ไทยรบพม่า

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ เป็นส่วนหนึ่งใน ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๖

บทประพันธ์

แผ่นดินสมเด็จพระไชยราชาธิราช

สงครามครั้งที่ ๑ คราวพม่ายกมาตีเมืองเชียงกราน

เมื่อปีจอ จุลศักราช ๙๐๐ พ.ศ.๒๐๘๑ ในแผ่นดินสมเด็จพระไชยราชาธิราช ปรากฎว่าพม่ายกทัพมาตีอาณาเขตรสยามที่เมืองเชียงกราน เมืองเชียงกรานนี้เปนเมืองเดียวกับเมืองแครง มอญเรียกว่า “เดีงกรายน์” เดี๋ยวนี้อยู่ในแดนมอญไม่ห่างด่านเม้ยวะดี ทำครั้งนั้นอาณาเขตรไทย จะออกไปถึงแม่น้ำสละวิน เมืองเชียงกรานจึงอยู่ในอาณาเขตรไทย สงครามคราวนี้มีเรื่องปรากฎในหนังสือพระราชพงษาวดาร หนังสือพงษาวดารพม่า แลจดหมายเหตุของปิ่นโตโปจุเจตประกอบกันว่า มังตราพม่าเปนโอรสของเจ้าเมืองตองอูตั้งตัวเปนใหญ่ได้หัวเมืองพม่ารามัญเปนอันมากแล้วราชาภิเศกขนานพระนามว่า “พระเจ้าตะเบงชเวตี้” แปลว่า พระเจ้าสุวรรณเอกฉัตร แล้วยกกองทัพเข้ามาตีได้เมืองเชียงกราน สมเด็จพระไชยราชากองทัพหลวงไป ได้สู้รบกันเปนสามารถ กองทัพไทยตีกองทัพพม่ารามัญพ่ายถอยไป ไทยได้เมืองเชียงกรานคืน

แผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์

สงครามครั้งที่ ๒ คราวสมเด็จพระสุรโยไทยขาดคอช้าง

ปีมะเมีย จุลศักราช ๙๐๘ พ.ศ. ๒๐๘๙ สมเด็จพระไชยราชาธิราชสวรรคต เกิดจลาจลในกรุงศรีอยุทธยา เหตุด้วยท้าวศรีสุดาจัทร์ผู้เปนพระชนนีสมเด็จพระยอดฟ้าเปนใจให้ขุนวรวงษาธิราชผู้เปนผู้ชิงราชสมบัติ เวลานั้นพระเจ้าตะเบงชเวตี้ พม่าที่เคยรบกับสมเด็จพระไชยราชาธิราชที่เมืองเชียงกราน มีชัยชนะ ได้ประเทศที่ใกล้เคียง ทั้งมอญแลพม่ารวมไว้ในอำนาจแล้วตั้งเมืองหงษาวดีเปนราชธานี จึงปรากฏพระนามว่า พระเจ้าหงษาวดี เมื่อได้ทราบข่าวว่าเกิดเหตุจลาจลขึ้นในกรุงศรีอยุทธยา เห็นเปนท่วงทีจะขยายอำนาจแลแก้ความเสื่อมเสียที่ปรากฎว่าเคยรบแพ้ไทย จึงยกกองทัพใหญ่เข้าทางด้านพระเจดีย์ย์ ๓ องค์ ฝ่ายข้างกรุงสรีอยุทธยา เมื่อท้าวศรีสุดาจันทร์กับขุนวรวงษาธิราชคบคิดกับสมเด็จพระยอดฟ้าปลงพระชนม์แล้ว ขุนวรวงษาธิราชครองราชสมบัติอยู่ได้ ๔๒ วัน พวกขุนนางข้าราชการก็ช่วยกันจับท้าวศรีสุดาจันร์กับวรวงษาธิราชฆ่าเสีย เชิญพระเทียรราชาราช อนุชาสมเด็จพระไชยราชาธิราชฆ่าเสียขึ้นครองราชสมบัติเมื่อปีวอก จุลศักราช ๙๙๐ พ.ศ. ๒๐๙๑ ทรงพระนามสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์


สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์เสวยราชย์ได้ ๗ เดือน พระเจ้าหงษาวดี ตะเบงชเวตี้ก็ยกกองทัพเข้ามา ในครั้งนั้นไทยมีกำลังสมบูรณ์ แต่เสียเปรียบพม่าอยู่อย่าง ๑ ด้วยพม่าทำศึกสงครามมีไชยชนะต่อติดกันมาหลายปี กำลังชำนาญแลอิ่มเอิบในการศึก ไทยแต่งกองทัพออกไปต่อสู้ดูกำลังพม่าที่เมืองสุพรรณ เห็นเปนศึกใหญ่ทัพกษัตริย์ จะต่อสู้ทางหัวเมืองไม่ไหว จึงถอยทัพเข้ามาตั้งมั่นที่กรุงศรีอยุทธยา กองทัพพม่าก็ยกตามเข้ามาตั้งล้อมกรุง ฯ ไว้ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ยกกองทัพออกไปรบ ได้ชนช้างกับพระเจ้าแปรเสียทีข้าศึก สมเด็จพระสุริโยไทยพระอรรคมเหษี แต่งพระองค์เปนชายออกไปด้วยเห็นพระราชสามีจะเปนอันตราย จึงขับช้างต่างพระที่นั่งเข้าชนให้พระราชสามีพ้นภัยมาได้ แต่องค์สมเด็จพระศรีสุริโยไทยต้องอาวุธข้าศึกทิวงคตในสมรภูมินั้น ไทยเห็นเหลือกำลังจะต่อสู้ข้าศึกด้วยการรบพุ่งในสนาม จึงเปลี่ยนอุบายการรบ เอาพระนครที่มั่นตั้งต่อสู้ แล้วสั่งให้พระมหาธรรมราชาราชบุตรเขยซึ่งครองเมืองพิษณุโลก รวบรวมพลเมืองฝ่ายเหนือยกกองทัพมาตีโอบข้าศึก ฝ่ายข้างพม่ายกเข้ามาปล้นพระนครหลายคราวตีไม่ได้ จะเข้าตั้งค่ายประชิด ไทยก็เอาปืนใหญ่ลงเรือเที่ยวไล่ยิงเข้ามาไม่ได้ พม่าตั้งล้อมพระนครอยู่เสบียงอาหารเบาบางลง พอได้ข่าวว่าทัพเมืองเหนือจะลงมาช่วยกรุงศรีอยุทธยา ก็จำเปนต้องเลิกทัพกลับไป จะกลับไปทางเดิมสะเบียงอาหารตามทางที่มาย่อยยับเสียหายหมด จึงยกกลับไปทางข้างเหนือ จะไปออกทางด่านแม่สอด ซึ่งเรียกอีกนาม ๑ ว่า แม่ลำเมาทางเมืองตาก ความปรากฎในหนังสือพงษาวดารพม่าว่า เมื่อพระเจ้าหงษาวดีถอยทัพไปคราวนั้น พระราเมศวร ราชโอรสของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ คุมกองทัพไทยออกติดตามตีทัพพม่าทาง ๑ พระมหาธรรมราชาเมืองพิศณุโลก ติดตามตีอิกทาง ๑ ฆ่าพม่าล้มตายมาก เมื่อพระเจ้าหงษาวดี ขึ้นไปถึงเมืองกำแพงเพ็ชร์ กองทัพไทยทั้ง ๒ กองตามไปทางอิก ๓ วันจะทัพกองทัพหลวง พระเจ้าหงษาวดีจึงคิดกลอุบายแต่งกองทัพมาซุ่ม แล้วสั่งให้รบล่อกองทัพไทยเข้าไป ฝ่ายไทยหลงไล่ละเลิงเข้าไป พม่าล้อมจับได้ทั้งพระราเมศวรแลพระมหาธรรมราชา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์จึงยอมเปนไมตรี หย่าทัพกับพม่า ยอมให้ช้างชนะงาแก่พระเจ้าแก่พระเจ้าหงษาวดี ๒ ช้างพระเจ้าหงษาวดีจึงปล่อยพระราเมศวรและพระมหาธรรมราชากลับมา


พระเจ้าหงษาวดีตะเบงชเวตี้กลับไปถึงเมืองหงษาวดี แล้วไม่ช้าก็เกิดประพฤติดุร้ายด้วยอารมณ์ฟั่นเฟือน จนพวกขุนนางล่อลวงให้ไปจับช้างเผือก แล้วจับพระเจ้าหงษาวดีตะเบงชเวตี้ฆ่าเสีย หัวเมืองมอญพม่าแลไทยใหญ่ที่เคยขึ้นหงษาวดี พากันกระด้างกระเดื่องปานเมืองจลาจลอยู่กว่าสิบปี ทางนี้ปรากฎในหนังสือพระราชพงษาวดารว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ให้ตระเตรียมการป้องกันพระนครหลายอย่าง เปนต้นว่ากำแพงกรุงเก่า แต่ก่อนมาเปนแต่ถมดินเปนเชิงเทินแล้วปักละเนียดไม้ข้างบน แก้ไขก่อเปนกำแพงอิฐปูนเมื่อในแผ่นดินพระมหาจักรพรรดิ์คราวนี้ หัวเมืองรายรอบพระนครที่มีเชิงเทินเปนที่มั่นคงมาแต่เดิม เห็นว่าจะรักษาไม่ได้ จะไม่ให้ข้าศึกยึดเปนที่มั่นได้ ให้รื้อเชิงเทินกำแพงเสียทั้งเมืองสุพรรณบุรี เมืองลพบุรี เมืองนครนายก ส่วนหัวเมืองเหนือที่มีกำแพงของเดิมตั้งเมื่อพระร่วง ให้ทำป้อมคูต่อออกมาสำหรับสู้ทางปืนทั้งเมืองสวรรคโลก ศุโขไทย (แลเข้าใจว่าเมืองกำแพงเพ็ชร์ด้วย) ทางที่ข้าศึกจะเข้ามาที่ย่านเมืองยังห่าง ก็ให้ตั้งเมืองขึ้นใหม่ ทั้งเมืองนครไชยศรีแลเมืองสาครบุรี นอกจากนี้ตระเตรียมกำลังไพร่พลพาหะอิกหลายอย่าง ไม่ได้ประมาท

สงครามครั้งที่ ๓ คราวขอช้างเผือก

สงครามครั้งที่ ๔ คราวเสียพระนครครั้งแรกแผ่นดินสมเด็จพระมหาธรรมราชา

สงครามครั้งที่ ๕ คราวสมเด็จพระนเรศวรประกาศอิศรภาพ

สงครามครั้งที่ ๖ คราวรบกับพระญาพสิม

สงครามครั้งที่ ๗ คราวรบพระเจ้าเชียงใหม่ที่บ้านสระเกษ

สงครามครั้งที่ ๘ คราวพระเจ้าหงษาวดีล้อมพระนครแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

สงครามครั้งที่ ๙ คราวรบพระมหาอุปราชาที่เมืองสุพรรณ

สงครามครั้งที่ ๑๐ คราวชนช้าง

สงครามครั้งที่ ๑๑ คราวไทยตีเมืองทวายแลเมืองตนาวศรี

สงครามครั้งที่ ๑๒ คราวรบพม่าที่เมืองลำเลีง

สงครามครั้งที่ ๑๓ คราวพระนเรศวรตีเมืองหงษาวดีครั้งที่ ๑

สงครามครั้งที่ ๑๔ คราวสมเด็จพระนเรศวรตีเมืองหงษาวดีครั้งที่๒

สงครามครั้งที่ ๑๕ คราวสมเด็จพระนเรศวรตีเมืองอังวะแผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรถ

สงครามครั้งที่ ๑๖ คราวพม่าตีเมืองทวายตนาวศรี

สงครามครั้งที่ ๑๗ คราวพม่าตีเมืองเชียงใหม่แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม

สงครามครั้งที่ ๑๘ คราวพม่าตีเมืองทวายแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

สงครามครั้งที่ ๑๙ คราวไทยรบกับพม่าที่เมืองเชียงใหม่

สงครามครั้งที่ ๒๐ คราวรบพม่าที่เมืองไทรโยก

สงครามครั้งที่ ๒๑ คราวเจ้าพระยาโกษา ฯ ขุนเหล็กตีเมืองพม่าแผ่นดินสมเด็จพระเอกทัศ

สงครามครั้งที่ ๒๒ คราวพระเจ้าลองพญาล้อมกรุง

สงครามครั้งที่ ๒๓ คราวพม่าตีหัวเมืองปักษ์ใต้

สงครามครั้งที่ ๒๔ คราวเสียกรุงครั้งหลัง

เชิงอรรถ

ที่มา

เครื่องมือส่วนตัว