พงศาวดารญวน

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

แม่แบบ:โครง

ข้อมูลเบื้องต้น

คำนำ ภาคที่ ๒๘

      หนังสือซึ่งอำมาตย์เอก พระยาประมูลธนรักษ์ (ผูก ผโลประการ) ตช. ตม. ตจว. ได้นำถวายไว้แก่หอพระสมุดฯ ได้แก่คำให้การเก่า ๒ เรื่อง คือคำให้การเรื่องพงศาวดารญวนเรื่อง ๑ คำให้การเรื่องประวัติพระนาบีมะหะหมัดเรื่อง ๑ ซึ่งเดิมเป็นหนังสือในทางราชการ รัฐบาลให้ถามคำชี้แจงของผู้รู้ไว้
      พงศาวดารญวนนั้นปรากฎในบานแผนกว่าได้เก็บรวบรวมจากฉบับเก่าซึ่งได้จดไว้แต่ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๓๖ ส่วนประวัติเรื่องพระนาบีมะหะหมัดนั้น ปรากฎในบานแผนกว่ารวบรวมเมื่อวันอังคารเดือนยี่ขึ้น ๒ ค่ำ ปีฉลู พ.ศ. ๒๔๐๘ ในรัชกาลที่ ๔ แต่ฉบับที่มีก็ไม่จบ ถึงกระนั้นเรื่องราวเพียงที่มีอยู่ก็น่าอ่าน จึงได้รวมพิมพ์เป็นประชุมพงศาวดารภาคที่ ๒๘
      ดำรงราชานุภาพ      สภานายก
      หอสมุดพระวชิรญาณ
      วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๖
             

พงศาวดารญวน

      เจ้าคุณผู้ช่วยกรมท่า เก็บเรื่องความเมืองญวนแต่ก่อน มาเรียบเรียงเข้าไว้ไม่สู้ละเอียดแจ่มแจ้งนัก ด้วยฉบับเดิม เจ้าพนักงานแต่ก่อนรักษาต่อๆ กันมาให้ฉบับเสียหายเสียบ้าง ปลวกกินเสียบ้าง ได้ความประการใดก็เรียงไว้พอเป็นของสำหรับแผ่นดินไปเบื้องหน้า ค้นหาได้ความว่าเมื่อครั้งแผ่นดินสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกนั้น มีรับสั่งให้ขุนราชมนตรี ขุนศรีเสนา ขุนราชาวดี ล่าม แปลคำองเปดกลึง องเดจัด พวกองไชสือไว้ เมื่อ      ณ วันเดือน ๙ ขึ้น ๓ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๕๕ ปีฉลูเบญจศก ได้ความว่า
      เดิมเมืองญวนนั้นเมืองตังเกี๋ยเป็นเมืองหลวง เจ้ากินเป็นเจ้าเมือง สืบกษัตริย์มาได้ ๖ องค์ กษัตริย์ในที่ ๖ ชื่อ หุงเมือง ครั้งนั้นพระเจ้ากรุงปักกิ่งให้ขุนนางชื่อเลียวท่าง เป็นแม่ทัพมาตีเมืองตังเกี๋ยได้ เลียวท่างจับหุงเมืองและพวกพ้องฆ่าเสียสิ้น แล้วเลียวท่างก็อยู่รักษาเมือตังเกี๋ย เมืองตังเกี๋ยก็ขึ้นแก่เมืองจีนตั้งแต่นั้นมา
      ครั้นนานมาเกิดญวนผู้มีบุญชื่อเลเลย อยู่ ณ บ้านลำเซิน เลเลยฝันเห็นว่าเทวดามาบอกว่าเลเลยจะได้เป็นเจ้าแผ่นดิน ชายผู้หนึ่งชื่อเวียนกรายจะได้เป็นมหาอุปราช ดวงตรากับกระบี่สำหรับกษัตริย์อยู่ที่ตำบลหวยนำ ครั้นเพลาเช้าเลเลยก็ไปเที่ยวดูที่ตำบลหวยนำ ก็ได้เห็นดวงตรากับกระบี่สมคำที่เทวดาบอก จึงเอาดวงตรากับกระบี่มาเก็บไว้ที่บ้าน ฝ่ายเวียนกรายนั้นเที่ยวมาอาศัยอยู่ในศาลเทพารักษ์ มีเทวดามาบอกในฝันว่า ชายชื่อเลเลยจะได้เป็นเจ้าแผ่นดินในเมืองญวน ตัวท่านจะได้เป็นมหาอุปราช ถ้าท่านจะใคร่พบเลเลยก็ให้ไป ณ บ้านลำเซิน ถ้าไม่รู้จักเรือนเลเลยเพลากลางคืนให้ดูรัศมีสว่างอยู่ที่เรือนใด เรือนนั้นแลเป็นเรือนเลเลย ครั้นตื่นขึ้นเพลาเช้าเวียนกรายก็ออกจากศาลเทพารักษ์เดินมาถึงบ้านลำเซินพอเพลาค่ำจึงคอยดู เห็นเรือนหนึ่งรัศมีสว่างสมกับคำเทวดาบอก เวียนกรายก็เข้าไปหาเลเลย เลเลยกับเวียนกรายพอพบกันแล้วก็ไถ่ถามชื่อเสียงรู้จักกันสมกับความฝันทั้งสองฝ่าย เวียนกรายขอดูดวงตราและกระบี่ของเลเลย เลเลยก็ให้ดู เวียนกรายไม่มีความสงสัยแน่แก่ใจแล้ว จึงว่าเราทั้งสองคงจะได้เป็นใหญ่ในเมืองตังเกี๋ย จึงให้เลเลยตั้งกองเกลี้ยกล่อมผู้คนอยู่ที่บ้านลำเซิน ตัวเวียนกรายจะไปเที่ยวเกลี้ยกล่อมคนในแขวงเมืองตังเกี๋ย ครั้นเกลี้ยกล่อมคนเข้าด้วยมากแล้ว เวียนกรายกับเลเลยก็เป็นกบฏ คุมคนยกเข้าตีเอาเมืองตังเกี๋ยได้ จับเจ้าเมืองฆ่าเสีย เลเลยก็ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้า ตั้งเวียนกรายขึ้นเป็นมหาอุปราช
      ฝ่ายพระเจ้ากรุงจีนรู้ว่าเลเลยกับเวียนกรายฆ่าเจ้าเมืองตังเกี๋ยเสียจึงแต่งกองทัพไปตีเมืองตังเกี๋ย เลเลยกับเวียนกรายเห็นกองทัพจีนยกมามากนักจะสู้รบมิได้จึงเอาทองคำทำเป็นรูปเจ้าเมืองตังเกี๋ยกับเครื่องราชบรรณาการ ให้ทูตคุมไปให้กับแม่ทัพเมืองจีน ขอโทษตัวยอมเป็นเมืองขี้นตามเดิม แม่ทัพจึงมีหนังสือบอกขึ้นไป ณ เมืองหลวง พระเจ้ากรุงจีนจึงมีหนังสือตอบมาให้แม่ทัพตั้งเลเลยเป็นเจ้าเมืองตังเกี๋ยเถิด แม่ทัพทำตามหนังสือรับสั่งแล้วก็ยกทัพกลับไป เลเลยจึงให้เวียนกรายผู้เป็นมหาอุปราชเป็นผู้สำเร็จราชการบ้านเมืองทั้งปวง และเวียนกรายนั้นมีบุตรหญิงคนหนึ่งชื่อกงจัว บุตรชายคนหนึ่งชื่อจัวเตียน บุตรหญิงนั้นยกให้เป็นภรรยาตีนเฮกยิ่มซึ่งเป็นเสนาบดีในเมืองตังเกี๋ย ครั้นนานมามหาอุปราชจึงทูลลาเจ้าเมืองตังเกี๋ย ว่าตัวแก่ชราแล้วจะขอลาออกจากราชการ จะขอให้ตีนเฮกยิ่มบุตรเขยเป็นว่าที่อุปราชแทนตัวไปกว่าจัวเตียนบุตรชายจะใหญ่ขึ้น      ถ้าบุตรใหญ่แล้วจะขอให้บุตรเป็นมหาอุปราชสืบไป เจ้าเมืองตังเกี๋ยก็ยอมให้ ครั้นเวียนกรายอุปราชตายแล้ว ตีนเฮกยิ่มบุตรเขยก็คิดจะฆ่าจัวเตียนน้องภรรยาเสีย นางจงกัวพี่สาวรู้ความจึงกระซิบบอกน้องชายให้รู้ตัว ให้น้องชายทำเป็นบ้าเสีย จัวเตียนก็ทำตามคำพี่สาว พี่สาวจึงคิดอุบายบอกแก่ตีนเฮกยิ่มผู้ผัวว่าจัวเตียนเป็นบ้าไปแล้ว จะเลี้ยงไว้ก็ขายหน้าขอให้ขับไปเสียให้พ้นบ้านพ้นเมืองเถิด
             
เครื่องมือส่วนตัว