โคลงนิราศตลาดเกรียบ

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 13:34, 15 ตุลาคม 2552 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: พระเทพโมลี (กลิ่น)

พ. ณ ประมวญมารค ทรงตั้งข้อสังเกตไว้ในหนังสือประชุมนิราศคำโคลงว่านิราศเรื่องนี้ชื่อว่านิราศตลาดเกรียบ หากในโคลงระบุปลายทางไว้ว่าเป็นเพนียดคล้องช้าง นอกจากนี้โคลงบทสุดท้าย ผู้ประพันธ์บอกว่าตัวเองไปในราชการคล้องช้างคราวนี้ด้วย ซึ่งผิดวิสัยพระสงฆ์เช่นพระเทพโมลี จึงทรงเห็นว่าผิดทั้งชื่อเรื่องและชื่อผู้ประพันธ์

บทประพันธ์

๏ สงสารพิโยคเนื้อนวลหงส์
รอยพี่บากเบียฬบงกชแก้ว
กับเรียมจึ่งจากจงสังวาศ
สังเวศวันพี่แคล้วคลาศเคล้าสงสาร ฯ
๏ ขืนใจจากท่าน้ำเรือถอย
สั่งท่าราเรือลอยท่าน้อง
ท่าจุงท่านางคอย ฟังข่าว
ท่าก็ขานคำพร้องพร่ำช้ำใจทวี ฯ
๏ นาวาคลาคลาศเต้าตามคลอง
ถึงถิ่นคำเปลวทองทุ่มค้อน
ทุมทรวงสุดสมรปองปางทุ่ม ทองนา
อกจะหักเป็นท่อนแทบกลั้นกลัดใจ ฯ
๏ คำเปลวแผ่แผ่นไว้วางขาย
แผ่นมาศภักตร์เหมือนหมายแม่ยิ้ม
สงสารสุดเสียดายผิวผ่อง พี่เฮย
ผิวพิมลงามปิ้มแปดน้ำคำเปลว ฯ
๏ ดอกไม้คลองชื่ออ้างอาราม
ถวอลดอกไม้นางงามเงื่อนแย้ม
ดอกสวรรค์วิเศษทรามส่งกลิ่น หอมฤๅ
โอ้พี่ไกลกลิ่นแก้มดอกไม้ฤๅเหมือน ฯ
๏ ถึงวัดอาวาศไว้นามหงส์
หงส์ดั่งหงสมรพงศ์พี่ร้าง
งามลักษณหงส์ทรงเสมอแม่ งามฤๅ
เห็นแต่วัดหงส์อ้างพี่โอ้อาดูร ฯ
๏ ถั่นถั่นถึงถิ่นท้ายตลาดแล
พิศตลาดตลึงแพพ่วงไม้
สินค้าสิ่งของแออัดอยู่
เปล่าแต่อกเรียมไร้ราศร้างทางเกษม ฯ
๏ ปากคลองคลองน้ำเชี่ยวโชนฉาน
ป่วนป่วนเป็นนวลวาลวาบว้ำ
น้ำหน้านักคือธารแทงฝั่ง
ใจพี่ป่วนปานน้ำนึกน้องเวียรวล ฯ
๏ เมิลเมืองหมายช่องป้อมปืนมี
รอยรอบรับไพรีรอบล้อม
ปืนโศกสุดแสนทวีโทรมเทวศ
ป่วยดั่งปืนพาดป้อมปักแย้งยิงทรวง ฯ
๑๐
๏ วัดแจ้งหวังแจ้งรักษ์เรียมถวิล
ค่อนคิดข่าวข้อยินข่าวน้อง
บัวบงกชโกมินกมุทมาศ เรียมเอย
ใครจะแจ้งข่าวพร้องพร่ำให้เรียมฟัง ฯ
๑๑
๏ .....................ท่าธารชล
เรือเพียบพอพายคนข้ามน้ำ
..........................เจียนล้ม
ใจพี่เพียบเพียงขว้ำจากเจ้าหนักใจ ฯ
๑๒
๏ .....................เจ้าจอมปราน
เอาเชตุพนพิศาลเศกไว้
สรวมชีพช่วยแบ่งบุญช่วย สัตว์รา
เศกสุขศรีสวัสดิให้ร่วมห้องเป็นเกษม ฯ
๑๓
๏ พระฉนวนตำหนักน้ำนฤมล
พ่างพิชยไพชยนต์หยาดฟ้า
ถนัด......................เสด็จราช
เจ้าจะเคร่าครวญถ้าพี่เพี้ยงแพฉนวน ฯ
๑๔
๏ ถึงวัดบางว้าหวั่นใจหวาม
ใจระว้าระวังความพี่เศร้า
ยามยืนนั่งนอนยามยูรยาตร ก็ดี
เจ้าจะเปลี่ยวใจเจ้าพี่ว้าเหว่ใจ ฯ
๑๕
๏ อาวาศวิศษสร้างสมญา
บรเมศรรมหาธาตุเจ้า
ถวายมือต่างมาลาลงกต
เดชพระธาตุทูลเกล้าช่วยคุ้มภัยสมร ฯ
๑๖
๏ กอกน้อยคลองชื่ออ้างมีนาม
ชลพุ่งไหลชนหลามวนวิ่ง
ในจิตรพี่คิดหวามหาอ่อน อ่อนเอย
ใจพี่เจ็บเจ็บยิ่งจากน้องไกลนาง ฯ
๑๗
๏ ถึงประโคนคิดคู่ร้างแรมหึง
เคยพี่เคล้าคลอคลึงคลี่ยิ้ม
สงสารพิโยคตรึงตราอก เรียมรา
คือประโคนเข็นลิ่มสุดรื้อแรงถอน ฯ
๑๘
๏ วัดนี้จอมนาถไท้อวยนาม
สังเวตวิทยารามชื่ออ้าง
อย่าคืดอย่าควรขามห่อนสัง เวศเอย
นอมประนดฤๅว้างอ่อนเกล้าดุษฎี ฯ
๑๙
๏ ยี่ขันเขตขอบบ้านนามบาง
โรงเหล้าเตาเพลิงกลางกลั่นไว้
ผิเพลิงจุดใจพลางพลันดับ
ดับหายเหือดได้แต่ร้อนเรียมคนึง ฯ
๒๐
๏ บางจากดุจจากเจ้าจำจร
จากสนิทจากถนอมกรกอดเกื้อ
จากรักษ์จากภิรมย์รอนแรมรศ
จากนุชจากนิ่มเนื้อจากหน้านวลผจง ฯ
๒๑
๏ ดลสถานบ้านเพียบผู้คนหลาย
ฉนังชื่อใครไฉนรายใคร่รู้
คิดเคยเสพกระยาสายสมรร่วม
รายดั่งแรมรศชู้ฉุกร้อนรายทาง ฯ
๒๒
๏ สามเสนสามเส้นส่อสายสินธุ์
สามชั่วลึกลงดินดิ่งน้ำ
เสนหาภิรมย์ถวิลหวังหยั่ง ได้ฤๅ
ลึกยิ่งสามโยชน์ก้ำรักแก้วแรมไกล ฯ
๒๓
๏ เห็นหีบหีบอ้อยบิดเบียดกัน
ทุกข์พี่เบียนใจฉันหีบอ้อย
รื่นรื่นรศเอมอันไหลหลั่ง ลงนา
หลั่งดั่งไหลหลั่งย้อยหยาดน้ำตาตรอม ฯ
๒๔
๏ บางพลัดบาปพรากโอ้อาลัย
เพรงพรากเนื้อนกไกลคู่เคล้า
ทันทำโทษสนองไปปานพราก เขานา
บางพลัดเหมือนพลัดเจ้าพรากเจ้าจอมสมร ฯ
๒๕
๏ บางพลูมือแม่ม้วนพลูทอง
ถนัดว่าพลูสอดซองใส่ไว้
เจ็บจิตจากมาหมองมือแม่ ไกลนา
ใครจะเจียนจีบให้พี่แม้นมือนาง ฯ
๒๖
๏ ลุแหลมบางซื่อเลี้ยวแลคาม
บางบซื่อเสมอนามพี่พร้อง
แสนซื่อสุดพยายามเยาวซื่อ ต่อนา
สัตย์พี่ซื่อต่อน้องนึกน้องนางเดียว ฯ
๒๗
๏ บางโพบเห็นต้นโพทอง
ฤๅว่าโพหม่นหมองเหี่ยวแห้ง
ไร้ผู้บำรุงสนองใบเศร้า โรยเอย
ฤๅใครโกรธหากแย้งยื้อให้โพเฉา ฯ
๒๘
๏ โพงพางกางข่ายอ้าเอาปลา
สบหมู่สัญจรมาติดต้อง
กำพรากจากเสน่หามาห่าง
ข่ายดั่งข่ายรักษ์ข้องรักษ์ค้างเรียมเคือง ฯ
๒๙
๏ บางซ่อนกลซ่อนร้อยรัญจวน
รักษ์พี่ซ่อนรักษ์สงวนสู่เจ้า
ซ่อนทุกข์ซ่อนทวีครวญครองเทวศ
ซ่อนเงื่อนเบือนหน้าเศร้าซ่อนหน้าคนึงหลัง ฯ
๓๐
๏ บางเขนเข็ญด้วยย่านยาวไกล
เขนพี่เจ็บเข็ญใจจากเจ้า
บางเขนขุกเข็ญไฉนนามชื่อ เข็ญนา
เขนดั่งเข็ญเคืองเศร้าซ่อนหน้าคนึงหลัง ฯ
๓๑
๏ อารามนามวัดสร้อยองถวิล
สานสอิ้งเอวยุพินท์ผูกร้อย
ประดับประดิทินทุกเมื่อ
ทองประจำยามห้อยห่างให้คนึงโหย ฯ
๓๒
๏ มาลุตลาดด้าวแสนสวน
ใดบเห็นแห่งครวญว่าแก้ว
แก้วตาพี่สุดสงวนงามเสงี่ยม
เหมือนมนินวลแผ้วผ่องร้างเรียมตรอม ฯ
๓๓
๏ วัดสลักแสนสลักโอ้อกกรม
วัดวิหารสลักสมชื่อนั้น
อาทรทุกข์ระทมทนเทวษ
โศกสลักอกอั้นอิดเอื้อนเตือนตาย ฯ
๓๔
๏ วัดเขียนคิดแบบหน้านางสม
เขียนใส่แผ่นทองชมค่ำเช้า
ดวงหน้าติดตากรมใจผูก พี่นา
ถนัดดั่งเห็นหน้าเจ้าวาดไว้ชมตาง ฯ
๓๕
๏ ไม้ริมจรลิ่งน้ำแนวโคลน
ลำลัดลมพัดโยนยอดโย้
จะโอนก็จุ่งโอนเอนทับ เถิดรา
ตายพี่ยอมตายได้อยู่ร้างฤๅเสบย ฯ
๓๖
๏ ตลาดขวัญขวัญอื่นอ้างออกนาม
ถนัดว่ามิ่งขวัญตามพี่เต้า
ความทุกข์ใหญ่ความขวัญเนตร พี่เอย
ใครจะรับขวัญเจ้าปลอบน้องถนอมขวัญ ฯ
๓๗
๏ เมืองนนทบูเรศร์เรื้อรังเรือน
เมืองบเป็นเมืองเหมือนดั่งบ้าน
เวราติดตามเตือนตัดสวาท เรียมฤๅ
หน้าบเป็นหน้าม้านหม่นไหม้มัวหมอง ฯ
๓๘
๏ บางแพรกแยกน่านน้ำแนวคลอง
ใจพี่แยกเป็นสองแพรกด้วย
ฤๅหนึ่งใคร่ใจครองชีวิต ไว้รา
ฤๅหนึ่งนึกคนึงม้วยอยู่ร้อนแรมไกล ฯ
๓๙
๏ วัดแดงแจ้งว่าวัดโปราญ
ร้างรามาช้านานก่อนโพ้น
มีผู้ประดิษฐ์สถานก่อสร้าง ไว้นา
ครั้งกรุงเก่าก่อนโน้นเริศร้างกลางคัน ฯ
๔๐
๏ เขมาอาวาสไว้ตรานาน
เขจรจวบสถานที่นี้
เรือพายพายฉ่าฉานเร็วยิ่ง เร็วนา
หยุดเสียหน่อยแล้วพี่คลายร้อนจึ่งไป ฯ
๔๑
๏ วัดเฉลิมพระเกียรติท้าวทรงธรรม์
ไว้ชั่วกัลปาอันห่อนสิ้น
เป็นหลักแห่งเมืองนันทบูเรศ นั้นนา
พระเดชดั่งแผ่นดินสิ้นอยู่ยืนหมื่นแสน ฯ
๔๒
๏ คล้ายคล้ายใจพี่แคล้วคลอคลึง
หลับละเมอฝันถึงนิ่มน้อง
คิดคิดยิ่งคำนึงโหยเสน่ห์ อ่อนเอย
คิดใคร่กลับเรือล่องรับน้องไปสม ฯ
๔๓
๏ ธรณีบางบอกด้าวดำบล
ถวิลชื่อดินดาลฉงนอยู่ยั้ง
จากรักษ์หนักใจจนจวบชีพ
หนักดั่งดินทับทั้งแผ่นพื้นภูมิสถาน ฯ
๔๔
๏ เรือคลอนโคลงคลื่นคลุ้มใจหวล
หวลสวาทหวาดใจจวนจวบไข้
ราพายพัดแทงทวนนาเวศ
เหมือนจะเบือนใบ้ให้กลับหน้ามาสม ฯ
๔๕
๏ เห็นคลื่นคล้ายคล้ายคลั่งคลอธาร
แลระลอกระลุงลาญล่มหล้า
คงคาฉ่าฉานฉานชุดคลื่น
เพียงพี่คลั่งเป็นบ้าบอบช้ำจำไกล ฯ
๔๖
๏ โตรดตรอมมาเข้าเตร็จตราใจ
ข้ามเขตคนอาศัยอยู่สร้าง
ปากเตร็จเตร็จหนใดใครเตร่ เตร็จฤๅ
โอ้พี่เตร็จเตร่ร้างร่วมห้องคนึงหา ฯ
๔๗
๏ บางพูดถึงพี่เพี้ยงพาที
แถลงทุกข์ทรมามีหมื่นไหม
บางพูดดุจปรานีพูดเพื่อน เรียมรา
แว่วว่าสายสมรได้พูดด้วยเรียมขาม ฯ
๔๘
๏ บางภูตภูตขุ้มฝากของฝัง
ขุมทรัพย์อันใดยังอยู่เฝ้า
สายสมรแม่อยู่หลังลับเนตร
ใครคุ้มครองเจ้าพี่ไว้ใจใคร ฯ
๔๙
๏ คูวัตร์วัดขุดขั้นคูขรร
ขอบเขื่อนมีสำคัญเขตล้อม
จงรักษ์จำแรมขวัญวายรักษ์ เจ้าฤๅ
รักษ์พี่เพียงคูข้องเขื่อนแก้วกันโฉม ฯ
๕๐
๏ อกใจเจ็บปวดปิ้มเป็นหนอง
หลั่งหลั่งเลือดตานองเนื่องน้ำ
ถึงภังคนิคมหนองสมรพี่ พังฤๅ
อกพี่ฟกพองช้ำชอกเพี้ยงพังตาย ฯ
๕๑
๏ บ้านใหม่ใหม่หนึ่งเนื้อนางถนอม
ใหม่ใหม่หมายอยู่ออมอุ่นข้าง
โอ้แก้วกับใจจอมจากอก อกเอย
ใหม่ไม่ถึงขวบค้างขาดหน้านวลสงวน ฯ
๕๒
๏ ตลาดคามนามเนื้อเชือดชุกอง
พิศตลาดหลากเลวของแม่ค้า
ของนางอำนวยปองปันฝาก มาพี่
รศดั่งโอรสฟ้าเฟื่องมลิ้มโลมใจ ฯ
๕๓
๏ ประเทศท้องคุ้งชื่อเกรียนสวาย
สาวยว่าม่วงเรียมหมายม่องไม้
เกรียนโกรนกิ่งใบวายผลช่อ เกรียนฤๅ
คิดระดูเคยได้ม่องเจ้าเจียนผจง ฯ
๕๔
๏ บางเดื่อผลเดื่อแท้ทุมพร
งามแต่นอกในหนอนบ่อนเหน้า
บำราชภิรมย์สมรเสมอชีพ พี่เอย
งามรูปงามใจเจ้าเดื่อต้นต่างกัน ฯ
๕๕
๏ ดลดำบลชื่อบ้านบางหลวง
เชียงรากร้อนรลุงลวงลอกไหม้
เขาหลวงทุมกระทบทรวงแสนคาบ ก็ดี
ยังไป่ป่วยปานไข้เจ็บด้วยจากนาง ฯ
๕๖
๏ กระแชงชนบทตั้งตามแนว
ฝั่งนธีธารแถวท่งขั้น
หนึ่งภักตร์พิศหวนแววสายสวาท มาฤๅ
ฤๅกแชงแส้งกั้นกีดหน้านางขนาง ฯ
๕๗
๏ นาวาประเวศวุ้งวารีย์
สามโคกสำคัญมีหมู่เหย้า
สามยามย่ำยามทวีวอนฝาก
สามสุรารักษ์เจ้าสั่งเจ้ายามสาม ฯ
๕๘
๏ หญิงร้ายชายชู้ชอบชังผัว
งิ้วแง่กรดกรีดตัวไต่ต้อง
บ้านงิ้วคิดขยาดกลัวหนามแง่ งิ้วรา
จากพี่เชื่อใจน้องนิ่มเนื้อไกลหนาม ฯ
๕๙
๏ เดินโดยชลมารคด้าวดลสถาน
บ้านชื่อกระบือพาลพี่ช้ำ
เออนงคนาถนานคนึงเจ็บ ใจนา
คือกระบือเขาซ้ำเสี่ยวแล้วหลายปาง ฯ
๖๐
๏ รอนรอนสุริเยศวร์เจ้ายอแสง
เพียงพี่สิ้นสุดแรงร่ำร้อง
เดือนดาวเด่นดวงแสดงดาษเมฆ
ดูดั่งดวงหน้าน้องแนบหน้าเสน่หา ฯ
๖๑
๏ จำเนียรนับหนึ่งโอ้สองยาม
สี่ย่ำกำศรวลสยามย่ำฆ้อง
............ราชคามคับคั่ง อกเอย
ถนัดว่าขวัญเนตรน้องพี่เพี้ยงภายหา ฯ
๖๒
๏ ราชคามนามเกาะกั้นกลางหน
สายกระแสสินธุ์ดลสี่ด้าน
เพรงราชรื้อเกาะถกลเป็นราช คามฤๅ
เพียงพี่รื้อการบ้านจากบ้านมาหมอง ฯ
๖๓
๏ ชลจรเจนน้ำนับแสนไสว
คล่ำคล่ำดำกลิ่นไคลเคลื่อนคล้อย
คล้ายคล้ายว่ายไวไวแสวงคู่
โหยพี่เห็นปลาน้อยเนตรน้ำตาตาง ฯ
๖๔
๏ เพยนทองแลเลื่อมแพร้วทองพราย
ตาพี่พิศเพียรหมายมุ่งน้อง
ฉิมโฉมเฉิดฉวีกายกลทาบ ทองนา
เห็นแต่เพียนผุดพ้องพี่เพี้ยงขาดใจ ฯ
๖๕
๏ เทภาพาตระภากผ้ายผันจร
เพียงภาคย์พิมลสมรแม่ผ้าย
นวลจันทน์หวั่นอาวรณ์หวังเหยื่อ
โอ้พี่แปลกปลาคล้ายหนุ่มหน้านวลจัน ฯ
๖๖
๏ หลาดหล้ายกรายแซกซ้อนเสียดสน
มลักว่ากรายกรถกล กอดเกื้อ
เนื้ออ่อนแอบแอ่งชลเชยหาด
ถนัดดั่งอ่อนอ่อนเนื้อแนบเนื้อเชยโฉม ฯ
๖๗
๏ คางเบือนเบือนหน้าฝีกแฝงหลัง
เพียนภักตร์ภาคย์เบือนบังเมียดหน้า
กระสงระเสรีดดังเสือกว่าย
เสียวดษณท์ทรงส้ารโสรกร้อนรนถวิล ฯ
๖๘
๏ แก้มช้ำฉุกว่าแก้มเกสร
เกรียกภมรเขจรจู่ย้ำ
สลิดสลุมภรแผกเพื่อน ตนนา
แสนสลดใจช้ำชอกเศร้าศรีสลาย ฯ
๖๙
๏ คระแหคระโห้ฮุบเหหวล
เห็นคระโหนแดดวนด่าวดิ้น
สวายว่ายสวิงครวญสังวาศ
สังเวชสายสวาทสิ้นสุดรู้เรียมคนึง ฯ
๗๐
๏ กดกาตะโกกเฟื้อยเฟือยแฝง
ช่อนชะโดดลแปลงปลักเฝ้า
ซิวสร้อยสูบเสือแขยง..........
เมิลมัจฉาใช่เจ้าจากเจ้าตรอมใจ ฯ
๗๑
๏ กุมภิลสุรภาพท้องทางสินธุ์
สพสัตวเสพยวารินเร่เร้น
แฝงฟาดมาศยากินเป็นเหยื่อ
แตกคลื่นตื่นระลอกเต้นแตกเต้นทรวงเรียม ฯ
๗๒
๏ กรรกฎกางก้ามร่ายริมเฉนียน
เล็มล่าอาหารเวียนหวาดคุ้ง
ลงปล่องช่องชายเดียรถ์โดยด่วน
กอยและเต่าเหล่ากุ้งลากก้ามตามธาร ฯ
๗๓
๏ เห็นดลด่นด่วนดั้นดำหนี
หวั่นระไวไพรีลาศมล้าง
กลจากจำเนียรศรีเสาวภาคย์ เรียมเอย
ร้อนอริรอบข้างคิดหน้าระวังหวัง ฯ
๗๔
๏ กาน้ำดำน้ำเพื่ออาหาร
เซงกระสาผสานสารแสรกร้อง
กะทุงเลียบลอยขนานแนวฝั่ง
ยางเจ่าจับเจ่าจ้องพี่จ้องใจถวิล ฯ
๗๕
๏ ชลลงชลหาดแห้งเห็นทราย
เพียงทิพากรผายผ่าวหล้า
หาดกูนเกิดเป็นอายโอ้อก เรียมเอย
ร้อนดั่งหาดเดือนห้าหอบแห้งโหยตรอม ฯ
๗๖
๏ ลาญเทเททุ่มทิ้งทุกข์ทับ
เทนับสุชลทรับฤๅสิ้น
ความเทวศฤๅไป่ลับเหือดได้ นาแม่
เททุกข์ทับอกดิ้นฤๅเทไปสูญ ฯ
๗๗
๏ แนวน้ำกำหนดคล้อยคลองไหล
นามชื่อคลองบางไซสืบสร้อง
หันถึงเทศกาลไพศรภสู่ นานนา
เพียงพี่สมสู่ห้องห่างห้องมาโหย ฯ
๗๘
๏ ชาวนาอเนกเกื้อการตน
ออกไร่ไปแขกขนฟ่อนข้าว
แสนร้องสุดแรงรนเร็วช่วย เรียมรา
โอ้บ่อเห็นแขกเต้าช่วยร้อนเรียมเลย ฯ
๗๙
๏ มาเลยลุบ้านดาบดำบล
เจ็บจรเทิญทุกข์ทนเท่าฟ้า
วันจากพรากนฤมลมาโนช เรียมเอย
ถนัดดั่งดาบคมกล้าบั่นเกล้าเด็ดดาย ฯ
๘๐
๏ เกาะเกิดเกิดที่ท้องธารไหล
เกิดแต่ป่างใดในนับต้น
ป่างเกิดทุกข์ภายในกำหนด
วันวิโยคมาพ้นสายสร้อยสานสมร ฯ
๘๑
๏ คนึงโฉมโฉมแม่อ้างอัปษร
ฤๅสุเรนทรเศกสมรสู่หล้า
เห็นเกาะอรอินถอนใจใหญ่ อยู่แม่
เกาะใช่โฉมนางหน้าใคร่กลั้นใจตาย ฯ
๘๒
๏ บ้านแป้งแป้งแก้วเกล็ดเกลานวล แม่ฤๅ
รำลึกแป้งหอมหวลกลิ่นเจ้า
อยู่หลังนั่งนอนครวญใครปลอบ
โอ้พี่เสียศรีเศร้าเสื่อมแป้งทาธาร ฯ
๘๓
๏ เกาะพระพระอยู่ที่ใดบเห็น
ฤๅเกาะนี้นานเป็นชื่ออ้าง
เรียมทุกข์จากมาเข็ญใจเศร้า อยู่นา
เดชผลบุญสร้างได้น้องมาสม ฯ
๘๔
๏ กระดีสุหนี่ตั้งต่อมา
มีนามกรปรากฏชื่อ
ตะเกี้ยนามสมยาชื่อตั้ง
แขกนาประเทศอื้ออวดอ้างอกุศล ฯ
๘๕
๏ ตะเคียนคลองชื่ออ้างมีใน
แลบเห็นตะเคียนไหนใคร่รู้
ฤๅตะเคียนอืนใจยิ่งคิด คิดนา
ฤๅหนึ่งนามคลองผู้กล่าวไว้พอเห็น ฯ
๘๖
๏ โปรดสัตว์สพสิ้นแล้วฤๅหลอ
โปรดชนขนข้ามอรนพพื้น
โปรดดับให้เรียมหร้อเสื่อมเทวศ
โปรดประชาให้ชื้นฝากฟ้าสรวงสวรรค์ ฯ
๘๗
๏ ป้อมเพชรวางตรงช้องคลองมี
รับศึกกันไพรีย์รอบกั้น
เป็นหลักแห่งกรุงศรียุทธเยศ
มีแม่น้ำขวางคั่นหมู่เสี้ยนศัตรู ฯ
๘๘
๏ วัดเชิงกลชื่อแท้โดยตรา
พระมหัลกายาใหญ่ยิ่ง
เป็นที่จีนไปมาแวะขึ้น ไหว้เอย
คำรพถอดติ้วทิ้งไม้แล้วเสี่ยงทาย ฯ
๘๙
๏ เข้าสารคลองชื่ออ้างนานมี
ฤๅเห็นใครสีเข้ากล้อง
เริศร้างร้างหลายปีนานยิ่ง นานเอย
เปล่าเหมือนอกเรียมข้องไกลน้องมาเมือง ฯ
๙๐
๏ สุวรรณดารามเจ้าปัตพี
เป็นที่ชัยภูมิดีก่อนโพ้น
โบราณกล่าวมามีสังเขป
ครั้งกรุงแต่ก่อนโน้นบ้านตั้งเดิมสถาน ฯ
๙๑
๏ มระฎพอยู่ที่ใดเรียมเหลียว แลนา
ฤๅเห็นแต่สักองค์เดียวหนึ่งน้อย
ใจพี่คิดหวิดเสียวหวังเสน่ห์
เห็นแต่แหวนติดก้อยพี่ด้อยคลายถวิล ฯ
๙๒
๏ ทางแยกแควหนึ่งไปพระฉาย
ใจพี่คิดคนึงสายสมรแม่
ทางที่จักผันผายแควหนึ่ง น้องเอย
คิดใคร่คืนสมแล้ชุกติดการหลวง ฯ
๙๓
๏ ต้องหักห่วงเทวศไห้โหยหา
เพื่อพระจอมนัครากล่าวอ้าง
จะทอดทัศนาชมคช ลักษณ์เอย
หวังจะค้นคล้องช้างเสวตรไว้เป็นเฉลิม ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

ประชุมนิราศคำโคลง รวบรวมโดย พ. ณ. ประมวลมารค พิมพ์ครั้งแรก กันยายน ๒๕๑๓ แพร่พิทยา

เครื่องมือส่วนตัว