จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
			
												
			
  ข้อมูลเบื้องต้น 
พระนิพนธ์: สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี
  บทประพันธ์ 
 โคลงดั้นสุภาสิตวชิรญาณ
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑
| 
 | 
| ๏ คราวเข็ญจะเฝ้าแต่ |  | โศกศัลย์
 | 
| โศกจะดับขุ่นเข็ญ |  | ห่อนได้
 | 
| ยิ่งโศกยิ่งจักพลัน |  | รอญชีพ
 | 
| ควรปลดควรเปลื้องให้ |  | โศกคลาย ฯ
 | 
| ๏ ละโศกเร่งตริรู้ |  | สึกเข็ญ ตนนา
 | 
| รู้เข็ดเข็ญคงวาย |  | ว่างบ้าง
 | 
| ทิ้งชั่วยึดที่เปน |  | ทางชอบ
 | 
| จึงจักเริศร้างพ้น |  | เหตุภัย ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
 โคลงสุภาสิต
เริ่มทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑
คำอธิบาย
โคลงสุภาษิตนี้ทรงแต่งตามเค้าโครงสุภาสิตใหม่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์กับเจ้านายที่บางปอิน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๐ (ฉบับพิมพ์เรียกว่า “โคลงสุภาษิตใหม่” ) สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าฯ ทรงพระนิพนธ์โคลงสุภาสิตนี้ทรงกับเจ้านายผู้หญิงอีกหลายพระองค์ด้วยกัน คัดเอามาพิมพ์ในสมุดนี้แต่โคลงพระนิพนธ์ของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า ฯ
ความรัก
| 
 | 
| ๏ รักเรียนต้องกอปด้วย |  | วิริยะ
 | 
| รักยศควรอุสาหะ |  | กิจไท้
 | 
| รักทรัพย์อย่าพึงสละ |  | ทรัพย์จ่าย เฝือนา
 | 
| รักชอบกอบกิจให้ |  | ถ่องแท้ยุติธรรม ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ รักตนประพฤติล้วน |  | สุจริต
 | 
| รักลูกเพียรดัดจิต |  | ลูกไว้
 | 
| รักมิตรมากที่มิตร |  | รักตอบ
 | 
| รักบ่าวเมื่อคราวใช้ |  | ไป่ลี้หนีงาร ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความชัง
| 
 | 
| ๏ ชังพูดเปนเล่ห์เลี้ยว |  | หลอกหลอน
 | 
| ชังชาตินิรคุณบอน |  | บ่อนไส้
 | 
| ชังโจรเที่ยวซอกซอน |  | ลักทรัพย์ ท่านนา
 | 
| ชังมากบอยากใกล้ |  | เผ่าพ้องอสัทธรรม ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความกล้า
| 
 | 
| ๏ กล้าคิดเพราะเหตุด้วย |  | ใจมาน
 | 
| กล้าเชื่อเพื่อปฏิญาณ |  | สัตย์ไว้
 | 
| กล้าพูดเพราะเชื่อชาญ |  | เชาวน์ว่อง
 | 
| กล้ารักชักกล้าให้ |  | สู่สู้ริปูแทน ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความกลัว
| 
 | 
| ๏ อาญาไทธิราชเผ้า |  | แผ่นสยาม
 | 
| เกรงไป่มีโมงยาม |  | ว่างน้อ
 | 
| ภัยพิบัติมัจจุราชตาม |  | ฉกชีพ
 | 
| กลัวบ่เว้นทุ่มท้อ |  | จิตลี้หนีไฉน ฯ |  | 
 | 
| 
 | 
| ๏ กลัวบาปบส่อให้ |  | โทษถึง ท่านนา
 | 
| กลัวท่านผูกเวรตรึง |  | ติดติ้ว
 | 
| กลัวกรรมจักตามดึง |  | ตนสู้ อบายพ่อ
 | 
| กลัวชอบบุญหอบหิ้ว |  | อาตม์ขึ้นสุขภูมิ์ ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความเพียร
| 
 | 
| ๏ เพียรประพฤติสุจริตอ้าง |  | อวยผล
 | 
| เพียรประพฤติยุติธรรมดล |  | ดับไร้
 | 
| เพียรประพฤติกอปกุศล |  | บุญส่ง สุขนา
 | 
| เพียรประพฤติเมตตจิตได้ |  | ห่างพ้นคนชัง ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ เพียรประพฤติทุจริตร้อน |  | แรงไฟ นรกพ่อ
 | 
| เพียรประพฤติฉ้อฉกภัย |  | จักพ้อง
 | 
| เพียรประพฤติบาปบไกล |  | ทุกข์ถับ ถึงนา
 | 
| เพียรประพฤติเหี้ยมโหดต้อง |  | ตกข้างคนฉิน ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ หมั่นเขียนหมั่นอ่านอ้าง |  | อักษร
 | 
| เพียรแต่งโคลงลิลิตกลอน |  | ดอกสร้อย
 | 
| กลบทอีกบทละคอน |  | ฉันท์กาพย์
 | 
| เพียรดั่งนี้ฤาคล้อย |  | คลาดผู้ชาญกวี ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความเกียจคร้าน
| 
 | 
| ๏ โกสัชชัดเชิดอ้าง |  | โทษา
 | 
| ฉัพพรรคอรรถกถา |  | กล่าวแจ้ง
 | 
| นรชาติปราศวิริยา |  | นฤสุข
 | 
| จักสฤษดิกิจใดแสร้ง |  | ผัดเพี้ยนผ่อนตน ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ หนาวหนักจักกอปเกื้อ |  | การใด ได้พ่อ
 | 
| บางผ่อนร้อนจัดใจ |  | จักหวิ้น
 | 
| บางคาบก็ขานไข |  | ยลย่ำ แล้วนา
 | 
| กอปกิจบควรสิ้น |  | รติแผ้วควรทำ ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ ยามพรุกพร่ำผัดเพี้ยน |  | ทำงน มากนา
 | 
| งายหน่อยจึงจักขวน |  | กิจไซร้
 | 
| บางผ่อนอุทรรน |  | ร้อนภักษ์ ภุญช์พ่อ
 | 
| บางผัดอิ่มหนักให้ |  | หย่อนน้อยค่อยทำ ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ สันดานประกอบด้วย |  | โกสัช
 | 
| ผิสฤษดิ์กิจใดผัด |  | พรุ่งเพล้
 | 
| เพี้ยนหนาวผัดร้อนจัด |  | อิ่มพร่อง อุทรนา
 | 
| กว่าจะเสร็จประสงค์เอ้ |  | อูดพ้นพันทวี ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความซื่อ
| 
 | 
| ๏ พุทธรัตน์ธรรมรัตน์ทั้ง |  | สงฆ์สรรพ์ พิสุทธิ์แฮ
 | 
| อีกชนกชนนีอัน |  | เกิดเกล้า
 | 
| สยามรัฐดิลกธรร |  | มิกแห่ง ตนฤา
 | 
| ควรซื่อสุจริตเช้า |  | ค่ำน้อมนมัสการ ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความโกง
| 
 | 
| ๏ โกงคิดทรยศผู้ |  | บำรุง ตนแฮ
 | 
| หมายลาภเปิดลับจุง |  | โทษให้
 | 
| ความชั่วติดตัวนุง |  | เหนียวเหนอะ
 | 
| สบลาภก็พลันไร้ |  | เพื่อร้อนแรงกรรม ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความอาลัย
| 
 | 
| ๏ อาลัยลูกจักเมื้อ |  | ยุรเปียน ทวีปแฮ
 | 
| ใจคิดเปนนิจเวียน |  | วาบว้ำ
 | 
| อาลัยเพื่อเคยเสถียร |  | สถิตสุข เสมอนา
 | 
| ใจห่วงเหลือจักปล้ำ |  | ปลิดให้อาลัยสูญ ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความเบื่อ
| 
 | 
| ๏ เบื่อโลกเห็นโลกล้วน |  | อนิจจัง
 | 
| เบื่อทุกข์ทุกวันประดัง |  | รุกเร้า
 | 
| เบื่อเคราะห์เบื่อกรรมฝัง |  | รกราก
 | 
| เบื่อหน่ายตายเกิดเฝ้า |  | รับท้นทุกข์ทวี ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความโสมนัส
| 
 | 
| ๏ ราชภัยพิบัติแม้ |  | หลีกหนี
 | 
| อัคนิภัยพิบัติลี |  | ลาศแคล้ว
 | 
| โจรภัยพิบัติมี |  | หลบรอด โจรนา
 | 
| สามสิ่งโสมนัสแผ้ว |  | ผ่องชื้นกมลเปรม ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ ยินดีได้ลาภล้น |  | มูลมอง
 | 
| ยินลาภยศศักดิ์ปอง |  | ศักดิ์ได้
 | 
| ยินดีอนี้ตรอง |  | ตรึกรงับ บ้างพ่อ
 | 
| ยินลาภนักมักให้ |  | ช่องให้ชนหยัน ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความโทมนัส
| 
 | 
| ๏ กลางประชุมแม้ว่าต้อง |  | ถูกทัก
 | 
| โดยเท็จหรือจริงประจักษ์ |  | สุดพื้น
 | 
| เก่าเหลือที่จะหัก |  | ใจกลับ ใหม่แม่
 | 
| โทมนัสขัดจิตตื้น |  | อกน้ำตาคลอ(๑) ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ คิดเห็นประโยชน์แล้ว |  | จึ่งทำ
 | 
| กลายกลับเปนผิดนำ |  | โทษพ้อง
 | 
| เสียใจที่ใจสำ |  | คัญผิด
 | 
| โทษอื่นบได้ต้อง |  | โทษแท้ตนเอง ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความริษยา
| 
 | 
| ๏ ริษยาเกิดขึ้นเพราะด้วย |  | เสียจิต ก่อนนา
 | 
| เสียจิตเพาะริษยา |  | กอปสร้าง
 | 
| สองอย่างต่างประชันปิด |  | ประชันส่อ กันแฮ
 | 
| ปวงปราชญ์อาจมละล้าง |  | คู่ข้อมลายสูญ ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 (๑) ในโคลงบทนี้ทรงใช้ศัพท์แผลง ซึ่งชอบพูดกันในสมัยนั้นหลายศัพท์ คือ “ทัก” หมายความ ว่าปราสัยเปนคำทารุณ “พื้น” หมายความว่าสำผัสใจ “เก่า” หมายความว่าเกิดโทษะ “ใหม่” หมายความว่าสิ้นโทษะ
ความพยาบาท
| 
 | 
| ๏ พยาบาทนี่นี้ขาด |  | ทางธรรม นะพ่อ
 | 
| ผิเกิดไป่คนึงรำ |  | งับแล้ว
 | 
| ดังฤาจักดลสำ |  | ราญสุข พ่อเอย
 | 
| ไปปรโลกฤาจักแคล้ว |  | คลาดพ้นเวรจอง ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ ปราชญ์มองเห็นโทษแท้ |  | จึ่งประหาร ขาดนา
 | 
| เวรรงับดับเวรผลาญ |  | หมดเชื้อ
 | 
| อาฆาฏขาดจิตสราญ |  | รมย์ยิ่ง ยงแฮ
 | 
| เขษมสุขประจวบเมื้อ |  | สู่ยั้งนฤพาน ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความปรารถนา
| 
 | 
| ๏ ประสงค์ศิลปศาสตรต้อง |  | เติมเพียร
 | 
| ประสงค์มั่งมีทรัพย์เรียน |  | เรื่องค้า
 | 
| ประสงค์ยศจุ่งหมั่นเวียน |  | เฝ้าบพิตร เสมอนา
 | 
| ประสงค์สุขหน่วงจิตคว้า |  | สัตย์ไว้นิจกาล ฯ
 | 
| 
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความหยิ่ง
| 
 | 
| ๏ หยิ่งยศถือยศก้ำ |  | เกินคน
 | 
| หยิ่งศักดิ์หวังศักดิ์ตน |  | ใหญ่กว้าง
 | 
| หยิ่งทรัพย์ส่ายทรัพย์กล |  | ดั่งทรัพย์ จักรฤา
 | 
| สามหยิ่งจักพาค้าง |  | ขาดสิ้นนิจผล ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
 โคลงทรงตอบพระราชนิพนธ์ เมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงประชวร
ในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๓๖ กับ พ.ศ. ๒๔๓๗
'
โคลงพระราชนิพนธ์
| 
 | 
| ๏ เจ็บนานหนักอกผู้ |  | บริรักษ์ ปวงแฮ
 | 
| คิดใคร่ลาลาญทัก |  | ปลดเปลื้อง
 | 
| ความเหนื่อยแห่งสูจัก |  | พลันเสื่อม
 | 
| ตูจะสู่ภพเบื้อง |  | น่านั้นพลันเขษม
 | 
 |        |  |        
 | 
 
โคลงตอบ
| 
 | 
| ๏ สรวมชีพข้าบาท |  | ภักดี
 | 
| พระราชเทวีทรง |  | สฤษดิ์ให้
 | 
| สุขุมาลมารศรี |  | เสนอยศ นี้นา
 | 
| ขอกราบทูลท่านไท้ |  | ธิราชเจ้าจอมสยาม ฯ
 | 
| ๏ ประชวรนานหนักอกข้า |  | ทั้งหลาย ยิ่งแล
 | 
| ทุกทิวาวันบวาย |  | คิดแก้
 | 
| สิ่งใดซึ่งจักมลาย |  | พระโรค เร็วแฮ
 | 
| สุดยากเท่าใดแม้ |  | มาทม้วยควรแสวง ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ หนักแรงกายเจ็บเพี้ยง |  | เท่าใด ก็ดี
 | 
| ยังบหย่อนหฤทัย |  | สักน้อย
 | 
| แม้พระจะด่วนไกล |  | ข้าบาท ปวงแฮ
 | 
| อกจะพองหนองย้อย |  | ทั่วหน้าสนมนาง ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
 โคลงสุภาสิตเบ็ดเตล็ด
ความลอาย
| 
 | 
| ๏ มีอายอาจสกัดกั้น |  | กันทาง ชั่วแฮ
 | 
| จักประพฤติชั่วอายขวาง |  | ขัดไว้
 | 
| ผู้มีหฤทัยจาง |  | จืดต่อ หิรินา
 | 
| จึงประพฤติความชั่วได้ |  | แน่แท้เทียวเธอ ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ อุด(๑)นานแรกออกนั้น |  | แสนอาย
 | 
| ลมล่อยพลอยจับกาย |  | รริกเริ้ม
 | 
| หน้ามือจักษุลาย |  | แลพร่าง
 | 
| เหงื่อหยดขาสั่นเทิ้ม |  | อุทัจด้วยคนดู ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความงาม
| 
 | 
| ๏ เพ็ญบูรณ์เกียรติยศทั้ง |  | บริวาร
 | 
| งามเลิศใดบปาน |  | เปรียบได้
 | 
| เพ็ญทรัพย์อีกคำขาน |  | สัตย์ทุก เมื่อนา
 | 
| งามยิ่งงามแท้ให้ |  | ทั่วผู้สรรเสริญ ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความสรรเสริญ
| 
 | 
| ๏ ผู้หาญราญเศิกสู้ |  | ไป่หนี
 | 
| หนึ่งเหล่าคณะเมธี |  | ทั่วหน้า
 | 
| อีกสงฆ์พิสุทธิ์ศี |  | ลวัตยิ่ง ยงเฮย
 | 
| หญิงซื่อสุจริตกล้า |  | สี่นี้ควรชม ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 (๑) อุด เปนคำแผลง หมายความว่าอยู่แต่ในที่อันเดียว
 โคลงสุภาสิต ทรงถอดความจากวชิรญาณสุภาสิต
| 
 | 
| ๏ บุญมากหากกอปเกื้อ |  | ปัญญา มากนา
 | 
| โดยป่วยก็พลันหาย |  | ห่างไข้
 | 
| มากคนรักไปมา |  | เช้าค่ำ
 | 
| เคยเกลียดกลับรักได้ |  | เพราะบุญ ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ บุญต่ำนำชักให้ |  | หมดความ คิดนา
 | 
| กำเริบไข้แรงรุน |  | โรคร้าย
 | 
| มิตรญาติขาดรักยาม |  | บุญอับ
 | 
| พบปะก็คล้ายคล้าย |  | แขกเมิน ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ ความรู้มีมากล้น |  | เพียงใด ก็ดี
 | 
| แต่ขาดความเพียรใจ |  | เกียจคร้าน
 | 
| เฉกผู้มากทรัพย์ใน |  | เรือนฟุ่ม เฟือยนา
 | 
| ตระหนี่เก็บไว้แต่บ้าน |  | ห่างใช้ไฉนเติม ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ วิชาเดิมมีน้อยแต่ |  | มีเพียร มากฮา
 | 
| ยังบ่ทราบใดเรียน |  | มากไว้
 | 
| ผู้น้อยทรัพย์ค่อยเบียน |  | ทรัพย์จ่าย เสมอนอ
 | 
| ทรัพย์จะเสริมเติมได้ |  | มากด้วยแรงเพียร ฯ |  | 
 | 
 |        |  |        
 | 
 
 โคลงสุภาสิตทรงแต่งเล่นกับเจ้านายผู้หญิง
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๓
ความเพลิน
| 
 | 
| ๏ ความเพลินมีทั่วทั้ง |  | ฝ่ายดี ทรามเฮย
 | 
| สุดแต่ผู้เพลินมี |  | สติค้น
 | 
| เพลินชอบก็พลันทวี |  | ลาภยศ ปวงแฮ
 | 
| เพลินผิดก็ไป่พ้น |  | ภาคร้ายเร็วถึง ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความรำคาญ
| 
 | 
| ๏ รูปต่ำซ้ำศิระงุ้ม |  | ปานปม เปรอะนา
 | 
| รสพลับแช่ฝาดขุย |  | เกาะลิ้น
 | 
| กลิ่นสาบมนุษย์ระดม |  | กลิ่นอุต พิษแฮ
 | 
| เสียงพูดปลอกปลิ้นปลี้ |  | เปล่าความ ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ งามโฉมแต่หยุดอ้า |  | อาตม์โฉม
 | 
| ฤาแต่งเกินพองาม |  | เงื่อนหน้า
 | 
| มารยาทลุกลนโครม |  | ครามเตะ ต่อยเฮย
 | 
| ปวงกล่าวทั้งนี้ข้า |  | สุดรำคาญ ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ความปรารถนา
| 
 | 
| ๏ ปรารถนาของมนุษย์นั้น |  | หมดไฉน ท่านเฮย
 | 
| แม้จักพรรณาไป |  | ไป่สิ้น
 | 
| แต่ผู้ว่องวุฒิไวย |  | รู้เลือก สรรแฮ
 | 
| ควรดับฤาควรดิ้น |  | โดดยั้งตามควร ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
 ร่ายประทานพระพรกรมพระดำรงในวันประสูติ
ทรงนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒
| 
 | 
| ๏ ขษณพระพุทธศก |  | ตกสองพันสี่ร้อย
 | 
| ห้อยเศษหกสิบสองปี |  | วีสะดิถีมิถุนายน
 | 
| ดลอภิลักขิตสมัย |  | ในพระเจ้าบรมวงศ์
 | 
| กรมพระยาดำรงราชานุภาพ |  | คาบพระชนม์คำณวน
 | 
| ประมวลกึ่งสตพรรษ |  | อีกเศษอัฐฉนำกาล
 | 
| มานพระหฤทัยจำนง |  | ประสงค์กอปกุศลอุทิศ
 | 
| เปนนิรามิสราชพลี |  | แด่ภูวบดีปิยมหาราช
 | 
| ทั้งพระบาทบรมอัยกา |  | ราชปิตุลาบวรอิศเรศ
 | 
| เหตุสมภาคมายุสม์ |  | ลุอำนวยทานสงฆ์
 | 
| ปลงธนสารบำรุง |  | ผดุงสภากาชาดสยาม
 | 
| พยาบาลพระนามบัญญัติ |  | ข้อยมีมนัสปราโมทย์
 | 
| มาโนชในพระกุศล |  | จึงนิพนธ์ถวายชัย
 | 
| ด้วยน้ำใจสุทธิ์สอาด |  | สรวมอำนาจพระรัตนตรัย
 | 
| อีกไทยเทพทรงมหิทธิศักดิ์ |  | ซึ่งพิทักษ์สยามณาเขต
 | 
| สรวมพระเดชนฤบดินทร์ |  | เจ้าสยามินทร์ห้าพระองค์
 | 
| ทรงแผ่พระเดชานุภาพ |  | ปราบปวงอุปัทวภัย
 | 
| ไกลอุปสัคไกลโศก |  | นิราสโรคนิราสทุกข์
 | 
| เนืองนิตย์ยุกต์สุขารมณ์ |  | อุดมพระปรีชาเชาวน์
 | 
| เนาประมุขโบราณคดี |  | ทวีพระยศฦาเลื่อง
 | 
| เฟื่องกิตติคุณฦาเลวง |  | ล้ำยิ่งเพรงบันดาล
 | 
| พระชนมานยืนยง |  | ธำรงวังวรดิศ
 | 
| พิพิธสุขพิศาล |  | กอปศฤงคารไพบูลย์
 | 
| วงศ์ประยูรพรั่งพร้อม |  | น้อมมนัธยาศัย
 | 
| ในพระเมตตาคุณ |  | การุญรักษ์ดิเรก
 | 
| เฉกโพธิพฤกษ์ฉายา |  | ร่มบริจาร์แลดนัย
 | 
| เหล่าข้าไทยทั้งผอง |  | ใดธปองจงประสบ
 | 
| ใดธปรารภจงสัมฤทธิ์ |  | สิทธิดังมโนหวัง
 | 
| ดังข้อยผู้ภคินี |  | อื้นวจีพจน์สุนทร
 | 
| อำนวยพระพรถวายฉนี้ |  | สรวมเทพช่วยชี้
 | 
| ช่องให้คงเขษม |  | โสตถิ เทอญ ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
 โคลงตอบกรมพระดำรงฯ ถวายพระพรสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ในวันประสูติ
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒
โคลงของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
| 
 | 
| ๏ ฝาตลับรูปไข่ถ้วย |  | ทูลถวาย
 | 
| เฉกเช่นไข่ขวัญหมาย |  | อรรถชี้
 | 
| นิพนธ์พจนแทนบาย |  | ศรีปาก ชามแฮ
 | 
| สมโภชวันเฉลิมนี้ |  | เพิ่มพร้อมพรถวาย ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ สมเด็จพระพี่เจ้า |  | จอมสยาม
 | 
| จงโปร่งปราศพยาธิความ |  | ขุ่นไข้
 | 
| เสวยสุขสวัสดิ์งาม |  | วรรณผ่อง เพ็ญเทอญ
 | 
| เจริญพละพระชนม์ให้ |  | ร่วมร้อยปีประมาณ ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
โคลงทรงตอบแทนทูลกระหม่อมหญิง
| 
 | 
| ๏ ไข่ถ้วยแทนไข่เข้า |  | เฉลิมขวัญ
 | 
| อีกพจนประพันธ์อวย |  | สวัสดิ์พร้อม
 | 
| ประทานลูกสมัยวัน |  | อุปัติศก นี้นา
 | 
| ลูกธมาโนชน้อม |  | นบน้อมขอบพระคุณ ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
 กาพย์ตอบกรมพระดำรงฯ ถวายพระพรสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ในวันประสูติ
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓
กาพย์กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
| 
 | 
| ๑๖
 | 
| ๏ สถิติสถานบ้านแป้งแหล่งตำบล |  | จวบกันยายน
 | 
| สิบสี่ประสบครบดิถี
 | 
| ๏ เฉลิมชนม์พระเชฏฐภคินี |  | สมเด็จกษัตรี
 | 
| ศรีรัตนโกสินทร์สมร
 | 
| ๏ อยู่ไกลใคร่จะถวายพร |  | จึงเพียรเขียนกลอน
 | 
| จำทูลถวายอย่างต่างตน
 | 
| ๏ ลูกหลานว่านเครือหลายคน |  | ก็บอกยุบล
 | 
| ให้กราบบาทมูลทูลผสม
 | 
| ๏ ร่วมใจปรีดาสารภิรมย์ |  | ยอกรบังคม
 | 
| ถวายพรพิพัฒน์สวัสดี
 | 
| ๏ ให้ทรงสุขเกษมเปรมปรีดิ์ |  | ทุกทิวาราตรี
 | 
| อย่ารู้นิราสคลาดคลาย
 | 
| ๏ ผ่องพระฉวีพรรณราย |  | ดุจเดือนเด่นฉาย
 | 
| มลทินพยาธิขาดสูญ
 | 
| ๏ เจริญพละพระกำลังเพิ่มพูน |  | สมบุรณบริบูรณ
 | 
| ทุกสิ่งทรงมาทปรารถนา
 | 
| ๏ ขอให้เจริญพระชันษา |  | ยั่งยืนวัฒนา
 | 
| การเกิดประโยชน์โพธิผล
 | 
| ๏ ได้ทรงสมาทานการกุศล |  | ปรฏิบัติพระชน
 | 
| นีแลเลี้ยงเหล่าประยูร
 | 
| ๏ อุปการ์ข้าไทเอาธูร |  | โอบเอื้อเกื้อกูล
 | 
| ตลอดจนเหล่าชาวประชา
 | 
| ๏ จิรฐิติกาลนานช้า |  | เรือนร้อยพรรษา
 | 
| ให้สมดังสัจอธิฐาน ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
ทรงตอบแทนทูลกระหม่อมหญิง
| 
 | 
| ๑๖
 | 
| ๏ จวบวันอุบัติกาล |  | ณวารที่สิบสี่กันย์
 | 
| ได้รับลายพระหัตถ์อัน |  | ไพเราะห์พจนพาที
 | 
| ๏ ข้อยมีมนัสนึก |  | รฦกในพระอารี
 | 
| แก่ภาคินัยมี |  | ประจำมั่นนิรันดร
 | 
| ๏ ขอโอนศิโรดม |  | บังคมรับบวรพร
 | 
| ด้วยกาพย์ลำเนากลอน |  | อันแต่งโดยพระมารดา
 | 
| ๏ อนึ่งปวงประยูรวงศ์ |  | ทุกองค์ร่วมพระหัทยา
 | 
| แด่ปิตุลปิตา |  | อำนวยศุภมงคล
 | 
| ๏ ขอเธอทั้งหลายจง |  | ธำรงสุขสถาผล
 | 
| โรคภัยอันใดดล |  | พลันบำราศประลาตไกล
 | 
| ๏ สรวมพรชมัยพร |  | จงประสิทธิ์ทุกสิ่งไกษย
 | 
| อำนาจสัจวจีใจ |  | ประจวบปองสนองเสนอ ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
 โคลงแลกลอนสำหรับสอดในชักเปี๊ยะพร้อมกับแหวน
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔
คำอธิบาย
เมื่อปีระกา พ.ศ. ๒๔๖๔ สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า ฯ เจริญพระชันษาครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์  ในงานฉลองพระชันษาได้ทรงเชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระบรมวงศ์ทั้งพระองค์ชายและพระองค์หญิงไปเสวยเวลาค่ำ ณ วังบางขุนพรหม  เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคมเนื่องในของซึ่งแจกชำร่วยที่โต๊ะเสวยนั้น  สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า ฯ ทรงพระดำริห์ให้สร้างพระธำมรงค์ลงยาสีตามวันประสูติของเจ้านายที่ประทับเสวยทุกพระองค์  แล้วทรงพระนิพนธ์กลอนต่างๆ ซึ่งพิมพ์ต่อไปนี้บทหนึ่ง สำหรับกำกับพระธำมรงค์วงหนึ่ง  หมายจะซ่อนไว้ด้วยกันในห่อชักเปี๊ยะวางไว้ตรงที่ประทับทุกพระองค์  สำหรับจะได้ทรงชักเปี๊ยะได้ธำมรงค์แลทรงอ่านบทกลอนเปนของฉลากประกอบความรื่นเริง แต่ต่อมาเปลี่ยน กระแสพระดำริห์ งดบทกลอนเหล่านี้ มาได้พิมพ์ห่อพระธำมรงค์แจกไม่
| 
 | 
| ๏ ประวิชวรรณประจำวาร |  | ประสูติท่านทุกองค์มา
 | 
| ประชุมเลี้ยงกระยาพา |  | หทัยเริงสราญรมย์
 | 
| ๏ ผิทรงจับฉลากได้ |  | มิตรงสีประสูติสม
 | 
| พระหัตถ์สอดมิชวนชม |  | นิยมใช้บมีดี
 | 
| ๏ ประทานส่งพระวงศ์ใด |  | ประสบวรรณประสูติมี
 | 
| ประสงค์เสาะฉเพาะสี |  | ประสูติทรงจะส่งสวย
 | 
| ๏ เจริญอายุวรรณ |  | สุขเพิ่มพลังรวย
 | 
| พระยศยิ่งภิยโยพวย |  | พพุ่งเกียรติกำจร ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ สียาในประวิชนี้ |  | สำหรับ วันแฮ
 | 
| ท่านอุบัติวันใดจับ |  | ฉลากได้
 | 
| ไป่เหมาะจุ่งเปลี่ยนสับ |  | กันแหละ กันนา
 | 
| ให้สบวันท่านใช้ |  | สอดนิ้วในงาร ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ ประวิชน้อยห้อย ส.ม. |  | มีสีพอครบเจ็ดวัน
 | 
| ชักเปี๊ยะฉลากอัน |  | บรรจงห่อมาวางถวาย
 | 
| ๏ แม้สีมิต้องวาร |  | ประสูติท่านจงขวนขวาย
 | 
| แลกเปลี่ยนอย่าดูดาย |  | ให้สีตรงจึงทรงงาม ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ ธำมรงค์วงน้อยในฉลาก
 | 
| มีสีมากเบ็จเสร็จครบเจ็ดสี
 | 
| ผิดสีวันประสูติใช้ไม่เข้าที
 | 
| ทรงเปลี่ยนกันสรรที่สีตรงวัน ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ ฉลากแหวนก้านพลูน้อย |  | สีต่างห้อยนามสุขุมาล
 | 
| เสร็จเสวยพระอาหาร |  | โปรดสรรทรงให้ตรงวัน ฯ
 | 
| ๏ สีแหวนแผกมิพ้องวาร |  | อุบัติท่านจงแปรผัน
 | 
| เปลี่ยนผัดซึ่งกันแลกัน |  | คงได้เหมาะฉเพาะสี ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ ฉลากแหวนแทนขอบพระคุณเหลือ
 | 
| ที่ทรงเอื้อเสด็จมาเลี้ยงอาหาร
 | 
| สีน้ำยานี้ประสงค์ให้ตรงวาร
 | 
| ประสูติท่านทุกพระองค์ที่ทรงรับ
 | 
| แม้นสีไม่เหมาะส่งพระวงศ์แลก
 | 
| ถ้ายังแผกสีเวียนเที่ยวเปลี่ยนสับ
 | 
| คงสบเหมาะเพราะได้คิดพินิจนับ
 | 
| ได้ตรงกับวันพระวงศ์ทุกองค์ เอย ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ ธำมรงค์ที่ทรงจับฉลากได้
 | 
| ถ้าสีไม่เหมาะวันพระชันษา
 | 
| โปรดส่งสับกับองค์ที่มีสียา
 | 
| ตามตำรานามวันฉนั้น เทอญฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ ธำมรงค์ไร้มณีสียาต่าง
 | 
| ถ้วนเจ็ดอย่างตามวันพระชันษา
 | 
| สีไม่ถูกวันอุบัติขัดตำรา
 | 
| ทรงไปไหนขายหน้าท่าไม่ดี
 | 
| จงเปลี่ยนกันกับพระวงศ์ที่ทรงรับ
 | 
| คงจะจับได้วงที่ตรงสี
 | 
| สวมพระหัตถ์วัฒนสวัสดี
 | 
| ทุกเมื่อมีสุขเกษมเปรมกมล ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ สีแสงแดงโลหิต |  | คู่วันอาทิตย์พิศตาตรู
 | 
| สีด่อนจันทรหรู |  | สีชมพูคู่วันอังคาร
 | 
| ๏ พุธเขียวพฤหัสเหลือง |  | ศุกร์เรืองน้ำเงินสอ้าน
 | 
| เสาร์ดำคล้ำสคราน |  | ถ้วนเจ็ดวารสีธำมรงค์
 | 
| ๏ ท่านได้ไม่ถูกวัน |  | เชิญเปลี่ยนกันตามประสงค์
 | 
| เลือกสรรให้สีตรง |  | ทรงสวมหัตถ์เพิ่มสวัสดี ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ แหวนสีแดงท่านให้แต่งวันอาทิตย์
 | 
| ฉลากผิดวันพระองค์จงหาใหม่
 | 
| แลกเจ้าน้องหรือเจ้าพี่มีถมไป
 | 
| ได้สวมใส่นิ้วพระหัตถ์ชัดตำรา ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ พระจันทรจรกระจ่างในกลางหาว
 | 
| แหวนสกาวเทียบสีดีหนักหนา
 | 
| ถ้าไม่พ้องวันพระองค์จงทรงพา
 | 
| แหวนที่ได้ไปหาแลกมาทรง ฯ
 | 
| ประวิชสีที่ทรงจับฉลากได้
 | 
| ถ้ามีไม่เหมาะวันพระชันษา
 | 
| จงเปลี่ยนสับกับท่านทุกองค์มา
 | 
| เสวยอาหารด้วยกันวันนี้ เทอญ ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ วันใดท่านสมภพ |  | สบสีใดในประวิชน้อย
 | 
| จุ่งท่านสรรสอดก้อย |  | เพื่อต้องตามวัน ท่านนา ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ ถ้าแหวนผิดวันพระองค์ทรงสมภพ
 | 
| จงปรารภแลกลองพี่น้องท่าน
 | 
| แม้ประสบพบสีที่ตรงวาร
 | 
| ขอประทานเปลี่ยนมาอย่าช้าที ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ ประวิชวงที่ทรงหัตถ์ |  | ถ้าสีซัดมิต้องวัน
 | 
| ใครเห็นจะเย้ยหยัน |  | จงแลกกันให้ตรงวาร ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ อังคารคู่ชมพูสีที่ประวิช
 | 
| ถ้าแม้ผิดวันพระองค์จงเปลี่ยนผลัด
 | 
| ให้ต้องสีเหมาะตรงไม่หลงพลัด
 | 
| สวมพระหัตถ์วัฒนสถาพร ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ ถ้าได้แหวนผิดวันจงหันเหียน
 | 
| เวียนถามตามพี่น้องท่าน
 | 
| คงสมใจได้สีที่ต้องการ
 | 
| ขอประทานเปลี่ยนวงสมทรงงาม ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ แหวนเอยแหวนลงยา
 | 
| สีสัปดาห์ครบวันท่านอุบัติ
 | 
| ดูจงดีอย่าให้สีมันจับพลัด
 | 
| ทรงสวมหัตถ์จะได้งามตามบุราณ ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| ๏ แหวนสีสัปดาหะ |  | กะถ้วนวันประสูติแล้ว
 | 
| ผิวท่านได้ฉลากแคล้ว |  | คลาดพ้องเชิญเปลี่ยน กันนา ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
 โคลงสุภาสิต
ทรงพระนิพนธ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗ และ ๒๔๖๘
| 
 | 
| ๏ นฤบดีเสื่อมเพราะใช้ |  | มนตรี ชั่วแฮ
 | 
| เสื่อมพรตเพราะกลี |  | คลุกเคล้า
 | 
| ลูกเสื่อมเพราะปล่อยฟรี |  | ฟุ้งเฟิสต์ เคยแล
 | 
| พราห์มณเสื่อมเพราะค่ำเช้า |  | ครุ่นคร้านเรียนมนต์ ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ ลูกชั่วชักให้เสื่อม |  | สกุลตน
 | 
| ศีลเสื่อมเพราะปนพาล |  | เพาะมล้าง
 | 
| อายเสื่อมเพราะโม่ห์มนท์ |  | เมาดื่ม
 | 
| เพาะปลูกเสื่อมทรามร้าง |  | เพราะคร้านดูแล ฯ
 | 
| 
 | 
| ๏ เสื่อมสิเน่ห์เพราะเริศร้าง |  | แรมไกล
 | 
| เสื่อมมิตรเพราะเอื้อใน |  | มิตรน้อย
 | 
| เสื่อมทรัพย์เพราะรั่วไหล |  | จ่ายมาก
 | 
| เสื่อมสัจตนต่ำต้อย |  | เสื่อมผู้บูชา ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
 เพลงยาวกลบท
เพลงยาวกลบท
ปรารภ
| 
 | 
| ตะเข็บไต่ขอน
 | 
| ๏ หทัยประสงค์ผจงลิขิตประดิษฐ์สนอง
 | 
| เสนอขนิษฐ์พินิจยุบลนุสนธิ์คนอง
 | 
| ขณสมองฟฟุ้งฟเฟื่องวิชากวี
 | 
| สถิตณเรือนเสมือนธุระบพะบพ้อง
 | 
| จะตฤกจะตรองก็คล่องอุราประสาประสี
 | 
| ผิบทลบองมิต้องระบอบระเบียบวิธี
 | 
| ก็หวังธมีพระทัยนุเคราะห์เฉพาะกรุณย์
 | 
| ฤาเขินฤาขวางณทางอักษรแลกลอนสำผัส
 | 
| ก็คงจะตัดจะเติมประดับสนับสนุน
 | 
| ผสานผสมนุกรมลำนำช่วยค้ำช่วยจุน
 | 
| จะขอบพระคุณมิรู้จะเบื่อละเมื่อละคราว
 | 
| ณกลอนขบวรเชิงชวนสังวาสนิราสแลภ้อ
 | 
| จะเรียบจะเรียงมิเพียงมิพอจะกล้อจะกล่าว
 | 
| เพราะมิใช่นิสัยหทัยสัตรีมีเรื่องมีราว
 | 
| ข้างชู้ข้างสาวเสมือนนักเลงมิเกรงมิคร้าม
 | 
| คะโลงสุภาสิตานุสรไว้ก่อนไว้เก่า
 | 
| ลล้วนสำเนาสำนวนสุภาพมิหยาบมิหยาม
 | 
| มิเยาะมิแยงแสดงคติพึงตริพึงตาม
 | 
| จะต่ำจะทรามก็พอจะกลั้วรรัวราง ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| โทษฉิบหาย ๖ ประการ
 | 
| โตเล่นหาง
 | 
| ๏ ดำเนิรความตามทำนองปองลิขิต
 | 
| เปิดภาสิตวรรณพฤติยึดที่อ้าง
 | 
| ธิบายเหตุฉิบหายหกยกมาวาง
 | 
| ไว้เปนทางเดิรขบวรสำนวนกลอน
 | 
| 
 | 
| (๑) สุราเมรยบานชาญฉกาจ
 | 
| ผรุสวาทพาลประทุษไม่หยุดหย่อน
 | 
| เส้นประสาทอาจพิกลทุรนร้อน
 | 
| ทรัพย์จะล่อนหมดตัวอย่ามัวมนท์
 | 
| (๒) ลับไถงอย่าครรไลไถลเที่ยว
 | 
| ทางตรอกเปลี่ยวปลอดฉวางกลางถนน
 | 
| คนเดียวเดิรเมินประมาทขาดผู้คน
 | 
| ศัตรูพบหลบไม่พ้นภัยศัตรู
 | 
| (๓) สัมมัชชาก็อย่าทัศนานัก
 | 
| ไร้ประโยชน์โทษหนักข้างลักขู
 | 
| มหรศพสารพันแม้หมั่นดู
 | 
| มีเงินอู๋ก็คงเลี่ยนด้วยลายละเลิง
 | 
| (๔) การพนันทุกทุกพรรค์พลันพินาศ
 | 
| มาทสนุกขุกพลาดสิเลยเหลิง
 | 
| แรกเล่นนึกว่านิดหน่อยค่อยประเทิง
 | 
| เลยเปิดเปิงถึงจำนำระยำยับ
 | 
| (๕) อนึ่งอย่าปณิธานสมานจิต
 | 
| เสวนาลามกมิตรจิตสับปลับ
 | 
| ยามเรามีตีสนิธหวังปลิดทรัพย์
 | 
| เราซวยกลับหลีกละสละเมิน
 | 
| (๖) จงคนึงถึงโทษจิตโหดคร้าน
 | 
| ธุระงารคฤหาอย่างห่างเหิน
 | 
| พึงสะสมธนไว้เจริญ
 | 
| มุ่งดำเนิรพิริยจรรยา
 | 
| 
 | 
| เหตุพินาศอนุสาสนแสดงอรรถ
 | 
| ฉัพพิธจัดแจงประมวญล้วนโทษา
 | 
| นรชาติปราชญ์ละดังพรรณา
 | 
| เพื่อสถาพรพิพัฒน์สวัสดี
 | 
 |        |  |        
 | 
 
| 
 | 
| โทษสุรา ๖ ประการ
 | 
| กระแตไต่ไม้
 | 
| ๏ โทษสุราพรรณาสุราโทษ
 | 
| ศรีเฉลิมเพิ่มประโยชน์เฉลิมศรี
 | 
| คดีธรรมเลิศล้ำธรรมคดี
 | 
| นานมามีในบาฬีมีมานาน
 | 
| สาสนูสัพพัญญูอนุสาสน์
 | 
| สารแก่นแท้แผ่โอวาทเปนแก่นสาร
 | 
| ชาญปรีชานรชนปรีชาชาญ
 | 
| แรงร้ายรู้มัชบานฤทธิ์ร้ายแรง
 | 
| ฉพิธเภทภีตเหตุเภทฉพิธ
 | 
| แจ้งประจักษ์ตระหนักจิตประจักษ์แจ้ง
 | 
| แสดงความตามเมธีชึ้ความแสดง
 | 
| โลกาแจงแจกไว้ในโลกา
 | 
| (๑) คือสิ้นสูญทุนทรัพย์ยับสูญสิ้น
 | 
| ค่าเสียซื้อเหล้ากินสิ้นเสียค่า
 | 
| เวลาคุ้นเคยอาตม์ผิขาดเวลา
 | 
| รทมใจไม่มีผาสุกใจรทม
 | 
| (๒) หากลเหตุมุ่งร้ายหมายกลหา
 | 
| ขรมเสียงเถียงท้าส่งเสียงขรม
 | 
| ตะบมตีต่อยปะเตะต่อยตีตะบม
 | 
| มัวเมามุดุรดมด้วยเมามัว
 | 
| (๓) พยาธิ์ภัยสรรพไข้เกิดภัยพยาธิ์
 | 
| หัวหูสั่นหวั่นหวาดสั่นหูหัว
 | 
| ตัวรูปบวมบ้างก็ซูบผิดรูปตัว
 | 
| เมาน้ำกลืนกล้ำกลั้วมัวน้ำเมา
 | 
| (๔) ร้ายยินบ่นดำเนียนเบียนยินร้าย
 | 
| เฉาโฉดชั่วทั่วหญิงชายว่าโฉดเฉา
 | 
| เบาสติริแต่ฟู้(๑)คนดูเบา
 | 
| ยศศักดิ์เศร้าเสื่อมสลายวายศักดิ์ยศ
 | 
| (๕) ขาดความอายเว้นกายสังวรขาด
 | 
| หมดกลัวขลาดความนินทากล้าทำหมด
 | 
| ลดเกรงบาปหยาบช้าไม่ลาลด
 | 
| กรรมเพราะซดน้ำเหล้าเฝ้าก่อกรรม
 | 
| (๖) เสื่อมกำลังทั้งปัญญาก็พาเสื่อม
 | 
| ถลำเหลื่อมชอบผิดความคิดถลำ
 | 
| ทำลายบุญหนุนบาปห่อนทราบธรรม
 | 
| งงงมโง่โมหะซ้ำให้งำงง
 | 
| 
 | 
| โทษสุราหกประการบรรหารโทษ
 | 
| หลงมาโนชก็ล่มด้วยแรงหลง
 | 
| คงเสื่อมสิ้นสินทรัพย์ไม่กลับคง
 | 
| อบายกรรมนำส่งตรงอบาย
 | 
| 
 | 
| บัณฑิตชนยลธรรมล้ำบัณฑิต
 | 
| หมายจดจำคำภาสิตจิตจงหมาย
 | 
| วายว่างเว้นเสพย์สุราทุกทิวาวาย
 | 
| ดลความสุขทุกพายวายทุกข์ดล ฯ
 | 
 |        |  |        
 | 
 
(๑) “ฟู้” เปนคำแผลง เดิมหมายว่าความรู้สึกเหมือนอย่างกับวาโยธาตุเป่าออก มาทางปากแลจมูก  ทำให้อารมณ์ไม่ปรกติ ภายหลังมาใช้หมายความแต่ว่าสติอารมณ์ไม่ปรกติ
 พระโอวาทประทานทูลกระหม่อมพระองค์ชาย เมื่อจะเสด็จไปทรงศึกษาในยุโรป
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๗
ขอให้โอวาทแก่พ่อผู้เปนลูกยอดรักของแม่  ในสมัยที่พ่อจะจากแม่ไปยุโรป ดังนี้
๑.	การที่พ่อต้องไปเล่าเรียนถึงประเทศยุโรปนั้น  ขอให้พึงเข้าใจว่า     ทูลหม่อมท่านสู้เสียพระราชทรัพย์เปนอันมาก  เพราะท่านทรงพระเมตตากรุณาแก่พ่อซึ่งนับว่าเปน ลูก  เพื่อให้ได้รับวิชาความรู้อันสุขุมละเอียด อันจะเปนสเบียงเลี้ยงตัวไปในภายหน้า  ขอให้พ่อตั้งใจอุสาหะเล่าเรียนให้สมดังพระราชประสงค์ อย่าให้ต้องเปนอันสูญเสียเปล่าแห่งพระราชทรัพย์ กลับมาจะได้รับราชการฉลองราชการฉลองพระเดชพระคุณเปนชื่อเปนหน้าแล เปนคุณเปนประโยชน์แก่ตัวสืบไป
๒.	ในเวลาตั้งแต่ได้ออกจากกรุงเทพฯ ไปจนถึงอยู่ในประเทศยุโรป  ต้องรู้สึกว่าตัวอยู่ในที่อันมิใช่บ้านเกิดเมืองนอนของตัว แลห่างไกลจากฝ่าพระบาททูลหม่อม แลไกลจากผู้ที่เคยบำรุงรักษา  พ่อจงอุตส่าห์ฝากตัวกลัวเกรงเสด็จอาว์ (๑)  แลแสดงกิริยาอ่อนน้อม (มิใช่ถึงไหว้กราบ)  ต่อพวกข้าราชการที่เขาเปนใหญ่ ที่สุดจนมองซิเออร์ยัคมิน (๒) ซึ่งเปนผู้กำกับไป  เมื่อเขาจะว่ากล่าวตักเตือนประการใด ก็ต้องเชื่อฟังเขาตามสมควร อย่าทำให้เปนที่รังเกียจเกลียดชังแก่เขาทั้งหลายเหล่านั้นได้  เผื่อว่าจะมีทุกข์ขุกไข้หรือขัดข้องอย่างไร  เขาจะได้ช่วยแนะนำแก้ไขให้โดยความกรุณา
๓.	ทูลหม่อมพระองค์โต (๓) นั้น พ่อย่อมทราบอยู่แล้วว่าท่านจะเปนอย่างไร  พ่อจงนับถือรักใคร่ฝากตัวท่านให้จงมาก  ในเวลานี้ก็ต้องเปนผู้ที่พลัดบ้านเมืองไปด้วยกัน  มีทุกข์สุขประการใดก็ได้เห็นหน้ากันตามประสาพี่น้องดียิ่งกว่าผู้อื่น  แม้ถ้าได้รักใคร่สนิธสนมกันเสียแต่ยังเล็กๆด้วยกันเช่นนี้แล้ว  เมื่อต่อไปภายหน้าก็จะได้ไม่เปนที่รังกียจกินแหนง  ซึ่งเปนหนทางอันตรายในตัวพ่อเมื่อเวลาที่โตขึ้นด้วยกันนั้นด้วย
๔.	เจ้านายพี่น้องทั้งปวงบันดาที่อยู่นอกด้วยกันนั้น  พ่อต้องคิดว่าทุกๆองค์แต่ล้วนเปนลูกของทูลหม่อมเหมือนกันกับตัวพ่อทั้งนั้น  พ่ออย่าแสดงกิริยาหรือกล่าววาจาอันเปนการหมิ่นประมาทต่อเธอโดยถือว่าสูงกว่าเธอ จงนบนอบเล่นหัวตามฉันพี่น้องที่เสมอกัน  ถึงกับคนอื่นก็เหมือนกัน  เมื่อเจ้านายเหล่านั้นเธอไว้วางตัวเธอเพียงชั้นใดสถานใด  พ่อจงวางตัวให้เสมอกับเจ้านายเหล่านั้น จะได้ไม่เปนที่รังเกียจในเจ้านายพี่น้อง  แลไม่กีดตาผู้ด้วย
๕.สรรพหนังสือ แลวิชาทั้งปวงอันได้เรียนรู้แล้วนั้น ถ้าจะมีผู้ไล่เลียงไต่ถาม ก็จงแสดงแต่ที่แม่นยำชำนาญ อย่าอวดรู้ให้เกินกับภูมิความรู้ สิ่งใดข้อใดที่ยังไม่รู้หรือรู้แล้วแต่ไม่แม่นยำ  ถึงแม้จะบอกว่ายังมิได้รู้ก็ไม่เปนที่เสียหายอันใด
๖.ส่วนความรู้สึกในใจอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่สมควรจะแสดงกิริยาหรือกล่าววาจาให้คนทั้งหลายรู้ คือให้รู้สึกแต่ในใจของตัวว่าตัวเกิดมาในชาติตระกูลอันสูง จำเปนที่จะต้องรักษาตัวให้สมกับที่ตัวเปนผู้สูงชาติ จงตั้งหน้าเล่าเรียนให้เต็มกำลังแลสติปัญญาของตัว อย่าเพลิดเพลินในการเล่นสนุกให้เกินไป ให้ได้รู้จริงทุกอย่างทุกประการ
พระบรมราโชวาทของทูลหม่อมแลถ้อยคำของแม่ที่ได้พรรณามาครั้งนี้ แลจะได้ว่าต่อไปนั้น พ่อจงหมั่นดำริห์ตริตรองแล้วแลประพฤติตามจงทุกประการ  เมื่อพ่อเจริญขึ้นโดยลำดับแล้ว  จะได้เปนที่พึ่งของแม่ในภายหน้า ในที่สุดโอวาทของแม่ฉบับนี้ แม่ขอบอกแก่พ่อผู้เปนลูกที่รักแลที่หวังความสุขของแม่ให้ทราบว่าตัวแม่นี้เปนมนุษย์ที่อาภัพ มักจะได้รับแต่ความทุกข์อยู่เปนเนืองนิจ แม่มิได้มีอันใดซึ่งจะเปนเครื่องเจริญตาเจริญใจอันจะดับทุกข์ได้ นอกจากลูก เมื่อเวลาที่พ่ออยู่กับแม่แต่เล็กๆมา ถึงหากว่าแม่จะมีความทุกข์มาสักเท่าใดๆ เมื่อแม่ได้เห็นหน้าลูกแล้วก็อาจจะรงับดับเสียได้ด้วยความรักแลความยินดีของแม่ในตัวลูก ก็ในเวลาซึ่งพ่อไปเล่าเรียนในประเทศยุโรปนี้ พ่อจงรู้เถิดว่า ข่าวความงามความดีของพ่อนั้นแลจะเปนเครื่องดับความทุกข์ของแม่ ถ้าพ่อรักแม่ก็จงสงสารแม่ อย่าทำให้เสียความรักของแม่  แลอย่าประพฤติชั่วนอกคำสั่งสอนของแม่ จงตั้งหน้าเล่าเรียนให้ได้รับความรู้โดยเร็ว จะได้กลับมาหาแม่โดยไม่นานปี
(๑) คือสมเด็จกรมพระสวัสดิ์วัตนวิศิษฎ
(๒) เปนที่ปรึกษาราชการ  ต่อมาได้เปนเจ้าพระยาอภัยราชา  ครั้งนั้นทูลลากลับไปเยี่ยมบ้านเมือง  จึงโปรดฯ ให้เปนผู้ดูแลทูลกระหม่อมแลนักเรียนไทยไปในเวลาเดิรทาง
(๓) คือพระบาทสมเด็จฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เวลานั้นเสด็จดำรงพระยศเปนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ยังทรงศึกษาอยู่ในยุโรป
 พระนิพนธ์ที่สุด ลายพระหัตถ์ประทานพระพรในวันประสูติกรมพระยาดำราชานุภาพ
  เชิงอรรถ 
  ที่มา 
สุขุมาลนิพนธ์ พระนิพนธ์กาพย์กลอนแลร้อยแก้วของ สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต โปรดให้พิมพ์เนื่องในการทรงบำเพ็ญพระกุศลสนองพระคุณสมเด็จพระชนนี เมื่อพระศพครบปัญญาสมวาร ณ วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๐ โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร
(ขอขอบคุณ คุณพิกุลแก้ว สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน)