พ่à¸à¹à¸¡à¹ˆà¸£à¸±à¸‡à¹à¸à¸‰à¸±à¸™
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
การปรับปรุง เมื่อ 05:35, 12 กุมภาพันธ์ 2553 โดย ลุงไà¸à¹ˆ (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: พระยาอุปกิตศิลปสาร
บทประพันธ์
| ๏ มีซินแสแก่เฒ่าได้เล่าไข | |||
| ถึงเรื่องงิ้วว่าเล่นกันเช่นไร | มีข้อใหญ่นั้นก็เป็นเช่นละคร | ||
| แต่ข้อหนึ่งแกเล่าเขาประสงค์ | มุ่งจำนงในข้างเป็นทางสอน | ||
| ชี้ทางธรรม์มรรยาทแก่ราษฎร | เหมือนละครสุภาษิตไม่ผิดกัน | ||
| เราบวชนาคโกนจุกในยุคก่อน | มีกล่าวกลอนเพราะพริ้งทำมิ่งขวัญ | ||
| การขันหมากยุคเก่าท่านเล่ากัน | มีสวดฉันท์เรียกว่าสวดมาไลย์ | ||
| เค้าก็คือท่านหวังจะสั่งสอน | แต่ผันผ่อนตามนิยมสมสมัย | ||
| มีเฮฮาพาสนุกเครื่องปลุกใจ | สมกับได้มีงานการมงคล | ||
| ในหมู่บ้านย่านกลางเมื่อปางก่อน | มีโรงสอนธรรมทานการกุศล | ||
| เพื่อเป็นเครื่องเรืองปัญญาประชาชน | ในตำบลอัตคัตไกลวัดวา | ||
| เรียกศาลาโรงธรรมประจำบ้าน | เหมือนสถานที่ฝึกทางศึกษา | ||
| บางคราวมีการกุศลปนเฮฮา | เพื่อให้พาเพลิดเพลินเจริญใจ | ||
| ฝ่ายจีนเขาได้มีอย่างที่ว่า | เอางิ้วมาฝึกหัดดัดนิสัย | ||
| ย่อมดูดดื่มซึมซาบปลาบปลื้มใจ | เหมือนอย่างได้รู้เห็นที่เป็นจริง | ||
| งิ้วเรื่องหนึ่งแกเล่าครั้งเยาว์อยู่ | ได้ไปดูจำไว้ได้ทุกสิ่ง | ||
| เกาะในจิตติดแน่นแม้นกับปลิง | เลยเป็นสิ่งสอนใจจนใหญ่มา | ||
| ตามเรื่องนั้นว่ามีเศรษฐีหนึ่ง | เป็นคนซึ่งสูงชาติวาสนา | ||
| มีทรัพย์สินเหลือล้นคณนา | มีบ้างช่องแน่นหนาด้วยข้าไท | ||
| ท่านเศรษฐีมีบุตรสุดที่รัก | แกฟูมฟักใฝ่จิตพิสมัย | ||
| บุตรคนเดียวแสนจะห่วงดังดวงใจ | หวังจะให้สืบวงศ์ดำรงไป | ||
| มีโรงเรียนไกลบ้านอาจารย์สอน | กลัวลูกอ่อนลำบากไม่พรากได้ | ||
| อุตส่าห์จ้างครูบามาแต่ไกล | ให้สอนในบ้านตนสู้ปรนปรือ | ||
| ฝ่ายลูกเรียนผู้เดียวให้เปลี่ยวจิต | มักเบือนบิดเบื่อชังเรื่องหนังสือ | ||
| อยากได้เพื่อนพูดจาและหารือ | พ่อก็อือออตามด้วยความรัก | ||
| เกณฑ์พวกเด็กในบ้านให้อ่านด้วย | ก็เพื่อช่วยชวนใจให้สมัคร | ||
| ครั้นมีเพื่อนเรียนล้อมอยู่พร้อมพรัก | กลับชวนชักเล่นกันไม่หมั่นเรียน | ||
| ครูก็ดีจี้ไชมิได้หยุด | แกเห็นสุดเอาใจจึงได้เฆี่ยน | ||
| หวังให้กลัวอาญาตั้งหน้าเพียร | แต่กลับเพี้ยนผิดคาดถึงขาดกัน | ||
| คือบุตรท่านเศรษฐีหนีไปหา | พ่อฟ้องว่า ครูนี้แกตีฉัน | ||
| ปลอบให้เรียนก็ไม่ไปจนใจครัน | ต้องเป็นอันเลิกกับครูที่อยู่มา | ||
| อุตส่าห์จ้างครูใหม่ตามใจลูก | แต่ไม่ถูกใจบุตรสุดจะหา | ||
| ครูคนนั้นฉันเข็ดไม่เมตตา | คนนี้ว่าจู้จี้พิรี้พิไร | ||
| แต่เปลี่ยนครูอยู่ฉะนี้ไม่มีเหมาะ | มักทะเลาะเลิกเรียนต้องเปลี่ยนใหม่ | ||
| พวกครูๆ เข็ดกลัวกันทั่วไป | ถึงจะให้เงินมากไม่อยากเอา | ||
| บิดาผู้รักบุตรสุดจะกลุ้ม | ลูกเป็นหนุ่มใหญ่โตยังโง่เง่า | ||
| เที่ยวจ้างครูอยู่ห่างต่างลำเนา | ค่าจ้างเท่าไรนั้นไม่พรั่นกลัว | ||
| แต่ก็ไม่ยืดไปเท่าไรนัก | ประเดี๋ยวชักเหหันต้องสั่นหัว | ||
| เผอิญมาปะครูที่รู้ตัว | แกหวังชั่วค่าสอนสู้ผ่อนตาม | ||
| ศิษย์จะรู้เท่าไรไม่ธุระ | ชื่อเสียงจะเสียไปก็ไม่ขาม | ||
| ศิษย์ผู้ใดตั้งหน้าพยายาม | สอนให้ตามแต่รักสมัครเรียน | ||
| ครูคนนี้ถูกใจอยู่ได้ยืด | ถึงจะจืดจางการเรื่องอ่านเขียน | ||
| ก็ถูกจิตศิษย์ตนย่อมวนเวียน | อยู่จำเนียรโตใหญ่ไร้วิชา | ||
| ฝ่ายพ่อแม่รักบุตรสุดจะรัก | บุตรสมัครทางไหนมิได้ว่า | ||
| ใช้เงินทองกอบกำไม่นำพา | อยู่ไม่ช้าแกก็ตายทำลายชนม์ | ||
| ทรัพย์สมบัติมรดกตกแก่ลูก | ไม่ต้องปลูกเปลืองแรงแสวงผล | ||
| มีเพื่อนมาฮาฮือนับถือตน | เฝ้าแต่ขนทรัพย์จ่ายสบายจริง | ||
| เอาอะไรได้ทุกอย่างช่างสะดวก | จะหยิบหมวกหมวกรี่เหมือนผีสิง | ||
| ทุกอย่างรู้เอาใจไม่ประวิง | ดูเหมือนชิงกันมาคราต้องการ | ||
| ไม่ช้านักทรัพย์ลดหมดสะดวก | จะหยิบหมวกหมวกกระเดียดข้างเกียจคร้าน | ||
| ถ้าเผลอหน่อยคอยหนีตะลีตะลาน | วิ่งเข้าร้านโรงจำนำไม่อำลา | ||
| เพื่อนทั้งมวลล้วนหายเหมือนตายจาก | ที่มีมากคือสหายพวกนายหน้า | ||
| บ้านของท่านขายเท่าไร? ให้ราคา | ผมช่วยค้าขายให้ด้วยไมตรี | ||
| เพื่อนสนุกพลุกพล่านขายบ้านช่อง | พอเงินทองหมดเรียบก็เงียบจี๋ | ||
| ต่อนี้ไปใครเยือนคือเพื่อนดี | ไม่เช่นนี้เพื่อนโหล่โง่ระยำ | ||
| บุตรเศรษฐีเป็นมาถึงครานี้ | ไม่เห็นมีมิตรสหายมากรายกล้ำ | ||
| ผิวผู้ดีมีกระดากพะอากพะอำ | จะคิดทำการอะไรก็ไม่เป็น | ||
| ต้องตรำตรากจากย่านถิ่นบ้านเก่า | ขอทานเขาเลี้ยงตนด้วยข้นเข็ญ | ||
| พักสถานศาลเจ้าทุกเช้าเย็น | ค่อยคิดเห็นโทษตัวที่ชั่วมา | ||
| คิดถึงเรื่องเก่าแก่พ่อแม่รัก | สู้ฟูมฟักใฝ่ฝึกให้ศึกษา | ||
| ตามใจลูกเหลือล้นคณนา | ทุกสิ่งสารพัดไม่ขัดใจ | ||
| คิดถึงครูผู้สอนแต่ก่อนเก่า | บางคนเฝ้าฝึกฝนพ้นวิสัย | ||
| บางคนเฝ้าจู้จี้พิรี้พิไร | ไม่ถูกใจฟ้องพ่อก็อออือ | ||
| จนเหลวไหลได้เข็ญถึงเช่นนี้ | พ่อแม่ที่รักลูกทำถูกหรือ | ||
| สิ่งใดพาเสียคนกลับปรนปรือ | ร้องไห้ฮือบ่นว่าเหมือนบ้าบอ | ||
| วันหนึ่งไปถึงถิ่นบ้านซินแส | ก็เดินแร่เข้าไปหาตรงหน้าหมอ | ||
| ร้องขอทานทันทีไม่รีรอ | ฝ่ายท่านหมอมองหน้าไม่ว่าไร | ||
| ลงท้ายแกกลอกหน้าหาว่าหลอก | เฮ้ย. เจ้าวอกเอ็งอย่ามาไถล | ||
| หลอกดูลูกสาวข้าหรือว่าไร | หรือเข้าใจว่ากูไม่รู้ที | ||
| ข้าหมอดูรู้จักลักษณะ | อย่างมึงน่ะบอกเพศเป็นเศรษฐี | ||
| รูปลักษณ์พักตร์เจ้าเผ่าผู้ดี | ทำเช่นนี้ตั้งใจอย่างไรกัน | ||
| ลูกเศรษฐีฟังว่าน้ำตาหลั่ง | ตอบเสียงดัง "พ่อแม่รังแกฉัน!" | ||
| ร้องไห้โฮซบหน้าพลางจาบัลย์ | คนบ้านนั้นต่างพากันมาดู | ||
| ท่านเจ้าข้า! พ่อแม่รังแกฉัน | เขาใฝ่ฝันฟูมฟักฉันอักขู | ||
| ฉันทำผิดคิดระยำกลับค้ำชู | จะว่าผู้รักลูกถูกหรือไร | ||
| ท่านทายฉันนั้นถูกลูกเศรษฐี | ผู้กลีเลวกว่าบรรดาไพร่ | ||
| ซึ่งยังรู้กอบการงานใด ๆ | เลี้ยงชีพได้เพียงพอไม่ขอทาน | ||
| โอ๊ย! ยิ่งเล่ายิ่งช้ำระกำเหลือ | โปรดจุนเจือเถอะท่านหมอขอข้าวสาร | ||
| เหมือนช่วยชีพข้าเจ้าให้เนานาน | จักเป็นการบุญล้นมีผลงาม | ||
| ฝ่ายท่านหมอฟังเล่าสิ้นเค้าเงื่อน | แกจึงเอื้อนโอษฐ์มีวจีถาม | ||
| ข้าฟังเจ้าเล่าไปก็ได้ความ | จึงเห็นตามพ่อแม่รังแกตรง | ||
| เข็ดหรือไม่ใครรังแกอย่างแม่พ่อ | หรือว่าพอทนดอกบอกประสงค์ | ||
| โอ๊ย! หนเดียวชีวิตแทบปลิดปลง | ถ้าซ้ำสองต้องลงอวิจี | ||
| อย่ารังแกอีกเลยลูกเคยเข็ด | ขอจงเมตตาเถิดประเสริฐศรี | ||
| ท่านหมอฟังยิ้มเยื้อนเอื้อนวจี | เจ้าว่าดีสมจริงทุกสิ่งอัน | ||
| ข้าไม่อยากรังแกเช่นแม่พ่อ | ที่เจ้าขอข้าไม่อ่อนตามผ่อนผัน | ||
| แม้เจ้าขอสิ่งใดข้าให้ปัน | ก็เป็นอันข้าทำซ้ำรังแก | ||
| เจ้าจะตกอวิจีไม่ดีดอก | เจ้าจะออกปากพ้ออย่างพ่อแม่ | ||
| ลูกเศรษฐีตกตะลึงทะลึ่งแล | โอ๊ย! ผมแย่ถูกล่อลงบ่อตม | ||
| เมื่อไม่ให้ใครจะว่าเจ้าข้าเอ๋ย | นี่กลับเย้ยยกคำทิ่มตำผม | ||
| จะไล่ไปก็ไม่ไล่ให้ระทม | ว่าแล้วซมซานกลับด้วยคับใจ | ||
| หมอขยับจับบ่าช้าซีเจ้า | คำที่เล่าบอกข้าน่าเลื่อมใส | ||
| พ่อแม่รักลูกผิดชนิดไร | เขาก็ได้ทุกข์ถมจนล้มตาย | ||
| เวลานั้นตัวเจ้ายังเยาว์อยู่ | จึงไม่รู้ยั้งตนจนฉิบหาย | ||
| เดี๋ยวนี้เจ้ารู้สึกสำนึกกาย | จงขวนขวายฝึกหัดดัดสันดาน | ||
| ข้าจักเป็นพ่อแม่ช่วยแก้ให้ | ต้องตามใจแต่ข้าจะว่าขาน | ||
| ถ้ายอมตามข้าว่าไม่ช้านาน | จักไม่ต้องขอทานเขาต่อไป | ||
| ลงท้ายลูกเศรษฐียินดีรับ | ไปอยู่กับซินแสแก้นิสัย | ||
| ไม่ว่ามีกิจการสถานใด | แกใช้ให้ทำสิ้นจนชินการ | ||
| แกปรานีจี้ไชด้วยใจรัก | จนรู้จักค้าขายหลายสถาน | ||
| อยู่กับหมอต่อมาไม่ช้านาน | ก็พ้นการทุรพลเป็นคนแคลน | ||
| ชาวเราเอ๋ยพ่อแม่มุ่งแต่รัก | สู้ฟูมฟักในบุตรนั้นสุดแสน | ||
| แต่ความรักมักเดินจนเกินแกน | เลยเข้าแดนทุกข์ถมระทมกาย | ||
| ดังเศรษฐีรักบุตรสุดสวาท | บุตรอุบาทว์มิได้รักสมัครหมาย | ||
| เอาแต่ใจใฝ่ตามความสบาย | พ่อแม่ตายก็เพราะตรมระทมใจ | ||
| ยังมิหนำซ้ำว่าด่ากระดูก | หาว่าถูกพ่อแม่รังแกได้ | ||
| แต่ชาวเราเนาเขตประเทศไทย | คงจะไม่พบปะขอประกัน | ||
| เพราะพระราชบัญญัติอุบัติแล้ว | เหมือนดวงแก้วส่องสว่างทางสวรรค์ | ||
| บังคับให้ศึกษาทั่วหน้ากัน | พระคุณธรรม์ข้อนี้ไม่มีเทียม | ||
| ที่สุดนี้ชาวเราน้อมเกล้าฯ นบ | พระจอมภพภูบดินทร์พระปิ่นเสียม | ||
| พระปลุกใจไทยทั่วตั้งตัวเตรียม | ทุกอย่างเยี่ยมยิ่งคุณวิบุลเอย ฯ | ||
