นิราศหนà¸à¸‡à¸„าย
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
การปรับปรุง เมื่อ 10:38, 7 ตุลาคม 2552 โดย CrazyHOrse  (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
				
			เนื้อหา | 
ข้อมูลเบื้องต้น
ผู้แต่ง: หลวงพัฒนพงศ์ภักดี (ทิม สุขยางค์)
บทประพันธ์
| ๏ จะเริ่มเรื่องเมืองหนองคายจดหมายเหตุ | ในแดนเขตเขื่อนคุ้งกรุงสยาม | ||
| บังเกิดพวกอ้ายฮ่อมาก่อความ | ทำสงครามกับลาวพวกชาวเวียง | ||
| ซึ่งเจ้าเมืองเขตขัณฑ์ตะวันออก | ก็แต่งบอกเขียนหนังสือลงชื่อเสียง | ||
| ในเขตแดนหนองคายเมืองรายเรียง | เมืองใกล้เคียงบอกบั่นกระชั้นมา | ||
| ว่าล้วนพวกอ้ายฮ่อทรลักษณ์ | ประมาณสักสามพันล้วนกลั่นกล้า | ||
| เที่ยวรบปล้นขนทรัพย์จับประชา | ลาวระอามิได้อาจขยาดกลัว ฯ | ||
| ๏ สมเด็จพระปรมินทร์บดินทร์เดช | ซึ่งปกเกศร่มเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||
| สดับเรื่องเมืองบนกระมลมัว | ศึกพันพัวราษฎร์ประเทศในเขตคัน | ||
| ด้วยไพร่บ้านพลเมืองจะเคืองขุ่น | ทรงการุญราษฎรคิดผ่อนผัน | ||
| เชิญสมเด็จเจ้าพระยาปรึกษาพลัน | พร้อมด้วยพันธุพงศ์พระวงศ์วาน | ||
| เห็นแต่เจ้าพระยามหินทร์เคาซิลลอ | เป็นเนื้อหน่อพงศ์เผ่าเหล่าทหาร | ||
| พอจะเป็นแม่ทัพรับราชการ | ที่รำคาญขุ่นข้องเมืองหนองคาย | ||
| แล้วจัดพระยา, พระ, หลวงทั้งปวงอีก | ให้เป็นปีกซ้ายขวาทัพหน้าหลาย | ||
| ทั้งเกณฑ์เลขสมฉกรรจ์พันทนาย | ทั้งเลขจ่ายตามกรมระดมกัน | ||
| เกณฑ์เลขทาสทั้งที่มีค่าตัว | ดูนุงนัวนายหมวดเร่งกวดขัน | ||
| ผู้ที่เป็นมุลนายวุ่นวายครัน | บ้างใช้ปัญญาหลอกบอกอุบาย | ||
| ว่าตัวทาสหลบลี้หนีไม่อยู่ | ข้างเจ้าหมู่เกาะตัวจำนำใจหาย | ||
| ที่ตัวทาสหนีจริงวิ่งตะกาย | ทำวุ่นวายยับเยินเสียเงินทอง | ||
| เกณฑ์ขุนหมื่นขึ้นใหม่ในเบี้ยหวัด | ขุนหมื่นตัดเกณฑ์ตามเอาสามสอง | ||
| ท่านนายเวรเกณฑ์กวดเต็มหมวดกอง | เอาข้าวของเงินตราปัญญาดี | ||
| เหล่าพวกขุนหมื่นไพร่ต้องไปทัพ | ที่มีทรัพย์พอจะจ่ายไม่หน่ายหนี | ||
| สุ้จ้างคนแทนตัวกลัวไพรี | ที่เงินมีเขาไม่อยากจะจากจร ฯ | ||
| ๏ ฉันจำร้างห่างมิตรขนิษฐ์นาฏ | หวานสวาทด้วยจะร้างห่างสมร | ||
| แสนถวิลจินดาด้วยอาวรณ์ | สะท้อนถอนฤทัยอาลัยครวญ | ||
| กางกรประคองกอดแม่ยอดรัก | พิศพักตร์สาวน้อยละห้อยหวน | ||
| นึกก็น่าใจหายเสียดายนวล | ด้วยจำด่วนจากนางไปห่างเรือน | ||
| แสนสงสารแต่พธูจะอยู่เดียว | นึกเฉลียวอาลัยใครจะเหมือน | ||
| พึ่งอยู่กินด้วยพี่สักสี่เดือน | จะจากเพื่อนพิศวาสแทบขาดใจ | ||
| ครั้นเห็นน้องนองเนตรสังเวชจิต | นึกหวนคิดว่าจะเบือนเชือนไถล | ||
| จะบอกป่วยเสียให้มากไม่อยากไป | กลัวจะไม่เป็นธรรม์กตัญญู | ||
| นายมีกิจควรคิดเอาตัวรอด | คนจะย้อนค่อนขอดได้อดสู | ||
| ต้องจำใจจำร้างห่างพธู | จงเชิญอยู่ให้เป็นสุขสนุกดี | ||
| อย่าร้องไห้จะเป็นลางจงสร่างโศก | อย่าวิโยคนักน้องจะหมองศรี | ||
| แม้นตั้งใจไว้ท่าไม่ราคี | นั่นแลมีความชอบฉันขอบใจ ฯ | ||
| ๏ ถึงวันพุธเดือนสิบแรมแปดค่ำ | เป็นวันอำมฤตโชคโฉลกใหญ่ | ||
| ณ ปีกุนสัปตกศกจะยกไป | จำครรไลโลมลาสุดาดวง | ||
| น้ำตาไหลพรากพรากออกจากห้อง | เหลียวดูน้องใจหายไม่วายห่วง | ||
| ค่อยแข็งขืนฝืนอารมณ์ที่ตรมทรวง | แล้วเลยล่วงอำลาแม่อาพลัน | ||
| ท่านก็ร่ำอวยชัยให้เป็นสุข | อย่ามีทุกข์อันตรายทางผายผัน | ||
| สวัสดีมีชียพ้นภัยยัน | เมื่อกลับนั้นจงเป็นสุขสิ้นทุกข์ร้อน | ||
| ลงจากเรือนเบือนดูแม่คู่ชื่น | ถอนสะอื้นโหยไห้ฤทัยถอน | ||
| สละรักหักใจอาลัยวรณ์ | ฝืนใจจรรีบเดินเมินไม่มอง | ||
| มาครู่หนึ่งถึงสถานบ้านเจ้าคุณ | กำลังวุ่นผู้คนเขาขนของ | ||
| ฉันฝืนพักตร์เข้าฝาน้ำตานอง | ใจสยองยิ่งสลดระทดระทม | ||
| แสนคะนึงภึงมิตรพิศวาส | ใจจะขาดลงด้วยร้างห่างคู่สม | ||
| ค่อยแข็งขืนกลืนน้ำตาหักอารมณ์ | ครั้นวายตรมแล้วมานั่งคอยฟังการ | ||
| คนพร้อมพรั่งนั่งรอหน้าหอใหญ่ | ทั้งพวกไพร่เหล่าพหลพลทหาร | ||
| บ้างขนเสบียงลงเรือเกลือน้ำตาล | ทั้งข้าวสารข้าวตากและหมากพลู | ||
| ของเจ้าคุณขนเนื่องทั้งเครื่องใช้ | คนขนไม่หยุดหย่อนร้องอ่อนหู | ||
| เกินจะพรรณนาเหลือตาดู | เครื่องควาหวานมีอยู่ก็มากครัน | ||
| เครื่องอาวุธสารพัดท่านจัดซื้อ | ล้วนเครื่องมอรบทัพดูขับขัน | ||
| ซื้อเสื้อหมวกแจกจ่ายเป็นหลายพัน | ล้วนแพรพรรณสักหลาดสะอาดตา | ||
| ลงทุนซื้อของมีบัญชีเสร็จ | สักร้อยเจ็ดสิบชั่งก็ยังกว่า | ||
| เครื่องหน้าไม้เครื่องมือซื้อเอามา | ทั้งมีดพร้าจอบเสียบก็เตรียมการ | ||
| และท่านทำแวนเพชรสิบเอ็ดวง | หวังใจจงแจกจ่ายนายทหาร | ||
| ที่ไม่คิดย่อหย่อนเข้ารอนราญ | ใครทำการศึกสำเร็จบำเหน็จมือ | ||
| ทั้งเสื้อผ้าสารพัดท่านจัดครบ | ถ้าใครรบจริงจริงไม่วิ่งตื๋อ | ||
| เข้าตีข้าศึกแยกให้แตกฮือ | จดเอาชื่อแล้วจะได้ให้รางวัล ฯ | ||
| ๏ ครั้นบ่ายสามโมงถ้วนจวนจะฤกษ์ | เอิกเกริกไพร่นายเตรียมผายผัน | ||
| พอสมเด็จเจ้าพระยาท่านมาพลัน | เจ้าคุณนั้นออกมารับคำนับกาย | ||
| พร้อมสมณพราหมณาโหราศาสตร์ | นั่งเกลื่อนกลาดเคียงขนานประมาณหลาย | ||
| พนักงานตั้งเตียงไว้เรียงราย | ที่อาบสายชลธาร์เบญจางาม | ||
| เจ้าคุณแม่ทัพคำนับน้อมสมเด็จ | แล้วก็เสร็จสู่เบญจาหน้าสนาม | ||
| สรงพุทธมนต์ชลอาบปราบสงคราม | ขึ้นเหยียบไม้ข่มนามศัตรูพาล | ||
| พระสงฆ์องค์สมมุตวงศ์พุทโธ | ชยันโตสำเนียงเสียงประสาน | ||
| เสียงฆ้องชัยลั่นต้องก้องกังวาน | โหราจารย์พรามหมณ์เคาะบัณเฑาะว์ดัง | ||
| พระครูโหรอวยชัยให้เดชะ | พระหมณะผู้เฒ่าก็เป่าสังข์ | ||
| พร้อมด้วยเหล่าเจ้าพระยาดาประดัง | ขุนนางนั่งสลอนอวยพรชัย ฯ | ||
| ๏ ฝ่ายเจ้าคุณแม่ทัพครั้นสรรพเสร็จ | น้อมสมเด็จเจ้าพระยาอัชฌาสัย | ||
| ออกมานั่งคอยฤก์เบิกบานใจ | ผินพักตร์ไปฝ่ายบุรพาทางนาคิน | ||
| ท่านสมเด็จเจ้าพระยาคอยหาฤกษ์ | พอเมฆเลิกดูอุดมสมถวิล | ||
| สุริยงทรงรถหมดมลทิน | ทางกสิณบริบูรณ์เพิ่มพูนดี | ||
| สมเด็จท่านขานไขบอกได้ฤกษ์ | แล้วให้เบิกฆ้องชัยได้ดิถี | ||
| ก็โห่ร้องเอาชัยปราบไพรี | ท่านแม่ทัพจรลีลงเรือพลัน | ||
| ฝีพายพลโห่ร้องก้องสะเทือน | เสร็จคลาเคลื่อนกองทัพดูคับขัน | ||
| เรือกระบวนสวนแซงพายแย่งกัน | เสียงสนั่นเป็นระลอกกระฉอกชล | ||
| ทั้งสองฟากเรือตลอดจอดเป็นหมู่ | ล้วนคนดูกองทัพเรือสับสน | ||
| กลามตลอดจอดแพออกแจจน | กญิงชายบนตลิ่งดูอยู่สำราญ | ||
| ดูเรือแพแออัดสงัดหาย | ไม่อาจพายออกมาตัดหน้าฉาน | ||
| กลัวจะกีดกันขวางทางชลธาร | หลบหนีซ่านเข้าจอดตลอดมา ฯ | ||
| ๏ ครั้นถึงตำหนักแพแลไสว | พวกข้างในนั่งอยู่ดูหนักหนา | ||
| ปางพระจอมจักรพรรดิ์กษัตรา | เสด็จมาคอยรับกองทัพเอง | ||
| เหล่าขุนนางแวดล้อมอยู่พร้อมพรั่ง | ลงที่นั่งปิกนิกกั้นบดเก๋ง | ||
| ทอดพระเนตรเรือแพทรงแลเล็ง | เสียงแซ่เซ็งแตรฝรั่งก้องกังวาน | ||
| เรือเจ้าคุณจอดเลียบประเทียบลำ | ถวายคำนับน้อมจอมสถาน | ||
| แล้วถวายบังคมราบลงกราบกราน | ตามบูราณประเพณีที่มีมา | ||
| กรุงกษัตริย์จิ้มเจิมเฉลิมพักตร์ | ทรงสังข์ทักษิณาวัฏต่อหัตถา | ||
| เป็นสังข์เวียนซ้ายเรียกทักษิณา | เป็นภาษาไพร่คิดโดยจิตเดา | ||
| ด้วยฉันมาหน้าแคร่ท่านแม่ทัพ | ครั้นได้รับน้ำสังข์ไม่นั่งเหงา | ||
| เป็นเหตุให้ทุกข์สร่างลงบางเบา | แต่ยังเมาโศกรักหนักอาวรณ์ | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพคำนับน้อม | ฝ่ายพระจอมบพิตรอดิศร | ||
| เสด็จทรงสังข์สรรเสริญเจริญพร | แล้วกรายกรหยิบนาฬิกามาประทาน | ||
| ทองคำทำตลับระยับย้อย | ทั้งสายสร้อยสามกษัตริย์จัดประสาน | ||
| พระจอมนาถมีพระราชโองการ | ว่าของนานทำไว้จะให้เธอ | ||
| ฉันลงชื่อเขียนไว้ในตลับ | เจ้าคุณรับได้ของประคองเสนอ | ||
| ถวายคำนับซ้ำทำบำเรอ | เสด็จเผยอเรือออกบอกฝีพาย | ||
| ครั้นเรือออกประตูฝ่านาวาคล้อย | พระสงฆ์คอยประน้ำมนต์พลทั้งหลาย | ||
| คนในเรือรับพลางต่างวางพาย | น้อมถวายบังคมประนมกร ฯ | ||
| ๏ ครั้นล่วงพ้นโขลนทวารก็ขานโห่ | เสียงก้องโกลาหลพลสลอน | ||
| เอิกเกริกเร่งมาในสาคร | เรือกระฉ่อนน้ำกระฉอกละลอกโครม | ||
| เหล่าคนดูเรือจอดตลอดทั่ว | ล้วนแต่งตัวอ่าอวดประกวดโฉม | ||
| ที่สาวแท้แลแต่ไกลน่าใคร่โลม | ฉันหน่งโน้มหักใจอาลัยวอน | ||
| พวกคนดูถึงว่าที่มีสกุล | เห็นเจ้าคุณไหว้คำนับสลับสลอน | ||
| บางคนไหว้แล้วช่วยอำนวยพร | ประนมกรหยุดจอดตลอดมา ฯ | ||
| ๏ ถึงตำหนักแพวังหน้านาวาตรง | มีพระสงฆ์ประน้ำมนต์บ่นคาถา | ||
| ชยันโตอวยชัยในนาวา | จอดอยู่หน้าตำหนักแพแซ่สำเนียง | ||
| พระวังหน้านั้นก็เสร็จเสด็จรับ | ส่งกองทัพยืนร่าหน้าเฉลียง | ||
| พน้อมเสนาขวาซ้ายยืนรายเรียง | บ้างอยู่เคียงพระองค์ผู้ทรงนาม | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพคำนับน้อม | รองพระจอมจุลจักรหลักสยาม | ||
| พระกายไทยใจทหารชาญสงคราม | พระพักตร์งามสง่าชูสุรพงศ์ | ||
| พอกระบวนด่วนล่วงมาเลยลับ | เรือกองทัพเซ็งแซ่แลระหง | ||
| สังเกตลมพระพายพัดชายธง | นิมิตมงคลดีเลิศประเสริฐครัน | ||
| เรือเขยื้อนเตือนฝีพายทั้งซ้ายขวา | พระสุริยาเบี่ยงบ่ายลงผายผัน | ||
| พอเรือไฟพระสุนทราแล่นมาทัน | เห็นตัวท่านยืนโยกแล้วโบกมือ | ||
| นึกสงสัยจะเป็นใครที่ไหนหนอ | แต่งตัวป๋อโบกมือผับบอกนับถือ | ||
| สังเกตได้แต่ที่มีสี่นิ้วมือ | นี้คงคือเจ้าคุณพระสุนทรา | ||
| เพราะนิ้วมือท่านมีสี่นิ้วถ้วน | นิ้วชี้ด้วนเด็ดชัดข้างหัตถ์ขวา | ||
| คุมเรือไฟไล่แล่นตามเข้ามา | ฝีพายคว้าเชือกผูกเรือแล่นเหลือใจ | ||
| โยงเรือแม่ทัพกับเรือบุตร | เรือไฟฉุดแล่นลิ่วใจหวิวไหว | ||
| เรือนายทัพนายกองเนืองนองไป | เรือกลไฟจูงมาในสาคร ฯ | ||
| ๏ ครั้นถึงวัดเขมาภิรตาราม | ประทับตามฤกษ์กำหนดให้งดก่อน | ||
| ด้วยกลางคืนโหรมิให้ครรไลจร | ก็พอผ่อนแรมกระบวนอยู่ถ้วนกัน | ||
| พอสมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรนต์ | ลงเรือกลไฟเล็กเล็กทั้งนั้น | ||
| ขนมาส่งกองทัพด้วยฉับพลัน | มาถึงทันรอจักรหยุดพักคอย | ||
| เสด็จลงสู่ยังที่นั่งเก๋ง | ฝีพายเร่งตึงข้อไม่ท้อถอย | ||
| พอจวนถึงรอรานาวาคอย | เรือบ่ายคล้อยหันเรียงให้เอียงลำ | ||
| เจ้าคุณน้อมบังคมก้มคำนับ | สมเด็จรับยิ้มนิยมดูคมขำ | ||
| พระทัยดีมีพระกรุณประจำ | หยิบเปลป่านซองทองคำมาประทาน | ||
| เจ้าคุณน้อมคำนับรับสิ่งของ | สมเด็จพร้องอวยชัยทรงไขขาน | ||
| แล้วเอื้อนอรรถตรัสเสร็จสำเร็จการ | ไม่ช้านานกลับหลังคืนวังพลัน ฯ | ||
| ๏ ฝ่ายข้างพวกกองทัพนั้นสับสน | บ้างขึ้นบนบกกรายเที่ยวผายผัน | ||
| บ้างหุงข้าวเผาปลาทูกินอยู่กัน | บางคนหันเข้าใต้ร่มไม้นอน | ||
| เจ้าคุณท่านอาศัยในศาลา | ฉันรักษาอยู่ในเรืออิงเหนือหมอน | ||
| คำนึงถึงขนิษฐาให้อาวรณ์ | อุระร้อนรัญจวนหวนคะนึง | ||
| ป่านฉะนี้แก้วพี่จะโหยหวน | จะรัญจวนหรือว่าไม่อาลัยถึง | ||
| แต่อกพี่อาวรณ์ดั่งศรตรึง | นอนรำพึงถึงแม่ดวงพวงพะยอม | ||
| แสนเสียดายสายสวาทอนาถจิต | โอ้ามเอ๋ยเคยชิดอนบถนอม | ||
| ครั้นยิ่งคิดจิตตรมอารมณ์ตรอม | ประหนึ่งจอมเขาทับลงกับกาย | ||
| ซึ่งพี่มาจากนางแต่ร่างเปล่า | หัวใจเฝ้าเคียงประโลมแม่โฉมฉาย | ||
| คิดหนังหน่วงห่วงสวาทไม่คลาดคลาย | โศกไม่วายเสื่อมเศร้าอกเราอา | ||
| แสนอาวรณ์นอนเผลอละเมอม่อย | พอเดือนคล้อยดาวเคลื่อนเลื่อนเวหา | ||
| จวนแจ้งแสงศรีสุริยา | ตื่นนิทราโหยไห้ฤทัยตรม | ||
| เสร็จเสพโภชนากระยาหาร | ทั้งคาวหวานกล้ำกลืนรสขื่นขม | ||
| กินน้ำใสก็เหมือนกินน้ำดินตม | ด้วยอารมณ์หวังรักหนักอุรัง ฯ | ||
| ๏ ครั้นเช้าสองโมงครึ่งกึ่งนิมิต | สำเร็จกิจเสร็จสมอารมณ์หวัง | ||
| ฝีพายเตรียมนาวาประดาดัง | จอดคอยฟังลั่นฆ้องตามองเมียง | ||
| ครั้นเจ้าคุณลงเรือนั่งเหนือเบาะ | ฝีพายเกาะโห่ขานประสานเสียง | ||
| ตีฆ้องหุ่ยหึ่งพลันลั่นสำเนียง | เรือพร้อมเพรียงออกตามหลั่นหลามมา | ||
| คระโครมครึกกึกก้องท้องสมุทร | พายรีบรุดเร็วนักดั่งปักษา | ||
| คว้างคว้างมาในกลางชลธาร์ | ดูนาวาเร็วรัดเทียมทัดลม | ||
| ครั้นจะร่ำระยะทางชมบางบ้าน | ก็ขี้คร้านหลีกจัดตัดประสม | ||
| ด้วยนิราศอื่นมีดีอุดม | ล้วนคารมวิเวกหวานเคยอ่านฟัง | ||
| ครั้นเรือมาฉิวฉิวแลลิ่วลับ | ฝีพายขับขบเขี้ยวไม่เหลียวหลัง | ||
| ชลกระฉอกละลอกเสียงเพียงจะพัง | กระทบฝั่งกระจายทำลายลง ฯ | ||
| ๏ ถึงเมืองประทุมธานีบุรีรัตน์ | วายุพัดน้ำกระเด็นขึ้นเป็นผง | ||
| พระอาทิตย์เลี้ยวลัดอัสดง | เรือตัดตรงข้ามฟากพายบากมา | ||
| รีบรัดมาจอดวัดประทุมทอง | พินิจมองเห็นพระสงฆ์ทรงสิกขา | ||
| ล้วนรามัญชยันโตโพธิยา | ตามภาษาพระมอญอวยพรชัย | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพคำนับน้อม | มีจิตพร้อมศรัทธาอัชฌาสัย | ||
| ก็ขึ้นจากเรือเดินดำเนินไป | ตรงเข้าในศาลาหาสมภาร | ||
| ถวายเงินแก่พระสงฆ์องค์ละบาท | ทั้งอาวาสด้วยศรัทธาท่านกล้าหาญ | ||
| น้อมจิตคิดตั้งปณิธาน | เจ้าอธิการคำรพจบสัพพี | ||
| ก็แรมทัพอยู่ที่นั่นพร้อมกันหมด | พระสุริยงเยื้องรถอับฉวี | ||
| ทั้งนายไพร่สุขเกษมจิตเปรมปรีดิ์ | เหล่าโยธีกองทัพบ้างหลับนอน | ||
| ด้วยวัดนี้ไม่มีที่อาศัย | เดินไปไหนน้ำท่าเปีกผ้าผ่อน | ||
| วัดประทุมลุ่มเต็มทีไร้ที่ดอน | คนต้องซ้อนแซกเสียดยัดเยียดกัน | ||
| เหมือนตะรางสัสดีที่แคบคับ | นอนไม่หลับเจียนชีวาแทบอาสัญ | ||
| ตาบุนปราบแกขนาบเอาโซ่พัน | เร่งรางวัลข้าทุเลาเอาเงินมา | ||
| โอ้พุ่มพวงดวงจิตชีวิตพี่ | ป่านฉะนี้สาวน้อยจะคอยหา | ||
| จะโศกเศร้าว้าเหว่อยู่เอกา | อนิจจาแสนสังเวชน้ำเนตรพราว | ||
| โอ้อาลัยใจหายไม่วายโศก | บังเกิดโรคร้างงามเมื่อยามหนาว | ||
| โอ้ยามรักหนักจิตเหมือนติดกาว | ไม่มีคราวลืมมิตรยลติดตา | ||
| ยิ่งหวนหวนห่วงไห้ฤทัยโหย | อุระโรยร่วงหรุบดั่งบุปผา | ||
| เมื่อต้องแสงสุริยงส่องลงมา | เกสรสาโรชร่วงเหมือนทรวงเรา | ||
| หวนคะนึงถึงมิตรพิศวาส | ใจจะขาดเสียเพราะทรวงงงง่วงเหงา | ||
| กำเริบโรคโศกร้างไม่บางเบา | ยุพเยาว์จะมิได้เห็ใจเรียม | ||
| ค่อยแข็งขืนฝืนอารมณ์ที่ตรมตรึก | ครั้นนึกนึกแล้วค่อยวายจิตอายเหนียม | ||
| คงได้กลับยลโฉมประโลมเลียม | ไม่ทันเตรียมอย่าเพ่อตรอมจะผอมตาย | ||
| พอหลับผอยม่อยฟื้นตื่นสว่าง | ลุกลูบล้างหน้าพลันไม่ทันสาย | ||
| พออิ่มหนำสำเร็จเสร็จสบาย | เหล่าฝีพายเตรียมตัวพร้อมทั่วกัน | ||
| พอได้ฤกษ์แล้วก็บอกออกนาวา | เสียงเฮฮาปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
| ไม่เห็นใครมีทุกข์สนุกครัน | จ้วงกระชั้นตึงข้อไม่รอรา | ||
| เรือละลิ่วปลิวเฉื่อยมาเรื่อยรี่ | ชมวิถีชลมารคข้างฟากขวา | ||
| แล้วผันชมฟากซ้ายวายน้ำตา | ครั้นนาวาแล่นล่วงครรไลเลย ฯ | ||
| ๏ มาถึงเกาะบางปะอินทินกร | กำลังร้อนแสงแดดนั้นแผดเผย | ||
| เห็นรั้ววังข้างขวาสง่าเงย | น่าชมเชยตึกตั้งเป็นวังเวียง | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพบังคับสั่ง | จอดหน้าวังขึ้นบูชาหน้าเฉลียง | ||
| ท่าจุดธูปเทียนถวายอยู่รายเรียง | นั่งประเนียงน้อมประนมบังคมคัล | ||
| แล้วก็ออกนาวาจากหน้าวัง | ดูคับคั่งด้วยพหลพลขันธ์ | ||
| ไม่เลี้ยวลัดถึงวัดชุมพลพลัน | ก็เหหันเรือประทับกับตะพาน | ||
| เจ้าคุณก็จำเนียรธูปเทียนจุด | บูชาพุทธรูปใหญ่ในวิหาร | ||
| ด้วยวัดชุมพลนี้มีมานาน | แต่ก่อนกาลกรุงเก่ามีเค้าความ | ||
| ด้วยเจ้าพระยากลาโหมเล้าโลมไพร่ | ชุมนุมไว้วัดนี้ที่สนาม | ||
| แล้วยกพลเกรียวกรูเข้าวู่วาม | ทำสงครามกับกษัตริย์ขัตติยา | ||
| จับเจ้าแผ่นดินได้ให้ประหาร | ครั้นสมการมุ่งมาดปรารถนา | ||
| ก็ได้ซึ่งสมบัติกษัตรา | จึ่งราชาภิเษกเป็นเอกองค์ | ||
| ทรงนามท้าวพระเจ้าปราสาททอง | ได้ครอบครองรั้ววังดั่งประสงค์ | ||
| มีพระราชศรัทธาปัญญายง | เสด็จทรงสร้างวิหารริมชานชล | ||
| เสร็จพระราชศรัทธาเป็นอาราม | ประทานนามโดยวิเศษตามเหตุผล | ||
| เดิมที่นี่ได้ประชุมชุมนุมคน | ชื่อชุมพลนิกายาราม | ||
| ครั้นกรุงเก่าย่อยยับอัปรา | ซึ่งวัดวาพังลงเป็นดงหนาม | ||
| โบสถ์พังโครมโทรมทรุดชำรุดตาม | ไดแจ้งความเริ่มรู้แต่บูราณ | ||
| ครั้นแผ่นดินพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | มาสร้างรั้ววังนิวาสราชฐาน | ||
| แล้วเลยทรงสถาปนาการ | พระวิหารให้คงดำรงดี | ||
| แล้วปั้นรูปจอมปราชญ์ปราสาททอง | ดูเรืองรองงามงดสุกสดศรี | ||
| ยืนอยู่หน้าอุโบสถปรากฏมี | ทุกวันนี้คนผู้ยังบูชา | ||
| ครั้นสำเร็จเสร็จนบเคารพพระ | ก็เลยละผายผันจิตหรรษา | ||
| เจ้าคุณให้ร้องบออกออกนาวา | โห่สามลาบอกยาวเสียงกราวเกรียว | ||
| เหล่าฝูงชนชาวบ้านละลานหนี | บ้างหลบลี้วิ่งแต้ไม่แลเหลียว | ||
| เรื่อไม่พายคลายคล่ำสักลำเดียว | ปะก็เลี้ยวจอดซบหลบแต่ไกล | ||
| ฝีพายไม่รอรามาตะบึง | บรรลุถึงหน้าวัดโปรดสัตว์ใหญ่ | ||
| แวะเรือเรียงเคียงจอดตลอดไป | เจ้าคุณให้จอดประทับกับตะพาน | ||
| ท่านจุดธูปเทียนชูขึ้นบูชา | น้อมศิราหน่วงมนัสหัตถ์ประสาน | ||
| พวกไพร่พลเริงรื่นชื่นสำราญ | ใจเบิกบานยินดีที่สบาย | ||
| วักน้ำมนต์ใส่บนศีรษะทั่ว | บ้างลูบตัวอาบกินสิ้นทั้งหลาย | ||
| ที่โกงเขาย่ำแย่แต่ปีกลาย | ให้ความหายลับลี้อย่าฎีกา | ||
| รีบรัดมาถึงวักพะแนงเชิง | พอร่าเริงคึกคักเป็นหนักหนา | ||
| เจ้าคุณขึ้นบกพลันไปวันทา | พระปฏิมาองค์ใหญ่ด้วยใจจง | ||
| จุดธูปเทียนบุปผาบูชาพระ | คารวะขอความตามประสงค์ | ||
| ขออารักษ์ศักดิ์สิทธิ์สถิตทรง | สิงในองค์พระปฏิมากร | ||
| จงพิทักษ์รักษาโยธาทัพ | ที่คั่งคับพร้อมหน้ามาสลอน | ||
| ซึ่งโพยภัยขออย่าเพียรมาเบียนบอน | จงถาวรสวัสดิ์ทั่วทุกตัวคน | ||
| เจ้าคุณเสร็จบูชาลีลากลับ | ผู้คนคับสองข้างหว่างถนน | ||
| ท่านเจ้าคุณเมตตาประชาชน | ที่ยากจนผู้ใหญ่เด็กเจ๊กคนโซ | ||
| แจกเงินให้คนละเฟื้องนั่งเนื่องนับ | คนที่รับไทยทานประมาณโข | ||
| บางคนออกวาจาวราโร | รัตพิโชชนะหมู่ศัตรูพาล | ||
| เจ้าคุณลงนาวาเสร็จคลาเคลื่อน | เรือเขยื้อนเป็นละลอกกระฉอกฉาน | ||
| ละลิ่วมาในวนชลธาร | บ่ายประมาณห้าโมงเศษสังเกตจำ ฯ | ||
| ๏ ถึงวังจันทรเกษมจิตเปรมปรา | แวะนาวาพักผ่อนจอดช้อนสำ | ||
| เรือเจ้าคุณจอดเลียบประเทียบลำ | เวลาค่ำแรมทัพต่างหลับนอน ฯ | ||
| ๏ ครั้นรุ่งแสงสุริยาเวลาสาย | เหล่าตัวนายคั่งคับสลับสลอน | ||
| ล้วนแต่งตัวเต็มยศบทจร | หมู่นิกรเกลื่อนกล่นต่างคนมา | ||
| ชุมนุมที่ศาลาใหญ่หน้าวัง | มาพร้อมพรั่งนั่งรายทั้งซ้ายขวา | ||
| คอยเจ้าคุณแม่ทัพรับบัญชา | ที่บรรดาตัวนายนั่งรายเรียง | ||
| เจ้าพระยาแม่ทัพประดับกาย | เสร็จผันผายขึ้นมานั่งยังเฉลียง | ||
| ลูกทัพคำนับน้อมอยู่พร้อมเพรียง | คอยฟังเสียงท่านอยู่ดูชื่นบาน | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพขยับโอษฐ์ | ภิปรายโปรดทักทายนายทหาร | ||
| แล้วชักชวนไปวัดมนัสการ | พระวิหารเสนาสน์เยื้องยาตรา | ||
| เข้าในวังขึ้นยังพระมนเทียร | แล้วน้อมเศียรอภิวันท์ด้วยหรรษา | ||
| จุดธูปเทียนทั้งคู่ขึ้นบูชา | พระมหาที่นั่งในวังจันทร์ | ||
| ออกจากวังไปยังพระอาวาส | นามเสนาสน์งามเลิศดูเฉิดฉัน | ||
| ท่านเจ้าคุณคำนับอภิวันท์ | ธูปเทียนนั้นจุดถวายธิบายความ | ||
| ว่าวัดนี้ของพระยาทปราสาททอง | เป็นเจ้าของสร้างไว้ในสยาม | ||
| ครั้งแผ่นดินกรุงเก่าเป็นเค้าความ | แจ้งเหตุตามโดยเรื่องครั้งเมืองกรุง | ||
| เมื่อเมืองเสียแก่พม่าพากันขุด | เอาไฟจุดลอกทองแล้วถลุง | ||
| วัดสลักหักพังออกนังนุง | แต่ครั้งกรุงร้างรามาช้านาน | ||
| ครั้นแผ่นดินจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | ศรัทธาทั่วบพิตรประดิษฐาน | ||
| เสด็จมาบำรุงผดุงการ | พระวิหารเสนาสน์สะอาดงาม | ||
| เจ้าคุณเสร็จบูชาลีลากลับ | ขึ้นประทับบนศาลาหน้าสนาม | ||
| ลูกทัพนายกองนั่งคอยฟังความ | อยู่ออกหลามศาลาที่หน้าวัง | ||
| บ้างร้องทุกข์ขอข้าวต่อเจ้าคุณ | ว่าสิ้นทุนจวนจะอดข้าวหมดถัง | ||
| ขอเบิกข้าวสารพอต่อกำลัง | เจ้าคุณฟังข้อคำคิดรำคาญ | ||
| จึงผินผันหันหน้าปรึกษาเรื่อง | ด้วยว่าเมืองนี้ต้องเลิกเบิกข้าวสาร | ||
| เพราะได้แจ้งกิจจาเวลาวาน | กรมการเขาว่าตราไม่มี | ||
| ท่านเจ้าคุณชักทุนซื้อข้าวสาร | แจกทหารกล้วยไข่ให้อีกหวี | ||
| ทั้งของคาวเนื้อเค็มก็เต็มดี | แจกโยธีกองทัพรับทุกคน ฯ | ||
| ๏ ครั้นว่าบ่ายชายแสงพระสุริเยศ | สักโมงเศษเอะอะเตรียมพหล | ||
| ต่างลงเรือทุกลำประจำพล | บ้างเตรียมตนคอยฟังระวังตัว | ||
| เจ้าคุณลงนาวาที่หน้าวัง | พร้อมสะพรั่งฝีพายซ้ายขวาทั่ว | ||
| นายน้อยจับตระบองลั่นฆ้องรัว | ให้รู้ทั่วนัดบอกกันออกเรือ | ||
| ฆ้องลั่นเสียงแซ่ซร้องก้องกังวาน | โห่ประสานสามลาสง่าเหลือ | ||
| ลูกทัพนายกองนั้นไม่ฟั่นเฟือ | ล้วนสวมเสื้อเต็มยศหมดทุกนาย ฯ | ||
| ๏ มาประเดี๋ยวเลี้ยวประทะศีรษะรอ | ดูปราดปร๋อน้ำไหลเชี่ยวใจหาย | ||
| ฝีพายขึงตึงข้อไม่รอพาย | บ้างเสียท้ายเรือปะประทะแพ | ||
| บางฉลาดเลี้ยวพันกระชั้นแหลม | เรือไม่แพลมแพร่งพรายกระสายแส | ||
| ที่ตรงศีรษะรอเสียงจอแจ | ช่วยกันแก้หัวเรือน้ำเหลือทน | ||
| เรือก็แล่นเฉื่อยฉิวมาลิ่วลับ | แดดพยับมืดกลุ้มชอุ่มฝน | ||
| ไม่แรงร้อนอ่อนสีสุริยน | เหล่าไพร่พลค่อยสบายรีบพายพลัน ฯ | ||
| ๏ พอถึงวัดทองใหญ่อยู่ในย่าน | มีนามบ้านพระนอนพักผ่อนผัน | ||
| เรือกองทัพคับคั่งประดังกัน | แรมอยู่นั้นอีกคืนต่างรื่นเริง | ||
| ในวัดทองซ่องซ่วมน้ำท่วมหมด | น้ำไม่ลดกำลังล้นขึ้นจนเหลิง | ||
| ไม่มีที่หุงข้าวก่อเตาเพลิง | อาศัยเพิงโบสถ์ใหญ่พอได้การ | ||
| พลนิกรต้องนอนอยู่ในเรือ | คนที่เหลืออาศัยในวิหาร | ||
| อีกศาลาใหญ่กว้างข้างตะพาน | เหล่าทหารซ้อนซับขึ้นหลับนอน | ||
| แต่ตัวฉันอยู่ในเรือเหลือเทวศ | นองน้ำเนตรโหยไห้ฤทัยถอน | ||
| เป็นทุกข์ถึงขนิษฐายิ่งอาวรณ์ | เพราะพี่จรจากเจ้าจะเนานาน | ||
| ไม่รู้ปีเดือนใดจะได้กลับ | ด้วยไปทัพจับศึกที่ฮึกหาญ | ||
| กว่าจะสิ้นสรรพเสร็จสำเร็จการ | สุดประมาณเหลือเล่ห์คะเนวัน | ||
| ครวญครวญหวนละห้อยพอผอยหลับ | ชักหงับหงับกลับตื่นสุดกลืนกลั้น | ||
| กำสรดแสนแหนหวงแม่ดวงจันทร์ | โอ้กี่วันจะได้พบประสบนวล ฯ | ||
| ๏ ครั้นรุ่งแจ้งแสงทองส่องสว่าง | ค่อยลูบล้างพักตราวิญญาหวน | ||
| เจ้าคุณสั่งให้บอกออกกระบวน | เวลาจวนจะรุ่งฟุ้งอัมพร | ||
| พอนาวาคลาเคลื่อนเขยื้อนโยก | ธงก็โบกริ้วริ้วปลิวสลอน | ||
| นาวาเรื่อยเฉื่อยมาในสาคร | ก็รีบร้อนเร็วมาไม่ราแรม | ||
| ถึงน้ำวนวนปะประทะคุ้ง | เรือหันพุ่งข้ามบากไปฟากแหลม | ||
| ฝีพายจ้ำน้ำเป็นฟองทั้งสองแคม | ไม่พรอมแพรมพร้อมพรั่งพายตั้งใจ ฯ | ||
| ๏ ถึงเมืองสระบุรีเรือรี่เรียบ | เห็นทำเนียบรายเรียงเคียงไสว | ||
| เขาปลูกตั้งหลังเด่นเห็นแต่ไกล | พลไพร่ยินดีด้วยปรีดา | ||
| ต่างมุ่งมาดพอถึงหาดพระยาทศ | บ่ายกำหนดสี่โมงโปร่งเวหา | ||
| พระสุริยงจวนจะลับพรรพตา | แลนาวาจอดเรียบประเทียบเรียง | ||
| ที่ศาลาท่าน้ำลำกระแส | เรือนเป็นแพจอดชุมนุมบ้างทุ่มเถียง | ||
| ชวนกันชิงเรือนที่มีระเบียง | ขอนของเรียงเข้าไปวางต่างประจำ | ||
| ต่างคนต่างก็ก็จองปองที่อยู่ | ถึงก่อนดูเลือกได้เมื่อใกล้ค่ำ | ||
| พอพักพิงอิงกายวายระกำ | ไม่ต้องทำเรือนร้านป่วยการคน | ||
| ที่ลางนายผายผันไม่ทันเพื่อน | ไม่มีเรือนที่พำนักพักพหล | ||
| หาไม้ไล่ทำหลังคาประสาจน | พอบังฝนบังฟ้าเป็นท่าลม | ||
| ท่านเจ้าคุณใจดีอารีเหลือ | คิดแผ่เผื่อไพร่แท้แต่ประถม | ||
| ทำเนียบปลูกไว้มีไม่นิยม | ด้วยอารมณ์เอ็นดูหมู่นิกร | ||
| ทำเนียบปลูกไว้ท่าสี่ห้าหลัง | พร้อมหอนั่งหอเคียงเรียงสลอน | ||
| สู้อยู่เรือบดเลยตามเคยนอน | ด้วยอาวรณ์เมตตาประชาชน | ||
| ถ้าแม้นขึ้นสู่อยู่ทำเนียบ | ตรองการเรียบเรียงเห็นไม่เป็นผล | ||
| จะไม่มีที่อาศัยแก้ไพร่พล | ท่านสู้ทนอยู่ในเรือใจเหลือดี | ||
| ครั้นพลบค่ำย่ำฆ้องพวกกองทัพ | บ้างนอนหลับกรนอยู่เสียงฝู่ฝี่ | ||
| แต่ตัวฉันตรึกตรมระทมทวี | โศกโศกีแสนสวาทไม่ขาดวาย | ||
| แสนคะนึงถึงนวลหวนเทวศ | จนดวงเนตรบวมแดงเป็นแสงสาย | ||
| อยู่ในเรือกัญญาใหญ่ไม่สบาย | คิดใจหายใจห่างในทรวงครวญ | ||
| โอ้เจ้าดวงพวงพุ่มอุทุมพร | เมื่อยามนอนแนบถนอมกลิ่นหอมหวน | ||
| เวลาตรมชมชูเรณูนวล | ยามรัญจวนก็วายหายกังวล | ||
| ยิ่งนึกยิ่งตรึกตรมระทมทุกข์ | จะต้องบุกเดินป่าไปหน้าฝน | ||
| จะข้ามดงพงชัฎระมัดตน | เหล่าฝูงชนคิดกลัวหนังหัวพอง | ||
| ฤดูฝนความไข้มิได้หยอก | ผู้ใหญ่บอกเศร้าจิตคิดสยอง | ||
| ที่ในดงลึกล้ำล้วนน้ำนอง | จะยกกองทัพไปกลัวไข้ดง | ||
| ซึ่งปู่ย่าตาลุงครั้งกรุงเก่า | ฟังเขาเล่าจำไว้ไม่ใหลหลง | ||
| ฤดูฝนเป็นไม่ไปณรงค์ | ทำการสงครามแต่ก่อนบ่ห่อนเป็น | ||
| แต่เมื่อใดฝนแล้งแห้งสนิท | จึงจะคิดยกทัพไปดับเข็ญ | ||
| คิดขึ้นมาน้ำตาตกกระเด็น | ไม่วางเว้นกลัวตายเสียดายตน | ||
| โอ้กรรมเราเกิดมาเวลานี้ | พอไพรีมาสู่ฤดูฝน | ||
| นึกแค้นอ้ายพวกฮ่อทรชน | จะฆ่าคนเสียด้วยไข้ใช้ปัญญา ฯ | ||
| ๏ ฉันตรองตรึกนึกพลางพอจ่างแจ้ง | สว่างแสงสุริเยเยี่ยมเวหา | ||
| เป็นวันถือน้ำพิพัฒน์สัตยา | เจ้าพระยาแม่ทัพประดับกาย | ||
| ก็พร้อมด้วยนายทัพกับนายกอง | ลงเรือล่องน้ำมาเวลาสาย | ||
| ล้วนแต่งตัวเต็มยศหมดทุกนาย | ต่างผันผายล้นหลามตามเจ้าคุณ | ||
| รีบรัดมาถึงวัดสมุหะ | พร้อมด้วยพระหลวงยืนแลหมื่นขุน | ||
| ทั้งหัวเมืองเป็นการวิ่งซานซุน | คอยคำนับรับเจ้าคุณอยู่เรียงราย | ||
| เรือเจ้าคุณแม่ทัพจอดกับท่า | เยื้องยาตราพร้อมพรั่งคนทั้งหลาย | ||
| ล้วนสวมเสื้อกำซาบดาบสะพาย | ที่ตัวนายคอยสดับรับบัญชา | ||
| ต่างคนเข้าไปในวิหาร | ฟังโองการพร้อมกันด้วยหรรษา | ||
| แล้วรับน้ำพระพิพัฒน์สัตยา | ตามตำราบุราณสาบานตัว | ||
| ท่านเจ้าพระยาแม่ทัพกลับทำเนียบ | เรือประเทียบแก้ท้ายแล้วบ่ายหัว | ||
| จอดประทับกับท่าเวลามัว | แดดสลัวจวนค่ำอยู่รำไร | ||
| เวลาค่ำย่ำฆ้องครั้นสองทุ่ม | แตรก็รุมเป่าเสียงสำเนียงใส | ||
| พวกทหารนั่งยามต้องตามไฟ | เอาฟืนใส่เรียงรายเป็นหลายกอง | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพกำชับสั่ง | ให้ประจุปืนประนังนั่งจดจ้อง | ||
| เหล่าทหารหอกหลาวแลง้าวพลอง | พวกกองตรวจถือฆ้องกระแตตี | ||
| ด้วยเรายกโยธามาจากถิ่น | ประมาทหมิ่นแล้วก็เห็นจะเป็นผี | ||
| เผื่อพวกฮ่อต่อเข้ามาสระบุรี | จะเสียทีย่อยยับทั้งทัพชัย ฯ | ||
| ๏ ครั้นจวนแจ้งแสงสีตีสิบเอ็ด | ออกอึงเอ็ดเป่าแตรเสียงแซ่ใส | ||
| ทหารเป่าขลุ่ยนัวรัวกลองชัย | ฟังเสียงไพเราะวังเวงด้วยเพลงแตร | ||
| ครั้นรุ่งแสงสุริยาท้องฟ้าฟื้น | เจ้าคุณขึ้นทำเนียบหน้าท่ากระแส | ||
| สำหรับขุนนางใช้ต่างแพ | อยู่ริมแม่น้ำวนชลธาร | ||
| พวกนายกองนายทัพคำนับน้อม | มาพรั่งพร้อมนั่งเรียงเคียงขนาน | ||
| คอยสดับตรับฟังจะสั่งงาน | จะมีการเหตุผลด้วยกลใด | ||
| เจ้าพระยาแม่ทัพขยับโอษฐ์ | ภิปรายโปรดไต่ถามความสงสัย | ||
| พวกเรามาพร้อมพรั่งหรืออย่างไร | ใครป่วยไข้ที่บรรดามาด้วยกัน | ||
| พวกนายทัพนายกองสนองเรียน | น้อมจำเนียรแจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์ | ||
| คนกองทัพวิบัติอัศจรรย์ | เกิดปัจจุบันโรคร้ายเป็นหลายคน | ||
| ท่านเจ้าคุณแจ้งความตามระบอบ | จึงประกอบยาละลายกระสายฝน | ||
| ตามตำราหมอด้วงแก่แก้อับจน | ท่านสู้ทนนั่งปรุงบำรุงยา | ||
| แล้วก็ให้อนุญาตประกาศสั่ง | ว่าทีหลังใครป่วยไข้ให้มาหา | ||
| เพราะใจท่านอารีมีเมตตา | ตั้งรักษาเป็นธุระไม่ละเลย | ||
| ถึงเที่ยงนางกลางคืนคนตื่นหลับ | คนกองทัพป่วยไข้มิได้เฉย | ||
| สั่งให้ปลุกทุกครั้งเหมือนดังเคย | ไม่เสบยบอกเราเอาอาการ | ||
| ด้วยลงทุนสำรองยากว่าสองชั่ง | ยาฝรั่งมากมายหลายขนาน | ||
| ด้วยจงหวังตั้งใจจะให้ทาน | คิดเตรียมการถ้าใครป่วยได้อวยเออ | ||
| แล้วสั่งการขุนชำนาญภักดีพุก | เที่ยวตรวจทุกเวลาอย่าได้เผลอ | ||
| ใครเป็นโรคร้อนหนาวหรือหาวเรือ | ให้ดอกเตอร์พุกปรุงบำรุงยา | ||
| ตั้งแต่นั้นท่านก็นั่งคอยฟังทั่ว | ใครยังชั่วใครจะหนักที่รักษา | ||
| นายพุกเที่ยวทุกหมวดคอยตรวจตรา | ตามบัญชามิได้เว้นเช้าเย็นดู | ||
| คนมากหายตายน้อยนับตัวถ้วน | นายพุกสวนสอบตรวจทุกหมวดหมู่ | ||
| พวกกองทัพหายฟื้นต่างชื่นชู | ล้วนแต่รู้จักบุญคุณทุกคน | ||
| เมื่อหยุดพักอยู่ที่ท่าพระยาทศ | ต้องรองดช้าอยู่ฤดูฝน | ||
| ครั้นจะยกทัพไปกลัวไพร่พล | จะปี้ป่นเสียเพราะไข้ที่ในดง | ||
| เจ้าคุณสืบสวนกะระยะทาง | พระยากลางพระยาไฟไพรระหง | ||
| ให้รู้ที่สำคัญโดยมั่นคง | ด้วยจิตจงอยากยกขึ้นบกไป | ||
| ให้พระรัตนกาศประภาษถาม | ก็แจ้งความมั่นคงไม่สงสัย | ||
| เขาว่ามรคาพระยาไฟ | จะคลาไคลเหลือล้ำด้วยน้ำนอง | ||
| ทั้งเป็นโคลนเป็นหล่มตมตลอด | จะมุดลอดหลีกลัดก็ขัดข้อง | ||
| ต้องเดินข้ามแม่น้ำลำธารคลอง | ข้ามเป็นสองสามหนล้วนชลลึก | ||
| ท่านเจ้าคุณแจ้งเหตุสังเวชไพร่ | ด้วยจะไปรบรากับข้าศึก | ||
| จะมาตายเสียในดงที่พงพฤกษ์ | อนาถนึกเศร้าใจด้วยไพร่พล | ||
| จึงแต่งบอกกราบทูลตามมูลเหตุ | เป็นไปรเวทเรียงความตามนุสนธิ์ | ||
| ขอรอรั้งตั้งพักพำนักพล | แต่พอฝนฟ้าแล้งทางแห้งดี | ||
| หนังสือเสร็จแล้วก็ส่งลงบางกอก | ผู้ถือบอกหมายมุ่งไปกรุงศรี | ||
| ข้างกองทัพยับยั้งฟังคดี | พร้อมอยู่ที่พระยาทศหมดด้วยกัน | ||
| เจ้าพระยาแม่ทัพบังคับการ | ซ้อมทหารกระบวนรบให้ขบขัน | ||
| ได้ฝึกสอนเช้าเย็นไม่เว้นวัน | ตั้งแต่นั้นเป็นคนสุขสนุกจริง | ||
| พวงหนุ่มหนุ่มกลุ้มเกรียวไปเที่ยวเล่น | ล้วนแต่เป็นเจ้าชู้เกี้ยวผู้หญิง | ||
| บ้างโกรธขึ้งหึงหวงเที่ยวช่วงชิง | แล้วค้อนติงพูดกระแทกที่แดกดัน | ||
| ด้วยลูกสาวลาวชุมหนุ่มหนุ่มเกี้ยว | บ้างก็เที่ยวหาอวดประกวดประขัน | ||
| บ้างสู่ขอเป็นเมียได้เสียกัน | แต่ตัวฉันไม่อยากเที่ยวไปเกี้ยวใคร | ||
| ด้วยคิดถึงเนื้อคู่อยู่ที่บ้าน | จึงขี้คร้านยาตรย่างไปข้างไหน | ||
| ถึงเห็นสาวสวยสดสู้อดใจ | เพื่อนเขาไปตัวเราอยู่เฝ้าเรือ | ||
| วันหนึ่งนางแม่ค้าเรือมาขาย | เฝ้ามาดหมายรักฉันจิตฟั่นเฝือ | ||
| อุตส่าห์หาเปรี้ยวหวานมาจานเจือ | ประหลาดเหลือแล้วเราเขาเอาจริง | ||
| ฉันขี้คร้านผูกรักคิดจักเบือน | เหล่าพวกเพื่อนเย้ยยั่วว่ากลัวหญิง | ||
| ควรจะหาที่พักสำนักพิง | คิดแอบอิงแต่พออุ่นถุนขี้ยา ฯ | ||
| ๏ ครั้นเดือนสิบเอ็ดเสร็จความขึ้นสามค่ำ | ได้จดจำจงหวังไม่กังขา | ||
| บ่ายสามโมงสังเกตเศษเวลา | เรือไฟมาเปิดหลอดเสียงหวอดดัง | ||
| เห็นเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ | จำถนัดเรือห่างอยู่ข้างฝั่ง | ||
| ลงเรือแหวดแจวร่าเข้ามายัง | ถึงกระทั่งท่าทำเนียบจอดเทียบพลัน | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพออกรับรอง | ต่างยิ้มย่องปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
| ขึ้นบนทำเนียบท่าพูดจากัน | แต่โดยฉันราชการในสารตรา | ||
| ท่านเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ | ก็หยิบลายราชหัตถเลขา | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพก็รับมา | จิตปรีดาเบิกบานสำราญใจ | ||
| ท่านเจ้าคุณรับรองของประทาน | ที่เจ้าคุณทหารนำมาให้ | ||
| ดาบฝรั่งสองร้อยเล่มที่เต็มใน | หีบใหญ่ใหญ่รับขนขึ้นบนเรือ | ||
| อีกกับน้ำมันหอมพระจอมเกล้า | ทรงเสกเป่าไว้เลิศประเสริฐเหลือ | ||
| ดอกไม้ร้อยแปดอย่างไม่จางเจือ | กลั่นเอาเหงื่อทำน้ำมันด้วยบรรจง | ||
| ไว้บำเรอลูกเธอเสด็จทัพ | เป็นที่นับถือความตามประสงค์ | ||
| ได้ป้องกันสรรพภัยที่ในดง | ออกณรงค์ไม่ต้องคิดมีจิตกลัว | ||
| ด้วยเจ้าคุณมีชื่อลือทุกเวียง | เป็นบุตรเลี้ยงพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||
| จึงประทานน้ำมันมากันตัว | ครั้นอ่านทั่วราชหัตถ์จัดจำเนียร ฯ | ||
| ๏ ลุวันเดือนสิบเอ็ดขึ้นแปดค่ำ | ได้จดจำแน่จิตประดิษฐ์เขียน | ||
| เรีบยเรียงเรื่องเบื้องต้นไม่วนเวียน | พระยาเกียรติ์นั้นจึงมาถึงพลัน | ||
| เชิญท้องตราขึ้นมาหนึ่งฉบับ | เจ้าคุณรับตามควรไม่ผวนผัน | ||
| พระยาเกียรติ์ก็กลับไปฉับพลัน | ยังหาทันที่จะถามเนื้อความใด | ||
| จึงประชุมลูกทัพกับหลานกอง | ฟังอ่านท้องตราแจ้งแถลงไข | ||
| มีบังคับรีบให้ยกขึ้นบกไป | แจ้งอยู่ในสารตราที่มาวาง | ||
| ถ้าให้ไปตรวจเสบียงให้เพียงพอ | กับอีกข้อหนึ่งให้ปรุงปลูกยุ้งฉาง | ||
| ให้ถ้วนทุกจังหวะระยะทาง | กับเร่งส่วยด้วยที่ค้างอยู่นมนาน | ||
| แม้นเงินไม่มีสำรองให้กองทัพ | ที่จะจับจ่ายเสบียงเลี้ยงทหาร | ||
| เร่งส่วยเสียที่ท้าวเพี้ยกรมการ | มาเจือจานสำหรับกองทัพชัย | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพสดับตรา | บังคับมามั่นคงไม่สงสัย | ||
| จึงโต้ตอบท้องตราปัญญาไว | ซึ่งจะไปเร่งส่วยเห็นป่วนการ | ||
| แล้วจะให้ปลูกปรุงซึ่งยุ้งไว้ | กับจัดให้ซื้อเสบียงเลี้ยงทหาร | ||
| ด้วยจะยกนิกรไปรอนราญ | จะละลานหน้าหลังเป็นกังวล | ||
| ซึ่งจะให้ยกทัพไปสรรพเสร็จ | แต่ในเดือนสิบเอ็ดฤดูฝน | ||
| เป็นที่ลำบากใจแก่ไพร่พล | น้ำยังล้นลงไม่ลดของดที | ||
| ครั้นเสร็จสรรพพับผนึกจารึกหลัง | ส่งไปยังบางกอกบอกวิถี | ||
| แรมทัพคอยท้องตราหลายราตรี | บ่ห่อนมีเภทภัยสิ่งใดพาล | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพพูดปรับทุกข์ | ซึ่งจะบุกไปในป่าน่าสงสาร | ||
| กลัวผู้คนทั้งหลายจะวายปราณ | จึงคิดอ่านหาช่องสู่ท้องตรา | ||
| ถึงจะมีโทษร้ายกฎหมายทัพ | จะสู้รับเอาผู้เดียวจริงเจียวหนา | ||
| ที่ข้อขัดบังคับรับอาญา | ถึงจะฆ่าถือมั่นกตัญญู | ||
| ขออย่าให้ไพร่พลไปป่นปี้ | เวลานี้ขืนจรต้องอ่อนหู | ||
| จะรับบาปคนทั้งเพเหมือนเยซู | มิให้หมู่ไข้ป่ามันฆ่าคน | ||
| มิใช่จะคร้านคลาดราชการ | เพราะสงสารโยธาด้วยหน้าฝน | ||
| จะพากันไปตายทำลายชนม์ | แล้วเมืองบนก็ไม่มีไพรีรอน | ||
| แม้นข้าศึกนับแสนตีแดนร่วม | ถึงน้ำท่วมให้ตลอดยอดสิงขร | ||
| จะสู้ยกพหลพลนิกร | ถึงไฟร้อนต้านหน้าจะกล้าไป ฯ | ||
| ๏ เดือนสิบเอ็ดขึ้นสามค่ำตามเหตุ | บ่ายสักสามโมงเศษไม่สงสัย | ||
| พอสมเด็จเจ้าพระยาท่านมาใน | เรือกลไฟถึงท่าพระยาทศ | ||
| บังเอิญเทวดาวลาหก | ก็เร่งตกลงมาให้ปรากฏ | ||
| ฝนก็ไม่หายเหือดไม่เงือดงด | ไม่หยาดหยดซู่ซ่าลงมาพอ | ||
| ท่านเจ้าคุณไปคำนับรับสมเด็จ | ฝนสาดไม่ขาดเม็ดลงสอสอ | ||
| ต้องกางกั้นร่มไปมิได้รอ | ลงนั่งย่อเรือพายม้ารีบคลาไคล | ||
| ครั้นถึงเรือสมเด็จจอดเสร็จสรรพ | น้อมคำนับกราบก้มประนมไหว้ | ||
| แล้วเรียนเรื่องทางบกจะยกไป | ในดงใหญ่น้ำมากลำบากคน | ||
| ขอรั้งรอพอให้แห้งแล้งสักหน่อย | จึงจะค่อยยกไปในไพรสณฑ์ | ||
| ถ้าขืนยกเวลานี้เห็นรี้พล | จะปี้ป่นตายลงในดงดาน | ||
| ท่านเจ้าคุณจำเนียนกราบเรียนเสร็จ | ฝ่ายสมเด็จเจ้าพระยาฟังว่าขาน | ||
| จึงมีพระประศาสน์ประกาศการ | ให้คิดอ่านรีบยกขึ้นบกไป | ||
| เจ้าคุณรับโอวาทประศาสน์สั่ง | โดยข้อบังคับแจ้งแถลงไข | ||
| จะให้ยกโยธารีบคลาไคล | รอพอได้ทำบุญเสร็จสักเจ็ดวัน | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพกลับทำเนียบ | ฝนไม่เรียบตกตวดเป็นกวดขัน | ||
| พอพลบค่ำย่ำแสงพระสุริยัน | มีกำปั่นไฟถึงอีกหนึ่งลำ | ||
| ด้วยท่านหลวงยุทธยานาธิกร | ท่านด่วนจรก็เห็นสมดูคมขำ | ||
| เชิญท้องตรามากำลังฝนตกพรำ | ขึ้นบนทำเนียบท่าชลาธาร | ||
| ส่งท้องตราให้แก่ท่านแม่ทัพ | อีกทั้งกับเงินจำแนกแจกทหาร | ||
| ทั้งเงินห้าสิบชั่งสั่งประทาน | เป็นเงินงานเตรียมทัพสำหรับไป | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพก็รับรอง | แล้วอ่านท้องตราแจ้งแถลงไข | ||
| มีบังคับจะยกขึ้นบกไป | แต่โดยในเดือนสิบเอ็ดจงเสร็จพลัน | ||
| เจ้าพระยาแม่ทัพสดับแจ้ง | ตอบแถลงตามกระบนไม่ผวนผัน | ||
| ด้วยโคต่างช้างมามาไม่ทัน | การติดตันเหลือเขยื้อนเคลื่นนิกาย | ||
| แม้โคต่างช้างมาพร้อมมาถึง | เป็นแน่หนึ่งวันนั้นได้ผันผาย | ||
| พอได้พาหนะทั่วเหล่าตัวนาย | จะถวายบังคมลาฝ่าละออง | ||
| ครั้ยเสร็จสรรพพับผนึกจารึกบอก | ส่งบางกอกแจ้งความตามสนอง | ||
| หลวงยุทธยาคำนับแล้วรับรอง | หนังสือสองสามฉบับแล้วกลับลา ฯ | ||
| ๏ ครั้นขึ้นสิบสี่ค่ำเดือนสิบเอ็ด | ได้จำเสร็จโดยหวังไม่กังขา | ||
| น้ำท่วมถึงกระทั่งเลยหลังคา | นึกก็น่าอัศจรรย์ขันกระไร | ||
| เรือต้องขึ้นจอดบกเจียวอกเอ๋ย | มิได้เคยพบเห็นเป็นไฉน | ||
| นึ้ขึ้นถึงขนาดประหลาดใจ | แม้นผู้ใดบอกคงจะสงกา | ||
| นี่ได้เห็นต่อพักตร์แก่จักขุ | เจอแลจุปากทักน้ำหนักหนา | ||
| ขึ้นคืนเดียวเจียวร่วมท่วมหลังคา | เป็นน้ำป่าเช่นผู้เฒ่าเขาเล่ากัน ฯ | ||
| ๏ เดือนสิบเอ็ดเสร็จวัสสาสิบห้าค่ำ | เจ้าคุณทำบุญใหญ่ใจกระสัน | ||
| สนองคุณบพิตรนิจนิรันดร์ | ด้วยเป็นวันพระจอมเกล้าฯเข้านิพพาน | ||
| นิมนต์สงฆ์พร้อมเพรียงประเดียงฉัน | ในวันนั้นล้วนเป็นสุขสนุกสนาน | ||
| มีมหาชาติใหญ่แล้วให้ทาน | มโหฬารสรวลเสเสียงเฮฮา | ||
| ครั้นพลบค่ำย่ำแสงสุริย์ใส | จุดดอกไม้ส่องสว่างกลางเวหา | ||
| แสงดอกไม้กระจ่างสำอางตา | จับนวลหน้านางลาวขาวเป็นใย | ||
| ครั้นเทศน์ครบจบตามสิบสามกัณฑ์ | ตั้งแต่นั้นน้ำลดค่อยงดหาย | ||
| ซึ่งกองทัพเปป็นสุขสนุกสบาย | พอหาดทรายผุดพ้นชลธาร | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพหยุดยับยั้ง | ท่านก็ตั้งซ้อมศึกฝึกทหาร | ||
| ล้วนเข้าใจไวว่องคล่องชำนาญ | ท่านเห็นการน้ำลดเงือดงดลง | ||
| จึงแต่งจัดขุนสัจจวาที | สืบวิถีแน่กำหนดลงจดหมาย | ||
| เสร็จสรรพกลับสนองทั้งสองนาย | กราบเรียนรายระยะทางในกลางดง | ||
| ก็พอจะไปได้ไม่สู้ยาก | ที่ลำบากน้ำเผื่อยังเหลือหลง | ||
| เป็นหล่มลึกตลอดไปในไพรพง | ก็น้อยลงกว่าแต่ก่อนเป็นดอนไป | ||
| เจ้าพระยาแม่ทัพสดับแจ้ง | ว่าทางแห้งไม่สู้ยากลำบากไพร่ | ||
| คิดจะยกซึ่งพหลพลไกร | แต่ยังไม่มีช้างโคต่างจร | ||
| เจ้าพระยาแม่ทัพเฝ้าปรับทุกข์ | ไม่มีสุขเศร้าในฤทัยถอน | ||
| เที่ยวหาจ้างช้างอำมาตย์ราษฎร | ก็บ่ห่อนสมคิดจิตรำพึง | ||
| พอวันหนึ่งมีผู้ถือหนังสือกระดาษ | ของพระยาราชเสนาลงมาถึง | ||
| ยังเจ้าคุณแม่ทัพคำนับคำนึง | เจ้าคุณจึงอ่านได้มีใจความ | ||
| ใบบอกว่าพระยามหาอำมาตย์ | กับเจ้าเมืองโคราชเรืองสนาม | ||
| เข้ารบอ้ายฮ่อนั้นวัดจันงาม | พอสงครามฮ่อแหกแตกกระจาย | ||
| กองทัพไทยได้ทีตีกระทบ | พวกฮ่อรบแหกหันหนีผันผาย | ||
| พวกกองทัพจับได้ทั้งไพร่นาย | ที่เหลือตายหลบหลีกตั้งปีกกา | ||
| ฮ่อยกพลขึ้นบนหลังคาโบสถ์ | ปืนลูกโดดยิงไทยด้วยใจกล้า | ||
| พวกอ้ายฮ่อดีนักแผลงศักดา | บนหลังคาโบสถ์ยืนยิงปืนกัน | ||
| พระสุริยนสนธยาวลาหก | เพอิญตกยิ่งยวดเป็นกวดขัน | ||
| พวกอ้ายฮ่อก็กระโดดจากโบสถ์พลัน | เข้าฝ่าฟันหนีไปได้ทั้งมวล | ||
| แต่พระยามหาอำมาตย์นั้น | ได้จัดสรรคนลอบไปสอบสวน | ||
| สกัดจับทัพฮ่อที่ก่อกวน | หลายกระบวนตามกระชั้นไปพันพัว | ||
| เสมียนอ่านบอกเสร็จสำเร็จจบ | เจ้าคุณตบมือสรวลสำรวลหัว | ||
| พวกอ้ายฮ่อเสียกระบวนมันจวนตัว | ด้วยความกลัวหนีโดดจากโบสถ์ไป | ||
| คนล้อมถึงสามพันกระชั้นชิด | อ้ายฮ่อมันมีฤทธิ์จึงหนีได้ | ||
| พวกเราไม่ต้องยกขึ้นบกไป | ด้วยสิ้นไส้ศึกเสร็จสำเร็จการ | ||
| ซึ่งตัวฉันได้ฟังแล้วนั่งยิ้ม | ใจเอิบอิ่มปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ | ||
| นึกเดาเอาว่าสำเร็จศึกเสร็จการ | ได้กลับบ้านแล้วพวกเราอย่าเศร้าใจ | ||
| คอยฟังกล่าวซึ่งท้องตราให้หากลับ | ก็ลึกลับเหลือล้นพ้นวิสัย | ||
| ยิ่งนับวันก็ยิ่งหายกลับกลายไป | ประหลาดใจเหลือล้ำนั่งคำนึง | ||
| อนึ่งชั่วตัวฉันลืมวันคืน | เมื่อจมื่นทิพเสนาลงมาถึง | ||
| คุมฮ่อมาที่ทำเนียบไม่เงียบอึง | คนทะลึ่งอยากเห็นฮ่อวิ่งสอมา | ||
| ฮ่อสองคนใหญ่เล็กเจ๊กแท้แท้ | ช่างเรียกแห้ฮ่อฟังน่ากังขา | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพรับบัญชา | เสมียนมาถามฮ่อเขียนข้อคำ | ||
| จีนคนเล็กคนใหญ่มันให้การ | ดูเพ่นพ่านฟั่นเฟือนเลื่อนถลำ | ||
| เห็นผันแปรแชเชือนเป็นเงื่อนงำ | มิได้จำจดไว้ไม่เป็นการ | ||
| ทิพเสนาก็พาจีนฮ่อกลับ | เจ้าคุณแม่ทัพเกษมศานต์ | ||
| แรมทัพอยู่ที่ท่าเป็นช้านาน | ทำบุญทานด้วยมนัสมีศรัทธา | ||
| ได้ซ่อมแซมกุฏิพระวิหาร | ทำไม้กรานค้ำโพธิ์โตสาขา | ||
| เอาเงินแจกคนชแรแก่ชรา | ทอดผ้าป่าโดยนิยมพอสมควร | ||
| พอโคต่างช้างมาลงมาถึง | เจ้าคุณจึงให้คนลอบไปสอบสวน | ||
| ให้ได้เห็นจึงรู้ดูจำนวน | จงถี่ถ้วนช้างตั้งเป็นพังพลาย | ||
| ช้างเบ็ดเสร็จร้อยเจ็ดสิบช้างกว่า | โคต่างห้าร้อยถ้วนจำนวนหมาย | ||
| ท่านเจ้าคุณยินดีเป็นที่สบาย | พร้อมทั้งนายทัพนายกองปรองดองกัน | ||
| กำหนดที่จะยกขึ้นบกเดิน | บอกแต่เนิ่นเตรียมพหลพลขันธ์ | ||
| เดือนสิบสองขึ้นสองค่ำเป็นสำคัญ | จะผายผันไปตำแหน่งท่าแก่งคอย | ||
| พลกองทัพรู้ทั่วเตรียมตัวท่า | บ้างทำม้าสานตะกร้อไม่ท้อถอย | ||
| ตระเตรียมเป็นธุระไม่ตะบอย | ไม่อ้อยสร้อยสานกระทอพอตะพาย | ||
| พวกลาวชาวบ้านพระยาทศ | รู้กำหนดว่าจะไปแล้วใจหาย | ||
| ท่านผู้เฒ่าเฝ้าละเหี่ยแสนเสียดาย | กองทัพอยู่ค่อยคลายพวกคนพาล | ||
| ไม่อยากให้กองทัพไปลับลี้ | ตั้งอยู่ที่แสนเป็นสุขสนุกสนาน | ||
| ทั้งข้าวของไม่หายวายรำคาญ | พวกชาวบ้านหม่นหมองนองน้ำตา | ||
| กองทัพมาครั้งนี้เป็นที่ยิ่ง | ดีจริงจริงปกปักคุ้มรักษา | ||
| ค่อยว่างเข็ญเย็นเกล้าเหล่าประชา | บ้างโศกาไห้ร่ำโศกรำพึง ฯ | ||
| ๏ ณ วันคืนปีเดือนจำเคลื่อนคลาด | เจ้าคุณราชวราขึ้นมาถึง | ||
| ขึ้นทำเนียบท่าน้ำดั่งคำนึง | แล้วเชิญซึ่งท้องตราขึ้นมาพลัน | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพรับหนังสือ | มาจากมือเจ้าคุณราชแล้วผาดผัน | ||
| มายังที่ชุมนุมประชุมพลัน | พร้อมพรักกันทั้งลูกทัพคอยรับรอง | ||
| แล้วจึงอ่านสารตรามาบังคับ | ให้กองทัพยกเคลื่อนเดือนสิบสอง | ||
| จะตอบโต้เบือนบิดผิดทำนอง | จงเคลื่อนกองทัพยกขึ้นบกไป | ||
| ท่านเจ้าคุณแจ้งความตามบังคับ | จึงพูดกับเจ้าคุณราชไม่หวาดไหว | ||
| โคต่างช้างมีมาจะว่าไร | อยากจะใคร่กรีพลพหลจร | ||
| บัดนี้ช้างโคต่างมาถึงหมด | ได้กำหนดไว้แล้วแต่ก่อน | ||
| จะยกซึ่งพหลพลนิกร | ใช่จะนอนเนิ่นใจเมื่อไรมี | ||
| แล้วแต่งตอบข้อความตามที่กล่าว | เป็นเรื่องราวน้อมประณตบทศรี | ||
| ขอถวายบังคมลาฝ่าชุลี | สิ้นวาทีห่อพับประทับตรา | ||
| แล้วส่งลงบางกอกบอกนุสนธิ์ | ตามเหตุผลข้อศึกที่ปรึกษา | ||
| ครั้นรุ่งแจ้งแสงศรีสุริยา | เห็นกำปั่นไปมาถึงท่าพลัน | ||
| เห็นฝรั่งนั่งร่ามาหน้าเรือ | ประหลาดเหลือมาไยผิดใจฉัน | ||
| พอเห็นหมวกกะระเซ็นเป็นสำคัญ | ชาวอเมริกันเขาขึ้นมา | ||
| ถึงเจ้าคุณแม่ทัพคำนับน้อม | กับของพร้อมสารพัดเขาจัดหา | ||
| เล่าแถลงแจ้งจิตตามกิจจา | ตามบรรดาคนนอกเขาออกทุน | ||
| ฝรั่งพร้อมกันเสียเงินเรี่ยไร | ทั้งคนใหญ่คนน้อยพลอยอุดหนุน | ||
| ทั้งนายห้างกัปตันท่านกงซุล | เขาทำบุญสู้เสียเงินเรี่ยไร | ||
| ได้จัดซื้อผ้าห่มขนมปัง | กับอีกทั้งหยูกยารักษาไข้ | ||
| ยาโกรกกรากใบตองสำรองไป | ทั้งขีดไฟชาหีบรีบเอามา | ||
| จะมอบของสิ่งนี้ให้ใครบำเรอ | มอบดอกเตอร์ดูพิทักษ์ได้รักษา | ||
| คนกองทัพจับไข้ได้พยา- | บาลบรรดาคนไข้ของให้ทาน | ||
| พวกดอกเตอร์เขาก็พากันมารับ | ของสำหรับที่จำแนกแจกทหาร | ||
| ช่วยกันขนล้นหลามถ้วยชามจาน | ทั้งนำตาลทรายกระสอบรับมอบมา | ||
| ครั้นจวนวันจวนเดือนจะเคลื่อนคลาด | ไปจากหาดพระยาทศกำสรดหา | ||
| ซึ่งตัวฉันนี้ไม่วายฟายน้ำตา | จะจากท่าหาดเหินเดินอรัญ | ||
| ครั้นนาฬิกาได้ที่ตีสิบเอ็ด | คนพร้อมเสร็จเตรียมกายจะผายผัน | ||
| ขนของลงนาวาไม่ช้าพลัน | บ้างชวนกันกินข้าวเช้าจะไป | ||
| เหล่าลูกทัพหลานกองพร้อมนองเนือง | ล้วนแต่งเครื่องเต็มยศแสนสดใส | ||
| ดูงดงามตามตำแหน่งแกร่งเกรียงไกร | ต่างคนไปจอดลอยคอยเจ้าคุณ | ||
| ฉันนั่งที่หน้าแคร่เหมือนแต่ก่อน | อุระร้อนราวจะโลดกระโดดหมุน | ||
| พอรุ่งแจ้งแจ่มฟ้าเรื่ออรุณ | ได้สกุณฤกษ์เบิกกระบวน | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพขยับย่าง | งามสำอางเฉิดฉินดังอินศวร | ||
| เสร็จลงนาวาเวลาควร | เรือก็หวนเหห่างออกกลางชล | ||
| ฆ้องชัยลั่นสำเนียงเสียงประสาน | ฝีพายขานยาวรับอยู่สับสน | ||
| พระสงฆ์เป็นธุระประน้ำมนต์ | แล้วร่ำบ่นชยันโตโมทนา | ||
| เหล่าพวกสาวชาวบ้านละลานจิต | บ้างที่คิดถึงบุญคุณนักหนา | ||
| เดินตามส่งกองทัพจนลับตา | บ้างโศกาโหยไห้อาลัยแล | ||
| ฝีพายขึงตึงไหล่ใส่สวบสวบ | เรือยวบยวบมาในวนชลกระแส | ||
| ตัวฉันเฝ้าเพิ่มพูนอาดูรแด | ทรวงตั้งแต่โศกข้อนอาวรณ์มา | ||
| เรือรี่เรื่อยเฉื่อยฉิวละลิ่วฉุย | ฝีพายพุ้ยจ้ำหน่วงจ้างถลา | ||
| ถึงที่แก่งน้ำนูนไหลพูนมา | ดังฉ่าฉ่าฉานฉานเสียงชาญชล | ||
| น้ำพุ่งไหลโพนช่างโชนเชี่ยว | ฝีพายเหนี่ยวหันรับอยู่สับสน | ||
| ต้องขึ้นแก่งแรงร้ายหลายตำบล | ประจวบจนแก่งคอยบ่ายคล้อยโมง | ||
| น้ำเฉื่อยฉิวลิ่วเหลือพอเรือลอย | ไพร่พลคอยถ่อค้ำหักต้ำโผง | ||
| ฝีพายผ่อนอ่อนใจต้องใช้โยง | ค่อยชะโลงหน่วงเหนี่ยวเต็มเรี่ยวแรง | ||
| ช่วยกันรั้งช่วยกันลากกระชากฉุด | พอเรือหลุดล่วงพ้นตำบลแก่ง | ||
| ถึงทำเนียบที่สร้างไว้กลางแปลง | เขาตกแต่งคอยรับกองทัพชัย | ||
| เรือเจ้าคุณจอดประทับกับตะพาน | พอทหารยืนเรียงเคียงไสว | ||
| พอเจ้าคุณย่างยกขึ้นบกไป | กัปตันใหญ่บอกเป็นปรีเซนต์นำ | ||
| ทหารแถวยึกปืนขึ้นคำนับ | ไม่สับปลับดังว่าเลขาขำ | ||
| แล้วบอกให้ยกปืนยืนประจำ | เขาช่างทำเจนจัดหัดชำนาญ | ||
| ก็แรมทัพยับยั้งอยู่ที่นั่น | ครั้น ณ วันแรมสามค่ำได้ทำศาล | ||
| บวงสรวงเทวดาเจ้าท่าธาร | ให้ภิบาลกองทัพจงรับรอง | ||
| แล้วเจ้าพระยาแม่ทัพบังคับสั่ง | จัดแต่งตั้งลูกทัพบังคับต้อง | ||
| ตามกระบวนทัพชัยในทำนอง | ปันหมวดกองด้วยจะยกขึ้นบกเดิน | ||
| พระอภัยสงครามใจห่ามฮึก | เคยทำศึกรบรุกถึงฉุกเฉิน | ||
| ให้เป็นนายทัพหน้าปัญญาเดิน | คงไม่เยินย่อยยับอัปรา | ||
| ซึ่งพระไตรภพรณฤทธิ์ความคิดหลาย | เป็นปักซ้ายสำหรับกองทัพหน้า | ||
| พระอภัยพลรบจบศักดา | เป็นปีกขวาเมื่อจะยกขึ้นบกไป | ||
| พระมนตรีบวรซ้อนประดัง | เป็นกองหลังทัพหน้าอัชฌาสัย | ||
| รวมจำนวนบาญชีที่มีไป | ล้วนคนในเกณฑ์ตั้งวังบวร | ||
| พระยาชิตณรงค์เคยสงคราม | ไม่ครั่นคร้ามห้าวหาญชาญสมร | ||
| เป็นทัพขันธ์เยื้องซ้ายนายนิกร | ไม่ย่อหย่อนไพรีมีศักดา | ||
| พระยาพิชัยชาญฤทธิ์ไม่คิดพรั่น | เป็นทัพขันธ์หนุนเนื่องข้างเบื้องขวา | ||
| พลรบถือครบเครื่องศัสตรา | ประจำหน้าที่ไม่ถอยคอยต่อกร | ||
| เจ้าคุณกำกับพลคนทั้งปวง | เป็นทัพหลวงรี้พลคนสลอน | ||
| ตั้งนายกองนายทัพเป็นตับตอน | แม้นราญรอนท่วงทีจะมีชัย | ||
| ซึ่งท่านหลวงทวยหาญเชี่ยวชาญชัด | กับขุนจัดกระบวนพลเป็นคนใหญ่ | ||
| คุมทหารสำหรับแม่ทัพไป | ระวังภัยมิได้หมิ่นอรินพาล | ||
| พระพิบูลไอศวรรย์ตัวกลั่นกล้า | เป็นปีกขวาทัพใหญ่ใจทหาร | ||
| ท่วงทีกลศึกฝึกชำนาญ | ย่อมรู้การแม่นยำทำอุบาย | ||
| ซึ่งพระชาติสุเรนทร์นั้นเจนทัพ | การรบรับแล้วไม่หย่อนถอนขยาย | ||
| คุมขุนหมื่นไพร่ฉกรรจ์พันทนาย | เป็นปีกซ้ายท่วงทีดีกว่าคน | ||
| ซึ่งพระยามหานุภาพนั้น | ก็แข็งขันการศึกได้ฝึกฝน | ||
| ให้ว่าที่ปลัดทัพกำกับพล | เพื่อประจญประจัญบานรับด้านกัน | ||
| หลวงภักดีจุมพลรณดิลก | เป็นที่ยกกระบัตรทัพเห็นขับขัน | ||
| ท่วงทีมีอำนาจฉลาดครัน | รู้สันทัดแท้ไม่แปรปรวน | ||
| ซึ่งขุนสกลสารบาลใจหาญฮึก | ในการศึกแล้วไม่พรั่นใจผันผวน | ||
| เป็นที่จเรทัพจับกระบวน | เจ้าจำนวนริ้วทัพกำกับการ | ||
| ซึ่งท่านขุนอินทร์วิเชียรชาติ | ขุนพรหมราชปัญญาล้วนกล้าหาญ | ||
| ขุนนราชุมพลคนชำนาญ | ขันสัจวาทิการทั้งสี่นาย | ||
| เป็นกองแซงด้านในล้วนใจกาจ | ด้วยองอาจมิได้พรั่นจิตมั่นหมาย | ||
| อยากรบศึกฝึกตัวไม่กลัวตาย | คุมนิกายพลรบครบทุกคน | ||
| หลวงกิจจานุกิจประกาศนั้น | ก็เข้มขันชุมนุมคุมพหล | ||
| หลวงอาสาสำแดงรู้แต่งพล | เมื่อประจญประจัญรับกับอริน | ||
| หลวงจัตุรงคโยธาปัญญาลึก | การรบศึกแล้วไม่หันพักตร์ผันผิน | ||
| ขุนนราฤทธิไกนใจทมิฬ | ขุนพิชัยชาญยุทธศิลป์รวมห้านาย | ||
| ล้วนคุมไพร่ไวว่องเป็นกองหลัง | ถือโล่ห์ดั้งและดาบกำซาบสาย | ||
| ทั้งปืนใหญ่ปืนน้อยปล่อยลูกปราย | ดาบตะพายง้าวทวนกระบวนเรียง | ||
| ท่านหลวงทรงศักดาปัญญายง | ดั่งเล่าฮ่องตงเรื่องสามก๊กตีลกเอี๋ยง | ||
| ท่านขุนอินทรภักดีฤทธีเพียง | เสมอเกียงอุยอาจฉลาดการ | ||
| ท่านขุนรักพลพยุห์ใจดุเหลือ | ยิ่งกว่าเสือฤทธาก็กล้าหาญ | ||
| ท่านขุนราชเมธาปัญญาชาญ | ล้วนกองด้านแซงนอกพลหอกแดง ฯ | ||
| ๏ เจ้าคุณคัดจัดกระบวนครั้นถ้วนพร้อม | ต่างฝึกซ้อมเหล่าทหารชาญกำแหง | ||
| ครั้นรุ่งขึ้นอีกเวลาพอฟ้าแดง | ต่างจัดแจงเบิกช้างโคต่างกัน | ||
| ท่านยกกระบัตรทัพก็จับจ่าย | ทั้งช้างพลายพังทั่วล้วนตัวกลั่น | ||
| พวกนายทัพนายกองเที่ยวมองพลัน | แล้วเลือกสรรช้างขี่ดีทุกคน ฯ | ||
| ๏ ครั้นรุ่งขึ้นเดือนสิบสองแรมห้าค่ำ | เป็นวันกำหนดเคลื่อนเลื่อนพหล | ||
| ย่ำรุ่งแจ้งแสงศรีสุริยน | พวกไพร่พลเตรียมพร้อมไม่พลอมแพลม | ||
| ด้วยว่ายกกระบัตรจัดกระบวน | งามธงทวนพู่หอกดั่งดอกแขม | ||
| ที่ในท้องทุ่งนาไม่ราแรม | สีขาวแซมแดงเขียวงามเทียวทวน | ||
| เจ้าคุณนั่งคอยฤกษ์คอยเบิกเนตร | นั่งสังเกตฤกษ์นั้นไม่ผันผวน | ||
| พอได้สกุณฤกษ์เบิกกระบวน | ลั่นฆ้องถวนสามครั้งขึ้นยังเกย | ||
| ขึ้นสู่ช้างกระโจมแดงแสงระยับ | รูดม่านเยียรบับนั้นเปิดเผย | ||
| ดูงามงดรจนาสง่าเงย | ช้างตัวเคยเป็นประเทียบหลังเรียบดี | ||
| เดินไม่กระเพื่อมเพื้อมกระเทือน | ค่อยคลาเคลื่อนมาในทางหว่างวิถี | ||
| เสียงเท้าคนเดินดงเป้นผงคลี | ดั่งธรณีเพียงจะแยกแตกเป็นคลอง ฯ | ||
| ๏ ครั้นถึงประตูป่าที่อารักษ์ | คนหยุดพักบูชังสิ้นทั้งผอง | ||
| เจ้าคุณก็จำเนียรจุดเทียนทอง | แล้วจึงร้องเรียกคนให้ไปบูชา | ||
| เสร็จคลาเคลื่อนกองทัพไม่ยับยั้ง | ถึงกระทั่งห้วยกระบอกเป็นซอกผา | ||
| ก็ลุยช้างข้ามลำแม่น้ำมา | ดงพระยาเย็นเชียบเงียบเหงาใจ | ||
| ล้วนป่าทึบดงชัฏสงัดแท้ | มองเห็นแต่ยางยูงสูงไสว | ||
| โศกสักกรักกร่างมะทรางไทร | แสลงใจจิ่งจ้อคล้อตะคล้อง | ||
| มะตูมตาดเต็งแต้วแก้วมะกา | คางมะค่าประคำร้อยและข่อยหยอง | ||
| กระท้อนกระทุ่มอุทุมพรและค้อนกลอง | มะพลับพลองพลวงกะเพราสะเดาดง | ||
| ต้นตะโกสะแกแสมสาร | ต้นกำยานพระยายาและกาหลง | ||
| อัมพามะพูดชลูดโรกโลดทะนง | ทั้งเปรงปรงโปร่งฟ้าและขานาง | ||
| ต้นก้านเหลืองมะเฟืองมะฝ่อไฟ | สลัดไดนางรองและทองหลาง | ||
| มะกอกดอกประดู่ต้นหูกวาง | มะสังทรางส้มเสี้ยวเล็บเหยี่ยวยล | ||
| เกดกุ่มพุมเรียงและเหียงหาด | มะตูมตาดติดดอกบ้างออกผล | ||
| ตะเคียนเคียงเรียงระดะดูปะปน | มีทั้งคณฑาไทยลำไยดง | ||
| ตะแบกกระเบากรันเกราไกร | ทั้งเนื้อไม้กฤษณามหาหงส์ | ||
| ต้นกระทิงกระท่อมพะยอมประยงค์ | ทั้งคนทรงแส้ม้าพระยารัง | ||
| ต้นดีหมีตาเสือมะเกลือมะกล่ำ | เหลือจะรำพันไม้เหมือนใจหวัง | ||
| ด้วยอกฉันแทบพองเป็นหนองพัง | เหลือประทังที่จะทนหมองหม่นมัว | ||
| คิดเกรงด้วยความไข้อกใจฝ่อ | ฤทัยท้อแดดแฝงแสงสลัว | ||
| เข้าใต้พงดงรังระวังตัว | เพราะใจกลัวไข้ป่าจะฆ่าตาย | ||
| ไหนจะคิดถึงคู่ที่ชูจิต | ครั้นหวนคิดถึงไข้แล้วใจหาย | ||
| ไหนจะคิดถึงญาติไม่ขาดวาย | ทั้งพี่ชายน้องสาวและอาวอา ฯ | ||
| ๏ ครั้นมาถึงลำโศกวิโยคเศร้า | โอ้โศกเราเหลือลึกพ้องพฤกษา | ||
| มีลำธารน้ำเฉื่อยไหลเรื่อยมา | เหมือนน้ำตาฉันไหลใจรัญจวน | ||
| ต้นโศกเคียงเรียงรายอยู่ชายทาง | แลสล้างเหมือนหนึ่งว่าพฤกษาสวน | ||
| เหมือนโศกฉันรายทางไม่ห่างครวญ | ไห้โหยหวนมาในทางกลางอรัญ | ||
| ซึ่งหนทางเดินยากลำบากเหลือ | แม้นมาเมื่อหน้าน้ำจะทำขัน | ||
| เหล่าไพร่พลคงตายวายชีวัน | ตั้งนับพันนับร้อยไม่น้อยตน | ||
| ด้วยหนทางพอช้างจุตัวย่อง | เหมือนลำคลองแม่หมูฤดูฝน | ||
| น้ำคงท่วมเลยประศีรษะคน | จะยกพลขึ้นบนบกก็รกเกิน | ||
| ด้วยไม้ใหญ่เรียงชิดติดเป็นพื้น | ตลอดยืนถึงลำเนาภูเขาเขิน | ||
| ถึงจะให้คนถางหนทางเดิน | ตลอดเนินแล้วคงตายลงหลายพัน | ||
| จะทำแพต่อเรือก็เหลือคิด | ไปสักเส้นเห็นจะติดศิลากั้น | ||
| จะหามเรือไปก็ยากลำบากครัน | ด้วยเป็นหลั่นเป็นตอนลุ่มดอนไป | ||
| จะหาที่ต่อเรือเหลือลำบาก | จะโค่นถากถางดงที่ตรงไหน | ||
| นอนค้างดงหลายวันคงบรรลัย | ด้วยความไข้มิใช่ชั่วกลัวระวัง | ||
| ฤดูนี้เรามาเหมือนหน้าแล้ง | ยังไม่แห้งน้ำเฉอะล้วนเลอะขัง | ||
| ถ้าแม้นมาหน้าฝนพ้นกำลัง | เป็นต้องฝังกันในดงลงสักพัน | ||
| มิใช่เขาตัวเราเป็นหนึ่งแน่ | ไม่เที่ยงแท้โดยคำธรรมขันธ์ | ||
| อนิจจาว่าไม่เบี่ยงไม่เที่ยงธรรม์ | ไม่รู้วันที่จะตายทำลายตน | ||
| ไม่รู้ตัวว่าจะตายทำลายแท้ | เว้นเสียแต่ผู้วิเศษแจ้งเหตุผล | ||
| จึ่งรู้ตัวว่าจะตายวายกังวล | ปุถุชนหาได้น้อยไม่ค่อยมี | ||
| ฉันคิดถึงความตายใจหายวาบ | เหมือนเกิดลาภตามทางกลางวิถี | ||
| หากว่าบุญเราหลายได้นายดี | ไม่อินทรีย์ของเราเน่าอยู่ไพร | ||
| หากว่าเดชะบุญเจ้าคุณโข | สู้ตอบโต้ท้องตราหามาไม่ | ||
| ถ้าเหมือนเขาเมายศไม่อดใจ | คงพาไพร่มาล้างเรี่ยทางเดิน | ||
| คนอื่นก็พูดกันเช่นฉันว่า | เหล่าโยธาชวนกันสรรเสริญ | ||
| บ้างนบนอบขอบบุญเจ้าคุณเกิน | บ้างอวยชัยให้เจริญยิ่งภิญโญ | ||
| ตัวฉันนั่งแล้วลองคิดตรองตรึก | ถ้าปะศึกท่วงทีจะดีโข | ||
| ด้วยฝูงไพร่พร้อมพรั่งตั้งมโน | แผลงเดโชเอาชนะกะศัตรู | ||
| ของสนองพระเดชคุณอุดหนุนแท้ | เจ้าคุณแม่ทัพนี่อารีอยู่ | ||
| ค่อยเคลื่อนคลายหายเข็ญท่านเอ็นดู | ช่วยชื่นชูชีวังเรายั่งยืน | ||
| เหล่าพวกไพร่พูดจาว่ากันวุ่น | ขอแทนคุณท่านเมตตาจะฝ่าฝืน | ||
| จะเอากายเป็นค่ายตับรับลูกปืน | พูดกันดื่นเจียวอย่างนี้เห็นมีชุม | ||
| ค่อยเดินช้างมาในกลางพนมวัน | หัวอกฉันร้อนใจดั่งไฟสุม | ||
| แสนกระสันเศร้าโศกเหมือนโรครุม | ให้กลัดกลุ้มตรมใจไม่เสบย ฯ | ||
| ๏ มาถึงห้วยหินลับดูลับลี้ | เหมือนกับพี่ลับมานิจจาเอ๋ย | ||
| ทั้งลับตาลับหูลับคู่เชย | เมื่อไรเลยจะหายลับกลับได้ยล | ||
| ตั้งแต่มาหาได้ลืมแม่ปลื้มจิต | เฝ้าแต่คิดถึงวันหลายพันหน | ||
| ถึงยามกินยามนอนให้ร้อนรน | เป็นกังวลคะนึงคิดถึงนาง | ||
| ทั้งคิดถึงมารดาและอาพี่ | ปานฉะนี้จรดลจิตหม่นหมาง | ||
| คงคิดถึงลูกหลานข้ามด่านทาง | มาในกลางดงป่าพระยาไฟ | ||
| ชาวบางกอกออกชื่อพระยาเย็น | แล้วก็เป็นสั่นหัวกลัวความไข้ | ||
| ซึ่งเรามานี้จะรอดตลอดไป | หรือจะไม่พ้นดงจะปลงชนม์ ฯ | ||
| ๏ ครั้นมาถึงคันยาวขึ้นเขาโขด | สูงเด่นโดดแลเยี่ยมเทียมเวหน | ||
| ช้างปีนขึ้นตัวตั้งระวังตน | ขึ้นสุดบนยอดเขาลำเนาเนิน | ||
| ข้างทางแลเป็นเปลวล้วนเหวผา | หนทางมาสูงโดดบนโขดเขิน | ||
| เป็นคันน้อยริมทางพอช้างเดิน | สะทกสะเทิ้นกลัวจะตกหกคะมำ | ||
| ภูเขาเล่าก็ชันเป็นหลั่นลด | ช้างค่อยจดเดินเรียงกลัวเพลี่ยงพล้ำ | ||
| ค่อยค่อยคุกขาหน้าอุตส่าห์คลำ | แม้นถลำแล้วเป็นเหลวด้วยเหวลึก | ||
| ซึ่งคนอยู่บนสัปคับนั้น | มือถือมั่นตัวโยกอยู่โงกหงึก | ||
| ดูเหวเห็นใจเต้นอยู่ทึกทึก | ช้างพลาดกึกคนงูบจับกูบงัน | ||
| คนเดินเท้าเล่าก็ล้าทำหน้าจืด | คันยาวยืดใช่ง่ายเดินผายผัน | ||
| ซึ่งหนทางนั้นเล่าภูเขาชัน | ช้างยังดันเต็มแย่อ้อแอ้ไป | ||
| ฉันขี่ท้ายช้างเจ้าคุณเป็นบุญเกิน | แม้นต้องเดินเคี่ยวเข็ญเป็นไม่ไหว | ||
| นี่ไม่ต้องล้าเลื่อยเหน็ดเหนื่อยใจ | เพราะว่าได้ขี่ช้างทางกันดาร ฯ | ||
| ๏ ครั้นถึงทับมะค่าเห็นน่าหยุด | พี่แสนสุดเป็นสุขสนุกสนาน | ||
| แลตลอดโล่งเตียนเลี่ยนเป็นลาน | แลเชิงชานภูผาเห็นน่าชม | ||
| ที่นั่นมีอารักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ | สิงสถิตมาแท้แต่ประถม | ||
| คนกองทัพพรั่งพร้อมน้อมประนม | ที่ใต้ร่มไม้รังตั้งบูชา | ||
| แล้วคลาเคลื่อนกองทัพไม่ยับยั้ง | ดูคับคั่งพลนิกายทั้งซ้ายขวา | ||
| บ้างเป็นหลุมเป็นบ่อมรคา | บ้างตั้งท่าชันตรงลดลงดิน | ||
| ทางขึ้นขึ้นลงลงในดงชัฏ | บ้างเดินลัดหลีกออกทางซอกหิน | ||
| บ้างสูงเยี่ยมเทียมฟ้าเมฆาฆิน | บางแห่งเห็นเหม็นกลิ่นมาไม่ดี | ||
| ในดงชัฏฝูงสัตว์ไปไหนหมด | ไม่ปรากฏเจอพักตร์ฝูงปักษี | ||
| ไม่ยินเสียงลิงค่างบ่างชะนี | ไม่เห็นมีนึกประหลาดอนาถใจ ฯ | ||
| ๏ ครั้นมาถึงมวกเหล็กเป็นที่เลี่ยน | สะอาดเตียนที่ทางช่างกว้างใหญ่ | ||
| ก็หยุดซึ่งพหลพลไกร | เอาผ้าใบดาดหลังคามีฝาบัง | ||
| ทำเป็นที่สำหรับประทับผ่อน | คนล่วงหน้ามาก่อนปลูกสองหลัง | ||
| ดีกว่าคาแฝกมุงไม่รุงรัง | ยกกูบตั้งในสำหรับแม่ทัพนอน | ||
| ครั้นเวลาคำรบเมื่อพลบค่ำ | คนประจำหน้าที่มีสลอน | ||
| คอยนั่งยามตามไฟที่ในดอน | บางคนผ่อนพักหลับระงับกาย | ||
| ฟังเสียงฆ้องกระแตแซ่เสนาะ | ทั้งเสียงเกราะหวั่นไหวน่าใจหาย | ||
| ซึ่งละอองน้ำค้างลงพร่างพราย | ร่วงโปรยปรายต้องทั่วทุกตัวคน | ||
| ตัวฉันนอนในแต๊นท์แสนสบาย | พอค่อยวายตากน้ำค้างอย่างเม็ดฝน | ||
| ก็พอค่อยเป็นสุขไม่ทุกข์ทน | นอนเหนือบนพรมลาดสะอาดกาย | ||
| แสนคะนึงถึงคู่ที่ชู้ชื่น | ในกลางคืนนอนไม่หลับกระสับกระส่าย | ||
| โศกถึงมิตรคิดถึงเมียยิ่งเสียดาย | เฝ้านอนฟายชลนาไห้จาบัลย์ | ||
| โอ้พวงพะยอมหอมไม่หายวายระเหย | เมื่อไรเลยจะได้กลับไปรับขวัญ | ||
| พี่จากเจ้าลี้ลับมานับวัน | จะไกลกันไปทุกทีตั้งปีเดือน | ||
| แสนเป็นห่วงดวงจิตขนิษฐ์นาฏ | เป็นห่วงญาติน้อยใหญ่ใครจะเหมือน | ||
| ห่วงสมบัติพัสถานห่วงบ้านเรือน | เป็นห่วงเพื่อนพิสมัยอาลัยลาญ | ||
| เวลาตีสิบทุ่มยิ่งกลุ้มจิต | ขุนพินิจรัวฆ้องเพรียกเรียกทหาร | ||
| ให้ผูกช้างผูกม้าไม่ช้านาน | มาเตรียมการพร้อมพรั่งช้างพังพลาย | ||
| แล้วบอกให้ช้างคุกบรรทุกของ | ทุกหมวดกองเตรียมกันจะผันผาย | ||
| เจ้าพระยาแม่ทัพประดับกาย | ขึ้นช้างพลายสีดอลออตา | ||
| ตีสิบเอ็ดเสร็จเขยื้อนคลาเคลื่อนทัพ | พร้อมเสร็จสรรพไพร่นายทั้งซ้ายขวา | ||
| กระบวนทัพขับขันอรัญวา | ล้วนแต่ป่าดงชัฏสงัดใจ | ||
| แสงพระจันทร์สว่างกระจ่างแสง | แต่บังแฝงยงยูงสูงไสว | ||
| ส่องสว่างอยู่บนกลางนภาลัย | แต่ว่าในดงคลุ้มเป็นพุ่มพฤกษ์ | ||
| คนเดินเท้าแสนขยาดอนาถเหลือ | คิดกลัวเสือสัตว์ป่าเวลาดึก | ||
| ที่ลางคนคร้ามขลาดอนาถนึก | ต่างโห่ฮึกเสียงกันอันตราย | ||
| หนทางก็เหลือเลอะน้ำเฉอะชุ่ม | ล้านแต่หลุมหล่มเลอะเปรอะใจหาย | ||
| ครั้นจวนแจ้งแสงเมฆาเวลางาย | ฉันไม่วายคิดถึงน้องจิตหมองมล ฯ | ||
| ๏ ครั้นถึงทุ่งใช้วานฉันวานหน่อย | ไปบอกสร้อยเสาวเรศแจ้งเหตุผล | ||
| ว่าฉันไม่มีสุขเฝ้าทุกข์ทน | แลไม่ยลผู้ใดจะใช้วาน | ||
| ยิ่งโหยหวนครวญหานิจจาเอ๋ย | ผู้ใดเลยจะช่วยกล่าวนำข่าวสาร | ||
| ไปถึงมิตรขนิษฐายุพาพาล | แจ้งเหตุการณ์ว่าพี่ดีสบาย | ||
| ไม่เจ็บปวดป่วยช้ำมีความสุข | เป็นแต่ทุกข์เศร้าโทรมถึงโฉมฉาย | ||
| เป็นสุดงดที่จะคลาดสวาทคลาย | คิดถึงสายสุดที่รักที่จากทรวง ฯ | ||
| ๏ ถึงสระคุดเห็นสระมีประจักษ์ | ประหลาดนัดสระอะไรช่างใหญ่หลวง | ||
| ฝูงคนมาวิดวักอาบตักตวง | น้ำในห้วงถึงว่าแล้งไม่แห้งใน | ||
| เวลาเช้าฟ้าโล่งสี่โมงครึ่ง | เจ้าคุณจึ่งหยุดพหลพลไพร่ | ||
| เสพโภชนาหารสำราญใจ | แล้วยกไปเข้าพงดงวนา | ||
| ที่ผืนแผ่นดินบางแห่งบ้างแดงล้ำ | บ้างก็ดำเหมือนแสร้งแกล้งมุสา | ||
| บางแห่งเหลืองสีล้ำดอกจำปา | พื้นสุธาบางแห่งขาวไม่ร้าวราน | ||
| ที่ในดงพงพฤกษ์นึกประหลาด | ด้วยอากาศดงร้ายหลายสถาน | ||
| บางแห่งร้อนบางแห่งเย็นเป็นวิการ | บ้างสะท้านจับเท้าหนาวขึ้นมา | ||
| บ้างครั่นเนื้อตัวร้าวชักหาวนอน | บ้างก็ร้อนวิบัติขัดนาสา | ||
| บางแห่งวิงเวียนหัวมืดมัวตา | บ้างจับนาสิกให้ชักไอจาม | ||
| บ้างก็เหม็นขื่นเขียวเหม็นเปรี้ยวบูด | ไม่อาจสูดด้วยว่าจิตนั้นคิดขาม | ||
| ด้วยอายแร่แต่ดินมักกินลาม | ตลอดตามสองข้างหนทางจร | ||
| อีกอายว่านอายยาในป่าชิด | ล้วนมีพิษขึ้นอยู่ดูสลอน | ||
| ครั้งต้องแสงสุริยาทิพากร | กำเริบร้อนด้วยพิษฤทธิ์วิกล | ||
| อายพื้นดินนำพาให้อาพาธ | วิปลาสแรงกล้าเมื่อหน้าฝน | ||
| ตกแล้งหมาดขาดเหงื่อยังเหลือทน | จึงพาคนให้เป็นไข้ได้รำคาญ | ||
| คนเดินเท้าก้าวหล่มบ้างล้มลุก | ช้างเดินบุกหล่มล้าน่าสงสาร | ||
| เหล่าโคต่างล้าล้มอยู่ซมซาน | บ้างวายปราณกลิ้งตายเป็นหลายโค | ||
| ช้างบุกหล่มบ้างล้มด้วยเต็มล้า | ดูก็น่าสมเพชสังเวชโข | ||
| เจ้าของช้างเสียใจร้องไห้โฮ | ว่าพุทโธ่ซื้อมาราคาแพง | ||
| ที่ช้างใหญ่ไม่สู้ล้ามาติดติด | พระอาทิตย์คล้ายบ่ายลงชายแสง | ||
| คนเดินเท้าอ่อนล้าระอาแรง | บ้างย่องแย่งเท้าพุปะทุพอง ฯ | ||
| ๏ ครั้นออกจากป่าดงพ้นพงชัฏ | โสมนัสยินดีไม่มีสอง | ||
| ก็หยุดยั้งฝั่งน้ำลำตะคลอง | ต่างขนของปลงช้างกูบวางราย | ||
| คนปลูกแต๊นท์สำเร็จโดยเสร็จสรรพ | เจ้าพระยาแม่ทัพเสร็จผันผาย | ||
| เข้าพักในร่มแต๊นท์แสนสบาย | พลนิกายล้อมรอบขอบมณฑล | ||
| ครั้นรุ่งแสงสุริยาภานุมาศ | จึ่งประกาศแก่เหล่าชาวพหล | ||
| จะต้องพักอยู่นี่คอยรี้พล | ที่เหลือล้นล้าหลังยังไม่มา | ||
| ซึ่งชาวบ้านอยู่ยังแขวงจังหวัด | ในดงชัฏล้วนลาวคนชาวป่า | ||
| เขาก็ชักชวนกันมาวันทา | เจ้าพระยาแม่ทัพออกรับรอง | ||
| บ้างเอาส้มหน่วยและกล้วยหวี | ใจอารีมาคำนับรับสนอง | ||
| บ้างก็หาพริกผักและฟักทอง | ทำเป็นของกำนัลจัดสรรมา | ||
| ท่านเจ้าคุณแม่ทัพก็รับรอง | กล่าวคำพร้องถามดั่งจิตกังขา | ||
| อยู่ในพนมวันอรัญวา | เจ้าคิดหากินนั้นด้วยอันใด | ||
| ซึ่งคนเป็นผู้ดีอย่างมีทรัพย์ | คะเนนับของเจ้าสักเท่าไหร่ | ||
| พวกลาวเรียนแอ่ออพูดจ้อไป | บ้างวาได้ปีหนึ่งตำลึงเดียว | ||
| บ้างว่ามีพอหยิบสิบสลึง | บ้างว่ามีบาทหนึ่งขอดจนเขียว | ||
| ที่เศรษฐีอย่างยิ่งมีจริงเจียว | ตระหนี่เหนียวห้าตำลึงนั้นพึ่งมี | ||
| ท่านเจ้าคุณได้ฟังคิดสังเวช | ครั้นแจ้งเหตุพวกลาวชาววิถี | ||
| คิดสมเพชเวทนานึกปรานี | ใจอารีแก่คนที่จนจริง | ||
| ท่านแจกเงินคนละบาทไม่ขาดหน้า | ลาวที่มานั่งรายทั้งชายหญิง | ||
| บางคนกลัวจะไม่ได้ใจประวิง | ไม่นั่งนิ่งลุกขยับมาฉับพลัน | ||
| ล้วนได้เงินคนละบาทสมมาดหมาย | ทั้งหญิงชายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | ||
| บ้างไหว้แล้วไหว้เล่าเฝ้ารำพัน | อวยพรท่านเจ้าคุณให้บุญมี ฯ | ||
| ๏ พอรุ่งเช้าเจ้าคุณท่านทำศาลเจ้า | ปลูกไว้เคียงศาลเก่าริมวิถี | ||
| พร้อมหลังคาปกปิดมิดชิดดี | ดูท่วงทีเรือนฝรั่งด้วยช่างทำ | ||
| วิไลเลิศเฉิดฉายถวายเจ้า | อีกรูปเสาวลึงค์ดูขึงขำ | ||
| ใหญ่โตคะเนตาสักห้ากำ | สง่าง้ำอยู่ในศาลสะอ้านตา | ||
| เครื่องบางสรวงเป็ดปูหัวหมูเหล้า | ถวายเจ้าให้พิทักษ์ช่วยรักษา | ||
| พวกนายทัพนายกองเนืองนองมา | ซึ่งบรรดาพลไพร่ได้เอ็นดู | ||
| ซึ่งโรคภัยอันตรายอย่ากรายกล้ำ | เจ้าจงบำบัดภัยอย่าให้สู้ | ||
| ขอจงช่วยบำรุงผดุงชู | ทุกหมวดหมู่กองทัพจนกลับมา | ||
| ด้างอยู่นั้นสองวันกับสามคืน | พอคนชื่นหายเหนื่อยที่เมื่อยขา | ||
| ก็ยกซึ่งพยุหบาตรเยื้องยาตรา | ข้ามช้างม้าที่แม่น้ำลำตะคลอง | ||
| แล้วเดินตามวนาป่าละเมาะ | ชมว่านเปราะพอพ้นหายหม่นหมอง | ||
| ทั้งว่านแรดว่านช้างว่านยางทอง | ทั้งว่านปล้องว่านปลามหากาฬ | ||
| มีทั้งว่านเสน่ห์จันทน์ว่านฟันม้า | ว่านพระยาสามรากว่านสากสาร | ||
| ว่านนิลเพทเจ็ดศีรษะหนุมาน | มีทั้งว่านตะง้าวว่านสาวพึง | ||
| อีกว่านตูมว่านเต่าว่านเฒ่าหง่อม | และว่านหอมว่านเห็ดว่านเพ็ชหึง | ||
| ว่านกำแพงเพชรเจ็ดชั้นสามพันตึง | อีกว่านอึ่งว่าคางคกว่านนกยาง | ||
| ว่านเพ็ดน้อยเพ็ดม้าว่านสาโรช | ว่านกำโหมดว่านมัวว่านหัวสาง | ||
| ว่านแพทว่านรภิมอยู่ริมทาง | ว่านกระดางนางกวักว่านจักบัว | ||
| ว่านเพชสงฆาว่านอาสพ | ว่านบุตรลบมีเป็นจุกสิ้นทุกหัว | ||
| อีกว่านอุกว่านอาบว่านคราบวัว | อีกว่านพลั่วว่านพลวกว่านหมวกคน | ||
| ว่านอีดำอีแดงแสงอาทิตย์ | และว่านพิษขึ้นหมู่ฤดูฝน | ||
| อีกว่านเจ็ดช้างสารว่านกำพล | ทั้งว่านต้นหลายหลากมีมากนัก | ||
| ว่านดีดีมีถมน่าชมชิด | อยู่ติดติดแลดูล้วนรู้จัก | ||
| จะวานเพื่อนก็ไม่พบประสบพักตร์ | นึกแสนรักแลดูหมู่อรัญ | ||
| คิดคิดจะลงช้างวิ่งวางหา | เกรงอาญาเจ้าคุณจะหุนหัน | ||
| ถ้ามาตรแม้นท่านโกรธทำโทษทัณฑ์ | นึกหาอันจะรำคาญด้วยว่านยา ฯ | ||
| ๏ ครั้นถึงพุนกยูงมุ่งเขม้น | มิได้เห็นนกยูงฝูงปักษา | ||
| นกยูงไปไหนนะไม่ปะตา | ขอเชิญมาตรงนี้ขอพี่ชม | ||
| ห้อนหางให้พี่วายหายกำสรวล | ช่วยชักชวนพอให้ปลื้มลืมประถม | ||
| คิดถึงน้องหมองในฤทัยตรม | อกระทมอยู่เจียวฉันแต่วันมา | ||
| ครั้นกองทัพลับพุนกยูงแล้ว | ไม่ผ่องแผ้วเหือดสิ่นถวิลหา | ||
| ช้างก็เดินโดยทางกลางวนา | พระสุริยาบ่ายน้อยคล้อยอำพน ฯ | ||
| ๏ ถึงนครจันทึกนึกสงสัย | เมืองอะไรกลางป่าน่าฉงน | ||
| ไม่เห็นมีที่อยู่เหล่าผู้คน | หรือว่าต้นไม่บังเมืองตั้งไกล | ||
| ครั้นพ้นท้องทุ่งกว้างมีทางตรง | แลเห็นธงปักแพ้วอยู่แหววไหว | ||
| เขาบอกว่าเสือกินคนฉงนใจ | เสืออะไรมีอยู่มากฉันอยากยล | ||
| ถามนายแขวงนายกำนันนั้นเขาว่า | กองทัพมาเมื่อหมู่ฤดูฝน | ||
| มาเจ็บนอนอยู่ในป่ารักษาตน | เพื่อนสองคนอยู่รักษาพยาบาล | ||
| ครั้นว่าฝนตกหนักเพื่อนผลักหนี | เจ้าคนเจ็บเต็มทีน่าสงสาร | ||
| ก็นอนอยู่เอกีราตรีกาล | เสือก็คลานเข้าฟัดขบกัดกิน | ||
| แล้วคนเขาเดินพบอศภเหลือ | เป็นรอยเสือกัดไว้ยังไม่สิ้น | ||
| ทำธงปักให้คนเขายลยิน | ว่าตรงถิ่นที่นี่มีรังควาน | ||
| ซึ่งตัวฉันได้ฟังคิดสังเวช | นึกสมเพชมิได้วายหายสงสาร | ||
| ถ้าแม้นเราเจ็บลงอยู่ดงดาล | เป็นอาหารเสือเหมือนเขาอกเราอา | ||
| ถึงเราเจ็บเจ้าคุณเห็นเป็นไม่ทิ้ง | เป็นความจริงใช่แสร้งแกล้งมุสา | ||
| คงไม่ต้องว้าเหว่อยู่เอกา | ด้วยเรามาริมเท้าแห่งเจ้านาย | ||
| แต่คนอื่นเป็นไข้อยู่ในทาง | ยังให้ช้างขี่มารักษาหาย | ||
| แล้วเจ้าคุณสั่งทั่วทุกตัวนาย | พลนิกายเจ็บจริงอย่าทิ้งกัน ฯ | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ล้วนความจริงไม่แกล้งมาแต่งปด | ได้จำจดผูกพันจนวันกลับ | ||
| ถึงความร้ายการดีที่ลี้ลับ | ได้สดับเรื่องหมดจดจำมา | ||
| ซึ่งบางพวกไม่ได้ขึ้นไปทัพ | บางคนกลับผูกจิตริษยา | ||
| แล้วกล่าวโทษติฉินแกล้งนินทา | ค่อนขอดว่ากองทัพเสียยับเยิน | ||
| . | |||
| . | |||
| . | |||
เชิงอรรถ
ที่มา
นิราศหนองคาย ของ หลวงพัฒนพงศ์ภักดี (ทิม สุขยางค์) พิมพ์ครั้งที่ ๔ ไทยวัฒนาพานิช พ.ศ. ๒๕๔๔
