ลิลิตพระฦๅ

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 16:49, 28 กันยายน 2552 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

ผู้แต่ง: หลวงศรีมโหสถ (กลัด)

บทประพันธ์

ร่าย
๏ ศรีสวัสดิพิพัฒมงคลเพิ่มพูนผลภิญโญยศ
ปรากฏกิตติกึกก้องสเทือนท้องพสุธาดล
กุลาหลห่อนฝืนขืนเขงแข่งข่มขาด
ขยั้นขยาดราชฤทธิ์ทั่วทศทิศออกระอา
กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์
มหินทรอโยทธยามหาดิลกโลกยเลิศ
สุดประเสริฐสมบูรณ์อดุลยเดชเดื่องหล้า
ฟู่ฟ่องฟ้าฟุ้งขจรดุจทินกรกาจเก็จ
เผด็จเดชดัษกรหมดเยิรยอยศจอมเจ้า
เกล้าภูวมณฑลสรพสกลสีมา
ประชาราษฎ์รื่นเกษมเปรมปราชเปรื่องธรณี
พระนครศรีโสภิศราชบุญฤทธิ์รังสรรค์
เวียงสวรรค์ปูนปานไพศาลสำเริงศุข
สนุกนิ์ทั่วถ้วนหน้าบุญพระจอมเจ้าหล้า
เลอศล้ำฦๅขจร
โคลง ๔
๏ มหิศรโสภิศเพี้ยงพันแสง
ส่องโลกยตลอดเขตรแขวงขวั่งด้าว
อรินทรขยาดแขยงหย่อนยศ พระนา
ทุกเทศทุกไทท้าวทบเที้ยมเคียมคัล
๏ เสนาะสนั่นเสียงอ่านเอื้อนอภิปราย
เพรงพร่ำพระฦๅขยายยศไว้
เชิงชวนชื่นหญิงชายชมชอบ ใจแฮ
เล่ห์รศสุคนธไล้เลิศล้ำคำขาน
๏ นิทานนิเทศไท้ทำเทียบ ท่านแฮ
กลอนกล่าวราวเรื่องระเบียบบอกแจ้ง
คมคำร่ำเรียงเรียบรังสฤษดิ์
อุส่าห์สรรเสกแสร้งสืบไว้ภายหลัง
๏ ดุจดังมหาราชรั้งเรืองสมุท โฆษแฮ
ทำเทียบอนิรุทเรื่องโพ้น
พระฦๅระบือสุดโสภาคย์
ทำเทียบพระลอโน้นเนื่องน้อมใจถวิล
ร่าย
๏ มีบุรินทร์ถิ่นหนึ่งพิศก้ำกึ่งเวียงสวรรค์
ล้วนสิ่งสรรพ์โอฬารป้อมปราการกอบพร้อม
เวียนแวดอ้อมล้อมวงปลิวปลายธงสรล่าง
พ่างสุทัศนธานีนามบุรีรมยนคร
มหิศรเสวยสวัสดิ์นามนพรัตนนรินทร์
นฤบดินทร์ปิ่นสนมถ้วนทุกกรมกำนัล
สิบหาพันกัลยาอรรคสุดาดวงมาลย์
งามเงื่อนปานอับสรสวรรค์ผ่องผิวพรรณผุดผาด
พระนามนาฏนฤมลดวงอุบลวรรณา
มีธิดาทั้งคู่โฉมเยื้อนอยู่ยะแย้ม
งามแสล้มเสลาสลวยระทวยดุจเครือวัลย์
ภักตร์เพียงจันทร์เพ็ญงามนามพระพิมพ์แลพระพรรณ
ดุจสาวสวรรค์ว่ายฟ้ามาเฉลิมโลกยแหล่งหล้า
เลิศล้ำลออโฉม
โคลง ๔
๏ งามประโลมทั้งคู่เคี้ยงควรชม
กำดัดรุ่นเรียงรมย์ร่วมห้อง
พระพิมพ์นิ่มนวลสมโสภาคย์
โฉมพระพรรณยิ้มหย้องยั่วแย้มยวลกล
๏ นฤมลมีพี่เลี้ยงทั้งสอง
ชื่อว่านางจันจองจัดไว้
นางเจิมคู่เคียงสนองถนอมนาฏ
เฉลียวฉลาดเลศได้ดั่งน้ำใจถวิล
โคลง ๒
๏ พระปิ่นบิตุเรศให้สองอยู่ยังย่าไซร้
ศุขล้ำสำราญ
๏ พระพี่เลี้ยงบริบาลค่ำเช้าคอยประคองสองเจ้า
แจ่มหน้านวลศรี
ร่าย
๏ ยังมีบุรีใหญ่พร้อมพรั่งไพร่ไพบูลย์
มูลมองมากช้างม้าทแกล้วทกล้าเกลื่อนเมือง
แน่นนองเนืองราษฎรนามนครลพบุรี
ปิ่นธรณีนามกรมหิศรพันธุมราช
นามวรนาฏมหิษีสุมาลีเลอสวาดิ
เปนปิ่นราชกำนัลหมื่นหกพันกำหนด
มีเอารสชดช้อยโฉมยิ่งย้อยหยาดฟ้า
ในแหล่งหล้าไป่ปานชนมานสิบหกปี
นามพระฦๅศรีโสภาคย์โฉมมลากโสภณ
วิมลภักตร์โสภาลักษณาโสภิต
เจริญจิตรจอมราชภูวนารถตั้งพี่เลี้ยง
ชื่อนายกลั่นแลนายเกลี้ยงกล่อมแก้วกลอยใจ
โคลง ๔
๏ งามวิไลเลิศล้ำเลอไตร ภพแฮ
องค์พระฦๅอำไพผ่องแผ้ว
ทรงโฉมประโลมใจเจริญสวาดิ
งามยิ่งพระลอแล้วเลิศท้าวทั้งผอง
๏ ทำนองนวยนาดแม้นเหมือนหงษ์
น้อมแน่งระโอดองค์อ่อนอ้อน
พิศพิลาศเลิศทรงโสภาคย์ แลพ่อ
งามดุจจะชูช้อนเชิดไว้หว่างทรง
๏ งามดวงพระพักตร์เพี้ยงเพ็ญแข
งามเนตรชำเลืองแลเล่ห์ล้ำ
งามขนงก่งศิลป์แปรมาเปรียบ ปานฤๅ
กรรณดุจกลีบบัวก้ำเกษคล้ำดำนิล
๏ นาสิกสิ้นสุดพร้อมเพราคม
โอฐเอี่ยมเทียมชาดสมสะอาดแท้
ปรางเปล่งปลั่งน่าชมเชยชื่น จิตรพ่อ
สอดั่งสอหงส์แล้เล่ห์ล้ำกลกลึง
๏ อังษาขึงผึ่งผ้ายผายงาม
กรทอดระทวยยามยาตรเยื้อง
บั้นองค์อ่อนอวนกามกาเมศ
สองพระเพลาตลอดเบื้องบาทสิ้นสุดสม
๏ งามอุดมกว่าท้าวทั้งปวง
ทั่วประเทศเมืองหลวงเลือกแล้ว
จักเปรียบจักปานดวงภักตร์ห่อน มีฤๅ
งามเลิศล้ำน้ำแก้วหล่อแล้วไป่ปาน
๏ เสียงผสานซอขับร้องร่ำชม
โฉมพระฦๅอุดมเดื่องหล้า
สาวหนุ่มนึกนิยมยินมลาก พระนา
ต่างคิดจิตรเจียนบ้าบ่นเพ้อภายหลัง
ร่าย
๏ ขจรทั้งแหล่งหล้าเพื่อพ่อค้าขับซอ
ยอยศพระฦๅเลื่องข่าวฟุ้งเฟื่องถึงนาฏ
สองวรราชธิดาเสน่หาหันหวล
ครวญคิดจิตรกระศัลย์ให้ใฝ่ฝันหม่นหมอง
ดุจเครือทองระทวยองค์พิศวงหวังราช
พิศวาดิหวังไท้หมองมัวไหม้เศร้าสร้อย
ลห้อยโหยหวนหาเพ็ญภักตราหม่นหมอง
กรมตรอมตรองหมองหมางส่วนสองนางพี่เลี้ยง
คอยกล่อมเกลี้ยงกลอยสวาดิเห็นประหลาดหลากจิตร์
คิดประหลาดหลากใจเหตุใดสองสร้อยเศร้า
สองนางเข้าในห้องเห็นพระพี่พระน้อง
โศกเศร้าหมองหมาง
โคลง ๔
๏ นางเจิมนางจั่นเข้าเคียงถาม
ไฉนแม่โฉมงอนงามหม่นไหม้
ฤๅใครกระทำความเคืองขัด ใดแม่
ฤๅว่าแม่ป่วยไข้โรคเร้ารุมสกนธ์
๏ นฤมลฟังกล่าวแก้กลสนอง
ใยพี่จึงถามสองดั่งนี้
แต่นี้พี่คอยปองเผาศพ เถิดพี่
สุดที่จักชักชี้ช่องให้ใครเห็น
๏ เปนใดกล่าวดังนี้น่าฉงน
ใครขัดขืนกระมลหม่นไหม้
ฤๅป่วยเจ็บกังวลสิ่งหนึ่ง ใดแม่
จงบอกยุบลให้พี่รู้เหตุผล
๏ กังวลลับฦกล้ำเหลือหลาย พี่ฮา
แทบจะตีตนตายห่อนแคล้ว
เป็นคนอยู่อับอายออกปาก ได้ฤๅ
สูญชีพดับชาติแล้วมุ้งเมื้อเมืองสวรรค์
๏ จอมขวัญตรัสดั่งนี้เยียใด แม่ฮา
มิบอกตามความในถ่องถ้อย
ฤๅแม่มิไว้ใจข้าบาท
จึงนิ่งอึ้งโศกสร้อยน่าน้อยใจจริง
๏ เปนหญิงยากยิ่งแท้พี่อา
แม้บ่สมปรารถนานึกไว้
ชอบผิดคิดรักษาสงวนเงื่อน เงาแฮ
ทนสู้ตายดีได้กว่าให้คนหยัน
๏ ฉันใดบ่บอกข้อขำขงาย
จะด่วนตีตนตายก่อนไข้
ผิดชอบช่วยภิปรายโปรดบอก เถิดแม่
ข้าจะอาสาให้เหตุนั้นพลันสม
ร่าย
๏ ทรามชมฟังชื่นชอบขอบคำสองพี่เลี้ยง
จึ่งกล่าวเกลี้ยงปราไสถามน้องใยณพี่
เสียงอึงมี่อันใดจงเข้าใจเองอ้า
สองนางหน้าชื่นบานปลอบเยาวมาลย์ทั้งสอง
ไป่ควรหมองเลยณเกล้าอย่าสร้อยเศร้าเสียใจ
จะแก้ไขให้มาจะอาสาให้สม
อย่าปรารมภ์ร้อนเร่าฉันใดเล่าพี่อา
ท้าวจะมากลใดอยู่ก็ไกลต่างด้าว
ท้าวไป่รู้สักนิดข้างเราคิดข้างเดียว
อย่าเฉลียวฉะนั้นแม่แต่เพียงนี้พอได้
จะแต่ให้ไปกล่าวข่างโฉมพระน้องนาฏ
วาดรูปให้พิศวงพระฦๅหลงคงมา
สองสุดาดีพระไทยทำปราไสไขสือ
พี่อย่าถือทางผิดทุจริตเรื่องระคาย
หญิงสื่อชายไป่ควรข้างชายชวนจึ่งชอบ
สองนางตอบคำขานปนพนักงานข้าคิด
ให้สนิทสนมดีเยี่ยงอย่างมีก่อนมา
ครั้งกานดาเพื่อนแพงแจงจัดหมอแม่นยำ
ทำให้พระลอหลงตรงมาสู่สองเจ้า
เข้าในสวนสมสนิทสัมฤทธิ์ราชปรีดา
เราจะหาหมอมั่งทำให้คลั่งมาหา
ถึงพาราเราไซร้สองแม่อย่าหม่นไหม้
พี่นี้อาสา
โคลง ๒
๏ สองสุดาชื่นชื้นแกล้งกล่าวอภิปรายอื้น
อรรถถ้อยสุนทร
๏ อย่าสารวอนค่อนไค้สองพี่วานอย่าได้
วุ่นว้าหวังถวิล
๏ สองนารินรู้เท่าทูลว่าแม่อยู่เกล้า
อย่ารู้เรื่องความ
๏ ตามแต่ข้าคิดแล้วคงจะลุลาภแก้ว
ก่อเกื้อกรีธา
๏ จึงไปหาหมอเถ้าทั้งยายมดยายท้าว
ทั่วทั้งเมืองหลวง
๏ หมอทั้งปวงกล่าวถ้อยแรงข้าทั้งนี้น้อย
อาจเอื้อมถึงเลย
๏ เคยลองแต่ต่ำช้าจะลองถึงเจ้าหล้า
ยากแท้ทางทำ
๏ จงช่วยนำหาผู้อื่นอันมีความรู้
เลอศผู้ทั้งหลาย
๏ เงินทองจ่ายแจกจ้างใครช่วยสืบเสาะบ้าง
แจกจ้างแบ่งปัน
ร่าย
๏ กษณนั้นมีหมอหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์โยคี
วิทยาดีแกล้วกล้าชนถ้วนหน้านับถือ
ฦๅทั่วทุกตำบลสองนางดลถึงเย่า
เล่ายุบลดวงสมรอ้อนวอนให้หมอช่วย
บ่ให้ป่วยการปองเงินแลทองกองให้
หมอจงได้เมตตาสองพังงาอยู่เกล้า
ตาหมอเถ้าตอบถ้อยแรงเราน้อยเหลือรู้
จะแก้กู้กลใดบุญท่านไทมีมาก
ยากที่จะทำถึงข้อคำนึงใหญ่นัก
เหลือแรงจักทดลองสองนางอ้อนวอนกล่าว
ช่วยสืบข่าวคนดีมีอยู่แห่งใดบ้าง
ค่าจ้างแลรางวัลจะให้ปันให้ถึงใจ
หมอขานไขคำขำจะช่วยแนะนำให้
ท่านหนึ่งไซร้สุดดีเป็นโยคีอยู่เขา
ลำเนาสนุกนิ์เนินไศลไป่ใกล้ไกลสำนักนิ์
ท่านศักดิ์สิทธิ์สุดใจทดลองใครได้หมด
ปรากฎฤทธิเหลือหลายว่าให้ตายตายทันเห็น
ว่าให้เปนเปนทันตาจะหาใครใครก็เต้า
สองเจ้าจงไปหาจะช่วยพาไปได้
สองนางไหว้ชื่นชมนึกเห็นสมทุกถ้า
เงินเสื้อผ้าให้ปันกำหนดวันจะออกไป
สองดีใจใช่น้อยกลับมาทูลยอดสร้อย
เสร็จถ้วนทุกอัน
โคลง ๔
๏ จอมขวัญฟังพี่เลี้ยงทูลสนอง
แช่มชื่นรื่นจิตรตรองตรึกไว้
พระภักตร์ผ่องเพียงทองธรรมชาติ สุกแฮ
สองยุพินยินดีได้ดุจไท้เสด็จมา
โคลง ๒
๏ แกล้งปราใสพี่เลี้ยงสองพี่อย่ากล่าวเกลี้ยง
ดั่งนั้นฉันแหนง
๏ พรายแพร่งคนค่อนค้อนสองพี่วานอย่าย้อน
ยักเยื้องยาวความ
๏ ภายนอกห้ามยิ้มเยื้อนภายในขอบคำเอื้อน
ออกให้เห็นที
๏ สองพี่อย่าจู้จี้อย่ามาเล่าเซ้าซี้
พี่ได้เอนดู
๏ สองนางรู้เล่ห์แล้วต่างยิ้มย่องผ่องแผ้ว
เพื่อด้วยปรีดา
โคลง ๔
๏ ทูลพระย่ายักย้ายยวลกล
หลานราชสองนฤมลหม่นไหม้
หมอดูว่าขวัญดลแดนป่า
ให้รับขวัญสองไท้ที่ร้างแรมมา
๏ ย่าฟังสั่งเร่งให้ไปทูล
แด่พระนเรนทร์สูรย์สุดเกล้า
ว่าสองธิดาดูรแดเดือด อยู่แฮ
หมอจะรับขวัญเจ้าจากให้คืนมา
๏ จอมนราธิราชรู้ร้อนรน
ตรัสสั่งให้ขวายขวนอย่าช้า
จงรีบรัดจรดลไปรับ ขวัญแฮ
หมอจะเอาช้างม้ามอบให้โดยใจ
๏ ครั้นได้โอกาสแล้วกลับมา
ทูลแด่สองชายาอยู่เกล้า
สองฟังหฤหรรษาสั่งพี่ เลี้ยงแฮ
จงพี่เร็วรีบเต้าแต่เช้าค่อนงาย
๏ สั่งนายช้างผูกช้างพังสอง
ชื่อว่าพังจำลองเลิศแท้
อิกพังพิมานทองเท้าทัด กันแฮ
เร็วเล่ห์ลมลิ่วแล้เลิศช้างทั้งผอง
โคลง ๒
๏ ส่วนสองนางพี่เลี้ยงทูลแด่สองเนื้อเกลี้ยง
อยู่ข้างภายหลัง
๏ จงแต่งตั้งเครื่องไว้เผื่อโยคีมาไซร้
จักได้บูชา
๏ เพลาย่ำรุ่งแล้วสองนางขึ้นช้างแคล้ว
สู่บ้าหมอพลัน
ร่าย
๏ พากันขึ้นช้างผ้ายไปคละคล้ายบ่มิช้า
หมอออกหน้านำเดินเมิลมุ่งทุ่งแฝกแขม
พงเลาแซมสล้างสลอนเข้าดงดอนแดนรหง
ปรูประยงยูงยางตะเคียนคางคูนมะข้า
พวาหว้าขานางมะทรางไทรสักโสก
โมงหม่อนโมกมูกมันจิกแจงจันทน์กำจัด
สัดตบรรณโพบายกำจายจันทนา
ฝูงปักษาแซ่ซ้องเสียงกึกก้องพึงกลัว
ตะกรุมหัวล้านล่อนนกแสกร่อนแถกถา
ทึดทือตากลับกลอกทำหลอนหลอกพองขน
เสียงคำรนร้องเพรียกเค้ากู่เรียกคู่ก้อง
ชะนีร้องร่ายไม้ลห้อยไห้โหยหวน
ผีป่าครวญครึมครางแรดควายขวางขวิดไขว่
เสือสางไล่ด้อมมองผีโป่งปองหลอกหลอน
ริมทางจรจอแจสองนางแลลานตลึง
ลุสำนึงแนวทางบ่อบึงบางกว้างใหญ่
ปลาเสือไล่ปลาหมูเงือกงูไล่พัลวัน
เงือกคนผันผ้านหนีช้างน้ำปรี่ปรึงแทง
ม้าน้ำแฝงฝั่งหายเหรารายร่ายเรียง
จรเข้าเมียงมองตามฉลามฉลากไล่พัน
ราหูหันหาเพื่อนว่ายกล่นเกลื่อนคลาคล่ำ
ผีพรายพร่ำพำพึมกระหึมหวลครวญคราง
สองนางกลัวตัวสั่นหมอบ่ยั่นยิ้มหัว
ปลอบอย่ากลัวสองนางใช้ที่ทางถิ่นมี
หากโยคีให้เห็นเป็นต่างต่างดังนี้
หมอชวนชี้ให้เพลินขับข้างเดินเร็วรี่
ถึงถิ่นที่ลำเนาชายเชิงเขาอาศรม
พระสยมโยคีสองนารีอยู่แต่ไกล
หมอเข้าในอาศรมนั่งประนมกราบกราน
แถลงสาระสำคัญสองจอมขวัญลูกไท้
ใช้สองนางมาหาข้าจึ่งพามาเฝ้า
พระครูเจ้าจอมคุณช่วยการุญสองศรี
พระโยคีขานไขจงไปบอกให้มา
หมอก็พาสองนางพลางเข้าสู่อาศรม
สองประนมนั่งดูเห็นงูเท่าลำตาล
เลิกพังพานพ่นพิศม์สดุ้งจิตรหวั่นไหว
บัดใจงูกลับหายกลายเห็นเป็นไม้เท้า
เห็นรูปเจ้าโยคีกายินทรีย์คร่าคร่ำ
พีจ้ำม่ำล่ำสันแก่งกงันงมงาย
บัดกลับกลายเป็นกลางรูปสำอางโอ่เอี่ยม
สงบเสงี่ยมมารยาตรงามวิลาศลักษณา
สองบูชากราบไหว้ขอพระได้โปรดปราน
ช่วยเยาวมาลย์ทั้งสองให้สมปองเหมือนหมาย
จะถวายเงินทองแก้วโกฏิกองปองให้
พระจงโปรดสองไท้อย่าให้จำตาย
โคลง ๒
๏ มุ่งหมายมากราบเท้าเชิญพระไปโปรดเกล้า
พี่น้องสองศรี
๏ สองมีทุกใช่น้อยเพราะพระฦๅยอดสร้อย
โศกเพี้ยงทรวงพัง
             

ร่าย
๏ โยคีฟังไตรตรึกคำนึงนึกก่อนกาล
สุมามาลย์สองศรีสังวาศมีดังฤๅ
พระฦๅนั้นฉันใดส่องญาณไปเห็นชัด
สามกระษัตริย์เคยคู่หากเกิดอยู่ต่างแดน
เพราะแสนแค้นสองนางความแต่ปางก่อนมี
จะช่วยดีฤๅมิควรคิดสอบสวนไปมา
เปนวาสนาของเขาพึ่งบุญเราจึงสำเร็จ
เล็งเห็นเสร็จแล้วว่าสองนางอย่าร้อนรน
ถึงสินบลสินจ้างมากล่าวอ้างไป่ชอบ
เชิงประกอบการควรสูอย่าชวนกันกล่าว
จงนำข่าวเข้าไปบอกสองไทให้รู้
เราจะกู้แก้ไขให้สมใจสองคิด
สมดังจิตรสองครวญเวลาจวนจงไคล
เราจะไปภายหลังสองนางฟังชื่นชม
นิ้วประนมกราบไหว้พระจงได้การุญ
ขอพึ่งบุญพระเจ้าจงโปรดเกล้าข้าบาท
อย่าให้หวาดเหมือนก่อนผีป่าค่อนหลอนหลอก
ผีโป่งออกหลอกอึงโยคีคะนึงแย้มหัว
สูอย่ากลัวจงกลับสองนางรับคำลา
กับหมอมาขึ้นช้างสองตราบข้างมรรคา
ล้วนพฤกษาสลับสลอนฟุ้งขจรเสาวคนธ์
ดอกมณฑาสารภีดอกจำปีพิกุล
บุนนากนมสวรรค์มลิวันกรรณิกา
มลิลากุหลาบอังกาบกระดังงา
จำปาปีบสายหยุดพุดทิชาดกาหลง
ลำดวนดงชงโคยี่โถยี่เข่งเข็ม
บานตูมเต็มตามทางสองนางเชยชมชื่น
ไม้ผลดื่นดกดาษต้นลางสาดละมุด
ต้นมังคุดลำไยต้นมะไฟซ่มโอ
ต้นตะโกซ่มซ่าต้นเงาะป่าทุเรียน
ใต้ต้นเคียนกลกวาดมะตูมมะตาดสูงเสลา
กะเบียนกะเบาสูงสลอนทิชากรเพรียกร้อง
จิบจาบจ้องแจจันเบญจวรรณสัตวา
สาลิกาโนรีหมู่ปักษีแซ่ซ้อง
บ้างร่อนร้องโผผินชิงกันกินพวงผล
แจโจษจลพนมมาศหมู่จตุบาทกลาดเกลื่อน
โคถึกเถื่อนท่องเที่ยวกระบือเปลี่ยวเงยง่า
บ้างเล็มล่าลองเชิงกระจงกระเจิงจามรี
ชะมดฉมันหมีเม่นหมูกวางทรายกรูเกรียวดง
ป่าระหงเห็นพิศาลถึงถิ่นธารนที
จงกลนีลุบลบัวเผื่อนปนบัวผัน
สัตบันบงกชใบเขียวสดสะอาด
ดอกดาดาษแดงขาวราวกับแกล้งประดับ
เหล่ากระจับสาหร่ายฝูงปลาว่ายวนเวียน
ปลาตะเพียนปลากรายปลาสวายเนื้ออ่อน
ปลาช่อนปลาชะโดเทโพแลเทพา
ปลาหมอแลปลาดุกปลาอุกแลปลาอ้าว
คางเบือนค้าวเข็มเขือสร้อยซิวเสือสังควาด
สลิดสลาดสลอนสลนว่ายเวียนวนกินไคล
น้ำเย็นใสเห็นดินหมดมลทินสะอาด
เพื่ออำนาจโยคีสองนางมีปรีดา
ขับช้างมาบ่หึงถึงบ้านหมอส่งพลัน
รีบจรัลสู่วังขึ้นไปยังปราสาท
เชิญขวัญราชอรไทยสองแม่อย่าหม่นไหม้
เร่าร้อนรุมรึง
โคลง ๒
๏ คำนึงคงลุแล้วสองแม่จงผ่องแผ้ว
อย่าเศร้าหมองศรี
๏ พระโยคีสั่งไว้จักมาโปรดให้ได้
ดั่งนั้นมั่นคง
๏ สององค์ฟังถี่ถ้อยค่อยสร่างโศกแช่มช้อย
ชื่นชื้นใจหวัง
ร่าย
๏ เตียงตั่งตั้งแต่งสรรพสำหรับรับโยคิน
สองยุพินปรีดาเครื่องบูชาหาถ้วน
ล้วนแต่สิ่งงามดีพอเกิดมีมืดมนธ์
โกลาหลกลางหาวเห็นแวววาวไวไว
เห็นไรไรในหมอกสองนางออกมองดู
ชะรอยครูท่านมาพลางบูชากราบไหว้
ขอจงให้เห็นองค์โยคีลงจากฟ้า
ยืนอยู่หน้าสองศรีมีอินทรีย์สงบเสงี่ยม
รูปโอ่เอี่ยมสะอาดมารยาตรสำอาง
บ่แบบบางบ่พีลักษณศรีโสภณ
สองนฤมลปรีดาอาราธนาให้นั่ง
เหนือตั่งตั้งแต่งไว้ก้มกราบไหว้แถลงถ้อย
ทุกข์ข้าน้อยหนักทรวงดังเขาหลวงทับแท้
ขอพระโปรดข้าแล้อย่าให้จำตาย
โคลง ๒
๏ จักถวายเงินทองทั้งเก้าแก้วโกฏิกองตั้ง
แต่งให้โดยใจ
๏ เป็ดไก่เหล้าเข้าพร้อมวัวควายแพะแกะน้อม
นบเกล้าขอถวาย
๏ โยคีผายพจน์อ้างสองมาบลบาลจ้าง
ดังนี้ไป่ดี
๏ ใช่ผีท้องเลวหั้นเห็นแก่บลบาลนั้น
นึกหน้าอายใจ
๏ เทพไทยใต้หล้านับถือเราถ้วนหน้า
นอบน้อมอัญชลี
๏ ภักดีสิ่งเดียวแล้เราจะช่วยกู้แก้
ที่ร้อนรนใน
๏ สองอรไทยฟังถ้อยค่อยยิ้มแย้มแช่มช้อย
กล่าวถ้อยถามพลาง
๏ สักปางใดจะได้สมดังจิตรคิดไว้
จักได้กลใด
๏ โยคีไขข้อค้อนจะวาดโฉมอ่อนอ้อน
อวดให้พิศวง
๏ พระฦๅหลงคงเต้ามาสู่สองหนุ่มเหน้า
แม่นแท้อย่าแคลง
๏ โยคีแสดงถี่ถ้วนวาดโฉมสองงามล้วน
เลอศล้ำร่ายขำคม
ร่าย
๏ ตั้งอารมณ์บริกำเศกประจำกำกับ
เสร็จสรัพพับส่งให้ใส่หีบไว้จงดี
บอกวิธีเล่ห์กลจงแต่งคนไปกล่าว
แสดงข่าวโฉมสมรให้ขจรถึงราช
ส่งรูปวาดให้เห็นคงเกิดเข็ญคลุ้มคลั่ง
จะนอนนั่งอยู่บ่ได้ระห้อยไห้โหยหา
คงจะมาจงได้แม้นช้าให้ไปเตือน
จะมาเยือนสองศรีพระโยคีอ่านเวท
สรงสระเกษสองสมรแล้วอวยพรพลางลา
หายทันตาทันใจสองอรไทยชื่นชม
นึกเห็นสมเหมือนหมายจึ่งภิปรายปราไส
สองพี่ไวปรีชาช่วยตรึกตราให้ดี
สองนารีรับสนองนักงานของข้าคิด
ให้สนิทชิดชมอย่าปรารมภ์เลยณเกล้า
สองนางเจ้าแจ้งจัดคัดหาข้าคนสนิท
เคยใช้ชิดชอบเชื้อเคยไว้เนื้อไว้ใน
ให้ไปค้าขึ้นล่องเที่ยวท่องทั่วธานี
ในบุรีพระฦๅขับระบือสื่อข่าว
กล่าวโฉมสองพี่น้องเสียงสนั่นลั่นก้อง
ทั่วทั้งธานี
โคลง ๔
๏ อึงมี่เสียงขับอ้างอวดโฉม
สองพี่น้องควรโลมโลกย์แท้
งามล้ำเล่ห์ลอยโพยมยวลจิตร
ดูดุจอับศรแล้เลิศล้ำกลกัน
๏ พระพรรณโฉมยั่วแย้มยวลกล
งามเงื่อนอับศรยลเยี่ยมฟ้า
พระพิมพ์ผ่องโสภณพิลาศ เลิศแฮ
งามวิไลยแหล่งหล้าเลือกแล้วไป่มี
๏ ทรงศรีเสาวภาคย์เนื้อนวลผจง
สองเอี่ยมลออองค์อ่อนอ้อน
เฉิดโฉมประโลมหลงลาญจิตร
งามดุจจุชู้ช้อนเชิดไว้บ่วาง
๏ ขับอ้างอึงมี่ทั้งธานี
แกล้งกล่าวข่าวสองศรีพี่น้อง
ทราบถึงพระฦๅมีใจใคร่ฟังนา
ให้เบิกเขาเหล่าพ้องพวกนั้นพลันถาม
๏ โฉมงามทั้งคู่เคี้ยงเพียงใด
เขากล่าวแกล้งแถลงไขขับอ้าง
เฉิดโฉมประโลมใจเจริญสวาดิ
เขาถวายรูปวาดสร้างเศกไว้ดังเปน
๏ พระฦๅเห็นรูปรั้งรงงสฤษดิ์
วาววับจับดวงจิตรหม่นไหม้
หวังชมภิรมย์คิดครวญใคร่ ถึงนา
กรกอดรูปวาดไว้อัดอึ้งตลึงหลง
๏ ลืมองค์ออกโอฐโอ้อาวรณ์
อ้าแม่สองสายสมรพี่ไซร้
มีปีกจะบินจรสมสู่สองนา
หากบ่มีปีกได้เดือดเร้ารุมทรวง
๏ โอ้ดวงดาเรศสร้อยสายใจพี่เอย
เห็นรูปวาดวิไลยเลิศแล้ว
อกพี่ป่วนปานไฟรุมรุ่ม แลแม่
ไฉนจะพบน้องแก้วก่อเกื้อกรีธา
โคลง ๒
๏ จัดหาผ้าผ่อนให้แก่ผู้นำข่าวไซร้
เสร็จถ้วนทุกคน
ร่าย
๏ เขาลาดลเมื้อเมืองหน้ารุงเรืองสดศรี
เล่าคดีสองนางสองฟังพลางยิ้มแย้ม
ทูลแด่สองแสล้มอย่าร้อนรนใจ
ส่วนไท้พระฦๅเลื่องให้ฟุ้งเฟื่องอารมณ์
ต้องอาคมโยคีถูกแรงผีแรงมนต์
เกิดร้อนรนรำคาญคิดแดดาลใหลหลง
พิศวงรูปวาดพิศวาดิข่าโฉมสอง
ตรมตรอมตรองหมองเศร้าพอย่ำเข้าราตรี
เห็นเป็นที่สองเจ้ามาหมอบเฝ้าเฟี้ยมภักตร์
พระตรัสทักทันทีขอเชิญศรีสายสวาดิ
ขึ้นร่วมอาศน์บรรฐรณ์พลางเหยียดกรคว้าหา
สองพังงาหันหายพระฦๅสายโศกสร้อย
ลห้อยไห้โหยหวลกำสรดครวญคร่ำเทวศ
หลับพระเนตรนิทราพอเวลาปัจจุสไสมย
ฝันเห็นไทสองสมรมาเนานอนแนบสนิท
พระเชยชิดชมชื่นสำราญรื่นหรรษา
สองสุดาคลึงเคล้าเชิญชวนเต้าเมืองสอง
พระประคองรับขวัญพอไก่ขันอึงมี่
ตื่นจากที่บรรธมสำคัญสมสายสวาดิ
ลุกจากอาศน์หันหาบ่พบพนิดาดวงจิตร
ตลึงคิดโศรกเศร้าโอ้ขวัญเข้าไปไหน
หนีพี่ใยสองศรีพระจรลีจากอาศน์
หมายมุ่งมาทเมียงมองในปรางทองหาจบ
บ่พานพบโฉมสองมัวหม่นหมองสร้อยเศร้า
เข้าสู่ที่บรรธมตรอมเตรียมตรมซมซึม
บ่นพำพึมงึมงงบ่เป็นสรงเป็นเสวย
พระกรเกยก่ายภักตร์กำเริบรักรึงรุม
ดังเพลิงสุมเศร้าสร้อยทุกข์แทบเลือดตาย้อย
ลห้อยโหยหา
โคลง ๔
๏ โอ้ว่าสายสวาดิแก้วกับตน พี่เอย
แนบอุราเรียมจนจวบเช้า
ควรฤๅนฤมลมาจาก ไปแม่
ทิ้งพี่ให้โศรกเศร้าเร่าร้อนรุมแด
๏ ฤๅแม่หมองจิตรแค้นขุ่นทรวง
ว่าพี่ไป่ตามดวงจิตรเต้า
โอ้โฉมพิมลพวงมาเลศ พี่เฮย
มาแม่มาเถิดเจ้าจักเต้าตามสมร
โคลง ๒
๏ พระอาวรณ์โศกเศร้าคิดถึงสองหนุ่มเหน้า
เร่าร้อนอารมณ์
๏ บรรธมเหนือแท่นแก้วกอดรูปวาดไว้แล้ว
บ่นเพ้อพึมพำ
๏ สนมกำนัลน้อมเถ้าแก่ชแม่พร้อม
แวดล้อมคอยระวัง
ร่าย
๏ เห็นคลุ้มคลั่งพิกลกระวนกระวายพิการ
จึ่งนำสารทูลสนองสองชนกนนทลี
นฤบดีฟังทูลให้อาดูรแดดาล
ชวนเยาวมาลย์มหิษีจรลีสู่ปราสาท
เอารสราชเสนหาเห็นไสยาเหนืออาศน์
กอดรูปวาดไป่วางพลางปลอบถามลูกน้อย
พ่อเปนใดยอดสร้อยโศรกนั้นฉันใด
โคลง ๔
๏ พระฦๅได้สดับรู้สึกองค์
กราบบาทบิตุรงค์ร่มเกล้า
ทูลแถลงข่าวโฉมยงยวลจิตร
กอดรูปวาดหนุ่มเหน้าแนบไว้กับองค์
๏ พระบิตุรงค์รู้เรื่องรำคาญ
ตรัสปลอบยอดสงสารอย่างเศร้า
โฉมศรีสุมามาลย์มีมาก ดอกพ่อ
พ่อจะหาให้เจ้าอย่าได้อางขนาง
๏ สองนางงามเลิศล้นกลใด
เขาหากแกล้งกล่าวไขค่อค้อน
วาดแต่รูปวิไลยลวงเล่น แลพ่อ
พ่อย่าได้เร่าร้อนขุ่นแค้นรำคาญ
๏ เยาวมาลย์เมืองอื่นร้อยเอ็ดมี
งามกว่าสองนารีพี่น้อง
จักเลือกคัดหาศรีเสาวภาคย์ มานา
พ่ออย่าหลงเล่ห์ข้องข่าวน้องสองนาง
โคลง ๒
๏ พระฦๅหมางหม่นไหม้ฟังบิตุเรศตรัสให้
อัดอั้นอาดูร
๏ ยิ่งภูลเทวศโศรกสร้อยป่วนฤไทยใช่น้อย
ลห้อยโหยหา
๏ ทูลลาบิตุเรศเจ้าจักขอลาไต่เต้า
มุ่งเมื้อเมืองสอง
๏ พระบิดรตระกองเกษเกล้าโอ้ว่าพ่อขวัญเข้า
กล่าวนี้กลใด
๏ จะไปฉันใดได้ทางก็ไกลใช่ใกล้
ต่างด้าวต่างแดน
๏ แสนกันดารมากล้ำตัองขึ้นบกลงน้ำ
ยากซ้ำแสนทวี
๏ อยู่บุรีเราไซร้บิดาจะหาให้
เลือกล้วนโฉมงาม
โคลง ๔
๏ ฟังบิดาห้ามห่อนหายหวล
หลงละเมอเพ้อชวนชื่นเคล้า
อ้าโฉมแม่งามสงวนทงงคู่ เรียมเอย
พี่จะรับขวัญเจ้าแจ่มหน้านวลผจง
๏ ปางองค์บิตุเรศทั้งชนนี
ฟ้ายิ่งหม่นหมองศรีโศกสร้อย
กอดเอารสร่วมชีวิตรกับ ทรวงนา
แล้วรับขวัญลูกน้อยอย่าได้หมางหมอง
โคลง ๒
๏ ให้หาสองพี่เลี้ยงมาช่วยกันกล่าวเกลี้ยง
กล่อมแก้วกลอยใจ
๏ สั่งให้หาโหรเถ้าทั้งยายมดยายเท้า
ช่วยแก้กลเขา
๏ หมอจะเอาใดได้เครื่องเทศเครื่องไทยไซร้
เบิกให้ทันที
๏ ทั้งหมอมีมนต์เกล้าหามาทุกถ้วนหน้า
ช่วยแก้กฤติยา
ร่าย
๏ บรรดาหมอทั้งหลายล้วนแยบคายมนต์เวท
อันวิเศษเลิศล้ำบ้างเสกน้ำมนต์สรง
บ้างทำผงลงยันต์บ้างช่วยกันประกอบยา
แก้มนตราให้หายพระฦๅคลายคลั่งไคล้
จัดแจงให้รางวัลเงินทองปันถ้วนหน้า
แจกเสื้อผ้าทุกคนจอมจุมพลบิตุรงค์
กับทั้งองค์ชนนีคลายหมองศรีโศกสร้อย
ให้ทำขวัญลูกน้อยพร่ำเชื้อเชิญขวัญ
โคลง ๔
๏ กำนัลและเถ้าแก่ทั้งหลาย
ทุกหมื่นขุนมูลนายนั่งเฝ้า
พี่เลี้ยงค่อยสบายเบาจิตร
บพิตรพระฦๅเจ้าแจ่มแจ้งอารมณ์
๏ ทรามชมทั้งคู่ค้อยข่าวสาร
ฟังบ่เห็นเป็นการเนิ่นช้า
ร้อนเร่าอุราราญปานแยก ทรวงนา
เตือนพระโยคีอ้าท่านได้เอ็นดู
๏ โยคีรู้ถี่ถ้วนทุกอัน
จึงจัดธงลงยันต์ยิ่งพร้อม
ต้นรังใหญ่สำคัญอยู่ยอด เขาแฮ
มือตบต้นอ่อนน้อมยอดค้อมถึงมือ
ร่าย
๏ โยคีถือธงปักผลักต้นรังตั้งคืน
ต้นรังยืนยอดปลิวลมพัดฉิวธงสะบัด
สลัดหยูกยาอาคมไปประพรมพระฦๅ
อาคมคืออมฤกให้รำฤๅถึงสอง
พระฦๅหมองหม่นเศร้าเห็นสองเจ้ามาเชิญ
เพลินพระองค์พิศวาศกอดรูปวาดไป่วาง
เล่ห์สองนางแนบนอนกรกอดกรชวนเต้า
พระโศกเศร้าหมองหมางกำนัลนางชะแม่
ทั้งเถ้าแก่ทุกคนเห็นวิกลเกินประมาณ
ดูวิการกว่าก่อนจึงผันผ่อนกันไป
ทูลท้าวไทบิตุราชทั้งวรนาฏนนทลี
โดยคดีวิปลาศส่วนสองราชร้อนรน
เสด็จดลปราสาทเอารสราชเสนหา
เห็นภักตราหม่นหมองกรตระกองลูกน้อย
พ่อยอดสร้อยโศกไยพระฦๅไหวหวั่นองค์
ทูลบิตุรงค์ธิราชคิดถึงนาฏสองพังงา
จะใคร่ลาไต่เต้าหาสองเจ้าจอมสมร
พระบิดรปลอบพลางโฉมปานนางมีถม
อย่าปรรมเลยพ่อบิดาจะขอมาให้
พระฦๅได้สดับสารร้อนรำคาญเคืองขุ่น
มุ่นอุระหม่นไหม้ลห้อยไห้โหยหา
สองสุดาดวงสวาดิกอดรูปวาดกับองค์
ส่วนบิตุรงค์ชนนียิ่งหมองศรีเสร้าสร้อย
เห็นลูกน้อยคลุ้นคลั่งดำรัสสั่งให้หา
พวกเสนามนตรีกับสองศรีพี่เลี้ยง
มากล่อมเกลี้ยงกลอยใจเร่งให้ไปหาหมอ
อย่าให้หลอเหลือได้มาช่วยแก้กู้ให้
คลั่งนั้นพลันหาย
โคลง ๔
๏ นายกลั่นนายเกลี้ยงเร่งเร็วหา
หมอที่มีวิชาเชี่ยวไซร้
มาแก้พระลูกยาหยุดคลั่ง ไคล้นา
เงินลากทองลากให้แก่ผู้ยาหาย
๏ ขวนขวายหาทั่วผู้ยายำ ยิ่งแฮ
ใครว่าใดดีทำถี่ถ้วน
พระฦๅห่อนหายรำพึงพิศ วงนา
สิ้นหมดมดหมอล้วนเร่งร้อนรำคาญ
ร่าย
๏ ปางกาลนั้นยังมีหมอหนึ่งดีเชี่ยวชาญ
ชำนาญชำนิมนต์เวทสรรพพิเศษประสิทธิ์
นามสมิทธิ์หมอเฒ่าเป็นพวกเผ่าขุนไกร
ทำสิ่งใดประจักษ์รู้มลักเลิศดี
รู้วิธีหลากหลายรู้อุบายหลายประการ
อยู่สถานไพรสณฑ์เจ้าสากลรับมา
ให้รักษาบ่รอรั้งหมอก็ตั่งพิธี
เศกวารีให้สรงชำระองค์ลูกไท้
ให้คลายคลั่งคลายหลงแล้วบรรจงโอสถ
บดด้วยผงปถมังแก้จังงังงมงาย
ถวายให้พระฦๅเสวยบ่นานเลยหลงหาย
สบายได้สมประดีแล้วแต่งพิธีมณฑล
ทำเล่ห์กลเลขยันต์ไว้ป้องกันต่อไป
ชั้นในอารักษ์เฝ้าภุมเทพเจ้าชั้นกลาง
ชั้นนอกวางภูตปีศาจอากาศเทพอยู่รอบ
ทั่วเขตรขอบขัณฑสิมาแต่งรักษาเสร็จสรรพ
โดยตำรับตำรามีเบิกบายศรีทำขวัญ
พระฦๅพลันหายเศร้าส่วนจอมเจ้าบิตุรงค์
กับทั้งองค์ชนนีค่อยยินดีชื่นบาน
โปรดประทานรางวัลพร้อมเสร็จสรรพ์เครื่องใช้
ให้หมอสมิทธิ์มูลมองเงินทองกอกลากให้
หมออื่นไซร้ทั้งมวญให้สมควรเป็นลำดับ
คนละสำรับเสื้อผ้าแจกถ้วนหมอทั่วหน้า
นั่งเฝ้าบริบาล
             

โคลง ๔
๏ สงสารนางนาฏร้อนรุมรึง
คอยข่าวขุ่นคำนึงใช่น้อย
พระฦๅจะมาถึงฤๅไป่ มาแฮ
สองสุดกำสรดสร้อยโศกเพี้ยงทรวงพัง
๏ จึงสั่งสองพี่เลี้ยงไปเยือน
เกลือกพระโยคีเชือนจึ่งช้า
สองนางรีบไปเตือนตามสั่ง สองนา
บอกว่าสองเคร่าถ้าทุกข์นั้นพันทวี
๏ โยคีเล็งล่วงรู้ราวความ
บอกว่าเขาแต่งตามต่อสู้
มดหมอมากหลากหลามล้วนแต่ ดีนา
ไว้ธุระเรากู้แก่แก้กลเขา
๏ สูเจ้าจงกลับเข้าไปพลัน
บอกแก่สองจอมขวัญพี่น้อง
มิวันหนึ่งก็วันหนึ่งลุ แลนา
สองอย่าได้ร่ำร้องไม่ช้ามาถึง
โคลง ๒
๏ สองนางจึงก้มเกล้าลาพระโยคีเจ้า
กลับเข้าในวัง
ร่าย
๏ โยคีตั้งอารมณ์อ่านอาคมอิทธิเวท
อันวิเศษสิทธิศักดิ์เรียกอารักษ์ยักษ์ปีศาจ
เทพอากาศโดยรอบทั่วเขตรขอบจักรวาล
เทพทุกสถานเกรงเดชกลัวพระเวทโยคิน
บ้างดำดินบินบนคึกคำรนร่านร้อง
กู่กึกก้องโกลาหักหินผาโผงผาง
ถอนต้นยางผางผึงเสียงอื้ออึงเฮฮา
มาสู่พระอาศรมกรประนมนั่งเฝ้า
โยคีเจ้าแจงจัดคัดเป็นขุนมุลนาย
รายเป็นกองเป็นหมวดตรวจเป็นทัพน่าหลัง
จัดแจงทั้งทัพหนุนตัวขุนขี่ราชสีห์
ตัวรองขี่สิงโตบ้างขี่โคขี่ลา
ขี่อาชาขี่ช้างขี่ลิงข้างบ่างชนี
บ้างขี่หมีเม่นหมูขี่เงือกงูพังพอน
ขี่กาษรเสือแรดแผดร้องเรียกกู่กัน
แกล้งแปรผันหลายอย่างศีศะค่างช้างลิง
ศีศะสิงห์เสือสางศีศะกวางฟานทราย
ศีศะควายโคลาศีศะกาไก่แร้ง
แสร้งเป็นศีศะกะกรุมสองหัตถ์กุมอาวุธ
สำหรับยุทธพร้อมสรรพโยคีกำชับสั่งเสร็จ
บอกกลเม็ดมนตราแก้หยูกยาอาถรรพ์
บอกกลกันแก้ไขให้คลาไคลทันที
พวกพลผีปีศาจออกดาดาษกลาดกลุ้ม
ทางอากาศชรอุ้มอับให้มือมัว
โคลง ๔
๏ น่ากลัวพลภูตพ้องโยคี
คุมพวกพื้นตัวดีกลั่นกล้า
ออกอึงอัดวิถีทางเมฆ
เสียงโห่ร้องก้องฟ้าเฟื่องฟื้นกาหล
๏ พิศพลภูตพ่างเพี้ยงพลมาร
โหมหักหินผาทยานโยกย้าย
ไม้ไล่ลู่แหลกลาญลุยลุ่ย ไปนา
โผนผาดเผงเร่งร้ายรีบคล้ายลมปลิว
๏ ลัดนิ้วเดียวล่วงเข้าเขตรขัณฑ์
ผีถิ่นรู้เรียกกันกู่ก้อง
ผีแขกรีบโรมรัมราญรุก
ผีถิ่นมาแซ่ซ้องรบเร้าราวี
ร่าย
๏ พวกผีป่ากล้าหาญเร่งรอนราญรุกรบ
ผีบ้านตลบต่อตีถ้อยที่ถ้อยทิ่มแทง
แรงต่อแรงรันราญหาญต่อหาญหั้มหั่น
กลั่นต่อกลั่นยันยุทธอุดตลุดวุ่นวาย
ผีผู้นายเกรียงโกรธโลดลำพองร้องตวาด
สาดหยูกยาอาคมรดมรดคระวี
เกิดอัคคีโพลงพรามไหม้ลุกลามเหลือหลาย
ผีบ้านผายพ่ายแก้วิ่งต้อแต้เต็มประดา
ด้วยแรงยาแรงคุณผีป่าหนุนเนื่องไล่
ผีบ้านไพล่ผลุนหนีเข้าบุรีเรียกกัน
บอกสำคัญคุณยาส่วนเทพดาอารักษ์
พระหลักเมืองเสื้อเมืองเห็นแค้นเคืองขัดสน
ด้วยฤทธิรณโยคินพากันผินพ่ายหนี
เทพผู้มีสิทธศักดิ์ขับอารักษ์ยักษ์บริบาล
จากสถานไปไกลแล้วเข้าในปรางมาศ
ประจำอาศน์พระฦๅสั่งลมฮือไปถึง
โยคีจึ่งไปหาดอกจำปามาพลัน
ลงเลขยันต์อันประสิทธิ์ผูกดวงจิตรติดพัน
บ่ให้หันเหียนได้แล้วก็ให้เหิรมา
ดอกจำปาเป็นแมลงภู่บินวะวู่เฉียวฉิบ
พริบตาถึงปราสา?พระฦๅราชบรรทมหลับ
แมลงภู่กลับทันทีเป็นดอกจำปาสีสดใส
อยู่ในที่เคียงเขนยกลิ่นรำเพยรวยรื่น
พระฦๅชื่นชื้นจิตรนิมิตเห็นสองนาง
โฉมสำองค์ทั้งคู่มาหมอบอยู่แทบไท้
พระประโลมลูบไล้จูบแล้วรับขวัญ
โคลง ๔
๏ ทรงธรรม์ผันกอดแก้วกัลยา
สองแนบแอบอุราร่วมเกล้า
เชยชมชื่นหรรษาสมสวาดิ
พระประคองสองเจ้าแจ่มหน้านวลผจง
๏ ฟื้นองค์หลงว่าเคล้าคลึงเชย
พระหัตถ์สอดกอดเขนยแนบข้าง
ครั้นรู้สึกกรเกยก่ายภักตร์
ให้อักอ่วนอ้างว้างวุ่นว้าคนึงโฉม
๏ แสนโทมนัสน้อยในทรวง
ทุกข์แทบเท่าเขาหลวงทับแท้
ร้อนรุมรุ่มแดดวงดาลเดือด
ดุจจะวายชีพแล้ทุกข์นั้นพันทวี
๏ โอ้ศรีสายสวาดิสร้อยสองสมร แม่เอย
พี่สุดแสนอาวรณ์เทวศว้า
เรียมคิดจิตรเจียมจรจากร่าง แลแม่
พี่จะไปแนบหน้านิ่มน้องประคองขวัญ
โคลง ๒
๏ กำนัลเถ้าแก่พร้อมบรรดาผู้อยู่ล้อม
แห่ห้อมคอยระวัง
๏ เห็นคลุ้มคลั่งพูดเพ้อหลงละเมอเพ้อเจ้อ
บ่ได้สมประดี
๏ ดูถ้วนถี่เสร็จไซร้จึงไปทูลสองไท้
ธิราชถ้วนทุกอัน
โคลง ๔
๏ ทรงธรรมสองราชได้สดับสาร
ร้อนรุ่มกลุ้มกลัดปานปิ่มม้วย
ด่วนเสด็จดลสถานเอารส
ให้เรียกหมอสมิทธิ์ด้วยช่วยแก้กลยา
๏ หมอมาเห็นเหตุรู้แรงคุณ
ปีศาจอาจอุดหนุนเนื่องซ้ำ
หยูกยาก็เจือจุนเสริมส่ง มานา
เหลือที่จะปลักปล้ำปลิดให้เหือดสูญ
๏ จึงทูลแถลงเลศให้เล็งเห็น
สิ่งข้อสำคัญเปนปิดไว้
ยาเยียวก็ยากเย็นทุกสิ่ง แลนา
คุณท่านแรงรวดไซร้เสื่อมข้างคุณเรา
โคลง ๒
๏ สองราชเจ้าฟังถ้อยทุกข์พระไทยใช่น้อย
โศกสร้อยแสนทวี
๏ จงปรานีเราไซร้หมอเอ็นดูกู้ให้
รอดพ้นไภยัน
๏ รางวัลเราให้แล้สมบัติแบ่งกึ่งแท้
อย่าได้สงกา
๏ หมอว่าเหลือแรงแล้วผีสางเขากล้าแกล้ว
ยิ่งพ้นประมาณ
โคลง ๔
๏ สงสารสองราชไท้ธรณินทร์ ท่านนา
น้ำเนตรหลั่งไหลรินร่ำไห้
ทุกข์แทบอุราภินท์ทวิภาค
กรกอดเอารสไว้พร่ำพร้องรำพรรณ
๏ พ่อผู้ขวัญเนตรแก้วกับทรวง
อย่าร่ำระกำดวงเดือดไหม้
นางในนครหลวงล้วนเลิศ แลพ่อ
งามกว่าสองนางไท้เท่าร้อยพันทวี
๏ แม้ดีไหนจะแสร้งเสกหา
ทำเล่ห์กลมารยายิ่งไซร้
เห็นจะไม่โสภาดังพูด แลพ่อ
จึงกล่าวแกล้งแต่งไว้ว่าให้พึงชม
๏ ขืนอารมณ์รอรั้งฟังความ ก่อนนา
อย่าด่วนคิดติดตามแต่ได้
ใช่ว่าจะห้ามปรามไว้เมื่อ ไรนา
พ่อจักสืบสวนให้ถ่องแท้แน่นอน
๏ มารดรกรกอดแล้วรับขวัญ
เอารสร่วมชีวันแม่นี้
เขาแกล้งกล่าวสารสรรพ์เสริมส่ง มานา
ทั้งหยูกยามานี้เพื่อให้ใหลหลง
๏ ปางองค์พระฦๅได้สดับโองการ
เคืองขัดอัดอกปานปิ่มม้วย
กราบทูลสนองสารสองราช
ลูกจะขาดชีพด้วยดอกฟ้ายาใจ
๏ แม้ไปได้รู้เรื่องร้ายดี
ฤๅว่าแกล้งแต่งสีใส่สร้อย
คนอื่นห่อนรู้ทีเทียมทัด เขานา
โปรดอย่าให้ลูกน้อยนิ่งช้ำใจตรอม
๏ ปางจอมชนกทั้งชนนี
เห็นลูกรักหมองศรีโศกเศร้า
สุดขัดสุดคิดทวีทุกข์เทวศ
ร้อนรุ่มอุราเร้าเร่าร้อนรุมทรวง
๏ โอ้ว่าพ่อดวงเนตรแก้วกับตน
กรรมสิ่งใดดาลดลดั่งนี้
จึงเกิดวิการกลก่อเหตุ
ให้วิบัติชัดชี้ชักให้ใหลหลง
ร่าย
๏ ปางองค์บิตุราชเสด็จยาตรพระโรงคัล
เสนานันต์แน่นเฝ้าต่างก้มเกล้ากราบกราน
มีโองการตรัสหาพระโหราธิบดี
ดูเดือนปีลูกรักจักร้ายดีฉันใด
จึงเกิดไภยพาธาพระโหราคำนวณ
สอบสวนพระชัณษาดวงลักษณาสรรพเสร็จ
ทูลสมเด็จเด่นเกล้าเอารสเจ้าดีนัก
แต่ต้องจักลำบากพรากพลัดพระนคร
ด้วยดวงสมรเคยคู่หากเกิดอยู่ต่างเมือง
จึ่งแค้นเคืองขุ่นเข็ญพะเอิญเป็นดังนี้
ตำราชี้แจ้งชัดไม่ข้องขัดสมคิด
กลับคืนสถิตภาราพระยศปรากฏยิ่ง
ได้สองมิ่งมาเมืองโฉมรุ่งเรืองเลิศล้ำ
โองการซ้ำตรัสซักแน่ตระหนักกระนั้นฤๅ
ไปปลายมือคงกลับโหรารับมั่นคง
ผิดให้ลงโทษทัณฑ์จอมไอสวรรย์ชื่นชม
คลายอารมณ์เร่าร้อนตรัสถามย้อนไปมา
พระโหรายั่งยืนไป่กลับคืนคำคง
ทรงพระราชทานรางวัลแล้วทรงธรรม์ปฤกษา
หมู่มาตยามนตรีใครเห็นดีฉันใด
จงว่าไปเป็นเค้ามูลมนตรีทูลเห็นขัด
ที่จะทัดทานไว้จำจะให้ไคลคลา
ฟังเสนาทูลเสร็จพระเสด็จสู่ปราสาท
บอกวรนาฏมหิษีตามมนตรีปฤกษา
แลโหราทายทักปลอบลูกรักกลอยจิตร
พ่ออย่าคิดโศกเศร้าจะให้เจ้าไปตาม
สองโฉมงามเหมือนคิดอย่าน้อยจิตรหม่นไหม้
พระฦๅได้สดับสารค่อยชื่นบานอารมณ์
กรประนมอภิวาทชนกนารถชนนี
ทูลลาลีลาศเต้าหาสองเจ้าจอมสมร
ยังนครรมย์บุรีโดยวิถีสาคเรศ
ได้ดวงเนตรเหมือนหมายจักผันผายคืนกลับ
รับสองมิ่งมาเมืองมิให้เคืองเบื้องบาท
พระบิตุราชทรงธรรม์พลางรับขวัญลูกน้อย
พ่ออย่ากำสรดสร้อยจักให้ไคลคลา
โคลง ๔
๏ ปางนราธิราชเจ้าจอมกระษัตริย์
เสด็จออกพระโรงรัตน์รุ่งฟ้า
อำมาตย์หมอบเป็นขนัดแน่นเนือง
จึงสั่งพวกกรมถ้าที่ได้จัดแจง
๏ ให้แต่งกำปั่นแกล้วกลางสมุท
ใส่จักรไกไฟชุดเชือกพร้อม
ทั้งเครื่องสราวุธวางเสร็จ
มาทอดท่าน่าป้อมที่ท้ายตำหนักแพ
๏ เซรงแซ่เสียงเร่งเร้าจัดสรร
บ้างแบกหามตามกันกึกก้อง
จัดกำปั่นไฟอันโอภาษ
ปืนจุกทุกแห่งห้องช่องชั้นมั่นคง
๏ บรรจงจัดที่ท้ายบาหลี
ประดิษฐ์ประดับรูจีแจ่มจ้า
รุ่งเรืองรัตนรังสีโสภิศ
ทั้งแท่นทองย่องอ้าแต่งไว้ครบครัน
๏ เลือกสรรได้เจ็ดร้อยทวยหาญ
เกณฑ์หัดสันทัดชาญเชี่ยวกล้า
นายเรือรบรู้การเก่งกาจ
เสร็จประทับทอดหน้าตำหนักน้ำอำไพ
โคลง ๒
๏ พระฦๅได้โอกาสแล้วค่อยยิ้มย่องผ่องแผ้ว
เพื่อด้วยยินดี
๏ รุ่งรพีผ่องหล้าสำอางองค์โอ่อ้า
อบฟุ้งเสาวคนธ์
๏ ทรงเครื่องต้นแต่งพร้อมเสด็จมานอบน้อม
นบเกล้าอัญชวลี
ร่าย
๏ นฤบดีบิตุราชทั้งวรนารถมารดร
กรกอดพระลูกรักจุมพิตภักตร์รับขวัญ
ให้กระศัลย์เศร้าสร้อยแสนลห้อยวิญญา
จึ่งบัญชาสั่งสอนพ่อจะจรจากไกล
หมั่นตรวจไตรตรองตรึกนึกข้างหน้าข้างหลัง
เร่งรวังจงหนักเห็นประจักษ์จึ่งทำ
ยังเอื้อนอำอย่าอาจจะพลั้งพลาดเสียที
อย่าให้มีอึงอื้อไป่ควรดื้ออย่าดึง
หมั่นคะนึงอย่าคะนองตรองจบมากหลากหลาย
เล่ห์อุบายต่างต่างหลายอย่างหลายขบวน
คิดทบทวนสวนเสคิดถ่ายเททุกประการ
ไป่ควรหาญอย่าฮึกศึกไม่วายอย่าวางจิตร
ชอบผิดคิดตรึกไตรระวังระไวไปมา
พบพนิดาสมหวังจึ่งตรัสสั่งพี่เลี้ยง
นายเกลี้ยงและนายกลั่นหมั่นระวังลูกรัก
ช่วยเตือนตักตามควรอย่าหักหวนด่วนได้
คิดจงให้มั่นคงอย่าใหลหลงเล่ห์กล
ระวังตนอย่าพลาดอย่าประมาทหมิ่นการ
ควรที่หาญจึ่งหักควรที่ลักจึ่งลอบ
ควรที่ชอบจึ่งชวนเห็นข้อควรจึ่งคิด
ข้อควรบิดอย่าบิดที่ควรชิดจึ่งชู
ดูทีเบาทีหนักอย่าหลงรักฝ่ายเดียว
จงแลเหลียวรอบคอบหาความชอบจงได้
อย่าไว้ใจว่าจิตรคิดให้สมปรารถนา
คืนภาราอย่านานรับโองการใส่เกล้า
ข้าพุทธเจ้าสองเราจะอาสาจนตาย
ถวายชีวิตรองบาทให้สมมาทเหมือนคิด
สัมฤทธิ์ราชปรารถนาพระยศปรากฏยิ่ง
ได้สองมิ่งจอมสมรพาภูธรคืนวัง
ท้าวทรงฟังชื่นชมคลายอารมณ์ร้อนเร่า
ให้ครูเฒ่าหมอสมิทธิ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์มนต์เวท
อันวิเศษไปด้วยไซร้ฉุกเฉินได้ช่วยแก้
ระวังลูกเราแล้อย่าให้อันตราย
โคลง ๒
๏ พระฦๅถวายบังคมลาแล้วกับหมอสมิทธิ์ผ่องแผ้ว
พี่เลี้ยงสองเรา
๏ มาลงกำปั่นแกล้วกลางสมุทสุดแพล้ว
เพริศพริ้งเพราตา
๏ โยธาทวยหาญล้วนเกณฑ์หัดสันทัดถ้วน
เจ็ดร้อยคอยงาน
๏ จัดการกลไกพร้อมคอยระวังนั่งน้อม
นบนิ้วอัญชวลี
๏ ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องยิงปืนครั้นคฤกก้อง
โห่เร้าเอาไชย
โคลง ๔
๏ กำปั่นไฟเฟื่องฟื้นฟูมฟอง
ลอยเลื่อนเคลื่อนคลาคลองคล่องคล้อย
พระฦๅค่อยคลายหมองมาโนศ
ชมชื่นผลไม้ย้อยผ่านน้ำแนวทาง
๏ มะทรางลางสาดซร้องเสียดผล
ลิ้นจี่ลำไยยลยื่นย้อย
มังคุดลมุดปนเงาะป่า
ผลดื่นดกหกห้อยกิ่งก้านแกมกัน
๏ หลายพรรณผลมิ่งไม้มองมูล
ปรางม่วงพวงก่ายกูนกิ่งน้อม
ขนุนทุเรียนพูนพัวกิ่ง
พร้าวหมากดกคอค้อมยอดย้ายโยนเยน
๏ ชลาเลนล้วนเหล่ากล้วยเกลื่อนกลาย
บ้างออกปลีเครือหลายหลากล้วน
ทุกสวนเสียดเรียงรายริมฝั่ง
ตามย่านบ้านบางถ้วนถิ่นน้ำลำคลอง
๏ กำปั่นล่องล่วงสิ้นสุดสวน
เห็นแต่ทุ่งทิวครวญครั่นร้อง
วายุพัดหันหวนโหยสวาดิ
พระคนึงนาฏน้องนิ่มเนื้อนวลจันทร์
๏ ถันถั่นกำปั่นคล้องคลองธาร
ถึงสมุทรปราการก่อกั้น
นัคเรศเขตรไพศาลสายสมุท
เรือรุดออกอ่าวอั้นอกโอ้อาดูร
๏ พระภูลเทวศไท้โหยหวน
นิ่งคนึงถึงนวลนาฏน้อง
อ้าโฉมแม่งามสงวนควรคู่ เรียมเอย
พี่จะไปร่วมห้องแห่งน้องสองนาง
๏ คว้างคว้างกลางสมุทครื้นโครมเครง
กำปั่นฝ่าคลื่นเคลงคลี่คล้อย
ลอยลำแล่นปะเลงลิ่วลิ่ว ไปนา
เร็วกว่าใบใช่น้อยแล่นด้วยกลไก
๏ หน่อไทธิราชร้อนรุมรึง
อักอ่วนหวลคำนึงแน่งน้อย
ปางใดจะไปถึงถิ่นที่ สองนา
พระวิโยคโศกสร้อยลห้อยโหยหา
โคลง ๒
๏ ทั้งสองราพี่เลี้ยงค่อยถนอมกล่อมเกลี้ยง
กล่าวถ้อยปลอบพลาง
๏ พระอย่าหมางหมองเศร้าคงจะสมสองเจ้า
ไม่ช้าจักถึง
๏ สองนายจึ่งชักชี้ชวนชมโน่นนั้นนี้
ที่ท้องสาคร
โคลง ๔
๏ ภูธรค่อยชื่นชื้นชมปลา
บ้างว่ายแหวกแถกถลาโลดเต้น
ฝูงกะโห้โลมาเมียงม่าย
ฉนากฉลามตามเฟ้นฟาดฟุ้งฟองชล
๏ ยี่สนวนว่ายคล้อยลอยสินธุ์
กระบอกกระเบนบินเรี่ยเรี้ย
ทุกังกะพงผินพาเพื่อน
วาฬไล่ว่ายแปล้เปลี้ยปลีกเปลื้องไปล่หนี
๏ นนทรีสีเสียดซร้องเวียนวง
ปลาจวดจันท์เม็ดคงคู่เคี้ย
ปลากากกดมังกงกินเหยื่อ
ปลากุเราเคล้าเคลี้ยไล่เลี้ยวพัลวัน
             

ร่าย
๏ พระทรงธรรม์ชนมัศยาว่ายเวียนมาเป็นหมู่
เปนคู่บ้างคลอเคียงบ้างม่ายเมียงหวนหัน
บ้างผกผันลำพองโผนคนองไล่เพื่อน
ว่ายกล่นเกลื่อนกลางชลาเหล่ามัศยาหลายอย่าง
มีต่างต่างหลายพรรค์พระสุริยันเย็นคล้อย
หวลลห้อยโหยหาโอ้กานดาดวงสวาดิ
เรียมนิราศแรมวังหมายมุ่งหวังสวาดิสร้อย
สองแน่งน้อยนงพาลจากสถานนคเรศ
ทนเทวศอาทวาทางชลาฦกล้ำ
เห็นแต่น้ำกับฟ้าน่าพิฦกลาญทรวง
โอ้พุ่มพวงดวงสมรพระอาวรณ์ร้อนรน
ในกระมลหมางหมองตรอมตรึกตรองตรมสวาดิ
ถึงสองนาฏหนุ่มเหน้าจนย่ำเข้าราตรี
พระสุริย์ศรีมืดคลุ้มยิ่งกลัดกลุ้มรุมรึง
แสนคะนึงคร่ำครวญรำจวญจิตรคิดตรอง
ให้หมางหมองหม่นเศร้าจนตราบเท้าอรุณรุ่ง
ระพีพุ่งผ่องสว่างกระจ่างแจ้งแจ่มสี
รัศมีส่องหล้าเห็นแต่ฟ้ากับน้ำ
พิฦกล้ำแลลาญทางกันดารแดนชลา
พระโหยหานฤมลส่วนสองคนพี่เลี้ยง
ค่อยกล่าวเกลี้ยงทูลปลอบให้ชื่นชอบพระไทย
เล่าเรื่องในก่อนกาลพระอวตาลตามสีดา
ทศภักตร์พาลอบหนีพระจักกรีติดตาม
บุกป่าหนามข้ามศิงขรได้พานรเป็นพล
จองถนนข้ามคงคาถึงลาการอญราพ
พวกสัตวบาปแบหลาได้สีดาเหมือนหมาย
องค์นารายณ์คืนกลับประทับฝั่งสาคร
แล้วแผลงศรตัดถนนให้สาชลหลั่งหลาม
เรียกถนนพระรามสืบมาทั้งสองราเล่าถวาย
พระฦๅคลายร้อนรนให้เร่งกลจักรไก
ใส่ฟืนไฟกระหน่ำแล่นรีบร่ำเร็วมา
หลายทิวาราตรีถึงที่มีสำคัญ
ใกล้เขตรขัณฑ์ด่านทางให้ทอดกลางน้ำฦก
ทรงตรองตฤกปฤกษาเข้าภาราฉันใด
มิให้ใครรู้เรื่องมิให้เฟื่องฟุ้งความ
คิดให้งามตามเงื่อนคิดกลบเกลื่อนให้ดี
ดูท่วงทีใคร่ครวญเขบ็จขบวนกลไก
พี่เลี้ยงไวปรีชาญจึงทูลสารเสนอสนอง
ต้องคิดสองเงื่อนไซร้แต่งทูตให้ถือสาร
บรรณาการถวายไท้กำปั่นได้เข้าเมือง
ไม่ฝืดเคืองแยบคายค่อยผันผายเดินทาง
ถึงสองนางสมสนิทจึ่งค่อยคิดถ่ายเท
คงสมคเนนึกหวังพระฦๅฟังชื่นชม
คิดเห็นสมนึกไว้แล้วสั่งให้แต่งสาร
บรรณาการพร้อมสรรพกับราชทูตอุปทูต
ทั้งตรีทูตพร้อมมูลนเรนท์สูรเลือกสรร
คนสำคัญแคล่วคล่องล้วนไวว่องเหมือนคิด
เคยสนิทชิดใช้เคยไว้ในวางจิตร
สนิททั้งแปดคนกับจุมพลพี่เลี้ยงสอง
ทั้งเงินทองจัดไว้เอาไปใช้อับจน
แก้ขัดสนสรรพเสร็จส่วนสมเด็จพระฦๅ
แปลงเพศคือพราหมณ์พรหมงามอุดมดูสอาด
เปลี่ยนนามราชสยมพราหมณ์สองนายตามนามชัด
ชื่อนายฉัดนายฉันจัดแจงกันเสร็จแล้ว
พระผ่องแผ้วชื่นบานให้ทหารคลาเคลื่อน
เลื่อนกำปั่นเข้าชิดขึ้นสถิตย์แทบฝั่ง
สั่งให้ไปอย่าช้าสูจงจอดทอดท่า
ที่ท้ายเมืองพลัน
โคลง ๒
๏ ชาวกำปั่นไม่ช้าไปถึงด่านทอดถ้า
บอกถ้วนทุกประการ
๏ ชาวด่านบอกส่งซ้ำพากำปั่นล่องล้ำ
ล่องเข้าเมืองหลวง
๏ เจ้ากระทรวงนำเฝ้าทูตประนมก้มเกล้า
นอบน้อมทูลสาร
๏ บรรณาการถ้วนพร้อมทูลถวายนอบน้อม
นบเกล้าอัญชวลี
๏ ทูลคดีถี่ถ้วนตามมีในสารล้วน
ถี่ถ้วนทุกอัน
ร่าย
๏ ในสารสุวรรณบรรจงผู้ดำรงธรณี
ทวารวดีเดื่องหล้าเกียรติ์เฟื่องฟ้าฟุ้งขจร
มหานครเลิศลบดิลกภพนพรัตน์
สุทัศนธานีนครศรีโสภา
มาเจริญทางไมตรีด้วยชาวบุรีไปชม
สรรเสิญสมบัติยิ่งล้วนแต่สิ่งพิเศษ
ในนิเวศน์เวียงสถานงามตระการต่างต่าง
มีหลายอย่างหลายพรรณสรรพสิ่งวิเศษ
กว่าประเทศนานาจึ่งให้มาเชยชม
พระบรมสมภารงามตระการปานใด
ส่วนท้าวไทเมืองรมย์ฟังชื่นชมปรีดา
สั่งให้พาเที่ยวชมเครื่องอุดมต่างต่าง
หลายอย่างหลายประการอวดทหารแม่นยำ
ยิงเข้าลำปืนได้ยิงให้ดูหลายครา
ถามทูตมาทันทีเมืองโน้นมีฤๅไม่
เราจะใคร่รู้ความทูตทูลตามถามไถ่
เมืองโน้นไม่นับถือเป็นแต่มือแม่นดี
เมืองโน้นมีทหารชำนาญชำนิเวทมนต์
ล้วนคงทนแคล้วคลาศอาจสามารถล่องหน
กำบังตนหายได้เช่นนี้ไซร้จึ่งดี
ภูมีฟังเคืองขัดโองการตรัสบรรหาร
ท่านว่าขานอวดอ้างมีมาบ้างฤๅไฉน
ทูตทูลไททันทีภอจะมีลองได้
แต่ภอให้เห็นจริงไม่อ้างอิงอวดหาญ
ให้ปลูกศาลเพียงตาที่ศาลาแห่งหนึ่ง
จึ่งเชิญครูสมิทธิ์กับทั้งศิษย์ร้อยคน
เข้ามณฑลพิธีแต่งอินทรีย์ถ้วนตน
นั่งอยู่บนศาลาพวกปืนมายืนรอบ
ชอบฤกษ์ให้ยิงปืนสามนัดยืนยิงไม่ออก
แล้วบอกให้ยิงใหม่ยิงออกไม่ต้องกาย
ตกกระจายริมศาลท้าวผู้ผ่านเมืองรมย์
ทูตทูลสมทุกสิ่งทรงเห็นจริงทุกประการ
โปรดประทานรางวัลพระทรงธรรม์ใคร่ได้
ราชทูตไว้ภาราให้ล่ามพาเที่ยวชม
ตามอารมณ์ไม่ห้ามชาวเมืองคล้ามขามใจ
ทูตเที่ยวไปทุกแห่งรู้ตำแหน่งทั่วแล้ว
ในจิตรคิดผ่องแผ้วเพื่อถ้าทรงธรรม์
โคลง ๒
๏ เบื้องกำปั่นไปแล้วองค์พระฦๅคลาศแคล้ว
จากถ้าสาคร
๏ บทจรไต่เต้าพระวิโยกโศกเศร้า
เร่าร้อนหฤไทย
๏ หมองมัวไหม้ลห้อยคนึงขนิษฐ์แน่งน้อย
โศกสร้อยแสนทวี
๏ โอ้ศรีเสาวภาคเจ้าพี่มาตามหนุ่มเหน้า
ย่างเข้าเขตรแดน
๏ พี่แสนเทวศหม่นไหม้ยังไป่รู้ไกลใกล้
ที่แท้ทางจร
๏ ดงดอนเดินยากแท้ไม่รู้แห่งหลแล้
ยากล้ำเหลือหลาย
๏ เจียรจะวายชีพแล้วแม่พุ่มพวงดวงแก้ว
พี่นี้ไป่เห็น
๏ สู้ยากเย็นตามเต้าหวังประสบสองเจ้า
พี่น้องนวลผจง
๏ พระทรงกำสรดสร้อยรัญจวนหวลสร้อย
โศกเศร้าหมองศรี
๏ สองพี่เลี้ยงทูลถ้อยพระอย่ากำสรดสร้อย
ไม่ช้าจักสม
๏ ชี้ชวนชมช่อไม้ทั้งดอกไม้ผลไม้
มิ่งไม้งามดี
๏ พระโยคีรู้แล้วใช้สาลิกาแก้ว
พ่อให้ไคลคลา
๏ สาลิกามาพ่อไท้โผผินบินเข้าใกล้
จับไม้เจรจา
๏ เป็นภาษามนุษย์ไซร้ว่าโอ้สองอรไท้
แม่ถ้าฟังสาร
๏ ภูบาลแว่วเสียงก้องเหลือบเห็นสาลิการ้อง
พลอดจ้อจับใจ
๏ นกใครหนอใคร่รู้ฤๅว่านกท้าวชู้
แม่ใช้มาเชิญ
๏ พระดำเนินเข้าใกล้ตรัสว่านกจงได้
บอกให้เราฟัง
๏ สองเจ้ายังแช่มช้อยฤๅว่าสองโศกสร้อย
ลห้อยโหยหา
๏ สาลิกาเห็นใกล้บินไปไกลแล้วไซร้
จับไม้มองเมียง
๏ ทรงเสียงพลอดแจ้วแจ้วสาลิกามาแล้ว
พระแก้วอยู่ไหน
๏ ภูวไนยตามตอบถ้อยเจ้าสาลิกาน้อย
พี่นี้หนีไย
ร่าย
๏ ครั้นเข้าใกล้นกหนีพระภูมีลีลา
สาลิกาบินไปครั้นเห็นไกลหยุดร้อง
เสียงกู่ก้องกังวานฟังอ่อนหวานฉ่ำเฉื่อย
ร้องรีเรื่อยจับใจลงเล่นในแนวทาง
หยุดอยู่กลางมรรคาพระลีลาตามติด
ฉุกใกล้ชิดนกบินโผนผินจับต้นไม้
จวนจวบใกล้คฤหาสาลิกาหายพลัน
พระทรงธรรม์ตกตลึงนิ่งคนึงตรึกตรา
โอ้นกพาพิศวงให้เราหลงติดตาม
จึ่งห้ามปรามทุกคนระวังตนจงมาก
สิ่งใดหลากเร่งคิดหมั่นพินิจตรึกตรอง
ส่วนสองนายพี่เลี้ยงทูลกล่าวเกลี้ยงปลอบพลาง
พระอย่าหมางหมองไหม้จักพลันได้สมสนิท
โดยนิมิตสกุณาสาลิการบอกข่าว
พี่เลี้ยงกล่าวเกลื่อนแกล้งแสร้งพูดเล่นเจรจา
รีบไคลคลาไต่เต้าถึงด่านเข้าทันที
พี่เลี้ยงปรีชาชาญบอกอาการด่านถาม
แจ้งใจความไป่ช้าเราพ่อค้าสิบคน
จรดลมาพบประสบพราหมณ์รามราฐ
งามสะอาดอุดมเชื้อพราหมณ์พรหมจรรยา
มาเที่ยวดูบุรีเล่าคดีทุกประการ
แจกเจือจานเงินทองปองเป็นมิตรชิดชม
ได้เสร็จสมทุกถ้าไปบ้านน่าเนื่องกัน
เที่ยวพัวพันคบเพื่อนเลื่อนเล่าเข้าสู่หา
ชาวบ้านมานับถือว่าพราหมณ์คือพรหมบุตร
บริสุทธิสอาดต่างถวายภาชช์โภชนา
กระยาหารของดีที่นอนมีผ้าลาด
ล้วนสอาดโอฬารของตระการนานา
สุคนธาธารณศพระทรงยศสรงเสวย
ค่อยเสบยสบายองค์แล้วเสด็จตรงสู่สวน
เขาชี้ชวนชมไม้สวนสมเด็จท่านไท้
พี่น้องสองศรี
โคลง ๔
๏ ภูมีชมมิ่งไม้มูลมอง
ดอกดกตูมบานกองกิ่งค้อม
ผลห่ามสุกเรืองรองร่วงหล่น ลงนา
สวนสนุกนิ์มีพร้อมเนื่องน้อมใจถวิล
๏ ดอกกระถินกลิ่นเกลี้ยงเกลาใจ แม่เฮย
ฤๅกลิ่นนุชเนื่องในนี่นี้
มาลาเล่ห์มาไลยลวงกลิ่น
หอมดั่งกลิ่นแก้วกี้พี่ให้โหยหวน
๏ รำดวนดวงดอกสร้อยสารภี
กลิ่นดังกลิ่นเกษนีแน่งน้อย
จำปาดอกจำปีจักเปรียบ ปานฤๅ
หอมไป่ปานกลิ้นร้อยชั่งโอ้อกตรอม
๏ พยอมหอมยั่วเย้ายามยล
หอมกลิ่นการเกดกลเกษแก้ว
หอมรศรสสุคนธ์ควรคู่ ได้ฤๅ
กลิ่นกุหลายเลิศแล้วเล่ห์คล้ายกลีนสมร
๏ มลิซ้อนซ่อนชู้ชูใจ ชื่นแฮ
เฉกแม่ซ่อนกลิ่นไกลเกลื่อนกล้ำ
นางแย้มยิ่งแย้มไยยวลยั่ว จิตรนา
หอมกลิ่นพิกุลก้ำเกษน้องนางสงวน
โคลง ๒
๏ สองนายชวนชมช้อยชี้ชมวิหคห้อย
แมกไม้เมียงมอง
๏ แซร้ซร้องเสียงแจ้วๆเฉกเชิญชวนพระแก้ว
สู่สร้อยสวนขวัญ
โคลง ๔
๏ เบญจวรรณจับมิ่งไม้โมกมัน
นกขมิ้นจับชิงชันแช่มช้อย
สัตวาจับจวงจันทน์โจนจิก ผลแฮ
สาลิการแก้วก้อยจับต้นสารภี
๏ โนรีจักรักร้องรายเรียง
นกคุ่มจับข่อยเคียงคู่ค้อน
กระสากระสรรเสียงสังวาศ
จับกระสังซรับซร้อนแซ่ซร้องแจจรร
๏ ทรงธรรม์ชมสระสร้อยสัตบัน
สัตบุษบัวผันเผื่อนพ้อง
จงกลอุบลสรรพ์สดชื่น ใจแฮ
ภุมรินบินร้องร่อนไซ้เสาวคนธ์
๏ มัศยาวนว่ายคล้อยลอยลม
ปูเต่าเฝ้ากินตมไต่เต้า
บ้างวิ่งว่ายลอยจมโลดไล่ กันนา
ถวิลว่าสระหนุ่มเหน้าพี่นี้ยาไฉน
โคลง ๒
๏ พระเข้าในสวนแล้วหฤไทยผ่องแผ้ว
ชื่นชื้นปรีดา
๏ หาผู้รักษาสวนไซร้เงินทองกองกอบให้
อยู่ได้โดยใจ
๏ พวกไพร่ไปออกอ้อมพบพวกเพื่อนกันพร้อม
ต่างแสร้งเสสัน
๏ ชวนกันคอยข่าวถ้าบ้างมุดเมี้ยนเปลี้ยนหน้า
นอบเฝ้าทรงธรรม์
๏ พระสุริยันเย็นคล้อยพระคนึงแน่งน้อย
ลห้อยโหยหวน
๏ ปั่นป่วนครวญครั่นร้องจึงแถลงแต่งโคลงพร้อง
พร่ำเชื้อเชิญขวัญ
โคลง ๔
๏ ดวงจันทร์ขวัญเนตรแก้วโกมล แม่เฮย
เรียมนิราศเวียนวนหวาดว้า
แสนทุกข์เทวศทนทุเรศ มานา
หวังประสบหนุ่มหน้านิ่มเนื้อนวลผจง
๏ เชิญอนงค์นาฎน้องนวลจันทร์
มาประพาศสวนพลันอย่าช้า
พี่คอยรับขวัญขวัญเนตรพี่อยู่นา
เชิญแม่มาพี่ถ้าอยู่ถ้าฟังสาร
๏ นกหกวานส่งสร้อยสารสนอง หนึ่งรา
จงช่วยแจ้งแด่สองพี่น้อง
ว่าเรียมนิราศหมองมาเปลี่ยว
เปล่าอกครวญครั่นร้องร่ำไห้หาสมร
๏ ทิชากรแซร่ซร้องขานขัน
ร้องระเรื่อยเรียงรันใช่น้อย
บ่นำข่าวจอมขวัญทูลแด่ เรียมเลย
พระวิโยคโศกสร้อยลห้อยโหยหา
๏ จนเพลาล่วงเข้าราตรี
จันทร์จรัสรังสีส่องหล้า
โอ้ว่าดวงสุมาลีแลลับ แม่เอย
มาบ่เห็นหนุ่มหน้าแม่หน้านวลจันทร์
๏ หมายมั่นมามอบไม้ตรีสอง
โฉมทิพย์มณฑาทองท่านไท้
หวังฝากชีวิตปองจักป่วย การฤๅ
พระยิ่งลห้อยไห้ใคร่กลั้นใจตาย
โคลง ๒
๏ สองนายทูลสนองถ้อยพระอย่าโศกเศร้าสร้อย
พรุ่งนี้มาสม
๏ เชิญบรรธมแท่นแก้วในตำหนักเพริศแพร้ว
ที่ไท้ทั้งสอง
๏ เดือนส่องแสงฟ้าแผ่วเสียงจักรจั่นเจื้อยแจ้ว
กล่อมท้าวนิทรา
๏ มาลาลมลาศไล้หอมกลิ่นกลั้วกลิ่นใกล้
กลิ่นน้องสองศรี
๏ พระเปรมปรีดิ์คลีคล้อยคนึงขนิษฐแน่งน้อย
ม่อยเคลิ้มนิทรา
ร่าย
๏ สองราหลับแทบบาทพระฦๅราชฝันเห็น
เป็นนิมิตมากไซร้ฝันว่าได้ดอกมณฑา
ทงงคู่มาชมชื่นหอมรวยรื่นชื่นจิตร
สมสนิทแนบอุราในชั้นดาวดึงส์สวรรค์
สองนายพลันพลอยได้ดอกบัวไซร้โสภา
ต่างปรีดาชื่นชมสมอารมณ์รีบจร
กลับนครเหมือนหมายพระฦๅสายตื่นพลัน
บอกความฝันพี่เลี้ยงนายกลั่นแลนายเกลี้ยง
ช่วยแก้ฝันนา
โคลง ๒
๏ ทงงสองราฝันไซร้แว่วสำเนียงหน่อไท้
ตื่นขึ้นทันที
๏ ฟังภูมีถ่องถ้อยนิมิตดีใช่น้อย
จักได้ดังถวิล
๏ ทรงสุบินเลิศแล้วพระจะลุลาภแก้ว
ก่อเกื้อกลกาม
๏ ข้าพลอยตามเสด็จได้สมดังจิตรคิดไว้
เพราะด้วยทรงธรรม์
โคลง ๔
๏ นายกลั่นฝันชื่นช้อยชมสระ
ปลาดุกชโดดะโดดเต้น
สลาดสลิดลอยปะปนช่อน
กระดี่กระเดือกเกลือกเฟ้นช่อนช้อนเชิงเรียง
๏ นายเกลี้ยงฝันได้บ่วงดักบู่
คันบ่วงล้วงฬ่อรูร่อไว้
ปูเปี้ยวเหนียวหนีบดูดุกดิก
ขยุบขยับจับไป่ได้ดั่งน้ำใจหมาย
๏ สองนางฝันว่าไท้ไคลคลา
โดยเสด็จทางเวหาหาศกว้าง
ประจงจับจันทราทงงคู่ เคียงแฮ
ลอยเลื่อนเคลื่อนคว้างค้างย่างเยื้องงามคม
โคลง ๒
๏ สองประนมเหนือเกล้าทำนายฝันพระเจ้า
พรุ่งเช้าจักสม
๏ พระชมฝันพี่เลี้ยงแช่มชื่นรื่นจิตรเพี้ยง
พบแก้วกลอยสมาน
ร่าย
๏ สงสารสองยอดสร้อยนวลแน่งน้อยพิมพ์พรรณ์
แสนกระศัลย์โศกเศร้าเข้าในรัตนบรรจฐรณ์
กรกอดกรคำนึงร้อนรำพึงพิศวง
ถึงองค์พระฦๅราชเจียนใจขาดรอนรอน
สองสายสมรจาบัลย์คอยนับวันเคร่าถ้า
เห็นหาช้าผิดเชิงละลาญเลิงหลงคิด
รำจวญจิตรใช่น้อยลห้อยให้หวลหา
โศกาดูรพิลาปน้ำเนตรอาบภักตรา
เรียกสองราพี่เลี้ยงคอยกล่าวเกลี้ยงกระซิบถาม
พระโฉมงามไฉนหายไป่เหมือนหมายแล้วเจ้า
แม้พรุ่งเช้าไป่มาเราจะลาล่วงไซร้
สองอยู่ให้จงดีสองนารีร้อนรน
ทูลยุบลวรนารถเล้าโลมราชทงงสอง
ว่าพระทองทงงคู่ของดอยู่ก่อนรา
ท้าวคงมาเปนแน่พระมิ่งแม่อย่าเศร้า
ฉันใดเจ้าจึ่งรู้ผู้ใดมาบอกข่าว
แกล้งกล่าวให้ไหลหลงพะวงพว้าพวัง
พี่เลี้ยงฟังบังคมกรประนมทูลพลาง
พระอย่าหมางหมองเศร้าท่านครูเฒ่าสิทธิศักดิ์
รู้มลักเหลือหลายท่านทำนายแน่นอน
ว่าภูธรมาไซร้ใจข้าให้ชื่นชม
ในอารมณ์ผ่องแผ้วดุจพระแก้วเสด็จมา
เห็นแก่ตาข้านี้ดุจชักชี้ชวนชม
พระตนกลมอิงแอบเนาแนบสองอยู่เกล้า
เข้ามาสู่สวนสร้อยใจข้าน้อยนิยม
สองฟังชมชื่นชอบตรัสตอบสองพี่เลี้ยง
คำพี่เพี้ยงพึงวางฝังไว้กลางใจจำ
พี่ช่วยนำแนะสอนสายสมรกล่าวชม
นิยมยอฬ่อใจตรัสปราไสพี่เลี้ยง
พี่กล่อมเกลี้ยงรักษาแต่เยาว์มาคุงใหญ่
คุณยิ่งใช่ภอดีครั้งนี้มีมาซร้ำ
คุณยิ่งล้ำฟ้าดินสองยุพินพจมาน
เจือจานใจสองนางพี่เลี้ยงพลางปรีดา
ครั้นเพลาราตรีกล่อมสองศรีทรามชม
เชิญบรรธมพณเกล้าฦๅราชเต้าตามแล้ว
จักมาสู่สมแก้วพรุ่งนี้มั่นคง
             

โคลง ๒
๏ จงบรรธมแท่นแก้วฟูกหมอนแพรเพริศแพร้ว
ม่านมุ้งผดุงถวาย
๏ ดอกกระจายลายผ้าพิดานดาดโอ่อ้า
อบฟุ้งเสาวคนธ์
๏ กล่าวยุบลกล่อมเกลี้ยงฟังเสนาะเพราะเพี้ยง
พี่เลี้ยงทรอถวาย
โคลง ๔
๏ เดือนหงายกระจ่างแจ้งเวหา
เกลื่อนกลาดดาษดาราเรียบร้อย
เดือนช่วยส่องมรรคาฦๅราช ทีแฮ
เชิญชักมาสู่สร้อยสรบน้อยสองสมร
๏ อย่าอาวรณ์ร้อนเร่าอารมณ์
ขวัญอ่อนจงบรรธมแท่นแก้ว
พระฦๅจักมาชมเชยชื่น จิตรแฮ
สองแม่จงผ่องแผ้วเพื่อได้โดยหวัง
โคลง ๒
๏ สองฟังสองที่เลี้ยงช่างกล่าวกลอนกล่อมเกลี้ยง
เพราะถ้อยสุนทร
๏ ว่าพระฦๅจรไต่เต้าจักมาถึงพรุ่งเช้า
ชื่นชื้นใจถวิล
ร่าย
๏ สองยุพินแช่มชื่นสำราญรื่นอารมณ์
บรรธมเหนือแท่นที่สองพี่เลี้ยงกล่อมกลอน
สองสายสมรหลับสนิทเกิดนิมิตรอัศจรรย์
พระพิมพ์ฝันเห็นองค์อมรินทร์ลงจากฟ้า
อยู่ตรงหน้าสองสมรสองกรช้อยสองศรี
พาจรลีสู่สวรรค์ฝ่ายพระพรรณฝันเห็น
เป็นเทพสังหรว่ามังกรฤทธิ์กล้า
ลอยล่องฟ้ามาถึงเข้ารัดรึงแรงเรี่ยว
เชี่ยวชาญชิดติดพันในสุวรรณปราสาท
สองวรนาฏขวัญหายมังกรกรายกระหวัด
รัดรวบหิ้วปลิวลอยสองงูพลอยตามพลาง
รัดสองนางนำหนีสองนารีนอนเรียง
หลับเคียงแท่นจอมขวัญนางจั่นฝันชมสระ
บัวระดาดาษดาเหลือบเห็นปลาไหลเผือก
เที่ยวแซะเสือกไซ้รูเข้าคุดคู้ดื่มไคล
นางจับไปเลี้ยงชมให้กินตมทุกวัน
นางเจิมฝันดักแร้วต้องนกแก้วคอแดง
ดิ้นสิ้นแรงหอบรวนซรบเซร้าซรวนจับได้
เอาเลี้ยงไว้ชมชื่นตระบัดตื่นตามกัน
ต่างคนฝันจำได้จวนจวบใกล้รุ่งรพี
สองโฉมศรีเล่าพลางสองนางฟังฝันไท้
เห็นจะได้เหมือนหมายทำนายฝันขวัญเข้า
คงสมแม่ณเกล้าพรุ่งนี้แน่นอน
โคลง ๔
๏ อย่าอาวรณ์ร้อนเร่ารุมทรวง
ฝันแม่ยิ่งใหญ่หลวงเลิศแล้ว
สำเร็จคิดทงงปวงไป่ป่วย การเลย
พระจะลุลาภแก้วก่อเกื้อกรีธา
๏ ในเพลาพรุ่งนี้แน่นอน
ขวัญอ่อนอย่าอาวรณ์วุ่นไซร้
พระฦๅจักเสด็จจรมาสู่ สมนา
สมคิดจิตรจงได้ดั่งน้ำใจถวิล
โคลง ๒
๏ เทพินยินดีได้ดุจดังองค์ท่านไท้
ธิราชเจ้ามาสม
๏ ทรามชมค่อยชื่นชื้นจึ่งตรัสภิปรายอื้น
อรรถถ้อยตอบสนอง
๏ ฝันของพี่ดีแท้คงจะลุลาภแล้
เลิศล้ำใดปาน
๏ กล่าวเจือจานใจแล้วสองพระพี่เลี้ยงแผ้ว
ผ่องน้ำใจเกษม
ร่าย
๏ ต่างปรีดิ์เปรมแช่มชื่นสำราญรื่นปรีดา
ภอเพลาปัจจุสไสมยแสงอุไทยถ่องฟ้า
จักรจั่นจ้าแจจันไก่แก้วขันเอกเอื้อย
สุโนกเจื้อยขันขานเสียงผสานแจ้วแจ้ว
สว่างแผ้วเวหากากรพรอกบอกกล่าว
ดุจนำข่าวภูวไนยมาอาไศรยสวนศรี
สองนารีชมพลางพลางดีใจใช่น้อย
ทูลยอดสร้อยสายสมรว่าภูธรมาแน่
พระแม่อย่าเศร้าจิตรโดยนิมิตรมีไซร้
คงพบวันนี้ได้แม่นแท้แลนา
โคลง ๒
๏ สองสุดาผ่องแผ้วพี่พากันคลาศแคล้ว
สืบให้รู้ความ
๏ บอกแต่ตามจริงไซร้อย่ามาลวงกันให
เคร่าถ้าคอยหา
๏ สองนางหน้ายิ้มแย้มแต่งตัวงามแสล้ม
แช่มช้อยชวนชม
๏ งามคมสมใส่สร้อยสอดแหวนเพ็ชรกรีดก้อย
เพริศพร้อยพราวตา
๏ นุ่งผ้านอกอย่างแล้วดอกกระจายพรายแพร้ว
เลิศแล้วอย่างดี
๏ ห่มแพรศรีสองชั้นแพรปักเถาทั้งนั้น
เลือกล้วนงามงาม
๏ บ่าวไพร่ตามน้อยน้อยพากันไปสวนสร้อย
คลาศคล้อยไคลคลา
๏ ครั้นมาถึงสวนสร้อยค่อยย่างเยื้องเรียบร้อย
ชม้อยเมียงมอง
๏ ตรึกตรองใจใคร่รู้ว่ามีผู้ใดผู้
หนึ่งนั้นอาไศรย
๏ เก็นดอกไม้ให้ช้าหวังจะดูทางถ้า
ถี่ถ้วนทุกประการ
๏ สองนายชาญเชิงแท้ครั้นเห็นสองนางแล้
หลากน้ำใจถวิล
๏ สองนารินมานี้ทีจะมาชักชี้
ช่องให้มั่นคง
ร่าย
๏ ทูลองค์อิศเรศร์แล้วสองนายแคล้วไคลคลา
ปิดทวารตำหนักชักเชิงเชือนให้ไคล
แกล้งเดินไปให้เห็นทำทีเปนไม่รู้
ว่าผู้ใดไปมาเข้าศาลาฝาชิด
ปิดประตูคอยมองส่วนสองนางแลไป
เห็นแต่ไกลไววับลับศาลาแลหาย
นางนึกหมายมั่นคงสมคำองค์โยคี
ดูท่วงทีผิดประหลาดทำเดินผาดให้เห็น
ทีนี้เปนง่ายแล้วสองนางแคล้วจรดล
เดินเวียนวนค้นหาเห็นคนมาเมื่อกี้
บัดนี้หายแห่งใดเดินเลี้ยวไปแลดู
เปิดประตูเข้าไปในศาลาเห็นสอง
ดูทำนองแช่มช้อยจึงกล่าวถ้อยทักถาม
สองนี้นามกรไฉนเข้าอยู่ในศาลา
มาแต่ด้าวแดนใดบังอาจใจจริงแท้
บอกจริงแล้อย่าพรางสองนายพลางยิ้มแย้ม
ตอบแก่สองแสล้มพี่นี้มาไกล
โคลง ๔
๏ มาเมืองไกลใช่น้อยนวลผจง
พี่บอกความตามตรงแน่งน้อย
ไป่รู้แห่งหนหลงมาดอก ณแม่
ใช่จะแกล้งแต่งถ้อยใส่สร้อยแซมสี
๏ สวนนี้สอนแม่รื้อทรามรัก
แสนสนุกดิ์ดีนักเลิศล้ำ
เรียมมาบ่รู้จักใครใคร่ ถามนา
มาพบเจ้าของซ้ำชื่นน้ำใจเรียม
๏ งามเสงี่ยมจงให้พึ่งเอาบุญ แม่ฮา
พี่จะทดแทนคุณนิ่มน้อง
อาไศรยอยู่เจือจุนใจชื่น แลแม่
พี่เปลี่ยวเปล่าพวกน้องพี่น้องไป่มี
๏ สองนารีนั่งยิ้มกริ่มใจ
เห็นจะสมนึกในแน่แท้
ดูรูปร่างผ่องใสสุดสอาด
ผิดพวกเมืองเราแล้เล่ห์ล้ำขำคม
๏ อารมณ์หมายแม่นแล้วตอบไป
สวนราชสองอรไทยอยู่เกล้า
พี่มาแต่เมืองไกลจงอยู่ เถิดพี่
พอเคลื่อนคลายหายเศร้าสร่างได้ความสบาย
๏ สองนายสนองตอบถ้อยนาริน
คุณแม่ล้ำแผ่นดินแผ่นฟ้า
นำคำข้อควรถวิลไว้หว่าง ทรวงนา
แม้เสร็จสืบเบื้องหน้าจักได้แทนคุณ
๏ เปนบุญได้ก่อสร้างปางไกล แม่ฮา
พบนุชสุดอาไลยพี่นี้
พะเอินแม่มีใจใสสังเวช
สังวาศเคยก่อนกี้จึ่งได้พบกัน
๏ นางจั่นฟังชื่นชื้นอารมณ์
ชายแต่หางตาคมคู่ค้อน
นางเจิมจับใจชมเชิงชื่น
เมียงแต่หางตาย้อนยั่วแย้มกลถาม
๏ จึ่งถามว่าพี่นี้นามไฉน
มาธุระอะไรใคร่รู้
จงแจ้งแต่จริงใจอย่าเจื่อน เลยพี่
ฉันจะช่วยแก้กู้ที่ร้อนรนใน
๏ ขอบใจสองแม่แล้ทรามรัก
คำแม่ชื่นใจนักแน่งน้อย
ขอพี่พึ่งพิงพักรอผ่อน ใจแม่
แม้ว่าเสร็จสมสร้อยห่อนร้างแรมขวัญ
โคลง ๒
๏ สองนายพลันโลมเล้าปลอบว่าแม่ขวัญเข้า
อย่าได้หมองหมาง
โคลง ๔
๏ สองนางต่างแนบเนื้อสองนาย
ร่วมภิรมย์รศหลายเล่ห์ล้ำ
ต่างชื่นต่างชมหมายมั่นแม่น
แสนเกษมเปรมซร้ำเนื่องน้ำใจถวิล
โคลง ๒
๏ ครั้นสิ้นสมภาศแล้วต่างยิ้มย่องผ่องแผ้ว
เพื่อด้วยกลกาม
โคลง ๔
๏ นางจึงถามชื่อชู้ทันที
เชิญพี่บอกโดยดีอย่าเอื้อน
สองมาแต่ธานีนามชื่อ ใดแฮ
วานอย่าทำเลื่อนเปื้อนบอกให้รู้รา
โคลง ๒
๏ พี่มาเมืองไกลแท้ชื่อเมืองเชียงตุงแล้
เที่ยวค้าขายของ
โคลง ๔
๏ มาลำลองพ้องพวกพลัดกัน แม่ฮา
พี่ชื่อฉัดชื่อฉันว่าไว้
พบพราหมณ์หนึ่งคมสันโสภาค
นามสยมพรหมณ์ได้เที่ยวด้วยกันมา
โคลง ๒
๏ สบสองราร่วมห้องพี่บ่ไปไกลน้อง
อยู่ด้วยมารศรี
โคลง ๔
๏ สองนารีรู้เรื่องรำคาญ
ตกตลึงแลลาญจิตรไซร้
ตรึกตรองว่องโวหารหาเหตุ ถามแฮ
พราหมณ์อยู่ไหนพาให้พบได้รู้จริง
โคลง ๒
๏ สองนายนิ่งนึกไซร้บ่ทันนัดท่านไท้
อัดอั้นอายใจ
โคลง ๔
๏ สองนางไวว่องรู้ท่วงที
กล่าวกระชั้นเย้ายีชดช้อย
หน้าตาพี่ผ่องศรีใสสด
แต่ว่าปดใช่น้อยนึกหน้าอางขนาง
โคลง ๒
๏ ท่าทางผิดพ่อค้าจะดูหน้าใช่หน้า
เชื่องช้าชาวพล
โคลง ๔
๏ พลางตนเองดั่งนี้เยียใด
แกล้งกล่าวเกลื่อนเชือนไชใช่น้อย
เสียแรงรักหักใจร่วมจิตร
ยังจะปิดบิดถ้อยเท็จให้ใจฉงน
โคลง ๒
๏ อย่าร้อนรนร่ำร้องพี่จะบอกจริงน้อง
อย่าได้อางขนาง
๏ พี่แกล้งพรางยอดสร้อยจะลองใจแน่งน้อย
ใคร่รู้ร้ายดี
๏ พี่นี้พี่เลี้ยงไท้สมเด็จพระฦๅไซร้
บอกแจ้งใจจริง
๏ สองมิ่งเป็นพี่เลี้ยงสองอรไทยเนื้อเกลี้ยง
ช่วยด้วยโดยหวัง
๏ สองนางฟังข่าวไท้ชื่นชมสมคิดไว้
ดั่งได้ไอสวรรย์
โคลง ๔
๏ พระองค์นั้นเสด็จเบื้องบ่อนใด พี่ฮา
พระจะเปลี่ยวหฤไทยโศกเศร้า
เชิญพี่ช่วยพาไปเฝ้าบาท
จักประนมก้มเกล้ากราบเบื้องบทมาลย์
๏ ขอรับสารสู่สร้อยสองศรี
แล้วจักเชิญสองลีลาศเต้า
มายังปิ่นภูมีมหิราช นั้นนา
สู่ที่สวนสองเฝ้าท่านไท้ทันที
ร่าย
๏ สองนายปรีดิ์เปรมจิตรเชยชมชิดสองนาง
กอดจูบพลางแย้มยิ้มประไพพริ้มเพราคม
ต้องอารมณ์ชมชื่นสำราญรื่นปรีดา
สองนายพาสองนางตามกันพลางมาพลัน
ถึงตำหนักจันทน์ทันใดสองทูลไทธิราช
ข้าพบนาฏสองศรีพาจรลีมาเฝ้า
หวังประนมก้มเกล้าเพื่อได้รับสาร
โคลง ๒
๏ สองนางชาญเชิงแท้เห็นองค์พระฦๅแล้
เลิศล้ำใดปูน
โคลง ๔
๏ จึงทูลธิเบศร์ไท้ทันที
พระอุส่าห์จรลีลาศเต้า
มาถึงที่สวนศรีสองนาฏ
ลำบากพระองค์เจ้ายากพ้นประมาณ
โคลง ๒
๏ ภูบาลตรัสตอบถ้อยถามถึงพระนุชน้อย
ยอดสร้อยสองศรี
๏ สองอยู่ดีฤๅเจ้าฤๅว่าสองโศกเศร้า
เคร่าถ้าหมองหมาง
๏ สองนางทูลไท้ว่าสองลห้อยไห้
ไป่เว้นคืนวัน
๏ สองกระศัลย์โศกเศร้าถึงพระผู้ปิ่นเกล้า
ค่ำเช้าเพรางาย
๏ ฤๅสายสั่งพี่เลี้ยงเชิญสองอรเนื้อเกลี้ยง
อย่าช้าเสด็จมา
โคลง ๔
๏ แม้นช้าจักไป่ได้เห็นองค์
ไหนจะครองชีพคงอยู่ไซร้
ขอเชิญแม่โฉมยงมาสู่ สวนนา
พอที่พบภักตร์ได้อย่าให้ชีพวาย
ร่าย
๏ สองนางถวายบังคมกรประนมเหนือเกล้า
นบน้อมเจ้าจอมกระษัตริย์บรรจงจัดบรรจฐรณ์
อลงกรณ์เครื่องลาดล้วนสอาดงามดี
มุ้งม่านมีครบครันอภิวันท์ทูลลา
ตาต่อตาสองนายม่านเมียงหมายมั่นกัน
ต่างกระศัลย์เศร้าสร้อยต่างลห้อยโหยหวน
ให้คร่ำครวญไปมาสองนางลาคลาไคล
ใจต่อใจผูกพันสองนางจรัลจากสวน
คิดรำจวนป่วนใจจนเข้าในวังราช
เห็นสองนาฏดวงสมรเยี่ยมบัญชรทั้งคู่
โฉมเยื้อนอยู่ยะแย้มงามแสล้มเลิศหล้า
ดุจนางฟ้าสาวสวรรค์ภักตร์เพียงจันทร์ทงงสอง
ตั้งตามองคอยถ้าดุจแว่นฟ้าผ่องศรี
สองนารีลีลาศขึ้นปราสาททันใด
เข้าถึงในใกล้บาททูลข่าวราชทุกอัน
รับขวัญขวัญอรไท้ขวัญแม่มาแล้วไซร้
อย่าได้ร้อนรน
โคลง ๔
๏ นฤมลบุญเลิศล้ำแดนดิน แม่ฮา
โฉมราชดังอมรินทร์ร่มฟ้า
ฤๅกฤษณประธมสินธุ์มาสู่ สองนา
งามประโลมแหล่งหล้าเลิศล้ำใดปาน
๏ พระสั่งสารถี่ถ้วนทุกอัน
เชิญเสด็จสองจอมขวัญอย่าช้า
แม้นานนักบ่ทันพบพระ องค์นา
พบแต่ศพเจ้าฟ้าฝากไว้ให้เผา
๏ สองเจ้าฟังแช่มชื้นชื่นครัน
ดุจดั่งได้ไอสวรรย์ว่ายฟ้า
พี่เอยใคร่ไปทันในบัด นี้นา
กีดเพราะลาย่าช้าชอกช้ำใจครัน
๏ จอมขวัญยังย่าไท้ทันที
ทูลบาทเบื้องบทศรีซรบเกล้า
นั่งแนบแอบองค์มีจิตรชื่น ชมนา
ลาพระย่าไต่เต้าสู่สร้อยสวนขวัญ
๏ ย่าพลันผันลูบไล้หลานขวัญ
ภักตร์แม่ผ่องเพียงจันทร์แจ่มฟ้า
จักลาเล่นสวนสรรพ์แสนสนุกนิ์
ไปแม่อย่าอยู่ช้าขุกไข้ไภยมี
๏ จึงสั่งพี่เลี้ยงราชสองรา
จงพิทักษ์รักษาใฝ่เฝ้า
อย่าให้ล่วงเวลาค่ำมืด ลงแฮ
ภอบ่ายเย็นเชิญเจ้ากลับเข้าวังพลัน
๏ จอมขวัญลาย่าแล้วลีลา
คืนสู่ห้องรจนาหนุ่มเหน้า
สะสรงสุคนธาธารกลิ่น
หอมเฟื่องฟุ้งจรุงเร้ารื่นด้วยเสาวคนธ์
๏ ทรงเครื่องต้นเพริศพริ้งเพราคม
ผิวผ่องทองทาถมเทียบได้
งามเงื่อนอับศรสมทุกสิ่ง งามนา
ทรงพระภูษิตไซร้เสร็จพร้อมเพราผจง
๏ โฉมยงทรงเครื่องแล้วจรลี
พระพี่เลี้ยงสองศรีนอบน้อม
ทรงวอรัตนรูจีแจ่มจรัส
สาวสุรางค์แห่ห้อมแวดล้อมครรไล
             

ร่าย
๏ คลาไคลถึงสวนศรีสองนารีไปก่อน
ผ่อนเข้าตำหนักจันทร์ทูลทรงธรรม์ธิราช
แล้วแต่งอาศน์บรรจฐรณ์มุ้งม่านหมอนเสร็จสรรพ
หับทวารห้องประธมปูเจียมพรมข้างน่า
สำหรับข้าไทเฝ้าส่วนพระฦๅเจ้าจอมกระษัตริย์
บรรจงจัดแต่งองค์ทรงภูษิตาภรณ์
งามบวรรจนาทรงมหามงกุฎ
ประเสริฐสุดโสภาคดุจเทวราชอมรินทร์
พระภูมินทร์ตรึกตราปฤกษาสองพี่เลี้ยง
นายเกลี้ยงแลนายกลั่นหมายมุ่งมั่นมองเมียง
แอบอยู่เคียงข้างองค์สองโฉมยงยูรยาตร
ลีลาศขึ้นตำหนักพักข้างน่าทันที
พร้อมสาวศรีกำนัลเกษมสันต์แซร่ซร้อง
ให้เล่นร้องสักระวาชมบุบผาหอมหวล
ทำโอดครวญท่วงทีร้องเรื่องศรีอนิรุท
กับวรนุชอุษาเทพเจ้าพาสู่สม
สองทรามชมฟังชื่นสำราญรื่นพระไทย
พี่เลี้ยงใจแหลมหลักทูลเตือนตักต่อหน้า
ว่าพระย่าสั่งไว้ให้บรรธมอย่านาน
เยาวมาลย์แย้มยิ้มประไพพริ้มภักตรา
พจนาตอบถ้อยนานอิกหน่อยจึ่งนอน
สองนางวอนค้อนให้ส่งสาวใช้ฉับพลัน
จงพากันออกไปเล่นให้ไกลอย่าอึง
ยินเสียงถึงจะมิหลับขับสายสนมไปแล้ว
ค่อยผ่องแผ้วยินดีเชิญสองศรีเข้าห้อง
ทั้งพระพี่พระน้องอิดเอื้อนอายใจ
โคลง ๒
๏ จักไปฉันใดได้ยังไป่เคยเลยไซร้
พี่ได้ปราณี
๏ จงช่วยชี้ช่องให้แต่ภอรู้ทีไว้
จักได้โดยตาม
โคลง ๔
๏ โฉมงามเจ้าพี่นี้อย่าฉงน
คงจะรู้เล่ห์กลที่ไท้
พระแม่อย่าเวียนวนหวั่นจิตร เลยแม่
เข้าที่เถิดจักได้เรื่องรู้ไปเอง
๏ ยังนึกเกรงท่านไท้พี่อา
ให้หวาดหวั่นวิญญาครั่นคร้าม
ไป่รู้จักเดียงษาสักนิด หนึ่งเลย
วานพี่ไปเป็นหล้ามเล่ห์ให้เห็นที
๏ พระฤๅมีจิตรหมุ้งมองเมียง
นั่งแนบแอบฝาเคียงคั่นห้อง
ได้ยินแต่สำเนียงสุดชื่น จริงแฮ
ฟังว่าสองนวลน้องหนุ่มแท้โดยจง
๏ โฉมยงยังอิดเอื้อนอาวรณ์
สองพี่เลี้ยงจูงจรจึ่งเต้า
เข้าสู่ที่บรรจฐรณ์แท่นรัตน์
องค์พระฦๅเสด็จเข้าสู่ห้องทันที
๏ สองศรีเห็นราชไท้เสด็จมา
งามยิ่งองค์อิศราร่มเกล้า
พิศบ่พริบไนยนาเมียงมุ่ง
เนตรตะลึงแลเจ้าหมอบเฝ้าเฟี้ยมองค์
๏ ต้องจำนงนึกไว้หวังถวิล
โฉมพระล้ำแดนดินเด่นฟ้า
อ่อนอายซบภักตร์ผินภักตร์ต่อ กันนา
กรประนมก้มหน้านบน้อมจำนง
๏ พระฦๅบงนาฏน้องตรูตา
โฉมแม่แม้อุมามิ่งแท้
ฤๅองค์อรอุษาเสาวภาคย์
งามประโลมจิตรแท้เลิศล้ำอำพล
๏ ดอกมณฑาทั้งคู่เคียงกัน แลฤๅ
ฤๅว่าดาวดวงจันทร์แจ่มฟ้า
สมกับข่าวกล่าวขวัญงามเงื่อน
โฉมแม่ควรแนบหน้าพี่แล้วจอมใจ
๏ อรไทยพิศท่านท้าวยินดี
เนตรบ่วางภูมีมุ่งชม้อย
จอมราชพิศโฉมศรีสุดชื่น
เนตรบ่วางแน่งน้อยเนื่องน้ำใจเหิม
๏ นางเจิมนางจั่นก้มกราบกราน
พิศพิลาศเยาวมาลย์หมอบเฝ้า
งามดุจอับศรผสานทั้งคู่ ขำแฮ
ลืมพิศพระฦๅเจ้าพี่น้องงามสม
๏ ครั้นชมโฉมราชแล้วลืมสอง องค์นา
โฉมราชดั่งเทพผยองยาตรหล้า
ผิวผุดผาดเพียงทองธรรมชาติ์
พิศราชลืมหนุ่มหน้าหน่อไท้งามจริง
๏ สองนายนิ่งนั่งเฝ้าอยู่ไหน เล่านา
มาช่วยพิศสามไทยอยู่เกล้า
งามสรรพจับดวงใจเจริญจิตร
จงช่วยพิศภักตร์เจ้าท่านไท้ทั้งสาม
โคลง ๒
๏ สองนายตามกันคล้อยมาบังคมยอดสร้อย
หมอบให้ห่างไกล
๏ สามไทงามเลิศล้ำใครจะงามกึ่งก้ำ
หนึ่งนั้นไป่มี
โคลง ๔
๏ ทรงศรีโสภิศพ้นรำพรรณ
รอยว่าเทพยรังสรรค์สู่หล้า
ฤๅว่าตระวันจันทร์แจ่มจรัส
สามราชงามเยี่ยมฟ้าเฟื่องฟื้นฟูใจ
๏ เชิญไทธิราชทั้งสามกระษัตริย์
เสวยศุขภิรมย์สวัสดิ์สว่างร้อน
ยังแท่นผทมรัตน์รมเยศ
จงอย่ามีไข้ข้อนขุ่นข้องหมองศรี
๏ ทั้งสี่พระพี่เลี้ยงกราบกราน
ลากลับหับทวารคลาศแคล้ว
เข้าสู่ที่สำราญเริงร่วม กันนา
ต่างชื่นชมผ่องแผ้วเพื่อด้วยกามกล
๏ จุมพลครั้นพี่เลี้ยงกลับพลัน
ตรัสประโลมรำพรรณพร่ำพร้อง
อ้าแม่แทบชีวันจากร่าง แลแม่
ตั้งแต่ได้รูปน้องพี่ต้องติดตาม
๏ อุตส่าห์มาพบแก้วกลอยใจ
ขอฝากรศรักไปจวบม้วย
แม่อย่าคิดระแวงในพจนพากย์ พี่นา
จักร่วมศุขทุกข์ด้วยห่อนร้างแรมโฉม
๏ ตรัสพลางโลมลูบต้องเตือนใจ
ทรวงเสียดเบียดแนบในนุ่มเนื้อ
ภิรมย์รื่นหฤไทยในท่วง ทีนา
กรกอดกรเกี่ยวเกื้อกอดแก้วกับองค์
๏ ภุชงลงเล่นสร้อยสระสวรรค์
กลั้วเกลือกเยือกเย็นยันยั่วเย้า
กำเริบฤทธิ์โรมรันแรงเรี่ยว
ค่อยคลี่คลายคลึงเคล้าเร่งเร้ารุกราน
โคลง ๒
๏ สุมามาลย์บานคลี่คล้อยภุมรินเสียดสร้อย
แซรกไซร้เสาวคนธ์
๏ ฟ้าฝนโปรยปรายต้องปลาชื่นชมเคลื่อนคล้อง
ท่องท้องสระศรี
๏ กินรีร่อนร้องชมชื่นเชิงชู้ป้อน
ร่อนเร้าแรงรมย์
๏ พระชมพระพิมพ์แล้วเชยพระพรรณผ่องแผ้ว
เล่ห์ล้ำหลากกัน
๏ ดุจสารมันเมากล้างาง่าแทงแรงเร้า
เรื่อยเรื้อยภิรมย์สมร
๏ ดุจอัศดรถูกน้อยย่างย้ำซร้ำรอยร้อย
เรียบล้ำใดปาน
โคลง ๔
๏ ภูบาลตรัสปลอบสร้อยสายสมร
รักแม่สุดดินดอนฝั่งฟ้า
เรียมจากนครจรเจียนชีพ วายแม่
มาประสบหนุ่มหน้าจึ่งได้ชีพคง
๏ โฉมยงปลงจิตรปลื้มภูธร
นบนอบชวลีกรแก่นไท้
พระจงโปรดสั่งสอนผิดชอบ แลนา
น้องไป่รู้รอบไซร้พระได้โปรดปราน
๏ เยาวมาลย์การข้อนั้นอย่าแหนง
พี่ไป่ถือโทษแคลงเคลือบไซร้
พี่หวังจะฝังแฝงฝากชีพ แลแม่
น้องอย่าละพี่ให้ห่างห้องโหยหน
๏ นฤมลฟังพระพร้องรำพรรณ ชื่นแฮ
เสมออมฤตยอันเอกแท้
หวานฉ่ำชื่นกระสรรซ่านซาบ ทรวงนา
ดังจะกลืนชื่นแล้เล่ห์ล้ำคำขาน
๏ ภูบาลบ่เบื้อเบื้องบ่อนบัว
บัวบ่เบือนชมชัวชื่นชื้น
อาทิตย์ก็มืดมัวหมอกเมฆ
วายุพัดครั่นครื้นเฟื้องฟื้นฟูมฟอง
๏ สมุทคนองน่านน้ำนองไหล
ซรึมซราบอาบเอิบในใช่น้อย
สัตว์สิงห์วิ่งวนไปทั่วป่า
หญ้าแพรกแยกย่นย้อยลู่ล้มระเนนนอน
๏ ไกรสรสมสู่สร้อยไกรสีห์
สารสู่สาวสารลีลาศเล้า
กวางทรายม่ายเมียงมีมองคู่
กระต่ายกระแตเต่าเต้าไต่เต้นตามกัน
๏ อัศจรรย์ลั่นเล่ห์พื้นเพียงทลาย
ปั่นป่วนสวนศรีสลายแล่งไล้
สองนางกับสองนายเนาเนื่อง กันนา
ร่วมภิรมย์รศไร้ราคร้อนแรมนาน
โคลง ๒
๏ ทิวากาลเกือบคล้อยสี่พี่เลี้ยงแช่มช้อย
ค่อยคล้อยคอยฟัง
๏ ยับยั้งแทบทวารไซร้ส่วนสมเด็จท่านไท้
คลาศไคล้เผยทวาร
๏ พี่เลี้ยงกรานกราบเกล้าเชิญสามกระษัตริย์เจ้า
พี่น้องสรงสนาน
๏ พระสำราญผ่องแผ้วสรงกับสองน้องแก้ว
ก่อเกื้อแกมกล
๏ ดวงอุบลเบียดเบื้องเสียดสีสองย้ายเยื้อง
ยั่วแย้มยวนใจ
๏ จอมไทยชมผ่องแผ้วเสร็จสรงสาครแล้ว
เสด็จขึ้นแท่นพลัน
๏ จอมขวัญสั่งพี่เลี้ยงยกเครื่องเสวยเทียบเคี้ยง
แต่งไว้ตั้งถวาย
๏ สองสายสวาดิวอนไหว้เชิญสมเด็จท่านไท้
ธิราชเจ้าจงเสวย
๏ พระชมเชยยั่วแย้มเชิญพระน้องสองแสล้ม
เสวยด้วยพี่รา
๏ พริ้มภักตราผ่องแผ้วเพื่อพระนุชน้องแก้ว
เสวยด้วยดีพระไทย
๏ ตระวันใกล้ค่ำคล้อยพี่เลี้ยงเตือนยอดสร้อย
จักให้ไคลคลา
๏ เพลาควรเสด็จไซร้สองจงลาท่านไท้
ธิราชเจ้าจรลี
โคลง ๔
๏ ภูมีฟังเร่าร้อนอารมณ์
เจ้าพี่เอยทรามชมชื่นเคล้า
แม่ไปพี่จะตรมตรอมสวาดิ อยู่นา
ตั้งแต่จะสร้อยเศร้าโศกเพี้ยงปางตาย
๏ สายสายสวาดิอัดอั้นอาวรณ์
กอดบาทอดิสรโศกสร้อย
พระเอยไป่อยากจรจากราช เลยนา
ซบภักตร์โหยลห้อยห่อนได้สมประดี
๏ สงสารศรีสวัสดิ์ท้าวทงงสอง
แสนวิโยคโศกหมองหม่นไหม้
กราบกับตักพระทองทงงแท่ง งามตา
น้องจะวายชีพไว้หว่างสร้อยสวนขวัญ
๏ ทรงธรรม์ผันกอดแก้วกัญญา
น้ำเนตรนองไนยนาเนื่องล้น
อ้าแม่จะไคลคลาทิ้งพี่ แลฤๅ
ไหนชีพพี่จะพ้นพรุ่งเช้าเพลางาย
๏ โฉมฉายฟังพระเอื้อน อาไลย
จะจากไปฉันใดดั่งนี้
ระทวยระทดเจียรใจจะขาด พระเอย
สองวิโยคร่ำรี้เร่าร้อนใจตรอม
๏ อ้าจอมกระษัตริย์เจ้าจักรพงษ์
แรกเริ่มยินข่าวองค์ท่านไท้
หวังสวาดิตระลึงหลงครวญคร่ำ ถึงนา
นอนนั่งดั่งบ้าใบ้บ่ได้สรงเสวย
๏ บุญเคยจึงได้ร่วมเรียงรมย์
คุณพระพี่มาสมสู่ไซร้
ถึงสวนก็ได้ชมชูชื่น จิตรนา
ยังไป่ถึงวันให้จากได้ฉันใด
๏ อ้าสองไททั้งคู่ควรชม ชื่นแฮ
แรกพี่ได้รูปนิยมข่าวน้อง
เหาะได้จะเหาะสมสู่นุช แนบนา
เหาะบ่ได้ใจข้องขุ่นแค้นแสนทวี
๏ ละบุรีรีบเต้าตามสมร มานา
อุตส่าห์เดินดินดอนยากแท้
มาได้ชื่นชมอรอุ่นอก แลแม่
ยังไป่ถึงวันแล้ละได้ฤๅไฉน
๏ อรไทยฟังราชเรื้องรำพรรณ
ซาบซ่านแสนกระศัลย์สุดเศร้า
พระเอยจะจากฉันใดดั่ง นี้นา
กรกอดบาทจอมเจ้าจูบได้แรงใจ
๏ ปราไสสุนทเรศสร้อยสารสรรพ์
สามกระษัตริย์รำพรรณพร่ำพร้อง
ต่างปั่นป่วนหวลหันโหยสวาดิ
พระประคองพี่อน้องแนบข้างเคียงถนอม
โคลง ๒
๏ พี่เลี้ยงน้อมทูลไท้จวนจะใกล้ค่ำไซร้
เสร็จเข้าคืนวัง
๏ พระช่วยสั่งสอนสองเจ้าเพี่เลี้ยงเสด็จเข้า
ค่ำไซร้ไป่สม
๏ อย่าปรารมร่ำร้องใช่จะเหินห่างหน้อง
ห่อนให้โหยหา
๏ สุดอาไลยพี่แล้วเชิงสองพระน้องแก้ว
กลับเข้าไปพลัน
๏ จอมขวัญกระศัลย์ไซร้กรประนมกราบไหว้
ท่านแล้วลีลา
๏ เหลียวมาสั่งโศกสร้อยเชิญบพิตรแช่มช้อย
อย่าช้าไปถึง
ร่าย
๏ พี่เลี้ยงจึงบังคมประนมสองกระษัตริย์
เชิญขึ้นรัตนวอทองสนมนองแน่นห้อม
แวดล้อมหลามตามกันพลันมาถึงทวารา
ภอเพลาค่ำคล้อยส่งยอดสร้อยเข้าที่
สองนารีรีบผายบอกกับนายทวารพลัน
ว่าจอมขวัญลืมของไว้อย่าเพ่อให้หับทวาร
ทำลนลานจรลีถึงสวนศรีทันใจ
เข้าไปในตำหนักเชิญทรงศักดิ์เสด็จพลัน
สองนาฏจรัลตามมาถึวทวาราทันใด
แกล้งดับไฟมืดมิดพาทรงฤทธิ์เข้าใน
ขึ้นปรางไชยทันทีสองโฉมศรีเสด็จรับ
หับทวารห้องทองสองพาสองซ่อนไว้
ต่างชื่นชมกันได้ดั่งน้ำใจหมาย
โคลง ๒
๏ โฉมฉายเชิญท่านไท้เสด็จเหนือแท่นทองไซร้
แต่งตั้งเครื่องถวาย
๏ พานสลาลายเลิศแล้วล้วนประดับเพ็ชรแพร้ว
เพริศพริ้งเพราตา
๏ สองสุดาแน่งน้อยกรประนมชดช้อย
แช่มชื่นภิรมย์
๏ พระเชยชมชื่นเคล้าค่อยประคองสองเจ้า
แจ่มหน้านวลจันทร์
โคลง ๔
๏ ทรงธรรม์สรรพจึ่งเอื้อนอาวรณ์
อ้าแม่สองสายสมรพี่ไซร้
พี่สู่ละมารดรบิตุเรศ มานา
หวังฝากชีพสองไท้แม่ได้เอนดู
๏ โฉมตรูกราบนอบน้อมสนองสาร
คุณพระล้ำใดปานเปรียบได้
ขอรองรับบทมาลย์มอบชีพ ถวายแฮ
น้องไป่ขอห่างไท้พระได้ปรานี
๏ ถ้อยทีมีศุภสร้อยสารสนอง กันนา
พระประโลมโฉมสองพี่น้อง
สองนาฏแนบเรียงรองรับราช
แสนภิรมย์ร่วมห้องห่อนให้เว้นวาย
โคลง ๒
๏ โฉมฉายซ่อนเงื่อนไว้รู้แต่สองนางไซร้
ร่วมใส้เดียวกัน
๏ หลายวันล่วงไปแล้วสองนายปรีชาแกล้ว
ตรึกถ้อยทางความ
๏ พยายามความยากได้สมดั่งจิตรคิดไว้
เร่งให้ผันผาย
ร่าย
๏ สองนายแนบสองนางพูดกันพลางปฤกษา
ทงงสองราเร่งคิดเรานี้ผิดมากนัก
ทำลอบลักล่วงเกินเพลินแต่ตัวมิหนำ
ซ้ำแนะนำสองไซร้ทราบถึงไท้บิตุราช
คงพิฆาฏชีวีสองนารีตกใจ
กลัวเภทไภยมรณาย้อนปฤกษาสองนาย
คิดอุบายฉันใดจะพ้นไภยราชทัณฑ์
สองนายพลันปลอบพลางสองนวลน้องอย่าเศร้า
เจ้ากับพี่พากันเชิญจอมขวัญทันที
พากันหนีจึ่งได้สองนางไซร้ฟังสาร
ยอบหมอบคลานเข้าไปในห้องที่ผทม
ทูลทรามชมทันใดบัดนี้ไภยจักถึง
ความจะอึงขึ้นไซร้นิ่งอยู่ได้ฉันใด
สองอรไทยฟังข่าวอุราผ่าวเพียงไฟ
ด้วยกลัวไภยบิตุราชส่วนภูวนารถรู้ที
ปลอบสองศรีอย่าเศร้าขวัญเข้าอย่าหม่นไหม้
พี่เตรียมไว้เสร็จแล้วหวังจะพาน้องแก้ว
พี่ได้ไปเมือง
โคลง ๔
๏ บุญเรืองฟังค่อยยิ้มยินดี
กรกอดบาทบทศรีใส่เกล้า
น้องขอฝากชีวีไว้กับ พระนา
ขอติดตามพระเจ้าจวบม้วยชีวัน
๏ ทรงธรรม์ปลอบนิ่มเนื้อนวลจันทร์
ควรจะรับขวัญขวัญเนตรแล้ว
พี่สู้คิดบากบั่นมาสู่ สมนา
พี่ก็เห็นรักแก้วพี่นี้เต็มใจ
๏ สามไทยตรัสถ่องถ้อยสารา
ทั้งสี่พี่เลี้ยงมาหมอบเฝ้า
พูดตรองตรึกปฤกษาสิ้นเสร็จ
พระประคองหนุ่มหน้าแนบเคล้าเอาใจ
ร่าย
๏ สองนางไวปรีชาญจัดแจงการเตรียมไว้
เงินทองให้นายประตูส่วนภูธรปรีดา
เขียนสาราเรื่องไซร้วางไว้ในแท่นทอง
เชยชมสองพนิดาครั้นเพลาเย็นย่ำ
ค่ำมืดขมุกขมัวไป่เห็นตัวถนัด
สามกระษัตริย์กับพี่เลี้ยงบ่ายเบี่ยงออกนอกทวาร
เกษมสานต์หรรษารีบไคลคลาไต่เต้า
ถึงท่าเข้าทันใดลงกำปั่นไฟทันที
เข้าบาหลีห้องแก้วพระผ่องแผ้วหฤไทย
สองทรามไวชื่นชมประนมมอบหมอบเฝ้า
พระคลึงเคล้าปรีดาเพลาดึกให้เลื่อน
เคลื่อนกำปั่นไฟคลารีบเร็วมาบ่มิขาม
ด่านทักถามทำเฉยล่องแล่นเลยบ่ยั้งหยุด
รีบรุดออกอ่าวพลันเกษมสันติ์ใช่น้อย
พลางจูบกอดยอดสร้อยศุขล้ำสำราญ
             

โคลง ๒
๏ ราตรีกาลล่วงแล้วแสงอุไทยผ่องแผ้ว
สว่างพื้นธาษตรี
๏ สาวศรีสนมแก่เถ้าครั้นเพลารุ่งเช้า
คอยเฝ้าแจ่มจันทร์
๏ จนตระวันสายแล้วไป่เห็นโฉมสองแคล้ว
จากห้องบรรธม
๏ ฤๅทรามชมป่วยไข้เห็นห้องหับทวารไว้
ไป่รู้ร้ายดี
๏ ทั้งพี่เลี้ยงเล่าไซร้ไป่เห็นมาเฝ้าไท้
เงียบสิ้นสูญหาย
๏ ตระวันสายส่องกล้าแก่เถ้าทุกถ้วนหน้า
นึกให้อัศจรรย์
๏ ชวนกันเข้าในห้องไป่เห็นพระพี่น้อง
อัดอั้นหวั่นไหว
๏ ต่างตกใจใช่น้อยเที่ยวถามหายอดสร้อย
ทุกห้องทุกหน
๏ สองคนพี่เลี้ยงไซร้หายไปด้วยสองไท้
หลากล้ำเหลือประมาณ
๏ ให้แดดาลเดือดร้อนต่างคนข้อนทรวงข้อน
อกให้โหยหา
๏ สองพะงาอยู่เกล้าแม่เคยเล่นเย็นเช้า
บัดนี้ไปไหน
๏ จึงไปทูลย่าไท้หลานราชโฉมศรีไซร้
กับพี่เลี้ยงหายไป
โคลง ๔
๏ ย่าได้ฟังเล่าร้อนหฤไทย
นิ่งนึกตรึกตราไตรกริ่งแม้
ซึ่งหลานรักหายไปกับพี่ เลี้ยงนา
คงจะมีเหตุแล้เล่ห์ล้ำกำบัง
๏ ใครยังจะรู้เรื่องราวความ
สูเร่งไปไถ่ถามถี่ถ้อย
ไฉนจึ่งไป่พยายามหลานรัก เรานา
โทษก็ผิดใช่น้อยยิ่งร้อยพันทวี
๏ สาวศรีแลเถ้าแก่ทุกคน
ต่างก็ทูลเหตุผลย่าไท้
ตั้งแต่เสด็จจรดลไปสู่ สวนนา
เห็นซุบซิบกันไซร้ไป่รู้แล่ห์กล
โคลง ๒
๏ ต่างทูลยุบลย่าไท้โทษข้าผิดมากไซร้
พระได้โปรดปราน
๏ ฟังอาการเสร็จแล้วย่าเสด็จคสาสแคล้ว
สู่ห้องสองศรี
๏ เข้าในที่แท่นแก้วไป่เห็นพระหลานแล้ว
โศกเศร้าหมองหมาง
๏ เห็นสารวางแอบไว้หยิบมาอ่านดูได้
เรื่องรู้ราวความ
๏ โอ้โฉมงามอรไท้ควรฤๅมาเปนได้
ดั่งนี้หลานเอย
๏ หลานเคยนวดย่าแล้วย่าเชยชมผ่องแผ้ว
กอดแก้วกลอยใจ
๏ ถึงใคร่บอกย่ารู้จะช่วยทูลแก้กู้
ธิราชไท้บิตุรงค์
๏ ย่าทรางกำสรดสร้อยถึงพระหลานแน่งน้อย
ลห้อยพันทวี
๏ โอ้แต่นี้เปล่าเศร้าใครจะนวดย่าเหล้า
ดั่งเจ้านฤมล
ร่าย
๏ จึ่งเสด็จดลปราสาทบิตุราชสองศรี
บอกคดีแดดาลส่งศุภสารศรีสวัสดิ์
ท้าวนพรัตนรู้ข่าวอุราเผ่าเพียงพัง
หฤไทยหวังลูกน้อยกำสรดสร้อยหมองศรี
พระภูมีหวลลห้อยจึ่งอ่านสารศุภสร้อย
ใคร่รู้ร้ายดี
ร่าย
๏ ในสารศรีสุนทเรศขอก้มเกษอภิวาท
แทบเบื้องบาทบิตุรงค์กับทั้งองค์ชนนี
ของโฉมศรีสองสมรข้านามกรพระฦๅ
บิตุรงค์คือพันทุมราชพระนามนารถชนนี
สุมาลีเลิศลบผ่ายพิภพลพบุรี
ทราบข่าวศรีสายสวาดิงามพิลาศเลิศลักษณ์
ให้ปองรักสองสายสมรแสนอาวรณ์ร้อนรน
สุดจะทานทนได้ครั้นจะให้ทูตมา
ทูลสาราเล่าไซร้กลัวเกลือกไม่เหมือนหมาย
สู้เกือกกายติดตามพยายามยากนั
ประหนึ่งจักวายปราณสู้ทนทานความยา
แสนลำบากตามมาพบพนิดาทรามรัก
ทำลอบลักล่วงเกินจึ่งชวนเชิญโฉมศรี
หนีลงกำปั่นไฟรีบคลาไคลทันที
ถึงธานีแล้วไซร้จึ่งจะให้ทูตมา
ทูลบาทาบิตุราชขอโทษนาฏทั้งสอง
อย่ามีหมองมัวเศร้าพระองค์จงโปรดเกล้า
ลูกน้อยกลอยใจ
โคลง ๒
๏ จอมไทอ่านเสร็จแล้วให้คิดถึงลูกแก้ว
อัดอั้นตันทรวง
๏ ครั้นจะล่วงตามไซร้เห็นบ่ทันกันได้
ยากแท้ตามทาง
๏ จำงดความรอไว้ฟังข่าวราวเรื่องไซร้
จึ่งได้คิดการ
๏ ให้แดดาลโศกสร้อยคิดถึงพระลูกน้อย
ลห้อยหวลหา
โคลง ๔
๏ หน่อนราธิราชเจ้าจอมกระษัตริย์
องค์พระฦๅสวัสดิ์สว่างร้อน
เชยชมชื่นกำดัดดวงสวาดิ
สองภิรมย์อ่อนอ้อนแอบข้างทั้งสอง
๏ พระประคองนาฏเนื้อนวลจันทร์
กอดประทับรับขวัญแน่งน้อย
ชวนเชยชื่นชมพรรณมัจฉะว่าย วนนา
บ้างฝ่าฝืนคลื่นคล้อยเคลื่อนเคล้าคลอกัน
๏ ทรงธรรม์เสด็จที่ท้ายเภตรา
กับพระน้องสองราร่วมเคล้า
เห็นนางเงือกว่ายมาเมียงม่าย
พระตรัสชวนนวลเจ้าแจ่มหน้าเชยชม
๏ เอวกลมนมเต่งตั้งเต็มทรวง
ดวงภักตร์พิศพุ่มพวกแช่มช้อย
สองแขนก็แม้นงวงคชคู่ กันนา
แต่ว่ามีหางคล้อยว่ายคล้ายมัศยา
๏ พูดจาว่ากล่าวได้ดังคน
รู้จักแจ้งเหตุผลถี่ถ้วน
เรี่ยวแรงว่ายเวียนวนไวว่อง
ท่องเที่ยวทางชะเลล้วนฦกล้ำลาญใจ
๏ อรไทยจึงกล่าวถ้อยทูลถาม
ไฉนว่านางเงือกงามเงื่อนไซร้
รู้แจ้งจัดใจความถ้วนถี่
พระช่วยโปรดเล่าให้ทรามรู้เหตุผล
๏ จอมพลเล่าเรื่องเบื้องบรรพมี
ครั้นอไภยมณีหนุ่มน้อย
นางเงือกแบกว่ายหนีนางยักษ์
พระจึงสมสวาดิสร้อยเงือกน้อยนงพาล
๏ เห็นวาฬว่ายแหวกน้ำนูนนอง
หางโบกคลื่นฟูมฟองเฟื่องฟื้น
พ่นน้ำเล่นเป็นลอองสูงสุด
เสียงสนั่นครั่นครื้นคลื่นฟุ้งฟูฟอง
๏ นวลลอองเห็นหวาดว้าหวั่นฤไทย
อิงแอบองค์ภูวไนยแนบเนื้อ
พระตรัสปลอบปลื้มใจอย่าหวั่น หวาดแม่
กรกอดกายแก้วเกื้อจูบแล้วรับขวัญ
๏ เกษมสันต์สองแช่มช้อยเชิงชม
จอมกระษัตริย์กระศัลย์สมสู่สร้อย
สำราญรื่นภิรมย์รศร่วม กันนา
แสนเกษมใช่น้อยเนื่องน้ำใจหมาย
๏ มาหลายวันล่วงเข้าเขตรขันธ์
ค่อยชื่นชมสรวลสันต์สร่างเศร้า
ข้าเมืองสมุทโดยพลันแล่นล่อง มานา
ถึงพระนครเข้าทอดถ้าทันที
๏ พาสองศรีเสด็จขึ้นปรางไชย
ทูลบาททั้งสองไทใฝ่เฝ้า
โฉมสองผ่องผิวใสโสภาคย์
กรประนมก้มเกล้าหมอบเฝ้าเคียงกัน
๏ ทรงธรรม์บิตุราชทั้งชนนี
พิศพิลาศสองศรีหนุ่มเหน้า
งามเล่ห์ลักษณมีมาเปลี่ยน แปลงฤๅ
ลืมพิศพระลูกเจ้าพี่น้องงามจริง
๏ งามยิ่งทั้งคู่คล้ายคลึงกัน
สมกับข่าวกล่าวขวัญวาดไว้
รายว่าเทพรังสรรค์สองแม่ มานา
เคยคู่พระลูกไซร้จึ่งได้โดยจง
๏ จึ่งองค์บิตุราชเอื้อนอวยพร
สองแม่อย่าอาวรณ์โศกเศร้า
บิดารักสายสมรเสมอกับ บุตรนา
จะกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงเจ้าไป่ให้อนาทร
๏ มารดรกรลูบไล้สองอนงค์
ปลอบประโลมโฉมยงอย่าสร้อย
มารดารักเสอมองค์เอารส แลนา
จะถนอมแน่งน้อยห่อนให้ขุ่นเคือง
๏ บุญเรืองกราบนบน้อมสนองสาร
คุณซึ่งทรงโปรดปรานมากไซร้
ลูกสู้ละถิ่นถานมาพึ่ง พระนา
ขอฝากชีวิตไว้อยู่ใต้บทมาลย์
๏ สดับสารสุนทเรศเอื้อนโองการ
สองอย่าคิดแดดาลเดือดไหม้
จงเจริญสุขสำราญรมย์รื่น
พ่อจะสมโภชให้ลูกแก้วกลอยใจ
๏ ปางไทบิตุราชเจ้าจอมกระษัตริย์
สถิตแท่นเสวตรฉัตรเฉิดหล้า
เสนาแน่นเปนขนัดนบบาท
ตรัสสั่งตำรวจหน้าเร่งให้จัดการ
๏ แต่งโรงงานถี่ถ้วนทุกอัน
จะเศกสามจอมขวัญลูกแก้ว
โขนโรงใหญ่สำคัญชักรอก แลนา
โรงอิเหนาเพราแพร้วแต่งให้ครบครัน
ร่าย
๏ กะเกณฑ์กันถ้วนถี่ปักน่าที่ทุกหมวด
ตำรวจทั้งแปดกรมเร่งรดมแต่งโรง
ดูอาดโถงโรงโขนสายรอกโหนห้อยไว้
โรงอิเหนาไซร้แต่งสรรพประดิษฐ์ประดับเพราตา
รจนาเพราใจงามวิไลยแล้วเสร็จ
จึ่งสมเด็จบิตุราชกับวรนาฎมหิษี
ได้ฤกษ์ดีกำหนดแต่งเอารสรักไท้
ทงงสองสะใภ้โสภามายังที่พิธี
เบิกบายศรีทำขวัญเสียงสนั่นนฤนาท
ฆ้องกลองกาจกึกก้องสเทื้อนท้องสุธาดล
โกลาหลครื้นเครงบรรเลงเล่นเต้นรำ
โขนเขนนำเกรียวกราวจับเรื่องราวอินทรชิต
นฤมิตรเป็นมัฆวานขี่คชสารสามเศียร
ชักรอกเวียนวนว่อนเล่ห์เหาะว่อนเวหา
แผลงศักดิ์ดาโมกขศักดิ์ต้องพระลักษณ์ล้มลง
สุครีพตรงเข้าประคองหณุมานมองมัฆวาน
ยอดทหารโกรธนักเหาะโหมหักคอช้าง
เงื้อง่าง้างขาดพลันอินทรชิตรันด้วยศร
ต้องพานรนิ่งสลบตกทับทบดินดอน
เบื้องละครในเล่นเรื่องรเด่นมนตรี
ลักโฉมศรีบุษบาพายังอรัญเวศ
ศิขเรศคูหาห้องแนบนวลน้องสมคิด
เชยชมชิดสนิทสนมร่วมภิรมย์สำราญ
ภอเสร็จการพิธีแล้วสามกระษัตริย์ผ่องแผ้ว
ชื่นน้ำใจเกษม
โคลง ๔
๏ ปรีดิ์เปรมชมชื่นทั้งธานี
เล่าเรื่องพระฦๅลีลาศเต้า
ได้สองนาฎโฉมศรีมาสู่ เมืองนา
ปรากฏพระยศเจ้าจบฟุ้งกรุงไกร
๏ จึงไทบิตุเรศเจ้าจอมกระษัตริย์
ให้แต่งสารศรีสวัสดิ์ส่งให้
ใส่กล่องนพรัตน์เรืองโรจ
ให้ทูตถือไปไซร้สู่เบื้องเมืองรมย์
โคลง ๒
๏ ทูตบังคมลาแล้วลงกำปั่นพลันแคล้ว
แล่นล้ำเลยไป
๏ ถึงกรุงไกรเข้าเฝ้าถวายสารพระผ่านเกล้า
อิกทั้งบรรณาการ
ร่าย
๏ พระผู้ผ่านเมืองรมย์ค่อยชื่นชมปรีดา
รับสารอ่านพลันสารสุวรรณบรรจง
ขององค์อธิปไตยในประเทศถิ่นสยาม
นามนครลพบุรีอยุทธยศรีโสภา
ขอเจริญมาด้วยดีทางไมตรีต่อกัน
ด้วยจอมขวัญเอารสนามปรากฏพระฦๅเลื่อง
ได้ทราบเรื่องโฉมสองให้หม่นหมองมัวไหม้
หวังใคร่ได้ดวงสวาดิเพียงจะขาดชีพแล้ว
จึ่งคลาสแคล้วติดตามล่วงลวนลามลอบลัก
ทำหาญหักโดยได้โทษผิดไซร้แสนทวี
หนึ่งสองศรีโสภาถึงภาราแล้วไซร้
อภิเษกให้เป็นเอกอดิเรกวงษา
สองพังงาหนุ่มหน้าขอประทานโทษเจ้า
พระได้โปรดปราน
โคลง ๔
๏ อ่านสารเสร็จสิ้นข้อคำขาน
ล้วนแต่คำเจือจานจิตรน้อม
ควรจะรับสมัครสมานมูลมิตร กันนา
ยศศักดิ์สมเสร็จพร้อมเนื่องน้อมใจหวัง
๏ จึงตรัสสั่งทูตทั้งสามนาย
จงหยุดอยู่ให้สบายก่อนไซร้
เราจะแต่งสารสายส่งทูต ไปนา
ถึงสมเด็จท่านไท้ธิราชโพ้นพร้อมกัน
ร่าย
๏ จึ่งผายผันสู่ปราสาทบอกวรนาฎมหิษี
ทูลคดีย่าไซร้ชื่นชมได้ปรีดา
จัดแจงหาสิ่งของเงินแลทองครบครัน
สิ่งละพันชั่งถ้วนแก้วแหวนล้วนอย่างดี
สนมนารีสี่ร้อยให้ลูกน้อยกลอยใจ
ภูวไนยให้แต่งสารเขียนลงลานทองแล้ว
ใส่กล่องแก้วแววตาทั้งบรรณาการกระษัตริย์
ให้เร่งจัดกำปั่นไฟทูตคลาไคลทันที
โดยวิถีสาครสองลำจรตามกัน
หลายคืนวันรีบมาถึงภาราทันใด
เข้าเฝ้าไทธราธารบรรณการขนกอง
ทั้งสิ่งของพระราชทานสองเยาวมาลย์แน่งน้อย
ถวายศุภสร้อยสารสรรพ์ส่วนทรงธรรม์พันทุมราช
กับสุดสวาดิพระฦๅยินดีฤๅร่ำได้
ตรัสสั่งให้อ่านสารคำสมัครสมานสโมสร
ฝากสองสมรสุดสวาดิพระฦๅราชชื่นชม
ให้สนมนำทูตเฝ้าสองหนุ่มเหน้าข้างใน
ทูตดีใจใช่น้อยเฝ้ายอดสร้อยสายสมร
สโมสรสำราญสองเยาวมาลย์ปรีดา
ทูตทูลลามาพักสำนักติ์แขกเมือง
หน้ารุ่งเรืองเบิกบานครั้นอยู่นานแล้วไซร้
ทูตทูลไทธิราชขอวาดรูปสามกระษัตริย์
บรรจงจัดวาดแล้วใส่แผ่นแก้วแววไว
ทูลลาไทไคลคลารีบเร็วมาบ่หึง
ถึงบุรีรมย์นครเฝ้าอดิศรผ่านเกล้า
ถวายรูปเจ้าทั้งสามงามเฉลาเพราคม
ท้าวเห็นชมสมกันรูปเขยขวัญกับธิดา
แต่นั้นมาสองเมืองยศรุ่งเรืองเฟื่องฟ้า
เทียวเที่ยวค้าถึงกันเกษมสันต์สโมสร
ราษฎรชมชื่นสำราญรื่นใช่น้อย
สำเร็จสร้อยสารสนองอุส่าห์จองจัดไว้
พออ่านฟังเล่นได้เลิศล้ำตำนาน
โคลง ๔
๏ นิทานทำเทียบไท้พระลอ
คำลม้ายคล้ายพออ่านอ้าง
พระฦๅเอี่ยมละออองอาจ
อิงแอบน้องสองข้างคู่เคี้ยงเรียงรมย์
๏ เชยชมชื่นทั่วทั้งชายหญิง
ฟังเสนาะจับใจจริงใช่น้อย
บทบาทพาดพันพิงเนืองเนื่อง กันนา
เล่ห์ดังมาไลยร้อยเรียบล้ำคำขาน
๏ ใครอ่านสารศุภสร้อยศรีสวัสดิ์
เห็นว่าคำใดขัดค่อค้อน
เชิญช่วยผจงจัดผลัดเปลี่ยน เถิดพ่อ
ขอแต่อย่ายิ้มย้อนยั่วเยื้อนทีหยัน
๏ รำพรรณกลั่นกล่าวเกลี้ยงกลอนกล การแฮ
โดยระบอบระเบียบยลเยี่ยงแท้
ขอศรีสวัสดิ์ศุภผลภูลเพิ่ม ข้านา
สรรพไภยใกล้แกล้กลับร้ายกลายดี
๏ หลวงศรีมโหสถแสร้งสรรผจง
ยอยศพระฦๅองค์เอกไท้
ทั้งสี่พี่เลี้ยงพะวงหวังร่วม กันนา
ให้เสร็จสมนึกได้ดั่งน้ำใจถวิล
๏ จบสิ้นเสาวภาคย์สร้อยสารสนอง
เดือนสิบปีมโรงจองจัดไว้
ศักราชลุพันสองร้อยสิบ แปดแฮ
อัฐศกวันศุกร์ไซร้เสร็จขึ้นสิบสาม
             

เชิงอรรถ

ที่มา

หนังสือเก่าชาวสยาม

(ขอขอบคุณ คุณ gignoi สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน)

เครื่องมือส่วนตัว