่งจะเฉยอยู่จึงถ่อมน้ำใจเจียม
แต่น้ำใจเฉลิมใจยิ่งเพิ่มสวาดิใช่จะอาจล่อลิ้นประลองเลียม
แล้วเห็นควรใช่จะลวนประเทียบเทียมใจเสงี่ยมดอกนะแม่อย่าถือใจ
บุพเพถึงจำเพาะจึงพระน้องพี่จึงปรานีรับประกันชะอ้อนไห้
ควรฤๅยังไม่สิ้นแคลงมาแหนงใจจงอ้างไททิพโสตเป็นพยาน
ฉะนั้นแล้วยังไม่เชื่อจะไต่สวนประมวญชาติน้องให้เนิ่นวันสมาน
จะอ้างใครเล่าที่ในสุธาธารใช่ว่าการนั้นประเจิดต้องจำจน
ตำแหน่งเนาติกาหรังแม่หวังสถิตแม้นมีฤทธิ์เทิดจะลิ่วโพยมหน
จำเพาะพักตร์ให้สิ้นแคลงแจ้งยุบลนี้ถือคนสอบสื่อนั้นพานคลาย
นำคดีถี่ถ้อยฉวยพลำพลาดจึงต้องร่างกลอนสวาดิให้นำถวาย
หนึ่งที่โรคประมาณปีนั้นค่อยคลายเห็นจะหายก็เพราะยาที่การุญ
แต่จะวางโอสถห่างนั้นไม่ได้กลัวว่าไข้กลับกำเริบสิจักวุ่น
ยานี้ชอบโรคแล้วแม่หวังบุญเทิดที่คุณจักสนองไม่ลืมจำ
อันว่าแพทย์พยาบาลมาก่อนมากไม่หวังฝากชีวิตได้ให้อุปถัมภ์
ทีนี้และชะรอยคงจะสิ้นกรรมดังเทพนำโอสถทิพย์มาทาทรวง
จะหวังแสดงให้แจ้งในอุระบ้างถึงคราวเมื่อเหินแหห่างก็ยังหวง
ไม่ว่างเว้นที่จะมุ่งภักดีดวงสิบเจ็ดปีมิได้ล่วงทิวาวัน
แม้นคราวแม่ระทมทุกข์พี่ทุกข์ด้วยปิ้มประหนึ่งจะรานม้วยช่วยแทรกกระสัน
แม้นยามสุขร่วมสุขเสมอกันแต่สุขเมื่อขวัญลอยลิ่วแลเรียมตรอม
ครั้งนี้แม่จะเชือนแหให้ห่างเทวษเอ็นดูเนตรเทิดจงรับภักดีถนอม
ถึงแม้จะเปิดศิวาลัยฤทัยออมไม่รักเป็นจอมวิเชียรเท่าเช่นเพราพราย
อยู่เอองค์เกลือกสุริยงจะจงสมรจะทนร้อนได้ฤๅแสงพระสุริฉาย
พอใช้ขวัญมาชวนขวัญขอเชิญสบายสุขกายตาไหนจะสู้สุขใจเจิม
อภัยน้องเถิดมิใช่จะแกล้งว่าเพราะเมตตาหวังจะไว้เป็นจอมเฉลิม
ทุกวันเห็นมีแต่หมองมาพ้องเติมเออก็เดิมสิเคยเด่นเหมือนเพ็ญจันทร์
มากลับเป็นกาฬปักษ์พยับทั่วเพราะใกล้กลัวร้อนแรงพระสุริฉัน
พี่ตรอมด้วยช่วยแสนจาบัลย์ครันเพราะรักบุหลันกริ่งจะดับไปกับเดือน
อันสุนทรกลอนประจงจำนงหัตถ์ใช่จะดัดประลองเล่นเช่นลิ้นเลื่อน
เอ็นดูพี่อย่าหน่ายหนีเสน่ห์เบือนขอมอบขวัญไว้เป็นเพื่อนพยายาม
ขอมอบชีพมอบรักภักดีด้วยแม้นน้องม้วยจะยอมม้วยด้วยในสนาม
แม้นคราวยากจะสู้ยากลำบากตามเหมือนหนึ่งร่วมอุทรสามทั้งนายประกัน
จะพรรณนาที่มาตรมาสิบเจ็ดปีก็สุดที่จะแสดงแจ้งข้อกระสัน
ถึงจะต้องใส่พ้อมสักสองพันอันแรงรักนั้นก็เหลือเป็นความจริง
ต่อยามสามจึงพอว่างได้ร่างเรื่องจนเนตรเคืองกลางวันเฝือการหลายสิ่ง
ชำระทุกข์ราษฎรอุทธรณ์ประวิงทั้งการช่างเล่าไม่นิ่งต้องดูทำ
ไหนจะเฝ้าธุลีบาทสามเวลาทั้งดำริการค้าเวลาค่ำ
เพราะผู้เดี่ยวเปลี่ยวโอ้ใจระยำทั้งการบ้านเล่าก็ทำด้วยจำเป็น
เพราะไม่มีคู่หวังต้องเหนื่อยนักจะหมายพักตร์พึ่งใครไม่แลเห็น
จะดับทุกข์ได้แต่น้องช่วยผ่อนเย็นยังจะเอ็นดูบ้างฤๅฉันใด
โอ้ปานนี้นุชพี่ของเรียมเอ๋ยยังเสบยฤๅว่าแม่จะเป็นไฉน
จะบรรทมแต่ผู้เดียวเปลี่ยวฤทัยฤๅมิตรใจชวนใจให้จาบัลย์
ใครจะอยู่เพื่อนพระน้องสนองพลอดใจพี่เร่งใจลอดไปโลมขวัญ
ถึงทางใกล้จนใจดั่งไกลกันยิ่งกระสันทอดทุ่มบรรจถรณ์ครวญ
ขอพระน้องนายประกันจงนำชอบประกอบถวายอย่าให้เคืองฤทัยหวล
สิ่งใดแคลงระแวงข้อขอประทวนใช่จะลวนเหมือนหนึ่งเช่นเล่นกลอนพาล
ครั้นจะร่างแต่เป็นเรื่องอักษรศัพท์ฟังดูเล่าก็ไม่จับกรรณสมาน
แม้นผิดพลั้งสิ่งใดขอให้การจงประทานอดโทษเสียเทิดเอย
      ฯ ๕๔ คำ ฯ
             
โคลง ๔ สุภาพ
๏ จันทรจรัสปรัดนวลแผ้วพักตร์สมร กูฤๅ
ดาราดาษอัมพรแพ่วฟ้า
ถวิลนามหวลอาวรณ์แรงเทวษ เรียมเฮย
ดั่งใคร่เร่งเห็นหน้าสวาดิมุ่งเสน่ห์หมาย ฯ
             

ร่าย

๏ บรรจงถวายกลอนอ้าง ใช่ปราชญ์ร่างคะนองทำ นำคดีพอชี้เรื่อง ผิดพลั้งเคืองจงอด แจ้งกำหนดพจนถ้วน ห้าสิบประมวญเศษสี่ หนึ่งโคลงกวีสุวภาพ แทนกลิ่นอาบบุษบัน กุศลสรรซึ่งเสกส้อง ขอจงเพิ่มพระน้อง ทุกข์สิ้นค่อยเจริญผล ฯ

ที่ ๑/๓ พระนิพนธ์

๏ อัญขยมประนมฟังพระนุชสมาน
รับนุสรจากขนิษฐ์วินิจนานอุระปานทิพรสสุหร่ายพราย
ให้เย็นซาบโสตะประสาทชื่นชุลีคืนหัตถ์ผันภิวันท์ถวาย
เสนาะคำแต่ล้วนขันออกบรรยายหวังละลายโศกสร่างสำอางเงา
ขอบพระคุณกรุณาปรานีพักตร์พระเดชหนักกว่าจอมสุเมรุเขา
ประทังทุกข์ขุกเวทนาเนาค่อยบรรเทาข้อวิตกแต่อกตรอม
ประมาณเหมือนเดือนฤดูกาฬปักษ์จะวางหมายพักตร์ไม่ควรถนอม
โปรดเพียงพึ่งบารมินทร์นรินทร์จอมขอพระเกียรติปรกกระหม่อมแต่พอเย็น
เมตตาตรึกระลึกตรองให้ข้องโชคฉวยปะโศกสุดที่ดับระงับเข็ญ
จะมิผอมงอมหน้าน้ำตากระเด็นยามเมื่อเอ็นดูจิตรล้วนคิดควร
กำหนดนับพยายามความเทวษสดับนองชลเนตรแล้วกลับสรวล
สิบเจ็ดปีมีแต่ทุกข์ทับประมวญระทมทวนแท้จริงทุกสิ่งโทม
ก็ย่อมทราบยุบลบ้างแต่ปางหลังแม้นสมหวังไหนจะนึกระลึกโฉม
เมื่อแผลเสี้ยนเบียนระบอมมาซอมโซมฟังก็โสมนัสชื่นแล้วคืนจิน-
ตนามุ่งสมหวังจะยังชั่วนี่เกลือกกลั้ววาสนาไม่พาผิน
นุญาตร่วมทุกข์ระทมนิยมยินยามเมื่อกินระกำขวัญนั้นแลลอย
เพราะไม่มีที่พำนักจะพักพึ่งอย่ายกเรื่องเลยให้รึงแรงละห้อย
ใช่ฝ่ากายฝ่ายสูงพยูงลอยคราวบุญน้อยก็ต้องช้ำระกำตรอง
ดังดวงแขแลยามวสันต์แสงถึงยามแจ้งแจ่มก็คงชื่อนั้นฦๅหมอง
ไหนจะสร่างกระจ่างสีราคีประคองฝ่าละอองเชิญวิฉัยในราวความ
ดวงอุทัยไขแสงภานุมาศเรืองสะอาดส่องภพทวีปสาม
จะมัวสีก็เพราะมีมลทินตามเสียดายงามเคยรุ่งอรุณเรือง
ฝ่ายบุญน้อยก็จะช้ำระกำยากทุพพลพากเผือดสีฉวีเหลือง
เพราะหลงงมชมหวานนานจะเคืองใครจะเปลื้องปลดเศร้าบรรเทาเท
นี่ใจจริงสิ่งสนองฉลองตรัสเป็นความสัตย์ใช่จะทวนให้หวนเห
จะว่าเลี้ยวลดลมคารมเรหน่วงคะเนไต่สวนไม่ควรครือ
ไหนจะหมองกายังทั้งเสียสิ้นจะเชิดชื่อปัถพินว่าหลงถือ
หมายจิรังแล้วจะยังแต่นามฦๅเขาจะรื้อเย้ยหยันสิครันงาม
แต่จะตรึงรึงรุมเทวษครันกระหม่อมฉันฤๅจะเอื้อมออกสนาม
เชิญที่มุ่งก่อนสมรเสมอนามใช่จะลามเพิดพ้อต่อแสดง
นื้โดยจริงจึงประมาณสารสวัสดิ์ครั้นไม่ทูลประหนึ่งขัดบัญชาแถลง
ด้วยเจียมตัวกลัวผิดคิดระแวงมิให้แหนงนี้เป็นน่านิจจาจริง
ว่าไม่มีที่หวังประทังทุกข์สงสารโศกช่างไม่สุขแต่สักสิ่ง
ก็สุดชื่นแต่จะเชื่อเหลือประวิงเลือกล้วนพริ้งพร่ำว่าให้สาใจ
ที่โอนโอษฐ์โปรดน้อมมนัสนับจะร่วมคัพภาพงศ์ยังสงสัย
พระวาจังหวังแต่จริงไม่กริ่งใจคำนี้ไว้หว่างศิโรโมลีชม
เห็นจะมั่นหรือประกันใบสัจเสร็จมาถึงไทโดยเสด็จสรวมประสม
ประทานโทษโปรดข้ออุทธรณ์ลมลิขิตคมคำเล่นไม่เป็นการ
อันเสารสพจน์น้อยเหมือนเจ้าของกรประคองวันทามาในสาร
จงปรานีอย่าให้มีราคีพานแล้วแช่ชุบชลธารเสียเทิดเอย
      ฯ ๘๐ คำ ฯ
             
โคลง ๔ สุภาพ
๏ ประสงค์ประสิทธิสร้อยเสกสรร น้อยฤๅ
อย่าแม่ถอนประกันฝันเทิดน้อง
เหตุนี้เห็นน่าจะรันทดเทวษ ถวิลนา
แม้ว่าจริงจักต้องทุกข์พี่นั้นพลันสมร ฯ
             

ที่ ๓/๔ พระบวรราชนิพนธ์

๏ นอนคะนึงพระนุชกำสรดเสวย
จุมพิตสะพักต่างพักตร์กระกองเชยยอกรเกยก่ายนลาฏรัญจวนครัน
เสียวสวาดิดังกรรมัชวาตจะรอนจิตรปิ้มจะปลิดชีพิตเด็ดด้วยแรงศัลย์
นี่หากได้ซ่วมบุหงายาดมทันพอประกันแห้ไว้บรรเทาคลาย
จึงหยิบเอาเอกสารประจงคลี่อ่านรสถ้อยคำสมานยิ่งเตือนกระหาย
ผิดระเบียบฝีหัตถ์ไม่พริ้มพรายดั่งช่างชายกลวาดอักขรา
แล้วนำสำเนามาบรรทับอุระครวญยิ่งรัญจวนร้อนเร่าละห้อยหา
พอผู้นำกลอนสนองพระน้องมาแจ้งว่ายุบลตอบก็ขอบคำ
จึงรับมาแตระผนึกประจำแก้ถุงแพรจิ้นดัดประจงจำนงขำ
มิทันอ่านที่ในสารพระนุชทำเสน่ห์นำก็ยิ่งเพิ่มเติมทวี
จึงพินิจในกลอนสมรมิ่งเสนาะจริงมิใช่แสร้งสรรใส่สี
ถึงนาเรศที่เปรมปราชญ์ชาติกวีจะดีกว่ามธุรสแม่สักเพียงไร
รสถ้อยน้อยฤๅฉ่ำดังน้ำทิพย์มายกหยิบรอนโศกจนเสื่อมได้
พี่หวังจิตรคิดจะฝากชีวาลัยด้วยน้ำใจมิตรภาพเป็นความจริง
แต่ไยไฉนในสุนทรที่กลอนอ้างยังระคางระแวงแหนงอยู่หลายสิ่ง
ครั้นจะแคะแกะข้อต่อประวิงเหมือนหนึ่งยิ่งร้อนจิตรให้หมองมัว
จะขอยุดแต่สิ่งสัตย์อันสุจริตกับมิตรจิตรและปลิดราคินกลั้ว
กับแรงรักแจะไว้เป็นเพื่อนตัวต่อเสร็จชั่วศิวโมกข์แลวายปอง
ขอเชิญแม่จงเจือใจอาลัยบ้างขจัดหมางดับโศกวิโยคหมอง
ยุบลหลังซึ่งว่าทราบนั้นดาลคะนองครั้นเมื่อต้องจำจนจึงจำเป็น
พอแก้ใจมิได้ไต่สวนเสร็จซ้อมคำต่อคำแลนำน้อมเหมือนว่าเล่น
ไม่นานนักแล้วก็รักสร่างกระเด็นไหนจะเช่นที่พี่มาตรมาแรมปี
หนึ่งว่าเชิญให้ไปมุ่งที่ก่อนเสมอเออเออผิดไปแล้วน้องแก้วพี่
ซึ่งถ่ายจิตรนี้แลก่อนอักษรมีก็ต้องที่จะได้เดินประเชิญพยาน
ไม่นำมากแล้วไม่อยากต้องไต่สวนจะอ้างประมวญแต่พระน้องสองสมาน
ถ้าสืบสมเหมือนหนึ่งคำพี่ให้การแม้นในก่อนอย่ารอนสารเลยจำยอม
โอ้พระนุชจงเห็นใจในพี่บ้างเด็ดระคางอย่าให้เผือดฉวีผอม
โดยสุจริตอื่นไม่คิดประสงค์จอมถึงใครจะน้อมดอกฟ้ามาถึงมือ
จะมาตรถนอมไว้เป็นจอมหทัยฦๅจะไว้ชื่อหน่วยหนึ่งรักที่เพียรมา
เมื่อครั้งน้องอยู่กลางกองสุเมรุมาศแลสุดอาจที่จะเจาะชำเระผา
ถึงกระนั้นก็ไม่สิ้นที่จินตนาหมายอยู่ว่าถ้ากุศลจนวันตาย
จะดับขันธ์ประจุบันในชาตินี้แม้นบุญมีอนาคตคงสมหมาย
ช่างประไรจะให้ป่วยภักดีกายฤๅจึงทลายแคะข้อประวิงความ
แต่สุริเยศยังประเวศอาลัยโลกแรงวิโยคจะให้ดับฤๅใคร่ถาม
ถึงจันทรส่องแสงฉวีงามเมื่อยามแรมร้างราษตรี
ยังรู้อาลัยที่ในดวงดาราก่อนนี่ใยสมรน้องจะไม่อาลัยพี่
ถึงมัจฉาเจียวยังหวงห้วงวารีเมื่อยามแล้งจะร้างที่ลงวังวน
แต่มยุราที่มีคู่ถนอมขวัญแล้วยังกระสันถึงเมฆฤดูฝน
จะไม่ถนอมเสน่ห์บ้างก็ท่าจนเหมือนเด็ดก้านอุบลไม่ไว้ใย
แม้นเป็นกระนี้จะต้องปรานีทรวงเทวษจะตวงน้ำชลเนตรไว้ที่ไหน
จะหาขวดยักกัตตราสักสิบใบได้สู้ใส่ไว้เป็นบรรณาการ
ไฉนน้องจะให้นองน้ำเนตรฤๅจึงยังถือฤทัยแหนงระแวงสมาน
ไม่หน่วงรักหักข้อราคินพาลเลยอันสิ้นสาธารณ์มีธรรมดา
แม้นชอบกันแล้วก็ยกว่ากันดีแม้นชังกันใส่สีเสกสรรว่า
ก็เป็นวิสัยโลกธรรมดาย่อมมีมาถึงเทวาสุรเทพสุราลัย
คำตำเนียนคือใครไหนจะพ้นแต่ลมฝนหนาวร้อนยังค่อนได้
นี่แน่น้องแม่อย่าหมองกมลในปลงแต่ใจเทิดที่ใจการุญกัน
ซึ่งยังแหนงคำจำนงจงร่วมครรภเอ็นดูนบหน่อยน้องอย่าเดียดฉันท์
ใช่อุทธรณ์ลมล้อต่อผูกพันล้วนสัตย์มั่นสิ่งซื่อทุกคำกลอน
ขอขนิษฐ์นายประกันเสนอด้วยแล้วหมั่นช่วยเพ็ดทูลอย่าสูญสอน
ทิวาวันแม่อย่าเว้นชะอ้อนวอนจงชี้แจงสารสุนทรอุราตรม
แม้นจะขัดเคืองในพระน้องบ้างขนิษฐ์นุชพี่อย่างห่างระคางขม
อันโกรธเกรี้ยวสักประเดี๋ยวก็ลิ่วลมเหตุประถมทั้งนี้เพราะพี่เอย
      ฯ ๕๔ คำ ฯ
             
โคลง ๔ สุภาพ
๏ ประสงค์ใช่เสกแสร้งใส่สี แม่เฮย
จะให้ถอนประกันหนีห่อนได้
ซึ่งว่าเหตุนานทวีเทวษโอ้ จริงแฮ
เพราะว่ารักฤๅใคร่ผ่อนได้ให้สร่างตรอม ฯ
๏ บุหงามาเลศไว้เคียงเขนย
กระหลบวิสูตรรำเพยเพ่นถั้ว
เร้ากลิ่นฤบางเสบยทราบรส พะเยียแฮ
ซ้ำสะพักแรงกลั้วเร่งร้อนใจถึง ฯ
๏ ดาวดาษแผ้วกระจ่างหล้านึกสมร เนียงฤๅ
ดึกสงัดร่างโคลงกลอนเนตรช้ำ
ขวัญเอยเร่งขวัญจรเร็วสู่      น้องนา
จงอย่าทันรุ่งหย้ำกลับเย้าข่าวเสนอ ฯ
             

ร่าย

๏ จนสกุณมะเมอเสียงแจ้ว พอร่างแล้วเรื่องกลอน โดยสุนทรทอดสนิท คำนวณคิดสิริถ้วน ห้าสิบประมวญเศษสี่ โคลงกวีเศษสร้อย ลิลิตน้อยประดับกัน จวบไก่ขันร่วมรุ่ง ประกายพรึกพุ่งเรื้อแพร้ว ระฆังพระแก้วตีเตือน ร้อนใจเหมือนจักขว้ำ อกพี่แรงชอกช้ำ เร่งช้ำใจถึง ฯ

โคลง ๔ สุภาพ
๏ ยามค่ำเสด็จสถิตที่เทียมประทม
มุขพิมานจักรพรรดิสมผ่านหล้า
ด้วยพระนุชสุดเสน่ห์ชมชูชื่น กันแช
สมคิดจิตรผ่องฟ้ารุ่งแล้วเทียมเดือน ฯ
๏ ขอพรอิศเรศท้าวเทวัญ พ่อเฮย
เชิญช่วยอวยประสิทธิ์สรรส่งให้
อย่ามีอริรันรานรัก เรานา
ให้ส่งคงสัจฉ้วยเชิดชื้นพูนเกษม ฯ
๏ ขอพระรวิวรส่องภพ พ่อเฮย
ศศิธรจรนภแพ่วฟ้า
สองวงทรงธรรมจบเที่ยงโลก
ช่วยบันดาลพระน้องข้าเที่ยงแท้เหมือนปอง ฯ
             

ที่ ๒/๔ พระนิพนธ์

๏ อัญชุลิตกฤษฎางค์ในทางกระแส
กันไกรแตระแกะตราที่ประทับวิไลแลเลขาสง่าองค์
ดังสุพรรณบัฏแบ่งแห่งตรีเนตรใช้วิษณุประเวศระเห็จหงส์
ลอยโพยมโลมโลกครรไลลงละลานทรงสุนทรสนองของเทวินทร์
ชะรอยบุญหนุนวาสนาเหลือบุพเพเพื่อพอประสบพบโกสินทร์
เข้าขัดทัพรับรั้งนัครินทร์บันดาลสิ้นก็ไม่สมคะเนปอง
เป็นกุศลดลในมหัยฤทธิ์ปลิดชีพิตลอยลงบรรจงสนอง
เอางานรับชีพดูชูประคองวางไว้ต้องมั่นหัตถ์จะพลัดกร
ด้วยเป็นมนุษย์สุดนิยมมาชมสวรรค์จึงรำพันทูลแต่จริงสิ่งนุสร
ไม่โปรดห้ามความแหนงระแวงกลอนก็เป็นอ่อนอกโอ้ระกำอำ
เมื่อสารพัดจัดเจาะจำเพาะเจตน์ครั้นจับเหตุเห็นว่าพบประสบขำ
กลับป้วนเปี้ยนเวียนบิดพนิตคำก็ตามเทิดแต่จำทำไม่ทูลเลย
ประทานโทษโปรดที่เกินมาสอบถามต้องตัดตามรับสั่งดังเฉลย
สอนประทานคำบ้างไว้วางเคยนิจจาเอ๋ยจะให้อายแต่ฝ่ายเดียว
นี่ฤๅว่าปรานีที่ตรงไหนเหมือนปัดไถมรองเนื้อนั้นเหลือเขียว
อันราคินนั้นไม่สิ้นในใจเจียวจะให้เหนี่ยวหน่วงไหนลงใบยอม
แม้นบริสุทธิ์ดุจหลังครั้งถ่ายจิตรไม่เคลือบแคลงแต่สักนิดจะนอบถนอม
ถึงมิชั่วก็เหมือนช้ำด้วยคำมอมนี้แลจอมสุดที่จนฉงนใจ
การุญจิตรมิตรภาพประมาณแม้นกว่าโกฏิแสนสิ้นสุดอสงไขย
มายลยากแต่จะฝากชีวาลัยฉวยรับไว้ปะที่ขำสิจำเป็น
นานจะแชแก้ขัดสลัดช้องว่าคำต่อคำน้องกำเดาะเล่น
ยังจะเหมือนเชือนชักหักกระเด็นก็จะเช่นรายหลังระวังความ
อันสุริยันจันทรอาวรณ์จิตรใช่เชิงชิดปรีชาอย่ามาถาม
ถึงดาเรศมยุรามัจฉายามนิยมตามภาษาอาลัยกัน
วิสัยเขาใยจึงเอามาทอนถากนี่ใครพรากคู่ถนอมให้ตรอมขวัญ
ดูก็น่าสงสารรำคาญครันสุดจะกลั้นโศกาช่วยอาดูร
นี่แน่คุณที่การุญภักดีน้องวางพี่รองชลนัยน์อย่าให้สูญ
ปานนี้ท่วมบรรจถรณ์ฟูยี่ภู่พูนพี่ช่วยทูลทัดท่าหาขวดรอง
แต่สิบใบนี้จะใส่ไว้พอฤๅเอ็นดูซื้ออิกสักห้าหกสิบสนอง
คราวเมื่อโศกครั้งไรก็ได้รองฟังคะนองนี้ก็เพราะเสนาะปาน
ดุริยางค์สังคีตดีดสีสังข์แตรฝรั่งดนตรีปี่ประสาน
เหมือนเตือนขวัญให้หวั่นเทวษนานน้อยฤๅหวานรสเจือจนเหลือฟัง
แต่นี้เข็ญเช่นก่อนจะย้อนทุกข์เกษมสุขสบที่โง่ก็งมหวัง
ดูระดมดาลดับคับอุรังจนกระทั่งลั่นฆ้องแต่น้องเคียง
อันเดิมตีนี้ระฆังในพระแก้วพี่หวาดแว่วว่าจะเป็นเช่นสองเสียง
ไก่กระพือปีกขันสนั่นเวียงส่งสำเนียงเร้าเร่งดาเรศแรง
วินิจดาวคราวเมื่อดึกเด่นระดาษดูอนาถจวนรุ่งก็โรยแสง
วิตกเช่นเห็นประกายพรึกแปลงถึงยามแจ้งแล้วจะโอ้แต่อกรัว
นี่แน่นุชสุดสายสมรพี่อย่าถือดีเข้ามาแก้แม่ทูนหัว
แม่ยังเยาว์เบาจิตรไม่คิดกลัวถ้าพี่มัวจะไม่หมองฤๅน้องชม
มิฟังพี่แล้วจะตีจริงจริงนะเจ้าอะไรเฝ้าเซ้าซี้ทีประสม
อนิจจายาหยีน้อยจะลอยลมไปบรรทมให้สำราญวานอย่าวอน
แน่ดูทำจำบีบสุชลไหลเดี๋ยวก็หยิกดวงใจนี่ใครสอน
ช่างจู้จี้จริงจริงไม่นิ่งนอนถ้าขืนอ้อนแล้วจะตีให้หนีเอย
      ฯ ๔๕ คำ ฯ
             
โคลง ๔ สุภาพ
๏ ยามสมัยไก่ขันเข้าบรรจถรณ์ พี่เอย
เหลือบว่าฝันลอยจรล่องฟ้า
นบนิ้วประนมกรรับสั่ง มาฤๅ
เชิญเทิดกลับลิ่วหล้านำถ้อยทูลสนอง ฯ
๏ ว่านุชดุษฎีเบื้องบาทบง กชเฮย
แหวนใช่ธำมรงค์เลิศข้า
หนึ่งไป่ควรสวมทรงสอดนิ้ว หัตถ์แฮ
ถวายไว้เฝ้าต่างหน้ามาตรแม้นแทนคำ ฯ
๏ ฟังเขาบอกข่าวข้อราคิน
ว่าเหตุในปิ่นธรณินทร์เคืองด้วย
หวาดวิตกเติมถวิลหวั่นเทวษ
ก้มพักตร์ภาวนาฉ้วยผ่องพ้นอันตราย ฯ
             

ที่ ๔/๖ พระบวรราชนิพนธ์

๏ สิ้นเวลาราชกิจบรมบาท
ระทวยองค์ลงกับที่ศรีไสยาสน์เหนื่อยอนาถอกโอ้คะนึงครวญ
จึงคลี่อ่านสารสนองพระน้องพี่ดาลฤดีเร่าเร้าฤทัยหวล
โสตเสนาะเพราะถ้อยคดีทวนเร่งรัญจวนหนักเทวษด้วยแรงไกล
จะพรับเนตรติดเนตรพินิจโฉมตริตระโบมศรตระโบมใคร่พิสมัย
กำสรดโศกยิ่งวิโยคเศร้าฤทัยดั่งสายใจจะว่ายเมฆไปเทียมประทม
สักราตรีมิได้มีเสี้ยวสิ่งเกษมที่เคยเปรมก็กลายกลับระทมขม
ยิ่งรื่นรสรวยกลิ่นมาเลศดมรื้อนิยมยั่วเย้าเหมือนเร้าเตือน
สุดกระหายแล้วทุกคราวระบายประสาทบันดาลสวาดิอื่นไม่มีที่สิ่งเหมือน
จะได้แก้เทวษบ้างพอสร่างเบือนบคลายเคลื่อนบางถวิลสักอึดใจ
จนบรรจถรณ์ที่เคยอ่อนเอี่ยมสะอาดก็อนาถสวาดิร้อนไม่นอนได้
บรรเทาบ้างจะได้สร่างกมลในก็เพราะสุคนธวิไลสุหร่ายโปรย
ได้เชยบ้างก็แต่วงประวิชสองต่างพักตรน้องพอได้คลายกระหายโหย
ข้อประวิงเหมือนหนึ่งยิ่งให้ดาลโดยไม่ควรโกยเอาถนิมมานอมมวล
แม้นรับรักเสียอย่าพักดวงจิตรถ่ายในระคายจะเจือกลั้วให้กำสรวล
ครั้งนั้นกรรมประกอบให้จึงแปรปรวนนิยมควรสนองแล้วอย่าหน่วงนาน
ซึ่งยังหมองสองเสียงระฆังวัดพระศรีรัตนศาสดาสถาน
ถึงจะทุ่มหนักเบาก็บันดาลส่งกังวานเสนาะลั่นไม่พลิกแพลง
แต่แรกหล่อมาก็นานจนปานนี้สิบเจ็ดปีตีเป็นนิจไม่ผิดกระแสง
แล้วเด่นเดียวอนาถโอ้อยู่กลางแปลงมิใช่จะแข่งเปลี่ยนเสียงเช่นวัดระฆัง
ถึงจะระดมพร้อมตีทีละห้าโดยสัญญาจะให้เป็นเสียงเดียวมั่ง
ก็เอาเทิดสำเนียงแปร่งไม่อยากฟังบ้างก็ดังเหง่งหงั่งไม่ยั่งยืน
อันระฆังพระแก้วนี้แล้วแม่ถึงหวาดแหวก็ไม่แชเป็นเสียงอื่น
เสมือนเบญจระฆังที่เกลียวกลืนสำเนียงชื่นผลดอกเปลือกรากใบ
หนึ่งว่างานรับชีพจะพลัดหัตถ์เป็นความสัจจริงมุ่งไม่หมายไหน
พร้อมทั้งจิตรวาจาแลน้ำใจมิใช่เล่นลิ้นล่อประลวงโลม
ยามใดในราตรีจรัสแสงฤดูแล้งกาฬปักษ์จึงเพ็ญโฉม
ระดื่นดาษอากาศทั่วโพยมนี้แลโสมนัสนึกมาเนานาน
อันข้อเคืองที่จะเปลื้องวิตกน้องแม่อย่าหมองเลยนะแม่ใช่แก่นสาร
ประลองเล่นโดยลำพองคะนองพาลเพราะว่าการควรหวังไม่สมคิด
อกุศลดลดวงหทัยน้องให้ขัดข้องมิใคร่ปลงจำนงจิตร
จนแสนยากปิ้มประหนึ่งจะม้วยมิดเหมือนเฉาชายหมายปลิดดาเรศเรือง
ครั้นเสด็จอยู่ในห้องนภพลแผ้วสุดจะเหินเห็จแล้วจนผอมเหลือง
ถึงกระไรแต่พอศึกมาต่างเมืองจะได้เปลื้องอุบายสู้สงครามชิง
แม้นทหารถึงจะน้อยกว่าร้อยเท่าอย่าดูเบาเลยไม่พรั่นแต่สักสิ่ง
จำพิไชยสงครามชำนิจริงเหมือนกลอนพริ้งคล่องแคล่วไม่ดาดเลย
แต่ครั้งนั้นจนใจนะน้องพี่เหมือนวนว่ายวารีนะน้องเอ๋ย
ปะสวะก็ต้องพะปะทะเกยบางเสบยพอได้ผ่อนกระหายโรย
ใช่จะยึดอยู่ที่เดียวนั้นหาไม่ที่จริงใจจงพระนุชแลสุดโหย
เหมือนฝั่งไกลสุดจะว่ายกระเดือกโดยครั้งนี้เห็นลมโชยจึงพ่วงแพ
หมายจิตรเพียรคิดจะข้ามสมุทรก็ลึกสุดถ่อหยั่งไม่ถึงกระแส
จึงถ่อเลียบแสวงตื้นไม่ล่องแลมิรู้แร่ค้างโขดอยู่โดดเดียว
เมื่อสิ้นกรรมกุศลนำปถัมภกเหมือนฝนตกเปี่ยมโอฆชลาเชี่ยว
อุบัติดลท่วมจนอากาศเจียวกระนั้นแล้วดาวไม่เหลียวให้ชมดวง
น้อยหรือยากพี่พาแพระเห็จฟ้าจนได้สมชมดาราจำรัสช่วง
ยังกังขาอยู่อิกว่าจะหลอนลวงจนตัดห่วงเราให้สิ้นทั้งสองตรอม
จะได้เกษมเพราะบุญเพรงปถัมภ์แท้ไยนะแม่จะมาตริบให้เผือดผอม
กัมพุชประเภทใช่เหตุจะเจือนจอมขอแม่น้อมตัดถ้อยอย่าถือจริง
แม้นนานไปใครไม่รู้เห็นสมุทรจะถือรุดตามแม่กล่าวสิ้นทุกสิ่ง
ก็จะพากันได้บาปเพราะประวิงสมุทรใหญ่นี้ชอบทิ้งเสียเทิดเอย
      ฯ ๕๐ คำ ฯ
             
โคลง ๔ สุภาพ
๏ ทูตจำทูลถวายทั้งประวิชวง
เรียมก็รับสอดทรงใส่ให้
แหวนเอ๋ยฤๅพระสุนงค์ศรีสวัสดิ์ อยู่ฤๅ
แหวนบเอื้อนโอษฐ์ได้เร่งร้อนแรงถึง ฯ
๏ สารประทับกับอกโอ้รัญจวน ใจนา
ขวัญพี่ใช่กลับทวนสู่เหย้า
แจ้งคดีนุชประมวญดับโศก พี่เอย
แต่ละเมื่อสร่างเศร้าเรื่อเร้าเตือนครวญ ฯ
๏ มรกตวิเชียรใช้ธำมรงค์ นะแม่
แต่สำหรับสรวมทรงสอดก้อย
ฝีหัตถ์พึ่งหัดประจงนานเริ่ม ทำนา
สนองพลางต่างถ้อยสอดนิ้วนางเสนอ ฯ
๏ ประวิชสองฤๅถ้าค่าเทียมทัน เลยนา
มอบมาต่างพักตร์ฝันสู่น้อง
ชมเทอญพอวายกระสันเทิดแม่
เชิญแม่รับกรต้องต่างเล่ห์ลายชม ฯ
โคลง ๔ ดั้น
๏ ขอบคำมาโนชรึ้งตรอมแทน แม่เอย
กุศลหากอุปถัมภ์สร่างร้าย
ราชกิจทุ่มเหลือแสนเพิ่มอีก หนักแฮ
เมื่อแต่เช้าค่ำภายแรงโรย ฯ
๏ ยาหยีแม่จงนำโคลงถวาย      น่อยรา
กับประวิชวงสองด้วยน้อง
แล้วจงทูลบรรยายเพิ่มรัก พี่เอย
สุภาพสี่โคลงพ้องดั้นสอง ฯ
             

ที่ ๓/๔ พระนิพนธ์

โคลง ๔ สุภาพ
๏ รับสารรับทูตนำธำมรงค์ มาเชิญ
ค่าควรบุรินทร์ทรงเทียมเท่า
จักสวมฤๅสมวงศ์เกินจิตร เจียมแฮ
กรานประณตจรดเกล้าแหวกไว้หว่างเศียร ฯ
๏ ไม่ควรไม่คู่เคียงมาชม เลยนา
หากที่สมแลสมก่อนน้อง
เป็นแต่ฝ่ายนอกกรมเกรงเดช นักแฮ
ขอเทิดวานอย่าข้องข้อครุ่นครวญถึง ฯ
๏ ทับทิมปัทมราชใช้จำรู เรืองเฮย
เทียมแต่เทียบจันทบูรรุ่งเร้า
หวังบรรณาการทูลสนองบาท มานา
ตามฤดูถวายเฝ้านอบเกล้าเคียมคัล ฯ
๏ หวังจิตรประวิชเหล้มาลอง เล่นฤๅ
ตริก็สมทรวงตรองแม่นแท้
แน่นุชจงฟังสนองในถ้อย เทิดนา
จริงดั่งพี่แจ้งแม่ประวิชแน่มาลวง ฯ
๏ ตริเสร็จสำเร็จเรื่องเลขิน ถวายนา
เชิญพระธำมรงค์ผินสู่ห้อง
ใส่สถิตสถานจินดาพ่อ คู่เฮย
แล้วจุดประทีปเทียนส่องกราบเกล้านมัสการ ฯ
             

ที่ ๖/๙ พระบวรราชนิพนธ์

โคลง ๔ สุภาพ
๏ กำสรวญกำสรดสร้อยถึงศรี พี่เอย
ทอดบรรจถรณ์ราตรีสวาดิเร้า
แรงรักยิ่งเพิ่มทวีเติมเสน่ห์ จริงแม่
ฤๅใคร่เห็จสู่เหย้าห่อนได้ใจตรอม ฯ
๏ ป่านนี้ศรีสวัสดิ์สร้อยโฉมสวรรค์ เรียมเฮย
ฤๅประทมเดียวกระสันฤๅแม่
โอ้อกเร่งจาบัลย์ร้อนทรวง พี่นา
จุณสุคันธพรมแก้ฤๅเยือกเย็นทรวง ฯ
๏ สารกระหายใส่ในห้องเรือนคำ
ภัคินีแม่จงจำมอมบถ้อย
จอมโศกใจหากจำแซ่งแผ้ว ฉวีนา
แรงเร่งเร้าแรงละห้อยเร่าเร้าแรงโรย ฯ
             

ที่ ๔/๙ พระนิพนธ์

โคลง ๔ สุภาพ
๏ คุณกลางจ้างวานให้ถวายสาร
ประทานโทษโปรดชนมานเทิดครั้ง
อย่าเคืองข้องรำคาญเลยบิดุ รงค์นา
เอ็นดูโอรสมั่งก่ำพร้าหาหาย ฯ
             

ที่ ๗/๑๐ พระบวรราชนิพนธ์

โคลง ๔ สุภาพ
๏ รับสารโอรสน้อยทูลถวาย
ชลนัยน์ไหลสืบสายหล่อเล้า
ผิดไปมาบรรยายทุษโทษ ถวิลนา
การใดพระลูกเจ้าธุระเราแต่สาม ฯ
๏ พ่อทูลชนนีด้วยคุมคำ ไปนา
ว่าบิตุรงค์เสน่ห์นำว่างว้าง
เร่งรักร้อนใจจำซ่อนเศร้า อยู่เฮย
คุณกลางเจ้าคะนึงบ้างถึงบ้างฉันใด ฯ
๏ เจ้าจ่าศรีสวัสดิ์แผ้วเกษมศรี อยู่ฤๅ
แม่ถ้าหมองกมลทวีโศกไห้
อรน้อยจงนำคดีดับเทวษ ชนกนา
ว่าพระพ่อสั่งไว้ไม่ช้าเทินสนอง ฯ
๏ อรเอยป่านนี้ได้ทูลสาร แลฤๅ
พธูเจ้ากมลบานฤๅแม่
บิดุรงค์ตริบวันสมานฤๅว่าง เว้นเอย
ยามผทมทอดเสน่ห์แหน้หลับเคลิ้มแรงฝัน ฯ
๏ ฝันว่าดาเรศน้อมถึงมือ
เรียมก็ชูประคองถือสว่างหน้า
งามยศยิ่งเรียมฦๅเชียรโชติ อึกแฮ
รักเสมอชีพขาดค่าสถิตไว้เคียงเขนย ฯ
๏ วานทูลชนนิศให้ทำนาย หน่อยรา
เหตุด้วยหนกระหายได้น้อง
ร้ายดีจงบรรยายร้อนโศก แม่เอย
พอให้พี่ปลดข้องขุ่นข้องสร่างโหย ฯ
             

ที่ ๕/๑๑ พระนิพนธ์

ร่าย

๏ สุริยันสันธเยศย่ำ ได้ฟังคำว่าวอน พิไรอ้อนรำพัน นี่แน่ขวัญนัยนา ดาวเป็นข้าดวงเดือน ฤๅจะเหมือนบุหลัน เห็นไกลกันกับนิมิต พี่ฟังผิดโสตสดับ พ่ออย่ารับคำพ้อง เลยพระน้องไปแจ้ง คำล้วนกล่าวกลอนแกล้ง คิดข้อยอคำ ฯ

โคลง ๔ สุภาพ
๏ อาวรณ์สุนทรพ่อจงจำ ทูลนา
พี่ใช่โหรทายทำนายถ้อย
สมเด็จบิดุเรศรำจวญเศร้า ใดฤๅ
แจ้งแต่จริงตนน้อยหนึ่งค่อยทายตาม ฯ
๏ ราตรินสุบินได้ดาวชม นั้นฤๅ
จักเสร็จสำเร็จสมแม่นแท้
เรือนทองห้องบรรทมแสนสนุก เสบยนา
ทายตามนิมิแก้ใช่แท้พยากรณ์ ฯ
๏ เจริญศรีสวัสดิ์ให้ทรงเจริญ
ขออย่ามีพระทัยเมินหมองไหม้
คงพระยศอยู่เพลินเกียรติยิ่ง ขจรแฮ
หมู่อรินทร์อย่าได้คิดร้ายฉันทา ฯ
             

ที่ ๘/๑๒ พระบวรราชนิพนธ์

โคลง ๔ สุภาพ
๏ ดูกรอาอรน้อยดวงตา พี่เอย
นำไปทูลเจ้าอาของเจ้า
ว่าพระพ่อสั่งมาตามถ้อย
ให้พระแม่คอยเฝ้าท่าเท้าเรือนคำ ฯ
๏ แล้วกลับไปแจ้งเรื่องบิดุรงค์
ว่าที่ทูลถวายจงตอบถ้อย
ในสารมาดาทรงพ้อพี่ มานา
ประทานโทษโปรดเทิดฉ้วยแก้ช้ำอีกคราว ฯ
๏ ไม่ทรงจงวอนเศร้าโศกา
ยกบาทใส่เกศาร่ำร้อง
ทูลว่าพี่สั่งมาโปรดช่วย
แม้นไปได้สารพร้องจักต้องรับขวัญ ฯ
             

ที่ ๙/๑๓ พระบวรราชนิพนธ์

โคลง ๔ สุภาพ
๏ ความเสร็จสำเร็จเรื่องแรมปี แม่เอย
สุขยิ่งสุขแสนทวีเตรือกเท้า
สุดเปรมสุดเกษมศรีแผ้วเทวษ แล้วแฮ
ใจแลใจใจเคล้าเสน่ห์เคล้าใจเจิม ฯ
๏ จักเฉลิมปรางค์มาศน้องเนาใน
ไกลก็สุดเต็มไกลลิ่วฟ้า
มาตรแม้นอัปสรไพชยนต์ทิพ แม่เฮย
ปิ้มจะได้เห็นหน้าฤๅช้าปีตรอม ฯ
๏ ใจผอมใจเผือดโอ้ครั้งใด นะแม่
ฤๅเท่าครั้งลิ่วไกลสู่หล้า
ใจร้อนเร่งร้อนใจร้อนยิ่ง ร้อนนา
ปิ้มไป่ม้วยมุ่งหน้าชาติโพ้นปองสมาน ฯ
๏ ฤๅนานอีกนัดครั้งสระสรง
พร้อมหมู่นาเรศทรงเรือเหล้น
ยลข่าวกริ่งพระสุนงค์หวั่นเทวษ เจียวแฮ
คอยแต่เงี่ยโสตเขม้นจนแม่เมือวัง ฯ
             

ที่ ๖/๑๔ พระนิพนธ์

โคลง ๔ สุภาพ
๏ ยินคำอมฤตรื่นโรยลง
โสตเสนาะเสาวนาทรงเพริกพร้อง
ฤๅทิพยบรรเลงองค์หัสเนตร นั้นฤๅ
มาประสานบทซ้องกันต้องเสน่ห์ปลง ฯ
             

ที่ ๑๐/๑๕ พระบวรราชนิพนธ์

กลอนดอกสร้อย
๏ เนื้อละมุนแอบอุ่นอุราพี่บรรทมเทิดภคินีแม่เฉิดโฉม
พี่จะถนอมกล่อมรสจำเรียงระโบมเชิญแม่โสมนัสสดับสุนทรฟัง
จะเริ่มปางแต่เมื่อครั้งแรกถ่ายจิตรจนแม่สถิตมาทีนาติกาหรัง
แล้วเผด็จรับน้องประเวศวังจนสมหวังดังที่ประสงค์เอย
      ฯ ๔ คำ ฯ
      
      
๏ เชิญขวัญขวัญเมืองแม่ไสยาสน์ลอออาสน์แต่งไว้บรรจงถวาย
พี่จะเทียมบรรทมน้องประคองกายมิให้สายสมรแม่พี่เอองค์
กว่าจะดับสูญสิ้นชีพิตพี่ไม่หน่ายหนีเด็ดรักหักประสงค์
แต่ล้วนสัตย์แม่จงจำนะคำคงเสมือนลงแผ่นสุวรรณบัฏเอย
      ฯ ๔ คำ ฯ
             
โคลง ๔ สุภาพ
๏ มาทับอุระพี่นี้น่อยรา
อย่าให้กระหนกาเลยนะน้อง
กลคืบดั่งมรรคายิ่งโยชน์ นะแม่
ชอบแต่เนื้อแนบต้องอุ่นโอ้เย็นทรวง ฯ
๏ แม่ห่างอรแนบเนื้อนาที หนึ่งแฮ
ยิ่งประหนึ่งแสนปีเตรียกเถ้า
บุญเพรงห่อนจักมีอุปถัม ภกนา
สดแต่ใจเจิมเจ้าฤหว้างเดียวดาย ฯ
๏ แม่เอยฤๅสบน้องสมสมร นี้นา
ปิ้มประหนึ่งชีพรอนจึ่งได้
ชาติโพ้นจงถาวรบุญส่ง ทำแฮ
ขออย่ารู้สวาดิไหม้เนิ่นช้าแรงครวญ ฯ
๏ ยามเย็นสุริเยศเยื้องอัสดง
ถวิลถึงพระสุนงค์จักเต้า
เฟี้ยมบาทสมมุติวงศ์เป็นนิจ กาลนา
กว่าจะเสร็จเวลาเฝ้าสร่างเช้าเทียมประทม ฯ
๏ สุริยนต่อตกเยื้อนขุนเขา อกเอย
เยือกสงัดเงียบเหงาเคยพร้อง
เวรใดโอ้อกเราจึงจาก พี่นา
กว่าจะวายทุกข์น้องยามหย้ำคืนวัง ฯ
๏ แม่เอยเมื่อเฟี่ยมเฝ้าบาทบงสุ์ อยู่นา
ใจพี่จอดใจจงสู่น้อง
แลฤๅแม่จำนงถึงพี่ บ้างฤๅ
ฤๅไป่นึกคะนึงข้องเคยได้ขบวนชม ฯ
             

ที่ ๗/๑๖ พระราชนิพนธ์

โคลง ๔ สุภาพ
๏ ไม่ออกปากได้แล้วอย่าถาม
ควรฤๅเก็บรื้อความมาว่า
ว่าบ้างจะว่าหยามแคะข้อ พี่เฮย
น้องนี้คร้านโอษฐ์อ้ารอบรู้เต็มทรวง ฯ
             

ที่ ๑๑/๑๗ พระบวรราชนิพนธ์

โคลง ๔ สุภาพ
๏ ใช่ฤๅพี่อำน้องได้ฤๅ
เหตุก็เพราะมอบถือบต้อง
แม่เอยครั้งไกลมือสุดเอื้อม จริงนา
จึงไป่ได้ขัดข้องอย่าได้คุมเคือง ฯ
             

ที่ ๘/๑๘ พระนิพนธ์

โคลง ๔ สุภาพ
๏ ช้ำจิตรเจ็บใจด้วยเย้ยหยัน นี้นา
ไหนว่าเอ็นดูฉันร่วมเนื้อ
ตรัสแต่ถนอมขวัญทุกค่ำ คืนนา
เออดั่งนี้น่าเชื่อเฉื้อแลฤๅควรตรอม ฯ
             

ที่ ๑๒/๑๙ พระบวรราชนิพนธ์

โคลง ๔ สุภาพ
๏ ฉันใดแม่จึงว่าเย้ยหยัน
ล้วนสิ่งจริงใช่สรรเสกแสร้ง
ตั้งแต่มุ่งถนอมขวัญสิบเจ็ด ปีนา
รักดั่งนี้ฤๅแกล้งผิดถ้อยคำใด ฯ
             

ที่ ๙/๒๐ พระนิพนธ์

โคลง ๔ สุภาพ
๏ รักจริงฤๅจักให้ช้ำคำ พี่เฮย
แท้ว่าร้อนแรงทำเทียบเหล้น
สวาดิน้องไยยังนำอดีตกล่าว เล่านา
สิ่งที่ข้อขอเร้นว่าไว้เดิมมือ ฯ
             

ที่ ๑๓/๒๑ พระบวรราชนิพนธ์

โคลง ๔ สุภาพ
๏ แรกรักรสรักร่วมแต่เริ่ม ชุมนา
จวบจนวันนุชเจิมสู่เหย้า
สวาดิใดฤๅเทียมเฉลิมเซี่ยวซึก เลยแฮ
เร้นแลแจ้งใครเหล้าถ้อเย้าแต่กัน ฯ
             

ที่ ๑๔/๒๒ พระบวรราชนิพนธ์[1]

๏ ประถมยามเข้าไปเฝ้าบรมบาท
พร้อมพระวงศ์เสนาพฤฒามาตย์ชาวมหาดราชนิกูลหมื่นพัน
แวงวังพระตำรวจโหราจารย์พลเรือนแลทหารอาสาสรร
เสด็จออกหน้าพระลานสนามจันทร์ราชกิจใครสำคัญสนองทูล
พระดำริโดยการจะรักษาขอบขัณฑเสมามไหสูรย์
ทุกขราษฎร์หญิงโดยนุกูลตริเสกเลขด้วยเป็นมูลการแผ่นดิน
แต่ประถมยามจนยามสองประวัติน้องมิได้ว่างวายถวิล
เห็นฟ้าแผ้วผ่องหล้าไม่ราคินดวงดารินฤกษ์ล้นนะภนพราย
ยิ่งกระสันนามพระน้องพี่หมองสวาดิใจจะขาดเสียแล้วนุชที่สุดกระหาย
เอะแล้วน้องจะประวิงกริ่งระคายว่าหนีหน่ายเนานางตำแหน่งใด
ด้วยแต่ก่อนเคยเป็นเล่นแชชู้ไฉนจะรู้นี่หาเป็นเช่นนั้นไม่
เพราะราชกิจดอกจึงผิดเพลาไปคิดจะใช้ใครไปแจ้ก็จนเจียว
ปานฉะนี้น้องพี่จะบ่นถึงจะคะนึงต่างต่างกระสันเสียว
จะตากเนตรเคร่าท่าอยู่แต่เดียวจะนึกเลี้ยวลดเล่ห์คะเนเคือง
รุมพิโรธโกรธพี่ไม่มีผิดมิตรจิตรจงดลจิตรช่วยปลิดเปลื้อง
ถ้าสำเร็จดำริตริกิจการเมืองบาทเบื้องคืนสู่มณเฑียรใน
พี่ไม่เนิ่นนั่งช้าชั่วพริบเนตรจะประเวศดลวังแถลงไข
แจ้งยุบลเสียให้สิ้นที่กินใจแล้วจะได้สู่ที่นิทรารมณ์
เทียรบรรทมให้สำราญสำเริงชื่นถึงดึกดื่นก็จะตากตาผงม
ระทมกายยังไม่หายที่บอบระบมจะผ่อนใจในเชิงชมให้บรรเทา
พอผินพักตร์ยลวังทีนั่งเย็นกระจ่างแสงบุหลันเห็นสกุณาเหงา
พิราบจับกับกนกบันเคล้าไยนะเจ้าแอบคู่อยู่ครางไย
แม้นตากฟ้าฝ่าลมอยู่อย่างพี่ไม่มีคู่เบียดเสียดสีจึงร่ำไห้
จะครึมครวญก็ควรให้สมใจคู่ก็มีนี่ไฉนจาบัลย์เอย
      ฯ ๒๔ คำ ฯ
             

ที่ ๑๐/๒๓ พระนิพนธ์[1]

๏ เอนกายก่ายนลาฏรำจวนถึง
จนยามสองฆ้องลั่นสนั่นอึงแสนคะนึงถึงพระพี่ไม่เนาวัง
แล้วจะมีราชกิจไฉนหนอฤๅตรัสจ้ออยู่กับใครไม่ห่วงหลัง
จะริเรื่องสตรีใดกระมังให้น้องตั้งหน้านับนาทีคอย
เสด็จมาน่าจะรู้อัชฌาสัยถ้ากระไรจะสะเทินเมินม่อย
แม้นทรวงสวาดิแต่ในน้องไม่เลื่อนลอยไหนจะให้โหยละห้อยถวิลนาน
พอเนาวังก็จะตั้งพักตร์สู่ห้องจะสำรวลชวนน้องเกษมศานต์
จึงถวายกลอนเล่นเป็นการให้ทรงสารทราไว้ในพระทรวง
เมื่อวันหน้าจะเสด็จจากห้องจะได้ตรองมิให้เนิ่นนานหน่วง
ราตรีแผ้วแล้วทูลวอนให้ชี้ดวงพระเคราะห์ล่วงเสวยฤกษ์ดาเรศใด
ก็ทรงชี้แนะให้ประจักษ์ว่านั้นพักตรเสริดมนเป็นไฉน
ทั้งยี่สิบเจ็ดนามนักขัตฤกษ์ไปสำราญใจกับพระพี่ยาเอย
      ฯ ๑๒ คำ ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

โครงการสมุดไทย ภาควิชาวรรณคดีเปรียบเทียบ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย [1]

เครื่องมือส่วนตัว