นิราศท่าดินà¹à¸”ง
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
การปรับปรุง เมื่อ 07:11, 24 กุมภาพันธ์ 2553 โดย CrazyHOrse  (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
				
			เนื้อหา | 
ข้อมูลเบื้องต้น
พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เพลงยาวรบพม่าที่ท่าดินแดง
บทประพันธ์
| ๏ แสนรักสุดรักภิรมย์สมร | |||
| ทุกอนงค์ทรงลักษณ์อันสุนทร | สถาวรพูนสวาดิสวัสดี | ||
| ประกอบศักดิ์สมบูรณ์จำรูญเนตร | อัคเรศงอนงามจำเริญศรี | ||
| แสนกระสันปั่นป่วนฤดีทวี | มีมโนเสน่ห์น้อมถนอมนวล | ||
| อันราคีมิให้เคืองระคางข้อง | ปองประคองนิ่มเนื้อนวลสงวน | ||
| หวังสวาสดิ์มิรู้ขาดอารมณ์ครวญ | เป็นที่ชวนชูชื่นทุกอิริยา | ||
| เกษมสุขภิรมย์สมสมาน | เคยสำราญมิได้แรมนิราศา | ||
| ไม่นิราศขาดชมสักเวลา | บำเรอล้อมพร้อมหน้าไม่ราวัน | ||
| นิจาเอ๋ยโอ้กรรมจึงจำไกล | มาซ้ำให้ทุเรศร้างมไหสวรรย์ | ||
| ก็เพราะมีอธิราชไภยัน | เข้าหักหั่นด่านแดนบุรีรมย์ | ||
| จึงต้องกรูกรีธาพลากร | มาจำจรจากสุขเกษมสม | ||
| สารพัดสิ่งสวัสดิ์ที่เคยชม | ก็นิยมให้วิโยคด้วยจำเป็น | ||
| เมื่อวันออกนาเวศทุเรศสถาน | แสนสงสารสุดอาไลยใครจะเห็น | ||
| พี่เคยทัศนาเจ้าทุกเช้าเย็น | เพราะเกิดเข็ญจึงต้องละสละมา | ||
| ๏ ครั้นถึงด่านดาลเทวษทวีถึง | คนึงในให้หวนละห้อยหา | ||
| ถึงนางนองเหมือนพี่นองชลนา | ยิ่อาทวาอาวรณ์สท้อนใจ | ||
| ครั้นถึงโขลนทวารยิ่งลานแล | ให้หวาดแหวอารมณ์ดังลมไข้ | ||
| จนลุล่วงคลองชลามหาไชย | ย่านไกลสุดสายในตาแล | ||
| เหมือนอกเราที่นิรามาทุเรศ | เหลือสังเกตมุ่งหามาห่างแห | ||
| ระกำเดียวเปลี่ยวดิ้นฤดีแด | จนล่วงกระแสสาครบุรีไป | ||
| ลุสถานบ้านบ่อนาขวาง | ให้อางขนางร้อนรนกมลไหม้ | ||
| ถึงย่านซื่อเหมือนพี่ซื่อสังวรใจ | มิได้มีลำเอียงเที่ยงธรรม | ||
| เมื่อถึงสามสิบสามคดแล้ว | แคล้วแคล้วเหมือนจะกลับมารับขวัญ | ||
| คล้ายคล้ายอัษฎงค์พระสุริยัน | ก็บรรลุถึงคลองสุนัขใน | ||
| พอชลาถอยถดลดลงฝั่ง | เรือดั่งเคืองเขินไม่เดินได้ | ||
| พลพายรายกันลงเข็นไป | เหมือนเข็ญใจเคืองจิตที่จากมา | ||
| ๏ ครั้นเพลาสุริยาอรุณเรือง | แสงประเทืองเบื้องบูรพ์ทิศา | ||
| พอตกลึกแล้วให้ล่องนาวาคลา | ประทับท่าเมืองสมุทรบุรีรมย์ | ||
| อันฝุงชนชาวบ้านย่านนั้น | ผิวพรรณไม่รื่นรวยสวยสม | ||
| ไม่เป็นที่ชวนชื่นอารมณ์ชม | ยิ่งเกรียบกรมสุดแสนระกำใจ | ||
| ให้ปั่นป่วนหวนสวาสดิ์ประวัติหา | จะดูใครไม่พาใจชื่นได้ | ||
| จึงให้ออกนาวาคลาไคล | รีบไปตามสายชลธี | ||
| อันเรือหลังตั้งกันสิ้นทั้งหลาย | ก็พายแซงแข่งขึ้นไปอึงมี่ | ||
| โห่สนั่นครั่นครึ้นทั้งนาวี | มีแต่ความเกษมสุขไปทุกคน | ||
| เสียงเส้าเร้าเร่งพลพาย | เหมือนรักหมายสายสวาททุกขุมขน | ||
| ให้อักอ่วนป่วนจิตจลาจล | ถึงตำบลบางกุ้งเป็นคุ้งเลี้ยว | ||
| ยิ่งลับไม้ไกลเนตรทุเรศสถาน | ให้แดดาลหวั่นหวั่นกระสันเสียว | ||
| ดังเอกามาแต่นาวาเดียว | เปลี่ยวสวาสดินิราศไร้ภิรมย์ชม | ||
| ๏ มาถึงย่านนกแขวกแสกส่งเสียง | ทั้งสำเนียงถอนใจเพียงใจล่ม | ||
| เคยยินเสียงประโคมขานสำราญรมย์ | โอ้ครั้งนี้มาระงมแต่เสียงนก | ||
| แสนทุเรศเวทนานิจาเอ๋ย | นี่ใครเลยจะเล็งเห็นในอก | ||
| ได้ระกำช้ำใจมาหลายยก | หวังจะป้องปิดปกให้พ้นไภย | ||
| มิให้หมู่พาลาอาธรรม์ | มาย่ำยีเขตขัณฑ์บุรีได้ | ||
| จึงสู้สละรักหักใจ | มาทนเทวษอยู่ไกลเอกา | ||
| ๏ ถึงบำหรุเหมือนพี่นิราศรัก | ให้อักอ่วนครวญใคร่อาลัยหา | ||
| ครั้นลุราชบุรีภิรมยา | ที่อาทวาหักอารมย์ค่อยสมประดี | ||
| จึงรีบรัดจัดหมู่โยธา | ให้อยู่รักษาบุรีศรี | ||
| ครั้นอรุณเรืองแรงแสงรวี | ก็จรลีนาเวศทุเรศจร | ||
| ด่วนเดินทางโดยทางชลมารค | แสนลำบากด้วยร้างแรมสมร | ||
| กระหายหิวหวิวใจให้อาวรณ์ | แต่ข้อนข้อนขุ่นเข็ญเป็นนิรันดร์ | ||
| ถึงท่าราบเหมือนพี่ทาบทรวงถวิล | ยิ่งโดยดิ้นโหยหวนครวญกระสัน | ||
| ด้วยได้ทุกข์ฉุกใจมาหลายวัน | จนบรรลุเจ็ดเสมียนตำบลมา | ||
| ลำลำจะใคร่เรียกเสมียนหมาย | มารายทุกข์ที่ทุกข์คนึงหา | ||
| จึงรีบเร่งนาเวศครรไลยคลา | พอทิวากรเยื้องจะสายัณห์ | ||
| ก็ลุถึงวังศาลาท่าลาด | ชายหาดทรายแดงดังแกล้งสรร | ||
| จึงประทับแรมรั้งยังที่นั้น | พอพักพวกพลขันธ์ให้สำราญ | ||
| พรั่งพร้อมล้อมวงเป็นหมู่หมวด | ชาวมหาดตำรวจแลทวยหาญ | ||
| เฝ้าแหนแน่นนันต์กราบกราน | นุ่งห่มสะคราญจำเริญตา | ||
| ต่างว่าจะเข้าโหมหักศึก | ห้าวฮึกขอขันอาสา | ||
| ไม่คิดกายขอถวายชีวา | พร้อมหน้าถ้วนทุกตัวไป | ||
| แต่ตริการที่จะผลาญอรินราช | จนโอภาสแสงจันทร์จำรัสไข | ||
| ให้ขุกคิดอาวรณ์สะท้อนใจ | ถึงอนงค์นางในไม่รู้วาย | ||
| ด้วยเคยทอดทัศนาไม่รารัก | ภิรมย์พักตร์ร้องรำบำเรอถวาย | ||
| บ้างเฝ้าแหนหมอบเมียงเรียงราย | กรกรายโบกพัชนีพาน | ||
| ยิ่งเร่าร้อนทอนทอดฤทัยทุกข์ | เมื่อเคยสุขฤามาเสื่อมทุกสิ่งสมาน | ||
| จนลืมหลงที่ดำรงดำริการ | แต่เดือดดาลอารมณ์ไม่สมประดี | ||
| จนเพลาสิบทุ่มยิ่งรุ่มร้อน | ให้ยกพลนิกรออกจากที่ | ||
| กระบวนทัพซับซ้อนมามากมี | โห่มีสะเทือนก้องท้องวาริน | ||
| ๏ ถึงม่วงชุมเหมือนเคยประชุมเฝ้า | ยิ่งร้อนเร่ารื้อกำหนัดประวัติถวิล | ||
| ยามเสวยเคยเห็นเป็นอาจิณ | แดดิ้นถึงเนื้อวิมลมาลย์ | ||
| แสนเทวษเสื่อมสิ้นสิ่งสวาสดิ | ด้วยนิราศแรมร้างห่างสถาน | ||
| ถึงยามชื่นมิได้ชื่นสำราญบาน | แต่นี้นานสวาสดิ์เว้นไม่เห็นใคร | ||
| ถึงปากแพรกซึ่งเป็นที่ประชุมพล | พร้อมพหลพลนิกรน้อยใหญ่ | ||
| ค่ายคูเขื่อนขัณฑ์ทั้งนั้นไซ้ | สารพัดแต่งไว้ทุกประการ | ||
| จึงรีบรัดจัดโดยกระบวนทัพ | สรรพด้วยพยุหทวยหาญ | ||
| ทุกหมู่หมวดตรวจกันไว้พร้อมการ | ครั้นได้ศุภวารเวลา | ||
| ให้ยกพลขึ้นทางไทรโยคสถาน | ทั้งบกเรือล้วนทหารอาสา | ||
| จะสังหารอริราชพาลา | อันสถิตย์อยู่ยังท่าดินแดง | ||
| ๏ ครั้นเดือนสามวันแรมเก้าค่ำ | ย่ำรุ่งสี่บาทอรุณแสง | ||
| จึงให้ยกพหลรณแรง | ล้วนกำแหงหาญเหี้ยมสงครามครัน | ||
| ไปโดยพยุหบาตรรัถยา | พลนาวาตามไปเป็นหลั่นหลั่น | ||
| สะพรึบพร้อมหน้าหลังตั้งกัน | โห่สนั่นสะเทือนท้องนทีธาร | ||
| รีบเร่งพลพายให้เร่งพาย | ฝืนสายชลเชี่ยวฉ่าฉาน | ||
| ถึงตำแหน่งแก่งหลวงศิลาดาล | ชลธารไหลเชี่ยวเป็นเกรียวมา | ||
| แต่จำเพาะเตราะตรอกซอกทาง | แก่งเกาะขัดขวางอยู่หนักหนา | ||
| แสนลำบากยากใจที่ไคลคลา | ใครจะเห็นเวทนาบรรดามี | ||
| สองวันบรรลุถึงวังยาง | คนึงวังอ้างว้างเกษมศรี | ||
| เคยเป็นสุขทุกเวลาราตรี | โอ้ครานี้มีกรรมมาจำไกล | ||
| ถึงบางลางยิ่งดาลทรวงสมร | ให้ขุ่นข้อนอารมณ์หม่นไหม้ | ||
| จึงเร่งรีบนาวาคลาไคล | มาถึงไศลชลชีสีขริน | ||
| สูงส่งตรงโตรกโดดเดี่ยว | อยู่ริมสายชลเชี่ยวกระแสสินธุ์ | ||
| พรายแพร้วดังแก้วแกมนิล | ปักษินบินร้องร้องระงมไพร | ||
| บ้างจับไม้รายเรียงบนเชิงเขา | บ้างง่วงเหงาหาคู่พิศมัย | ||
| นกเอ๋ยยังรู้มีอาลัย | อกเราฤาจะไม่เวทนา | ||
| ครั้นบรรลุถึงศาลเทพารักษ์ | อันพิทักษ์ปากน้ำประจำท่า | ||
| มีแต่ศาลสันโดษอยู่เอกา | คิดมาเหมือนอกพี่ที่จากจร | ||
| เห็นอารักษ์แล้วคิดสังเวชจิต | มาใช้มิตรเหมือนพี่ร้างแรมสมร | ||
| สารพัดจะวิบัติอนาทร | แต่ร้อนแรมตามทางทุเรศมา | ||
| ๏ ครั้นมาถึงวังนางตะเคียน | พิศเพี้ยนมิ่งไม้ใบหนา | ||
| ตั้งเคียงเรียงราบริมชลา | สาขารื่นรมสำราญใจ | ||
| ต้นไม้เปลาเปลาอยู่สล้าง | เหมือนไม้กระถางวางเรียงงามไสว | ||
| ชมพลางพลางรีบนาวาไป | บรรลุล่วงมาได้หลายตำบล | ||
| มาพลางทางแสนคนึงหา | นัยนาแลลับไพรสณฑ์ | ||
| ยิ่งแดดาลร่านร้อนทุรนทน | จนลุดลเข้าท้องไอยรารมย์ | ||
| เป็นช่องชั้นเชิงผาศิลาลาด | รุกขชาติรื่นรวยสวยสม | ||
| ไพจิตรพิศพรรณอยู่น่าชม | ลมพัดพากลิ่นสุมาลย์มา | ||
| มีท่อธารน้ำพุดุดัน | ตลอดลั่นไหลลงแต่ยอดผา | ||
| เป็นโปลงปล่องช่องชั้นบรรพตา | เซนซ่าดังสายสุหร่ายริน | ||
| บ้างเป็นท่อแถวทางหว่างบรรพต | เลี้ยวลดไหลมามิรู้สิ้น | ||
| น้ำใสไหลรินซอกศิขริน | แสนถวิลถึงสวาดิไม่คลาดคลา | ||
| เกษมสุขสรงสนานสำราญเริง | บันเทิงจิตพิศวงหรรษา | ||
| ชลอได้ก็จะใคร่ชลอมา | ให้เป็นที่ผาสุขทุกนางใน | ||
| คิดเคยเมื่อเคยสรงสนาน | สุธาธารทิพรสสดใส | ||
| อันหอมหวลอวลอบสุมาไลย | มาร้างไร้สุคนธกำจร | ||
| เจ้าเคยถวายภูษาสุธาสรง | อันบรรจงทิพรสเกษร | ||
| เคยไพบูลย์ด้วยดรุณนิกร | ทีนี้มาจำจรอยู่เอกา | ||
| ชมเขาลำเนาพนาวาศ | แสนสวาดิไม่วายถวิลหา | ||
| ๏ ถึงไทรโยคปลายแดนนัครา | มิให้หยุดโยธาเร่งคลาไคล | ||
| แต่เห็นทางท่าชลานั้น | เป็นเกาะแก่งขัดขึ้นล้วนเนินไศล | ||
| ยากที่นาวีจะหลีกไป | จึงสั่งให้รอรั้งยั้งนาวา | ||
| เร่งรีบคชสารอัสดร | บทจรตามแถวแนวพฤษา | ||
| ชมพรรณมิ่งไม้นานา | บ้างทรงผลผกาเขียวขจี | ||
| ลางต้นสาขาดูน่าชม | รื่นร่มมิดแสงพระสุริยศรี | ||
| สดับเสียงปักษาสุวาที | ลิงค่างบ่างชนีวิเวกดง | ||
| เสนาะเสียงจักจั่นสนั่นไพร | แม่ม่ายลองในในป่าระหง | ||
| เรไรร้องหริ่งหริ่งอยู่ริมพง | ส่งเสียงดังสำเนียงอนงค์นวล | ||
| คิดคล้ายลม้ายเหมือนดนตรี | จำเรียงรี่เรื่อยโรยโหยหวน | ||
| ยิ่งซับซาบอาบชื่นอารมณ์ชวน | กำสรวลว้าเหว่ทุเรโรย | ||
| ฟังแต่เสียงสำเนียงนกวิหคร้อง | วิเวกก้องเกริ่นไพรฤทัยโหย | ||
| รุกขชาติแกว่งกวัดสบัดโบย | ลมโชยคันธรสจรุงใจ | ||
| ตะวันรอนอ่อนแสงจะอัสดง | เหล่าจัตุรงค์เตรียมกายทั้งนายไพร่ | ||
| แรมรอนนอนแนวพนาไลย | แต่ไศลป่าระหงดงดอน | ||
| นอนเดียวเปลี่ยวเทวษทวีทุกข์ | ไม่มีสุขเร่าร้อนสท้อนถอน | ||
| แสงจันทร์ส่องสว่างกลางอัมพร | ยิ่งอาวรณ์หวังสวาดิไม่ขาดคิด | ||
| วายุพัดพานดวงศศิธร | เขจรจรบังเมฆมิดสนิท | ||
| พิรุณโรยโปรยปรายใบไม้ชิด | สะท้านจิตเจียนจักเป็นไข้ใจ | ||
| เย็นฉ่ำน้ำฟ้าละอองฝน | มาทนเทวษครั้งนี้จะมีไหน | ||
| ถึงทั้งหลายหนาวกายได้ผิงไฟ | ไม่เหมือนพี่หนาวใจที่ในทรวง | ||
| เห็นดาวดึกนึกหวนรัญจวนหา | ในอุษาเพียงทับด้วยเขาหลวง | ||
| อันหาบหามที่เขาตามมาทั้งปวง | ไม่หนักทรวงเหมือนพี่หนักอาลัยไกล | ||
| เขาหนักหาบถึงที่ก็ได้พัก | พี่หนักรักนี้ไม่ปลงเอาลงได้ | ||
| มีแต่คอยคอยทุกข์ทุกวันไป | จะเห็นใจฤาที่ใจการุณกัน | ||
| แต่นอนนิ่งกลิ้งกลับไม่หลับสนิท | ยิ่งคิดคิดก็ยิ่งโทมนัสสัน | ||
| ๏ จนอรุณเรืองศรีรวีวรรณ | จึงให้ยกพลขันธ์ยาตรา | ||
| ออกจากเนินผาศิลาพนัส | เร่งรัดทวยหาญทั้งซ้ายขวา | ||
| ไปตามแนวแถวในพนาวา | พอสุริยาสายัณห์ลงรอนรอน | ||
| ก็ถึงด่านท่าขนุนโดยหมาย | ให้ตั้งค่ายตามเชิงศิขร | ||
| แล้วรีบเร่งพหลพลนิกร | ทั้งลาวมอญเขมรไทยเข้าโจมตี | ||
| ทัพพม่าอยู่ยังท่าดินแดง | แต่งค่ายรายไว้เป็นถ้วนถี่ | ||
| ทั้งเสบียงอาหารสารพันมี | ดังสร้างสรรค์ธานีทุกประการ | ||
| มีทั้งพ่อค้ามาขาย | ร้านรายกระท่อมพลทุกสถาน | ||
| ด้านหลังท่าทางวางตะพาน | ตามละหานห้วยน้ำทุกตำบล | ||
| ร้อยเส้นมีฉางระหว่างค่าย | ถ่ายเสบียงมาไว้ทุกแห่งหน | ||
| แล้วแต่งกองร้อยอยู่คอยคน | จนตำบลสามสบครบครัน | ||
| อันค่ายคูประตูหอรบ | ตบแต่งสารพันเป็นที่มั่น | ||
| ทั้งขวากหนามเขื่อนคูป้องกัน | เป็นชั้นชั้นอันดับมากมาย | ||
| ให้ทหารเข้าหักโหมโรมรัน | สามวันพวกพม่าก็พังพ่าย | ||
| แตกยับกระจัดพลัดพราย | ทั้งค่ายคอยน้อยใหญ่ไม่ต่อดี | ||
| ให้ติดตามไปจนแม่กษัตร | เหล่าพม่ารีบรัดลัดหนี | ||
| บ้างก็ตายก่ายกองในปัถพี | ด้วยเดชะบารมีที่ทำมา | ||
| ๏ ตั้งใจจะอุปถัมภก | ยอยกพระพุทธศาสนา | ||
| จะป้องกันขอบขัณฑสีมา | รักษาประชาชนแลมนตรี | ||
| จะบำรุงทั้งฝูงสุรางค์รัก | ให้อัคเรศเป็นสุขเจริญศรี | ||
| ครั้นเสร็จการผลาญราชไพรี | ก็ให้กรีธาทัพกลับมา | ||
| ทั้งทิวาราตรีไม่หยุดหย่อน | ด้วยอาวรณ์ทนเทวษถวิลหา | ||
| แสนคนึงถึงสวาดิไม่คลาดคลา | แต่พร่ำปรารภนั้นเป็นอาจิณ | ||
| จิตเจ็บจะขาดด้วยนิราศรส | จะอดไว้ก็สุดอาลัยถวิล | ||
| อันบำราบรบราชไพริน | ถึงจะไร้ศรศิลป์ที่ชิงไชย | ||
| ก็พอจะพยายามตามตี | ให้ชนะไพรีจงได้ | ||
| จะสู้สงครามรักนี้หนักใจ | ด้วยไร้ศรรสสวาดิจะราวี | ||
| อันแสนศึกทั้งหลายก็พ่ายแพ้ | ยากแต่จะรบรักให้หน่ายหนี | ||
| ที่ลำบากแต่หลังในครั้งนี้ | สุดที่จะปรับทุกข์กับผู้ใด | ||
| อันฝูงสุรางค์นางทั้งหลาย | ยังค่อยอยู่สุขสบายฤาไฉน | ||
| ฤาในจิตคิดอ่านประการใด | อย่าอำไว้จงแจ้งแต่จริง เอย ฯ | ||
เชิงอรรถ
อ้างอิง
ประยุทธ สิทธิพันธ์ สามวัง ไม่ระบุปีที่พิมพ์
