| 
 | 
 |  |       ๏ กราบบังคมสมเด็จบดินทร์สูร
 | 
| พระยศอย่างปางนารายณ์วายุกูล |  | มาเพิ่มภูลภิญโญในโลกา
 | 
| ทุกประเทศเขตรขอบมานอบน้อม |  | สพรั่งพร้อมเปนศุขทุกภาษา
 | 
| ขอเดชะพระคุณกรุณา |  | ด้วยเสภาถวายนิยายความ
 | 
|       ๏ จะกล่าวพงศาวดารกาลแต่หลัง |  | เมื่อแรกตั้งอยุธยาภาษาสยาม
 | 
| ท้าวอู่ทองท่านอุส่าห์พยายาม |  | ชีพ่อพราหมร์ปโรหิตคิดพร้อมกัน
 | 
| มีจดหมายลายลักษณ์ศักราช |  | เจ็ดร้อยสิบสองคาดเปนข้อขัน
 | 
| ปีขาลโทศกตกสำคัญ |  | เดือนห้าวันศุกร์ขึ้นหกค่ำควร
 | 
| เพลาสามนาฬิกากับเก้าบาท |  | ตั้งพิธีไสยสาตรพระอิศวร
 | 
| ได้สังขทักษิณาวัฏมงคลควร |  | ใต้ต้นหมันตามกระบวนแต่บุราณ
 | 
| เปนมหามงคลเลิศประเสริฐศักดิ์ |  | สร้างปราสาทสำนักไพฑูรย์สถาน
 | 
| สำเร็จแล้วจึงให้สร้างปรางปราการ |  | ชื่อไพชยนต์ทิพพิมานอลงการ์
 | 
| แล้วสร้างพระที่นั่งใหญ่ไอสวรรย์ |  | สามปราสาทเสร็จพลันด้วยหรรษา
 | 
| ท้าวอู่ทองครองเสวยสวรรยา |  | พระชัณษาสามสิบเจ็ดเสร็จสมปอง
 | 
| ชีพ่อพราหมณ์ถวายนามตามที่ |  | พระรามาธิบดีไม่มีสอง
 | 
| นามบุรีศรีอยุธยาครอง |  | ให้ถูกต้องตามนามพระรามา ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงศักดิ์ |  | จุลจักรจอมทศทิศา
 | 
| บำรุงเมืองเรืองฤทธิ์อิศรา |  | ฝูงประชาชมชื่นทุกคืนวัน
 | 
| มีเมืองขึ้นสิบหกพระบุรี |  | คือเมืองตะนาวศรี นครสวรรค์
 | 
| เมืองชวา มละกา พิจิตรนั้น |  | เมืองสวรรคโลก ศุโขทัย
 | 
| เมาะลำเลิงบุรี ศรีธรรมราช |  | ทั้งสงขลามาภิวาทไม่ขาดได้
 | 
| พิษณุโลก กำแพงเพ็ชร เมืองพิชัย |  | ทวายใหญ่ เมาะตมะ จันทบูร
 | 
| แสนอุดมสมพงษ์วงศ์กระษัตริย์ |  | เจ้าจังหวัดราเชนทร์นเรนทร์สูร
 | 
| โภชนาสาลีบริบูรณ์ |  | ยิ่งเพิ่มพูนผาศุกทุกนิรันดร์
 | 
| ทรงรำพึงถึงองค์พระเชษฐา |  | ร่วมครรภาอัคเรศนรังสรรค์
 | 
| จำจะให้ไปบำรุงกรุงสุพรรณ |  | ด้วยท่านนั้นสิร่วมสุริวงศ์
 | 
| อนึ่งราชกุมารชาญศักดา |  | องค์พระราเมศวรควรประสงค์
 | 
| จำเริญไวยใหญ่ยิ่งประยูรวงศ์ |  | ควรดำรงเมืองลพบุรี
 | 
| ดำริห์พลางทางออกพระโรงรัตน์ |  | ตั้งกษัตริย์ขนานนามต้องตามที่
 | 
| เฉลิมเดชเชษฐาธิบดี |  | ให้เปนที่พระบรมราชา ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงสุพรรณ |  | พระราเมศวรนั้นก็หรรษา
 | 
| ต่างองค์ทรงคำนับรับบัญชา |  | แล้วลีลาไปสู่พระบูรี ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดช |  | มิ่งมงกุฎอยุธเยศจำเริญศรี
 | 
| สถิตย์แท่นแสนสำราญดาลฤดี |  | ด้วยบุรีขอมคดประทษร้าย
 | 
| จำจะให้ราชบุตรสุดสงสาร |  | ไปรอนราญไล่ริบให้ฉิบหาย
 | 
| เสด็จออกพระโรงคัลพรรณราย |  | แล้วเผยผายสิงหนาทประภาษมา
 | 
| เฮ้ย เสนีย์รีบร้อนจรโดยด่วน |  | บอกพระราเมศวรมาหน่อยหวา
 | 
| ตำรวจรับพระโองการคลานออกมา |  | ลงนาวารีบไปดังใจจง
 | 
| วันหนึ่งก็ถึงลพบุรี |  | อัญชลีทูลความตามประสงค์
 | 
| ว่าพระทรงฤทธิ์บิตุรงค์ |  | เชิญเสด็จเสร็จลงไปกรุงไกร ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระราเมศวรราช |  | ฟังอำมาตย์ทูลแจ้งแถลงไข
 | 
| ให้จัดเรือเร็วพลันในทันใด |  | รีบครรไลคืนหนึ่งถึงบุรี
 | 
| ประทับจอดทอดท่าน่าตำหนัก |  | ขึ้นเฝ้าองค์หริรักษรังษี
 | 
| น้อมประนมบังคมคัลอัญชลี |  | สถิตย์ที่พระโรงรัตน์ชัชวาลย์ ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดช |  | ทอดพระเนตรแลมาตรงน่าฉาน
 | 
| เห็นลูกยามาประนตบทมาลย์ |  | มีโองการทักทายภิปรายเปรย
 | 
| นี่แน่ เจ้าเยาวยอดปิโยรส |  | อ้ายขอมคดดูถูกนะลูกเอ๋ย
 | 
| พ่อสุดแสนแค้นใจไม่เสบย |  | แม้นละเลยจะกระเจิงละเลิงใจ
 | 
| เจ้าแก้วตายาจิตรของปิตุเรศ |  | ไปเหยียบเขตรดับเข็ญให้เย็นใส
 | 
| จักประหารผลาญชีวันให้บรรไลย |  | จะได้ฤๅฤๅมิได้ให้ว่ามา ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระโอรสยศยง |  | ศิโรราบกราบลงแล้วทูลว่า
 | 
| ซึ่งข้อขอมคบคิดจิตรพาลา |  | จะอาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์ ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระภูเบนทร์นิเรนทร์สูร |  | ได้ฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉาน
 | 
| จึงเอื้อนอรรถตรัสมาไม่ช้านาน |  | จงจัดการรีบร้อนอย่านอนใจ
 | 
| พลของเราห้าวหาญชำนาญยุทธ |  | เจียนจะขุดกัมพุชาก็ว่าได้
 | 
| อย่าถอยหลังรั้งรอไปพ่อไป |  | แม้นมีไชยพ่อจะภูลรางวัลครัน ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระราเมศวรราช |  | เคารพรับอภิวาทขมีขมัน
 | 
| มาเกณฑ์พวกโยธาได้ห้าพัน |  | ล้วนฉกรรจ์แข็งข้อจะต่อตี
 | 
| ทั้งอาจองคงทนด้วยมนต์เวท |  | แสนวิเศษฤทธิไกรชาญไชยศรี
 | 
| ถืออาวุธครบมือล้วนฦๅดี |  | โพกแพรสีแสดเสียดประเจียดรัด
 | 
| บ้างก็ผูกลูกสะกดตะกรุดคาด |  | ล้วนองอาจโล่ห์เขนก็เจนจัด
 | 
| มาพร้อมพรั่งนั่งเบียดเยียดยัด |  | สารวัดตรวจตราพลากร ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงยศ |  | เอกโอรสชาญไชยดังไกรสร
 | 
| เสด็จเข้าที่สรงอลงกรณ์ |  | แล้วสอดซ้อนเครื่องทรงณรงค์ครบ
 | 
| ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพจับพระแสง |  | โดยตำแหน่งสงครามตามขนบ
 | 
| มาทูลลาบิตุรงค์ทรงพิภพ |  | ประนมนบคอยสดับรับโองการ ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระองค์ดำรงราชย์ |  | สถิตย์อาศน์รจนามุกดาหาร
 | 
| เห็นพระปิยะบุตรสุดสำราญ |  | จึงมีรศพจมานประภาษมา
 | 
| เจ้าดวงใจพ่อจะไปกัมพุชประเทศ |  | ระวังเหตุกลศึกฤกหนักหนา
 | 
| จะหยุดยั้งจงระวังพระกายา |  | ไม่ได้ท่าแล้วอย่าหาญเข้าราญรอน
 | 
| ชื่อว่าศึกแล้วอย่านึกประมาทหมิ่น |  | คอยประคิ่นจดจำเอาคำสอน
 | 
| อย่าให้อายขายหน้าประชากร |  | จงถาวรสวัสดีอย่ามีไภย
 | 
| รีบปรามปราบราบเตียนที่เสี้ยนหนาม |  | ดังองค์รามดับเข็ญให้เย็นใส
 | 
| จงมีโชคไชยะชนะไภย |  | ให้สมในมโนรถหมดทุกอัน
 | 
| ยื่นพระแสงสาตราอาญาสิทธิ์ |  | ใครคดคิดเข่นฆ่าให้อาสัญ
 | 
| จงอุดมสมศุขทุกนิรันดร์ |  | ซึ่งไภยันตร์สิ่งใดอย่าใกล้กราย ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระโอรสยศยง |  | กราบลงแทบบาทพระฤาสาย
 | 
| เคารพรับพรพลางแล้วย่างกราย |  | ผันผายมาทรงคชาธาร
 | 
| ได้มหาพิชัยฤกษ์ให้เลิกทัพ |  | โห่รับแซ่เสียงสำเนียงขาน
 | 
| ลั่นฆ้องหึ่งอึงออกนอกทวาร |  | เสียงสะท้านลั่นเลื่อนสเทื้อนสทึก
 | 
| ทหารธงโบกธงตรงไปน่า |  | เสียงช้างม้าเริงร้องอยู่กองกึก
 | 
| ทวยหาญขานโห่โอฬารฦก |  | อึกกะทึกข้ามทุ่งพ้นกรุงไกร
 | 
| ประทับร้อนนอนค้างกลางอารัญ |  | หลายวันตั้งพลับพลาหยุดอาไศรย
 | 
| เลี้ยวลัดตัดทุ่งเดินมุ่งไป |  | ถึงเวียงไชยกัมพูชาพอราตรี
 | 
| มิทันตั้งค่ายคูอยู่สำนัก |  | สั่งให้พักพลทหารชายไชยศรี
 | 
| ขึ้นประทับพลับพลาพนาลี |  | ให้โยธีล้อมรอบเปนขอบคัน ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระองค์ทรงนัครา |  | กัมพูชาธิราชรังสรรค์
 | 
| รู้เรื่องราวข่าวศึกฮึกฉกรรจ์ |  | มาบุกบันตั้งประชิดติดภารา
 | 
| แสนพิโรธโกรธกริ้วกระทืบบาท |  | ดำรัสเรียกอุปราชโอรสา
 | 
| กับข้าเฝ้าเจ้าพระยาและพระยา |  | มาปฤกษาสงครามตามทำนอง
 | 
| จะผ่อนผันฉันใดไฉนเล่า |  | ภาราเราเกิดวุ่นจะขุ่นหมอง
 | 
| จะคิดอ่านการศึกเร่งตรึกตรอง |  | ใครเห็นช่องฉันใดให้ว่ามา ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น เจ้าพระยาอุปราช |  | เคารพรับอภิวาทแล้วทูลว่า
 | 
| ซึ่งทัพไทยเดินบกยกกันมา |  | ขออาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์
 | 
| จะหักโหมโจมจับสัปรยุทธ |  | ให้ม้วยมุดยับแยกถึงแตกฉาน
 | 
| ซึ่งทัพมาล้าเมื่อยเดินเหนื่อยนาน |  | ถึงสถานมิทันยั้งตั้งกระบวน
 | 
| จะหักหาญรานทำค่ำวันนี้ |  | เห็นจะมีไชยาสักห้าส่วน
 | 
| ไม่มีค่ายถ่ายเทคงเรรวน |  | ใคร่ครวญเห็นจะได้ดังใจปอง ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพูชา |  | ได้ฟังว่าเปรมปริ่มค่อยยิ้มย่อง
 | 
| จึงเอื้อนอรรถตรัสความตามทำนอง |  | ดีแล้วลูกถูกต้องคลองฤไทย
 | 
| แล้วผินภักตร์ถามบรรดาพวกข้าเฝ้า |  | ซึ่งลูกเราว่าเห็นเป็นไฉน
 | 
| จะได้ช่องคล่องจิตรเหมือนคิดไว้ |  | ฤๅเห็นเป็นอย่างไรให้ว่ามา ฯ
 | 
|  ๏ ฝ่ายว่าข้าเฝ้าเหล่าพวกขอม |  | ต่างเห็นพร้อมเพรียงกันยิ่งหรรษา
 | 
| จึงกราบทูลตามมูลกิจจา |  | ซึ่งตรัสมาต้องที่เห็นดีนัก
 | 
| ด้วยทัพไทยไพร่นายยังไรเรี่ย |  | ทำลายเสียจู่โจมรีบโหมหัก
 | 
| อย่าให้ตั้งค่ายมั่นขยันนัก |  | แม้นหน่วงหนักนิ่งไว้ไม่สู้ดี ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพุชประเทศ |  | สดับเหตุปรีดี์เปรมเกษมศรี
 | 
| ทรงสำรวลสรวญร่าแล้วพาที |  | เหวยเสนีตรวจตราพลากร
 | 
| แล้วตรัสสั่งอุปราชรชโอรส |  | จงคุมทศทวยหาญชาญสมร
 | 
| ไปโจมทัพจับไทยไพรีรอน |  | จงถาวรกูลสวัสดิ์กำจัดไภย ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระอุปราชราชบุตร์ |  | เกษมสุดยินดีจะมีไหน
 | 
| บังคมลามาเตรียมพลไกร |  | จำนวนไพร่โยธาหมื่นห้าพัน
 | 
| ถึงยามสองกองทัพไม่สับสน |  | ดำเนินพลออกทวารปราการกั้น
 | 
| ห้ามมิให้เฮฮาพูดจากัน |  | ถึงกองทัพฉับพลันในทันที
 | 
| ให้ยิงปืนครื้นครึกเสียงกึกก้อง |  | โห่ร้องเลื่อนลั่นสนั่นมี่
 | 
| ดาบดั้งพรั่งพร้อมล้อมวารี |  | ต้อนตีทัพมาไม่รารอ ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น แม่กองสองทหาร |  | อลหม่านตกใจเอ๊ะใครหนอ
 | 
| ฉวยดาบโดดโลดไล่ไม่ย่อท้อ |  | ร้องรับพ่อพวกเราเอาให้ตาย
 | 
| หมู่ทหารราญรัญรับสัปรยุทธ |  | ปรายอาวุธหอกดาบกำซายสาย
 | 
| พวกขอมแขงแทงกระทั่งพุงทลาย |  | ไทยตาแตกตื่นเสียงครื้นครึก
 | 
| เขมรโดดโลดไล่พวกไทยล่า |  | มัวหลับตาเสียกระบวนเมื่อจวนดึก
 | 
| ขอมกระทำซ้ำเติมโห่เหิมฮึก |  | อึกกะทึกรบรับจนทัพไชย ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระราเมศวรราช |  | ทรงไสยาศน์ในพลับพลาที่อาไศรย
 | 
| เสียงครั่นครื้นตื่นพลันในทันใด |  | ตกพระไทยผลันผลุนหมุนออกมา
 | 
| เห็นพลเมืองเนืองหนุนขนาบไร่ |  | กองทัพไทยย่อหย่อนอ่อนหนักหนา
 | 
| แสนพิโรธโดดกลับเข้าพลับพลา |  | ทรงสาตราวิ่งวางออกกลางทัพ
 | 
| ขับพหลพลไกรไล่ตระหลบ |  | ใครไม่รบหลกเลี่ยงจะเสียงสับ
 | 
| ทหารกลัวตัวตายเข้ารายรับ |  | ทั้งสองทัพแขงขันประจัญบาน
 | 
| ต่างกำแหงแรงเริงในเชิงยุทธ |  | ฤทธิรุทฟันฟาดกันฉาดฉาน
 | 
| พวกขอมอ่อนหย่อนยืนไม่ทนทาน |  | ไทยทหารฮึกโห่เปนโกลา ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น มหาอุปราช |  | กริ้วตวาดพลนิกายทั้งซ้ายขวา
 | 
| ต้อนกระตุ้นหนุนซ้ำกระหน่ำมา |  | พวกโยธาร้อนตัวกลัวความตาย
 | 
| ฟันแทงแย้งยุทธอาวุธสั้น |  | แขงขันต่อตีไม่หนีหาย
 | 
| ทั้งสองข้างต่างระทมบ้างล้มตาย |  | ไพร่นายกลิ้งกลาดอนาถใจ ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น พระราเมศวรราช |  | องอาจมิได้พรั่นประหวั่นไหว
 | 
| ทรงม้าร่ารับด้วยฉับไว |  | ต้อนไพรพลทหารเข้าราญรบ
 | 
| ทั้งสองข้างต่างแขงกำแหงฮึก |  | อึกกะทึกกรูเกรียวเลี้ยวตระหลบ
 | 
| ข้างทัพไทยไพร่น้อยต้องถอยทบ |  | พวกขอมรบบุกบันประจัญบาน
 | 
| จนเพลาฟ้าขาวเช้าตรู่ตรู่ |  | ยังเกรียวกรูฮึกโห่ด้วยโมหานธ์
 | 
| ไพร่ยิ่งตายนายต้อนเข้ารอนราญ |  | อลหม่านจนสว่างขึ้นรางรอง ฯ
 | 
|       ๏ ฝ่ายว่าพระราเมศวรราช |  | องอจมิได้หลบสยบสยอง
 | 
| แต่ห็นพลน้อยกว่าท่าเปนรอง |  | จำจะต้องผ่อนพักไว้สักที
 | 
| ดำริห์พลางทางให้โบกธงทัพ |  | รอรับรบไปแต่ไม่หนี
 | 
| เขมรโห่โกลาตามราวี |  | พวกไทยตีถอยทนร่นมาพราง ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้น อุปราชราชบุตร |  | เห็นสิ้นสุดแดนเมืองเครื่องขัดขวาง
 | 
| จะติดตามข้ามเขตรประเทศทาง |  | ก็เหินห่างเวียงชัยไม่ชอบกล
 | 
| ไม่มีกองลำเลียงเลี้ยงทหาร |  | ทางกันดารสารพัดจะขัดสน
 | 
| ก็เลิกทัพกลับจรไม่ร้อนรน |  | ประมาทตนมิได้คิดจะติดตาม ฯ
 | 
|       ๏ ฝ่ายพระราเมศวรสุริยวงศ์ |  | ให้พักพวกจัตุรงค์กลางสนาม
 | 
| แล้วชุมนุมเสนาปฤกษาความ |  | แม้นวู่วามเล่าก็เห็นจะเปนรอง
 | 
| พลเรามาห้าพันถึงกลั่นกล้า |  | ก็น้อยกว่าสิบเอาหนึ่งไม่ถึงสอง
 | 
| จึรอราล่าให้ใจคนอง |  | คงจะต้องแก้เผ็ดไม่เข็ดมือ
 | 
| บอกขอพลคนเพิ่มเติมมาใหม่ |  | ไม่มีไชยแล้วพากันกลับอย่านับถือ
 | 
| ได้เรียนรู้สู้เขาเอาให้ฦๅ |  | แต่งหนังสือบอกพลันให้ทันที ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้นข้าเฝ้าเหล่าทหาร |  | กราบกรานเห็นพร้อน้อมเกษี
 | 
| แต่งหนังสือปิดตราไม่ราวี |  | ให้เสนีสิบม้ารีบคลาไคล ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้นพระราเมศวรราช |  | ให้เคลื่อนพยุหบาตรทั้งน้อยใหญ่
 | 
| ประทับอยู่เขตแคว้นแดนกรุงไกร |  | ตั้งพระไทยท่าทัพอยุธยา ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้นเสนีปรีชาชาญ |  | จำทูลสารทรงยศโอรสา
 | 
| แรมร้อนนอนในพนาวา |  | ถึงกรุงศรีอยุธยาด้วยฉับพลัน
 | 
| ก็เข้าในนักเรศเขตรสถาน |  | แจ้งสารเสนีขมีขมัน
 | 
| ถึงเวลามาเตรียมอยู่พร้อมกัน |  | คอยเฝ้าองค์ทรงธรรม์พระโรงไชย ฯ
 | 
|       ๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดช |  | เนานิเวศน์ปรางทองอันผ่องใส
 | 
| แสนสำราญบานาชหฤไทย |  | อนงค์ในเคียงคู่เข้าอยู่งาน
 | 
| บ้างหมอบเมียงเคียงคอยชม้อยม้วน |  | เปนนวลนวลน่าชมสมสัณฐาน
 | 
| บ้างกล่อมขับรับเพลงบรเลงลาน |  | พระสำราญรื่นเริงบรรเทิงใจ
 | 
| พอสายแสงสุริยาภนุมาศ |  | ยุรยาตรออกพระโรงวินิจฉัย
 | 
| สถิตย์แท่นเนาวรัตน์ใต้ฉัตรไชย |  | เสนาในหมอบเฝ้าเปนเหล่ากัน
 | 
| เสียงประโคมโครมครึกพิฦกก้อง |  | ตามทำนองขันติยราชสังสรรค์
 | 
| ดังจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ทรงสุบรรณ |  | ผันพระภักตร์ซักถามความบุรี ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้นพระยามหาอำมาตย์ |  | อภิวาททูลความไปเต็มที่
 | 
| ขอเดชะพระองค์ทรงธรณี |  | อันชีวีอยู่ใต้พระบาทา
 | 
| บัดนี้พระโอรสยศยง |  | ให้ขุนโจรจัตุรงค์แม่กองน่า
 | 
| กับหลวงศักดิเสนีศรีเสนา |  | นำสารมาเคารพอภิวันท์
 | 
| พอทูลเสร็จคลี่สารอ่านถวาย |  | บรรยายโดยคดีขมีขมัน
 | 
| อ่านจบนบนิ้วบังคมคัล |  | ตรงหน้าบัลลังก์รัตน์ชัชวาลย์ ฯ
 | 
|       ๏ ครานั้นพระองค์ดำรงวัง |  | ได้ทรงฟังอึ้งอั้นไม่บรรหาร
 | 
| คนึงนึกตรึกตราเปนช้านาน |  | มีโองการสิงหนาทประภาษมา
 | 
| เอออะไรลูกเราช่างเบาจิตร |  | แพ้ความคิดข้าศึกนึกขายหน้า
 | 
| ทำให้เสียท่วงทีในปรีชา |  | ดีแต่กล้าดื้อดื้อถือทนง
 | 
| จนเสียพระศรีสวัสดิ์น่าขัดแค้น |  | เข้าเขตแดนอรินไยมาใหลหลง
 | 
| ไม่ระวังเนื้อตัวมัวทนง |  | อ้ายขอมคงเหิมฮึกนึกดูเบา
 | 
| ครั้นจะนิ่งทิ้งไว้ให้กำเริบ |  | จะโตเติบใหญ่เยี่ยมแทบเทียมเขา
 | 
| เขม้นหมายหยิ่งเย่อลเมอเมา |  | โอรสเราหมิ่นประมาทถึงพลาดพลั้ง
 | 
| จำจะให้พระบรมราชา |  | ยกโยธาตามไปดังใจหวัง
 | 
| ทำลายล้างภาราเข้าผ่าพัง |  | คงได้ดังมโนรถหมดโพยไภย
 | 
| เหวยมหามนตรีขมีขมัน |  | ไปสุพรรณภาราอย่าช้าได้
 | 
| เชิญเสด็จเชษฐามาไวไว |  | จึงรีบไปเร็วหวาอย่าช้าที ฯ
 | 
| 
 | 
| 
 | 
| 
 | 
 |        |  |        
 |