สุขุมาลนิพนธ์

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 07:58, 24 กุมภาพันธ์ 2553 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

พระนิพนธ์: สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี

บทประพันธ์

โคลงดั้นสุภาสิตวชิรญาณ

ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑

๏ คราวเข็ญจะเฝ้าแต่โศกศัลย์
โศกจะดับขุ่นเข็ญห่อนได้
ยิ่งโศกยิ่งจักพลันรอญชีพ
ควรปลดควรเปลื้องให้โศกคลาย ฯ
๏ ละโศกเร่งตริรู้สึกเข็ญ ตนนา
รู้เข็ดเข็ญคงวายว่างบ้าง
ทิ้งชั่วยึดที่เปนทางชอบ
จึงจักเริศร้างพ้นเหตุภัย ฯ
             

โคลงสุภาสิต

เริ่มทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑


คำอธิบาย

โคลงสุภาษิตนี้ทรงแต่งตามเค้าโครงสุภาสิตใหม่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์กับเจ้านายที่บางปอิน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๐ (ฉบับพิมพ์เรียกว่า “โคลงสุภาษิตใหม่” ) สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าฯ ทรงพระนิพนธ์โคลงสุภาสิตนี้ทรงกับเจ้านายผู้หญิงอีกหลายพระองค์ด้วยกัน คัดเอามาพิมพ์ในสมุดนี้แต่โคลงพระนิพนธ์ของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า ฯ


ความรัก
๏ รักเรียนต้องกอปด้วยวิริยะ
รักยศควรอุสาหะกิจไท้
รักทรัพย์อย่าพึงสละทรัพย์จ่าย เฝือนา
รักชอบกอบกิจให้ถ่องแท้ยุติธรรม ฯ
๏ รักตนประพฤติล้วนสุจริต
รักลูกเพียรดัดจิตลูกไว้
รักมิตรมากที่มิตรรักตอบ
รักบ่าวเมื่อคราวใช้ไป่ลี้หนีงาร ฯ
             
ความชัง
๏ ชังพูดเปนเล่ห์เลี้ยวหลอกหลอน
ชังชาตินิรคุณบอนบ่อนไส้
ชังโจรเที่ยวซอกซอนลักทรัพย์ ท่านนา
ชังมากบอยากใกล้เผ่าพ้องอสัทธรรม ฯ
             
ความกล้า
๏ กล้าคิดเพราะเหตุด้วยใจมาน
กล้าเชื่อเพื่อปฏิญาณสัตย์ไว้
กล้าพูดเพราะเชื่อชาญเชาวน์ว่อง
กล้ารักชักกล้าให้สู่สู้ริปูแทน ฯ
             
ความกลัว
๏ อาญาไทธิราชเผ้าแผ่นสยาม
เกรงไป่มีโมงยามว่างน้อ
ภัยพิบัติมัจจุราชตามฉกชีพ
กลัวบ่เว้นทุ่มท้อจิตลี้หนีไฉน ฯ
๏ กลัวบาปบส่อให้โทษถึง ท่านนา
กลัวท่านผูกเวรตรึงติดติ้ว
กลัวกรรมจักตามดึงตนสู้ อบายพ่อ
กลัวชอบบุญหอบหิ้วอาตม์ขึ้นสุขภูมิ์ ฯ
             
ความเพียร
๏ เพียรประพฤติสุจริตอ้างอวยผล
เพียรประพฤติยุติธรรมดลดับไร้
เพียรประพฤติกอปกุศลบุญส่ง สุขนา
เพียรประพฤติเมตตจิตได้ห่างพ้นคนชัง ฯ
๏ เพียรประพฤติทุจริตร้อนแรงไฟ นรกพ่อ
เพียรประพฤติฉ้อฉกภัยจักพ้อง
เพียรประพฤติบาปบไกลทุกข์ถับ ถึงนา
เพียรประพฤติเหี้ยมโหดต้องตกข้างคนฉิน ฯ
๏ หมั่นเขียนหมั่นอ่านอ้างอักษร
เพียรแต่งโคลงลิลิตกลอนดอกสร้อย
กลบทอีกบทละคอนฉันท์กาพย์
เพียรดั่งนี้ฤาคล้อยคลาดผู้ชาญกวี ฯ
             
ความเกียจคร้าน
๏ โกสัชชัดเชิดอ้างโทษา
ฉัพพรรคอรรถกถากล่าวแจ้ง
นรชาติปราศวิริยานฤสุข
จักสฤษดิกิจใดแสร้งผัดเพี้ยนผ่อนตน ฯ
๏ หนาวหนักจักกอปเกื้อการใด ได้พ่อ
บางผ่อนร้อนจัดใจจักหวิ้น
บางคาบก็ขานไขยลย่ำ แล้วนา
กอปกิจบควรสิ้นรติแผ้วควรทำ ฯ
๏ ยามพรุกพร่ำผัดเพี้ยนทำงน มากนา
งายหน่อยจึงจักขวนกิจไซร้
บางผ่อนอุทรรนร้อนภักษ์ ภุญช์พ่อ
บางผัดอิ่มหนักให้หย่อนน้อยค่อยทำ ฯ
๏ สันดานประกอบด้วยโกสัช
ผิสฤษดิ์กิจใดผัดพรุ่งเพล้
เพี้ยนหนาวผัดร้อนจัดอิ่มพร่อง อุทรนา
กว่าจะเสร็จประสงค์เอ้อูดพ้นพันทวี ฯ
             
ความซื่อ
๏ พุทธรัตน์ธรรมรัตน์ทั้งสงฆ์สรรพ์ พิสุทธิ์แฮ
อีกชนกชนนีอันเกิดเกล้า
สยามรัฐดิลกธรรมิกแห่ง ตนฤา
ควรซื่อสุจริตเช้าค่ำน้อมนมัสการ ฯ
             
ความโกง
๏ โกงคิดทรยศผู้บำรุง ตนแฮ
หมายลาภเปิดลับจุงโทษให้
ความชั่วติดตัวนุงเหนียวเหนอะ
สบลาภก็พลันไร้เพื่อร้อนแรงกรรม ฯ
             
ความอาลัย
๏ อาลัยลูกจักเมื้อยุรเปียน ทวีปแฮ
ใจคิดเปนนิจเวียนวาบว้ำ
อาลัยเพื่อเคยเสถียรสถิตสุข เสมอนา
ใจห่วงเหลือจักปล้ำปลิดให้อาลัยสูญ ฯ
             
ความเบื่อ
๏ เบื่อโลกเห็นโลกล้วนอนิจจัง
เบื่อทุกข์ทุกวันประดังรุกเร้า
เบื่อเคราะห์เบื่อกรรมฝังรกราก
เบื่อหน่ายตายเกิดเฝ้ารับท้นทุกข์ทวี ฯ
             
ความโสมนัส
๏ ราชภัยพิบัติแม้หลีกหนี
อัคนิภัยพิบัติลีลาศแคล้ว
โจรภัยพิบัติมีหลบรอด โจรนา
สามสิ่งโสมนัสแผ้วผ่องชื้นกมลเปรม ฯ
๏ ยินดีได้ลาภล้นมูลมอง
ยินลาภยศศักดิ์ปองศักดิ์ได้
ยินดีอนี้ตรองตรึกรงับ บ้างพ่อ
ยินลาภนักมักให้ช่องให้ชนหยัน ฯ
             
ความโทมนัส
๏ กลางประชุมแม้ว่าต้องถูกทัก
โดยเท็จหรือจริงประจักษ์สุดพื้น
เก่าเหลือที่จะหักใจกลับ ใหม่แม่
โทมนัสขัดจิตตื้นอกน้ำตาคลอ(๑)
๏ คิดเห็นประโยชน์แล้วจึ่งทำ
กลายกลับเปนผิดนำโทษพ้อง
เสียใจที่ใจสำคัญผิด
โทษอื่นบได้ต้องโทษแท้ตนเอง ฯ
             
ความริษยา
๏ ริษยาเกิดขึ้นเพราะด้วยเสียจิต ก่อนนา
เสียจิตเพาะริษยากอปสร้าง
สองอย่างต่างประชันปิดประชันส่อ กันแฮ
ปวงปราชญ์อาจมละล้างคู่ข้อมลายสูญ ฯ
             
(๑) ในโคลงบทนี้ทรงใช้ศัพท์แผลง ซึ่งชอบพูดกันในสมัยนั้นหลายศัพท์ คือ “ทัก” หมายความ ว่าปราสัยเปนคำทารุณ “พื้น” หมายความว่าสำผัสใจ “เก่า” หมายความว่าเกิดโทษะ “ใหม่” หมายความว่าสิ้นโทษะ


ความพยาบาท
๏ พยาบาทนี่นี้ขาดทางธรรม นะพ่อ
ผิเกิดไป่คนึงรำงับแล้ว
ดังฤาจักดลสำราญสุข พ่อเอย
ไปปรโลกฤาจักแคล้วคลาดพ้นเวรจอง ฯ
๏ ปราชญ์มองเห็นโทษแท้จึ่งประหาร ขาดนา
เวรรงับดับเวรผลาญหมดเชื้อ
อาฆาฏขาดจิตสราญรมย์ยิ่ง ยงแฮ
เขษมสุขประจวบเมื้อสู่ยั้งนฤพาน ฯ
             
ความปรารถนา
๏ ประสงค์ศิลปศาสตรต้องเติมเพียร
ประสงค์มั่งมีทรัพย์เรียนเรื่องค้า
ประสงค์ยศจุ่งหมั่นเวียนเฝ้าบพิตร เสมอนา
ประสงค์สุขหน่วงจิตคว้าสัตย์ไว้นิจกาล ฯ
             
ความหยิ่ง
๏ หยิ่งยศถือยศก้ำเกินคน
หยิ่งศักดิ์หวังศักดิ์ตนใหญ่กว้าง
หยิ่งทรัพย์ส่ายทรัพย์กลดั่งทรัพย์ จักรฤา
สามหยิ่งจักพาค้างขาดสิ้นนิจผล ฯ
             

โคลงทรงตอบพระราชนิพนธ์ เมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงประชวร

ในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๓๖ กับ พ.ศ. ๒๔๓๗


'โคลงพระราชนิพนธ์
๏ เจ็บนานหนักอกผู้บริรักษ์ ปวงแฮ
คิดใคร่ลาลาญทักปลดเปลื้อง
ความเหนื่อยแห่งสูจักพลันเสื่อม
ตูจะสู่ภพเบื้องน่านั้นพลันเขษม
             
โคลงตอบ
๏ สรวมชีพข้าบาทภักดี
พระราชเทวีทรงสฤษดิ์ให้
สุขุมาลมารศรีเสนอยศ นี้นา
ขอกราบทูลท่านไท้ธิราชเจ้าจอมสยาม ฯ
๏ ประชวรนานหนักอกข้าทั้งหลาย ยิ่งแล
ทุกทิวาวันบวายคิดแก้
สิ่งใดซึ่งจักมลายพระโรค เร็วแฮ
สุดยากเท่าใดแม้มาทม้วยควรแสวง ฯ
๏ หนักแรงกายเจ็บเพี้ยงเท่าใด ก็ดี
ยังบหย่อนหฤทัยสักน้อย
แม้พระจะด่วนไกลข้าบาท ปวงแฮ
อกจะพองหนองย้อยทั่วหน้าสนมนาง ฯ
             

โคลงสุภาสิตเบ็ดเตล็ด

ความลอาย
๏ มีอายอาจสกัดกั้นกันทาง ชั่วแฮ
จักประพฤติชั่วอายขวางขัดไว้
ผู้มีหฤทัยจางจืดต่อ หิรินา
จึงประพฤติความชั่วได้แน่แท้เทียวเธอ ฯ
๏ อุด(๑)นานแรกออกนั้นแสนอาย
ลมล่อยพลอยจับกายรริกเริ้ม
หน้ามือจักษุลายแลพร่าง
เหงื่อหยดขาสั่นเทิ้มอุทัจด้วยคนดู ฯ
             
ความงาม
๏ เพ็ญบูรณ์เกียรติยศทั้งบริวาร
งามเลิศใดบปานเปรียบได้
เพ็ญทรัพย์อีกคำขานสัตย์ทุก เมื่อนา
งามยิ่งงามแท้ให้ทั่วผู้สรรเสริญ ฯ
             
ความสรรเสริญ
๏ ผู้หาญราญเศิกสู้ไป่หนี
หนึ่งเหล่าคณะเมธีทั่วหน้า
อีกสงฆ์พิสุทธิ์ศีลวัตยิ่ง ยงเฮย
หญิงซื่อสุจริตกล้าสี่นี้ควรชม ฯ
             
(๑) อุด เปนคำแผลง หมายความว่าอยู่แต่ในที่อันเดียว

โคลงสุภาสิต ทรงถอดความจากวชิรญาณสุภาสิต

๏ บุญมากหากกอปเกื้อปัญญา มากนา
โดยป่วยก็พลันหายห่างไข้
มากคนรักไปมาเช้าค่ำ
เคยเกลียดกลับรักได้เพราะบุญ ฯ
๏ บุญต่ำนำชักให้หมดความ คิดนา
กำเริบไข้แรงรุนโรคร้าย
มิตรญาติขาดรักยามบุญอับ
พบปะก็คล้ายคล้ายแขกเมิน ฯ
๏ ความรู้มีมากล้นเพียงใด ก็ดี
แต่ขาดความเพียรใจเกียจคร้าน
เฉกผู้มากทรัพย์ในเรือนฟุ่ม เฟือยนา
ตระหนี่เก็บไว้แต่บ้านห่างใช้ไฉนเติม ฯ
๏ วิชาเดิมมีน้อยแต่มีเพียร มากฮา
ยังบ่ทราบใดเรียนมากไว้
ผู้น้อยทรัพย์ค่อยเบียนทรัพย์จ่าย เสมอนอ
ทรัพย์จะเสริมเติมได้มากด้วยแรงเพียร ฯ
             

โคลงสุภาสิตทรงแต่งเล่นกับเจ้านายผู้หญิง

เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๓


ความเพลิน
๏ ความเพลินมีทั่วทั้งฝ่ายดี ทรามเฮย
สุดแต่ผู้เพลินมีสติค้น
เพลินชอบก็พลันทวีลาภยศ ปวงแฮ
เพลินผิดก็ไป่พ้นภาคร้ายเร็วถึง ฯ
             
ความรำคาญ
๏ รูปต่ำซ้ำศิระงุ้มปานปม เปรอะนา
รสพลับแช่ฝาดขุยเกาะลิ้น
กลิ่นสาบมนุษย์ระดมกลิ่นอุต พิษแฮ
เสียงพูดปลอกปลิ้นปลี้เปล่าความ ฯ
๏ งามโฉมแต่หยุดอ้าอาตม์โฉม
ฤาแต่งเกินพองามเงื่อนหน้า
มารยาทลุกลนโครมครามเตะ ต่อยเฮย
ปวงกล่าวทั้งนี้ข้าสุดรำคาญ ฯ
             
ความปรารถนา
๏ ปรารถนาของมนุษย์นั้นหมดไฉน ท่านเฮย
แม้จักพรรณาไปไป่สิ้น
แต่ผู้ว่องวุฒิไวยรู้เลือก สรรแฮ
ควรดับฤาควรดิ้นโดดยั้งตามควร ฯ
             

ร่ายประทานพระพรกรมพระดำรงในวันประสูติ

ทรงนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒


๏ ขษณพระพุทธศกตกสองพันสี่ร้อย
ห้อยเศษหกสิบสองปีวีสะดิถีมิถุนายน
ดลอภิลักขิตสมัยในพระเจ้าบรมวงศ์
กรมพระยาดำรงราชานุภาพคาบพระชนม์คำณวน
ประมวลกึ่งสตพรรษอีกเศษอัฐฉนำกาล
มานพระหฤทัยจำนงประสงค์กอปกุศลอุทิศ
เปนนิรามิสราชพลีแด่ภูวบดีปิยมหาราช
ทั้งพระบาทบรมอัยการาชปิตุลาบวรอิศเรศ
เหตุสมภาคมายุสม์ลุอำนวยทานสงฆ์
ปลงธนสารบำรุงผดุงสภากาชาดสยาม
พยาบาลพระนามบัญญัติข้อยมีมนัสปราโมทย์
มาโนชในพระกุศลจึงนิพนธ์ถวายชัย
ด้วยน้ำใจสุทธิ์สอาดสรวมอำนาจพระรัตนตรัย
อีกไทยเทพทรงมหิทธิศักดิ์ซึ่งพิทักษ์สยามณาเขต
สรวมพระเดชนฤบดินทร์เจ้าสยามินทร์ห้าพระองค์
ทรงแผ่พระเดชานุภาพปราบปวงอุปัทวภัย
ไกลอุปสัคไกลโศกนิราสโรคนิราสทุกข์
เนืองนิตย์ยุกต์สุขารมณ์อุดมพระปรีชาเชาวน์
เนาประมุขโบราณคดีทวีพระยศฦาเลื่อง
เฟื่องกิตติคุณฦาเลวงล้ำยิ่งเพรงบันดาล
พระชนมานยืนยงธำรงวังวรดิศ
พิพิธสุขพิศาลกอปศฤงคารไพบูลย์
วงศ์ประยูรพรั่งพร้อมน้อมมนัธยาศัย
ในพระเมตตาคุณการุญรักษ์ดิเรก
เฉกโพธิพฤกษ์ฉายาร่มบริจาร์แลดนัย
เหล่าข้าไทยทั้งผองใดธปองจงประสบ
ใดธปรารภจงสัมฤทธิ์สิทธิดังมโนหวัง
ดังข้อยผู้ภคินีอื้นวจีพจน์สุนทร
อำนวยพระพรถวายฉนี้สรวมเทพช่วยชี้
ช่องให้คงเขษมโสตถิ เทอญ ฯ
             

โคลงตอบกรมพระดำรงฯ ถวายพระพรสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ในวันประสูติ

ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒


โคลงของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ

๏ ฝาตลับรูปไข่ถ้วยทูลถวาย
เฉกเช่นไข่ขวัญหมายอรรถชี้
นิพนธ์พจนแทนบายศรีปาก ชามแฮ
สมโภชวันเฉลิมนี้เพิ่มพร้อมพรถวาย ฯ
๏ สมเด็จพระพี่เจ้าจอมสยาม
จงโปร่งปราศพยาธิความขุ่นไข้
เสวยสุขสวัสดิ์งามวรรณผ่อง เพ็ญเทอญ
เจริญพละพระชนม์ให้ร่วมร้อยปีประมาณ ฯ
             

โคลงทรงตอบแทนทูลกระหม่อมหญิง

๏ ไข่ถ้วยแทนไข่เข้าเฉลิมขวัญ
อีกพจนประพันธ์อวยสวัสดิ์พร้อม
ประทานลูกสมัยวันอุปัติศก นี้นา
ลูกธมาโนชน้อมนบน้อมขอบพระคุณ ฯ
             

กาพย์ตอบกรมพระดำรงฯ ถวายพระพรสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ในวันประสูติ

ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓


กาพย์กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

๑๖
๏ สถิติสถานบ้านแป้งแหล่งตำบลจวบกันยายน
สิบสี่ประสบครบดิถี
๏ เฉลิมชนม์พระเชฏฐภคินีสมเด็จกษัตรี
ศรีรัตนโกสินทร์สมร
๏ อยู่ไกลใคร่จะถวายพรจึงเพียรเขียนกลอน
จำทูลถวายอย่างต่างตน
๏ ลูกหลานว่านเครือหลายคนก็บอกยุบล
ให้กราบบาทมูลทูลผสม
๏ ร่วมใจปรีดาสารภิรมย์ยอกรบังคม
ถวายพรพิพัฒน์สวัสดี
๏ ให้ทรงสุขเกษมเปรมปรีดิ์ทุกทิวาราตรี
อย่ารู้นิราสคลาดคลาย
๏ ผ่องพระฉวีพรรณรายดุจเดือนเด่นฉาย
มลทินพยาธิขาดสูญ
๏ เจริญพละพระกำลังเพิ่มพูนสมบุรณบริบูรณ
ทุกสิ่งทรงมาทปรารถนา
๏ ขอให้เจริญพระชันษายั่งยืนวัฒนา
การเกิดประโยชน์โพธิผล
๏ ได้ทรงสมาทานการกุศลปรฏิบัติพระชน
นีแลเลี้ยงเหล่าประยูร
๏ อุปการ์ข้าไทเอาธูรโอบเอื้อเกื้อกูล
ตลอดจนเหล่าชาวประชา
๏ จิรฐิติกาลนานช้าเรือนร้อยพรรษา
ให้สมดังสัจอธิฐาน ฯ
             

ทรงตอบแทนทูลกระหม่อมหญิง

๑๖
๏ จวบวันอุบัติกาลณวารที่สิบสี่กันย์
ได้รับลายพระหัตถ์อันไพเราะห์พจนพาที
๏ ข้อยมีมนัสนึกรฦกในพระอารี
แก่ภาคินัยมีประจำมั่นนิรันดร
๏ ขอโอนศิโรดมบังคมรับบวรพร
ด้วยกาพย์ลำเนากลอนอันแต่งโดยพระมารดา
๏ อนึ่งปวงประยูรวงศ์ทุกองค์ร่วมพระหัทยา
แด่ปิตุลปิตาอำนวยศุภมงคล
๏ ขอเธอทั้งหลายจงธำรงสุขสถาผล
โรคภัยอันใดดลพลันบำราศประลาตไกล
๏ สรวมพรชมัยพรจงประสิทธิ์ทุกสิ่งไกษย
อำนาจสัจวจีใจประจวบปองสนองเสนอ ฯ
             

โคลงแลกลอนสำหรับสอดในชักเปี๊ยะพร้อมกับแหวน

ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔


คำอธิบาย

เมื่อปีระกา พ.ศ. ๒๔๖๔ สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า ฯ เจริญพระชันษาครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ ในงานฉลองพระชันษาได้ทรงเชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระบรมวงศ์ทั้งพระองค์ชายและพระองค์หญิงไปเสวยเวลาค่ำ ณ วังบางขุนพรหม เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคมเนื่องในของซึ่งแจกชำร่วยที่โต๊ะเสวยนั้น สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า ฯ ทรงพระดำริห์ให้สร้างพระธำมรงค์ลงยาสีตามวันประสูติของเจ้านายที่ประทับเสวยทุกพระองค์ แล้วทรงพระนิพนธ์กลอนต่างๆ ซึ่งพิมพ์ต่อไปนี้บทหนึ่ง สำหรับกำกับพระธำมรงค์วงหนึ่ง หมายจะซ่อนไว้ด้วยกันในห่อชักเปี๊ยะวางไว้ตรงที่ประทับทุกพระองค์ สำหรับจะได้ทรงชักเปี๊ยะได้ธำมรงค์แลทรงอ่านบทกลอนเปนของฉลากประกอบความรื่นเริง แต่ต่อมาเปลี่ยน กระแสพระดำริห์ งดบทกลอนเหล่านี้ มาได้พิมพ์ห่อพระธำมรงค์แจกไม่

๏ ประวิชวรรณประจำวารประสูติท่านทุกองค์มา
ประชุมเลี้ยงกระยาพาหทัยเริงสราญรมย์
๏ ผิทรงจับฉลากได้มิตรงสีประสูติสม
พระหัตถ์สอดมิชวนชมนิยมใช้บมีดี
๏ ประทานส่งพระวงศ์ใดประสบวรรณประสูติมี
ประสงค์เสาะฉเพาะสีประสูติทรงจะส่งสวย
๏ เจริญอายุวรรณสุขเพิ่มพลังรวย
พระยศยิ่งภิยโยพวยพพุ่งเกียรติกำจร ฯ
             

๏ สียาในประวิชนี้สำหรับ วันแฮ
ท่านอุบัติวันใดจับฉลากได้
ไป่เหมาะจุ่งเปลี่ยนสับกันแหละ กันนา
ให้สบวันท่านใช้สอดนิ้วในงาร ฯ
             

๏ ประวิชน้อยห้อย ส.ม.มีสีพอครบเจ็ดวัน
ชักเปี๊ยะฉลากอันบรรจงห่อมาวางถวาย
๏ แม้สีมิต้องวารประสูติท่านจงขวนขวาย
แลกเปลี่ยนอย่าดูดายให้สีตรงจึงทรงงาม ฯ
             

๏ ธำมรงค์วงน้อยในฉลาก
มีสีมากเบ็จเสร็จครบเจ็ดสี
ผิดสีวันประสูติใช้ไม่เข้าที
ทรงเปลี่ยนกันสรรที่สีตรงวัน ฯ
             

๏ ฉลากแหวนก้านพลูน้อยสีต่างห้อยนามสุขุมาล
เสร็จเสวยพระอาหารโปรดสรรทรงให้ตรงวัน ฯ
๏ สีแหวนแผกมิพ้องวารอุบัติท่านจงแปรผัน
เปลี่ยนผัดซึ่งกันแลกันคงได้เหมาะฉเพาะสี ฯ
             

๏ ฉลากแหวนแทนขอบพระคุณเหลือ
ที่ทรงเอื้อเสด็จมาเลี้ยงอาหาร
สีน้ำยานี้ประสงค์ให้ตรงวาร
ประสูติท่านทุกพระองค์ที่ทรงรับ
แม้นสีไม่เหมาะส่งพระวงศ์แลก
ถ้ายังแผกสีเวียนเที่ยวเปลี่ยนสับ
คงสบเหมาะเพราะได้คิดพินิจนับ
ได้ตรงกับวันพระวงศ์ทุกองค์ เอย ฯ
             

๏ ธำมรงค์ที่ทรงจับฉลากได้
ถ้าสีไม่เหมาะวันพระชันษา
โปรดส่งสับกับองค์ที่มีสียา
ตามตำรานามวันฉนั้น เทอญฯ
             

๏ ธำมรงค์ไร้มณีสียาต่าง
ถ้วนเจ็ดอย่างตามวันพระชันษา
สีไม่ถูกวันอุบัติขัดตำรา
ทรงไปไหนขายหน้าท่าไม่ดี
จงเปลี่ยนกันกับพระวงศ์ที่ทรงรับ
คงจะจับได้วงที่ตรงสี
สวมพระหัตถ์วัฒนสวัสดี
ทุกเมื่อมีสุขเกษมเปรมกมล ฯ
             

๏ สีแสงแดงโลหิตคู่วันอาทิตย์พิศตาตรู
สีด่อนจันทรหรูสีชมพูคู่วันอังคาร
๏ พุธเขียวพฤหัสเหลืองศุกร์เรืองน้ำเงินสอ้าน
เสาร์ดำคล้ำสครานถ้วนเจ็ดวารสีธำมรงค์
๏ ท่านได้ไม่ถูกวันเชิญเปลี่ยนกันตามประสงค์
เลือกสรรให้สีตรงทรงสวมหัตถ์เพิ่มสวัสดี ฯ
             

๏ แหวนสีแดงท่านให้แต่งวันอาทิตย์
ฉลากผิดวันพระองค์จงหาใหม่
แลกเจ้าน้องหรือเจ้าพี่มีถมไป
ได้สวมใส่นิ้วพระหัตถ์ชัดตำรา ฯ
             

๏ พระจันทรจรกระจ่างในกลางหาว
แหวนสกาวเทียบสีดีหนักหนา
ถ้าไม่พ้องวันพระองค์จงทรงพา
แหวนที่ได้ไปหาแลกมาทรง ฯ
ประวิชสีที่ทรงจับฉลากได้
ถ้ามีไม่เหมาะวันพระชันษา
จงเปลี่ยนสับกับท่านทุกองค์มา
เสวยอาหารด้วยกันวันนี้ เทอญ ฯ
             

๏ วันใดท่านสมภพสบสีใดในประวิชน้อย
จุ่งท่านสรรสอดก้อยเพื่อต้องตามวัน ท่านนา ฯ
             

๏ ถ้าแหวนผิดวันพระองค์ทรงสมภพ
จงปรารภแลกลองพี่น้องท่าน
แม้ประสบพบสีที่ตรงวาร
ขอประทานเปลี่ยนมาอย่าช้าที ฯ
             

๏ ประวิชวงที่ทรงหัตถ์ถ้าสีซัดมิต้องวัน
ใครเห็นจะเย้ยหยันจงแลกกันให้ตรงวาร ฯ
             

๏ อังคารคู่ชมพูสีที่ประวิช
ถ้าแม้ผิดวันพระองค์จงเปลี่ยนผลัด
ให้ต้องสีเหมาะตรงไม่หลงพลัด
สวมพระหัตถ์วัฒนสถาพร ฯ
             

๏ ถ้าได้แหวนผิดวันจงหันเหียน
เวียนถามตามพี่น้องท่าน
คงสมใจได้สีที่ต้องการ
ขอประทานเปลี่ยนวงสมทรงงาม ฯ
             

๏ แหวนเอยแหวนลงยา
สีสัปดาห์ครบวันท่านอุบัติ
ดูจงดีอย่าให้สีมันจับพลัด
ทรงสวมหัตถ์จะได้งามตามบุราณ ฯ
             

๏ แหวนสีสัปดาหะกะถ้วนวันประสูติแล้ว
ผิวท่านได้ฉลากแคล้วคลาดพ้องเชิญเปลี่ยน กันนา ฯ
             

โคลงสุภาสิต

ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗ และ ๒๔๖๘

๏ นฤบดีเสื่อมเพราะใช้มนตรี ชั่วแฮ
เสื่อมพรตเพราะกลีคลุกเคล้า
ลูกเสื่อมเพราะปล่อยฟรีฟุ้งเฟิสต์ เคยแล
พราห์มณเสื่อมเพราะค่ำเช้าครุ่นคร้านเรียนมนต์ ฯ
๏ ลูกชั่วชักให้เสื่อมสกุลตน
ศีลเสื่อมเพราะปนพาลเพาะมล้าง
อายเสื่อมเพราะโม่ห์มนท์เมาดื่ม
เพาะปลูกเสื่อมทรามร้างเพราะคร้านดูแล ฯ
๏ เสื่อมสิเน่ห์เพราะเริศร้างแรมไกล
เสื่อมมิตรเพราะเอื้อในมิตรน้อย
เสื่อมทรัพย์เพราะรั่วไหลจ่ายมาก
เสื่อมสัจตนต่ำต้อยเสื่อมผู้บูชา ฯ
             

เพลงยาวกลบท

เพลงยาวกลบท

ปรารภ

ตะเข็บไต่ขอน
๏ หทัยประสงค์ผจงลิขิตประดิษฐ์สนอง
เสนอขนิษฐ์พินิจยุบลนุสนธิ์คนอง
ขณสมองฟฟุ้งฟเฟื่องวิชากวี
สถิตณเรือนเสมือนธุระบพะบพ้อง
จะตฤกจะตรองก็คล่องอุราประสาประสี
ผิบทลบองมิต้องระบอบระเบียบวิธี
ก็หวังธมีพระทัยนุเคราะห์เฉพาะกรุณย์
ฤาเขินฤาขวางณทางอักษรแลกลอนสำผัส
ก็คงจะตัดจะเติมประดับสนับสนุน
ผสานผสมนุกรมลำนำช่วยค้ำช่วยจุน
จะขอบพระคุณมิรู้จะเบื่อละเมื่อละคราว
ณกลอนขบวรเชิงชวนสังวาสนิราสแลภ้อ
จะเรียบจะเรียงมิเพียงมิพอจะกล้อจะกล่าว
เพราะมิใช่นิสัยหทัยสัตรีมีเรื่องมีราว
ข้างชู้ข้างสาวเสมือนนักเลงมิเกรงมิคร้าม
คะโลงสุภาสิตานุสรไว้ก่อนไว้เก่า
ลล้วนสำเนาสำนวนสุภาพมิหยาบมิหยาม
มิเยาะมิแยงแสดงคติพึงตริพึงตาม
จะต่ำจะทรามก็พอจะกลั้วรรัวราง ฯ
             

โทษฉิบหาย ๖ ประการ
โตเล่นหาง
๏ ดำเนิรความตามทำนองปองลิขิต
เปิดภาสิตวรรณพฤติยึดที่อ้าง
ธิบายเหตุฉิบหายหกยกมาวาง
ไว้เปนทางเดิรขบวรสำนวนกลอน
(๑) สุราเมรยบานชาญฉกาจ
ผรุสวาทพาลประทุษไม่หยุดหย่อน
เส้นประสาทอาจพิกลทุรนร้อน
ทรัพย์จะล่อนหมดตัวอย่ามัวมนท์
(๒) ลับไถงอย่าครรไลไถลเที่ยว
ทางตรอกเปลี่ยวปลอดฉวางกลางถนน
คนเดียวเดิรเมินประมาทขาดผู้คน
ศัตรูพบหลบไม่พ้นภัยศัตรู
(๓) สัมมัชชาก็อย่าทัศนานัก
ไร้ประโยชน์โทษหนักข้างลักขู
มหรศพสารพันแม้หมั่นดู
มีเงินอู๋ก็คงเลี่ยนด้วยลายละเลิง
(๔) การพนันทุกทุกพรรค์พลันพินาศ
มาทสนุกขุกพลาดสิเลยเหลิง
แรกเล่นนึกว่านิดหน่อยค่อยประเทิง
เลยเปิดเปิงถึงจำนำระยำยับ
(๕) อนึ่งอย่าปณิธานสมานจิต
เสวนาลามกมิตรจิตสับปลับ
ยามเรามีตีสนิธหวังปลิดทรัพย์
เราซวยกลับหลีกละสละเมิน
(๖) จงคนึงถึงโทษจิตโหดคร้าน
ธุระงารคฤหาอย่างห่างเหิน
พึงสะสมธนไว้เจริญ
มุ่งดำเนิรพิริยจรรยา
เหตุพินาศอนุสาสนแสดงอรรถ
ฉัพพิธจัดแจงประมวญล้วนโทษา
นรชาติปราชญ์ละดังพรรณา
เพื่อสถาพรพิพัฒน์สวัสดี
             

โทษสุรา ๖ ประการ
กระแตไต่ไม้
๏ โทษสุราพรรณาสุราโทษ
ศรีเฉลิมเพิ่มประโยชน์เฉลิมศรี
คดีธรรมเลิศล้ำธรรมคดี
นานมามีในบาฬีมีมานาน
สาสนูสัพพัญญูอนุสาสน์
สารแก่นแท้แผ่โอวาทเปนแก่นสาร
ชาญปรีชานรชนปรีชาชาญ
แรงร้ายรู้มัชบานฤทธิ์ร้ายแรง
ฉพิธเภทภีตเหตุเภทฉพิธ
แจ้งประจักษ์ตระหนักจิตประจักษ์แจ้ง
แสดงความตามเมธีชึ้ความแสดง
โลกาแจงแจกไว้ในโลกา
(๑) คือสิ้นสูญทุนทรัพย์ยับสูญสิ้น
ค่าเสียซื้อเหล้ากินสิ้นเสียค่า
เวลาคุ้นเคยอาตม์ผิขาดเวลา
รทมใจไม่มีผาสุกใจรทม
(๒) หากลเหตุมุ่งร้ายหมายกลหา
ขรมเสียงเถียงท้าส่งเสียงขรม
ตะบมตีต่อยปะเตะต่อยตีตะบม
มัวเมามุดุรดมด้วยเมามัว
(๓) พยาธิ์ภัยสรรพไข้เกิดภัยพยาธิ์
หัวหูสั่นหวั่นหวาดสั่นหูหัว
ตัวรูปบวมบ้างก็ซูบผิดรูปตัว
เมาน้ำกลืนกล้ำกลั้วมัวน้ำเมา
(๔) ร้ายยินบ่นดำเนียนเบียนยินร้าย
เฉาโฉดชั่วทั่วหญิงชายว่าโฉดเฉา
เบาสติริแต่ฟู้(๑)คนดูเบา
ยศศักดิ์เศร้าเสื่อมสลายวายศักดิ์ยศ
(๕) ขาดความอายเว้นกายสังวรขาด
หมดกลัวขลาดความนินทากล้าทำหมด
ลดเกรงบาปหยาบช้าไม่ลาลด
กรรมเพราะซดน้ำเหล้าเฝ้าก่อกรรม
(๖) เสื่อมกำลังทั้งปัญญาก็พาเสื่อม
ถลำเหลื่อมชอบผิดความคิดถลำ
ทำลายบุญหนุนบาปห่อนทราบธรรม
งงงมโง่โมหะซ้ำให้งำงง
โทษสุราหกประการบรรหารโทษ
หลงมาโนชก็ล่มด้วยแรงหลง
คงเสื่อมสิ้นสินทรัพย์ไม่กลับคง
อบายกรรมนำส่งตรงอบาย
บัณฑิตชนยลธรรมล้ำบัณฑิต
หมายจดจำคำภาสิตจิตจงหมาย
วายว่างเว้นเสพย์สุราทุกทิวาวาย
ดลความสุขทุกพายวายทุกข์ดล ฯ
             

(๑) “ฟู้” เปนคำแผลง เดิมหมายว่าความรู้สึกเหมือนอย่างกับวาโยธาตุเป่าออก มาทางปากแลจมูก ทำให้อารมณ์ไม่ปรกติ ภายหลังมาใช้หมายความแต่ว่าสติอารมณ์ไม่ปรกติ

พระโอวาทประทานทูลกระหม่อมพระองค์ชาย เมื่อจะเสด็จไปทรงศึกษาในยุโรป

เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๗


ขอให้โอวาทแก่พ่อผู้เปนลูกยอดรักของแม่ ในสมัยที่พ่อจะจากแม่ไปยุโรป ดังนี้


๑. การที่พ่อต้องไปเล่าเรียนถึงประเทศยุโรปนั้น ขอให้พึงเข้าใจว่า ทูลหม่อมท่านสู้เสียพระราชทรัพย์เปนอันมาก เพราะท่านทรงพระเมตตากรุณาแก่พ่อซึ่งนับว่าเปน ลูก เพื่อให้ได้รับวิชาความรู้อันสุขุมละเอียด อันจะเปนสเบียงเลี้ยงตัวไปในภายหน้า ขอให้พ่อตั้งใจอุสาหะเล่าเรียนให้สมดังพระราชประสงค์ อย่าให้ต้องเปนอันสูญเสียเปล่าแห่งพระราชทรัพย์ กลับมาจะได้รับราชการฉลองราชการฉลองพระเดชพระคุณเปนชื่อเปนหน้าแล เปนคุณเปนประโยชน์แก่ตัวสืบไป


๒. ในเวลาตั้งแต่ได้ออกจากกรุงเทพฯ ไปจนถึงอยู่ในประเทศยุโรป ต้องรู้สึกว่าตัวอยู่ในที่อันมิใช่บ้านเกิดเมืองนอนของตัว แลห่างไกลจากฝ่าพระบาททูลหม่อม แลไกลจากผู้ที่เคยบำรุงรักษา พ่อจงอุตส่าห์ฝากตัวกลัวเกรงเสด็จอาว์ (๑) แลแสดงกิริยาอ่อนน้อม (มิใช่ถึงไหว้กราบ) ต่อพวกข้าราชการที่เขาเปนใหญ่ ที่สุดจนมองซิเออร์ยัคมิน (๒) ซึ่งเปนผู้กำกับไป เมื่อเขาจะว่ากล่าวตักเตือนประการใด ก็ต้องเชื่อฟังเขาตามสมควร อย่าทำให้เปนที่รังเกียจเกลียดชังแก่เขาทั้งหลายเหล่านั้นได้ เผื่อว่าจะมีทุกข์ขุกไข้หรือขัดข้องอย่างไร เขาจะได้ช่วยแนะนำแก้ไขให้โดยความกรุณา


๓. ทูลหม่อมพระองค์โต (๓) นั้น พ่อย่อมทราบอยู่แล้วว่าท่านจะเปนอย่างไร พ่อจงนับถือรักใคร่ฝากตัวท่านให้จงมาก ในเวลานี้ก็ต้องเปนผู้ที่พลัดบ้านเมืองไปด้วยกัน มีทุกข์สุขประการใดก็ได้เห็นหน้ากันตามประสาพี่น้องดียิ่งกว่าผู้อื่น แม้ถ้าได้รักใคร่สนิธสนมกันเสียแต่ยังเล็กๆด้วยกันเช่นนี้แล้ว เมื่อต่อไปภายหน้าก็จะได้ไม่เปนที่รังกียจกินแหนง ซึ่งเปนหนทางอันตรายในตัวพ่อเมื่อเวลาที่โตขึ้นด้วยกันนั้นด้วย


๔. เจ้านายพี่น้องทั้งปวงบันดาที่อยู่นอกด้วยกันนั้น พ่อต้องคิดว่าทุกๆองค์แต่ล้วนเปนลูกของทูลหม่อมเหมือนกันกับตัวพ่อทั้งนั้น พ่ออย่าแสดงกิริยาหรือกล่าววาจาอันเปนการหมิ่นประมาทต่อเธอโดยถือว่าสูงกว่าเธอ จงนบนอบเล่นหัวตามฉันพี่น้องที่เสมอกัน ถึงกับคนอื่นก็เหมือนกัน เมื่อเจ้านายเหล่านั้นเธอไว้วางตัวเธอเพียงชั้นใดสถานใด พ่อจงวางตัวให้เสมอกับเจ้านายเหล่านั้น จะได้ไม่เปนที่รังเกียจในเจ้านายพี่น้อง แลไม่กีดตาผู้ด้วย


๕.สรรพหนังสือ แลวิชาทั้งปวงอันได้เรียนรู้แล้วนั้น ถ้าจะมีผู้ไล่เลียงไต่ถาม ก็จงแสดงแต่ที่แม่นยำชำนาญ อย่าอวดรู้ให้เกินกับภูมิความรู้ สิ่งใดข้อใดที่ยังไม่รู้หรือรู้แล้วแต่ไม่แม่นยำ ถึงแม้จะบอกว่ายังมิได้รู้ก็ไม่เปนที่เสียหายอันใด


๖.ส่วนความรู้สึกในใจอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่สมควรจะแสดงกิริยาหรือกล่าววาจาให้คนทั้งหลายรู้ คือให้รู้สึกแต่ในใจของตัวว่าตัวเกิดมาในชาติตระกูลอันสูง จำเปนที่จะต้องรักษาตัวให้สมกับที่ตัวเปนผู้สูงชาติ จงตั้งหน้าเล่าเรียนให้เต็มกำลังแลสติปัญญาของตัว อย่าเพลิดเพลินในการเล่นสนุกให้เกินไป ให้ได้รู้จริงทุกอย่างทุกประการ


พระบรมราโชวาทของทูลหม่อมแลถ้อยคำของแม่ที่ได้พรรณามาครั้งนี้ แลจะได้ว่าต่อไปนั้น พ่อจงหมั่นดำริห์ตริตรองแล้วแลประพฤติตามจงทุกประการ เมื่อพ่อเจริญขึ้นโดยลำดับแล้ว จะได้เปนที่พึ่งของแม่ในภายหน้า ในที่สุดโอวาทของแม่ฉบับนี้ แม่ขอบอกแก่พ่อผู้เปนลูกที่รักแลที่หวังความสุขของแม่ให้ทราบว่าตัวแม่นี้เปนมนุษย์ที่อาภัพ มักจะได้รับแต่ความทุกข์อยู่เปนเนืองนิจ แม่มิได้มีอันใดซึ่งจะเปนเครื่องเจริญตาเจริญใจอันจะดับทุกข์ได้ นอกจากลูก เมื่อเวลาที่พ่ออยู่กับแม่แต่เล็กๆมา ถึงหากว่าแม่จะมีความทุกข์มาสักเท่าใดๆ เมื่อแม่ได้เห็นหน้าลูกแล้วก็อาจจะรงับดับเสียได้ด้วยความรักแลความยินดีของแม่ในตัวลูก ก็ในเวลาซึ่งพ่อไปเล่าเรียนในประเทศยุโรปนี้ พ่อจงรู้เถิดว่า ข่าวความงามความดีของพ่อนั้นแลจะเปนเครื่องดับความทุกข์ของแม่ ถ้าพ่อรักแม่ก็จงสงสารแม่ อย่าทำให้เสียความรักของแม่ แลอย่าประพฤติชั่วนอกคำสั่งสอนของแม่ จงตั้งหน้าเล่าเรียนให้ได้รับความรู้โดยเร็ว จะได้กลับมาหาแม่โดยไม่นานปี


(๑) คือสมเด็จกรมพระสวัสดิ์วัตนวิศิษฎ

(๒) เปนที่ปรึกษาราชการ ต่อมาได้เปนเจ้าพระยาอภัยราชา ครั้งนั้นทูลลากลับไปเยี่ยมบ้านเมือง จึงโปรดฯ ให้เปนผู้ดูแลทูลกระหม่อมแลนักเรียนไทยไปในเวลาเดิรทาง

(๓) คือพระบาทสมเด็จฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เวลานั้นเสด็จดำรงพระยศเปนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ยังทรงศึกษาอยู่ในยุโรป

พระนิพนธ์ที่สุด ลายพระหัตถ์ประทานพระพรในวันประสูติกรมพระยาดำราชานุภาพ

วังบางขุนพรหม

วันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๐


ทูลกรมพระดำรง


วันประสูติของเธอฉันรู้สึกว่าได้ผ่านพ้นไปโดยไม่ได้มาถวายพรด้วยตนเองถึงสองสามคราวมาแล้ว แต่เมื่อจวนจะถึงวันประสูติเข้าเมื่อใดก็เตรียมตัวเสมอที่จะได้มาถวายพรด้วยตนเองหรือด้วยหนังสือ แต่ปีนี้รู้สึกว่ายินดีมาก เพราะคิดว่าจะไม่มีชีวิตอยู่ทัน เมื่อมาถึงเข้าในวันนี้จึงขอถวายพร ตามที่สมองเปนนุ่นอยู่เท่าที่นึกได้ว่า

โส อตฺถลทฺโธ สุขิโตวิรุฬฺโห พุทธฺสาสเน
อโรโค สุขิโต โหหิสุโข ทีฆายุโก ภว
             

สุขุมาล.

เชิงอรรถ

ที่มา

สุขุมาลนิพนธ์ พระนิพนธ์กาพย์กลอนแลร้อยแก้วของ สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต โปรดให้พิมพ์เนื่องในการทรงบำเพ็ญพระกุศลสนองพระคุณสมเด็จพระชนนี เมื่อพระศพครบปัญญาสมวาร ณ วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๐ โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร

(ขอขอบคุณ คุณหญิง.มะ ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน)

เครื่องมือส่วนตัว