โคลงนิราศรัตนะ
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
การปรับปรุง เมื่อ 16:59, 29 กรกฎาคม 2553 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในหนังสือไกลบ้าน พ.ศ.๒๔๕๐
บทประพันธ์
๏ แถลงปางบำราศแก้ว | กลอยใจ เรียมเอย | ||
ตามเสด็จปิ่นไผท | สู่ด้าว | ||
ยุรปรัตนกรุงไกร | เรียมมุ่ง ถึงแฮ | ||
ชื่อรงับดับอกร้าว | ร่องริ้วรอยสมาน ฯ | ||
๏ จักนานจักเนิ่นพ้น | จันทรเพ็ญ พี่เอย | ||
สู่เทศเขตหนาวเย็น | ยอกช้ำ | ||
แลนวมนุ่มบเห็น | หายแห่ง ใดฤๅ | ||
เติมแต่เติมทุกข์กล้ำ | กลัดกลุ้มเหลือกลืน ฯ | ||
๏ กลางคืนศุกลปักษ์เปลื้อง | เดือนฉาย | ||
สุกสกาวเกศหาย | ห่างหน้า | ||
ทำเนานึกประกาย | พลอยเกลื่อน | ||
ดาวดั่งดวงแก้วฟ้า | ชื่อพ้องพลอยสูญ ฯ | ||
๏ อาดูรอดักดิ้น | ดวงกมล ฝ่อแฮ | ||
หล่อหลั่งถั่งอสุชล | ชุ่มหน้า | ||
เวียนซับฤส่างจน | บวมเบ่ง | ||
หนักจิตคิดเห็นถ้า | ถูกล้อเหลืออาย ฯ | ||
๏ อุบายบอกป่วยแก้ว | ตาดำ เจ็บเฮย | ||
สวมแว่นน้ำเงินงำ | เงื่อนไว้ | ||
วันเดียวดอกทนคลำ | มืดหน่อย | ||
ไม่มืดเหมือนร้างไร้ | แว่นแก้วก่องสมร ฯ | ||
๏ อยากจรจักใคร่รู้ | เทียมเขา | ||
ดีกว่าต่อโดยเดา | พลาดพลั้ง | ||
ออปโปสิชั่นเอา | มาข่ม คุยแฮ | ||
จำพรากจากนุชทั้ง | สี่ห้าอย่าหมอง ฯ | ||
๏ สองครั้งแตรเตริ่นก้อง | นาวา | ||
เชิญเสพย์ภักษ์โภชา | แวดล้อม | ||
ยลแกงบ่ตรูตรา | เตือนตริ ถึงแฮ | ||
น้ำพริกขนมจีนพร้อม | เหมือนเจ้าจัดสรร ฯ | ||
๏ สามวันเว้นเสพย์น้ำ | มือนาง | ||
พุงยอบหย่อนเอวบาง | บอบช้ำ | ||
นี่หากยากเย็นทาง | เทถ่าย | ||
จำหย่อนผ่อนภักษ์ซ้ำ | สกดกลั้นแปดครา ฯ | ||
๏ มัศยานับร้อยล่อง | ลอยชล | ||
คุมคู่เป็นหมู่วน | ว่ายเคล้า | ||
ยลปลาประเล่ห์ยล | เยาวลักษณ์ กูเอย | ||
ล้อมรอบกอบลูกเต้า | อ่อนอุ้มเดินเหิน ฯ | ||
๏ แลเพลินระลอกพร้อย | พรายแสง จันทร์เฮย | ||
ถวิลว่าฝูงปลาแฝง | ฟาดน้ำ | ||
นึกในใคร่ถ่องแถลง | นุชช่วย ชมเฮย | ||
ชี้เปล่าเขาสรวลซ้ำ | ใส่ถ้อยเทียมถอน ฯ | ||
๏ ภูธรธิราชไท้ | ทัศนา | ||
เปิดปิดโคมสัญญา | บอกใบ้ | ||
เขาเชิดชื่อวนิดา | โดยรับ สั่งแฮ | ||
เห็นชื่อชวนพี่ไข้ | ขนาดเพี้ยงพลำสพาน ฯ | ||
๏ เยาวมาลย์โกเมศแก้ว | กับตน พี่เอย | ||
เรียมบ่เคยจรดล | เด็ดร้าง | ||
จากแก้วสู่แก้วกล | ใดดั่ง นี้นา | ||
นอนจักนอนเนตรค้าง | นับเค้าคืนหลัง ฯ | ||
๏ เล็งฝั่งยลแต่ฟ้า | ต่อสา ครเฮย | ||
สามรวดราษตรีคลา | คว่างคว้าง | ||
คืนสี่สบเกาะบรา | ลาแหล่ง ปหังแฮ | ||
เปลี่ยวแต่เรือเดียวร้าง | เพื่อนผู้เดินหน ฯ | ||
๏ ดลสิงคบุเรศแก้ว | โกโล นีเอย | ||
ใจพี่เบิกบานโต | ตื่นกลุ้ม | ||
แต่งกายอย่างโก้โก | ลาลั่น | ||
เห็นเนิ่นเดินตุ้มตุ้ม | แต่ตั้งตาชม ฯ | ||
๏ บรรทมบหลับเข้า | ที่แถม เล่านา | ||
คอยอยู่ง่วงงอมแงม | บ่ายแล้ว | ||
หวนรฦกนึกแก้วแกม | ทองลูก กูเอย | ||
แม้นเขื่องไหนจักแคล้ว | คลาดข้อมือป๋า ฯ | ||
๏ เวลาตกบ่ายเอื้อน | โองการ สั่งเฮย | ||
ให้พี่จรสู่สะพาน | ก่อนไท้ | ||
เที่ยวชมทัศนสถาน | แถวถิ่น | ||
เรือรัฐบาลจัดให้ | ส่งขึ้นพลันถึง ฯ | ||
๏ ปรึงปรึงรถแล่นเลี้ยว | ตามสถล มารคเฮย | ||
จีนแขกแซกสับสน | สลับหน้า | ||
รถม้ารถลากจน | รถจักร ยานแฮ | ||
สบรถโมโตว้า | หวั่นส้านเสียวสมร ฯ | ||
๏ วันที่เก้าเข้าเขตรลังกาเกาะ | ช่องเฉภาะเขื่อนตั้งยังเปนท่า | ||
เห็นเรือรบอยู่ข้างซ้ายชายคงคา | ธงคชาชักพลันแล้วลั่นปืน | ||
จนคำรบครบยี่สิบเอ็ดนัด | น้ำสงัดเรียบดีไม่มีคลื่น | ||
เรือลูกค้าจอดสพรั่งคนนั่งยืน | ดูดาษดื่นเรือน้อยลอยเปนแพ | ||
พวกขอทานหาญทเลเที่ยวเร่ร่อน | ขี่ไม้ขอนต่างนาวามาเซงแซ่ | ||
ร้องเพลงอ้อนวอนขอเฝ้าตอแย | สองมือแบลูบท้องจ้องหน้าเรา | ||
โปรยเบี้ยเซนต์เปนทานหว่านในน้ำ | มันโดดดำได้ทุกทีไม่มีเปล่า | ||
โปรยเท่าไรไล่คว้าไม่ซาเซา | สิ้นกระเป๋าอัฐหมดต้องงดโปรย | ||
พี่ตั้งจิตรพิศฐานกาลภายหน้า | ไม่ขอมาจากนวลให้หวนโหย | ||
ต้องถูกห้ามปรามสิ้นจนดิ้นโดย | อดเม้กโอยเหลืออนาถหวาดวิญญา | ||
สักครู่หนึ่งจึงมีพวกเรือจ้าง | มาจอดข้างกำปั่นพี่หรรษา | ||
มีพระสงฆ์สององค์วงษ์ลังกา | กับคฤหัสถ์ขึ้นมาสี่ห้าคน | ||
โอเบเยเสเกเรคเนเน่ | พี่วิ่งแต้ลงไปรับทั้งสับสน | ||
นึกว่าเจอะกระโถนใหญ่ไม่อับจน | จะได้พ่นพิศม์ใส่ให้สบาย | ||
ท่านสมมตนำไปให้รู้จัก | พูดทายทักเปนมคธหมดทั้งหลาย | ||
เขาพูดเร็วยิ่งล้ำจ้ำเกือบตาย | ต้องขยายอังกฤษแซกแปลกสำนวน | ||
เยอรมันพี่ก็ดันเข้าไปบ้าง | ให้ต่างต่างช่างเปนไรใครจะสรวล | ||
เขาก็แขงไม่ยังเจ๊งเก่งพอควร | มคธล้วนเราก็รับไม่อับจน | ||
ตั้งแต่พรากจากมาไม่ผาศุก | ไม่สนุกเหมือนเช่นเคยเลยสักหน | ||
วันนี้โล่งโปร่งปลอดเห็นรอชนม์ | เพราะได้พ่นพิศม์เม้กเอกสุดใจ | ||
จนเสด็จขึ้นฝั่งพี่ยังพล่าม | ต้องวิ่งตามลงนาวามาทันได้ | ||
มาถึงทำซู่ซ่าคนมาไป | รีบครรไลไปสำนักพักโฮเตล | ||
ชื่อคอลเฟศวิเศษล้ำทำพิฦก | ก่อเปนตึกสามชั้นไม่ทันเห็น | ||
ครั้นจะร่ำพรรณนาว่ายากเย็น | ตาหมอเต้นขึ้นมาหาไม่ช้าเลย | ||
พี่หยุดนั่งตั้งพล่ำร่ำกันใหม่ | ฝนตกใหญ่มากแท้แกก็เฉย | ||
ต้องตะเบงเสียงกรี๊ดจนผิดเคย | แสนสเบยสนทนากว่าชั่วโมง | ||
แกก็หิวเราก็หอบพุงยอบหย่อน | จึงผันผ่อนอำลายังว่าโผง | ||
คนดูรอบเช่นโนราสักห้าโรง | เพราะเสียงโด่งดังลั่นสนั่นเมือง | ||
แกสวดมนต์ให้พรข้างท่อนท้าย | เราเปลี่ยนย้ายเปนคาถาว่าตามเรื่อง | ||
จนแกเจ๊งจำคลาเวลาเปลือง | จึงย่างเยื้องรีบกลับมารับประทาน | ||
อาหารรสเปนอย่างก็ไม่แจ้ง | ด้วยคอแห้งผากหมดรสอาหาร | ||
เห็นดีแท้แต่มะม่วงหิมพานต์ | ถ้าเติมหวานเสียสักนิดจะติดใจ | ||
แล้วลงมาหาของต้องประสงค์ | ซื้อได้แหวนสามวงจะส่งให้ | ||
ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพกลับลงไป | คอยอยู่ในเรือซักซันเท่านั้นเอง ฯ | ||
๏ เสด็จกลับนับเวลาสักห้าทุ่ม | พี่มัวกลุ้มต่อของต้องอึงเผง | ||
อ้ายลังกาถ้าว่าเขลาไม่เข้าเพลง | มันโกงเก่งขึ้นราคาห้าร้อยคูณ | ||
ยามไสยาเห็นแต่หน้าลังกากระดิก | ขยุกขยิกไล่เท่าไรก็ไม่สูญ | ||
ฝันถึงชินวรวงษ์พงษ์ประยูร | มากราบทูลขอให้พี่ไปวัด | ||
แล้วเลือนเลือนเหมือนได้เห็นพระเขี้ยวแก้ว | ประเดี๋ยวแว่วเสียงใสจำได้ถนัด | ||
เรียกในกรมในกรรมตามลมพัด | พี่ช่างแสนโสมนัศในอารมณ์ | ||
ผวาตื่นฟื้นเห็นเปนแคบิน | แซ่เสียงลิ้นลังกามาขรม | ||
ตลีตลานทยานไปใจนิยม | จะขากถ่มเสียให้หมดเผื่ออดนาน | ||
เห็นดอกเตอร์ออยสเตอเร่อมาหน้า | กับพระห้าหกถ้วนล้วนฉาดฉาน | ||
องค์หนึ่งนั้นพานชราเปนอาจารย์ | ฉายาขานเรียกเฮนรี่ที่ราชา | ||
อิกวิลเลียมสุภูติลัทธิหนึ่ง | พี่ไปถึงเจาะจงส่งภาษา | ||
แต่พูดยากแกคล่องจึงต้องลา | หวนมาหาคู่คอหมอโอเบ | ||
มีตาเฒ่าเค้าพระอุดรแท้ | เว้นแต่แก่หงำจวนไม่สรวลเส | ||
ดอกเตอร์ย้ำซ้ำยุด้วยแสนเย | บุ้ยปากเบ้เปนจังหวะนะสุนทร | ||
แกพูดพล่ำย้ำทีละสี่ห้า | ฟังภาษาทันหน่อยค่อยสมหวัง | ||
พี่ก็พร่ำเขาก็พรูอยู่โด่งดัง | จนกระทั่งเรือออกจึงบอกลา | ||
อันที่ไปในพิภพจบทุกชาติ | ไม่มุ่งมาดหมายถวิลสิ้นปราดถนา | ||
จะใคร่จู๊อยู่แต่ที่เกาะลังกา | พูดภาษามคธเล่นให้เย็นใจ | ||
จะรับแก้วแววตามาอยู่ด้วย | พอได้ช่วยประคับประคองให้ผ่องใส | ||
จะสนอบาฬีน้องให้ว่องไว | ซ้อมเจ้าไว้เปนลูกคู่สู้ลังกา ฯ | ||
๏ เรือออกจากโคลัมโบโอ้อกเอ๋ย | เมื่อไรเลยจะได้กลับมาเห็นหน้า | ||
กรรมเอ๋ยกรรมจำจะไกลวนิดา | พี่ขอลาดวงใจไปเอเดน | ||
พอหัวเรือบ่ายเหนือขึ้นไปนิด | วิปริตจริงแท้พึ่งแลเห็น | ||
เรือเหมือนแกว่งเปลเยิ่นผเอินเปน | นั่งเดินเล่นโยชวนเซซวน | ||
แสนสงสารหลานต่อพ่อสวิง | ลงซึมนิ่งโมเยไม่เสสรวล | ||
ขยักขย่อนผ่อนคลายหลายกระบวน | แล้วเลยม้วนล้มหลับกับที่นอน | ||
คลื่นเช่นนี้มีสักสามคืนได้ | แต่พี่ไม่เมาเลยเคยแต่ก่อน | ||
นึกถึงลูกแก้วตาถ้าพาจร | ไม่พักร้อนถึงอู่อยู่สบาย | ||
อันกิจการของพี่นั้นมีมาก | ต้องลำบากล้างรูปก็เหลือหลาย | ||
เพราะทำเดียวเปลี่ยวใจให้ยากกาย | ไม่มีสามสมรช่วยด้วยเช่นเคย | ||
ต้องเรียกให้อ้ายฝรั่งช่วยตักน้ำ | หากว่าคร่ำเยอรมันฉันเฉลย | ||
เปนคนอื่นแล้วหนาอย่าเรอเลย | มันจะเฉยเสียแล้วกรรมทำกระไร | ||
นึกนึกไปให้เอนดูอ้ายหนูนี้ | สอนบาฬีพูดเล่นเห็นจะได้ | ||
เข้าใจบ้างทั้งอังกฤษแลคำไทย | ถ้านานไปจะให้เทศน์นครกัณฑ์ ฯ | ||
๏ เมื่อวันจันทร์สกันต์คลาสดาดฟ้าท้าย | เขานัดหมายเต้นรำดูขำขัน | ||
เฟิสต์คลาสขาดผู้หญิงจริงทั้งนั้น | จึงหฤหรรษาสบายแต่ท้ายเรือ | ||
ฉันจะไปก็ให้คิดจิตรประวัติ | กลัวจะตัดกิเลศยากลำบากเหลือ | ||
ต้องละเลยเฉยไว้ไม่เอื้อเฟื้อ | สู้ทนเหื่อทนไคลในที่นอน | ||
ครั้นวันศุกร์วันเสาร์เขามาเล่น | แข่งขันเช่นมีตำรามาแต่ก่อน | ||
ดาดฟ้านี้จะมิเอื้อเหลืออาวรณ์ | จึงผันผ่อนแขงใจขึ้นไปดู | ||
เห็นยายแหม่มยายหมั่นกลุ้มกล้ำกลาด | เหลือประหลาดรูปกายคล้ายยายหนู | ||
นึกถึงความหลังยังไม่ลืมปลื้มเชยชู | พี่ยืนอยู่จนเขาเล่นเห็นวิธี | ||
อย่างหนึ่งนั้นเชือกขวางกลางดาดฟ้า | ห้อยแอบเปอลเรียงมาห้าหรือสี่ | ||
แล้วประมวญแต่ล้วนพวกดรุณี | ยืนกัดกินตามที่คนละใบ | ||
ห้ามมิให้ผู้ใดเอามือจับ | ใช้ปากงับแสนยากถลากไถล | ||
ใครกินหมดก่อนจริงจึงวิ่งไป | ลอดเชือกใช้เปนสาหร่ายฝ่ายหัวเรือ | ||
นางเด็กเสื้อสีฟ้าน่าสงสาร | แสนรำคาญแพ้เขาเศร้าโศกเหลือ | ||
ร้องไห้เบ้เหยยุ่งสุ้งเสียงเครือ | นางคนเสื้อสีจันทน์นั้นชนะ | ||
ทั้งหญิงชายร่ายเดินเที่ยวดูเล่น | เด็กเด็กเต้นโลดเละเที่ยวเกะกะ | ||
หัวหน้าจัดการเล่นนั้นเปนพระ | ดูเอะอะวุ่นมากยากกระไร | ||
พระราชทานจี้ลงยาดูน่ารัก | ลายจำหลักพื้นทองงามผ่องใส | ||
ใครเล่นดีกว่าทั้งหมดที่จดไว้ | ก็ให้ได้ของเปรเซนต์เปนรางวัล | ||
ยังมีอย่างอื่นมากยากจะเล่า | เพราะพวกเขานั้นชำนาญการแข่งขัน | ||
เปนที่รื่นเริงร่าพูดจากัน | แต่ตัวฉันซึมเซาเหงาง่วงใจ | ||
คนอื่นเล่นนั้นไม่เห็นมันสนุก | จะสู้กรุกเรือนพี่ที่ไหนได้ | ||
มีทั้งลาวแลฝรั่งอิกทั้งไทย | จะนึกไหนได้หมดไม่อดออม | ||
มามัวดูอยู่เช่นนี้ที่ไหนรอด | เห็นจะจอดเจ็บใจจนไผ่ผอม | ||
ฝรั่งขาวพี่เกลียดขี้เกียจตอม | ไม่งามพร้อมเหมือนฝรั่งบางเสาธง | ||
พี่หลบหน้าลงมาเสียห้องหับ | เขาบอกรับสั่งให้หาน่าพิศวง | ||
ขึ้นไปเฝ้าฟังความตามจำนง | รับสั่งทรงชี้ให้ดูยายเจ๊ก | ||
แกมาเดินยุ่มย่ามตามดาดฟ้า | อุ้มลูกฝาแฝดประคองมาสองเต็ก | ||
นางคนพี่ที่แก่นั้นกลับเล็ก | โปดให้เม้กเล่นตามความสบาย | ||
พี่ยินดีรี่เข้าไปจ้องจด | ฟังกำหนดวาจาน่าใจหาย | ||
ไม่รู้คำลำบากยากจะตาย | แสนเสียดายล้อไม่ไหวใจรัญจวน | ||
ให้คิดถึงเมืองลังกาน้ำตาหยด | แสนรันทดหม่นไหม้ฤไทยหวน | ||
อยากจะพูดบาฬีตีสำนวน | มีแต่ล้วนมิลักขูอดสูใจ | ||
กลับคืนห้องท่องอภิธานซ้ำ | จะจำศัพท์ใหม่ใหม่ไว้ให้ได้ | ||
เมื่อขากลับจะได้พล่ำหนำฤไทย | ให้ฦาในเขตรแคว้นแดนลังกา ฯ | ||
๏ เถลิงศกหกสิบเก้าเข้าปีนี้ | เมษายนดลดิถีทีสิบห้า | ||
แสนอาวรณ์ร้อนใจไม่เคลื่อนคลา | คิดถึงน่าสงกรานต์ที่บ้านเรา | ||
มาเปลี่ยนปีทื่ทเลระเหระหน | แสนขัดสนเศร้าทรวงให้ง่วงเหงา | ||
ถึงจะคิดป้องกันให้บรรเทา | ก็ไม่เบาบางวิโยคที่โศกรึง | ||
สรงน้ำพระอนิจาน่าอนาถ | น้ำอบหยาดหนึ่งก็ไม่ได้มาถึง | ||
ต้องใช้น้ำหอมแทนแสนคนึง | เสร็จแล้วจึงเลี้ยงกลางวันกันอย่างไทย | ||
ขาดเข้าแช่มีแต่ของแห้งแห้ง | พี่สู้แสร้งยิ้มแย้มทำแจ่มใส | ||
กองเงินม้ากหลากอย่างต่างออกไป | ตัวฉันได้สามม้ากมากจริงจริง | ||
จะฝากไปให้ทั้งสามทรามสงวน | พอทั่วถ้วนกันทั้งนั้นท่านผู้หญิง | ||
นึกปรานีเจ้าหม่อมแห้งเหมือนแกล้งทิ้ง | จะกลอกกลิ้งไปอย่างไรไม่ได้การ | ||
แหวนก็ไม่ได้กับเขาเฝ้าอาภัพ | ช่างยุบยับเต็มประดาน่าสงสาร | ||
เสียแรงทำกับเข้าให้ใช้การงาน | จะคิดอ่านดูสักทีที่เอเดน | ||
อันที่แท้แกก็มีโทษอยู่นิด | ทำให้ติดหงอกกระจายไม่วายเข็ญ | ||
ได้ถุงเงินหนึ่งใบพอใจเย็น | ดูก็เห็นจะยินดีมีน้ำใจ | ||
ผู้เสร็จการต่างพระองค์คงไม่ว่า | ด้วยเลือกหาแปลกชัดสู้จัดให้ | ||
ทั้งเปนผู้แจกจ่ายทุกรายไป | เพราะเปนใหญ่ปกปักรักษาวัง | ||
เวลาค่ำซ้ำมีดินเนอเล่า | วันนี้เขาหรูแท้กว่าแต่หลัง | ||
เสร็จการเลี้ยงเลยมาจ้ำแต่ลำพัง | ในห้องนั่งคิดนิราศไม่ขาดคืน ฯ | ||
๏ ครั้นวันรุ่งราตรีที่สิบหก | เฝ้าสทกสท้านใจให้สอื้น | ||
แสนทุกข์ทนพ้นที่จะกล้ำกลืน | ถึงจากอื่นไม่เหมือนพรากจากสุดา | ||
ค่อยบันเทาเบาอุราแต่ตาหมอ | ได้พูดจ้อเจาะจงส่งภาษา | ||
มาจำพรากจากซ้ำช้ำอุรา | เฟื่องกถาบาฬีไม่มีใคร | ||
จะตอบต่อข้อความได้ถามซัก | อกจะหักเสียแล้วกรรมทำไฉน | ||
แม้นเหาะได้ก็จะใคร่ระเห็จไป | พูดอยู่ในเกาะลังกาสักห้าวัน | ||
บ่ายสักสองโมงเศษสังเกตเห็น | แหลมเอเดนเหมือนอย่างเกาะดูเหมาะมั่น | ||
เรือค่อยแล่นเข้าไปใกล้กระชั้น | ดูก็ขันเลื่ยนโล่งโปร่งไนยนา | ||
เปนคิรีสีคล้ำดำสักหน่อย | ไม่เห็นรอยร่องเด่นว่าเปนผา | ||
เหมือนเดินกองไว้เก่าเปล่าอุรา | ขาดพฤกษาหญ้าบอนบ่ห่อนมี | ||
บางแห่งพร้อยรอยเหมือนตะไคร่น้ำ | ไม่เขียวสดสีคร่ำดำหมิดหมี | ||
แต่เรือนรายชายเขาดูเข้าที | ยอดคิรีป้อมเขม้นเห็นเสาธง | ||
เรือแล่นวงตรงไปจอดที่ท่า | เห็นนาวาน้อยใหญ่น่าใหลหลง | ||
พอเวลาบ่ายห้าโมงครึ่งตรง | เขาก็ลงสมอทอดจอดนาวี | ||
เรือสามลำสำคัญว่าเรือรบ | ชักธงครบเปนรยางค์ล้วนต่างสี | ||
ทั้งเรือจ้างต่างต่างกระเชียงตี | สุมาลีลูกเรือนั้นเหลือใจ | ||
พวกขายของร้องอึงทะลึ่งถลา | ชูสินค้าพูดมากถลากไถล | ||
มีขนนกเขาหนังถังขีดไฟ | สมุกไข่ทั้งบุหรี่มีอนันต์ | ||
จวนพลบค่ำย่ำฆ้องเสด็จขึ้น | อิกคนอื่นมากมายต่างผายผัน | ||
ลงในเรือกระเชียงบ้าน่าเกลียดครัน | อ้ายพวกนั้นเถียงกันเสียงลั่นอึง | ||
มึงตีกูตีไม่มีจังหวะ | ดูเกะกะวัดเหวี่ยงเสียงผางผึง | ||
คนถือท้ายชักสายหางเสือดึง | จนไปถึงท่าทอดจอดสะพาน | ||
ตามเสด็จลีลามาข้างซ้าย | ทั้งสองฝ่ายคนหลามตามพลุกพล่าน | ||
เที่ยวเดินมองจ้องหน้าว่าขอทาน | บ้างริอ่านเมียงมาอาสานำ | ||
บางพวกมาว่าชวนแลกเงินเหรียญ | ทำพากเพียรสลนเสลือกเสือกพูดพล่ำ | ||
ดูรูปกายคล้ายเปรตเศษเวรกรรม | หัวหยิกดำฟันขาวยาวโซเซ | ||
ไม่มากมายเท่าไรใช่เบียดเสียด | แต่น่าเกลียดโดนใครใครหัวไหล่เป๋ | ||
เดินตัดหน้าผ่ากลางขวางเกเร | เหมือนอย่างเดระฉานน่าระอาใจ | ||
พ่างพื้นปัถพีสีมัวมน | จะหาหญ้าสักต้นหนึ่งไม่ได้ | ||
ที่ถัดท่าวารีมีต้นไม้ | เหมือนเขาหักปักในโรงลคร | ||
อันตึกร้านย่านนี้มีอยู่หลาย | แต่ของขายเหมือนกันหมดไม่ลดหย่อน | ||
สินค้าถูกทุกอย่างต่างเมืองจร | วางซับซ้อนเปนปะร้าไม่น่าดู | ||
ของเมืองนี้มีไข่โอทเรช | กับขนนกกระจอกเทศวิเศษอยู่ | ||
การซื้อหาน่าฉงนเปนพ้นรู้ | เหมือนตอสู้เถียงเทลาะเบาะแว้งกัน | ||
บอกราคาห้าตำลึงแล้วพึงต่อ | สลึงหนึ่งนั้นพอซื้อได้มั่น | ||
ของอะไรซื้อได้ถูกถูกครัน | ที่เปลืองนั้นจริงแท้แต่เวลา | ||
ต่อตะบันกันไปใครจะแพ้ | พูดกอแกนอกทางขวางนักหนา | ||
ไม่ว่าคนชาติไหนใช้เจรจา | เปนภาษาอังกฤษเจือแต่เหลือเลว | ||
ฉันน้อยใจที่มันไม่พูดมคธ | มันสิ้นรศเหลือตำราอ้ายห่าเหว | ||
ยืนต่อของท้องแขงขัดบั้นเอว | ของเลวเกวก่งราคาจนน่าเคือง | ||
ซื้อหอยพิมะกะรังทั้งสองฝา | ไข่โอชาสองใบค่อยได้เรื่อง | ||
สิ้นสามรูปีย์ถ้วนล้วนไม่เปลือง | ไว้เปนเครื่องฝากพระสงฆ์ที่จงใจ | ||
เคยพึ่งพาอาไศรยได้ไต่ถาม | บาฬีความใหม่แท้ก็แก้ได้ | ||
ดีกว่าหมอออยสเตอเธอเปนไทย | พบเมื่อใดได้เมื่อนั้นทันต้องการ | ||
ครั้นเดินไปใกล้จะสิ้นสุดตลาด | ยุรยาตรเข้าไปในสถาน | ||
ร้านสุราของสำหรับรับประทาน | ว่าเปนร้านแอบปอยม์เมนต์เห็นจะดี | ||
ว่าซื้อน้ำสำหรับระงับร้อน | เจ้าของต้อนรับจริงวิ่งออกจี๋ | ||
พาไปหลังร้านจัดชักพัดวี | ยกเก้าอี้มาให้นั่งตั้งเปนแนว | ||
เจ้าของหายไปข้างไหนก็ไม่รู้ | อิกสักครู่เห็นคนขนถ้วยแก้ว | ||
แล้วกลับหายไปข้างไหนยังไม่แล้ว | ไม่วี่แววนิ่งเฉยเลยชาชา | ||
ต้องเอะอะกันกระไรได้เจ้าของ | มามองมองเวียนวนเที่ยวค้นหา | ||
จึงได้น้ำเลมอเนคปนโซดา | แต่สักสี่ห้าขวดกวดให้ริน | ||
มันรินพลางพูดพลางค้างจังหวะ | ต้องเอะอะกันใหญ่ไม่รู้สิ้น | ||
ไม่เสวยเลยโปรดให้เรากิน | พอชุ่มลิ้นก็ไม่พอจนท้อใจ | ||
ออกจากนั่นผันกลับรอบสนาม | อย่าเติมความว่ามีหญ้าหาถูกไม่ | ||
สนามดินเราดีดีไม่มีอะไร | หลังที่ไว้ถ่านศิลามาท่าเรือ | ||
เห็นเขาตั้งนั่งร้านเปนการใหญ่ | ขึ้นจุดไฟรอบหลังคาน่าเบื่อเหลือ | ||
เทียนแฟรีหริบหรี่ไม่มีเชื้อ | พูดฟั่นเฝือเอดตะโรเสียงโกลา | ||
จุดดวงนั้นดวงนี้ดับกลับจุดใหม่ | ไม่สำเร็จกันลงได้นานนักหนา | ||
จนยามครึ่งถึงกำหนดออกนาวา | ไฟที่ท่ายังไม่ติดสักนิดเลย | ||
นี่เหตุผลกลใดไฉนนั่น | จึงพากันเหลวไหลจิตรใจเอ๋ย | ||
จนฝรั่งมังค่าก็มาเคย | พูดเบยเบยเหลวเปล่าไม่เข้ายา | ||
ขึ้นบนเรือเหลือดูผู้ขายของ | ยืนเปนกองเบียดกันสนั่นจ้า | ||
เขาเอาเชือกวงไว้มิให้คลา | เที่ยวไปมาได้ทั่วกลัวขโมย | ||
ชูแต่ของร้องเรียกให้คนซื้อ | เสียงอึงอื้อเท่านั้นเอ๋ยร้องเหวยโหวย | ||
ดูรูปร่างกาเยช่างเรโรย | มือโบกโบยควักไขว่อยู่ไปมา | ||
พิเคราะห์ไปให้เห็นเหมือนเช่นยักษ์ | เมื่อทศภักตร์ประน้ำมนต์ด้นมาหา | ||
ต่างกวัดแกว่งแสงศรแลคทา | พยักหน้าเต้นโลดโดดทยาน | ||
พระรามแผลงศรไปเปนข่ายล้อม | ให้วงอ้อมกันไว้ไม่ประหาร | ||
ยิ่งดูดูก็ยิ่งเบื่อเหลือรำคาญ | ต้องคิดอ่านกลับห้องท้องนาวา | ||
ชาวลังกาท่าทางดีกว่ามาก | ดูไม่ใคร่เปนกากภาษา | ||
ถึงพูดมากก็ยังพ้องต้องวิญญา | เจรจากันได้ดีไม่มีจน | ||
เมื่อยามกว่าถึงเวลาเรือจะออก | นำร่องบอกทางสันทัดไม่ขัดสน | ||
มาบัดเดี๋ยวพ้นช่องร่องตำบล | ใบจักรวนวิดวักตักวารี ฯ | ||
เชิงอรรถ
ที่มา
นิราศรัตน แจกในกฐินพระราชทาน มหาอำมาตย์โท พระยาอรรถการยบดี สมุหเทศาภิบาลมณฑลราชบุรี ณ วัดสัตนาถปริวัตร์ จังหวัดราชบุรี พ.ศ. ๒๔๗๑ โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร
นิราศนรินทร์คำโคลงและนิราศปลีกย่อย พ.ณ. ประมวญมารค ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๑๓
ขอขอบคุณคุณแอ สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน