โคลงนิราศวัดรวก

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 04:58, 24 สิงหาคม 2553 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: หลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก)

เมื่อจุลศักราช ๑๒๔๗ (ปีระกา พ.ศ. ๒๔๒๘)

บทประพันธ์

ร่าย

๏ ศรีสฤทธิสมภพ นบทศนัขชุลี เหนือศีรุตมเพศ ตั้งอุเทศพิสุทธ โดยดุษฎีนิยม บังคมยุคลบท บงกลเรณูบาท บรมนารถโลกาจารย์ โอฬารลักษณเลิศ ประเสริฐสรรพคุณ สุนทรพิเศษ ธรรมมุเทศปริยาย อธิบายอรรถพิฐาร แนะนิพานมรรคา พาผองชัคคสัตว์ จัดพิถีอันชอบ มอบให้ซึ่งความศุข ปลุกใจสัตว์ให้ตื่น รื่นกระมลสำราญ นมัสการอริยสงฆ์ อัสฎงเพไนย ไกลราคอริมาร มีญาณยิ่งด้วยเพียร จิตรเสถียรโดยตรง ธำรงศีลบริสุทธ โดยพุทธพิธี มีมนินทรีย์ทรมาน สามสิ่งปานรัตนแว่น ส่องแผ่นภพให้แผ้ว แล้วด้วยคุณูดม ขอบังคมยุคลบาท ดิลกราชนฤบดินทร์ มหินทราธิคุณ สุนทโรดมมหันต์ จรรโลงภพพิสุทธ ทรงคุณุตโมฬาร ถ้วนสถานทุกประเทศ ยินพระเดชเกรงสยอง จองมะนะเคารพ นบถวายสุพรรณมาลย์ กรานศิรเกษน้อม ทั่วทุกหน้าพร้อม ห่อนค้างขวบปี หนึ่งนา ฯ

๏ กฤษฎางค์ชุลิตน้อมนอบกร
ถวายทศนัขบวรหว่างเกล้า
สามส่วนสถาพรพิริยภาพ เพ็ญแฮ
ควรอนุ์สรค่ำเช้าแช่มช้อยชื่นกระมล ฯ
๏ นบจอมมกุฏเกล้าโลกา จารย์เอย
สามภพพระคุณปรากฏล้ำ
กินรนาคมนุษย์ทานพแทตย์
อากาศสัตว์สถลน้ำนอบเกล้าสรรเสริญ ฯ
๏ นบธรรมแปดหมื่นทั้งสี่พัน
คือพระปริยัติธรรโมทย์แท้
เสนาะโสตรกล่อมใจสรรพสัตว์เสพย์ ศุขฮา
แจ่มกระจ่างจิตรแก้เคลิบเคลิ้มกังขา ฯ
๏ คุณพระยิ่งแว่นแก้วเถกิงตรี โลกเฮย
สว่างยิ่งแสงสหัสสีส่องฟ้า
ขนสัตว์ข้ามโอฆีย์คตฝั่ง เกษมแฮ
ตลบตลอดเลอหล้าเลิศล้ำเหลือแสดง ฯ
๏ นบอัษฎาริกแผ้วภูลเสถียร
สราพกพุทธพงศ์เพียรเพียบล้ำ
ดัดจิตรผจงเจียรจากราค ร้อนแฮ
ผดุงพุทธสาสนค้ำคัดขึ้นควรชม ฯ
๏ สามรัตนยิ่งรัตน์โพ้นพรรณา
สามภพแผ้วอาภาผ่องพื้น
ควรสัตว์จักคัณหาอนุ์สร แน่แฮ
พากย์ฦกยิ่งฦกตื้นยิ่งตื้นตามประสงค์ ฯ
๏ น้อมบาทอิศวเรศไท้ธรณินทร์
ดิลกอโยธโบรินทร์รุ่งเร้า
จรรโลงภพปรถพินสมภพ ยิ่งแฮ
ถวัลยราชร่มเกล้าราษฎร์ถ้วนทวยผอง ฯ
๏ เรืองพระเกียรติ์รุ่งเร้าดินบน
พระยศพระจบสกลเกริกพื้น
พระคุณพระแผ่ผลเผยศุข เกษมแฮ
พระเดชพระเฟื่องฟื้นฟ่องฟู้ฟูขจร ฯ
๏ พระคุณพระยิ่งล้ำเลอสรรค์
ขจบขจรบรรเจิดหล้า
ควรส่ำราษฎรสรรเสริญเพิ่ม ยศแฮ
ขอพระชนม์พระคู่ฟ้ายศฟุ้งเฟื่องฉเมนท์ ฯ
๑๐
๏ พระเดชพระปกป้องปัดเข็ญ
ทุกประเทศสถิตย์เย็นค่ำเช้า
พระคุณพระใหญ่เปนธิปัตยโลก เฉลิมแฮ
แผ่ศุขเศกเทริดเกล้าราษฎร์สิ้นแสนเกษม ฯ
๑๑
๏ มวลหมู่อมิตรม้วยมอดมรณ์
ทั่วส่ำด้าวดัษกรแก่นแกล้ว
สดับพระเดชเกรงสยอนสยบภักตร์ พ่ายแฮ
น้อมหิรัญมาศแก้วเกษก้มกรถวาย ฯ
๑๒
๏ ควรเทพย์แปดทิศซร้องสรรเสริญ พระนา
อวยสวัสดิยศเพลินเพริดล้ำ
ข้อยขอศิริเจริญจฤรศุข เกษมแฮ
บำราศอริอย่ากล้ำเกลือกใกล้เกลื่อนเข็ญ ฯ
๑๓
๏ ชมพรทุกเทพย์ท้าวเทวา ทั่วเฮย
จัตุรคุณโอฬาริกไซร้
พำนักเกิดก่อกายายิ่ง ใหญ่แฮ
ขอจุ่งอวยสวัสดิ์ให้ผ่องพ้นไภยไกษย ฯ
๑๔
๏ ไชยไชยรัตนแผ้วเพ็ญภูล เพิ่มแฮ
เดชเดชขัติยดูรดับร้อน
คุณคุณยิ่งคุณปูนใดเปรียบ เสมอฤๅ
ศุขยิ่งศุขเพิ่มซ้อนสวัสดิพู้นพรรณา ฯ
๑๕
๏ ร่ำเริ่มพจนพร้องพรขอ
ร่ำพระคุณฤๅพอผ่อนบ้าง
ร่ำทั่วทุกเทพย์ยอกรยก ไหว้แฮ
ร่ำโศกเริ่มเศร้าร้างเริศไร้รัญจวน ฯ
๑๖
๏ ร่ำปางจากถ้าวัดรวกขนาน นามนา
พิลาปสลดจิตรปานป่วยปิ้ม
กำสรวญเสนาะสนั่นสารสั่งเสน่ห์ นางแฮ
ทรวงเจ็บเพียงศรจิ้มจ่อไส้เสียดสมอง ฯ
๑๗
๏ อกเอยอกจากเมื้อใดกลับ เล่านา
ตั้งแต่จะเลยลับล่วงแล้ว
โออกจะนานนับวันห่าง
สายเนตรสองเนตรแพร้วพรั่งน้ำตาคลอ ฯ
๑๘
๏ จำลาท่าอุทกโอ้อาไลย ยิ่งนา
ท่าจะลับล่วงไกลกลับช้า
สงสารเพื่อนเรือในแนวท่า จอดแฮ
ลาเพื่อนจำลาถ้าอุทกร้างแรมจร ฯ
๑๙
๏ เผ่าเผ่าดวงมนัศร้อนรมสกนธ์
กายจากจิตรกังวลวาบว้า
โหกห่วงกระโหยหนหวนสวาดิ์
ผิวเผือดสลดหน้าซบเศร้ากำสวรญ ฯ
๒๐
๏ ท่าเอยเคยอาบโอ้จักไกล
สินธูเยือกเย็นใสสอาดล้ำ
แต่นี้จะอาบไหนอีกเล่า
ภักตร์จะอาบแต่น้ำเนตรเศร้าโทรมทรวง ฯ
๒๑
๏ เล็งเพื่อนริมท่าท้องธารศินธุ์
ชลเนตรเรียมไหลรินร่วงหน้า
ทบทอดฤไทยถวิลถอนเทวศ วายฤๅ
ร่ำโศกเห็นจะช้าไป่สิ้นทรวงกระสัน ฯ
๒๒
๏ โอจวนสุริเยศเยื้องยาตรบด บ่ายแฮ
แสงอ่อนรังษีสลดเลื่อนฟ้า
ทรวงเรียมยิ่งรันทดทกข์ทอด ใจฮือ
ฉวยพัตราปิดหน้าซับน้ำเนตรพลาง ฯ
๒๓
๏ จำใจจำเร่งให้นายเกวียน เร็วแฮ
เทียมกระบือชำเนียนแนบชู้
ของบรรทุกเรือนเกวียนดูเพียบ ภูลแฮ
แต่ละนายล้วนผู้ฉลาดใช้ชาญกระบือ ฯ
๒๔
๏ นายเกวียนครั้นเสร็จแล้วเตือนเรียม เร็วฮา
สดับศัพท์ฤดีเกรียมเทวศไห้
ป่วนปวดมโนเทียมวรรณโรค เจียวแม่
พลางจากนาเวศไคล้คลาศถ้าถิ่นสินธุ์ ฯ
๒๕
๏ ลุเกวียนเรียมเร่งให้เกวียนลี ลาศเฮย
ยลยุคกระบือพีผ่องผู้
อวบอ้วนพลังมีมากยิ่ง
นายขับชำนาญรู้รหัดใช้เชิงเกวียน ฯ
๒๖
๏ เกวียนเอยเกวียนหนักด้วยของบรร ทุกแฮ
เกวียนก็มีกงหันหกกลิ้ง
ทรวงพี่หนักโศกสัลย์สุดหนัก ยิ่งนอ
ยากจะผ่อนทุกข์ทิ้งทอดไว้ไหนดี ฯ
๒๗
๏ ลุน่าวัดรวกแล้วลังเล จิตรเฮย
ทรวงพี่สุดโรเรรักไร้
หลาวรวกสิบแสนเทแทงอก พี่ฮา
เจ็บไป่เท่าโศกไซร้เสียดซ้ำทรวงเรียม ฯ
๒๘
๏ น้อมถวายชุลิตนิ้วนมัสการ
เคารพนาวาศสถานถิ่นนั้น
นึกคุณพระจอมญาณยอดภพ
ขอพระคุณพระกั้นค่อยพ้นไภยไกษย ฯ
๒๙
๏ ไพหารุโบสถล้อมกำแพง แก้วเฮย
แปดทิศสิมาแสดงเขตรชี้
โอแต่โบถขันแขงเขื่อนรอบ บังแฮ
นุชพี่อยู่เรือนนี้จักได้ใดบัง ฯ
๓๐
๏ เดชกุศลแห่งข้านมัสการ
โดยกระมลใสสานต์สุทธพร้อม
ขอส่วนกุศลจานเจือส่ง เกษมแฮ
ป้องนุชอยู่เรือนห้อมอย่าให้ไภยพาน ฯ
๓๑
๏ เสร็จลาวัดรวกร้างรีบจร
สู่เขตรมรรคันดรทุ้งกว้าง
ลิ่วลับสุดาสมรมามาก แล้วแม่
อกพี่โออ้างว้างเทวศว้าเหว่ใจ ฯ
๓๒
๏ ยลเพื่อนพาหนะพ้องภูลเกษม
สนุกสนานปรีดิ์เปรมปริ่มพริ้ม
เรียมนึกคนึงเอมโอชรศ รักแฮ
จิตรวิโยคจำแย้มภักตร์แก้กันเขิน ฯ
๓๓
๏ โฉมเอยโฉมนุชเจ้าสายใจ พี่ฮา
เรียมนิราศรักไกลเนิ่นแล้ว
ปานนี้นุชเปนไฉนยังห่อน ทราบเฮย
ใครจะถนอมแนบแก้วกกน้องนอนหนอ ฯ
๓๔
๏ โออกลุทุ่งว้างวังเวง ยิ่งเฮย
ลิบลิบตลอดเลงลิ่วลิ้ว
นึกว่าเพื่อนกรรมเพรงจำพราก มานา
จิตรสดุ้งริ่วริ้วเร่งเร้ารนถวิล ฯ
๓๕
๏ ลุทุ่งบงฝุ่นฟุ้งฟูปลิว
พายพัดกระพือทิวย่าโย้
เสนาะสนั่นหวิวหวิวโสตรแว่ว
ฟังยิ่งวังเวงโอ้อกช้ำชวนกระสัน ฯ
๓๖
๏ ยลเกวียนเกวียนไกว่ล้อแลหมุน กงเฮย
กลิ้งตลุบหลุนหลุนฟัดเฟ้น
สงสารกระบือซุนสอหนัก แอกโอย
ทรวงพี่หนักโศกเน้นแน่นซ้อนสุดขยาย ฯ
๓๗
๏ ยลทุ่งเห็นทุ่งแห้งหาชล ยากฮา
ทุ่งแยกระแหงสกลกอกก้อน
ตฤณชาติ์เฉกลนเพลิงสลด สลึกแฮ
ทรวงพี่โอสุดร้อนยิ่งร้อนแสงสูรย์ ฯ
๓๘
๏ เรียมรีบจรเร่งเต้าดาลกระสัน
ปางพี่จากฤๅทันสั่งน้อง
คิดยิ่งคิดคนึงขวัญเนตรพี่
โฉมแม่เนาเรือนป้องป่านนี้เปนไฉน ฯ
๓๙
๏ เพรงไป่เคยจากเจ้าเสมอนา ทีเลย
อรวิบัตินี้คลาคลาศแก้ว
ขนิษฐ์นาฏอรยุพาเพ็ญภักตร์
ตั้งแต่จากนุชแล้วพี่นี้ฤๅเสบย ฯ
๔๐
๏ ครวญครวญจรลุล้ำเลาทาง
ลุย่านศาลากลางทุ่งนั้น
นามสระประโคนปางก่อนชื่อ ชี้แฮ
ดูกระโซกกระเซกั้นเก่าแล้วโกรงเกรง ฯ
๔๑
๏ ศาลาเอยเก่าไร้โรยรา
นุชพี่เอยร้างมาเนิ่นแล้ว
เวรเพรงพรากจำคลาคลาศสวาดิ์
จิตรไป่วายห่วงแก้วเนตรน้องเนาหลัง ฯ
๔๒
๏ ผองเพื่อนยุรยาตรย้ายยลสนุก ยิ่งแฮ
อกพี่กรอมกรมทุกข์ทับซ้ำ
ชลเนตรชโลมมุขหมองยิ่ง หมองนา
จิตรเจ็บเจียนชีพก้ำกึ่งม้วยมรณา ฯ
๔๓
๏ บ่ายบทเบือนบาทเยื้องยาตรเทา
จำย่างยกเยาเยายาบย้าย
นึกนุชทุกลำเนาเนินพฤกษ์ ไพรแฮ
จิตรป่วนปานคลั่งคล้ายเคลิบเคลิ้มจำคลา ฯ
๔๔
๏ เรียมล่วงจรลิ่วล้ำลับนาง
โออกเราจำวางนุชไว้
แต่เดียวอยู่เรือนรางเห็นเหตุ เลยแม่
ทุกข์ศุขเจ้าจักได้เพื่อนน้องไหนหนอ ฯ
๔๕
๏ ปานฉนี้จักป่วยปิ้มเปนไฉน เล่านา
ฤๅจะเคร่าครวญใครปลอบบ้าง
โศกศุขจักกลใดยังห่อน ทราบเอย
ตั้งแต่วันเรียมร้างไป่รู้วายตรอม ฯ
๔๖
๏ ตรองตรึกนึกตรวจหน้านุชใน ใจเอย
ภักตร์แม่ผ่องจากไฝฟ่าแต้ม
ริมโอษฐนุชเพียงใบกลีบกมุท มาศแฮ
ปรางเปล่งเปนใยแย้มยั่วยิ้มยวนกระมล ฯ
๔๗
๏ ตรมตรอมเกรียมจิตรให้โหยหิว
ทรวงพี่ป่วนปั่นหวิววาบว้า
เหลือบหลังพบแต่ทิวทุเมศ มากแฮ
อกที่โอ้ห่างหน้านุชแล้วไป่เห็น ฯ
๔๘
๏ เรียมเซาซบภักตร์ก้มจำจร
เหนื่อยร่างเหนื่อยราครอนรักไร้
กามก่อกอกอกชอนชอกยิ่ง หนอกนา
เจ็บโศกเศกเสมอใบ้บอกแก้ความฝัน ฯ
๔๙
๏ ปวงเพื่อนสพรักพร้อมพรูเดิน
ยลสนุกสนานเพลินเพลิศล้ำ
เรียมเดียวฤแดเขินขวยจิตร
โศกไป่วายว่างน้ำเนตรคล้อคลอสาย ฯ
๕๐
๏ ยลทุ่งกลางทุ่งว้างไหวใจ
ลิบลิบระรำไรรกเรื้อ
ยลส่ำพิหคในแนวทุ่ง
เขาคุ่มคับแคเจื้อจาบร้องเริงเสียง ฯ
๕๑
๏ ยางกรอกยางเจ่าร้องคอยหา เหยื่อแฮ
จับซุ่มเซิงพฤกษาซอกซุ้ม
กระตั้วกระเตนพารโดกกู่ คู่เฮย
ดุเหว่าติวิดลุ้มเหยี่ยวไหล้บินหนี ฯ
๕๒
๏ นกเอยอยู่ทุ่งกว้างยังมี เหยี่ยวแฮ
ปองลอบทำลายชีพิตรได้
นุชพี่อยู่เอกีเจียวแม่
เกรงแต่ชู้จักใกล้กล่อมน้องแนบถนอม ฯ
๕๓
๏ ใจนุชฝากนุชไว้กลางใจ ด้วยแม่
ดีชั่วฤๅเช่นไหนย่อมรู้
ฤๅนุชจะเอาใจจากพี่ เล่าแม่
สุดแต่บุญกรรมขู้ทร่างแล้วคงตรง ฯ
๕๔
๏ เรียมจรล่วงทุ่งแล้วแลลับ เล่านา
จวนสุริยอัษฎงค์ดับแด่นฟ้า
มืดเมฆชมัวอับอากาศ
จวบลุบางโขมดอ้าอกโอ้อาดูร ฯ
๕๕
๏ ลุบางโขมดมืดสิ้นแสงสูริย์
เกรงโขมดจักพายูรยั่วเหล้น
เรียมตกประหม่าภูลเพิ่มเทวศ ยิ่งแฮ
จิตรพี่ตึกตึกเต้นเผ่าร้อนรนทรวง ฯ
๕๖
๏ บางโขมดกลัวโขมดโอ้จักหลอน หลอกฤๅ
โขมดช่วยพาเรียมจรจวบน้อง
พอทราบเหตุแห่งสมรสักน่อย เถิดนอ
นุชจะเนานิทรห้องแห่งนั้นฤๅไฉน ฯ
๕๗
๏ โขมดเอยฟังค่อยง้องอนวิง วอนแฮ
ฤๅม่าห์โขมดไป่สิงทุ่งนี้
โขมดบอกโดยจริงอย่าหลอก เลยพ่อ
นุชพี่มาจุ่งชี้ช่วยแจ้งความศัลย์ ฯ
๕๘
๏ ว่าเรียมล่วงทุ่งล้ำลำเนา เนินแฮ
ทรวงพี่เพียบโศกเซาซบเซ้า
ร่ำรักห่อนลืมเยาว์ยอดเสน่ห์ เลยแม่
โขมดอย่าลืมเราเร้าร่ำซ้ำสั่งสาร ฯ
๕๙
๏ สั่งเสน่ห์โขมดแล้วลีลา
พร้อมพวกจรนต์จรารีบเต้า
สู่ลแวกวิถีกานนทุเรศ
พอสุริยอัษฎงค์เก้าล่วงฟ้าฟากโพยม ฯ
๖๐
๏ เล็งดวงสุริเยศแปล้ปลาบสาย เนตรนา
ยิบยิบระย่อปลายพฤกษพร้อย
เพียงพรรณทับทิมรายราวป่า
งามเงื่อนแพรสีห้อยบ่าน้องเสนอโฉม ฯ
๖๑
๏ รอนรอนจวบลับไม้รำไร
เลื่อนลิ่วเหลี่ยมไศลลับฟ้า
สุริยจากโลกไปปาตกลับ คืนแฮ
เรียมนิราศนุชหน้าหนึ่งน้องนางเห็น ฯ
๖๒
๏ ค่ำฝูงวิหคเข้าคืนรัง
นิทรร่วมภิรมย์หวังวาศชู้
เรียมบำราศนุชยังนานกลับ คืนแม่
ฤๅห่อนจักได้รู้ร่วมน้องวันไหน ฯ
๖๓
๏ ฝูงนกแนบนิทรไม้นานา
เขาคุ่มขาบประสาแสกไสร้
ทิ้งทูดกระทากาลิงแขก เต้าแฮ
บ้างจับบ้างจิกไซร้ปีกซร้องเสยขน ฯ
๖๔
๏ ดุเหย่ามยุเรศแก้วดกญจา
ตีวิดตระเวนหาเหตุร้อง
กรอดกรอดระวังอารญร่ำ ร้องแฮ
เสนาะสนั่นนกก้องเกาะไม้รายรัง ฯ
๖๕
๏ สิ้นแสงสุริเยศคลุ้มไพรชมัว มืดแฮ
มวลเมฆขมุกขมัวหมอกชอุ้ม
โพล้เพล้พลบเรียมกลัวใจสั่น เสียวแฮ
เจริญพระพุทธมนต์กลุ้มกล่าวเพ้อเพื่อนตน ฯ
๖๖
๏ นางชนีเหนี่ยวไม้โหยครวญ
วิเวกวะหวิวหวนโหกไห้
เสียงเย็นวิโยคยวนเยือกจิตร จริงแม่
ฟังละห้อยใจไคล้นุชร้องวอนเรียม ฯ
๖๗
๏ ชนีไฉนร่ำร้องเรียกผัว
วอนสวาดิ์ฤๅกลัวบอกบ้าง
ฤๅว่าพลัดอยู่ตัวเดียวแม่ กูเอย
ชนีกับอกเรียมร้าง รักไคล้เช่นกัน ฯ
๖๘
๏ ชนีโหยแกพี่ไห้หานาง
พิลาปสลดจิตรหมางม่อยม้วย
จรบรรจวบลุกลางดงดึก แล้วแม่
เรียมไป่วายนึกสร้อยสวาดิ์น้องเนาหลัง ฯ
๖๙
๏ ยามดึกเดือนเด่นฟ้าแฝงโพยม
นึกสมรแมกโฉมฉากกั้น
เรียมลอบมาลักโลมเผดิมฤกษ์ รักแฮ
นุชประหม่าเรียมนั้นนึกแล้วฤๅลืม ฯ
๗๐
๏ ดาวเดือนระดับพื้นนภา
โอภาศผ่องเพหาพร่างพร้อย
นึกวันฤกษ์วิวาห์เรียมร่วม สวาดิ์แฮ
โคมจุดตรูระย้าย้อยแต่งห้องแขวนหอ ฯ
๗๑
๏ ปางนี้เรียมจักได้ชมใด เล่านา
ยลแต่ดวงแขไขขอบฟ้า
ชมดาวประดับในอากาศ เทอญพ่อ
ชมแต่เดือนแทนหน้าหนุ่มน้องคราวจน ฯ
๗๒
๏ ดูเดือนยามด่วนโอ้อาทร
โฉมแม่พักตร์เพ็ญสมรมิ่งเจ้า
แม่จักนับเดือนทอนทุกค่ำ คืนเฮย
ฤๅจะละลืมเศร้าศุขด้วยใครไฉน ฯ
๗๓
๏ เรียมคิดทุกถิ่นเมื้อมรรคา
จักสืบจักสื่อหาข่าวน้อง
ด้วยเรียมทุราทาเรศเนิ่น แล้วแม่
ยังไป่ทราบเหตุซร้องสักน้อยในสมร ฯ
๗๔
๏ เรียมดลแดนถิ่นนี้นามขยาย แล้วแฮ
เรียกชื่อบ้านไร่รายรกรื้อ
ศาลาบอกชื่อหมายมรรค์รยะ ทางนา
ไร่จักหาของซื้อสิ่งน้อยฤๅมี ฯ
๗๕
๏ เรียมเลยไป่อาจเข้าถามของ
เกรงว่าพวกไร่จองจับไว้
เพราะว่ามืดจักมองทางยาก ยิ่งนา
เรียมรีบจากไร่ไคล้คลาดด้วยโดยพลัน ฯ
๗๖
๏ บ้านไร่ชาวไร่ร้างแรมนาน
ยังแต่ซากไร่ขนานชื่อรู้
นุชพี่อยู่เรือนชานหลังโดด เดียวแม่
ฤๅจะสมชู้ชู้สละแล้วเรียมคืน ฯ
๗๗
๏ ยิ่งนึกยิ่งแปลกน้ำใจจริง
สามสิบสองกลหญิงยากแท้
หากว่าเช่นนี้จริงจักเจ็บ ยิ่งนา
ผิดก็กลกลแก้ต่อด้วยกลนาง ฯ
๗๘
๏ คิดจนจรล่วงล้ำลำเนา ทางเฮย
ยังไป่วางคนึงเสาวนิศน้อง
ผิวยอดยุพเยาว์เสน่ห์พี่ มาฮา
คงจะพาเรียมซร้องสนุกด้วยดูไพร ฯ
๗๙
๏ อกเอยอนาถโอ้เอกา กายเอย
เห็นแต่ไพรพฤกษาซอกซุ้ม
แสงจันทร์กระจ่างอากาศผ่อง แผ้วแฮ
เงากาศทงุ่มงุ้มพี่ชเง้อหานาง ฯ
๘๐
๏ หมายสมรจักแมกไม้มาคอย เรียมฤๅ
จิตรหวาดผวาถอยถดถ้า
พบไต่พฤกษไพรดอยแดนชัฎ
เสียวสลดลดหน้านิ่งแล้วเลยจร ฯ
๘๑
๏ ลุศาลาใหม่ชี้นามศัพท์ เสนอแฮ
ใหม่ชื่อศาลายับโยกโย้
ระเบียงฝาฟากพื้นปรับเปรียบปลวก กินฤๅ
ยังแต่ต้นเสาโอ้ปักไว้วังเวง ฯ
๘๒
๏ ศาลาเสาแก่นตั้งติดดิน
โอไป่ควรปลวกกินกัดได้
นุชพี่จักควรถวิลหวังห่วง เสน่ห์นอ
เรียมก็ไกลใช้ใกล้เกลือกชู้ชิงสงวน ฯ
๘๓
๏ เป็นห่วงเหตุห่างน้องนางนาน
ฤๅว่าชายลอบสมานมั่งแล้ว
ใครเลยจักเอาภารพิทักษ์เสน่ห์ เรานา
ใจพี่ฝากใจแก้วเนตรไว้หว่างใจ ฯ
๘๔
๏ บุญโทพิทักษ์เกื้อกันมา
กอบก่อเสนหาร่วมห้อง
เผด็จไพรุบัติหาเหียรห่าง ยิ่งแฮ
ผดุงอนุชไว้ต้องแต่ข้อยคู่ถนอม ฯ
๘๕
๏ ร่ำพลางเร่งเพื่อนให้รีบเดิน
ในพนัศผลูเถินถิ่นกว้าง
แจร่มแสงศศิเจริญราวป่า
อกพี่ว้าเหว่ว้างเทวศเพี้ยงผุยผง ฯ
๘๖
๏ อ้าอรอุ่นอกโอ้เรียมมา
ลิบลับจักเหลือบหาแห่งบ้าน
พอสั่งเสน่ห์สารทาเรศอยู่ หลังแฮ
พบแต่หมู่ไม้ก้านกิ่งต้นเต็มผลู ฯ
๘๗
๏ มืดค่ำเรียมไป่รู้ยลใด เล่านา
ถนัดแต่กอไผ่ไสววาบว้า
ไป่โยกยอดไผ่ไกวลำเบียด ดังแฮ
ซอไผ่เพียงซอท้าเอกทุ้มทำนอง ฯ
๘๘
๏ เรียมงงชงักยั้งฟังศัพท์
นึกแม่สาวเสน่ห์ขับกล่อมห้อง
วันวิวาห์เรียมรับนุชร่วม หอแฮ
เรียมนิทรแนบน้องสนิทเนื้อเหนือเตียง ฯ
๘๙
๏ บงบัตรรัเบียบไม้รายทาง
ถนัดเมื่อศศิสางส่องพื้น
กิ่งก่ายระกะกางกลดัด ดีเฮย
รุกขชาติ์ไม้ชื้นพี่ช้ำทรวงตรอม ฯ
๙๐
๏ บรรลุบ่อโศกโอ้อกกรม
แสนบ่อโศกฤๅสมโศกร้าง
บ่อเอยบ่อโศกระทมทุกข์โศก ใดนา
วานบ่อบอกโศกบ้างบ่อเศร้าโศรกไฉน ฯ
๙๑
๏ บ่โศกนามย่านนี้โศกนัก
บ่อโศกเสมอจักขาดน้ำ
เรียมบำราศรักหนักอกโศก ยิ่งนา
ถนัดบ่อโศกโศกซ้ำโศกซ้อนเสียดทรวง ฯ
๙๒
๏ บ่อโศกต้นโศกครึ้มครึมเครือ
คลุมบ่อบ่ได้เหลือลับลี้
โศกบ่อโศกต้นเจือเจ็บโศก เรียมฮา
สามโศกถนัดชี้เช่นช้ำทรวงเรียม ฯ
๙๓
๏ เห็นโศกใครโค่นต้นตัดใบ
ฤๅว่าโศกใครไขข่าวแจ้ง
เรียมนึกโศกกลางใจรฦกจาก เจ้านา
กลกับกิ่งโศกแห้งหักค้างจำตาย ฯ
๙๔
๏ เรียมโศกจากนุชแล้วฤๅพอ
ยังเพิ่มพบโศกกอกิ่งร้าง
โศกตายติดแต่ตอตัดท่อน ทิ้งเฮย
ดุจพี่เด็ดโศกคว้างคว่างไว้ไกลตา ฯ
๙๕
๏ วังเวงสวาดิ์โอ้อาทวา
นึกอนาถขนิษฐาทอดไว้
จากอรแอบอกอาดูรพี่ วายฤๅ
รฦกรลวงลานให้โหกเพี้ยงวายปราณ ฯ
๙๖
๏ รีบจากบ่อโศกไคล้คลาเดิน
นึกอกเรียมแรมเหินห่างน้อง
ขวัญเนตรแม่เคยเชิญชวนพี่ เพื่อฮา
เคยประคองเข้าห้องทุกเมื้อยามนอน ฯ
๙๗
๏ เรียมมาจรล่วงล้ำลำเนา เนินเฮย
เซียบสงัดหงิมเหงาเงียบพื้น
ทรวงพี่ยิ่งกำเดาดาลเทวศ วายฤๅ
บงแต่ใบไม้ครื้นครึ่นต้นเต็มไพร ฯ
๙๘
๏ พอดลดงโอบโอ้จวนดึก
เล็งลแวกวลีพฤกษ์พรั่งต้น
ดามเฌอชัฎอธึกทุมชาติ์ ชุมแฮ
เรียมตลึกแลค้นคู่สร้างสาวสมร ฯ
๙๙
๏ ดงโอบนามกล่าวอ้างอธิบาย
นึกพี่เคยโอบสายสวาดิ์เคล้า
นุชเคืองข่วนรายกายรอยเล็บ มีแม่
โกรธว่าพี่หยอกเย้าหยิกให้หนำใจ ฯ
๑๐๐
๏ ยามแอบเคยโอบโอ้อาลิงค์ โลมแฮ
กรปัดป้องกระบวนหญิงยั่วชู้
รมย์รศร่วมรักจริงใจนุช ชอบนา
เรียมนึกตระหนักรู้รศน้องในใจ ฯ
๑๐๑
๏ ใดเรียมเคยโอบน้องเนาตัก
ผจงเสน่ห์นางผลักพลิกแค้น
นึกยังอุ่นกรหนักเพลาพี่ เจียวแม่
กลิ่นแม่ยังติดแม้นเมื่อครั้งวันสงวน ฯ
๑๐๒
๏ กลางดงประดาษโอ้อกเรา
เล็งลดาทอดเถาโอบไม้
สนมสนิทกลมเกลาเกลียวแน่น
กลกับเรียมร่วมใกล้กล่อมอุ้มโอบนาง ฯ
๑๐๓
๏ ดงโอบจักโอบอุ้มแอบใคร เล่านา
ถนัดทุมาลย์หมู่ไสวว่างว้าง
เสนาะจักรจั่นไพรเพรียกยอด ยางเอย
เสียงสนั่นดงกว้างเรียกก้องกลางไพร ฯ
๑๐๔
๏ เรไรระเรื่อยร้องรัญจวน จิตรเอย
หริ่งหริ่งระรี่หวนแหบร้อง
ฟังจับหระมลยวนยิ่งยิ่ง เสนาะนา
แส้ศัพท์ลองไนก้องกึกพื้นเพียบพนา ฯ
๑๐๕
๏ สรรพสัตว์สรรพแซ่ซร้องสำเนียง
จังหรีดกรีดเกริ่นเสียงซรอกซุ้ม
เรียมสดับหมอบเมียงมองแมก ไม้นา
นึกนุชแอบสุมทุ้มถนัดร้องเรียกเรียม ฯ
๑๐๖
๏ กำเดาแดด่วนไคล้คลาจร
แสนโศกคนึงสมรแมกเนื้อ
เจ็บจิตรยิ่งหนามชอนไชอก เรียมเอย
เรียมแต่บำราศเรื้อรักร้างฤๅเสบย ฯ
๑๐๗
๏ โอสายสุนทรยอดสร้อยสงสาร พี่เอย
ทาเรศรัตนดวงมาลย์มิ่งแม้น
อัปศรรูปฤๅปานโฉมนุช หนึ่งนา
บำราศนุชเรียมแค้นคิดแล้วเคืองเวร ฯ
๑๐๘
๏ รวยรศบุบผชาติ์ชื้นชายดง
มลุลีกาหลงเกษแก้ว
สายหยุดประยงค์ชงโคกลิ่น ตลบแฮ
ปีบป่ากล้วยเต่าแต้วดอกช้อยชูผกา ฯ
๑๐๙
๏ กล้วยไม้อังกาบอ้อยอิภไพร
บุนนาคลำดวนไสวหว่างพื้น
ส่งกลิ่นตลบในแนวป่า
กลรศประทิ่นชื้นชุบผ้าห่มสมร ฯ
๑๑๐
๏ บุบวาเผยกลิ่นฟุ้งตามลม
เฉกรศสุคนธฉมฉาบหน้า
รลุงรลึกลานตรมตรอมเสน่ห์ นางเอย
กลกับกลิ่นสไบผ้าร่ำน้องห่มรเหย ฯ
๑๑๑
๏ ทองกวาวบานกลีบต้องแสงเดือน
สีสดสอาดเหมือนแสดผ้า
สบจักษุเศกเตือนตึกพเนก นองแฮ
ลานตลึงรฦกหน้านุชแล้วขวัญหาย ฯ
๑๑๒
๏ คิดนุชทุกย่านย้ายยาตรทาง
ตลอดวิถีฤๅขนางหน่ายน้อง
กรานเกริ่นกระโหยกลางดงโดด เดียวแม่
เคืองแต่เวรใดต้องจากเจ้าจรฉงาย ฯ
๑๑๓
๏ ดลศาลาชื่อเจ้าเณรนาม เสนอแฮ
เรียมคิดฉงนถามเหตุพร้อง
เขากล่าวแสดงความเพรงเล่า มาแม่
ว่าพยัคฆ์ตัวใหญ่จ้องขบคั้นกินเณร ฯ
๑๑๔
๏ สงสารเณรชีพม้วยมรณา
แสนอนาถหนักหนานึกบ้าง
เออเณรไป่ควรพาฬ์พยัคฆ์ขบ เคี้ยวฤๅ
นึกว่ากรรมก่อนสร้างสิ่งนี้หนอเณร ฯ
๑๑๕
๏ เณรเอยเสือฆาฏคั้นจำตาย
พ่ออย่าเสียใจหมายภาคหน้า
นึกปริตยาคกายแก่พยัคฆ์ เทอญพ่อ
โอแต่ตัวของข้าไป่รู้วันตาย ฯ
๑๑๖
๏ ขลาเอยไป่คิดบ้างเวรกรรม ไรฤๅ
ขบฆ่าคาบเณรสำเหนียกรู้
ฤๅไป่ทราบจึ่งทำประทุษโทษ ท่านแฮ
ฤๅว่าเณรนั้นผู้ประมาทแล้วจึ่งทำ ฯ
๑๑๗
๏ แต่เณรศีลสิบป้องปกกาย
พาฬพยัคฆ์ยังหมายภักษ์ได้
นุชพี่อยู่เกรงชายจักลอบ โลมแฮ
แม่จุ่งครองสัจไว้สวาดิ์ถ้าเรียมถึง ฯ
๑๑๘
๏ จากระยะย่านนั้นโดยพลัน
เสียวสุดกำดัดศัลย์โศกช้ำ
นึกนุชทุกแนวมรรคาย่าง เจียวแม่
ภักตร์พี่เปี่ยมเปียกน้ำเนตรเยิ้มย้อยผลู ฯ
๑๑๙
๏ ภักตร์พี่เปนคราบน้ำเนตรกรัง
ลานระลึกอาไลยหลังพิลาปไห้
ห่วงสร้อยสุมาลย์บังอรอยู่ เดียวแม่
เรียมไป่อาจจักไว้จิตรด้วยใครถนอม ฯ
๑๒๐
๏ โอนุชจักเหน่อเนื้อนิทรา
แม่จะเคร่าครวญหาโหกสอื้น
คิดคิดยิ่งแค้นอารมณ์เจ็บ ยิ่งแฮ
ยามดึกแม่จักฟื้นฝ่าน้ำตาครวญ ฯ
๑๒๑
๏ เรียมล่วงจรลิ่วแล้วลานแด
นึกแม่ภักตร์เพ็ญแขแข่งหน้า
เล็งตลอดผลูแลรลวงเทวศ วายฤๅ
เห็นแต่ป่ากับฟ้าฝ่ายน้องไป่เห็น ฯ
๑๒๒
๏ ลุศาลาหนึ่งชี้นามา
ขนานชื่อสิบบาทปรากฎแจ้ง
ความเล่าอดีตอาการเหตุ ต้นเฮย
หญิงหนุ่มผู้หนึ่งแย้งยั่วเถ้าชายพนัน ฯ
๑๒๓
๏ เดมมีต้นข่างข้าคบสูง สุดแฮ
หญิงหนุ่มว่าบุรุษร่างเถ้า
ขึ้นตลอดเสมอคุดร์คบกิ่ง นั้นพ่อ
เราจักยอมยอบเข้าคู่ห้องแห่งสถาน ฯ
๑๒๔
๏ ชายแก่หนึ่งนั่งนั้นขานคำ
รับว่าเราจักทำตอบได้
ขึ้นเสร็จอย่าคืนสำเนียงกล่าว นาแม่
หญิงปฏิญาณสัจให้แต่เถ้าชายชรา ฯ
๑๒๕
๏ ชายแก่ปีนป่ายขึ้นถึงคบ คางเฮย
แล้วเลื่อนลงดินปรบหัดถ์ยิ้ม
หญิงสาวซ่อนตัวซบภักตร์แอบ นิ่งแฮ
อายประหนึ่งจักปิ้มแซกพื้นภูมิสถาน ฯ
๑๒๖
๏ เสียเงินสิบบาทให้ชายชรา นั้นนา
ชื่อจึงปรากฎมาแต่นั้น
จริงเท็จสุดแต่วาจากล่าว เขาพ่อ
ร้อยว่าเหตุสิ่งซั้นสนัดน้ำใจหญิง ฯ
๑๒๗
๏ เรียมถามทราบเหตุแล้วฤๅรอ
เดินนึกนุชพี่หนอเนิ่นแล้ว
ปานนี้แม่จักพอวายเทวศ แล้วฤๅ
เรียมคิดทุกย่างแคล้วไป่รู้วายคนึง ฯ
๑๒๘
๏ เรียมมุ่งทุเมศไม้มองหา
ทุกพุ่มเพิงพนาเวศค้น
อรอัคพนิดาดวงสวาดิ์ เดียวแฮ
ถนัดแต่พฤกษาต้นเกลื่อนพื้นเพียบผลู ฯ
๑๒๙
๏ มาลิศมลิเลื้อยเครือวัลย์
กลิ่นตลบวนาสัณฑ์ซาบฟุ้ง
รวยรศรื่นรัญจวนจิตร
หวาดว่านุชเนาคุ้งเขตรนี้คอยเรียม ฯ
๑๓๐
๏ หอมมลิมาเลศสร้อยเสาวคนธ์
อวลอบขจรสถลทั่วพื้น
ฉมกลิ่นบุบผากลกายกลิ่น นุชนา
ปรางแม่ประแป้งชื้นชแล่มหน้านวลผิว ฯ
๑๓๑
๏ ปานฉนี้แม่จักเศร้าทรวงตรอม
ปรางประทิ่นเคยหอมหื่นห้อง
นับแต่จักมัวมอมหมองภักตร์ เผือดแม่
ฤๅจะห่มสไบป้องปิดหน้านอนศัลย์ ฯ
๑๓๒
๏ ฉมกลิ่นการเกดแก้วกำจร
กลกลิ่นปรางสมรแม่นหน้า
ลำเจียจรุงดอนดงชัฏ ฉมแฮ
นึกกลิ่นสะไบผ้าร่ำน้องห่มหอม ฯ
๑๓๓
๏ แพรอรอวลอบฟุ้งฟูอาย
ร่ำพัตราโฉมฉายแช่มช้อย
ผจงกระแจะจันทน์ปรายปรุงประ โปรยฤๅ
เรียมจากเจ้าจักห้อยบ่าให้ใครชม ฯ
๑๓๔
๏ อกเอยเรียมจากเจ้าจำไกล
รอยว่าบาปเพรงไหนแน่สร้าง
ฤๅว่าเคราะห์ร้ายไรแรงดุ ยิ่งนา
สนองเสน่ห์เนิ่นค้างค่ำเช้าช้ำทรวง ฯ
๑๓๕
๏ แรมผลูทุเรศด้าวดงดอน
จิตรเจ็บเจียนคมศรเสียดเนื้อ
บำราศรักร้างจรใจห่วง หลังฮา
หิวสวาดิ์อิ่มเอื้อโศกซั้นทรวงหมอง ฯ
๑๓๖
๏ นึกนุชทุกย่างเท้าทางเดิน
บงฉมาไม้เหินห่างต้น
พยอมยางสลับเนินแนวป่า
กลว่านุชเรียมพ้นเพื่อนชู้ชายปอง ฯ
๑๓๗
๏ ลุนามตำแหน่งนั้นหนองคน ทีเฮย
เรียมผ่าวอุรารนรุ่มร้อน
เห็นหนองนึกแสวงชลชุบอก เรียมฮา
ถนัดแต่สินธุข้อนขุ่นแค้นกลางหนอง ฯ
๑๓๘
๏ หนองขุ่นอุทกข้นขาดแคลน
เรียมขุ่นกระมลแสนสุดชี้
สายชลขุ่นหมองแทนจิตรพี่ ขุ่นแม่
น้ำจิตรพี่ขุ่นนี้ยิ่งน้ำกลางหนอง ฯ
๑๓๙
๏ ชลเนตรเรียมร่ำไห้หากรอง ไว้ฤๅ
มากกว่าน้ำหนองสองส่วนได้
ชลเนตรประหนึ่งฟองชลพรรษ เสมอฤๅ
คลาศนุชกึ่งวันไคล้คลาศเพี้ยงพันพรรษ์ ฯ
๑๔๐
๏ ทุเรศบำราศสร้อยสงสาร สมรเอย
เรียมวิโยคจิตรปานป่วยช้ำ
โอจะนับทิวานานกลับสู่ สมแม่
ทรวงพี่โอจักกล้ำเกลือกน้ำเนตรครวญ ฯ
๑๔๑
๏ คิดแล้วยิ่งคิดล้ำลุนาง
โฉมแม่อยู่เดียวขนางเนิ่นแล้ว
ฤๅเจ้าจักใจจางจากพี่ แล้วแม่
ผิดคิดคอยเรียมแคล้วคลาศน้องมานาน ฯ
๑๔๒
๏ อกเอยอาภัพโอ้อัปลักษณ์
บำราศกำลังรักร่วมน้อง
ยังไป่จากใจจักควรจาก แล้วฤๅ
นึกว่าเวรจำต้องจากเจ้าจางใจ ฯ
๑๔๓
๏ ปานนี้ใครจักอุ้มแอบนอน
เห็นแต่เตียงฟูกหมอนม่านมุ้ง
ประตูช่วยขัดกลอนกล่อมนุช ด้วยนา
ถนอมกว่าเรียมจักคุ้งขวบเถ้าวันถึง ฯ
๑๔๔
๏ เรียมตรอมกมเลศเพี้ยงผอมผิว หนังเฮย
หวนโหกเสน่ห์หิวแหบไส้
หากว่าเลื่อนลบปลิวปลิมเพศ ได้นอ
เรียมจักล่องลมไคล้สู่ห้องแห่งสมร ฯ
๑๔๕
๏ อายจิตรคิดเปล่าโอ้อกเย็น
เยือกพิโยคยามเข็ญคับแค้น
เนื้อว่าเคราะห์คราวเปนปางเกิด กรรมนา
จากนุชน่อยหนึ่งแม้นสติม้วนมึนตน ฯ
๑๔๖
๏ ลืมตนสติตั้งเตือนใจ
กำหนดสุชลไหลหลั่งหน้า
กลืนอสุธาไรรันทด เทวศเอย
หวาดประหวั่นทรวงว้าเหว่ล้ำลำเค็ญ ฯ
๑๔๗
๏ โอโอเยาวลักษณ์สร้อยสงสาร พี่เฮย
เจ้าจักคอยเรียบขานข่าวถ้า
ห้องจะเยียบเย็นปานปูนป่า ชัฎแฮ
จะเสนาะแต่น้องอ้าโอษฐร้องเรียกเรียม ฯ
๑๔๘
๏ จักคอยทุกค่ำเช้าเพรางาย
ยามเมื่อสิ้นสุริยฉายชืดฟ้า
กรแม่ประคองชายสไบเช็ด เนตรแฮ
แป้งจักลืมผัดหน้าเผือดเนื้อนวลฉวี ฯ
๑๔๙
๏ ฝืนถวิลเทวศย้ายยลพนา เวศเฮย
ตลอดพุ่มพนาหาแห่งค้น
แสวงแม่เอกอรทาเรศพี่
ถนัดแต่ลำไม้ต้นแต่น้องฤๅเห็น ฯ
๑๕๐
๏ ลุทุ่งมรกฎชี้นามแดน ดงเฮย
เรียมนึกมรกฎแหวนนุชก้อย
เคยใส่กรีดนิ้วแขนขยับอ่อน ตรูแฮ
มรกฎแสงน้ำย้อยจับหน้านวลฉวี ฯ
๑๕๑
๏ ปานนี้จักกรีดก้อยกรอใคร เล่านา
ฤๅจะแมกม่านไขขัดเนื้อ
ผัดผิวผจงไรกันภักตร์
ทาประทิ่นธารเชื้อชุบน้ำอบโชลม ฯ
๑๕๒
๏ นึกโฉมวรรูปน้องนงพาล พี่เอย
คิดเนตรจำสัณฐานถี่ถ้วน
เรียมตกตลึงลานลืมหลับ เนตรแฮ
โฉมแม่โองามล้วนรฦกแล้วลืมตน ฯ
๑๕๓
๏ คิดโฉมอรชแล่มหน้านวลติด ตาเฮย
ยามเมื่อเรียมร่วมสนิทแนบเน้น
นาสิกกลิ่นปรางชิดฉมประทิ่น นางแฮ
โออกปานนี้เว้นว่างว้างนานวัน ฯ
๑๕๔
๏ ปานนี้ยุพเรศสร้อยสาวสนิท เรียมเอย
แม่จะเปลี่ยนเปลือยจิตรจอดห้อง
จักหนาวเมื่อยามนิทร์หายฤๅ
ยามดึกเจ้าจักร้องร่ำไห้หาเรียม ฯ
๑๕๕
๏ ใครเลยจักกกเนื้อนางถนอม เล่านา
ดวงภักตร์จักผิดผอมเผือดเศร้า
นึกกลุ้มกลัดจิตรตรอมตรมเทวศ ยิ่งแฮ
เช้าค่ำคิดลุเจ้าไป่รู้วันวาย ฯ
๑๕๖
๏ คิดพลางเดินดุ่มย้ายยาตรจร
ล่วงพนัศสิงขรเขตรกว้าง
ลิ่วลับวนาดรดงใหญ่ ยิ่งแฮ
เปลี่ยนอุระอ้างว้างวิเวกว้าวังเวง ฯ
๑๕๗
๏ ดลแดนเขาตกโอ้อาดูร
ตกประหม่าเพียงสูญสติม้วย
รอพรรคเพื่อนผลูยูรยาตรหยุด พักแฮ
พลางตกตลึงด้วยรฦกน้องฤๅลืม ฯ
๑๕๘
๏ ศาลเจ้าเขาตกตั้งริมไพร
ฤๅว่าเจ้าสิงไศลแหล่งนั้น
ศักดิ์สิทธิเกรียงไกร เกริกฤทธิ์ ยิ่งแฮ
ถ้วยทุกคนฤๅขั้นคิดคร้ามครบสกนธ์ ฯ
๑๕๙
๏ บัดเรียมชุลิตน้อมคำนบ
ถวายเครื่องสังเวยครบสิ่งไหว้
บำบวงเทพยเคารพเรียบสุ จริตแฮ
เทียนธูปบุษยเมี่ยงไม้หมากพร้าวมินมางษ์ ฯ
๑๖๐
๏ อ้าเทพย์สถิตด้าวดอยพนม นี้เฮย
เชิญรับบำบวงสมจิตรข้า
เฉภาะภักตร์ภิรมย์บรมดิเรกรศ อร่อยแฮ
เชิญพิทักษ์ถ้วนหน้าที่น้อมอัญชลี ฯ
๑๖๑
๏ อัญขยมชุลิตท้าวเทพา รักษ์แฮ
ขจัดแทตย์ทศฤษยาพยศไร้
อิกพาฬมฤคในพนาเวศวัด นี้ฤๅ
ขจัดจุ่งไกลอย่าใกล้เกลือกกล้ำเกลื่อนสูญ ฯ
๑๖๒
๏ ช่วยข่อยพิทักษ์ทั้งทวยผอง
มิตรญาติหญิงชายปองปกคุ้ม
อิกนุชหนึ่งข้าจองจอดเสน่ห์ เล่านา
ขอเทพทุกสุมทุ้มสถิตย์ไม้มาระวัง ฯ
๑๖๓
๏ นอบเจ้าเขาตกแล้วลาจร
ร่ำฝากสุดาสมรมิ่งแก้ว
กามแดเด็ดสวาดิ์รอนบำราศ รักนา
ทุกย่านระยะแคล้วคลาศซร้องสั่งถวิล ฯ
๑๖๔
๏ กลางดอยยามดึกโอ้อกเรียม
สันโดษกำเดาเหนียมหนึ่งหน้า
เพลิงราครุ่มทรวงเกรียมตรอมเทวศ
เห็นแต่ป่ากับฟ้าฝากเศร้าสู่สมร ฯ
๑๖๕
๏ กำเดากำดัดซร้องสุนทร เสนาะเฮย
สั่งเสน่ห์ศิงขรเทพไท้
เชิญเสาวนิตเรียมวอนสวาดิ์สั่ง ด้วยฮา
รับสาสนสังหรณ์ให้เหตุน้องเนาหลัง ฯ
๑๖๖
๏ กลางป่าเสียงโป่งกร้าวเกรียวไพร
เสียวเสนาะใจไหววาบสิ้น
นางไม้ซุ่มเซิงไทรสูงเกริ่น เสียงแฮ
รเรื่อยรริกรัวสิ้นเล่ห์ล้อหลอกหลอน ฯ
๑๖๗
๏ ปิศาจครรชิตร้องเริงคนอง
แสยงสยดโรมสยองเยือกสท้าน
เสียวซาบเซ่นผมพองเพียงสั่น กายเฮย
ล้วนแต่ดอยดงด้านเด่นไม้มีผี ฯ
๑๖๘
๏ โป่งกู่เสนาะก้องโกลา
หวาดว่านุชกู่หาร่ำไห้
โสตรพี่เงียบสดับสาราหยุด ยืนแฮ
เสนาะสนัดโสตรไซร้สุดเศร้าทรวงเสียว ฯ
๑๖๙
๏ โป่งเอยวานโป่งช้างบอกความ น่อยนา
หากพธูโดยถามข่าวข้อย
ช่วยพร้องคดีงามงอนอย่า พรางพ่อ
แนะยุบลเหตุถ้อยถี่ชี้เช่นแถลง ฯ
๑๗๐
๏ ว่าเรียมทุรัศล้ำมรรคา
สารสั่งถวิลหาห่อนเร้น
กำสรดสนั่นอารญร่ำ วายฤๅ
รฦกทุกหย่อมหญ้าเส้นสั่งสร้อยสารสมร ฯ
๑๗๑
๏ กลางดงประดาษไร้แรมนวล
กำดัดสวาดิ์ทรามสงวนอยู่เหย้า
ป่วนปวดกระสันครวญครางคร่ำ
บำราศนิรารศเจ้าจิตรเพี้ยงตรอมวาย ฯ
๑๗๒
๏ ฉนี้นุชจะเยือกเหย้ายามนอน
ฤๅจะปัดบรรจฐรณ์ทาบถ้า
นึกว่าพี่จักจรจวบเสน่ห์ ฤๅแม่
ฤๅจะยืนเยี่ยมหน้าต่างห้องคอยเรียม ฯ
๑๗๓
๏ ฤๅจะรุมกรรุ่มตั้งตีทรวง
ตระศกกระสันหวงโหกเศร้า
ฤๅจะบ่งบงดวงเดือนต่าง พี่นา
ฤๅจะคอยทุกเช้าค่ำแค้นลำเค็ญ ฯ
๑๗๔
๏ เรียมสั่งเสน่ห์ไว้กลางไพร
ทวยเทพย์ลำเนาไศลแหล่งล้วน
บำบวงบุษยมาไลยรฦกฝาก สมรแฮ
ขอเทพย์ทุกถิ่นถ้วนพิทักษ์น้องเนาสถาน ฯ
๑๗๕
๏ วอนฝากอัคเรศน้องนางเดียว
เชิญเทพยช่วยแลเหลียวเหลือบน้อย
ทรวงพี่สั่นเกรียวเกรียวตรอมเทวศ ยิ่งแฮ
เทพย์แทตย์เรียมสั่งถ้อยทุกหน้าอย่าลืม ฯ
๑๗๖
๏ สั่งแล้วจรลับเต้าตามทาง
เลียบละเมาะเมินหมางหมู่ไม้
เสนาะแต่ศัพท์สัตว์กลางราวป่า
แสนวิโยคยามไร้รุ่มเร้าแรมจร ฯ
๑๗๗
๏ ลิ่วลิ่วละล่งพื้นพนามดง
เล็งตลอดทางหลงหล่มแห้ง
ถนัดรอยอิภกลางดงดูดื่น ทางแฮ
ยลพิถีเถินแล้งรฦกแล้งทรวงตรอม ฯ
๑๗๘
๏ เกรงโป่งปิศาจล้อหลอกหลอน
แสยงพยัคฆ์เสขรขบเคี้ยว
เกรงคชวรินทรทางป่า เปลี่ยวแฮ
เกรงจักหลงทางเลี้ยวหลากล้ำเหลือกลัว ฯ
๑๗๙
๏ หวั่นหวั่นสังเวชโอ้อกเรา
ถนัดแต่แนวเนินเขาเพื่อนพ้อง
พร้อมพรรคผลูเทาทางเถื่อน ทุเรศแฮ
ห่างพิมลภักตร์น้องหนึ่งเพี้ยงมาเดียว ฯ
๑๘๐
๏ ล่วงเนินพนัศนั้นมานาน
กำสรดกำสรวญสารสั่งแส้
สุโนคเสนาะพนานต์แนวพฤกษ์
หวนสวาดิ์สังเวชแท้ทุกข์ท้อทนกรรม ฯ
๑๘๑
๏ นึกโอกรรมก่อนได้ดลสนอง เราฤๅ
บำราศรักเราสองเสน่ห์ร้าง
โฉมนุชจุ่งจิตรครองสงวนร่าง เทอญแม่
เกลือกว่าบุญเราสร้างมากแล้วคงสม ฯ
๑๘๒
๏ ตริแล้วเรียมเร่งเร้งฤๅรอ
เดินดุ่มด่วนดาลศอโศกแห้ง
ลุยังย่านสระยอระยะชื่อ ชี้แฮ
นามประเทศเยี่ยงแกล้งกล่าวให้เรียมโหย ฯ
๑๘๓
๏ สระยอใครยกตั้งนามนาน แล้วฤๅ
รฦกชื่อยอหวานรศลิ้น
ใครชอบรศยอปานปนเล่ห์ หลงแฮ
อร่อยไป่รู้รศสิ้นซาบคุ้งขวบวาย ฯ
๑๘๔
๏ ต้นยอยักอย่างใช้ชอบขบวน
ดอกเด็ดดมสงวนทัดเหล้น
ใบผลรากเปลือกควรคิดยัก ใช้แฮ
ยอต่อยออย่าเว้นวากไว้ระวังยอ ฯ
๑๘๕
๏ ใครยอใครยกชื้นชมยอ
เรียมนึกนุชพี่หนอเนิ่นแล้ว
เกลือกใครเกลียดแกล้งยอยกย่อง ชายฤๅ
เห็นว่าโอจักแคล้วคลาศเงื้อมมือเรียม ฯ
๑๘๖
๏ สระยอนึกยั่นเพี้ยงยอคำ คนเฮย
เกรงจะยอนุชถลำลุ่มลิ้น
สุดแล้วแต่บุญกรรมกอบทร่าง เทอญแม่
บาปส่งบุญสร้างสิ้นสิ่งนี้จำเป็น ฯ
๑๘๗
๏ นึกนึกประเล่ห์เพี้ยงภูลกระสัน
โอว่าเวรใดทันเทียบแท้
จึ่งทุเรศแรมขวัญเนตรหนุ่ม น้อยนา
หากว่าชีพพี่แม้ไป่ม้วยจักคืน ฯ
๑๘๘
๏ เล็งสระเปี่ยมปบถ้วนตีรา
เฉกเนตรเรียมร่ำหาโหกไห้
โทเนตรเนืองสุชลธาราร่ำ รักแฮ
แสนสระน้ำฤๅได้กึ่งน้ำตาเรียม ฯ
๑๘๙
๏ ถวิลจนจรล่วงเล้าเลยมา
ลัดพุ่มพงพฤกษาซอกพ้น
หลงแลวกมรรคาคมชัฎ ชื้อแฮ
ไป่คิดคืนหลังด้นสดวกได้ดลทาง ฯ
๑๙๐
๏ จวบลุยังสระน้ำนามสาม เส้นเฮย
ลิบลิบชลาหลามหลั่งไล้
ยาวเหยียดเยี่ยงสมนามขนานกล่าว เจียวแม่
เขื่อนขอบปักเขตรไว้หว่างเส้นสระศรี ฯ
๑๙๑
๏ สาโรชวาเรศล้นเลอคัน ขอบเฮย
แสนส่วนชโลสรรพ์สระนี้
ไป่กึ่งสุชลกรรแสงโศก เรียมแฮ
ถนัดเยี่ยงสระจักชี้เช่นให้นุชเห็น ฯ
๑๙๒
๏ เลงสระรฦกสร้อยสระธาร
วันเมื่อร่วมวิวาห์สนานซัดน้ำ
เคยเรียงประคองพานบุบผชาติ์
ใส่คู่มงคลก้ำกึ่งเกล้ากลางหอ ฯ
๑๙๓
๏ คาบนี้เรียมปละเปลื้องปลิดใจ มาเฮย
ภักตร์แม่เพียงแขไขแข่งหน้า
ปานนี้จักเผือดใบภักตร์แม่ มัวแม่
ฤๅจะผัดผิวถ้าทุกเมื้อยามนอน ฯ
๑๙๔
๏ เลงน้ำกลางสระเศร้าเสียใจ
ถวิลว่าสระสินธุ์ใสสอาดล้ำ
เรียมอาบแนบนุชในสระสนุก น้อยฤๅ
เบิกสบัดสไบค้ำคู่เต้าเต็มทรวง ฯ
๑๙๕
๏ รฦกลานเล่ห์พลั้งเผลอตน
เสื่อมสติตลึงฉงนโงกเศร้า
ฝืนสติเตือนตนยูรยาตร เหย่าแฮ
คิดทุกคืนค่ำเช้าไป่เว้นวันตรอม ฯ
๑๙๖
๏ จำใจจำยาตรเบื้องบทจร
ทุกทุรนทุรายถอนเทวศไห้
เจียนจิตรขาดรอนรอนแรมร่าง เจียวแม่
โอเมื่อใดจักได้สู่ห้องแห่งสมร ฯ
๑๙๗
๏ อกเอยบรรลุท้ายพิกุล แล้วแฮ
รฦกกลิ่นพิกุลฉุนชื่นชื้น
ล่วงลุศิขรขุนศีขเรศ แล้วแม่
ดลประตูป่าพื้นพนัศแผ้วผ่องกระมล ฯ
๑๙๘
๏ ลุลานพุทธบาทโอ้ยามสอง แล้วแม่
ส่ำชะนิกรผองพวกไหว้
อึงเอ็ดสุรคนองเพลงเกริ่น เกรียวแฮ
แสงประทีปเทียนไต้สว่างพื้นบริเวณ ฯ
๑๙๙
๏ เรียมน้อมศริรตั้งมนัศ
ถวายชุลิตกระพุ่มหัตถ์แช่มช้อย
พร้อมพาหนะทุรัศจรดคู่ หนึ่งนา
ดึกสงัดน้ำค้างย้อย หยัดหญ้าเย็นสยอง ฯ
๒๐๐
๏ แล้วเลยลุย่านแคว้นนามขุน โขลนเฮย
พำนักผ่อนกระบือภุญช์ภักษ์หญ้า
พร้อมพรรคคณะเพ็ญสุนทเรศศุข เกษมแฮ
แจร่มศศิส่องฟ้าเฟื่องน้ำค้างพรม ฯ
๒๐๑
๏ กรรหายโหกละห้อยโหยหา
ผองเพื่อนต่างนิทราสนิทแล้ว
เรียมตื่นแต่เอกากายเทวศ
ยลรัชนิกรแพร้วพร่างจ้าแจร่มสี ฯ
๒๐๒
๏ ดูดาวอาภัพเพี้ยงทุรพล
ตกรดะดาษหนหบฟ้า
ชนชอบแต่เดือนดลดวงหนึ่ง ไฉนนอ
นุชพี่เคยหนึ่งหน้ามากชู้ชายปอง ฯ
๒๐๓
๏ บ่งบงจันทร์ใช่หน้านวลจันทร์ พี่เฮย
จันทร์แม่บดเจิมขวัญกลิ่นเกลี้ยง
รื่นจรุงรศสุคันธ์ฆานชื่น ฉมแฮ
กลิ่นติดแต่วันเคี้ยงร่วมน้องวันมา ฯ
๒๐๔
๏ ยามดึกน้ำค้างหยาดหยดโพยม
นึกเสน่ห์หนึ่งโฉมแช่มหน้า
ยามหนาวจักใครโลมเลียมสวาดิ์ เล่านา
หนาวจะห่มแต่ผ้าพ่วยมุ้งหมอนหนุน ฯ
๒๐๕
๏ หนาวเหมุทกโอ้อกอา ดูรเอย
ก่อนพี่นิทรขนิษฐาแนบเนื้อ
กายกกตระกองอาลิงค์ลูบ โลมแฮ
อุ่นอุระยิ่งเชื้อถ่านร้อนแรงเพลิง ฯ
๒๐๖
๏ ดึกเดือนกระดากด้าวดับอา ดาศเฮย
ดาวเลื่อนละเวหาห่างคล้อย
เมฆกลุ้มกลบดารารายกลีบ เกลื่อนแฮ
เวหาศหิโมย้อยเยือกหญ้าเย็นสยอง ฯ
๒๐๗
๏ แจร่มประกายพฤกษพร้อยพราวพราว
อากาศเปิดสีขาวขอบฟ้า
โกกิละเกริ่นไพรกราวเกรียวศัพท์ เสนาะแฮ
สุริเยศจรเยี่ยมหล้าส่องพื้นภาคโพยม ฯ
๒๐๘
๏ แว่วโสตรเสนาะก้องโกกิลา
เรียมสดับสดุ้งผวาหวาดพื้น
จวนรุ่งอรุณอากาศแจร่ม เรืองแฮ
สุริยส่องสว่างพื้นภพแจ้งเจิดฉมา ฯ
๒๐๙
๏ เสร็จชำระมุขแผ้วภุญช์ภักษ์
พรรคเพื่อนพาหนะสพรักพรั่งหน้า
นึกแม่เอกอรอัคทรเรศ เรียมเอย
ยามเมื่อกินจักถ้าพี่เพี้ยงลืมกิน ฯ
๒๑๐
๏ ยามกินหยิบโภชน์กล้ำแกลกลืน
ยามนิทรเรียมฝืนฝ่าเศร้า
ยามเดินพี่หยุดยืนยกย่าง ยั้งแฮ
ยามนั่งพี่นั่งเฝ้าฝ่าน้ำตาตรอม ฯ
๒๑๑
๏ เสร็จภุญช์โภชนพร้อมเพรียงกัน
จวนสุริยสายสรรส่องฟ้า
เรียมรีบสการอัญชลิตพุท ธบาทแฮ
เร็วเร่งฤๅได้ช้าเสร็จแล้วครรไล ฯ
๒๑๒
๏ บัดดลมณฑปด้านโดยจง
เรียมประคองอุทกสรงสู่ห้อง
น้อมศรีวรุตมงค์มอบชีพ ถวายแฮ
อุทิศสการสิ่งซร้องซบเกล้าอัญชลี ฯ
๒๑๓
๏ ธูปเทียนประทีปตั้งบุษยา เพลิงเอย
จุดแจร่มชวลิตสารณิศน้อม
เคารพพุทธวลัญชาบูชิต พระแฮ
มาเลศลาชุตม์พร้อมสพรักถ้วนสิ่งสการ ฯ
๒๑๔
๏ หยิบสุวรรณแผ่นป้องปานปิด
รอยบาทนฤบพิตรพุทธเจ้า
ดิเรกรจนรุจิตรเจิดโลก
สาสนิกรซบเกล้าเกลือกไหว้วันทนา ฯ
๒๑๕
๏ เล็งวลัญชรบาทเบื้องบทมาลย์
จอมดิลกโลกาจารย์จรดนี้
ประเทิศทัศโนฬารสามโลก เลื่องแฮ
ปรากฏวลัญชรชี้ชอบให้สัตว์เกษม ฯ
๒๑๖
๏ ควรส่ำสาสนิกถ้วนทวยผอง
มีประสาธน์จิตรสนองนอบเกล้า
เคารพพระคุณปองเปนที่ รฦกนา
ฤๅขาดทุกวันเช้าค่ำซร้องสรรเสริญ ฯ
๒๑๗
๏ เล็งรอยพุทธบาทแล้วอัญชลิต
ลายลักษณพิจิตรเจิดแจ้ง
พิพิธรูปอันสฤษดิสมภพ เพ็ญแฮ
ทานพมนุษย์เทพย์แสร้งสัตว์ถ้วนส่ำสกล ฯ
๒๑๘
๏ ยลรอยพุทธบาทด้วยนนทการ
อุทิศกระมลใสสานต์ซบเกล้า
ชมรอยดิลกญาณยลยิ่ง งามแฮ
ไตรภพเฟื่องคุณเร้ารุ่งฟ้าดินชม ฯ
๒๑๙
๏ เล็งมณฑปดิลกด้วยรจนา
จรัสแจร่มเวหายาบย้อย
เสมอรัตนวิมานอากาศเทพย์ ถวายฤๅ
เพรี้ยมเพริศรัตนพร้อยพรั่งพริ้มพรายดาว ฯ
๒๒๐
๏ สี่มุขมณฑปด้าวดำกล
ประเทิดเถกิงหนทั่วหล้า
ใครทฤษดิมณฑปตก ตลึงแฮ
ประเล่ห์ยลพิมานฟ้าฟากพู้นภพสวรรค์ ฯ
๒๒๑
๏ สร่างโศกสบศุขสิ้นสรรพางค์
ประเล่ห์เสวยสวรรยางค์ยิ่งล้ำ
ชวนชื่นมโนปางโศกเสื่อม ทุกข์แฮ
จิตรประเทิงศุขซ้ำสร่างเศร้าสุดเกษม ฯ
๒๒๒
๏ เรียมยลมาฬกเบื้องมณฑป
พิจิตรประหาวหบเห่อล้า
โอฬารลเลิงสบตาโลก เลื่องแฮ
ยอดเหยียบยาวหยั่งฟ้าฟากพู้นภพสวรรค์ ฯ
๒๒๓
๏ พรายพรายกระจกเรื้องระดับ
ฉายเฉิดกระจ่างจับแจ่มแจ้ง
ต้องแสงสุริยยับยับยลบาด ตาแฮ
ดุจอมรแมนแสร้งสฤดิ์สร้างสวรรค์ถวาย ฯ
๒๒๔
๏ จิตรประเทิงทัศนเอื้อเอาธาร
ยลพระมณฑปสถานประเลิศล้ำ
เรียมตั้งนมัสการกายจิตร เคารพแฮ
โอฐอุทิศกุศลซ้ำซบเกล้าพรรณา ฯ
๒๒๕
๏ เดชกุศลส่วนข้อยอัญชลี
รอยพระบามพระชินศรีสฤษดิไว้
เพื่อชนทฤษดีแดรฦก ท่านนา
ควรขจัดไภยให้ห่างร้อนรอนเข็ญ ฯ
๒๒๖
๏ ขอกุศลบัดเบื้องนมัสการ
พระพุทธบาทไพศาลส่วนได้
แทนรัตนสุพรรณมาลย์มาลิศ เลิศฤๅ
ถวายแด่ภูธเรศไท้ธิราชเรื้องเรืองสยาม ฯ
๒๒๗
๏ จุ่งช่วยบำราศไร้เริงระงับ
ขจัดริปูปวงลับหลีกแพ้
ให้เจริญพระชนม์นับเนาหมื่น วรรษแฮ
เพิ่มพระเกียรติยศแล้เดชล้ำเลิศขจร ฯ
๒๒๘
๏ แผ่กุศลส่วนถ้วนทุกทิศ
บนตลอดอกนิฐก์นับชั้น
เทพาสุราฤทธิ์รับส่วน บุญฮา
เบื้องนรกโลกันต์บั้นแบ่งให้ถ้วนสกล ฯ
๒๒๙
๏ ปลานนท์นาคราชเบื้องบาดาล
สัตว์สถิตย์ชลธารทั่วหน้า
จุ่งมีกระมลบานเบิกรับ กุศลแฮ
ทวยสัตว์สถลอย่าช้าช่วยซร้องสาธุการ ฯ
๒๓๐
๏ มนุษย์อมนุษย์ถ้วนทุกพาย
เทพย์แทตย์ทานพหลายเหล่าอ้าง
ปิศาจยักษ์สุรกายเปรตม่าห์ ก็ดี
จัตุบททวิบทบ้างแบ่งถ้วนทวยผอง ฯ
๒๓๑
๏ เสร็จกุศลเสี่ยงซร้องสาธร
บุญบัติบอกแบ่งรอนร่ำไห้
ไกวัลสัตวนิกรเกริกกล่าว ให้แฮ
ยังไป่เว้นตนไว้ว่างแล้วฤๅมี ฯ
๒๓๒
๏ บำบวงพุทธบาทแสร้สารณีย์
หวังพระคุณชินศรีใส่เกล้า
หวนเสน่หปรานีนึกนุช เจียวแม่
เรียมแบ่งกุศลเจ้าจุ่งซร้องสาธร ฯ
๒๓๓
๏ ขอกุศลเสี่ยงตั้งสัตยา ธิฐานแฮ
จุ่งลุขนิษฐาถั่นได้
โออนุชพนิดาดวงสวาดิ์ พี่เฮย
เชิญรับบุญเรียมให้เฉภาะน้องอย่านาน ฯ
๒๓๔
๏ เรียมร่ำรันทดเศร้าโศกา
กำสรดกำสรวญหาโหกสอื้น
นึกน้องแต่เดียวอาไลยยิ่ง เจียวแม่
ดวงทวัยเนตรชื้นชุ่มหน้านองสินธุ์ ฯ
๒๓๕
๏ ร่ำแบ่งบุญบัติพร้องรำพรรณ
ลานนึกคนึงขวัญเนตรน้อย
ภพนี้นิราศกันกรรมพราก แล้วแม่
ภพน่าขอร่วมร้อยชั่งถ้วนทุกสถาน ฯ
๒๓๖
๏ ภพนี้บำราศแก้วกลอยแด
บรภพอย่าเหินแหห่างน้อง
ขอร่วมทุกชาติ์แลโลมเสน่ห์ สนิทเอย
ขอคู่ทุกหอห้องอย่ารู้แรมนาง ฯ
๒๓๗
๏ หากสมรจักมอดเมื้อมรณา
สูญสนิทสังขาร์ขาดแล้ว
เอาชาติภพพงศ์ภาษาอื่น ก็ดี
ทุกทุกชาติอย่าแคล้วคลาดห้องห่างสมร ฯ
๒๓๘
๏ มลายูยุโรปเชื้อชาวชวา ชวิงฤๅ
จีนตาดฮ่อลันดาประเทศนั้น
โยนกตลุมภาษาต่าง ก็ดี
มอญพม่าเขมรชั้นชนิดเชื้อชายญวน ฯ
๒๓๙
๏ พราหมณ์ถ้วนสี่ชาติ์สิ้นสมพงษ์
เกลือกว่านุชเรียมหลงเกิดไซร้
บุญบัติอุบัติจงดลเสน่ห์ ด้วยนา
เฉภาะพโอนอรได้รฦกรู้รักเรียม ฯ
๒๔๐
๏ หากนุชอุบัติเกื้อเกิดกาย ใดก็ดี
เรียมจักขอคู่สายสวาดิ์น้อง
กว่าชนมชีพวายปราณปราศ เจียวแม่
ขอเสน่ห์สนิทต้องแต่เจ้าใจเดียว ฯ
๒๔๑
๏ หากนุชเนาทิพยห้องหนพิมาน แมนฤๅ
รักพี่เสี่ยงบุญผสานสบหน้า
เสนอเสน่ห์สนิทกานดาร่วม รศแม่
ตลอดสิบหกชั้นฟ้าอย่าแคล้วคลาศเรียม ฯ
๒๔๒
๏ อธิฐานนุเทศสิ้นสามภพ เพ็ญแฮ
หวังแต่บุญนิธีสบเสน่ห์ชู้
หนแมนประเมินจบพรหมโลก ตลอดแฮ
เบื้องต่ำบาดาลรู้ร่ำซร้องสบสมร ฯ
๒๔๓
๏ สี่ทวีปเทวศก้องกำสรวญ
เสนาะเสน่ห์เรียมครวญครั่นไห้
ตวงเต็มแปดทิศควรดับโศก เรียมแฮ
บำราศรศรักไร้เสน่ห์ร้างแรมสงวน ฯ
๒๔๔
๏ ตลอดทั่วทุกร่างรู้รศรัก
ใช่แต่เรียมเดียวจักกล่าวแกล้ง
สรรพสัตว์แทพย์แทตย์ยักษ์มนุษย์ชาติ์ ใดก็ดี
ทานพนาคใช่แสร้งใส่ไคล้คลุมความ ฯ
๒๔๕
๏ ยมอินทร์สพรักพร้อมพรหมเมนทร์
คนธรรพวิทยาเรนทร์ร่วมรู้
สมพาศพธูเจนจิตรทั่ว กันแฮ
เว้นแต่ท่านที่ผู้เกลศสิ้นฤๅแสวง ฯ
๒๔๖
๏ ร่ำรักบำราศเจ้าจากจาง ใจเอย
อุโฤษคำนึงหมางม่ายชู้
จงจิตรจ่อจรดนางกำนัดเสน่ห์ วายฤๅ
ลานลักษณโลมขู้คิดล้วนลมวอน ฯ
๒๔๗
๏ ร่ำพจน์พิปลับเพ้อเพียงเพียร ถวิลฤๅ
ลอบเสน่ห์พาเหียรห่อนได้
สมนุชเสน่ห์เจียรจรจาก ไฉนนา
ร่ำสั่งสุนทรไว้เพื่อแจ้งจิตรสมร ฯ
๒๔๘
๏ เสร็จโคลงนิราศสร้อยสงสาร สมรแฮ
เสนาะสั่งเสน่ห์ขานข่าวน้อง
เชิญหมู่พิมลมาลย์มาโนช นุชฤๅ
ช่วยรับสาสนเรียมซร้องสวาดิ์เศร้านุสนธ์ถวิล ฯ
๒๔๙
๏ โคลงนิราศวัดรวกนี้นามแสดง
ถฤกร่ำรังแถลงเลศไว้
ใช่จะอวดโอฐแจงจัดเก่ง ไฉนฤๅ
เปนแต่เอกโทได้ดุจเค้าคำโคลง ฯ
๒๕๐
๏ มวญกระวีหมู่เมธทั้งทวยหลาย
เชิญทัศนสารขยายแยบนี้
เกินตัดตกธิบายบทใส่ เทอญพ่อ
อย่าเพ่อแย้มมุขชี้ซิกเซ้าสรวลสาร ฯ
๒๕๑
๏ แถลงปางศักราชล้ำพันทวี ร้อยแฮ
เศษสี่สิบเจ็ดปีบอกแจ้ง
รกามิคศิรมาศมีเดือนฝ่าย แรมฮา
สองค่าพุฒวารแกล้งกล่าวสิ้นเสร็จสาร ฯ
๒๕๒
๏ สองร้อยห้าสิบสิ้นสารถวิล
สั่งเทวศเพียงพิณพาทย์แสร้
กล่อมโสตรเสนาะอาจินต์จับจิตร ยิ่งนา
เชิญอ่านสารเสน่ห์แก้ทุกข์มื้อคราวครวญ ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

ประชุมนิราศคำโคลง รวบรวมโดย พ. ณ. ประมวลมารค พิมพ์ครั้งแรก กันยายน ๒๕๑๓ แพร่พิทยา

เครื่องมือส่วนตัว