นิพพานวังหน้า

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

ข้อมูลเบื้องต้น

พระนิพนธ์: พระองค์เจ้ากัมพุชฉัตร

เรื่องนิพานวังน่า

นิราศบาทเบื้องโอ้โมฬี
พานจะโศกทั้งศรีอยุทเยศ
วังเย็นสรหงัดตีอกร่ำ ก่ำเอย
น่ามุขพิมานเมศร์เมื้อมิ่งแรมหมอง
แต่พระจอมมงกุฎโลกย์แรมวัง
แผ่นพิภพเพียงพังม้วยไหม้
ดินโดยอดูรหวังหวั่นเทวศ
ต้นแต่ตีทรวงให้ห่อนเว้นวันเสบย
             
      ๏ วงษ์อินทกรุงธิปัตเอกอิศรา
หน่อมงกุฎอยุทธยาเลื่องโลกย์
สืบสายกรมฝ่ายน่าแรมนิราศ
ทรงคิดคราววิโยคพระบิดุร้างสู่สวรรค์
      ๏ พระปิ่นอยุทธเยศเจ้าทรงธรรม์
นุภาพปราบมนุศย์สวรรค์ฟากฟ้า
สี่ทวีปถวายบรรณาน้อม
เกรงบพิตรพระจอมหล้าโลกย์ลั่นฦๅแขยง
      ๏ เคยเสด็จออกแสนเสหนางค์
ร้อยเอ็ดโอนอุตมางค์นอบน้อม
พระฤทธิ์เรืองปานปางสุริเยศ
ทั้งหมื่นกรุงสพรั่งพร้อมกราบเกล้าเศียรสยอง
      ๏ พระคุณเฮยแต่นี้เงียบวังเยน
เคยเผยสีหเหนลูกไห้
ยามศุขกลับไปเปนทุกข์เทวศ
คิดฤๅวายวางไข้จิตรโอ้อาดูร
      ๏ พระจอมมกุฎสามภพไห้สั่งเวียง
พระสนมเสนาะเรียงร่ำร้อง
หมู่มุขมนตรีเคียงครวญคร่ำ
เสียงพิฦกลั่นก้องโศกแส้วังโหย
      ๏ พระกาญจน์ยอดแก้วเฮ่ยยังหัน
เสร็จมาเมื้อเมืองสวรรค์สู่ฟ้า
ฤๅเคียดเสน่ห์ผันหุยหุง      เสียเนอ
ม้วยแต่นับโมงถ้าทุกค่ำคืนหาย
      ๏ พระร่มโพธิ์เกษมิ่งกระหม่อมเฮย
ยามกระเษมแสนเสวยศุขภาพ
สุรางค์บำเรอเคยสพรั่ง      พร้อมแฮ
เรียงรอบศิโรราบราชร้างแรมโฉม
      ๏ โอ้จอมมงกุฎเกล้าจากจร
กรมพระราชวังบวรแรมร้าง
ลูกทุ่มทรวงอาทรเทวศไห้
แสนทุกข์บวายว่างที่เมื้อจักเห็น
      ๏ ย่ำยามสดับเสียงประโคมวัง
ดุริยางค์เสนาะดังพาทย์ฆ้อง
ทีนี้จะเงียบแตรสังข์สูญถนัด
ฟังแต่เสียงสกุณก้องกรู่แก้วเกลื่อนขัน
      ๏ พระคุณเอ๋ยเคยทรงสร้างสมภาร
ปราถนาพระโพธิญาณยอดแก้ว
ออกโอษฐ์ขอคชทการนำสัตว์
จากบ่วงสงสารแคล้วคลาศพ้นพลันเข็ญ
             

ครุวารกติกมาเส สุกรอัคสังวชเร เหมันต์จตุมีดิถียัง

      ๏ นาฬิกาหึ่งๆ ถึงยามสองได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์
พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวังไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น
      ๏ พระสฐานสถิตย์เยือกยินแต่เสียงสุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ
ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปนไม่เห็นเลยหลักภพวิบัติวาย
      ๏ โอ้พระมิ่งโมฬีที่พึ่งโลกย์ประชาโศกแสนลห้อยไม่รู้หาย
ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกายจึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง
      ๏ พระกฤษดาดังพรหมอุดมเดชที่ทรงเพศพาหนะพระยาหงษ์
เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม
      ๏ อรินทร์ราชกราบเกรงพระบารเมศมงกุฏเกษสรวมชีพทวีปสาม
เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวามดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว
      ๏ เย็นเกษบารเมศบรมจักรที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว
พระอานุภาพเลิศลบจบแตนดาวปัจจาผ่าวอุรพารอาใจ
      ๏ อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวรดัษกรรื่นาบกราบไสว
ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกรก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิ์เดชาชาย
      ๏ เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย
เพราะไพรินทร์ลุยลามตามทำลายกระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน
      ๏ บิตุรงทรงนามธรรมิกราชทั้งสามโลกย์เนียรนาศไม่อาจฝืน
มายกพระสาศนาภิญยายืนประชาชื่นชมโพธิสมภาร
      ๏ คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสฐาน
แบ่งภาคจากองค์พระอวตารผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี
      ๑๑๏ จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพเทพนบน้อมเกษทุกราษี
สรรเสริญเดชาทั้งธาษ์ตรีกรชุลีโปรยทิพย์สุมาลย์มา
      ๏ โอ้พระคุณเคยการุญพำนักนิ์โลกยิ่งวิโยคยามร้อนไม่ผ่อนหา
เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกาไยนิราร้างราษฏร์อนาถเนาว์
      ๏ ปางครั้งทศเศียรอสุรภักตร์เที่ยวหาญหักสามโลกย์ได้โศกเศร้า
นารายน์รามตามล้างจึงบางเบาบันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน
      ๏ สุดกระเษมไตรภพสบกระสันอภิวันทุกพิมานสำราญรื่น
เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืนหมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี
      ๏ จึงนิพนธ์แต่หลังไว้หวังสนองให้จำลองสืบกระษัตริย์บดีศรี
หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรีที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน
      ๏ ใครยลอย่าเพ่อเย้ยพึ่งศึกษาใช่เมธาเจนจิตรบัณฑิตย์สอน
แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากรสุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ
      ๏ ปัญญาหญิงไหนจะพริ้งไม่คล่องเคล้านี่โดยเดานึกคเนอย่าเสสรวล
ถ้าชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวนปราชช่วยปรวนเติมแต้มให้งามคำ
      ๏ เราใช่ราชกระวีที่เฉลียวก็เสียวใจจะไม่คมเหมือนลมขำ
อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำจะริร่ำร่างลงก็งงนาน
      ๏ หนึ่งชุลิตฝ่าธุลีมีพระเดชซึ่งก่อเกษเลื่องโลกย์ระบือหาญ
เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมานขอมัศการกรน้อมศิโรดม
      ๏ ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้วกราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม
โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรมล้มพระโรคแรกประทับจะอับจ
      ๒๑๏ ประชวรแต่มาขมาสเหมันต์รดูนั้นเดือนหนาวเปนคราวฝน
สิ้นทั้งวังตั้งแต่ทุกข์รทมทนถึงยุคลมิ่งแก้วเกษกำนัล
      ๏ เสด็จนั่งหนือบัลลังก์วิเชียรช่วงประดับดวงมณฑามาแต่สวรรค์
ดารารายพรายพร้อมเข้าล้อมจันทร์เหมือนสุริยันย่างเยี่ยงพระเมรุทอง
      ๏ หมู่อับสรเฝ้ารอบหมอบรดาษพร้มพระราชธิดาประนมสนอง
สุวรรณผุดโพธิญาฝ่าลอองให้แผ่ปองทรงปิดพระปฏิมา
      ๏ พระรัศมีหมองเหมือนเมื่อเดือนดับลูกวาววับหวั่นทรวงสหัสา
พระฉวีเสียศรีสุนทราชลนานองเนตรตลึงแล
      ๏ ยลอนงค์นุชนางสนมน้อมงามลม่อมหมอบผจงดังวงแข
เคยรองบาทจะบำราศสวาดิแดเหมือนจะแปรปราศจากไม่อยากยล
      ๏ เหนพระไทยจะเปนห่วงหน่วงถนอมจะไกลกล่อมขวัญให้รหวยหน
จึงเรียกรศอมฤตยวิเชียรชลเสี่ยงกุศลซึ่งสร้างพระโพธิญาณ
      ๏ แม้นชนม์จะอยู่ช่วยบำรุงทวีปขอให้รีบรับน้ำรศาหาร
ถ้าชีวิตนั้นจะปลิดไม่เนาว์นานอย่าให้พานสอดคล่องนิยมยืน
      ๏ เทวศว่าต่อพระภักรพระชนศรีแล้วทวีทรงพระวิตกถวิล
พิศฐานเสร็จเสวยวารีรินแต่ชั้นกลิ่นกลืนกลับวิบัติเปน
      ๏ พระอาเจียนเวียนประทะอุรหมองจึงตรัสร้องว่าโอ้มิพ้นเข็ญ
เคยเปนร่มเกล้าโลกย์ไอ้อยู่เย็นเห็นสุเมรุเอนแล้วจะตรมตรอม
      ๏ สุเรตดังสุรางค์บำเรออินทร์จะไกลกลิ่นกล่อมกลีบมณฑาหอม
เคยสงวนนวลเฉลิมเปนเจิมจอมยามถนอมแนบชื่นไม่คืนเคีย
      ๓๑๏ แต่ครวญคร่ำน้ำพระเนตรนั้นนองเนตรแสนเทวศพร้องเพราะพระสุระเสียง
พระสนมรอบร่ำพิไรเรียงเคยชุบเลี้ยงจะนิราศพระบาทา
      ๏ จึงดำรัสเรียกเหล่าบุตรีสมรประโลมสอนพ่อจะร้างนิราศา
ดวงจิตรฝากชีวิตรพระบิตุลาวาศนาหาไม่จงเจียมสกล
      ๏ สมรยากฝากองค์ให้การุญถ้าพระคุณเคืองเข็ญไม่เปนผล
จะพึ่งพ่อเล่าก็พ่อไม่ยืนชนม์ยลแต่บาทนะจงตั้งภักดีตรง
      ๏ หนึ่งพระเสาวนีที่มียศพระธิดาปรากฎมงกุฎหงษ์
จงฝากกายนะอย่าหมายหมิ่นทนงเจ้าเปนวงษ์จงรักษ์ธุลีลออง
      ๏ ที่นี้ถึงเทพถือโอสถทิพย์ผจงหยิบมาประมูลทูลฉลอง
ไม่เสวยเลยให้เวทนาปองจะต้องเนิ่นทรมานรำคาญเคือง
      ๏ สดับตรัสดังมัจจุราชรีบประหารชีพลูกหายทำลายเบื้อง
เมรุมุ่งเคยประจำทวีปเรืองถ้าล่มแล้วจะมิเนืองน้ำตาตาย
      ๏ บ้างค่อนอกร่ำโอ้มิควรเข็ญดังกระเดนเศียรเกล้าของเราหาย
เคยปราโมทมีศุขทุกวันวายเหมือนสายเนตรจะเปนสายโลหิตกอง
      ๏ ถึงยามกระเษมเคยแสนสำเริงรื่นกลับสอื้นนึกโอ้มโนหมอง
แต่นั้นมาพร้อมหน้าไม่ไกลลอองหมายฉลองพระคุณคอยรวัง
      ๏ ผลัดโมงกันไม่ให้คลาดสักบาททุ่มดังเพลิงรุมร้อนอกวิตกหลัง
แต่นั่งยามย่ำฆ้องจนเคาะรฆังลูกหวังฟังราชกิจจะหนักเบา
      ๏ ปางปิ่นโมฬีทั้งสี่ทวีปดังศศิธรร่อนรีบขึ้นเหลี่ยมเขา
เสวยทุกข์มิได้ศุขสถิตย์เนาว์ให้เชิญเอาพระอาการนราพงษ์ ... (๔๐)
๔๑๏ พอรตินทิวาเวลาสงัดดำรัสร่ำคำหวานละลานหลง
ตลึงแลดูนิเวศจังหวัดวงยิ่งแสนทรงพระวิโยคเมื่อยามตรอม
      ๏ ว่าอนิจจังครั้งนี้จะไกลเนตรนึกสังเวชก็แต่บุตรสุดถนอม
จะพึ่งวงษ์ไม่จงเหมือนบิตุจอมจะร่ำโอ้ทูลกระหม่อมนิราคลา
      ๏ พรหมภักตรพร้อมภักตรละห้อยหวลแต่นี้นวลนะอย่าโหยละห้อยหา
ทั้งพิมานดุสิดาสวรรยาฤๅจะราแรมร้างจากปรางค์ไป
      ๏ แต่พื้นทรงสมญาปราสาทซื่อประสิทธินามไว้ให้ลือพิภพไหว
แล้วนึกพระบิตุลายิ่งอาไลยจะเปลี่ยวพระไทยจินดานุชาครัน
      ๏ คราวณรงค์เห็นจะทรงดำริห์คิดเคยร่วมจิตร่วมคู่เสวตรสวรรค์
ร่วมชีวิตรปลิดพรากไปจากกันร่วมสุวรรณเสวตรฉัตรกระจัดนาม
      ๏ จะพินทนาอยู่เออนาโถจะนึกโอ้ฤๅไม่เอื้อนระคางขาม
ฤาจะแสนโศกเทวศถวิลความเปนเพื่อนไร้ในยามกันดารนาน
      ๏ พระเดชขจรนครกระษัตริย์สิ้นแต่พื้นผินน้อมศียรหัตถประสาน
ถวายเครื่องทิพย์มาศสุมาลย์บรรณาการเนื่องแน่นประนมคม
      ๏ ออกพระนามก็ให้ขามขยาดยศเห็นปรากฎเกียรติเกินพระสยม
อาณาราษฎร์ร้องถวายพระพรชมจนประฐมล่วงพระชนม์นรินทร์
      ๏ ร้อนอาศน์เทวราชอมรเมศร์เทพเทวศทุกวิมานรังสิน
สิบหกชั้นช่อฟ้าดุสิตอินทร์ประชุมผินผันย้ายราษีจร
      ๏ เข้าสถิตย์สิงสู่กำภูฉัตรกระจัดแจ้งออกด้วยเทพสังหร
หวังให้เลื่องบารมินปิ่นนครกระฉ่อนภพจบหล้าลือขจาย
      ๕๑๏ มหัศจรรย์โลกย์ลั่นกำปนาทสุธาวาศไหวกระทบคูหาหาย
สุเมรุเอียงแทบจะเอนอันตรายสายสินธุ์เปนละลอกกระฉอกฟอง
      ๏ พระสมุทเพียงจะทรุดไม่หยุดคลื่นพุชชงศ์ตื่นแผ่นน้ำผันผยอง
ประทุมเกตุอาเพทดังสีทองแสงส่องยลปลาดไม่อาจแล
      ๏ เมฆหมอกออกมัวไปทั่วทวีปพิรุณรีบโปรยกระสินธุ์รินกระแส
ฟ้าดินวิปริตเห็นผิดแปรทีนี้แน่แล้วพระจอมกระหม่อมเวียง
      ๏ ทั้งพโยมก็พยับพยุฝนดูฤกษ์บนเทเวศถวายเสียง
สุนีย์ฟาดอากาศก้องสำเนียงดังเปลื่องเปลี้ยงฟ้าลั่นคำรามรน
      ๏ วายุพาพัดปาริกชาติก็พินาศพังรเนนไม่ตั้งต้น
เสวตรฉัตรหักยับรยำยลฤๅเทพดลบันดาลฟ้ามาเชิญ
      ๏ วิหคร้องในห้องเวหาหาวเหมือนเสียงสาวสมรอัปศรเหิน
เหมือนสุลีรอยชลอพิมานเกินคอยพระราชดำเนินเสด็จคลา
      ๏ บังเกิดมีองค์พระศรีมหาโพธิ์นิโรธร่มฝูงสัตวมนัศา
ก็แรมร่วงล่วงลับอยู่โรยรากลับรย้ายอดลัดรบัดใบ
      ๏ เมื่อจวนจอมรพีพงษ์ทิวงคตโพธิ์สลดเอนล้มรทมไข้
ดังมีจิตรคิดแสนเทวศใจดังอาไลยในเบื้องบดินทร์วาย
      ๏ หรือล้นกระหม่อมจอมดาวดึงษเดชแสดงเหตุแจ้งอัถกระจัดถวาย
ว่าโพธิ์ทองหมองแล้วจะอันตรายเมื่อลูกหมายเหมือนพระจอมโลกากร
      ๏ ด้วยพระปิ่นจัลโลงอยุทธเยศทุกประเทศเกรงจบสยบสยอน
จึงสำแดงบารเมศลือขจรว่าร่มร้อนเกล้าโลกย์เคยอยู่เย็น
             
เครื่องมือส่วนตัว