นิราศกรุงเก่า

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 17:06, 3 สิงหาคม 2553 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: หลวงจักรปาณี (ฤกษ์)

บทประพันธ์

ร่าย ศรีสวัสดิมงคล วิมลมิ่งเมืองสยาม งามเงื่อนเกื่อนทิพย์ฟ้า จรรโลงหล้าเรืองชม ปานสวยมภูวนารถ เตรียกไกรลาศคีรี เป็นศรีอยุทธ์ยาวโยชน์ เพราะเพื่อฌพธิ์ใบบุญ ละคิกขุนขี่เกล้า เจ้าเศวตกุญชรไชย ยศเกรียงไกนเกียรติคคึก เดชพรรฦกเลื่องหล้า เฟื่องฟุ้งฟ้าฟอดดิน ฝึกพิริยพฤนท์ห้าวหาญ ผลาญเสี้ยนเศิกชรบาบ ขุนเข็ญคาบข่าวขาม หวามหวูกลัวทท้าว น้าวเอาเมืองมาออก ดอกไม้เงินทองถวาย ผายสีมากว่ากว้าง มล้างโศกให้สุข ดับกลียุคให้เย็น เผด็จเข็ญให้ขาด ประชาราษฎร์สำราญ มวญมหุรการเกริกไกร ไชยๆชรเลืองหล้า ยศยิ่งยศเจ้าฟ้า เฟื่องไท้ใดเทียม ท่านแฮ ฯ

๏ อยุทธยายศโอ่อ้างอวดสวรรค์ เล่นฤๅ
ฤๅพระอิศวรสรรเศกด้าว
ฤๅฤทธิบุญบรรพ์บรมราช วังฤๅ
สรรพ์สนุกนิสมบัติท้าวเทพไท้ใดเสมอ ฯ
๏ อารามอร่ามท้องธราดล
ไตรรัตน์เรืองสากลก่ำหล้า
นำสัตว์สู่สถลทิพยโมกข์ เมืองเอย
เจอดแจ่มใจดินฟ้าเฟื่องฟื้นฝึกบุญ ฯ
๏ พุทธรูปพระก่องแก้วมรกต
สฐิตราชอารามพรตเพริศแพร้ว
โปรดสรรพสัตว์ทศทิศนบ เนื่องเอย
ครองพิภพเย็นแผ้วอยู่เพี้ยงพุทธองค์ ฯ
๏ ปราสาทแซงยอดแพร้วพรายฉาย
กนกรัตนโสมสายสุกพริ้ม
ฉลุเฉลาเมืองลายเลงโลด ลิ่วแฮ
เล่ห์จะล่องฟ้ายิ้มเยี่ยมเย้ยเวชยันต์ ฯ
๏ ควรยอวรยศเจ้าจอมพงศ์
เห็นแว่นมุนิวงศ์แม่นรู้
รอยเทพอัญเชิญลงครองโลก ไส้แฮ
มาก่อบารมีกู้ภพพื้นพูนเกษม ฯ
๏ พระญาณส่องโลกเพี้ยงภาณุมา
เลี้ยงโลกดุจจันทราร่มร้อน
สนองหนุนพระศาสนาตรงแน่ว
เผด็จเข็ญผดุงค้อนโลกขึ้นเคียงสวรรค์ ฯ
๏ พระคุณพระควบฟ้าดินปัน ปูนฤๅ
พระยศพระลอยสวรรค์เลิศล้วน
พระทัยพระทรงธรรม์สิบทัศ เที่ยงแฮ
พระเดชพระคุณม้วนทวีปไว้ในกร ฯ
๏ กอบมไหสุริยส่ำคฤ้ๅนศฤงคาร
กอบนักสนมนางงานหนุ่มเหน้า
กอบขุนมุขมาตยหารสารเสวต
กอบแกว่นพลเพียบหล้าสลักมล้างอรีกระลี ฯ
๏ เย็นอกทวยธเรศเพี้ยงโพธิ์ทอง
แสนริปูฤๅปองอาจเอื้อม
มานบบทละอองขอออก พระนา
เอาแต่ตนตกเงื้อมบาทไท้ทุกเมือง ฯ
๑๐
๏ เสนาะเสียงทุกส่ำผู้ถวายพร ท่านแฮ
สาวบ่าวสโมสรชื่นช้อย
จากเมียมลักเกลากลอนเพราะยิ่ง เพราะนา
ซอนิราสโคลงจ๊อยแอ่วแจ้วจับใจ ฯ
๑๑
๏ เยินยอพระเกียรติ์ไท้ทรงธรรม์
บรรทึกเฉลิมเจิมขวัญปราชญ์ไว้
หวนถึงทุกข์โศกศัลย์เสียวสวาท เรียมเอย
โอ้ว่าจะนิราไร้รักน้องครองสงวน ฯ
๑๒
๏ แถลงปางนิราสน้องนงพาล
สุดโศกสุดสงสารสุดเศร้า
บ่เริ่มราชกิจการกรรมพี่ แล้วแม่
มิร้างก็จำร้างเจ้าพี่แล้วจำเป็น ฯ
๑๓
๏ เรียมจะโดยสมเด็จเจ้าจอมเมลือง โลกเอย
เสด็จพยุหยาตรเมืองเก่ารั้ง
จำบำราศบุญเรืองรองบาท พระนา
โอ้แต่นี้จะตั้งแต่ร้อนสกนธ์กรม ฯ
๑๔
๏ โหยตระชักชิดเนื้อแน่นแนบนวล
สองกระซิกกำศรวญสะอื้น
ซบพักตร์ผอักอวลอิงแอบ กันเอย
ยามแล่ยามฤๅฟื้นไฝ่น้ำชลนัยน์ ฯ
๑๕
๏ แต่พลบโศกสยบใกล้สุริยกาล แล้วแม่
เสนาะสุโนกขันขานเร่งร้าง
อ้าโอษฐจะสั่งสารแสนเทวษ วายเลย
อักๆสะอื้นค้างขัดแค้นลำเค็ญ ฯ
๑๖
๏ แม่ซบพักตร์ทุ่มทิ้งทับเพลา พี่นา
พลางพี่รับขวัญเอาจิตต์เจ้า
ชชิดเช็ดสุชลเบาสะไบโบก ผิวแม่
ประพรั่นขวัญหายเช้าตรู่แล้วจะลา ฯ
๑๗
๏ ผยุงกายกรโอบอุ้มผโอนอิง อกเอย
โลมลูบสรรพางค์พิงพุ่มเต้า
ปลอบสมรอย่าวอนวิงวายโศก เทอญแม่
เรียมจะสั่งสารเจ้าจุ่งเจ้าจำสาร ฯ
๑๘
๏ อยู่ดีศรีสวัสดิ์เท้อญโฉมฉาย
จุ่งเงี่ยมสงวนกายจิตต์เจ้า
อย่าเตร็จเกลือกอันตรายระมัดมั่น ตนเอย
อุส่าห์ใส่บาตรเช้าค่ำน้องภาวนา ฯ
๑๙
๏ โอดวงวชิรชู้ชื่นชูใจ พี่เอย
ยอดรักยอดอาไลยยิ่งล้ำ
เยียวหาว่าเรียมไกลนับเนิ่น วันเอย
จากแม่ยามเดียวช้ำชั่วร้างแรมปี ฯ
๒๐
๏ นิ่งเทอญแม่นิ่งร้องเพลาเพลา เทอญแม่
โศกจะเสียนวลเยาว์อย่าอ้อน
แรงบาปบำราศเราราก่อน แม่เอย
บุญบขาดคงค้อนชีพค้อยคืนถนอม ฯ
๒๑
๏ สงสารสองแก้มยิ่งใยยอง
สารสรสใดปองเปรียบได้
ยามโศกกำสรดนองชลเนตร นางฤๅ
เป็นคร่ำคราบอาบไล้สลดแก้มเกสร ฯ
๒๒
๏ พิศถันทิพยมาศแม้นโกมล
สัมผัสเพ็ญกรอลอ่อนน้ำ
ยามจากแม่ทอดตนตีอก โอดฤๅ
อักเสกสองนมช้ำใช่ช้ำมือชม ฯ
๒๓
๏ อาสูรสาโรชสร้อยสระประทุม ทิพย์แม่
กำเลาะผกากรรพุมพุ่มลื้น
กรรลงพี่ลงขลุมเคลือกอาบ ละอองแม่
แขมบดรื้นรื้นจะร้างดูโรย ฯ
๒๔
๏ อ้าโฉมเฉลิมโลกล้ำวรลักษณ์ พี่เอย
ตนจากฝากใจรักร่วมเชื้อ
แม้ทรวงพี่พางฟักแฟงผ่า ภาคฤๅ
ภาคจะแล่งแบ่งเนื้อแนบน้องครองสงวน ฯ
๒๕
๏ เชยรสบรู้อิ่มเอมใจ พี่เลย
ฤๅจะเด็ดแดใยยากแท้
โฉมเฉลาเฉิดไฉไลแลลเลิศ โลกเอย
เด็กกำดัดฟ้อแฟ้ฝากน้องหนไหน ฯ
๒๖
๏ เชิญโฉมแม่ฝากห้องหกสวรรค์ ไว้ฤๅ
เกรงเทพไทชิงกันแก่งแหย้ง
ฉุกเกิดศึกสวรรค์สรรพ์สุรมอด หมดฤๅ
หมื่นโลกพลอยตายแล้งบาปได้เรียมเดียว ฯ
๒๗
๏ จะฝากสิบหกท้าวพรหมาน เล่านา
พรหมพระฤทธิเรืองญาณอยู่ด้วย
ฉุกฉมสำเร็จฌานเฉยพี่ เสียแม่
เรียมจะกลัดเกลศม้วยม่ายชู้ชมใคร ฯ
๒๘
๏ จะฝากประเทศด้าวดินแดน ใดนา
ทุกเทศทุกไทแสนเสน่ห์น้อง
มององค์อุมาแมนศิวมุ่ง ชมแม่
มอบพระลักษมีพ้องพิษณุเจ้าจะกวน ฯ
๒๙
๏ ลอบนุชลอยน่านน้ำวนวัง ไว้ฤๅ
ฉวยภุชงค์ฉกผังผาดเคล้า
จะเจาะสุเมรุฝังแฝงแม่ ไว้แม่
เกรงพระไพรปจิติเจ้าเจาะชู้ชิงชม ฯ
๓๐
๏ จะแบกบงกชแก้วเกาะกาย ไปฤๅ
เกรงแต่แดดลมชายชอกกล้ำ
นุชเนาเกลือกอันตรายดำริ ไฉนนา
อยู่ก็ช้ำไปก็ช้ำสุดรู้เรียมสงวน ฯ
๓๑
๏ แสนยากฝากทั่วแล้วรลุงถอน ใจเฮย
ปรับทุกข์ฤทัยสมรแม่ข้อง
ครั้นเรียมพิไรนอนฝากจิตต์ เจ้านา
สบฤทัยน้องท้าวรับน้ำคำเรียม ฯ
๓๒
๏ เดียวงามสามแผ่นอ้างอาจระวัง ได้ฤๅ
โฉมบ่ควรฝากฝังโลกหล้า
ฝากใจแม่เรียมหวังใจอุ่น ใจเอย
ดีกว่าฝากดินฟ้าฝากเจ้าใจดี ฯ
๓๓
๏ ห้องหอขอหับห้ามแหนสมร
สมรอย่าลงดินดอนสะดุดเสี้ยน
เตียงเขนยที่นางนอนเตือนนุช นอนนา
นอนและปิดมุ้งเมี้ยนม่านกั้นระวังโฉม ฯ
๓๔
๏ ราชกิจสุดฤทธิ์รั้งดำรง อยู่แม่
เกรงราชอาญาปลงชีพด้วย
บัดตายตระบัดคงคืนชีพ เรียมฤๅ
เจ็บจะอยู่สู้ม้วยกอดแก้วเกิดคืน ฯ
๓๕
๏ บุญใดนำสบชู้โฉมพเธ พี่เอย
บาปสิ่งใดดลเหห่างห้อง
เพรงพรากนกเขาเรรังร่อน ไปฤๅ
จำพี่จำจากน้องเพื่อเนื้อเวรไฉน ฯ
๓๖
๏ ว่น ๆ นัยเนตรว้าวิงวิง ใจเอย
เอนแอบอรอาลิงค์ละห้อย
จนจิตจวบจวนจริงจำจาก แล้วแม่
ขอพี่เชยชมน้อยหนึ่งแล้วจะลา ฯ
๓๗
๏ จูบปรางสองข้างย้ายยักชม เชยแม่
จูบค่างคางคอคมอะเคื้อ
จูบพักตร์จูบผากผมจูบโอษฐ์ แม่เอย
จูบหว่างนมจูบเนื้อจูบนิ้วเชยขนอง ฯ
๓๘
๏ จำจิตต์ปลิดสวาทลี้ลาสมร มาแม่
แม่ด่วนจากโกรยจรจากห้อง
ลงจากอัฑฒจันท์ถอนฤทัยท่าว ลงเอย
ใจระริก ๆ ร้องช่วยด้วยดวงใจ ฯ
๓๙
๏ สังเวชนุชวิ่งเข้าเคียงผงม พี่นา
ยาจิตต์เยียวยาดม ดับเปลื้อง
ผจงยืนย่างทุกข์ระทมระทวยอ่อน
แม่ค่อยพยุงกายเยื้องยาตรยั้งยังเฉนียน ฯ
๔๐
๏ ลาลงนาเวศน้ำตาไหล
เรือเคลื่อนอกคลอนไหววุ่นว้า
เหลียวหลังสั่งลาใจจะขาด
แลทอดอาลัยหน้าแม่หน้าอาลัย ฯ
๔๑
๏ ลับตาเลือกตกทุ้งทุกระเด็น เจียวแม่
อ้าแม่เอยเรียมเห็นเมื่อกี้
เป็นใดแม่มาเป็นหลัดหลัด เจียวเอย
มาพรากอกเรียมลี้ลับเลี้ยวแลหาย ฯ
๔๒
๏ ตีนตนก่นโศกช้าครวญโฉม มาแม่
เรียมร่ำลำคลองโครมครั่นคฤ้ๅน
เสียงโศกดั่งเสียงโหมโรงเรี่ย ทางเอย
สองขอกคนตื่นตื้นแตกตั้งตาดู ฯ
๔๓
๏ ออกจากคลองหลอดน้ำไหลโชน เชี่ยวแฮ
คลื่นขย้อนเรือโยนโยกโย้
แลเหลียวเปลี่ยวทรวงโหนใจห่วง แม่เฮย
เรือรี่รอใดโอ้อกว้างอาทวา ฯ
๔๔
๏ ถึงวัดตองปุตั้งตาแสวง
ตองบเห็นปุแซงปลูกสร้าง
เสมอรักแม่ปุแปงปนปะ เรียมฤๅ
นางก็ค้างเรียมค้างรักค้างคารา ฯ
๔๕
๏ บางลำพูพิศพื้นลำพู
ลาดพาดเลเพดูเปิดเปิ้น
ลำภาคพธูฟูพูกะเพื่อม อยู่เอย
กะเดียมกะดากปากเอิ้นอวดโอ้อายบาง ฯ
๔๖
๏ บางขุนพรหมพระเจ้าใจบุญ กูเอย
พักตร์สี่ธขี่ขุนห่านเหี้ยม
แลบพบพระคุณขอฝาก แม่รา
ท้าวบรับทุกข์เฟี้ยมรีบฟ้าฤๅแฝง ฯ
๔๗
๏ มลักเห็นโรงเล่าน้ำนรกานต์ กูเอย
ย่านบาปเรียมบหาญเสพสู้
เทาใจพี่เหลืออานใจอด แล้วแม่
เมาแต่รักรสชู้ค่ำเช้ามาเสมอ ฯ
๔๘
๏ บ้านปูนปูนแจดแจ้ใจขาม
ใครมลักมักมากปามปากไหม้
กลหลงเกลศกามกัดอก กูเอย
ปวดยิ่งปูดบาดไส้แสบปิ้มปูนปาน ฯ
๔๙
๏ บ้านลานแลมิ่งไม้เสียดแซม
ลานบเลี่ยมเลาแขมขัดข้อง
ลานเกลียงทิพย์หรอมแหรมแลระรื่น กูเอย
ลาญรฦกลานน้องสนุกลื้นลาญถวิล ฯ
๕๐
๏ เห็นใดใจเร่าร้อนรวนเร
จะใคร่คืนหลังเหห่วงหน้า
รฦกโฉมแม่โนเนนวลนะแน่ง เรียมเอย
ใจพี่เพียงชิงช้าแกว่งคว้างกลางหน ฯ
๕๑
๏ บางจากชื่อจากด้วยจากใด จากเอย
จากบเจ็บจากใครกี่ครั้ง
ฤๅเหมือนพี่เจ็บใจจากสวาท มาแม่
จากชื่นจากชมทั้งจากบ้านมาบาง ฯ
๕๒
๏ สามเสนเพรงพระเจ้าจมชล
ชุมฉุดสามแสนคนห่อนขึ้น
ขอพระเพิ่มพรผลหระมลมิ่ง แม่รา
ดินคร่าฟ้าฉุกคฤ้ๅนเคร่าถ้าอย่าลอย ฯ
๕๓
๏ หลักหินปักถิ่นด้าวแดนจักร
บอกขาดขงเวียงหลักแหล่งห้วน
หลักโศกปักทรวงรักเร่รอน มาเอย
จะขาดเขตต์เทวษด้วนแด่นร้างปางไฉน ฯ
๕๔
๏ บางพลัดยินชื่อแค้นใจคอ
เจ็บเพราะเรียมพลัดหอหลัดห้อง
พลัดสุขก็ทุกข์พอแรงพี่ แล้วแม่
ยังมิหนำซ้ำพ้องพบบ้านพลัดบาง ฯ
๕๕
๏ ถึงบางบอกชื่อพร้องเพราะเสียง
ซ่อนชื่อสองบางเคียงคู่แค้น
เสมอนุชร่วมเรือนเรียงรสรัก เรียมนา
สองซื่อถือสัตย์เร้นซ่อนไว้ในทรวง ฯ
๕๖
๏ วัดสร้อยทองถะเถือกเที้ยรทองทำ
หวนคิดสร้อยจะขาบคำอะเคื้อ
สังวาลย์เวี่ยเฉวียงรำจวนบ่า เจ้าฤๅ
งามระยับจับเนื้อแม่เนื้อนพคุณ ฯ
๕๗
๏ บางละมุดคิดละมุดน้องในกะทง
เคยพี่เชิญโฉมยงปอกป้อน
บางคาบพี่ประสงค์สมรยั่ว หยอกเอย
แย้มแต่เม็ดในปล้อนเปลือกปลิ้นปลาบทรวง ฯ
๕๘
๏ ตลาดแก้วคิดแก้วแฉกวชิรฉาย
ตลาดแม่ครรไลหลายหล่างมื้อ
แสนสาวบ่าวโชยชายชมเพรียก
โอ่สะอาดนาดนวยซื้อตลาดนี้ลามา ฯ
๕๙
๏ เครื่องครัวใครไป่ต้องเตือนตัก แม่เอย
เบ็ดเสร็จการเรือนรักรอบรู้
ยลเรียมกระหายซักเรียมร่ำ ฤๅแม่
ซับทราบสิ่งใดสู้เสาะซื้อเสร็จทำ ฯ
๖๐
๏ สรรพันการช่างเจ้าผจงดี
เทียบเครื่องเอกโทตรีหยดย้อย
ชาวแม่ชื่นชมฝีมือมิ่ง
ร้อยช่างชุนช่างร้อยปักร้อยแปดเป็น ฯ
๖๑
๏ คิดยามเรียมแกล่กล้ำกระยาหาร
ผัดพักตร์นั่งแนบพานเพิ่งยิ้ม
พลางวีแซ่พลางสารเสนอบอก
เรียมอร่อยพลอยเพลินลิ้มโลดลิ้นเหลือหวาน ฯ
๖๒
๏ จากงามปามโศกซ้ำแสนระกำ มาแม่
ฤๅรับกระยาคำหนึ่งเข้า
จะกลืนขื่นขมรำฦกแม่ คอยแม่
รินสุชลปนเคล้าคลื่นแค้นคอคาย ฯ
๖๓
๏ ตะนาวศรีสีน้องใช่ชาวตะนาว
สีแม่สีไสสาวสะอ้าน
พิศขำก็ขำขาวควรสวาท แม่เอย
สีตะนาวขาวด้านดื่นบ้านตะนาวศรี ฯ
๖๔
๏ บางสีทองถิ่นนี้ทองไหน
ถวิลว่าทองสะไบเพริศพริ้ม
ผิมพักตร์แม่นวลใยยามห่ม สะไบฤๅ
สมกับสีทองปิ้มแปดน้ำคำทอง ฯ
๖๕
๏ ตาลขวัญขวัญเนตรเนื้อนวลงาม
ยามกลับตลาดยามหยุดยั้ง
ไปเห็นพี่จะถามใครเล่า นาแม่
ขวัญจะเทียบโต๊ะตั้งแต่งให้ใครกิน ฯ
๖๖
๏ ขวัญใจไกลสุขเศร้าศรีทรง
ขวัญอ่อนนอนเอองค์โอดถ้า
สุษุมชาตินาฏนวลผจงใจขลาด อยู่แม่
นอนจะหวาดผวาคว้าพี่คว้างขวัญหาย ฯ
๖๗
๏ นางสงวนนวลแต่น้อยตรุณา มาฤๅ
เท้าแต่เพียงพสุธาบต้อง
สงสารบเดียงษาสักสิ่ง ใดเลย
แต่มโหรสพน้องห่อนได้ไปแล ฯ
๖๘
๏ ปางมาร่วมพุ่มเพี้ยงพิสมัย พี่ฦๅ
วอนพี่ไปประณาไมยพระแก้ว
ยลยักษ์วิ่งหวีดไหวใจดั่ง นี้แม่
เยียวอยู่คนเดียวแล้วอยู่ได้ฉันใด แม่เอย ฯ
๖๙
๏ กรรมใดมาเด็ดแก้วกับตน กูเอย
เรียมตกกลางหาหนบ่นบ้า
ศรีเมืองอยู่เมืองทนทุกข์เทวษ วายฤๅ
ต่างบเห็นหน้าหน้าทอดทิ้งตนตาย ฯ
๗๐
๏ นาวาชายใกล้ท่าชลธาร
แสร้งชื่นชมสลมมาลย์มิ่งไม้
สวนศรีทรสายสานต์สุขร่ม รื่นเอย
แบะผกาไม้ไหล้เลิศล้วนหวนหอม ฯ
๗๑
๏ การเกดกลกลิ่นแก้วเกศผม เจ้าฤๅ
หอมลำดวนควรชมกลิ่นแก้ม
นมนางนึกถึงนมนุชนาฏ เรียมเอง
ดูดอกนางแย้มแย้มอย่างยิ้มหยอกเรียม ฯ
๗๒
๏ จันทน์หอมหอมหื่นไห้หฤหรรษ์
เหมือนแม่เนื้อเจือจันทน์กลิ่นกล้า
จันทน์ผลผ่องเพียงพรรณผิวพักตร์ แม่แม่
นวลยิ่งนวลจันทร์เจ้าแจ่มเนื้อนวลจันทร์ ฯ
๗๓
๏ เห็นแตงติดขวั้นร่มใบแฝง
นวลแม่ยิ่งนวลแตงตกเกลื้อน
ปรางคำก่ำสีแสงใสสด
บเปรียบกึ่งปรางเยื้อนยอบช้ำยามชม ฯ
๗๔
๏ ใบโบกกลน้องกวักกรคระวี พี่ฤๅ
องค์ระทวยกัทลีอ่อนดิ้น
ปล้องเฌอแปลกปล้องศรีสอสวาท
แสงโอษฐ์บารนีลิ้นจี่จิ้มจัดสง ฯ
๗๕
๏ ลมโยนลำโยกแม้นมารยา
โอ้อำพาดูดุพาพี่ค้าง
ชงโคเฉกชงฆาเชิงไขว่
สังเวชเต่าร้างร้างเต่าไว้อาทวา ฯ
๗๖
๏ เล็บนางนึกเล็บน้องนางลง เล็บฤๅ
หว้าพี่ว่าวอนปลงปลิดเปลื้อง
แทงทวยแม่ระทวยองค์อายอับ พี่ฤๅ
พระยอมมิอยากยอมเยื้องหยิกยื้อยิงยอม ฯ
๗๗
๏ เถาวัลย์พันไม้โอบเอวรึง
กลพี่โอบเอวกลึงก่ายเกี้ยว
รากเถากระหวัดถึงฐานราก เฌอเอย
รำฦกวัลลีเลี้ยวเล่นว้างเอววัน ฯ
๗๘
๏ ลมลงทรงกลิ่นไม้หอมจรุง ใจเอย
กลอยกลิ่นเสาวคนธ์ปรุงประเนื้อ
ภมรม่วลเมาฉฉุงฉมทราบ รสฤๅ
กลพี่เมารสเกื้อกกชู้ฉมสงวน ฯ
๗๙
๏ กระดังงามาลิซ้อนสุรภี พี่เอย
หอมเล่ห์แพรสีศรีร่ำย้อม
หวนหอมพิกุลฝีมือมิ่ง แม่ฤๅ
ร้อยระเบียบเสียบส้อมส่งให้เรียมชม ฯ
๘๐
๏ ต้นรักเหมือนต้นแรกรักอนงค์ พี่นา
สละเกี่ยวกาหลงหลงสละชู้
บงจากพิบากบงใจจาก มาแม่
ระกำเพราะกรรมจำสู้โศกซ้ำระกำทรวง ฯ
๘๑
๏ มลักเห็นต้นโศกเศร้าโศกหมอง
โศกเทียมโศกของพี่ไข้
สุกกรมบ่มราคดองแดเดือด มาเอย
ไม้บสุกเรียมไหม้ก่อนไม้สุกกรม ฯ
๘๒
๏ ดอกซ้อนเคยอยู่ซ้อนสมศรี แม่นา
ดลดอกลามาลีลับแก้ว
จำปีจะนับปีจำจาก ไปแม่
จวบประจำเป็นแล้วเจ็บปิ้มจำไป ฯ
๘๓
๏ ซ่อนกลิ่นซ่อนชู้ชื่อเฉลียวใจ
เฉลียวว่าเรียมจากไกลคู่คุ้น
ลมพัดบัดใบไหวหวาดหวั่น ใจพี่
เกรงแต่ใครกระตุ้นสติเจ้าจะคลอน ฯ
๘๔
๏ ลับหลังยิ่งคลั่งคลุ้มมัวหมอง นักแม่
เกลือกมิอดใจลองเล่นชู้
ดุจจอกจ่อมในหนองแหนแน่น เนียนเอย
สุดที่เรียมหยั่งรู้บ่อเบื้องบุบสลาย ฯ
๘๕
๏ เรียมกลับจะแกล้งเลศลองดี ดูแม่
อวยแม่ลุยเพลิงลีลาศเต้า
แม้สัตย์แม่เหมือนสีดารัก รามฤๅ
จะทำขวัญแก้วเก้าแก่น้องสนองคุณ ฯ
๘๖
๏ ถึงบางบอกชื่ออ้างธรณี นั้นฤๅ
สุดกำหนดธาษตรีตราบเสี้ยง
ยามยากจากมิตรมีกายเท่า นี้เอย
เที่ยวทั่วธรณีเพี้ยงผ่อนร้อนฤๅเย็น ฯ
๘๗
๏ ดลตำบลด่านตั้งตะเหลวปัก
ขุนด่านเรียกเรือพักพี่พร้อง
บอกขุนว่าเรือรักรึงโศก มาพ่อ
มีแต่ทุกข์ประทุกท้องเพียบท้องเรือมา ฯ
๘๘
๏ ปากเตร็จปากเตร่ร้องหาใคร
เตร็จเตรียบพี่เตร็จไกลเตร่ห้อง
มาโหยคระหนในคลองเคลือก แล้วแม่
เที่ยวเตร็จเตร่เร่ร้องร่ำไห้หาสมร ฯ
๘๙
๏ ออกคลองลุแหล่งเจ้าภาษี
จีนเรียกเบิกเรือตีแต่ฆ้อง
รันทรวงพี่โสกีคงคู่ ฆ้องเอย
จะใคร่เบิกทุกข์ร้องเรียกเจ้าในใจ ฯ
๙๐
๏ บางพูดคิดเจ้าเพื่อนพจนา
ช่างพูดช่างเจรจาช่างร้อง
บรรสานบรรเสียงสาทรชื่น ใจเอย
เรียมจากแม่จะพร้องพลอดให้ใครฟัง ฯ
๙๑
๏ ป่านนี้นักนิ่นเนื้อนมพวง พี่เอย
กันเกศหรือกรองดวงดอกไม้
สระสนานปริกปรุงจวงจันทน์ผัด พักตร์ฤๅ
ฤๅนั่งคิดนอนไข้ขุ่นร้อนคอยเรียม ฯ
๙๒
๏ คิดไปใจฟุ้งซ่านชมเชิง
ใจจะบ้าใจเชิงใช่ใบ้
บ้ามิตรจิตต์ใจกระเจิงใจเฝื่อน ใจเอย
ใจบเป็นใจให้ห่วงเจ้าหัวใจ (ดิรบารนี) ฯ
๙๓
๏ บางพังเป็นพื้นแผ่นดินยัง พังนา
รอยว่าทุกข์ประดังดังทุกข์ข้อย
แม้ทรวงพี่เป็นหนังผืนแผ่น ดินฤๅ
จะเปื่อยพุทะลุย้อยยิ่งบ้านบางพัง ฯ
๙๔
๏ ถึงบางโควัดบ้านอึงอัด
โคบเห็นเห็นวัดเพริศแพร้ว
โคทรงพระองค์ทัดจันทร์ยาตร มาฤๅ
พระช่วยประสาทพรแก้วกับข้าคืนสม ฯ
๙๕
๏ อ้อยขายรายเรียดร้านรามัญ
บงคิดอ้อยดวงจันทร์จักชิ้น
จรุงรสบุหงาควันเทียนเทียบ มาฤๅ
มรุรชิดติดลิ้นพี่แล้วฤๅลืม ฯ
๙๖
๏ ยลตะลุ่มยี่ปุ่นชั้วอรชร พี่เอย
จานเลื่อมลายทองสมรมอบให้
ห่อนแม่บังอรอิงค่าง อยู่แม่
ยลแต่ชาวไพร่ใช้ชอกช้ำใจถวิล ฯ
๙๗
๏ ยาจันหมากดิบเจ้าเจียนจำ ปาฤๅ
ผจงจีบพลูเหลืองลำแสล้ม
กานพลูกรบูรรำหัดรส ให้ฤๅ
ขวดจรไนใส่แง้มหีบไม้มฤดมา ฯ
๙๘
๏ สงสารทุกสิ่งน้องนางหา มาแม่
จากจะนับทีวาเหี่ยวแห้ง
แรมรสดำฤษณาไฉนนาฏ เรียมเอย
ตรอมวิตกอกแล้งสวาทแล้วเหลือทน ฯ
๙๙
๏ บ้านใหม่บใหม่แม้นสมญา
เรือนรุกรุงมุงคาแฝกพี้
คิดหอระหงฝากระดานใหม่ แม่เอย
งามตระหง่านปานนี้นุชน้องครองไฉน ฯ
๑๐๐
๏ สงสารเยาวอยู่ห้องอาทวา ใจแม่
เย็นย่ำยามไสยาเยี่ยมมุ้ง
ไป่เห็นพี่จะหาหาเปล่า แล้วฤๅ
จะทอดกายฟายฟุ้งเฟียดไหม้ใจกะสัน ฯ
๑๐๑
๏ จะกอดเขนยแนบเนื้อนอนกระหึม ฤๅแม่
สะไบพี่เปลี่ยนจะคฤมคลี่หุ้ม
จะชื่นอุราจึมใจเท่า พี่ฤๅ
สะไบจะผิดพักตร์คลุ้มคลั่งแล้วใครโลม ฯ
๑๐๒
๏ เผยแกลแลซ้ายลอบเหลียวขวา แม่ฤๅ
ปางเมื่อสระพักตราตื่นเช้า
ไป่เห็นพี่คอยตาตากคร่ำ อยู่แม่
จะโศกสะอื้นคืนเข้าหับห้องหวนโหย ฯ
๑๐๓
๏ คันฉ่องคันเช็ดหน้านวลนาง ไฉนแม่
ผ้าจะซรับสุชลตางซรับน้ำ
สางเสยเสนียดสางศกแสก เสียฤๅ
จะว่างสระคละเคล้าคลี่ช้องมวยสยาย ฯ
๑๐๔
๏ แว่นฉายวางม้านากกนกทอง แม่เอย
เคยพิมลพักตร์มองผัดแผ้ว
สงสารแม่โศกหมองใจจาก พี่ฤๅ
น้ำเนตรจะหยดรดแก้วซบก้มกำศรวญ ฯ
๑๐๕
๏ แหนบนากจากนุชแล้วลืมถอน ไรฤๅ
เล็บจะลืมเจียนนอนนับนิ้ว
ไม้สอยซ่นงางอนงามสรัพ พี่เอย
จากจะวายวาดคิ้วขาดค้างเขียนไร ฯ
๑๐๖
๏ โถตะคันเคยอบน้ำนวลละออง อาบเอย
จะว่างอ่าองค์หมองหม่นคล้ำ
ปริกปรุงประทิ่นทองวายทาบ ทาฤๅ
จะลูบแลแต่น้ำเนตรไล้ชะโลมสรง ฯ
๑๐๗
๏ ยิ่งคิดก็ยิ่งโอ้อาไลย แม่นา
คิดบสมอกใจข่อนข้อน
ดูใดบมีใดดับทุกข์ เรียมเอย
ยิ่งรักก็ยิ่งร้อนยิ่งร้อยพันทวี ฯ
๑๐๘
๏ เรือจรจรล่ำเลี้ยวลมวู
ลุโคกช้าพลูดูสะดื้น
สำลอหลากช้ามลูแมลงลัก นางเอย
โรยเซ่นซอยฝอยฟื้นน่าน้ำยานาง ฯ
๑๐๙
๏ โคกช้าจากช้าโคกระคางใจ เจ้าฤๅ
พลูทิพย์สันฐานไฉนม่ายม้าง
แรมรสสุหร่ายใครสรงโสรจ แม่นา
แรมชื่นช้าพลูค้างโคกร้อนรานระแหง ฯ
๑๑๐
๏ ทองหลางรายเรียดน้ำแนวสฐาน นี้ฤๅ
ฦๅว่าโจรจองผลาญชีพผู้
แม้โจรจะสังหารหารฤทธิ์ เรียมฤๅ
ใจจะสู้สุดสู้ศึกร้างฤทธิ์สมร ฯ
๑๑๑
๏ บางหลวงเชิงราคร้อนทรวงครวญ
เรียมติดการหลวงหวนละห้อย
เชิงราคคิดเชิงชวนเชิงร่วม รักแม่
เชิงพี่รู้เชิงร้อยช่างรู้เชิงเรียม ฯ
๑๑๒
๏ สงสารวันส่งน้องนอนหอ
นุชบเคยใจคอครึดครื้อ
เรียมตรลอกลองขอโลมและ เลียมแม่
หวาดจะหนีพี่ยื้อยอบรั้วกลัวเรียม ฯ
๑๑๓
๏ เรียมแข้นนุชเคียดแค้นขัดขวาง พี่ฤๅ
เรียมฤฟังคำนางเหนี่ยวเคล้า
สังเวชทุเลาครางครวญคร่ำ น้อยฤๅ
ต้องค่อยรอรักเล้าลูบเล้าเอาใจ (แม่นา) ฯ
๑๑๔
๏ เคยนอนสนุกนิแนบเน้นนมนวล อกเอย
กรประกิดกะเบนกวนแกะนิ้ว
เจิมจูบลูบปรางสรวลเสสวาท แม่แม่
พลางแผละเพลาเยาวพลิ้วเพลี่ยงค้อนเคืองขนาง ฯ
๑๑๕
๏ ขี้อายแอบซ่อนเร้นเรียมลอง ใจแม่
ยื้อหยอกเยาวงาของขอดม้วน
แต่สองแต่สองสองราร่วม กันเอย
ยังไป่เคียงถนัดถ้วนถ่องแท้ทางเกษม ฯ
๑๑๖
๏ ปางเรียมลอบเล่นชู้ชายา น้อยฤๅ
เชิงช่างหึงษ์ประหารฝาลอบล้อ
ทุบโถประเทียดสาใจพี่ ฤๅแม่
ปอบเท่าปลอบยังพ้อพี่สู้อดออม ฯ
๑๑๗
๏ เรียมผิดเรียมคิดรู้อดออม
สมรมิตรผิดฤๅยอมเท่าเผ้า
สรรพัตรพี่จะถนอมใจแม่ นาแม่
ยังบได้ใจเจ้าจากได้ใจคอ ฯ
๑๑๘
๏ ถึงวัดไก่เตี้ยตกตะลึงตรอง
รฦกไก่จำเรียงสนองสนั่นจ้า
แถลงยามพระหามสองราตื่น แล้วแม่
เรียมกระไดล้างหน้าไก่แก้วกับสมร ฯ
๑๑๙
๏ ถับถึงสามโคกอ้างออกนาม
ยินโคกแสยงขนกามเกิดเก้อ
สงสารโคกยำยามแรมรัก อยู่แม่
จะชรลืนลอนเฟ้อใฝ่สร้อยคอยสนาน ฯ
๑๒๐
๏ สามโคกบอกโคกน้อยนารี พี่ฤๅ
สามใช่โคกสามศรีเศษห้า
อายโอษฐ์อวดดีหลีแสลงปาก แล้วแม่
กระเพื่อมพูนนูนฟ้าฟ่องเฟ้นเฟือนสวรรค์ ฯ
๑๒๑
๏ บ้านงิ้วยินชื่องิ้วชำงือ
จากเจ็บเหน็บใจปือปวดร้าว
เจ็บรักระริบคือคมกรด นาแม่
ยงยิ่งหนามงิ้วง้าวงอกแย้งแยงทรวง ฯ
๑๒๒
๏ บางกระบือตระบะเบื้องกระบือรอน ณรงค์ฤๅ
กระบี่ตัดกระบาลตอนตกกลิ้ง
เสมอคมดาบเวรฟอนฟันสวาท พี่แม่
ฉะยอดหัวใจทิ้งเทวษไว้ในนาง ฯ
๑๒๓
๏ ยลละเมาะเกาะงอกเงื้อมงำชล
เกาะใหญ่สมญายลใหญ่แท้
เกาะรักเกิดกลางหนหัวอก กูเอย
เกาะบแอ้เรียมแอ้อกแล้วเหลือทน ฯ
๑๒๔
๏ ลานเทลานพร่ำทิ้งเทใด
วานช่วยเททุกข์ใจจากเจ้า
นางเททอดอาไลยลาญทับ มาแม่
เหลือที่ทนจึ่งเฝ้าฝากบ้านลานเท ฯ
๑๒๕
๏ บางไทรไทรเทพไท้สิงสฐิต นี้ฤๅ
โอบพระอนิรุทธ์ฤทธิ์ร่อนฟ้า
วางสมอุษานิทรถนอมแนบ นางเอย
วานพระถ่อมถนอมข้าคู่ค้างคืนสม ฯ
๑๒๖
๏ ไป่รับสังเวชอ้อนวอนไฉน พระเอย
ขยับแต่ใบไหวไหวบเว้า
เห็นเผือบมีใดสนองเดช พระฤๅ
น้ำเนตรพอสรงเท้าท่านคุ้มคุณสนอง ฯ
๑๒๗
๏ ปากสาปประสิทธิทราบแล้วบเฉลย พรพ่อ
กรสี่ผทมสินธุ์เฉยช่างแกล้ง
พันเนตรพระเล็งเลยโลกมนุษย์ ไปฤๅ
แปดโสตรฟังบแจ้งเจ็บร้อนเรียมไฉน ฯ
๑๒๘
๏ ร่ำพลางทางบ่ายข้ามคำนึง
เรืองวกตกวนตึงดื่มด้น
พลางเรียมเร่งพลขึงแข็งเรี่ยว
เพรียวผงาดผาดวนพ้นพุ่งเข้าเขตต์แคว ฯ
๑๒๙
๏ แสนมหาสคเรศห้วยละหานธาร ใดแม่
เรียมจะโดดโลดหาญห่อนคร้าม
ชเลเลกล่มสงสารสักกะเปาะ กรเอย
สุดที่เรียมจะข้ามอ่าวพ้นวนตาย ฯ
๑๓๐
๏ ยามเย็นสุริเยศเยื้องยอแสง
ลุลัดศาลาแดงแดดคล้อย
กำดัดกำเดาแสยงสยองอก เรียมเอย
แลเล่ห์สายเลือดย้อยหยาดน้ำตาเรียม ฯ
๑๓๑
๏ สองตราบจรีจรอกทึ้มภูมิฐาน
ออกท่งทิวพฤกษลานลิ่วโล้ง
เหมือนฉากช่างเขียนผสานศิขรเมฆ ไม้เอย
วงรอบขอบเตียงโค้งค่างมุ้งนางนอน ฯ
๑๓๒
๏ กระแสสินธุ์ใสสะอาดล้ำไหลเย็น ใจเอย
ตระล่งเห็นเป็นแฉวว่างเวิ้ง
มัตสยาซ่าเซ็นเห็นตัวคล่ำ อยู่แม่
กลกะถางนางเลิ้งอ่างตั้งกลางชลา ฯ
๑๓๓
๏ บางบัวตูมเต่งตั้งบังใบ
คิดคู่บัวจันทร์ใจสั่นเริ้ม
ครั้ดเคร่งเต่งโตไตติดอก อยู่แม่
อยากใคร่บีบบัวเยิ้มย่ามยื้อมือเผยอ ฯ
๑๓๔
๏ สาหร่ายสายติ่งต้นสันตะวา
เคยแม่ชอบภักษากรอดกร้วม
กว่าเรียมจะกลับหาหายาก แล้วเอย
จะเก็บผักบุ้งร้วมฝากเจ้ายามจน ฯ
๑๓๕
๏ จราวจริวซิวสร้อยซ่าสับสน
สลาดสลิดลอยหลังชนช่อนล้วง
กรุมตรีกล่าวพอยลยังมาก มายเอย
แม้แม่จะมาท้วงทักให้เรียมชม ฯ
๑๓๖
๏ คงเบือนเหมือนเจ้าเบี่ยงคางขบวน เบียนฤๅ
ปางพี่ยั่วยวนชวนชิดเชื้อ
นวลจันทร์จะเหมือนนวลจันทร์แจ่ม ฤๅแม่
เนื้ออ่อนอ่อนเหมือนเนื้ออ่อนโอ้อรไฉน ฯ
๑๓๗
๏ หวีเกศเพศชื่อนี้เยียไฉน ปลาเอย
เกศจะมีฤๅไรใคร่รู้
แก้มช้ำชื่อฉันใดดำนิ นางนา
ช้ำช่างปลาแก้มชู้ห่อนช้ำไยฉิน ฯ
๑๓๘
๏ เพียนทองผะผ่องพ้นพรรณฉวี เจ้าฤๅ
คล้ายแม่ผิวทองสีสุกเข้ม
ปลากรายว่ายวารีกรายกรีด อยู่ฤๅ
กลแม่กรีดนิ้วเม้มน่าผ้าลายเรียม ฯ
๑๓๙
๏ นางหัดเย็บเมื่อเข้าปลาแพง
เรียดหัดสานตะแกรงกระดุ้ง
นาลนางนั่งแนบแผงฟูมฟัก พี่นา
เตือนว่าสานห้งห้งบอกให้เห็นงาม ฯ
๑๔๐
๏ ชมพลางจะร้างย่ำสายัณห์ แล้วแม่
ฝูงพิหคเหินหันคลาศแคล้ว
ประอรประเอียงผันหาเพื่อน กันนา
โจมจิกจรรจาแจ้วจับไม้จอแจ ฯ
๑๔๑
๏ นกขมิ้นเหลืองอ่อนโอ้เรืองเรือง ตาเอย
ลอยล่องเวหาเหลืองชะอ้อน
นึกนางถนิมเหลืองนวนขมิ้น แม่นา
อวดร่างกายกรฟ้อนร่ายร้อยระบำรำ ฯ
๑๔๒
๏ โนรีพิศเจ้าพี่ประไพสม ศรีนา
สีดุจสะไบบัวนมนาฏป้อง
ลายสลายนกสีชมพูเลิศ แลแม่
กลเกล็ดพิเสนน้องนุ่งช้ำฉุยฉาย ฯ
๑๔๓
๏ สาลิกาดุเหว่าเว้าละเวงหวาน ใจเอย
แสนเสนาะนิสำนานพลอดพร้อง
เสมอเสียงแม่บรรสานซอกล่อม พี่ฤๅ
กรเร่งรำมะนาร้องร่ำช้าชะวาครวญ ฯ
๑๔๔
๏ มลักเห็นนกแก้วส่งเสียงดัง เสนาะนา
กกคู่คอนเลอหลังกิ่งแก้ว
โอโอ๊ะแต่นกยังสังวาศ กันแม่
สังเวชเรียมมาแคล้วคลาศแก้วกกถนอม ฯ
๑๔๕
๏ จากพรากจาไม้จากรังมา ฤๅแม่
เหมือนพี่พรากคฤหาหอบแห้ง
กระสวนแลกระสากะเสาะ ใจฤๅ
จับกระสังบอกแส้งโศกรู้เรียมกระสัน ฯ
๑๔๖
๏ แขกเต้าวานไต่เต้าตามลม ไปรา
เป็นแขกไปเยือนผทมที่ชู้
แถลงสารว่าเรียมกรมใจหนัก ณแม่
ให้อนงค์นุชรู้เรื่องร้อนเรียมถวิล ฯ
๑๔๗
๏ สัตวาวานร่อนร้อนเร็วเอ็น ดูรา
เชิญนุชมาทันเย็นอย่าช้า
แม้ช้าจะชวดเย็นใจพี่ แล้วแม่
เห็นแต่ศพเรียมถ้าเถิดเพี้ยงทันเผา ฯ
๑๔๘
๏ นกเหินหาข่าวแล้วเห็จหัน มาเอย
เรียมอยากยินข่าวถลันแทบล้ม
นกบบอกความตันใจพี่ แล้วแม่
ปิดแต่สะไบนางก้มพักตร์ซั้นกรรแสง ฯ
๑๔๙
๏ สุริยาลาโลกเลี้ยวไศลลง แล้วเอย
จอมพระจันทร์ผจงแจ่มฟ้า
หวนว่าพักตร์ยุพยงผยองเมฆ มาฤๅ
ถนัดว่าเดือนใช่หน้านุชน้องเรียมแหนง ฯ
๑๕๐
๏ ชมเดือนดะเด่นเรื้องรัศมี งามเอย
ทราบแต่ตัวกระต่ายสีสาบไล้
เพ็ญพักตร์แม่หมดฝีไฝฟ่า แม่ฤๅ
จะเปรียบจันทร์จันทร์ไหม้หม่นเศร้าหมางแสง ฯ
๑๕๑
๏ ดูใดในสี่ด้าวแดนสรวง ก็ดี
ฤๅชื่นเหมือนดูดวงพักตร์เจ้า
แต่ชมร่องรอยรวงไรระเบียบ ทนต์แม่
ยิ่งกว่าชมแก้วเก้าเกิดล้ำเลิศไศล ฯ
๑๕๒
๏ คิดเคยปานนี้นั่งในเฉลียง หอเอย
อวยแม่ตามโคมตะเกียงครอบแก้ว
ผัดพักตร์ชรหลอบเมียงสมานเนตร เรียมฤๅ
นวนประทะประทีปแผ้วผ่องพ้นพิศวง ฯ
๑๕๓
๏ ปางเรียมทายกล้องถ่ายถนำกำ ไว้แม่
เยาวหยิบชุดจุดประจำป่าวจิ้ม
พลางหยิบสลาคำวางหัตถ์ พี่แม่
พลางพี่ยุดนางยิ้มยอบสะเทิ้นเมินหมาง ฯ
๑๕๔
๏ บางคาบชวนนุชน้องจำนรรจ์
อวยแม่อ่านโคลงฉันท์แช่มช้า
ลิลิตลักพันธ์กลอนพาด ไปแม่
เสนาะสำเนียงนุชจ้าจบแล้วฦๅละเวง ฯ
๑๕๕
๏ บางคาบชวนนุชตั้งตีสะกา พะนันนา
ลางเปลี่ยนกลกรีฑาต่อแต้ม
ขวยพักตร์พี่อัปรานางร่ำ ไปแม่
พลางแม่หะเหยเย้ยแย้มยั่วย้วนสรวลสรร ฯ
๑๕๖
๏ หลัดหลัดมาพลัดน้องเนาไกล แล้วแม่
โฉมแม่ปลุกอาไลยล่อเล้า
ยังคิดพี่ติดใจติดอก อยู่เอย
ทั้งติดตาหน้าเจ้าจากแล้วฤๅลืม ฯ
๑๕๗
๏ ถับถึงกลางย่านด้าวเดือนตก
มืดบเห็นทางสะทกสะท้าน
คลำคลองร่องรอยรกเรียมป่วน ใจเอย
อุส่าห์แหวกแฝกฟ้านฝ่ายหญ้าหาทาง ฯ
๑๕๘
๏ ปะโคกเป็นโขดแห้งหาดเหิน
คูแคบเข็นคับเขินขัดน้ำ
เรียมลงถ่อไถลเดินเดาดะ ไปเอย
พอสบร่องเรียมซ้ำส่งท้ายเรือโคลง ฯ
๑๕๙
๏ ตกลุ่มลมพยุโย้โยกยัน
ถ่อบถึงดินดันมิดด้ำ
คลื่นหัดคัดแคมผันเพียงล่ม
พอสงบลมพอน้ำท่วมท้องเรือฟูม ฯ
๑๖๐
๏ เรือล่มจะกู้ล่มลอยเรือ คืนแม่
แต่พุก่สมเกลศเหลือที่รู้
ยังเป็นปุถุชนเฝือรักตราบ ใดนา
สุดที่เรียมจะกู้เกลศให้กายลอย ฯ
๑๖๑
๏ ปากกรานกรานกราบไหว้ใครวาน
ฤๅปากจะคอยขานข่าวเจ้า
บอกสมรอ่อนคำหวานวอนพี่ นั้นฤๅ
ค่อยหมอบกรานกราบเท้าบอกถ้อยทางแถลง ฯ
๑๖๒
๏ จะหามารยาทแม้นเสมอสมร มีฤๅ
ละม่อมแมนอัปสรสะพร้อม
นั่งเดินและยืนนอนสงวนเสงี่ยม งามนา
จับแต่งานง้อมง้อมอยู่เงื้อมสงสาร ฯ
๑๖๓
๏ ยามนอนนุชนวดไคล้ไคลเคล็น พี่แม่
ลางกระพือพัดเย็นรื่นเร้า
บำเรอพี่คือเป็นเทพบุตร นางนา
ยามนิทรากราบเท้าพี่เที้ยรประดิทิน ฯ
๑๖๔
๏ ว่านอนสอนง่ายทั้งเกรงกลัว
สดับนิโดยใจผัวแช่มช้อย
เรียมสงวนยิ่งสงวนหัวใจพี่ อีกแม่
สงวนบผิดใจน้อยจิตต์น้องจากไฉน ฯ
๑๖๕
๏ ยามดึกดาวสว่างด้าวเดือนดับ
ดูดั่งดวงโคมระยับระย้า
ลับแลจะแลลับแลลิ่ว ลิบเอย
อัจกลับจะกลับช้าชวดชู้ชมโฉม ฯ
๑๖๖
๏ แจ้วแจ้วจักจั่นร้องเรไร เรื่อยเอย
ว้าว่าเสียงสายใจพร่ำพร้อง
พลิกถนอมวรนุชไฉนนอนหวาด ฤๅแม่
ถามเท่าใดใยน้องนิ่งได้ไป่แถลง ฯ
๑๖๗
๏ นาฬิกาบอกย่ำแล้วฤๅหลับ ลงแม่
เห็นแต่โฉมไว้วับคลับคล้าย
มะเมอเรียกรับขวัญรับมาแม่ เชิญแม่
หว่าผวาขวาซ้ายก่นสิ้นสุดเสียง ฯ
๑๖๘
๏ เจ็บจากเจ็บหั่นห้ำหฤไทย พี่นา
สุดจะหยิบยาใดดับเชื้อ
ยาเดียวยอดยาใจจอมสวาท พี่เอย
พอจะยาโรคเรื้อราคร้อนเรียมหาย ฯ
๑๖๙
๏ ออกลัดลุเขตต์เข้าคลองตะเคียน แล้วแม่
ดูตะเคียนดาษเดียรค่อมโค้ม
ขอนางตะเคียนเวียนระวังมิ่ง แม่รา
ให้แม่ครองชีพโน้มเสน่ห์ถ้าเรียมถึง ฯ
๑๗๐
๏ ออกคลองจะร้างรุ่งเรียงไถง แล้วแม่
แสงหิรัญอุไรพร่างพร้าง
เมฆหมอกชรมัวไขขจรร่วง โรยเอย
หนาวพิรุณน้ำค้างครั่นแค้นคนึงโฉม ฯ
๑๗๑
๏ ถ้าพระพระจะถ้าคอยถาม เรียมฤๅ
เรียมจะขอสั่งความเรื่องน้อง
แม้สมรแม่มาตามเตือนเร่ง เร็วรา
บอกว่าคงพบพ้องพี่ถ้าวังจันทร์ ฯ
๑๗๒
๏ สวนหลวงหลวงบได้นำพา
คงแต่สวนพฤกษาโค่นเค้
สวนนุชบุษบาดาฤดูดอก แล้วแม่
เรียมพิโยคโยกเย้ยับบ้างยังไฉน ฯ
๑๗๓
๏ อารามนามชื่อแท้ธรรมา
เขาเรียกธารมาตราชื่อใช้
แถลงทุกข์ที่นางธารมานพี่ นั้นฤๅ
ให้ตกธารกรรมไหม้อยู่เที้ยรธารมา ฯ
๑๗๔
๏ หัวแหลมแหลมเลื้องชื่อใครชม
ฤๅเท่าแหลมเนตรคมนุชค้อน
ลับสายเนตรนางสมแสนโยชน์ มาแม่
ยังนึกปลาบทรวงย้อนอยู่แล้วเหลือแหลม ฯ
๑๗๕
๏ ชาวแพขายแผ่นผ้าพรรณแพร
เครื่องมาศขาวเหลืองแลเลื่อมพร้อย
ขายเพ็ชร์เม็ดพลอยแถงถงาดเงื่อน งามเอย
ฤๅเทียบแหวนเพ็ชร์ก้อยก่องนิ้วนางกราย ฯ
๑๗๖
๏ ตรวจสาวทุกทั่วด้าวแดนสฐาน มาแม่
ฤๅเทียบละอองบทมาลย์แม่ได้
ไป่เห็นที่สงสารสักหยาด หนึ่งเลย
ชอบแต่เป็นช่วงใช้เช็ดเท้านางนอน ฯ
๑๗๗
๏ นางใดในโลกแม้มีดี ก็ดี
เขาใช่เพื่อนชีพีเท่าเผ้า
เห็นแลแต่นารีรักร่วม ใจเอย
ควรจะกล่อมกลืนเจ้าจ่อมไว้ในแด ฯ
๑๗๘
๏ หวังฝากชีพน้องเมื่อเรียมมี ชีพนา
จะฝากศพมานศรีเมื่อม้วย
มาจากจะฝากผีใครเล่า นาแม่
ตายก็ตายดายด้วยจะได้ใครเผา ฯ
๑๗๙
๏ ยิ่งคิดชลเนตรซั้นโทรมไหล ลงแม่
คิดก็เหลืออาไลยพี่แล้ว
ปางใดคิดฉันใดใดดั่ง นี้เอย
จึงจะพลันสมแก้วพี่ให้คลายถวิล ฯ
๑๘๐
๏ คลองธ่อเป็นธ่อน้ำเขาไข
ทดซึ่งชลขังในอัดอึ้ง
ธ่อเนตรพี่นองไหลเนืองนิตย์ อยู่เอย
ทดสุชลโศกซึ้งไป่สิ้นสุดกระแส ฯ
๑๘๑
๏ ถึงวัดเชิงถ้าเคร่าคอยใคร
เชิงพระบเยื่อใยอยู่ถ้า
เรียมจากแม่จงใจจองเคร่า พี่ฤๅ
ฤๅระคายข่าวช้าหลากแล้วนางลืม ฯ
๑๘๒
๏ วัดนี้เผือแต่น้อยนักเรียน นั้นฤๅ
เคยสำนักนิจำเนียรอยู่นั้น
เจริญวัยคระไลเสถียรกรุงเทพ ฯ
ต้องติดราชการหั้นห่อนเมื้อคืนเมือง ฯ
๑๘๓
๏ พลางฉลองอุรุเวศรั้งรอรี
จ่องจอดแพชนนีเกอดเกล้า
ประยุรญาติเกษมศรีเยือนเยี่ยม เรียมเอย
ถามไถ่ทุกข์สุขซ้ำแซ่ซ้องสโมสร ฯ
๑๘๔
๏ เสร็จลามาลุคุ้งเขตต์คลอง สระบัวนา
บงบมีบัวหมองหม่นไหม้
ถวิลสระประทุมทองทิพยมาศ แม่เอย
จากจะกลัดกลีบไข้ขอดเร้นแรมสนาน ฯ
๑๘๕
๏ ถึงจวนจวนเก่าครั้งคราวไหน
จวนชำระความใครก็ได้
วานจวนชำระใจความทุกข์ พี่รา
จวนเจ็บจวนตายให้เหือดร้อนรำจวน ฯ
๑๘๖
๏ ถึงท่าสิบเบี้ยน่าสงไสย
โอท่าราคาไฉนต่ำเตี้ย
เสมอจากพี่ยากใจจนยิ่ง จนฤๅ
จนกว่าท่าห้าเบี้ยบได้ใครประสงค์ ฯ
๑๘๗
๏ บ้านม่อคิดม่อทั้งกะทะทอง
นางก่อไฟทำของเขี่ยคุ้ย
เคยทำไข่หวานสองยามยั่ว ใจเอย
อวยพี่ปามปุ้ยปุ้ยป่านนี้นอนคอย ฯ
๑๘๘
๏ วัดแม่นางปลื้มปลุกปลอบใคร
นางบเห็นนางไฉนนิ่งคฤ้าม
ถวิลถึงแม่ปลื้มใจปลอบจิตต์ พี่เอย
ยามสนุกนิเคยปลุกปลื้มกลับปล้ำระกำกิน ฯ
๑๘๙
๏ ถึงรอเรียมก็รั้งเรือรอ ดูรา
รออยู่เพราะรอตอตอกตั้ง
รอรักเมื่อเริศหอรอห่วง มาเอย
แรมทุกข์รอถ้าทั้งรักทิ้งรอทน ฯ
๑๙๐
๏ เรือลิวบรรลุด้าวดำบล วังเอย
จอดท่าถอนใจรนราคเร้ง
จากมิตรคิดถึงตนตากเทวษ อยู่แม่
ลอยแต่เรือเท้งเต้งตกไร้ใครแล ฯ
๑๙๑
๏ เสียดายกรุงเก่าด้าวดูอธึก
สนุกนิพรรฦกใดเปรียบได้
ไป่ควรจะเสียศึกแสนม่าน มันเลย
กลายกลับเป็นป่าไม้หมดสิ้นสงสาร ฯ
๑๙๒
๏ แม้กรุงยังสุขบ้านเมืองดี อยู่ฤๅ
เราก็ชาวกรุงศรีหนึ่งบ้าง
เมืองเป็นพนาลีลำบาก แล้วพ่อ
เรียมก็ต้องตกร้างยากไร้ไกลเมือง ฯ
๑๙๓
๏ บุญพระจอมเจ้าหากปรุงเปรม
สฤษดิวังจันทรเกษมก่อสร้าง
สนุกนิปลุกใจเอมอกราษฎร์ แลพ่อ
เทียรผดุงกรุงมล้างล่มแล้วลอยคืน ฯ
๑๙๔
๏ จันทรเกษมสนุกนิเพี้ยงวังสวรรค์ แลฤๅ
แต่พี่จากดวงจันทร์เจ็บช้ำ
มาดลเกษมสรรสมศุข แล้วแม่
ยิ่งพิโยคโศกซ้ำโรคร้ายฤๅเกษม ฯ
๑๙๕
๏ ทุกชายเขาแซ่ซร้องสุขสานต์ นาพ่อ
ร่อระบำรำขานขับร้อง
แต่ตนพี่เลวลาญทัดเทวษ อยู่เอย
ตรอมวิตกแต่น้องพี่นี้นางเดียว ฯ
๑๙๖
๏ ทุกไททุกท้าวทั่วนิทาน ใดพ่อ
จากคู่ควรสงสารโศกเศร้า
โหยหวนบหึงพานพบคู่ ท่านนา
แต่พี่ร่ำทรวงเร้าคู่ร้างฤๅคืน ฯ
๑๙๗
๏ ฤดูหนาวหนาวเหน็บเนื้อนอนไกล นุชเอย
ลมเฉื่อยชายหัวใจริ่วริ้ว
อังกุณฑ์อุ่นผืนสไบระบมแดด ก็ดี
ฤๅเท่าอุ่นอายนิ้วหนึ่งน้องอังถนอม ฯ
๑๙๘
๏ ฤดูร้อยแดดร้อนผ่าวพอทน
พอต่กลมชะโลมชลชื่นได้
ร้อยแดฤดีดลใดดับ ได้เอบ
ได้แต่ดับโดยไล้เสน่ห์น้ำใจนาง ฯ
๑๙๙
๏ ฤดูฝนมลเมฆคลุ้มทรวงแครง
ชลเนตรคือเผลียงแผลงพล่านหล้า
สายพิชชุ์เปล่งเปลวแสงสายเนตร เรียมเอย
เสียงพี่สุดเสียงฟ้าครั่นคฤ้านครวญโฉม ฯ
๒๐๐
๏ ดวงเดียวงามล่มฟ้าธาษตรี
โฉมแม่ปลุกโลกีย์กึกก้อง
เทพดาทุกราศีเสริญรูป รักแม่
ลางมนุษย์ติน้องเพื่อน้อยใจงาม ฯ
๒๐๑
๏ อ้าสองปรางทิพยเที้ยรปรางทอง พี่เอย
ประธูปทิพย์ใยยองยักยิ้ม
จูบฉมชื่นใจของเรียมหนัก ณแม่
จากระคายฆานปิ้มป่วยซ้ำสลำสลาย ฯ
๒๐๒
๏ เคยใดไคลเดาะเคล้นคลึงดวง แม่นา
ปลุกฤดีตื่นหื่นหวงทั่วห้า
ถนอมกอดยอดยันทรวงแสนชื่น แล้วแม่
จากอ่อนกรกายอ้าอกโอ้อมหนอง ฯ
๒๐๓
๏ เคยสรงสระทิพย์ถ้ำนที แม่นา
มังกรชูวชิรลีแล่นเลื้อย
เกลือกบุษป์กระบอกศรีโสรจสร่าย สร้อยเอย
เย็นยิ่งอมฤตย์เจื้อยจากเจ้าเจียนตาย ฯ
๒๐๔
๏ เคยพักตร์สมพักตร์เพี้ยงพิมพ์เดียว กันแม่
ทรวงเกลือกดำตรุงเกลียวกล่อมกลั้ว
ท้องสแทบอุทรเสียวสังวาศ แม่นา
สนุกนิดินฟ้ารั้วราคเร้งรนสมร ฯ
๒๐๕
๏ เคยกรควักไขว่เกี้ยวกรกัน
ไปล่ประหวัดเอววันวุ่นว้า
ชงฆ์เวียนเปลี่ยนปลีผันเพลงพาด แม่แม่
ทุกละบองลองถ้าทั่วท้องผทมสวรรค์ ฯ
๒๐๖
๏ สบสุขสบโสตแส้งกระซาบถาม ความแม่
เคยโอษฐ์อรออกความลับให้
พลางประหยัดยำยามรอร่อ รักเอย
สวรลสนุกนิไล้ไล้เล่นล้วนรฦกเห็น ฯ
๒๐๗
๏ เที่ยวรอบขอบฟ้านอกซอกแมน ก็ดี
จักรพาฬโกฏิแสนสุขโพ้น
ฤๅเทียบพี่เที่ยวแดนดงเสน่ห์ นางเอย
หลายเล่ห์สนุกนินั้นโน้นนึกได้ไป่ลืม ฯ
๒๐๘
๏ รสไผททิพย์ง้วนเกิดเดิมกัลป์ ก็ดี
รสทิพย์อัปสรสวรรค์หกห้อง
รสรัตนสุดาจันทร์จักรราช รมย์ฤๅ
ฤๅเท่ารสรักน้องพี่ครั้งคราเดียว ฯ
๒๐๙
๏ สุชาดาตยุติ์เยื้องหยาดสรวง ลงฤๅ
ฤๅรัตนอุดรดวง แท่งแท้
แปลงโฉมนุชโลมลวงโลกล่ม แล้วแม่
ดูประเสริฐเลิศแล้แต่น้องนางเดียว ฯ
๒๑๐
๏ มหิสีศีวราชอ้างเอาองค์ แม่ฤๅ
แบ่งภาคเป็นโฉมยงเหยียบแป้น
เกศินีกฤษณแลงลงลองรูป ฤๅแม่
โฉมจึ่งบาดใจแม้นแม่เจ้าหัวใจ พี่เอย ฯ
๒๑๑
๏ พระศุลีมาลอบล้วงดวงใจ พี่ฤๅ
ฤๅควักมณีเนตรไปชุบปั้น
ดป็นโฉมนุชประไพมอบพี่ มาฤๅ
โฉมจึ่งบาดตากลั้นกลัดน้ำใจตาย ฯ
๒๑๒
๏ โฉมมณฑาเทพท้าวธารทิพย์ พี่เอย
เคยชื่นชมดมหยิบหยอกได้
ไฉนน้องล่องลมลิบลอยลิ่ว ลับเอย
แกล้งจะล่อพอให้พี่ม้วยเป็นผี ฯ
๒๑๓
๏ วันเดือนปีเลื่อนแล้วลับพักตร์ แม่เอย
เรียมตรากโศกโรครักรูปน้อง
ทุกข์เหลือที่ทุกข์ดักดาลเทวษ อยู่แม่
ทุกข์ทุกหายใจข้องเสน่ห์ค้ำคาทรวง ฯ
๒๑๔
๏ เคยชื่นทุกค่ำเช้ายามเย็น
เคยที่เห็นไป่เห็นละห้อย
หัวใจจะกระเด็นจากร่าง ไปแม่
ใจพี่ฤๅยังน้อยอยู่นี้นิดเดียว ฯ
๒๑๕
๏ ยามอาบอาบแต่น้ำเนตรริน โรยเอย
ยามนั่งนั่งทุกข์ถวิลนั่งไข้
ยามกินก็โกยกินระกำร่ำ มาแม่
นอนก็นอนอนาถไห้ห่วงน้องนอนคอย ฯ
๒๑๖
๏ ศรีปราชญ์สามปราชญ์ทั้งตรังนรินทร์ ก็ดี
จากมิตรคิดกลอนถวิลกล่อมเกี้ยว
โคลงพิพิธสั่งยินยมอยู่ ฤๅพ่อ
ฤๅเท่ากระผีกซีกเซี้ยวโศกร้างเรียมกะสัน ฯ
๒๑๗
๏ หน่วงสอรอดาบคั้นสังขาร เสียฤๅ
ตายบตายใจหาญแล่เนื้อ
สติตริเวรผลาญพลัดพราก อีกเอย
ห่วงบเห็นหน้าเงื้อง่าง้างงดใจ ฯ
๒๑๘
๏ สุดสายนัยน์เนตรส้องสอดสมาน แม่นา
สุดโสตทราบสำนานข่าวชู้
สุดเสียงจะสื่อสารสุดสั่ง แล้วแม่
สุดฤทธิ์พี่สุดรู้สุดสู้โศกสมร ฯ
๒๑๙
๏ สุดรักหักห่วงชู้ครองชนม์ พี่เอย
สุดคิดจะคืนระคนร่วมสร้อย
สุดเหลือกำลังทนทุกเทวษ ไปแม่
สุดละเหี่ยโหยละห้อยหอบแห้งหัวใจ ฯ
๒๒๐
๏ แม้พี่มีชีพเพี้ยงพันกัลป์ ก็ดี
พันมวธ ๆ ละพันโอษฐ์ด้วย
โอษฐ์ละโอษฐ์พันอันชิวหะ ก็ดี
จะร่ำรักตราบม้วยไป่สิ้นเสร็จสาร ฯ
๒๒๑
๏ อากาศเป็นสมุดแม้เป็นลาน เล่าฤๅ
ดินดั่งหมึกละลายธารทั่วท้าง
เมรุจดจานปานปากไก่ ก็ดี
จาฤกรักเรียมร้างร่ำแล้วฤๅหลอ ฯ
๒๒๒
๏ ทุกข์พี่มีรูปเพี้ยงกายสะกอ แลฤๅ
จักรพาฬฤๅพอแผ่กว้าง
พรหมโลกว่าสูงหลอสุดโลก แล้วแม่
จะโตรจกลบลบล้างล่มล้มพรหมสฐาน ฯ
๒๒๓
๏ ทรวงพี่เพียงนี้จะอาจผจญ โศกฤๅ
ฤๅจะรับทุกข์ทนท่วมฟ้า
ผอุกกระอืดมืดมนตาพร่าง แล้วแม่
ทุกข์ตรลบฟ้าหล้าแหล่งล้วนแลเหลือง ฯ
๒๒๔
๏ เพลิงราคโพลงโลกปิ้มเป็นควัน แล้วแม่
ชลเนตรพี่ไหลทันดับได้
บุญบเกิดไฟกัลป์เถกิงโลก ขึ้นเอย
หาไม่มนุษย์เทพไหม้มอดม้วยหมดสรวง ฯ
๒๒๕
๏ เรียมโศกตายสยบสิ้นสามวัน
ไปสู่ยมบาลควันราคกลุ้ม
ยามราชบอาจผันพักตร์พบ พี่เอย
มาส่งคืนจึงคุ้มชีพค้อยคงเป็น ฯ
๒๒๖
๏ ดินละลายหายฟ้าโค่นขุนไศล แหลกฤๅ
ล้างแต่โลกอาไลยบล้าง
สูรย์จันทรไกษยสูญกัลป์ ก็ดี
ร้างไผทไป่ร้างเสน่ห์น้องนิจสิน ฯ
๒๒๗
๏ ดับชีพเกิดใหม่ร้อยพันทวี ไปแม่
ขอสบโพธิสมศรีเศกซ้อม
เฉกองค์อัครมุนีในก่อน กาลเอย
ไปนิพพานไปพร้อมกับเจ้าจึงไป ฯ
๒๒๘
๏ นุชเอยพี่ร่ำร้างรักนวล นี้ฤๅ
ฟ้าและดินยินครวญครั่นก้อง
เป็นสุดสำนวนควรคดีโลก แล้วแม่
ควรแม่ไว้เพื่อนน้องต่างหน้าเรียมนาน ฯ
๒๒๙
๏ ใช่เชิงเรียมช่างแสร้งเศกสรร แม่นา
เหตุรำฦกคุณขวัญเนตรไซ้
ไป่มีสิ่งสนิงอันใดอื่น แล้วแม่
ฝากแต่ฝีปากไว้เถอดให้ทันเห็น ฯ
๒๓๐
๏ ทุกอิริยาอย่าพลั้งลืมหลง เลยแม่
เช้าค่ำควรถนอมองค์อ่รไว้
ยามสุขเกษมทรงซอกล่อม แม่นา
ยามเมื่อนอนเชิญให้แห่ช้าพระยาหงส์ ฯ
๒๓๑
๏ โคลงนิราสจากน้องจำเนียร นี้ฤๅ
นายเริกเปรียญเพียรผูกไว้
มลักแถลงแต่พาเหียรหอมปาก ดอกพ่อ
ใช่จะเทียบปราชญ์ได้ดั่งนั้นนึกแหนง ฯ
๒๓๒
๏ นิราสกรุงเก่านี้ฤๅนา
เรานินามนายมหาเริกพร้อง
เจียมเยาวปัญญายังอ่อน ดอกพ่อ
ใช่ฝึกฝีปากร้องอวดรู้ดูขวย ฯ
๒๓๓
๏ สรวมพรวอนไว้เรื่องราวฉะบับ
ทั้งยากภาคย์พูมทรับทราบน้อย
ผิดชอบปราชญ์ใดสดับผดุงเปลี่ยน แปลงพ่อ
โปรดเปรียบไหมทองร้อยกึ่งแก้วอลงกร ฯ
๒๓๔
๏ องค์กระวีผิดชอบชี้เราชม
กลัวแต่ปราชญ์ฉลาดลมพูดเพ้อ
ไป่คิดว่าคำคมใครกล่าว ไฉนนา
ควรบควรสรวลเย้ยหย่างนี้ยังไฉน ฯ
๒๓๕
๏ โคลงเพลงชะเลงเลศชู้ชมโฉม นี้ฤๅ
ล้วนแต่สังเกลศโลมโลกไซ้
เป็นการก่อทุกข์โทมนัสเนื่อง ไปพ่อ
เวียนว่ายตายเกอดให้อยู่ห้วงสงสาร ฯ
๒๓๖
๏ เป็นดำเลิงโสตเพี้ยงพอสดับ เล่นเอย
เท็จบควรจะระงับราคได้
นรชนอย่าควรนับถือเชื่อ เลยพ่อ
จะเกิดบาปกรรมให้แก่ข้าคนแถลง ฯ
๒๓๗
๏ ซึ่งพิไรร่ำร้างรักสมร นั้นฤๅ
เป็นนิสัยนักกลอนกล่าวแกล้ง
ผิบกล่าวเกลาถอนเท็จโทษ เสียฤๅ
ดุจกระยาหารแล้งกับกล้ำกลืนไฉน ฯ
๒๓๘
๏ อย่ารักรูปร่างเพี้ยงพึงชัง นาพ่อ
เกิดแกแปรปรวนรังโรคม้วย
อนิจจังพระทุกขังพระอนัต ตาเอย
โสโครกพึงเกลียดด้วยเน่าน้ำหนองหนอน ฯ
๒๓๙
๏ ปลงลงไตรลักษณแท้ธรรมดา เทอญพ่อ
อาจจะดับดำฤษณาหมดเชื้อ
ดับทุกข์ชาติชราพยาธิมอด ม้วยเอย
เป็นบรมสุขเมื้ออยู่เพี้ยงเวียงเกษม ฯ
๒๔๐
๏ วันศุกรเดือนสี่ไซ้ศุกลปักษ์ นาพ่อ
สามค่ำลุจุลศักราชได้
พันชไมยสดสมพักษ์รยี่สิบ สองแฮ
ปีวอกโทศกไซ้สฤษดิ์สิ้นเสร็จสาร ฯ
๒๔๑
๏ นิ รสมาทุกข์ร้อนรึงใจ พี่เอย
ราส รักบำเรอไทยท่านเต้า
กรุง ทวารพดีไกลกลอยสวาท
เก่า ก่อนกรรมใดเร้าเร่งร้างแรมสมร ฯ
๒๔๒
๏ จบ นิราสเรื่องชู้แรมเชย
บ คู่ควรเราเลยเล่ห์นี้
ริ ทำร่ำรักเฉลยลองเล่น ลองนา
บุรณ เพื่อนพยายามชี้ชื่อไว้ในสยาม ฯ
๒๔๓
๏ เสาวภาพสองร้อยสี่สิบทศ บทแฮ
เติมอีกสองบททังกะทู้
ลิลิตหนึ่งสมมตสามบท แล้วพ่อ
เป็นสีสิบสสู้สริทั้งบทรวม ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

ประชุมนิราศคำโคลง รวบรวมโดย พ. ณ. ประมวลมารค พิมพ์ครั้งแรก กันยายน ๒๕๑๓ แพร่พิทยา

เครื่องมือส่วนตัว