บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง:

บทประพันธ์

ตอนที่ ๑

             

ตอนที่ ๒

             

ตอนที่ ๓

             

ตอนที่ ๔

             

ตอนที่ ๕

             

ตอนที่ ๖

             

ตอนที่ ๗

             

ตอนที่ ๘

             

ตอนที่ ๙

             

ตอนที่ ๑๐

             

ตอนที่ ๑๑

             

ตอนที่ ๑๒

             

ตอนที่ ๑๓

             

ตอนที่ ๑๔

             

ตอนที่ ๑๕

             

ตอนที่ ๑๖

             

ตอนที่ ๑๗

             

ตอนที่ ๑๘

             

ตอนที่ ๑๙

             

ตอนที่ ๒๐

             

ตอนที่ ๒๑

             

ตอนที่ ๒๒

             

ตอนที่ ๒๓

             

ตอนที่ ๒๔ กำเนิดพลายงาม

๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภาอยู่เคหากับขุนช้างให้หมางหมอง
ไม่มีสุขทุกเวลาน้ำตานองด้วยว่าท้องสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา
จะคลอดบุตรสุดปวดให้รวดร้าวตึงหัวเหน่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยต้นขา
แสงห่องห้อยพรอยพรายพร่างสายตาจะเรียกหาขุนช้างให้หมางใจ
แต่นวดนวดปวดมวนให้ป่วนปั่นสุดจะกลั้นกลอกหน้าน้ำตาไหล
พยุงท้องร้องเรียกพวกข้าไทจะขาดใจแล้วช่วยด้วยแม่คุณ
ขุนช้างตื่นฟื้นตัวหัวผงกเห็นเมียตกใจผวาออกว้าวุ่น
ประคองนางพลางบนเอาต้นทุนอย่าท้อแท้แม่คุณจงแข็งใจ
พลางดูท้องร้องว่าเออออกแล้วซิตั้งสติอารมณ์จะข่มให้
นางวันทองร้องเสือกกลิ้งเกลือกไปขุนช้างได้หมอนรองประคองคอ
เรียกหาข้าคนอลหม่านบนนอกชานพวกผู้หญิงออกวิ่งสอ
ให้ไปรับยายสายกับยายยอแต่ล้วนหมอตำแยเซ็งแซ่มา
เข้าถือท้องต้องถูกว่าลูกต่ำเอาหน้าคว่ำไขว่ขวางไปข้างขวา
ช่วยผันแปรแก้ไขใกล้เวลาบ้างตำยาขยำส้มต้มน้ำร้อน
นางวันทองร้องไห้ใจจะขาดพอกรรมชวาตวาตะประทะถอน
อรุณฤกษ์เบิกสุรินทร์ทินกรอุทรคลอนเคลื่อนคลอดไม่วอดวาย
พอพ้นท้องร้องแว้นางแม่หวีดหน้าซีดอกสั่นมิ่งขวัญหาย
ขุนช้างมองร้องอ้ายหนูเป็นผู้ชายทั้งย่ายายเยี่ยมลูกให้หยูกยา
แล้วทอดเตาเข้าไฟไม่ไข้เจ็บครั้นจะเก็บความกล่าวยาวหนักหนา
ค่อยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้จนใหญ่มากระทั่งอายุเจ้าได้เก้าปี
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนแม้นขุนแผนพ่อเหลืองลอออวบอ้วนเป็นนวลศรี
ทั้งจุกผมกลมกล่อมกระหม่อมดีช่างพาทีฉอเลาะพูดเพราะพราย
นางวันทองน้องคะนึงถึงขุนแผนด้วยลูกแม้นเหมือนเหลือเป็นเชื้อสาย
บอกบ่าวไพร่ให้สำเหนียกเรียกลูกชายชื่อว่าพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ ฯ
๏ ฝ่ายขุนช้างหมางจิตให้คิดแค้นลูกขุนแผนมั่นคงไม่สงสัย
เมื่อกระนั้นเหมือนกูครั้นดูไปก็กลับไพร่เหมือนพ่ออ้ายทรพี
อีแม่มันวันทองก็สองจิตช่างประดิษฐ์ชื่อลูกให้ถูกที่
เรียกพ่อพลายคล้ายผัวอีตัวดีทุกราตรีตรึกตราจะฆ่าฟัน
พอวันทองน้องป่วยลงด้วยเคราะห์มาจำเพาะจะวิโยคให้โศกศัลย์
ฟังเสียงเงียบระงับหลับกลางวันพลายงามนั้นนั่งกับพ่อที่หอกลาง
ขุนช้างเห็นเป็นทีไม่มีเพื่อนแกล้งชี้เชือนชักพาลงมาล่าง
ให้ขี่หลังนั่งบ่าแล้วว่าพลางไปชมช้างกวางทรายมีหลายพรรณ
ทั้งนกยูงฝูงหงส์มันลงเกลื่อนจับไก่เถือนมาเลี้ยงฟังเสียงขัน
พูดให้เพลินเดินพลางกลางอรัญแกล้งให้หมั่นดูแลฝูงแกกา
โพระดกนกงั่นกระตั้วเต้นกระแตเล่นไม้โจนโผนผวา
เจ้าพลายงามถามพ่อพูดจ้อมาขุนช้างพาเลี้ยวไปปะไม้ซุง
เห็นลับลี้ที่สงัดขัดเเขมรสะบัดเบนเบือนเหวี่ยงลงเสียงผลุง
ปะเตะซ้ำต้ำผางเข้ากลางพพุงถีบกระทุ้งถองทุบเสียงอุบโอย
พลายงามร้องสองมือมันอุดปากดิ้นกระดากถลากไถลร้องไห้โหย
พอหลุดมือรื้อร้องวันทองโวยหม่อมพ่อโบยตีฉันแทบบรรลัย
ไม่เห็นแม่แลหาน้ำตาตกขุนช้างชกฉุดคร่าไม่ปราศรัย
จนเหงื่อตกกระปรกประปรอมขึ้นคร่อมไว้หอบหายใจฮักฮักเข้าหักคอ
พลายงามดิ้นสิ้นเสียงสำเนียงร้องยกแต่สองมือไหว้หายใจฝ่อ
มันห้ามว่าอย่าร้องก็ต้องรอเรียกหม่อมพ่อเจ้าขาอย่าฆ่าเลย
จงเห็นแก่แม่วันทองของลูกบ้างพ่อขุนช้างใจบุญพ่อคุณเอ๋ย
ช่วยฝังปลูกลูกไว้ใช้เช่นเคยผงกเงยมันก้ทุบหงุบลงไป
บีบจมูกจุกปากลากกระแทกเสียงแอ้กแอ้กอ่อนซบสลบไสล
พอผีพรายนายขุนแผนผู้แว่นไวเข้ากอดไว้มิให้ถูกลูกของนาย
ขุนช้างเห็นว่าทับจนตับแตกเอาคาแฝกฝุ่นกลบให้ศพหาย
แล้วกลิ้งขอนซ้อนทับให้ลับกายทำลอยชายชมป่ากลับมาเรือนฯ
๏ ฝ่ายผีพรายนายขุนแผนแค้นขุนช้างอุตส่าห์ง้างขอนใหญ่ให้เขยื้อน
แล้วเป่าแผลแก้หายละลายเลือนเจ้าพลายเคลื่อนคลายฟื้นเหมือนตื่นนอน
นางพรายบอกว่าเราบ่าวขุนแผนมาทำแทนเมื่อมันทับช่วยรับขอน
ไม่ม้วยแล้วแก้วตาอย่าอาวรณ์อยู่นี่ก่อนเถิดนะเจ้าอย่าเศร้าใจ
แม่ของเจ้าเราจะบอกออกมารับแล้วหายวับวู่วามตามนิสัย
เจ้าพลายงามยามเย็นไม่เห็นใครเที่ยวร้องไห้หาแม่ชะแง้คอย
จะไปเรือนเพื่อนทางที่กลางป่านึกน้ำตาหยดเหยาะลงเผาะผ็อย
เจ้าแหงนดูสุริย์ฉายก็บ่ายคล้อยให้นึกน้อยใจพ่อพูดล่อลวง
เสียแรงลูกผูกใจจะได้พึ่งพ่อโกรธขึ้งสิ่งใดเป็นใหญ่หลวง
โอ้มีพ่อก็ไม่เหมือนเพื่อทั้งปวงมีแต่ลวงลูกรักไปหักคอ
รู้กระนี้มิอยากเรียกพ่อดอกจะไปบอกแม่วันทองให้ฟ้องพ่อ
เที่ยวผันแปรแลหาน้ำตาคลอนึกระย่อเยือกเย้นไม่เห็นใคร
ดูครึ้มครึกฟฤกษาป่าสงัดไม่แกว่งกวัดก้านกิ่งประวิงไหว
จังหรีดร้องก้องเสียงเคียงเรไรทั้งลองไนเรื่อยแร่แวแววับ
ดุเหว่าร้องมองเมียงเสียงว่าแม่ยืนชะแง้แลดูเงี่ยหูตรับ
อยู่นี่แน่แม่จ๋าจงมารับวิ่งกระสับกระสนวนเวียนไป ฯ
๏ ฝ่ายพวกพรายกายสิทธิ์ฤทธิรุทรเหมือนลมวุดวู่หนึ่งถึงไหนไหน
ไปเข้าฝันวันทองถึงห้องในเหมือนจะให้เห็นลูกคิดผูกพัน ฯ
๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภาเมื่อลูกแก้วแววตาจะอาสัญ
คิ้วกระเหม่นเป็นลางแต่กลางวันให้หวั่นหวั่นหวิวหวิวหิวหาวนอน
พอม่อยหลับคลับคล้ายเห็นพลายน้อยขุนช้างถ่อยทับไว้ด้วยไม้ขอน
ผวาฟื้นตื่นตาด้วยอาวรณ์สะอื้นอ่อนในอกตกตะลึง
พอแมงมุมอุ้มไข่ไต่ตีตกนางผงกเงี่ยฟังดังผึงผึง
ประหลาดลางหมางจิตคิดคะนึงรำลึกถึงลูกชายเจ้าพลายงาม
ลุกออกมาหาจบไม่พบเห็นที่เคยเล่นอยู่กับใครเที่ยวไต่ถาม
แต่อีดูกลูกครอกมันบอกความว่าเห็นตามพ่อขุนช้างไปกลางไพร
นางแคลงผัวกลัวจะพาไปฆ่าเสียน้ำตาเรี่ยเรี่ยตกซกซกไหล
ออกนอกรั้วตัวคนเดียวเที่ยวเดินไปโอ้อาลัยเหลียวแลชะแง้เงย
เห็นคุ่มคุ่มพุ่มไม้ใจจะขาดพ่อพลายงามทรามสวาทของแม่เอ๋ย
เจ้าไปไหนไม่มาหาแม่เลยที่โคกเคยวิ่งเล่นไม่เห็นตัว
หรือล้มตายควายขวิดงูพิษขบไฉนศพสาบสูญพ่อทูนหัว
ยิ่งเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มมัวยิ่งเริ่มรัวเรียกร่ำระกำใจ
เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อนจิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย
จักจั่นเจื้อยร้องริมลองไนเสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง
ทั้งเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีดเสียงจังหรีดกรีดแซ่ดังแตรสังข์
นางวันทองมองหาละล้าละลังหรือผีบังซ่อนเร้นไม่เห็นเลย
จะบนหมูสุรารำว่าครบขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย
แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงยโอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อแก้วตา
ตะโกนเรียกพลายงามทรามสวาทใจจะขาดคนเดียวเที่ยวตามหา
สะอื้นโอ้โพล้เพล้เดินเอกาสกุณานอนรังสะพรั่งไพร
เห็นฝูงนกกกบุตรยิ่งสุดเศร้าโอ้ลูกเราไม่รู้ว่าอยู่ไหน
ชะนีโหวยโหยหวนรัญจวนใจยิ่งอาลัยแลหาน้ำตานอง
พอแจ้วแจ้วแว่วเสียงสำเนียงเรียกนึกสำเหนียกหลายหนขนสยอง
ตรงเซิงซุ้มคุ่มเคียงนางเมียงมองเห็นลูกร้องไห้สะอื้นยืนเหลียวแล
ความดีใจไปกอดเอาลูกแก้วแม่มาแล้วอย่ากลัวทูนหัวแม่
เป็นไรไม่ไปเรือนเที่ยวเชือนแชแม่ตามแต่ตะวันบ่ายเห็นหายไป ฯ
๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าว่าหม่อมพ่อพาเวียนวงให้หลงใหล
แล้วทุบถีบบีบจมูกของลูกไว้เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา
พอพวกพ้องของขุนแผนแล่นมาช่วยจึงไม่ม้วยแม่คุณบุญหนักหนา
ยังช้ำชอกยอกเหน็บเจ็บกายาพูดน้ำตาผ็อยผ็อยด้วยน้อยใจฯ
๏ นางวันทองร้องไห้ใจจะขาดโอ้ชาตินี่มีกรรมจะทำไฉน
แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไปเจ้ามิใช่ลูกเต้าเขาจึงชัง
พ่อของเจ้านั้นหรือชื่อขุนแผนเป็นคนแค้นกับขุนช้างแต่ปางหลัง
เอาทุกข์ร้อนก่อนเก่าเล่าให้ฟังเดี๋ยวนี้ยังอยู่ในคุกเป็นทุกข์ทน
จึงจนใจไม่มีที่จะพึ่งมันทำถึงสาหัสก็ขัดสน
ครั้นจะฟ้องร้องเล่าเราก็จนแม้นไม่พ้นมือมันจะอันตราย
แต่รู้อยู่ว่าย่าทองประศรีอยู่บ้านกาญจน์บุรีวัดเชิงหวาย
แม้นไปถึงพึ่งพาย่าพ่อพลายจะสบายบุญปลอดตลอดไป
แต่ทางนั้นวันครึ่งจึงถึงบ้านทางกันดารเดินดงจะหลงใหล
โอ้ใครเล่าเขาจะพาเจ้าคลาไคลนางร้องไห้สะอื้นกลืนน้ำตา ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามซักตระหนักแน่พลางบอกแม่ลูกแสนแค้นหนักหนา
อ้ายคนนี้มิใช่พ่อจะขอลาไปหาย่าอยู่บ้านกาญจน์บุรี
สงสารแต่แม่คุณของลูกแก้วจะลับแล้วตายเป็นไม่เห็นผี
เพราะพ่อเลี้ยงเดียงสาไม่ปรานีอยู่ที่นี่ชีวันจะบรรลัย
ไปสู้ตายวายวางเสียข้างหน้าด้วยเกิดมามีกรรมจะทำไฉน
ขอลาแม่แต่นี้นับปีไปแล้วร้องไห้หวลคิดถึงบิดา
โอ้พ่อคุณขุนแผนของลูกเอ๋ยเมื่อไรเลยลูกจะได้ไปเห็นหน้า
ต้องติดคุกทุกข์ทุเรศเวทนาเจ้าครวญคร่ำร่ำว่าด้วยอาลัย ฯ
๏ นางวันทองร้องไห้จิตใจหายกอดเจ้าพลายงามน้อยละห้อยไห้
โอ้ลูกแก้วแววตาจะลาไปหนทางป่าค่าไม้พ่อไม่เคย
จะเลี้ยวหลงวงวกระหกระเหินเจ้าจะเดินไปถูกหรือลูกเอ๋ย
โอ้ยากเย็นเข็ญใจกระไรเลยเพราะกรรมเคยพรากสัตว์ให้พลัดพราย
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าจะพรากไปจากแม่แม่จะแลเห็นใครน่าใจหาย
พลางสวมสอดกอดแอบไว้แนบกายสะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา ฯ
๏ จนจวนค่ำน้ำค้างลงพร่างพรายปลอบลูกชายพลายน้อยเสน่หา
อ้ายศัตรูรู้ความจะตามมาแม่จะพาเจ้าไปฝากขรัวนากไว้
แล้วพากันดั้นดัดไปวัดเขาเห็นสมภารคลานเข้าไปกราบไหว้
แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไปเจ้าคุณได้โปรดด้วยช่วยธุระ
เอาลูกอ่อนซ่อนไว้เสียในห้องเผื่อพวกพ้องเขามาหาอย่าให้ปะ
ท่านขรัวครูผู้เฒ่าว่าเอาวะไว้ธุระเถิดอย่ากลัวที่ผัวเลย
ถ้าหากว่ามาค้นจนถึงห้องกูมิถองก็จงว่าสีกาเอ๋ย
ฆ่าลูกเลี้ยงเอี้ยงดูกูไม่เคยอย่าทุกข์เลยลุงจะช่วยลูกอ่อนไว้ ฯ
๏ นางวันทองหมองหมางไม่สร่างทุกข์กระหมวดจุกลูกยาน้ำตาไหล
เห็นจวนค่ำจำลาทั้งอาลัยลงบันไดเดินด่วนด้วยจวนเย็น
พอเข้าไปในรั้วด่าผัวโผงอ้ายตายโหงหักคอไม่ขอเห็น
แต่ชาตินี้กีกรรมจึงจำเป็นได้ชายเช่นนี้มาเป็นสามี
ขึ้นบนเรือนเหมือนใจจะจากร่างเห็นขุนช้างชิงชังผินหลังหนี
เข้าในห้องหมองอารมณ์ไม่สมประดีเห็นแต่ที่นอนเปล่ายิ่งเศร้าใจ
คิดถึงลูกผูกพันให้หวั่นอกน้ำตาตกผ็อยผ็อยละห้อยไห้
โอ้ลูกเอ๋ยเคยนอนแต่ก่อนไรจนเจ้าได้สิบปีเข้านี่แล้ว
อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปจากแม่แม่ยังแลเห็นแต่ฟูกของลูกแก้ว
โอ้พลายงามทรามสวาทจะคลาดแคล้วเสียงแจ้วแจ้วเจ้าวันทองนองน้ำตาฯ
๏ ฝ่ายขุนช้างคางเคราอ้ายเจ้าเล่ห์เมาโมเมยิ้มกริ่มอยู่ริมฝา
เสียงวันทองร้องไห้จุดไฟมาส่องดูหน้านั่งเคียงบนเตียงนอน
ทำไถลไถ่ถามเป็นความหยอกหรือหนามยอกเจ็บป่วยจะช่วยถอน
พลางรับขวัญวันทองร้องละครเจ้าทุกข์ร้อนรำคาญประการใด ฯ
นางวันทองข้องขัดสะบัดหน้าขุนช้างรำทำท่าเข้าคว้าไขว่
นางผลักพลิกหยิกข่วนว่ากวนใจไฮ้อะไรนี่เล่าเฝ้าเซ้าซี้
ลูกข้าหายตายเป็นไม่เห็นศพอย่ามากลบรอยเสือเบื่อบัดสี
เจ้าพาไปในป่าพนาลีแล้วก็มิพามาว่ากระไร ฯ
๏ ขุนช้างฟังช่างแก้อีแม่เจ้าข้าเมาเหล้าหลับซบสลบไสล
ใครบอกเจ้าเล่าว่าข้าพาไปหล่อนไม่ได้ตามข้าผ่าเถิดซิ
เมื่อกลางวันยังเห็นเล่นไม้หึ่งกับอ้ายอึ่งอีดูกลูกอีปิ
แล้วว่าเจ้าเล่าก็ช่างนั่งมึนมิว่าแล้วซิอย่าให้ลงไปดิน
ลูกปะหล่ำกำไลใส่ออกกลบฉวยว่าพบคนร้ายอ้ายคอฝิ่น
มันจะทุบยุบยับเหมือนกับริ้นง้างกำไลไปกินเสียแล้วกรรม
แล้วแก้เก้อเร่อออกไปนอกห้องตะโกนร้องเรียกข้ามาด่าพร่ำ
ไปเที่ยวตามถามหาถึงท่าน้ำไม่พบทำถอนใจกลับไปเรือน
รินสุรามาดื่มลืมสติอุตริร้องไห้ใครจะเหมือน
ขึ้นหอขวางกลางแจ้งเห็นแสงเดือนโอ้พ่อเพื่อนชีวิตของบิตุรงค์
แกล้งร้องร่ำคร่ำครวญทำหวนโหยสะโอดโอยเอกทุ้มจนลุ่มหลง
ถึงท่อนปลายกรายเกริ่นเป็นเดินดงปีกเจ้าอ่อนร่อนลงในดงเตย
แล้วรู้ตัวกลัวเมียร้องเสียใหม่เจ้าจำไกลพ่อแล้วลูกแก้วเอ๋ย
เสียงอ้อแอ้แผ่กายนอนหงายเลยจนลืมเลยซบเซาด้วยเมามาย ฯ
๏ นวลนางวันทองค่อยย่องย่างเห็นขุนช้างหลับสมอารมณ์หมาย
สะอื้นอั้นพันผูกถึงลูกชายจนพลัดพรายเพราะผัวเป็นตัวมาร
จึงเย็บไถ้ใส่ขนมกับส้มลิ้มทั้งแช่อิ่มจันอับลูกพลับหวาน
แหวนราคาห้าช่างทองบางตะพานล้วนต้องการเก็บใส่ในไถ้น้อย
ไปอยู่บ้านท่านย่าจะหายากเมื่ออดอยากอย่างไรได้ใช้สอย
แล้วนั่งนึกตรึกตราน้ำตาย้อยรำคาญคอยสุริยาจะคลาไคล ฯ
๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสงสารพึ่งสมภารอยู่ในห้องนั่งร้องไห้
พวกศิษย์เณรเถรชีต้นช่วยฝนไพลมาลูบไล้แผลที่มันตีรัน
แล้วสมภารท่านก็หลับระงับเงียบยิ่งเย็นเยียบเยือกใจเมื่อไก่ขัน
เพราะแม่ลูกผูกจิตคิดถึงกันเฝ้าใฝ่ฝันเฟือนแลเห็นแม่มา
ดุเหว่าร้องซ้องเสียงสำเนียงแจ้วให้แว่วว่าวันทองร้องเรียกหา
สะดุ้งใจไหววับทั้งหลับตาร้องขานขาสุดเสียงแต่เที่ยงคืน
ครั้นรู้สึกนึกได้ให้ละห้อยเจ้าพลายน้อยนิ่งนอนถอนสะอื้น
จนเคาะระฆังหงั่งเหง่งเสียงเครงครื้นสมภารตื่นเตือนชีต้นสวดมนตร์เกณฑ์ฯ
๏ นางวันทองร้องไห้เมื่อใกล้รุ่งน้ำค้างฟุ้งฟ้าแดงเป็นแสงเสน
ด้วยวัดเขาเข้าใจเคยไปเจนโจงกระเบงมั่นเหมาะห่มเพลาะดำ
แล้วถือไถ้ใส่ขนมผ้าห่มหุ้มออกย่างดุ่มเดินเหย่าก้าวถลำ
ลงจากเรือนเชือนมาข้างท่าน้ำแล้วรีบร่ำเดินตรงเข้าดงตาล
ถึงวัดเขาเช้าตรู่ดูลูกน้อยเห็นมาคอยนั่งท่าน่าสงสาร
จะนั่งหยุดพูดจาจะช้าการลาสมภารพามาป่าสะแก
ให้ขนมส้มสูกแก่ลูกรักสงสารนักจะร้างไปห่างแม่
หนทางบ้านกาญจน์บุรีตรงนี้แลจำให้แน่นะอย่าหลงเที่ยววงเวียน
อุตส่าห์ไปให้ถึงเหมือนหนึ่งว่าให้คุณย่าเป็นอาจารย์สอนอ่านเขียน
จงหมายมุ่งทุ่งกว้างตามทางเกวียนที่โล่งเลี่ยนลัดไปในไพรวัน
แล้วเกล้าจุกผูกไถ้ที่ใส่ของให้แหวนทองทุกสิ่งทำมิ่งขวัญ
แล้วกอดลูกผูกใจจะไกลกันสะอื้นอั้นออกปากฝากเทวา
ขอเดชะพระไพรข้าไหว้กราบช่วยกำราบเสือสิงห์มหิงสา
ทั้งปู่เจ้าเขาเขินขอเชิญพาไปถึงย่าอย่าให้หลงเที่ยววงวน
ทั้งพ่อคุณขุนแผนแสนวิเศษบังเกิดเกศแก้วตาสถาผล
ช่วยลูกชายพลายงามเมื่อยามจนให้รอดพ้นภัยพาลถึงกาญจน์บุรี
นางคร่ำครวญร่ำว่าน้ำตาตกเหมือนหนึ่งอกพุพองเป็นหนองฝี
แม่อุ้มท้องครองเลี้ยงถึงเพียงนี้ได้สิบปีเศษแล้วจะแคล้วกัน
เคยกินนอนวอนแม่ไม่แหห่างจะอ้างว้างเปล่าใจในไพรสัณฑ์
ทั้งจุกไรใครเล่าจะเกล้าพันจะนับวันนับเดือนไปเลือนลับ
นับปีมิได้มาเห็นหน้าแม่จะห่างแหหายเหมือนเมื่อเดือนดับ
โอ้เสียชาติวาสนาแม่อาภัพให้ย่อยยับยากแค้นแสนระอา
จะมีผัวผัวก็พลัดกำจัดจากจนแสนยากอย่างนี้แล้วมิหนำ
มามีลูกลูกก็จากวิบากกรมสะอื้นร่ำรันทดสลดใจ ฯ
             

๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล
แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัยลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ
แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจากต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะอ้ายขุน
เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน
แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารักคนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือนจะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว
แม่วันทองของลูกจงกลับบ้านเขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว
จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัวแม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ ฯ
๏ นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอนอำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้
พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัยจนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน
ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศเจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน
แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียนจะจากเจียนใจขาดอนาถใจ
ลูกก็และดูแม่แม่ดูลูกต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล
สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัยแล้วแข็งใจจากนางตามทางมา
เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้นแม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา
แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง ฯ
๏ นางวันทองหมองมัวกลัวขุนช้างไม่เหมือนอย่างคนทั้งปวงมันหวงหึง
ออกชายทุ่งมุ่งเมินเดินตะบึงกลับมาถึงเรือนร่ำระกำตรอม
ทุกเช้าเย็นเศร้าหมองเฝ้าร้องไห้ด้วยอาลัยพลายงามทรามถนอม
ถึงยามกินสิ้นรสสู้อดออมจนซูบผอมผิวพรรณทุกวันคืน ฯ
๏ เจ้าพลายงามตามทางไปกลางทุ่งเขม้นมุ่งเขาเขินเดินสะอื้น
ออกหลังบ้านตาลตะคุ่มเป็นพุ่มพื้นร่มรื่นรังเรียงเคียงตะเคียน
ต้นแคคางกร่างกระทุ่มชอุ่มออกทั้งช่อดอกดูไสวเหมือนไม้เขียน
เจ้าพลายเพลินเดินพลางตามทางเกวียนตลอดเลี่ยนลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยมา
ถงโคกฆ้องหนองสะพานบ้านกะเหรี่ยงเห็นโรงเรียงไร่ฝ้ายทั้งซ้ายขวา
พริกมะเขือเหลืออร่ามงามตาสาลิกาแก้วกินแล้วบินฮือ
เห็นไก่เตี้ยเขี่ยคุ้ยที่ขุยไผ่กระโชกไล่ลดเลี้ยวมันเปรียวปรื๋อ
พบนกยูงฝูงใหญ่ไล่กระพือมันบินหวือโห่ร้องคะนองใจ
จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยข้อให้ท้อแท้คิดถึงแม่วันทองแล้วร้องไห้
พระสุริยาสายัณห์ลงเรไรเหมือนจิตใจเจ้าจะขาดลงรอนรอน
พอจวนพลบพบฝูงจิ้งจอกน้อยวิ่งร่อยร่อยตามเขาแล้วเห่าหอน
แสยงเส้นโลมาให้อาวรณ์ถึงดงดอนแดนบ้านกาญจน์บุรี
เห็นวัดร้างข้างเขาดูเก่าแก่ยังมีแต่รูปพระชินสีห์
โบสถ์โบราณบานประตูยังดูดีพอราตรีกราบไหว้อาศัยนอน
ครั้นรุ่งเช้าเอาขนมทั้งส้มลิ้มพอกินอิ่มแล้วออกเดินเนินสิงขร
ถึงบ้านกร่างทางคนเขาหาบคอนเห็นเด็กต้อนควายอึงคะนึงไป
ไม่รู้ความถามเหล่าพวกชาวบ้านว่าเรือนท่านทองประศรีอยู่ที่ไหน
เด็กบ้านนอกบอกเล่าให้เข้าใจแกอยู่ไร่โน่นแน่ะยังแลลับ
มะยมใหญ่ในบ้านกินหวานนักกูไปลักบ่อยบ่อยแกคอยจับ
พอฉวยได้อ้ายขิกหยิกเสียยับร้ายเหมือนกับผีเสื้อแกเหลือตัว
ถ้าลูกใครไปเล่นแกเห็นเข้าแกจับเอานมยานฟัดกบาลหัว
มาถามหาว่าไรช่างไม่กลัวแกจับตัวตีตายยายนมยาน ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามแจ้งแล้วแกล้งว่าเอ็งช่วยพาเราไปชมมะยมหวาน
จะขึ้นลักหักห่อให้พอการมาสู่ท่านทั้งสิ้นกินด้วยกัน
พวกเด็กเด็กดีใจไปสิหวาซ่อนข้าวปลาปล่อยควายแล้วผายผัน
บ้างเหน็บหน้าผ้านุ่งเกี้ยวพุงพันหัวเราะกันกูจะห่อให้พอแรง
พอถึงบ้านท่านยายทองประศรีพวกเด็กชี้เรือนให้แล้วแอบแฝง
เจ้าพลายงามขามจิตยังคิดแคลงค่อยลัดแลงเล็งแลมาแต่ไกล
ดูเงียบเชียบเลียบรอบริมขอบรั้วไม่เห็นตัวท่านย่าน่าสงสัย
ประตูหับยับยั้งยืนฟังไปเสียงแต่ในออดแอดแรดแรแร
รู้ว่าคนบนนั้นนั่งปั่นฝ้ายจะอุบายบอกความตามกระแส
ขึ้นมะยมห่มล้อทำตอแยให้ท่านแลเห็นเรามาเอาตัว
จึงจะบอกออกตามเนื้อความลับได้อยู่กับย่าบังเกิดกำเนิดหัว
แล้วเมียงมองย่องดอดเข้าลอดรั้วค่อยแฝงตัวขึ้นบนต้นมะยม
แล้วพยักกวักเรียกอ้ายเด็กเด็กลูกเล็กหลบลอบค่อยหมอบก้ม
ระวังตัวกลัวยายเฒ่าเจ้าคารมเก็บมะยมซุบซิบกระหยิบตา ฯ
๏ ครานั้นท่านยายทองประศรีกับยายปลียายเปลอยู่เคหา
ให้พวกเหล่าบ่าวไพร่ไปไร่นาตามประสาเพศบ้านกาญจน์บุรี
แต่ขุนแผนแสนสนิทต้องติดคุกไม่มีสุขเศร้าหมองทองประศรี
จนซูบผอมตรอมใจมาหลายปีอยู่แต่ที่ในห้องนองน้ำตา
แต่หูไวได้ยินมะยมหล่นเป็นทำวลแหวกมองตามช่องฝา
เห็นเด็กเด็กเล็ดดลอดดอเข้ามาแกฉวยคว้าไม้ตระบองค่อยมองเมียง
ลงบันไดอ้ายเด็กเล็กกเล็กวิ่งแกไล่ทิ้งด่าทอมันล้อเถียง
ชกโคตรเหง้าเหล่ากอเอาพอเพียงพอแว่วเสียงอยู่บนต้นมะยม
มองเขม้นเห็นลูกหัวจุกน้อยเหม่อ้ายจ้อยโจรป่าด่าขรม
อย่าแอบอิงนิ่งนั่งตั้งเทพนมลงมาก้มหลังลองตระบองกู ฯ
๏ เจ้าพลายงามคร้ามพรั่นขยั้นหยุดความกลัวสุดแสนกลัวตัวเป็นหนู
จึงว่าฉานหลานดอกบอกให้รู้อันอยู่ที่เมืองสุพรรณบ้านวันทอง
ทองประศรีชี้หน้าว่าอุเหม่อ้ายเจ้าเล่ห์หลานข้ามันน่าถอง
มาเถิดมาย่าจะให้ไม้ตระบองแกคอยจ้องจะทำให้หนำใจ
เจ้าพลายงามความกลัวจนตัวสั่นหยุดขยั้นอยู่ไม่กล้าลงมาได้
แล้วนึกว่าย่าตัวกลัวอะไรโจนลงไปกราบย่าที่ฝ่าตีน ฯ
๏ ทองประศรีตีหลังเสียงดังผึงจะมัดมึงกูไม่ปรับเอาทรัพย์สิน
มาแต่ไหนลูกไทยหรือลูกจีนเฝ้าลักปีนมะยมห่มหักราน
เจ้าพลายน้อยคอยหลบแล้วนบนอบฉันเจ็บบอบแล้วย่าเมตตาหลาน
ข้าเป็นลูกพ่อขุนแผนแสนสะท้านข้างฝ่ายมารดาชื่อแม่วันทอง
จะมาหาย่าชื่อทองประศรีอย่าเพ่อตีฉันจะเล่าความเศร้าหมอง
ย่าเขม้นเห็นจริงทิ้งตระบองกอดประคองรับขวัญกลั้นน้ำตา
แล้วด่าตัวชั่วเหลือไม่เชื่อเจ้าขืนตีเอาหลานรักเป็นหนักหนา
จนหัวห้อยพลอยนอพ่อนี่นาแล้วพามาขึ้นเรือนเตือนยายปลี
ช่วยฝนไพลให้เหลวเร็วเร็วเข้าอีเปลเอาขันล้างหน้าออกมานี่
แกตักน้ำร่ำรดหมดราคีช่วยขัดสีโซมขมิ้นสิ้นเป็นชาม
แล้วทาไพลให้หลานสงสารเลหือมานั่งเสื่อลันไตปราศรัยถาม
เจ้าชื่อไรใครบอกออกเนื้อความจึงได้ตามขึ้นมาถึงย่ายาย ฯ
๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าเรื่องแต่อยู่เมืองสุพรรณเหมือนมั่นหมาย
แม่วันทองครองเลี้ยงไว้เคียงกายให้ชื่อพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ
ให้ไหว้บุญขุนช้างเหมือนอย่างพ่อมันลวงล่อหลานหลงไม่สงสัย
พาหลานเที่ยวเลี้ยวทางไปกลางไพรเอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา
แม่จึงบอกออกว่าพ่อชื่อขุนแผนขุนช้างแค้นเคืองคิดริษยา
อยู่ไม่ได้ในสุพรรณจึงดั้นมาขอพึ่งบุญคุณย่าประสาจน ฯ
๏ ทองประศรีตีอกชกผางผางทุดอ้ายช้างชาติข้าอ้ายหน้าขน
ลูกอีเฒ่าเทพทองคลองน้ำชนจะฆ่าคนเสียทั้งเป็นไม่เอ็นดู
ทำราวเจ้าชีวิตกูคิดฟ้องให้มันต้องโทษกรณ์จนอ่อนหู
แกบ่นว่าด่าร่ำออกพร่ำพรูพ่อมาอยู่บ้านย่าแล้วอย่ากลัว
แม้นอ้ายขุนวุ่นมาว่าเป็นลูกมันมิถูกนมยานฟัดกบาลหัว
พลางเรียกอีไหมที่ในครัวเอาแกงคั่วข้าวปลามาให้กิน
พอบ่ายเบี่ยงเสียงละว้าพวกข้าบ่าวทั้งมอญลาวเลิกนาเข้ามาสิ้น
บ้างสุมไฟใส่ควันกันยุงริ้นตามถิ่นบ้านนอกอยู่คอกนา ฯ
๏ ครั้นพลบค่ำย่ำฆ้องทองประศรีเรียกยายปลียายเปลเข้าเคหา
เย็บบายศรีนมแมวจอกแก้วมาใส่ข้าวปลาเปรี้ยวหวานเอาจานรอง
เทียนดอกไม้ไข่ข้าวมะพร้าวพร้อมน้ำมันหอมแป้งปรุงฟุ้งทั้งห้อง
ลูกปะหล่ำกำไลไขออกกองบอกว่าของพ่อเจ้าแต่เยาว์มา
เอาสอดใส่ให้หลานสงสารเหลือด้วยหน่อเนื้อนึกรักเป็นหนักหนา
เหมือนพ่อแผนแสนเหมือนไม่เคลื่อนคลาทั้งหูตาคมสันเป็นมันยับ
พลางเรียกหาข้าคนมาบนหอให้นั่งต่อต่อกันเป็นอันดับ
บายศรีตั้งพรั่งพร้อมน้อมคำนับเจริญรับมิ่งขวัญรำพันไป ฯ
๏ ขวัญพ่อพลายงามทรามสวาทมาชมภาชนะทองอันผ่องใส
ล้วนของขวัญจันทร์จวงพวงมาลัยขวัญอย่าไปป่าเขาลำเนาเนิน
เห็นแต่เนื้อเสือสิงห์ฝูงลิงค่างจะอ้างว้างเวียนวกระหกระเหิน
ขวัญมาหาย่าเถิดอย่าเพลิดเพลินจงเจริญร้อยปีอย่ามีภัย
แล้วจุดเทียนเวียนวงส่งให้บ่าวมันโห่กราวเกรียวลั่นสนั่นไหว
คอยรับเทียนเเวียนส่งเป็นวงไปแล้วดับไฟโบกควันให้ทันที
มะพร้าวอ่อนป้อนเจ้าทั้งข้าวขวัญกระแจะจันทน์เจิมหน้าเป็นราศี
ให้สาวสาวลาวเวียงที่เสียงดีมาซอปี่อ้อซั้นทำขวัญนาย ฯ
             
๏ พ่อเมื้อเมืองดงเอาพงเป็นเหย้าอึดปลาอึดข้าวขวัญเจ้าตกหาย
ขวัญอ่อนร่อแร่ว้าเหว่สู่กายอยู่ปลายยางยูงท้องทุ่งท้องนา
ขวัญเผือเมื้อเมินขอเชิญขวัญพ่อฟังซอเสียงอ้อขวัญพ่อเจ้าจ๋า
ข้าวเหนียวเต็มพ้อมข้าวป้อมเต็มป่าขวัญเจ้าจงมาสู่กายพลายเอยฯ
             
๏ แล้วพวกมอญซ้อนซอเสียงอ้อแอ้ร้องทะแยย่องกระเหนาะย่ายเตาะเหย
ออระน่ายพลายงามพ่อทรามเชยขวัญเอ๋ยกกกะเนียงเกรียงเกลิง
ให้อยู่ดีกินดีมีเมียสาวเนียงกะราวกนตะละเลิงเคลิ่ง
มวยบามาขวัญจงบันเทิงจะเปิงยี่อิกะปิปอน
ทองประศรีดีใจให้เงินบาทเห็นแต่ทาสพรั่งพร้อมล้อมสลอน
ถึงเวลาพาเจ้าเข้าที่นอนมีฟูกหมอนมุ้งม่านสำราญใจ ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามย่าว่าพ่อแผนต้องคับแค้นเคืองเข็ญเป็นไฉน
ไม่เคยคุ้นคุณย่าช่วยพาไปพอหลานได้เห็นหน้าบิดาตัว
ได้ฟังหลานท่านย่าน้ำตาตกสะอื้นอกอาดูรว่าทูนหัว
พ่อเอ็งย่าว่าไรเขาไม่กลัวเพราะเมามัวเมียลาวนางชาววัง
ไปทูลขอพระองค์ทรงพระโกรธให้ลงโทษทนทุกข์ใส่คุกขัง
แต่ไม่ต้องจองจำอยู่ลำพังถึงสิบปีแล้วยังไม่พ้นเลย
รุ่งพรุ่งนี้สิย่าจะพาเจ้าไปหาเขาอยู่ที่ทับริมหับเผย
ให้พ่อเห็นเย็นอารมณ์ได้ชมเชยพูดจนเลยลืมหลับระงับไป ฯ
๏ เห็นแสงทองหมองจิตคิดถึงลูกสั่งบ่าวผูกช้างสัปคับใหญ่
ใส่ข้าวปลาผ้าผ่อนท่อนสไบกับไต้ไฟฟักแฟงแตงน้ำตาล
ทั้งปูนยาสาคูแลพลูหมากจะไปฝากขุนแผนแสนสงสาร
อ้ายกุลาตาหลอเป็นหมอควาญแล้วพาหลานขึ้นช้างตามทางมา
ลงบางขามข้ามบ้านสะพานโขลงออกทุ่งโล่งเลี้ยวทางไปข้างขวา
สองวันครึ่งถึงกรุงอยุธยาลงเดินพาพลายงามไปตามทาง ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนายขุนแผนที่แสนทุกข์แต่ติดคุกขัดข้องให้หมองหมาง
อยู่หับเผยเคยสะอาดขาดสำอางจนผอมซูบรูปร่างดูรุงรัง
ผมยาวเกล้ากระหวัดตัดไม่เข้าเหตุด้วยเขาคงทนทั้งมนตร์ขลัง
อยู่เปล่าเปล่าเล่าก็จนพ้นกำลังอุตส่าห์นั่งทำการสานกระทาย
ให้นางแก้วกิริยาช่วยทารักขุนแผนถักขอบรัดกระหวัดหวาย
ใบละบาทคาดได้ด้วยง่ายดายแขวนไว้ขายทั้งเรือนออกเกลื่อนไป
พอมารดามาถึงทับรับเข้าห้องทั้งข้าวของผู้คนขนมาให้
เห็นลูกชายพลายงามถามทันใดนี่ลูกใครหน้าตาน่าเอ็นดู ฯ
๏ ทองประศรีชี้แจงแถลงเล่านี่ลูกเจ้าแล้วเป็นไรไหว้เสียหนู
แล้วบอกความตามที่มีศัตรูขุนแผนรู้รับขวัญกลั้นน้ำตา
เข้าสวมสอดกอดจูบแล้วลูบหลังน้ำตาพรั่งพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
แค้นขุนช้างดังจะดิ้นสิ้นชีวามันชะล่าชะเลยจนเคยตัว
ฉุดคร่าพาวันทองไปครองคู่เห็นว่ากูถือสัตย์ไม่ตัดหัว
ทั้งลูกเต้าเอาไปฆ่าเหมือนม้าวัวหมายว่ากลัวแล้วกระมังอ้ายจังไร
วันนี้ค่ำจำจะไปให้ถึงบ้านสับกบาลหัวเชือดให้เลือดไหล
ลูกผู้ชายตายไหนก็ตายไปขัดใจฮึดฮัดกัดฟันฟาง ฯ
๏ ท่านย่าทองประศรีว่าอีพ่อแม่จะขอทัดทานเหมือนขัดขวาง
ไปฆ่าผีดีกว่าฆ่าขุนช้างจะสืบสร้างบาปกรรมไปทำไม
ลูกของเจ้าเล่าก็มาหาเจ้าแล้วใช่เชื้อแถวเจ้ายังมีอยู่ที่ไหน
จงฟังแม่แต่เท่านั้นแล้วกันไปพ่อจะได้ภาวนารักษากาย
ลูกของเจ้าเล่าแม่จะรับเลี้ยงช่วยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้ได้ถวาย
ที่กริ้วโกรธโทษกรณ์จะผ่อนคลายคราวเคราะห์ร้ายเจ้าจงเจียมเสงี่ยมตน
โบราณท่านสมมุติมนุษย์นี้ยากแล้วมีใหม่สำเร็จถึงเจ็ดหน
ที่ทุกข์โศกโรคร้อนค่อยผ่อนปรนคงจะพ้นโทษทัณฑ์ไม่บรรลัย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพก้มกราบมารดาน้ำตาไหล
ลูกเห็นแต่แม่คุณค่อยอุ่นใจช่วยสอนให้พลายงามเรียนความรู้
อันตำรับตำราสารพัดลูกเก็บจัดแจงไว้ที่ในตู้
ถ้าลืมหลงตรงไหนไขออกดูทั้งของครูของพ่อต่อกันมา
แล้วลูบหลังสั่งความพลายงามน้อยเจ้าจงค่อยร่ำเรียนเขียนคาถา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชาไปเบื้องหน้าเติบใหญ่จะให้คุณ
เรายากแล้วแก้วตาอย่าประมาททั้งสิ้นญาติสิ้นเชื้อจะเกื้อหนุน
ทุกวันนี้มีแต่ย่ายังการุญพ่อพึ่งบุญเถิดลูกได้ปลูกเลี้ยง
จงนึกว่าย่าเหมือนกับแม่พ่อถึงด่าทอเท่าไรอย่าได้เถียง
อันพ่อนี้มิได้อยู่ใกล้เคียงไม่ได้เลี้ยงลูกแล้วนาแก้วตา
พลางกอดพลายงามแอบไว้แนบอกน้ำตาตกพร่างพรายทั้งซ้ายขวา
โอ้มีกรรมทำไว้แต่ไรมาพอเห็นหน้าลูกแล้วจะแคล้วกัน
มาหาพ่อพ่อไม่มีสิ่งไรผูกยังแต่ลูกประคำจะทำขวัญ
อยู่หอกปืนยืนยงคงกระพันได้ป้องกันกายาข้างหน้าไป ฯ
๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารพ่อน้ำตาคลอคลอตกซกซกไหล
รับประคำร่ำว่าประสาใจฉันจะใคร่อยู่ด้วยช่วยบิดา
ได้ตักน้ำตำข้าวทุกเช้าค่ำที่พอทำฟืนผักจะหักหา
ให้พ่อพ้นทนทุกข์แล้วลูกยาจะอุตส่าห์เล่าเรียนค่อยเพียรไป ฯ
๏ ขุนแผนแสนสวาทจะขาดจิตกะจิริดรู้ว่าจะหาไหน
น่าสงสารท่านย่าพลอยอาลัยน้ำตาไหลพรากพรากเพราะยากเย็น
ขุนแผนว่าจะอยู่ดูไม่ได้ในคุกใหญ่มันยากแค้นถึงแสนเข็ญ
เหมือนกับนรกตกทั้งเป็นมิได้เว้นโทษทัณฑ์สักวันเลย
แต่พ่อนี้ท่านเจ้ากรมยมราชอนุญาตให้อยู่ทับในหับเผย
คนทั้งหลายนายมุลก็คุ้นเคยเขาละเลยพ่อไม่ต้องถูกจองจำ
ทั้งข้าวปลาสารพันทุกวันนี้พระหมื่นศรีเธอช่วยชุบอุปถัมภ์
ค่อยเบาใจไม่พักต้องตักตำคุณท่านล้ำล้นฟ้าด้วยปรานี
ถ้าแม้นเจ้าเล่าเรียนความรู้ได้จะพาไปพึ่งพระจมื่นศรี
ถวายตัวพระองค์ทรงธรณีจะได้มีเกียรติยศปรากฏไป ฯ
             

๏ พลายงามน้อยสร้อยเศร้ารับเจ้าคะดีฉันจะพากเพียรเรียนให้ได้
ต่างพูดจาพาทีค่อยดีใจจนจวนใกล้โพล้เพล้ถึงเวลา
ทองประศรีสั่งความว่ายามค่ำแม่จะจำจากพ่อแก้วไปแล้วหนา
ขุนแผนแสนสะท้านไหว้มารดาพลายงามลาพ่อลูกผูกอาลัย
ตามย่ามาพ้นทับที่หับเผยไม่ลืมเลยเหลียวหน้าน้ำตาไหล
ทั้งขุนแผนแสนสวาทเพียงขาดใจต่างอาลัยแลลับวับวิญญาณ์
ไปขึ้นช้างข้างวัดท่าการ้องพอเดือนส่องแสงสว่างกลางเวหา
ออกข้ามทุ่งกรุงศรีอยุธยารีบกลับมาถึงบ้านกาญจน์บุรีฯ
๏ อันเรื่องราวกล่าวความพลายงามน้อยค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี
ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดีเรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนตร์
ปัถมังตั้งตัวนะปัดตลอดแล้วถอนถอดถูกต้องเป็นล่องหน
หัวใจกริดอิทธิเจเสน่ห์กลแล้วเล่ามนตร์เสกขมิ้นกินน้ำมัน
เข้าในห้องลองวิชาประสาเด็กแทงจนเหล็กแหลมลู่ยู่ขยั้น
มหาทะมื่นยืนยงคงกระพันทั้งเลขยันตร์ลากเหมือนไม่เคลื่อนคลาย
แล้วทำตัวหัวใจปิติโสสะเดาะโซ่ตรวนได้ดังใจหมาย
สะกดคนมนตร์จังงังกำบังกายเมฆฉายสูรย์จันทร์ขยันดี
ทั้งเรียนธรรมกรรมฐานนิพพานสูตรร้องเรียกภูตพรายปราบกำราบผี
ผูกพยนต์หุ่นหญ้าเข้าราวีทองประศรีสอนหลานชำนาญมา
จนอายุพลายงามสิบสามขวบดูขาวอวบอ้วนท้วนเป็นนวลหน้า
ด้วยเนื้อแตกแรกรุ่นละมุนตากิริยาแย้มยิ้มหงิมหงิมงาม
นัยน์ตากลมคมขำดูดำขลับใครแลลับรักใคร่ปราศรัยถาม
ทองประศรีดีใจได้ฤกษ์ยามได้สิบสามปีแล้วหลานแก้วกู
จะโกนจุกสุกดิบขึ้นสิบค่ำแกทำน้ำยาจีนต้มตีนหมู
พวกเพื่อนบ้านวานมาผ่าหมากพลูบ้างปัดปูเสื่อสาดลาดพรมเจียม
ทั้งหม้อเงินหม้อทองสำรองตั้งมีทั้งสังข์ใส่น้ำมนตร์ไว้จนเปี่ยม
อัฒจันทร์ชั้นพระก็ตระเตรียมตามธรรมเนียมห้องกลองฉลองทาน
ถึงวันดีนิมนต์ขรัวเกิดเฒ่าอยู่วัดเขาชนไก่ใกล้กับบ้าน
พอพิณพาทย์คาดตระสาธุการท่านสมภารพาพระสงฆ์สิบองค์มา
นั่งสวดมนตร์จนจบพอพลบค่ำก็ซัดน้ำมนตร์สาดเสียงฉาดฉ่า
ผู้ชายเสียดเบียดสาวชาวละว้าเสียงเฮฮาฮึดฮัดเมื่อซัดน้ำ
ผู้หญิงหยิกตะกายผู้ชายทับเสียงหนุบหนับเหนาะแหนะแขยะขยำ
จนอีหังคลั่งใจถีบอ้ายดำลุกขึ้นปล้ำกันออกอึงเสียงตึงตัง
ทองประศรีดีใจว่าใครแพ้สนุกแน่แล้วอ้ายดำปล้ำอีหัง
แล้วให้หลานผลัดผ้ามาเก้กังเข้าไปนั่งกราบกรานสมภารครู
ขรัวเกิดแลมองเห็นทองประศรีถามว่านี่ลูกใครเล่าไอ้หนู
เจ้าขรัวย่าอ้าปากน้ำหมากพรูเล่าให้รู้แต่ต้นมาจนปลาย
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าขุนแผนยังติดคุกนี่โกนจุกแล้วจะได้ไปถวาย
ท่านขรัวครูดูพ่อของออพลายเคราะห์จะคลายเคลื่อนบ้างหรืออย่างไร ฯ
๏ ท่านขรัวครูรู้เรื่องให้เคืองแค้นทุดอ้ายแผนถ่อยแท้ไม่แก้ไข
เมื่อความรู้กูสอนเจ้าหล่อนไว้ยังวิ่งไปเข้าคุกสนุกจริง
อ้ายเจ้าชู้กูได้ว่ามาแต่ก่อนจะทุกข์ร้อนอ่อนหูเพราะผู้หญิง
หัวเราะพลางทางเอกเขนกอิงพินิจนิ่งดูกายเจ้าพลายงาม
เห็นน่ารักลักษณะก็ฉลาดจะมีวาสนาดีขี่คานหาม
ถ้าถึงวันชั้นโชคโฉลกยามก็ต้องตามลักษณะว่าจะรวย
แต่ที่เมียเสียถนัดปัตนิตัวตำหนิรูปขาวเป็นสาวสวย
แต่อ้ายนี่ขี้หลงจะงงงวยต้องถูกด้วยละโมบโลภโลกีย์
แล้วท่านขรัวหัวร่อว่าออหนูมันเจ้าชู้เกินการหลานอีศรี
ก็แต่ว่าอายุสิบแปดปีจะได้ที่หมื่นขุนเป็นมุลนาย
ทั้งเมียสาวชาวเหนือเป็นเชื้อแถวอีนั่นแล้วมันจะมาพาฉิบหาย
อันอ้ายขุนแผนพ่อของออพลายจะพ้นปลายเดือนยี่ในปีกุน
นับแต่นี้มีสุขไม่ทุกข์ร้อนได้เตียงนอนนั่งเก้าอี้เป็นที่ขุน
ทองประศรีดีใจไหว้เจ้าคุณช่วยแบ่งบุญให้ได้ฟื้นคืนสักที
สมภารรับกลับมายังอาวาสเสียงพิณพาทย์พวกพ้องทองประศรี
หาเสภามาทั่วที่ตัวดีท่านตามีช่างประทัดถนัดรบ
ดูทำนองพองคอเสีบงอ้อแอ้พวกคนแก่ชอบหูว่ารู้จบ
ตารองศรีดีแต่ขันรู้ครันครบกรับกระทบทำหลอกแล้วกลอกตา
แล้วนายทั่งดังโด่งเสียงโว่งโวกว่ากระโชกกระชั้นขันหนักหนา
ฝ่ายนายเพรชเม็ดมากลากช้าช้าตั้งสามวาสองศอกเหมือนบอกยาว
ส่วนนายมาพระยานนท์คนตลกว่าหยกหยกหยาบช้าคนฮาฉาว
ตาทองอยู่รู้ว่าภาษาลาวแล้วส่งกราวเชิดเพลงโหน่งเหน่งไป
ครั้นรุ่งเช้าเจ้าพลายก็โกนจุกเป็นพ้นทุกข์พ้นร้อนนอนหลับใหล
จนผมยาวเจ้าได้ตัดมหัดไทยคิดจะใคร่ไปเป็นข้าฝ่าธุลี
เดชะบุญทูลขอพ่อพ้นโทษเหมือนได้โปรดบิดาเป็นราศี
แต่นิ่งนึกตรึกตราจนราตรีเข้าข้างที่นอนย่าน้ำตาคลอ
ทำคลึงเคล้าเว้าวอนด้วยอ่อนหวานพรุ่งนี้หลานจะลาไปหาพ่อ
จะได้เฝ้าเจ้าชีวิตชิดชอบพอทูลขอเผื่อจะโปรดที่โทษทัณฑ์ ฯ
๏ ทองประศรีดีใจให้อนุญาตเจ้าเชื้อชาติพงศ์พลายจงผายผัน
จะได้ช่วยพ่อแม่คิดแก้กันตามกตัญญูเถิดประเสริฐดี
ย่าจะให้ไปส่งจนถึงพ่อจึงพาต่อไปหาพระหมื่นศรี
ตามแต่บุญวาสนาบารมีอันย่านี้นับวันจะบรรลัย
มีลูกเต้าเล่าก็ทำให้ซ้ำทุกข์ไม่มีสุขสักเวลาน้ำตาไหล
โรคก็ซ้ำช้ำบอบทั้งหอบไอใครจะได้เผาผีก็มิรู้
เจ้าจงจำตำราที่ย่าสอนจะถาวรเพิ่มยศไม่อดสู
ย่าจะให้ไอ้พลัดไอ้ปัดไอ้ปูเข้าไปอยู่ติดตามทั้งสามคน
พอถือร่มสมปักตักน้ำท่าหุงข้าวปลาสารพัดไม่ขัดสน
พูดจนดึกตรึกการกับหลานตนแล้วหลับจนแจ่มแจ้งแสงตะวัน ฯ
๏ รู้สึกกายยายทองประศรีย่าเอาเงินผ้าเสื้อใส่ในกำปั่น
ทั้งหวานคาวข้าวปลาสารพันขนขึ้นบรรทุกสัปคับช้าง
พลายงามลาย่าช่วยอวยสวัสดิ์ได้ฤกษ์พาสารพัดไม่ขัดขวาง
ขึ้นขี่หลังพังสะเทินเดินตามทางไม่แรมค้างข้ามทุ่งถึงกรุงไกร
ไปหาพ่อพอพบนั่งนบนอบขุนแผนสอบไต่ถามความสงสัย
เจ้าพลายน้อยค่อยเล่าให้เข้าใจลูกจะใคร่ให้พระนายถวายตัว ฯ
๏ ขุนแผนแสนสวาทอนุญาตว่าจงอุตส่าห์สืบตะรกูลเถิดทูนหัว
พ่อพงศ์พลายหมายศึกอย่านึกกลัวจะพาตัวเจ้าไปให้พระนาย
แล้วซักไซ้ไต่ถามถึงความรู้ให้ท่องดูได้สมอารมณ์หมาย
ที่เข้าออกบอกความตามอุบายสอนลูกชายอยู่จนสนธยา
พอเสียงฆ้องกลองย่ำเข้าค่ำพลบถึงเดินพบผู้ใดไม่เห็นหน้า
ชวนลูกชายพลายงามตามกันมาไปเคหาพระหมื่นศรีที่ริมคลอง
ขึ้นบันไดไฟอร่ามถามพวกบ่าวพอรู้ข่าวว่าสบายค่อยคลายหมอง
ตรงมาหอรอรั้งยั้งหยุดมองหมื่นศรีร้องเรียกว่ามาซิเกลอ
ด้วยรักใคร่ใจซื่อถือว่าเพื่อนไม่บากเบือนหน้าหนีดีเสมอ
ขุนแผนพาลูกไปนั่งไหว้เธอถามว่าเออนั่นใครที่ไหนมา ฯ
๏ ขุนแผนบอกออกว่าลูกเจ้าวันทองที่มีท้องเกือบแก่มาแต่ป่า
เอาความหลังทั้งนั้นพรรณนาจะพามามอบไว้ให้เจ้าคุณ
ด้วยไม่มีที่เห็นแต่เป็นโทษพระนายโปรดช่วยเหลือทั้งเกื้อหนุน
เป็นที่พึ่งจึงมาจงการุญเอาแต่บุญเถิดพ่อเจ้าเมื่อคราวจน
อันวิชาย่าสอนลูกอ่อนแล้วเห็นคล่องแคล่วการศึกพอฝึกฝน
ถ้ากระไรได้ช่องเห็นชอบกลช่วยผ่อนปรนโปรดถวายเจ้าพลายงาม ฯ
๏ พระหมื่นศรีดีใจปราศรัยทักดูแหลมหลักลูกทหารชาญสนาม
เป็นข้าเฝ้าเจ้าชีวิตอย่าคิดคร้ามมีสงครามเมื่อไรคงได้ดี
ไว้ธุระจะถวายช่วยบ่ายเบี่ยงให้ชุบเลี้ยงลูกรักเป็นศักดิ์ศรี
ที่กินอยู่ผู้คนของเรามีอยู่เรือนนี่นั่งนอนไม่ร้อนรน
ขุนแผนเล่าเจ้าก็รู้อยู่ว่ารักจนเจียนจักแหล่นตายด้วยหลายหน
ก็เอ็นดูอยู่ว่าเกลอถึงเธอจนที่ขัดสนสารพัดไม่ขัดกัน
แต่สุดช่วยด้วยว่าอาญาหลวงต่อได้ท่วงทีก่อนจะผ่อนผัน
จริงนะเจ้าเราก็คิดทุกคืนวันคงช่วยกันไปกว่ากายจะวายวาง ฯ
๏ นายขุนแผนแสนชื่นให้ตื้นอกอุตส่าห์ยกมือไหว้มิได้หมาง
สู้กลืนกล้ำน้ำตาแล้วว่าพลางพ่อเหมือนอย่างพ่อแม่ช่วยแก้ทุกข์
จนยากเย็นเป็นโทษเห็นโหดไร้ยังส่งให้ข้าวปลาเป็นผาสุก
ก็หมายมั่นกตัญญูถึงอยู่คุกกราบพ่อทุกทุกคืนได้ชื่นใจ
อันลูกชายพลายงามตามแต่พ่อลูกจะขอกราบลาช้าไม่ได้
พลางลูบหลังสั่งลูกผูกอาลัยพ่อจะไปก่อนแล้วนะแก้วตา
อยู่พึ่งบุญคุณพ่อต่อไปเถิดจะประเสริฐสมหวังเป็นฝั่งฝา
แล้วลงเรือนเดือนสว่างกระจ่างตาก็กลับมาหับเผยที่เคยนอน ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ราชเรียกพลายงามทรามสวาทมาสั่งสอน
จะเป็นข้าจอมนรินทร์ปิ่นนครอย่านั่งนอนเปล่าเปล่าไม่เข้าการ
พระกำหนดกฎหมายมีหลายเล่มเก็บไว้เต็มตู้ใหญ่ไขออกอ่าน
กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการมนเทียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน
แล้วให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วงตามกระทรวงผิดชอบคิดสอบสวน
ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควรรู้จงถ้วนถี่ไว้จึงได้การ
ที่ไม่สู้รู้อะไรผู้ใหญ่เด็กมหาดเล็กสามต่อพ่อลูกหลาน
เสียตระกูลสูญลับอัประมาณเพราะเกียจคร้านคร่ำคร่าเหมือนพร้ามอญ
นี่ตัวเจ้าเหล่ากอทั้งพ่อแม่อย่าเชือนแชอุตส่าห์จำเอาคำสอน
แล้วจัดแจงห้องหับให้หลับนอนไม่อาวรณ์เธอช่วยเลี้ยงเป็นเที่ยงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาทแหลมฉลาดเลขผาปัญญาขยัน
อยู่บ้านพระหมื่นศรียินดีครันทุกคืนวันตามหลังเข้าวังใน
เธอเข้าเฝ้าเจ้าก็นั่งบังไม้ดัดคอยฟังตรัสตรึกตราอัชฌาสัย
ค่อยรู้กิจผิดชอบรอบคอบไปด้วยมิได้คบเพื่อนเที่ยวเชือนแช
ครั้นอยู่บ้านอ่านคำพระธรรมศาสตร์ตำรับราชสงครามตามกระแส
ค่อยชื่นชุ่มหนุ่ตะกอดูฟ้อแฟ้นางสาวแส้ใส่ใจจะใคร่พบ
เข้าไปหามาสู่ไม่รู้เกี้ยวแต่พอเหลียวเห็นผู้หญิงก็วิ่งหลบ
อุตส่าห์เพียรเรียนรู้ดูจนครบรู้ขนบธรรมเนียมก็เจียมใจ ฯ
๏ ครานั้นท่านพระจมื่นศรีถึงวันดีได้ช่องก็ผ่องใส
จึงจัดแจงแต่งธูปเทียนดอกไม้จะเข้าไปทูลถวายเจ้าพลายงาม
นุ่งสมปักชักกลีบจีบสลับครั้นเสร็จสรรพสำราญขึ้นคานหาม
พวกข้าคนอลหม่านถือพานตามเจ้าพลายงามตามหลังเข้าวังใน
ถึงพระลานวานเขาพวกชาวที่ที่ค่อยมีกิริยาอัชฌาสัย
ถือพานทองรองธูปเทียนดอกไม้ยกเข้าไปเตรียมตั้งพอบังควร
ให้พลายงามตามไปนั่งตรงตั้งของตามทำนองพระหมื่นศรีสั่งถี่ถ้วน
ฝ่ายข้าเฝ้าเจ้าพระยาเวลาจวนต่างก็ชวนกันเข้ามาหน้าพระโรง
นุ่งสมปักชักชายกรายกรีดเล็บผ้ากราบเหน็บแนบหน้าดูอ่าโถง
พอเวลานาทีถ้วนสี่โมงเข้าพระโรงพร้อมหน้าข้าราชการ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชมงกุฎเกศอยุธยามหาสถาน
สถถิตแท่นแว่นฟ้าโอฬาฬารดังวิมานเมืองฟ้าสุราลัย
ห้ามแหนแน่นหนุนละมุนหมอบงามประกอบกิริยาอัชฌาสัย
ระเรื่อยรับขับร้องทำนองในสำราญราชหฤทัยทุกเวลา
ยามกลางวันนั้นก็ออกพระโรงรัตน์มีแต่ตรัสสรวลสันต์ทรงหรรษา
ทั้งเหนือใต้ไพรีไม่มีมาสำราญใจไพร่ฟ้าประชาชี
ด้วยเดชะบุญญาอานุภาพมีแต่ลาภมาประมูลพูนภาษี
แต่บรรดาข้าเฝ้าเหล่าเสนีใครทำดีได้ประทานถึงพานทอง ฯ
๏ ฝ่ายพระจมื่นศรีเสาวรักษ์ราชอภิวาทบาทมูลทูลฉลอง
ขอเดชะพระกรุณาฝ่าละอองดอกไม้ธูปเทียนทองของพลายงาม
บุตรขุนแผนแสนสะท้านหลานทองประศรีความรู้มีเรียบราบไม่หยาบหยาม
จะขอรองมุลิกาพยายามพลางกราบสามทีสดับตรับโองการ ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาเหลือบเห็นหน้าพลายงามความสงสาร
จะออกโอษฐ์โปรดขขุนแผนแสนสะท้านแต่กรรมนั้นบันดาลดลพระทัย
ให้เคลิ้มองค์ทรงกลอนละครนอกนึกไม่ออกเวียนวงให้หลงใหล
ลืมประภาษราชกิจที่คิดไว้กลับเข้าในแท่นที่ศรีไสยา ฯ
๏ อันเรื่องกล่าวความพลายงามสวาทเป็นมหาดเล็กแล้วค่อยแกล้วกล้า
อยู่ด้วยพระหมื่นศรีผู้ปรีชาเฝ้าเวลาเช้าเย็นไม่เว้นวัน
มุลนายถ้วนหน้าก็ปรานีมิได้มีใครรังเกียจเดียดฉันท์
ถึงว่าท่านจางวางทั้งสองนั้นก็ฝากตัวกลัวทั่นทุกคนไป ฯ
             

ตอนที่ ๒๕ เจ้าล้านช้างถวายนางสร้อยทอง (ยังไม่สมบูรณ์)

.
.
.
แต่ละหน้าหน้านวลควรจะรักผ่องพักตร์เป็นที่พิสมัย
เกล้าผมนมนางงามวิไลอำไพผิวผ่องเพียงขวัญตา
แซมดอกไม้ไหวใส่ช้องห่มตาดริ้วทองกรองหน้า
.
.
.
ในเรื่องราวลักษณะราชสารพระผู้ผ่านเชียงใหม่มไหศวรรย์
ทรงพระนามเชียงอินทร์ปิ่นกำนัลครองขัณฑเสมาธานินทร์
เป็นหลักปักโลกทั้งโกฏิแสนทุกด้าวแดนย่อท้อไม่ต่อสิ้น
ระอาทั่วกลัวฤทธิ์ทั้งแผ่นดินทั่วถิ่นทุกประเทศธานี
ทั้งกรุงนาคนหุตมกุฎภพเลิศลบทั่วโลกราศี
ทั้งสองกรุงบำรุงธรณีพระเกียรตินั้นก็มีเสมอกัน
ได้ทราบข่าวกล่าวโฉมพระธิดาว่าโสภาพริ้งเพริศเฉิดฉัน
พร้อมทั้งสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ควรมอบไอศวรรย์เป็นคู่ครอง
มาตรอื่นหมื่นกษัตริย์ร้อยประเทศไม่ควรคู่เยาวเรศภิรมย์สอง
ไม่สมพักตร์ต่ำศักดิ์กว่าละอองจะเศร้าหมองเสื่อมสิ้นพระเดชา
จะขอองค์พระธิดาดวงเนตรเยาวเรศไปไว้เป็นฝ่ายขวา
ขอประทานสร้อยทองละอองตาไปเป็นบาทบริจาเจ้าเชียงอินทร์
ถ้าทราบสารแม้นประทานดวงสมรสองนครจะเป็นสุขเกษมสิ้น
ตะพานเงินทองมาถึงธานินทร์สิ้นสารแล้วก็กราบลงสามรา ฯ
.
.
.
ผินพระพักตร์ตรัสปรึกษาเสนาพลันพร้อมกันจะเห็นประการใด
ต่างเมืองเขามาถวายนางจะเห็นจริงอยู่บ้างฤาหาไม่
ฤากลศึกนึกแหนงควรแคลงใจใครเห็นอย่างไรให้ว่ามา
.
.
.
เบิกธนูโล่ห์เขนง้าวทวนตามกระบวนกลาบาตซ้ายขวา
.
.
.
เหล่าทหารถ้วนมือถืออาวุธครบสิ่งสรรพยุทธหลายหลั่น
.
.
.
แน่นเนืองเป็นขนัดถัดกันจัดสรรตามขนบธรรมเนียมมา
เหล่าหนึ่งถือธนูอยู่เป็นพวกนุ่งกางเกงใส่หมวกเกี้ยวผ้า
ล้อมวังถือดั้งนั่งเนื่องมาบ้างถือดาบพาดบ่าเกี้ยวผ้าลาย
เหล่าทวนถือทวนดูสันทัดเกณฑ์หัดถือปืนก็มากหลาย
เสื้อแดงหมวกแดงแต่งกายบ้างถือเขนนั่งรายล้วนตัวดี
เกณฑ์หัดอย่างฝรั่งนั่งเป็นพวกใส่เสื้อใส่หมวกอยู่ตามที่
ถือปืนปลายหอกทุกบอกมีตัวดีแม่นยำทำท่าทาง
.
.
.
กี่วันจึงถึงพระพารามรรคายากง่ายประการใด
อนึ่งกรุงนาคบุรีข้าวกล้านาดีฤาไฉน
ฤาฝนแล้งข้าวแพงมีไภยศึกเสือเหนือใต้สงบดี
ทั้งองค์พระเจ้าเวียงจันท์ทรงธรรม์เป็นสุขเกษมศรี
ไม่มีโรคายายีอยู่ดีฤาอย่างไรในเวียงจันท์
.
.
.
             

ตอนที่ ๒๖ พระเจ้าเชียงใหม่ชิงนางสร้อยทอง (ยังไม่สมบูรณ์)

.
.
.
กระหมวดมุ่นมวยอย่างนางกษัตริย์ปักปิ่นเพชรรัตน์จำรัสศรี
แล้วแซมช่อบุปผามาลีทรงกุณฑลมณีมีราคา
ภูษาซิ่นยกกนกทองสะไบกรองเนื้อนุ่มคลุมอังสา
สร้อยสอิ้งสังวาลตระการตาทองกรซ้ายขวาหาพุรัด
คาดสายเข็มขัดรัดพระองค์ธำมรงค์ทรงทั้งสองพระหัตถ์
.
.
.
             

ตอนที่ ๒๗ พลายงามอาสา

๏ จะกล่าวถึงพระเจ้าเชียงใหม่แต่ได้นางมาไว้ในกรุงศรี
ไม่วายเว้นนึกคะนึงถึงไพรีเห็นจะมีศึกมาไม่ช้านัก
ด้วยล้านช้างข้างหนึ่งก็โกรธาฝ่ายข้างอยุธยาก็โกรธหนัก
ถ้าสองข้างต่างยกมาพร้อมพรักจะหาญหักต่อสู้ดูยากครัน
จำจะคิดชิงชัยข้างไทยก่อนต้องรีบรัดตัดรอนผ่อนผัน
ถ้าเสร็จสิ้นศึกไทยข้างใต้นั้นล้านช้างก็คงพรั่นไม่อาจมา
แต่นิ่งนึกตรึกไตรอยู่ในที่จนสุริย์ศรีเรืองแรงแสงกล้า
เสด็จออกท้องพระโรงรจนาท้าวพระยานอบน้อมอยู่พร้อมกัน
จึงปรึกษาเสนาข้าเฝ้าชาวเราจะเห็นเป็นไฉนนั่น
เดิมเจ้าอยุธยาทำอาธรรม์มาชิงเมียมิ่งขวัญของกูไป
ฝ่ายเราไปสั่งดักกักทางรับนางจับพวกมันมาได้
ถ้ารู้ข่าวราวเรื่องถึงเมืองไทยเห็นจะยกทัพใหญ่มาราญรอน
เราจะเตรียมกำลังตั้งต่อสู้หรือจะจู่ลงไปทำไทยก่อน
จงปรึกษาว่ากันให้แน่นอนจะตัดรอนคิดอ่านประการใด ฯ
๏ ครานั้นเสนาพระยาลาวพระยาท้าวแสนหลวงผู้เป็นใหญ่
ปรึกษากันพร้อมมูลแล้วทูลไปอันศึกไทยไพรีมีกำลัง
เห็นจะจู่ลงไปไม่ชนะแต่ถ้าละช้าไว้ให้พร้อมพรั่ง
จะเป็นศึกใหญ่มาดาประดังที่จะหวังต่อสู้ดูยากนัก
ขอให้คิดอ่านการอุบายท้าทายยั่วไทยให้โกรธหนัก
ให้รีบมาอย่าทันจะพร้อมพรักจึงจะหักศึกไทยได้ง่ายดาย ฯ
๏ พระเจ้าเชียงใหม่ได้ฟังทูลเค้ามูลเห็นสมอารมณ์หมาย
จึงได้แต่งสาราว่าท้าทายให้หยาบคายหมายยั่วให้โกรธา
เสร็จสรรพพับใส่ลงในกล่องมอบให้แสนกำกองตรีเพชรกล้า
คุมไพร่ร้อยถ้วนล้วนขี่ม้าไปส่งด่านอยุธยาธานี ฯ
๏ ครานั้นตรีเพชรแสนกำกองทั้งสองรับราชสารศรี
เรียกไพรได้ครบตามบาญชีแล้วขึ้นขี่ม้าตามกันหลามมา
ได้ข้าวตากใส่ไถ้ตะพายแล่งเครื่องม้าเครื่องแสงแดงดาดป่า
ทวนดูพู่ระยับจับนัยน์ตาข้ามท่าน้ำได้ไปลำพูน
ข้ามห้วยแม่ทามาเมืองนครไม่หยุดหย่อนขับควบเข้าไพรสูญ
ค่ำเข้าเขตเถินเดินพร้อมมูลแสงจันทร์จำรูญจำรัสฟ้า
ม้าคนหิวหอบอยู่บอบแบบขึ้นเขาช่องแคบแล้วลงป่า
แดดร้อนผ่อนพักเป็นเพลาหยุดให้ม้ากินหญ้าหากำลัง
พอหายเหนื่อยขึ้นมาพากันไปสะบัดย่างวางใหญ่ไม่เหลียวหลัง
สามวันดั้นมาไม่รอรั้งจนกระทั่งถึงด่านบ้านท่าเกวียน ฯ
๏ ครานั้นนายบุญเป็นขุนไกรเห็นลาวสงสัยว่าศึกเสี้ยน
จึงเรียกพวกไพร่เวรเกณฑ์จำเนียรออกยืนขวางทางเตียนตรงประตู
ถือสาตราอาวุธอยู่พร้อมหน้าโน่นแน่ลาวขี่ม้ามาเป็นหมู่
แต่งตัวโพกหัวพันชมพูแลดูแดงเถือกมะเหลือกมา
บ้างปิดประตูด่านงุ่นง่านไปยัดปืนใหญ่หับชุดจุดไว้ท่า
ไปไหนเหวยเฮ้ยสูอย่าได้ช้าดีร้ายเร่งว่าให้รู้พลัน
ถ้าดีมานี่แต่สองม้าร้ายแล้วยกมากูไม่พรั่น
บ้างแกว่งดาบถือปืนออกยืนยันต่างพากันเตรียมตัวออกทั่วไป ฯ
๏ ฝ่ายว่าพวกลาวเห็นชาวด่านอาจหาญยืนขวางหนทางใหญ่
จึงพากันหยุดยั้งรั้งม้าไว้บอกให้แจ้งใจมิได้ช้า
เราเป็นแต่ผู้น้อยที่นำสารจะมาเว้าชาวด่านแจ้งการหวา
เพชรกล้ากำกองแต่สองม้าเข้าไปส่งสาราแล้วว่าไป
เรื่องราวกล่าวด้วยพระท้ายน้ำกับไพร่ต้องจองจำอยู่เชียงใหม่
เจ้าเราให้สารมากรุงไทยสูจงรีบส่งไปให้กราบทูล ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนด่านรับสารมาไปตามดูหมู่ม้าเข้าป่าสูญ
เห็นมิใช่กองทัพกลับพร้อมมูลให้นายมูลนายหมวดอยู่ตรวจตรา
ขุนไกรได้สารขึ้นมาใช้สะบัดย่างวางใหญ่เข้าในป่า
ข้ามทุ่งชะเรียงเร่งตะเบ็งมาบ่ายหน้ามาตรงลงธานี
ถึงสังคโลกพลันทันใดลงม้าจูงคลาไคลไปเร็วรี่
ขุนนางกรมการนั่งศาลมีปรึกษาคดีอีเม้ยทอง
จีนแสไม่แก้ยอมให้ปรับว่าไสบวยพวยรับแต่คล่องคล่อง
พอเห็นขุนด่านกรมการร้องเยี่ยมมองอยู่ไยไม่เข้ามา
ขุนไกรตรงมาศาลากลางแหวกทางหมอบคลานเข้าไปหา
ส่งกล่องใส่ลานสารตราแล้วเล่าแจ้งกิจจาทุกสิ่งอัน ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านเจ้าพระยาทั้งเวียงวังคลังนาอยู่ที่นั่น
กรมการถ้วนหน้าปรึกษากันเกิดเหตุสำคัญหนักหนานัก
ชิงนางมิหนำซ้ำจับทหารทำการอาจองทะนงศักดิ์
แล้วยังมีสารามาอึกฮักไม่รู้จักเหมือนริ้นบินเข้าไฟ
แต่ทว่าหญ้าแพรกจะแหลกก่อนต้องยกทัพขับต้อนจะร้อนไพร่
อย่าดูเบาเราต้องรีบส่งไปถ้านิ่งไว้เข้าร้ายตายทีเดียว
อ้ายลาวเจ้ากรรมทำแล้วหวาเขียนบอกปิดตราสักประเดี๋ยว
เสร็จสรรพใส่กลักถักเป็นเกลียวเคี่ยวคั่งติดประจำซ้ำตีตรา
แต่งให้พันมโนเป็นนายใหญ่ถือไปบอกกับไพร่ยี่สิบห้า
หาบโพล่แฟ้มยุ่งกรุ่งกริ่งมาลงเรือเก้าวากัญญายาว
ให้แก้หน้าจากท่าตะเบ็งพายเดือนหงายน้ำฟุ้งเป็นฟองขาว
ตะละเล่มเต็มเหนี่ยวเสียงเกรียวกราวโห่ฉ่าวฉ่าลั่นสนั่นไป
พอเช้าตรู่ลงมาถึงท่าเกษมหุงต้มกินเปรมทั้งนายไพร่
อิ่มแล้วรีบร้อนไม่นอนใจพันมโนนายใหญ่นั่งโยกมา
ครั้นพ้นวัดใหม่ไปบ้านตรุลุถึงท่ากงลงพิงหวา
เเข้าพิจิตรวังวังจันทร์นน้ำดันซ่ารับวาเฮ้ยโขนโดนเรือเจ๊ก
เออเรือขายเหล้าชาวเราหวยพะซี้ไบใส่บวยฉวยเหวยเด็ก
ยกขึ้นเรือได้ไหไม่เล็กถีบเรือเจ๊กเจ้าของร้องโล่ไป
มึงบึกกูบึกสะอึกคว้าเรือกัญญษหน้าโขนเข้าโนไผ่
จะร่ำพรรณนาให้ช้าไยเจ็ดวันมาได้ถึงท่าคัน ฯ
๏ พอเรือจอดทอดถึงที่หน้าท่าพันมโนรีบมาขมีขมัน
ทั้งบ่าวไพร่ตามไปอยู่พร้อมกันเห็นสาวชาววังนั้นก็ชอบเชิง
จุปากเจาะเจาะกระเดาะลิ้นหอมกลิ่นแหงนหงายเหมือนควายเบิ่ง
ทำกรีดกรายชายตาร่าเริงหลงละเลิงลดเลี้ยวเกี้ยวพานมา
งุ่มง่ามข้ามฉนวนประตูดินตาถินนายประตูครู่เอาผ้า
ชายพกหลุดลุ่ยหุยหม่อมตายั่นอ้ายบ้าลอยชายคาดใต้พก
พ่อเอ๋ยชาวบ้านนอกถือบอกมามึงซ่อนอะไรหวาเอาผ้าปก
ดูเป็นตะะกร้าใส่ไข่นกสกปรกชาวเหนือมันเหลือใจ
เสียเงินให้สลึงเขาจึงปล่อยหน้าจ๋อยกลับมาทั้งนายไพร่
เที่ยวถามหาศาลาลูกขุนในเขาชี้บอกให้ก็ตรงมา
เห็นหัวพันนายเวรเกณฑ์เมืองรั้งพันมโนก็นั่งลงตรงหน้า
พอนายควรสวนออกนอกศาลากราบไหว้วางตราอยู่ลนลาน
นายเวรต่อยกลักกับพนักผางชักบอกออกวางกับราชการ
อ่านดูรู้ข้อราชการก็รีบมาเรียนท่านลูกขุนใน
ฝ่ายท่านเจ้าพระยาจักรีเอกอัครอธิบดีเป็นใหญ่
ทราบเรื่องราชสารรำคาญใจสั่งให้รีบคัดจะกราบทูล ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงภพเลิศลบโภไคยมไหศูรย์
สถิตในห้องแก้วแพรวไพฑูรย์ไพบูลย์พูนสุขทุกเวลา
แต่เหตุการณ์ราชการหาทราบไม่ให้รุ่มร้อนฤทัยเป็นหนักหนา
ด้วยเทพเจ้าสิงสู่อยู่อัตรารักษาพระองค์ผู้ทรงธรรม์
ประทับอยู่ข้างในได้เวลาสามโมงนาฬิกาตีฆ้องลั่น
จะเสด็จออกท้องพระโรงคัลจรจรัลไปสรงพระคงคา
น้ำกุหลาบอาบอบตลบกลิ่นหอมประทิ่นพระสุคนธ์ปนบุปผา
ฝ่ายนางพนักงานก็คลานมาถวายภูษาทรงอลงการ
ทรงเครื่องเสร็จสรรพจับพระขรรค์เพชรกุดั่นพรรณรายฉายฉาน
นางในใจภักดิ์พนักงานถวายพานพระศรีแล้วกราบลง
เสวยเสร็จพระเสด็จลีลาศผุดผาดดั่งพระยาราชหงศ์
นางในตามชิดติดพระองค์ตรงขึ้นบรรยงค์รัตนาศน์
พระสูตรรูดกร่างขุนนางเฝ้าคู้เข่าคึกคักแทบถมปักขาด
กราบถวายบังคมบรมราชทั้งอำมาตย์เสนาพระยาครู
แตรสังข์กระทั่งถวายเสียงขุนนางหมอบเรียงเคียงเป็นหมู่
ตำรวจในไล่คนพ้นประตูคอยดูเข้าออกบอกไปมา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรีได้ทีก็ประนมก้มเกศา
กราบทูลขึ้นพลันมิทันช้าอันชีวาอยู่ใต้บาทบงสุ์
บัดนี้เชียงใหม่มีราชสารมอบให้นายด่านท่าเกวียนส่ง
พระยาเกษตรสงครามรามณรงค์ให้พันมโนจำนงนั้นถือมา
เรื่องราวกล่าวด้วยพระท้ายน้ำเชียงใหม่จับจำยังไม่ฆ่า
ให้ทรงฟังยังมิทันอ่านสาราก็โกรธากลุ้มกลัดขัดพระทัย
กระทืบบาทผาดพระสุรเสียงก้องพระแท่านทองสนั่นหวั่นไหว
เหม่อ้ายลาวจองหองคะนองใจมันพูดจาว่ากระไรให้บอกพลัน ฯ
๏ ขอเดชะในสารว่าทรงเดชครองนิเวศสน์เชียงใหม่มไหสวรรย์
ตั้งอยู่ในสัตย์สุตจริตธรรม์เป็นมหันต์อิศโรอันโอฬาร
ลือเดชทุกเขตอาณาจักรปรปักษ์ย่อท้อไม่ต่อต้าน
ในตำรับข้างที่มีมานานจารจารึกกไว้ในแผ่นทอง
ว่าพระเจ้ากษัตริย์ศึกองค์นี้เป็นมโหฬีเลื่องโลกไม่มีสอง
ดังอวตารมาผลาญศึกคะนองมิให้ข้องเคืองขุ่นราะคายมี
เดิมให้ราชทูตจำทูลสารไปขอองค์เยาวมาลย์โฉมศรี
ตามโบราณราชประเพณีบุตรีล้านช้างนางสร้อยทอง
หวังพระทัยจะได้ซึ่งองค์เอกมาอภิเษกสู่สมภิรมย์สอง
ยังเยาว์อยู่มิควรภิรมย์ครองจึงยังไม่รับรองมาแนบองค์
แต่เดิมมากรุงไทยอยู่ในสัตย์มาวิบัติถือจริตด้วยฤทธิ์หลง
ให้พระท้ายน้ำนำจตุรงค์ดั้นดงล่วงแดนของเรามา
ไม่เกรงเราผู้เป็นเจ้านคเรศโอหังบังเหตุแล้วมิสา
ยังซ้ำกลับรับองค์พระธิดาสร้อยทองเสนหาของเราไป
จึงได้เกณฑ์กองทัพออกรับรบตีตลบชิงนางนั้นไว้ได้
พระท้ายน้ำนายทัพกับพวกไทยเราจับจำคุกไว้ไม่ฆ่าตี
ครั้นจะไม่บอกมาว่าให้แจ้งจะเคลือบแคลงเราว่าพานางหนี
อันโฉมยงค์องค์ราชบุตรีรับมาไว้ในที่ตำหนักจันทน์
ถ้าประสงค์ซึ่งองค์อัคเรศละนิเวศน์ยกมาอย่าได้พรั่น
ขอเชิญเจ้าอยุธยามาประจัญตัวต่อตัวสู้กันบนหลังช้าง
มีชัยก็จะได้นางสร้อยทองไปสมสองสัมผัสไม่ขัดขวาง
พระท้ายน้ำเราจำเอาไว้พลางเป็นจำนำฝ่ายข้างอยุธยา
ครบสามเดือนจะฆ่าทั้งห้าร้อยเราคอยฟังอย่างไรให้เร่งว่า
จะไว้ยศให้ปรากฏกัลป์ปาหรือเกรงภัยไม่มาก็ว่าไป
จะกำหนดสงครามตามแบบอย่างอันองค์นางยังหาร่วมภิรมย์ไม่
กว่าจะได้รบพุ่งเจ้ากรุงไทยให้ประจักษ์ฤทธิไกรใครรุ่งเรือง
แล้วจึงจะอภิเษกให้ปรากฏเกียรติยศระบือลือเลื่อง
ว่าชนช้างได้นางเป็นศรีเมืองอ่านสารสิ้นเรื่องบังคมคัล ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟังแค้นคั่งเคืองขัดจนอัดอั้น
ให้ร้อนรุ่มกลุ้มพระทัยดังไฟกัลป์จะเผาผลาญชีวันให้บรรลัย
เป็นครู่หนึ่งจึงเปล่งสิงหนาทกระทืบบาทสนั่นหวั่นไหว
ฉวยชักพระแสงออกแกว่งไกวข้าเฝ้าน้อยใหญ่ก็ถอยทรุด
หน้าซีดตัวสั่นอยู่งันงกบ้างล่วมหมากพลัดตกพกไม่หยุด
บ้างแอบเสาท้องพระดรงหมอบโค้งคุดอุตลุดหวั่นไหวไปทั้งวัง
ความกลัวดังจะแทรกแผ่นดินด้นบางคนลนลานคลานถอยหลัง
เปล่งพระสุรเสียงประเปรี้ยงดังนักสนมแน่นนั่งก็ตกใจ
เหม่เหม่อ้ายเชียงใหม่ใจพาลจับพวกพลทหารของกูได้
หยาบช้าท้าให้ไปชิงชัยกำเริบนี่กระไรใช่พอดี
อ้ายบ้านเล็กเมืองน้อยร้อยประเทศบังเหตุจะสู้กับกูนี่
มันเหมือนหนึ่งลูกมฤคีจะมาสู้ราชสีห์ให้วายปราณ
ตัวกูผู้เป็นหลักนัคเรศทุกประเทศมิได้รอต่อต้าน
อ้ายนี่โมหันธ์อันธการกรรมของมันบันดาลให้หลงคิด
เชียงใหม่ใหญ่เท่าสักหยิบมือไม่พอครือทัพไทยจะไปติด
จะพลอยพาโตตรวงศ์ปลงชีวิตอวดฤทธิ์ประจญชนช้างกู
เคลือบแฝงแกล้งว่าขอนางไว้ดังว่าเขายกให้ไม่อดสู
เมื่อตัวนางล้านช้างเขาให้กูทูตมาก็รู้อยู่ทั่วไป
ถ้ามันมีอำนาจดังราชสารเขากลัวโพธิสมภารไม่ขัดได้
นี่เพราะรู้เช่นเห็นจัญไรเขาจึงยกลูกให้เสียเมืองนี้
ชิงนางกลางคันแล้วมิหนำจับพระท้ายน้ำทำป่นปี้
เอาไว้ไยให้หนักพระธรณีเหวยพระยาจักรีเร่งเตรียมทัพ
อีกสามวันกูจะยกไปเชียงใหม่ถ้าตีเมืองไม่ได้กูไม่กลับ
เกณฑ์เมืองขึ้นน้อยใหญ่อย่าได้นับเร่งขับตามไปให้สิ้นพล
อ้ายพวกเชียงใหม่อย่าไว้มันพบที่ไหนไล่ฟันเสียให้ป่น
จนให้เมืองมันร้างว่างผู้คนรื้อจนกำแพงล้อมป้อมปราการ ฯ
๏ ครานั้นจตุสดมภ์กรมทั้งสี่ฟังคดีรับสั่งดั่งศรผลาญ
สะกิดกันตัวสั่นหวั่นสะท้านให้ท่านอธิบดีจักรีทูล
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงเดชปิ่นปักนัคเรศมไหศูรย์
บารมีทรงบำเพ็ญเห็นไพบูลย์จะเพิ่มพูนปรโยชน์โพธิสมภาร
ซึ่งพระองค์จะทรงกิจสงครามก็เห็นว่าเสี้ยนหนามไม่ต่อต้าน
ขอพระราชทานโทษจงโปรดปรานจะหนักหน่วงโพธิญาณให้นานไป
กับข้อราชการแต่เพียงนี้หาควรที่จะถึงเสด็จไม่
กับรบพุ่งพวกลาวชาวพงไพรใช่เสนาข้าใช้จะไม่มี
เห็นพระเกียรติยศจะถดถอยเชียงใหม่กลับจะพลอยได้ราศี
ว่าเป็นคู่สู้พระองค์ทรงธรณีไม่ควรที่แผ่นฟ้าลงมาดิน
ครั้นเมื่อสมเด็จพระรามาหนุมานอาสาก็เสร็จสิ้น
จนได้นางสีดาคืนธานินทร์อสุรินทร์ย่นย่อท้อทด
ครั้งนี้ถ้าเสด็จไปเชียงใหม่ตกทหารกรุงไกรนี้สิ้นหมด
ขอพระองค์ทรงชัยจงไว้ยศให้ปรากฏเหมือนครั้งพระรามา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงศักดิ์ปิ่นปักหลักโลกนาถา
ได้ฟังคำทูลเป็นมูลมาพระตรึกตรานิ่งนึกในพระทัย
จึงตรัสถามเสนาข้าเฝ้านี่ออเจ้าคิดเห็นเป็นไฉน
เมื่อมาทานทัดขัดกูไว้ใครจะอาสาไปก็ว่ามา ฯ
๏ ครานั้นบรรดาท่านผู้ใหญ่จนใจด้วยไม่มีผู้อาสา
มิรู้ที่จะสนองพระบัญชาก็หมอบนิ่งก้มหน้าไปตามกัน
พระองค์ทรงพิโรธกระทืบบาทสุรเสียงสิงหนาทดังฟ้าลั่น
อย่างไรเล่าเอาจริงก็นิ่งงันเปล่าทั้งนั้นพูดเล่นไม่เป็นงาน
ดีแต่ฉ้อไพร่ไพล่เงินกินปลอบปลิ้นสิ้นลมประสมประสาน
เลี้ยงเสียเบี้ยหวัดไม่ต้องการมีศฤงคารยศศักดิ์หนักแผ่นดิน
กริ้วพลางทางเสด็จเข้าวังในขุนนางน้อยใหญ่กลับไปสิ้น
พรั่นตัวทุกคนเป็นมลทินด้วยได้ยินประภาษคาดโทษทัณฑ์ฯ
๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสวาทเฉลียวฉลาดแกล้วกล้าวิชาขยัน
เรืองฤทธิ์ประสิทธิ์ทุกสิ่งอันหมายประจัญสงครามไม่ขามใคร
อยู่กับพระหมื่นศรีมาปีกว่าเจ้าอุตส่าห์ฝากตัวให้รักใคร่
จนเธอเลี้ยงเป็นลูกด้วยถูกใจสารพัดจัดให้ได้สุขสบาย
วันนั้นรู้คดีว่ามีศึกคะเนนึกเห็นจะสมอารมณ์หมาย
จะอ้อนวอนพึ่งบุญคุณพระนายเบี่ยงบ่ายให้ได้รับอาสาไป
ถ้ากระไรจะได้ทูลขอพ่อคิดมาน้ำตาคลอสะอื้นไห้
โอ้กรรมพ่อทำมาอย่างไรจึงต้องไปทนทุกข์ทรมาน
ติดคุกมาแต่ลูกอยู่ในท้องแม่วันทองช่างกระไรไม่สงสาร
เสียแรงร่วมยากมาเป็นช้านานครั้นถึงบ้านแล้วแม่ก็แชไป
เป็นหลายปีดีดักไม่อินังหาคิดถึงความหลังของพ่อไม่
แต่ตัวลูกจักแหล่นจะบรรลัยเพราะเหตุอ้ายขุนช้างเป็นตัวมาร
สะอื้นพลางทางคิดถึงคุณพพระเดชะความสัตย์อธิษฐาน
ข้าพเจ้าจะดำริตริการคิดอ่านขอโทษให้บิดา
ขอให้ได้สมอารมณ์คิดอย่าให้ผิดมุ่งมาดปรารถนา
อธิษฐานเสร็จพลันแล้ววันทาพอเพลาพลบค่ำเข้าไต้ไฟ
เห็นพระหมื่อนศรีอยู่หอกลางแสงเทียนสว่างกระจ่างไข
ลูกเมียหมอบนั่งสะพรั่งไปพระหมื่นศรีทีใจไม่สบาย
เล่าความถึงเรื่องกริ้วด้วยเรื่องทัพรับสั่งเสร็จสรรพให้บัตรหมาย
เตรียมทัพหลวงไว้ทั้งไพร่นายวุ่นวายอึกทึกทั้งพารา
พลายงามแอบฟังพระหมื่นศรีพอได้ทีก็คลานเข้าไปหา
พลางร่ายพระเวทให้เมตตาวันทาแล้วถามไปทันที
ดูคุณพ่อเป็นไรไม่สบายได้ยินว่าวุ่นวายทั้งกรุงศรี
เกณฑ์ทัพจับกันเป็นโกลีลูกนี้อยากรู้เป็นอย่างไร ฯ
             

๏ พระหมื่นศรีว่าเออพลายงามเอ๋ยรบพุ่งเราจะเคยก็หาไม่
วันนี้พระองค์ผู้ทรงชัยตรัสไถ่ถามทั่วทุกตัวคน
นิ่งหมดไม่มีใครอาสากริ้วดังฟ้าผ่าโกลาหล
เสด็จออกพรุ่งนี้เข้าที่จนเอากุศลเสี่ยงสุดแต่บุญกรรม
ถ้าไม่มีผู้ใดใครอาสาพ่อนี้เห็นว่าไม่เป็นส่ำ
จะพากันวุ่นวายตายระยำหน้าดำอยู่ทั่วทุกตัวคน ฯ
๏ พลายงามฟังความก็สมคิดหมอบชิดแล้วตอบอนุสนธิ์
คุณพ่ออย่าได้เป็นทำวลจงผ่อนปรนเพ็ดทูลให้ชอบที
ลูกนี้จะรับอาสาไปทำเมืองเชียงใหม่ให้ป่นปี้
จะจับเจ้าเชียงใหม่ไอ้ตัวดีมิให้มีลำบากแก่ไพร่พล
เสียแรงลูกเรียนรู้แต่ครูมาจะอาสาทำศึกเสียสักหน
ให้มีชื่อลือทั่วทั้งสากลว่าเป็นคนชาติทหารอันชาญชัย ฯ
๏ ครานั้นพระหมื่นศรีผู้ปรีชาฟังพลายงามว่ายังสงสัย
ซึ่งเจ้าจะกล้าอาสาไปพ่อนี้ยังไม่ไว้อารมณ์
ด้วยตัวเจ้ายังเล็กเด็กหนักหนาจะทูลความอาสาเห็นไม่สม
ไม่เคยเห็นวิชาอาคมเจ้าสะสมร่ำเรียนไว้อย่างไร
ลูกเอ๋ยการศึกนี้ลึกนักเอาแต่หาญหักนั้นไม่ได้
ถ้าเหมือนพ่อก็พอจะไว้ใจหรือพ่อเจ้าเขาให้ตำรับเรียน
ไปเพ็ดทูลถ้าดีก็มีหน้าเคลื่อนคลาดก็จะพากันถูกเฆี่ยน
จะเสียทีที่ลำบากพากเพียรไปพลั้งพลาดแล้วเจียนพากันตาย
ตรองดูให้ดีนะลูกรักจะหาญหักเพ็ดทูลมิใช่ง่าย
เอ็นดูอยู่ว่าเจ้าเป็นลูกชายพ่อหมายจะปลูกฝังให้เป็นตัว
มิใช่แกล้งเกียดกันฉันทาเกรงแต่ว่าจะไปไม่รอดชั่ว
อย่าประมาทคาดได้ด้วยไม่กลัวจงถ่ายเทดูให้ทั่วถึงทางความ ฯ
๏ เจ้าพลายนบนอบตอบวาจาคุณพ่อว่าเพราะรักจึงหักห้าม
ด้วยยังไม่เห็นดีของพลายงามมิใช่ลูกว่าตามใจคะนอง
เป็นลูกศิษย์มีครูรู้เที่ยงแท้ท่านทำนายไว้แน่ไม่เป็นสอง
ถ้าจะให้ปรากฎจะทดลองให้ถ่องแท้ได้เห็นเป็นแก่ตา
ว่าแล้วยกมือขึ้นไหว้ครูให้สิงสู่แล้วอ่านพระคาถา
หายตัวไปพลันมิทันช้าต่อหน้าคนผู้อยู่ทั้งนั้น
พระหมื่นศรีค่อยมีน้ำใจมาหัวเราะร่าเออเช่นนี้ดีขยัน
พอจะเอาการได้ไม่เสียพันธุ์คลายเวทย์พูดกันเถิดลูกยา
เจ้าพลายก็คลายให้คนเห็นกลับเป็นเสือโคร่งตัวคร่ำคร่า
โตทะมื่นยืนหยัดดัดกายาทำท่าเหมือนโดดโลดไล่คน
แต่บรรดาลูกเมียพระหมื่นศรีตกใจวิ่งหนีอยู่สับสน
แต่พระหมื่นศรีรู้ทีกลไม่ร้อนรนหัวร่ององันไป
พลายงามก็คลายฤทธิมนตร์กลับกลายเป็นคนลงนั่งไหว้
พระหมื่นศรีเปรมปริ่มยิ้มละไมลูบหลังลูบไหล่เจ้าพลายงาม
เอาการแน่แล้วลูกแก้วพ่อเจ้าเป็นต่อนักเลงอย่าเกรงขาม
เมื่อแรกพ่อแคลงใจจึงไม่ตามพึ่งเห็นความรู้ดีฉะนี้เจียว
อย่างนี้พระองค์ก็คงโปรดไม่พักทรงพิโรธเป็นสองเที่ยว
ทั้งพระหลวงเจ้าพระยาได้หน้ากรียวเพราะเจ้าคนเดียวได้รอดดอน
พูดกันสองคนจนสว่างสุริยาเยื้องย่างเยี่ยมสิงขร
ก็เลยเตรียมไปเฝ้าไม่เข้านอนได้เวลาพาจรจากบ้านพลัน ฯ
๏ พระหมื่นศรีขึ้นขี่คลานหามเจ้าพลายเดินตามขมีขมัน
เข้าไปในศาลาลูกขุนนั้นท่านผู้ใหญ่พร้อมกันอยู่ศาลา
กำลังท่านกลาโหมจักรีจตุสดมภ์ทั้งสี่นั่งปรึกษา
จึงพระหมื่นศรีผู้ปรีชาก็พาตัวพลายงามตามเข้าไป
กราบเรียนความพลันในทันทีว่าคนดีจะเข้ามาอาสาได้
ลูกขุนแผนแสนสะท้านหลานขุนไกรชื่อพลายงามว่องไวใจคอดี
วิชากล้าแกล้วแคล่วคล่องล่องหนหายตัวได้ถ้วนถี่
ท่านผู้ใหญ่ได้ฟังก็เปรมปรีดิ์เจ้าพระยาจักรีว่าชอบกล
หน่วยก้านหาญเหี้ยมดูเจียวเจ้าลาดเลาก็เห็นจะเป็นผล
เป็นลูกหลานทหารถึงสองคนฤทธิ์เดชเวทมนตร์คงได้การ
ดูคมคายคล้ายกับขุนแผนพ่อทั้งน้ำใจในคอก็อาจหาญ
นี่แน่เจ้าจะเข้ารับราชการถ้าเชี่ยวชาญเหมือนว่าแล้วอย่ากลัว
เราจะช่วยยกย่องให้มียศปรากฏเลื่องลือระบือทั่ว
ถ้าตีได้เชียงใหม่ไหนครอบครัวทั้งควายวัวเหลือหลายสบายใจ
พูดจาหารือกันเสร็จสรรพเป็นลำดับแต่ล้วนท่านผู้ใหญ่
จวนเสด็จออกท้องพระโรงชัยก็เตรียมเฝ้าเข้าไปได้เวลา ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ทรงสวัสดิ์เนาในปรางค์รัตน์จำรัสหล้า
ครั้นรุ่งแจ้งแสงสีสุริยาพระผ่านฟ้าสระสรงทรงเครื่องครัน
ให้เร่าร้อนพระทัยด้วยไพรีพระเสด็จออกที่สุทธาสวรรย์
ขุนนางหมอบราบกราบพร้อมกันเสียงแตรแซ่สั่นเสนาะวัง
ทอดพระเนตรเห็นข้าราชการพระพักตร์เผือดเดือดดาลดังจะคลั่ง
เป็นอย่างไรนิ่งอยู่กูรอฟังใครจะอาสามั่งหรือไม่มี
อ้ายเลกทาสเลกสมกรมนอกในมันจะอาสาได้กระมังนี่
จะได้แต่งตั้งมันให้ทันทีถอดออเจ้าเหล่านี้ลงแทนมัน ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์อภิวาททูลไปมิได้พรั่น
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์อันชีวันอยู่ใต้พระบาทา
กระหม่อมฉันออกไปไต่ถามได้นายพลายงามจะอาสา
เป็นบุตรขุนแผนแสนศักดาได้ร่ำเรียนวิชามาเชี่ยวชาญ
กระหม่อมฉันสงสัยได้ทดลองก็แคล่วคล่องสามารถอาจหาญ
เป็นคนดีมีวิชาอาการแล้วเหล่าปราณก็เคยสงครามมา ฯ
๏ พระองค์ทรงฟังพระหมื่นศรีเปรมปรีดิ์ดำรัสตรัสให้หา
ตัวมันอยู่ไหนอย่าได้ช้าเรียกให้กูดูหน้าให้เต็มใจ
พระหมื่นศรีเหลียวหลังสั่งให้เรียกเจ้าพลายงามสำเหนียกหาช้าไม่
ค่อยคลานผ่านหมู่หุ้มแพรไปนายเวรแหวกช่องให้เป็นทางมา
ถึงหน้าพระที่นั่งก็บังคมปลงอารมณ์ร่ายเวทพระคาถา
ผูกพระทัยให้ทรงพระเมตตาหมอบนิ่งภาวนาอยู่ในใจ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชทอดพระเนตรพอเห็นให้รักใคร่
จึงมีสีหนาทประภาษไปเฮ้ยไอ้พลายงามทรามคะนอง
โคตรเหง้าเหล่ามึงเป็นทหารอุตส่าห์ทำราชการให้แคล่วคล่อง
แม้นมึงทำลาวได้ดังใจปองเงินทองยศอย่างจะรางวัล
จะได้หรือมิได้ให้ว่ามากูดูหน้าตาก็คมสัน
น้ำใจในคอก็พ่อมันนิ่งอั้นอยู่ไยไม่ว่ามา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามฟังความรับสั่งใส่เกศา
ขอเดชะพระองค์ทรงศักดาอันชีวาอยู่ใต้ฝ่าละออง
กระหม่อมฉันจะขอรับอาสาเอาพระเดชามาปกป้อง
จะจับเจ้าเชียงใหม่ใจคะนองมิให้ต้องร้อนใจแก่ไพร่พล
ขอพระราชทานโทษโปรดบิดาไปเป็นคู่ปรึกษากันกลางหน
ทั้งจะได้ช่วยเหลือเผื่ออับจนแก้กลศึกสู้ศัตรูนั้น
แม้นว่าได้ร่วมคิดกับบิดาจะขอรับอาสาจนอาสัญ
ถ้าพ่ายแพ้แก่พวกเชียงใหม่มันขอถวายชีวันทั้งโคตรปราณ ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูรฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉาดฉาน
ทรงพระสรวลร่วนรื่นชื่นบานเออเอ็งเอาการมิเสียที
อนิจจาอ้ายขุนแผนแสอาภัพตกอับเสียคนแทบป่นปี้
ติดคุกทุกข์ยากมาหลายปีกูนี้ก็ชั่วมัวลืมไป
ให้บังอกบังใจกระไรหนออ้ายพลายงามมาขอจึงนึกได้
ครั้งขออีลาวทองกูหมองใจจำไว้ช้านานถึงปานนี้
ดูดู๋ขุนนางทั้งน้อยใหญ่พากันนิ่งเสียได้ไม่พอที่
ทาระกรรมมันมาสิบห้าปีช่างไม่มีผู้ใดใครชอบพอ
เหตุด้วยอ้ายนี่ไม่มีทรัพย์เนื้อความมันจึงลับไปเจียวหนอ
ถ้ามั่งมีไม่จนคนก็ปรอมึงขอกูขอไม่เว้นวัน
นับประสาหาคนไปสู้ศึกก็ไม่มีใครนึกถึงมันนั่น
ด้วยอิจฉาว่าวิชาไม่เท่ามันมันไล่ฟันเอาเมื่อตามขุนช้างไป
ความกลัววิ่งหัวเป็นดอกล่อรู้จักฝีมือพ่อหรือหาไม่
พระยายมฟังว่าช้าอยู่ไยจงสั่งให้ไปถอดอ้ายแผนมา ฯ
๏ ท่านเจ้ากรมยมราชได้รับสั่งถวายบังคมคัลด้วยหรรษา
รีบออกนอกพระโรงรัตนาให้หานรบาลแล้วสั่งพลัน
ไปถอดขุนแผนเป็นการด่วนเวลาจวนพามาขมีขมัน
ให้ทันเฝ้าองค์พระทรงธรรม์นรบาลงกงันรีบออกไป
ถึงคุกเร่งรัดพัสดีถอดกันทันทีไม่ช้าได้
แล้วพาขุนแผนผู้แว่นไวเข้าในวังนั่งไหว้ท่านเจ้าคุณ
ท่านพระยายมราชก็ทักถามบอกความขุนแผนว่าแสนวุ่น
พลายงามทูลขอพ่อเป็นบุญทรงการรุญยกโทษโปรดประทาน
อนิจจาผมเผ้ายาวเลื้อยดินผิดหน้าตาสิ้นน่าสงสาร
เข้าไปเฝ้าเถิดเจ้าจะช้าการว่าแล้วก็คลานพาเข้าไป ฯ
๏ พระองค์ทรงศักดิ์กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกขุนแผนเข้ามาใกล้
หมอบหน้าพลายงามทรามวัยบังคมไหว้กราบงามลงสามที
พระองค์ทรงตรัสประภาษไปเออไอ้ขุนแผนไม่พอที่
มึงจำเพาะเคราะห์ร้ายมาหลายปีวันนี้สิ้นเคราะห์เพราะลูกชาย
บัดนี้มีศึกข้างเชียงใหม่อ้ายลูกมันจะไปตีถวาย
มันจะขอพ่อไปเป็นเพื่อนตายปรึกษากับลูกชายก็เป็นไร
ตัวมึงกูเคยได้เชื่อถือไม้มือไม่มีใครหักได้
กูนี้ชั่วมัวเอามึงจำไว้ลืมไปใช่ว่าจะแค้นเคือง
มึงจะเอาผู้คนสักกี่หมื่นให้เร่งกะวันคืนอย่าร่ำเรื่อง
จะเอาไพร่ในกรุงหรือหัวเมืองวัวต่างช้างเครื่องให้หมายไป ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพก้มกราบแล้วทูลเฉลยไข
มิต้องให้ไพร่ยากไปมากมายครั้นกะเกณฑ์วุ่นวายจะช้าการ
ขอพระราชทานแต่ไพร่ราบพอหามหาบหาเสบียงเลี้ยงอาหาร
อันพวกพลจะประจญประจัญบานขอประทานคนโทษที่ในคุก
มีสามสิบห้าคนล้วนทนคงยืนยงสามารถอาจอุก
ได้ร่ำเรียนรู้ครบเชิงรบรุกเห็นมีทุกความรู้ครูต่างกัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพฟังขุนแผนพูดจบเห็นขบขัน
เออเขตแขวงเชียงใหม่สิใหญ่ครันคนมันมากมายเป็นหลายเมือง
ผู้คนเอ็งจะเอาไปเท่านี้ถึงว่าได้คนดีที่ปราดเปรื่อง
จะรบราฆ่าฟันมันไม่เปลืองกูเห็นเครื่องจะยับกลับลงมา
มันดีดีอย่างไรว่าไวว่องมะรืนนี้เอามาลองกันต่อหน้า
พระยายมว่าอย่างไรอย่าได้ช้าไปถอดทั้งสามสิบห้าให้แก่มัน
สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าในที่ภูมีแสนสุขเกษมสันต์
พวกขุนนางออกมาพร้อมหน้ากันขุนแผนนั้นไหว้ทั่วตัวขุนนาง
บ้างทักทายปราศรัยเป็นไมตรีล้วนยินดีเชยชมกันต่างต่าง
ให้ศีลให้พรสั่งสอนพลางเคราะห์โศกสิ้นสร่างแล้วคราวนี้
ท่านเจ้ากรมยมราชก็เรียกหาทั้งพ่อลูกตามมากับจมื่นศรี
ให้จดหมายรายชื่อลงบาญชีครบคนโทษที่พระราชทาน
แล้วสั่งให้ประแดงไปถอดมาตรวจตัวทั่วหน้าให้นับอ่าน
ต่อหน้าขุนแผนแสนสะท้านสอบคำให้การให้ขานมา ฯ
๏ ข้าพเจ้าอ้ายพุกอยู่ลุกแกเมียชื่ออีแตพระเจ้าข้า
โทษปล้นให้รำระบำป่าให้อีมารำรื้อไปมือเดียว
ถัดไปอ้ายมีบ้านยี่ล้นเมียชื่ออีผลปล้นตาเขียว
แทงถูกอีชังกำลังเยี่ยวปากเบี้ยวล้มหงายน้ำลายฟด
ถัดไปอ้ายปานบ้านชีหนเมียชื่ออีสนปล้นบางปลากด
ผูกคอตาจ่ายกับยายรดเอาไฟจดจุดขนหล่นร่วงไป
ถัดนั้นอ้ายจันสามพันตึงเมียชื่ออีอึ่งบ้านเหมืองใหม่
พวกปล้นขุนศรีวิชัยเอาไม้เสียบก้นจนแกตาย
ถัดมาข้าชื่ออ้ายคงเคราเมียชื่ออีเต่าบ้านหนองหวาย
ปล้นบ้านบางภาษีเมื่อปีกลายได้ทรัพย์จับควายผูกต่างมา
ต่อมาข้านี้อ้ายสีอาดเมียชื่ออีกงราดพระเจ้าข้า
คบไทยไล่ปล้นบ้านละว้าแล้วเข่นฆ่าตาปานบ้านตาลเอน
ถัดไปอ้ายทองอยู่ช่องขวากผัวอีมากฆ่าลาวชื่อท้าวเสน
ขึ้นย่องเบาเอาบาตรผ้าพาดเณรทุบตาเถรแล้วซ้ำปล้ำหลวงชี
ที่นั่งถัดไปอ้ายช้างดำอยู่บ้านถ้ำย่องเบาเจ้าภาษี
เก็บเงินทองของข้าวบรรดามีของดีดีไม่น้อยทั้งพลอยเพชร
ถัดมาอ้ายบัวหัวกะโหลกโทษปล้นชีโคกที่บ้านเกร็ด
แล้วตีอ้ายดูกจมูกเฟ็ดฟันตาสายขายเป็ดบ้านตึกแดง
ถัดมาข้าชื่ออ้ายแตงโมเมียชื่อออีโตบ้านชุมสาย
ปล้นชีดักขนนขนพอแรงฆ่าขุนทิพย์แสงเจ้าทรัพย์ตาย
อ้ายอินเสือเหลืองเมืองชัยนาทเมียชื่ออีปาดบ้านขนาย
เที่ยวปล้นฆ่าคนสักร้อยรายลักควายแทงกินสิ้นเป็นเบือ
อ้ายมอญมือด่างบางโฉลงเมียชื่ออีโค่งเป็นชาวเหนือ
ลักถ้วนลักถี่ทั้งตีเรือครกกระบากสากกะเบือไล่เก็บครบ
ถัดไปอ้ายทองอยู่หนองฟูกเมียชื่ออีดูกลูกตาจบ
กลางวันปีนเรือนเหมือนชะมบแต่พอพลบคนเดียวเที่ยวย่องเมา
อ้ายมากสากเหล็กปล้นเจ๊กกือเมียมันตาปรือชื่ออีเสา
ถัดไปอ้ายกุ้งคุ้งตะเภาฟันผัวแย่งอีเม้าเอาเป็นเมีย
อ้ายสงผัวอีคงอยู่กงคอนตีชิงผ้าผ่อนฆ่ามอญเสีย
ถัดไปอ้ายกร่างอยู่บางเหี้ยหาเมียมิได้ไล่ตีเรือ
อ้ายกลิ้งผัวอีกลักดักขนนลักควายขายคนปล้นเรือเหนือ
อ้ายพานผัวอีพาบ้านนาเกกลือเอายาเบื่อหลวงโชฎึกเก็บตึกเตียน
อ้ายจั่วผัวอีปรางบางน้ำชนขึ้นย่องเบาหมื่นชนขนเอาเลี่ยน
อ้ายแมวผัวอีมาอยู่ท่าเกวียนเข้าบ้านทิดเพียนปล้นปลอมริบ
พิจารณาเป็นสัตย์ซัดทอดฟ้องเก็บเอาข้าวของนางทองกระหมิบ
ถัดไปอ้ายมั่นผัวอีจันทิพอยู่น้ำดิบปล้นตีหลวงชีเภา
หาได้แทงแกไม่ดังให้การนครบาลสอบแก้เป็นแผลเก่า
อ้ายจันผัวอีจานบ้านกระเพราโทษปล้นจีนเก๊าเผาโรงเจ๊ก
ยิงปืนปึงปังประดังโห่แล้วเอาสันพร้าโต้ต่อยหัวเด็ก
ถัดมาอ้ายสานกเล็กอยู่คุ้งถลุงเหล็กผัวอีดี
สกัดตีโคต่างทางโคราชแทงอ้ายขั้วผัวอีปาดล้มกลิ้งคี่
อ้ายมากหนวดผัวอีขวดอยู่บางพลีโทษตีเดิมบางเอากลางวัน
อ้ายเกิดกระดูกดำผัวอีคำด่างโทษสะดมกรมช้างกับหมอมั่น
ปล้นละว้าป่าดงคงกระพันกระหำไขว้ไข่ดันเป็นทองแดง
สิริคนโทษซึ่งโปรดมาครบสามสิบห้าล้วนกล้าแข็ง
อยู่ยงคงกระพันทั้งฟันแทงเรี่ยวแรงทรหดอดทน
ทำกรรมต้องจำมาช้านานสิ้นกรรมบันดาลจึงให้ผล
พลายงามทูลขอพ่อออกพ้นจึงปล่อยโปรดโทษคนทั้งนี้มา ฯ
๏ ครั้นตรวจตราสำเร็จเสร็จทั่วจึงมอบตัวไพร่ทั้งสามสิบห้า
ให้แก่ขุนแผนแสนศักดาท่านพระยายมราชก็อวยชัย
ให้พ่อชนะมารผลาญศัตรูเชิดชูพระยศปรากฏกระฉ่อน
ทั้งลูกชายพลายงามไปราญรอนตีนครเชียงใหม่ให้สมนึก
แล้วหันหน้ามาสั่งพวกทนายจงเลือกหาผ้าลายที่ในตึก
ทั้งส้มสูกลูกไม้ให้ครันครึกแจกพวกอาสาศึกให้ทั่วกัน
พวกทนายขนของมากองเกลื่อนพระยายมตัดเตือนให้เลือกสรร
ขุนแผนจึงจัดแจงแล้วแบ่งปันแจกให้ไพร่นั้นทุกตัวคน
ต่างผลัดผ้าเก่าเอาโยนเสียทุดกูขายหน้าเมียไม่ปิดก้น
บางคนเปลื้องกระสอบดูชอบกลมันช่างจนเหลือจนได้พ้นทุกข์
ชวนกันกินของร้องโมทนาตั้งแต่วันหน้าจะเป็นสุข
ถ้าหากพ่อไม่ขออกจากคุกก็สิ้นคิดติดกรุกจนตายไป
จะเป็นข้าของนายจนตายจากใช้สอยน้อยมากจะทำให้
ฝ่ายว่าขุนแผนผู้แว่นไวกราบกรานท่านผู้ใหญ่แล้วอำลา
พระหมื่นศรีขี่ม้านำมาบ้านผู้คนอลหม่านเป็นหนักหนา
พลายงามเดินตามขุนแผนมาพวกไพร่สามสิบห้าก็มาพลัน
พระหมื่นศรีจัดที่ให้พักอยู่แต่งสำรับเลี้ยงดูเกษมสันต์
พวกไพร่สามสิบห้าเฮฮากันพลุกพล่านจนตะวันลงรอนรอน ฯ
             

๏ จะกล่าวถึงนางแก้วกิริยาเจ้าติดตามผัวมาอยู่แต่ก่อน
อาศัยทับหับเผยเคยหลับนอนตั้งอุทรเติบใหญ่ได้สิบเดือน
ครั้นผัวพ้นทุกข์จากคุกได้หม้อกระออมโอ่งไหกองไว้เกลื่อน
ผ้าขี้ริ้วผ่อนขาดกลาดทั้งเรือนเคยเป็นเพื่อนเมื่อยากจะจากกัน
พิษฐานให้ทานคนโทษแล้วผ่องแผ้วตามมาหาผัวขวัญ
พระหมื่นศรีดีใจบอกไปพลันอยู่ด้วยกันอย่ากลัวผัวไปทัพ
แล้วชวนขุนแผนกับเจ้าพลายทั้งสามนายนั่งพร้อมล้อมลำดับ
เรียกให้เมียน้อยยกสำรับกินเสร็จสรรพระหมื่นศรีก็ชี้แจง
เกลอเอ๋ยน่าอดสูดูเผ้าผมทำรุงรังช่างสมอ้ายใจแข็ง
จะเป็นเจ๊กก็ใช่ไทยก็แคลงมันระแวงคล้ายละว้าน่าขันครัน
ขุนแผนหัวร่อคุณพ่อช่างว่าแล้วลุกมาเสกน้ำที่ในขัน
ชุบตัดมหาดไทยใส่น้ำมันเสร็จพลันอาบน้ำชำระกาย
ทาแป้งแต่งตัวเอี่ยมสะอาดนุ่งลายผ้าคาดดูเฉิดฉาย
แล้วกลับมาหน้าหอของพระนายทั้งเจ้าพลายสามคนสนทนา
ขุนแผนวอนไหว้พระหมื่นศรีว่าลูกนี้ตั้งใจจะอาสา
ยังเป็นห่วงบ่วงใยด้วยมารดาคร่อแคร่แก่ชราลงทุกวัน
อยู่บ้านกาญจน์บุรีไม่มีสุขจะเฝ้าทุกข์ถึงลูกกับหลานขวัญ
ถ้ารับมาเลี้ยงดูอยู่ด้วยกันถึงลูกไปทัพนั้นจะนอนใจ
พระหมื่นศรีฟังคำขุนแผนว่าโมทนาข้าจะเป็นธุระให้
รับมาจะลำบากยากอะไรพรุ่งนี้ข้าจะให้ไปรับมา
แล้วพูดกันสามคนจนดึกดื่นครั้นเที่ยงคืนก็เข้าในเคหา
ต่างระงับหลับใหลไสยาจนเวลารุ่งแจ้งแสงตะวัน ฯ
๏ จะกล่าวถึงสมเด็จพระพันวษาตรัสเรียกลาวทองมาขมีขมัน
อ้ายพลายงามอาสามันกล้าครันแล้วทูลขอพ่อมันพ้นจากคุก
มึงทรมานมากว่าสิบปีกูเห็นมึงนี้ไม่มีสุข
จะโปรดยกโทษให้พ้นทุกข์อย่าปักสะดึงกรึงกรุกเร่งออกไป
ลาวทองได้ฟังรับสั่งโปรดปราโมทย์ยินดีจะมีไหน
ถวายบังคมลามาทันใดออกไปกราบลาหม่อมป้าโต
เพื่อนฝูงร้องไปจะได้ลาภค่อยกระซิบกระซาบนางมีโหว่
นางสีนางพรมแม่ส้มโอเพื่อนฝูงอักโขจะลาไป
แล้วลาเจ้าขรัวนายกรายเข้าห้องหวีหัวกระจกส่องน้ำมันใส่
ทั้งกระแจะจันทน์ปรุงจรุงใจหวังจะให้ชื่นอารมณ์ชมชิด
นุ่งยกดอกกลมห่มม่วงอ่อนเทพนมห่มซ้อนดูวิจิตร
ก้มแลดูกายไม่วายคิดใส่จริตเยื้องย่างสำอางงาม
จัดแจงหีบหมากเครื่องนากทองถาดรองขันน้ำทำอย่างห้าม
ใส่เครื่องประดับวับแวววามออกประตูข้างข้ามประตูดิน
อีถึงถือหีบรีบตามนายอีกห้าคนขวนขวายเก็บของสิ้น
เพื่อนทักถามไถ่ไม่ได้ยินมาถึงถิ่นบ้านขึ้นบนบันได ฯ
๏ ขุนแผนครั้นเห็นนางลาวทองเจียนจะแปลกเจียวน้องนึกขึ้นได้
ร้องเรียกทันทีด้วยดีใจแปลกพี่ไปหรือเจ้าไม่เข้ามา
ลาวทองฟังคำจำเสียงได้เข้าใกล้ผัวรักรู้จักหน้า
กอดตีนร่ำไห้ฟายน้ำตาท่านโปรดโทษข้าข้าจึงรู้
ครั้นติดตามมาหาผัวรักแปลกไปไม่รู้จักจึงยืนอยู่
ไม่กล้าเข้าไปในประตูแลดูพ่อซูบผิดรูปไป
โอ้โอ๋เจ้าประคุณของเมียแก้วเหมือนตายแล้วเกิดมาหากันใหม่
ตั้งแต่เมียถูกขังอยู่วังในเฝ้าแต่ร่ำร้องไห้ไม่วายวัน
ยามกินกินข้าวไม่เป็นคำต้องฝืนกลืนกับน้ำร่ำโศกศัลย์
ยามนอนนอนคิดจิตผูกพันแทบจะกลั้นใจตายไม่วายเว้น
ปักสะดึงกรึงไหมมิได้หยุดจะสิ้นสุดเมื่อไรไม่แลเห็น
ได้แต่โศกเศร้าทั้งเช้าเย็นตั้งแต่เป็นทุกข์มาช้านานครัน
พูดพลางทางแลแล้วถามผัวทูนหัวใครนั่งข้างหลังนั่น
ขุนแผนจึงบอกออกมาพลันนางนั้นชื่อแก้วกิริยา
เมียข้าเมื่อพาวันทองหนีครั้นติดคุกนางนี้อยู่รักษา
นั่นลูกพี่ที่เขาทูลขอมาชื่อพลายงามมารดาคือวันทอง
ว่าแล้วก็พากันเข้าเรือนข้าวของกองเกลื่อนอยู่ในห้อง
ต่างปรึกษาหารือตามทำนองปรองดองมิได้คิดจิตฉันทาฯ
๏ ขุนแผนออกมาหน้าหอนั่งพลันสั่งทหารสามสิบห้า
ให้แต่งตัวตัดผมสมหน้าตาเตรียมผ้านุ่งห่มให้คมคาย
ขาดเหลือพึ่งพระจมื่นศรีพรุ่งนี้จะได้ไปลองถวาย
พระหมื่นศรีขุนแผนกับลูกชายทั้งสามนายสนทนาจนราตรี ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าข้าวปลาหากินเสร็จจวนเสด็จออกต่างก็เร็วรี่
เข้าวังพร้อมกันในทันทีวันนี้ชาวเมืองนั้นเลื่องลือ
ว่าจะลองความรู้พวกอาสาต่างแตกตื่นกันมาออกอึงอื้อ
ไทยจีนมอญพม่าข่าลาวลื้อจูงมือลูกหลานซานเข้าไป
ยัดเยียดเสียดแทรกเข้าประตูนมจู้เบียดบีบกันเหลวไหล
เจ้าหนุ่มหนุ่มที่ลำพองคะนองใจเข้าคว้าไขว่สาวสาวออกกราวเกรียว
บ้างกระชากผ้าห่อมฉวยนมหมับพวกตำรวจหวดขวับเอาเต็มเหนี่ยว
จับตัวได้ใส่คาทำหน้าเซียวที่เลี่ยงเลี้ยวหลบได้ไพล่เข้าวัง
ยัดเยียดเบียดกันอยู่ชั้นนอกพอเวลาเสด็จออกก็พร้อมพรั่ง
สังข์แตรแซ่เสียงสนั่นดังถวายบังคมกราบลงพร้อมกัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์เสด็จสถิตพระที่นั่งสุทธาสวรรย์
พระสูตรรูดกร่างกระจ่างพลันดังองค์พระสุริยันเหมื่อเยี่ยมรถ
ตรัสเรียกขุนแผนพลายงามทหารสามสิบห้าเข้ามาหมด
ต่างคลานเข้าเฝ้าองค์พระทรงยศน้อมประณตดาษดาหน้าพระลาน
ทนายเลือกตีวงตรงพระที่นั่งเอาเชือกหนังขึงขอบรอบหน้าฉาน
ข้างในล้วนบรรดาข้าราชการวงนอกไพร่บ้านพลเมือง
เสียงระเบ็งเซ็งแซ่ทั้งแก่หนุ่มมามั่วสุมคับคั่งนั่งเนื่อง
บ้างยงโย่แยงแย่แลชำเลืองบ้างยักเยื้องหยุกหยิกคะยิกกัน
พวกตำรวจเรียงรายถือหวายห้ามรอบทั้งท้องสนามเป็นกวดขัน
ฝ่ายว่าพระองค์ผู้ทรงธรรม์สั่งขุนแผนให้สรรกันเข้ามาฯ
๏ นายบัวหัวกะโหลกบ้านโคกขามถวายบังคมงามแล้วออกหน้า
นอนหงายร่ายมนตร์ภาวนาให้เอาขวานผ่าเป็นหลายซ้ำ
โปกโปกขวานกระดอนนอนพยักไม่แตกหักลุกมาหน้าแดงก่ำ
นายคงเคราเข้านั่งบริกรรมให้เอาหอกตำเข้าจำเพาะ
ถูกตรงยอดอกไม่ฟกช้ำแทงซ้ำหลายทีที่เหมาะเหมาะ
เสียงอักอักพยักหน้านั่งหัวเราะจนด้ามหอกหักเดาะไม่ทานทน
นายมอญนอนเปลือยเอาเลื่อยชักเลื่อยหักฟันเยินพระเนินย่น
ให้เปลี่ยนหน้ามาเลื่อยก็หลายคนเป็นหลายหนไม่เข้าเปล่าทั้งนั้น
นายช้างดำกำลังดังช้างสารถวายบังคมคลานมาไม่พรั่น
กระโดสูงสามวาตาเป็นมันแข็งขันข้อลำดำทมิฬ
นายสีอาดคลาดแคล้วแล้วไม่แตกหอกซัดเจ็ดแบกพุ่งจนสิ้น
ไม่ถูกเพื่อนเชือนไถลไปปักดินนายอินอึดใจแล้วหายตัว
นายทองลองให้เอาปืนยิงยืนนิ่งคอยรับจับลูกตะกั่ว
นายจันนั้นแปลกเข้าแบกวัวนายบัวทำคล้ายเป็นหลายคน
นายแตงโมทำโตได้เหมือนยักษ์คึกคักกรอกตาดูหน้าย่น
นายจั่งหัวหูดูพิกลเอาไฟลนทนได้ไฟวับวับ
ลองถวายสิ้นทั้งสามสิบห้าต่างสำแดงวิชาเป็นลำดับ
แล้วมาหมอบเรียงเคียงคำนับรับสั่งให้ประทานรางวัลพลัน
คนหนึ่งเงินตราห้าตำลึงกับผ้าสำรับหนึ่งให้จัดสรร
ทั้งเพิ่มนอกออกไปให้ต่างกันตามไม้มือมันใครเอกโท
ยังอ้ายพลายงามจะอาสาดีจริงหรือว่ามันโยโส
ดูตัวก็ไม่ใหญ่ใจมันโตเฮ้ยอ้ายแผนลองโต้กับลูกดู ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนพลายงามถวายบังคมตามกันทั้งคู่
ที่คนดูลุกยืนตื่นกันกรูคอยดูพ่อลูกจะลองกัน
เจ้าพลายงามขออภัยพ่อขุนแผนแล้วจับทวนทอดแขนดูขบขัน
ขุนแผนดาบสองมือถือยืนยันชักท่าทางวางหันเข้าสู้ทวน
กลองแขกติงทั่งตั้งเพลงรำไม่เพลี่ยงพล้ำถ้อยทีถี่ถ้วน
ชั้นเชิงกรีดกรายหลายกระบวนสับสวนท่าทางสันทัดกัน
ดูข้างพลายงามก็ไวว่องดูทำนองขุนแผนก็แข็งขัน
ได้ทีหนีไล่พัลวันกลับแทงแย้งฟันกันคนละที
ถูกฉับไม่เข้าเปล่าทั้งนั้นเจ้าพลายหันเยื้องย่องทำนองหนี
แต่พอห่างวางทวนกับปัถพีอัญชลีร่ายเวทเป็นไฟกัลป์
ลุกโพลงโผงผางกลางสนามเปลวฟู่วู่วามเสียงสนั่น
ลามไหม่ไล่คนทั้งหลายนั้นคนผู้อยู่นั่นก็หนีกรู
ตกใจหน้าซีดทุกตัวคนขุนแผนอ่านมนตร์ฝนตกซู่
เป็นน้ำไหลไฟดับอยู่วับวูเสียงคนดูฮาลั่นสนั่นอึง
ชมปรอพ่อลูกนี้เอาจริงวิชาเขายวดยิ่งไม่มีถึง
ฝ่ายขุนแผนเสกซ้ำพร่ำตะบึงประเดี๋ยวหนึ่งเป็นงูชูโพนเพน
อ้ายตัวใหญ่มีหงอนเท่าท่อนซุงเลื้อยพุ่งตาแดงดังแสงเสน
บริวารมากมายมาก่ายเกนแผ่พังพานเพ่นเพ่นสักสองพัน
เที่ยวเลี้ยวไล่ไชชอนไปทุกแห่งพวกคนดูแอบแฝงเป็นจ้าละหวั่น
เหล่าผู้หญิงวิ่งหนีพัลวันตัวสั่นหน้าซีดกรีดกราดไป
ผ้าผ่อนล่อนหลุดสะดุดล้มเหยียบทับกันจมออกเหลวไหล
พลายงามขว้างตะกรุดไปทันใดเป็นนกกดตัวใหญ่ไล่ตามงู
ตีนหยิกปากจิกปีกป้องรับงูขยับเลี้ยวฉกนกจิกสู้
ฝูงคนกล่นเกลื่อนกันมาดูนกกดคาบงูชูร่อนบิน
บรรดางูบริวารสิ้นทั้งหลายก็พลอยหายสาบสูญไปหมดสิ้น
พลายงามตัวเอกเสกก้อนดินนกหายกลายปลิ้นไปเป็นช้าง
ซับมันชันหูชูงวงงายาวขาวช่วงทั้งสองข้าง
เงยแหงนแปร๋มาคว้างคว้างขุนแผนยืนขวางรำขอรับ
เหยียบขึ้นปลายงาขาคร่อมคอช้างร้ายแรงหล่อเอาขอสับ
ฟันกระชากหน้าผาก.....ยับจนตาหลับแหงนหงายท้ายติดดิน
ช้างหายพลายงามทรามคะนองมีวิชาสำรองไม่รู้สิ้น
บริกรรมสำแดงแปลงกายินเปลี่ยนปลิ้นกลับกลายเป็นควายรับ
ขุนแผนหายกลายกลับเป็นเสือโคร่งเขี้ยวโง้งโดดหลอกกลอกกลับ
ล่อควายบ่ายหน้ามาที่ประทับตบขวับขวิดผึงทะลึ่งลอย
ชุลมุนผลุนผลันถลันโดดเสือโดดควายขวิดชิดไม่ถอย
สู้กันฟั่นเฝือจนเหงื่อย้อยต่างปละปล่อยกลายกลับไปฉับพลัน
พ่อเป็นนกแก้วแจ้วส่งเสียงลูกเลี่ยงเป็นสาลิกานั่น
บินไปจับต้นไม้อยู่ใกล้กันรู้พูดสารพันภาษาคน
แต่บรรดาคนผู้ดูจนเพลินสรรเสริญสองนายทุกแห่งหน
เออช่างศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์เวทมนตร์ข้าศึกไหนจะทนฤทธาเธอ
พระองค์ตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉานเบิกบานทรงพระสรวลสำรวลเร่อ
อ้ายคู่นี้ใช้ได้ไม่อมเออฤทธิ์เดชมันเสมอสมานกัน
ทีนี้จะได้ดูอ้ายเชียงใหม่มันอวดอิทธิ์ฤทธิไกรอย่างไรนั่น
จะสู้กับลูกกูอยากดูมันไม่ถึงวันก็จะวิ่งเข้าป่าไป
สิ้นพุงมึงเท่านี้แล้วหรือหวานกแก้วสาลิกาก็ทูลไข
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงชัยยังไม่สิ้นตำราของอาจารย์
ทูลแล้วพ่อลูกก็คลายมนตร์กลับเป็นคนมาหมอบอยู่หน้าฉาน
พระพันวษาปราโมทย์โปรดปรานให้เลื่อนเครื่องประทานแล้วตรัสมา
ฮ้าเฮ้ยอ้ายขุนแผนพลายงามมึงลูกพ่อต่อตามกันหนักหนา
ดูหน้านิ่วหิวเหนื่อยจะเลื่อยล้ากินข้าวปลาเสียทีให้มีแรง
แล้วจึงตรัสสั่งคลังวิเศษให้จัดเสื้อโหมดเทศอย่างก้านแย่ง
แพรจีนดวงพุดตานส่านสีแดงทั้งสมปักตามตำแหน่งขุนนางใน
ให้คลังหาสมบัติจัดเงินตราห้าชั่งเอามาประทานให้
มึงทั้งสองใช้ของเหล่านี้ไปกว่าจะได้บำเหน็จเสร็จสงคราม
ขุนแผนพลายงามความยินดีถวายบังคมอยู่ที่กลางสนาม
ด้วยทรงพระกรุณาสง่างามคนผู้ดูหลามไปทั้งวัง ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาตรัสเรียกโหราเข้ามาสั่ง
ให้คูณหารฤกษ์ยามตามกำลังวันไรจะตั้งให้ยาตรา
พระโหราหาฤกษ์แล้วทูลพลันขึ้นเจ็ดค่ำนั้นเป็นเศษห้า
ได้ฤกษ์เบิกพยุหเสนาเวลาสี่โมงเช้าเก้านาที
ปลอดทั้งผีหลวงห่วงวันยามนั้นได้เมื่อพระฤาษี
แค้นขัดมัดมือลิงกาลีจะไปตีบ้านเมืองย่อมมีชัย
พระองค์ทรงฟังก็สั่งพลันไปให้ทันฤกษ์พาอย่าช้าได้
มันขอแต่ไพร่ราบหาบของไปก็เกณฑ์ไพร่ให้มันเจ็ดสิบคน
สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าในวังขุนนางลุกสะพรั่งอยู่สับสน
ออกบอบแบบแสบท้องจนเต็มทนอลวนกลับบ้านสำราญใจ
พวกคนดูโจษกันสนั่นมาไม่เลือกหน้าไทยเจ๊กเด็กผู้ใหญ่
เขาดีจริงยิ่งยวดในกรุงไกรแปลงตัวไปได้ดังเทวดา
ชั่วพ่อชั่วแม่ไม่เคยเห็นแต่รำเต้นนั้นก็ดูมาหนักหนา
สันนี้ได้เห็นเป็นบุญตาเรากำเนิดเกิดมาไม่เสียทีฯ
ฝ่ายว่าขุนแผนแสนสะท้านกลับมาอยู่บ้านพระหมื่นศรี
ครั้นรุ่งเช้าเข้าไปอัญชลีบอกคดีได้ข่าวบ่าวมันมา
ว่าบัดนี้คุณแม่ทองประศรีมาแต่กาญจน์บุรีอยู่เคหา
เพราะฝ่าเท้าเจ้าคุณกรุณาลูกกับบุตรภรรยาจะลาไป
พระหมื่นศรีเมตตาสั่งข้าคนให้ช่วยขนข้าวของไปส่งให้
พ่อลูกกราบลาแล้วคลาไคลภรรยาข้าไทก็ไปตาม
พวกทหารสามสิบห้ามาติดก้นเดินดาเต็มถนนจนล้นหลาม
ชาวตลาดแลดูไม่รู้ความกระซิบถามเพื่อนกันว่านั่นใคร
บ้างบอกพวกนี้ที่พ้นโทษโปรดให้ไปทัพจับเชียงใหม่
ขุนแผนมาถึงบ้านวัดตระไกรก็เข้าไปไหว้กราบท่านมารดา ฯ
๏ ครานั้นนวลนางทองประศรีเห็นลูกยินดีเป็นหนักหนา
ลูบหน้าลูบหลังถั่งน้ำตาเออเหมือนมาเกิดใหม่ได้พบกัน
กูขอบใจออแก้วกิริยามันอุตส่าห์ติดตัวตามผัวขวัญ
เอ็งจงเป็นพี่น้องลาวทองนั้นอย่าขึ้งเคียดเดียดฉันท์กันวุ่นไป
อนิจจาน่ารักออพลายงามเพียรติดตามทูลขอพ่อจนได้
นี่แลบุราณท่านกล่าวไว้ว่าเป็นชายมิให้ดูหมิ่นชาย
แล้วหันมาหาขุนแผนแสนสะท้านยิ่งสงสารดูไปใจคอหาย
ช่างผอมซูปวิปริตรผิดทั้งกายนี่หากว่าไม่ตายเสียในคุก
สิ้นเคราะห์โศกโรคภัยเถิดแก้วแม่ตั้งแต่นี้มีแต่ให้เป็นสุข
ร้อยปีพันปีอย่ามีทุกข์จงเป็นสุขตราบเท่าเข้านิพพาน ฯ
๏ ขุนแผนรับพรของมารดาแล้วออกมาเร่งรัดให้จัดบ้าน
ขนของขึ้นเรือนเกลื่อนนอกชานให้ปลูกร้านพวกไพร่จะได้นอน
เรือนเหย้าเก่าเกจะเซคว่ำเอาไม้ค้ำจุนดูพออยู่ก่อน
ทำกันจนตะวันลงรอนรอนต่างพักผ่อนลืมทุกข์สุขสำราญ ฯ
๏ ฝ่ายเจ้ากรมสัสดีก็มีหมายทุกตัวนายหมวดหมู่อยู่อลหม่าน
เป็นการจวนด่วนวิ่งไม่นิ่งนานเอาที่บ้านใกล้ใกล้จะได้ทัน
บ้างเร่งรัดมัดผูกลูกเมียมาอุตลุดฉุดคร่าจ้าละหวั่น
ผัดดผ่อนไม่ได้ไม่ฟังกัยครบครันเบ็ดเสร็จเจ็ดสิบคน
จึงสั่งให้นายสมุห์บาญชีไปส่งที่ขุนแผนออกสับสน
ลูกเมียหาข้าวสารอยูลานลนอลวนจัดแจงประจุบัน
หาได้ตามยากตามมีให้ทันทีตามส่งกันตัวสั่น
ที่ในบ้านขุนแผนออกแน่นนันต์พร้อมเพรียงสามวันจะครรไล ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาคิดกับลูกยาหาช้าไม่
จะปลุกเครื่องให้เรืองฤทธิไกรจึงชวนกันออกไปที่ป่าช้า
ให้ทหารปลูกศาลขึ้นฉับพลันตั้งบายศรีสามชั้นทั้งซ้ายขวา
หัวหมูเป็ดไก่ทั้งเหล้ายาเครื่องเซ่นจัดหามาเรียงราย
เอาผ้าขาวปูลาดดาดเพดานนมัสการจุดธูปเทียนถวาย
ในมณฑลนั้นให้อยู่แต่ผู้ชายวงสายสิญจน์สิณจน์รอบเป็นขอบคัน
ทั้งพ่อลูกเข้านั่งกลางมณฑลอ่านมนตร์โองการอันกวดขัน
ชุมนุมเทวดามาพร้อมกันทุกช่องชั้นอินทร์พรหมยมยักษ์
ทั้งพระเพลิงพระพายกรุงพาลีพระภูมิเจ้าที่อันมีศักดิ์
อีกพระไพรเจ้าป่าพนารักษ์พระนารายณ์ทรงจักรศิวาทิตย์
พระคเณศร์พินายทั้งซ้ายขวาขอเชิญลงมาให้ศักดิ์สิทธิ์
ทั้งคุณแก้วสามประการอันชาญชิตบิดามารดาสถาวร
คุณครูอุปัชฌาอาจารย์พระโองการบพิตรอดิศร
ขออับเชิญช่วยมาอวยพรให้เรืองฤทธิ์ขจรทุกสิ่งอัน
แล้วร่ายคาถามหาเวทปลุกเครื่องวิเศษทุกสิ่งสรรพ์
ว่านยาผ้าประเจียดมงคลนั้นตะกรุดโทนน้ำมันอันเรืองฤทธิ์
เดชะพระเวทอันเชี่ยวชาญเครื่องอานกลิ้งไปดังใครบิด
แล้วตั้งกองอัคคีทั้งสี่ทิศเอาเครื่องวางกลางมิดในกองไฟ
เปลวไฟคึกคึกไม่ขาดสายชั้นแต่เส้นด้ายหาไหม้ไม่
จึงเอาพระควำที่ทำไว้ใส่ขันสำริดประสิทธิ์มนตร์
ในขันนั้นใส่น้ำมันหอมเสกพร้อมเป่าลงไปสามหน
พระนั่งขึ้นได้ในบัดดลน้ำมันทาทนทั้งทุบตี
ล่องหนกำบังจังงังครบอุปเท่ห์เล่ห์จบเป็นถ้วนถี่
ปลุกเครื่องเสร็จพลันอัญชลีอ่านมนตร์เรียกผีพวกภูตพราย
ผีตายฟ้าผ่าทั้งห่าโหงอยู่ในหลุมในโลงสิ้นทั้งหลาย
ผีตายคลอดลูกผูกคอตายผีนายผีไพร่ให้รีบมา
ฝูงผีมิอาจจะซุ่มซ่อนด้วยเร่าร้อนฤทธิ์เวทพระคาถา
พากันเหลื่อนกลาดดาษดาพร้อมหน้ามาที่พิธีการ
บรรดาผู้นั่งอยู่ในมณฑลเห็นผีทุกคนออกพลุกพล่าน
พลายงามขุนแผนแสนสำราญเอาเหล้าข้าวใส่กบาลออกเซ่นวัก
เนื้อพล่าปลายำทำตามมีฝูงผีเข้ามากินหนักกว่าหนัก
ข้างนอกยังนั่งล้อมอยู่พร้อมพรักชักชวนกันกินสิ้นทั้งปวง
ที่อดหยากปากไหม้ไส้ขมต่างชื่นชมรับเอาเครื่องบวงสรวง
ล้อมกินปลิ้นตาอ้าปากกลวงตวงเหล้าเติบบ่อยอร่อยครัน
เสร็จแล้วพ่อลูกก็สั่งผีว่าพวกท่านวันนี้จงจัดสรร
มาอาสาศึกใหญ่ไปด้วยกันให้ทันฤกษ์พาเวลาเพล
พวกผีดีใจไปสิพ่อลูกจะขอเป็นบ่าวให้กราวเขน
อันทัพผีมิให้ต้องกะเกณฑ์จะเข้านอนออกเวรให้ทันการ ฯ
             

๏ ครานั้นขุนแผนกับพลายงามเสร็จพิธีมีความเกษมศานต์
จึงจัดแจงจงแบ่งปันซึ่งเครื่องอานแจกทหารกับไพร่ให้ผูกพัน
พวกพลทั้งสิ้นก็ยินดีเห็นอย่างนี้ละคุณพ่อใจคอมั่น
ถึงจะให้ไปไหนก็ไปกันจะสู้คนร้อยพันไม่พรั่นใจ
ครั้นเสร็จสรรพกลับพากันมาบ้านขุนแผนเรียกทหารเข้ามาใกล้
สาตราอาวุธจงเลือกใช้ใครถนัดอย่างไหนเอาไปพลัน
บางคนฉวยดาบชักวาบวับที่บางคนก็จับเอากั้นหยั่น
บ้างเข้ามาคว้าปืนถือยืนยันบางคนนั้นร้องบอกขอหอกยาว
อ้ายเฉยว่าฉันเคยแต่ไม้พลองอ้ายมาว่าฉันคล่องก็เพลงหลาว
อ้ายเพชรว่าพร้าก็พอกับคอลาวอ้ายทิดสาคว้าง้าวออกลองรำ
ต่างคนต่างเลือกหาเครื่องอาวุธอุตลุดสับสนอยู่จนค่ำ
แล้วแจกจ่ายเสื้อผ้ายาประจำกระบอกน้ำถุงไถ้ใส่ข้าวปลา
ที่พวกหาบหาไม้มาทำคานจักสานโพล่แฟ้มแซมตะกร้า
ที่ได้เป็นนายหมวดคอยตรวจตราเสียงเฮฮาครึกครื้นรื่นเริงกัน ฯ
๏ ฝ่ายนางทองประศรีกระปรี้กระเปร่าตั้งแต่เช้าจัดเสบียงเสียงสนั่น
พริกเกลือข้าวปลาสารพันใครเชือนช้าด่าลั่นไม่เลือกตัว
นางแก้วกิริยากับลาวทองจัดของเครื่องใช้ให้แก่ผัว
ปรึกษากันปรองดองไม่หมองมัวด้วยความกลัวผัวรักจักทุกข์ร้อน
หีบหมากเครื่องนากอยู่ในกลี่ซองบุหรี่ย่ามใหญ่ใส่ผ้าผ่อน
เสื้อผ้าจัดพับที่หลับนอนมุ้งหมอนพร้อมสิ้นทุกสิ่งอัน
ข้าวของขนมาไว้หน้าเรือนกองเกลื่อนบ่าวข้าจ้าละหวั่น
ส่วนว่าของนายพลายงามนั้นพระหมื่นศรีจัดสรรทุกสิ่งไป ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าจะเข้าไปทูลลาขุนแผนลูกยาไม่ช้าได้
จัดพานธูปเทียนแลดอกไม้ไปหาท่านผู้ใหญ่ที่ในวัง
เวลาสี่โมงเสด็จออกพระโรงนอกเสียงแตรแซ่กระทั่ง
เสด็จประทับเหนืออาสน์ราชบังลังก์มีรับสั่งไต่ถามความนานา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรีได้ทีก็ประนมก้มเกศา
กราบทูลเบิกไปมิได้ช้าขอเดชะพระบาทามาปกครอง
ดอกไม้ธูปเทียนทองของถวายของขุนแผนนายพลายงามทั้งสอง
กราบถวายบังคมลาฝ่าละอองไปราชการศึกสนองพระเดชา ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูรฟังทูลทรงพระสรวลสำรวลร่า
เฮ้ยขุนแผนพลายงามทั้งสองราซึ่งอาสาทำชอบกูขอบใจ
จงไปดีมาดีศรีสวัสดิ์พ้นวิบัติเสี้ยนหนามความเจ็บไข
ให้ศัตรูพ่ายแพ้แก่ฤทธิไกรมีชัยได้เวียงเชียงใหม่มา
ตรัสพลางทางสั่งพนักงานพระราชทานเครื่องยศกับเสื้อผ้า
ทั้งกระบี่ทั้งทองของนานาเงินตราเตรียมไปใช้ในทัพ
อีกทั้งม้าต้นคนละม้าเครื่องอานพานหน้าให้พร้อมสรรพ
พวกไพร่ให้ผ้าคนละสำรับสั่งเสร็จเสด็จกลับเข้าวังใน ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนกับลูกยาเสด็จขึ้นกลับมาหาช้าไม่
หาธูปเทียนใส่พานคลานเข้าไปกราบไหว้ทองประศรีผู้มารดา
ลูกหลายจะมาลาคุณแม่จงอยู่ดูแลซึ่งเคหา
อันลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยาคุณแม่ได้เมตตาช่วยดูแล
ถัาทุกข์ร้อนก่อนลูกกลับมาถึงจะหมายพึ่งผู้ใดให้เป็นแน่
พระหมื่นศรีแลเธอเป็นเกลอแท้คุณแม่เจ็บไข้จงไหว้วาน
เหย้าเรือนรุงรังจะพังคว่ำพอจะทำเงินมีอยู่ที่บ้าน
ขอแต่ให้คุณแม่อยู่สำราญถึงลูกไปช้านานไม่ร้อนใจ ฯ
๏ ครานั้นทองประศรีผู้มารดาฟังลูกหลานลาน้ำตาไหล
ลูบหลังลูบหน้าแล้วว่าไปอย่าเป็นห่วงบ่วงใยเลยทางนี้
เมียเจ้านั้นไซร้ไว้ธุระแม่จะดูแลสารพัดให้ถ้วนถี่
ทั้งเรือนเหย้าข้าวของบรรดามีได้พึ่งพระหมื่นศรีก็ดีแล้ว
แม่ขัดขวางอย่างไรจะไปหาเจ้าตั้งหน้าไปเถิดนะลูกแก้ว
ทุกข์โศกโรคภัยให้คลาดแคล้วจงผ่องแผ้วพูนสุขทุกเวลา
ให้เจ้าชนะมารผลาญศัตรูใครอย่ารอต่อสู้ได้สักหน้า
อองามเจ้าอย่าห่างข้างบิดายังเด็กนักเด็กหนาย่าห่วงนัก
อย่าประมาททอาจหาญการรบสู้ขุนไกรปู่นั้นแต่หนุ่มคุ้มฟันหัก
แกมิได้หมิ่นศึกทำฮึกฮักเบาหนักตรองดูให้รู้ความ
อนึ่งพวกพลไพร่ที่ไปด้วยใครเดือดร้อนผ่อนช่วยอย่าหยาบหยาม
อุตส่าห์เอาอกใจให้งดงามไปรบพุ่งเหมือนตามกันไปตาย
ถ้าใจเดียวเกลียวกลมกันหนึ่งแน่ถึงน้อยก็ไม่แพ้ที่มากหลาย
ท่านว่าป่าพึ่งเสือเรือพึ่งพายเราเป็นายก็ต้องพึ่งซึ่งไพร่พล
อนึ่งความกตัญญูรู้คุณเจ้าทุกค่ำเช้านึกไว้จะให้ผล
ให้รุ่งเรืองฤทธิเดชทั้งเวทมนตร์เจ้าจงสนใจจำคำย่าไว้ ฯ
๏ ขุนแผนพลายงามความยินดีรับพรทองประศรีแล้วก้มไหว้
ขุนแผนกลับมาสั่งข้าไทแล้วเข้าไปในห้องทั้งสองนาง
เจ้าลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยาจงอุตส่าห์ปรองดองอย่าหมองหมาง
ไปทัพถ้าข้างบ้านเกิดรานทางมักเป็นลางให้ร้ายฝ่ายผู้ไป
การกินอยู่ดูแลแม่ทองประศรีอย่าให้มีทุกข์ยากลำบากได้
เจ้าแก้วก็อลักเอลื่ออยู่เหลือใจท้องไส้จงระวังจะนั่งนอน
เมื่อคลอดลูกลาวทองน้องช่วยดูทั้งฟืนไฟให้อยู่แลผ้าผ่อน
ให้บ่าวมันคั้นส้มต้มน้ำร้อนเอาผ้าซ้อนเปลลูกผูกเห่ช้า
อันที่จะทำมิ่งสิ่งขวัญเรื่องนั้นมอบไว้ให้คุณย่า
ด้วยท่านเป็นผู้ใหญ่ได้เคยมาถึงหยูกยาสารพัดทั่นเข้าใจ
อนึ่งพี่นึกได้ไปคราวนี้ท่วงทีจะได้พบท่านผู้ใหญ่
ด้วยเดินทางไม่ห่างสุโขทัยไปเชียงใหม่ก็จะผ่านบ้านจอมทอง
จะสั่งเสียอย่างไรไปถึงบ้างหรือสองนางเจ้าอยากฝากข้าวของ
พี่จะรับไปให้ดังใจปองถ้าได้ช่องคงพบประสบกัน ฯ
๏ ครานั้นลาวทองแก้วกิริยาฟังว่าอกใจให้ไหวหวั่น
จะร้องไห้กลัวลางในกลางคันอุตส่าห์กลั้นโศกาแล้วว่าไป
พ่ออย่าได้รำพึงถึงตัวน้องจะปรองดองผูกสมัครรักใคร่
รับการงานให้ท่านคุณแม่ใช้จะตั้งใจปฏิบัติเป็นอัตรา
ถ้าขึ้นไปได้พบกับพ่อแม่จงบอกแต่ว่าลูกเป็นสุขา
แล้วผัวเมียต่างคนสนทนาด้วยสนิทเสนหาต่างอาลัย ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนแสนศักดาตื่นขึ้นเวลาปัจจุบันสมัย
บ้วนปากล้างหน้าแล้วคลาไคลชวนลูกออกไปตระเตรียมทัพ
ที่ตำบลวัดใหม่ชัยชุมพลเป็นมงคลเคยตั้งตามตำรับ
ผู้คนพร้อมพรั่งอยู่คั่งคับขุนแผนกับลูกยาตรวจตราการ
ทองประศรีลาวทองแก้วกิริยาก็ตามมาจัดเสบียงเลี้ยงอาหาร
ทั้งบ่าวไพร่พวกพงศ์วงศ์วารตามไปส่งพลุกพล่านทั้งลานวัด
พระหมื่นศรีดีจริงไม่นิ่งได้พาลูกเมียบ่าวไพร่ไปเป็นขนัด
ขาดเหลือเจอจานสารพัดแล้วช่วยจัดข้าวของจะเอาไป
ของใหญ่ให้เอาขึ้นหลังช้างวัวต่างนั้นบรรทุกเสบียงใส่
ที่เบาเบาเหล่าของต้องการใช้ให้พวกไพร่หาบหามตามติดนาย
ครั้นจัดเสร็จเรียบร้อยคอยเวลาโหราเหยียบเงาเอาชั้นฉาย
พอถ้วนนาทีสี่โมงปลายถึงฤกษ์จะขยายกระบวนพล ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยาแต่เช้ามาหาสำรับอยู่สับสน
ท้องแก่อลักเอลื่อก็เหลือทนเจ็บท้องร้องทุรนจะขาดใจ
ทองประศรีว้าวุ่นเรียกขุนแผนแล้วลุกแล่นมาประคองทั้งสองไหล่
ขุนแผนทำน้ำสะเดาะให้ทันใดกลืนเข้าไปพอตลอดคลอดลูกชาย
ประจวบฤกษ์ดิถีกรีธาทัพต้องตำรับว่าประเสริฐเลิศหลาย
ทองประศรีอุ้มแอบไว้แนบกายให้ชื่อพลายชุมพลรณรงค์
แล้วเรียกเรือมารับกลับเข้าบ้านด้วยห่วงหลานลูกสะใภ้ไม่อยู่ส่ง
พระหมื่นศรีรับว่าอย่าพะวงจงวางใจให้ฉันไว้ทางนี้ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาดูท้องฟ้าเห็นจำรัสรัศมี
สบยามตามตำราว่าฤกษ์ดีสั่งให้ตีฆ้องชัยไว้เดโช
ยกจากวัดใหม่ชัยชุมพลพวกพหลพร้อมพรั่งตั้งโห่
พระสงฆ์ส่งสวดชยันโตออกทุ่งโพธิ์สามต้นขับพลมา
โห่ร้องฆ้องลั่นมาหึ่งหึ่งนายจันสามพันตึงเป็นกองหน้า
กองหลังสีอาดราชอาญาพวกทหารสามสิบห้าต่างคลาไคล
บ้างคอนกระสอบหอบกัญชาตุ้งก่าใส่ย่ามตามเหงื่อไหล
บ้างเหล้าใส่กระบอกหอกคอนไปล้าเมื่อไรใส่อึกไม่อื้ออึง
บ้างห่อใบหระท่อมตะพายแล่งเงี่ยนยาหน้าแห้งตะแคงขึง
ถุนกระท่อมใส่ห่อพอตึงตึงค่อยมีแรงเดินดึ่งถึงเพื่อนกัน ฯ
๏ ขุนแผนพลายงามตามกันมาชักม้าข้ามทุ่งมุ่งไพรสัณฑ์
พอพ้นถิ่นก็สิ้นแสงตะวันผ่อนผันหยุดพักพิตเพียน
นายกำนันก็ชวนลูกบ้านช่องแบกสำรับเนืองนองไม่ต้องเฆี่ยน
ไฟฟืนดื่นไปทั้งไต้เตียนเยี่ยมเยียนกองทัพสับสนกัน
พวกกองทัพทั้งสิ้นกินข้าวปลาชาวบ้านเอามาเลี้ยงที่นั่น
แล้วกำนันไปจัดที่วัดพลันให้พวกกองทัพนั้นอาศัยนอน
รุ่งเช้าข้าวปลาหากินสรรพขับกันรีบไปไม่หยุดหย่อน
พ้นทุ่งเข้าป่ามาทางดอนพอแดดกล้าหน้าร้อนอ่อนระทม
มาถึงบ้านดาบก่งธนูพักร้อนเข้าอยู่อาศัยร่ม
พ่อลูกนั่งเล่นเย็นเย็นลมเชยชมลูกชายสบายใจ ฯ
๏ ขุนแผนจึงเรียกเจ้าพลายงามเดินตามไปที่ต้นไทรใหญ่
หมากพลูธูปเทียนเอาถือไปถึงต้นพระไทรก็กราบลง
บอกว่าฟ้าฟื้นของพ่อฝังไว้แต่ครั้งพระพิจิตรเขาบอกส่ง
ดาบนี้มีฟทธิ์ปราบณรงค์ฝังไว้ตรงกิ่งทิศบูรพา
พลายงามก็ขุดดินลงไปพบดาบดีใจเป็นหนักหนา
ส่งให้พ่อชักวาบปลาบนัยน์ตาขุนแผนทูนเกศาด้วยสุดรัก
ดาบนี้ต่อไปจะให้เจ้ารบพุ่งจะได้เอาไปเป็นหลัก
อันฟ้าฟื้นเล่มนี้ดียิ่งนักดาบอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเลย
ถึงพระแสงทรงองค์กษัตริย์ไม่เทียมทัดของเราดอกเจ้าเอ๋ย
จะฝึกเจ้าให้ใช้เสียให้เคยชมเชยดาบพลางทางเดินมา ฯ
๏ กลับถึงที่สำนักแล้วพักผ่อนตะวันรอนแดดบ่ายลงชายป่า
เตือนกันทั้งสิ้นกินข้าวปลาพอเพลาลมตกยกต่อไป
ค่ำลงหยุดนอนลพบุรีเช้ายกจากที่อีกพักใหญ่
ตัดบางขามข้ามบ้านด่านโพธิ์ชัยล่องเข้าแขวงใกล้อู่ตะเภา
ตรงมาหัวแดนภูเขาทองหนองบัวห้วยเฉียงเลี่ยงชายเขา
ตัดลงชายดอนร้อนไม่เบาพอย่างเข้าทุ่งหลวงเพลาพลบ
ขุนแผนก็สั่งให้หยุดพักที่ล้าเมื่อยเหนื่อยหนักนอนสลบ
บรรดาพวกพหลพลรบจุดคบกองไฟไว้เป็นวง
ลางคนหาเขียงหั่นกัญชานั่งชักตุ้งก่าจนคอก่ง
บ้างมีแต่กัญชามานั่งลงผลัดกันหั่นส่งใส่ไฟโพลง
ที่ไม่มีขอซื้อสามมื้อสลึงพอส่งถึงรับหั่นชักควันโขมง
อยากหวานเมางวงล้วงกระโปรงบ้างโก้งโค้งค้นหาพุทรากวน
พวกขี้ยาขึงผ้าขึ้นบังมิดลงนอนขิดกองไฟใส่กล้องง่วน
สิ้นเนื้อเหลือขี้ลงรีรวนจวนหมดอตส่าห์สงวนไว้
เพื่อนกันขอปันหุนละบาทคราวขาดกลัวตายหาขายไม่
อ้ายที่เงี่ยนเต็มอ่อนวอนร่ำไรได้แต่ขี้สองชั้นพอกันตาย
เอาดาบหอกออกแลกกับขี้ยาจนชั้นขันล้างหน้าก็ยื่นขาย
พอแก้เงี่ยนเหียนห้อยค่อยสบายกินอยู่พูวายแล้วหลับนอน ฯ
             

ตอนที่ ๒๘ พลายงามได้นางศรีมาลา

๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงามเพลายามสามหลับอยู่กับหมอน
กำนัดหนุ่มกลุ้มใจให้อาวรณ์เทพเจ้าจึงสังหรณ์ให้เห็นตัว
ฝันว่านารีเพิ่งรุ่นสาวผิวขาวคมคายมิใช่ชั่ว
สองเต้าเต่งตั้งดังดอกบัวมายืนยิ้มยั่วแล้วเยื้องกราย
พอภปรายทายทักชักสนิทนางเบือนบิดทำทีจะหนีหน่าย
ก็ลุกรีบตามติดเข้าชิดกายคว้าเข้าเจ้าก็หายไปกับมือ
เคลิ้มผวาคว้ากอดขุนแผนพ่อพูดจ้อนี่เจ้าไม่เมตตาหรือ
ขุนแผนตื่นฟื้นตัวก็ผลักมือร้องฮื้อพลายงามทำอะไร
เจ้าพลายกลัวพ่อใจคอหวั่นบอกว่าฝันเห็นผู้หญิงลูกวิ่งไล่
รุ่นสาวขาวอร่ามงามสุดใจจึงเผลอไปขอโทษได้โปรดปราน ฯ
๏ ขุนแผนฟังความพลายงามเล่าเอ๊ะออเจ้าช่างฝันดูขันจ้าน
ฝันเช่นนี้มีตำรับแต่บุราณใครฝันมักบันดาลได้เมียดี
หรือจะถูกลูกเจ้าบ้านผ่านเมืองทำนายพลางย่างเยื้องออกจากที่
บอกกันทั่วหน้าบรรดามีวันนี้ถึงพิจิตรไม่ทันเย็น
ว่าแล้วเตือนกันกินข้าวปลารีบยกยาตราขะมักเขม้น
ไม่หยุดหย่อนร้อนเหลือเหงื่อกรเด็นพอแลเห็นเมืองแวะเข้าวัดจันทร์ฯ
๏ ฝ่ายว่านวลนางศรีมาลาคืนวันนั้นนิทราก็ใฝ่ฝัน
ว่าลงสระเล่นน้ำสำราญครันเห็นบุษบันดอกหนึ่งดูพึงตา
ผุดขึ้นพ้นน้ำงามสะอาดนางโผดผาดออกไปด้วยหรรษา
เด็ดได้ดีใจว่ายกลับมากอดแนบแอบอุราประคองดม
ลืมตาคว้าดูดอกบัวหายเสียดายนี่กระไรไม่ได้สม
ปลุกอีเม้ยแก้ฝันหวั่นอารมณ์อีเม้ยชมว่าฝันของนายดี
ดอกบัวคือผัวมิใช่อื่นมิพรุ่งนี้ก็มะรืนคงถึงนี่
ไม่เหมือนอีเม้ยทายให้นายดีฝันอย่างนี้ได้ทายมาหลายคน
ศรีมาลาว่าไฮ้อีมอญถ่อยเอาผัวผ้อยมาพูดไม่เป็นผล
อุตริทำนายทายสัปดนถึงใครใครให้จนเทวดา
ถ้ามีหน้ามาเกี้ยวก็คงเก้ออย่าเพ้อเลยไม่อยากปรารถนา
อยู่คนเดียวไม่สบายเอาชายมาเขาย่อมว่ามันเป็นเจ้าหัวใจ
อีเม้ยมอญคะนองร้องอุยย่ายอย่าพักพูดเลยนายหาเชื่อไม่
ยังไม่พบปะก็พูดไปถึงตัวเข้าเมื่อไรได้ดูกัน
บ่าวนายสัพยอกหยอกเย้ารุ่งเช้าศรีมาลาก็ผายผัน
ไปดูการบ้านเรือนเหมือนทุกวันนึกถึงฝันพรั่นใจไม่รู้วาย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงครามพักอยู่อารามจนตกบ่าย
จะเข้าไปในจวนชวนลูกชายแล้วย่างกรายบ่าวตามออกหลามไป
ถือถาดหมากคนโทเป็นยศอย่างเดินมาตามทางกับบ่าวไพร่
พลายงามคิดถึงฝันปั่นป่วนใจเข้าในย่านตลาดก็แลชม
ที่เหล่าร้านขายผ้ามีหน้าถังลายสุหรัดมัดตั้งทั้งผ้าห่ม
ร้านถ้วยชามรามไหมีอุดมสะสมสินค้าสารพัด
สิ่งของทองเหลืองทั้งเครื่องแก้วเป็นถ่องแถวคนผู้ดูแออัด
พวกลูกสาวชาวร้านพานสันทัดทำเหยาะหยัดกิริยาท่าชาวกรุง
พวกขมิ้นเหลืองจ้อยสอยไรจุกมีแทบทุกหน้าถังบ้างเย็บถุง
แต่ละหน้าหน้านวลชวนบำรุงใส่กลิ่นหอมฟุ้งสองฟากทาง
นุ่งลายห่มสีไม่มีเศร้าผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวล่าง
คนหนึ่งรูปขาวสาวสำอางดูคล้ายนางคืนนี้เป็นนวลจันทร์
ครั้นเข้าใกล้แลเขม้นเป็นแต่แม้นไม่อ้อนแอ้นเหมือนนางที่ในฝัน
ทั้งนมคล้อยหน่อยนึงจึงผิดกันนอกจากนั้นตะละอย่างต่างต่างไป
นางนิมิตติดใจมิได้ลืมยิ่งป่วนปลื้มถึงฝันให้หวั่นไหว
สู้เดินเมินหน้าไม่อาลัยล่วงตลาดเข้าไปในจวนพลัน ฯ
๏ พระพิจิตรนั่งเล่นอยู่หอขวางเห็นคนเดินมาสล้างก็นึกหวั่น
เอ๊ะข้าหลวงมาทำไมหลายคนครันที่เดินหน้ามานั่นดังพระยา
ครั้นดูไปจำได้ว่าขุนแผนดีใจลุกแล่นลงมาหา
จูงมือขึ้นจวนชวนพูดจาขุนแผนวันทากับลูกชาย
พระพิจิตรเรียกศรีบุษบาขุนแผนเขามาไปไหนหาย
บุษบาเยี่ยมหน้าเห็นสองนายยิ้มพรายออกมาด้วยดีใจ
นั่งลงไต่ถามความทุกข์ยากแต่ไปจากแม่ได้แต่ร้องไห้
มิรู้ที่จะถามข่าวคราวใครด้วยทางไกลเหลือไกลมิได้รู้
จะเป็นตายหายลับไปหลายปีวันนี้แลหวังว่ายังอยู่
เห็นเจ้าเหมือนใครให้แก้วชูด้วยเอ็นดูเหมือนลูกจึงผูกใจ
วันทองท้องแก่ไปแต่นี่คลอดง่ายดายดีหรือเจ็บไข้
ลูกเป็นชายหญิงอย่างกระไรเดี๋ยวนี้อยู่ไหนไม่พามา ฯ
๏ ขุนแผนเล่าความไปตามเรื่องเมื่อส่งไปจากเมืองก็สุขา
เขาผ่อนปรนจนถึงอยุธยาโปรดประทานโทษาไม่ฆ่าตี
เป็นความกับขุนช้างก็ชนะลูกไปอยู่บ้านพระจมื่นศรี
เผอิญกรรมตามซัดวิบัติมีไปเห็นชั่วเป็นดีไม่ควรการ
ให้ทูลขอลาวทองต้องติดคุกทนทุกข์โทษแทบถึงประหาร
วันทองท้องแก่เหลือกันดารทรมานว้าเหว่อยู่เอกา
อ้ายขุนช้างบังอาจฉุดเอาไปไม่มีผู้ใดจะตามว่า
จนคลอดลูกชายคนนี้มาชันษาเจ้าได้ถึงสิบปี
มันจะเอาไปฆ่าในป่ใหญ่พลายช่วยไว้ได้ไม่เป็นผี
หนีไปอยู่บ้านกาญจน์บุรีแม่ทองประศรีเลี้ยงไว้ให้เรียนรู้
พอมีศึกเจ้าสะอึกเข้าอาสาแต่ตัวข้ายังติดคุกอยู่
จึงเป็นเหตุให้พระองค์ทรงเอ็นดูได้ช่องคูทูลขอพ่ออกมา
ก็โปรดให้พลายงามด้วยความชอบรับสั่งมอบการศึกให้รักษา
ประทานคนโทษที่มีวิชาสามสิบห้าลูกหาบเจ็ดสิบคน
ที่มานี่จะยกไปเชียงใหม่ไปจับอ้ายลาวตีให้ปี้ป่น
นึกถึงคุณปกเกล้าเมื่อคราวจนจึงแวะวนเข้ามนมัสการ ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบาฟังขุนแผนว่าน่าสงสาร
อนิจจาเคราะห์ร้ายแทบวายปราณนมนานน้อยหรือแต่ทนทุกข์
นี่หากลูกยากล้าทูลขอหวังจะแทนคุณพ่อสู้บั่นบุก
หาไม่ก็จะตายอยู่ในคุกเจ้าให้พ่อเป็นสุขมิเสียแรง
ผัวเมียชอบอารมณ์ชมเปาะหน้าตาเหมาะเจาะใจกล้าแข็ง
ชาติทหารเหมือนพ่อไม่ย่อแยงดูกล้องแกล้งนึกรักเฝ้าทักทาย
แค้นใจแต่ท้องบุษบาเป็นผู้หญิงเสียข้าขันใจหาย
คิดคิดขึ้นมาน่าเสียดายถ้าแม้นชายจะให้ไปด้วยพลัน
ว่าพลางทางร้องเรียกลูกสาวมาศรีมาลาเอ๋ยนั่งทำไมนั่น
ออกมาหาพี่ชายอย่าอายกันศรีมาลาหวั่นหวั่นแล้วแอบมอง
พี่เชื้อมาแต่ไหนไม่รู้จักค่อยค่อยผลักบานประตูดูตามช่อง
เห็นหนุ่มน้อยหน้านวลชวนคะนองสองคนพ่อลูกประหลาดตา
อีเม้ยรับขยับเข้ายืนชิดมือสะกิดเย้าเยาะหัวเราะว่า
นั่นเป็นไรใครบนเทวดาอีเม้ยทายแล้วว่าอย่าไม่ผิดคำ
ศรีมาลาว่าชิอีขี้เค้าว่าได้ว่าเอาไม่เป็นส่ำ
ขืนว่าแล้วจะด่าให้ระยำค้อนควักหน้าคว่ำแล้วยิ้มเมิน
พอพระพิจิตรเรียกซ้ำมาขานเจ้าขาค่อยเยี่ยมเฟี้ยมแฝงเขิน
นางอุทัจอัดใจมิใคร่เดินก้มสะเทินทรุดนั่งบังมารดา
ยกมือไหว้ขุนแผนกับพลายงามให้วาบหวามอารมณ์แล้วก้มหน้า
พลายงามรับไหว้ชายแลมาพอสบตาก็ตะลึงตะลานใจ
คนนี้แลแน่แล้วที่เราฝันรูปโฉมโนมพรรณหาผิดไม่
น้องเอ๋ยรูปร่างช่างกระไรถึงนางในกรุงศรีไม่มีเทียม
ดังพระจันทร์วันเพ็ญเมื่อผ่องผุดบริสุทธิ์โอภาสสะอาดเอี่ยม
สองแก้มแย้มเหมือนจะยั่วเรียมงามเงี่ยมราศีผู้ดีจริง
ทั้งจริตกิริรยามารยาทดูฉลาดไว้วางอย่างผู้หญิง
อ่อนชะอ้อนเหมือนจะวอนให้ประวิงจะยิ้มพรายก็พริ้งยิ่งเพราตา
ดูไหนไม่ขัดแต่สักอย่างนี่คู่สร้างของเรากระมังหนา
พอแลลอดสอดรับจับนัยน์ตาดังว่าเจ้าจะตัดเอาหัททัย
หญิงอื่นหมื่นแสนที่เคยเห็นก็หาจับใจเป็นเช่นนี้ไม่
ถ้าแม้นได้ร่วมรักสักอึดใจจะตายไปก็ไม่คิดสักนิดเดียว
นึกพลางเจ้าพลายร่ายพระเวทประสบเนตรเป่าไปให้ซ่านเสียว
ศรีมาลาต้องมนตร์ขนลุกเกรียวชำเลืองเหลียวแลมาประหม่าใจ
พอสบเนตรให้สะท้านละลานจิตยิ่งต่อตายิ่งคิดพิสมัย
อกอ่อนร้อนรุ่มดังสุมไฟไม่อยู่ได้นางก็ลาเข้ามาเรือน
แอบช่องมองดูอยู่ข้างในยิ่งเพ่งพิศพาใจอาลัยเลื่อน
ความรักมีแต่ชักกระตุ้นเตือนฟั่นเฟือนดังจะคลั่งตั้งตามอง
ชะชายคนนี้มิเสียแรงดังหนึ่งแกล้งหล่อเหลาไม่เศร้าหมอง
ดูเนื้อตัวหน้าตาดังทาทองไม่ขัดข้องสวยสมช่างคมคาย
รู้สึกตัวนึกอายระคายเขินไถลเดินเลยเข้าในห้องหาย
อีเม้ยยิ้มกริ่มตามไปถามนายวันนี้ดูไม่สบายเป็นอย่างไร
ออกไปไหว้พี่มาแต่กรุงแล้ววิ่งกลับเข้ามุ้งเหมือนเป็นไข้
หรือผีสางทักทายนายตกใจฉันจะบนบวงให้กบาลกิน
ผีมาแต่กรุงหรือบ้านนอกอย่าหลอนหลอกจงคลายให้หายสิ้น
ขอผัดหน่อยคอยตะวันให้ตกดินปัดยุงริ้นแล้วจะเซ่นในมุ้งนี้
ศรีมาลาต่อยหัวลงต้ำเหงาะเฝ้าค่อนเคาะร่ำไปไม่บัดสี
นี่แลสัญชาติไพร่ที่ไหนมีเซ่นผีในมุ้งมอญจัญไร
เย้ากันจนตะวันนั้นเย็นลงศรีมาลายิ่งพะวงหลงใหล
บุษบาเห็นช้าจึงเกริ่นไปเป็นอย่างไรสำรับไม่จัดแจง
ศรีมาลาฟังว่าก็ลุกไปช่วยดูแลข้าไทให้ตกแต่ง
จัดสำรับอุดมทั้งต้มแกงฝาชีแดงปิดปกแล้วยกมา
นางยกชามข้าวบ่าวยกสำรับใจวับวับมิค่อยออกไปนอกฝา
ครั้นถึงจัดวางข้างบิดาไม่อาจเงยดูหน้าเจ้าพลายงาม
พระพิจิตรก็ชวนกันกินข้าวเจ้าพลายร้อนเร่าประหวั่นหวาม
ตะลึงแลศรีมาลาคว้าแต่ชามกลืนข้าวเหมือนหนามอยู่ในคอ
กลัวเนื้อความจะฟุ้งสะดุ้งคิดเหลือบดูพระพิจิตรแล้วดูพ่อ
พระพิจิตรรู้ทีทำตัดพ้ออย่างไรหนอกินอยู่ดูระคาง
กินอะไรไม่อร่อยหรือพ่อหรือชาวเหนือฝีมือไม่เหมือนล่าง
รสชาตปิ้งจี่มันจืดจางหัวเราะพลางหยอกเย้าเจ้าพลายงาม
แล้วจึงชักชวนทั้งสองนายค้างที่นี่เถิดสบายอย่าเกรงขาม
บ้านมีอยู่ไยในอารามมาอยู่ตามชอบใจในหอนั้น
อิ่มเสร็จแล้วสั่งศรีมาลาให้จัดแจงฟูกผ้าทุกสิ่งสรรพ์
ที่นอนน้อยกำมะหยี่นุ่นสองอันเสื่ออ่อนสองชั้นจัดออกมา ฯ
๏ ขุนแผนถามพระพิจิตรพลันสีหมอกนั้นอยู่ดีหรือเจ้าขา
พระพิจิตรบอกว่าสีหมอกม้าอยู่ดีแต่ชราถนัดใจ
เนื้อหนังพาลติดจะเหี่ยวคร่ำอันหญ้าน้ำค่ำเช้าหาขาดไม่
ข้าก็ช่วยเยี่ยมเยียนเวียนมาไปเกณฑ์ให้อ้ายจันมันเลี้ยงดู
ขุนแผนจึงชวนลูกชายพลันไปเยี่ยมม้าด้วยกันเสียสักครู่
ว่าพลางทางออกนอกประตูตรงไปที่อยู่สีหมอกม้า
อ้ายจันครั้นเห็นยกมือไหว้ฉันเลี้ยงไว้อ้วนพีดีหนักหนา
พ่อลูกเข้าไปใกล้อาชาขุนแผนเสกหญ้าให้ม้ากิน ฯ
๏ สีหมอกม้าหญ้ามนตร์เข้าดลใจจำได้รู้ภาษาพูดจาสิ้น
ลงตีนโปกโปกโขกแผ่นดินเพียงจะดิ้นหลุดแหล่งด้วยดีใจ
เลียชมดมทั่วทั้งกายาขุนแผนกอดม้าน้ำตาไหล
ลูบหลังสีหมอกแล้วบอกไปข้านี้ต้องราชภัยเพิ่งพ้นมา
ไปติดคุกจนลูกทูนขอโทษท่านปล่อยโปรดจึงได้มาเห็นหน้า
เจ้าพลายนี้ลูกวันทองน้องยาที่ท่านรับบุกป่ามากับเรา
สีหมอกฟังเหลียวหน้าหาวันทองไม่เห็นน้องอยู่ไหนให้สร้อยเศร้า
มิรู้ที่จะถามความหนักเบาเฝ้าแต่ดูลูกพ่อคลอน้ำตา ฯ
๏ ขุนแผนบอกว่าข้าจะไปทัพหมายจะรับไปด้วยช่วยอาสา
เพราะได้เคยเห็นใจแต่ไรมาจะไปได้หรือว่าท่านหย่อนแรง
สีหมอกดีใจจะไปทัพเต้นหรับร้องร่าดัดขาแข้ง
ดังบอกว่าข้าจะไปอย่าได้แคลงขุนแผนแจ้งท่วงทีก็ดีใจ
จึงเลือกเด็ดยอดหญ้ามาเต็มมือถือเสกด้วยพระเวทมุขใหญ่
ป้อนม้ากินหญ้าในทันใดระงับโศกโรคภัยให้บรรเทา
เดชะพระเวทวิเศษขลังสีหมอกมีกำลังขึ้นดังเก่า
ผูกเครื่องเรืองอร่ามงามเพริศเพราขุนแผนขี่เหยาะเหย่าออกมาพลัน
ลองขับน้อยใหญ่ทั้งไล่หนีท่วงทีไวว่องคล่องขยัน
ถึงม้าหนุ่มจะเปรียบไม่เทียบทันสารพันถูกทำนองด้วยว่องไง
ขุนแผนดีใจลงจากหลังเรียกอ้ายจันมาสั่งหาช้าไม่
เอ็งดูให้อิ่มหนำสำราญใจจะขี่ไปในรุ่งพรุ่งนี้เช้าฯ
๏ ครั้นสั่งแล้วขุนแผนแสนศักดาเรียกลูกชายมาแถลงเล่า
พ่อเกรงว่าช้าอยู่เหมือนดูเบาเราจะยกในรุ่งขึ้นพรุ่งนี้
ด้วยปลอดสิ้นทักทอนยมขันเป็นฤกษ์เสาร์เก้าชั้นวิเศษศรี
มีตบะจะชนะแก่ไพรีเจ้านี้จะเห็นเป็นอย่างไร
พลายงามความอาลัยศรีมาลาไม่รับมาว่าจะจากพิจิตรได้
จะแจ้งข้อกลัวพ่อไม่ตามใจจึงแก้ไขเบือนบิดคิดเจรจา
ว่าไพร่พลบอบช้ำระกำอกจะด่วนยกไปไหนนี่เจ้าขา
ขอให้ไพร่พักสักเวลาพอหายเหนื่อยเมื่อยล้าจึงคลาไคล
ขุนแผนว่าดูเอาเถิดเจ้าพลายจะหยุดหาความสบายก็เป็นได้
การรับสั่งว่ายากลำบากไยที่ไหนจะเหมือนบ้านเรือนตน
เจ้าพลายงามตอบว่าหามิได้ลูกจะใคร่ปลุกเครื่องอีกสักหน
ด้วยยังหย่อนฤทธิ์เดชทั้งเวทมนตร์ขอพักพลปลุกเครื่องเสียสักนิด
ขุนแผนว่าถ้าไปเสียให้ทันพรุ่งนี้เป็นวันมหาสิทธิ์
จะปลุกเครื่องก็เรืองอิทธิฤทธิ์ประกอบกิจกับฤกษ์ที่เบิกไพร
อันพิธีในเรื่องปลุกเครื่องอานทำในบ้านไม่เหมือนในป่าใหญ่
ด้วยบ้านเมืองผู้คนเกลื่อนกล่นไปจะระงับดับใจไม่สู้ดี
เจ้าพลายว่าป่าไม้จะปลุกฤทธิ์ไม่ประสิทธิ์เหมือนหนึ่งป่าช้าผี
อยู่ในพาราป่าช้ามีก็เป็นที่สงัดเงียบปากคอ
ขุนแผนรู้ว่าบิดก็คิดเคืองเอ็งห่วงเมืองอยู่ทำไมไฉนหนอ
ธุระสิ่งไรมีจะรีรอพ่อพูดมิฟังช่างกระไร
พลายงามคร้ามพ่อไม่ต่อเถียงพูดเลี่ยงว่าธุระหามีไม่
แล้วพ่อลูกก็พากันคลาไคลขึ้นจวนใหญ่พลายน้อยคะนึงนาง
ขุนแผนพลายงามพระพิจิตรชอบชิดพูดจากันต่างต่าง
ถึงเรื่องรบพุ่งแลทุ่งทางพูดพลางต่างหัวร่อกันเรื่อยไป ฯ
๏ ครั้นสิ้นแสงสุริยนสนธยาพระจันทราแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล
เคลื่อนคล้อนลอยฟ้านภาลัยหมดเมฆปัถไหมไม่หมองมอม
พระพายพามาลาละอองกลิ่นรวยรินรสร่อนขจรหอม
ศรีมาลาอาวรณ์นอนใจตรอมถนอมแนบหมอนข้างเคียงคะนึง
โอ้พ่อพลายงามของน้องเอ๋ยใครเลยจะเอ็นดูให้รู้ถึง
ว่าน้องนี้มีจิตคิดรำพึงดังศรตรึงทรวงโศกวิโยคคิด
พ่อชายตามาสบเมื่อน้องแลจะรู้แน่หรือจะแหนงแคลในจิต
ดูลาดเลาเจ้าก็ใคร่จะเป็นมิตรหรือวิปริตคิดว่าไม่ปรานี
อกน้องยากนักด้วยเป็นหญิงต้องซ่อนรักหนักนิ่งอยู่กับที่
แม้นเป็นชายพ่อพลายเป็นสตรีค่ำวันนี้เป็นตายจะหมายไป
นึกพลางนางนอนสะท้อนท้อน้ำตาคลอมิใคร่จะเคลิ้มได้
ให้เฟื่องฟุ้งพลุ่งพล่านรำคาญใจนึกอาลัยไปจนหลับกับที่นอน ฯ
๏ พระพิจิตรขุนแผนพลายงามพูดกันจนยามไม่หยุดหย่อน
พระพิจิตรว่าเช้าเจ้าจะจรจงพักผ่อนเสียเถิดทั้งสองรา
ว่าแล้วก็ลุกไปเข้าเรือนพลายงามฟั่นเฟือนเป็นหนักหนา
ชวนพ่อเข้านอนวอนพูดจาคุณพ่อขานี่ดึกแล้วกระมัง
ฉันวันนี้อย่างไรไม่สบายระส่ำระสายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยสันหลัง
จะนอนเสียแต่หัวค่ำเอากำลังจะได้ตั้งหน้ายกแต่เช้าไป ฯ
ขุนแผนนึกในใจไอ้เจ้าชู้มันสำคัญว่ากูหารู้ไม่
กรรมกรรมเจียวจะทำเป็นอย่างไรมันจะแกล้งให้ผู้ใหญ่ผิดใจกัน
คิดแล้วก็ทำเป็นมารยาหลับตานอนนิ่งไม่พลิกผัน
คอยจับแยบคายลูกชายนั้นไม่วางใจให้หวั่นในอารมณ์ ฯ
             

๏ เจ้าพลายก่ายหมอนทำนอนนิ่งสุดประวิงอกไหม้ไส้พุงขม
กำเริบรักหนักแน่นแสนระทมโอ้เจ้านมพวงพี่ศรีมาลา
ป่านนี้เนื้ออ่อนจะนอนสนิทหรือดวงจิตจะนึกเสนหา
ดูทีเหมือนจะมีซึ่งเมตตาแต่ทว่าเป็นหญิงก็นิ่งไว้
อันความรักหนักแน่นในอกพี่ข้อนี้เจ้ารู้หรือหาไม่
แม้นรู้เค้าเจ้าก็เห็นจะอาลัยคงมิให้เสียทีพี่หมายชิด
เขาย่อมว่าถ้ามีมิตรใจแล้วคงไม่สาบสูญมิตรจิต
พี่รักเจ้าเทียมเท่าดวงชีวิตนี่จะคิดฉันใดให้เป็นการ
จะวนเวียนเพียรพูดให้ถึงปากก็สุดยากเชิงชักสมัครสมาน
ด้วยพรุ่งนี้ก็จะไปไม่อยู่นานจะพึ่งพานผู้ใดก็ไม่มี
ถ้าจะไว้สู่ขอต่อขากลับเห็นตัวพี่นี้จะยับลงเป็นผี
ด้วยความรักหนักใจเสียเต็มทีจะทวีขึ้นทุกวันจนบรรลัย
จำจะคิดเข้าสนิทให่สมนึกจึงจะคิดทำศึกต่อไปได้
แม้นมิได้ศรีมาลายาใจซึ่งจะไปเชียงใหม่อย่าสงกา
ตามแต่บุญกรรมเถิดน้องแก้วคนหลับแล้วจะลอบเข้าไปหา
ถ้าแม้นแก้วพี่มิเมตตาก็ตามแต่เวราจะเป็นไป
ยิ่งนึกยิ่งตรมอารมณ์หมองแสงเดือนเด่นส่องสว่างไสว
น้ำค้างพร่างพร้อยละห้อยใจเสียงไก่แก้วขันกระชั้นยาม
ฟังพ่อรอหูดูจนใกล้ไม่ไว้ใจแคลงคลำแล้วทำถาม
ขุนแผนรู้แยบคายเจ้าพลายงามไม่ตอบความนิ่งอยู่จะดูที
เจ้าพลายสำคัญว่าพ่อหลับค่อยขยับลุกย่องมาจากที่
พอออกนอกห้องได้ก็ยินดีหมายว่าหนีพ้นพ่อรอบังเงา ฯ
๏ ขุนแผนลุกมองแล้วย่องตามพอทันถามออกมาทำไมเจ้า
พลายงามแก้เก้อละเมอเดาฉันจะออกไปเบาที่นอกชาน
วันนี้มันให้ปวดแต่ท้องเยี่ยวหลายเที่ยวแล้วด้วยกล่อนมันสังหาร
จะปลุกพ่อขอยารับประทานขุนแผนว่าไม่ได้การแล้วเจ้าพลาย
อ้ายโรคกล่อนเช่นนี้มันขี้ถ่อยหมอสักร้อยรักษาก็ไม่หาย
ว่าพลางทางจูงมือลูกชายย่างกรายเข้าห้องต้องระวัง ฯ
๏ เจ้าพลายงามขัดใจไม่เป็นสุขล้มนอนแล้วลุกทะลึ่งนั่ง
แค้นพ่อเหมือนหัวอกจะฟกพังกระไรช่างแกล้งได้ไม่เมตตา
เป็นไรมีดีแล้วว่าไม่หลับจะคอยจับให้ได้ก็ไม่ว่า
พลางร่ายมนตร์ขลังสั่งนิทราตั้งสมาธิปลงตรงภวังค์
เป่าต้องขุนแผนแสนสนิทก็เคลิ้มจิตด้วยพระเวทวิเศษขลัง
หลับสนิทแน่วนิ่งลงจริงจังพลายงามสมหวังสิ้นอาวรณ์
ขยับเท้าก้าวย่างออกจากห้องพระจันทร์ส่องแสงจำรัสประภัสสร
พระพายพัดบุปผาพาขจรรวยรินรสอ่อนระรื่นไป ฯ
๏ มาถึงเรือนที่ศรีมาลาอยู่แอบบังเงาดูด้วยสงสัย
หลังนี้ดอกกระมังยืนชั่งใจแสงไฟวับวามตามตะเกียง
คิดพลางทางร่ายมนตร์สะกดหลับหมดเงียบดีไม่มีเสียง
สะเดาะกลอนถอนหลุดแล้วมองเมียงเลี่ยงเข้าในห้องย่องเดินมา
อัจกลับตามวางกระจ่างแสงเจ้าตกแต่งเครื่องเรือนไว้หนักหนา
เครื่องแป้งจัดตั้งไว้หลังม้าขันล้างหน้าพานรองของผู้ดี
เครื่องนากเครื่องทองสองสำรับเรียงลำดับวางไว้เป็นที่ที่
โถขี้ผึ้งแป้งร่ำน้ำมันตานีโต๊ะหวีตั้งเรียงไว้เคียงกัน
โตกพานหีบปัดจัดตั้งซ้อนทั้งผ้าผ่อนพับเรียบทุกสิ่งสรรพ์
เครื่องไหว้พระนั้นจัดอัฒจันทร์คันฉ่องแกะงาเป็นหน้าพรหม
กระจกใหญ่ใส่ตั้งทั้งไม้สอยอุบะห้อยรื่นรวยดูสวยสม
สะอาดสะอ้านลานตาน่านิยมพลางชมม่านกางข้างที่นอน
พื้นไหมใส่ทองเป็นลายปักน่ารักรูปร่างบางชะอ้อน
ปักระเด่นเป็นไข้ใจอาวรณ์ทุรนร้อนรักนุชบุษบา
เอาไฟเผาเข้าลักพระน้องนาฎโอบอุ้มใส่ราชรถา
ระเด่นแกล้งแปลงเป็นจรกาปักเป็นบุษบาเจ้าจาบัลย์
๏ พระรีบเร่งชักรถถึงคีรีเข้าสู่ถ้ำมณีภิรมย์ขวัญ
สองกษัตริย์เชยชมสมสู่กันพอรุ่งแสงสุริยันก็จากนาง
เข้ามาเมืองจะเปลื้องความสงสัยสั่งพี่เลี้ยงไว้มิให้ห่าง
ผลกรรมจำจากจะพรากร้างเผอิญข้างนางนึกนิยมไป
ออกทรงรถชมพรรณบุปผาปักปะการะตาหลาอันเป็นใหญ่
ให้ลมเพชรหึงลั่นสนั่นไพรพัดพาอรไทไปทั้งรถ
ครั้นไกลไปตกกลงกลางป่าบุษบายิ่งแสนโศกกำสรด
คิดถึงพระองค์ผู้ทรงยศนางระทดระทวยแทบทำลายชนม์
ปักเป็นระเด่นเที่ยวตามหาค้นคว้าจบแหล่งทุกแห่งหน
พระวงศาแยกย้ายหลายตำบลแปลงตนเป็นปันจุเหร็จไพร
ฉลาดนักปักงามนี้น้อยหรือช่างฟัดครือเรื่องพี่หาผิดไม่
อันองค์บุษบายาใจพิเคราะห์ไปเหมือนเจ้าศรีมาลา
อันอกของระเด่นมนตรีเหมือนอกพี่นี่ที่โหยหา
คล้ายระเด่นกับพระนุชบุษบาแต่ไม่มีจรกาจึงผิดกัน
ถ้าใครเป็จรกาเข้ามาแกล้งพี่ไม่แปลงอย่างเช่นระเด่นนั่น
จะจิกหัวจรกาเอามาฟันแล้วสรวลสันต์ผันแปรแลชำเลือง
เตียงจีนตีนตั้งบนตัวสิงห์ฉลุลายพรายพริ้งพร้อมทั้งเครื่อง
แลวิจิตรปิดทองดูรองเรืองมุ้งเหลืองแพรดอกกกระเด็นลอย
หน้าระบายลายทับสลับสีมุ้งผู้ดีมีแส้หางม้าห้อย
เปิดมุ้งเมียงมองเห็นน้องน้อยเจ้าหลับผ็อยเพ่งพิศจิตทะยาน
พักตร์พริ้มเหมือนยิ้มอยู่ทั้งหลับประทีปจับหน้านวลชวนสมาน
เจ้านิทรามารยาทไม่มีปานยิ่งคิดก็ยิ่งซ่านสวาทเตือน
ค่อยประคองลองจูบเจ้าทั้งหลับหอมกระไรใจวับขยับเขยื้อน
พอต้องเต้าตัวสั่นให้ฟั่นเฟือนค่อยลูบเลื่อนโลมเล้าละลานใจ
จับแล้ววางเล่าเฝ้ากลัดกลุ้มด้วยรุ่นหนุ่มชู้สาวหาเคยไม่
จะปลุกนางกลัวร้องย่องห่างไปคลายเวทแล้วก็ไอให้สำเนียง ฯ
๏ ครานั้นศรีมาลานารีรู้สึกสมประดีได้ยินเสียง
ลืมตาเห็นชายอยู่ปลายเตียงเจ้ามองเมียงจำได้ว่าพลายงาม
นึกสำคัญในจิตคิดว่าฝันไม่หวาดหวั่นยิ้มแล้วก็ทักถาม
นึกอย่างไรใจกล้าเข้ามาตามจะเกิดความงามหน้าพากันอาย
เจ้าพลายได้ฟังเข้านั่งอิงนางรู้ว่าคนจริงมิ่งขวัญหาย
ตกใจเพียงจะดิ้นสิ้นใจตายร้องว้ายแล้วก็ซบสลบไป ฯ
๏ อีเม้ยรับหลับอยู่ที่เฉลียงได้ยินเสียงนายร้องก็จำได้
ลุกขึ้นด้วยตระหนกตกใจเข้าในห้องมองเมียงถึงเตียงพลัน
เห็นเจ้าหนุ่มอุ้มนางวางบนตักรู้จักว่าเจ้าพลายที่หมายมั่น
ก็แจ้งใจในเหตุปัจจุบันมาฉวยขันน้ำส่งให้เจ้าพลาย
พ่อเอาผ้าชุบน้ำนี้ลูบหน้าลูบไล้ไปมากว่าจะหาย
แล้วปลอบโยนตามใจให้สบายถ้าขืนใจแล้วจะตายในพริบตา
ว่าแล้วปิดห้องย่องกลับไปอีเม้ยยิ้มละไมอยู่ในหน้า
คอยดูผู้คนจะไปมาด้วยสงสารศรีมาลากับพลายงาม ฯ
๏ จะกล่าวถึงท่านพระพิจิตรหลับสนิทเสียงลูกตกใจหวาม
จะเกิดเหตุอะไรไม่รู้ความจึงร้องถามอีเม้ยเฮ้ยเป็นไร
กูแว่วเหมือนเสียงศรีมาลามึงลืมตาขึ้นฟังมั่งหรือไม่
อีเม้ยเอ่ยตอบไปทันใดนายท่านเรียกฉันไปให้ปัดยุง
ปัดไปปัดมาไม่ทันดูจิ้งจกมันอยู่ที่ในอุ้ง
ฉันปัดมันพลัดลงจากมุ้งถูกพุงเธอจึงร้องออกก้องเรือน
พระพิจิตรว่าดูอีมอญถ่อยสักหน่อยอ่อนจะเลยเป็นกลากเกลื้อน
บุษบาว่าฉันก็ได้เตือนมันไม่เชือนดูแลแต่กลางวัน ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนอยู่หอนั่งสะดุ้งฟื้นตื่นฟังใจหวั่นหวั่น
ออพลายหายแล้วไม่แคล้วกันอ้ายขี้เค้าคงถลันไปเข้ามุ้ง
อ้ายลูกเจ้ากรรมมาทำเข็ญพรุ่งนี้ทีเห็นจะเกิดยุ่ง
แต่ตริตรองแก้ไขสิ้นไส้พุงคืนยังรุ่งไม่ระงับหลับนอน ฯ
๏ ครานั้นนารีศรีมาลาค่อยฟื้นตื่นมายังเหนื่อยอ่อน
ได้สติลืมตาด้วยอาวรณ์เห็นเจ้าพลายกอดช้อนไว้ทั้งตัว
มือหนึ่งลูบน้ำชดลมหน้านางประหม่าขนพองสยองหัว
ใจเต้นหวามหวามด้วยความกลัวยังมึนมัวมิรู้ที่จะหนีไป
จึงค่อยเคลื่อนเลื่อนตัวลงจากตักละอายนักนิ่งนอนถอนใจใหญ่
ค่อยกระดิกพลิกตัวเข้าข้างในเจ้าแกล้งหันหลังให้ไม่แลดู ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาทยังไม่อาจถามทักเป็นสักครู่
ด้วยอาการอย่างไรยังไม่รู้เห็นนอนอยู่ดิบดีค่อยมีใจ
จึงหยิบพัดหางปลามารำเพยน้องเอ๋ยนอนเถิดจะพัดให้
เมื่อตะกี้พี่วิตกนี่กระไรถ้าบรรลัยพี่ชายจะตายตาม
พี่บนบวงเทวดาคงมาช่วยจึงรอดด้วยเทพไทมิได้ห้าม
ท่านเอ็นดูโฉมฉายกับพลายงามเพราะเห็นความรักพี่มีต่อน้อง
แต่แลพบสบตาเมื่อมาถึงพี่เหมือนหนึ่งกับปลามาติดข้อง
ทุรนร้อนรักรึงคะนึงปองถ้าเจ้าไม่ปรองดองก็ถึงตาย
เหลือที่พี่จะโศกโรครักร้างช่วยรักษาพี่บ้างพอห่างหาย
เชิญเจ้าผินหน้ามาหาพี่ชายพูดภิปรายพอให้พี่มีน้ำใจ ฯ
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลาได้ฟังวาจายิ่งรักใคร่
แต่หากมารยาแกล้งว่าไปนี่อยากรู้ว่าใครให้เข้ามา
เป็นผู้ดีช่างไม่มีอัชฌาสัยไม่เกรงใจพ่อแม่แต่สักหน้า
รู้จักกันไม่ทันล่วงเวลาจะมาฆ่าแท้แท้แก้ว่ารัก
รักจริงนิ่งไยมิไปขอบอกแม่พ่อเป็นผู้ใหญ่ให้ประจักษ์
ล่วงเกินแล้วมาเชิญให้ทายทักนี่จะให้ใครสมัครไปทักทาย ฯ
๏ อนิจจาแก้วตาช่างว่าได้ไม่เห็นใจหรือว่ารักสมัครหมาย
พี่กล้ามาถึงตัวไม่กลัวตายก็เพราะรักโฉมฉายกว่าชีวิต
ถ้าสามารถอาจขอต่อพ่อแม่แน่แล้วพี่จะขอต่อพระพิจิตร
ท่วงทีก็จะสมอารมณ์คิดท่านเป็นมิตรกับบิดามาช้านาน
เมื่อนั่งกินข้าวเย็นเห็นหรือเปล่าท่านหยอกเย้าพี่อย่างว่าลูกหลาน
แต่สุดคิดเพราะติดราชการจะต้องคุมพวกทหารไปพรุ่งนี้
ถ้าร้างรักหักใจไปจากเจ้าทุกค่ำเช้าจะระทมดังตรมฝี
คงบรรลัยไม่ทันเป็นไมตรีใช่ว่าพี่จงจิตจะคิดร้าย
เพราะขัดขวางอย่างอื่นไม่คิดเห็นจำเป็นจึงเข้ามาหาโฉมฉาย
ถ้าเจ้าไม่ปรานีพี่ยอมตายขอฝากกายไว้ในห้องของน้องรัก ฯ
๏ ศรีมาลาฟังความพลายงามว่านางตรึกตราทุกสิ่งจริงประจักษ์
นึกถึงตัวกลัวอายยิ่งร้ายนักเหมือนชวนชักชายไว้ที่ในเรือน
ถึงเพียงนี้แล้วที่ไหนจะไปจากยากที่จะผลัดวันประกันเลื่อน
ทั้งใจนางความรักก็ตักเตือนจึงลุกเบือนหน้าค้อนเข้าพลายงาม
อ้อชาวกรุงศรีเช่นนี้เจียวฉลาดเฉลียวลิ้นลมเป็นคมหนาม
จะว่าไรแก้ไขได้ทุกความมิน่าหญิงวิ่งตามกันปรอปรอ
ขึ้นมาถึงพิจิตรติดผู้หญิงครั้นติดทัพกลับนิ่งไม่สูขอ
ไปทัพก็ไม่ไปไถลรอจนแม่พ่อหลับใหลเข้าในเรือน
ไม่คบค้าก็ว่าจะบรรลัยชาวบ้านนอกที่ไหนใครจะเหมือน
ถ้าหญิงใดใจเบาให้เจ้าเชือนไม่ถึงเดือนก็จะทิ้งวิ่งไปทัพ
ปล่อยนางร้างเปล่าอยู่ข้างนี้ต้องให้คอยร้อยปีไม่มีกลับ
ให้เสียตัวชั่วช้ำระกำยับเพราะสับปลับหลงเสน่ห์เล่ห์ชาวกรุง
ฉันขอบคุณที่อุตส่าห์รักษาไข้ไปเสียเถิดพ่อไปจะใกล้รุ่ง
ถ้าพ่อแม่รู้ความจะลามนุงจะโกรธยุ่งไม่ได้ดังใจปอง ฯ
๏ น้องเอ๋ยที่จะไปอย่าได้คิดสิ้นชีวิตก็จะตายอยู่ในห้อง
พี่ไม่ลวงหลอกดอกนะน้องจะครอบครองเป็นคู่อยู่จนตาย
ปรานีพี่เถิดอย่าเฝ้าดื้อได้ถูกถือแล้วเช่นนี้ไม่มีหน่าย
ว่าพลางอิงแอบเข้าแนบกายเจ้าพลายจับต้องจะลองใจ ฯ
๏ ศรีมาลาป้องปัดสะบัดเบี่ยงเขาว่าแล้วยังเมียงเข้ามาใกล้
สัญญาว่าแต่ปากยากอะไรอย่าด่วนได้นะจงยั้งตั้งใจคิด
ถ้าจริงใจก็ให้ความสัตย์ก่อนให้แน่นอนภายหน้าว่าสุจริต
เชื่อได้จึงจะปลงลงเป็นมิตรถ้าเบือนบิดอย่าสำรวยให้ป่วยการ ฯ
๏ จริงจริงกระนั้นหรือน้องแก้วมันก็แล้วมิให้น้องต้องว่าขาน
พี่จะให้ความสัตย์ปฏิญาณขอบันดาลเทพยดาจงมาฟัง
ถ้าพี่นี้ทิ้งขว้างร้างหย่าไม่เลี้ยงเจ้าศรีมาลาไปวันหลัง
ขอให้มีอันเป็นเห็นจริงจังลงนรกตกกระทั่งถึงโลกันต์
พี่ให้สัตย์ปฏิญญาณอย่างนี้แล้วน้องแก้วยังสงสัยหรือไรนั่น
เชิญเจ้าช่วยรับรักพี่หนักครันจะหวาดหวั่นต่อไปไม่ต้องการ ฯ
๏ เห็นแล้วหม่อมพี่ที่รักน้องคงปรองดองร่วมรักสมัครสมาน
แต่ฉันยังเป็นไข้ให้สะท้านขอผัดพอนานนานจะตามใจ
เจ้าพลายรู้ใจไข้มารยาไม่รอช้ากอดรัดกระหวัดไขว่
ประจงจูบลูบลอดในสไบนางผลักไสอยู่จนพับกับที่นอน
ทั้งหนุ่มสาวคราวแรกภิรมย์รักไม่ประจักษ์เสนหามาแต่ก่อน
กำเริบรักเหลือทนทุรนร้อนพอร่วมหมอนก็เห็นเป็นอัศจรรย์
เหมือนเกิดพายุกล้ามาเป็นคลื่นครืนครืนฟ้าร้องก้องสนั่น
พอฟ้าแลบแปลบเปรี้ยงลงทันควันสะเทือนลั่นดินฟ้าจลาจล
นทีตีฟองนองฝั่งฝาท้องฟ้าโปรยปรายด้วยสายฝน
โลกธาตุหวาดไหวในกมลทั้งสองคนรสรักประจักษ์ใจ ฯ
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลาเสนหาพะวงหลงใหล
แอบผัวเคียงข้างไม่ห่างไกลเอาสไบซับเนื้อที่เหื่อนอง
พัดพลางถามผัวกลัวอิดโรยหิวโหยหรือข้าจะหาของ
เจ้าพลายสวมสอดกอดประคองได้แนบน้องเนื้อนิ่มพี่อิ่มทิพย์
กินอยู่ไม่ต้องกล่าวทั้งคาวหวานขึ้นสวรรค์เห็นวิมานอยู่หวิบหวิบ
ต่าคะนึงคลึงเคล้าเฝ้ากระซิบงุบงิบกันจนม่อยผ็อยหลับไป ฯ
๏ จวนอรุณเรื่อฟ้านภาแผ้วไก่แก้วขันเร่งปัจจุสมัย
ศรีมาลาตื่นนอนถอนฤทัยด้วยจำใจจะต้องพรากจากผัวนั้น
นางล้างหน้าทาแป้งแล้วหวีหัวค่อยขยับจับตัวผัวปลุกสั่น
ตื่นเถิดจวนจะแจ้งแสงตะวันอยู่ด้วยกันช้าไปจะได้อาย
เจ้าพลายตื่นฟื้นตัวมัวแต่จูบโลมลูบอยู่ใม่ใคร่จะผันผาย
จะเหินห่างนางไปให้เสียดายซังตายลุกมาล้างหน้าพลัน
ศรีมาลามพาไปที่เครื่องแป้งตกแต่งแป้งร่ำน้ำดอกไม้กลั่น
เจือกระแจะปรุงประทิ่นกลิ่นจวงจันทน์นางจัดสรรให้ผัวแต่งตัวไป
เจ้าพลายประแป้งแต่งตัวแล้วจะคลาดแคล้วสะท้อนถอนใจใหญ่
นั่งลงอุ้มนางวางตักไว้ยิ่งอาลัยยิ่งอนาถไม่อาจจร ฯ
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลาเจ้าโศกาสะอึกสอื้นอ้อน
นึกได้เหลียวหน้ามาว่าวอนคิดก่อนนะจะไปไกลจากน้อง
เรื่องของเราผู้ใหญ่ไม่รู้ความต้องคิดอ่านลากหนามไว้จุกช่อง
พ่อไปเผื่อใครจะขอร้องอย่าให้ต้องขืนขัดคำบิดา
ถึงน้องจะยากเข็ญเป็นอย่างไรก็คงจะเอาใจไว้รอท่า
เสร็จราชการทัพจงกลับมาอย่าเชือนช้าให้ม้วยด้วยตรอมใจ
พลายงามความอาลัยใจละเหี่ยฟังเมียไม่กลั้นน้ำตาได้
พี่นี้เหลือที่จะห่วงใยพี่จะไปบอกพ่อให้ขอน้อง
ถึงกระไรให้ขอพอได้หมั้นป้องกันมิให้ใครเกี่ยวข้อง
ถ้าหากว่าบิดาไม่ปรองดองถึงจะต้องฟันคอมิขอไป
อย่าวิตกหมกไหม้เลยน้องแก้วไปแล้วพี่หาลืมปลื้มจิตไม่
เจ้าจงจำคำสัตย์ของพี่ไว้เสร็จศึกเมื่อไรจะรีบมา
อย่าร้องไห้ไปนักจงฟังพี่พรุ่งนี้ใครเห็นจะผิดหน้า
ว่าพลางทางช่วยเช็ดน้ำตาแล้วจูบซ้ายย้ายขวาจะลาจร
ศรีมาลาอาลัยใจจะขาดนางมิอาจดูหน้าดังแต่ก่อน
ผละผัวตัวเจ้าเข้าที่นอนลงแอบหมอนซ่อนหน้าโศกาลัย ฯ
             

๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามแลตามเมียขวัญให้หวั่นไหว
รามรามจะใคร่ตามกลับเข้าไปแต่จนใจจะกระจ่างสว่างฟ้า
หักใจเดินออกมานอกห้องค่อยค่อยย่องบังเงาเข้าริมฝา
ถึงหอนั่งตั้งใจจะไสยาเห็นบิดาตื่นอยู่ก็ตกใจ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาเห็นพลายงามถามว่ามาแต่ไหน
เจ้าพลายทำเฉยเอ่ยตอบไปฉันปวดท้องลงบันไดไปที่เว็จ
ขุนแผนว่าเว็จไหนในเมืองนี้ถึงกับมีเครื่องแป้งแต่งตัวเสร็จ
หน้าตาทาแป้งเป็นเม็ดเม็ดกูรู้เช่นเห็นเท็จอย่าหลอกลวง
มาอยู่บ้านพระพิจิตรผู้บิดาพระคุณท่านมีมาเป็นใหญ่หลวง
เอ็งนี้จ้วงจาบละลาบละล้วงบังอาจล่วงลูกท่านผู้มีคุณ
หากว่าติดนิดหนึ่งด้วยการทัพหาไม่กูจะขับลงใต้ถุน
ไม่ถูกหวายลายพร้อยก็เป็นบุญทำวุ่นแล้วจะว่าประการใด ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาทฟังพ่อบริภาษหาเถียงไม่
คิดไปได้ทีก็ดีใจกราบไหว้ว่าลูกนี้ผิดจริง
ด้วยความรักอักอ่วนเหลือกำลังราวจะคลั่งจะใคล้ไปทุกสิ่ง
มิรู้ที่จะสลัดตัดทิ้งถ้าขืนนิ่งไปศึกนึกว่าตาย
จะพึ่งบุญคุณพ่อช่วยขอสู่ก็ว่าจะไม่อยู่ตอนบ่าย
คิดไปไม่ตลอดจะวอดวายจึงปีนป่ายเข้าห้องน้องศรีมาลา
อ่อนก็เป็นมิตรจิตไม่แหนงคุณพ่อก็เห็นแป้งที่ประหน้า
ลูกได้ให้คำมั่นเป็นสัญญาว่าจะบอกบิดาให้ขอร้อง
ถึงกระไรได้หมั้นพอกันเท็จการเบ็ดเสร็จไว้ว่าเมื่อขาล่อง
คุณพ่อโปรดด้วยช่วยปรองดองจะได้คล่องอกใจไปราวี ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทนิ่งคิดใคร่ครวญดูถ้วนถี่
การทั้งปวงล่วงเลยถึงเเพียงนี้จะทิ้งไปไม่ดีเป็นเนรคุณ
อองามก็หลงจนงงงวยไม่ช่วยไปข้างหน้าจะว้าวุ่น
ตกกระไดพลอยโผนโจนตามบุญทำเป็นหุนหันโกรธเจ้าพลายงาม
อ้ายลูกนอกพ่อก่อความร้อนเมื่อแต่ก่อนทำไมไม่ไต่ถาม
เอาแต่ใจหนุ่มตะกรุมตะกรามเกิดความแล้วมาง้อพ่อทำไม
ถ้าไม่รักพระพิจิตรผู้บิดากูหาพักพูดจาให้มึงไม่
ลูกของท่านท่านรักดังดวงใจมึงทำให้เสียตัวเหมือนชั่วช้า
ก็จะต้องแก้ไขเสียให้หายอย่าให้ท่านอับอายขายหน้า
ถ้าวันหน้าทิ้งขว้างนางศรีมาลากูมิฆ่าอย่านับว่าเป็นชาย
เจ้าพลายดีใจกราบไหว้พ่อข้อนั้นมิให้มีที่เสียหาย
ว่าพลางล้างหน้าทั้งสองนายแล้วเยื้องกรายออกมาอยู่หน้าเรือน ฯ
๏ จะกล่าวถึงนวลนางศรีมาลาโศกาอาลัยใครจะเหมือน
กอดหมอนถอนใจให้ฟั่นเฟือนนอนแชเชือนจนเช้าเจ้าไม่ลุก
อีเม้ยเห็นนายยังหายเงียบค่อยย่องเกรียบไถลเข้าไปปลุก
เห็นนายเฉยเลยทำเหมือนเป็นทุกข์ลงนั่งปุกแกล้งสะท้อนแล้วถอนใจ
อนิจจาขัดสนช่างจนยากแต่จะหาใส่ปากมิใคร่ได้
ยังมาซ้ำฝันเห็นให้เป็นไปว่าเทพไทเธอมาเมื่อคืนนี้
กลับไปเมื่อใกล้จะสว่างไปกลางทางเธออยากหมากบุหรี่
เบี้ยหอยแต่สักร้อยก็ไม่มีจะเอาที่ไหนไปให้เทวดา
นายตื่นจะต้องขึ้นค่าตัวใช้ด้วยสงสารเทพไทเป็นหนักหนา
น่าเอ็นดูเธอสู้เหาะลงมาถ้านายไม่เมตตาจะเสียใจ ฯ
๏ ศรีมาลาไม่อินังกำลังเฉยฟังอีเม้ยแก้ฝันไม่กลั้นได้
ลุกขึ้นมาต่อยหัวตัวจัญไรไม่มีเลือกเสือกไปเที่ยวล่วงรู้
มึงอย่าพูดมากปากสำรวยมานั่งช่วยกันทำเสียสักครู่
ว่าพลางเจียนหมกแล้วจีบพลูบุหรี่มีในตู้เอาแก้มัด
เย็บกระทงประจงเจียนฝาชีใส่หมากพลูบุหรี่ที่นางจัด
ทั้งของกินระหว่างทางอัตคัดใส่ขวดอัดผูกผ้าตราประทับ
จัดเสร็จซ่อนใส่ในตะกร้าแล้วเอาผ้าซ้อนซ้ำเป็นลำดับ
เอ็งเอาไปให้ดีอีเม้ยรับของคำนับเทวดาที่หามึง ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบาสั่งผู้คนจนเวลาสักโมงครึ่ง
เบิกเสบียงเลี้ยงกันอึงคะนึงครั้นเสร็จจึงออกมาหาสองนาย
พอนั่งลงบุษบาก็เรียกไปศรีมาลาเป็นไรไปไหนหาย
พ่อแผนจะไปแต่ในงายสายแล้วสำรับไม่ยกมา
อีเม้ยบอกไปใจคอหายผงเข้าตานายเมื่อล้างหน้า
ยังปวดแสบเต็มที่เห็นยี่ตาบุษบาว่ามึงเป็นแต่เล่นลิ้น
ทิ้งนายมานั่งตั้งสำออยสักหน่อยตาอ่อนจะบวมปลิ้น
ชาติอีมอญหน้าเป็นเห็นแก่กินน้ำขมิ้นไม่เอาไปหยอดตา ฯ
๏ เจ้าพลายได้ฟังนั่งนึกขันอีคนนี้สำคัญมันหนักหนา
คงรู้เห็นเป็นใจกับศรีมาลานึกหน้าได้แล้วเมื่อคืนนี้
ที่เข้าไปช่วยเหลือเมื่อนางแน่แล้วช่วยปดพ่อแม่เป็นถ้วนถี่
นิ่งนึกตรึกตรองเห็นช่องดีได้ทีบอกบุษบาพลัน
คุณแม่แก้ผงเข้าตาช้ำถ้าลืมตาในน้ำดีขยัน
กระตุกหนังตาช่วยไปด้วยกันทำอย่างนั้นก็จะหายระคายตา ฯ
๏ บุษบาได้ฟังนั่งหัวร่อพ่อคุณอารีดีหนักหนา
อีเม้ยมึงจำเอาตำราไปบอกศรีมาลาเหมือนพ่อพลาย
แล้วหันหน้ามาพูดกับขุนแผนแม่นี้แค้นตัวเองมิรู้หาย
มีลูกก็ไม่เห็นเป็นผู้ชายยังเสียดายอยากได้ไว้สักคน ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาเห็นสบท่าตอบต่ออนุสนธิ์
ลูกได้พึ่งฝ่าเท้าเมื่อคราวจนมีพระคุณเป็นพ้นคณนา
แต่ตริตรองจะสนองพระคุณตอบคิดดูรอบคอบเป็นหนักหนา
ยังไม่เห็นสิ่งใดในปัญญาจนขึ้นมาถึงพิจิตรบุรี
มาถึงก็รำพึงแต่เย็นวานเห็นการสมควรเป็นถ้วนถี่
คุณพ่อแม่ลูกชายนั้นไม่มีอองามนี้ลูกจะยกให้ช่วงใช้
ให้แทนคุณต่างตัวทั้งแม่พ่อตามแต่จะตีด่าหาว่าไม่
คุณพ่อจะเห็นเป็นอย่างไรใจเด็กก็สมัครรักฝ่าเท้า ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบิดาฟังว่าเต็มใจให้ลูกสาว
ยิ้มแล้วตอบความตามเรื่องราวอย่าต้องกล่าวอุปไมยไปเป็นเพลง
เจ้าว่าข้าก็เห็นว่าเป็นมิตรที่จริงจิตคิดดูก็เหมาะเหม็ง
แต่เป็นชาวบ้านนอกยังออกเกรงลูกข้าเองมันไม่สู้รู้อะไร
เป็นแต่คนซื่อซื่อไม่ดื้อดึงจะเอาถึงชาวกรุงนั้นไม่ได้
ฉวยวันหน้าถ้าลูกไม่ถูกใจเจ้าจะทำฉันใดอย่าให้อาย ฯ
๏ ขุนแผนนบนอบตอบพระพิจิตรข้อนั้นลูกก็คิดเป็นเหลือหลาย
เอาทานบาดคาดทานบนจนออพลายหายวิตกแล้วลูกจึงพูดจา
อันเช่นศรีมาลานารีถึงในที่กรุงศรีก็สุดหา
ทั้งรูปร่างท่วงทีกิริยาพอลูกมาเห็นลูกก็ถูกใจ
ถึงอองามจะเป็นเจ้าพระยาแขกไปใครมาก็รับได้
ทั้งตัวลูกก็จะอยู่ดูไปคงมิให้อับอายขายฝ่าเท้า ฯ
๏ พระพิจิตรจึงว่าถ้ากระนั้นพอเชื่อกันวางใจที่ในเจ้า
แต่บุษบาจะว่าข้าใจเบาลูกของเจ้าเจ้าถามบ้างเป็นไร ฯ
๏ บุษบาได้ฟังนั่งอมยิ้มใจสมัครรักปิ้มจะบอกให้
แต่คิดคิดก็ตะขิดตะขวงใจเป็นผู้ใหญ่จู่ลู่จะดูแคลน
จึงว่าลูกข้าก็คนเดียวขับเคี่ยวมาแต่น้อยคอยหวงแหน
ขอไปแม่จะได้ที่ไหนแทนพ่อแผนก็จำเพาะมาเจาะจง
เพราะรักเจ้าล้นเหลือเหมือนเนื้อไขไม่ขัดได้จำตามความประสงค์
แต่ทว่าข้าจะบอกออกตรงตรงยังนึกสงสัยบ้างทางเจ้าพลาย
มีธุระทางไกลไปเมืองลาวสาวสาวทางนั้นมันมากหลาย
ถ้ากระไรไปถูกลูกเจ้านายที่พูดกันมันจะกลายเป็นเหลวเลอะ
จะทำให้เสียหายฝ่ายผู้ใหญ่เกิดระกำช้ำใจกันไปเถอะ
เขาจะว่าข้านี้เป็นคนเคอะช่างซมเซอะไม่รู้จะดูชาย
ที่ว่านี้มิใช่จะตัดรอนรักเจ้ามาแต่ก่อนนั้นเหลือหลาย
จะควักแก้วตาไปให้เจ้าพลายก็เบี่ยงบ่ายอย่างไรให้มั่นคง ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามคิดแล้วกล่าวความตามประสงค์
ถ้าหากท่านผู้ใหญ่ได้ตกลงที่ตรงดีฉันนั้นอย่าแคลง
ถึงจะไปนอกฟ้าป่าหิมพานต์อันที่การนอกใจอย่าได้แหนง
แม้จะให้สัญญาปิดตราแดงจะขีดแกงไดให้ในสัญญา
ถึงเด็กอยู่รู้พระคุณแต่หนหลังพ่อแม่เล่าให้ฟังเป็นหนักหนา
จะขอเป็นเกือกทองรองบาทาคุณแม่พ่อขออย่าได้ปรารมภ์
ขุนแผนพ่อพูดต่อเจ้าพลายงามความที่มันสัญญาน่าจะสม
เห็นจะไม่โกหกพกลมแต่นานนมหนักไปก็ไม่ดี
ลูกคิดว่าถ้าหมั้นต่อกันไว้ถึงห่างไกลก็พะวงตรงที่นี่
เหมือนตัวไปใจอยู่ด้วยคู่มีอย่างนี้เป็นทำนองที่ป้องกัน
วันนี้ก็ประเสริฐเลิศดิถีจงปรานีรับรองซึ่งของหมั้น
แล้วจึงทำเหย้าเรือนหาเดือนวันการเหล่านั้นฝากไว้ในเจ้าคุณ
ด้วยจะต้องไปทัพรับอาสาการของลูกข้างหน้ายังว้าวุ่น
คุณพ่อแม่เมตตาได้การุญให้อุ่นอกเช่นครั้งแต่หลังมา ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านพระพิจิตรทั้งบุษบาสมคิดก็หรรษา
รับทองหมั้นไว้มิได้ช้าพระพิจิตรจึงว่าเป็นไรมี
เจ้าคิดอ่านการศึกเอาเชียงใหม่ถ้าคล่องใจคงสำเร็จราวเดือนยี่
ยังจะต้องคุมทัพกลับธานีก็เดือนสี่แลประมาณการวิวาห์
ครั้นตกลงปลงใจให้กันแล้วต่างคนผ่องแผ้วเป็นหนักหนา
สำรับพร้อมล้อมนั่งกินข้าวปลาสนทนาเบิกบานสำราญใจ
เลี้ยงดูกันสำเร็จเสร็จสรรพพ่อลูกลากลับหาช้าไม่
พระพิจิตรมาส่งลงบันได้ออกจากจวนไปยังวัดจันทร์ ฯ
๏ ฝ่ายอีเม้ยดักทางอยู่ข้างบ้านพอขุนแผนเดินผ่านพ้นที่นั่น
กระแอมไอให้เสียงเป็นสำคัญเจ้าพลายหันมาดูก็รู้ที
จึงหลีกเข้าข้างทางหว่างต้นไม้ถามว่ามาทำไมจนถึงนี่
อีเม้ยบอกว่าตะกร้านี้มีของดีจะขายพ่อพลายงาม
เจ้าพลายยิ้มแล้วว่าข้าอยากได้จะถูกแพงเท่าไรไม่ต้องถาม
รับตะกร้ามาให้ไพร่แบกตามเอาเงินสามตำลึงส่งให้อีเม้ย
แล้วค่อยงุบงิบกระซิบสั่งกลับหลังเข้าเรือนอย่าเชือนเฉย
ถ้านายยังร้องไห้ไม่เสบยเจ้าคนเคยปฏิบัติอยู่อัตรา
ปลอยโยนนางไว้อย่าให้เศร้าตัวเจ้าจงพิทักษ์รักษา
ให้เป็นสุขค่ำเช้าจนเรามาเงินตราข้าจะเติมเพิ่มรางวัล
ว่าแล้วเท่านั้นก็ผันผายเจ้าพลายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
รีบตามบิดามาวัดจันทร์แล้วช่วยกันจัดพหลพลโยธี ฯ
๏ ครั้นเรียกคนสำรวจตรวจถ้วนจัดกระบวนหน้าหลังตั้งตามที่
พระพิจิตรมาช่วยอวยสวัสดีแล้วคลายคลี่พหลพลโยธา
กองหน้านายจันสามพันตึงพอฆ้องหึ่งโห่กระหน่ำออกนำหน้า
กองหลวงกองเสบียงเรียงกันมาราชอาญากองหลังนั้นรั้งพล
พวกชาวบ้านร้านตลาดดาษดื่นแตกตื่นมาดูอยู่สับสน
ที่ตามวัดก็พระประน้ำมนตร์ขุนด่านนำส่งจนพ้นพรมแดน ฯ
๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงามขี่ม้ามาตามพ่อขุนแผน
ยังง่วงเหงาหาวนอนนั่งคลอนแคลนทรวงแสนกระสันโศกวิโยคครวญ
โอ้ว่าศรีมาลาแก้วตาพี่ป่านฉะนี้จะเศร้าเฝ้าโหยหวน
เหมือนใจพี่ที่นึกคะนึงนวลใครจะชวนโฉมฉายให้คลายใจ
ที่พูดกันเมื่อเช้าถ้าเจ้ารู้ว่าขอสู่แม่พ่อก็ยกให้
เห็นจะวายหวาดหวั่นพรั่นฤทัยนั่งนับวันไปจนถึงงาน
ค่ำเช้าเจ้าคะนึงถึงตัวพี่พอมีที่แก้ไขได้คิดอ่าน
ตระเตรียมจัดแจงแต่งเรือนชานแก้รำคาญเบ่งบานที่เศร้าใจ
๏ เออเมื่อคิดขึ้นมาก็น่ารู้ว่าเนื้อคู่คิดเห็นเป็นไฉน
จะตกแต่หอห้องทำนองใดใครจะเป็นที่ปรึกษาหารือนาง
คู่คิดเจ้าก็มีแต่อีเม้ยมันเป็นไพร่ไม่เคยคงพานขวาง
จะชวนซื้อหาใหม่ไปทุกทางของเก่ามีดีบ้างไม่นำพา
เครื่องเรือนในห้องของน้องแก้วล้วนดีดีมีแล้วก็หนักหนา
พี่ยังได้ชมเล่นเห็นแก่ตาจะต้องหาใหม่นั้นมีเพียงไร
๏ เตียงนอนค่อนจะแคบอยู่สักนิดแต่ก็ดีที่ชิดพิสมัย
ถึงหนาวร้อนก็ไม่นอนห่างกันไปอย่าต้องหาเตียงใหม่เลยน้องรัก
ม่านกรองทองทับสลับสีเรื่องระเด่นมนตรีที่เจ้าปัก
มันถูกเรื่องของเราเข้าทีนักจะเยื้องยักปักใหม่ไม่ต้องการ
ถ้ากระไรปักต่อก็จะดีเติมเมื่อตรงศึกชีอีกสักม่าน
ยังเครื่องแป้งแต่งไว้ไม่มีปานขันพานขวดน้อยน้อยน่าเอ็นดู
เมื่อคืนนี้ตอนดึกยังนึกได้เจ้าพาไปนั่งเรียงเคียงคู่
เครื่องเชี่ยนหมากนากทองของโฉมตรูยังติดตาพี่อยู่ทุกสิ่งอัน
พี่จะปลูกหอใหม่ให้ใหญ่กว้างทั้งของนางของพี่จะจัดสรร
ของของพี่มีมากหลากหลากกันเครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ก็ดีดี
๏ ยังเครื่องรางปลุกเสกด้วยเลขยันต์หรือขวัญข้าวเจ้ารังเกียจด้วยเกลียดผี
ก็ไว้ที่อื่นได้เป็นไรมีพี่จะสร้างหอน้อยเป็นหอพระ
ที่ในห้องของเราเอาพรมปูวางหมอนคู่เคียงไว้ไม่เกะกะ
ไว้นอนเล่นเย็นเช้านะเจ้านะพี่จะเฝ้าถนอมกล่อมน้องยา
ถึงจะนั่งกินข้าวทั้งเช้าเย็นเราอย่าให้ใครเห็นจะดีกว่า
ได้หยอกเอินพูดเล่นเจรจากินข้าวปลาเอิบอิ่มกระหยิ่มใจ
ทำไมกับเรื่องเครื่องเรือนชานจะเบิกบานก็ที่ชิดพิสมัย
ชั้นชั่วเสื่ออ่อนกับหมอนใบก็คงได้ความสุขทุกคืนวัน
๏ กำลังง่วงดวงจิตคิดเลื่อนเปื้อนเจ้าพลายฟั่นเฟือนเหมือนกับฝัน
สำคัญว่าเนื้อคู่อยู่ด้วยกันยิ่งยั่วยวนสรวลสันต์จำนรรจา
พี่ยังทุกข์อยู่นิดคิดไม่ถูกเผื่อเจ้าจะมีลูกในวันหน้า
พี่เห็นเขาเจ็บท้องร้องเต็มประดาแก้วตาจะอย่างไรก็ไม่รู้
เขาว่ามดถ่อหมอตำแยมักเชือนแชข่มขยำทำจู่ลู่
ถ้าหากไม่คอยนั่งระวังดูเคยลากถูจนตายมาหลายคน
พี่จะคอยถือตระบองมองกำกับถ้าสัปปลับเอาอย่างนี้ตีให้ป่าน
เคลิ้มฟาดแส้ม้ามาประดนถูกก้นม้าพ่อเข้าพอแรง ฯ
๏ ม้าผลุนขุนแผนเจียนจะตกหากแอบอกอยู่ที่ด้วยขี่แข็ง
พอรั้งอยู่เหลียวมาโกรธหน้าแดงนี่มึงแกล้งหรือไรให้ว่ามา
เจ้าพลายตกใจไม่มีขวัญบอกความพ่อพลันไม่มุสา
ลูกหลับใหลฝันไปว่าศรีมาลาเจ้าจะคลอดลูกยาเจ็บครวญคราง
เห็นยายหมอตำแยแกมักง่ายทำจู่ลู่ดูดายเมื่อลูกขวาง
เกรงจะเป็นอันตรายวายวางลูกตีแกดังผางพอถูกม้า
เพราะเคลิ้มเขลาเมามัวด้วยความฝันใช่จะแกล้งตีรันไม่มุสา
สีหมอกก็ได้มีพระคุณมาคุณพ่อได้เมตตาที่โทษกรณ์ ฯ
             

๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทฟังลูกคิดคิดก็ใจอ่อน
นี่แลรักชักพาให้อาวรณ์ร้อนทั้งหลับตื่นทุกคืนวัน
ว่าแล้วนิ่งนึกตรึกตราอองามหลงศรีมาลาจนใฝ่ฝัน
ด้วยพึ่งแรกรู้จักความรักนั้นที่สำคัญทุกอย่างแต่ข้างดี
ลูกเอ๋ยยังไม่เคยรู้รสร้ายที่ความรักกลับกลายแล้วหน่ายหนี
อันเจ็บปวดยวดยิ่งทุกสิ่งมีไม่เท่าที่เจ็บช้ำระกำรัก
จะว่าเขาอื่นไกลไปไยเล่าถึงแม่เจ้าพ่อก็ช้ำระกำหนัก
ต้องทนทุกข์มากมายมาหลายพักจักแหล่นเลือดตาจะกระเด็น
เมื่อหนุ่มสาวคราวอยู่เป็นชู้ชื่นดังจะกลืนไว้ได้มิใช่เล่น
จะร่วมหอคลึงเคล้าทุกเช้าเย็นไม่คิดเห็นว่าจะพรากไปจากกัน
พอไปทัพกลับมาเห็นหน้านิดมันปลดปลิดผลาญรักหักสะบั้น
ต้องคับแค้นเพียงจะดิ้นสิ้นชีวันแต่โศกศัลย์โหยหาอยู่กว่าปี
สู้พากเพียรพยายามตามมาได้เที่ยวบุกป่าฝ่าไพรพากันหนี
ทนลำบากยากไร้ในพงพีไม่อาลัยชีวีเพราะความรัก
พอพ้นภัยหมายใจว่าพ้นทุกข์จะร่วมสุขอยู่เย็นเป็นแหล่งหลัก
เกิดวิบากผลกรรมมานำชักให้ไอ้มารผลาญรัก***ไป
ความแค้นแสนที่จะชอกช้ำก็มิรู้ว่าจะทำอย่างไรได้
เพราะตัวต้องทนทุกข์อยู่คุกในต้องเจ็บใจตรมมากว่าสิบปี
โอ้ว่าเจ้าวันทองน้องแก้วจะลืมพี่เสียแล้วกระมังนี่
ด้วยเริดร้างห่างนานเสียเต็มทีป่านนี้จะหลงบุญอ้ายขุนช้าง
หรือว่ายังมีจิตคิดคะนึงนึกถึงเพื่อนยากที่จากบ้าง
พี่คิดถึงเช้าเย็นไม่เว้นวางรำพึงพลางถอนใจอยู่ไปมา ฯ
๏ กองทัพยกออกนอกพิจิตรต้องเลียบชิดบึงบางที่ขวางหน้า
บางแห่งใหญ่โตมโหฬาร์เป็นที่ปลาอาศัยทั้งใหญ่น้อย
ดูจากหลังม้าเห็นคลาคล่ำบ้างโดดดำโผล่ผุดแล้วมุดถอย
ชะโดดุกอ้ายด้องขึ้นล่องลอยฝูงปลาสร้อยเป็นหมู่ดูคลับคล้าย
เทโพเทพาทั้งปลาช่อนเนื้ออ่นนวลจันทร์พรรณสวาย
สลิดสลาดปลาตะเพียนเวียนกรายหลากหลายว่ายแหวกอยู่ในบึง
ที่บางแห่งปลาชุมเหล่ากุมภาไล่ปลาฟาดหางดังผางผึง
พอได้ยินเสียงคนข้างบนอึงก็จมดึ่งหลีกหลบลงกบดาน
ยังเหล่าปักษาทิชาชาติเกลื่อนกลาดหาปลาเป็นอาหาร
กระทุงทองล่องลอยนทีธารเหนียงยานปากอ้าเอาราน้ำ
อ้ายงั่วดำด้นลงค้นปลาทั้งเหล่านกกระสาก็คลาค่ำ
นกยางยืนมองจ้องประจำพอพลบค่ำนกแขวกแกรกแกรกร้อง
ฝูงเหยี่ยวเที่ยวว่อนทั้งร่อนบินโฉบเฉี่ยวปลากินที่ในหนอง
ตะกรุมหัวเหม่เที่ยเร่มองขามันยาวก้าวท่องย่องสุ่มปลา
นกฝักบัวช้อนหอยแลปากห่างหลายอย่างต่างพรรณกันหนักหนา
ฝูงนกเกลื่อนกลาดดาษดาดูมาไม่สิ้นในถิ่นทาง
ยังพืชพรรณบุปผาลดาชาติก็ประหลาดมากมายเป็นหลายอย่าง
ล้วนผลิดอกออกใบในบึงบางต่างต่างน่าชมภิรมย์ใจ
ที่บางแห่งโกมุทบุษบันเป็นพืชพรรณติดต่อกอไสว
บ้างชูดอกออกฝักแล้วชักใบแลไปล้วนโกมุทจนสุดตา
เหล่าบัวสายรายกอกันห่างห่างพอสางสางก็ตระการบานบุปผา
ทั้งกระจับตับเต่าเถาสันตะวาในคงคาหลายอย่างต่างต่างพรรณ
พอเช้าตรู่หมู่ภมรร่อนมาถึงหึ่งหึ่งฟังจำเรียงเสียงสนั่น
เที่ยวซอกซอนเกสรบุษบันเลาะสรรรสหวานตระการใจ
ลมพัดเฉื่อยฉ่ำน้ำกระเพื่อมแลละเลื่อมริ้วริ้วปลิวไสว
ถึงแดดร้อนลมรื่นชื่นฤทัยทั้งนายไพร่เพลิดเพลินเดินชมมา ฯ
๏ พอพ้นแนวหนองคลองบึงบางก็เลี้ยวลัดตัดทางมากลางป่า
เป็นพงแซมแกมอ้อกอหญ้าคาทั้งซ้ายขวาสูงปรกดูรกชัฏ
เห็นแต่นกกระจาบคาบทำรังไม่มีทั้งสิงสาราสัตว์
ทางกันดารน้ำท่าสารพัดก็เร่งรัดรี้พลด้นเดินมา
พ้นป่าพงลงทางข้างตลิ่งถึงปากพิงเลี้ยวข้ามไปข้างขวา
เข้าทางป่าไม้ไพรพนาถึงพาราพิษณุโลกโอฆบุรี
ทั้งนายไพร่ไปวัดมหาธาตุไหว้พระชินราชชินสีห์
ขอให้มีชัยสวัสดีแล้วมาที่ศาลากลางวางท้องตรา
เจ้าพระยาพิษณุโลกกรมการอลหม่านเลี้ยงดูกันทั่วหน้า
พอพักไพร่หายเหนื่อยเลื่อยล้าก็ยกพลต่อมาเมืองพิชัย
ผู้รั้งกรมการด้านทางต่างเมืองต้อนรับไม่นิ่งได้
ยกฟากข้ามจากเมืองพิชัยไปถึงบ้านไกรป่าแฝกแล้วแยกมา
วันหนึ่งถึงเมืองสัชนาลัยกรมการผู้ใหญ่ก็พร้อมหน้า
เลี้ยงดูรับรองตามท้องตราพักอยู่สามเวลาในธานี ฯ
๏ ยกออกนอกเมืองสวรรคโลกข้ามโคกเข้าป่าพนาศรี
เจ้าพลายกระสันพันทวีรำลึกถึงนารีศรีมาลา
ถ้าแม้นแก้วตามาด้วยพี่จะชวนชี้ชมไม้ไพรพฤกษา
คิดพลางเดินพลางตามทางมาข้ามท่าเขินเขาลำเนาธาร
แลเห็นเขาเงาเงื้อมชะง่อนชะโงกเป็นกรวยโกรกน้ำสาดกระเซ็นซ่าน
โครมครึกกึกก้องท้องพนานต์พลุ่งพล่านมาแต่ยอดศิขรินทร์
เป็นชะวากวุ้งเวิ้งตะเพิงพักแง่ชะงักเงื้อมชะง่อนล้วนก้อนหิน
บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิลบ้างเหมือนกลิ่นพู่ร้อยห้อยเรียงราย
ตรงตระพักเพิงผาศิลาเผินชะงักเงิ่นเงื้อมงอกชะแง้หงาย
ที่หุบห้วยเหวหินบิ่นทะลายเป็นวุ้งโว้งโพรงพรายดูลายพร้อย
บ้างเป็นยอดกอดก่ายระเกะระกะตะขรุตะขระเหี้ยนหักเป็นหินห้อย
ขยุกขยิกหยดหยอดเป็นยอดย้อยบ้างแหลมลอยเลื่อมสลับระยับยิบ
บ้างงอกเง้าเป็นเงี่ยงบ้างเกลี้ยงกลมบ้างโปปมเป็นปุ่มกระปุบกระปิบ
บ้างปอดแป้วเป็นพูดูลิบลิบโล่งตลิบแลตลอดยอดศิขรินทร์
เหล่ามิ่งไม้ไทรโศกอยู่ริมห้วยลมชวยหล่นตามกระแสสินธิ์
น้ำใสแลซึ้งถึงพื้นดินฟุ้งกลิ่นสุมามาลย์บานระย้า
สัตตบุษย์บัวแดงเข้าแฝงฝักพันผักพาดผ่านก้านบุปผา
แพงพวยพุ่งพาดพันสันตะวาลอยคงคาทอดยอดไปตามธาร
สาหร่ายเรียงเคียงทับกระจับจอกผักบุ้งงอกยอดชูดูสะอ้าน
ภุมรินบินเคล้าสุมามาลย์ในธาราปลาพล่านตระการตา
ชมพลางทางเดินเนิพนมรื่นร่มพรรณไม้ใบหนา
แลดูหมู่วิหคนกนานาสาลิกาพูดจ้ออยู่จอแจ
คุ่มขาบเขาขันสนั่นป่ากระสาจับกระสังส่งเสียงแซ่
กระลิงจับกิ่งประโลงแลคับแคไต่คางริมทางจร
ค้อนทองจับบนต้นกระถินแก้วจับแก้วกินแล้วบินร่อน
นกยูงจับยางแผ่หางฟ้อนกระทุงทองจับกระท้อนทำอ่อนคอ
กระจาบจ้อยดจนจับกระเจาเจ่าแซงแซวเซาจับสนดูซอมซ่อ
นกกระไนไก่ฟ้าพระยาลอนกกรอดพรอดจ้ออยู่กิ่งจันทน์
นกเขาจับเงื่อมเขาแล้วเคล้าคู่จู้หุกกูจู้ฮุกกูเฝ้าคูขัน
อัญชันจับกิ่งต้นชิงชันเบญจวรรณจับเจ่าเถาวัลย์เปรียง
ไก่ป่าวิ่งกรากกระต๊ากลั่นตัวผู้ขันเอกอี๊เอ๊กวิเวกเสียง
เข้ากินขุยคุ้ยเขี่ยยตัวเมียเมียงเห็นคนเลี่ยงลัดแลงเข้าแฝงกอ
นกกระทาราแต้แผ่ปีกปักขันชักปักกะจาดกะจ้าจ้อ
เห็นตัวเมียเขี่ยจังหวีดเข้ากรีดรอปักก้อป่องร่าดูน่าชม
เดินพลางชมพลางมากลางชัฎชักม้าหลีดลัดเข้าร่มร่ม
ตะวันชายบ่ายรังบังพนมเพลาลมตกตัดออกทางเตียน
ไฟป่าครอกหญ้าเพิ่งแตกอ่อนแผ่นดินร่อนแลโล่งตลิบเลี่ยน
หมู่สัตว์จตุบาทออกวาดเวียนบ้างหยอกกันหันเหียนหาคู่เคียง
พยัคฆีมีกำลังทะลวงโลดทะลึ่งโดดเท้าถีบปีบปะเปรี้ยง
มฤคกลัวตัวลอบลงหมอบเมียงบ้างหลีกเลี่ยงหลบเพริดเตลิดไป
ริมทางกวางทองดูผ่องผุดยั้งหยุดหย่งกีบบีบเสียงใส
กระทิงถึกโทนเที่ยวอยู่ในไพรกระบือเบิ่งเถลิงไล่กันดาดดง
อีเห็นเม่นหมีหมู่ชะมดกระจงจดจ้องกีบดูหยิบหย่ง
ละมั่งละมาดผาดเผ่นออกจากพงกระสู้ส่งซัดกระทิงออกวิ่งโทง
เสือดาวเดาะเราะรายหมายละมั่งช้างพังชักผากกระชากโผง
สมันเมินเดินดุ่มจากพุ่มโพรงออกเลียดินกินโป่งอร่อยไป
ตัดข้ามเขตระแหงแขวงเถินเดินเลยหาเยื้องเข้าเมืองไม่
สิบสี่วันดั้นเดินตามเนินไพรเกือบจะถึงเชียงใหม่อีกสองวัน
หยุดหนองโคกเต่าไม่เข้าบ้านพักทหารตั้งกองริมหนองนั่น
ชักหนามวงรอบเป็นขอบคันกำชับกันมิให้ใครเที่ยวไปมา ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงครามเรียกลูกชายพลายงามมาปรึกษา
เราเกือบถึงเชียงใหม่ใกล้พาราจะด่วนเข้ายุทธนาไม่สู้ดี
มันจับพระท้ายน้ำจำเอาไว้เราตรงไปคงหั่นบั่นเกศี
จะคิดลอบเข้าไปในบุรีดูท่วงทีแก้ไขเอาไทยมา
แล้วจึงเข้าประชิดติดนครเราผันผ่อนเช่นนี้จะดีกว่า
พ่อกับเจ้าเข้าไปแต่สองราไปเที่ยวหาพวกไทยให้พบพาน
ต้องปลอมตัวเป็นลาวพวกชาวเมืองเราหาเครื่องแต่งตัวเอาตามบ้าน
จำจะรีบเข้าไปอย่าได้นานหรือเจ้าจะคิดอ่านประการใด ฯ
๏ เจ้าพลายเห็นชอบตอบบิดาคุณพ่อว่าต้องจิตหาผิดไม่
ถ้าเรายกโยธาผ่าเข้าไปมันเห็นไทยพวกลาวจะร้าวราน
จะระมือลือเลื่องทั้งเมืองใหญ่มิทันได้คนโทษจะฉาวฉาน
อ้ายคนต้องจองจำจะรำคาญมันประหารตายสิ้นสิเสียที
ถ้าเราลอบเข้าไปให้พบก่อนจะได้ผ่อนผู้คนให้พ้นที่
เป็นกำลังรบลาวชาวบุรีทั้งไทยยลาวราวสักสี่ห้าร้อยคน
ปรึกษากันทั้งสองเห็นต้องใจแล้วเหลียวไปข้างหลังสั่งพหล
จงซุ่มซ่อนนอนั่งระวังตนคอยดูผู้คนจะไปมา
ครั้นกำชับสั่งพลทุกคนทั่วพ่อลูกแต่งตัวงามสง่า
ประจงคาดเครื่องอานทาว่านยาแล้วโพกผ้าประเจียดประจุฤทธิ์
พลายงามจับดาบขยับยืนขุนแผนจับฟ้าฟื้นอันศักดิ์สิทธิ์
บ่ายหน้ามาสู่บูรพาทิศตั้งจิตหมายหมาดพิฆาตลาว
ขยับยืนภาวนานัยน์ตาหลับตามตำรับบุราณอาจารย์กล่าว
นิมิตดูลมกลาออกขวายาวก็ยกก้าวตีนขวาแล้วคลาไคล
พ่อลูกลัดเลาะละเมาะเมืองแยกเยื้องเสียหาเข้าหนทางไม่
พอแลเห็นไร่แตงเข้าแฝงไม้ริมทางลาวชาวไร่เดินไปมา ฯ
๏ จะยกกลับจับกล่าวลาวพ่อลูกออกไปปลูกห้างไร่อยู่ชายป่า
ปลูกผักฟักแฟงทั้งแตงกวาถั่วงากล้วยกล้ายเป็นหลายพรรณ
เมื่อจะถึงที่ตายวายชีวิตให้หงุดหงิดง่านใจอยู่ไหวหวั่น
คิดจะคืนกลับหลังแต่ยังวันก็ชวนกันออกเดินดำเนินมา
ตาพ่อถือดาบงามย่ามตะพายลูกชายถือทวนขึ้นพาดบ่า
เอาน้ำเต้าสอดด้ามซ้ำห้อยมาโพกชมพูดูสง่าพากันเดิน
ตาพ่อเฒ่าออกหน้ามาดุ่มดุ่มเจ้าลูกหนุ่มตามไปไม่ห่างเหิน
เมื่อถึงวันจะบรรลัยให้บังเอิญเจ้าลูกเพลินรับซอพ่อรับแคน
โอหนออ่อเจ้าสาวคำเอ๋ยข้อยอยากเซ้ยสาวเวียงที่เชียงแสน
ขอให้ข้อยเบิ่งนางที่ต่างแดนข้อยแค่นใจตายแล้วแก้วพี่อา
เพี้ยงเอ๋ยปู่เจ้าในเขาเขินช่วยชักเชิญสาวเวียงมาเคียงข้า
เหล้าเข้มไก่หมูจะบูชาจะเซ่นส้าบวงสรวงเข้าแทรกใจ ฯ
๏ พ่อลูกร้องขับรับกันมาใกล้พฤกษาที่ขุนแผนเข้าอาศัย
ขุนแผนเห็นลาวซ้องร้องแต่ไกลกระซิบบอกลูกให้ระวังตัว
เห็นหรือไม่เเล่านะเจ้าพ่ออ้ายลาวซอแลไปไม่มีหัว
มันถึงที่มรณาแล้วอย่ากลัวจิกหัวฟันเสียให้พร้อมกัน
ต่างถอดดาบจากฝักยืนหยักรั้งพอลาวเดินมากระทั่งถึงที่นั่น
ดังองคตหนุมานชาญฉกกรจ์ทะลึ่งถลันด้วยกำลังไม่รั้งรอ
ขุนแผนฟันป่ายพลายงามฟาดฉะฉาดหัวเด็ดกระเด็นปร๋อ
เลือดพุ่งโชนเชี่ยวสองเกลียวคอลาวลูกพ่อล้มดิ้นลงสิ้นใจ
เหลือกตาหน้าเผือดเลือดไหลนองทั้งสองยินดีจะมีไหน
หยิบเอาหัวมาต่อคอเข้าไว้สนิทนั่งตั้งใจภาวนา
ขุนแผนซัดข้าวสารอ่านมนตร์ปลุกผีลาวผุดลุกขึ้นต่อหน้า
เคารพราบกราบเท้าทั้งสองราขุนแผนว่าสองผีมีนามใด
สองผีหมอบราบแล้วกราบกรานกระผมชื่อขนานมโนใหญ่
นั่นลูกข้อยชื่อน้อยศรีวิชัยเจ้าประสงค์สิ่งไรจึงขึ้นมา
ขุนแผนว่าขนานมโนใหญ่เราตั้งใจมุ่งมาดปรารถนา
จะขึ้นไปประจญปล้นพาราเจ้าช่วยพาตัวเราเข้าบุรี
ผีคำนับนรับแล้วก็ล้มลงพ่อลูกตรงเข้าเปลื้องเอาผ้าผี
เอาดาบตัดผมพลันด้วยทันทีสีชมพูโพกเกล้าก็เอามา
พ่อลูกนุ่งห่มใส่ผมช้องโพกสะพองเหมือนลาวพวกชาวป่า
ขุนแผนหยิบย่ามใหญ่ใส่ไหล่มาพลายงามคว้าทวนถือติดมือพลัน
ทั้งลูกทั้งพ่อหัวร่อร่าก็พากันเดินขมีขมัน
ถึงโคกเต่าเข้าเพลาจะสายัณห์พวกอาสาทั้งนั้นก็ตกใจ
บ้างก็เข้าซ่อนซุ่มในพุ่มชิดสำคัญคิดว่าเป็นลาวพวกชาวไร่
ขุนแผนไม่แวะวงตรงเข้าไปพวกอาสาสงสัยว่าลาวจริง
พากันมองดูไม่รู้จักไม่มีใครถามทักต่างแอบนิ่ง
ขุนแผนว่าอย่างไรไม่ไหวติงทหารรู้กรูวิ่งมาวันทา
เจ้าประคุณนุ่งห่มใส่ผมยาวช่างเหมือนลาวจริงจังไม่กังขา
ลูกได้แอบพินิจพิจารณาช่างแปลกหน้าแปลกกายคล้ายพุงดำ
พ่อลูกปลดผมแล้วเปลื้องผ้าแล้วสั่งว่าเราจะไปเสียในค่ำ
ถ้าช้าอยู่มันจะรู้ซึ่งเงื่อนงำลาวจะร่ำลือดังไปทั้งกรุงฯ
ทหารรับจับจัดผูกช้างม้าแล้วก็ยกโยธามากลางทุ่ง
อย่าอื้อฉาวชาวเมืองจะเฟื่องฟุ้งพอจวนรุ่งเข้าดงปลงม้าช้าง
ให้แฝพุ่มซุ่มซ่อนนอนจนค่ำกลางคืนร่ำรุดไปจนใกล้สว่าง
สองคืนสองวันดั้นเดินทางกระทั่งถึงบึงกว้างเข้าทันใด
ก็หยุดทัพจับจัดตัดไม้ปักชักหนามวงรอบขอบบึงใหญ่
สงบทัพยับยั้งตั้งมั่นไว้ด้วยทางใกล้จวนถึงสักครึ่งวัน
ช้างม้าหญ้าน้ำก็สำราญพวกทหารพักผ่อนนอนที่นั่น
เอากูบอานเรีบเรียงเข้าเคียงกันให้สองท่านแม่ทัพนั้นยับยั้ง ฯ
             

ตอนที่ ๒๙ ขุนแผนแก้พระท้ายน้ำ

ตอนที่ ๒๙ ขุนแผนแก้พระท้ายน้ำ

๏ จะกล่าวถึงพระนายท้ายน้ำลาวมันจำครบไว้ในคุกขัง
เป็นกึ่งปีได้ออกนอกฝาบังแทบจะคลั่งไคล้ไปด้วยใจตรอม
แสนรันทดอดอยากลำบากกายแต่ร้องไห้ไม่วายจนผ่ายผอม
ไม่ถูกน้ำเนื้อตัวก็มัวมอมต้องอดออมเฝ้าสะอื้นทุกคืนวัน
โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้วจะทิ้งลูกเสียแล้วหรือไรนั่น
ต้องทนทุกข์ทรมานมานานครันพระทรงธรรม์มิได้ใช้ผู้ใดมา
ทั้งเพี้ยกึ่งกำกงที่ส่งนางก็ครวญครางขุ่นคอยละห้อยหา
ทนลำบากยากแค้นแสนเวทนากินน้ำตาต่างข้าวทุกเช้าเย็น
พระท้ายน้ำร่ำไห้ใจจะขาดโอ้อนาถยากแค้นนี้แสนเข็ญ
เหมือนมาอยู่ในนรกตกทั้งเป็นไม่ว่างเว้นโพยภัยกระไรเลย
แต่อ้ายหลอออสามันผาสุกมาปรับทุกข์กันบ้างเป็นไรเหวย
ช่างหน้าเป็นเล่นหัวมัวเสบยดูเชิงเฉยไม่ช้ำระกำใจ
ตาหลอว่าคุณพ่อก็ติดคุกถึงจะทุกข์จะทำอย่างไรได้
ต้องแช่มชื่นกลืนกล้ำด้วยจำใจจะดิ้นรนร้องไห้ก็ไม่พ้น
พระท้ายน้ำร่ำว่าอ้ายหลอเอ๋ยท่านละเลยเรานี้ให้ปี้ป่น
ประหลาดนักนอนพระทัยไม่ใช่คนให้กรูกรีรี้พลมาแก้กัน
ตาหลอว่าคุณพ่ออย่าดิ้นโดดคุณกับโทษมันก็เท่ากันอยู่นั่น
ถึงจะยกโยธามาประจัญลาวขยันมิใช่เล่นเห็นแก่ตา
ฝีมือศึกสอยดาวท้าวกรุงกาฬทหารปราบเมืองแมนแสนเพชรกล้า
ผิดพ่อแผนแม้นใช้ผู้ใดมาเหมือนเร่งให้มันฆ่าเสียเร็วพลัน
เมื่อเรายกแกยังนั่งติดคุกจะขุกเข็ญเป็นตายอย่างไรนั่น
ขุนนางไทยใครอื่นสักหมื่นพันเห็นไม่ทันมือลาวชาวเชียงอินทร์
พระท้ายน้ำฟังคำของตาหลอเอออ้ายพ่อเอ็งว่าก็จริงสิ้น
กูเล็งไม่เห็นใครในแผ่นดินที่จะภิญโญยิ่งขุนแผนไป
เจ้าประคุณเทวาสุราฤทธิ์ซึ่งสถิตในเศวตฉัตรใหญ่
จงช่วยดับทุกข์ทนดลพระทัยให้ทรงใช้ให้พ่อขุนแผนมา
แต่ปรับทุกข์สองคนจนค่ำลงอัสดงแดดดับลงลับหล้า
อ้ายผู้คุมเข้มงวดเที่ยวตรวจตราใส่ขื่อคาร้อยแหล่งทุกแห่งไป
พระท้ายน้ำกำกงพวกอาสามันจำห้าประการหมดหาลดไม่
ให้คนโทษตีเกราะเคาะไม้นั่งยามตามไปไม่นิทรา
แต่กำกงท้ายน้ำมันจำนั่งต้องบ่ายเบนเอนหลังพิงข้างฝา
หาวนอนอ่อนคอลงทับคาภาวนาไปจนม่อยผ็อยหลับลง ฯ
๏ คืนนั้นพระท้ายน้ำระกำจิตเกิดนิมิตเห็นพราหมณ์งามระหง
กระหมวดมุ่นมวยผมรูปสมทรงจิ้มประจงเจิมหน้าอุณาโลม
ถือสังข์ทรงศักดิ์ทักขินาวัฏสังวาลรัดเจ็ดเส้นเห็ฯเฉิดโฉม
ใส่ตุ้มหูห่มสไบไขว้กระโจมผ้าขาวโขมพัตถ์นุ่งดูรุ่งเรือง
บรรจงจีบโจงข้างแล้ววางชายพรรณรายรัศมีเนื้อสีเหลือง
เหาะลอยคล้อยลงตรงท้ายเมืองเปิดตะรางย้างเยื่องเข้าใกล้ตน
เอาน้ำสังข์โอสถรดเกศาเครื่องพันธนาทั้งปวงก็ร่วงหล่น
แล้วก็สาดราดรดหมดทุกคนเครื่องจำตนร่วงกราวทั้งลาวไทย
พรามหณ์ก็คลายหายวับไปกับตาสะดุ้งฟื้นตื่นผวาหาช้าไม่
คิดว่าจำหลุดกายสบายใจพอหวาดไหวตัวตึงอยู่ตรึงตรา
นิ่งนึกตรึกดูรู้ว่าฝันนิมิตนี้สำคัญเป็นหนักหนา
กระซิบปลุกตาหลอพ่อกูอาลุกขึ้นมาช่วยทำนายทายฝันที
ตาหลอว่าคุณพ่อฝันอย่างไรพระท้ายน้ำเล่าให้เป็นถ้วนถี่
จงตรองคำทำนายทายให้ดีนิมิตนี้ล้ำเลิศประเสริฐครัน ฯ
๏ ตาหลอยิ้มพลางทางทำนายไม่ตายในเชียงใหม่แล้วแม่นมั่น
คงจะพ้นพันธนาไม่ช้าวันเห็นสำคัญคนดีจะมีมา
พิเคราะห์ฤกษ์ก็งามเป็นยามเสาร์ทีนี้เรารอดแท้แน่นักหนา
ซุบซิบกันสองคนสนทนาจนเวลายามสองร้องเรียกยาม
ถึงชื่อใครลนลานขึ้นขานรับเสียงโวยวายเป็นลำดับตลอดหลาม
ใครไม่ขานเฆี่ยนสิ้นดิ้นโครมครามร้องเรียกตามโทษทั่วทุกตัวคน
ครั้นเสร็จแล้วตีเกราะเคาะห้องเสียงสนั่นลั่นก้องโกลาหล
ผลัดกันลุกปลุกกันนั่งระวังตนประจวบจนรุ่งแจ้งแสงรวี ฯ
๏ นายร้อยพะทำมะรงตรงเข้าคุกจ่ายคนโทษไปทุกตำแหน่งที่
ตาหลอกับตารักบักจันดีอ้ายเหล่านี้เกี่ยวหญ้าหาเคียวคาน
ตาหลอนึกถึงฝันท่านท้ายน้ำร้องรำปรีเปรมเกษมศานต์
ผู้คุมตามกันมาลนลานเดินผ่านล้วงตลาดวินาศไป
ฉวยกระชากหมากดิบหยิบใส่กระเขาโขลกพลาดกลับฉวยเอากล้วยไข่
เสียงฉุ่งฉิ่งวิ่งเลยไม่หลีกใครเจออะไรไขว่คว้ามาเป็นราว
โซ่ตรวนโกร่งกร่างตามทางมาเข้าร้านไหนแม่ค้าก็ฉ่าวฉาว
บ้างโกรธด่าเปรี้ยงเสียงกราวข้ามสะพานย่านยาวเหย่าเหย่ามา
ครั้นถึงทุ่งมุ่งตรงลงขอบหนองกำเริบร้องรำเคียวแล้วเกี่ยวหญ้า
ผู้คุมนั่งบังสุมทุมพุ่มพุทราแล้วปูผ้านอนเล่นเย็นหลับไป ฯ
๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสะท้านกำชับสั่งพวกหทารทั้งน้อยใหญ่
ให้ผลัดกันลุกนั่งระวังระไวอยู่แต่ในที่ซุ่มประชุมกัน
อย่าเที่ยวไปเที่ยวมารอท่าเราข้าสองคนจะเข้าไปเขตขัณฑ์
ไปคิดอ่านแก้ไทยในคุกนั้นกับพวกลาวเวียงจันทน์ที่มันจำ
เอารีบร้นมาให้พ้นจากพาราเราคงมาถึงนี่พรุ่งนี้ค่ำ
พวกทหารต่างคำนับรับถ้อยคำแล้วสั่งกำชับกันให้มั่นคง
สั่งเสร็จขุนแผนกับลูกชายต่างคนแต่งกายงามระหง
โพกประเจียดเคยประจญรณรงค์สอดสวมเสื้อลงเป็นองค์พระ
แล้วนุ่งผ้าลาวเหมือชาวไร่เอาช้องใส่สีชมพูโพกศีรษะ
ผูกพันกระสันเครื่องเรืองเดชะเข็มขัดปะขมองพรายคาดกายพลัน
ขุนแผนจับดาบกลายสะพายย่ามเจ้าพลายงามแบกทวนดูแข็งขัน
ดูดังสองสิหราชกาจฉกรรจ์เยื้องกรายผายผันเข้ากรุงไกร ฯ
๏ เดินปนมากับลาวชาวพาราหามีใครสงการสังเกตไม่
ด้วยฤทธิ์ผีแรงมนตร์เข้าดลใจเห็นป็นลาวชาวไร่เข้าพารา
นางสาวสาวชาวบ้านในชานเมืองชำเลืองดูพลายน้อยเสนหา
ให้วาบวับจับใจไม่วางตาเจ้าพลายเดินเมินหน้าไม่ดูใคร
พวกสาวแส้แม่ม่ายทั้งยายเฒ่าทักว่าเจ้าหนุ่มน้อยจะไปไหน
จงหยุดยั้งนั่งเล่นก่อนเป็นไรข้อยจะให้หมากพลูบุหรี่ดี
ปีศาจน้อยศรีวิชัยที่ไปด้วยก็ช่วยตอบคำลาวนางสาวศรี
สาวเอยเพื่อนว่าจงปรานีธุระมีจะไปในนคร
จิตข้อยนี้มักเจ้าหนักหนาแต่เดี๋ยวนี้พี่จะลาเจ้าไปก่อน
ไปเที่ยวเบิ่งเมืองเล่นพอเย็นรอนกลับมานอนจึงจะเข้ามาเว้ากัน
พูดพลางเดินพลางตามทางมาถึงแม่ค้าขายของล้วนคมสัน
เห็นโฉมฉายพลายน้อยเป็นนวลจันทร์คิดสำคัญว่าลาวชาวป่าดง
จึงทักทายแม่นายที่เดินหลังไม่เอิ้นมั่งนั่งบึ้งตะลึงหลง
อยากได้อะไรมั่งก็นั่งลงแล้วยื่นส่งดอกไม้ให้พลายงาม
เจ้าพลายรับจับมือรื้อสะกิดนางลาวบิดเบือนสะบัดประหวัดหวาม
บ้านเฮือนเพื่อนอยู่ใดอยากได้ความจะใคร่ตามหนุ่มน้อยไปแนบนอน
เจ้าพลายชายตาว่าพี่มักนางลาวรักทำทอดฤทัยถอน
ชมดชม้อยเชือนชายชม้ายงอนยิ้มแล้วก้มคมค้อนตะแคงดู
นางแม่ม่ายขายหมากปากคะนองร้องทักออกไปไม่อดสู
เจ้าหนุ่มน้อยรูปดีสีชมพูเพื่อนจะอยากหมากพลูของตูมี
นางสาวอ่องร้องห้ามนางสาวฟักเราบ่มักแม่ม่ายจึงหน่ายหนี
เพราะรูปร่างของสูไม่สู้ดีไปเรียกเขาเซ้าซี้บ่อายใจ
นางสาวฟักตอบว่าอย่ากั้นกางสาวนางอย่างสูสู้ข้อยบ่ได้
เพื่อนบ่เคยเชยชู้รู้อะไรทำนองในนางสาวเหมือนลาวตาย
มีแต่ลมหายใจใครจะมักเชิงเยื้องยักอย่าประมาทชาติแม่ม่าย
ยังหนุ่มเหมือนเพื่อนนี้ขี้งมงายถูกแต่ปลายเงื่อนกระทกจะงกไป ฯ
๏ ขุนแผนพลายงามตามกันมาถึงไหนแม่ค้าก็ปราศรัย
สองสูอยู้บ้านถิ่นฐานใดมีธุระสิ่งไรจึงได้มา
ผีที่ไปด้วยช่วยขุนแผนพูดแทนว่าเราเป็นชาวป่า
เขาลือว่าจับไทยไว้ในพาราข้อยบ่เคยเห็นหน้าไอ้บักไทย
อยากจะไปเบิ่งเล่นว่าเป็นหยังเขาจำขังคนโทษไว้ที่ไหน
พวกลาวบอกตามจริงไม่กริ่งใจเขาจำไว้ในตะรางข้างโรงม้า
แต่ตัวนายตรำตรากไม่ลากใช้พวกไพร่นั้นเขาคุมไปเกี่ยวหญ้า
เพื่อนจะเบิ่งบักไทยไปท้องนามันกลับมาสายัณห์ตะวัรอน
ขุนแผนชื่นชมสมปรารถนาว่ากระนั้นฉันจะลาท่านไปก่อน
พ่อลูกสองราพากันจรก็รีบร้อนตรงมุ่งไปทุ่งนา
เห็นพวกไทยไขว่คว้างอยู่กลางบึงก็ย่างเยาะเดาะดึ่งเข้าไปหา
เห็นผู้คุมคลุมหัวมัวหลับตาจึงเลาะลัดตัดมาที่ไทยพลัน ฯ
๏ ตารักกับตาหลอพอแลไปเจ้าสองรามาแต่ไหนดูคมสัน
พ่อลูกเดินเข้าไปพอใกล้กันตาหลอผันหน้าพิศพินิจแล
แต่แรกเห็นเป็นลาวชาวบ้านป่าครั้นดูซ้ำจำหน้าถนัดแน่
เอ๊ะพ่อขุนแผนแล้วแม่นแท้พาตารักรีบแร่ไปทันใด
พอเข้าใกล้ตาหลอว่าพ่อเราโถมเข้ากอดตีนแล้วร้องไห้
ซบหน้ากลิ้งเกลือกเสือกไปเป็นครู่หนึ่งจึงได้สติคืน
ขุนแผนว่าตาหลอกับตารักอย่าอึงนักอ้ายผู้คุมมันจะตื่น
โศกเศร้าแต่เท่านั้นจงกลั้นกลืนฉวยผู้อื่นมันเห็นไม่เป็นการ
ตาหลอกับตารักได้ฟังว่าเช็ดน้ำตาร่อยร่อยค่อยเล่าขาน
พ่อแผนลูกนี้แสนทรมานถูกจองจำทำประจานให้เจ็บช้ำ
มันใช้จับจ่ายหวายล่อหลังเหลือกำลังข้าวเช้าเป็นข้าวค่ำ
หลังลูกกว่าร้อยรอยระยำพระท้ายน้ำจำครบทุกคืนวัน
ทั้งเจ็บใจเจ็บเนื้อเหลือพรรณนาคิดจะฆ่าตัวเสียให้อาสัญ
เดชะบุญเจ้าประคุณขึ้นมาทันพ่อหนุ่มน้อยคนนั้นนั่นลูกใคร ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงครามก็ชี้แจงแจ้งความหาช้าไม่
คนนี้มิใช่ผู้อื่นไกลลูกคนใหญ่เกิดแต่แม่วันทอง
พระนายถวายเป็นมหาดเล็กถึงตัวเด็กใจใหญ่ไม่มีสอง
เขาองอาจอาสาฝ่าละอองข้าพ้นจากจำจองเพราะเจ้าพลาย
ทูลขอคนดทษก็โปรดปรานสามสิบห้ากล้าหาญสิ้นทั้งหลาย
จะขึ้นมาแก้ไขให้พ้นตายบอกพระนายท้ายน้ำให้รู้ตัว
บอกทั้งพวกลาวชาวเวียงจันทน์กับพวกเราเหล่านั้นเสียให้ทั่ว
คืนนี้จะเข้าไปอย่าได้กลัวคอยช่วยกันหั่นหัวอ้ายผู้คุม
อย่าเห็นแก่หลับใหลให้ชักช้าจะเข้าไปในเวลาสักห้าทุ่ม
มัวพูดกันมันเห็นจะจับกุมแต่กลางวันนั้นจะซุ่มอยู่ไหนดี ฯ
๏ ตาหลอว่าคุณพ่อออย่าเป็นทุกข์วัดหนังหลังคุกเห็นชอบที่
กุฎีร้างริมสระพระไม่มีทั้งตาปีไม่เห็นใครเที่ยวไปมา
ว่าพลางทางชี้ตำแหน่งให้ตรงไปหลังเมืองเยื้องข้างขวา
ก็จะเห็นตะรางข้างโรงม้าวัดหนังหลังศาลาตรงเข้าไป ฯ
๏ ขุนแผนรู้ตำแหน่งแจ้งกิจจาพูดกันนักจักช้าเห็นไม่ได้
พ่อลูกสองราก็คลาไคลตัดทุ่งมุ่งไปที่หมู่ยาง
สังเกตผู้คนตามทางมาแวะข้างขวาข้ามย่านสะพานขวาง
หลีกคนด้นเดินเสียนอกทางผ่านตะรางเห็นถนัดวัดรุงรัง
ร้างรกปกคลุมล้วนพุ่มหนามเอออารามนี้แน่แลวัดหนัง
ตรงเข้ากุฎีคร่ำคร่ามีฝาบังต่างนอนนั่งคอยท่าเวลากาล ฯ
๏ พอสายัณห์ตะวันลงตรงปลายไม้ผู้คนเรียกคนไปเสียงมี่ฉาน
พวกคนโทษวิ่งรี่ตะลีตะลานจับสาแหรกแบกคานเข้าทุกคน
สวบสาบหาบหญ้ามาเป็นกลุ่มอ้ายผู้คุมถือหวายแล้วไล่ก้น
เสียงฉุ่งฉิ่งวิ่งออกอลวนหาบหญ้าผ่าถนนตลาดมา
แม่ค้าเห็นคนพวงล่วงเข้าตลาดบ้างยกกระจาดหับกระชังระวังผ้า
พวกที่นั่งร้านรายขายกุ้งปลาถือกะโล่โงง่าตั้งท่าคอย
ตาหลอหัวพวงล้วงปลาไหลตารักร่าคว้าใส่เอาปลาสร้อย
อ้ายลูกแล่งแย่งคว้าปลาเล็กน้อยเขาโขกคอยหลบหน้าแล้วด่าทอ
ตาหลอหัวร่อร่าออกราแต้วันนี้แลพ่อจะสั่งปีสังก้อ
เขาตีตบหลบขนเอาจนพอทั้งส้มกล้วยมะละกอก็พอการ
เสียงโซ่ตรวนโกร่งกร่างวางกันอึงนางคนหนึ่งรำมาะก้าออกหน้าบ้าน
ฉวยไม้คานตีผลับแกจับคานพลัดตกคานล้มเค้ลงเก้กัง
พวกแม่ค้าด่าเปรี้ยงเสียงเกรี้ยวโกรธอ้ายคนโทษวันนี้เป็นปีสัง
จึงเริงร่ากล้าหาญออกตึงตังจะไปเรียนเฆี่ยนหลังเสียให้เลอะ
ตาหลอว่าพ่อไม่อยากกลัวจะฟ้องใครไสหัวมึงไปเถอะ
ไม่พรั่นพรึงมึงดอกอีหน้าเคอะเชอะเข้ามากูจะใส่ให้นอนคราง
พ้นตลาดพอเวลาสายัณห์ก็ชวนกันวุ่นวิ่งมากริ่งกร่าง
หิ้วปลาหาบหญ้ามาตามทางถึงตะรางวางหญ้าลงหากิน
ชวนกันตั้งหม้อข้าวเผาปลาดุกประเดี๋ยวใจก็สุกอยู่เสร็จสิ้น
คดข้าวใส่กระบายให้นายกินพอตะวันตกดินลงทันใด
นายร้อยคอยนับคนโทษถ้วนตรวจตรวนแล้วก็ร้อยด้วยโซ่ใหญ่
ตะเกียงตามสามแห่งออกแดงไปกุญแจใส่ลั่นกลอนซ้อนสองชั้น ฯ
๏ พอผู้คุมสามคนขึ้นบนร้านตาหลอคลานหานายขมีขมัน
กระซิบบอกพระท้ายน้ำพลันคุณพ่อฝันแน่นักประจักษ์ตา
ที่พูดกับกระผมสมทุกสิ่งขุนแผนมาจริงเจียวพ่อขา
กับลูกชายแปลงกายเป็นลาวมากระผมยืนเกี่ยวหญ้าผ่าเข้าไป
ใส่ผมยาวเหมือนลาวสนิทนักแต่กระผมกับอ้ายรักยังจำได้
ถ่มถึงคุณเจียวขอรับกับพวกไทยข้าพเจ้าเล่าไปทุกสิ่งอัน
เธอให้บอกให้ทั่วเตรียมตัวท่าคืนวันนี้จะเข้ามาเป็นแม่นมั่น
จะสะกดให้หมดทั้งคุกนั้นสะเดาะกุญแจแก้กันให้พ้นไปฯ
๏ พระท้ายน้ำฟังคำตาหลอเล่าดังได้น้ำทิพย์มารดให้
สว่างอกอิ่มเอิบกำเริบใจดุจได้ไปผ่านพิมานอินทร์
เฮ้ยอ้ายหลอโม้โซ่มันยาวค่อยค่อยสาวกระซิบบอกกันให้สิ้น
พวกเชียงใหม่อย่าให้มันได้ยินพ่อจะพามาบินไปคืนนี้
ค่อยงุบงิบกระซิบกันต่อไปลาวไทยที่ติดตรวนรู้ถ้วนถี่
พวกคนโทษทั้งสิ้นก็ยินดีเตรียมตัวไว้ไม่มีใครนิทราฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทเรืองฤทธิ์เชี่ยวชาญหาญกล้า
กับพลายงามลูกกรักอันศักดาดูเวลาปลอดห่วงการทัณฑ์
เห็นดวงดาวสะกดหมดจดแจ่มพระจันทร์แรมลบสิ้นดินสวรรค์
ดึกได้ฤกษ์งามยามสำคัญก็แต่งตัวจัดสรรให้มั่นคง
ปลดเปลื้องเครื่องลาวลงใส่ย่ามนุ่งม่วงสีครามงามระหง
เข็มขัดขมองโขมดคาดดูอาจองแล้วประจงโพกประเจียดประจุฤทธิ์
ใส่เสื้อลงเลขยันตร์ย้อมว่านยาเสกจันทน์เจิมหน้าประกาศิต
จับดาบย่างกรายบ่ายตามทิศแล้วยกเมฆได้นิมิตเหมือนรูปคน
ลมจันกลาล่องคล่องทางซ้ายก็ก้าวกรายซ้ายก่อนออกจรถนน
แล้วร่ายเวทจังงังกำบังตนเดินรีบร้นถึงตะรางสว่างไฟ
ขุนแผนอ่านอาคมสะดมคนทั้งตารางครางกรนไม่ทนได้
กระซิบสั่งโหงพรายทั้งหลายไปสะกดอ้ายนายคุกเสียทุกคน
แล้วแก้มนตร์พวกไทยที่ในคุกราวกลับปลุกตื่นเตือนกันเกลื่อนกล่น
สะเดาะประตูเปิดกว้างทั้งล่างบนทั้งสองคนเข้าไปมิได้ช้า ฯ
๏ ขุนแผนเสกข้าวสารหว่านซัดซ้ำเครื่องจำหลุดกายทั้งซ้ายขวา
ร่วงกราวเท้ามือทั้งขื่อคาต่างทะลึ่งลุกถลาทั้งลาวไทย
พระท้ายน้ำกำกงตรงออกมาวันทาขุนแผนทั้งนายไพร่
อ้ายลางคนขุ่นแค้นแสนเจ็บใจใครข่มเหงนึกได้ไล่ฟาดฟัน
อ้ายผู้คุมสามนายที่ร้ายกาจฟันผลัวะฉัวะฉาดขาดสะบั้น
เลือดอาบดาบมันแลฟันมันมันดุดันด่าเฆี่ยนพ่อเจียนตาย
ยังอ้ายผู้กำกับอยู่ทับนอกอ้ายขี้ครอกเฆี่ยนพ่อถึงสองหวาย
ตาหลอขึ้นทับคร่าฝาทลายเอาดาบป่ายปุบดิ้นสิ้นชีวี
ตารักแค้นใจอ้ายตรวจเพลิงมันตรวจหวดหลังเปิงอยู่ป่นปี้
จะเอามันไว้ไยไอ้อัปรีย์แกฟันทิ้งกลิ้งคี่อยู่คาเรือน
อ้ายคนโทษโกรธใครไล่พิฆาตฟันเสียหัวขาดออกกลาดเกลื่อน
ที่ไม่ถูกฆ่าฟันก็ฟั่นเฟือนละเมอกรนป่นเปื้อนเหมือนป่าช้า ฯ
ครั้นออกจากตะรางมาข้างนอกตาหลอจึงบอกขุนแผนว่า
พวกเราถูกรัดรึงไว้ตรึงตราจนง่อยเปลี้ยเสียขาไปหลายคน
จะคลุกคลีหนีไล่ไม่ถนัดฉวยมันตัดทางตีสิปี้ป่น
ต้องลักม้าไปบ้างต่างตีนตนได้ถ้วนคนตามพ่อพอจะทัน
พวกฉันจะไปดูด้วยรู้แห่งโรงข้างขวาม้าแซงนั้นแข็งขัน
โรงซ้ายม้าทาวนล้วนสำคัญเอาให้ครบขากันทุกคนไป ฯ
             

๏ ขุนแผนร้องว่าช้าตาเฒ่าแต่ลำพังพวกเจ้าเห็นไม่ได้
ไปเจอลาวก็จะฉาวทั้งเวียงชัยมันจะไล่เอาแหลกขี้แตกตาย
จึงสั่งตาหลอให้นำหน้าแล้วต่างคนตามมาสิ้นทั้งหลาย
ถึงโรงม้าซัดปาข้าสารปรายแล้วสั่งพรายให้กำบังระวังตัว
อ้ายพวกลาวเฝ้าม้าพากันหลับกอดประกับกรนดังทั้งเมียผัว
เปิดประตูกรูเข้าไปไม่คิดกลัวเที่ยวค้นของมองทั่วทุกสิ่งไป
บ้างฉวยคว้าผ้าแพรแก้ผ้านุ่งรูดเอาถุงเมียหมดปลดเอาไถ้
ทั้งเงินทองของดีที่พอใจพบที่ไหนฉวยคว้าไม่ปรานี
ขุนแผนร้องเหวยเฮ้ยอย่าช้าต่างก็มาแก้ม้าขมันขมี
เครื่องใครใส่มันเข้าทันทีแล้วขึ้นขี่พร้อมหน้าถ้วนขากัน
ตาหมอเลือกม้าดีให้สี่นายล้วนแยบคายขี่ถูกผูกเครื่องมั่น
พระท้ายน้ำขับม้านำหน้าพลันถัดนั้นกำกงมาตรงกลาง
ม้าขุนแผนพลายงามตามต้อนหลังกระทืบโกกลนกังกังสะบัดย่าง
ครั้นถึงสี่แพรกจะแยกทางขุนแผนถากไม้ทองหลางคาบหลักไว้
เอาถ่านมาจารึกอักษรศรีให้ชาวบุรีรู้ระบิลสิ้นสงสัย
ใครมาพบอักษรอย่านอนใจจงรีบเอาเข้าไปให้นายมึง
ครั้นสำเร็จเสร็จปักหลักสาราเผ่นขึ้นหลังม้ากระทืบผึง
ตามกันสะบัดย่างวางปรึงปรึงมาถึงทางจะออกนอกนคร ฯ
๏ ตาโม้กับตามาทั้งตาหลอว่าคุณพ่ออย่าเพ่อรีบไปก่อน
อ้ายพวกลาวเลี้ยงช้างอยู่กลางดอนล้วนงางอนงามงามสามสิบตัว
เราจะต้องรบรับยับยั้งถ้าช้างมีขี่มั่งจะยังชั่ว
ล้วนแต่ดีฝีงาน่ากลัวฉันรู้ที่ทอดทั่งทุกตำบล ฯ
ขุนแผนร้องว่าเออตาเฒ่าถ้าพวกเรารู้ตำแหน่งแห่งหน
คิดจะเข้าเอาช้างก็ชอบกลด้วยผู้คนของเราไม่มากมาย
ถึงแม้นได้ช้างงามมาหลายหลังพอจะได้เป็นกำลังเราทั้งหลาย
ควาญหมอเราก็มีดีมากนายไว้ดันแดกแหกค่ายทลายทัพ
แน่ตาหลอคุมไพร่ไปสักร้อยอ้ายลาวน้อยจงกลุ้มเข้ารุมจับ
ชิงช้างทั้งจำลองสัปคับเอาให้ได้พร้อมสรรพแล้วขับมา ฯ
๏ ตาหลอรับนับคนได้ร้อยเศษสังเกตที่ได้ชัดเดินลัดป่า
ถึงก็ยั้งตั้งโห่ขึ้นสามลาตรงเข้าคว้าจับเอาอ้ายชาวช้าง
ทำแต่ให้ตกใจไม่ฆ่าฟันมัดศอกติดกันทั้งสองข้าง
เข้าควักล้วงช่วงชิงวิ่งโกรงกรางเครื่องเคราขนพลางไม่รั้งรอ
ประโคนพานหน้าหลังหนังชนักอานจำหลักทั้งแหย่งกระแชงขอ
บรรดาของต้องการกว้านจนพอแล้วขึ้นคอไล่วิ่งลูกดิ่งตี
ช้างถูกลูกดิ่งวิ่งชิงคลองบ้างก็ร้องแหกป่ามาอึงมี่
พวกไทยลาวตัวลือฝีมือดีทั้งหมอควาญขับขี่ไม่มีช้า
ครู่หนึ่งถึงที่ขุนแผนคอยตาหลอตามรอยเข้าไปหา
บอกว่าลูกไปได้ช้างมาล้วนว่องไวใหญ่กล้างาลากดิน
ขุนแผนฟังตาหลอัวร่อร่าสั่งให้เดินช้างม้ามาทั้งสิ้น
กำลังดึกดาวกระจ่างน้ำค้างรินก็เข้าถิ่นจะถึงที่บึงบอน ฯ
๏ ฝ่ายข้างทหารสามสิบห้าได้ยินอื้ออึงมาป่ากระฉ่อน
สำคัญคิดว่าลาวชาวนครก็รีบร้อนแต่งตัวทั่วทุกคน
พรหมศรสำมะยังสั่งอาสาเราคอยท่าตัดทัพให้ยับย่น
ถ้าได้ยินกลองน้อยแล้วถอยตนฆ้องกระแตรีบร้นเร่งเข้ามา
สั่งกันเสร็จสรรพจับอาวุธคาดตะกรุดโพกประเจียดมงคลใส่
พรหมศรคุมอาสาแยกขวาไปสำมะยังคุมไพร่แยกซ้ายจร
ครั้นถึงที่แถบทางหว่างช่องแคบต่างเข้าไปแอบในพุ่มแล้วซุ่มซ่อน
แต่ล้วนคนหัวไม้ใจแน่นอนมิได้หย่อนย่อท้อต่อไพรี
พอพระท้ายน้ำที่นำหน้าขับม้าเดินเฉยเลยพ้นที่
สำมะยังสั่งให้โห่ขึ้นสามทีออกจากพงตรงรี่เข้าตัดทัพ
เผ่นขึ้นงาช้างง้างฟันคอถูกตาหลอพอเลือดเป็นยางหนับ
ตาหลอยกขอขึ้นรำรับฟาดขวับถูกถนัดพลัดตกตึง
หล่นปุกลุกขึ้นได้ใส่พวกม้าเอาดาบปาพระท้ายน้ำเข้าต้ำผึง
เสื้อขาดพลาดท่าควบม้าปรึงกระทืบโกลนโผ่นทะลึ่งไปตามช้าง
ทั้งพวกลาวไทยไม่รู้ตัวพากันกลัวโดดวิ่งทิ้งดาบผาง
ขุนแผนคิดว่าลาวมาดักทางกระทืบม้าผ่ากลางวางเข้าไป
เจ้าพลายกระทืบแผงแข่งบิดาฟันฟาดสาตราเข้าลุยใส่
ธรรมเถียรวิ่งถลันมาทันใดกับพวกไพร่กรูพร้อมล้อมเข้ามา
ขุนแผนตวาดอำนาจครุฑดาบหลุดหกล้มลงจมหญ้า
พรหมศรสำมะยังยืนจังก้าหยักรั้งตั้งท่าแล้วแทงเอา
ถูกอกขุนแผนเข้าต้ำอักหอกหักยู่ไปไม่ยักเข้า
ขุนแผนเห็นหอกหักชักนางกระเบาแทงอ่ายเฒ่าพรหมศรลงนอนดิ้น
ไม่เข้าหนังสำมะยังวิ่งเข้าแก้แร่เข้าฟันเจ้าพลายคล้ายฟันหิน
ชั้นเสื้อนอกหอกดาบก็ไม่กินหักบิ่นยู่พับยับย่อยไป
นายโดดกับนายเสือเงื้อหอกง่าขุนแผนปาลงต้ำฉาดพลาดไถล
สำมะยังธรรมเถียรเปลี่ยนแปลกใจนี่อย่างไรคงทนพ้นกำลัง
พิโรธแรงแกว่งดาบทะลวงไล่เหลือบไปเห็นขุนแผนก็ถอยหลัง
ใครนั่นหนอคุณพ่อดอกกระมังเออ้ายสำมะยังดอหรือไร
พวกทหารเห็นแม่นขุนแผนนายใจหายทิ้งดาบลงกราบไหว้
ไม่รู้ว่าคุณพ่อขออภัยคิดว่าลาวเชียงใหม่มันยกมา
แทงคุณพ่อกับพ่อพลายเป็นหลายทีโทษลูกถึงที่จะสังขาร์
ขุนแผนชอบใจไม่โกรธาว่าแกล้วกล้าเช่นนี้แลดีครัน
ครั้นรู้จักตัวกันทั่วหน้าให้ลดเลี้ยวเที่ยวหากันจ้าละหวั่น
ทั้งพวกช้างพวกม้าตามมาพลันเสียงเพรียกเรียกกันอึงคะนึง
กำกงกับพระท้ายน้ำนั้นด้วยความกลัวตัวสั่นจนมาถึง
ประทับทอดม้าช้างวางกันอึงพร้อมกันอยู่ที่บึงสบายใจ ฯ
๏ ครั้นรุ่งรางสางแสงสุริเยนทร์เยื้องพระเมรุเลื่อนล่องส่องแสงใส
พวกพนักงานลาวชาวเวียงชัยจะเบิกไขคนโทษไปทำงาน
ถึงประตูจู่เดินมาดุ่มดุ่มเห็นผู้คุมหัวขาดอยู่กลาดย่าน
ต่างตกใจไปค้านวิ่งลนลานพบซมซานยังไม่ตายก็หลายคน
เรือนนายตรวจหักแหกของแตกหายกระจัดกระจายไปทุกเรือนออกเกลื่อนกล่น
เข้าไปในตะรางที่ข้างบนเห็นผู้คนหายไปทั้งไทยลาว
นายร้อยพะทำมะรงลงกลิ้งกลาดบ้างหัวขาดเหลือกตาดูหน้าขาว
โซ่ตรวนหลุดกองทั้งสองราวคาขื่อมือเท้าเกะกะไป
โซ่พันยังลั่นกุญแจติดตรวนก็ชิดหาเห็นรอยตัดไม่
ขื่อลิ่มก็ยังดีนี่อย่างไรประหลาดใจโดดตะรางวางวิ่งมา
ฝ่ายอ้ายลาวเฝ้าม้าทั้งผัวเมียลุกขึ้นนั่งงัวเงียยังแก้ผ้า
ครั้นสร่างมนตร์เหลี้ยวคว้างเห็นว่างตาหมอนมุ้งกระบุงตะกร้าก็หายไป
เมียแลดูผัวเห็นตัวเปล่าเอ๊ะใครเอาผ้านุ่งไปเสียไหน
ผัวแลดูเมียเสียน้ำใจผ้าผ่อนล่อนกระไรไม่ติดกาย
ผัวเมียตีอกตกประหม่านางเมียไม่มีผ้าคว้าเสื่อหวาย
ผัวขยุ้มกุมจุ่นอยู่วุ่นวายฉวยกระสอบสวมกายคล้ายกางเกง
ทั้งโรงเหนือโรงใต้ไม่มีม้าพวกคนเลี้ยงวิ่งร่ามาเหยงเหยง
อ้ายบางคนแก้ผ้ามาดโทงเทงโรงกูเองก็หายตายแล้วเรา
กำลังพวกเลี้ยงม้าจ้าละหวั่นก็พบกันกับอ้ายพวกนายคุกเข้า
พูดกันฟั่นเฟือนเหมือนกับเมาพออ้ายเฒ่าเลี้ยงช้างวางวิ่งมา
พบกันเข้าทุกคนที่ต้นทางเล่าคดีถี่ห่างกันพร้อมหน้า
จะพากันเข้าไปในศาลามาพบหลักอักขราเข้ากลางทาง
ก็รู้ว่าหนังสือฝีมือไทยตรงเข้าไปถอนชักหลักทองหลาง
อ่านดูรู้แจ้งไม่แคลงคลางก็แบกวางเข้ามาศาลาใน ฯ
๏ ครานั้นแสนท้าวเหล่าพระยานั่งอยู่บนศาลาลูกขุนใหญ่
กำลังว่าราชการงานเวียงชัยแลไปเห็นคนวิ่งลนลาน
บ้างนุ่งเสื่อใส่กระสอบวิ่งหอบโครงบ้างโล่งโต้งแก้ผ้ามางุ่นง่าน
ก็ร้องทักถามไปไม่ได้การอ้ายพวกนั้นจัณฑาลเป็นสิใด
ผ้าผ่อนล่อนแก่นแล่นออกฉาวใครฉกชิงวิ่งราวหรือไฉน
คนดีหรือคนบ้ามาทำไมนายเวรไปถามดูให้รู้ความ
พอพวกนั้นเข้าไปในศาลาหมอบกราบคลานเข้ามาออกงุ่นง่าน
ปากคอสั่นให้ครั่นคร้ามฟังถามต่างก็แจ้งแห่งกิจจา
ว่าสาธุเจ้าประคุณบุญปกหัวโทษตัวข้อยนี้เป็นหนักหนา
เมื่อยามดึกคนดีมีเข้ามาสะกดฆ่าผู้คุมเสียมากมาย
สะเดาะโซ่กุญแจเข้าแก้ไทยทั้งพวกล้านช้างไปเสียศูนย์หาย
นายตรวนนายตรามันฆ่าตายเจ้าประคุณทั้งหลายได้โปรดปราน
ฝ่ายพวกกองช้างก็กราบเรียนมันผูกมัดรัดเฆี่ยนกระหม่อมฉาน
เข้าแก้แหล่งลักช้างทั้งเครื่องอานเอาช้างไปประมาณสามสิบตัว
อ้ายพวกม้าปากสั่นรันเรียนไปว่าสาธุคุณผู้ใหญ่ได้ปกหัว
มันสะกดข้าพเจ้าหลับเมามัวแก้ผ้าผ่อนล่อนตัวไม่ว่าใคร
แล้วเลือกม้าดีดีมีกำลังทั้งเครื่องอานเบาะหนังหาเหลือไม่
ประมาณม้าทั้งหลายที่หายไปนับได้เป็นม้าห้าร้อยปลาย
แล้วมาพบไม้หลักปักกลางทางปิดหนังสืออวดอ้างไว้มากหลาย
ว่ากล่าวหยาบช้าถึงท้าทายจะทำลายเชียงอินทร์ให้สิ้นกรุง ฯ
๏ พระยาลาวฟังแถลงแจ้งคดีอ้ายพวกไทยแล้วนี่ที่ทำยุ่ง
ต่างพิโรธโกรธใจดังไฟฟุ้งจับหนังสือถือมุ่งเขม้นดู
ครั้นรู้แจ้งประจักษ์ในอักษราต่างคนต่างผลัดผ้าไม่ช้าอยู่
เพี้ยกวานตามหลังมาพรั่งพรูกรูเข้าท้องพระโรงด้วยทันใด ฯ
ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นพุงดำฤทธิ์ล้ำลึกจบพิภพไหว
สถิตแท่นสุวรรณอันอำไพอยู่ที่ในพระโรงรัตน์ชัชวาล
หร้อมหมู่แสนท้าวเหล่าพระยาบัญชาตรัสประภาษอยู่ฉาดฉาน
เห็นข้าเฝ้าเข้ามาดูลนลานเฮ้ยเพี้กวานเอาไม้อะไรมา ฯ
๏ เพี้ยกวานกราบทูลมูลเหตุว่าสาธุทรงเดชโปรดเกศา
เมื่อคืนมีโจรอหังการ์มาแก้ชาวอยุธยาพาหนีไป
ซ้ำลักเอาม้าห้าร้อยถ้วนเลือกแต่ล้วนตัวดีที่สูงใหญ
แล้วออกไปชิงช้างที่กลางไพรเอาไปได้งามงามสามสิบตัว
อ้ายคนโทษพวกลาวชาวล้านช้างก็พลอยหนีหมดตะรางพระทูนหัว
มันปักหนังสือท้าว่าไม่กลัวได้ค้นคว้าหาทั่วก็ไม่ทัน ฯ
๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังดังไฟผลาญร้องเรียกล่ามพนักงานขมีขมัน
เฮ้ยอ่านไปให้แจ้งแห่งสำคัญหนังสือนั้นมันว่าท่ากระไร ฯ
๏ ฝ่ายว่าพันจามล่ามพนักงานคลานมารับจับอ่านหาช้าไม่
ว่าพระจอมนครินทร์ปิ่นกรุงไทยบัญชาใช้ให้ทหารพระกาลมา
เราหรือชื่อพระยาแผนพิฆาฏคุมพวกไพร่อาทมาตสามสิบห้า
กับพลายงามลูกรักอันศักดายกมาจะประหารผลาญบุรี
ด้วยลาวชิงสร้อยทองของท่านไว้แล้วจับไทยจองจำทำป่นปี้
เราเข้ามาแก้ไขไทยเหล่านี้กับพวกที่ล้านช้างส่งนางไป
ให้พวกเรารอดพ้นทนทุกข์ก่อนจะหลบลี้หนีซ่อนนั้นหาไม่
จะรอเราให้เข้ามาชิงชัยหรือจะตามก็ไปที่บึงบัว
ถ้ารักชีวิตคิดถึงซึ่งพวกพ้องจงทูนนางสร้อยทองไว้บนหัว
ส่งให้แล้วคำนับรับว่ากลัวจึงจะปลอดรอดตัวไม่มรณา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงใหม่ครั้นได้ฟังแค้นคั่งราวกับไฟไหม้เวหา
เหม่อ้ายไทยขี้ถังอหังการ์มาอวดกล้าท้าทายหยาบคายแท้
เฮ้ยบรรดาแสนท้าวเหล่าพระยาซึ่งมันว่ายังจะจริงฉะนั้นแน่
หรือพรั่นตัวกลัวเราจะตามแจจึงพูดแก้ขู่ไว้ให้รอช้า
กับพวกมันสามสิบสักหยิบมืออ้ายที่หนีคุกหรือจะสู้หน้า
ล้อมฟันเสยไม่ทันจะพริบตาซึ่งเราว่าใครจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ
๏ ครานั้นพระยาจันทรังสีผู้ว่าที่สมุหทหารใหญ่
คิดพลางทางทูลไปทันใดมันท้าไว้ถ้อยคำก็สำคัญ
ถ้าไม่ดีไหนจะมีหนังสือท้าอ้ายคนที่ยกมาจะแข็งขัน
เรายกไปคงได้ถึงรบกันด้วยว่ามันอิ่มเอิบกำเริบใจ
แต่อ้ายพวกมาตามสามสิบห้าถึงดีแท้ก็จะมาทำไมได้
อ้ายห้าร้อยที่มันลักพาไปทั้งลาวไทยไม่มีอ้วนล้วนพุงโร
มันเสมือนหมู่เนื้อเสือเคยทับไหนจะกลับหันหน้าเข้ามาโต้
สามสิบห้าถึงจะกล้าเป็นเอกโทอ้ายคนโซก็จะพาอ้ายกล้าไป
ขอให้แต่งม้าใช้ออกไปดูถ้ามันยังตั้งอยู่ที่บึงใหญ่
จึงค่อยยกกองทัพขับพลไกรเข้าลุยไล่เสียให้แหลกเป็นผงคลี ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นพิภพฟังจบตรึกตรองเห็นต้องที่
จึงสั่งตรัสมุงกะยองกองพาชีจงเลือกหาม้าดีขี่ออกไป
รีบไปสืบดูให้รู้แท้มันหนีแน่หรือยังอยู่ที่บึงใหญ่
ถ้ามันอยู่สูมาอย่านอนใจเราจะได้เกณฑ์ทัพไปจับมัน ฯ
๏ ครานั้นมุงกะยองมองไล่รับสั่งแล้วรีบไปขมีขมัน
ผูกม้าโผนธรณีสีจันทน์ขึ้นกระทบแผงผันผยองไป
ปล่อยใหญ่ใส่ห้อไม่ย่อหย่อนพอแดดอ่อนก็ถึงที่บึงใหญ่
ลงจากม้าดอดดุ่มเข้าพุ่มไพรขึ้นบนต้นไม้ลอบแลดู
ประมาณคนเบ็ดเสร็จเจ็ดร้อยกว่าเห็นทางท่าไม่หนีทีจะสู้
แต่แลไปไม่เห็นตั้งค่ายคูสังเกตรู้แน่ชัดถนัดตา
ลงจากต้นไม้มารี่หรับขึ้นพาชีขี่ขับไปกลางป่า
พอตะวันอัสดงก็ปลงม้าตรงเข้ามายังท้องพระโรงชัย
ครั้นถึงหน้าที่นั่งบังคมทูลตามมูลเหตุแจ้งแถลงไข
ข้าพเจ้าเล็ดลอดดอดเข้าไปเห็นลาวไทยลุกนั่งอยู่พรั่งพรู
ทั้งนายไพร่ใหญ่น้อยเจ็ดร้อยกว่าเห็นทางท่ารั้งรอจะต่อสู้
แต่อย่างไรไม่เห็นตั้งค่ายคูมันตั้งอยู่ที่บึงทางครึ่งวัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟังแผดเสียงเปรี้ยงดังสนั่นลั่น
เหม่เหม่อ้ายไทยใจฉกรรจ์เจ็ดร้อยน้อยหรือนั่นมาขันรบ
ไม่พอครือมือลาวชาวเชียงใหม่สักอึดใจก็จะมัดดังรัดกบ
เพียงหักไม้คนละกิ่งทิ้งสมทบก็จะกลบเสียได้ไม่คณนา
ดำรัสตรัสประภาษอยู่ฉาดฉานสั่งท้าวกรุงกาฬตรีเพชรกล้า
จงเร่งพหลพลโยธาไปจับจิกหัวมาให้หนำใจ
อันเพี้ยปราบเมืองแมนแสนกำกองทั้งสองเคยเคี่ยวเข็ญเป็นผู้ใหญ่
ยกเป็นปีกซ้ายขวาคลาไคลให้กรุงกาฬนั้นไซร้เป็นแม่ทัพ
แสนตรีเพชรกล้าขี่ม้าคล่องเคยทำนองหักโหมเข้าโจมจับ
เป็นแม่ทัพสินธพไปรบรับให้พร้อมสรรพพรุ่งนี้สี่โมงปลาย ฯ
๏ พระยาจันทรังสีได้รับสั่งออกมานั่งศาลาให้บัตรหมาย
เร่งเรียกพลไกรทั้งไพร่นายจัดจ่ายช้างม้าเครื่องอาวุธ
ทัพม้าห้าพันสกรรจ์หมดใจคอทรหดเป็นที่สุด
เคยฝึกฝนทนทานชำนาญยุทธ์ทั้งซ้ายขวาอุตลุดล้วนขี่ม้า
บ้างถือทวนถือเสน่าเกาทัณฑ์เรี่ยวแรงแข็งขันเคยอาสา
มีนายกองนายหมวดคอยตรวจตราพร้อมสรรพทัพหน้าได้ห้าพัน
เพชรกล้าประทานม้าพระที่นั่งมีกำลังไวว่องคล่องขยัน
ชื่อว่าเหมรัศมีสีจันทน์ผูกเครื่องกุดั่นประดับพลอย
แผงข้างเขียงนางกินนรรำโกลนคร่ำโพธิ์ทองทั้งพู่ย้อย
อานปรุลายฉลุจำหลักลอยควาญประจำจูงคอยจะยาตรา ฯ
             

๏ กรุงกาฬทัพใหญ่ยกไว้ก่อนกล่าวถึงทัพอัสดรตรีเพชรกล้า
อันแม่ทัพคนนี้มีศักดาอยู่คงสาตราวิชาดี
แขนขวาสักรงเป็นองค์นารายณ์แขนซ้ายสักชาดเป็นราชสีห์
ขาขวาหมึกสักพยัคฆีขาซ้ายสักหมีมีกำลัง
สักอุระรูปพระโมคคัลลาน์ภควัมปิดตานั้นสักหลัง
สีข้างสักอักขระนะจังงังศีรษะฝังพลอยนิลเม็ดจินดา
ฝังเข็มแล่มทองไว้สองไหล่ฝังเพชรเม็ดใหญ่ไว้แสกหน้า
ฝังก้อนเหล็กไหลไว้อุราข้างหลังฝังเทียนคล้าแก้วตาแมว
เป็นโปเปาปุบปิบยิบทั้งกายดูเรี่ยรายรอยร่องเป็นถ่องแถว
แต่เกิดมาอาวุธไม่พ่องแพวไม่มีแนวหนามขีดสักนิดเดียว
สูงใหญ่รูปร่างเหมือนอย่างเสือกำลังเหลือเนื้อหนังก็แน่นเหนียว
หนวดโง้งโก่งฟั่นพันเป็นเกลียวฟันขาวปากเขียวดังปลิงควาย
นัยน์ตาดำคล้ำคล้ายกับตาเสือขอบตาแดงเรื่องดังชาดป้าย
คิ้วกระหมวดหนวดแดงดูแรงร้ายผมมุ่นมวยคล้ายกับโยคี
แต่รุ่นหนุ่มคุ้มใหญ่ไม่อาบน้ำเพื่อนตำแต่ว่านยาทาขัดสี
ไม่นอนด้วยภรรยาทั้งตาปีต่อศึกมีเมื่อไรได้อาบน้ำ
จะไปทัพจึงหาบรรดาว่านมาเสกอ่านอาคมถมถนำ
เครื่องรางตะกรุดลงองค์ภควัมบริกรรมเสกเป่าเข้าทันใด
แล้วตักน้ำตีนท่ามาใส่ขันหยิบเครื่องอานว่านนั่นเอาลงใส่
เสกเดือดพล่านพลั่งดังตั้งไฟเห็นประจักษ์วักได้ใส่หัวพลัน
หยิบเครื่องอานว่านยาขึ้นมาไว้เพชรกล้าลงไปในแม่ขัน
ประจงจบเคารพแล้วอาบพลันดูสำคัญในนทีจะมีลาง
ถ้าจะเกิดอันตรายวายชีวิตในนิมิตน้ำแดงเป็นแสงฝาง
ถ้าไม่ชนะไม่แพ้แต่ปานกลางน้ำเป็นอย่าสีรงลงละลาย
ถ้าจะไปมีชัยแก่ข้าศึกน้ำเลื่อมดังผลึกวิเชียรฉาย
ครั้งนั้นขาดชันษาชะตาตายนิมิตสายชลธีเป็นสีแดง
เพชรกล้ามุ่งเขม้นเห็นนิมิตรู้แท้แน่จิตประจักษ์แจ้ง
น้ำอย่างสีฝางลางร้ายแรงนึกแสยงสยดสยอนถอนฤทัย
เป็นสุดทุกข์ลุกออกมาผลัดผ้าประหนึ่งว่าไม่ดำรงทรงกายได้
แล้วนึกว่าชาติทหารอันชาญชัยถึงบรรลัยก็ให้ลือฝีมือลาว
ฮึดฮัดจัดแจงแต่งกายาวันจันทร์นุ่งผ้ายกพื้นขาว
คาดตะกรุดเครื่องรางปรอทวาวใส่แหวนเพชรเม็ดวาวเหมือนดาวราย
ประเจียดประจงจับตะเบงมานสอดสังวาลสะอิ้งรัดจำรัสฉาย
โพกผ้าขลิบพื้นขาวดาวกระจายเข็มขัดสายทองถักล้วนอักขรา
จบจับประคำทองเข้าคล้องคอผงดินสอเสกเสริมแล้วเจิมหน้า
ถือง้าวก้าวย่างสามขุมมาเผ่นขึ้นหลังม้าสง่างาม
ท่วงทีองอาจดังราชสีห์สมกับที่ชาญชัยในสนาม
ขยับยกเมฆในได้ฤกษ์ยามให้โห่สามลาเลิกโยธาไป
แม่ทัพสัปทนคนกางกั้นเสียงฝีเท้าม้าลั่นแผ่นดินไหว
พวกพลโห่ร้องคะนองใจเป็นโกลามาในอรัญวา ฯ
๏ จะกล่าวถึงกองทัพท้าวกรุงกาฬทหารแม่ทัพใหญ่ใจกล้า
ต่างเร่งรัดจัดแจงแต่โยะาสั่งให้ผูกช้างงาเข้าฉับพลัน
กรมช้างเร่งรัดจัดช้างตั้งล้วนพ่วงพีมีกำลังผูกเครื่องมั่น
ควาญหมอท้ายคอคนสำคัญทหารนั้นนั่งกลางข้างละคน
มีอาวุธพร้อมสรรพสำหรับช้างมายืนข้างสองแถวแนวถนน
สวมสอดเสื้อลงใส่มงคลล้วนอยู่ยงคงทนซึ่งสาตรา
บ้างอยู่ด้วยรากไม้ไพรว่านบ้างอยู่ด้วยโอมอ่านพระคาถา
บ้างอยู่ด้วยเลขยันตร์น้ำมันทาบ้างอยู่ด้วยสุราอาพัดกิน
บ้างอยู่ด้วยเขี้ยวงาแก้วตาสัตว์บ้างอยู่ด้วยกำจัดทองแดงหิน
บ้างอยู่ด้วยเนื้อหนังฝังเพชรนิลล้วนอยู่สิ้นทุกคนทนสาตรา
เพี้ยปราบเมืองแมนแสนเสนีคุมกองโยธีข้างปีกขวา
ขึ้นขี่คชสารตระหง่านงาโพกผ้าสีทับทิมริมขลิบทอง
ใส่เสื่อสีชมพูดูแดงฉาดขลิบตาดต้นแขนไว้ทั้งสอง
ฝ่ายข้างปีกซ้ายนายกำกองโพกทับทิมขลิบททองอยู่เหมือนกัน
ใส่เสื้อกำมะหยี่สีตองประคำทองคล้องคอดูแข็งขัน
ทั้งสองล้วนอยู่คงลงเลขยันตร์คุมพลข้างละพันทั้งขวาซ้าย
แต่ล้วนเหล่าทหารชำนาญยุทธ์ถือสาตราอาวุธเป็นเหล่าหลาย
นายสอยดาวคุมสกรรจ์ก็พันปลายเป็นทัพหลังรั้งท้ายสำราจพล
ขี่พลายแก้วมิ่งเมืองผูกเครื่องมั่นใส่เสื้อจีบสีจันทน์หนังไก่ย่น
หมวดโหมดลงยันตร์กั้นสัปทนพร้อมพรั่งทั้งพหลพลโยธี
ที่นั่งรองขององค์เจ้าเชียงใหม่ประทานให้แม่ทัพนั้นขับขี่
สำหรับทรงชิงชัยกับไพรีชื่อพลายพลิกธรณีมีน้ำมัน
สูงหกศอกกำมางารัดทองตะพองผายท้ายด้อยดังช้างปั้น
หางยาวหูใหญ่ใจฉกรรจ์โขมดหัวสองชั้นคั่นมงคล
จะย่างย่องว่องไวใช้กิริยาหนังหนาหน้ายักษ์ชักเนื้อย่น
อยู่ปืนฟืนไฟไม่ดิ้นรนหางสะพัดปัดส้นเส้นขนกลม
ผูกสะพักปักตระพองด้วยทองแล่งพู่แดงห้อยหูดูงามสม
พานหน้าท้านลายดาวเป็นดอกกลมสองช้างแนบแถบถมด้วยเงินยวง
สายชนักถักไหมกลางใส่เบาะขอเกาะปลายง้าวคมขาวช่วง
ควาญใส่เสื้อแดงแย่งชิงดวงใส่หมวกโหมดม่วงทะมัดทะแมง ฯ
๏ ครานั้นกรุงกาฬชำนาญทัพจบจับเครื่องอานเข้าตกแต่ง
นุ่งยกอย่างลาวขาวดอกแดงใส่เสื้อกรองทองแล่งเป็นแย่งครุฑ
สายสังวาลภควัมประจำคล้องแหวนทองปัทมราชคาดตะกรุด
เสื้อในลงยันต์กันอาวุธเข็มขัดขุดขมองพรายเป็นลายดุน
เหน็บกริชตรงลงคมประจุขาดแล้วซ้ำคาดราตคดหนามขุน
ใส่หมวกถักไหมทองกรองตาชุนสะพายดาบญี่ปุ่นฝักหุ้มทอง
เอาน้ำสระสรงองค์นารายณ์มาพรมกายกรายกรากออกจากห้อง
ควาญเทียบช้างประทับเข้ารับรองก็ย่างย่องขึ้นคอจับขอกราย
ภาวนาเขม้นเห็นนิมิตวิปริตเป็นรูปคนหัวหาย
จะยกต่อคอแขนไม่ติดกายเป็นลางร้ายวิปริตก็ผิดใจ
ครั้นจะทูลขอรั้งรออยู่ก็อดสูโยธาบรรดาไพร่
เกิดเป็นคนใครจะพ้นที่บรรลัยก็แข็งใจไปตามแต่เวรา
ขาขยับไสช้างพอย่างกรายเห็นลูกนกตกตายลงต่อหน้า
นกแสกแถกเสียดศีรษะมาแร้งกาบินจับสัปทน
วันนั้นท้าวกรุงกาฬสะท้านจิตโอ้ชีวิตกูนี้คงปี้ป่น
จะใจได้ฤกษ์ให้เลิกพลขานโห่สามหนแล้วยกไป
ดูชายธงตรงลิ่วไม่ปลิวสะบัดลมก็จัดวิปลาสไม่หวาดไหว
ทั้งเสียงโห่ก็ไม่ก้องให้หมองใจสะทึกสะท้อนถอนฤทัยมาในดง ฯ
๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิทเรืองฤทธิ์พริ้งเพริศระเหิดระหง
กับเจ้าพลายท้ายน้ำกึงกำกงนั่งปรึกษาการณรงค์กับโยธา
เห็นผงคลีกลุ้มกลบตลบบนชะรอยลาวยกพลมาหนักหนา
ขุนแผนนิ่งระงับหลับตาพิจารณารู้แน่ในทางปราณ
นี่ลาวยกทัพหมื่นมาดื่นป่าก็บัญชาสั่งให้ไพร่ทหาร
ไปตัดอ้อขมมาอย่าเนิ่นนานปักขนาบหน้ากระดานด้านท้ายบึง
แล้วปักแยกแหกฉีกเป็นปีกกาเอาไม้มาขีดคูดูขังขึง
ทั้งหอรบหอคอยร้อยแขมกรึงดูประหนึ่งปักเล่นไม่แน่นแฟ้น
พอแม่ทัพจับซัดข้าวสารปร๋อแขมอ้อกลายไปเป็นไม้แก่น
เชิงเทินรอบขัณฑ์ไม่คลอนแคลนปีกกาชักปักแน่นกว่าไม้จริง
ที่รอยขีดกลับเป็นคูดูลึกซึ้งอยู่ข้างบึงขวางดงตรงตลิ่ง
ถึงจะต้องปืนใหญ่ไม่ไหวติงทั้งหอรบครบสิ่งสำเร็จการ
ขุนแผนสั่งพวกไพร่ที่ในทัพกำชับเตรียมตัวทั่วทุกด้าน
แต่ตัวนายสี่คนอยู่บนร้านให้กองด่านดูลาวจะเข้ามา ฯ
๏ จะขอหยุดยับยั้งข้างขุนแผนกล่าวถึงทัพนายแสนตรีเพชรกล้า
รีบร้อนต้อนขับกองทัพม้ามาถึงป่าดอนตะแบกจะแยกทาง
ดูไปไกลประมาณสามสิบเส้นแลเห็นค่ายไทยทั้งใหญ่กว้าง
ทั้งขวาซ้ายรายชักปีกกากางขุดคูข้างขอบบึงไปถึงกัน
ครั้นถึงที่เห็นสนามตามตำรับก็หยุดทัพยับยั้งลงตั้งมั่น
แล้วปักธงยิงปืนเป็นสำคัญให้โห่สามลาลั่นสนั่นไป ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนทหารได้ยินลาวโห่ขานสะท้านไหว
ร้องประกาศบอกกันนั่นเป็นไรลาวยกทัพใหญ่มาคั่งคับ
เรากับลูกรักอันศักดาจะยกพลโยธาออกเคี่ยวขับ
ท่านทั้งสองคอยอยู่ดูในทัพเราจะรับมือลาวชาวเชียงอินทร์
แต่บรรดาพวกลาวบ่าวของท่านประจำการอยู่ในค่ายวงสายสิญจน์
แต่บรรดาพวกไทยใจทมิฬจงขี่ม้ามาสิ้นให้ครบกัน
เจ้าพลายงามยกไปเป็นทัพหน้าคุมพวกสามสิบห้าล้วนแข็งขัน
เราจะยกทัพใหญ่หนุนไปพลันถ้าได้ทีตีตะบันบุกเข้าไป
ถ้าพลลาวเหลือล้นพ้นประมาณเราจะไสคชสารเข้าลุยไล่
จะรบราฆ่ามันให้บรรลัยจงตั้งใจอย่าประมาทต้องอาจอง
สั่งแล้วขุนแผนกับลูกชายแต่งกายคาดเครื่องเรืองระหง
นุ่งผ้าตามตำรารณงค์เข็มขัดลงยันต์คาดสะอาดงาม
เสื้อลงเลขยันต์ใส่ชั้นในเสื้อนอกดอกใหญ่ทองอร่าม
แหวนมณฑปนพเก้าดูวาววามสังวาลสามสายแย่งตะแบงมาน
สวมสายประคำทองเข้าคล้องคอทั้งลูกพ่อองอาจชาติทหาร
ใส่หมวกขลิบตาดพระราชทานถือฟ้าฟื้นยืนตระหง่านสง่าดี
ภาวนาตาเขม้นเห็นเมฆฉายนิมิตเป็นรูปนารายณ์เรืองศรี
สี่กรร่อนติดบนเมฆีขุนแผนขึ้นคอขี่คชฉกรรจ์
เอานายเพชรเจ็ดปานเป็นควาญท้ายใส่เสื้อลายสีแดงแสงเฉิดฉัน
พลายงามขึ้นขี่ม้าสีจันทน์สั่งให้ลั่นฆ้องฤกษ์แล้วเลิกพล
ยิงปืนสัญญาณขึ้นห้าตึงฆ้องหึ่งขานโห่ขึ้นสามหน
นายปลออดโบกธงเป็นมงคลก็รีบร้นโยธาคลาไคล ฯ
๏ พอสองทัพถึงกันประจันหน้าลาวก็แยกปีกกาออกหวั่นไหว
แสนตรีเพชรกล้าทอดตาไปเห็นทัพไทยลิบลิบสักหยิบมือ
มันเสมือนแมลงเม่ามาเข้าไฟนี่เข้าใจว่าจะรอดไปแล้วหรือ
สั่งให้ขับอัสดรต้อนพลฮือคนละมือก็จะยับทั้งทัพไทย
เอาเหวยเอาหวาโยธาทัพจับเอาตัวมันให้จงได้
อย่าให้มันปลอดรอดหนีไปกระทืบม้าผ่าไล่ไพร่พลมา
เข้าล้อมหน้าล้อมหลังประดังฟันพวกไทยตัวกลั่นล้วนแกล้วกล้า
เจ้าพลายสั่งตั้งโห่ขึ้นสามลากระทืบม้าฝ่าฟันประจัญรับ
ลาวแทงเข้าด้วยทวนสวนสกัดไทยปัดทวนพลาดฟาดฟันฉับ
พวกลาวแร่แก้กันไทยฟันยับโถมจับล้มคะมำคว่ำโก้งโค้ง
ไล่ตะบันฟันฟัดสกัดสะแกงลาวแทงไทยผลุงสะดุ้งโหยง
ไม่เข้าไทยไทยกระทืบอยู่โกรงโกรงไล่ทันฟันโป้งเข้าหลังปึง
ลาวเงื้อทวนใหญ่แทงไทยปราดไทยฟาดคันทวนสวนแทงผึง
หัวถลำคว่ำถลาตกม้าตึงยิ่งตายยิ่งตะบึงเข้าบุกบัน ฯ
๏ เจ้าพลายกับพวกสามสิบห้าคว้างคว้างวางมาดังกังหัน
เห็นลาวล้อมเข้าใกล้ออกไล่ฟันลาวเข้ารันรุมตีไม่หนีไทย
ลาวแทงไทยฟันตะบันฆ่าที่อยู่เหยียบกันเข้ามาหาถอยไม่
เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มห้อมล้อมเข้าไว้จนเต็มทีพวกไทยหัวไหล่ล้า
เจ้าพลายขับสีจันทน์เข้าฟันฟาดดาบลงยันต์ฟันขาดดังฟ้าผ่า
ถึงลาวคาดเครื่องอานกินว่านยาถูกดาบมรณาลงดาดดิน
ลาวรุมกลุ้มแทงเสียงอึกอักทวนหักหอกยู่บู้บิ่น
บุกตะบันฟันขนาบดาบไม่กินเจ้าพลายฟาดขาดดิ้นสิ้นเป็นเบือ
พวกลาวหวาดหวั่นพรั่นชะงักดังสุนัขพาหมู่เข้าสู้เสือ
ร้องว่าดาบเราบ่เข้าเนื้อกูฟันชั้นแต่เสื้อบ่เข้ามัน
เจ้าพลายแกว่งดาบอยู่วาบวาวพวกลาวถอยท้อย่อขยั้น
ดังพระยาสีหราชกาจฉกรรจ์เข้าผกผันเผ่นคว้างกลางฝูงวัว
เข้าไหนลาวหนีอยู่มี่ฉาวพวกลาวต่างขยั้นสั่นหัว
เกรงสง่าไม่กล้าเข้าใกล้ตัวด้วยความกลัวชีวันจะบรรลัย ฯ
๏ ครานั้นจึงแสนตรีเพชรกล้าขับต้อนโยธาอยู่หวั่นไหว
เห็นไพร่พลเรรวนปั่นป่วนไปเพชรกล้าขัดใจกระโจนมา
เท้ากระทืบแผงข้างผางผางลั่นเร่งรุกบุกบันขึ้นมาหน้า
เสียงตวาดประกาศก้องเป็นโกลามาจนหน้าม้าเจ้าพลายงาม
เห็นรูปร่างสำอางลออตาเพชรกล้าเข้าใกล้แล้วไต่ถาม
แน่ะเจ้านายทหารชาญสงครามเจ้านี้มีนามกรไร
พึ่งรุ่นหนุ่มร่างน้อยกะจิดริดเจ้าเป็นศิษย์ศึกษาอาจารย์ไหน
เป็นเผ่าพงศ์วงศ์วานท่านผู้ใดจงบอกไปให้แจ้งแก่กิจจา ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนองร้องตอบคดีตรีเพชรกล้า
อันตัวเราเป็นทหารอยุธยาชื่อว่าพลายงามมาตามวงศ์
บิดาชื่อพระยาแผนพิฆาฏพระราชทานตั้งนามตามประสงค์
ตัวเราเป็นศิษย์บิตุรงค์เผ่าพงศ์วงศ์พลายหลายชั่วมา
ท่านนี้มีนามกรใดครั้นจะถามถึงผู้ใหญ่ก็เกินหน้า
ถึงยังมีมิตายก็เต็มชราแต่เรียนรู้ครูบาอาจารย์ใด ฯ
๏ ครานั้นเพชรกล้าได้ฟังถามก็ชื่นชมตอบความหาช้าไม่
ซึ่งถามเราจะเล่าให้เข้าใจเจ้าชาวใต้ไม่รู้จู่ขึ้นมา
เราเป็นเชื้อเจ้าท้าวคำแมนมียศเป็นแสนตรีเพชรกล้า
เราเป็นเชื้อชาติทหารชาญศักดาในลานนาใครใครไม่ต่อแรง
พระครูผู้บอกวิทยาชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง
สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดงทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง
เจ้าหนุ่มน้อยนี้หรือชื่อพลายงามช่างสมรูปสมนามดูงามยิ่ง
ตะละแกล้งหล่อเหลาเพราพริ้งรูปร่างอย่างผู้หญิงพริ้งพรายตา
จะเปรียบลูกก็อ่อนกว่าลูกเล็กจะเปรียบหลานพานจะเด็กกว่าหลานข้า
ไม่ควรจะรบสู้กับปู่ตากลับไปบอกบิดามารอนราญ
จะได้เป็นขวัญตาโยธาทัพเห็นฉบับแบบไว้ในทหาร
ยังเด็กอยู่คอยดูวิชาการเฮ้ยหลานพ่ออยู่ไหนไปบอกมา ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนองร้องตอบต่อคดีตรีเพชรกล้า
แน่เธออย่าเพ่ออหังการ์เจรจาหมิ่นประมาทเราชาติเชื้อ
ตัวท่านแก่กายอย่างควายเฒ่าอันตัวถึงเด็กเล็กลูกเสือ
ฝีมือใครไพร่ลาวแหลกเป็นเบืออย่าหลงเชื่อว่าผู้ใหญ่จะไม่แพ้
ถ้าไม่ดีที่ไหนใครจะมาจะขอลองวิชากับตาแก่
ให้ปรากฎฤทธีว่าดีแท้หรือเป็นแต่ปากกล้ากว่าฝีมือ
ขออภัยอย่าเพ่อให้ถึงบิดาแต่ลูกยาท่านจะชนะหรือ
มาลองดูสักหนให้คนลือจะปลกเปลี้ยเสียชื่อดอกกระมัง ฯ
๏ ครานั้นแสนตรีเพชรกล้าโกรธาตาแดงดังแสงครั่ง
เหม่อ้ายนี่หนักหนาว่าไม่ฟังมาโอหังอวดรู้สู้สงคราม
เท้ากระทืบกระทบโกลนโผนผกมุ่นหมกขับคว้างมากลางสนาม
ท่วงทีขี่ม้าสง่างามรำง้าวก้าวตามกระบวนทวน ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าพลายงามทรามสง่าเห็นตรีเพชรขับม้ามาปั่นป่วน
ก็ชักม้ารับร่ายย้ายกระบวนแล้วหันทวนว่องไวในทำนอง
เพชรกล้ารำง้าววาววาววับเจ้าพลายรำดาบรับสองมือป้อง
สองนายร่ายรำตามทำนองม้าผยองผันผกวกวนเวียน
แล้วยกรำทำท่าหงส์สองคอเยื้องล่อเลี้ยวฟันหันเ***ยน
แล้วรำท่ามังกรช้อนวิเชียรผลัดเปลี่ยนว่องไวไม่เสียที
เพชรกล้าถือง้าวยาวกว่าดาบเจ้าพลายฉาบเข้าฟันแล้วผันหนี
เพชรกล้าขัดใจไม่คลุกคลีเจ้าพลายรำทำทีให้ไล่ทัน
เพชรกล้าได้ท่าปาลงฉาดเจ้าพลายหลบลาวพลาดคะมำหัน
พลายงามตามชิดติดตะบันสบท่าผ่าฟันลงต้ำตึง
หยึ่นเปล่าหาเข้าตรีเพชรไม่เยื้องขยับกลับใส่เจ้าพลายผึง
เจ้าพลายผันฟันบ่าเพชรกล้าปึงเนื้อประหนึ่งหินผาศิลาแลง
แสนตรีเพชรกล้าง่าง้าวกรายฟันเจ้าพลายงามพรวดดังกรวดแข็ง
ราวกับเกาหลังให้ยิ่งได้แรงฟันตะแบงบุกไปไล่ตะครุบ
เอาดาบฟาดฉาดฟันตะบันส่งเป็นหลายหนคงทนไม่บู้บุบ
เพชรกล้ากลับด่ำเข้าตำทุบถูกเนื้อยุบพอขยายก็หายไป ฯ
๏ แสนตรีเพชรกล้าระอาจิตสุดคิดที่จะเอาชนะได้
น่งนึกตรึกตราแต่ในใจชะเด็กไทยคนนี้มันดีจริง
ช่างกล้าแข็งแรงฤทธิ์นั้นเกินร่างดูแต่หน้าท่าทางอย่างผู้หญิง
มันสู้กูผู้ใหญ่ไหวมันจริงด้วยเชิงชิงชัยชาญชำนาญแท้
จะรบรันฟันฟาดด้วยสาตราเห็นทางท่าเอาชัยบ่ได้แน่
ต้องใช้มนตร์ทางในให้มันแพ้ก็ชักม้าราแต้ออกยืนไกล
หลับตาภาวนาร่ายพระเวทอันวิเศษเชี่ยวชาญอาจารย์ให้
เรียกมหาอาโปเป่าออกไปเป็นน้ำไหลพลุ่งพลั่งดังท่อธาร
พิลึกล้นท้นท่วมทั่วจังหวัดลมก็พัดเป็นระลอกกระฉอกฉาน
พวกทัพไทยต่างคนตะลนตะลานตะเกียกตะกายว่ายซานขึ้นต้นไม้
ทั้งขี่ม้าหยั่งขาไม่ถึงที่ด้วยนทีโชนเชี่ยวเป็นเกลียวไหล
เหล่าพวกอาสาระอาใจต่างร้องบอกนายไปให้แก้มนตร์ ฯ
             

๏ ครานั้นพลายงามเจ้าความคิดเรืองฤทธิ์ลือแจ้งทุกแห่งหน
อ่านคาถาเป่าปัดไปบัดดลก็ทดท้นน้ำแห้งทุกแห่งไป
แล้วอ่านมนตร์ดลเรียกเตโชธาตุเป่าปราดไปเป็นเพลิงเถกิงไหม้
โพลงพลุ่งทุ่งเถือกเป็นเปลวไฟวาบวามลามไล่ไพร่พลลาว
พอลาวเห็นไฟไหม้ลามมากระทืบม้าหนีพล่านออกฉานฉาว
กัมปนาทหวาดหวั่นตัวสั่นท้าวร้องเรียกเจ้านายช่วยข้าด้วยรา ฯ
๏ ครานั้นเพชรกล้าเป็นจ่าศึกเห็นไฟไหม้คึกคึกมาเต็มป่า
ระงับการร่ายพระเวทวิทยาเรียกกมหาวลาหกให้ตกลง
ก็เกิดเป็นเมฆตั้งขึ้นบังปกแล้วฝนตกโฉมซ่าป่าระหง
สักห่าใหญ่ไหลดาดแผ่นดินดงดับไฟไหม้พงนั้นสูญไป
เหล่าพวกอาสาโยธาหาญหนาวสะท้านทุกคนไม่ทนได้
เข้ามั่วสุมกลุ่มกลมใต้ร่มไม้ถูกเม็ดใหญ่ลูกเห็บเจ็บแทบตาย ฯ
๏ ครานั้นพลายงามความสามารถชาญฉลาดเฉลียวเลิศเฉิดฉาย
อ่านอาคมเรียกลมที่ในกายระบายวาโยธาตุเป่าปราดไป
ด้วยอาคมเกิดเป็นลมเพชรหึงตึงตึงพัดฝนไม่หล่นได้
ที่หยดหยาดขาดสายหายทันใดด้วยพระเวทฤทธิไกรอันชัยชาญ
แล้วเอาก้อนกรวดมาซัดปราดเป็นเม็ดฝนกรวดทรายกระเซ็นซ่าน
ตกต้องลาวพลตะลนตะลานอลหม่านหนีซุกไปทุกคน
บ้างขับม้าเข้าพุ่มคลุมหัวร้องบ้างถูกต้องเจ็บปวดเม็ดกรวดฝน
เป็นแผลเหือดเลือดไหลไปทุกคนเหลือทนเต็มประดาแก้ผ้าคลุม ฯ
๏ ครานั้นจึงแสนตรีเพชรกล้าเห็นโยธาหน้าฟกอกเป็นตุ่ม
แสนพิโรธโกรธใจดังไฟรุมประชุมนิ้วเหนือเกล้าแล้วเป่าไป
เกิดเป็นตารางกลางอากาศกั้นหยาดเม็ดฝนไม่หล่นได้
เม็ดฝนกรวดทรายหายทันใดแล้วสั่งไพร่ให้ลงจากพาชี
อันจะเข้ารบรุกกันคลุกคลีการว่องไวไม่ดีเหมือนเดินเท้า
ให้เอาม้าไปซุ่มเสียพุ่มชัฎเลือกจัดแต่ล้วนทวนแหลนหลาว
ให้พร้อมสรรพเครื่องยุทธ์อาวุธยาวสกัดก้าวห้อมล้อมให้พร้อมพรัก
พวกเราเอาแต่แรงแทงมันส่งถึงอยู่คงก็ถูกกระดูกหัก
ด้วยข้างเรากว่าพันมันน้อยนักเอาเสียพักเดียวเถิดอ้ายพ่อกู ฯ
๏ ทหารลาวกราวลงจากหลังม้าวิ่งผลุนหมุนมาเป็นหมู่หมู่
เข้าล้อมหน้าล้อมหลังออกพรั่งพรูเกรียวกรูทิ่มตำกระหน่ำแทง
เหล่าพวกอาสาเข้าฝ่าฟันถูกลาวขาดสะบั้นสะพายแล่ง
หัวขาดตัวขาดเลือดสาดแดงพวกกองหลังยังแซงแข่งเข้าไป
เกลื่อนกลุ้มหุ้มไทยไว้เป็นหมู่หอกยู่แทงเปล่าไม่เข้าได้
พวกอาสาฟันฟอนจนอ่อนใจยิ่งบรรลัยยิ่งรุมกลุ้มเข้ามา ฯ
๏ จนไหล่ตกยกมือขึ้นไม่ไหวอึดใจเรียกนายพ่อพลายขา
ลูกฟันมันจนสิ้นแรงระอาตายหนึ่งหนุนมาห้าหกคน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามเชี่ยวชาญการสงครามไม่ย่อย่น
เห็นพวกอาสาบรรดาพลเหนื่อยจนไหล่ตกไม่ยกมือ
จึงรูดเอาใบมะขามมาสามกำเสกซ้ำเป็นต่อบินปร๋อปรื๋อ
ตั้งโกฎิแสนแน่นป่ามาฮือฮือดูออกคล่ำดำปื้อไปทุกละเมาะ
ตัวยาวราวก้อยไม่ต่อยไทยจำเพะลาวกราวไล่ใส่เปาะเปาะ
พิษสงเหล็กในดังใครเคาะถูกเหมาะเหมาะล้มทับกันยับยุบ
พวกลาวอาวุธหลุดมือถือเอาแต่มือตบสู้อยู่ปับปุบ
เหลือทนลุกล้มลงก้มฟุบโดดผลุบลงในน้ำดำหนีไป
พอเต็มกลั้นผุดฟ่อต่อต่อยซ้ำไม่กลับดำต่อยป่นทนไม่ได้
เพชรกล้าตาปิดพิษเหล็กในทั้งม้าม่อยต่อยไล่ไปพรั่งพรู
หน้าตาล้วนแต่คาเหล็กในต่อม้าลาพาห้อชักไม่อยู่
บ่าวนายพ่ายหนีวิ่งกรีกรูพวกไทยไล่ลู่ตะลุมบอน ฯ
๏ ครานั้นท่านท้าวกรุงกาฬเห็นทหารเพชรกล้าวิ่งว้าว่อน
กะปลกกะเปลี้ยเสียทีหนีซอกซอนก็ไสช้างวางต้อนโยธามา ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนแสนสะท้านเห็นกรุงกาฬเข้าด้วยช่วยทัพหน้า
ก็ขับกุญชรต้อนโยธาไสช้างขวางหน้าเจ้ากรุงกาฬ
จึงร้องฮ้าท่านหรือทัพหลวงจึงเลยล่วงขับช้างมากลางทหาร
ดูช้างม้ารี้พลพ้นประมาณนี่จะไปรบราญบ้านเมืองใด ฯ
๏ ครานั้นกรุงกาฬชาญกำแหงได้ฟังคำเสียดแทงให้หมั่นไส้
สูนี้พระยาแผนแล้วแม่นใจมายกความถามไถ่ไม่มีอาย
เข้ามาลักช้างม้าพาคนหนีแล้วเข่นฆ่าราตีคนทั้งหลาย
ซ้ำปักหนังสือท้าว่าหยาบคายตัวไม่เป็นผู้ร้ายดอกหรือไร
อยุธยาช้างม้าไม่มีหรือจึงดึงดื้อมาปล้นจนเชียงใหม่
เรายกพลมาประจญจับโจรไพรถ้าคืนของกลางให้จะรอดตัว ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสะท้านได้ฟังท้าวกรุงกาฬก็ยิ้มหัว
ช่างพูดได้ไม่คิดถึงเงาตัวทำความชั่วถึงปิดไม่มิดควัน
ซึ่งล้านช้างส่งนางไปกรุงไทยเจ้าเชียงใหม่เมามืดด้วยโมหันธ์
ลอบไปฉกชิงนางไว้กลางคันจับพวกส่งลงทัณฑกรรมไว้
ข้าหลวงไทยที่มารับก็จับจำเฆี่ยนขับยับระยำทั้งนายไพร่
กระทำความข่มเหงไม่เกรงใจยังท้าให้ยกพลมาชนช้าง
เจ้าท่านนั้นแลเป็นโจรป่าเอาชีวาแลกสตรีไม่มีอย่าง
ถ้ารักตัวกลัวว่าจะวายวางให้ส่งนางคืนไปจะไม่ตาย ฯ
๏ กรุงกาฬทหารใหญ่ครั้นได้ฟังแค้นคั่งอสนีบาตฟาดสาย
จะตอบเหมือนล้มไม้ลงทับกายด้วยเจ้านายทำความไม่งามดี
จึงแกล้งกลบเกลื่อนเป็นเงื่อนงำอันถ้อยคำอาจเอิ้นเห็นเกินที่
เพราะเจ้าเวียงจันทน์นั้นไม่ดีเป็นพาลีสองหน้ามาแต่ไร
มีสารามาถวายองค์สร้อยทองแก่พระผู้ครองเมืองเชียงใหม่
แล้วกลับยกยักย้ายถวายไทยเราจึงได้อาฆาตวิวาทกัน
จนติดพันประจัญรณรงค์มากล่าวไยให้ส่งองค์นางนั้น
อย่าช้ามาชนช้างกันกลางครันถ้าใครดีชีวันไม่บรรลัย
ถ้าแม้นเราแพ้ท่านในการณรงค์ก็ควรละจะส่งสร้อยทองให้
ถ้าแม้นท่านเสียท่าปราชัยสร้อยทองต้องเอาไว้ในเชียงอินทร์
ว่าพลางทางสั่งปีกซ้ายขวาทั้งกองกลางช้างม้าดากันสิ้น
ให้รายล้อมพวกไทยใจทมิฬอย่าให้ปลิ้นหนีพล่านออกด้านใคร ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนวิเศษขจรเดชลือเลื่องกระเดื่องไหว
จึงร้องสั่งทหารอันชาญชัยอย่าคลุกคลีตีให้เป็นด้านกัน
สำมะยังรั้งรับกับปีกขวาพรหมศรรับราปีกซ้ายนั่น
ธรรมเถียรคอยทัพรับหลังมันตัวเราจะประจญเข้าชนช้าง
สั่งแล้วไสสีห์คชเดชร่ายพระเวทเป่าตะพองงาสองข้าง
ให้คงทนทั้งตัวทั่วสรรพางค์แล้วไสวางช้างมุ่งท้าวกรุงกาฬ ฯ
๏ ครานั้นกรุงกาฬชาญชัยศรีไสพลายพลิกธรณีมาง่านง่าน
กรายของ้าวรำด้วยชำนาญคชสารสองปะทะเข้าประงา
ด้วยช้างลาวกำลังที่คลั่งเมาเมื่อยกออกกรอกเหล้าไว้หนักหนา
คขเดชยั่งยืนชื่นนัยน์ตาบ่มมันกลั่นกล้าไม่กลัวช้าง
ครั้นพลายพลิกธรณีรี่เข้าชิดคชเดชก็ขวิดปลายงาผาง
พอช้างลาวเบนเสยเข้าเกยคางช้างไทยได้ล่างเข้าหว่างคอ
นายเจ็ดปานพานกระแชงแทงต้ำเฮือกถูกช้างลาวหน้าเสือกหงายท้ายย่อ
ขุนแผนคะยิกใหญ่ไม่รั้งรอช้างไทยเป็นต่อดันตะบึง
ช้างลาวถอยหลังยั้งไม่ถนัดเพียรจะงัดช้างไทยใส่ผึงผึง
ช้างไทยดันแดกกระแทกตึงช้างลาวถอยดึ่งทุกทีไป
กรุงกาฬเหนี่ยวสับให้กลับหันช้างไทยดันไม่ฝืนคืนมาได้
ด้วยช้างลาวเมาสุราเป็นบ้าใจครั้นเจ็บหนักยักไหล่สลัดคว้าง
ขุนแผนเห็นได้ทีไม่รีรอรำของ้าวฟาดลงฉาดผาง
ถูกกรุงกาฬซานซบทบคอช้างไม่เข้าคอพอเป็นยางออกช้ำช้ำ
กรุงกาฬฟื้นลุกคืนขึ้นมาได้ขุนแผนไสช้างกระชั้นไล่ฟันร่ำ
จนตีนหลุดจากชนักหัวปักปำขุนแผนซ้ำลงอีกฉาดพลาดตกตึง
ขุนแผนไสช้างเข้าร้องเอาพ่อช้างก็ปร๋อปราดแปร้นแล่นเข้าถึง
ม้วนงวงหลับตาลงงาตึงตีตะบึงแทงตะบันดันจนแบน
พอถอนงาคว้าผีขึ้นโยนขวับตกลงมางารับแล้วร้องแปร้น
ไส้ทะลักหักแหกหัวแตกแตนช้างลาวแล่นหนีออกนอกโยธา
สำมะยังคุมไพร่ไล่ขนาบตีกองปราบเมืองแมนข้างปีกขวา
พรหมศรต้อนพลกล่นเกลื่อนมาเข้ารบราปีกซ้ายนายกำกอง
สองข้างต่างโถมเข้าโจมตีถ้อยทีหนีไล่กันไวว่อง
ลาวแทงไทยจับเข้ารับรองไทยฟันลาวป้องจ้องเข้ารับ
พวกไทยไล่ทันฟันตะบึงนั่นปึงนี่ปังข้างหนึ่งปับ
สำมะยังโถมเข้าเอานายทัพนายปราบรันฟันปังดังเหล็กเพชร
สำมะยังเป่าไปให้ประจุขาดเอาดาบฟาดขาดสะบั้นกระเด็นเด็ด
ดาบล่อนเลือดฝาดดังชาดเช็ดอ้ายลาวเข็ดคิดขยาดไม่อาจรบ
พรหมศรเสกคาถาว่าถอนโบสถ์โดดแทงกำกองเข้าท้องกบ
ชักกั้นหยั่นฟันควาญลงซานซบทับศพผีนายลงก่ายกัน
สอยดาวเห็นแม่ทัพอัปรานายทั้งปีกซ้ายขวาก็อาสัญ
ก็ขับไสช้างงาเข้ามาพลันเอาง้าวหันพวกไทยไล่ตะลุย
ธรรมเถียรยืนดูอยู่ท่ามกลางขัดใจไสช้างมาฉุยฉุย
อ้ายพลายแก้วมิ่งเมืองไม่เงื่องงุยเอางาชุ่ยสอยดาวเข้าราวนม
นายสอยดาวทรงกายพอหายขัดเอาของคัดงาหันฟันประสม
ไทยเป่าโอ้ฟ้าผ่ามาตามลมฟันลาวง้าวจมลงครึ่งคอ
แล้วเหยียบดจนโผนทะยานฟันควาญท้ายอ้ายลาวบ่าวนายไม่เหลือหลอ
ฉัวะแาดขาดเด็ดทั้งสองคอพวกพลย่นย่อเข้าป่าไป ฯ
๏ จะกล่าวถึงแสนเพชรตรีกล้าสิ้นพิษต่อลืมตาขึ้นมาได้
แลเห็นทัพแตกตายกระจายไปก็ขัดใจขับม้ามาทันที
ร้องว่าฮ้าเจ้าพลายนายแผนนั้นมิสำคัญคิดเอาว่าเราหนี
ด้วยตัวต่อต่อยตาเอาพาชีมันแล่นลี้ชักฉุดไม่หยุดยั้ง
เรากลับมากล้าดีมาลองฤทธิ์อย่าได้คิดว่าเราจะถอยหลัง
มาตรแม้นแพ้นายวายชีวังจะให้ชื่อลือดังทั้งแผ่นดิน ฯ
ครานั้นขุนแผนแมนศักดาฟังคำเพชรกล้าพูดบ้าบิ่น
จึงร้องตอบคำไปให้ได้ยินยังเล่นลิ้นลอยหน้ามาท้าทาย
เราเห็นทำศักดากับทารกยังต้องยกธงล่าเข้าป่าหาย
แพ้ลูกกะจิดริดไม่คิดอายจะมาหมายต่อสู้ผู้บิดา
นี่แท้นายอายลาวพวกบ่าวไพร่จึงซ่องแซ่งแข็งใจมาแก้หน้า
ด้วยจนตรอกบอกไม่ได้แข็งใจมาในครั้งนี้ชีวาไม่คงชนม์ ฯ
๏ เพชรกล้าตาเขียวให้เกรี้ยวโกรธดังถูกหอกรอกโสตรสักแสนหน
เดือดดาลไม่ทันอ่านพระเวทย์มนตร์ก็ขับม้าผ่าพลเข้าชิงชัย
ขุนแผนตวาดอำนาจยักษ์เพชรกล้าง่าชะงักไม่ไหวได้
แล้วยกเงื้อง้าวฟาดฉาดลงไปถูกหัวไหล่ลาวล้มลงจมอาน
ตาหลอว่าคุณพ่อดิฉันเองวิ่งถลันฟันเป้งลงด้วยขวาน
ตารักว่าฉันด้วยช่วยลนลานเอาพลองกระทุ้งพุงกรานให้ตกม้า
นายโห้สามหอกกรอกด้วยทวนเหล็กม้วนไม่เข้าตรีเพชรกล้า
ทิ้งทวนเข้าปะทะฉะด้วยพร้านายปานขวานฟ้าเอาดาบฟัน
ราวกับฟาดทองแดงแทงก้อนหินหักบิ่นยู่ย่นไปจนกั่น
แม้กระดูกก็ไม่หักแต่สักอันคงกระพันชาตรีดีทั่วกาย
ตาหลอว่าคุณพ่อพ่อพลายขาอ้ายเพชรกล้าคนนี้ดีใจหาย
จะฟันแทงสักเท่าไรก็ไม่ตายยังนอนหายใจอยู่ดูพิกล
ขุนแผนร้องว่าอย่ามี่ฉาวเฮ้ยพวกเราเอาหลาวทะลวงก้น
ถึงมาตรแม้นอยู่ยงมันคงทนแยงให้จนถึงคอคงมรณา
ตาหลอกับตารักยืนหยักรั้งพวกทะลึ่งตึงตังเข้าแก้ผ้า
นายโม้กับนายเม้าเอาหลาวมาผ่าทวารเข้าปรอดตลอดตัว
หลายคนช่วยกันดันกระดอกเอาไม้ตอกกังกังกระทั่งหัว
หน้าเผือดเลือดแดงดังแทงวัวถูกรูรั่วเลือดราดลงดาดดิน ฯ
๏ พวกโยธาบรรดาที่เหลือตายบ้างหลบลี้หนีหายเข้าป่าสิ้น
พวกม้าเร็วรีบตะบึงถึงบุรินทร์บอกระบิลแสนท้าวเหล่าพระยา
ว่าสาธุโยธาทั้งห้าทัพตายยับสิ้นแล้วพระเจ้าข้า
เหล่าพวกที่หลบลี้มิมรณาไม่ทราบว่ามาได้สักเท่าไร ฯ
๏ พวกผู้ใหญ่ได้ฟังพวกม้าเร็วเอาผ้ากราบคาดเอวหาช้าไม่
วิ่งมางกงกด้วยตกใจตรงเข้าในท้องพระดรงรจนา
เห็นจอมนคเรศเกศเชียงอินทร์สถิตแท่นมณีนิลข้างฝ่ายหน้า
อำมาตย์หมอบยอบกรานคลานเข้ามาวันทาทูลพลันในทันใด
ว่าเพชรกล้าสอยดาวท้าวกรุงกาฬทหารปราบเมืองแมนทั้งนายไพร่
ยกออกไปรบกรับกับพวกไทยบรรลัยย่อยยับอัปรา
พวกทหารน้อยใหญ่ทั้งไพร่นายที่เหลือตายหลบลี้หนีเข้าป่า
ยังแตกซ่านซ่อนเร้นไม่เห็นมาไม่ทราบว่ามากน้อยกี่ร้อยคน ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นนคเรศได้ฟังเหตุว่าทัพนั้นยับย่น
ดังพระกาลจะผลาญให้วายชนม์พระพักตร์หม่นหมองสลดระทดใจ
แต่มานะกษัตริย์ตรัสประภาษประกาศสั่งเสนาทั้งน้อยใหญ่
ให้เร่งรัดจัดรักษาซึ่งเวียงชัยให้ตั้งค่ายรายไปรอบพารา
ปิดทวารทั้งนั้นให้มั่นคงลงเขื่อนไม้แก่นให้แน่นหนา
ปืนหามแล่นเอาจุกทุกเสนาคาบศิลาใส่ตับลำดับไว้
ที่ขอบค่ายนั้นให้รายปืนจ่ารงที่ช่องตรงประตูกลางวางปืนใหญ่
เอาปะขาวกวาดวัดทั้งฉัตรชัยจุกใส่ให้ทุกช่องทวารา
บนทวารกำแพงข้างด้านใต้จงเอาซุงแขวนไไว้ให้หนักหนา
แม้นข้าศึกฮึกโหมโจมเข้ามาเอามีดพร้าตัดทับให้ยับไป
ในกำแพงถากถางหนทางเดินแนวถนนบนเชิงเทินให้กว้างใหญ่
ที่ตรงหว่างวางปืนกองฟืนไฟคั่วกรวดทรายไว้ให้ทุกกอง
ให้กรมเมืองร้องป่าวชาวประชาผู้ดีไพร่ให้เข้ามาทุกบ้านช่อง
นั่งยามตามไฟเที่ยวสอดมองตีฆ้องตรวจตระเวณกะเกณฑ์กัน
ผลัดกันลุกปลุกกันนั่งระวังไฟถ้าเกิดขึ้นเรือนใครจะอาสัญ
เหล่าบ้านนอกกำแพงทุกแห่งนั้นให้ผ่อนผันคนมาในธานี
สระบ่อท่อธารบ้านของใครขุดไขน้ำเข้าให้เต็มที่
ข้าวปลานาไร่ของใครมีให้ขนมาไว้ที่นี่สิ้นทั้งนั้น
แต่บรรดาแสนท้าวเหล่าเพี้ยกวานคอยระวังการงานให้แข็งขัน
ถ้าศึกเข้าด้านใดอย่าไว้มันเอาไปฟันเสียบเสียให้สาใจ ฯ
๏ ครานั้นแสนท้าวเหล่าพระยารับสั่งออกมาหาช้าไม่
อื้ออึงเอะอะกะเกณฑ์ไปลากปืนใหญ่จุกจ้องช่องประตู
ให้กรมเมืองร้องป่าวชาวประชาทั้งชายหญิงวิ่งมาเป็นหมู่หมู่
บ้างตั้งค่ายรายรอบที่ขอบคูบ้างเกณฑ์คนขึ้นอยู่บนกำแพง
เอาฟืนใส่ไฟก่อเอาหม้อตั้งคั่วกรวดทรายรายระวังไปทุกแห่ง
ให้มีสารวัตรเที่ยวจัดแจงตีฆ้องป๋องแป๋งออกรอบไป
ชุลมุนวุ่นแาวพวกชาวบ้านบ้างอุ้มลูกจูงหลานอยู่ขวักไขว่
เชี่ยนขันโตกพานในบ้านใครบ้างขุดไว้ฝังดินสิ้นทั้งนั้น
ลูกแหวนรวงทองของสะอาดบ้างเย็บไถ้ใส่คาดบั้นเอวมั่น
บ้างเอาผ้าปะในไว้อีกชั้นของสำคัญซ่อนซุกไว้ทุกคน
ที่แม่ม่ายยายแก่รำมะก้าเอาห่อผ้าใส่หนีบไว้กลีบก้น
ให้นึกกลัวพวกไทยจะไล่ค้นเอาซุกซนลงไว้ใต้พริกเกลือ
บ้างซ่อนใส่มวยผมผ้าห่มนอนบ้างซุกไว้ในหมอนซ่อนในเสื่อ
บ้างเอาชันปะไว้ใต้ท้องเรือไม่ให้เหลือสักนิดเอาติดไป
ที่รู้ว่าลูกผัวของตัวตายทั้งสาวแส้แม่ม่ายร่ำร้องไห้
ออกอัดแอแซ่เสียงทั้งเวียงชัยด้วยกวาดกันเข้ามาในกำแพง
ข้างในวังชุลมุนกันวุ่นวายเจ้านายทุกองค์ทรงกันแสง
ทั้งหม่อมคุณวุ่นว่อนข้อนอกแดงบ้างฝังแฝงของไว้ใต้ตึกราม ฯ
๏ ส่วนพระเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นเชียงใหม่พูดเอาใจลูกเต้าเหล่าหม่อมห้าม
อ้ายศึกนิดพวกเราเบาสงครามเข้ารบรุมซุ่มซ่ามจึงเสียที
เฮ้ยฝีมือของกูสูคอยเบิ่งจะลุยไล่ให้เปิงแหกป่าหนี
กับอ้ายพวกห้าร้อยน้อยเท่านี้จะขยี้เสียให้ยับลงกับเท้า
จะร้องไห้ทำไมให้เป็นลางทัพขุนนางหรือจะสู้กูเป็นเจ้า
ถ้าขืนจะรุกรานบ้านเมืองเราระดมเอาเสียสักวันก็บรรลัย
พระตรัสพลางทางเสด็จออกข้างหน้าประกาศสั่งเสนาทั้งน้อยใหญ่
ให้เร่งรัดจัดเตรียมให้พร้อมไว้เอาเชียงใหม่เป็นค่ายได้สำคัญ
ถ้าแม้นมันบกตะบึงถึงบุรีอย่าเพ่อออกต่อตีให้ตั้งมั่น
ข้างเรามีข้าวปลาสารพพันพวกมันนั้นจะได้อะไรกิน
เหล่าบ้านนอกธานีมียุ้งข้าวเอาไฟเผายุ้งฉางล้างให้สิ้น
ตัดกำลังพวกไอ้ใจทมิฬมันจะบินไปข้างไหนได้เห็นกัน
พอเสบียงเลี้ยงท้องมันหมดตัวจึงออกไปจิกหัวเอาดาบหั่น
อ้ายศึกสักหยิบมือไม่ครือครันพวกเราทำเสียไม่ทันจะพริบตา ฯ
๏ ครานั้นเสนีสี่จตุสดมภ์ถวายบังคมเห็นชอบกันพร้อมหน้า
ซึ่งพระองค์ทรงดำริตริตราคงสมดังบัญชาทุกประการ
จะมีชัยอาศัยเพราะเสบียงตัดลำเลียงเสียให้หมดอดอาหาร
ข้าวตากมันจะมีกี่ทะนานหมดข้าวสารก็จะสิ้นกำลังลง
ถึงโดยมันมาล้อมเราอ้อมนอกอย่าให้ออกไปหาเสบียงส่ง
ไม่กี่วันจะวิ่งเป็นชิงธงคอยสกัดปากดงคงได้ตัว
ไม่พักต้องรบรับขับเคี่ยวโห่สักเกรียวก็จะบุกเที่ยวซุกหัว
อ้ายห้าร้อยเป็นเชลยมันเคยกลัวจับเป็นเอาให้ทั่วทั้งไพร่นาย
แต่บรรดาเพี้ยกวานท่านผู้ใหญ่ปรึกษาเห็นพร้อมใจสิ้นทั้งหลาย
ออกมานั่งสั่งความตามอุบายเอากำแพงเป็นค่ายรายเขื่อนคู ฯ
             

ตอนที่ ๓๐ ขุนแผนพลายงามจับเจ้าเชียงใหม่


ตอนที่ ๓๐ ขุนแผนพลายงามจับเจ้าเชียงใหม่

๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิทเรืองฤทธิ์ราวีไม่มีสู้
เห็นทัพลาวแตกพ่ายกระจายพรูที่เหลืออยู่พวกไทยไล่ตามฟัน
พอจวนเย็นเรียกทัพกกลับเข้าค่ายหุงต้มล้มควายกินจ้าละหวั่น
พวกทหารพูดจาเฮฮากันจนสิ้นแสงสุริยันลงทันใด
ขุนแผนบอกลูกชายเจ้าพลายกล้าจะเฉยช้าอยู่ที่นี่หาดีไม่
ควรกรูกรีรี้พลพหลไกรเข้าประชิดติดเชียงใหม่ให้ทันที
อย่าให้มันหยุดยั้งตั้งตัวได้เข้าลุยไล่รีบทำให้ป่นปี้
ด้วยเสบียงเลี้ยงไพร่เราไม่มีต้องคลุกคลีเสียให้ได้ในสองวัน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามฟังความเท็จจริงทุกสิ่งสรรพ์
จะเนิ่นช้าอาหารกันดารครันด้วยลาวนั้นที่ไหนจะยกมา
พอรู้ข่าวก็จะหนาวสะท้านจิตเป็นจะปิดประตูน้ำค้ำประตูท่า
ถ้าเราไม่เข้าไปถึงพาราจะรอให้มันมาเห็นจะลึก
เอาทัพเราเข้าประชิดติดเวียงชัยแล้วสะกดเข้าไปเมื่อยามดึก
ถ้าจับเจ้าเชียงใหม่ได้สมนึกจะตัดศึกสิ้นลำบากไม่ยากใจ
พ่อลูกพูดจาปรึกษากันพอแสงจันทร์ส่องสว่างกระจ่างไข
สั่งให้พวกอาสาพากันไปตัดไม้ปลูกศาลขึ้นเพียงตา
วงสายสิญจน์เสกลงเลขยันต์เครื่องเซ่นสารพันให้จัดหา
เป็ดไก่เต่าหมูและสุราทั้งข้าวปลาอาหารทุกสิ่งอัน
สั่งแล้วขันแผนแสนสนิทประชุมฤทธิ์ปลุกตัวขมีขมัน
ใส่มงคลมนตร์เสกข้าวสารพลันเหน็บมีดหมอจรจรัลมาทันที
จุดเทียนติดศาลอ่านคาถาเรียกบรรดาโหงพรายโขมดผี
ทั้งปู้เจ้าเขาเขินเนินคีรีเชิญมารับบัดพลีพลีการ ฯ
๏ จะกล่าวถึงภูตพรายผีตายโหงที่ป่าโปร่งรังรุกข์ทุกสถาน
ทั้งปู่เจ้าเขาถ้ำทุกลำธารต้องมนตร์อลหม่านไปทั้งดง
พวกผีไทยไปทัพกับขุนแผนต่างเที่ยวแล่นเรียกหาทุกป่าระหง
ผีลาวครั่นคร้ามขามฤทธิรงค์ต่างก็ตรงมาที่พิธีกรรม์
แต่ล้วนผีดาษดื่นสักหมื่นแสนดูออกแน่นคั่งคึกพิลึกลั่น
ล้อมศาลรอบรายเป็นหลายชั้นคนทั้งนั้นนั่งเขม้นไม่เห็นกาย
แต่ขุนแผนแสนสนิทเรืองฤทธีเห็นผีสะพรั่งสิ้นทั้งหลาย
ที่ร้ายกาจผาดแผลงแกล้งอุบายเป็นสัตว์ร้ายต่างต่างวางเข้ามา
ขุนแผนเสกซัดข้าวสารปรายผีร้ายหมอบกราดลงดาดป่า
ซ้ำเป่าอาคมลมจินดาให้ฝูงผีมีเมตตาไปทุกตน
ขุนแผนว่าข้าแต่เทพารักษ์อันเรืองฤทธิ์สิทธิศักดิ์ทุกแห่งหน
ท่านจงยกพยุหบาตรปีศาจพลไปประจญอารักษ์หลักเชียงอินทร
ด้วยว่าเจ้าเชียงใหม่ไม่ครองธรรมถึงกรรมเมืองจะแหลกแตกสิ้น
จงช่วยเรามาอาสาแผ่นดินเชิญมากินเครื่องเซ่นอย่าเว้นตัว
เทพเจ้าเหล่าโขมดมายาต้องมนตร์จินดาก็ยิ้มหัว
ต่างรับอาสาว่าอย่ากลัวจะช่วยท่านเรียงตัวทั่วทั้งนั้น
กินเครื่องเซ่นสุราแล้วลาแล่นออกเยียดยัดอัดแน่นในไพรสัณฑ์
แผลงฤทธิ์บิดร่างต่างต่างกันแผ่นดินลั่นดังจะถล่มทลาย
สนั่นเมืองเปรื่องเปรี้ยงเสียงปีศาจดังพสุธาฟ้าฟาดไม่ขาดสาย
เหมือนจะล่มเมืองคว่ำให้ทำลายเข้ารุมรายล้อมรอบขอบบุรี ฯ
๏ ฝ่ายว่าอารักษ์หลักเชียงใหม่พระเสื้อเมืองเรืองชัยแลเจ้าผี
สถิตศาลน้อยใหญ่ในธานีที่ได้รับเครื่องพลีเจ้าเชียงอินทร์
เห็นผีไพรไทยมาเป็นสามารถก็เกณฑ์กวาดผีบ้านทุกฐานถิ่น
ผีป่าช้าอยู่ในใต้แผ่นดินเรียกมาสิ้นให้สู้หมู่ผีไทย
ต่างตนสำแดงฤทธิรุทรบ้างพุ่งซัดอาวุธอยู่หวั่นไหว
บ้างฉวยได้ม้าช้างขว้างออกไปคว้าท่อนไม้เท่าซุงเอาพุ่งโยน
ถูกผีป่าล้มคว่ำคะมำกลิ้งผีไทยผลุนหนุนวิ่งมาผาดโผน
เอากอหนาดฟาดไล่ดังไฟโชนพวกผีป่ากลับกระโจนเข้าโรมรัน ฯ
๏ เดิมเชียงอินทร์เป็นปิ่นเอกราชชะตาขาดนครอ่อนอาถรรพ์
จะเสื่อมสิ้นยศอย่างแต่ปางบรรพ์เป็นประจันตประเทศเขตกรุงไทย
ผีป่าจึงแข็งแรงร้ายกาจผีเมืองมิอาจจะสู้ได้
ก็ถอยป่นย่นยับอัปราชัยผีป่าเข้าไปไล่ลุยเมือง
เทพทุกศาลสิงออกวิ่งพล่านกำภูฉัตรพระกาฬโดดศาลเปรื่อง
ไม่หลอเหลือทั้งพระเสื้อเมืองพระทรงเมืองหอเครื่องเจตคุกบุกหนีไป
พวกเหล่าผีเล็กผีน้อยพลอยวิ่งว่อนทั้งนครเสียงมี่ผีร้องไห้
บ้างอุ้มลูกจูงหลานซานเข้าไพรเพราะผีป่าเข้าได้ในนคร ฯ
๏ เวลานั้นเจ้าเชียงใหม่เธอไสยาสน์ครั้นทัพผีวิปลาสเกิดสังหรณ์
ทั้งตระกูลประยูรญาติราษฎรพากันนอนใฝ่ฝันออกฟั่นเฟือน
เห็นเป็นกองทัพไทยไล่ฟันลาวขุนนางเจ้าชาวบุรีหนีเข้าเถื่อน
ตื่นแซ่แก้ฝันกันทุกเรือนหลากจิตนิมิตเหมือนกันทั้งนั้น
บ้างก็ว่าเวลาเคาะระฆังได้ยินดังคึกคึกพิลึกลั่น
เห็นชะรอยภูตผีเราหนีมันต่างวิตกอกสั่นทุกคนไป ฯ
๏ พระเจ้าเชียงใหม่ฟื้นตื่นนิทราลุกผวาหวั่นหวาดพระทัยไหว
ก็ทราบว่าผีบ้านย่านผีไพรอยู่ไม่ได้หนีออกนอกบุรี
แสนวิตกอกเมืองจะเคืองเข็ญต้องยากเย็นผู้คนจะป่นปี้
นี่เพราะกูทำความไม่งามดีไปชักให้ไพรีมีขึ้นมา
แล้วหวนมานะนึกกลับฮึกเหี้ยมอายุกูก็เยี่ยมหกสิบห้า
ถึงจะครองเมืองไปก็ไม่ช้าไม่ขายหน้ายอมไทยให้อัปประมาณ
อันชาติเสือถึงจะตายลายก็อยู่ให้ใครดูรู้ชาติว่าอาจหาญ
ชาติกษัตริย์ถึงจะป่นจนวายปราณมิให้พานชื่อชั่วว่ากลัวใคร
ถึงชีวันบรรลัยจะไว้ยศให้ปรากฏทั่วโลกวิสัย
เหมือนทศเศียรสุริย์วงศ์ทรงฤทธิไกรถูกลักล้วงดวงใจไปให้ราม
แม้นรักชีวิตรักวงศ์จะส่งนางเธอสู้ตายวายวางไม่คิดขาม
จึงเลื่องชื่อลือยศปรากฏนามมีเรื่องความในนิพนธ์จนทุกวัน
ถ้ากลัวเขาเราจะส่งสร้อยทองให้ก็คงไม่เกิดเข็ญเป็นมหันต์
สู้บรรลัยไว้ยศเหมือนทศกัณฐ์ให้ลือลั่นชั่วหล้าแลฟ้าดิน
ตริพลางทางเสด็จออกข้างหน้าดำรัสสั่งเสนาทั้งปวงสิ้น
ให้คอยระวังระไวพวกไพรินเราเอาเวียงเชียงอินทร์เป็นเรือนตาย ฯ
๏ อำมาตย์กับโองการคลานออกมาต่างเข้มงวดตรวจตราคนทั้งหลาย
ทุกค่ายคูปิดประตูหอรบรายกระทะทรายตั้งคั่วทั่วกำแพง
ทั้งหญิงชายให้มาขึ้นหน้าที่มองอัคคีให้สว่างกระจ่างแสง
ให้เหล่าสารวัตคอยจัดแจงทั่วตำแหน่งเกณฑ์ตรวจทุกหมวดกรม ฯ
๏ ครานั้นนางอัปสรสุมาลีมเหสีเชียงอินทร์ปิ่นสนม
เห็นบ้านเมืองวิปริตผิดนิยมจะแหลกล่มเสียกระมังในครั้งนี้
จำจะไปเพ็ดทูลมูลเหตุให้ทรงเดชวินิจฉัยให้ต้องที่
คิดพลางย่างเเยื้องจรลีไปเฝ้าเจ้าธานีในทันใด
ครั้นถึงกราบก้มประนมกรบังอรซบเศียรสะอื้นไห้
แล้วกราบทูลสามีพิรี้พิไรขอพระองค์จงได้กรุณา
เป็นความสัตย์สุจริตไม่คิดหึงหมายจะพึ่งภูวไนยจนสังขาร์
อันซึ่งศึกประชิดติดพาราด้วยสาเหตุเนื้อเคราะห์เพราะสร้อยทอง
จะเอานางไว้ไยในพาราให้ไพร่ฟ้าทุกข์ทนหม่นหมอง
เคืองระคายบาทาฝ่าละอองขอพระองค์จงตรองในพระทัย
พระสนมแน่งนวลควรประคองงามกว่าเจ้าสร้อยทองไม่นับได้
ไม่ควรจะขุ่นเคืองกับเมืองไทยถ้าส่งสร้อยทองให้กับนายทัพ
ที่คนเขาเขาก็คืนเอาไปได้เห็นพวกไทยจะเลิกกองทัพกลับ
ทั้งวังเวียงเชียงใหม่ไม่ย่อยยับเหมือนพระดับความเข็ญเย็นประชา
ให้หมดสิ้นเสี้ยนหนามได้ความสุขตัดยุคเสียอย่างนี้จะดีกว่า
ขอพระองค์ทรงพระกรุณาให้ไพร่ฟ้าแผ่นดินสิ้นทุกข์ภัย ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์บดินทร์สูรฟังทูลก็สะท้อนถอนใจใหญ่
นึกสงสารสายสมรอ่อนพระทัยประเดี๋ยวใจหวนพิโรธโกรธขึ้นมา
น้องเอ๋ยพี่ไม่เคยให้ใครหยามเจ้าเวียงจันทน์ทำความไว้ข้ามหน้า
ยังมิหนำซ้ำพวกอยุธยาหยาบช้ามาประชิดติดนคร
ถ้าขอนางโดยดีพี่จะให้นี่มันไม่ยำเกรงข่มเหงก่อน
บังอาจลักช้างม้าฆ่าราษฎรลือกระฉ่อนออกดังทั้งแดนไตร
มันเขียนหนังสือว่าท้าประจานมิใช่พระในวิหารจะอดได้
จึงได้เกิดรบพุ่งกันยุ่งไปลาวบรรลัยมากมายเป็นหลายคน
ซึ่งจะส่งองค์นางไปเดี๋ยวนี้เหลือที่จะทำได้ให้ขัดสน
ไม่ขอส่งคงสู้จนวายชนม์เกิดเป็นคนถึงกรรมก็จำตาย ฯ
๏ ครานั้นนางอัปสรสุมาลีได้ฟังคำสามีก็ใจหาย
ช่างดึงดันโกรธเกรี้ยวไปเดียวดายจะทานทัดมากมายก็ไม่ควร
เคารพราบกราบลาพระสามีเทวีเสด็จมาโดยด่วน
ทอดองค์ลงกับแท่นแสนรัญจวนยิ่งปั่นป่วนโศกเศร้าเสียพระทัย
กรกอดลูกน้อยเจ้าสร้อยฟ้านางโศกาสะอึกสะอื้นไห้
แม่ไปทูลพระองค์ผู้ทรงชัยเธอดื้อดึงขึงไปไม่นำพา
ทั้งนี้เพราะเคราะห์กรรมนำนิยมจะให้ล่มโลกลาวตลอดหล้า
ทั้งหญิงชายก็จะฟายแต่น้ำตาคงยากเย็นเป็นข้าพวกไทยแท้
แสนวิตกโอ้อกเจ้าแม่เอ๋ยจะเป็นเชลยเขาเสียแล้วนะแก้วแม่
จึงเผอิญให้กษัตริย์วิบัติแปรที่ชั่วแน่กลับเห็นว่าเป็นดี
ตรัสทางพลางข้อนพระทรวงร่ำแสนระกำดังจะม้วยไปเป็นผี
เจ้าครอกน้อยสร้อยฟ้านารีก็โศกีลูกแม่แน่นิ่งไป
กำนัลนางต่างเอาสุคนธ์สรงค่อยชุ่มชื่นฟื้นองค์ขึ้นมาได้
แต่โศกแล้วโศกเล่าเฝ้าร่ำไรร้องไห้ข้อนอกจนฟกแดง ฯ
๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิทเรืองฤทธิ์ลือทั่วกลัวแสยง
พอรุ่งแสงทินกรขึ้นร้อนแรงก็จัดแจงกองทัพกำชับการ
ให้เร่งผูกอัสดรกุญชรชาติจะยกยาตราหลพลหาญ
ล่วงลัดตัดตรงเข้าดงดานประชิดชานเชียงใหม่ในวันนี้ ฯ
๏ พวกอาสารับสั่งไม่รั้งราต่างไปผูกช้างม้าอยู่อึงมี่
จับอาวุธวุ่นวิ่งเป็นสิงคลีประจำที่พยุหบาตรจะยาตรา
ให้พระนายท้ายน้ำนั้นนำศึกขี่พลายประกายพรึกมาข้างหน้า
เพี้ยกึงกำกงถัดลงมาขี่พลายพลิกพสุธามากลางพล
ขุนแผนขี่พลายศรีคชเดชพลายงามขี่พลายเกตุต้อนพหล
พวกอาสาร่าเริงทุกตัวคนรีบร้นโยธาคลาไคล
โห่สั่นลั่นก้องท้องอรัญครึ่งวันก็กระทั่งถึงเชียงใหม่
ให้หยุดทัพยับยั้งตั้งพลไว้นายไพร่พร้อมพรั่งอยู่คั่งคับ
เอาอ้อแขมมากระหนาบคาบเอาไว้ซัดข้าวสารหว่านไปเป็นค่ายตับ
ปักรายหลายชั้นกั้นหน้าทัพสำหรับปืนใหญ่ในบุรี ฯ
๏ ในชานเวียงเสียงสนั่นออกหวั่นไหวเห็นทัพไทยมาประชิดติดกรุงศรี
พวกลาวระวังตัวทั่วธานีเข้าประจำหน้าที่สิ้นทั้งนั้น
บ้างเคี่ยวชันหลอมตะกั่วคั่วทรายตั้งเตารายบนกำแพงไว้แข็งขัน
กองไฟรอบเมืองเนื่องเนื่องกันส่งแสงแดงฉานทั้งเวียงชัย
องค์พระเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นนคราออกมาสั่งเสนาผู้น้อยใหญ่
ให้ระแวดระวังตั้งใจดูอย่าให้ผู้คนปนเข้ามา
เอาหอกดาบปืนผาอาวุธเครื่องยุทธ์เตรียมไว้ให้แน่นหนา
ชั้นแมวหมูสุนัขนกกาแม้นเข้าเมืองจับฆ่าให้วายชนม์
ให้เสนีสี่นายแยกย้ายไปตรวจไพร่โยธาโกลาหล
รอบจังหวัดอัดแอแต่ล้วนคนทุกถนนหนทางสว่างไฟ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทเรืองฤทธิ์ลือจบพิภพไหว
กับลูกชายพลายงามทรามวัยพอดึกได้สามยามตามตำรา
ฟ้าขาวดาวดวงสะกดแจ่มพระจันทร์แรมรีบดับลงลับหล้า
พ่อลูกจัดแจงแต่งกายานุ่งผ้าม่วงดำประจำกาย
สะเอวคาดราตคดก็สีดำคล้องประคำตะกรุดทองทั้งสองสาย
ใส่เสื้อยันต์ลงองค์นารายณ์เข็มขัดขมองพรายคาดกายพัน
ประจงจับจบประเจียดประจุพระโพกศีรษะทะมัดทะแมงดูแข็งขัน
ทั้งพ่อลูกผัดผงที่ลงยันต์แล้วเสกจันทน์เจิมหน้าสง่างาม
ขึงขังทั้งคู่ดูสง่าดังพระยาสีหราชเรืองสนาม
จบคำนับจับดาบปราบสงครามบ่ายหน้ามาตามยามอาทิตย์
ตรงเข้าไปในป่าแล้วปลุกตัวเป่าทั่วด้วยคาถาประกาศิต
ขยับยืนยกเมฆดูนิมิตเห็นรูปนารายณ์เรืองฤทธิ์ติดอัมพร
สี่หัตถ์ทรงศัตราคทาเพชรพร้อมเสร็จจักรสังข์พระแสงศร
ลมสองคลองคล่องขวาเวลาจรก็ก้าวเท้าขวาก่อนทั้งสองคน
กุมารทองโหงพรายรายรอบข้างพ่อลูกเยื้องย่างมาทางถนน
ร่ายเวทจังงังกำบังตนไม่มีคนทายทักแต่สักคำ
ปีนข้ามเนินคูประตูค่ายอ้ายพวกลาวบ่าวนายอยู่คลาคล่ำ
ล้วนต้องมนตร์ง่วงหงับระงับงำขุนแผนนำหน้าไปใกล้กำแพง
ยืนมองช่องประตูคนผู้ไขว่กองไฟไว้สว่างกระจ่างแสง
ทหารปืนยืนเป็นพวกใส่หมวกแดงเสียงฆ้องป๋องแป๋งออกรอบไป
ขุนแผนกับลูกชายร่ายพระเวทอันวิเศษสองนายใช้พรายได้
แล้วขึ้นคอผีกุมารอันชาญชัยผีก็แผลงฤทธิไกรวิสัยตน
ผาดโผนโจนข้ามกำแพงเมืองเปรื่องเดียวเข้าได้ไม่ขัดสน
ขุนแผนเป่าซ้ำกระหน่ำมนตร์สะกดคนหลับรอบขอบนคร
แล้วตรงมาถึงวังเจ้าเชียงใหม่ขุนแผนใช้พรายลาวเข้าไปก่อน
ให้ถอนลิ่มถอดสลักชักกลอนทั้งพ่อลูกบทจรเข้าวังใน ฯ
๏ ผู้หญิงลาวท้าวนางแลโขลนจ่าแลมาหาเห็นขุนแผนไม่
ทั้งคุณหม่อมจอมเจ้าแลสาวใช้จรลีสีไหล่กันไปมา
ขุนแผนพลายงามตามกันจรเที่ยวทุกตรอกซอกซอนทั้งซ้ายขวา
ขึ้นตำหนักเจ้าจอมหม่อมมารดาจะดูท่าชาววังเป็นอย่างไร
บ้างซุบซิบสนทนาถึงข้าศึกบ้างข้อนอกเข้าสะอึกสะอื้นไห้
บ้างจับเบี้ยบนผีพิรี้พิไรบ้างเย็บไถ้คาดแน่นใส่แหวนทอง
ทุกหนแห่งแสยงสยดทั่วไม่มีหัวมีแต่ไห้ไปทุกห้อง
พ่อลูกเล็ดลอดเที่ยวสอดมองเห็นหม่นหมองเวทนาในอารมณ์
แต่พวกเล่นจับคู่ไม่สู้ทุกข์ยังสนุกรื่นรวยทำสวยสม
บ้างไปมาหาคู่ที่เคยชมเชยแก้มแนมนมกระนี้กระนั้น
บ้างขึ้นมาหาสู่เหมือนชู้ชายแย้มคายลิ้นลมเป็นคมสัน
บ้างหวงหึงบึงบอนควักค้อนกันบ้างแดกดันทุ่งเถียงเสียงอลวน
ที่ลางนางทอดตัวเกาหัวแกรกถ้าเมืองแตกเรานี้คงปี้ป่น
ลางนางบ้างว่าอย่าร้อนรนของยังมีที่ตนไม่จนนาน
บ้างว่าถ้าตกไปเมืองใต้ทำอย่างไรจึงจะดีให้วิถาร
ที่ลางนางนอกคอกบอกอาการอย่าเกียจคร้านโต้ตอบชอบทุกคน
ที่คนโง่ถามว่าโต้อย่างไรขาถ้าผัวด่าด่าโต้หรือยังฉงน
ใครเขาให้โต้ปากอยากสัปดนให้เอาตนโต้ดอกบอกตามการ
ซึ่งโต้ตอบอย่างนี้ไม่มีครูด้วยต่างคู่ต่างวิสัยหลายสถาน
ถ้าโต้ตอบชอบใจแล้วไม่นานต้องซมซานฝากตัวกลัวจนงอ
แน่พวกเรานะอย่าเอาที่ผัวไพร่เหมือนกับเหยียบขี้ไก่มันไม่ฝ่อ
ปะนายมุลขุนนางวางให้พอเข้าเคลียคลอเคล้าคลึงให้ถึงใจ
ทั้งนวดฟั้นปรนนิบัติพัดวีทำให้ดีขี้คร้านจะหลงใหล
ยิ่งกว่ายาแฝดฝังยังเข้าใจท่านผู้หญิงทิ้งไล่เสียเลเพ
บิ่งงกงันฟันหักยิ่งรักสาวกลัวจะซานลานลาวเจ้าเสน่ห์
อุตส่าห์เฝ้าเอาใจใช้อุปเทห์แก่ขี้เหร่ดีนักยิ่งรักเมีย
ระวังแต่อ้ายหนุ่มกระจุ๋มกระจิ๋มมันมักชิมแล้วเฉยเลยทิ้งเสีย
ถ้าไม่ช่วยตัวได้อย่าให้เยียทำปัวเปียเสียพอป่องพร่องราคา ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนประเสริฐเลื่องชื่อลือเลิศตลอดหล้า
กับลูกชายหงายแหงนดูดาราพอเพลาดาวธงเข้าตรงรถ
ดูอากาศแผ้วผ่องเป็นคลองช้างแจ่มกระจ่งเด่นดาวดวงสะกด
พระจันทรล่อนดับลับบรรพตกำหนดต้องฤกษ์พาตำราเรียน
พ่อลูกเสกซัดข้าวสารกราวพวกแสนลาวล้มเกลือกลงเสือกเศียร
ที่นั่งขึงแข็งตาน่าวิงเวียนจนล้มพาดดาษเดียรลำดับกัน
ที่ลุกขึ้นกึกกักมาตักน้ำต้องอาคมล้มคะมำคว่ำทับขัน
ลางนางเช็ดไรใส่น้ำมันสำลีพันไม้คาหลับตาไป
ลางนางปักสะดึงตรึงตราขุนง่วงงุนหลับตามือคาไหม
ที่ปั่นฝ้ายกระหลอดลงกอดไนที่นั่งยามตามไฟไม่สมประดี
ขุนแผนสั่งผีโขมดกุมารทองจงเข้าไปในห้องปราสาทศรี
สะกดพระยาลาวเจ้าธานีมเหสีลูกสาวชาวพนักงาน ฯ
๏ ผีคำนับรับคำทำเดชาพอพริบตาเดี๋ยวหนึ่งถึงราชฐาน
ขึ้นบนตำหนักพลันมิทันนานเข้ากดทับหลับซานไปทุกคน
ด้วยเทวดารักษากำภูฉัตรผีไทยไล่กำจัดเข้าไพรสณฑ์
กุมารจึงเข้าไปได้ใกล้ตนทบเจ้าภูวดลไว้ตรึงตรา
องค์พระเจ้าเชียงใหม่ชัยศรีครั้นต้องมนตร์ดลผีให้มืดหน้า
ดังใจปลิดจิตปลิวจากกายาลงนิทราแน่นิ่งไม่ติงองค์ ฯ
๏ ขุนแผนกับลูกยาศักดาเดชร่ายพระเวทเป่าลมประสมส่ง
แล้วเยื้องย่างอย่างสองพยัฆค์ยงตรงเข้าเรือนทองห้องสุวรรณ
อเนกแน่นล้วนแสนสุรางค์ราชต้องอาคมล้มกลาดเป็นหลั่นหลั่น
ดูงามถ้วนล้วนเหล่าพระกำนัลผิวพรรณพึงชมสมสะคราญ
ผ้าผวยเทพประนมห่มนอนฟูกหมอนเสื่อสาดสะอาดสะอ้าน
กลิ่นฟุ้งมุ้งแพรแลละลานพนักงานต่างต่างทุกอย่างไป
พ่อลูกจรจรัลเข้าชั้นสองประทีปส่องแสงสว่างกระจ่างไข
พระสนมล้มหลับระเนนในล้วนวิไลเลิศล้ำดูสำอาง
ละม่อมเหมาะเพลาะกลอมหอมห่มบ้างเปิดนมขาวช่วงอล่างฉ่าง
ดูสองแก้มแจ่มเจียนผิวมะปรางล้วนแต่อย่างสาวใหญ่ไว้ท่วงที
สนิทนิ่งเหนือหมอนที่นอนนางดูสำอางอ่อนสะอาดลาดกำมะหยี่
มุ้งน้อยน้อยห้อยพู่ประตูมีล้วนแพรบางต่างสีดูสมทรง
พ่อลูกจรจรัลเข้าชั้นสามประทีปอัจกลับตามงามระหง
ทั้งสองย่างยุรยาตรดูอาจองเห็นองค์แน่งน้อยสนิทนอน
ล้วนรุ่นรุ่นรูปเรี่ยมจำเริญลักษณ์ผิวพักตร์ผ่องเกลี้ยงเพียงอัปสร
ห่มแพรสีมีวลัยใส่สวมกรเอาสร้อยอ่อนทำสายสะอิ้งรัด
ใส่ตุ้มหูซ้ายขวาระย้าย้อยเอวบางร่างน้อยนมถนัด
ดังปทุมตูมเต่งเคร่งครัดจำปาทัดถันได้ไม่ลอดทรวง
เจ้าพลายงามเดินหลังตั้งตาเขม้นเสียดายเป็นที่นั่งรองของหลวง
เอามือข้อนเข้าที่พุ่มปทุมทรวงไม่โรยร่วงกลีบกลัดกำดัดตึง
ขุนแผนเห็นลูกเข้าไปเคล้าคลอเอามือห่อป่ายหลังลงดังผึง
นี่ของหลวงนะอย่าเข้าไปเคล้าคลึงถ้าแม้นนึกลึกซึ้งสิเสียความ
ไม่ควรนะเจ้าเราเป็นไพร่เขาก็ได้เป็นนางระวางห้าม
ยิ่งจะให้เชี่ยวชาญการสงครามมาคุกคามลามลวนอย่าควรทำ
เจ้าพลายงามบอกความกับบิดาแวะเข้ามาชมเล่นเห็นขำขำ
เพียงลักหลับลูกต้องประคองคลำไม่ได้นึกลึกล้ำละเลิงใจ
เออนะเจ้าเราขอเสียคืนเดียวช่วยกันเคี่ยวแข็งข้อเอาให้ได้
ถ้าเสร็จศึกแล้วจะนึกเอานางใดเว้นแต่หม่อมยอมให้ทุกนารี ฯ
๏ พ่อลูกไคลคลามาทั้งสองถึงห้องทองที่ประทมเจ้ากรุงศรี
เสกสะเดาะลิ่มลั่นออกทันทีตรงขึ้นที่อัฒจันทร์บนชั้นพัก
เข้าปรางค์ทองชมห้องปราสาทศรีเธอเทียบที่พระประทมไว้สมศักดิ์
มีม่านทองสองไขใส่เชือกชักที่ฝาทำจำหลักเป็นลายลอย
เพดานเขียนลายทองเป็นถ่องแถวระย้าแก้วแพรวพรายสายโซ่ห้อย
โคมปัดอัจกลับระยับย้อยแสงสว่างพร่างพร้อยดูพรายตา
หน้าพระแท่นล้วนแต่แสนสาวสุรางค์อนงค์นางอยู่งานขนานหน้า
ดูรูปเรียบกะทัดรัดจำรัสตาโสภานิ่มนวลควรจะชม
ขนงเนตรเกศแก้มจำรัสถันก็ถัดกันทั้งคู่ดูงามสม
มีสุจหนี่นอนหมอนพรมล้วนแต่ห่มแพรสีมีขลิบริม
ทองวลัยใส่แขนแหวนสอดก้อยผูกสายสร้อยสิบนิ้วเจ้านุ่มนิ่ม
ใส่ตุ้มหูเฟื่องห้อยพลอยทับทิมดูหน้าตาจิ้มลิ้มดังลูกจันทน์
เหล่านางดีดสีที่ข้างแท่นละม้ายแม้นเหมือนตุ๊กตาปั้น
งามระหงทรงศรีฉวีวรรณประดับกายคล้ายกันทุกนารี
คนระนาดนอนหลับทับคนฆ้องนางคนร้องนอนทับกระจับปี่
คนโทนทับหลับใหลไม่สมประดีนางคนสีซอทับคนกรับนอน ฯ
๏ พ่อลูกชมย่างย่องขึ้นพระแท่นในห้องข้างซ้ายก่อน
แหวกวิสูตรสุวรรณอันบวรเข้าในที่บรรจถรณ์ด้วยทันใด
เห็นสองนางต่างองค์บรรทมหลับอัจกลับจับผิวดูผ่องใส
งามจริงพริ้งพร้อมละม่อมละไมเป็นนวลปลั่งดังใยสำลีชี
เพ่งพินิจพิศทรงพระองค์ใหญ่แลวิไลเลิศลักษณ์เป็นศักดิ์ศรี
ดูผิวพักตร์ก็ยังผ่องละอองดีแต่ตรงที่พระถันนั้นพร่องทรวง
เห็นอนงค์จะเป็นองค์ชนนีนางโฉมยงค์องค์นี้เป็นลูกหลวง
พึ่งเป็นสาวรุ่นร่างกระจ่างดวงดูสองถันนั้นเป็นพวงผกาทิพย์
เหมือนโกมุทพึ่งผุดหลังชลาพอต้องตาเตือนใจให้จะหยิบ
เจ้าพลายแลเล็งเพ่งไม่พริบพ่อกระซิบห้ามปรามก็ขามใจ
สนิทนิ่งเหนือหมอนดังท่อนแก้วพระพักตร์แผ้วมิได้มีรอยฝีไฝ
งามขนงก่งค้อมละม่อมละไมแต่เนตรหลับยังวิไลประหลาดนาง
นาสิกตะละทรงพระแสงขอโอษฐ์ลออเรี่ยมริมเหมือนจิ้มฝาง
สองปรางอย่างผิวผลมะปรางดูทรงศอคอคางอย่างกลึงกลม
งามระหงทรงศรีไม่พีผอมเพริศพร้อมแต่บาทจนถึงผม
กระหมวดมุ่นเกศาก็น่าชมปักปิ่นทองถมราชาวดี
กุณฑลสองข้างพร่างแสงเพชรสังวาลประดับสลับเม็ดพลอยต่างสี
กำไลกรทองร่อนรูปนาคีธำมรงค์เรือนมณีสีพร่างพราย
ผ้านุ่งถถุงยกกระหนกกรองห่มแพรริ้วทองจำรัสฉาย
มเหสีทรงยกกระหนกลายห่มแพรเหลืองลายมะลิทอง
พระเทพีมีบุตรจนเป็นสาวยังดูลาวสักสิบหกไม่บกพร่อง
กทัดรัดผิวเรี่ยมเอี่ยมละอองควรประคองไว้ถนอมเป็นจอมนาง ฯ
๏ ชมพลางย่างมาพระแท่นใหญ่ตรงเข้าไปรวบรูดวิสูตรกร่าง
แต่ล้วนเครื่องทองคำดูสำอางพระแสงวางข้างที่มีหลายองค์
แลเห็นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นไอศวรรย์สถิตบรรจถรณ์ประเทืองเรืองระหง
ดูขาวนวลอ้วนกลมสมทรวดทรงควรเป็นวงศ์อิศเรศเกศเชียงอินทร์
คลุมประทมถมเถือกด้วยทองชุดเป็นเครือครุฑยุดนาคดูเฉิดฉิน
ภูษาทรงพื้นแดงแย่งข้าวบิณฑ์ดูงามสิ้นสมศักดิ์กษัตรา
พลายงามก็กรายเข้าซ้ายองค์ขุนแผนแสนณรงค์เข้าเบื้องขวา
หยิบเอาพระแสงวางข้างที่มาจนสิ้นราชสาตราจะรอนราญ
แล้วสองนายเข้าประจำทั้งซ้ายขวาดังพระยาสีหราชอาจหาญ
ขุนแผนเป่ามนตร์ประทับขับกุมารผีก็คลานเคลื่อนตนลงพ้นองค์
ขุนแผนกระทืบเตียงทองร้องตวาดด้วยอำนาจพระยาครุฑสุดเสียงส่ง
ฝ่ายว่าท้าวเจ้าฟ้ามลาวงศ์สะดุ้งองค์ตกประหม่าสง่าครุฑ
ลืมพระเนตรเห็นไทยอยู่ในที่พระอินทรีย์เสียวสันพรั่นที่สุด
นึกมานะจะประจญรณยุทธ์คว้าหาอาวุธไม่พบพาน
ดังใครเอาตรีเพชรมาเด็ดเศียรพระทัยเจียนจะแยกแตกฉาน
ชีวิตกูตกอยู่ในมือมารไม่ช้านานมันคงฆ่าชีวาวาย
จะออกปากวอนง้อขอชีวิตก็ละอายแก่จิตไม่คิดหมาย
ลุกขึ้นนั่งนิ่งไม่ติงกายมาดหมายว่าไม่มีชีวาคง ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทเห็นเจ้าเชียงอินทร์สิ้นคิดตะลึงหลง
หากมานะนั่งนิ่งไม่ติงองค์ขุนแผนส่งสุรเสียงประเปรี้ยงมา
ฮ้าเฮ้ยพระยาปัจจามิตรตัวเป็นคนพาลผิดริษยา
องค์พระจอมมงกุฎอยุธยามิได้มาย่ำยีเมืองเชียงอินทร์
เจ้าฟ้าสัตนาคนหุตถวายบุตรกรุงไทยดังใจถวิล
ตัวกระทำจัญไรใจทมิฬออกชิงไว้ให้สิ้นเสียไมตรี
ทั้งพวกไทยที่มารับก็จับจำเฆี่ยนขับยับระยำจนป่นปี้
แล้วมีสารไปท้าถึงธานีให้กรูกรีรี้พลมาชนช้าง
ไม่เจียมตัวเป็นประจันตประเทศช่างโอหังบังเหตุเสียสิ้นอย่าง
จึงตรัสใช้เราทหารแต่ปานกลางให้มาล้างชีวันให้บรรลัย
อย่านั่งก้มหน้านิ่งไม่ติงกายจะยอมตายหรือจะคิดกลับจิตใหม่
แผ่นดินลาวนี้จะเห็นเป็นของใครจะว่าไรว่ามาอย่านิ่งนาน ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงใหม่ครั้นได้ฟังอุระดังเพลิงไหม้ประลัยผลาญ
สุดฤทธิ์ที่จะคิดประจัญบานด้วยทหารกรุงไทยอยู่ใกล้ตน
จะต่อตีก็ไม่มีอาวุธสู้เป็นสุดรู้สุดฤทธิ์ติดขัดสน
จะผุดลุกหนีไปก็ไม่พ้นให้อัดอ้นจนจิตคิดเสียใจ
กลัวตายคลายมานะละทิฐิดำริแล้วดำรัสตรัสปราศรัย
นี่แน่ะท่านสองทหารอันชาญชัยข้อยก็ได้พลั้งจิตผิดเสียแล้ว
ถ้าท่านไว้ชีวิตคิดเมตตาจะเป็นข้าพระทูลกระหม่อมแก้ว
สร้อยทองข้อยบ่ได้ไปวี่แววมิได้แผ้วพานพ้องประเพณี
จะอ่อนน้อมยอมถวายเจ้านายแล้วทั้งลูกแก้วเมียมิ่งมเหสี
ทั้งเวียงชัยไพร่ฟ้าข้าบุรีถวายไว้ใต้ธุลีพระบาทา ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนกับพลายงามได้ฟังความเจ้าเชียงอินทร์สิ้นกังขา
เห็นเต็มหวั่นครั่นคร้ามความมรณาก็รู้ว่ายอมตัวกลัวเป็นแท้
จึงตอบว่าวาจาของเจ้าตรัสยังจะสัตย์สุจริตสนิทแน่
หรือเห็นเข้าที่คับจึงรับแท้แล้วจะเบือนเชือนแชดอกกระมัง ฯ
๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังจึงตอบถ้อยอันคำข้อยเว้าแล้วบ่ถอยหลัง
ทุกสิ่งสิ้นสารพัดเป็นสัจจังชาติกษัตริย์ตรัสดังว่าช้างงา
ถ้าขืนคดหดเหี้ยนเหมือนเศียรเต่าขอให้เราสิ้นชีวังสังขาร์
แล้วทนทุกข์ท่วมหัวชั่วกัลปาในมหาโลกันต์แต่วันตาย
จะเชื่อคำข้าเฝ้าเหล่าลูกเมียยุให้เสียสุจริตอย่าคิดหมาย
จะถือสัตย์ให้ตลอดจนวอดวายขอให้ท่านสองนายจงวางใจ ฯ
๏ ขุนแผนฟังท้าวเจ้าเชียงอินทร์ให้ความสัตย์สมถวิลสิ้นสงสัย
ทั้งสองนายคลายขู่ลงทันใดเข้านั่งใกล้แล้วกล่าววาจาพลัน
ถ้าเที่ยงตรงคงสัตย์ปฏิญญาณซึ่งโทษท่านนั้นไว้ให้หม่อมฉัน
จะเบี่ยงบ่ายทูลองค์พระทรงธรรม์มิให้ท่านอันตรายวายชีวิต
แล้วพ่อลูกก็ถวายพระแสงคืนจงชูชื่นเถิดอย่าช้ำระกำจิต
จะทูลลาพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์คืนไปที่สถิตกองทัพไทย ฯ
๏ เจ้าเชียงอินทร์คำนับรับพระแสงพระพักตร์แดงมัวหมองค่อยผ่องใส
ถ้าแม้นท่านเมตตาเหมือนว่าไว้ก็จะรอดบรรลัยด้วยสองนาย
ขอมอบชีวิตไว้ที่ในท่านช่วยโปรดปรานเพ็ดทูลขยับขยาย
ให้พระองค์ทรงโปรดโทษเคลื่อนคลายจะเป็นตายก็เพราะท่านกรุณา ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงครามกับลูกชายพลายงามงามสง่า
ได้ฟังเจ้าธานีมีเมตตาจึงตอบว่าอย่าแหนงแคลงพระทัย
ที่ทูลรับกับท่านนั้นทุกสิ่งเป็นคำจริงหามีมุสาไม่
แม้นพระองค์คงสัตย์เหมือนตรัสไว้คงมิให้ตัวท่านอันตราย
ทั้งสองคนพ่อลูกขอสมาแล้วลุกลาจรจรัลผันผาย
ลงจากปรางค์ย่างเยื้องชำเลืองกายกระซิบสั่งโหงพรายกุมารทอง
เอ็งจงดูอยู่ปรางค์อย่าห่างไกลประจำเจ้าเชียงใหม่อยู่ในห้อง
สะกดตามทุกรอยคอยสอดมองเธอจะตรองอย่างไรก็ให้รู้
ลูกเมียมาตะบอยอ้อยอิ่งเธอตรงไว้ไม่ประวิงให้นิ่งอยู่
ถ้าเชื่อเมียเสียสัตย์เป็นศัตรูเอ็งรีบออกไปบอกกูอย่านอนใจ
สั่งพลางทางแก้สะกดคนล่องหนออกทางช่องลูกดาลไข
ขุนแผนพลายงามตามกันไปถึงกองทัพไทยมิได้ช้า ฯ
๏ เดินยิ้มเข้าในค่ายไปนั่งลงพระท้ายน้ำกำกงพวกอาสา
ทั้งพวกไพร่ทั้งหลายเห็นนายมาต่างวันทาไต่ถามความณรงค์
ขุนแผนเล่าแจ้งแถลงความที่ไปกับพลายงามตามประสงค์
ลอบสะกดเข้าได้จนใกล้องค์แล้วปลุกขึ้นจะปลงชีวิตท้าว
เธอตกใจจวนตัวกลัวความตายยอมถวายสร้อยทองกับลูกสาว
ทั้งเสนาข้าแผ่นดินสิ้นเมืองลาวทั้งไพร่เจ้าเมียมิ่งแลศฤงคาร
ตัวเธอก็ถ่อมยอมเป็นข้าขอขึ้นอยุธยามหาสถาน
ขอแต่อย่าให้ตายวายปรารณได้ให้สัตย์ปฏิญญาณไว้แน่นอน ฯ
๏ พวกนายไพร่ได้ฟังขุนแผนว่าทั้งไทยลาวราวจะพากันบินร่อน
เสร็จศึกเชียงอินทร์สิ้นทุกข์ร้อนจะร้องละครไปบ้านสำราญใจ
ทั้งนายไพร่พูดจ้อหัวร่อร่าจนเวลาจวบจวนประจุสมัย
ขุนแผนกับพลายงามผู้ทรามวัยก็เข้าในที่สถิตแล้วนิทรา ฯ
๏ ครั้นอุทัยไขประเทองเรืองรุ่งรางส่องสว่างทั่วทศทิศา
ฝ่ายพระจอมเชียงอินทร์ปิ่นนคราเสด็จมาที่สถิตพระเทพี
ลดองค์ลงนั่งบัลลังก์รัตน์แล้วดำรัสบอกมิ่งมเหสี
พี่นอนหลับใหลในราตรีไพรีเข้ามาได้จนใกล้กาย
ครั้นสะดุ้งจิตฟื้นตื่นผวาคว้าหาอาวุธก็สูญหาย
จะแล่นหนีปัจจามิตรก็คิดอายจึงถวายกรุงลาวกับชาวไทย
ทั้งองค์นางสร้อยทองของสำคัญพระสนมกำนัลน้อยใหญ่
ทั้งเจ้าข้อยสร้อยฟ้าข้าเวียงชัยถวายไว้ใต้เบื้องบทมาลย์
พี่ยอมน้อมคำนับรับความผิดขอแต่ชีวิตอย่าสังหาร
จะถวายสุวรรณบรรณาการได้ให้สัตย์ปฏิญญาณทุกสิ่งไป
ก็ขอบใจไพรีที่เข้ามาเราสัญญาเขาก็กลับไปทัพใหญ่
ดวงจิตเจ้าอย่าคิดเสียน้ำใจเพราะมีกรรมทำไว้แต่ก่อนมา ฯ
๏ ครานั้นนางอัปสรมารศรีได้สดับคดีที่ผัวว่า
ดังพระกาฬจะผลาญให้มรณาก็โศกาข้อนทรวงเข้าร่ำไร
เจ้าประคุณทูลกระหม่อมของเมียแก้วได้ทูลแล้วหาฟังคำเมียไม่
เพราะรู้แน่แท้เที่ยงจะเกิดภัยแต่แรกไทยยกมาถึงธานี
สะกดคุกลักคนปล้นช้างม้าเข่นฆ่าผู้คนเสียป่นปี้
เพียงคนสามสิบห้ามาเท่านี้แม้นไม่ดีหรือจะหาญมาราญรอน
เสนาห้านายไปรบมันก็แตกตายก่ายทับเป็นไม้ขอน
ทั้งทัพผีก็หนีเข้าซอกซอนแต่ภูธรดื้อดึงตะบึงไป
แม้นพระองค์ทรงฤทธิ์คิดปรองดองส่งสร้อยทองคืนเสียไปเกลี่ยไกล่
กองทัพก็จะกลับไปกรุงไทยเชียงใหม่จะดำรงคงเจริญ
แต่นี้ไปไหนจะพ้นความฉิบหายถึงไม่ตายก็จะตกระหกระเหิน
ฝูงประชาก็จะซ้ำระยับระเยินต้องเป็นทุกข์ฉุกเฉินทั้งไพร่นาย
เหมือนปางหลังเมื่อครั้งนางสีดาเกิดมาล้างลงกาให้ฉิบหาย
ทศพักตร์รักหลงให้วงศ์วายต้องฆ่าฟันกันตายลงก่ายกอง
นางมณโฑทูลทัดท้าวขัดเคืองจึงบรรลัยไพร่เมืองได้หม่นหมอง
เหมือนครั้งนี้พระองค์หลงสร้อยทองจึงได้พาพวกพ้องต้องบรรลัย
นางสร้อยทองก็ทำนองนางสีดาเกิดมาล้างผลาญเมืองเชียงใหม่
ครั้นเมียห้ามก็ว่าหึงจึงจนใจร่ำพลางสะอื้นไห้ไม่สมประดี ฯ
๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังนางอัปสรให้เร่าร้อนฤทัยดังไฟจี้
จึงดำรัสตรัสตอบพระเทพีจะขืนเฝ้าเซ้าซี้ไปทำไม
ใช่พะวงหลงรักนางสร้อยทองเพราะเคืองข้องเวียงจันทน์นั้นข้อใหญ่
ไม่เกรงขามข้ามหน้าไปหาไทยเราจึงชิงนางไว้ในพารา
ถ้าแม้นพี่สมัครรักจริงไหนจะนิ่งเสียไม่ร่วมเสนหา
เป็นกึ่งปีพี่มิได้จะไปมานิจจาเจ้าเฝ้าว่าให้ช้ำใจ
รู้ว่าธานีจะมีทัพรบรับหมายจะสู้ศัตรูได้
เหมือนเขาเล่นการพนันกันอึงไปจะใคร่ดีมีชัยจึงเล่นกัน
ไม่สมมาตรคาดผิดก็แพ้เขาจะขืนเฝ้าเสียดแทงมาแกล้งกลั่น
ไหนไหนก็ได้พลั้งยั้งไม่ทันจะโศกศัลย์เสียเปล่าไม่เข้าการ
ถ้าร้องร่ำน้ำตาเป็นโลหิตความผิดก็ไม่คลายหายร้าวฉาน
จะถึงเข็ญมันก็เป็นไปตามกาลถึงที่ตายวายปราณก็คงตาย ฯ
๏ ตรัสเสร็จเสด็จออกข้างฝ่ายหน้าพร้อมเหล่าท้าวพระยาสิ้นทั้งหลาย
จึงตรัสเล่าอนุสนธิ์ต้นปลายซึ่งถวายเมืองขึ้นกับกรุงไทย
สูไปบอกนายไพร่ให้มันรู้ให้รื้อค่ายเปิดประตูเมืองเชียงใหม่
ปืนล้อลากกลับเข้าโรงในแล้วเลิกไล่คนออกเสียนอกวัง
ท้องสนามปราบปรามให้ราบเรียบปลูกทำเนียบขึ้นให้ดียี่สิบหลัง
ทำหอกลางขวางรีมีฝาบังไม้ไผ่ตั้งเรียงรำทำรั้วราย
สนามเล่นต่างต่างวิ่งช้างม้าเป็นข้างหน้าข้างในให้เฉิดฉาย
เอาผ้าขาวดาดเเพดานผูกม่านรายแล้วไปเชิญสองนายกับไพร่มา ฯ
๏ ครานั้นพระยาจันทรังสีได้สดับรับคดีใส่เกศา
ถอยหลังลนลานคลานออกมาสั่งเสนาหลายนายแยกย้ายไป
บ้างเกก็บงำปืนผาเลิกหน้าที่เปิดประตูบูรีอยู่ขวักไขว่
ปล่อยประชาชนชาวนอกให้ออกไปข้างในทำทำเนียบเทียบที่ทาง
ปลูกเรือนขวางรียี่สิบหลังระเนียดบังล้อมไว้ให้ใหญ่กว้าง
ทั้งปลูกโรงน้อยใหญ่ไว้ม้าช้างถากถางที่ปราบราบรื่นไป
แล้วบัญชาสั่งเสียพวกเพี้ยกวานให้ไปเชิญสองท่านเม่ทัพใหญ่
เข้ามาอยู่ที่เทียบทำเนียบในทั้งนายไพร่ไทยลาวชาวเวียงจันทน์ ฯ
๏ ท้าวหนูผู้เฒ่าเหล่าเพี้ยกวานจัดเอาคานหามมาขมีขมัน
ถึงกองทัพไทยเข้าไปพลันอภิวันท์อัญเชิญทั้งสองนาย
ว่าพระจอมเชียงอินทร์ปิ่นไอศวรรย์ให้มาเชิญสองทั่นนั้นผันผาย
กับทหารลาวไทยทั้งไพร่นายเข้าไปพักให้สบายในบุรี ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทเรืองฤทธิ์แรงราวราชสีห์
เห็นเพี้ยกวานคลานมาอัญชลีเชิญเข้าไปอยู่ที่ทำเนียบใน
ชวนเจ้าพลายท้ายน้ำกำกึงกงกับอาสาจตุรงค์ทั้งนายไพร่
แล้วขุนแผนนำหน้าคลาไคลขึ้นนั่งในคานหามมาสามนาย
กำกงขี้ม้ามาข้างหลังสะพรั่งพร้อมโยธามาทั้งหลาย
ครั้นถึงที่ทำเนียบเขาเรียบรายทั้งนายไพร่ก็เข้าพักสำนักใน
ออกสะพรั่งนั่นอนสลอนหลามอยู่กันตามตำแหน่งผู้น้อยใหญ่
วิเสทแต่งเครื่องเทียบเพียบไปเลี้ยงกองทัพไทยทุกเพลา ฯ
             

ตอนที่ ๓๑ ขุนแผนพลายงามยกทัพกลับ

๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงครามพระท้ายน้ำพลายงามนั่งปรึกษา
บัดนี้มีชัยได้พาราจำจะแจ้งกิจจาไปกรุงไกร
ให้พระองค์ทรงทราบข่าวคดีว่าเราตีเอาเมืองเชียงใหม่ได้
ทั้งตัวเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นราชัยจะโปรดปรานประการใดให้รู้ความ
จึงพร้อมใจให้เขียนเป็นสาราประทับตราหนุมานชาญสนาม
กับสำเนาเข้าผนึกบันทึกความห่อสามชั้นใส่ในกลักพลัน
ปากกระบอกพอกคลั่งประจำตราสั่งนายปานขวานฟ้านายคงมั่น
เอ็งไปเลือกม้าดีที่สำคัญพากันรีบไปในพรุ่งนี้
ไปทางลัดตัดตรงลงระแหงพ้นกำแพงหมายมุ่งเอากรุงศรี
เสร็จการกลับมาอย่าช้าทีให้ถึงนี่ปลายเดือนอย่าเคลื่อนคลา ฯ
๏ สองนายคำนับรับกระบอกออกมารีบรัดจัดห่อผ้า
ได้ข้าวตากรอกไถ้ไปผูกม้าเลือกหาถูกทำนองที่ว่องไว
ได้ม้าเผ่นผจญด้นธรณีต่างขึ้นขี่ควบร่อยแล้วปล่อยใหญ่
ลัดป่าผ่าดงตรงไปพอได้สิบวันครึ่งถึงอยุธยา
ตรงมาศาลาลูกขุนในเรียนเจ้าคุณผู้ใหญ่อยู่พร้อมหน้า
บัดนี้ท่านขุนแผนแสนศักดาให้กระผมถือตรามากราบเท้า
บอกขานการไปรณรงค์ให้กราบทูลพระองค์ทรงทราบข่าว
ว่าบัดนี้มีชัยได้เมืองลาวจะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมประการใด ฯ
๏ ครานั้นท่านเจ้าคุณอธิบดีทราบว่าตีได้เวียงเชียงใหม่
สั่งนายเวรทันทีด้วยดีใจคัดบอกไวไวมาให้เรา
นุ่งสมปักปูมแดงแย่งนาคราชหยิบผ้ากรายมาคาดบั้นเอวเข้า
จวนเสด็จออกข้างหน้าเวลาเช้าก็รีบไปคอยเฝ้าพระทรงธรรม์ ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์สถิตที่ข้างในมไหศวรรย์
พอเวลาสายสีรวีวรรณจรจรัลออกพระโรงพรรณราย
ประทับเหนือพระที่นั่งบัลลังก์รัตน์ภายใต้เศวตฉัตรจำรัสฉาย
เหล่าอำมาตย์หมื่นหมอบนอบน้อมกายกราบถวายบังคมอยู่พร้อมกัน ฯ
๏ ครานั้นเจ้าคุณอธิบดีกราบทูลทันทีขมีขมัน
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์ชีวันอยู่ใต้พระบาทา
บัดนี้ขุนแผนแสนสงครามกับนายพลายงามซึ่งอาสา
บอกมากราบทูลพระกรุณาเสมียนตราคลี่บอกออกอ่านพลัน ฯ
๏ ในบอกว่าขุนแผนแสนสงครามกับนายพลายงามคนขยัน
อาสาบาทบงสุ์พระทรงธรรม์คุมพหลพลขันธ์ไปชิงชัย
ได้เร่งรัดจตุรงค์ทวยหาญยกขึ้นไปถึงชานเมืองเชียงใหม่
ให้หยุดทัพยับยั้งตั้งซุ่มไว้แล้วปลอมตัวเข้าไปในพารา
เวลาค่ำลอบเข้าในคุกใหญ่แก้ไขไทยมาได้ถ้วนหน้า
ช่วยกันฆ่าคนปล้นช้างม้าแล้วกลับมาที่ตั้งยั้งโยธี
ครั้นรุ่งเช้าลาวยกมาห้าทัพไพร่พลคนคับทั้งไพรศรี
ข้าพเจ้าขับพลเข้าราวีต่อตีรุมรบตะลุมบอน
ฆ่านายตายลงในที่รบไพร่ก็หลบหนีหายกระจายว่อน
ทั้งห้าทัพกลับถอยเข้านครปิดประตูลงกลอนไว้ทุกชั้น
แล้วรักษาหน้าที่ใบเสมาตรวจตราเข้มงวดกวดขัน
กองไฟไว้สว่างเหมือนกลางวันคอยป้องกันตั้งรับกองทัพไทย
ในคืนนั้นข้าพเจ้ากับพลายงามลอบตามขึ้นปราสาทเจ้าเชียงใหม่
พบกำลังนอนหลับจับตัวไว้แล้วปลุกขึ้นตกใจอยู่ลนลาน
กลัวตายขอถวายองค์สร้อยทองกับพวกพ้องประยูรญาติราชฐาน
ทั้งธิดาเมียมิ่งแลศฤงคารไว้ใต้เบื้องบทมาลย์พระทรงฤทธิ์
ส่วนตัวนั้นก็ถ่อมยอมเป็นข้าถวายราชบรรณาจนดับจิต
ขอแต่อย่าให้ตายวายชีวิตให้ความสัตย์สุจริตทุกสิ่งอัน
เห็นรับเป็นสัจจังพอฟังได้จึงงดไว้ไม่ฆ่าให้อาสัญ
ข้าพเจ้าตรึกตราปรึกษากันให้นายปานกับนายมั่นถือบอกมา
ให้ความทราบบาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์ถ้าพลั้งผิดได้โปรดเหนือเกศา
ยับยั้งฟังพระราชบัญชาจะทรงพระกรุณาประการใด ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชทราบเหตุว่าตีเชียงใหม่ได้
ราวกับจอมสุทัศน์สหัสนัยน์มาเชิญให้ไปผ่านพิมานอินทร์
พระพักตร์ผุดผ่องพรรณรังสีเปรมปรีดิ์ชื่นชมสมถวิล
เออกระนี้สิหนอพอได้ยินเหมือนปลิดปลดหมดสิ้นที่ขุ่นแค้น
กูเป็นไข้ใจมานี่กว่าปีวันนี้หายป่วยด้วยขุนแผน
ที่มันทำความชอบจะตอบแทนทั้งพ่อลูกให้แม้นเสมอกัน
เจ้าพระยาจักรีจงมีตราให้หากองทัพกลับเขตขัณฑ์
ส่วนอ้ายเฒ่าเจ้าเมืองเชียงใหม่นั้นว่าโทษมันถึงอุกฤษฎ์เพราะคิดร้าย
ต้องตามกำหนดบทอัยการควรประหารชีวิตให้ฉิบหาย
พวกเสนาข้าเฝ้าเข้ากับนายก็ล้วนโทษถึงตายไม่เว้นตัว
ส่วนบุตรภรรยาข้าทาสต้องตกเป็นคนระบาตรด้วยโทษผัว
ริบทั้งช้างม้าแลควายวัวครอบครัวเงินทองของที่มี
ทั้งบรรดาหญิงชายชาวนครต้องกวาดต้อนเป็นเชลยมาตามที่
ข้อที่มันอ่อนน้อมยอมภักดีกูปรานียกให้ชีวิตไว้
แต่กวาดตัวเอาครัวมาให้หมดให้ปรากฏแก่ประเทศทั้งน้อยใหญ่
จะได้เป็นเยี่ยงอย่างข้างหน้าไปมิให้ใครทุจริตผิดเหมือนมัน
อนึ่งนางสร้อยทองผ่องโสภาซึ่งมันกล้าชิงไปเชียงใหม่นั่น
กับสร้อยฟ้าธิดาของมันนั้นให้ส่งกันมาอย่างเป็นนางใน
ด้วยว่าราชบุตรีศรีสัตนาเป็นต้นเหตุรบรากับเชียงใหม่
จึงจะเป็นเกียรติยศปรากฏไปว่ามีชัยได้นางนั้นคืนมา
จงจัดเรือประเทียบให้เรียบร้อยขึ้นไปคอยรับนางให้ถึงท่า
เรือรับอ้ายขุนแผนแสนศักดาก็เอาเรือกัญญาไปสองลำ
ทั้งพ่อลูกความดีมีหนักหนาให้มันขี่เรือกัญญามาให้ขำ
ให้ลือเลื่องเฟื่องฟุ้งทุกคุ้งน้ำว่าไปทำเชียงใหม่ได้บ้านเมือง
อันครอบครัวกับตัวอ้ายเชียงใหม่เอามันใส่เรือตามให้หลามเนื่อง
มันอยากทำวุ่นให้ขุ่นเคืองให้ชาวเมืองดูเล่นเป็นขวัญตา ฯ
๏ ท่านเจ้าคุณมหาดไทยชัยชาญรับพระราชโองการใส่เกศา
ออกจากพระโรงชัยไปศาลาให้ร่างเรื่องสารตราเข้าฉับพลัน
ขึ้นกระดาษเสร็จสรรพประทับตราใส่กลักปิดฝาสนิทมั่น
สองนายรับตรากราบลาพลันพากันรีบออกกนอกกรุงไกร
ขับม้าลัดไปในไพรสัณฑ์สิบวันเร่งตะบึงถึงเชียงใหม่
ลงจากม้าหมอบกรานคลานเข้าไปส่งกลักตราให้ขุนแผนพลัน ฯ
๏ ขุนแผนคำนับแล้วรับสารต่อยกลักออกอ่านขมีขมัน
ทราบเรื่องสารตราสารพันก็บอกกันถ้วนหน้าบรรดาไทย
แล้วสั่งลูกชายเจ้าพลายงามเจ้าเข้าไปแจ้งความเจ้าเชียงใหม่
ว่าบัดนี้พระองค์ผู้ทรงชัยให้กวาดครัวลงไปอยุธยา
เก็บทั้งสมบัติพัสถานประทานแต่ชีวิตไม่เข่นฆ่า
ให้บอกกล่าวกันทั่วตัวประชาเราจะรั้งรอท่าสิบห้าวัน ฯ
๏ พลายงามรับคำแล้วอำลาพวกอาสาตามหลังไปเป็นหลั่น
เข้าไปในท้องพระโรงพลันอภิวันท์ทูลท้าวเจ้าเชียงอินทร์
ว่ามีตรามาแต่พระราชฐานให้กวาดกว้านครัวไปให้เสร็จสิ้น
ด้วยความผิดคิดร้ายในแผ่นดินทั้งภูมินทร์เมียมิ่งศฤงคาร
ให้เสนารักษาเมืองเชียงใหม่คุมพระองค์ลงไปราชฐาน
ให้ต้องตามจารีตโบราณกาลพระราชทานแต่ชีวันไม่บรรลัย ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นนคเรศทราบเหตุว่าจะกวาดไปกรุงใต้
แสนวิตกอกร้อนดังนอนไฟพระพักตร์ไหม้หมองหมดสลดพลัน
กล่าวสุนทรวอนว่ากับพลายงามก็รู้ความอยู่ว่าโทษเป็นมหันต์
ครั้งนี้ที่จะปลอดรอดชีวันก็เพราะทั่นแม่ทัพทั้งสองนาย
เจ้าพลายตอบว่าอย่าเศร้าจิตด้วยโทษท่านนั้นอุกฤษฎ์ผิดมากหลาย
จำเป็นจำยากลำบากกายจะช่วยทูลเบี่ยงบ่ายให้คืนเมือง ฯ
๏ สาธุข้อยก็หวังทั้งสองนายรอดตายก็เพราะท่านช่วยปลดเปลื้อง
แม้นได้คืนเชียงอินทร์สิ้นความเคืองจะมอบกายถวายเครื่องบรรณาการ
เจ้าพลายงามรับคำแล้วอำลากลับมาที่อยู่หมู่ทหาร
เจ้าเชียงใหม่สั่งเสียพวกเพี้ยกวานให้ร้องป่าวชาวบ้านทั้งบุรี
สั่งเสร็จก็เสด็จเยื้องย่างกลับเข้าในปรางค์ปราสาทศรี
พระทัยแสนโศกศัลย์พันทวีมาถึงที่แท่นทองห้องไสยา
ลดองค์ลงนั่งบัลลังก์รัตน์ตรัสบอกนางอัปสนเสนหา
ว่าพระจอมมงกุฎอยุธยามีท้องตรามาถึงท่านแม่ทัพ
ให้กวาดครัวกับตัวเราลงไปคงตกอยู่กรุงไทยมิได้กลับ
ทั้งผู้คนใหญ่น้อยจะพลอยยับต้องล้มตายก่ายทับไปรวดทาง
โอ้ว่ากองกรรมมานำจิตให้กระทำทุจริตไปผิดอย่าง
อยู่หลัดหลัดจะมาพลัดไปจากปรางค์ตรัสพลางโศกศัลย์รำพันครวญ ฯ
๏ ครานั้นนางอัปสรสุมาลัยได้ฟังร่ำไห้พิไรหวน
แสนสนมกำนัลก็รัญจจวนสุดกำสรวลแสนกำสรดสลดใจ
โอ้อกจะตกไปกรุงล่างจะย่อยยับอับปางเป็นไฉน
ต้องตกทุกข์ขุกเข็ญเป็นบ่าวไทยจะบรรลัยแหลกล่มถมดินดาน
ลูกเต้าจะกำจัดพลัดพ่อแม่ปู่เฒ่าย่าแก่จะพลัดหลาน
องค์กษัตริย์กำจัดจากศฤงคารสาวสนมก็จะพล่านไปพลัดวัง
คุณจอมหม่อมยายข้างฝ่ายในเสียงร้องไห้เซ็งแซ่ดังแตรสังข์
ลงกลิ้งเกลือกเสือกดิ้นสิ้นกำลังเหมือนนางรังต้องล้มระเนนไป ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงใหม่ใจอนาถตรัสประภาษแก่สนมทั้งน้อยใหญ่
จะกลั้นกลืนโศกเศร้าให้เบาใจมิบรรลัยคงได้มาพาราเรา
ถ้าตัวกูตายอยู่ในเมืองใต้เอ็งจึงจะต้องไปเป็นข้าเขา
เดชะบุญโทษทัณฑ์ถ้าบรรเทาพวกสูเจ้าคงไม่ตกอยู่เมืองไทย
นี่กองกรรมเราทำไว้ด้วยกันมาตามทันเราทั้งผองอย่าร้องไห้
จงสู้กรรมไปก่อนอย่าร้อนใจถึงร้องไปก็ไม่พ้นเวทนา ฯ
๏ ฝ่ายฝูงประชาชาติราษฎรก็ทุกข์ร้อนข้อนอกไปทั่วหน้า
ดังจะตีตนตายฟายน้ำตาต่างจัดหาของข้าวจะเอาไป
บ้างเลื่อยกลักจักระบอกกรอกปลาร้าทั้งน้ำปลาปลาแดกเอาแทรกใส่
พริกกะเกลือเนื้อกวางเอาย่างไว้บ้างเย็บไถ้ใส่ข้าวตากจัดหมากพลู
ครกกระบากสากจ่าปลาร้าปลาแห้งหม้อข้าวหม้อแกงกระทะหู
เที่ยววิ่งลนค้นหาน้ำตาพรูบ้างแลดูหน้าเมียเสียน้ำใจ
บ้างข้อนอกอึกอึกนึกถึงชู้บ้างแต่งขันหมากรากพลูอยู่ใหม่ใหม่
กำลังมัวหวานมันไม่ทันไรเข้าในห้องร้องไห้ทั้งผัวเมีย
ลางคนปลูกหอเพิ่งขอสู่พวกผู้ใหญ่ให้อยู่ด้วยกันเสีย
ที่ผัวตายเป็นม่ายมีแต่เมียลงทอดตัวงัวเงียร้องไห้งอ
ที่นักเลงขับร้องก็ตรองเตรียมเคี่ยมเคี้ยเพลี้ยแคนทั้งปี่อ้อ
โทนทับกระจับปี่สีซอเตรียมไปขอทานเขาเอามากิน
บ้างมีทองของแห้งเครื่องแต่งตนเอาซุกซนซ่อนไว้ในผ้าซิ่น
ทั้งแหวนเล็กแหวนน้อยหัวพลอยนิลบ้างถอดปิ่นที่ปักหักห่อไป
ที่ของหยาบหยาบเหลือหาบคอนเอาซุกซ่อนไว้ในโพรงต้นไม่ใหญ่
บ้างฝังแฝงปลอมผีที่วัดไว้บ้างซุกใส่สระบ่อแลท่อน้ำ
บ้างพ่อแม่แก่เกินเดินไม่รอดบ้างตาบอดเสียขาอะร้าอะร่ำ
ที่ป่วยเจ็บไข้จับระยับยำจะปลุกปล้ำกันไปไม่ไหวแท้
บ้างตาปู่อยู่บ้านลูกหลานไปเสียงร้องไห้รักกันสนั่นแซ่
ทั้งลูกเล็กเด็กกระจอมมอแมบ้างท้องแก่ไปไม่รอดลงทอดตัว
บ้างออกลูกมาสักครู่เพิ่งอยู่ไฟพ่อก็ไปทัพตายเป็นม่ายผัว
จะอยู่ก็ไม่ได้ไปก็กลัวแต่ตีอกชกหัวไปทั่วเมือง ฯ
๏ ครั้นจะใกล้เลิกทัพเขาขับต้อนเที่ยวหาบคอนเกลื่อนกล่นถนนเนื่อง
พวกนางในให้เทวษทวีเคืองต่างจัดเครื่องเงินทองข้าวของตน
องค์พระเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นราชัยรับสั่งให้ผูกช้างมาเกลื่อนกล่น
ให้นางห้ามขึ้นนั่งหลังละคนข้าวของกองล้นบนสัปคับ
ตุณท้าวชาววังสั่งโขลนจ่าให้ขึ้นหน้าประจำอยู่กำกับ
พวกสนมกรมวังก็คั่งคับเทียบไว้เป็นอันดับออกดาดดิน
ช้างทรงสร้อยทองกับสร้อยฟ้ากระโจมทองสองหน้าดูเฉิดฉิน
ดาดพื้นสีแดงแย่งทรงข้าวบิณฑ์มีม่านทองป้องสิ้นกำบังองค์
ช้างที่นั่งเจ้าเชียงใหม่มเหสีแต่ล้วนขี่กูบทองก่องก่ง
หมอควาญคนขยันมั่นคงเทียบประทับเกยทรงตรงชลา ฯ
๏ ครานั้นขุนแผแสนสนิทเรืองฤทธิ์เเชี่ยวชาญหาญกล้า
กับพลายงามลูกรักอันศักดาต่างขึ้นคอช้างงาสง่างาม
พระท้ายน้ำกำกงธงอาสาก็ขึ้นขี่ช้างงามาทั้งสาม
เหล่าพวกทหารชาญสงครามขี่ช้างม้ามาตามออกหลามทาง
ขุนแผนสั่งกำชับกับพวกไทยจัดกันให้แยกกองเดินสองข้าง
พวกครัวเดินรายมาสายกลางให้กองช้างเดินก่อนผ่อนกันมา
ให้บรรดาพวกลาวชาวเวียงจันทน์ช่วยป้องกันเดินรายทั้งซ้ายขวา
คอยกำกับทัพลาวชาวพาราให้อาสาต้อนหลังระวังครัว
ช้างเถื่อนมากว่าต่ออย่าอ้อแอ้ดูแลไปทั้งมวลให้ถ้วนทั่ว
อ้ายพวกไหนสู้รบหรือหลบตัวออกสกัดตัดหัวอย่าไว้มัน ฯ
๏ ครั้นได้ฤกษ์ให้เลิกโยธาทัพคั่งคับพสุธาโกลาลั่น
พวกทหารขานโห่ขึ้นพร้อมกันยิงปืนครื้นครั่นสนั่นไป
องค์พระเจ้าเชียงใหม่มเหสีกับสนมนารีทั้งน้อยใหญ่
ขึ้นช้างพร้อมกันด้วยทันใดสั่งให้ท้าวหนูอยู่เฝ้าวัง
ออกช้างทางประตูบูรพทิศเจ้าเชียงอินทร์ผินพิศมาเบื้องหลัง
แลเห็นปรางค์มาศราชวังพระเนตรหลั่งชลนัยน์อาลัยลา
โอ้เสียดายปราสาทราชฐานได้อยู่มาช้านานแต่ปู่ย่า
คงย่อยยับเยือกเย็นเป็นป่าช้าจะรกร้างโรยราลงทุกวัน
พระปรัศว์ทัดเทียมเทวสถานปรางค์มาศดังวิมานเมืองสวรรค์
โอ้แต่นี้ลี้ลับไปฉับพลันสารพันจะผุพังเป็นรังแร้ง
แสนเสียดายมิ่งไม้ในสวนขวาทั้งสระแก้วปทุมาจะเหือดแห้ง
ท้องพระโรงก็จะร้างเป็นกลางแปลงที่นั่งโถงโรงแสงจะทรุดโทรม
นิจจาเอ๋ยเคยออกที่นั่งเย็นจะรกเป็นแฝกพงดงผักโหม
เรือนสนมทุกตำหนักจะหักโทรมทั้งเสาโคมสี่คันจะอันตราย
โอ้เสียดายโรงรถคชสารทั้งโรงพาชีชาญจะฉิบหาย
ป้อมกำแพงก็จะล่มถล่มทลายกระจัดกระจายทั่วสิ้นทั้งถิ่นเมือง
เสียดายเอ๋ยเคยเล่นสนามจันทน์นับวันก็จะลุ่มเป็นคลองเหมือง
ที่ท่าวังจะเป็นหาดน้ำขาดเคืองดินหล้าฟ้าจะเหลืองทั้งเมืองลาว ฯ
๏ มเหสีโฉมยงองค์อัปสรก็อาวรณ์วิตกอกร้อนผ่าว
ดังกริชกรดแกระทรวงให้ร่วงร้าวอารมณ์ราวจะวินาศลงขาดรอน
โอ้ตัวกูอยู่มาในเชียงใหม่เคยแต่ได้เสพสุขสโมสร
ชั้นแต่มีที่ไปในนครก็ทรงวออรชรให้ชูใจ
พวกชะแม่แลหลามมาตามหลังทั้งสนมกรมวังล้อมไสว
โอ้อกจะตกไปกรุงไทยจะเดินปนชนไหล่กับไพร่เลว
ชั้นข้าหลวงก็จะล่วงมาบังคับจะยากยับเจ็บอกเหมือนตกเหว
จนผ้าดีจะไม่มีอยู่พันเอวอกจะแยกแหลกเหลวทุกวันไป
โอ้อยู่เมืองเครื่องเสวยเคยประณีตตามจารีตมเหสีที่เชียงใหม่
ต้องพลัดพรากจากเมืองไปเคืองใจคงอดอยากยากไร้ไปตามกัน
ร่ำพลางนางข้อนกายสยายเกศชลเนตรไหลลงทรงโศกศัลย์
ทั้งเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัลต่างครวญคร่ำรำพันในทางจร ฯ
             

๏ ครั้นยกออกนอกเวียงเมืองเชียงใหม่พวกไทยกองทัพก็ขับต้อน
พวกลาวครัวกลัวราบบ้างหาบคอนอุ้มลูกอ่อนจูงลูกแก่ออกแซ่ทาง
บ้างแก่เฒ่าง่อยเปลี้ยบางเสียขาเอาเปลหามกันมาอยู่ยุ่งย่าง
ที่ลางพวกผู้ดีไม่มีช้างเอาวัวควายใส่ต่างบรรทุกไป
ตารักตามาทั้งตาสายถือหวายต้อนมาไม่ปราศรัย
ใครบิดเบือนเชือนลัดพลัดออกไปเอาหวายไล่ลุกล้มวิ่งซมซาน
ตารักร้องว่าเอาอ้ายเฒ่าถีอีพวกนี้ชาวตลาดมันจาดจ้าน
กูกับอ้ายหลอไปขอทานมันเอาคานไล่เฆี่ยนหลังเจียนพัง
กูจำหน้ามันไว้ได้สิ้นเสร็จคราวนี้จะแก้เผ็ดมันเสียมั่ง
กูจะเฆี่ยนให้ร้องก้องดงรังเอาแต่เขากับหนังไปให้นาย
ถึงเวลาอัสดงก็ปลงทัพดูสะพรั่งคั่งคับคนทั้งหลาย
ประทับทอดม้าช้างต่างวัวควายออกเรียงรายแน่นไปในไพรวัน
ที่ประทับสร้อยทองกับสร้อยฟ้าทำพลับพลาฝารอบเป็นขอบกั้น
มีเพดานม่านทองไว้ป้องกันที่ชั้นนอกคนนั่งระวังยาม
เหล่าพวกครัวหน้านิ่วทั้งหิวอ่อนบ้างปลดหาบปลงคอนลงนอนหลาม
ธรรมเถียรนายกองร้องสั่งความให้ชักหนามวงป้องกองไฟแดง
อ้ายพวกไทยทรหดอดมานานพอพลบค่ำก็เที่ยวควานไปทุกแห่ง
เห็นสาวนอนเข้าเสียดเบียดตะแคงบ้างเข้าแฝงกูบอานคลานเข้าไป
คลำถูกเหี่ยวที่อกก็ยกมือปะที่ตึงดึงดื้อเข้าคว้าใส่
อีลาวตื่นคลำดูรู้ว่าไทยทำหลับเฉยเลยไปเสียก็มี
ปะลางทีที่มันไม่เล่นก้วยพอเข้าฉวยมันก็ร้องออกก้องมี่
ที่นอนใกล้ตกใจไม่สมประดีสำคัญว่าเสือหมีเข้ากัดลาว
ธรรมเถียรนายกองร้องห้ามไปอึงอะไรนั่นหวาออกฉ่าฉาว
อย่าตกใจมิใช่เสือหางยาวมันเป็นเสือสองเท้าหางนิดเดียว
อ้ายเสือเลยกระดากมาจากที่พอกองนี้เงียบไปได้ประเดี๋ยว
ยังไม่ทันหลับตากองหน้าเกรียวอ้ายตัวอื่นไปเกี้ยวเที่ยวรางควาน
ครั้นอรุณรุ่งรางสว่างฟ้าหุงข้าวเผาปลากินอลหม่าน
ครั้นอิ่มหนำสำเร็จเสร็จการยกเอาคานใส่บ่าพากันไป
ทั้งพวกวัวควายต่างแลช้างม้าเดินตามกันมาออกไสว
พวกรั้งทัพขับต้อนค่อนเคี่ยวไปเสียงแต่ลาวร้องไห้ในดงดอน ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทเรืองฤทธิ์ราวราชไกรสร
ขี่คชเดชานำหน้าจรรีบร้อนเร่งไปไม่รั้งรา
ค่ำนอนรุ่งเดินดำเนินพลผู้คนติดตามมาหลามป่า
สิบสี่วันครึ่งตะบึงมากระทั่งถึงพาราพิจิตรพลัน
ก็หยุดหย่อนผ่อนพักพลโยธาทอดช้างวางม้าเป็นจ้าละหวั่น
พวกครัวคั่งคับนับร้อยพันอยู่ที่หลังวัดจันทน์ออกแน่นไป
สั่งให้ทำที่ประทับพลับพลาให้สร้อยทองสร้อยฟ้าอยู่อาศัย
ทั้งที่อยู่พระยาลาวเจ้าเวียงชัยส่วนพ่อลูกอาศัยศาลารี ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระพิจิตรบุษบาแต่ทราบความตามตราพระราชสีห์
ว่าขุนแผนมีชัยได้ธานีก็ยินดีคอยรับจะกลับมา
เรือประเทียบขึ้นไปได้หลายวันให้จอดเคียงเรียงกันไว้หน้าท่า
พวกฝีพายจ่ายเสบียงเลี้ยงข้าวปลาให้พักอยู่ศาลาข้างหน้าววัด
ที่วัดจันทน์นั้นก็ให้ไปแผ้วทางปราบที่ทางกว้างใหญ่ไว้ถนัด
แฝกไม้ข้าวปลาสารพัดเตรียมจัดไว้วางทุกอย่างมี
วันนั้นพวกทนายไปสืบถามทราบความแล้วรีบมาเร็วรี่
ว่ากองทัพกลับมาถึงธานีก็ยินดีชวนกันจะครรไล
ทั้งผัวเมียรีบรัดผลัดผ้าแล้วสั่งเหล่าบ่าวข้าหาช้าไม่
ไปบอกขานกรรมการมาไวไวจะออกไปต้อนรับกองทัพมา
ครั้นปลัดยกกระบัตรมหาดไทยกรรมการผู้ใหญ่มาพร้อมหน้า
พระพิจิตรกับนางบุษบาก็ลงจากเคหาพากันไป ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงครามกับพลายงามอยู่หน้าศาลาใหญ่
เห็นพระพิจิตรบุษบามาแต่ไกลต่างดีใจไปรับด้วยฉับพลัน
เชื้อเชิญขึ้นนั่งยังศาลาพ่อลูกวันทาทั้งสองทั่น
ว่าแรกถึงชุลมุนยังวุ่นครันหมายมั่นว่าจะเข้าไปกราบเท้า
แต่ครอบครัวผู้คนนั้นล้นหลายทั้งหญิงชายเด็กผู้ใหญ่ไพร่เจ้า
แต่พอเผลอสักหน่อยคอยเกรียวกราวด้วยเป็นลาวระบาตรต้องกวาดมา
ยังสร้อยฟ้าสร้อยทองสองนงเยาว์ข้าพเจ้าต้องพิทักษ์รักษา
ไม่มีใครไว้วางต่างหูตาจึงคิดว่าจะเข้าไปในพรุ่งนี้
คุณพ่อแม่เมตตาการุญเจ้าประคุณอุตส่าห์มาถึงนี่
ยังเป็นสุขทุกทิวาราตรีทั้งศรีมาลาอยู่ดีหรือฉันใด ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบายิ้มแย้มตอบมาหาช้าไม่
อันพ่อแม่แลธิดายาใจไม่เจ็บไข้เป็นสุขทุกเวลา
นึกเป็นห่วงบ่วงใยอยู่เย็นเช้าคอยเอาใจช่วยเจ้าอยู่หนักหนา
พอรู้ว่าทีชัยได้พาราก็ตั้งใจคอยท่าทุกคืนวัน
ครอบครัวมากมายเป็นก่ายกองแต่สองคนดูไหวที่ไหนนั่น
กรรมการเมืองนี้มีครบครันจะให้มาช่วยกันมิเป็นไร
ว่าพลางทางเรียกหลวงปลัดยกกระบัตรกรมการผู้น้อยใหญ่
เข้ามาพร้อมกันในทันใดแล้วออกไปแถลงแจ้งกิจจา
ท่านเอ๋ยราชการพานหนักแน่นขุนแผนคุมลาวมาหนักหนา
ถ้าเกิดเหตุอย่างไรในพาราเราจะพากันผิดคิดให้ดี
ท่านปลัดจัดแจงแบ่งพวกเราให้ช่วยเขารักษาทุกหน้าที่
ด้วยว่าเป็นราชการงานธานีอย่าให้มีเหตุการณ์รำคาญใจ ฯ
๏ ขุนแผนพระพิจิตรกรมการปรึกษากันปันด้านหาช้าไม่
ขุนพลนั้นรับรองกองทัพไทยทั้งให้ดูลาวชาวล้านช้าง
มหาดไทยให้รับเลี้ยงช้างม้าโคกระทิงมหิงสาสัตว์ต่างต่าง
ขุนเมืองคุมครัวดูรั้วทางให้จัดวางจุกช่องแลกองไฟ
ขุนวางตั้งประจำที่พลับพลาทั้งที่บุตรภรรยาเจ้าเชียงใหม่
ขุนคลังนั้นให้นั่งระวังระไวสิ่งของน้อยใหญ่แลเงินทอง
ขุนนาหน้าที่เป็นกองกลางประจำฉางจ่ายข้าวแลสิ่งของ
การต้างต่างวางคนไว้สำรองทุกหมวดกองสรรพเสร็จสำเร็จพลัน
หลวงปลัดยกกระบัตรออกตรวจตราและกะเกณฑ์นานามาเลือกสรร
จะส่งทัพกับครัวไปพร้อมกันอีกสามวันจะล่องลงกรุงไกร
ครั้นวางการเป็นระเบียบเรียบร้อยตะวันชายบ่ายคล้อยพระสุริย์ใส
พระพินิจบุษบาก็คลาไคลกลับไปเคหาไม่ช้าที ฯ
๏ จะกล่าวถึงศรีมาลายาใจแต่เจ้าพลายจากไปให้หมองศรี
ค่ำเช้าเฝ้าคะนึงถึงสามีอยู่แต่ที่ในห้องนองน้ำตา
ถึงยามกินอาลัยฤทัยถอนถึงยามนอนใฝ่ฝันประหวั่นหา
ไม่แย้มสรวลพูดเล่นเจรจาเวียนแต่นอนซ่อนหน้ามาเกือบเดือน
พ่อแม่แลเห็นผิดสังเกตไม่แจ้งเหตุถามลูกก็เลื่อนเปื้อน
อีเม้ยรับร้อนใจเข้าในเรือนกระซิบเตือนนายว่าอย่าโศกนัก
เจ้าคุณคุณหญิงจะกริ่งใจมิใช่นายเจ็บไข้อะไรหนัก
ต้องแต่งตัวให้ผ่องละอองพักตร์ทายทักพูดเล่นเจรจา
ให้เขาเห็นเหมือนแต่ก่อนร่อนชะไรระงับโศกซ่อนไว้แต่ในหน้า
ถึงจะต้องทนไปก็ไม่ช้าหม่อมคงมาสมถวิลสิ้นทุกข์ร้อน
ศรีมาลาฟังว่าก็เห็นด้วยสู้ทำฝืนชื่นชวนยเหมือนแต่ก่อน
พอกลับเข้าห้องในให้อาวรณ์ถึงยามนอนถอนสะอื้นทุกคืนวัน
คิดถึงผัวให้วิตกอกสะทึกไปสู้ศึกจะอย่างไรไฉนนั่น
เฝ้าบนบวงเทพไทให้ป้องกันนับวันคอยเจ้าพลายมาหลายเดือน
พอได้ข่าวกองทัพกลับมาถึงประหนึ่งได้ดวงมณีไม่มีเหมือน
เรียกอีเม้ยเข้าไปที่ในเรือนเอ็งอย่าเชือนหาช่องย่องออกไป
ถ้าหม่อมพลายถามไถ่จะใคร่รู้จงบอกว่าตัวกูนี้เป็นไข้
และฟังดูจะพูดจาว่ากระไรเอ็งอย่าให้ใครพะวงสงกา
อีเม้ยยิ้มแต้แม่อย่ากลัวไม่ได้ตัวหม่อมพลายละนายด่า
ขอผลัดพรุ่งนี้มิให้ช้าแล้วพูดกันไปมาจนสายัณห์ ฯ
๏ ครั้นรุ่งแจ้งสุริยาภานุมาศผุดผาดแผ้วกระจ่างสว่างสวรรค์
ขุนแผนกับลูกยาปรึกษากันให้จัดสรรสิ่งของที่ต้องการ
จะไปให้พระพิจิตรบุษบาทั้งนวลนางศรีมาลายอดสงสาร
แล้วเรียกเหล่าบ่าวพวกบริวารให้ขนพานมาบ้านท่านผู้รั้ง
ครั้นถึงจึงขึ้นบนเคหาเห็นพระพิจิตรบุษบาอยู่หอนั่ง
เจ้าพลายแลหาละล้าละลังใจหวังอยู่แต่ที่ศรีมาลา
พวกบ่าวขนของมากองเรียงเต็มระเบียงหอขวางที่ข้างหน้า
พ่อลูกนั่งพลันแล้ววันทาบอกว่าได้ของมามั่งเล็กน้อย
โอลาวเสื่ออ่อนแลหมอนขวานโตกพานเช่นเชียงใหม่เขาใช้สอย
กระบุงหมากขันน้ำมีจอกลอยทั้งใบเมี่ยงน้ำอ้อยจัดเอามา
กราบเท้าเจ้าประคุณคุณพ่อแม่พอเป็นแต่ของฝากมาจากป่า
แหวนทับทิมวงนี้มีราคามาให้เจ้าศรีมาลายาใจ ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบาว่าพ่อเอ๋ยอุตส่าห์เอามาให้
มิเสียแรงรักชอบน่าขอบใจช่างกระไรแผ่เผื่อเหลือจะดี
แล้วร้องเรียกเฮ้ยอีเม้ยหวาไปบอกเจ้าศรีมาลาออกมานี่
ว่าขุนแผนกลับมาถึงธานีทั้งหม่อมพี่พลายงามก็ตามมา
เขามีใจได้ของเอามาฝากอย่ากระดากให้อ่อนออกมาหา
อีเม้ยยิ้มละไมแล้วไคลคลาไปบอกนางศรีมาลาที่ห้องใน ฯ
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลาได้ยินเสียงพูดจาก็จำได้
หม่อมามแล้วซิมิใช่ใครแทบจะวิ่งออกไปด้วยความรัก
แต่คิดคิดก็วิตกอกผู้หญิงด้วยเรื่องจริงนั้นผู้ใหญ่ไม่ประจักษ์
ฉวยหม่อมพลายเผลอพล้ำระล่ำระลักทำบุ้ยใบ้ทายทักจะเสียการ
ต้องอดใจไว้พบเพลาอื่นกลางคืนเห็นจะมาหาถึงบ้าน
บอกอีเม้ยไปพลันมิทันนานเอ็งคิดอ่านบอกป่วยช่วยกูที
แล้วลุกมาแอบมองที่ช่องฝาและมาก็เห็นหม่อมพลายพี่
ดูอ้วนท้วนผึ่งผายสบายดีแต่ราศีถูกแดดแผดดจนคล้าม
ช่างนั่งบังหลังบิดานัยน์ตาจ้องเฝ้าแต่มองฝาเรือนเหมือนจะถาม
นางเปรมปริ่มยิ้มมองเจ้าพลายงามเฝ้าชะแง้แลตามไม่วางตา ฯ
๏ ฝ่ายว่าตัวดีอีสาวเม้ยทำหน้าเฉยเดินออกนอกเคหา
มาบอกความพระพิจิตรบิดาวันนี้นายศรีมาลาเธอตัวร้อน
ปวดศีรษะตุบตุบแต่กลางคืนพอนอนตื่นก็ละเหี่ยให้เพลียอ่อน
มึนเมื่อยเป็นกำลังเห็นยังนอนวอนสั่งให้กราบเท้าทั้งสองรา ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านพระพิจิตรสำคัญคิดเข้าใจไม่กังขา
ว่าลูกสาวอายใจไม่ออกมาเพราะได้หมั้นการวิวาห์กับพลายงาม
จึงผินหน้ามายิ้มกับขุนแผนมันเหลือแสนไข้พิรุธสุดจะห้าม
พ่อก็อยากพูดจาปรึกษาความศึกสงครามก็สำเร็จเสร็จกันแล้ว
เราควรจะคิดอ่านการวิวาห์เป็นฝั่งฝาฝังปลูกให้ลูกแก้ว
มีเฟื้องจะได้ให้เสียยังแล้วให้ผ่องแผ้วพ้นบ่วงที่ห่วงใย
พ่อแม่คร่ำคร่าเป็นตายายจะล้มตายวันพรุ่งหารู้ไม่
เจ้าคิดหาฤกษ์พาดูเป็นไรจะได้หาไม้ไหล้ปลูกเรือนชาน ฯ
๏ ขุนแผนนบนอบตอบพระพิจิตรลูกมานี่ก็คิดจะว่าขาน
พอคุมทัพกลับไปมิได้นานจะขึ้นมาคิดอ่านงานทางนี้
ได้คำนวณฤกษ์พามาแต่วานวันอังคารแรมค่ำในเดือนสี่
ถูกชะตาร่วมกันขยันดีแล้วแต่บารมีจะโปรดปราน ฯ
๏ พระพิจิตรฟังคำขุนแผนว่าปรึกษากับบุษบาแล้วว่าขาน
เดือนสี่ดีแล้วกำหนดงานเรือนชานก็คงเสร็จสำเร็จทัน
แล้วว่ากับขุนแผนแสนสงครามจะพักอยู่อารมทำไมนนั่น
กว่าจะล่องลงไปยังหลายวันมาอยู่นี่ด้วยกันก็เป็นไร ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทนิ่งคิดนึกพรั่นให้หวั่นไหว
ออพลายสิพรากจากเมียไปถ้ากลับมาอยู่ใหม่ไหนจะยั้ง
พอมืดค่ำก็จะคลำเข้าไปหาถ้าหากไม่มิดมาเหมือนหนหลัง
เกิดเซ็งแซ่แพร่หลายกระจายดังจะเสียทั้งสองฝ่ายขายหน้าตา
นึกพลางตอบความตามทำนองลูกนี้ขัดข้องอยู่หนักหนา
ด้วยว่ากองทัพที่กลับมาทั้งนายไพร่มากกว่าเมื่อขาไป
ไหนนางสร้อยทองและสร้อยฟ้าทั้งพวกบุตรภรรยาเจ้าเชียงใหม่
ทั้งต้องคุมครัวลาวชาวพงไพรมาอยู่ไกลกลัวจะทำให้รำคาญ
พระท้ายน้ำกับพวกที่อยู่นั่นจะพากันบอกกล่าวเป็นข่าวขาน
ว่าพ่อลูกบ่ายเบี่ยงเลี่ยงราชการมาอยู่บ้านเป็นสุขสนุกสบาย
ไหนไหนก็ลำบากมามากแล้วอย่าให้มีวี่แววความเสียหาย
จำต้องทนถ่อร่างค้างกายไปจนเสร็จสมหมายที่รับมา
ว่าแล้วอำลาท่านทั้งสองเยื้องย่องกลับลงจากเคหา
เจ้าพลายตามไปไม่พูดจาให้แค้นขัดอัธยาบิดาตัว
อนิจจาพ่อก็รู้อยู่แก่ใจว่ารักใคร่ได้เสียเป็นเมียผัว
จะสะกดเข้าไปไม่ต้องกลัวยังมามัวกีดกันขันจริงจริง
ดีแล้วเป็นไรได้เห็นกันอย่าสำคัญว่าแคล้วแล้วจะนิ่ง
ต่อให้ทำกรงใส่ไว้เป็นลิงพอค่ำลงคงจะวิ่งมาหานาง
คิดพลางทางเดินทำเมินเฉยเลยออกนอกจวนมาจนห่าง
เห็นอีเม้ยนั่งยิ้มอยู่ริมทางแกล้งอำพรางใช้ใบ้ให้ตามมา ฯ
๏ ครั้นถึงวัดจันทน์ตะวันสายกรมการมากมายมาคอยหา
ขุนแผนเป็นกังวลสนทนาเจ้าพลายหลบหน้ามาข้างวัด
ไปถึงที่ลี้ลับไม่มีคนเห็นต้นพิกุลใหญ่ได้ถนัด
ที่ใต้ต้นเตียนรื่นพื้นทรายซัดก็หลีกลัดเข้านั่งบังต้นไม้
อีเม้ยเลยเดินมาข้างหลังครั้นถึงจึงนั่งยกมือไหว้
เจ้าพลายยิ้มพลางทางว่าไปข้านี้หวังตั้งใจจะพบพาน
ธุระร้อนของเราเจ้าก็รู้ถึงตัวไปใจอยู่แต่ที่บ้าน
ค่ำเช้าเฝ้าคะนึงถึงนงคราญนางสำราญอยู่หรือประการใด
เมื่อเช้าเข้าไปนั่งตั้งตาคอยจะพบพักตร์สักหน่อยก็หาไม่
หรือว่านางขุ่นเคืองด้วยเรื่องไรจึงแกล้งว่าเจ็บไข้ไม่ออกมา
เมื่อจะไปได้กำชับกับตัวเจ้าให้โลมเล้าเอาใจไว้คอยท่า
เจ้าทอดทิ้งคำมั่นที่สัญญาหรือว่าคงวาจาก็ว่าไป ฯ
๏ อีเม้ยสะบัดหน้าว่าพุทโธ่มาพาลโกรธาก็เป็นได้
ไม่เห็นอกนายมั่งช่างกระไรต่อหน้าคนหรือจะให้ออกไปรับ
ซึ่งบอกว่าเจ็บไข้ไม่ออกมาไม่มุสาหลอนหลอกแกล้งกลอกกลับ
ตั้งแต่วันหม่อมพลายยกกองทัพเธอก็จับไม่สบายหลายเดือนมา
ไม่เป็นอันกินนอนจนอ่อนเปลี้ยน้ำตาเรี่ยไม่แห้งไม่แกล้งว่า
ฉันต้องอยู่ดูแลทุกเวลาเฝ้าพูดจาเอาใจให้ประทัง
หม่อมกลับมาถึงนี่ฉันดีใจเผื่อจะได้หยูกยามาลงมั่ง
ฉันจึงรีบตั้งหน้าออกมาฟังจะสั่งให้พยาบาลสถานใด
อันถ้อยยำคำมั่นที่สัญญากลัวแต่ว่าหม่อมดอกจำไม่ได้
ของกำนัลมุลนายออกก่ายไปส่วนอีไพร่อดแห้งแกล้งเฉยเมย ฯ
๏ ชิชะปากคอช่างพอตัวอย่ามามัวพ้อเราเลยเจ้าเอ๋ย
แล้วหยิบเงินยื่นให้ไม่ละเลยนี่แลของนางเม้ยเป็นรางวัล
อันซึ่งนายเจ็บไข้ไม่สบายเรามียาสมุนพรายดีขยัน
แต่เป็นยาปลุกเสกลงเลขยันต์กินกลางวันไม่ได้คนไข้ตาย
พอดึกหน่อยจะไปให้ถึงบ้านเจ้าคิดอ่านเปิดรับขยับขยาย
เราจะไปให้ยารักษานายคงจะหายเจ็บไข้ในพรุ่งนี้
ครั้นสัญญาอาณัติเสร็จสรรพอีเม้ยรับลาลุกไปจากที่
เจ้าพลายกลับมาศาลารีมิได้มีใครพะวงสงกา ฯ
             

๏ ครั้นค่ำพลบลบแสงสุริย์ฉายไพร่นายพร้อมพรั่งประดังหน้า
พวกนายกองนายหมวดออกตรวจตราต่างพิทักษ์รักษารอบวัดจันทน์
ฝ่ายเจ้าพลายงามทรามสวาทชาญฉลาดเล่ห์กลมนตร์ขยัน
ทำเป็นเที่ยวตักเตือนเหมือนทุกวันตรวจกองนี้กองนั้นทุกชั้นไป
แต่พอร่วมเวลาสักยามปลายเจ้าพลายลดเลี้ยวเที่ยวไถล
ไปถึงตรงกุฎีชีต้นไทยเห็นจุดไฟตั้งวงเล่นหมากรุก
พวกอาสามาเล่นอยู่เป็นหมู่ทั้งพระเถรเณรดูกันสนุก
บ้างนั่งมองบ้างเบียดเข้าเสียดซุกฉุกละหุกเสียงสนั่นลั่นกุฎี
เจ้าพลายนิ่งนึกตรึกตราจำจะลวงบิดาว่าอยู่นี่
จะทำเป็นเล่นหมากรุกให้คลุกคลีจนพ่อหลับจึงจะหนีไปหานาง
คิดพลางทางขึ้นบนกุฎีเฮ้ยขอกูเดินทีแล้วลุกผาง
อ้ายพวกไพร่ให้นายเข้านั่งกลางทั้งสองข้างอื้ออึงคะนึงไป
ฝ่ายว่าขุนแผนพ่อรอเจ้าพลายเห็นไปหายนึกพะวงให้สงสัย
ย่องลงจากศาลาแล้วคลาไคลเห็นแสงไฟที่กุฎีรี่ไปพลัน
แต่พอใกล้ได้ยินเสียงเฮฮาก็รู้ว่าลูกยาอยู่ที่นั่น
เห็นกำลังเล่นหมากรุกสนุกครันก็หันกลับคืนมาศาลาลัย ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามสักสองยามเห็นพอพ่อหลับใหล
จึงลุกออกจากวงลงบันไดลอบไปจัดแจงแต่งกายา
ลูบตัวทาน้ำอบตลบฟุ้งแป้งปรุงประเจิมเฉลิมหน้า
สีขี้ผึ้งเสกละลวยด้วยวิชาแล้วนุ่งผ้ายกไหมไปล่ปลิว
ห่มผ้าของประทานส่านสีมือขวาคว้าคลี่พัดด้ามจิ้ว
แหวนทับทิมวงใหม่เอาใส่นิ้วถือเช็ดหน้าผ้าริ้วแล้วคลาไคล
มาถึงกลางวัดสงัดคนเจ้าพรายร่ายบมนตร์ขึ้นมุขใหม่
โหงพรายมาพร้อมห้อมล้อมไปเข้าในเมืองพิจิตรบุรี
มินานผ่านมาถึงหน้าจวนหน้าหลังทั้งกระบวนล้วนแต่ผี
เห็นรั้วรอบขอบชิดสนิทดีประตูมีกลอนลั่นไว้ชั้นใน
เจ้าพลายร่ายมนตร์มหาสะเดาะกลอนหลุดผลุดเผลาะอยู่หวั่นไหว
ประตูบ้านบานระเบิดเปิดออกไปเจ้าพลายเข้าได้ในประตู ฯ
๏ ฝ่ายว่าทาสีอีเม้ยมอญอยู่บนเรือนถอดกลอนนอนคอยอยู่
ประตูบ้านลั่นกรุกกลุกขึ้นดูพอแลเห็นก็รู้ว่าเจ้าพลาย
เปิดประตูลงมาพาขึ้นเรือนคนนอนเกลื่อนหลีกลอดคอยสอดส่าย
นำหน้ามาถึงเรือนนายแล้วอุบายบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบไป ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนองครั้นถึงห้องยินดีจะมีไหน
ค่อยย่องเหยียบเบาเบาเข้าข้างในแสงไฟส่องงามอร่ามเรือน
แลเห็นศรีมาลาดวงสมรเจ้านิ่งนอนท่วงทีไม่มีเหมือน
นี่แก้วพี่หลับสนิทหรือบิดเบือนอารมณ์เตือนนั่งเคียงบนเตียงทอง
ประจงจูบลูบประคองน้องแก้วพี่มาแล้วจงคลายหายหม่นหมอง
แต่พี่เฝ้าคิดถึงคะนึงน้องใจปองมิได้คลาดขาดสักวัน
ถึงยามกินสิ้นรสหมดโอชาครั้นเวลาหลับไปก็ใฝ่ฝัน
ถ้าไม่เกรงพระองค์ผู้ทรงธรรม์จะผลุนผลันกลับมาเสียช้านาน
เดชะบุญของเรานะเจ้าพี่มีชัยได้กลับมาถึงบ้าน
มารู้ข่าวว่าเจ้าไม่เบิกบานพี่รำคาญกลุ้มอุรามาแต่เช้า
เมื่อนั่งอยู่หน้าเรือนเหมือนกับบ้าเฝ้าแลมาแลไปไม่เห็นเจ้า
พี่มาดหมายตายเป็นก็ทำเนาคงจะเข้ามาหาในราตรี
ต้องรั้งรอจนพ่อนั้นหลับใหลจึงดึกไปพี่พึ่งมาถึงนี่
ขอเชิญพุ่มพวงดวงชีวีผินหน้ามาทางนี้ให้พี่ชม ฯ
๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลาทำนิ่งนอนหลับตาเอาผ้าห่ม
ฟังผัวพูดปลอบชอบอารมณ์สมคิดจิตหวามด้วยความรัก
ลุกขึ้นนั่งเรียงเคียงหน้าหันมากราบลงที่ตรงตัก
นึกว่าหม่อมล้าเรื่อยยังเหนื่อยนักเห็นจะพักเสียก่อนไม่ย้อนมา
ไปทัพมีชัยได้เมืองลาวสาวสาวเหล่าเชลยก็หนักหนา
ได้ยินเลอเลิศลอยชื่อสร้อยฟ้ามิไขว่คว้าเข้าบ้างหรืออย่างไร
ทำไมกับลูกสาวชาวพิจิตรมันไม่น่าเชยชิดพิสมัย
เหมือนดอกหญ้าเห็นงามเมื่อยามไร้แต่พอมีดอกไม้ไม่ต้องการ
นี่คงนึกสมเพชเวทนาจึงอุตส่าห์บุกมาจนถึงบ้าน
พอเห็นหน้าก็จะเบื่อเหลือรำคาญไม่อยู่นานห่วงทัพคงกลับไป ฯ
๏ ดูซิค่อนว่านิจจาเจ้ามาใส่ความเปล่าเปล่าก็เป็นได้
เป็นสัตย์จริงหญิงอื่นในแดนไตรทั้งลาวไทยไม่เคยไปคบค้า
แต่จากไปใจพี่อยู่ที่น้องหม่นหมองเศร้าสร้อยละห้อยหา
ถึงเห็นลาวก็ไม่รู้ดูหน้าตาเห็นแต่รูปศรีมาลาประจำใจ
อันนางสร้อยฟ้านารีเป็นราชบุตรีเจ้าเชียงใหม่
เขาถวายพระองค์ผู้ทรงชัยกับทรามวัยสร้องทองเป็นสองคน
ตัวพี่นี้อุตส่าห์รักษาตัวถ้าครองไตรโกนหัวก็ชีต้น
เคร่งครัดค่ำเช้าเฝ้าสวดมนตร์แผ่กุศลให้โยมศรีมาลา
ได้แหวนแทนส่วนบุญลงมาให้บัดนี้ไซร้ก็ออกพระวษา
โยมจงปลงใจได้เมตตาพี่จะลาสิกขาค่ำวันนี้
ศรีมาลาสรวลสันต์ไม่กลั้นได้เจ้าพลายคว้าไขว่ขมันขมี
ภิรมย์รักสุขเกษมเปรมปรีดิ์อยู่ยังที่เตียงทองทั้งสองรา ฯ
๏ ฝ่ายนางศรีมาลายาใจเตรียมสำรับตั้งไว้ที่ข้างขวา
จึงชวนสามีให้ลีลามาเลี้ยงดูโภชนาสำราญใจ
กินพลางต่างคนสนทนาศรีมาลายิ้มย่องผ่องใส
เจ้าพลายยั่วยวนกวนร่ำไปไม่หลับใหลผัวเมียเฝ้าเคลียเคล้า
จนดาวเดือนเลื่อนลับเวหาสห้องแซ่ซ้องจำเรียงเสียงดุเหว่า
จำจากทรามสงวนด้วยจวนเช้าจะเวียนมาหาเจ้าทุกคืนไป
พอคุมทัพกลับถึงอยุธยาพี่จะรีบกลับมาหาเจ้าใหม่
พอเสร็จงานการวิวาห์ดังว่าไว้เป็นมิให้ห่างหน้าสักราตรี
ว่าพลางโลมลูบจูบน้องแล้วออกมาจากห้องของโฉมศรี
อีเม้ยนำหน้าพาจรลีเร็วรี่เดินออกมานอกรั้ว
รับรัดลัดมาหน้าวัดจันทน์พอถึงนั่นเช้ามืดขมุกขมัว
หลีกเลี่ยงหลบหน้าบิดาตัวชักผ้าคลุมหัวแล้วหลับไป
ขุนแผนตื่นนอนขึ้นตอนเช้าเห็นเจ้าพลายงามยังหลับใหล
นึกว่าเล่นหมากรุกสนุกใจไม่พะวงสงสัยในลูกยา
ครั้นค่ำลงเจ้าพลายก็หายอีกหลบหลีกไปเล่นพอเห็นหน้า
พอดึกดึกไปที่ศรีมาลาขึ้นหาสมสวาทไม่ขาดคืน
ถึงคืนหลังสั่งเสียกันเมียผัวเผลอตัวหลับไปไม่ทันตื่น
จนสางสางเจ้าพลายจึงได้ฟื้นลุกขึ้นล้างหน้าแล้วคลาไคล ฯ
๏ จะกล่าวถึงบุษบาผู้มารดรคืนนั้นตื่นนอนแต่ก่อนไก่
ห่วงสำรับคับค้อนให้ร้อนใจด้วยขุนแผนจะไปแต่รุ่งเช้า
ลุกขึ้นเปิดหน้าต่างจะล้างหน้าเจ้าพลายงามเดินมาก็เห็นเข้า
เอ๊ะเกิดวิปริตผิดแล้วเราลูกเต้าเห็นจะทำให้รำคาญ
มาปลุกผัวตัวสั่นท่านเจ้าขาเจ้าพลายงามเข้ามาจนในบ้าน
พึ่งลงจากเรือนไปไม่ทันนานจะเกิดการข้างในอย่างไรแล้ว
โบราณว่าหมาขี้ที่มูลฝอยดูร่องรอยมันจะถึงซึ่งลูกแก้ว
เราผัวเมียเสียทีไม่มีแววอย่าสอดแคล้วเลยจะคิดประการใด ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบิดาได้ฟังภรรยาก็นึกได้
ตอบว่าข้าก็คิดเห็นผิดใจดูอย่างไรอยู่ที่ศรีมาลา
แต่ครั้งกองทัพบกยกขึ้นไปเหมือนเจ็บไข้เคืองขุ่นวุ่นหนักหนา
จะไต่ถามว่ากระไรไม่เข้ายามิรู้ว่าลอบลักไปรักกัน
วันเมื่อกองทัพกลับมาถึงก็อ้ำอึ้งหลบเชือนเหมือนหวาดหวั่น
นี่คงถึงเนื้อตัวเสียพัวพันหาไม่ไหนมันจะขึ้นมา
จะไปโกรธโทษลูกก็ใช่ที่อ้ายคนนี้สำคัญมันหนักหนา
รู้ล่องหนจังงังบังกายาสารพัดทั้งเสน่ห์เล่ห์กล
ถึงมีกำแพงเพชรสักเจ็ดชั้นมันเสกเป่าเท่านั้นก็เปิดป่น
รักใครก็เป่าเอาด้วยมนตร์ต้องหลงมันทุกคนไม่เว้นตัว
แต่ได้สู่ขอเป็นหอห้องถึงอย่างไรก็คงต้องมาเป็นผัว
เพียงแต่มันด่วนได้ไม่เกรงกลัวจะมามัวโกรธไปทำไมมี
ถ้าต่อว่าต่อขานพานอื้อฉาวจะรานร้าวถึงขุนแผนไม่พอที่
เขาก็ยังซื่อตรงคงภักดีเรานี้เป็นผู้ใหญ่อย่าใจเบา
จะขึ้นชื่อลือเสียงศรีมาลาว่าคบชู้สู่หาขายหน้าเขา
เป็นนมยานกลิ้งชกอกของเราทำเฉยเลยเถิดเจ้าอย่าแพร่งพราย
เสร็จปรึกษาหารือกันเมียผัวก็แต่งตัวจะไปมิให้สาย
ออกมาหาเรียกบ่าวเหล่าทนายแล้วเยื้องกรายตรงมาหน้าวัดจันทน์ ฯ
๏ นาวามาทอดจอดคับคั่งกรมการพร้อมพรั่งอยู่ที่นั่น
กำลังลงเรือแพกันแจจันจ้าละหวั่นวุ่นไปในลานวัด
ส่วนเรือประเทียบทองทั้งสองลำพระท้ายน้ำกำกงลงไปจัด
ขาดเหลือเรียกกระเบ็งเร่งรัดเป็นขนัดในส่วนกระบวนนาง
เรียกพระท้ายน้ำให้นำหน้าเรือทหารอาสามาสองข้าง
เรือประเทียบให้พายในสายกลางส่วนเรือนางสาวใช้ไปข้างท้าย
ต่อมาถึงกระบวนส่วนแม่ทัพเรือกัญญามารับก็เฉิดฉาย
พ่อลูกลงประจำลำละนายพลพายล้วนทหารชำนาญยุทธ์
แล้วถึงเรือสิ่งของต้องพัทยาถัดมาเรือลาวเป็นที่สุด
พวกอาสาคุมาเป็นชุดชุดอุตลุดขับต้อนไม่ผ่อนปรน
เรือเจ้าเชียงใหม่นั้นไปหน้าเรือบุตรภรรยามาตามก้น
แล้วถึงเรือท้าวพระยาข้าคนเรือพลอาสามาข้างท้าย
ครอบครัวยังเหลือเรือไม่พอทั้งช้างม้าวัวมอสิ้นทั้งหลาย
เครื่องสาตราอาวุธก็มากมายหมายฝากให้หัวเมืองรักษาไว้ ฯ
๏ ครั้นบรรทุกสำเร็จเสร็จสรรพจะให้ล่องกองทัพกลับกรุงใต้
ขุนแผนลูกยาพากันไปกราบไหว้พระพิจิตรบุษบา
ลูกจะขอกราบลาฝ่าเท้าลงไปเฝ้าสมเด็จพระพันวษา
พอเฝ้าแหนเสร็จสรรพจะกลับมาตามสัญญาว่าไว้ให้ทันการ
พระพิจิตรบุษบานารีใจดีอวยพรสุนทรสาร
ลงไปให้พระองค์ทรงโปรดปรานพระราชทานยศอย่างทั้งรางวัล
จำเริญจำเริญสุขีศรีสวัสดิ์สมบูรณ์พูนสมบัติทุกสิ่งสรรพ์
ทั้งพ่อลูกอยู่เย็นเป็นนิรันดร์อันตรายขุ่นข้องอย่าพ้องพาน
เมื่อไปทำราชการงานแผ่นดินเสร็จสิ้นแล้วจึงกลับขึ้นมาบ้าน
มาปรึกษาหารือเรื่องการงานคิดอ่านให้สำเร็จเสร็จไป ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแแสนสุภาพกับพลายงามก้มกราบท่านผู้ใหญ่
พ่อลูกอำลาแล้วคลาไคลลงในเรือกัญญาที่หน้าวัด
นายไพร่พร้อมพรั่งทั้งเรือแพผู้คนเซ็งแซ่อยู่แออัด
ให้สัญญายิงปืนขึ้นสามนัดออกเรือเป็นขนัดไปทันใด
เรือกระบวนหน้าหลังคั่งคับเป็นลำดับล่องตามแม่น้ำไหล
ข้ามบ้านผ่านเมืองเนืองเนืองไปจนเข้าเขตกรุงไกรใกล้พารา ฯ
๏ พวกหญิงชายวิ่งพรูดูกองทัพทั้งสองฝั่งคั่งคับกันหนักหนา
อึงอื้อยกมือขึ้นวันทาชมบุญญาบารมีพระทรงชัย
ว่าทรงพระเดชาอานุภาพปราบได้เมืองลาวเจ้าเชียงใหม่
ได้เชลยมาตามออกหลามไปเมืองไหนหรือจะรอต่อบุญฤทธิ์
เห็นเรือแม่ทัพมาพากันชี้พ่อลูกคู่นี้ช่างศักดิ์สิทธิ์
ขุนแผนเขาเคยดีมีความคิดเจ้าชีวิตท่านโปรดยกโทษไป
บางคนไม่รู้จักก็ซักถามเรือเจ้าพลายงามนั้นลำไหน
ที่รู้จักบอกกันนั่นเป็นไรเรือกัญญาลำใหญ่พนักทอง
ลำหน้าท่านตาขุนแผนพ่อลำเจ้าพลายพายต่อมาที่สอง
ดูแบบางร่างน้อยนวลละอองพวกคนดูต่างมองจ้องดูมา
ครั้นเรือคล้อยลอยหน้ามาฉนวนพวกผู้หญิงปั่นป่วนกันหนักหนา
เห็นรูปร่างพลายงามอร่ามตาบ้างชมว่าเท่านี้ช่างมีฤทธิ์
บ้างแลเล็งเพ่งพิศให้ติดใจถ้าแม้นได้แล้วจะกอดไว้ให้ติด
ที่บางคนเล่นเพื่อนเคยเชือนชิดมากลับใจได้คิดว่าผิดไป
นางคนหนึ่งใส่ไคล้ใครเห็นบ้างเจ้าพลายช่างเล่นตาเอาจนได้
นี่แกล้งทำให้ประวิงหรือจริงใจไม่ทันไรกลับมาจะหาเมีย
บ้างว่าเช่นเราเขาไม่ขอมีแต่กรอกินเปล่าให้เราเสีย
อย่าใจเติบเกินตัวไปปัวเปียละห้อยละเหี่ยถึงเขาก็เปล่าตาย
ที่ตรงลำเรือกัญญาตาขุนแผนชะแง้แหงนดูแต่พวกแม่ม่าย
ที่เป็นสาวทึกทึกนึกละอายได้เจ้าพลายหรือพ่อก็พอใจ
คนผู้ดูหลามตามตลิ่งทั้งชายหญิงไทยเจ๊กเด็กผู้ใหญ่
พวกไปทัพกลับมาเฮฮาไปถึงกรุงไทยพ้นทุกข์สนุกสบาย ฯ
             

ตอนที่ ๓๒ ถวายนางสร้อยทองสร้อยฟ้า

๏ ครานั้นขุนแผนแสนเสนีถึงกรุงศรีชื่นชมสมหมาย
จึงปรึกษาหารือกับลูกชายให้ผู้คนทั้งหลายทั้งไทยลาว
ไปจอดนาวาที่หน้าคั่นอยู่ด้วยกันกับเรือเจ้าเชียงใหม่
ส่วนเรือประเทียบทองทั้งสองไซร้ให้เข้าไปจอดท่าวาสุกรี
แล้วสั่งขุนหมื่นพนักงานประจำขานพระแนวเป็นถ้วนถี่
เสร็จพลันชวนกันจรลีเข้าไปที่ศาลาลูกขุนใน
กราบเรียนเจ้าพระยาจักรีว่าบัดนี้กระบวนเรือทั้งน้อยใหญ่
รับนางมาถึงซึ่งกรุงไกรทั้งตัวเจ้าเชียงใหม่ก็เอามา
แต่พวกครัวลาวเป็นชาวไพรมอบไว้เมืองพิจิตรนั้นหนักหนา
ทั้งวัวควายเกวียนต่างแลช้างม้าเครื่องสาตราอาวุธสารพัน
ครั้นจะให้รวบรวมเอาลงมาก็เกรงจะชักช้าจึงผ่อนผัน
ให้ยับยั้งคอยฟังตราสำคัญพณหัวทั่นจะบัญชา
อนึ่งพวกลาวชาวเวียงจันทน์ที่มาส่งนางนั้นสามร้อยกว่า
รับแต่กึงกำกงนั้นลงมาแล้วแต่พระกรุณาจะโปรดปราน ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรีฟังคดีปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
ให้จดความตามบอกมิทันนานจะได้อ่านกราบทูลพระกรุณา
แล้วยิ้มย่องหันหน้ามาเชมเชยเจ้าเอ๋ยไม่เสียทีที่อาสา
เจ้าพ่อลูกสองคนพ้นปัญญาช่างแกล้วกล้าศึกเสือเหลือประมาณ
สักอึดใจได้เมืองเชียงใหม่สิ้นทั้งแผ่นดินเราเห็นเป็นยอดทหาร
ได้ดังพระประสงค์คงโปรดปรานบำเหน็จบำนาญจะรวยด้วยความดี
แล้วเรียกนครบาลมาบอกกล่าวท่านจงจำเจ้าลาวไว้ตามที่
ด้วยเป็นโทษยังไม่โปรดในคดีกว่าจะมีรับสั่งพระทรงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นท่านเจ้ากรมยมราชก็จัดแจงเพชฌฆาตที่เข้มขัน
โจมใจอาจฟาดใจกล้าทะลวงฟันราชมัลยิ่งยวดตำรวจใน
เอาโซ่ตรวนขื่อคามาทันใดตำแหน่งใครใครก็ไปไม่รอรั้ง
เอาเครื่องจำจำจองเจ้าเชียงใหม่นายไพร่นั่งห้อมล้อมหน้าหลัง
งำเมืองเพชรปาณีเสียงมี่ดังราชศักดิ์ปลัดวังเกณฑ์กันมา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์สิ้นความคิดดังชีวิตจะม้วยดับสังขาร์
หวาดหวั่นพรั่นตัวกลัวอาญาตกประหม่าหน้าซีดสลดใจ
แลเห็นเพชฌฆาตราชมัลสำคัญว่าชีวิตหารอดไม่
เหงื่อกาฬซ่านทั่วทั้งตัวไปทอดอาลัยก้มหน้าไม่พาที ฯ
๏ ครั้นสายแสงอโณทัยได้เวลาฝ่ายท่านเจ้าพระยาราชสีห์
ทั้งเจ้าพระยามหาเสนาบดีจตุดามภ์กรมทั้งสี่ก็เข้าวัง
ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนกล่นเกลื่อนซ้ายขวามาพร้อมพรั่ง
ท่านจักรีเข้าไปถึงในวังจึงสั่งขุนแผนกับลูกชาย
เจ้าคอยท่าอยู่หน้าพระดรงทองเราจะกราบทูลฉลองเรื่องถวาย
ให้ทรงทราบอนุสนธิ์ต้นปลายแล้วจะเบิกสองนายเฝ้าบาทบงสุ์
พระองค์คงจะรับสั่งถามถึงการณงค์สงครามตามประสงค์
จะตรองตรึกนึกไว้ให้ทุกกระทงอย่าลืมหลงเค้ามูลทูลความจริง
เรารำคาญแต่ฝ่ายพระท้ายน้ำด้วยว่าทำต้องตำหนิตริกริ่ง
หากแต่ได้ชัยชนะพอพะพิงจงรอนิ่งอยู่ที่ทิมริมประตู
ครั้นว่าจวนเวลาพวกข้าเฝ้าต่างก็เข้าไปคอยทุกหมวดหมู่
มหาดเล็กกรมวังพรั่งพรูเข้าสู่พระโรงชัยอันไพบูลย์ ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ดำรงโลกระงับโศกราษฎรให้ร้อนสูญ
เนาในปรางค์รัตน์จำรัสจรูญเพิ่มพูนสุขาสถาพร
ล้วนเหล่าสาวสนมกำนัลนางเคียงข้างพระแท่านบรรจถรณ์
พอสุริย์ฉายสายส่องช่องบัญชรบทจรจากห้องบรรทมพลัน
เสด็จสู่ที่สรงทรงสนานสุคนธ์ธารหอมฟุ้งทั้งปรุงกลั่น
ทรงภูษาแดงแย่งสุบรรณรัดพระองค์ดวงกุดั่นเด่นมณี
พระหัตถ์ซ้ายทรงพระขรรค์อันบวรบทจรออกจากข้างในที่
นางเชิญเครื่องเนื่องตามจรลีพระภูมีออกพระโรงรัตนา
ประทับพระที่นั่งบัลลังก์อาสน์งามดังเทวราชไตรตรึงศา
ให้เบิกหมู่ข้าเฝ้าท้าวพระยาเข้ามาในท้องพระโรงชัย
เจ้าพระยาพระหลวงกระทรวงการคลุกคลานพรั่งพรูดูไสว
เข้าเฝ้าพระองค์ทรงภพไตรบังคมไหว้แล้วก็หมอบอยู่พร้อมกัน ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรีอัญชลีทูลไปทันใดนั่น
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์ชีวันอยู่ใต้พระบาทา
ขุนแผนพลายงามที่ไปทัพยกกลับจตุรงค์มาถึงท่า
คุมเรือประเทียบทั้งสองมาทั้งพระยาเชียงใหม่ใจฉกรรจ์
ได้เงินทองของส่วนพัทยาเงินตราเบ็ดเสร็จเจ็ดสิบกำปั่น
ครัวลาวได้มารวมห้าพันแต่สกรรจ์พันร้อยห้าสิบคน
ปืนใหญ่สองร้อยน้อยสามพันทวนนั้นพันถ้วนล้วนพู่ขน
ดาบเชลยพันสองเป็นของพลดาบดรงแสงต้นห้าร้อยปลาย
ช้างสามร้อยห้าม้าแปดร้อยโคกระบือใหญ่น้อยนั้นมากหลาย
ทั้งนายไพร่ไม่เป็นอันตรายสบายด้วยเดชะพระบารมี
อันตัวเจ้าเชียงใหม่ใจพาลให้จำไว้ห้าประการตามที่
ควรมิควรฉันใดในคดีแล้วแต่พระภูมีจะโปรดปราน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงศักดิ์ปิ่นปักอยุธยามหาสถาน
ฟังทูลเรื่องขุนแผนแสนสำราญดังได้ผ่านเมืองสวรรค์ชั้นโสฬส
อ้ายเชียงอินทร์ดูหมิ่นกูหนักหนาวันนี้จะดูหน้าให้ปรากฏ
มันอวดดีเป็นไรไม่ไว้ยศพอได้ตัวหัวหดไปทันใด
การสงครามครั้งนี้มิใช่เล่นพิเคราะห์ไปก็เห็นเป็นศึกใหญ่
เพราะเรื่องมันยุ่งยากลำบากใจมิใช่ไปรบราอย่างสามัญ
ด้วยมันจับพวกเราเอาไปไว้รู้ว่าไปก็คงฆ่าเสียอาสัญ
อ้ายพ่อลูกเล็ดลอดดอดไปทันแก้กันว่องไวได้คนเรา
กับอนึ่งถึงกระบวนที่รบพุ่งถ้ามัวมุ่งล้อมเมืองก็เปลืองเปล่า
จะฆ่าฟันกันอย่างไรให้บางเบามันมากมายหลายเท่าเราที่ไป
อ้ายพ่อลูกมันดีที่กลศึกลอบสะอึกเข้าไปจับเจ้าเชียงใหม่
เหมือนตัดต้นสาเหตุเภทภัยพอจับได้ก็เสร็จสำเร็จการ
ต้องยกย่องว่าดีมีความชอบควรประกอบยศศักดิ์อัครฐาน
จงเรียกตัวมันมาอย่าได้นานอ้ายหน้าด้านท้ายน้ำก็เอามา ฯ
๏ ครานั้นท่านเจ้าคุณได้รับสั่งเหลียวบอกตำรวจวังที่อยู่หน้า
เรียกท้ายน้ำขุนแผนแสนศักดากับลูกยาพลายงามทั้งสามคน
ตำรวจวังคลานคล้อยถอยออกมาแจ้งกิจจาขุนแผนนั้นเป็นต้น
ว่าพระจทอนรินทร์ปิ่นภูวดลให้หาท่านสามคนในบัดนี้ ฯ
ขุนแผนกับลูกชายพลายงามได้ฟังความปรีดิ์เปรมเกษมศรี
นุ่งสมปักเข้าพลันในทันทีรีบรี่มายังท้องพระโรงชัย
น่าสงสารแต่ฝ่ายพระท้ายน้ำได้ยินคำกรมวังดังจับไข้
ผลัดสมปักตัวสั่นพรั่นฤทัยเผลอไผลตามาละล้าละลัง
ขุนแผนพลายงามเข้ามาก่อนพระท้ายน้ำค่อยผ่อนมาทีหลัง
กราบกรานคลานตามตำรวจวังต่างหมอบชม้อยคอยฟังพระบัญชา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชทอดพระเนตรพ่อลูกก็หรรษา
จึงมีสีหนาทประภาษมาดูราขุนแผนกับพลายงาม
มิเสียแรงเป็นชายชาติทหารชำนิชำนาญชาญชัยในสนาม
ครั้งนี้กูใช้ไปสงครามมีไพร่ไปแต่สามสิบห้าคน
เมืองเชียงใหม่ไพร่ฟ้าก็กว่าแสนไปไล่แล่นลุยลาวออกแหลกป่น
ข้าศึกฮึกหาญไม่ทานทนได้คนคืนเมืองเพราะมือมึง
ดีหนักหนากล้าจับเจ้าเชียงใหม่มึงคิดอ่านอย่างไรเมื่อไปถึง
ไหนว่ารบมากมายที่ปลายบึงอย่าอ้ำอึ้งจงเล่าให้เข้าใจ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสามารถอภิวาททูลแจ้งแถลงไข
ด้วยเดชะพระองค์ทรงภพไตรจึงมีชัยได้สิ้นทั้งพารา
เกล้ากระหม่อมอาสาไปครานี้กับทหารตัวดีสามสิบห้า
ได้อาศัยในคุณวิทยากับบารมีพระองค์ผู้ทรงธรรม์
ขึ้นไปถึงบึงใหญ่ให้หยุดพักซุ่มสำนักคนผู้อยู่ที่นั่น
แล้วปรึกษายินยอมพร้อมใจกันกระหม่อมฉันสองคนกับพลายงาม
ปลอมลาวเข้าไปสะกดคนขึ้นบนคุกใหญ่ในยามสาม
พบพระท้ายน้ำนั้นไม่ครั่นคร้ามทั้งนายไพร่ต่างตามกันออกมา
พวกเวียงจันทน์นั้นก็พาออกมาด้วยช่วยกันฟันผู้คุมเสียหนักหนา
แล้วเข้าไปโรงแสงแย่งสาตราทั้งลักม้าโรงในได้ครบคน
แล้วไปชิงช้างงาเอามาค่ายเวลาบ่ายลาวยกมาสับสน
เกล้ากระหม่อมพร้อมกันออกประจญลาวป่นแตกทัพยับระยำ
ในวันนั้นกระหม่อมฉันกับพลายงามสะกดตามเข้าวังเวลาค่ำ
จับได้เจ้าเชียงใหม่ในหอคำก็ยอมทำสัตย์ให้ด้วยใจจง
ขอเป็นข้าทูลละอองรองพระบาทมอบกายถวายราชย์ตามประสงค์
แต่นั้นมากิริยาก็คงตรงจงทราบเบื้องบาทบงสุ์พระทรงชัย ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูรฟังทูลยินดีจะมีไหน
มิเสียทีอ้ายนี่เหล่าขุนไกรทั้งลูกหลานชาญชัยไวปัญญา
อันตัวอ้ายเฒ่าเจ้าเชียงใหม่จะปล่อยไปดอกกูไม่เข่นฆ่า
ถึงมันองอาจอหังการ์จะว่ามันเป็นขบถก็เป็นพาล
ด้วยเมืองมันนั้นเอกเทศอยู่นอกเขตอยุธยามหาสถาน
เมื่ออ่อนน้อมยอมถวายบรรณาการก็ไม่ควรล้างผลาญให้บรรลัย
ถ้าอาหากเอามันไปฟันฆ่าใครจะเชื่ออยุธยาต่อไปได้
ไว้มันกลับทุจริตผิดต่อไปจึงควรให้ลงโทษถึงชีวี
อ้ายขุนแผนพลายงามมีความชอบกูจะตอบแทนมึงให้ถึงที่
ขุนแผนให้ไปรั้งกาญจน์บุรีมีเจียดกระบี่เครื่องยศให้งดงาม
สัปทนคนโทถาดหมากทองช้างจำลองของประทานทั้งคานหาม
สำหรับใช้ไปณรงค์สงครามให้สมตามความชอบที่มีมา
ให้เป็นที่พระสุรินทฦาชัยมไหสูรย์ภักดีมีสง่า
แล้วตรัสสั่งพระคลังในมิได้ช้าเติมเงินตราสิบห้าชั่งเป็นรางวัล
ทั้งเสื้อผ้าสมปักปูมส่านพระราชทานมากมายหลายหลั่น
ส่วนอ้ายลูกชายพลายงามนั้นจะให้มันมียศปรากฏไป
ยังหนุ่มแน่นว่องไวมิใช่น้อยควรเอาไว้ใช้สอยให้ใกล้ใกล้
จะตั้งแต่งให้มึงให้ถึงใจให้สมที่มีชัยได้เมืองมา
ให้เป็นจมื่นไวยวรนาถหัวหมื่นมหาดเล็กเวรข้างฝ่ายขวา
พระราชทานเครื่องยศแลเงินตราปูมส่านเสื้อผ้าสารพัน
แล้วตรัสว่าอ้ายไวยพึ่งได้ดีบ้านช่องมันจะมีที่ไหนนั่น
หัวหมื่นมีแต่ตัวก็ชั่วครันต้องทำบ้านให้มันเสียครั้งนี้
ดูก่อนเจ้ากรมยมราชจงบาตรหมายนายอำเภอไปเหยียบที่
หาบ้านให้ไอ้ไวยในบุรีดูท่วงทีพอให้ใกล้ใกล้วัง
แล้วตรัสสั่งเจ้ากรมทหารในไปปลูกเหย้าเรือนให้สักห้าหลัง
ทั้งเรือนครัวรั้วรอบขอบกำบังให้สมกับกูตั้งเป็นหมื่นไวย ฯ
เบือนพระพักตร์มาพบพระท้ายน้ำกริ้วซ้ำดังจะฆ่าให้ตักษัย
มีพระสีหนาทประภาษไปเหม่อ้ายท้ายน้ำมึงทำงาม
เสียแรงกูรักใคร่ให้เป็นพระมิรู้จะขี้ขลาดชาติส่ำสาม
ให้กูหลงไว้ใจในสงครามจนอ้ายลาวเอาไปล่ามดังผูกลิง
ช่างไม่คิดสู้มันให้พรั่นท้อทุดกระไรใจคอเป็นผู้หญิง
ช่างชาติชั่วสิ้นทีอัปรีย์จริงไปนั่งนิ่งให้มันจับได้อับอาย
ถ้ามิได้ช่วยอ้ายขุนแผนรบจะจำครบผูกเฆี่ยนเสียสองหวาย
อ้ายคนชั่วชาติข้าขายหน้านายจงหมายถอดเป็นไพร่ใช้เฝ้าประตู ฯ
๏ แล้วตรัสสั่งเจ้ากรมตำรวจหน้าไปเอาพระยาเชียงใหม่มานี่หรู
ส่วนพระยาธรมาก็ไปดูให้รับสองนางสู่ที่ในวัง
ตำรวจรับมาบอกผู้รักษาพระโองการให้หาเจ้าเชียงใหม่
เข้าหิ้วปีกซ้ายขวาพาเข้าไปบังคมไหว้หมอบพรั่นสั่นสะท้าน ฯ
๏ ครานั้นพระปิ่นนรินทร์ราชมีพระสีหนาทอยู่ฉาดฉาน
เหวยพระยาเชียงใหม่น้ำใจพาลตัวทำการไม่สมอารมณ์นึก
เข้าชิงนางจับไทยแล้วไม่หนำยังซ้ำมีสารมาท้าทำศึก
โทษทัณฑ์นั้นอย่างไรที่ใจฮึกอย่านิ่งนึกเร่งว่ามาบัดดล ฯ
เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังพระโองการหนาวสะท้านซ่านเสียวทุกขุมขน
เหงื่อตกอกร้อนดังเพลิงลนเหมือนจะด้นดำไปใต้พสุธา
สารภาพกราบทูลสนองไปพระทรงชัยได้โปรดเหนือเกศา
อันความผิดพลั้งแต่หลังมาข้าพระบาทโทษถึงซึ่งชีวิต
ถ้าทรงพระกรุณาไม่ฆ่าฟันพระราชทานโทษทัณฑ์ที่ทำผิด
ขอเป็นข้าบาทบงสุ์พระทรงฤ?ธิ์รักษาสัตย์สุจริตจนวายปราณ
ขอถวายสมบัติกษัตราอีกทั้งลานนามหาสถาน
ไว้ในใต้เบื้องบทมาลย์พึ่งพระโพธิสมภารสืบไป ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพฟังจบตรัสตอบเจ้าเชียงใหม่
เมื่อรู้ตัวกลัวภัยเราจะยกโทษให้ในครั้งนี้
จะให้กลับไปครองเมืองเชียงใหม่จงตั้งใจสัตย์ซื่อต่อกรุงศรี
ตามเยี่ยงอย่างเจ้าประเทศเขตธานีรักษาให้ไมตรีจีรังกาล
ตรัสพลางทางสั่งท่านผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายมหาดไทยแลทหาร
จงพาเจ้าเชียงใหม่ไปสาบานอธิษฐานถือน้ำทำสัจจา
แล้วจัดแจงแต่งบ้านรับแขกเมืองกั้นฝาเฝืองเป็นข้างในแลข้างหน้า
ให้เป็นที่อาศัยในพาราทั้งเจ้าข้าอย่าให้ได้เดือดร้อน
จ่ายเสบียงอาหารการกินอยู่เครื่องเสื่อสาดลาดปูแลผ้าผ่อน
พวกบ่าวไพร่ให้มีที่หลับนอนนครบาลดูอย่าให้ใครบีฑา ฯ
๏ แล้วตรัสสั่งพลันในทันใดยังพวกบ่าวไพร่ทัพสามสิบห้า
ทั้งอ้ายพวกหาบหามตามโยธาเอาเงินตราผ้าให้เป็รางวัล
แล้วให้ยกราชการงานเมืองปลดเปลื้องหน้าที่ทุกสิ่งสรรพ์
สังกัดไว้ในอาทมาตนั้นต่อมีทัพขับขันจึงเรียกใช้
ให้มันมีตราภูมิคุ้มห้ามขาดทั้งอากรขนอนตลาดอย่าเก็บได้
ทำบาญชีมีนายหมวดกองไว้ให้ขึ้นแก่จมื่นไวยสิ้นทั้งนั้น
ส่วนนายไพร่พวกลาวชาวล้านช้างที่ตามมาส่งนางสร้อยทองนั้น
จงเบิกเงินเสื้อผ้ามาให้มันแล้วส่งไปเวียงจันทน์ทั้งไพร่นาย
ครั้นสิ้นข้อดำรัสตรัสเสร็จพระเสด็จจรจรัลผันผาย
ขึ้นจากพระโรงคุลพรรณรายเยื้องกรายคืนเข้าปราสาทชัย ฯ
๏ ฝ่ายพระยาธรมาธิบดีมาถึงที่ประตูวังหาช้าไม่
บอกแก่ท้าวนางที่ข้างในให้เกณฑ์กันลงไปรับสองนาง
แล้วสั่งให้จัดสีวิกากาญจน์ผูกม่านลายปักหักทองขวาง
พร้อมพรั่งทั้งคู่ดูสำอางท้าวนางเถ้าแก่แซ่กันมา
จึงเชิญนางสร้อยทองผ่องศรีขึ้นทรงวอจรลีไปข้างหน้า
วอหลังนารีศรีสร้อยฟ้าท้าวนางนำมายังวังใน
แล้วเร่งรัดจัดตำหนักรักษาให้สร้อยทองสร้อยฟ้าอยู่อาศัย
มิให้อนาทรร้อนฤทัยตั้งใจคอยรับสั่งพระทรงธรรม์ ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ทรงศักดามิ่งมงกุฎอยุธยามหาสวรรค์
สถิตที่แท่นแก้วแกมสุวรรณเหล่ากำนัลพระสนมประนมกร
ครั้นสิ้นแสงสุริยาภาณุมาศพระจันทร์เคลื่อนเลื่อนราชรถร่อน
ดาราพรายพร่างกลางอัมพรประภัสสรแสงรื่นพื้นแผ่นดิน
สว่างไสวในวังดังเมืองสวรรค์ด้วยแสงจันทร์นั้นสอ่งกระจ่างสิ้น
พระพายเฉื่อยเรื่อยพัดมารินรินพระองค์ทรงถวิลถึงสองนาง
สร้อยทองลูกของเจ้าเวียงจันทน์เชิดชื่อลือลั่นมากรุงล่าง
ว่างามขำล้ำเลิศในล้านช้างดูหมายมาดสวาทนางทุกแดนไตร
กับอนึ่งนารีศรีสร้อยฟ้าก็เป็นยอดธิดาเจ้าเชียงใหม่
รูปร่างจะตระการสักปานใดพระตริพลางตรัสใช้เจ้าขรัวนาย ฯ
             

๏ ครานั้นท่านท้าววรจันทร์รับสั่งทรงธรรม์แล้วผันผาย
ไปบอกสองอรไทให้แต่งกายผัดพักตร์พรรณรายดังดวงจันทร์
กระหมวดมุ่นมวยผมดูสมพักตร์ปิ่นปักวาวแววแก้วกุดั่น
แซมมวยด้วยบุปผาลาวัณย์สองกรรณใส่ตุ้มหูพู่ระย้า
สวมใส่กำไลทองทั้งสองกรธำมรงค์เรียงสลอนทั้งซ้ายขวา
นุ่งยกทองทอลออตาห่มผ้าพื้นไหมอุไรกรอง
วิไลเลิศเฉิดฉินดังกินรีจรลีตามกันมาทั้งสอง
ขรัวนายนำนางขึ้นปรางค์ทองเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทา
เจ้าจรัวนายบังคมประนมสนองนางสร้อยทองหมอบเฝ้าอยู่ฝ่ายขวา
ที่น้อมกายเบื้องซ้ายข้างนี้มาคือนางสร้อยฟ้านารี ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชทอดพระเนตรรูปทรงทั้งสองศรี
น่าชมสมเป็นราชบุตรีท่วงทีคนละอย่างดูต่างกัน
พินิจทรงสร้อยทองละอองพักตร์นรลักษณ์งามเลิศเฉิดฉัน
ละมุนละม่อมพร้อมพริ้งทุกสิ่งอันสมเป็นขวัญของประเทศเขตลาวกาว
ดูสงบเสงี่ยมงามทรามสวาทมารยาทสนิทสนมสมเป็นสาว
กระนี้หรือจะมิลือในแดนลาวจนเชียงใหม่ได้ข้าวเข้าช่วงชิง
แล้วผินพักตร์มาพิศเจ้าสร้อยฟ้าดูจริตกิริยากระตุ้งกระติ้ง
ท่าทางท่วงทีก็ดีจริงจะเสียอยู่สักสิ่งด้วยรายงอน
หูตากลอกกลมคมคายเหลือพิศแล้วเบื่อดูได้แต่ร่อนร่อน
จะเปรียบก็เหมือนอย่างนางละครงามงอนอ้อนแอ้นบั้นเอวกลม
เพราพริ้งเพรียวเหลือดังเรือแข่งกล้องแกล้งพายจิบก็เจียนล่ม
ดูริมฝีปากบางลูกคางกลมเห็นลาดเลาเจ้าคารมเป็นมั่นคง
ถ้าเป็นม้าก็ม้าขึ้นระวางถ้าเป็นช้างก็ช้างอย่างต้องประสงค์
ถึงจะผูกเครื่องทองเป็นรองทรงถ้าคนขี่ไม่ประจงคงเจ็บตัว
สร้อยทองลูกของเจ้าล้านช้างยศอย่างมารยาทจะยังชั่ว
แต่ข้างนางสร้อยฟ้าดูน่ากลัวกระซิบตรัสกับเจ้าขรัววรจันทน์
แน่ะขรัวนายท่าทีอีสองคนดูชอบมาพากลหรือไม่นั่น
สร้อยทองดูทำนองจะดีครันสร้อยฟ้านั้นท่าทางเหมือนนางละคร
จะเอาไว้เป็นข้างระวางในลองใจขับขี่ดูทีก่อน
ก็นึกกลัวตัวแก่ไม่แน่นอนหรือจะควรผันผ่อนประการใด ฯ
๏ เจ้าขรัวนายได้ฟังรับสั่งถามก็ทราบความตามพระอัชฌาสัย
จึงกราบทูลพระองค์ทรงภพไตรเห็นถูกต้องตามพระทัยที่ใคร่ครวญ
นางสร้อยทองต้องลักษณะนักนรลักษณ์งามดีถี่ถ้วน
แต่สร้อยฟ้าดูจริตกระบิดกระบวนเห็นไม่ควรที่จะเคียงพระบาทา
ดูท่าทางอย่างเรือต้องระลอกกลับกลอกกลิ้งกลมคมหนักหนา
กระหม่อมฉันเกรงจะขัดพระอัธยาเหมือนทรงม้าที่พยศต้องกดไว้
ถึงแม้ว่ารูปทรงส่งสัณฐานจะโปรดปรานก็ไม่หย่อนผ่อนลงได้
จะเป็นเครื่องอักอ่วนกวนพระทัยมิให้เบิกบานสำราญองค์
ไม่เหมือนนางสร้อยทองผ่องศรีนั่นควรที่ยกย่องต้องประสงค์
ดูท่วงทีกิริยานั้นสมทรงควรรองบาทบงสุ์พระทรงชัย
นางสร้อยฟ้าถ้าจะรับราชการเพียงชั้นนางพนักงานเห็นพอได้
ขอพระองค์ผู้ทรงภพไตรจะทรงวินิจฉัยให้สมควร ฯ
๏ ครานั้นภูมินทร์บดิทร์สูรฟังเจ้าขรัวนายทูลทรงพระสรวล
ข้าก็เบื่อคนจริตกระบิดกระบวนจึงอักอ่วนคิดไปให้ระอา
แต่จะเลี้ยงเพียงเป็นนางพนักงานดูก็พานต่ำต้อยจะน้อยหน้า
ด้วยมันเป็นลูกสาวท้าวพระยาให้มีคู่สู่หาเสียเป็นไร
อย่าเลยอ้ายพลายงามมีความชอบได้ประกอบยศศักดิ์เป็นไหนไหน
พร้อมสรรพเคหาทั้งข้าไทยังแต่ไม่มีเมียจะถือน้ำ
ได้นึกอยู่ว่าจะดูหาเมียให้เราจะได้เลี้ยงชุบอุปถัมภ์
ปล่อยไว้ฉวยได้คนระยำมันจะทำเสื่อมเสียวิชาดี
มันก็เป็นจมื่นไวยวรนาถหัวหมื่นมหาดเล็กใช้อยู่ใกล้ที่
ถึงตัวเจ้าเชียงใหม่ในครั้งนี้มันก็มีคุณรักบำรุงมา
เห็นจะไม่ขัดใจเจ้าเชียงใหม่เราขอเขาคงให้ดังเราว่า
ให้สำเร็จเสร็จเรื่องอีสร้อยฟ้าทั้งมีหน้ามีตาอ้ายหมื่นไวย
ดูเหมาะพอสมอารมณ์หมายเจ้าขรัวนายจะเห็นเป็นไฉน
อ้ายหมื่นไวยได้อีสร้อยฟ้าไปก็จะได้เป็นกำลังราชการ ฯ
๏ เจ้าขรัวนายกราบก้มบังคมบาทเคารพรับพระราชบรรหาร
จึงทูลความตามกระแสพระโองการซึ่งประทานจมื่นไวยนั้นควรนัก
ครั้งนี้มีชัยได้เมืองลาวลือข่าวทั่วหล้าอาณาจักร
ถ้าประทานสร้อยฟ้าให้สมรักก็จะยิ่งสามิภักดิ์พระทรงชัย ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชปิ่นปักนคเรศเป็นใหญ่
ฟังขรัวนายทูลสนองต้องพระทัยเอออ้ายไวยมันสมกับสร้อยฟ้า
แล้วหันมาปราศรัยนางสร้อยทองอย่าหม่นหมองจะเลี้ยงให้งามหน้า
สมเป็นราชบุตรีศรีสัตนาซึ่งบิดายกให้ด้วยไมตรี
จึงตรัสสั่งคลังในพนักงานให้จัดของพระราชทานตามที่
หีบหมากทองลงยาราชาวดีเงินยี่สิบชั่งทั้งขันทอง
แหวนเรือนรังแตนทั้งแหวนงูตุ้มหูระย้าเพชรเก็จก่อง
ผ้ายกทองยกไหมสไบกรองทั้งสิ่งของส่วนพี่เลี้ยงกัลยา
จัดตำหนักให้อยู่ตึกหมู่ใหญ่ข้าไทให้เป็นสุขทุกถ้วนหน้า
แล้วตรัสปราศรัยนางสร้อยฟ้าเอ็งก็อย่าอาวรณ์ร้อนฤทัย
ถึงพ่อเอ็งจู่ลู่ให้กูโกรธกูก็ได้ยกโทษโปรดให้
เมื่อราชการเสร็จสรรพเขากลับไปกูไซร้จะเป็นพ่อออสร้อยฟ้า
จะเลี้ยงดูมิให้ได้อายเพื่อนถึงจะมีเหย้าเรือนไปวันหน้า
จะตกแต่งให้ดีมีหน้าตามิให้ใครครหานินทากู
เอ็งจงยับยั้งอยู่วังในขรัวนายไปจัดเรือนให้มันอยู่
ฝากเจ้าขรัวนายด้วยจงช่วยดูทั้งคนผู้บ่าวไพร่ให้สบาย
ถ้าหากมันคิดถึงพ่อแม่ให้เถ้าแก่พาไปดังใจหมาย
รับสั่งแล้วจึงท้าวเจ้าขรัวนายพาสร้อยฟ้าผันผายลงมาพลัน ฯ
๏ ครั้นรุ่งแสงสุริยาภาณุมาศโอภาสพรรณรายฉายฉัน
ฝ่ายว่าพระองค์ผู้ทรงธรรม์จรจรัลออกพระโรงรัตนา
พรั่งพร้อมเสนาข้าเฝ้าทุกหมู่เหล่าแวดล้อมอยู่พร้อมหน้า
เจ้าเชียงใหม่พ้นพระราชอาญาก็เข้ามาเฝ้าเบื้องบาทบงสุ์
พระองค์ทรงดำริตริตราถึงขอบขัณฑสีมาโดยประสงค์
เห็นว่าเจ้าเชียงใหม่นั้นใจจงควรให้คงยศได้ไม่เสียการ
จึงตรัสว่าฮ้าเฮ้ยเจ้าเชียงใหม่เราจะให้กลับหลังยังสถาน
ทั้งบ่าวไพร่ชายหญิงแลศฤงคารตัวท่านจงคืนเอาขึ้นไป
ไปรักษาพระนิเวศน์เขตขัณฑ์ป้องกันศึกเสือเหนือใต้
ถ้าแม้นมีปัจจามิตรมาทิศใดเหลือกำลังก็ให้บอกลงมา ฯ
๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังรับสั่งโปรดปราโมทย์ดังจะเหาะขึ้นเวหา
ก้มกราบทูลพระองค์ทรงศักดาขอรองพระบาทากว่าจะตาย
ไปเบื้องหน้าถ้าทำให้เคืองขัดแม้นเป็นสัตย์จงประหารให้ฉิบหาย
ตัวจำนำรับคำไม่กลับกลายขอถวายบุตรไว้ใต้บาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพฟังจบทรงพระสรวลสำรวลร่า
เออเจ้าเชียงใหม่ไปพาราแล้วไปมาหากันก็เป็นไร
ซึ่งลูกสาวในอกยกให้ข้าก็ขอบใจหนักหนาเจ้าเชียงใหม่
แต่เห็นหน้าข้าก็นึกตั้งใจไว้จะขอสร้อยฟ้าให้กับอ้ายพลาย
มันน่าชมสมกันนี่กระไรลูกสาวเจ้าเชียงใหม่ก็เฉิดฉาย
อ้ายพลายงามความรู้ก็เลิศชายจะได้เป็นสุขสบายทั้งสองรา
อย่าเสียใจว่าได้กับต่ำศักดิ์อ้ายพลายงามก็รักเหมือนลูกข้า
เป็นหัวมหื่นมหาดเล็กเด็กชาจงนึกว่าเราทั้งสองเกี่ยวดองกัน ฯ
๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังรับสั่งขอรันทดท้อฤทัยให้ไหวหวั่น
เสียดายศักดิ์สุริยวงศ์พงศ์พันธุ์อัดอั้นมิใคร่ออกซึ่งวาจา
นึกถึงสร้อยฟ้านิจจาเอ๋ยไม่ควรเลยจะระคนลงปนข้า
ครั้นขัดก็จะเคืองเบื้องบาทาจึงกราบทูลพระกรุณาด้วยจำใจ
อันลูกสาวเกล้ากระหม่อมถวายขาดไว้เป็นข้าฝ่าพระบาทจนตักษัย
ซึ่งจะพระราชทานจมื่นไวยก็สุดแท้แต่พระทัยจะโปรดปราน
อันพระไวยคนนี้ก็มีศักดิ์แหลมหลักเปรื่องปราดชาติทหาร
ต่อไปคงจะได้ราชการกระหม่อมฉานจะได้พึ่งเพื่อนสืบไป ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพฟังจบตรัสว่าเออเจ้าเชียงใหม่
แม้นมีเหตุเภทพาลประการใดจะได้ใช้ให้ออไวยไปช่วยกัน
ท่านจงคืนหลังยังพาราญาติงวศ์คอยท่าจะโศกศัลย์
ทั้งเจ้าไพร่จงเป็นสุขทุกคืนวันพระสั่งเสร็จจรจรัลเข้าวังใน ฯ
ฝ่ายว่าเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นประชาเสด็จขึ้นกลับมาที่อาศัย
มีรับสั่งโปรดปรานประการใดก็เล่าให้เมียแจ้งแห่งกิจจา ฯ
๏ ครานั้นนางอัปสรมเหสีได้ฟังคดีที่ผัวว่า
ยินดีที่จะได้ไปพาราแต่ทุกข์ถึงธิดาดวงชีวัน
ให้อีไหมไปบอกเจ้าสร้อยฟ้าให้ออกมาทันทีขมีขมัน
สร้อยฟ้าจึงลาขรัวนายพลันเถ้าแก่โขลนนั้นกำกับมา ฯ
๏ คราถึงที่สถิตของบิดานางยอกรกราบบาทาทั้งซ้ายขวา
เจ้าเชียงใหม่กอดลูกแล้วโศกาว่าพ่อแม่นี้จะลาเจ้ากลับไป
เพราะมีตัวเจ้าถวายจึงคลายเคืองได้เมื้อเมืองเจ้าจะตกอยู่กรุงใต้
จะโปรดปรานประทานให้หมื่นไวยเหลืออาลัยอยู่แล้วแก้วพ่ออา ฯ
๏ ครานั้นสร้อยฟ้านารีฟังคดีเพียงจะดิ้นสิ้นสังขาร์
สองกรกอดบาทพระบิดาก้มหน้าซบลงแล้วโศกี
โอ้ว่าเจ้าประคุณของลูกแก้วจะละลูกเสียแล้วเอาตัวหนี
ซึ่งยกลูกถวายถ่ายชีวิตลูกไม่คิดบิดเบือนหรอกเจ้าพ่อ
ท่านจะใช้ตักน้ำหรือหามวอไม่ย่อท้อจะแทนพระคุณไป
แสนทุกข์อยู่แต่ที่จะมีผัวพระทูนหัวอกเอ๋ยหาเคยไม่
จะดูการเรือนเหย้าเขาข้างไทยจะอย่างไรก็ไม่รู้ประเพณี
ก็จะถูกติฉินยินร้ายอัปยศอดอายชาวกรุงศรี
สำหหรับเขาค่อนว่าทั้งตาปีมีแต่จะอับอายขายบาทา
ประการหนึ่งผู้ซึ่งจะเป็นผัวมิใช่ตัวเขาสมัครรักใคร่ข้า
ประทานไปถ้าเขาไม่มีเมตตาก็จะพาลด่าว่าเอาตามใจ
แม้นจะทำย่ำยีถึงตีตบจะสู้รบหลบหนีไปไหนได้
ตัวคนเดียวตกอยู่ในหมู่ไทยจะพึ่งใครยามยากลำบากกาย
จะได้แต่ร้องไห้ไปจนม้วยแม่พ่อพอจะช่วยก็ห่างหาย
ไหนจะอยู่ไปตลอดคงวอดวายนางฟูมฟายชลนาโศกาลัย ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงใหม่อาลัยลูกพันผูกนั่งสะท้อนถอนใจใหญ่
แข็งขืนกลืนกลั้นน้ำตาไว้โลมเล้าเอาใจของลูกรัก
เป็นกรรมของเรานะเจ้าเอ๋ยแต่เกิดมาพ่อไม่เคยจะหาญหัก
ครั้งนี้ขัดสนจนใจนักเจ้าเหมือนที่พึ่งพักของบิดา
ตลอดถึงวงศาคณาญาติประชาราษฎร์เพื่อนยามมากนักหนา
เป็นเชลยกองทัพเขาจับมาเหมือนลูกช่วยให้รอดตลอดไป
ถ้าไม่มีตัวเจ้าเข้าถวายก็คงพากันตายอยู่เมืองใต้
นี่พอให้ไว้เนื้อเชื่อพระทัยจึงโปรดให้กลับคืนไปเเมืองเรา
ซึ่งพระองค์ทรงขอให้พระไวยมิใช่พ่อพอใจจะให้เจ้า
แต่จะขัดพระดำรัสเหมือนดูเบาจึงจำยกให้เขาตามบัญชา
ข้อนี้ก็ได้มีรับสั่งแล้วว่าจะเลี้ยงลูกแก้วให้สมหน้า
ด้วยพระองค?์ทรงพระกรุณาจงพึ่งฝ่าบาทบงสุ์พระทรงชัย
ไปวันหน้าถึงว่าจะอาดูรจะเฝ้าแหนเพ็ดทูลก็พอได้
อนึ่งที่ตัวพระจมื่นไวยเมื่อขึ้นไปย่ำยีบุรีเรา
ถึงเมื่อไปเป็นปรปักษ์จะหักหาญด้วยทำการถวายเจ้านายเขา
เมื่อเราอ่อนเขาก็หย่อนผ่อนให้เบาจนเลยเข้ากันเป็นมิตรสนิทมา
คงเห็นกับไมตรีมีแต่หลังทั้งเป็นเมียประทานพระผ่านหล้า
ถึงเกิดข้องเคืองขัดอัธยาเห็นจะไม่ตีด่าให้อับอาย
พ่อจะให้เถถรขวาดฉลาดเวทเธอวิเศษฤทธีดีใจหาย
อยู่เป็นเพื่อนป้องกันอันตรายกับเพี้ยกวานขนานอ้ายด้วยอีกคน
แม่เจ้าเขาคงเลือกเหล่าผู้หญิงที่เชื่อใจได้จริงมาแต่ต้น
มอบไว้ให้ชิดติดกับตนถึงพ่อไปเมืองบนไม่ละเลย
อันจะเป็นแม่เหย้าเจ้าเรือนดูให้เหมือนแม่เจ้าเถิดลูกเอ๋ย
เขาดีจริงสิ่งไรเจ้าไม่เคยทรามเชยถามแม่ให้แน่ใจ ฯ
๏ ครานั้นนางอัปสรชนนีเรียกสร้อยฟ้านารีเข้าเรือนใหญ่
สงสารลูกโลมเล้าเอาใจอย่าร้องไห้ไปนักนะลูกอา
เกิดมาเป็นมนุษย์ปุถุชนความทุกข์มิพ้นจนสักหน้า
สุดแท้แต่กรรมที่ทำมาถึงเวลาสิ้นสุขก็ทุกข์ไป
ถ้าถึงคราวพ้นเข็ญที่เป็นทุกข์ก็กลับมีความสุขสืบไปใหม่
เป็นธรรมดามาฉะนี้แต่ไรไรจะหวาดหวั่นพรั่นใจไม่ต้องการ
พระพ่อได้ถวายเจ้าถ่ายโทษเหมือนเจ้าโปรดพ่อให้ได้คืนสถาน
ดังกัญหาชาลีสองกุมารเพิ่มประโยชน์โพธิญาณพระบิดา
เป็นกุศลผลบุญอันยิ่งใหญ่จะค้ำชูตัวไปในภายหน้า
ไม่ควรย่อท้อคิดระอิดระอาจงก้มหน้าสนองพระคุณไป
ซึ่งภูบาลจะประทานให้มีผัวเจ้าอย่ากลัวชั่วร้ายหามีไม่
เป็นสตรีมีผัวกันทั่วไปเพราะว่าเป็นวิสัยแห่งโลกีย์
ถึงเนื้อคู่อยู่ห่างต่างภาษาจนหน้าตาไม่รู้จักมักจี่
สำคัญแต่ที่ให้ได้คนดีก็จะมีความสุขไม่ทุกข์ใจ
เหมือนเช่นพระอุณรุทนางอุษาก็อยู่ห่างต่างพาราเป็นไหนไหน
หลับอยู่เทวดาพาอุ้มไปยังรักใคร่ปรองดองทั้งสองรา
ถึงตัวแม่เมื่อสาวคราวพวยพุ่งก็อยู่เวียงเชียงตุงไกลหนักหนา
พระปู่เฒ่าเจ้าเชียงใหม่ไปขอมาเพิ่งเห็นหน้าพ่อเจ้าต่อวันงาน
ถึงพ่อเจ้าเล่าก็ไม่ได้เห็นแม่ได้ยินแต่ว่ารูปทรงส่งสัณฐาน
ยังอยู่ด้วยกันมาเป็นช้านานมิได้มีร้าวรานประการใด
ด้วยวิสัยในการประเวณีย่อมอยู่ที่ดวงจิตพิสมัย
พอถึงกันก็ประหวัดกำหนัดในแต่พอได้รู้รสก็หมดกลัว
ยิ่งหนุ่มสาวคราวแรกภิรมย์รักพอประจักษ์ได้เสียเป็นเมียผัว
มักหลงใหลคลึงเคล้าเฝ้าพันพัวราวกับตัวขึ้นสวรรค์ชั้นไตรตรึงส์
เมื่อแรกแรกร่วมเรียงเคียงเขนยอย่ากลัวเลยจะพิโรธโกรธขึ้ง
ต่อนานวันว่างวายคลายเคล้าคลึงนั่นแลจึงจะได้รู้ดูใจกัน
วิสัยชายคล้ายกับคชสารถ้าหมอควาญรู้ทีดีขยัน
แต่ทว่าบางยกตกน้ำมันต้องรู้จักผ่อนผันจึงเป็นเพลง
ธรรมดาสตรีที่มีผัวต้องเกรงยำจำกลัวผัวข่มเหง
เพราะถ้าผัวตัวนั้นยังคุ้มเกรงถึงคนอื่นครื้นเครงมิเป็นไร
ถ้าผัวทิ้งคนเดียวเปลี่ยวอนาถเหมืนอสิ้นชาติสิ้นเชื้อที่เนื้อไข
หญิงที่ผัวทิ้งขว้างห่างเหไปจะเข้าไหนเขากระหยิ่มมักยิ้มเยาะ
ถึงจะหาลูกผัวแก้ตัวใหม่ก็ยากนักจักได้ที่มั่นเหมาะ
ด้วยสิ้นพรหมจารีที่จำเพาะเหมือนไส้กลวงด้วงเจาะรังเกียจกัน
ด้วยเหตุนี้มีผัวอย่ามัวประมาทถ้าพลั้งพลาดเพียงชีวาจะอาสัญ
ต้องเอาใจสามีทุกวี่วันให้ผัวนั้นเมตตาอย่าจืดจาง
จงเคารพนบนอบต่อสามีกิริยาพาทีอย่าอางขนาง
จะยั่วยวนหรือว่ามีที่ระคางไว้ให้ว่างผู้คนอยู่ที่ลับ
สังเกตดูอย่างไรชอบใจผัวทั้งอยู่กินสิ้นทั่วทุกสิ่งสรรพ
ทำให้ได้อย่าให้ต้องบังคับเป็นแม่เรือนเขาจึงนับว่าดีจริง
อันเป็นเมียจะให้ชอบใจผัวสิ่งสำคัญนั้นก็ตัวของผู้หญิง
ทำให้ผัวถูกใจไม่มีทิ้งยังมีอีกสิ่งก็อาหารตระการใจ
ถ้ารู้จักประกอบให้ชอบลิ้นถึงแก่สิ้นเพราพริ้งไม่ทิ้งได้
คงต้องง้อขอกินทุกวันไปจงใส่ใจจัดหาสารพัน
เป็นต้นต้มตีนหมูให้ชูรสไข่ไก่สดต้มยำทำขยัน
ตับเหล็กกสันในแลไข่ดันหั่นให้ชิ้นเล็กเล็กเหมือนเจ๊กทำ
พยายามเลี้ยงดูให้ชูใจถึงจะมีเมียใหม่ให้คมขำ
เสน่ห์ปลายจวักไม่รู้จักทำหลงใหลไม่กี่น้ำก็จำคลาย
พ่อเจ้ามีห้ามสักสามร้อยเป็นไรไม่หลุดลอยไปง่ายง่าย
ปะสาวสาวเจ้าก็ชมหลงงมงายแต่พอหน่ายก็แพ้แม่ทุกที
ทำไมกับสาวสาวอีลาวเคอะถึงจะสวยมันก็เซอะดังซากผี
ยังชมว่าท่านยายแยบคายดีมิได้มีเหมือนแม่จนแก่ชรา
อันเป็นหญิงสุดแต่สิ่งปรนนิบัติใครสันทัดผัวก็รักเป็นหนักหนา
แม้นเจ้าทำเหมือนคำของมารดาดีกว่ายาแฝดฝังทั้งตาปี ฯ
             

๏ ครานั้นจึงโฉมนางสร้อยฟ้ารับคำมารดาใส่เกศี
เจ้าแม่ไปขอให้สวัสดีถึงปีแล้วจงใช้ให้คนมา
ให้แจ้งข่าวเจ้าประคุณว่าเป็นสุขก็จะสบายคลายทุกข์ของตัวข้า
สั่งพลางต่างองค์ทรงโศกาเพียงว่าจะสิ้นสมประดี ฯ
๏ ครั้นสุริย์ฉายบ่ายคล้อยลงรำไรเจ้าเชียงใหม่กับองค์มเหสี
แสนสงสารลูกยายิ่งปรานีเวลานี้จวนเจ้าจะเข้าวัง
เอาธำมรงค์เก้ายอดถอดให้ลูกถ้าจะขายถูกถูกก็สิบชั่ง
ไว้ต่อมเมื่อยากจนพ้นกำลังจำนำไว้ในวังพอแก้จน
แล้วเลือกสรรนางลาวพวกสาวใช้นางสาวไหมพี่เลี้ยงนั้นเป็นต้น
กับรุ่นรุ่นรูปดีอีกสี่คนเอาไว้เป็นเพื่อนตนเถิดลูกอา
แล้วสั่งซ้ำกำชับกับสาวไหมเอ็งเอ๋ยอย่าถือใจว่าเป็นข้า
นึกว่านางเป็นน้องร่วมท้องมาจงอุตส่าห์หมั่นระวังสั่งสอนกัน
จวนประตูปิดแล้วแก้วแม่เอ๋ยอย่าช้าเลยกลับไปเข้าไปไอศวรรย์
แม่จงอยู่เป็นสุขทุกนิรันดร์อันตรายราคีอย่ามีพาน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าสร้อยฟ้าฟังว่าดังอุระจะแตกฉาน
กราบตีนพ่อแม่ให้แดดาลชลนัยน์ไหลซ่านลงโซมทรวง
เย็นนักจักช้าก็มิได้เป็นทุกข์ใจจะรีบเข้าวังหลวง
พระสุริยาจวนพลบจะลบดวงให้เป็นห่วงบ่วงใยมิใคร่จร
พวกเถ้าแก่เตือนตักว่าจักค่ำนางยิ่งซ้ำแสนทุกข์สะท้อนถอน
จึงจำจากบิดาแลมารดรเฝ้าอาวรณ์โศกเศร้าจนเข้าวัง ฯ
๏ ครานั้นพระเจ้าเชียงใหม่อาลัยลูกยาน้ำตาหลั่ง
แลตามสร้อยฟ้าจนฝาบังแล้วนิ่งนั่งสะอื้นไห้อยู่ไปมา
ทั้งนางอัปสรมเหสีก็โศกีร่ำรักเป็นหนักหนา
กระทั่งพวกสาวสรรค์กัลยาต่างก็พลอยโศกาด้วยอาลัย
ครั้นว่าค่อยคลายวายโศกาจึงเรียกเหล่าเสนาเข้ามาใกล้
บอกว่าพระองค์ผู้ทรงชัยยกโทษโปรดให้ไปธานี
จงไปสั่งพวกลาวบ่าวไพร่ให้เตรียมตัวกลับไปบุรีศรี
พร้อมพรั่งตั้งแต่ในพรุ่งนี้ฤกษ์ดีวันมะรืนจะคืนเมือง ฯ
๏ ฝ่ายว่าเสนาพระยาลาวทราบข่าวว่าจะได้กลับไปเหนือ
ต่างดีใจรีบลัดไปจัดเรือหาพริกเกลือเตรียมเสบียงไปเลี้ยงกัน
ส่วนพวกพลลาวบ่าวข้าก็ติดตามกันมาจ้าละหวั่น
ช่วยกันยาเรือแพอยู่แจจันบางคนนั้นเก็บของมากองไว้
บ้างไปซื้อเสื้อผ้าหาของกินที่ใครมีหนี้สินรีบใช้ให้
ขะมักเขม้นอารามยามจะไปถึงเหน็ดเหนื่อยเหงื่อไหลไม่ขุ่นเคือง
พวกพ่อค้ารู้ข่าวลาวจะกลับเอาของหาบหยับหยับมาแน่นเนื่อง
ชวนให้ซื้อของข้าวเอาไปเมืองราคาเฟื้องขายสลึงให้พึงใจ
ฝ่ายพวกนางลาวเหล่าข้าหลวงห่วงสมบัติต่างรีบหาหีบใส่
เก็บพับผ้าผ่อนท่อนสไบแป้งน้ำมันเอาไปให้พอแรง
บรรดาพวกที่จะได้กลับบ้านต่างเบิกบานยิ้มหัวทั่วทุกแห่ง
ที่ต้องอยู่อยุธยาทำตาแดงหัวอกแห้งใครทักไม่พูดจา
เจ้าเชียงใหม่ครั้นเห็นก็สงสารแจกบำเหน็จบำนาญให้หนักหนา
สูแอ๋ยอยู่หน่อยกับสร้อยฟ้าพอปีหน้าข้าจะให้ได้ไปเมือง ฯ
๏ พอรุ่งเช้ากลาโหมมหาดไทยทั้งกรมแสงคลังในมาแน่นเนื่อง
ผู้คนขนของมานองเนืองแต่ล้วนเครื่องอุปโภคที่ริบไว้
บอกว่ามีพระราชโองการพระราชทานคืนสิ่งศฤงคารให้
ของเหล่านี้ที่ส่งมากรุงไกรกลับขึ้นไปถึงพิจิตรจงแวะรับ
ช้างม้าพาหนะบ่าวไพร่คืนไปตามรับสั่งให้เสร็จสรรพ
เอาบาญชีคลี่สำรวจตรวจนับมอบแล้วต่างกลับไปฉับพลัน
พวกเสนาพระยาลาวชาวเชียงใหม่ก็รับของขนไปเป็นหลั่นหลั่น
เรียกเรือมาเรียงไว้เคียงกันเอาของบรรทุกเรียบเพียบทุกลำ
ทั้งของหลวงของเหล่าท้าวพระยาผู้คนขนมาอยู่คลาคล่ำ
บรรทุกแล้วถอยมาทอดจอดประจำในท้องน้ำเสียงลาวออกฉาวไป
ที่ตรงท่าหน้าบ้านตะพานลงให้จอดเรือลำทรงเจ้าเชียงใหม่
ต่อมาข้างท้ายเรือฝ่ายในให้จอดเรือพวกไพร่ข้างใต้น้ำ
ครั้นพร้อมเสร็จเจ้าเชียงใหม่มเหสีจรลีลงเรือเมื่อใกล้ค่ำ
เรือพวกท้าวพระยามาประจำเรียงลำคอยท่าจะคลาไคล ฯ
๏ พอดาวประกายพฤกษ์ขึ้นพวยพุ่งใกล้รุ่งแสงทองจะส่องไข
พระจันทร์เคลื่อนเลื่อนบ่ายลงปลายไม้สกุณาไก่ก้องขันสนั่นเมือง
พวกลาวต่างฟื้นตื่นนิทราหุงข้าวเผาปลากันตามเรื่อง
พออุทัยไขแสงขึ้นแรงเรืองแลประเทืองทั่วฟ้าสุธาธาร
ลงเรือพร้อมพรั่งทั้งนายไพร่เจ้าเชียงใหม่ลุกออกมานอกม่าน
พอได้ฤกษ์รังสีรวีวารให้ออกเรือจากตะพานไปทันใด
น้ำขึ้นตีกรรเชียงเสียงครั่นครึกตกลึกผ่านมาหน้าวังใหญ่
ท้าวคิดถึงลูกยายิ่งอาลัยน้ำตาไหลนั่งนิ่งอยู่ข้างท้าย
เรือตามน้ำขึ้นมาคว้างคว้างถึงเพนียดคล้องช้างก็ใจหาย
เห็นช้างผูกเสาเคียงอยู่เรียงรายโอ้ช้างพลายตามโขลงมาหลงซอง
งวงพาดงาเหงากับเสาตะลุงตาจะมุ่งดูอะไรเมื่อใจหมอง
น้ำตาซาบอาบหน้าอยู่เนืองนองทั้งสองข้างมีงาไม่กล้าแทง
ช้างเอ๋ยเคยกล้าอยู่กลางเถื่อนไม่กลัวเพื่อนแล่นไล่ด้วยใจแข็ง
ความทะนงหลงตัวว่าเรี่ยวแรงถูกเขาแกล้งปกพาเอามาคล้อง
ด้วยความรักนางพังกำบังตาติดโขลงตามมาได้คล่องคล่อง
เพราะตัณหาพาหลงตรงเข้าซองจึงมาต้องผูกมัดอยู่อัตรา
คิดถึงเพื่อนก็เหมือนกับตัวเราแต่ก่อนเก่าสารพันจะหรรษา
สมบัติพัสถานก็ลานตาเมืองไหนไม่มาประมาทแคลน
เพราะหลงรักสร้อยทองปองสวาทพลั้งพลาดจึงทุกข์เสียเหลือแสน
เสียบ้านเสียเมืองได้เคืองแค้นแม้นแต่ลูกสายใจมิได้คืน
ยิ่งคิดยิ่งเหงาเศร้าวิญญาณ์น้ำตาไหลหลั่งนั่งสะอื้น
ถึงบ้านมอญเห็นขอนมอญลงยืนน้ำตื้นให้ถ่อต่อไปพลัน
ผ่านโพธิ์สามต้นเห็นต้นโพธิ์กิ่งไสวใหญ่โตสูงถงั่น
สามต้นปลูกเรียงไว้เคียงกันต้นหนึ่งนั้นอยู่กลางดูบางใบ
เหี่ยวแห้งรันทดสลดหมองสองต้นสดชื่นรื่นไสว
เหมือนเราสองจะไปครองซึ่งเวียงชัยลูกน้อยละห้อยไห้เป็นโพธิ์กลาง
โอ้วิบากปากน้ำพระประสบสักเมื่อไรจะได้พบกับลูกบ้าง
ครวญคร่ำร่ำหามาตามทางถึงบ้านขวางท่าคอให้ท้อใจ
เหลียวหน้ามาทางมเหสีก็เห็นนางโศกีสะอื้นไห้
ยิ่งเบื่อบ้านย่านทางหมางฤทัยนกไม้มีดื่นไม่ชื่นชม
ครั้นจวนเย็นจอดหาที่อาศัยเช้าไปแดดร้อนผ่อนพักร่ม
ข้ามบ้านผ่านแขวงเมืองอินทร์พรหมชัยนาทมโนรมย์ลำดับมา
พ้นนครสวรรค์แปรไปแควใหญ่เข้าปากน้ำเกยชัยในสาขา
ถึงบางคลานไม่รอถ่อนาวาจนหน้าเมืองพิจิตรบุรีฯ
๏ ฝ่ายผู้รั้งกรมการทราบสารตราต่างก็มารับรองต้องตามที่
มอบของบรรดานานามีตามบาญชีสั่งไปให้คืนนั้น
ที่ครอบครัวสิ่งของต้องประสงค์ก็จัดส่งกรุงศรีขมีขมัน
สำเร็จเสร็จในไม่กี่วันแล้วบอกบั่นตามคดีที่มีมา ฯ
๏ ฝ่ายข้างเจ้าเชียงใหม่ให้จัดกันพวกหนึ่งนั้นเดินบกยกล่วงหน้า
ให้คุมครัววัวต่างแลช้างม้าไปคอยท่าหน้าเมืองสัชนาลัย
กระบวนเรือน้อยใหญ่ก็ไคลคลาเข้าคลองพิงค์มาหาช้าไม่
ตกท่ากงลงทางน้ำยมไปพ้นบ้านใหม่ไม่ช้าถึงท่าเรือ ฯ
๏ ฝ่ายผู้รั้งสังคโลกกรมการรักษาด่านพระนครข้างตอนเหนือ
ทราบว่าปล่อยเจ้าเชียงใหม่ให้คืนเมือจัดข้าวเกลือพริกปลาหาเตรียมไว้
ครั้นพวกลาวบ่าวนายถึงพร้อมเพรียงเอาเสบียงอาหารมาจ่ายให้
แล้วตรวจสอบตามบาญชีที่จะไปทั้งนายไพร่ช้างม้าเครื่องอาวุธ
ให้หลวงพลสงครามตามไปส่งถึงปากดงพงแดนเป็นที่สุด
แล้วให้แต่งม้าใช้ไปเร็วรุดบอกเมืองเถินทราบดุจเดียวกัน ฯ
๏ ครั้นกระบวนพร้อมพรั่งทั้งนายไพร่เจ้าเชียงใหม่ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ขึ้นบกยกออกจากเมืองพลันเจ็ดวันถึงแคว้นแดนนคร
ท้าวพระยาผู้รักษาเมืองลำปางต่างก็มาพร้อมพรั่งดั่งแต่ก่อน
เจ้าเชียงใหม่ค่อยสบายคลายอาวรณ์ให้พักผ่อนเหน็ดเหนื่อยที่เลื่อยล้า
ส่วนพระยาข้าเฝ้าเจ้าเชียงใหม่ก็จัดแจงนายไพร่ให้ล่วงหน้า
รีบไปบอกข่าวชาวพาราว่าพระเจ้าเชียงใหม่ได้คืนเมือง ฯ
๏ ฝ่ายว่าพวกลาวชาวเชียงใหม่ต่างดีใจพร้อมหน้ามาแน่นเนื่อง
จัดกระบวนแหนแห่แลประเทืองธงเทียวเขียวเหลืองบรรดามี
ทั้งราชยานคานหามแลวอทองฆ้องกลองเครื่องสักคีตดีดสี
แล้วป่าวร้องบอกลาวชาวบุรีมาคอยรับอยู่ที่เมืองลำพูน
ครั้นพระเจ้าเชียงใหม่ไปถึงนั่นก็พากันมาเฝ้าเจ้าไอศูรย์
ทั้งเสนาอำมาตย์ราชประยูรเพ็ดทูลต้อนรับด้วยยินดี ฯ
๏ พอได้ฤกษ์วันดีมีมงคลต่างคนประณตบทศรี
เชิญเจ้าสวรรยาเข้าธานีครองบุรีเนาวรัตน์เป็นฉัตรชัย
เชิญพระองค์ขึ้นทรงยานมาศทั้งนางราชเทวีศรีใส
แห่ออกนอกเมืองลำพูนชัยไปยังเวียงเชียงใหม่ในวันนั้น
ทั้งสองข้างทางแห่ให้ปักฉัตรผูกแผงราชวัติขึ้นกางกั้น
เจ้าของบ้านนั่งเรียงอยู่เคียงกันพอเจ้านายถึงนั่นก็อวยพร
พลางโปรยบุบผามาลัยยกมือกราบไหว้อยู่สลอน
องค์พระเจ้าเข้าคืนพระนครเหมือนพระเวสสันดรแต่ก่อนมา
สาธุชัยตุภวังค์ชัยมังคลังพระเจ้าข้า
ให้พ่อเจ้าเป็นสุขทุกเวลาชาวพาราต่างอำนวยอวยพร ฯ
๏ ครั้นว่ามาถึงนิเวศน์วังพระครูบามานั่งอยู่สลอน
แต่งบัตรพลีตั้งสลับซับซ้อนตามแบบอย่างปางก่อนเคยฟาดเคราะห์
พระสังฆราชอัญเชิญเจ้าเชียงใหม่เข้านั่งในซุ้มกล้วยเป็นกรวยเกราะ
มเหสีก็มีซุ้มจำเพาะแล้วพระสงฆ์สวดสะเดาะขึ้นพร้อมกัน
สวดเสร็จสังฆราชเอาบาตรน้ำเสกซ้ำด้วยพระมนตร์ดลขยัน
รดสะเดาะเคราะห์ร้ายให้หายพลันเสียงประโคมครื้นครั่นสนั่นดัง
ครั้นตกบ่ายชายแสงพระสุริยาพระญาติวงศ์พงศามาพร้อมพรั่ง
ทั้งเสนาข้าเฝ้าเหล่าชาววังประชุมนั่งในท้องพระโรงรัตน์
เชิญองค์เจ้าเชียงใหม่มเหสีสถิตที่แท่นประทับสำหรับกษัตริย์
ตั้งบายศรีเครื่องกระยาสารพัดประจงจัดหลายอย่างต่างต่างกัน
ให้พระยาจ่าบ้านเป็นผู้ใหญ่อวยชัยจำเริญเชิญพระขวัญ
แล้วผู้หัตถ์รัดด้ายถวายพลันตามเยี่ยงอย่างปางบรรพ์ประเพณี
สมโภชเสร็จเสด็จออกพลับพลาราษฎรเข้ามาอยู่อึงมี่
เตรียมลูกกุยมาทั่วที่ตัวดีปล้ำประจัญกันที่สนามใน
เกเกริกอยู่จนสนธยาจึงเลิกงานต่างมาที่อาศัย
เจ้าเชียงอินทร์สำราญบานฤทัยครองเชียงใหม่เป็นสุขทุกวันวาร ฯ
             

ตอนที่ ๓๓ แต่งงานพระไวยพลายงาม

๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดชมงกุฎเกศอยุธยามหาสถาน
สถิตแท่นแว่นฟ้าโอฬาฬารพร้อมขนานพระสนมประนมกร
ครั้นสุริยงลงลับเมรุมาศพระจันทร์ผาดเผ่นจำรัสประภัสสร
ทรงพระแสงเพชรประดับสำหรับกรบทจรออกท้องพระดรงคัล
แสงประทีปโคมแก้วแววสว่างพวกขุนนางหมอบเฝ้าเป็นเหล่าหลั่น
พระตรัสความตามอย่างเป็นทางธรรม์แม่นมั่นตามระเบียบโบราณมา
เบือนพระพักตร์มาพบพระกาญจน์บุรีก็ยิ่งมีพระทัยให้หรรษา
ด้วยต้องการประทานนางสร้อยฟ้าจึงตรัสว่าฮาเฮ้ยอ้ายกาจน์บุรี
อ้ายหมื่นไวยกูก็ให้มียศสักดิ์พร้อมพรักข้าไทเป็นถ้วนถี่
ยังเสียอยู่แต่เมียมันไม่มีจะยกอีสร้อยฟ้าให้แก่มัน
จะให้สมกับที่มีความชอบให้ประกอบยศยิ่งทุกสิ่งสรรพ์
เป็นขุนนางไม่มีเมียก็เสียครันจะให้มันมีเมียเสียสักคน ฯ
๏ ครานั้นจึงพระกาญจน์บุรีอัญชลีกราบงามสามหน
จึงกราบทูลภูวไนยไปบัดดลพระคุณเป็นพ้นคณนา
แต่ซึ่งจมื่นไวยใช่ตัวเปล่าข้าพระพุทะเจ้าไม่มุสา
เมื่อไปทัพได้กับศรีมาลาลูกยาพระพิจิตรบุรี
แต่รักใคร่ยังมิได้ทำงานการเขาผ่อนผัดนัดงานมาเดือนสี่
ได้หมั้นกันไว้ตามประเพณีขอจงทราบธุลีพระบาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงธรรม์ได้ฟังขุนแผนนั้นทูลว่า
เมียจมื่นไวยมีชื่อศรีมาลาเป็นลูกยาพระพิจตรบุรี
จึงตรัสว่าอ้ายพลายงามเป็นหมื่นไวยมีเมียมากสักเท่าไรไม่ควรที่
ได้สักสิบคนนั้นมันยิ่งดีจึงสั่งพระยาราชสีห์ด้วยทันใด
จงมีตราหาตัวพระพิจิตรนั้นทั้งลูกสาวมันมาให้จงได้
จะให้แต่งงานกับอ้ายไวยให้รีบรัดเร่งไปในวันนี้
สั่งเสร็จพระเสด็จขึ้นข้างในขุนนางน้อยใหญ่ลุกจากที่
ฝ่ายท่านเจ้าพระยาจักรีออกมานั่งสั่งคดีที่ศาลา
แต่งตราส่งให้นายสวัสดิ์เอ็งรีบรัดขึ้นไปพิจิตรหวา
นายสวัสดิ์กราบกรานรับสารตราลงเรือกัญญาโยนยาวไป
ครั้นว่ามาถึงเมืองพิจิตรสมคิดวางตราหาช้าไม่
พระพิจิตรต้อนรับฉับไวกรมการน้อยใหญ่มาฟังตรา ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุรีฟังตราราชสีห์ว่าให้หา
รู้แจ้งว่าจะแต่งศรีมาลาจึงบอกบุตรภรรยาให้เตรียมการ
พร้อมพรักผู้คนบ่าวข้าลงนาวาถอยออกมาจากบ้าน
ล่องตรงลงทางบางคลานพ้นผ่านบ้านเมืองเนื่องเนื่องมา
ถึงกรุงจอดบ้านท่านผู้ใหญ่พระพิจิตรคลาไคลขึ้นไปหา
เจ้าพระยาราชสีห์ผู้ปรีชาบอกกิจจาพระพิจิตรให้แจ้งใจ
บัดนี้มีรับสั่งให้หามาเพราะว่าจะจัดแจงแต่งงานให้
ศรีมาลาทูลท่านกับจมื่นไวยจงรีบไปพบปะพระกาญจน์บุรี ฯ
๏ พระพิจิตรรับคำแล้วอำลาตรงมาหาขุนแผนขมันขมี
ขุนแผนกราบไหว้ด้วยยินดีเชิญนั่งที่หอนั่งสั่งสนทนา
เล่าความตามกระแสแก่พระพิจิตรว่าพระองค์ทรงฤทธิ์นั้นตรัสว่า
จมื่นไวยไม่มีภรรยาจะประทานสร้อยฟ้าแก่หมื่นไวย
ลูกทูลว่าเมียมีชื่อศรีมาลารับสั่งว่ามีอีกก็มีได้
ให้มีตราหาเจ้าคุณมากรุงไกรจะโปรดให้แต่งงานศรีมาลา
มาเกิดเป็นเมียสองไม่ต้องใจจะทานทัดขัดพระทัยก็ไม่กล้า
คุณพ่อขอจงได้เมตตาอย่าว่าลูกกลับกลอกทำนอกใจ ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านพระพิจิตรว่าพระองค์ทรงฤทธิ์นั้นเป็นใหญ่
เราเป็นข้าโปรดมาประการใดก็ต้องแล้วแต่พระทัยพระทรงธรรม์
ว่าแล้วสองข้างต่างปรึกษาไปบอกพระไวยมาขมีขมัน
ลงไปเรือเชื้อเชิญแม่ยายนั้นพากันไปยังบ้านจมื่นไวย
พระพิจิตรบุษบากับลูกรักก็ขึ้นพักอยู่ที่บ้านประทานใหม่
จัดครัวชุลมุนกันวุ่นไปข้าไทอึกทึกทำการงาน ฯ
๏ ครั้นรุ่งแจ้งแสงสว่างกระจ่างฟ้าพระหมื่นศรีลีลามาถึงบ้าน
ขึ้นบนเรือนพระไวยมิได้นานก็คิดอ่านจัดแจงแต่งเรือนพลัน
เอาพรมเจียมเสื่อสาดมาลาดปูหมอนอิงพิงอยู่ดูเป็นหลั่น
ทั้งเครื่องแก้วแถวถั่งตั้งอัฒจันทร์ม่านกั้นแกพับประกับกลาง
อัจกลับใส่ตะเกียงแขวนเรียงไว้ค่ำจะได้จุดไฟให้สว่าง
ทั้งกระโถนขันน้ำประจำวางพอกลางวันพร้อมเสร็จในทันใด
พระพิจิตรว่าแก่พระหมื่นศรีท่านปรานีฉันด้วยช่วยแก้ไข
จะซัดน้ำวันนี้ไม่มีใครวานโปรดให้สาวสาวสักสิบคน
หล่อนแต่ล้วนขาวในได้เคยเห็นแต่พอเป็นเพื่อนสาวกันสักหน
ได้หุ้มห่อออกไปนั่งฟังสวดมนต์ให้มากมายหลายคนค่อยอุ่นใจ
พระหมื่นศรีว่าได้เป็นไรมีบ่ายวันนี้ดีฉันจะจัดให้
สาวสาวบ้านฉันนั้นถมไปคุณตาอย่าได้เป็นกังวล ฯ
๏ ฝ่ายพระไวยอยู่บ้านพระนายศรีเลือกกมหาดเล็กรูปดีอยู่สับสน
เอามาเป็นเพื่อนบ่าวได้เก้าคนแล้วจัดแจงแต่งตนให้แยบคาย
จึงอาบน้ำชำระแล้วประแป้งนุ่งยกก้านแย่งดูเฉิดฉาย
ห่มกรองทองเรืองประเทืองพรายให้พระนายเสมอใจเป็นบ่าวนำ
เสร็จแล้วออกจากบ้านพระนายผันผายตามถนนคนดูคล่ำ
ครั้นถึงก็ขึ้นนั่งฟังธรรมพระสงฆ์สวดมนตร์ร่ำขึ้นพร้อมกัน ฯ
๏ จะกล่าวถึงวันทองผ่องโสภาแต่อยู่กับขุนช้างมาไม่เดียดฉันท์
เป็นใหญ่ในบุรีศรีสุพรรณวันนั้นได้ยินข่าวเขากล่าวมา
ว่าลูกชายพลายงามมีความชอบได้ประกอบยศศักดิ์ขึ้นหนักหนา
โปรดปรานประทานนางสร้อยฟ้าแล้วจะแต่งศรีมาลาด้วยคราวนี้
เป็นผู้ใหญ่จำจะไปช่วยเขาบ้างให้ขุนนางรู้จักเป็นศักดิ์ศรี
คิดแล้วก็มาลาสามีพรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปในเมือง
พระนายพลายงามเขาแต่งงานลือสะท้านทั่วกรุงฟุ้งเฟื่อง
จะไม่ไปมิดีเป็นที่เคืองไพร่บ้านพลเมืองจะนินทา ฯ
๏ ขุนช้างได้ฟังนั่งยิ้มแต้เออแม่จะไปผัวไม่ว่า
เขาเป็นนายมหาดเล็กเด็กชาเบื้องหน้าจะได้พึ่งเขาขุนนาง
แม่อย่าไปมือเปล่าเอาเงินทองข้าวของไปด้วยช่วยเขาบ้าง
ผัวไม่นิ่งได้เจ้าไปพลางตัวพี่จะขี่ช้างเข้าไปตาม
ร้อยชั่งผัวจะสั่งไปหน่อยนะถ้าพบปะอ้ายขุนแผนมันไต่ถาม
อย่าพูดจาปราศรัยอ้ายบ้ากามถ้าลวนลามแล้วจงด่าให้สาใจ ฯ
๏ วันทองบอกว่าอย่าพักสั่งฉันหานั่งพูดจากับเขาไม่
แล้วสั่งข้าหาของเข้าไวไวนางเข้าห้องจ้องไขกำปั่นพลัน
หยิบผ้ายกอย่างดีสีชมพูแหวนงูแหวนประดับจับจัดสรร
เลือกทองลิ่มเอามาสี่ห้าอันทองนั้นจะได้ให้พระหมื่นไวย
ผ้ายกอย่างดีสีชมพูแหวนงูแหวนประดับไปรับไหว้
ตามมีตามจนคนละใบอย่าให้ลูกสะใภ้เขาเย้ยเยาะ
แล้วให้ขนฟักแฟงแตงร้านข้าวเม่าข้าวสารลูกตาลเฉาะ
ทั้งฟักทองเนื้อดีที่กูเพาะอีเจาะไปจัดตัดเอามา
ให้ข้าคนขนของลงเรือใหญ่บ่าวหลามตามไปอยู่พร้อมหน้า
วันทองลงเรือได้ไพร่จ้ำมาโยนยาวฉาวฉ่าสนั่นไป
เข้าลัดตัดทางบางยี่หนประเดี๋ยวด้นออกบ้านเจ้าเจ็ดได้
ถึงกรุงจอดตะพานบ้านวัดตะไกรให้บ่าวไพร่ขนของขึ้นฉับพลัน
วันทองเดินหน้ามาตามถนนขึ้นบนเรือนใหญ่พระไวยนั่น
พระนายน้อมคำนับต้อนรับพลันแล้วเชิญทั่นมารดาเข้าเรือนใน ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบาตะวันบ่ายได้เวลาหาช้าไม่
บอกเพื่อนสาวที่หาเอามาไว้ได้สิบคนถ้วนล้วนสำอาง
ให้อาบน้ำทาแป้งแต่งกายนุ่งลายห่มแพรสีต่างต่าง
ศรีมาลาผัดหน้าเป็นนวลปรางนุ่งลายนอกอย่างห่มสีจันทน์
จัดแจงผู้ใหญ่ให้เดินหน้าพวกเพื่อนสาวตามาเป็นหลั่นหลั่น
เอาหนามส้มเสียดผ้ามาคนละอันสำหรับได้ป้องกันเจ้าหนุ่มกวน
หุ้มห่อกันออกนอกเคหาหอมผ้ากลิ่นตลบอบหวน
ศรีมาลาเดินกลางอย่างกระบวนแต่ละหน้าหน้านวลดังนางใน
ครั้นถึงน้อมนั่งฟังพระธรรมพระสดำจับมงคลคู่ใส่
สายสิญจน์โยงศรีมาลาพระไวยพอฆ้องใหญ่หึ่งดังตั้งชยันโต
หนุ่มสาวเคียงคั่งเข้านั่งอัดพระสงฆ์เปิดตาลปัตรซัดน้ำโร่
ปรำลงข้างสีกาห้าหกโอท่านยายโพสาวนำน้ำเข้าตา
อึดอัดยัดเยียดเบียดกันกลมเอาหนาส้มแทงท้องร้องอุ๊ยหน่า
ที่ไม่ถูกเท้ายันดันเข้ามาท่านยายสาออกมานั่งบังกันไว้
มหาดเล็กโลนโลนโดนกระแทกโอยพ่อขี้จะแตกทนไม่ได้
ท่านยายสาเต็มทีลูกหนีไปจนพระไวยศรีมาลามาชิดกัน
ท่านขรัวหัวร่อซัดต่อไปพวกผู้ใหญ่หนาวครางจนคางสั่น
อย่าเติมน้ำอีกเลยเฮ้ยตาจันเต็มทีเท่านั้นเถิดเจ้าคุณ ฯ
๏ ท่านขรัวหยุดยั้งนั่งนิ่งพวกผู้หญิงต่างลุกเข้าเรือนวุ่น
แม่ยายจัดผ้าถักตาขุนปักทองสละปะตุ่นกับผ้ายก
ใส่พานวางไว้ไปจัดแจงเครื่องแป้งอย่างดีหวีกระจก
พัดจันทน์ตลับทองของแถมพกให้คนยกมาให้พระหมื่นไวย
พวกเจ้าบ่างผลัดผ้ามาแต่งตัวท่านขรัวยถาสัพพีให้
ครั้นเห็นได้เวลาก็คลาไคลต่างองค์ต่างไปยังกุฎี
พวกเจ้าบ่าวเข้าไปในหอนั่งผู้คนยกโต๊ะตั้งไว้ตามที่
ทั้งของเคียงเรียบเรียบเทียบไว้ได้มีกระโถนขันน้ำประจำพาน
ล้วนแต่พานเงินงามรองชามข้าวแล้วเชิญท่านเพื่อนบ่าวกินอาหาร
ครั้นบริโภคอิ่มหนำสำราญแล้วยกโต๊ะของหวานส่งเข้าไป
ล้วนแต่ของดีดีเทียบสี่ชั้นแกล้งประจงจัดสรรขึ้นซ้อนใส่
อิ่มสำเร็จยกสำรับกลับเข้าไปข้างในตั้งพานหมากล้วนนากทอง
สั่งให้ยกสำรับเลวไปลี้ยงไพร่อิ่มสำราญบานใจสิ้นทั้งผอง
จุดประทีปแสงประเทืองเรืองรองมโหรีแซ่ซ้องประสานซอ
ขับกล่อมซ้อมเสียงสำเนียงนวลโหยหวนโอดพันสนั่นหอ
ฆ้องวงหน่งหนอดสอดสีซอระนาดตอดลอดล้อบรรเลงลอย
แสนเสนาะเสียงสนั่นสนุกสนานวิเวกหวานคร่ำครวญหวนละห้อย
พระไวยฟังวังเวงเพลงทยอยละเลิงลืมตัวม่อยผ็อยหลับพลัน ฯ
๏ ครั้นอุทัยไขประเทืองเรืองจำรัสส่องสว่างกระจ่างจัดแจ่มสวรรค์
พวกคนงานต่างลุกขึ้นปลุกกันบ้างจัดสรรเทียบเคียงของเลี้ยงพระ
บ้างผ่าฟืนตักน้ำตำพริกขิงชุลมุนวุ่นวิ่งออกเออะอะ
บ้างซาวหม้อก่อไฟใส่ก้นกระบ้างยกกระบะหยิบกระบวยล้างถ้วยชามฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงภพดิลกลบล้ำเลิศโลกทั้งสาม
สถิตแท่นสุรกานต์ตระหง่านงามหมื่นหม่อมหมอบตามลำดับไป
ทรงคะนึงถึงพระไวยจะแต่งงานพร้อมข้าราชการทั้งน้อยใหญ่
อีสร้อยฟ้านั้นจะช้าไว้ทำไมเอาส่งไปให้มันเสียวันนี้
ให้พร้อมหน้าขุนนางกลางสนามจะได้งามเป็นสง่าราศี
ดำรัสสั่งคลังไปในทันทีให้เบิกผ้ามายี่สิบสำรับ
หวีกระจกเครื่องแป้งแต่งให้ครบแหวนมณฑปนพเก้างูประดับ
พานหมากนากทองสองสำรับกับเงินห้าชั่งทั้งโต๊ะพาน
มันจะไปให้ขี่วอม่านลายเจ้าขรัวนายช่วยไปส่งให้ถึงบ้าน
เร่งรีบไปพลันให้ทันการของประทานให้คนขนตามไป
แล้วตรัสว่าสร้อยฟ้าอย่าเป็นทุกข์ถ้าเฉินฉุกเบื้องหน้าหาทิ้งไม่
ไปเลี้ยงกันให้ดีอย่ามีภัยเมื่อทุกข์ยากอย่างไรมาบอกกู ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมนางสร้อยฟ้ารับพระราชบัญชาก้มหน้าอยู่
น้ำตาไหลหลั่งลงพรั่งพรูแข็งใจจำสู้บังคมลา
เจ้าขรัวศรีสัจจาพาครรไลจึงสั่งให้จัดวอมารอท่า
นางสร้อยฟ้าขึ้นวอลออตาเจ้าขรัวนายนำหน้ามาจากวัง
พวกนางสาวสาวเหล่าโขลนจ่าก็แบกของตามมาข้างภายหลัง
นางไหมเดินเมียงเคียงระวังเจ้าสร้อยฟ้านั้นนั่งมาในวอ ฯ
๏ บ้านพระไวยคนผู้อยู่คับคั่งพระสงฆ์นั่งสวดมนตร์อยู่บนหอ
พวกขุนนางน้อยใหญ่ไปช่วยปรอเจ้าเณรตั้งบาตรรออยู่เรียงรัน
ท่านผู้หญิงวันทองร้องเรียกบ่าวให้คดข้าวขาวขาวสักค่อนขัน
เอาทารพีทองมาสองคันช่วยกันยกไปวางกลางนอกชาน
พระหมื่นศรีเข้าเรือนเตือนศรีมาลาออกมาธารณะเสียหน่อยหลาน
ศรีมาลาอายคนพ้นประมาณแฝงม่านหน้าม่อยไม่ออกมา
นางวันทองร้องเรียกลูกสะใภ้แม่เข็งใจไปหน่อยนะแม่หนา
ทำบุญอย่าให้สูญเสียศรัทธาแม่จะเป็นเพื่อนพาเจ้าออกไป ฯ
๏ ครานั้นนารีศรีมาลาได้ยินแม่ผัวว่าไม่ขัดได้
สำลีพันไม่สอยเข็ดรอยไรสอดใส่สร้อยทรงกะทัดรัด
รู้จัดแจงแป้งผัดพอเรื่อเรื่อดังนวลเนื้อในผิวใช่นวลผัด
ใส่แหวนมลฑปนพรัตน์ห่มผ้าอัตลัดนุ่งริ้วทอง
งามทรงสมหน้าสง่างามเดินตามแม่ผัวออกนอกห้อง
นางเม้ยรับเคียงข้างคอยประคองนางเยื้องย่องประจงทรงกายา
เดินออกนอกชานสะท้านใจพระหมื่นไวยตักข้าวไว้คอยท่า
แล้วส่งคันทารพีให้ศรีมาลาพอสบตาเจ้าก็ม่อยละมุนลง
ศรีมาลาอายใจมิใคร่รับวันทองจับข้อศอกคอยเสือกส่ง
แต่พอกุมเข้าด้วยกันให้มั่นคงประคองค่อยเทลงในบาตรพลัน ฯ
๏ ศรีมาลากับพระไวยยังใส่ค้างพอวอวางเข้ามาขมีขมัน
พระหมื่นไวยเรียกหาบิดาพลันให้เชิญทั่นท้าวนางไปข้างใน
เจ้าสร้อยฟ้าถึงบ้านแหวกม่านมองเห็นผัวเมียเขาประคองขันข้าวใส่
ให้เคืองขุ่นงุ่นง่านทะยานใจแล้วกัดฟันมั่นไว้ไม่วุ่นวาย ฯ
๏ พระกาญจน์บุรีมารับเจ้าสร้อยฟ้ากับเถ้าแก่โขลนจ่าสิ้นทั้งหลาย
นำหน้าพานางย่างเยื้องกรายเชิญขรัวนายไปนั่งข้างหลังโน้น
ใส่บาตรแล้วศรีมาลาเข้ามาเรือนพระไวยเตือนสำรับเลี้ยงจ่าโขลน
ชุลมุนแม่ครัววิ่งหัวโดนจัดสำรับจับกระโถนขันน้ำวาง
ข้างฝ่ายในไว้ธุระพระกาญจน์บุรีจัดแจงมิให้มีที่ขัดขวาง
พระหมื่นศรีคอยระวังข้างขุนนางพระพิจิตรจัดข้างเลี้ยงพระเณร
ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วลูกศิษย์ถ่ายถวายจีวรเนื้อดีย้อมสีเสน
พระพิจิตรจัดกระจาดอังคาสประเคนพอจวนเพลพระก็ลาไปอารามฯ
๏ จะกลับกล่าวถึงเจ้าจอมหม่อมขุนช้างพอเรื่อรางแสงทองส่องอร่าม
สั่งให้ผูกช้างงาสง่างามเชือกพวนล้วนดามผ้าแดงดี
สั่งแล้วอาบน้ำชำระกายเยื้องกรายเข้าไปจับกระจกหวี
ให้คิดแค้นใจด้วยหัวตัวอัปรีย์วิ่งไปสีเอามินหม้อมาพอแรง
ปนเข้ากับน้ำมันแล้วปั้นปีกยังไม่ดำซ้ำอีกออกเป็นแสง
แต่สิ้นมินหม้อกว่าฝาหอยแครงแล้วลุกมาทาแป้งเข้าเป็นฟาย
นุ่งยกอย่างโบราณก้านแย่งห่มส่านสีแดงดูเฉิดฉาย
ดูตะวันพอสว่างขึ้นช้างพลายบ่าวไพร่มากมายตามพรูมา ฯ
๏ ขุนช้างไสช้างมาเงิ่นเงิ่นโด่งเดินชิดเฉียดเข้าชายป่า
อ้ายเฒ่าบัวหัวล้านเป็นควาญมาบ่าวข้าตามแน่นแล่นปะเลง
ข้ามหนองขึ้นเนินดุ่มเดินหรับเหงื่อซับโซมตัวหัวใสเหน่ง
อ้ายเฒ่าล้านควาญท้ายย้ายตามเพลงคร่อมท้ายตะโพ้งเก้งตีตะโพง
ขุนช้างขี่คอกรายขอเกราะไสช้างเหยาะเหยาะยักเอวโหยง
ตัดลงตรงกรุงออกทุ่งโทงหัวเป็นเงาโง้งโงกเงกมา
ตัดลงกบเจาเอาช้างข้ามเข้าบ้านมหาพราหมณ์เลี้ยวข้างขวา
ตรงเข้าภูเขาทองเดินท้องนาถึงกรุงศรีอยุธยาพอกลางวันฯ
             

๏ ขุนช้างวางขึ้นบนหอกลางพร้อมหน้าขุนนางอยู่ที่นั่น
ขุนนางที่รู้จักทักทายกันพระไวยผันหน้าค้อนด้วยคิดอาย
ตั้งสำรับเรียงรอบนหอกลางเลี้ยงขุนนางมหาดเล็กสิ้นทั้งหลาย
ทั้งของเคียงเรียงรินสุรารายขุนช้างซัดส่านกรายนั่งสุดคน
วางใหญ่ส่ซ้ำทั้งสามทับจับตาซ่าซ่านทุกเส้นขน
ปะหมูไก่ใส่สิ้นกินออกซนกระดูกกระเดี้ยวเคี้ยวป่นเป็นแป้งไป
พวกขุนนางเขายุว่าจุ้นจ้านยิ่งทะยานยงโย่ยกโถใส่
ฉวยกระโถนปากแตรแร่ออกไปครอบหัวเข้าไว้เดินเก้กัง
มือปิดก้นป้องหน้าทำตาปรือเฮ้ยใครดูกูคือท้าวกุฎฐัง
พระนายอายหน้าว่าไม่ฟังลุกขึ้นซัดเซซังสิ้นสมประดี ฯ
๏ วันทองได้ยินฮาออกมาดูแสนอดสูดังจะแทรกแผ่นดินหนี
ออกจากห้องร้องตวาดชาติอัปรีย์ช่างทำได้ไม่มีละอายใจ ฯ
๏ ขุนช้างฟังเมียว่าทำตาปรืออออือเออข้าหาอายไม่
ลุกขึ้นเต้นตึกตักทำหนักไปแม่เจ้าไวยมาช่วยเป็นวานรินทร์
พี่จะเป็นเจ้าขรัวหัวละมานหางพานตีนหดไปหมดสิ้น
พี่เคยเป็นตัวนายหลายแผ่นดินแล้วแลบลิ้นเกาขาคว้าวันทอง ฯ
๏ วันทองผลักไสพระไวยด่ามาเรียกข้าว่าเจ้าไวยให้จองหอง
นี่คิดอยู่ข้างหนึ่งจึงลำพองหาไม่กูกดคอถองให้แทบตาย ฯ
๏ ขุนช้างกำลังเมายืนเกาก้นทุดอ้ายหมาด่าคนเล่นง่ายง่าย
จองหองจะถองกูหรืออ้ายพลายหรือเชื่อเช่นว่าเป็นนายหมาดเล็ก
อ้ายชาติอกตัญญูไม่รู้คุณคือใครแคะค่อนขุนมาแต่เด็ก
ด่าทอพ่อได้ไอ้ใจเจ๊กเมื่อเล็กเล็กใครเลี้ยงมึงเป็นตัว ฯ
๏ พระไวยได้ฟังขุนช้างด่าโกรธาตัวสั่นให้คันหัว
อ้ายล้านจะประจานให้เจ็บตัววาจาชั่วถอดชื่อกูขุนนาง
เอาละเป็นไรก็เป็นไปขัดใจกำหมัดซัดปากผาง
วันทองร้องหวีดวิ่งเข้ากลางขุนช้างล้มคว่ำคะมำไป ฯ
๏ พวกขุนนางเข้ายึดอยู่อึดอัดพระไวยขัดใจด่าไม่ปราศรัย
วันทองร้องไห้งอว่าพ่อไวยอย่าถือใจคนเมาเลยเจ้าคุณ
ประทานโทษโปรดเถิดพ่อทูนหัวไม่รู้ตัวเต็มประดาจึงว้าวุ่น
พ่อเงือดงดอดใจจะได้บุญจงอย่าหุนหันเห็นแก่มารดา ฯ
๏ พระไวยขัดใจว่าเพราะแม่ทำอย่างนี้มีแต่จะขายหน้า
นี่หากจิตคิดถึงซึ่งมารดาหาไม่ไม่คาระนากับฝีมือ ฯ
๏ พระกาญจน์บุรีชี้หน้าว่าวันทองอ่อน้องเจ้าเป็นวานรินทร์หรือ
ช่างไม่อายไม่เจ็บเท่าเล็บมือแค่นมาโลมให้เขาลือเล่นกลางคน
ผัวเจ้าดูถูกด่าลูกข้าช่างไม่ว่าห้ามปรามกันสักหน
เขาทำผัวตัวเต้นเป็นชักยนต์แต่ลูกชายอายคนนั้นทำเนา ฯ
๏ วันทองแค้นขัดสะบัดหน้าเอาจะฆ่าก็ฆ่าเสียเถิดเจ้า
หลับหูหลับตามาว่าเดาคือใครเล่าเขาโลมให้คนลือ
คะข้าแลอีวานรินทร์โขนเป็นคนโลนเคยเล่นไม่เห็นหรือ
พูดเหมือนลูกเล็กเล็กเด็กอมมือนี่คนดีเจียวยังดื้อเป็นคนเมา
ซึ่งว่าชังลูกนักรักสามีข้าเห็นดีด้วยเจ้าช้างเมื่อไรเล่า
มิควรหมิ่นเขาก็หมิ่นเพราะกินเมาเขาต่อยเอาก็พอสมกับหน้าคน ฯ
๏ ฝ่ายนายขุนช้างค่อยสร่างมึนลุกขึ้นถกเขมรเพียงง่ามก้น
ชี้หน้าว่าเฮ้ยอ้ายทรชนต่อยกูปากป่นเพราะตึงตัว
มึงเหมือนทรพีอ้ายขี้ข้ามาไล่ขวิดบิดาบังเกิดหัว
เมื่อน้อยน้อยยังจะนึกรู้สึกตัวกูจิกหัวมึงไปควั่นเอาขอนทับ
มิเชื่อพ่อก็อ้ายพลายคลำท้ายทอยที่ริมไรนั้นเป็นรอยไม้ซีกสับ
กูคิดว่าจะฉิบหายตายลี้ลับมิรู้กลับมาได้ทำดุดัน ฯ
๏ ครานั้นพระไวยครั้นได้ฟังลำเลิกถึงความหลังแค้นตัวสั่น
สมาแม่แร่ขึ้นบนหอพลันดิฉันบอกกล่าวท่านทั้งปวงไว้
อ้ายใจยักษ์หักคอคนทั้งเป็นเพราะบุญมีหนีเร้นจึงรอดได้
เหน็บรั้งจังก้าเรียกข้าไทเอาหวาอย่าไว้ชีวิตมัน
พวกทนายหนุ่มหนุ่มเข้ารุมถองเอาจนร้องไม่ออกศอกกลุ้มสัน
ถีบตกลงดินดิ้นยันยันพวกขุนนางกางกั้นเกะกะไป ฯ
๏ วันทองโผนโจนจากหอนั่งมาวิ่งผวากอดผัวทอดตัวไห้
นิ่งแน่แลเห็นไม่หายใจนางร้องไห้โฮโฮโอ้พ่อคุณ
ทั้งนี้รักเมียจึงมาช่วยจนมาม้วยบรรลัยอยู่ใต้ถุน
เขาทุบดังทุบปลาไม่การุญพ่อสิ้นบุญเสียแล้วกระมังนา
ให้คนหามไปวางไว้กลางบ้านบ้างทะยานขึ้นเหยียบสองต้นขา
จะนวดฟั้นเท่าไรไม่ลืมตาวันทองทอดกายากับสามี
โอ้พ่อร่มโพธิ์เตี้ยของเมียแก้วพ่อตายแล้วเมียเห็นจะเป็นผี
อันจะหาน้ำใจในบุรีเห็นสิ้นดีอยู่เพียงพ่อโพธิ์ทอง
แต่อยู่มาเป็นสิบห้าสิบหกปีคำน้อยหนึ่งไม่มีให้เมียหมอง
เมื่อคลอดลูกหนุนหลังนั่งประคองเห็นเมียร้องพ่อก็ร่ำพิไรวอน
เมื่อคราวเมียจับไข้ไม่กินข้าวพ่อนั่งเฝ้าเคียงคอยตะบอยป้อน
เห็นเมียไม่หลับใหลก็ไม่นอนครั้นหน้าร้อนพ่อก็พัดกระพือลม
หน้าหนาวหนาวแล่นตลอดอกพ่อกอดกกให้นอนซ้อนผ้าห่ม
ครั้นหน้าฝนฝนฝอยลงพรอยพรมให้อยู่ร่มปิดรอบหน้าต่างเรือน
อันชายใดในพื้นปัถพีการรักเมียแล้วไม่มีเสมอเหมือน
ถึงรูปชั่วใจช่วงดังดวงเดือนนี่กรรมเตือนให้ตามเมียมาตาย
อนิจจาเมื่อมาผัวเป็นเพื่อนกลับไปเรือนแต่ตัวดูผัวหาย
ร่ำพลางกลิ้งเกลือกลงเสือกกายดังจะวายชีวังไปทั้งเป็น
ครั้นโศกคลายคลำผัวตัวยังอ่อนเทพจรเบื้องหลังยังริกเต้น
ทรวงอกอุ่นคลายค่อยหายเย็นเอ๊ะเห็นฤทธิ์เมาค่อยเบาบาง
สั่งบ่าวให้เอาน้ำร้อนรดลูบหมดไปทั้งกายหายสร่าง
จะกรอกปากไม่ถนัดคัดลูกคางประเดี๋ยวครางออกมาได้หายใจแรง ฯ
๏ ขุนช้างฟื้นพลันกัดฟันเกรี้ยวโกรธาตาเขียวร้องเสียงแข็ง
เฮ้ยที่กูจะไม่ว่ามึงอย่าแคลงจะสู้ซนชนกำแพงกว่าจะตาย
ถึงตัวกูบรรลัยกระดูกร้องอันจะถองเล่นเปล่าเปล่าเจ้าอย่าหมาย
มึงพวกมากฝากไว้เถิดอ้ายพลายถ้าเจ้านายไม่เลี้ยงก็แล้วไป
ตัวสั่นเทาเทาเรียกบ่าวข้าจูงมือเมียมาจากบ้านใหญ่
แม่กลับบ้านก่อนอย่าร้อนใจผัวจะไปคอยเฝ้าเจ้าชีวิต
วันทองร้องไห้พิไรห้ามจะเกิดความเพ็ดทูลไม่กลัวผิด
คราวนี้เขาโปรดปรานเชียวชาญชิดจงหยุดยั้งชั่งจิตให้จงดี
ขุนช้างว่าถ้าพี่ไม่เมาแล้วน้องแก้วอย่าปรารมภ์ที่ตรงพี่
ให้เมียมาสุพรรณในทันทีฝ่ายขุนช้างวางรี่เข้าวังใน ฯ
๏ ครานั้นพระไวยวรนาถครั้นเสื่อมคลายวายวิวาทค่อยผ่องใส
พวกขุนนางต่างคนต่างลาไปพระไวยมานั่งที่ท้าวศรีสัจจา
เจ้าขรัวนายว่าองค์พระทรงเดชโปรดเกศตรัสใช้ให้พวกข้า
พานางนารีศรีสร้อยฟ้าออกมาส่งให้พระนายไวย ฯ
๏ ครานั้นพระไวยเจ้าพลายงามฟังความยินดีจะมีไหน
น้อมกายกราบถวายบังคมไปแล้วสั่งให้ตอบแทนพวกท้าวนาง
คุณท้าวเจ้าขรัวศรีสัจจาให้ผ้าส่านขาวดอกกับนอกอย่าง
ให้พวกจ่าตานกแก้วกับขาวบางพวกโขลนเลวลายฉลางกับริ้วญวณ
นางสาวสาวที่ตามมาสามสิบห้าแพรผ้าให้จบจนครบถ้วน
ผู้น้อยผู้ใหญ่ให้งามตามสมควรแล้วก็ชวนกันลาเข้ามาวัง ฯ
๏ พระนายจัดแจงแต่งเคหาให้สร้อยฟ้าอยู่ครองนั้นสองหลัง
มีม่านฉากชั้นกั้นกำบังเตียงนอนเตียงนั่งห้องอาบน้ำ
แบ่งปันกันกึ่งครึ่งเคหามิให้พวกศรีมาลามากรายกล้ำ
ทำฝารอบขอบชิดปิดงำให้อยู่จำเพาะพวกเจ้าสร้อยฟ้า
ครั้นงานเสร็จแล้วก็แจกพวกวิเสททั้งเงินตราผ้าขาวเทศทั่วหน้า
มิให้เขาติฉินนินทาจนชั้นข้าในเรือนก็ให้ทาน ฯ
๏ ฝ่ายว่าพระพิจิตรบุษบาครั้นงานแล้วจะลาขึ้นไปบ้าน
เข้ามาหาพระไวยไชยชาญว่าราชการบ้านเมืองนั้นมากมาย
จะไว้ใจหลวงปลัดกรมการครั้นนานก็พากันฉิบหาย
พ่อแม่ขึ้นมาลาพระนายแต่ไม่วายทำวลด้วยศรีมาลา
แต่เกิดมาไม่เคยพรากจากอกมาตกอยู่เมืองใต้ไกลหนักหนา
ถ้าพลาดพลั้งยั้งคิดถึงบิดาอนาถาไร้ญาติขาดพงศ์พันธุ์
อนึ่งพระไวยเดี๋ยวนี้มีเมียสองเห็นจะต้องหวงหึงเป็นแม่นมั่น
กลัวจะตั้งหัวคณะระรานกันพ่อจงหมั่นตรองดูอย่าวู่วาม
อันจตุรเคหาภริยาสองดูเห็นต้องสุภาษิตประดิษฐ์ห้าม
ไหนจะมีความสบายพ่อพลายงามต้องว่าความเมียรักนั้นร่ำไป
ลูกข้าพร้าคัดปากพูดไม่ออกอยู่บ้านนอกไม่ทะเลาะกับใครได้
เพื่อนฝูงเขาด่าว่ากระไรก็เอาแต่ร้องไห้ไม่เถียงเป็น
เหมือนช้างกล้าป่าเดียวมีสองตัวสองเมียร่วมผัวคงเกิดเข็ญ
ใครเงอะงั่งก็จะนั่งน้ำตากระเด็นพ่อจงเป็นตราชูดูให้ดี ฯ
๏ ครานั้นโฉมพระนายพลายงามฟังความประนมก้มเกศี
เจ้าคุณจงไปให้สวัสดีอันตรงที่ศรีมาลาอย่าพรั่นท้อ
ถึงลูกอ่อนไม่ฉลาดจะพลาดผิดฉันคงคิดถึงคุณแม่แลคุณพ่อ
ฉันรักคนที่ไม่มากปากสอพลออันคนฉอดพลอดผลอไม่พอใจ
เจ้าประคุณการุญเป็นหนักหนาฉันหาลืมวาจาที่ว่าไม่
ทั้งอุปถัมภ์พ่อแม่มาแต่ไรจะสนองคุณไปดังสัญญา ฯ
๏ เออพ่อกตัญญูรู้จักคุณโมทนาบุญแล้วนะพ่อหนา
ค่อยอยู่เถิดแม่พ่อจะขอลาแล้วลุกมาหาลูกด้วยทันที
ครั้นถึงสวมกอดลูกแก้วพ่อจะลาเจ้าแล้วอย่าหมองศรี
จงตั้งใจจงรักภักดีฝากตัวสามีเจ้าสืบไป ฯ
๏ ครานั้นนารีศรีมาลากอดตีนบิดาเข้าร้องไห้
ฉวยลำบากยากเย็นจะเห็นใครพ่อแม่อยู่ใกล้ได้ดูแล
ถึงผัวจะรักสักเท่าไรก็ยังไม่เหมือนคุณพ่อกับคุณแม่
ถ้าเธอไม่เป็นธรรม์จะผันแปรตั้งแต่จะระกำทุกค่ำคืน ฯ
๏ ครานั้นท่านยายบุษบาปลอบลูกสาวว่าอย่าสะอื้น
พ่อแม่ได้สั่งไว้ยั่งยืนหม่อมหมื่นเธอก็รับปฏิญาณ
แต่ใจแม่นี้ยังกริ่งอยู่สิ่งหนึ่งกลัวจะหึงกันวุ่นวายอายชาวบ้าน
อันเมียสองต้องห้ามตามโบราณเป็นกับใครก็รำคาญไม่เว้นคน
แม่สอนเจ้ามาแต่น้อยกว่าร้อยพันสุดสำคัญแต่ต้องอดนั้นเป็นต้น
อย่าทำชั่วเพราะว่าตัวของตัวจนเขาเปรียบเทียบจงสู้ทนต้องเกรงกลัว
ใครจะด่าเจาะจังก็ช่างเขาจงอดเอาอย่าสำออยคอยฟ้องผัว
อันคนดีนานดอกจึงออกตัวถ้าคนชั่วเขาคงเห็นเป็นไปเอง
จงอุตส่าห์เสงี่ยมคอยเจียมตนอย่าให้คนทั้งปวงล่วงข่มเหง
จงซื่อตรงต่อผัวรู้กลัวกรงอย่าครื้นเครงด่าว่ากับข้าไท
ปรนนิบัติอย่าให้ขัดน้ำใจเขาการเรือนการเหย้าเอาใจใส่
ข้าวของสารพันหมั่นเก็บไว้ระวังระไวดูแลอย่าแชเชือน
สอนลูกแล้วบอกอีเม้ยรับสั่งกำชับอีจูจงอยู่เพื่อน
ทั้งอีมีอีรักช่วยตักเตือนเอ็งเป็นคนต้นเรือนแต่ไร
แล้วเรียกข้าผู้ชายที่ใช้ชิดชื่ออ้ายทิดกับอ้ายเต่าเอาไว้ให้
เฮ้ยพลัดบ้านเมืองมาอย่าไว้ใจฉวยเกิดเหตุเภทภัยอย่าทิ้งนาย
ว่าพลางสวมสอดกอดลูกแก้วแม่จะลาเจ้าแล้วตะวันสาย
แล้วลุกลงเรือนมาทั้งตายายพระนายก็ตามส่งลงนาวา
พระกาญจน์บุรีศรีมาลามาส่งพ่อน้ำตาคลอไหลซาบลงอาบหน้า
นั่งชะแง้แลตามจนสุดตาลับแหลมแล้วก็มายังห้องนอน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมจมื่นไวยจำเดิมได้อยู่ครองสองสมร
น้ำใจช่วงตะละดวงศศิธรสถาพรพูนสวัสดิ์ทุกเวลา
ครั้นสิ้นแสงสุริยงอัสดงดับลดลับเหลี่ยมพระเมรุภูผา
พระจันทรจรแจ้งกระจ่างตาดวงดาราไพโรจน์จำรัสแพรว
เสียงเรไรหริ่งหริ่งนิ่งนอนวันเสนาะนักจักจั่นสนั่นแจ้ว
หิ่งห้อยพรอยพราวดูวาวแววอยู่ที่แถวไม้กระถางวางเป็นทิว
แมลงผึ้งคลึงเคล้าเอาเกสรภุมรินบินร่อนมาลิ่วลิ่ว
เรณุฟูฟ่องละอองปลิวพระไวยฉิวฉุนคิดถึงสองนาง
โอ้ว่าป่านฉะนี้ศรีมาลาจะนิทรานิ่งนึกคะนึงหมาง
ว่าพี่นี้คลายรักหักใจจางจะระคางขุ่นแค้นไม่ขาดคิด
นึกหรือหนึ่งเล่าเจ้าสร้อยฟ้านิทราอยู่คนเดียวเปลี่ยวเปล่าจิต
อนึ่งนางยังไม่เคยชายเชยชิดจะไปก่อนเล่าก็คิดถึงศรีมาลา
วันเมื่อจะพรากจากพิจิตรเจ้าก็คิดขอสัตย์ไว้หนักหนา
แต่อักอ่วนป่วนใจอยู่ไปมาจนเวลาเยื้อเยี่ยมสองยามปลาย
พระจันทร์ตรงทรงกลดอยู่หมดเมฆอดิเรกแพร้วพร่างกระจ่างฉาย
พระหมื่นไวยอาบน้ำชำระกายแล้วผันผายเข้าห้องศรีมาลา
เห็นขวัญอ่อนนอนนิ่งสนิทหลับอัจกลับแสงส่องต้องนวลหน้า
งามทรงสมศรีกิริยาเป็นนวลปลั่งดังทาน้ำยาทอง
พระไวยคิดพิศวาสเพียงขาดจิตเข้าแนบชิดทรุดลงประจงต้อง
ลูบไล้ทั้งหลับประคับประคองไฉนน้องเจ้าจึงนิ่งสนิทนอน ฯ
๏ ครานั้นนารีศรีมาลาลืมตาแล้วก็ลุกขึ้นจากหมอน
เห็นพระนายนึกแค้นด้วยแสนงอนคมค้อนเบือนหน้ามาพาที
หม่อมขามาไยจนค่อนคืนหลับได้ตื่นแล้วหรือจึงมานี่
เมื่อจะมาลาหล่อนแต่โดยดีหรือหล่อนหลับลอบหนีมากระมัง ฯ
๏ อนิจจาแก้วตาของพี่เอ๋ยอย่างอนว่าไปเลยเจ้าร้อยชั่ง
จริงจริงนะจะเล่าให้เจ้าฟังเมื่อกี้นั่งเล่นอยู่ที่หอกลาง
พระพายพัดหอมหวนรัญจวนใจก็เพลินชมมิ่งไม้ในกระถาง
ครั้นหาวนอนแล้วจึงจรมาหานางไม่ควรคลางแคลงคำระกำใจ
เมื่อจากมาวันนั้นได้สัญญาหาทำหยามข้ามหน้าของน้องไม่
นี่เปล่าเปล่าเดาว่าน่าน้อยใจมาปรับไหมจูบนางข้างละที ฯ
๏ ไฮ้หม่อมอย่ามาเล่นฉันเช่นนั้นไม่น่าขันมาปล้ำทำจู้จี้
นี่แลโจรจับได้ไม่เฆี่ยนตีถ้าเบาไม้แล้วไม่มีที่จะรับ
กระนั้นสิหม่อมหมื่นจึงขึ้นหน้าเหตุว่าเขาขี้คร้านจะไปจับ
เชื่อว่าใครไม่เห็นเป็นที่ลับจึงแกล้งกลับมาพาโลทำโพคลุม
หม่อมขาอย่าทำจำใจอยู่ด้วยรูปฉันมันไม่สู้จะชวยชุ่ม
ที่น่าพูดจงไปพรอดนั่งกอดกุมที่น่าจูบจงไปจุ้มอยู่จนจาง ฯ
๏ ชะคารมคารี้เจ้าศรีมาลาช่างเจรจาตัดพ้อเล่นทุกอย่าง
พี่ยอมแพ้แล้วไม่แก้สำนวนนางพลางก็กางมือกอดไว้กับกาย
เกิดโกลาฟ้าลั่นสนั่นเสียงเปรียงเปรี้ยงอสนีคะนองสาย
พิรุณโรยโปรยสาดกระเซ็นปรายพระพายพัดพ่างเพียงพิภพพัง
ลั่นพิลึกครึกครื้นคลื่นระลอกแฉะกระฉอกฟองเฟอะขึ้นฟูมฝั่ง
ตลิ่งกระทบกลบกระแทกกระเทือนดังพอฝนถั่งลมก็ถอยผ็อยนิทรา ฯ
             

ตอนที่ ๓๔ ขุนช้างเป็นโทษ

๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงศักดิ์ปิ่นปักหลักโลกนาถา
สถิตเหนือพระแท่นแว่นฟ้าพอสุริยาเร่งรถขึ้นเรืองรอง
ถึงเวลาพระก็ฟื้นตื่นไสยาสน์ลงจากอาสน์เสด็จออกนอกห้อง
นางในถ้วนหน้าข้าทูลละอองหมอบชม้อยคอยจ้องประจำงาน
พระชำระสระสรงทรงสุคนธ์ปรุงปนประทิ่นกลิ่นหอมหวาน
ทรงพระแสงเนาวรัตน์ชัชวาลพระภูบาลออกท้องพระโรงเรือง
ประทับพระที่นั่งบัลลังอาสน์อำมาตย์หมอบนอบน้อมประนมเนื่อง
ตรัสประภาษราชการบ้านเมืองแล้วชำเลืองมาข้างเหล่ามหาดชา ฯ
๏ ครานั้นขุนช้างเห็นว่างจังหวะขอเดชะฝ่าพระบาทปกเกศา
ชีวิตอยู่ใต้พระบาทาแต่เกล้ากระหม่อมเป็นข้าฝ่าละออง
อยู่ในมหาดชากว่าแปดปีแต่หวายเปรียะยังไม่มีได้ถูกต้อง
บัดนี้จมื่นไวยใจคะนองทุบถองกระหม่อมฉันแทบบรรลัย
แต่ต่อยแล้วมิหนำซ้ำท้าทายถึงเจ้านายของมึงหากกลัวไม่
บ่าวไพร่กว่าร้อยต่อยร่ำไปพวกขุนนางขวางไว้จึงไม่ตาย
เมื่อขณะทุบถองร้องด่าว่าก็ต่อหน้าขุนนางสิ้นทั้งหลาย
ได้ห้ามปรามรู้เห็นเป็นมากมายแม้นมิสัตย์ขอถวายซึ่งชีวี ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงธรรมได้ทรงฟังถ้อยคำขุนช้างว่า
พระนิ่งนึกตรึกความตามกิจจาข้อที่ว่าทุบตีทีจะจริง
อันจะร้องท้าทายถึงนายเจ้ามันจะเสกใส่เอาให้ใหญ่ยิ่ง
เหตุที่เกิดความยุ่งขึ้นนุงนิงเพราะอ้ายนี่ถือหยิ่งว่าพ่อเลี้ยง
ครั้นเต็มเมาเข้าจะว่ามันหยาบคายอ้ายไวยอายจึงทะเลาะเบาะถียง
เกินกันแต่ละน้อยค่อยเลียบเคียงครั้นด่ามันมันก็เหวี่ยงเอาสาใจ
แม้นจะนิ่งความไว้ไม่ไต่ถามอ้ายหมื่นไวยก็จะหยามขึ้นหยาบใหญ่
จะถือว่าเจ้ารักแล้วหนักไปโกรธใครก็จะพาลพาโล
พระตริเสร็จตรัสสั่งตำรวจในไปหาตัวจมื่นไวยเข้ามานี่
ตำรวจรับสั่งวิ่งเป็นสิงคลีครั้นถึงที่บ้านนอกบอกพระไวย
รับสั่งให้หาไปในบัดนี้ขุนช้างทูลคดีเป็นความใหญ่
พระไวยแจ้งกิจจาเรียกข้าไทลงบันไดเดินเหย่าเข้าวังพลัน
นุ่งสมปักลนลานเป็นการเร็วเอาผ้ากราบคาดเอวขมีขมัน
เข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์บังคมคัลคอยฟังพระโองการ ฯ
๏ ครานั้นพระปิ่นนรินทร์ราชมีพระสิงหนาทอยู่ฉาดฉาน
เหวยอ้ายไวยอย่างไรเมื่อทำงานจึงฮึกหาญข่มเหงอ้ายขุนช้าง
เตะต่อยแล้วมิหนำซ้ำท้าทายจ้วงจาบเจ้านายได้ทุกอย่าง
ใครเล่าเป็นเจ้านายของอ้ายช้างเอ็งอ้างว่าไม่กลัวคือตัวใคร
พวกขุนน้ำขุนนางเข้ากางกั้นแต่กระนั้นมึงยังหาฟังไม่
ถีบถองต่อยชกตกบันไดจริงเท็จเป็นกระไรให้ว่ามา ฯ
๏ พระไวยทูลตามข้อขอเดชะข้าพระพุทธเจ้าไม่มุสา
ซึ่งขุนช้างกราบทูลพระกรุณาเสกแสร้งแกล้งว่าเอาแต่ดี
ที่ข้อว่าหยาบช้าเป็นสาหัสแม้นเป็นสัตย์จงประหารให้เป็นผี
ขุนช้างไปช่วยงานเมื่อวานนี้รับประทานอาหนีเข้าตึงตน
กล่าวคำหยาบช้าสารพันกระหม่อมฉันห้ามปรามเป็นหลายหน
เข้ายุดหยอกมารดาต่อหน้าคนเหลือทนแล้วจึงได้วิวาทกัน
โป้งโหยงหยาบคายเป็นหลายข้อด่าทอถอดชื่อกระหม่อมฉัน
เต็มอายต่อหน้าธารกำนัลแล้วเสกสรรลำเลิกโพนทะนา
เมื่อครั้งนั้นกระหม่อมฉันได้เจ็ดปีขุนช้างพาไปฆ่าตีที่ในป่า
จนสลบซบอยู่กับพสุธากลัวมิตายหมายว่าจะไม่ลับ
ทั้งสลบตบต่อยปะเตะปะตะแสบศีรษะซ้ำเอาไม้ซีกสับ
ลากตัวไปในรกยกขอนทับแล้วขุนช้างวางกลับไปบ้านตน
เดชะบุญกระหม่อมฉันไม่บรรลัยฟื้นได้ซานมาหาชีต้น
ซ่อนตัวอยู่กับท่านอาจารย์นนมิให้คนเห็นตัวด้วยกลัวตาย
เมื่อวานนี้อ้ายขุนช้างอ้างความหลังพูดดังดังได้ยินสิ้นทั้งหลาย
กระหม่อมฉันบอกกล่าวทั้งไพร่นายแม้นมิสัตย์ขอถวายซึ่งชีวา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ดำรงภพฟังจบที่พระไวยให้การว่า
ข้างต้นความดูเห็นเป็นอาญาแต่ข้างปลายกลายมานครบาล
จำเลยแก้เป็นฉกรรจ์มหันตโทษจำจะซักข้างโจทย์ให้แตกฉาน
เฮ้ยขุนช้างหมื่นไวยมันให้การว่าประมาณอายุสักเจ็ดปี
มึงแกล้งชวนเอาไปในป่าใหญ่เอาขอนทับไว้แล้วแล่นหนี
มันสู้นิ่งความมากว่าแปดปีจนวานนี้เอ็งว่าต่อหน้าคน
ข้อหยาบช้าสาหัสเขาปฏิเสธเกิดวิวาทขึ้นเพราะเหตุนี้เป็นต้น
มันบอกกล่าวเล่าทุกตัวตนนี่แน่ะเฮ้ยเหตุผลเป็นอย่างไร ฯ
๏ ขุนช้างได้ฟังรับสั่งถามเห็นว่าความเก่าเกิดก็หวั่นไหว
ด้วยจริงใจในอกก็ตกใจเหงื่อไหลโซมตัวกลัวอาญา
แข็งใจกราบทูลไปทันทีพระบารมีปกเกล้าเหนือเกศา
ซึ่งพระไวยกราบทูลพระกรุณาล้วนเสกแสร้งแกล้งว่าใช่ความจริง
ซึ่งจะได้ตีฆ่าหามิได้แกล้งกล่าวเสกใส่ให้ใหญ่ยิ่ง
ถ้าฆ่าตีก็จะมีที่อ้างอิงไยจึงนิ่งความไว้ไม่กราบทูล
ครั้นเกล้ากระหม่อมฟ้องหาว่าต่อยตบแกล้งจะกลบความร้ายให้หายสูญ
จึงเสกแสร้งใส่เอาเป็นเค้ามูลเอาความเท็จเพ็ดทูลแต่โดยเดา
กระหม่อมฉันจะได้ว่าหามิได้พระหมื่นไวยยุแยงแกล้งมอมเหล้า
ล่อให้พูดจาประสาเมาแล้วเอาความร้ายมาป้ายทา
อันที่ท้าถึงเจ้ากล่าวสาหัสแม้นมิสัตย์ขอพระองค์ลงโทษา
ถ้าแม้นไม่จริงจังดังเจรจารับพระราชอาญาจนบรรลัย ฯ
๏ พระองค์ทรงภพตบพระเพลากูจะเอาความจริงให้จงได้
เฮ้ยขุนนางข้าเฝ้าอย่าเข้าใครบรรดาไปช่วยงานเมื่อวานนี้
ใครรู้เห็นเป็นอย่างไรให้เร่งว่าอย่าเห็นแก่หน้าขุนนางแลเศรษฐี
ขุนช้างว่าหมื่นไวยไล่ทุบตีพาทีถึงเจ้ากล่าวหยาบคาย
ข้างหมื่นไวยว่าขุนช้างอ้างความหลังพูดดังดังได้ยินสิ้นทั้งหลาย
เมื่อเล็กเล็กเอาไปล้างให้วางวายบุญตัวไม่ตายจึงรอดมา
เมื่อขุนช้างอ้างว่าฆ่าหมื่นไวยเต็มเมาหรือไม่สู้หนักหนา
อย่าได้เข้าข้างใครให้เจรจาจงเร่งว่าอย่าได้เห็นกับบุคคล ฯ
๏ บรรดาข้าเฝ้าเหล่าไปงานจึงกราบทูลพระโองการตามเหตุผล
กระหม่อมฉันจำไว้ได้ทุกคนเป็นต้นด้วยขุนช้างไปช่วยงาน
รับพระราชทานเหล้าจนเมามายแล้ววุ่นวายว่ากล่าวห้าวหาญ
ขึ้นตั้งท่าอวดตนว่าหนุมานแล้วพูดจาเกี้ยวพานถึงวันทอง
พระนายอายหน้าว่าไม่ฟังจึงตึงตังต่อยตีกันมี่ก้อง
ขุนช้างโป้งปากหากคะนองร้องลำเลิกความหลังออกคลั่งไป
ว่าเมื่อพระไวยอยู่กับมารดาขุนช้างเอาไปฆ่าในป่าใหญ่
เอาไม้ซีกสับลงที่ตรงไรเอาขอนทุ่มทับไว้จะให้ตาย
พระไวยขัดใจก็เรียกบ่าวมี่ฉาวชกซ้ำล้มคว่ำหงาย
ซึ่งจะท้าว่ากล่าวถึงเจ้านายกระหม่อมฉันทั้งหลายไม่ได้ยิน
แต่ขุนช้างกินเหล้าเมาเต็มประดาจนเปลื้องผ้าจากกายความอายสิ้น
ไม่เข้าใครใส่กลเป็นมลทินพระภูมินทร์จงทราบพระบาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงธรรมพิเคราะห์คำให้การพยานว่า
วินิจฉัยไปด้วยพระปรีชาซึ่งข้อที่หยาบช้านั้นสำคัญ
ความโจทย์กล่าวหาเป็นสาหัสแม้นเป็นสัตย์ก็โทษถึงอาสัญ
ถ้าไม่เป็นสัตย์โทษโจทย์เหมือนกันอีกข้อนั้นซึ่งหาว่าฆ่าตี
ถ้าแพ้กับทัณฑ์บนจนกับพยานผู้ทำผิดต้องประหารให้เป็นผี
แต่หากเบาด้วยเมาอยู่เต็มทีไม่รู้สึกสมประดีก็ว่าไป
จำจะซักหมื่นไวยให้กระจ่างจะเอาโทษขุนช้างยังไม่ได้
จึงตรัสว่าฮ้าเฮ้ยอ้ายหมื่นไวยเมื่อแรกไอ้ขุนช้างมันฆ่าตี
ไยจึงนิ่งความไม่กล่าวหาพึ่งมาว่าเมื่อเขาฟ้องไม่ต้องที่
ที่ป่าไหนมันฆ่าว่าให้ดีมีผู้รู้เห็นบ้างหรืออย่างไร ฯ
๏ ขอเดชะปกเกล้าปกกระหม่อมด้วยยังย่อมเมื่อเขาทำจำไม่ได้
รู้แต่ว่าป่าหลังสุพรรณไปครั้นจะอ้างก็ไม่มีใครมา
จะร้องก็ไม่ได้ไกลบ้านคนครั้นจะหนีก็ไม่พ้นเป็นกลางป่า
เดชะบุญปลดปลอดรอดชีวาจะไปร้องฟ้องหาก็เด็กนัก
ไม่รู้ว่ารั้วแขวงกรมการโรงศาลอยู่ที่ไหนไม่รู้จัก
จึงมิได้ว่าขานมานานนักจนอารักษ์ดลใจให้พาที
จะอ้างอิงนั้นไม่ได้เป็นในป่าเหลือปัญญาขอพิสูจน์ไปตามที่
ถ้าแม้นแพ้แก่สัตย์ดำนัททีขอถวายชีวีพระทรงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ทรงธรณินได้ฟังสิ้นถ้อยคำหมื่นไวยนั่น
จึงมีสีหนาทประภาษพลันอ้ายไวยนั้นมันว่าก็ชอบกล
แล้วตรัสว่าฮ้าเฮ้ยอ้ายขุนช้างมึงอย่าพลางเล่าไขไปแต่ต้น
ถ้าแม้นว่าทำผิดคิดผ่อนปรนอย่าอั้นอ้นบอกให้หมดอย่าปดกู ฯ
๏ ขุนช้างฟังพระองค์ทรงถามซักเป็นทุกข์หนักมือประนมก้มหน้าอยู่
เหงื่อไหลหน้าหลังลงพรั่งพรูเป็นครู่จึงทูลพระกรุณา
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทองค์พระหริราชนาถา
ซึ่งถ้อยคำจมื่นไวยใช่สัจจาเสกแสร้งใส่ว่าสารพัน
ที่จะได้ตีรันนั้นหามิได้กล่าวพอให้กลบความกระหม่อมฉัน
ขุนนางเข้ากับพระไวยไปทั้งนั้นเพราะเป็นพวกเดียวกันกับพระนาย
กระหม่อมฉันจนใจไร้พวกพ้องได้อยู่ก็แต่ต้องพิสูจน์ถวาย
ถ้าแม้นแพ้จงล้างให้วางวายกระหม่อมฉันขอถวายซึ่งชีวี ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงชัยวินิจฉัยในสำนวนถ้วนถี่
อ้ายขุนช้างเอามุสามาพาทีในคดีพิรุธทุกประการ
แต่พยานร่วมกันยังติดใจผิดวิสัยความหลวงกระทรวงศาล
เดี๋ยวนี้แพ้ทัณฑ์บนจนพยานอ้างเองยังกลับค้านทุกคนไป
ถึงจะพูดจาประสาเมาก็จัดเอาเป็นข้อพิรุธได้
ถ้าสั่งกรมเมืองให้ติดไม้ครู่เดียวก็จะได้เท็จจริงกัน
แต่ครั้งนี้อ้ายไวยสิโปรดปรานไพร่บ้านพลเมืองก็ลือลั่น
จะเป็นเข้ากับอ้ายไวยใส่ความมันจริงเท็จทั้งนั้นใครจะรู้
จำจะต้องพิสูจน์ตามกระบวนให้มันสิ้นสำนวนที่ต่อสู้
เท็จจริงข้างใครให้คนดูตัวกูจึงจะพ้นคนนินทา
จึงตรัสว่าฮ้าเฮ้ยอ้ายขุนช้างมึงอ้างข้าราชการก็พร้อมหน้า
กูได้ถามความข้อว่าหยาบช้าพวกขุนนางต่างว่าไม่ได้ยิน
อันความฉกรรจ์มหันตโทษพยานโจทย์กลับเจือจำเลยสิ้น
ครั้นอ้างเขาไม่รับก็กลับลิ้นปลิ้นไปติดใจค้านพยานตัว
กูเห็นแน่แท้เท็จสิ้นทั้งหมดถ้าใส่บทแล้วก็โทษถึงตัดหัว
ข้อหยาบช้ามึงมุสาไม่เกรงกลัวแล้วทำชั่วถอดชื่ออ้ายหมื่นไวย
ข้อหาว่าทุบตีข้อนี้รับที่ถอดชื่อพอจะปรับกันลงได้
ข้อหยาบช้าโทษมึงถึงบรรลัยจะยกโทษให้ไอ้ขุนช้าง
แต่ข้อหาฆ่าฟันนั้นลับนานไม่มีพยานขอพิสูจน์ทั้งสองข้าง
ยังไม่แน่ข้างหมื่นไวยหรืออ้ายช้างมิพิสูจน์ไม่กระจ่างซึ่งกิจจา
ปรึกษาเสร็จตรัสสั่งสี่พระครูไปดูให้โจทย์จำเลยมันจัดหา
เครื่องสำหรับดำน้ำให้ทำมาไปปักหลักลงที่หน้าตำหนักแพ
เข้ามณฑลกันวันพรุ่งนี้จนถึงที่วันดำน้ำเจ็ดค่ำแน่
ให้กำกับกันอยู่คอยดูแลให้พร้อมแต่เวลาบ่ายโมงปลาย
พนักงานกรมไหนให้ไปดูพระครูจัดแจงแต่งบัตรหมาย
คุมตัวไว้ในวังทั้งสองนายพระสั่งเสร็จผันผายเข้าข้างใน ฯ
๏ ครานั้นพระครูผู้รับสั่งออกมานั่งยังที่ทิมดาบใหญ่
จัดแจงแต่งหมายแยกย้ายไปสั่งให้เรียกหลักนครบาล
ให้ทำมะรงสำรองไว้สองหลักแล้วปักมณฑลและทำศาล
เสมียนเขียนฟ้องคำให้การสุภาการให้อยู่ดูเป็นกลาง
มิให้ส่งข้าวปลามาแต่บ้านขุนศาลหาให้กินทั้งสองข้าง
ให้โจทก์จำเลยหาผ้าขาวบางมาปูกลางศาลทั้งสองรองบัตรพลี
หมากพลูใส่กระทงประจงเจียนทั้งธูปเทียนดอกไม้บายศรี
เครื่องตั้งสังเวยกรุงพาลีมีมะกรูดส้มป่อยกระแจะจันทน์
ผ้าขาวนุ่งผ้าขาวห่มพรมลาดเสื่อสาดสายสิญจน์ให้จัดสรร
หม้อข้าวหม้อแกงใหม่และหม้อกรัณฑ์กระโถนขันน้ำตั้งทั้งกระแซง
กระติกเหล้าข้าวสารเชิงกรานใหม่ข่าตระไคร้หอมกระเทียมพริกแห้ง
ครกสากคนใช้ไก่พะแนงทั้งสองแห่งจัดหาให้เหมือนกัน
ขุนช้างกับพระไวยได้บัญชาก็รีบสั่งบ่าวข้าขมีขมัน
บัดเดี๋ยวใจได้มาสารพันถ้วนจบครบครันดังบัญชา
เข้ามณฑลเสร็จถึงเจ็ดค่ำนักการทำไม้หลักไปปักท่า
ที่ตำหนักแพโถงโรงนาวาทำมะรงหาฆ้องไว้คอยตี
คำสาบานแช่งชักอาลักษณ์อ่านตระลาการอ่านสำนวนถ้วนถี่
เอาเชือกผูกเอวไว้ให้ดิบดีประจำที่คอยท่าเสด็จมา ฯ
๏ พวกชายหญิงวิ่งพรูดูดำน้ำทั้งสาวหนุ่มกลุ้มกล้ำมาหนักหนา
ผู้ใหญ่เด็กเจ๊กฝรั่งทั้งละว้าแขกข่ามอญลาวมี่ฉาวไป
นางสาวสาวอยู่ในเรือนเห็นเพื่อนอึงลุกทะลึ่งออกมาไม่ช้าได้
ชวนเพื่อนเตือนกันให้รีบไปดูพระไวยกับขุนช้างดำน้ำกัน
ที่เฒ่าแก่อยากดูไม่อยู่บ้านอุ้มลูกจูงหลานเป็นจ้าละหวั่น
ที่โรงเรือเหลือหลามคนครามครันยัดเยียดเบียดกันอยู่วุ่นวาย
พวกท้าวนาวในวังทั้งปวงโขลนจ่าข้าหลวงสิ้นทั้งหลาย
รู้ว่าขุนช้างกับพระนายเวลาบ่ายวันนี้จะดำน้ำ
ต่างอาบน้ำทาแป้งแต่งตัวหวีหัวนุ่งห่มให้คมขำ
บ้างหาหมากใส่ซองสองสามคำบ้างชักนำเพื่อนฝูงจูงมือมา
ถึงที่ตำหนักแพแออัดเบียดเสียดเยียดยัดกันหนักหนา
ออกเพียบแพแซ่ซ้องท้องคงคาคอยท่าว่าเมื่อไหร่จะได้ดำ
ข้างพวกคนเหล่าเป็นชาวเรือทั้งใต้เหนือตลอดจอดออกส่ำ
เรือเล็กเล็กน้อยน้อยออกลอยลำแน่นแม่น้ำเซ็งแซ่อยู่แจจัน ฯ
๏ จะกล่าวถึงสมเด็จพระพันวษาปิ่นปักอยุธยามหาสวรรค์
เนาในปราสาทแก้วอันแพรวพรรณฝูงกำนัลนบนอบหมอบแน่นไป
ทรงพระราชดำริตริตรึกระลึกถึงพลายงามเป็นความใหญ่
ดำน้ำกับขุนช้างจะอย่างงไรจนบ่ายได้เวลาสามโมงปลาย
จึงชำระสระสรงทรงเครื่องอร่ามเรืองเนาวรัตน์จำรัสฉาย
ทรงพระแสงกุดั่นพรรณรายผันผายจากที่มนเทียรทอง
ขึ้นเกยลาทรงมหายานุมาศพร้อมอำมาตย์ราชกระวีมี่ก้อง
ประโคมแตรสังข์ประดังกลองมาตามท้องฉนวนลงซึ่งคงคา ฯ
๏ ครั้นถึงจึงเสด็จขึ้นบนอาสน์หมู่อำมาตย์บังคมก้มหน้า
ตำรวจใหญ่ลงในเรือกัญญาทอดทุ่นกระสุนง่าว่าห้ามคน
ทำมะรงลงเรือขึ้นเหนือน้ำหลายลำขึ้นล่องออกสับสน
สิ่งอันใดลอยตายในชายชลก็เสือกไสให้พ้นใส่แผ้วพาน
พระผู้จอมนรินทร์ปิ่นธรณีพระจึงมีพระราชบรรหาร
ไปบอกพระครูหวาอย่าช้านานเวลากาลจะอัสดงให้ลงดำ ฯ
๏ พระครูผู้รับสั่งก็บังคับตามตำรับอัยการโบราณร่ำ
พระหมื่นไวยให้ขึ้นข้างเหนือน้ำขุนช้างดำฝ่ายใต้ให้สมควร
เดิมขุนช้างเป็นโจทย์ก็จริงแลแต่ไต่ถามคดีกันถี่ถ้วน
เป็นสัตย์รับรองท้องสำนวนข้อพิสูจน์นี้เป็นส่วนของพระไวย
กับอนึ่งซึ่งเขาเป็นขุนนางขุนช้างต้องดำข้างฝ่ายใต้
ปรึกษาเห็นพร้อมกันในทันใดแล้วจึงคุมออกไปนอกมณฑล
พาดำเนินย่างย่องทั้งสองนายผู้คุมรายกำกับอยู่สับสน
ชำระตัวสระหัวทั้งสองคนชนไก่แล้วก็ลงในคงคา
ผู้คุมกุมยึดหางเชือกไว้จับลำไม้ไผ่คอยพาดบ่า
ทั่ริมฝั่งตั้งขันนาฬิกาทำมะรงตั้งท่าเข้าข่มคอ
ตีฆ้องโหม่งดำลงทั้งสองข้างพอขุนช้างดำมุดก็ผุดฝอ
ผู้คุมเอาโซ่ใหญ่เข้าใส่คอพวกคนดูด่าทอออกเพรียกมา
พวกผู้คุมกลุ้มฉุดไม่ละวางขุนช้างร้องโปรดก่อนพุทธเจ้าข้า
พระไวยคนนี้มีวิชาเป่าซ้ำทำมาให้ต้องตน
ฤทธิเดชพระเวทเข้าจับใจทนไม่ไหวหัวพองสยองขน
เอาจำเลยขึ้นเหนือน้ำดำข้างบนเป่ามนตร์ลงมาข้าติดใจ ฯ
             

๏ พระองค์ทรงฟังขุนช้างว่าชะต้าอ้ายเจ้าสำนวนใหญ่
แพ้เขาเฝ้าว่าโว้เว้ไปกลับพาโลว่าอ้ายไวยใช้เวทมนตร์
อ้ายสิ้นคิดมันก็บิดเอาซึ่งหน้ามันแกล้งว่าจะให้ซ้ำดำอีกหน
อ้ายโกหกแผ่นดินลิ้นกะลาวนชอบแต่เฆี่ยนเสียให้ป่นคนเช่นนี้
แต่ซึ่งว่าให้จำเลยขึ้นเหนือน้ำถ้อยคำมันร้องนั้นต้องที่
จะตัดสินก็ไม่สิ้นซึ่งราคีด้วยคดีเกิดขึ้นเพราะตัวมัน
ให้มันขึ้นเหนือน้ำดำอีกทีจงจัดแจงเดี๋ยวนี้ขมีขมัน
ถ้าแพ้เขาอีกครั้งอย่าฟังกันเอาไปฟันเสียบเสียให้สาใจ ฯ
๏ พระครูรับพระโองการลนลานมาอย่าช้านายช้างมาดำใหม่
เอาชือกผูกบั้นเอวเร็วพระไวยคุมออกไปยุดหลักทั้งสองนาย
เอาไม่พาดบ่าพลันแล้วลั่นฆ้องข่มคอลงทั้งสองแล้วหย่อนสาย
พวกคนดูชุลมุนอยู่วุ่นวายทั้งเรือพายแทรกเสียดเข้าเบียดกัน
ด้วยขุนช้างนั้นพิรุธทุจริตพอดำมิดไม่ถึงสักกึ่งกั้น
บันดาลเห็นเป็นงูเข้ารัดพันตัวสั่นกลัวสุดผุดลนลาน
พระกาญจน์บุรีโดดน้ำตามลงไปอุ้มพระไวยขึ้นมาต่อหน้าฉาน
เหล่าพวกผู้คุมนครบาลเอาคลังใส่ไอ้หัวล้านลากขึ้นมา ฯ
๏ พระองค์ทรงกริ้วกระทืบบาทยมราชเอาไปจำให้แน่นหนา
อ้ายเสี้ยนหนามแผ่นดินลิ้นลังการน้อยหรือฆ่าคนได้ช่างไม่คิด
แต่กูมันยังคดปดเล่นได้มันถือใจว่าไม่มีอาชญาสิทธิ์
ลอยหน้าท้าทายถวายชีวิตเดี๋ยวนี้ผิดแพ้เขาเข้าสองยก
บังอาจฆ่าคนได้แล้วไม่สาแต่กูมันยังกล้ามาโกหก
อย่าเอาไว้ให้พื้นแผ่นดินรกไปผ่าอกเสียอย่าให้ดูเยี่ยงกัน
มันเอาอ้ายไวยไปฆ่าที่ป่าไหนเอามันไปเสียบเสียที่ป่านั่น
สั่งเสร็จเสด็จจากที่นั่งพลันขึ้นยานุมาศผาดผันเข้าวังใน ฯ
๏ ฝ่ายท่านจตุสดมภ์ยมราชประกาศสั่งขุนหมื่นน้อยใหญ่
คนโทษถึงมรณาอย่าไว้ใจไปส่งให้เจ้ากระทรวงหลวงพัศดี
ทำมะรงลงเหล็กตะลีตะลานประทุกประทาห้าประการไม่พ้นหนี
โซ่ตรวนขื่อคาไม่ปรานีสี่ทำมะรงจูงมาพาไปคุก
ขุนช้างถูกจำตรวนถ้วนสามชั้นเคยย่างยาวก้าวสั้นก็ล้มปุก
ผู้คุมรุมไล่ก็ไม่ลุกทำเป็นจุกเจ็บท้องร้องอื้ออึง
ทำมะรงโกรธาคว้ามัดหวายป่ายลงทั้งกำดังต้ำผึง
ตีซ้ำคว่ำหงายตายช่าง***ผิดก็เสียเฟื้องหนึ่งบอกศาลา
ขุนช้างเข้าใจเขาไม่ฟังลุกขึ้นตึงตังทำเป็นบ้า
อ้าปากแลบลิ้นทำปลิ้นตาแก้ผ้านุ่งทิ้งวิ่งโทงโทง
หยิบเอาก้อนขี้หมาไล่ปาคนเอาหัวชนเสาเล่นเต้นเหยงเหยง
ลากตรวนโกรกกรากปากร้องเพลงคนดูอัดวัดเป้งเข้าด้วยคา
ทำมะรงร้องขู่ว่าอุแหม่กูจะแก้มึงด้วยหวายให้หายบ้า
อ้ายอัปรีย์เอาขี้เที่ยวไล่ปาแก้ผ้าวิ่งโขนออกโพนเพน
พวกผู้หญิงแลมาหันหน้าหนีสิ้นที่ร้องเบื่อมันเหลือเถน
อ้ายพวกหนุ่มคะนองมันร้องเกนไม่โจงกระเบนเสียบ้างนี่อย่างไร
พวกบ่าวมากับนายพลอยขายหน้าวิ่งพวยฉวยผ้ามานุ่งให้
ทำมะรงฉุดคร่าพาตัวไปเอาเข้าในคุกขึงจำตรึงตรา
คาไม้จริงยิงประตูดูให้มั่นโซ่ร้อยแหล่งแกล้งสรรให้แน่นหนา
เอาอิฐหนุนก้นโงโยงหัวคาใส่ขื่อมือยื้อคร่าให้ตึงตัว ฯ
๏ ขุนช้างต้องพันธนาถึงสาหัสมือรัดเอวโยงเอาโคลงหัว
จะไหวติงก็ไม่ได้ใจสั่นรัวโอ้ตัวกูถึงวันจะบรรลัย
ผุดปากภาวนาหน้าเป็นหลังปิติสังขาเยเผลไพล่
การะมังยังมุระกุสะไลมอลอกอขอไขคัจไฉมิ
หิรูปักขาหิราปักเขสัมตันสันเตเยตะสิ
มุดทะกังทั้งกระทะคั้นกะทิต่อยปะเตะตกกะติปากแตกตาย
ทำมะรงโกรธด่าอึงมี่สวดอะไรอย่างนี้อ้ายฉิบหาย
เขาจะได้ตรวจคนบ่นวุ่นวายมึงไม่รู้ฤทธิ์หวายหรืออึงไป
ขุนช้างร้องขอโทษอย่าโกรธขึ้งเจ็ดตำลึงสิบสลึงลูกจะให้
จงลดก่อนผ่อนคลายให้หายใจแล้วจะให้ค่าลดสิบตำลึง
เออกระนั้นสิอย่าโกรธโทษถึงตายครั้นมิทำนายเขาโกรธขึ้ง
พอให้เขาตรวจตราอย่าอื้อึงลั่นกุญแจแล้วจึงจะเคลื่อนคลาย ฯ
๏ จะกล่าวถึงวันทองผ่องโสภาอยู่เคหานอนไม่หลับกระสับกระส่าย
ด้วยผัวไปเป็นความกับลูกชายจะดีร้ายเป็นอย่างไรจึงไม่มา
พออ้ายพลับกลับไปร้องไห้งอคุณพ่อเป็นความแพ้คุณแม่ขา
ส่งเข้าคุกประทุกทั้งขื่อคาพระพันวษากริ้วกราดคาดโทษตาย
เขาเอาไว้สุดคนก้นกระชุงจำต้องนั่งยังรุ่งจนเช้าสาย
แขวนจนก้นพ้นกระดานสงสารนายเมื่อฉันมายังไม่คลายอีกขอรับ ฯ
๏ วันทองฟังเล่าบอกข่าวผัวทอดตัวร้องไห้จนลมจับ
กลิ้งเกลือกเสือกนอนอ่อนพับดังจะดับชีวันไปทันใด
พวกบ่าวข้อนอกตกตะลึงอื้ออึงอัดแอเข้าแก้ไข
นวดเหยียบนัดยาทาน้ำดอกไม้พอลมถอยค่อยได้สติพลัน
ลุกขึ้นลนลานคลานเข้าห้องประจงจ้องจับกุญแจไขกำปั่น
เปิดฝาคว้าทองสองสามอันแล้วหยิบขันปากสลักตักเงินตรา
ใส่ลงในกระทายเป็นหลายขันปากนั้นกอบเบี้ยเกลี่ยปิดหน้า
แล้วส่งให้อีเขียดกระเดียดมาทั้งข้าวปลาหาไปใส่ขันโต
แล้วจัดแจงสำรองของกำนัลเนื้อฉมันน้ำผึ้งเป็นครึ่งโถ
ให้บ่าวเที่ยวหาซื้อปลาเทโพบรรทุกเรือแตงโมแล้วรีบมา ฯ
๏ ครั้นถึงจอดเรือแล้วรีบไปข้าไทตามหลังมาหนักหนา
บ้างแบกโต๊ะของกำนัลขันข้าวปลาถึงริมคุกขึ้นหาพัศดีกลาง
ของกำนัลให้ท่านพัศดีคุณพ่อได้ปรานีดีฉันบ้าง
จะขอไปส่งข้าวเจ้าขุนช้างคุกตะรางอย่างไรฉันไม่เคย
พัศดีเรียกทำมะรงเนียมช่วยพาพี่แกไปเยี่ยมผัวหน่อยเหวย
ทำมะรงรับคำนำลุกเลยเข้าประตูหับเผยถึงคุกใน
วันทองร้องง้อพ่อทำมะรงช่วยถอดลงมากินข้าได้หรือไม่
ทำมะรงว่าไปเยี่ยมกันก็ไปถอดไม่ได้โทษอย่างนี้พี่วันทอง ฯ
๏ วันทองแข็งใจเข้าในคุกแลเห็นคนทนทุกข์สยดสยอง
น่าเกลียดน่ากลัวหนังหัวพองผอมกร่องร่างกายคล้ายสัตว์นรก
เขาใส่คาอาหารไม่พานไส้เห็นวันทองขึ้นไปไหว้ประหลก
เอากล้วยทิ้งชิงกันตัวสั่นงกใครมีแรงแย่งฉกเอาไปกิน
สุดแต่มีของให้แล้วไม่เลือกจนชั้นเปลือกก็ไม่ปอกขยอกสิ้น
เป็นหิดฝีพุพองหนองไหลรินเหม็นกลิ่นราวกับศพตลบไป
ตัวเล็นเป็นขนไต่บนกบาลนางก้าวหลีกลนลานไม่ดูได้
อุตส่าห์ทนจนถึงก้นคุกในขุนช้างเห็นเมียไปร้องไห้แง
วันทองเห็นผัวทอดตัวไห้ขุนช้างใส่งองอกระป้อกระแป้
น้ำตาน้ำมูกตะละลูกกะแอแม่เอ๋ยแม่ทิ้งเสียได้ไม่พุทโธ
จะเดินเหินเข้าที่ไหนไปอย่าช้าแม่เมตตาอย่าให้ตายในตรวนโซ่
เอาเงินใส่ในถุงให้โตโตแล้วไปหาเจ๊กโล้ซื้อเหล้ามา
โอ๊ยลืมไปแล้วแม่ช่วยแก้ไขแม่จะเดินข้างในหรือข้างหน้า
ของกำนัลเลือกสรรจัดเอามาทั้งข้าวปลาเหล้าแกล้มหมูแนมญวน ฯ
๏ วันทองขัดใจอ้ายคนเคอะยังซมเซอะไปจนคอจะเด็ดด้วน
เพราะกินเหล้าจึงต้องเข้าถึงโซ่ตรวนยังหลงเล่อลามลวนข้างเหล้ายา
ขุนช้างเห็นเมียโกรธขอโทษตัวแม่ต่อยหัวพี่สักโขกก็ไม่ว่า
ใจคอท้อแท้แล้วแม่อาได้หน้าลืมหลังพลั้งพลาดไป
จะด่าทออย่างไรก็ไม่ว่าเอาเงินตราค่าคุกนั้นมาให้
กับค่าลดสิบตำลึงให้ถึงใจเสียไหนเสียไปเถิดแม่คุณ
วันทองตอบว่าอย่าปรารมภ์เงินทองมีถมอย่าว้าวุ่น
ข้าจะเอาออกไปให้นายมุลถึงเจ้าคุณบ้านนอกก็ปรานี ฯ
๏ ทำมะรงให้อ้ายรอดถอดขื่อคากินข้าวปลาเถิดพี่ช้างอย่างครางอี๋
เป็นตายอยู่กับตัวกลัวไยมีจะด้นดำดินหนีได้เมื่อไร ฯ
ขุนช้างฟังว่าคว้าขามข้าวเปิบใส่ปากเปล่าไม่กลืนได้
เคี้ยวข้าวเป็นแป้งคอแห้งไปเอาน้ำใส่กลั้วคอให้พอกลืน
จะกินได้แต่ละคำเอาน้ำกลั้วคิดถึงตัววางชามข้าวเฝ้าสะอื้น
วันทองปลอบว่าอุตส่าห์กลืนขืนใจกินเถิดพ่อพอมีแรง
เห็นผัวยังนั่งครางนางช่วยป้อนเอาช้อนตักแกงแย้แก้คอแห้ง
ทั้งเนื้อพล่าปลาไหลไก่พะแนงขุนช้างแข็งใจกินสิ้นชามโคม
แล้วสั่นหัวบอกพลันเท่านั้นเถิดประดักประเดิดพี่นักอย่าหักโหม
คิดถึงตัวขึ้นมาน้ำตาโซมโถมกอดคอภรรยาแล้วว่าวาน
แม่คุณทูนหัวจงรีบไปเอาเงินติดท่านข้างในให้ว่าขาน
เพ็ดทูลผ่อนปรนช่วยบนบานขอประทานโทษตนให้พ้นภัย
วันทองว่าหาใครไม่ได้ดอกหนามยอกเอาหนามบ่งคงจะได้
วิ่งนักมักล้มก้มซวนไปจะอ้อนวอนพ่อไวยดูสักที
ขุนช้างว่าจริงแท้แม่ทูนหัวจะรอดตัวก็เพราะแม่ช่วยแก้พี่
ถ้าพ้นโทษโปรดถอดรอดชีวีแม่ไปไหนจะให้ขี่ไปต่างวัว ฯ
๏ วันทองว่าอย่าสำออยไปหน่อยเลยพวกข้าไม่เคยขี่คอผัว
สิ้นชีวิตไม่คิดเสียดายตัวอย่ากลัวเลยอย่างไรไม่ทิ้งกัน
ว่าพลางหยิบเงินในกระทายให้กับนายทำมะรงขมีขมัน
ทั้งนายร้อยนายใหญ่ให้ทั่วกันคนโทษทัณฑ์ให้ทานทุกคนไป
ฝากฝังสามีแล้วมิช้าก็ลุกลาออกจากในคุกใหญ่
ให้เงินพัศดีกลางนางรีบไปขึ้นบนเรือนพระไวยมิได้ช้า
โถมเข้าสวมสอดกอดพระไวยร้องไห้แทบสลบซบหน้า
พระหมื่นไวยสงสารกับมารดาวันทาทำเป็นถามไปฉับพลัน
หม่อมแม่ทุกข์เข็ญเป็นอย่างไรอย่าร้องไห้จงบอกออกกับฉัน
หรือปู่ย่าตายายวายชีวันไม่ทันบอกออกก็ร่ำแต่โศกี
วันทองจึงว่าพ่อทูนเกล้าทุกข์แม่เทียมเท่าจะเป็นผี
เหลียวไม่เห็นใครในครั้งนี้ซึ่งจะช่วยชีวีให้รอดตาย
เห็นแต่ดวงใจพระไวยแม่ที่จะแก้ทุกข์ร้อนให้ผ่อนหาย
เจ้าขุนช้างคนคดประทษร้ายเพราะเช่นนั้นอันตรายจึงถึงตัว
เหมือนนมยานกลิ้งอกแม่หมกไหม้ถึงชั่วดีเขาก็ได้มาเป็นผัว
ครั้นจะนิ่งให้ตายอายติดตัวจะเชิดชื่อลือชั่วทั่วกัลป์ปา
เหตุเท่านี้จึงนิ่งทิ้งไม่ได้แม่จนใจจึงซานด้านมาหา
พ่อคุณจงการุญกับมารดาช่วยทูลขอชีวาขุนช้างไว้
พระองค์ทรงพระกรุณาคงหาขัดอัธยาพ่อพลายไม่
ขุนช้างสั่งถึงพ่อขออภัยอย่ามีบาปกราบไหว้พ่อหมื่นมา
นอกกว่าพ่อใครจะขอเห็นไม่ได้พ่อจงช่วยชีวิตไว้ใช้ต่างข้า
อันที่ได้ผิดพลั้งแต่หลังมาพ่ออย่าผูกเวรานั้นสืบไป ฯ
๏ ครานั้นพระไวยพลายงามจึงตอบความมารดาหาช้าไม่
แม่มาอ้อนวอนว่าข้าทำไมข้ามิได้ฟ้องหานายขุนช้าง
ข้างเขาอีกจะเอาชีวิตข้าไปกราบทูลพระพันวษาเอาทุกอย่าง
แกล้งใส่ความจะให้ตายวายวางนี่หากมีที่อ้างจึงพ้นภัย
เมื่อขุนช้างเขาพาไปฆ่าตีความนี้แม่ก็ทราบอยู่เต็มไส้
จะสงสารฉันบ้างก็เป็นไรนี่หากฟื้นขึ้นได้จึงรอดตัว
เมื่อลูกชายจะตายแม่ไม่คิดแม่รักแต่ชีวิตข้างท่านผัว
จึงเที่ยวท่องร้องไห้ไม่คิดตัวเพราะว่ากลัวขุนช้างจะบรรลัย
พระองค์กำลังทรงพิโรธจะให้ทูลขอโทษอย่างไรได้
เหมือนโถมถาผ่าขวางเข้ากลางไฟเป็นจนใจลูกแล้วนะมารดา ฯ
๏ วันทองกอดพระไวยร้องไห้กลิ้งความทั้งนี้ก็จริงเหมือนเจ้าว่า
เมื่อขุนช้างฆ่าพ่อแทบมรณามารดาก็แจ้งอยู่เต็มใจ
อุตส่าห์พาพ่อไปฝากวัดเอาผ้าตัดทำธงแก้สงสัย
แม่ไม่เห็นเจ้าสักวันปิ้มบรรลัยนอนร้องไห้รักร่ำทุกค่ำคืน
อันผัวรักก็หาหนักกว่าลูกไม่ลงบันไดสามขั้นเป็นคนอื่น
ถึงว่ารักจริงจังดังจะกลืนก็ไม่เหมือนพ่อหมื่นของแม่เลย
ซึ่งเคืองขุ่นขุนช้างที่ล้างผลาญก็นมนานมาแล้วนะลูกเอ๋ย
เอาบุญอย่าอาฆาตจองเวรเลยถ้าพ่อเฉยแล้วไม่ช้าท่านฆ่าแท้
เหมือนปล่อยปลาปล่อยเต่าเอากุศลให้พ้นจากความเข็ญเห็นกับแม่
สู้อุตส่าห์เลี้ยงเจ้าเฝ้าดูแลตั้งแต่พ่อยังอยู่ในอุทร
เจ้าเกิดมามารดาถนอมเจ้าบดข้าวสามเวลาอุตส่าห์ป้อน
อาบน้ำใส่เปลเห่ให้นอนแต่อ่อนอ่อนจนได้วัฒนามา
ขุนช้างอุตส่าห์หาข้าน้อยน้อยให้พ่อไวยใช้สอยเป็นหนักหนา
เอาทองคำทำกำไลสร้อยเสมาตะกรุดโทนถายาล้วนอย่างดี
ยามตรุษสงกรานต์ไปลานวัดสารพัดใส่กายให้ถ้วนถี่
บ่าวเล็กเล็กเหลือหลามตามมากมีให้นางศรีแม่นมนั้นอุ้มไป
ยามขุนช้างรักใคร่ใครจะเหมือนชั่วแต่ดาวกับเดือนไม่ให้ได้
แต่ของมีในสุพรรณสิ่งอันใดถ้าชอบใจแล้วไม่ขัดให้ขุ่นมัว
ที่ร้ายนั้นก็มีดีก็มากพ่อหากเป็นทารกไม่รู้ทั่ว
อย่าคุมโทษโปรดเถิดให้เป็นตัวเหมือนทูนหัวแทนคุณของมารดา ฯ
             

๏ ครานั้นพระไวยก็ใจอ่อนได้ฟังมารดาอ้อนวอนว่า
ครั้นจะนิ่งให้ขุนช้างวางชีวาก็สงสารมารดานั้นสุดใจ
ถ้าบรรลัยไหนจะมีซึ่งความสุขจะทุกข์ทุกข์เข็ญเข็ญจนเป็นไข้
ผูกคอล้มก้มคอตายวุ่นวายไปบาปกรรมก็จะได้กับเราแท้
ถึงขุนช้างชั่วช้าเหมือนหมาหมูเขาก็รู้อยู่ทั่วว่าผัวแม่
จะนิ่งเสียทีเดียวไม่เหลียวแลก็ตั้งแต่คนเขาจะนินทา
คิดแล้วจึงว่าแก่แม่ไปเป็นจนใจด้วยพระเกิดเกศา
ครั้นจะขัดเหมือนไม่คิดถึงมารดาจะแกล้งให้เวทนากับลูกชาย
แม่จงกลั้นน้ำตาอย่าร้องไห้ลูกจะไปเพ็ดทูลขยับขยาย
ถ้าท่านโปรดก็จะปลอดไม่วอดวายถึงเวรตายแล้วก็จนพ้นกำลัง ฯ
๏ เออพ่อคุณการุญให้จงได้แม่จะให้ค่าทูลสักสองชั่ง
แม้นพ่อช่วยเห็นไม่ม้วยไปจริงจังคงประทังคลายโทษเพราะโปรดปราน ฯ
๏ ชะน้อยหรือมารดาช่างว่าได้นึกว่าไก่แล้วจะล่อด้วยข้าวสาร
เห็นว่าลูกนี้จนอ้างบนบานเหตุว่าท่านเศรษฐีมีเงินทอง
เพราะได้เงินสองชั่งจึงตั้งบ้านปลูกเรือนฝากระดานขึ้นห้าห้อง
เลี้ยงเมียเลี้ยงข้ามาเป็นกองเพราะเงินทองสินบนของมารดา ฯ
๏ เจ้าประคุณทูนหัวของแม่เอ๋ยอย่าถือเลยแม่นี้เหมือนคนบ้า
ใจไม่อยู่กับตัวชั่วช้าพูดออกมาไม่ทันคิดแม่ผิดครัน
อย่าช้าเชิญพ่อไปขอโทษเหมือนหนึ่งโปรดแม่ให้ไปสวรรค์
จะได้บุญนั้นนับตั้งกัปกัลป์พ่อจอมขวัญรีบจรอย่านอนใจ ฯ
๏ ครานั้นพระไวยชัยชาญความสงสารมารดาน้ำตาไหล
จึงปลอบแม่อย่าละเหี่ยเสียน้ำใจลูกจะไปทูลขอดูตามบุญ
ร้องสั่งศรีมาลาหาล่วมหมากทั้งห่อผ้ากานากร่มญี่ปุ่น
กล้องยาแดงหุ้มปลายนพคุณบ่าวใส่ยาฉุนทั้งอุดเตา
แล้วพระไวยอาบน้ำชำระกายกรายเข้าเคหาผลัดผ้าเก่า
นุ่งม่วงสีไพลไหมตะเภาห่มหนังไก่เปล่าปักเถาแท้
พลางยิ้มหยอกหยิกแก้มศรีมาลาแล้วรีบมาหอนั่งสั่งท่านแม่
ก็รีบออกจากเรือนไม่เชือนแชข้าไทอัดแอตามติดมา
ประเดี๋ยวหนึ่งถึงในพระราชฐานทั้งข้าราชการก็พร้อมหน้า
ครั้นแสงสุริโยทัยได้เวลาก็เข้ามาคอยเฝ้าพระทรงธรรม์ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระจอมจักรพรรดิผ่านสมบัติอยุธยามหาสวรรค์
สถิตเหนือแท่นแก้วแพรวพรรณสะพรั่งพร้อมพระกำนัลนารี
ล้วนแรกรุ่นรูปร่างเหมือนอย่างวาดเอี่ยมสะอาดนวลละอองผ่องศรี
บำเรอบาทมุลิกาเจ้าธานีบรรทมอยู่ในที่แท่นทองทรง
ครั้นอรุณรุ่งรางสว่างฟ้าพระตื่นจากนิทรามาที่สรง
เย็นฉ่ำน้ำกุหลาบอาบพระองค์เสด็จทรงภูษาอันอำไพ
พระหัตถ์ซ้ายกรายจับพระแสงเพชรจึงเสด็จออกท้องพระโรงใหญ่
ประทับเหนือแท่นแก้วอันแววไวพร้อมไปด้วยอำมาตย์ราชกระวี
เจ้าพระยาแลพระยาพระหลวงทุกกระทรวงเฝ้าประณตบทศรี
คอยฟังรับสั่งพระพันปีเงียบสงัดอยู่ในที่พระโรงชัย
พระองค์มีสีหนาทประภาษถามความฎีการาษฎรเรื่องน้อยใหญ่
ต้องตำแหน่งขุนนางข้างกรมใดก็ทูลความตามในตำแหน่งตน ฯ
๏ ครานั้นจมื่นไวยวรนาถเห็นว่างราชการกราบลงสามหน
ขอเดชะฝ่าละอองบาทยุคลพระเดชพระคุณเป็นพ้นคณนา
ควรมิควรกระหม่อมฉานประทานโทษขอพระองค์จงโปรดซึ่งเกศา
ด้วยขุนช้างโทษถึงมรณาต้องพระราชอาญาอยู่คุกใน
บัดนี้มารดาข้าพระพุทธเจ้าโศกเศร้าแทบชีวิตจะตักษัย
เฝ้าวิงวอนเช้าค่ำร่ำไรไปมิได้รับประทานซึ่งข้าวปลา
ถ้าไม่รับกราบทูลฝ่าธุลีเห็นท่วงทีมิตายก็เป็นบ้า
ก็สุดแสนสงสารด้วยมารดากระหม่อมฉันเกิดมาจนบัดนี้
แต่เจ็ดขวบก็พรากจากกันไปยังมิได้แทนคุณเท่าเกศี
ขอประทานโทษขุนช้างไว้สักทีเหมือนหนึ่งช่วยชีวีของมารดา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์พงศ์กษัตริย์ทราบรหัสแห่งคำหมื่นไวยว่า
พระนิ่งนึกตรึกไตรอยู่ไปมาครั้นมิไว้ชีวาอ้ายขุนช้าง
อีวันทองผ่ายผอมตรอมใจตายอ้ายลูกชายก็จะต้องหมองหมาง
ครั้นระคายอายหน้าเพื่อนขุนนางจะสะเทิ้นเหินห่างไปทุกวัน
นึกว่าเอาใจไว้ใช้สอยแต่น้อยน้อยมือศึกมันแข็งขัน
เป็นหน่อเนื้อเชื้อทหารชาญฉกรรจ์อย่าให้มันละห้อยน้อยวิญญาณ์
จึงตรัสว่าฮ้าเฮ้ยอ้ายหมื่นไวยอีแม่มึงนั้นกูให้ชังน้ำหน้า
เอาอ้ายช้างเป็นผัวแสนชั่วช้าช่างไม่คิดถึงหน้าอ้ายหมื่นไวย
โดยอ้ายช้างล้มตายไปเป็นผีจะไปดีเสียกับพ่อมึงก็ได้
มาเฝ้าซ้าซี้พิรี้พิไรให้โปรดไอ้ใจบาปคนหยาบช้า
แต่ลูกเลี้ยงมันยังพาไปฆ่าตีมึงไม่มีใจโกรธดอกหรือหวา
มาขอไว้ให้หนักพสุธาชอบแต่ฆ่าอย่าให้ดูเยี่ยงกัน ฯ
๏ ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทองค์อิศราธิราชรังสรรค์
ซึ่งข้อนายขุนช้างล้างชีวันกระหม่อมฉันก็แสนจะแค้นใจ
ก็มั่นหมายแก้แค้นแทนขุนช้างแต่มารดามาขวางเป็นข้อใหญ่
จะทิ้งให้โศกศัลย์บรรลัยก็เหมือนไม่คิดถึงคุณของมารดา
จึงกลั้นโกรธกราบทูลบทมาลย์ขอรับพระราชทานซึ่งโทษา
ขอพระองค์ทรงพระกรุณาแก่ข้าพระพุทธเจ้าผู้ภักดี ฯ
๏ จึงตรัสว่าดูราอ้ายหมื่นไวยโทษอ้ายช้างนั้นไซร้ถึงเป็นผี
จะยกให้ไม่ประหารผลาญชีวีทั้งนี้เพราะกูเอ็นดูมึง
อีแม่จะได้หายคลายโศกเศร้าเพราะลูกเต้าได้ดีเป็นที่พึ่ง
อันคนโทษทุจริตผิดลึกซึ้งโทษถึงชีวันจะบรรลัย
กูนี้ไม่พอใจให้ใครแก้มึงจะแทนคุณแม่จึงยกให้
ตรัสแล้วสั่งราชรองเมืองไปเร่งถอดอ้ายขุนช้างในฉับพลัน
แล้วจงส่งตัวให้จมื่นไวยอย่าให้ใครคิดเอาค่าลดหลั่น
พระสั่งเสร็จเสด็จจากพระโรงคัลกรายพระกรจรจรัลเข้าวังใน ฯ
๏ พระรองเมืองรับพระราชโองการลนลานออกมาหาช้าไม่
บ่าวตามเป็นพรวนชวนพระไวยตรงไปประทับหับเผยพลัน
ใช้ทนายวุ่นวิ่งเป็นสิงคลีรีบไปเรียกพัศดีขมีขมัน
ให้ทำมะรงไปถอดขุนช้างนั้นเข้าช่วยกันอึดอัดตัดตรวนพลาง
บ้างถอดคาหาไม้มาต่อยขื่ออึงอื้อโปกโป้งเสียงโกร่งกร่าง
ประเดี๋ยวหลุดล่อนกายนายขุนช้างพยุงย่างย่องแย่งแข้งขาพัน
ทำมะรงนำมาหน้าหับเผยเงยหน้าเห็นพระรองเมืองนั่น
กับพระหมื่นไวยนั่งใกล้กันงกงันหมอบกรานคลานเข้าไป
ทั้งรักทั้งกลัวหมอบตัวราบกราบจนหัวคะมำตำต้นขา
พระนายอายใจไม่เจรจาก็อำลาท่าราชรองเมืองพลัน
ขุนช้างงกเงินเดินไม่ได้พระไวยให้ทำเปลขมีขมัน
ให้พวกบ่าวเข้าหามมาตามกันขุนช้างนั่งมาในนั้นหนวดพรุมพราม
เหมือนตุ๊กตากวางตุ้งดูพุงพลุ้ยหัวทุยผมเถิกเป็นถ่อง่าม
แดดส่องต้องแสงดูแดงวามผู้คนดูหลามตลอดมา ฯ
๏ ครู่หนึ่งถึงจวนพระหมื่นไวยวันทองเห็นดีใจเป็นหนักหนา
เข้าพยุงจูงผัวให้ไคลคลาขุนช้างกอดภรรยาเข้าร่ำไร
วันทองเจรจาว่ากับผัวเจ้ารอดตัวเพราะพ่อหรือมิใช่
เออแม่ชีวันไม่บรรลัยเพราะพ่อคุณโปรดให้รอดชีวิต
ตั้งแต่วันนี้ไปในเบื้องหน้าจะมอบตัวเป็นข้าจนดับจิต
ไปศึกเสือเหนือใต้ลูกไม่คิดจะตามติดไปทุกอย่างไม่ห่างกัน
พระไวยสั่งสร้อยฟ้าศรีมาลาจัดสำรับข้าวปลาประจงสรร
บัดเดี๋ยวใจได้มาสารพันแล้วเชิญวันทองรับประทาน
สำรับคาวของเคียงเรียงวางก็เชื้อเชิญขุนช้างกินอาหาร
บริโภคอิ่มหนำสำราญยกสำรับของหวานมาวางพลัน
ทั้งผัวเมียอิ่มหนำสำราญใจเข้าไปหาพระไวยในเรือนนั่น
ว่าพ่อจงเป็นสุขทุกนิรันดร์นับวันคงจะได้เป็นใหญ่โต
จงผ่องแผ้วแคล้วคลาดราชภัยขอให้เป็นบรมสุโข
ลือเลื่องกระเดื่องดินภิญโญจะได้พึ่งร่มโพธิ์พ่อสืบไป ฯ
๏ พระไวยน้อมคำนับรับพรพลางขุนช้างเอาเงินทองออกกองให้
ยี่สิบชั่งหวังจะแทนคุณพระไวยพ่อเอาซื้อข้าวใหม่ไว้เลี้ยงกัน
พระไวยสั่งว่าอย่าเอาไว้เดี๋ยวนี้มีใช้อยู่ดอกทั่น
เอาเงินให้อย่างนี้ไม่ดีครันเหมือนหนึ่งฉันเอาสินบนกับมารดา ฯ
๏ วันทองรู้กิริยาอัชฌาสัยกอบเงินใส่กระทายส่งให้ข้า
ครั้นตะวันจวนค่ำก็อำลาลงนั่งในนาวาข้าเต็มลำ
ทั้งหญิงชายพายตะเบ็งเร่งตะบึงกระทั่งถึงสุพรรณไม่ทันค่ำ
ยายเทพทองมองเห็นแกเต้นรำลูกรอดจำมาได้ดีใจแท้
รีบร้อนต้อนรับขึ้นบนเรือนบรรดาเพื่อนเคหามาเยี่ยมแซ่
บนหอนั่งเยียดยัดออกอัดแอพูดกันแต่เย็นเยี่ยมเข้ายามปลาย
ขุนช้างสั่งศรพระยาหาน้ำมนตร์มารดตนเสียให้จัญไรหาย
นิมนต์สงฆ์สวดสะเดาะที่เคราะห์ร้ายซัดน้ำชำระกายถ้วนสามวัน ฯ
             

ตอนที่ ๓๕ ขุนช้างถวายฎีกา

๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงามเมื่อเป็นความชนะขุนช้างนั่น
กลับมาอยู่บ้านสำราญครันเกษมสันต์สองสมภิรมย์ยวน
พร้อมญาติขาดอยู่แต่มารกานึกนึกตรึกตราละห้อยหวน
โอ้ว่าแม่วันทองช่างหมองนวลไม่สมควรเคียงคู่กับขุนช้าง
เออนี่เนื้อเคราะห์กรรมนำมาผิดน่าอายมิตรหมองใจไม่หายหมาง
ฝ่ายพ่อมีบุญเป็นขุนนางแต่แม่ไปแนบข้างคนจังไร
รูปร่างวิปริตผิดกว่าคนทรพลอัปรีย์ไม่ดีได้
ทั้งใจคอชั่วโฉดโหดไร้ช่างไปหลงรักใคร่ได้เป็นดี
วันนั้นแพ้กูเมื่อดำน้ำก็กริ้วซ้ำจะฆ่าให้เป็นผี
แสนแค้นด้วยมารดายังปรานีให้ไปขอชีวีขุนช้างไว้
แค้นแม่จำจะแก้ให้หายแค้นไม่ทดแทนอ้ายขุนช้างบ้างไม่ได้
หมายจิตคิดจะให้มันบรรลัยไม่สมใจจำเพาะเคราะห์มันดี
อย่าเลยจะรับแม่กลับมาให้อยู่ด้วยบิดาเกษมศรี
พรากให้พ้นคนอุบาทว์ชาติอัปรีย์ยิ่งคิดยิ่งมีความโกรธา
อัดอึดฮึดฮัดด้วยขัดใจเมื่อไรตะวันจะลับหล้า
เข้าห้องหวนละห้อยคอยเวลาจวนสุริยาเลี้ยวลับเมรุไกร
เงียบสัตว์จัตุบททวิบาทดาวดาษเดือนสว่างกระจ่างไข
น้ำค้างตกกระเซ็นเย็นเยือกใจสงัดเสียงคนใครไม่พูดจา
ได้ยินเสียงฆ้องย่ำประจำวังลอยลมล่องดังถึงเคหา
คะเนนับยามได้สามคราดูเวลาปลอดห่วงทักทิน
ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสว่างจันทร์กระจ่างทรงกลดหมดเมฆสิ้น
จึงเซ่นเหล้าข้าวปลาให้พรายกินเสกขมิ้นว่านยาเข้าทาตัว
ลงยันต์ราชะเอาปะอกหยิบยกมงคลขึ้นหัว
เป่ามนตร์เบื้องบนชอุ่มมัวพรายยั่วยวนใจให้ไคลคลา
จับดาบเคยปราบณรงค์รบเสร็จครบบริกรรมพระคาถา
ลงจากเรือนไปมิได้ช้ารีบมาถึงบ้านขุนช้างพลัน ฯ
๏ เห็นคนนอนล้อมอ้อมเป็นวงประตูลั่นมั่นคงขอบรั้วกั้น
กองไฟสว่างดังกลางวันหมายสำคัญตรงมาหน้าประตู
จึงร่ายนมตรามหาสะกดเสื่อมหมดอาถรรพ์ที่ฝังอยู่
ภูตพรายนายขุนช้างวางวิ่งพรูคนผู้ในบ้านก็ซานเซอะ
ทั้งชายหญิงง่วงงมล้มหลับนอนทับคว่ำหงายก่ายกันเปอะ
จี่ปลาคาไฟมันไหลเลอะโงกเงอะงุยงมไม่สมประดี
ใช้พรายถอดกลอนถอนลิ่มรอยทิ่มถอดหลุดไปจากที่
ย่างเท้าก้าวไปในทันทีมิได้มีใครทักแต่สักคน
มีแต่หลับเพ้อละเมอฝันทั้งไฟกองป้องกันทุกแห่งหน
ผู้คนเงียบสำเนียงเสียงแต่กรนมาจนถึงเรือนเจ้าขุนช้าง
จุดเทียนสะกดข้าวสารปรายภูตพรายกระโดดเรือนสะเทือนผาง
สะเดาะดาลบานเปิดหน้าต่างกางย่างเท้าก้าวขึ้นร้านดอกไม้
หอมหวนอวลอบบุปผชาติเบิกบานก้านกลาดกิ่งไสว
เรณูฟูร่อนขจรใจย่างเท้าก้าวไปไม่โครมคราม
ข้าไทนอนหลับลงทับกันสะเดาะกลอนถอนลั่นถึงชั้นสาม
กระจกฉากหลากสลับวับแวมวามอร่ามแสงโคมแก้วแววจับตา
ม่านมู่ลี่มีแกประจำกั้นอัฒจันทร์เครื่องแก้วก็หนักหนา
ชมพลางย่างเยื้องชำเลืองมาเปิดมุ้งเห็นหน้าแม่วันทอง
นิ่งนอนอยู่บนเตียงเคียงขุนช้างมันแนบข้างกอดกลมประสมสอง
เจ็บใจดังหัวใจจะพังพองขยับจ้องดาบง่าอยากฆ่าฟัน
จะใคร่ถีบขุนช้างที่กลางตัวนึกกลัวจะถูกแม่วันทองนั่น
พลางนั่งลงนบนอบอภิวันท์สะอื้นอั้นอกแค้นน้ำตาคลอ
โอ้แม่เจ้าประคุณของลูกเอ๋ยไม่ควรเลยจะพรากจากคุณพ่อ
เวรกรรมนำไปไม่รั้งรอมิพอที่จะต้องพรากก็จากมา
มันไปฉุดมารดาเอามาไว้อ้ายหัวใสข่มเหงไม่แกรงหน้า
ที่ทำแค้นกูแทนให้ทันตาขอสมาแม่แล้วก็ขับพราย
เป่าลงด้วยพระเวทวิทยามารดาก็ฟื้นตื่นโดยง่าย
ดาบใส่ฝักไว้ไม่เคลื่อนคลายวันทองรู้สึกกายก็ลืมตา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทองต้องมนตร์มัวหมองเป็นหนักหนา
ตื่นพลางชำเลืองนัยน์ตามาเห็นลูกยานั้นยืนอยู่ริมเตียง
สำคัญคิดว่าผู้ร้ายให้นึกกลัวกอดผัวร้องดันจนสิ้นเสียง
ซวนซบหลบลงมาหมอบเมียงพระหมื่นไวยเข้าเคียงห้ามมารดา
อะไรแม่แซ่ร้องทั้งห้องนอนลูกร้อนรำคาญใจจึงมาหา
จะร้องไยใช่โจรผู้ร้ายมาสนทนาด้วยลูกอย่าตกใจ ฯ
๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภาครั้นรู้ว่าลูกยาหากลัวไม่
ลุกออกมาพลันด้วยทันใดพระหมื่นไวยเข้ากอดเอาบาทา
วันทองประคองสอดกอดลูกรักซบพักตร์ร้องไห้ไม่เงยหน้า
เจ้ามาไยป่านนี้นี่ลูกอาเขารักษาอยู่ทุกแห่งตำแหน่งใน
ใส่ดาลบ้านช่องกองไฟรอบพ่อช่างลอบเข้ามากระไรได้
อาจองทะนงตัวไม่กลัวภัยนี่พ่อใช้หรือว่าเจ้ามาเอง
ขุนช้างตื่นขึ้นมิเป็นการเขาจะรุกรานพาลข่มเหง
จะเกิดผิดแม่คิดคะนึงเกรงฉวยสบเพลงพลาดพล้ำมิเป็นการ
มีธุระสิ่งใดในใจเจ้าพ่อจงเล่าแก่แม่แล้วกลับบ้าน
มิควรทำเจ้าอย่าทำให้รำคาญอย่าหาญเหมือนพ่อนักคะนองใจ ฯ
๏ จมื่นไวยสารภาพกราบบาทาลูกมาผิดจริงหาเถียงไม่
รักตัวกลัวผิดแต่คิดไปก็หักใจเพราะรักแม่วันทอง
ทุกวันนี้ลูกชายสบายยศพร้อมหมดเมียมิ่งก็มีสอง
มีบ่าวไพร่ใช้สอยทั้งเงินทองพี่น้องข้างพ่อก็บริบูรณ์
ยังขาดแต่แม่คุณไม่แลเห็นเป็นอยู่ก็เหมือนตายไปหายสูญ
ข้อนี้ที่ทุกข์ยังเพิ่มพูนถ้าพร้อมมูลแม่ด้วยจะสำราญ
ลูกมาหมายว่าจะมารับเชิญแม่วันทองกลับไปคืนบ้าน
แม้จะบังเกิดเหตุเภทพาลประการใดก็ตามแต่เวรา
มาอยู่ไยกับอ้ายหินชาติแสนอุบาทว์ใจจิตริษยา
ดังทองคำทำเลี่ยมปากกะลาหน้าตาดำเหมือนมินหม้อมอม
เหมือนแมลงวันว่อนเคล้าที่เน่าชั่วมาเกลือกกลั้วปทุมมาลย์ที่หวานหอม
ดอกมะเดื่อหรือจะเจือดอกพะยอมว่านักแม่จะตรอมระกำใจ
แม่เลี้ยงลูกมาถึงเจ็ดขวบเคราะห์ประจวบจากแม่หาเห็นไม่
จะคิดถึงลูกบ้างหรืออย่างไรหรือหาไม่ใจแม่ไม่คิดเลย
ถ้าคิดเห็นเอ็นดูว่าลูกเต้าแม่ทูนเกล้าไปเรือนอย่าเชือนเฉย
ให้ลูกคลายอารมณ์ได้ชมเชยเหมือนเมื่อครั้งแม่เคยเลี้ยงลูกมา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทองเศร้าหมองด้วยลูกเป็นหนักหนา
พ่อพลายงามทรามสวาทของแม่อาแม่โศกาเกือบเจียนจะบรรลัย
ใช่จะอิ่มเอิบอาบด้วยเงินทองมิใช่ของตัวทำมาแต่ไหน
ทั้งผู้คนช้างม้าแลข้าไทไม่รักใคร่เหมือนกับพ่อพลายงาม
ทุกวันนี้ใช่แม่จะผาสุกมีแต่ทุกข์ใจเจ็บดังเหน็บหนาม
ต้องจำจนทนกรรมที่ติดตามจะขืนความคิดไปก็ใช่ที
เมื่อพ่อเจ้าเข้าคุกแม่ท้องแก่เขาฉุดแม่ใช่จะแกล้งแหนงหนี
ถึงพ่อเจ้าเล่าไม่รู้ว่าร้ายดีเป็นหลายปีแม่มาอยู่กับขุนช้าง
เมื่อพ่อเจ้ากลับมาแต่เชียงใหม่ไม่เพ็ดทูลสิ่งไรแต่สักอย่าง
เมื่อคราวตัวแม่เป็นคนกลางท่านก็วางบทคืนให้บิดา
เจ้าเป็นถึงหัวหมื่นมหาดเล็กมิใช่เด็กดอกจงฟังคำแม่ว่า
จงเร่งกลับไปคิดกับบิดาฟ้องหากราบทูลพระทรงธรรม์
พระองค์คงจะโปรดประทานให้จะปรากฏยศไกรเฉิดฉัน
อันจะมาลักพาไม่ว่ากันเช่นนั้นใจแม่มิเต็มใจ ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงามฟังความเห็นว่าแม่หาไปไม่
คิดบ่ายเบี่ยงเลี่ยงเลี้ยวเบี้ยวบิดไปเพราะรักไอ้ขุนช้างกว่าบิดา
จึงว่าอนิจจาลูกมารับแม่ยังกลับทัดทานเป็นหนักหนา
เหมือนไม่มีรักใคร่ในลูกยาอุตส่าห์มารับแล้วยังมิไป
เสียแรงเป็นลูกผู้ชายไม่อายเพื่อนจะพาแม่ไปเรือนให้จงได้
แม้นมิไปให้งามก็ตามใจจะบาปกรรมอย่างไรก็ตามที
จะตัดเอาศีรษะของแม่ไปทิ้งแต่ตัวไว้ให้อยู่นี่
แม่อย่าเจรจาให้ช้าทีจวนแจ้งแสงสีจะรีบไป ฯ
๏ ..................................................
ครานั้นวันทองผ่องโสภาตกใจกลัวว่าจะฆ่าฟัน
จึงปลอบว่าพลายงามพ่อทรามรักอย่าฮึกฮักว้าวุ่นทำหุนหัน
จงครวญใคร่ให้เห็นข้อสำคัญแม่นี้พรั่นกลัวแต่จะเกิดความ
ด้วยเป็นข้าลักไปไทลักมาเห็นเบื้องหน้าจะอึงแม่จึงห้าม
ถ้าเห็นเจ้าเป็นสุขไม่ลุกลามก็ตามเถิดมารดาจะคลาไคล
ว่าพลางนางลุกออกจากห้องเศร้าหมองโศกาน้ำตาไหล
พระหมื่นไวยก็พามารดาไปพอรุ่งแจ้งแสงใสก็ถึงเรือน ฯ
๏ จะกล่าวถึงเจ้าจอมหม่อมขุนช้างนอนครางหลับกรนอยู่ป่นเปื้อน
อัศจรรย์ฝันแปรแชเชือนว่าขี้เรื้อนขึ้นตัวทั่วทั้งนั้น
หาหมอมารักษายาเข้าปรอทมันกินปอดตับไตออกไหลหลั่น
ทั้งไส้น้อยไส้ใหญ่แลไส้ตันฟันฟางก็หักจากปากตัว
ตกใจตื่นผวาคว้าวันทองร้องว่าแม่คุณแม่ช่วยผัว
ลุกขึ้นงกงันตัวสั่นรัวให้นึกกลัวปรอทจะตอดตาย
ลืมตาเหลียวหาเจ้าวันทองไม่เห็นน้องห้องสว่างตะวันสาย
ผ้าผ่อนล่อนแก่นไม่ติดกายเห็นม่านขาดเรี่ยรายประหลาดใจ
ตะโกนเรียกในห้องวันทองเอ๋ยหาขานรับเช่นเคยสักคำไม่
ทั้งข้าวของมากมายก็หายไปปากประตูเปิดไว้ไม่ใส่กลอน
พลางเรียกหาข้าไทอยู่ว้าวุ่นอีอุ่นอีอิ่มอีฉิมอีสอน
อีมีอีมาอีสาครนิ่งนอนไยหวามาหากู
บ่าวผู้หญิงวิ่งไปอยู่งกงันเห็นนายนั้นแก้ผ้ากางขาอยู่
ต่างคนทรุดนั่งบังประตูตกตะลึงแลดูไม่เข้ามา
ขุนช้างเห็นข้าไม่มาใกล้ขัดใจลุกขึ้นทั้งแก้ผ้า
แหงนเถ่อเป้อปังยืนจังกาย่างเท้าก้าวมาไม่รู้ตัว
ยายจันงันงกยกมือไหว้นั่นพ่อจะไปไหนพ่อทูนหัว
ไม่นุ่งผ่อนนุ่งผ้าดูน่ากลัวขุนช้างมองดูตัวก็ตกใจ
สองมือปิดขาเหมือนท่าเปรตใครมาเทศน์เอาผ้ากูไปไหน
ให้นึกอดสูหมู่ข้าไทยายจันไปเอาผ้าให้ข้าที
ยายจันตกใจเต็มประดาเข้าไปฉวยผ้าเอามาคลี่
หยิบยื่นส่งให้ไปทันทีเมินหนีอดสูไม่ดูนาย
ขุนช้างตัวสั่นบอกบ่าวไพร่วันทองไปไหนอย่างไรหาย
เอ็งไปดูให้รู้ซึ่งแยบคายพบแล้วอย่าวุ่นวายให้เชิญมา ฯ
๏ ข้าไทได้ฟังขุนช้างใช้ต่างเที่ยวค้นด้นไปจะเอาหน้า
ทั้งห้องนอกห้องในไม่พบพาทั่วเคหาแล้วไปค้นจนแผ่นดิน
เห็นประตูรั้วบ้านบานเปิดกว้างผู้คนนอนสล้างไม่ตื่นสิ้น
เสาแรกแตกต้นเป็นมลทินกินใจกลับมาหาขุนช้าง
บอกว่าได้ค้นคว้าหาพบไม่แล้วเล่าแจ้งเหตุไปสิ้นทุกอย่าง
ข้าเห็นวิปริตผิดท่าทางที่นวลนางวันทองนั้นหายไป ฯ
๏ ครานั้นขุนช้างฟังบ่าวบอกเหงื่อออกโซมล้านกบาลใส
คิดคิดให้แค้นแสนเจ็บใจช่างทำได้ต่างต่างทุกอย่างจริง
สองหนสามหนก่นแต่หนีพลั้งทีลงไม่รอดนางยอดหญิง
คราวนั้นอ้ายขุนแผนมันแง้นชิงนี่คราวนี้หนีวิ่งไปตามใคร
ไม่คิดว่าจะเป็นเห็นว่าแก่ยังสาระแนหลบลี้หนีไปไหน
เอาเถิดเป็นไรก็เป็นไปไม่เอากลับมาได้มิใช่กู ฯ
๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงามเกรงเนื้อความนั่งนึกตรึกตรองอยู่
อ้ายขุนช้างสารพัดเป็นศัตรูถ้ามันรู้ว่าลักเอาแม่มา
มันจะสอดแนมแกมเท็จไปกราบทูลสมเด็จพระพันวษา
ดูจะระแวงผิดในกิจจามารดาก็จะต้องซึ่งโทษภัย
คิดแล้วเรียกหมื่นวิเศษผลเอ็งเป็นคนเคยชอบอัชฌาสัย
จงไปบ้านขุนช้างด้วยทันใดไกล่เกลี่ยเสียอย่าให้มันโกรธา
บอกว่าเราจับไข้มาหลายวันเกรงแม่จะไม่ทันมาเห็นหน้า
เมื่อคืนนี้ซ้ำมีอันเป็นมาเราใช้คนไปหาแม่วันทอง
พอขณะมารดามาส่งทุกข์ร้องปลุกเข้าไปถึงในห้อง
จึงรีบมาเร็วไวดังใจปองรักษาจนแสงทองสว่างฟ้า
ไม่ตายคลายฟื้นขึ้นมาได้กูขอแม่ไว้พอเห็นหน้า
แต่พอให้เคลื่อนคลายหลายเวลาจึงจะส่งมารดานั้นคืนไป ฯ
๏ หมื่นวิเศษรับคำแล้วอำลารีบมาบ้านขุนช้างงหาช้าไม่
ครั้นถึงแอบดูอยู่แต่ไกลเห็นผู้คนขวักไขว่ทั้งเรือนชาน
ขุนช้างนั่งเยี่ยมหน้าต่างเรือนดูหน้าเฝื่อนทีโกรธอยู่งุ่นง่าน
จะดื้อเดินเข้าไปไม่เป็นการคิดแล้วลงคลานเข้าประตู ฯ
๏ ครานั้นเจ้าจอมหม่อมขุนช้างนั่งคาหน้าต่างเยี่ยมหน้าอยู่
เห็นคนคลานเข้ามาเหลือบตาดูนี่มาล้อหลอกกูหรือย่างไร
อะไรพอสว่างวางเข้ามาเด็กหวาจับถองให้จงได้
ลุกขึ้นถกเขมรร้องเกณฑ์ไปทุดอ้ายไพร่ขี้ครอกหลอกผู้ดี ฯ
๏ ครานั้นวิเศษผลคนว่องไวยกมือขึ้นไหว้ไม่วิ่งหนี
ร้องตอบไปพลันในทันทีคนดีดอกข้าไหว้ใช่คนพาล
ข้าพเจ้าเป็นบ่าวพระหมื่นไวยเป็นขุนหมื่นรับใช้อยู่ในบ้าน
ท่านใช้ให้กระผมมากราบกรานขอประทานคืนนี้พระหมื่นไวย
เจ็บจุกปัจจุบันมีอันเป็นแก้ไขก็เห็นหาหายไม่
ร้องโอดโดดดิ้นเพียงสิ้นใจจึงใช้ให้ตัวข้ามาแจ้งการ
พอพบท่านมารดามาส่งทุกข์ข้าพเจ้าร้องปลุกไปในบ้าน
จะกลับขึ้นเคหาเห็นช้านานท่านจึงรีบไปในกลางงคืน
พยาบาลคุณพระนายพอคลายไข้คุณอย่าสงสัยว่าปอื่น
ให้คำมั่นสั่งมาว่ายั่งยืนพอหายเจ็บแล้วจะคืนไม่นอนใจ ฯ
๏ ครานั้นขุนช้างได้ฟังว่าแค้นดังเลือดตาจะหลั่งไหล
ดับโมโหโกรธทำว่าไปเราก็ไม่ว่าไรสุดแต่ดี
การไข้เจ็บล้มตายไม่วายเว้นปัจจุบันอันเป็นทั้งกรุงศรี
ถ้าขัดสนสิ่งไรที่ไม่มีก็มาเอาที่นี่อย่าเกรงใจ
ว่าแล้วปิดบานหน้าต่างผางขุนช้างเดือดดาลทะยานไส้
ทอดตัวลงกับหมอนถอนฤทัยดูดู๋เป็นได้เจียววันทอง
เพราะกูแพ้ความจมื่นไวยมันจึงเหิมใจทำจองหอง
พ่อลูกแม่ลูกถูกทำนองถึงสองครั้งแล้วเป็นแต่เช่นนี้
อ้ายพ่อไปเชียงใหม่มีชัยมาตั้งตัวดังพระยาราชสีห์
อ้ายลูกเป็นหมื่นไวยทำไมมีเห็นกูนี้ผิดติดโทษทัณฑ์
มันจึงข่มเหงไม่เกรงใจจะพึ่งพาใครได้ที่ไหนนั่น
ขุนนางน้อยใหญ่เกรงใจกันถึงฟ้องมันก็จะปิดให้มิดไป
ตามบุญตามกรรมได้ทำมาจะเฆี่ยนฆ่าหาชีวิตคิดไม่
ยิ่งคิดเดือดดาลทะยานใจฉวยได้กระดานชนวนมา
ร่างฟ้องท่องเทียบให้เรียบร้อยถ้อยคำถี่ถ้วนเป็นหนักหนา
ลงกระดาษทับไว้มิได้ช้าอาบน้ำผลัดผ้าแล้วคลาไคล
วันนั้นพอพระปิ่นนรินทร์ราชเสด็จประพาสบัวยังหากลับไม่
ขุนช้างมาถึงซึ่งวังในก็คอยจ้องที่ใต้ตำหนักน้ำ ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดชเสด็จคืนนิเวศน์พอจวบค่ำ
ฝีพายรายเล่มมาเต็มลำเรือประจำแหนแห่เซ็งแซ่มา
พอเรือพระที่นั่งประทับที่ขุนช้างก็รี่ลงตีนท่า
ลอยคอชูหนังสือดื้อเข้ามาผุดโผล่ดงหน้ายึดแคมเรือ
เข้าตรงโทนอ้นต้นกัญญาเพื่อนโขกลงด้วยกะลาว่าผีเสื้อ
มหาดเล็กอยู่งานพัดพลัดตกเรือร้องว่าเสือตัวใหญ่ว่ายน้ำมา
ขุนช้างดึงดื้อมือยึดเรือมิใช่เสือระหม่อมฉานล้านเกศา
สู้ตายขอถวายซึ่งฎีกาแค้นเหลือปัญญาจะทานทน ฯ
             

๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาทรงพระโกรธาโกลาหล
ทุดอ้ายจัญไรมิใช่คนบนบกบนฝั่งดังไม่มี
ใช่ที่ใช่ทางวางเข้ามาหรืออ้ายช้างเป็นบ้ากระมังนี่
เฮ้ยใครรับฟ้องของมันทีตีเสียสามสิบจึงปล่อยไป
มหาดเล็กก็รับเอาฟ้องมาตำรวจคว้าขุนช้างหาวางไม่
ลงพระราชอาญาตามว่าไว้พระจึงให้ตั้งกฎษฎีกา
ว่าตั้งแต่วันนี้สืบต่อไปหน้าที่ของผู้ใดให้รักษา
ถ้าประมาทราชการไม่นำพาปล่อยให้ใครเข้ามาในล้อมวง
ระวางโทษเบ็ดเสด็จเจ็ดสถานถึงประหารชีวิตเป็นผุยผง
ตามกฤษฎีการักษาพระองค์แล้วลงจากพระที่นั่งเข้าวังใน ฯ
๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิทเรืองฤทธิ์ลือจบพิภพไหว
อยู่บ้านสุขเกษมเปรมใจสมสนิทพิสมัยด้วยสองนาง
ลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยาปรนนิบัติวัตถาไม่ห่างข่าง
เพลิดเพลินจำเริญใจไม่เว้นวางคืนนั้นในกลางซึ่งราตรี
นางแก้วลาวทองทั้งสองหลับขุนแผนกลับผวาตื่นฟื้นจากที่
พระจันทรจรแจ่มกระจ่างดีพระพายพัดมาลีตลบไป
คิดคะนึงถึงมิตรแต่ก่อนเก่านิจจาเจ้าเหินห่างร้างพิสมัย
ถึงสองครั้งตั้งแต่พรากจากพี่ไปดังเด็ดใจจากร่างก็ราวกัน
กูก็ชั่วมัวรักแต่สองนางละวางให้วันทองน้องโศกศัลย์
เมื่อตีได้เชียงใหม่ก็โปรดครันจะเพ็ดทูลคราวนั้นก็คล่องใจ
สารพัดที่จะว่าได้ทุกอย่างอ้ายขุนช้างไหนจะโต้จะตอบได้
ไม่ควรเลยเฉยมาไม่อาลัยบัดนี้เล่าเจ้าไวยไปรับมา
จำกูจะไปสู่สวาทน้องเจ้าวันทองจะคอยละห้อยหา
คิดพลางจัดแจงแต่งกายาน้ำอบทาหอมฟุ้งจรุงใจ
ออกจากห้องย่องเดินดำเนินมาถึงเรือนลูกยาหาช้าไม่
เข้าห้องวันทองในทันใดเห็นนางหลับใหลนิ่งนิทรา
ลดตัวลงนั่งข้างวันทองเตือนต้องด้วยความเสน่หา
สั่นปลุกลุกขึ้นเถิดน้องอาพี่มาหาแล้วอย่านอนเลย ฯ
๏ นางวันทองตื่นอยู่รู้สึกตัวหมายใจว่าผัวก็ทำเฉย
นิ่งดูอารมณ์ที่ชมเชยจะรักจริงหรือจะเปรยเป็นจำใจ
แต่นิ่งดูกิริยาเป็นช้านานหาว่าขานโต้ตอบอย่างไรไม่
ทั้งรักทั้งแค้นแน่นฤทัยความอาลัยปั่นป่วนยวนวิญญาณ์ ฯ
๏ โอ้เจ้าแก้วแววตาของพี่เอ๋ยเจ้าหลับใหลกระไรเลยเป็นหนักหนา
ดังนิ่มน้องหมองใจไม่นำพาหรือขัดเคืองคิดว่าพี่ทอดทิ้ง
ความรักหนักหน่วงทรวงสวาทพี่ไม่คลาดคลายรักแต่สักสิ่ง
เผอิญเป็นวิปริตที่ผิดจริงจะนอนนิ่งถือโทษโกรธอยู่ไย
ว่าพลางเอนแอบลงแนบข้างจูบพลางชวนชิดพิสมัย
ลูบไล้พิไรปลอบให้ชอบใจเป็นไรจึงไม่ฟื้นตื่นนิทรา ฯ
๏ เจ้าวันทองน้องตื่นจากที่นอนโอนอ่อนวอนไหว้พิไรว่า
หม่อมน้อยใจหรือที่ไม่เจรจาใช่ตัวข้านี้จะงอนค่อนพิไร
ชอบผิดพ่อจงคิดคะนึงตองอันตัวน้องมลทินหาสิ้นไม่
ประหนึ่งว่าวันทองนี้สองใจพบไหนก็เป็นแต่เช่นนั้น
ที่จริงใจเห็นไปอยู่เรือนอื่นคงคิดคืนที่หม่อมเป็นแม่นมั่น
ด้วยรักลูกกรักผัวยังพัวพันคราวนั้นก็ไปอยู่เพราะจำใจ
แค้นคิดด้วยมิตรไม่รักเลยยามมีที่เชยเฉยเสียได้
เสียแรงร่วมทุกข์ยากกันกลางไพรกินผลไม้ต่างข้าวทุกเพรางาย
พอได้ดีมีสุขลืมทุกข์ยากก็เพราะหากหม่อมมีซึ่งที่หมาย
ว่านักก็เครื่องเคืองระคายเอ็นดูน้องอย่าให้อายเขาอีกเลย ฯ
๏ พี่ผิดจริงแล้วเจ้าวันทองเหมือนลืมน้องหลงเลือนทำเชือนเฉย
ใช่จะเพลิดเพลินชื่นเพราะอื่นเชยเงยหน้าเถิดจะเล่าอย่าเฝ้าแค้น
เมื่อติดคุกทุกข์ถึงเจ้าทุกเช้าค่ำต้องกลืนกกล้ำโศกเศร้านั้นเหลือแสน
ซ้ำขุนช้างคิดคดทำทดแทนมันดูแคลนว่าพี่นี้ยากยับ
อาลัยเจ้าเท่ากับดวงชีวีพี่คิดจะหนีไปตามเอาเจ้ากลับ
เกรงจะพากันผิดเข้าติดทับแต่ขยับอยู่จนได้ไปเชียงอินทร์
กลับมาหมายว่าจะไปตามพอเจ้าไวยเป็นความก็ค้างสิ้น
หัวอกใครได้แค้นในแผ่นดินไม่เดือดดิ้นเท่าพี่กับวันทอง
คิดอยู่ว่าจะทูลพระพันวษาเห็นช้ากว่าจะได้มาร่วมห้อง
จะเป็นความอีกก็ตามแต่ทำนองจึงให้ลูกรับน้องมาร่วมเรือน
จะเป็นตายง่ายยากไม่ยากรักจะฟูมฟักเหมือนเมื่ออยู่ในกกลางเถื่อน
ขอโทษที่พี่ผิดอย่าบิดเบือนเจ้าเพื่อนเสนหาจงอาลัย
พี่ผิดพี่ก็มาลุแก่โทษจะคุมโกรธคุมแค้นไปถึงไหน
ความรักพี่ยังรักระงมใจอย่าตัดไมตรีตรึงให้ตรอมตาย
ว่าพลางทางแอบเข้าแนบอกประคองยกของสำคัญมั่นหมาย
เจ้าเนื้อทิพย์หยิบชื่นอารมณ์ชายขอสบายสักหน่อยอย่าโกรธา ฯ
๏ ใจน้องมิได้หมองอารมณ์หม่อมไม่ตัดใจให้ตรอมเสนหา
ถ้าตัดรักหักใจแล้วไม่มาหม่อมอย่าว่าเลยฉันไม่คืนคิด
ถึงตัวไปใจยังนับอยู่ว่าผัวน้องนี้กลัวบาปทับเมื่อดับจิต
หญิงเดียวชายครองเป็นสองมิตรถ้ามิปลิดเสียให้เปลื้องไม่ตามใจ
คราวนั้นเมื่อตามไปกลางป่าหน้าดำเหมือนหนึ่งทามินหม้อไหม้
ชนะความงามหน้าดังเทียนชัยเขาฉุดไปเหมือนลงทะเลลึก
เจ้าพลายงามตามรับเอากลับมาทีนี้หน้าจะดำเป็นน้ำหมึก
กำเริบใจด้วยเจ้าไวยกำลังฮึกจะพาแม่ตกลึกให้จำตาย
มิใช่หนุ่มดอกอย่ากลุ้มกำเริบรักเอาความผิดคิดหักให้เหือดหาย
ถ้ารักน้องป้องปิดให้มิดอายฉันกลับกลายแล้วหม่อมจงฟาดฟัน
ไปเพ็ดทูลเสียให้ทูลกระหม่อมแจ้งน้องจะแต่งบายศรีไว้เชิญขวัญ
ไม่พักวอนดอกจะนอนอยู่ด้วยกันไม่เช่นนั้นฉันไม่เลยจะเคยตัว ฯ
๏ นิจจาใจเจ้าจะให้พี่เจ็บจิตดังเอากริชแกะกรีดในอกผัว
เกรงผิดคิดบาปจึงหลาบกลัวพี่นี้ชั่วเพราะหมิ่นประมาทความ
อื่นไกลไหนพี่จะละเล่านี่เจ้าว่าดอกจะยั้งไว้ฟังห้าม
เสียแรงมาว่าวอนจงผ่อนตามอย่าหวงห้ามเสนหาให้ช้าวัน
ว่าพลางคลึงเคล้าเข้าแนบข้างจูบพลางทางปลอบประโลมขวัญ
ก่ายกอดสอดเกี่ยวพัลวันวันทองนั้นกั้นกีดไว้ไม่ตามใจ
พลิกผลักชักชวนให้ชื่นชิดเบือนบิดแบ่งรักหาร่วมไม่
สยดสยองพองเสียวแสยงใจพระพายพัดมาลัยตลบลอย
แมลงภู่เฝ้าเคล้าไม่ในไพรชัฎไม่เบิกบานก้านกลัดเกสรสร้อย
บันดาลคงคาทิพย์กะปริบกะปรอยพรมพร้อยท้องฟ้านภาลัย
อสนีครื้นครั่นสนั่นก้องน้ำฟ้าหาต้องดอกไม้ไม่
กระเซ็นรอบขอบสระสมุทรไทหวิวใจแล้วก็หลับกับเตียงนอน ฯ
๏ ครั้นเวลาดึกกำดัดสงัดเงียบใบไม้แห้งแกร่งเกรียบระบุบร่อน
พระพายพัดเสาวรสขจายขจรพระจันทรแจ่มแจ้งกระจ่างดวง
ดุเหว่าเร้าเสียงสำเนียงก้องระฆังฆ้องขานแข่งในวังหลวง
วันทองน้องนอนนอนสนิทรวงจิตง่วงระงับสู่ภวังค์
ฝันว่าพลัดไปในไพรเถื่อนเลื่อนเปื้อนไม่รู้ที่จะกลับหลัง
ลดเลี้ยงเที่ยงหลงในดงรังยังมีพยัคฆ์ร้ายมาราวี
ทั้งสองมองหมอบอยู่ริมทางพอนางดั้นป่ามาถึงที่
โดดตะครุบคาดคั้นในทันทีแล้วฉุดคร่าพารี่ไปในไพร
สิ้นฝันครั้นตื่นตกประหม่าหวีดผวากอดผัวสะอื้นไห้
เล่าความบอกผัวด้วยกลัวภัยประหลาดใจน้องฝันพรั่นอุรา
ใต้เตียงเสียงหนูก็กุกกกแมลงมุมทุ่มอกที่ริมฝา
ยิ่งหวาดหวั่นพรั่นตัวกลัวมรณาดังวิญญาณ์นางจะพรากไปจากกาย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทฟังความตามนิมิตก็ใจหาย
ครั้งนี้น่าจะมีอันตรายฝันร้ายสาหัสตัดตำรา
พิเคราะห์ดูทั้งยามอัฐกาลก็บันดาลฤกษ์แรงเป็นหนักหนา
มิรู้ที่จะแถลงแจ้งกิจจากอดเมียเมินหน้าน้ำตากระเด็น
จึงแกล้งเพทุบายทำนายไปฝันอย่างนี้มิใช่จะเกิดเข็ญ
เพราะวิตกหมกไหม้จึงได้เป็นเนื้อเย็นอยู่กับผัวอย่ากลัวทุกข์
พรุ่งนี้พี่จะแก้เสนียดฝันแล้วทำมิ่งสิ่งขวัญให้เป็นสุข
มิให้เกิดราคีกลียุคอย่าเป็นทุกข์เลยเจ้าจงเบาใจ ฯ
๏ ครั้นว่ารุ่งสางสว่างฟ้าสุริยาแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล
จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงชัยเนาในพระที่นั่งบัลลังก์รัตน์
พร้อมด้วยพระกำนัลนักสนมหมอบประนมเฝ้าแหนแน่นขนัด
ประจำตั้งเครื่องอานอยู่งานพัดทรงเคืองขัดขุนช้างแต่กลางคืน
แสนถ่อยใครจะถ่อยเหมือนมันบ้างทุกอย่างที่จะชั่วอ้ายหัวลื่น
เวียนแต่เป็นถ้อยความไม่ข้ามคืนน้ำยืนหยั่งไม่ถึงยังดึงมา
คราวนั้นฟ้องกันด้วยวันทองนี่มันฟ้องใครอีกอ้ายชาติข้า
ดำริพลางทางเสด็จยาตราออกมาพระที่นั่งจักรพรรดิ
พระสูตรรูดกร่างกระจ่างองค์ขุนนางกราบลงเป็นขนัด
ทั้งหน้าหลังเบียดเสียดเยียดยัดหมอบอัดถัดกันเป็นหลั่นไป
ทอดพระเนตรมาเห็นขุนช้างเฝ้าเออใครเอาฟ้องมันไปไว้ไหน
พระหมื่นศรีถวายพลันในทันใดรับไว้คลี่ทอดพระเนตรพลัน
พอทรงจบแจ้งพระทัยในข้อหาก็โกรธาเคืองขุ่นหุนหัน
มันเคี่ยวเข็ญทำเป็นอย่างไรกันอีวันทองคนเดียวไม่รู้แล้ว
ราวกับไม่มีหญิงเฝ้าชิงกันหรืออีวันทองนั้นมันมีแก้ว
รูปอ้ายช้างชั่วช้าตาบ้องแบ๊วไม่เห็นแววที่ว่ามันจะรัก
ใครจะเอาเป็นผัวเขากลัวอายหัวหูดูเหมือนควายที่ตกปลัก
คราวนั้นเป็นความกูถามซักตกหนักอยู่กับเฒ่าศรีประจัน
วันทองกูสิให้กับอ้ายแผนไยแล่นมาอยู่กับอ้ายช้างนั่น
จมื่นศรีไปเอาตัวมันมาพลันทั้งวันทองขุนแผนอ้ายหมื่นไวย ฯ
๏ ฝ่ายพระหมื่นศรีได้รับสั่งถอยหลังออกมาไม่ช้าได้
สั่งเวรกรมวังในทันใดตำราวจในวิ่งตะบึงมาถึงพลัน
ขึ้นไปบนเรือนพระหมื่นไวยแจ้งข้อรับสั่งไปขมีขมัน
ขุนช้างฟ้องร้องฎีกาพระทรงธรรม์ให้หาทั้งสามทั่นนั้นเข้าไป ฯ
๏ ครานั้นวันทองเจ้าพลายงามได้ฟังความคร้ามครั่นหวั่นไหว
ขุนแผนเรียกวันทองเข้าห้องในไม่ไว้ใจจึงเสกด้วยเวทมนตร์
สีขี้ผึ้งสีปากกินหมากเวทซึ่งวิเศษสารพัดแก้ขัดสน
น้ำมันพรายน้ำมันจันทน์สรรเสกปนเคยคุ้มขลังบังตนแต่ไรมา
แล้วทำผงอิทธิเจเข้าเจิมพักตร์คนเห็นคนทักรักทุกหน้า
เสกกระแจะจวงจันทน์น้ำมันทาเสร็จแล้วก็พาวันทองไป ฯ
๏ ครานั้นทองประศรีผู้มารดาครั้นได้แจ้งกิจจาไม่นิ่งได้
เด็กเอ๋ยวิ่งตามมาไวไวลงบันไดงันงกตกนอกกชาน
พลายชุมพลกอดก้นทองประศรีกูมิใช่ช้างขี่ดอกลูกหลาน
ลุกขึ้นโขย่งโก้งโค้งคลานซมซานโฮกฮากอ้าปากไป
ครั้นถึงยั้งอยู่ประตูวังผู้รับสั่งเร่งรุดไม่หยุดได้
ขุนแผนวันทองพระหมื่นไวยเข้าไปเฝ้าองค์พระภูมี ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชปิ่นปักนคเรศเรืองศรี
เห็นสามราเข้ามาอัญชลีพระปรานีเหมือนลูกในอุทร
ด้วยเดชะพระเวทวิเศษประสิทธิ์เผอิญคิดรักใคร่พระทัยอ่อน
ตรัสถามอย่างความราษฎรฮ้าเฮ้ยดูก่อนอีวันทอง
เมื่อมึงกลับมาแต่ป่าใหญ่กูสิให้อ้ายแผนประสมสอง
ครั้นกูขัดใจให้จำจองตัวของมึงไปอยู่แห่งไร
ทำไมไม่อยู่กับอ้ายแผนแล่นไปอยู่กับอ้ายช้างใหม่
เดิมมึงรักอ้ายแผนแล่นตามไปครั้นยกให้เต้นกลับเล่นตัว
อยู่กับอ้ายช้างไม่อยู่ได้เกิดรังเกียจเกลียดใจด้วยชังหัว
ดูยักใหม่ย้ายเก่าเฝ้าเปลี่ยนตัวตกว่าชั่วแล้วมึงไม่ไยดี ฯ
๏ ครานั้นวันทองได้รับสั่งละล้าละลังประนมก้มเกศี
หัวสยองพองพรั่นทันทีทูลคดีพระองค์ผู้ทรงธรรม์
ขอเดชะละอองธุลีพระบาทองค์หริรักษ์ราชรังสรรค์
เมื่อกระหม่อมฉันมาแต่อรัญครั้งนั้นโปรดประทานขุนแผนไป
ครั้นอยู่มาขุนแผนต้องจำจองกระหม่อมฉันมีท้องนั้นเติบใหญ่
อยู่ที่เคหาหน้าวัดตะไกรขุนช้างไปบอกว่าพระโองการ
มีรับสั่งโปรดประทานให้กระหม่อมฉันไม่ไปก็หักหาญ
ยื้อยุดแดคร่าทำสามานย์เพื่อนบ้านจะช่วยก็สุดคิด
ด้วยขุนช้างอ้างว่ารับสั่งให้ใครจะขัดขืนไว้ก็กลัวผิด
จนใจมิไปก็สุดฤทธิ์ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพฟังจบกริ้วขุนช้างเป็นหนักหนา
มีพระสิงหนาทตวาดมาอ้ายบ้าเย่อหยิ่งอ้ายลิงโลน
ตกว่ากูหาเป็นเจ้าชีวิตไม่มึงถือใจว่าเป็นเจ้าที่โรงโขน
เป็นไม่มีอาชญาสิทธิ์คิดถึงโดนเที่ยวทำโจรใจคะนองจองหองครัน
เลี้ยงมึงไม่ได้อ้ายใจร้ายชอบแต่เฆี่ยนสองหวายตลอดสัน
แล้วกลับความถามข้างวันทองพลันเออเมื่อมันฉุดคร่าพามึงไป
ก็ช้านานประมาณได้สิบแปดปีครั้งนี้ทำไมมึงจึงมาได้
นี่มึงหนีมันมาหรือว่าไรหรือว่าใครไปรับเอามึงมา ฯ
๏ วันทองฟังถามให้คร้ามครั่นบังคมคัลประนมก้มเกศา
ขอเดชะพระองค์ทรงศักดาพระอาญาเป็นพ้นล้นเกล้าไป
ครั้งนี้จมื่นไวยนั้นไปรับกระหม่อมฉันจึงกลับคืนมาได้
มิใช่ย้อนยอกทำนอกใจขุนแผนก็มิได้ประเวณี
แต่มานั้นเวลาสักสองยามขุนช้างจึงหาความว่าหลบหนี
ขอพระองค์จงทรงพระปรานีชีวีอยู่ใต้พระบาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชฟังเหตุขุ่นเคืองเป็นหนักหนา
อ้ายหมื่นไวยทำใจอหังการ์ตกว่าบ้านเมืองไม่มีนาย
จะปรึกษาตราสินให้ไม่ได้จึงทำตามน้ำใจเอาง่ายง่าย
ถ้าฉวยเกิดห่าฟันกันล้มตายอันตรายไพร่เมืองก็เคืองกู
อีวันทองกูให้อ้ายแผนไปอ้ายช้างบังอาจใจทำจู่ลู่
ฉุดมันขึ้นช้างอ้างถึงกูตะคอกขู่อีวันทองให้ตกใจ
ชอบตบให้สลบลงกับที่เฆี่ยนตีเสียให้ยับไม่นับได้
มะพร้าวห้าวยัดปากให้สาใจอ้ายหมื่นไวยก็โทษถึงฉกรรจ์
มึงถือว่าอีวันทองเป็นแม่ตัวไม่เกรงกลัวเว้โว้ทำโมหันธ์
ไปรับไยไม่ไปในกลางวันอ้ายแผนพ่อนั้นก็เป็นใจ
มันเหมือนวัวเคยขาม้าเคยขี่ถึงบอกกูว่าดีหาเชื่อไม่
อ้ายช้างมันก็ฟ้องเป็นสองนัยว่าอ้ายไวยลักแม่ให้บิดา
เป็นราคีข้อผิดมีติดตัวหมองมัวมลทินอยู่หนักหนา
ถ้าอ้ายไวยอยากจะใคร่ได้แม่มาชวนพ่อฟ้องหาเอาเป็นไร
อัยการศาลโรงก็มีอยู่หรือว่ากูตัดสินให้ไม่ได้
ชอบทวนด้วยลวดให้ปวดไปปรับไหมให้เท่ากับชายชู้
มันเกิดเหตุทั้งนี้ก็เพราะหญิงจึงหึงหวงช่วงชิงยุ่งยิ่งอยู่
จำจะตัดรากใหญ่ให้หล่นพรูให้ลูกดอกดกอยู่แต่กิ่งเดียว
อีวันทองตัวมันเหมือนรากแก้วถ้าตัดโคนขาดแล้วก็ใบเหี่ยว
ใครจะควรสู่สมอยู่กลมเกลียวให้เด็ดเดี่ยวรู้กันแต่วันนี้
เฮ้ยอีวันทองว่ากระไรมึงตั้งใจปลดปลงให้ตรงที่
อย่าภวังค์กังขาเป็นราคีเพราะมึงมีผัวสองกูต้องแค้น
ถ้ารักใหม่ก็ไปอยู่กับอ้ายช้างถ้ารักเก่าเข้าข้างอ้ายขุนแผน
อย่าเวียนวนไปให้คนมันหมิ่นแคลนถ้าแม้นมึงรักไหนให้ว่ามา ฯ
๏ ครานั้นวันทองฟังรับสั่งให้ละล้าละลังเป็นหนักหนา
ครั้นจะทูลกลัวพระราชอาญาขุนช้างแลดูตายักคิ้วลน
พระหมื่นไวยใช้ใบ้ให้แม่ว่าบุ้ยปากตรงบิดาเป็นหลายหน
วันทองหมองจิตคิดเวียนวนเป็นจนใจนิ่งอยู่ไม่ทูลไป ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ทรงธรณินทร์หาได้ยินวันทองทูลขึ้นไม่
พระตรัสความถามซักไปทันใดหรือมึงไม่รักใครให้ว่ามา
จะรักชู้ชังผัวมึงกลัวอายจะอยู่ด้วยลูกชายก็ไม่ว่า
ตามใจกูจะให้ดังวาจาแต่นี้เบื้องหน้าขาดเด็ดไป ฯ
๏ นางวันทองรับพระราชโองการให้บันดาลบังจิตหาคิดไม่
อกุศลดลมัวให้ชั่วใจด้วยสิ้นในอายุที่เกิดมา
คิดคะนึงตะลึงตะลานอกดังตัวตกพระสุเมรุภูผา
ให้อุทัจอัดอั้นตันอุราเกรงผิดภายหน้าก็สุดคิด
จะว่ารักขุนช้างกระไรได้ที่จริงใจมิได้รักแต่สักหนิด
รักพ่อลูกห่วงดังดวงชีวิตแม้นทูลผิดจะพิโรธไม่โปรดปราน
อย่าเลยจะทูลเป็นกลางไว้ตามพระทัยท้าวจะแยกให้แตกฉาน
คิดแล้วเท่านั้นมิทันนานนางก้มกรานแล้วก็ทูลไปฉับพลัน
ความรักขุนแผนก็แสนรักด้วยร่วมยากมานักไม่เดียดฉันท์
สู้ลำบากบุกป่ามาด้วยกันสารพันอดออมถนอมใจ
ขุนช้างแต่อยู่ด้วยกันมาคำหนักหาได้ว่าให้เคืองไม่
เงินทองกองไว้มิให้ใครข้าไทใช้สอยเหมือนของตัว
จมื่นไวยเล่าก็เลือดที่ในอกก็หยิบยกรักเท่ากันกับผัว
ทูลพลางตัวนางระเริ่มรัวความกลัวอาญาเป็นพ้นไป ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพฟังจบแค้นคลั่งดังเพลิงไหม้
เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟดูดู๋เป็นได้อีวันทอง
จะว่ารักข้างไหนไม่ว่าได้น้ำใจจะประดังเข้าทั้งสอง
ออกนั่นเข้านี่มีสำรองยิ่งกว่าท้องทะเลอันล้ำลึก
จอกแหนแพเสาสำเภาใหญ่จะทอดถมเท่าไรไม่รู้สึก
เหมือนมหาสมุทรสุดซึ้งซึกน้ำลึกเหลือจะหยั่งกระทั่งดิน
อิฐผาหาหาบมาทุ่มถมก็จ่อมจมสูญหายไปหมดสิ้น
อีแสนถ่อยจัญไรใจทมิฬดังเพชรนิลเกิดขึ้นในอาจม
รูปงามนามเพราะน้อยไปหรือใจไม่ซื่อสมศักดิ์เท่าเส้นผม
แต่ใจสัตว์มันยังมีที่นิยมสมาคมก็แต่ถึงฤดูมัน
มึงนี่ถ่อยยิ่งกว่าถ่อยอีท้ายเมืองจะเอาเรื่องไม่ได้สักสิ่งสรรพ์
ละโมบมากตัณหาตาเป็นมันสักร้อยพันให้มึงไม่ถึงใจ
ว่าหญิงชั่วผัวยังคราวละคนเดียวหาตามตอมกันเกรียวเหมือนมึงไม่
หนักแผ่นดินกูจะอยู่ไยอ้ายไวยมึงอย่านับว่ามารดา
กูเลี้ยงมึงถึงให้เป็นหัวหมื่นคนอื่นรู้ว่าแม่ก็ขายหน้า
อ้ายขุนช้างขุนแผนทั้งสองรากูจะหาเมียให้อย่าอาลัย
หญิงกาลกิณีอีแพศยามันไม่น่าเชยชิดพิสมัย
ที่รูปรวยสวยสมมีถมไปมึงตัดใจเสียเถิดอีคนนี้
เร่งเร็วเหวยพระยายมราชไปฟันฟาดเสียให้มันเป็นผี
อกเอาขวานผ่าอย่าปรานีอย่าให้มีโลหิตติดดินกู
เอาใบตองรองไว้ให้หมากินตกดินจะอัปรีย์กาลีอยู่
ฟันให้หญิงชายทั้งหลายดูสั่งเสร็จเสด็จสู่ปราสาทชัย ฯ
             

ตอนที่ ๓๖ ฆ่านางวันทอง (ยังไม่สมบูรณ์)

๏ ครานั้นวันทองสยองหัวความกลัวตัวสั่นอยู่หวั่นไหว
ขุนช้างขุนแผนพระหมื่นไวยก็ตระหนกตกใจไปทุกคน
บรรดาข้าราชการที่หมอบเฝ้าต่างสร้อยเศร้าหัวพองสยองขน
จะเพ็ดทูลอย่างไรไม่ชอบกลจำจนด้วยกลัวพระอาญา
พระยายมราชก็สั่งพลันให้คุมวันทองจูงไปข้างหน้า
พระหมื่นไวยขุนแผนแล่นตามาพ่อลูกคลอน้ำตาด้วยอาลัย
ขุนช้างลุกถลาหน้าคว่ำล้มคะมำตำเสา***ไถล
ลุกได้จากเสาเหย่าเหย่าไปร้องไห้งุ่มงามมาตามเมีย
ทองประศรีคอยอยู่รู้กิจจาตีอกตกประหม่าหน้าเสีย
ลุกรีบตามมาแข้งขาเพลียน้ำตาไหลเรี่ยตัวสั่นงก
ให้ไปบอกลาวทองแก้วกิริยาสร้อยฟ้าศรีมาลาทั้งห้าหก
น้ำตาน้ำมูกตะละลูกนกตีอกตกใจต่างไคลคลา ฯ
๏ ขุนช้างสะดุดอิฐตีนขวิดไปหัวไถลล้มคว่ำตำขี้หมา
ลุกขึ้นไม่เช็ดระเห็จมาแมลงฉ่าตอมฉู่เหม็นอู้ไป
อ้ายบ่าวร้องว้ายขุนนายขาเช็ดขี้หมาเสียก่อนเถิดข้าไหว้
ขุนช้างเหลียวหลังอ้ายจังไรขี้หมาที่ไหนมาติดกู
อ้ายบ่าวมันชี้ว่าขี้หมาตั้งแต่หน้าตลอดขวัญแมลงวันฉู่
ขุนช้างไม่ฟังว่าชั่งกูผู้คนตามพรูร้องเหม็นจริง ฯ
๏ ครั้นถึงที่หัวตะแลงแกงคนผู้ดูแดงทั้งชายหญิง
วันทองสิ้นกำลังลงนั่งพิงพระไวยวิ่งเข้าประคองวันทองไว้
ขุนแผนสุดแสนสงสารน้องนั่งลงข้างวันทองน้ำตาไหล
อัดอั้นนิ่งอึงตะลึงตะไลสะอื้นไห้ไม่ออกซึ่งวาจา
นางแก้วกิริยาเจ้าลาวทองทั้งสองโศกเศร้าเป็นหนักหนา
ทั้งนางสร้อยฟ้าศรีมากลาต่างคนจะสมาหาดอกไม้
คนดูล้อมพร้อมพรั่งดังกำแพงตะแลงแกงจนหามีที่ยืนไม่
ขุนช้างแหวกคนด้นเข้าไปว่าอีพ่อข้าไหว้เอาแต่บุญ
ฝูงคนหลีกวิ่งทั้งหญิงชายเหม็นขี้หมาออกจะตายแล้วพี่ขุน
อ้ายหนุ่มหนุ่มเหม็นนักมันผลักรุนเซซุนเข้าไปถึงวันทอง
พระไวยแลไปเห็นขุนช้างความโกรธโดดผางตรงเข้าถอง
แล้วกดหัวลงไว้ฉวยไม้พลองทั้งสองมือเปื้อนขี้ตีผลุงลง
พระยายมห้ามว่าอย่าพระไวยจะทุบตีมันไยอ้ายคนหลง
ฉวยขุนช้างคร่าออกมานอกวงนั่งลงเหม็นมือก็โกรธา
ถ้ารู้กูหาไปห้ามไม่อ้ายจัญไรมือกูล้วนขี้หมา
ลุกขึ้นเตะส่งตรงออกมาขุนช้างว่าลูกตายแล้วคราวนี้
ฝ่ายขุนแผนแล่นไล่ไปชกซ้ำขุนช้างล้มหัวตำทองประศรี
แกโกรธาด่าทอใช่พอดีขุนช้างลุกจากที่หนีออกไป ฯ
ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทองเศร้าหมองสะอึกสะอื้นไห้
สวมกอดลูกยาด้วยอาลัยน้ำตาหลั่งไหลลงรินริน
วันนี้แม่จะลาพ่อพลายแล้วจะจำจากลูกแก้วไปสูญสิ้น
พอบ่ายก็จะตายลงถมดินผินหน้ามาแม่จะขอชม
เกิดมาไม่เหมือนกับเขาอื่นมิได้ชื่นเชยชิดสนิทสนม
แต่น้อยน้อยลอยลิ่วไปตามลมต้องตรอมตรมพรากแม่แต่เก้าปี
ให้แต่เฝ้าทุกข์ถึงคนึงหานึกว่าแม่จะไม่ได้เห็นผี
เจ้าก็ไม่ศูนย์หายวายชีวีกลับมาได้เผาผีของมารดา
มิเสียแรงฟักฟูมอุ้มท้องข้ามหนองแนวเขาลำเนาป่า
อยู่ในท้องก็เหมือนเพื่อนมารดาทนทุกข์เวทนาในป่าชัฏ
ผ่าแดดแผดฝนทนลำบากปลิงทากร่านริ้นมันกินกัด
หนามไหน่ไขว่เกี่ยวเที่ยวเลี้ยวลัดแม่คอยปัดระวังให้แต่ในครรภ์
พ่อพาขี่ม้าไม่ขับควบขยับยวบกลัวเจ้าจะหวาดหวั่น
พอแดดเผาเข้าร่มพนาวันเห็นจะอ่อนผ่อนผันลงกินน้ำ
ค่อยกลืนแต่พอชื่นไม่กลืนหนักกลัวลูกจะสำลักทุกเช้าค่ำ
เมื่อเขาส่งลงมาต้องจองจำแสนระกำก็ระวังจะนั่งนอน
ด้วยเป็นห่วงบ่วงใยในลูกรักจะเดินหนักเกรงท้องขยักขย่อน
จะนั่งนักเจ้าจักอนาทรครั้นนอนนักกลัวจะเหนื่อยอนาถตัว
เจ้าคลอดรอดแล้วจึงคลายใจเฝ้าถนอมกล่อมไกวพ่อทูลหัว
เก้าปีแม่ประคองไม่หมองมัวชุนช้างชั่วลักลูกไปลับตา
เขาตีต่อยปล่อยหลงในดงชัฏกุศลซัดให้เจ้าคืนมาเห็นหน้า
พอเห็นแล้วก็ต้องพรากจากมารดาแต่นั้นมาช้านานจึงพานพบ
กุศลหนหลังยังค้ำจุนให้ลูกแก้วมีบุญประจวบจบ
เที่ยวติดตามแม่พ่อพอพร้อมครบกลับต้องมาทำศพของมารดา
เหมือนอุตส่าห์ดั้นด้นพ้นป่าชัฏพอเห็นแสงจันทร์จำรัสพระเวหา
สำคัญคิดว่าจะสุขทุกเวลาพอสายฟ้าฟาดล้มจมดินดาน
พ่อจะเห็นมารดาสักครึ่งวันพ้นนั้นศูนย์เปล่าเป็นเถ้าถ่าน
จะได้แต่คิดถึงคะนึงนานกลับไปบ้านเถิดลูกอย่ารอเย็น
เมื่อเวลาเขาฆ่าแม่คอขาดจะอนาถไม่น่าจะแลเห็น
เจ้าดูหน้าเสียแต่แม่ยังเป็นนึกถึงจะได้เห็นหน้ามารดา ฯ
ร่ำพลางนางกอดพระหมื่นไวยน้ำตกไหลซบเซาไม่เงยหน้า
ง่วงหงุบฟุบลงกับพสุธากอดลูกยาแน่นิ่งไม่ติงกาย ฯ
.
.
.
โอ้เจ้าประคุณของลูกเอ๋ยแม่เคยเลี้ยงลูกแล้วสั่งสอน
ผูกเปลเห่ช้าให้ลูกนอนป้อนข้าวอาบน้ำให้กินนม
.
.
.
ขอตายแทนตัวของมารดาอย่าให้แม่ข้านี้บรรไลย
เป็นเพราะกูรับแม่กลับมาท่านจึงลงอาญาเป็นข้อใหญ่
ว่าพลางกลิ้งเกลือกเสือกไปสะอื้นไห้อยู่ที่ตีนของมารดา
.
.
.
ขุนแผนแสนโศกสงสารน้องนิ่งนั่งฟังวันทองให้อัดอั้น
นางหันมากอดเท้าเข้าจาบัลย์ขุนแผนนั้นซบหน้ากับหลังเมีย
สะท้อนสะทึกสะอึกสะอื้นให้ออกปากน้ำตาไหลลงราดเรี่ย
เสียแรงทรมานตัวทั้งผัวเมียเขี่ยดินเลี้ยงกันเหมือนหนึ่งนก
.
.
.
ถึงสุดแสนลำบากยากไร้เจ้าสู้ทนได้ไปกับผัว
จนพฤกษาหายากกินรากบัวชั้นชั่วข้าวสักเม็ดไม่พานพบ
แปดเดือนเรือนชานมิได้เห็นแสนเข็ญพาน้องวันทองหลบ
.
.
.
เหมือนเจ้าตายจากพี่ทีหนึ่งแล้วต้องคลาดแคล้วพี่ตั้งแต่เศร้าหมอง
อยู่ในคุกทุกข์ถึงคะนึงตรองสองทุกข์สามทุกข์เข้าทับใจ
.
.
.
ได้พบผัวพูดกันแต่กลางคืนพอนอนตื่นไม่ทันตะวันสาย
ก็เกิดความลามวุ่นขุ่นระคายลงปลายน้องรักจักวายชนม์
.
.
.
คนอื่นหมื่นแสนก็คุ้มรอดยอดรักคนเดียวไม่คุ้มได้
จำเพาะเด็ดดวงจิตปลิดเอาไปช่างกระไรพ้นที่จะป้องกัน
.
.
.
ขุนแผนฟังคำที่ร่ำว่าไม่ออกปากพูดจาต่อไปได้
สุดคิดอัดอั้นให้ตันใจสุดอาลัยล้มผางลงกลางดิน
.
.
.
นางวันทองน้องเรียกเอาดอกไม้คลานเข้าไปไหว้กราบทองประศรี
ลูกจะลามารดาในวันนี้ขออภัยอย่าให้มีซึ่งโทษทัณฑ์
แต่ลูกอยู่กับพ่อขุนแผนให้แม่แค้นอย่างไรที่ไหนนั่น
จนถึงเวลาเขาฆ่าฟันสิ้นเวรกรรมกันเถิดแม่คุณ
.
.
.
ฝ่ายขุนช้างนั่งเหงาไม่เข้าใกล้ร้องไห้หน้าขาวราวกับผี
เสียใจใหลเล่อเพ้อพาทีคราวนี้ตายแน่แล้วแม่คุณ
พุทโท่อยู่หลัดหลัดมาพลัดกันโอ้แม่วันทองตายเพราะอ้ายขุน
.
.
.
ครานั้นขุนแผนแสนสะท้านฟังลูกคิดอ่านก็เห็นได้
แต่ครั้นจับยามดูรู้แจ้งใจจึงว่ากับพระไวยพ่อพลายงาม
อัฐกาลพาลขัดอยู่หนักหนาพ่อว่าประหนึ่งจะชิงห้าม
เจ้าจะไปทูลขอดูก็ตามในยามว่าองค์พระทรงชัย
เจ้าไปทูลขอโทษคงโปรดแน่แต่แม่เจ้าหาพ้นจากตายไม่
ดูหน้าหน้าก็นวลจวนบรรลัยจะใกล้ในเวลานี้เข้าสี่โมง
ขีดชาตาลงดูกับแผ่นดินก็ขาดสิ้นเคราะห์ร้ายเห็นตายโหง
เสาร์ทับลัคนากาจับโลงยามลิงล้วงโพรงจรเข้กิน
ใครต้องยามนี้มิได้รอดพระไวยเห็นตลอดอยู่เสร็จสิ้น
น้ำตาอาบหน้าลงรินรินผินหน้าว่ากับพ่อว่าตามกรรม
เคราะห์ร้ายตายเป็นก็เห็นหมดลูกจะทดแทนคุณอุปถัมภ์
.
.
.
นี่มารดาอุ้มท้องทรมานได้เกิดมาเป็นนานเพราะมารดา
สารพัดพระคุณไม่นับได้จะทิ้งไว้ไม่ควรเป็นหนักหนา
อนึ่งตั้งแต่กำเนิดเกิดมายังมิได้พยาบาลประการใด
ครั้งนี้ที่สุดถึงชีวิตขอพระองค์จงประสิทธิ์ประสาทให้
ให้เลื่องลือชื่อเสียงปรากฏไปว่าหมื่นไวยได้แทนคุณมารดา
.
.
.
เพชฌฆาตดาบยาวก้าวย่างมาขุนแผนโถมถาคร่อมเมียไว้
ฉุดคร่าคว้ากันอยู่ดันดึงฟันผึงถูกขุนแผนหาเข้าไม่
ดาบยู่บู้พับยับเยินไปเข้ากลุ้มรุมฉุดได้ขุนแผนมา
ขุนแผนฮึดฮัดกัดฟันเกรี้ยวบิดตัวเป็นเกลียววางกูหวา
เพชฌฆาตแกว่งดาบวาบวาบมาย่างเท้าก้าวง่าแล้วฟันลง
ต้องคอนางวันทองขาดสะบั้นชีวิตวับดับพลันเป็นผุยผง
พอพระไวยถึงโผนโจนม้าลงตรงเข้ากอดตีนแม่แน่นิ่งไป
ขุนแผนก็ล้มลงทั้งยืนปิ้มจะไม่คงคืนชีวิตได้
ขุนช้างล้มนิ่งกลิ้งอยู่ไกลบ่าวไพร่น้อยใหญ่ก็วุ่นวาย
ทองประศรีกลิ้งเกลือกเสือกกายาสร้อยฟ้าศรีมาลาล้มคว่ำหงาย
นางแก้วลงกลิ้งทิ้งลูกชายใครจะรู้สึกกายก็ไม่มี
.
.
.
พ่อก็เรืองเวทวิทยาลาวหมื่นแสนมายังไม่พรั่น
ทั้งมนต์จังงังก็ขลังครันถึงคนร้อยพันก็ซวนซุด
ทำไมกับอ้ายเพชฌฆาตพ่อเป่าจังงังปราดมันก็หยุด
.
.
.
ที่สัญญาว่าไว้อย่างไรเล่าควรฤาฟันแม่เราให้คอขาด
กลัวเรามาทันรีบฟันฟาดพยาบาทเราด้วยเหตุอันใด
.
.
.
เราพยาบาทท่านจนวันตายความแค้นไม่วายที่หมายมั่น
.
.
.
โอ้ว่าเจ้าประคุณของลูกแก้วลับแล้วทีนี้ไม่เห็นหน้า
ลูกนี้มิได้คิดกับชีวาขืนพระราชอาชญาเข้ากราบทูล
พระองค์ทรงโปรดประทานให้ดีใจว่าแม่ไม่ดับสูญ
.
.
.
ร่ำพลางทางกอดเอาศพแม่นิ่งแน่ไม่สมประดีได้
ยังรึกรึกสะทึกสะท้อนใจล้มซบสลบไสลไม่เจรจา
.
.
.
เอาผ้าขาวมาให้ดังใจหวังจึงตราสังห่อศพหาช้าไม่
ตัดกระดานต่อโลงด้วยทันใดก้านตองรองในเข้าฉับพลัน
ครั้นแล้วยกศพขึ้นใส่ไม้ให้หามไปฝังที่ป่าช้านั่น
เกณฑ์คนเฝ้าศพได้ครบครันแล้วพากันร้องไห้กลับไปเรือน
.
.
.
             

ตอนที่ ๓๗ นางสร้อยฟ้าทำเสน่ห์

๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าหมื่นไวยอิ่มเอิบกำเริบใจใครจะเหมือน
ปราโมทย์โชติช่วงดังดวงเดือนมิได้เคลื่อนรสรักสักวันคืน
แต่โฉมเจ้าสร้อยฟ้าพานจะงอนหย่อนแต้มลงไม่ได้ให้สะอื้น
ผัวมานอนตะละช้อนใส่ปากกลืนถ้าผัวคลาดขาดคืนก็ขุ่นมัว
อันชายหนุ่มเมียสองมักพร่องแรงหม่อมเมียพานจะแข่งแย่งหม่อมผัว
จึงเกิดเป็นเชิงชั้นกั้นในตัวยิ่งใครเย้าตะละยั่วให้หนักไป
ข้างศรีมาลาผัวรักมักยิ้มเย้ยข้างสร้อยฟ้าก็เลยทะยานใหญ่
เกรงอยู่แต่ท่านย่าระอาใจใครใครแกไม่ละทั้งลูกเมีย
ราวกับเสือซ่อนเล็บเจ็บไม่รู้สึกถ้าได้ฮึกแล้วรุ่งก็รุ่งเสีย
ถ้าใครเถียงเอาใหญ่ดังไฟเลียเขานิ่งเสียแกก็โลดโดดตะกาย ฯ
๏ วันเมื่อจะก่อเกิดกำเนิดเข็ญพระหมื่นไวยนั่งเล่นตะวันบ่าย
ที่หอนั่งลมเย็นเห็นสบายกับเจ้าพลายชายชุมพลผู้น้องยา
ชุมพลหยิบกระดานคลานมาพลันเล่นหมากรุกพนันกันหรือขา
แพ้พี่ไวยฉันจะให้ถอนขนตาถ้าหากพี่แพ้ข้าจะว่าไร
พระไวยว่าถ้าพี่นี้แพ้เจ้าจะให้เขาทำขนมมาเสียให้
ขนมเบื้องแผ่นน้อยน้อยอร่อยใจว่าแล้วสั่งไปในทันที
สร้อยฟ้าศรีมาลาว่าเจ้าคะตั้งกระทะก่อไฟอยู่อึงมี่
ต่อยไข่ใส่น้ำตาลที่หวานดีแป้งมีเอามาปรุงกุ้งสับไป
ศรีมาลาละเลงแผ่นบางบางแซะใส่จานวางออกไปให้
สร้อยฟ้าไม่สันทัดอึดอัดใจปามแป้งใส่ไล้หนาสิ้นดี
พลายชุมพลจึงว่าพี่สร้อยฟ้าทำขนมเบื้องหนาเหมือนแป้งจี่
พระไวยตอบว่าหนาหนาดีทองประศรีว่ากูไม่เคยพบ
ลาวทำขนมเบื้องผิดเมืองไทยแผ่นผ้อยมันกระไรดังต้มกบ
แซะม้วนเข้ามาเท่าขาทบพลายชุมพลดิ้นหลบหัวร่อไป
ฝ่ายนางศรีมาลาชายตาดูทั้งข้าไทยิ้มอยู่ไม่นิ่งได้
อีไหมร้องว้ายข้อยอายใจลืมไปคิดว่าทำขนมครก
ชุมพลร้องแซ่แก่ไม่รู้สิ้นนานไปก็จะปลิ้นเป็นห่อหมก
สร้อยฟ้าตัวสั่นอยู่งันงกหกแป้งต่อยกระทะผละเข้าเรือน
ทองประศรีร้องว่าอีห่าลาวทำฉาวเจียวอีหมาขี้เรื้อนเปื้อน
เทแป้งแกล้งให้เปรอะเลอะทั้งเรือนกระทะกะท่อยต่อยเกลื่อนลาวจัญไร
นางสร้อยฟ้าได้ยินท่านย่าด่าขัดใจแทบน้ำตาจะเล็ดไหล
ศรีมาลาเลิกเตาเข้าข้างในชุมพลไปเรือนย่ามิได้ช้า ฯ
๏ พอค่ำลงลมรวยมาชวยชื่นเริงรื่นจิตพระไวยให้หวนหา
เดือนสว่างกระจ่างลิ่วปลิวเมฆาคิดถึงศรีมาลาละลานใจ
หอมดอกพุทธชาดสะอาดกลิ่นใส่กระถางวางประทิ่นสดไสว
วาบหวามทรวงซาบอาบอาลัยเดินไปเข้าห้องศรีมาลา
นั่งแนบแอบน้องประคองนวลยียวนด้วยความเสน่หา
แสงประทีปส่องสว่างกระจ่างตาชวาลาดับเสียชวนเมียนอน
ศรีมาลาจึงว่าช่างน่าอายผู้คนทั้งหลายยังตื่นว่อน
พระไวยตอบว่าเจ้าอย่างอนความรักพี่นี้ร้อนดังไฟเรือง
ศรีมาลาว่าชะช่างร้อนจิตพระอาทิตย์ยังไม่ลับดังแสงเหลือง
เด็กเด็กมันยังตื่นครื้นทั้งเมืองขนมเบื้องทำด้วยปากยากกระไร ฯ
๏ ฝ่ายสร้อยฟ้าแว่วว่าขนมเบื้องให้แค้นเคืองปวดปอดตลอดไส้
วับดังดินประสิวปลิวถูกไฟเข้าใจว่าศรีมาลานินทาตัว
จึงร้องไปว่านางช่างขนมเบื้องช่างยกเรื่องอวดหม่อมเจ้าจอมผัว
หม่อมนางช่างละเลงข้าเกรงกลัวเมื่อหยุดแล้วยังยั่วกันไปเจียว
อุแม่เอ๋ยข้าไมเคยบำรุงรสมันจึงเปรอะเลอะหมดไม่มันเขี้ยว
แซะม้วนเท่าแขนได้แผ่นเดียวผัวจึงไม่กระเสียวกระซิกเลย ฯ
๏ ศรีมาลาว่าโอพุทโธ่เจ้าโดนเอาเปล่าเปล่าเจ้าแม่เอ๋ย
ที่เคยคันมันก็คันไปตามเคยสัญชาติเตยถึงจะงามก็หนามมี
เกิดกอเป็นคออยู่ริมคลองเรือขึ้นเรือล่องต้องเสียดสี
อนิจจาข้าได้ว่าอะไรมีไม่พอที่หุนหันจะคั้นคอ
เขาก็รู้อยู่ว่าต่อมันรานไฟข้าไม่พอใจที่รังต่อ
ทั้งคารี้คารมเขาชมปรอเหมือนคออกมาขวางที่ทางเรือ
เป็นตระพังวังวนก้นกระทะสวะสะว่อยลอยปะออกฟั่นเฝือ
เที่ยวแทรกไปทุกทางอย่างดีแกลือข้านี้เบื่อพูดมากน้ำหมากพรู ฯ
๏ จริงคะข้าแหละมันเตยหนามใครพายเรือซุ่มซ่ามสำหรับถู
สมน้ำหน้าที่ตาไม่แลดูเหียงเพียงจะแตกแหกกระจาย
จริงแล้วข้าดีเหลือเจอทุกขนานถึงท้องยุ้งพุงมานก็รู้หาย
ถ้าไม่แทรกสักนิดจะปิดตายไข้หนักก็จะคลายเพราะดีเกลือ
ตำราข้าไม่ถึงขี้ผึ้งฝรั่งเปื่อยพังน้ำฝาดแลดีเหลือ
เข้าลูกเบญกานีสีเสียดเจือเรียกเนื้อให้ชิดติดกระชับ
ถึงจะเป็นปรวดปวดอยู่ในก็ดูดสำรอกออกได้จนในตับ
หนองไหน่ไหลคันเป็นมันยับถ้ากระชับแล้วก็แน่นดังแผ่นดิน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมพระหมื่นไวยฟังตอบชอบใจหัวเราะดิ้น
เออเอาให้ระงมเพราะขนมกินจนสุดสินถึงลูกเบญกานี
ตำราหมอฝรั่งชั่งสัปดนของเขาฝนไว้ทาเป็นยาฝี
ถ้าแลแผลพุพองเป็นหนองดีหรือจะลองดูสักทีเจ้าสร้อยฟ้า
สร้อยฟ้าร้อยเย่อเออหม่อมไวยข้อยบ่ฮุ้จักใส่อีสังว่า
บาดแผลข้อยนี้บ่มีมาบ่อยากเรียนตำราไม่ต้องการ
แม้นหม่อมพุพองเป็นหนองในเอายาศรีมาลาใส่จะหายจ้าน
ยาของเขาดีมีมานานข้อยนี้ย่านหนักหนาตำราไทย ฯ
๏ ครานั้นท่านยายทองประศรีได้ยินเสียงอึงมี่ไม่นิ่งได้
แกเปิดหน้าต่างมองร้องว่าไปตำรายาอะไรออสร้อยฟ้า
เหวยลาวเลยลาวไปแล้วเหวยแง่งอนกระไรเลยเป็นหนักหนา
ซอกซอนรู้สิ้นลิ้นอีลังกาหยูกยาข้างไหนกูไม่เคย
คนฟังเขานั่งอยู่ตาโหลยิ่งกว่ากรับเจ้าโตเสียอีกเหวย
ผัวก็นั่งฟังได้กระไรเลยเฉยเมยจริงจริงช่างนิ่งมิ
อย่าเป็นจมื่นไวยเลยหลานเอ๋ยไปไสเคยแม่กลองร้องขายกะปิ
ช่างไม่อายเพื่อนบ้านอ้ายซานซิริมีเมียสองอ้ายหนองกรม ฯ
๏ สร้อยฟ้าฟังย่าชักหน้าม่อยว่าคุณย่าละก็คอยพลอยประสม
คนนั้นว่าคนนี้ว่ามาระดมลมพัดไม่มีไปข้างไหนเลย
น้ำไหลไยไม่ไหลไปที่ลุ่มช่างไหลชุ่มไปบนเขาเจ้าแม่เอ๋ย
ท่านย่าว่าเหม่มาเปรียบเปรยเหวยอีลาวปากคอมันหนักนัก
ก็เพราะมึงอึงฉาวอีลาวโลนร้องตะโกนก้องบ้านอีคานหัก
อีเจ็ดร้อยหมาเบื่อมันเหลือรักทำฮึกฮักมี่ฉาวอีลาวดอน
สร้อยฟ้าได้ฟังท่านย่าด่าม้วนหน้าล้มทับลงกับหมอน
ทองประศรีร้องแปร้นอีแสนงอนด่าเหนื่อยแล้วก็นอนกรนโครกไป ฯ
๏ ครั้นอรุณรุ่งรางกระจ่างภพแจ้งจบทั่วทวีปน้อยใหญ่
พระอาทิตย์เร่งรถมาไรไรสกุณไก่กู่ก้องตะโกนกัน
กระจิบกระจาบจอแจแกกาบินถลาร่าร้องก้องสนั่น
ศรีมาลาตื่นตาล้างหน้าพลันแล้วจัดสรรของไว้ให้สามี
ตั้งขันล้างหน้าไว้ท่าผัวเครื่องแป้งแต่งตัวกระจกหวี
ทั้งพานผ้านุ่งผลัดจัดดิบดีแล้วลุกรี่ออกมาเรียกข้าไท
สายสว่างตื่นบ้างเถิดเด็กเอ๋ยกระไรเลยช่างนอนนิ่งเสียได้
บ่าวลุกล้างหน้ามาทันใดเข้าครัวไฟข้าวปลาหาครันครบ
อีเม้ยลุกขึ้นมองร้องตามนายเฮ้ยมึงอย่านอนสายจะถูกตบ
ศรีมาลาว่าไฮ้อีบัดซบไม่เคยพบเป็นบ่าวเอาอย่างนาย
พระไวยฟื้นตื่นลุกจากเตียงพลันจับขันล้างหน้าให้เฝ้าหาย
หวีหัวทาแป้งแล้วแต่งกายเยื้องกรายออกมาข้างหน้าเรือน
สำรับตั้งนั่งลงกินอาหารสาวใช้หมอบคลานอยู่กลาดเกลื่อน
ศรีมาลาใช้สอยคอยตักเตือนเจ้าสร้อยฟ้าหน้าเฝื่อนไม่พูดจา
ครั้นถึงเวลาเช้าจะเข้าวังพระไวยก็สั่งให้หยิบผ้า
ผลัดผ้านุ่งพลันมิทันช้าแล้วออกจากบ้านมายังวังใน
บ่าวไพร่เดินตามหลามถนนผู้คนหลีกเลี่ยงอยู่ขวักไขว่
ด้วยยำเยงเกรงบุญพระหมื่นไวยจนเข้าในพระที่นั่งจักรพรรดิ ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระจักรกฤษณ์วิษณุวงศ์ผู้ดำรงอยุธเยศเกศกษัตริย์
ครั้นแสงทองส่องสว่างในปรางรัตน์กระจ่างจัดทั่วหล้าสาธาร
เสด็จออกสู่ท้องพระโรงมาศดังเทวราชในทิพย์พิมานสถาน
พร้อมด้วยเทพกัลยาสุดามาลย์ให้ชักม่านไขกว่างกระจ่างองค์
เสด็จนั่งยังเท่นมณีรัตน์ภายใต้เศวตฉัตรลอยระหง
สังข์แตรแซ่ซ้องทั้งฆ้องวงซอส่งประสานเสียงเสนาะใน
ขุนนางต่างประนมบังคมกราบหมอบราบคอยรับสั่งสนองไข
พระจึงมีสีหนาทประภาษไปว่ากระไรจีนทองร้องฎีกา ฯ
๏ พระยารักษ์รับสั่งทูลสนองขอเดชะจีนทองให้การว่า
เดิมได้สุ่ขอต่อมารดายกให้แล้วก็พาไปเรือนชาน
จีนทองเข้าหาเป็นห้าครั้งอำแดงสังไม่ยอมทำหักหาญ
ครั้นเข้าปล้ำร่ำว่าด่าประจานอายกับเพื่อนบ้านเป็นพ้นคิด
จึงเข้ามาฟ้องร้องฎีกาให้ปรึกษาให้เห็นชอบแลผิด
ถึงไม่สัตย์ขอถวายซึ่งชีวิตขอพระองค์ทรงฤทธิ์ได้เมตตา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพฟังจบทรงพระสรวลสำรวลร่า
เจ๊กอัปรีย์สิ้นที่จะเจรจาแต่เมียด่าก็มาฟ้องไม่ต้องการ
หรือเมืองจีนมันจะร้องฟ้องกันได้ถองส่งออกไปเสียจากศาล
แล้วดำรัสถามทั่วถึงรั้วงานไม่กริ้วกราดราชการสิ่งอันใด
ครั้นเสร็จพระเสด็จลีลาจากพระโรงรัตนาอันผ่องใส
คืนเข้าพระที่นั่งข้างฝ่ายในสำราญราชหฤทัยพระภูมี ฯ
๏ ฝ่ายว่าเจ้าพระยาพระหลวงทุกกระทรวงต่างลุกมาเร็วรี่
บ้างไปนั่งโรงศาลงานธานีที่ใครว่างหน้าที่ก็กกลับมา
ฝ่ายว่าพระไวยวรนาถเสร็จราชการพลันก็หรรษา
ออกจากวังในแล้วไคลคลาตรงมาเคหาด้วยทันใด ฯ
๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าสร้อยฟ้าเมื่อสุริยาแจ่มแจ้งกระจ่างไข
ตื่นนอนร้อนจิตคิดเคืองใจดังฟืนไฟสุมอกสักหกกอง
พลุ่งพล่านดาลเดือดไม่เหือดหายเหมือนเสือร้ายรังควานจับขยับจ้อง
คอยเวลาตาลอดสอดเมียงมองตามช่องเห็นพระไวยไปจากเรือน
นางลงเท้าผึงผึงถึงนอกชานส่งเสียงฉานเรียกข้าด่าเลื่อนเปื้อน
ช่างมุดหัวอยู่ในห้องต้องให้เตือนอีไหมเชือนอยู่ไหนจึงไม่มา
แต่หัวค่ำร่ำกกไปจนสายไม่มีอายสอพลอยอตัณหา
มันน่าสับให้ระยำดังทำปลาช่างลอยหน้าเล่นทรงเป็นหงส์รำ
ลุกบ้างก็เป็นไรที่ในเรือนเมื่อคืนนี้ขันเชื่อนออกหกคว่ำ
ถาดโถโอแตกแหลกระยำแมวดำที่ไหนไล่กัดกัน
เฝืองฝาหลังคาก็ยับป่นจากหล่นกลอนเลื่อนสะเทือนลั่น
ช่างนอนนิ่งเสียได้ไม่ไล่มันอ้ายวีจันทร์ม้าลาก็ปล่อยไว้
มันไล่กันรันวิ่งมาโดนเสาเรือนเหย้าแทบจะพังกระทั่งไหว
พรึงรอดออดอ่อนกระแอนไปน้ำท่าโอ่งไหไหวโครมครืน
สายตามึงไม่ดูหูไม่ฟังอีสองชั่งนั่งเคล้าเฝ้าสะอื้น
ยามโปรดดังจะโดดชึ้นทั้งยืนพวกอีตื่นตัณหาตาเป็นมัน ฯ
๏ อีไหมฟังนายด่ากระทบช่วยประจบเหน็บแนมแกมขยัน
ลิ้นลมประสมว่าสารพันฉันนอนฝันมัวสบายจึงสายไป
ฝันว่าพระราหูดูเท่าแขนฉวยพระจันทร์รันแง้มอมไว้ได้
ลืมตาดูก็ไม่รู้ว่าอะไรลุกโพลงราวกับได้เสม็ดตาม
จนหม่อมเรียกหาผวาตื่นยังสะอื้นด้วยสงสารจันทร์อร่าม
จะขี้คายอย่างไรไม่แจ้งความหรือจะปามไปจนค่ำทำท่วงที ฯ
๏ อีเม้ยรับได้ฟังคำอีไหมร้อนอกราวกับไฟเข้าจุดจี้
พลอยเจ็บด้วยกับนายอายสิ้นทีช่างกาลีค่อนว่าสารพัน
จึงร้องว่าฮ้าเฮ้ยเหวยอีไหมพระราหูที่ไหนเท่าแขนนั่น
นายด่าข้าพลอยประสมกันฝันอะไรกลางวันไม่เคยพบ ฯ
๏ ศรีมาลาร้องเฮ้ยนางเม้ยรับมิใช่การวานอย่างับจับประจบ
ทำปากกล้าร่าร้องก้องกระทบสั่งหลบไปเจียวเจ้าเสาโพงพาง
จะด่าว่าสักเท่าไรทำไมเขาการของเจ้าหรือจึงร่าเข้ามาขวาง
อีส่ำสามราวกับหนามเที่ยวสะทางมิใช่การวานอย่าขวางให้เกิดความฯ
๏ สร้อยฟ้าฟังเรื่องให้เคืองขุ่นเตือนกระตุ้นใจเจ็บดังเหน็บหนาม
ลุกออกมาจากห้องร้องคำรามข้าแหละหนามสะรั้วตัวโปรดปราน
อย่าไปว่าเลยเจ้าเขาก็เห็นสั่นรัวเป็นตัวเต้นเจจัดจ้าน
จะว่าไรขึ้นไม่ได้เที่ยวไล่พาลเสาวิหารก็ไม่แน่นแม้นเสานาง
ข้าคางคกตกบ่อลงล่อน้ำทิ่มตำเอาเถิดเจ้าไม่ขัดขวาง
ยามคล่องก็จงล่องไปพลางพลางเชิญครองปรางค์ผัดหน้าให้นวลลอย
จริงแล้วเจ้านี่แลเสาโพงพางปักจะเยื้องยักก็ไม่พ้นจึงโดนบ่อย
ช่างชะอ้อนวอนร่ำทั้งสำออยจึงปรอดปร้อยไม่รู้แห้งจุ๊บแจงเอย ฯ
๏ ศรีมาลานิ่งนั่งได้ฟังคำดูหรือกรรมมาตามเอาเฉยเฉย
ว่าข้างนี้ไม่พอที่จะเป็นเลยเมื่อเจ้าเคยแล้วก็ทำไปตามที
อนิจจาข้าได้ว่าไรสักหน่อยมาคอยพาลเอาผิดไม่พอที่
จริงละทั่นข้ามันสั่นแต่วานนี้ถ้าไม่แก้เสียทีไม่หายคัน
เสาโบสถ์เสาวัดมายัดใส่เลือกเล่นตามใจทำไมนั่น
หม่อมมาก็มาคร่าเอาตัวทันไปแก้คันไว้ในห้องสักสองคืน
เกิดเหตุเพราะขนมเมื่อเย็นวานจึงพลุ่งพล่านอึกทึกจนดึกดื่น
ม้าลาว้าวุ่นจนดุ้นฟืนน้ำน้อยพลอยเป็นคลื่นช่างยืนยัด
เออใจของใครจะไม่เจ็บช่างแนมเหน็บด่าว่านี่สาหัส
ยิ่งนิ่งก็ยิ่งว่าสารพัดนี่จะซัดเสียให้หมดเจียวหรือเรา
ทำไมไม่เป็นเจ้าขึ้นในบ้านใครขัดสนจะได้คลานมาพึ่งเจ้า
อย่าเพ่อเหยียบเสียให้ยับจนสับเงามิได้ตีเมืองเรามาเป็นน้อย ฯ
๏ สร้อยฟ้าได้ฟังให้คลั่งจิตดังเอากริชมาตำที่คอหอย
เหมือนไฟลุกฟืนซุก***ตะบอยครั้นเอาฝอยเข้ามาปามก็ลามโพลง
ตบมือยักคอหัวร่อร่าหลกผ้าเกาก้นกระโดดโหยง
ตัวสั่นเทาเทาก้าวตะโกรงขึ้นเสียงโผงชี้หน้าร้องว่าไป
เฮ้ยข้านี้แลมันสั่นทั้งตัวหม่อมผัวจึงไม่พรากจากห้องได้
ข้าไม่ฉุดเธอให้หลุดมาทำไมจงกำกุมเอาไว้ให้ได้คราว
จริงอยู่คะข้ามันเชลยเมืองอย่ายกเรื่องเลยเขาลือออกอื้อฉาว
พอกองทัพไปถึงอึงเกรียวกราวค่ำลงเขาจับฉาวที่ในเรือน
ทัพกลับก็เลยจับเฉลยซ้ำช่างปิดงำความร้ายให้หายเงื่อน
สงวนพรหมจารีมิต้องเตือนพอดึกหน่อยก็ค่อยเคลื่อนเข้าไปเอง ฯ
๏ ศรีมาลาได้ฟังให้คลั่งใจดังเอาไม้มาต่อยสักร้อยเผง
ช่างลอยหน้าว่าเล่นออกครื้นเครงขึ้นกูขึ้นเอ็งไม่เกรงใจ
ปากบอนค่อนขอดลอดนินทาตบหน้าตา***เสียให้ได้
เมื่อผัวไม่เลี้ยงก็แล้วไปจะเฆี่ยนตีสักเท่าไรก็ตามบุญ ฯ
             

๏ สร้อยฟ้าโผงผางวางเข้ามาชักผ้าคาดนมกระโจมมุ่น
ชุมพลวิ่งเข้ายุดแล้วฉุดรุนสร้อยฟ้าผลักหมุนตกร่องลง
พลายชุมพลชักขาทำหน้าซีดศรีมาลาร้องกรีดหวีดเสียงหลง
ทองประศรีวิ่งถลันมางันงงแกด่าส่งวุ่นวายตายแล้วกู
เข้ามาใกล้ไต่ถามศรีมาลาขามันหักหรือหวาหาอ้ายหนู
พลายชุมพลร้องไห้เลือดไหลพรูสร้อยฟ้ายืนอยู่ไม่พูดจา
ทองประศรีชี้หน้าแกด่าโผงอีตายโหงข่มเหงกูหนักหนา
ทำหลานกูด้วยดังช่วยมายังลอยหน้าหัวร่อคอเป็นเอ็น
ดูราวกับตำแยเที่ยวแหย่เพื่อนด่าเปื้อนไปทีเดียวเที่ยวเคี่ยวเข็ญ
ยกหัวเป็นกิ้งก่าอีหน้าเป็นเต้นเจ้าเซ็นมาแต่วานจนป่านนี้
ราวกับช้างงาบ้าน้ำมันเสยกำแพงแทงตะบันจนป่นปี้
งาหักงวงยับจนอัปรีย์อีกาลีกูจะตบให้ซบไป ฯ
๏ สร้อยฟ้าได้ฟังคุณย่าด่าโมโหโกรธาหาเหือดไม่
คันปากอยากจะว่าให้สาใจบ่นพิไรร่ำว่าน้ำตานอง
จริงคะข้านี้ช้างน้ำมันช่วยกันด่าเล่นเถิดคล่องคล่อง
หัวเดียวไม่มีทั้งพี่น้องทุบถองเล่นให้สบายใจ
หลานทั่นวิ่งพลันมายุดมือชุกยื้อฉุดคร่าไม่ปราศรัย
เมื่อตกร่องแล้วจะร้องเอากับใครหรือข้าวานข้าไหว้ให้วิ่งมา ฯ
๏ ทองประศรีด่าฉาวอีลาวดงมาแผดส่งเสียงร้องเอาจ้าจ้า
ผลักเด็กจนกระเด็นเห็นแก่ตาเป็นหนึ่งว่ากูแกล้งพาโลเอา
***เอ๋ย***ถึงดีเสียจริงจริงเต้นเหยงเป็นเพลงฉิ่งไปเจียวเจ้า
ดังคนทรงผีลงอยู่เทาเทานี่พ่อหลวงหรือเข้าเจ้าปากคลอง ฯ
๏ พอพระไวยเข้าไปถึงในบ้านเสียงฉานทะเลาะกันสนั่นก้อง
ได้ยินเสียงสร้อยฟ้าออกร่าร้องย่างเท้าก้าวย่องถึงหอกลาง
สร้อยฟ้ามัวเถียงกับท่านย่าเหลียวมาค้างปากกระดากขวาง
ความกลัวตัวผิดคิดระคางแข็งกระด้างไปทั้งกายก็คลายฤทธิ์
พระไวยยืนเพ่งเขม็งตาแลดูสร้อยฟ้าให้กลุ้มจิต
ยิ่งกลั้นยิ่งแค้นดังเพลิงพิษยิ่งคิดยิ่งเคืองกระเดื่องใจ
ถามคุณย่าว่านี่ทำไมกันเสียงสนั่นไปทั้งเรือนสะเทือนไหว
เดิมทีวิวาทกันอย่างไรตัวใครก่อเกิดเป็นโกลี ฯ
๏ ท่านย่าร้องเบื่อกูเหลือเล่าเจ้าเข้ามันออกแล้วหรือนี่
เต้นหยอยลอยหน้าท่ามันดีถ้าเอ็งมาเป่าปี่กูจะตีโทน
มันเต้นผึงตึงตังดังสนั่นราวกับตาบุญจันแกออกโขน
ใครใครไม่ละปะเป็นโดนเป็นเรือโกลนออกขวางอยู่กลางคลอง
เดิมทีวิวาทกับศรีมาลามันวิ่งร่ามาจนถึงประตูห้อง
ชุมพลห้ามมันปามเอาจนร้องตกร่องลงไปคาขา***
เป็นเหตุพระไชยเชษฐ์อยากขนมสุวิชญาตากลมจึงด่าพร่ำ
กูก้อยพลอยสับยับระยำมันทิ่มตำเต้นออกมานอกชาน
เดิมว่ากระไรกันไม่ทันรู้ถามศรีมาลาดูเถิดนะหลาน
ของเอ็งมันเหลือเบื่อรำคาญนานไปเอ็งอ้อยก็เหมือนกัน ฯ
๏ พระไวยถามพลันมิทันช้าเดิมทีศรีมาลาอย่างไรนั่น
จึงฉาวไปทั้งเรือนเลื่อนเปื้อนครันทะเลาะกันเรื่องราวเป็นอย่างไร
ใจคอกระไรหนอช่างไม่คิดความอายสักนิดหามีไม่
ครั้นไม่ว่าชะล่าชะเลยใจใครผิดก็จะได้ดูสักที ฯ
๏ ศรีมาลาบอกความที่ถามไถ่พอหม่อมลงเรือนไปก็อึงมี่
ออกจากห้องร้องด่าเป็นโกลีฉันนี้ยังนั่งอยู่ในเรือน
สารพัดที่จะด่าว่าประจานเหลือจะทานทนได้ไม่มีเหมือน
แมวหมาด่าเปรอะออกเลอะเลือนว่าเชี่ยนขันเกลื่อนแตกทำลาย
เสาโบสถ์เสาวัดมายัดให้***ซ้ำตำใส่เอาง่ายง่าย
อีข้าก็พลอยระดมประสมนายจันทร์อังคารพาดปรายป่ายประชด
ว่าไปทัพจับเชลยในเรือนนอนขอดค่อนประจานทุกอย่างหมด
เห็นหม่อมมาจึงราหยุดพยศเหลือจะอดอยู่แล้วคารมนาง ฯ
๏ สร้อยฟ้าฟังความดังหนามยอกชะหม่อมเมียช่างบอกเล่นต่างต่าง
จริงแล้วทั่นฉันนี้มันจืดจางได้ทีนางแล้วก็ว่าให้สาใจ
ตัวข้าหัวเดียวกระเทียมเน่าทีว่าเราใครหาได้ยินไม่
ช่วยกันถมให้จมทุกด้านไปครั้นถียงบ้างก็จะไล่เข้าตบตี
เป็นข้าว่าอีไหมที่ในเรือนช่างกระเทือนถึงได้ไม่พอที่
เคราะห์ร้ายหมอทายมากว่าปีอยู่ดีดีก็มาโดนเอาโดยเดา ฯ
๏ อุเหม่อุแหม่อีแสนงอนช่างมาร่อนเสียงร้องออกเร่าเร่า
เขาถามกันก็ถลันเข้ารับเอากูรู้เท่ามึงอยู่สิ้นทุกสิ่งอัน
แต่ต่อหน้ายังกล้ามาขึ้นเสียงลับหลังใครจะเถียงได้หรือนั่น
อีแสนงอนค่อนว่าสารพันใครจะทันมึงเล่าเจ้ามายา
แต่เด็กห้ามก็ยังปามเอาจนเจ็บแนมเหน็บเอาผู้ใหญ่ไม่คิดหน้า
ใจคอเหี้ยมโหดโฉดปัญญาปากกล้าด่าคนไม่เกรงใจ
ศรีมาลาช่วยมากี่ตำลึงกูมึงชี้หน้าว่าเล่นได้
มันเหลือเลี้ยงจะเลี้ยงเอาไว้ไยฉวยกระชากไม้ได้ไล่ตีมา
ขวับขวับยับตลอดไปทั้งหลังลายกระทั่งทั่วตัวตลอดบ่า
สร้อยฟ้ากลัวเต็มทีวิ่งหนีมาประทานโทษเมียราแต่ครั้งเดียว
ศรีมาลาสงสารก็สิ้นแค้นวิ่งแล่นเข้ายุดฉุดไม้เหนี่ยว
หม่อมตีนี่กระไรเป็นริ้วเรียวสร้อยฟ้าตลบเลี้ยวเข้าเรือนใน
ปิดประตูใส่กลอนด้วยความกลัวกลิ้งเกลือกเสือกตัวลงร้องไห้
เจ็บระบมตรมทั่วทั้งตัวไปนางพิไรร่ำพลางเพียงวางวาย ฯ
๏ โอ้ว่าอนิจจาตัวกูเอ๋ยไม่คิดเลยเมื่อพ่อพามาถวาย
จะถูกกทั้งตีด่าประดาตายแสนอายสุดอย่างแล้วครั้งนี้
พ่อแม่อยู่ไกลไม่เหลียวเห็นจะได้ใครผ่อนเข็ญให้กูนี่
จะพึ่งผัวดังเอาตัวทุ่มอัคคีเขาขยี้เหยียบยับดังสับปลา
โอ้พ่อร่มโพธิ์ทองของน้องแก้วร่มแล้วหล่นแดดออกแผดจ้า
กิ่งก้านเขารานเสียโรยรายังแต่ฆ่าตายเปล่าเจ้าประคุณ
เมื่อแรกเห็นจะเป็นจิรังกาลมิรู้พาลพวกพกกระเชอนุ่น
ฌอ้ชีวิตเห็นจะปลิดลงเป็นจุณจะสิ้นบุญปลดปลงลงม้วยมุด
เหมือนลอยคว้างอยู่กลางทะเลไหลจะว่ายไปพึ่งพิงตลิ่งสุด
จะพึ่งตอตอหลักก็หักทรุดจะต้องมุดตัวเร้นเป็นเรือดไร
โอ้พ่อตราชูทองของน้องเอ๋ยกระไรเลยเอนเอียงหาเที่ยงไม่
ยามร้อนเมียจะผ่อนไปพึ่งใครทั้งญาติวงศ์อยู่ไกลกันต่างเมือง
ทำไฉนจะให้รู้ไปถึงบ้างเห็นสิ้นอย่างสุดหล้าฟ้าเหลือง
ครั้งนี้เห็นทีจะฝืดเคืองใครเลยจะกระเตื้องให้คืนตรง
มีแต่พวกพาพาพากันซ้ำเห็นจะจมมันก็ตำแล้วค้ำส่ง
กระเดือกดิ้นกว่าจะสิ้นชีวิตลงอันจะคงคืนรอดเห็นเต็มที
๏ ดังเพชรนิลบี่นหลุดออกจากเรือนทลายแหลกแตกเปื้อนลงป่นปี้
จะมืดคล้ำดำไปไม่มีดีสักกี่ปีจะได้คืนขึ้นเรือนรอง
คะนึงครวญป่วนจิตคิดระคายไม่เหือดหายหันหุนยิ่งขุ่นข้อง
ให้คิดแค้นศรีมาลาน้ำตานองแต่ตรึกตรองตรอมใจไม่ไสยา
พอดึกนึกได้ในทันทีขรัวครูของเรามีดีหนักหนา
นานแล้วมิได้จะไปมาจะยังอยู่หรือว่าเที่ยวเชือนแช
จำจะเสาะแสวงให้แจ้งความว่าไปอยู่อารามแห่งไหนแน่
ได้เถรขวาดเป็นสมอารมณ์แท้ถ้าพบแกครั้งนี้มิเป็นไร
คะนึงครวญจนจวนเข้ายามสามให้วาบหวามจิตปลงพะวงไหว
มือซ้ายก่ายหน้าตรึกตราไปจนหลับใหลสิ้นสมประฤดี ฯ
๏ ครั้นแสงทองส่องสว่างกระจ่างฟ้าพระสุริยาแจ่มจำรัสรัศมี
เจ้าสร้อยฟ้าตื่นพลันทันทียิ่งคิดยิ่งมีความโกรธา
กลุ้มกลัดขัดแค้นให้เคืองใจด้วยพระไวยผัวรักเป็นหนักหนา
ไปเชื่อฟังถ้อยคำศรีมาลามันยุยงเจียนฆ่าให้ม้วยมุด
แค้นคำที่สน่ำเสนอผัวยกยอเนื้อตัวเป็นที่สุด
ถ้านิ่งให้คงกระหน่ำซ้ำจนทรุดเอาจนหลุดลอยลิ่วปลิวตามลม
กูก็ชาติเรือกุไลใบสลัดถึงลมพัดก็คงเลียดเสียดประสม
จะฝ่าฝืนคลื่นไว้มิให้จมถึงใบบ้อยจะระทมก็ตามที
เต็มจนก็จะทนลองทอดสู้เมื่อจะอยู่หรือมิอยู่ให้รู้ที่
จำจะหาต้นหนที่คนดีมาช่วยชี้ทิศให้ในสายชล
เถรขวาดเธอฉลาดล้ำมนุษย์พอจะยุดเหนี่ยวเถรเป็นต้นหน
มันทำแค้นกูก่อนให้ร้อนรนจะแก้แค้นแทนทนในครั้งนี้
คิดแล้วจึงเรียกอีไหมเหวยอย่าช้าเลยออเจ้าเข้ามานี่
กูเจ็บช้ำนี่กระไรใช่พอดีหรือจะโจทย์เจ้าหนีก็ตามใจ
นี่เจ้าคิดอย่างไรในใจเจ้าเห็นว่าเราเสียทีหรืออีไหม
จะเป็นพวกศรีมาลาหรือว่าไรจงบอกไปจริงจริงอย่านิ่งฟัง ฯ
๏ อีไหมฟังว่าน้ำตาย้อยข้าน้อยเป็นข้ามาแต่หลัง
พระแม่เจ้าเลี้ยงไว้ที่ในวังตั้งแต่แม่ยังเป็นข้าไท
เจ้ายากจากเวียงเชียงใหม่มายังอุตส่าห์สู้ยากหาจากไม่
มาเห็นเขาข่มเหงไม่เกรงใจลูกนี้ไม่วายแค้นสักเวลา
ถ้าวานนี้ช่วยได้ก็ไม่ฟังจะเฆี่ยนหลังเสียให้ตายก็ไม่ว่า
แม่จะคิดฉันใดในปัญญาแก้แค้นศรีมาลาให้แหลกลง ฯ
๏ ข้าคิดแล้วนางไหมอย่าได้พรั่นขยี้มันให้เป็นแป้งระแนงผง
ครูเราเจ้าหัวนี้ตัวยงเพียงดังองค์ปู่เจ้าสมิงพราย
แม้นว่าใครดีผีก็อยู่สู่ใครให้พบก็พบง่าย
ให้เป็นก็เป็นสะดวกดายถ้าให้ตายก็ตายลงทันตา
ชำนิชำนาญการเสน่ห์ก็ถนัดเอ็งเร่งรัดเร็วรีบออกไปหา
เล่าความตามเข็ญที่เป็นมาแม้นเถรขวาดนับหน้าอย่านอนใจ
จงเห็นแก่พระปิ่นเชียงอินทร์นั้นผ่อนผันแก้แค้นให้จงได้
จะให้ทองห้าตำลึงให้ถึงใจตัวเอ็งก็จะให้ถึงส่วนกัน ฯ
๏ อีไหมว่าไฮ้อย่าว่าเจ้าข้อยบ่เอาสินจ้างเป็นอย่างซั่น
จริงแล้วเจ้าหัวตัวสำคัญตัวของฉันจะลาไม่ช้าที
ว่าแล้วเท่านั้นมิทันช้าวันทาลุกออกไปจากที่
ลูบตัวหัวใส่น้ำมันตะนีห่มสีนกกาลิงดุพริ้งเพรา
ผ้านุ่งพุ่งไหมตาตารางสอดซับในบางชมพูเข้า
ส้มสูกเลือกสรรแต่กลั่นเกลากินข้าวเช้าอิ่มพลันก็ครรไล ฯ
๏ จะกล่าวถึงเถรขวาดราชครูแต่เดิมอยู่วัดเวียงที่เชียงใหม่
รู้วิชาสารพัดจัดเจนใจทั้งเวียงชัยขึ้นชื่อระบือฤทธิ์
เมื่อทัพไทยไปประชิดติดเชียงใหม่ไปอยู่ป่าหาเหล็กไหลกายสิทธิ์
พอรู้จะมาสู้ปัจจามิตรไม่สมคิดเพราะไทยได้พารา
เจ้าเชียงใหม่ให้สัตย์เสียเสร็จสิ้นเถรเสียดายดังจะดิ้นดับสังขาร์
ครั้นเมื่อต้อนลาวลงอยุธยาเจ้าเชียงใหม่ให้มาเป็นเพื่อนตน
ด้วยเชื่อถือความรู้พระครูเฒ่าไว้ปัดเป่าแก้ววิบัติเมื่อขัดสน
เอากำลังอุปเล่ห์เวทมนตร์ช่วยให้พ้นภัยรอดปลอดกลับไป
ครั้นว่าเจ้าเชียงใหม่ได้คืนหลังแต่สร้อยฟ้านั้นยังต้องอยู่ใต้
เธอห่วงลูกอาวรณ์ร้อนฤทัยจึงสั่งให้ราชครูอยู่เพื่อนนาง
เผื่อจะเกิดขุกเข็ญเป็นอย่างไรให้เถรคอยแก้ไขเพื่อขัดขวาง
อย่าให้ใครล่วงรู้ดูลู่ทางให้เป็นอย่างพระธุดงค์ที่ลงมา
เถรขวาดรับคำแล้วทำตามไปอยู่วัดพระรามเกือบพรรษา
แกไม่ทิ้งเพศลาวชาวลานนาฉันสุราข้าวค่ำอยู่ร่ำไป
ไปลงโบสถ์เมามายทำวายวุ่นจนเจ้าคุณพระพิมลไม่ทนได้
ว่าเถรตู้ขี้เมาไม่เอาไว้จึงขับไล่จากคณะวัดพระราม
เถรก็เที่ยวซัดเซระเหระหนกับเณรจิ๋วสองคนเที่ยวด้นถาม
จะหาวัดลับลี้หนีถ้อยความพยายามมาถึงวัดพระยาแมน
เห็นกุฎีร้างข้างป่าช้าทั้งพระเณรศิษย์หาไม่หนาแน่น
ก็เข้าอยู่อาศัยไปตามแกนเที่ยวบิณฑบาตขาดแคลนพอเลี้ยงตัว
แต่เณรจิ๋วนั้นดีมีปัญญาเที่ยวบอกเล่าข่าววิชาของท่านขรัว
ว่าศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์ภูตผีกลัวรักษาใครหายทั่วทุกแห่งมา
พวกชายหญิงชาวบ้านร้านตลาดก็เกลื่อนกลาดติดตามมาถามหา
บ้างมาขอเครื่องรางบ้างขอยาบ้างขอผ้าประเจียดลงเป็นองค์พระ
ที่บ้างถูกคุณไสยมาไหว้บนให้ปัดเป่าเอาน้ำมนตร์รดศีรษะ
เขาถวายข้าวปลาธารณะค่อยเปลื้องปละอดอยากลำบากใจ
แต่ลางวันพ้นเพลตาเถรเฒ่ายังกินเหล้าข้าวค่ำหาทิ้งไม่
จะต้องเลี้ยงหมาไว้เห่าเฝ้าบันไดใครจู่มาหมาไล่ให้รู้ตัว
สบเพลากินเหล้ายังเมามายเณรก็ช่วยเพทุบายให้ท่านขรัว
ว่าท่านอาพาธไปให้มึนมัวพอยังชั่วจะไปบอกให้ออกมา
เพราะเณรจิ๋วรู้เช่นเห็นความชั่วก็ไม่กลัวขรัวครูจะด่าว่า
อยู่ด้วยเพราะสมัครรักวิชาจึงได้เป็นศิษย์หาต่างตาใจ ฯ
๏ วันนั้นนางไหมไปตอนเช้าถึงเข้าถามพระครูอยู่หรือไม่
พอหมาเห็นเห่าโฮกกระโชกไปลอมนางไหมไล่กระชั้นอยู่พันพัว
เณรจิ๋วร้องเฉดไอ้เปรตหมานั่นใครมาหาข้าหรือหาขรัว
นางไหมหนีหมาประหม่ากลัวร้องเจ้าหัวจงช่วยข้อยด้วยรา
เณรจิ๋วไล่หมาคว้าข้อมือลากรื้อขึ้นข้างบนให้พ้นหมา
เคยรู้จักทำยักคิ้วหลิ่วตาฉวยชายผ้าข้าขอเถิดเป็นไร
นางไหมปัดมือว่าฮือเจ้าปลาขอดแล้วยังกระดิกได้
เณรจิ๋วว่าปลาหมอบ่ท้อใครถึงเกล็ดลอกปอกไปใจยังดี
นางไหมว่าไฮ้เจ้าเณรจิ๋วฉังจ้าปลาซิวตามตอดขี้
ว่าพลางย่างเท้าเข้ากุฎีเห็นตาชีเถรขวาดขัดสมาธิเอน
ก็ทรุดนั่งวางกระทายไหว้ท่านขรัวว่าเจ้าตัวใช้ข้ามาหาเถร
ยกส้มสูกลูกไม้ไปประเคนเจ้าเณรรับถ่ายกระทายคืน ฯ
๏ เถรขวาดทักว่าสีกาไหมช่างนานมานานไปเหมือนคนอื่น
ให้รูปคอยน้อยหรือทุกวันคืนไม่มีชื่นจนจะหง่อมลงงอมแงม
สีกาลงมาแต่เชียงใหม่ค่อยสบายหรือไรดูเห็นแจ่ม
ห่มสอดรับสีสลับแกมสองแก้มเป็นกระติกน่าเอ็นดู
ถ้าอยู่เวียงเชียงใหม่ที่ไหนเล่าจะใส่ต่างวางเข้าจนกบหู
ลงมาอยู่เมืองใต้ไทยเป็นครูรูหูแคบเชือนเหมือนกับไทย
เจ้านายใช้มาเป็นหยังหั้นอยู่ดีด้วยกันหรือไฉน
หรือว่าเกิดทุกข์โศกมีโรคภัยนางไหมมีผัวแล้วหรือยัง ฯ
๏ นางไหมไหว้ตอบหลวงตาขวาดไร้ญาติบ่เห็นจะเป็นฉัง
แสนลำบากยากจนพ้นกำลังอยู่ลำพังบ่าวนายไม่คลายใจ
อันลูกผัวตัวข้อยนี้แสนขลาดแต่ตลาดก็บ่ออกไปเบิ่งได้
นับเบี้ยก็บ่เป็นเหมือนเช่นไทยนี่เจ้าใช้มาดอกจึงออกมา
ด้วยว่าหม่อมไวยผัวตัวนางเริดร้างแรมรักเสียหนักหนา
ไปเชื่อถ้อยฟังคำศรีมาลาเขายุให้ตีด่าดังข้าไท
เจ้าหัวโปรดด้วยไปช่วยกันเชิญขวัญหม่อมามาให้จงได้
ให้นอนด้วยองค์นางพอสร่างใจท่านจะให้ทองมาห้าตำลึง ฯ
๏ เถรขวาดหัวร่ออ่อเท่านั้นให้เชิญขวัญหม่อมไวยมาให้ถึง
นอนกับนายของเจ้าไดเคล้าคลึงความขึ้งเคียดนั้นจะพลันคลาย
ข้อธุระสีกามาหาเราจะช่วยเจ้าอย่าวิตกให้โศกหาย
แต่ความทุกข์ของหลวงตาประดาตายเจ้านายโปรดบ้างจะบางเบา
ว่ากันตัวต่อตัวแต่หัวทีถ้าสิ้นทุกข์โศกดีจะขอเจ้า
เอาไว้อยู่คู่ชีวิตแทนศิษย์เราพอหุงข้าวกลางวันให้ฉันเพล ฯ
             

๏ นางไหมว่าไฮ้ขรัวตาขวาดข้าบ่ปรารถนาเว้าเอาผัวเถร
ตาจนเป็นน้ำข้าวมาเว้าเกนเดนแร้งถามข่าวทุกคราววัน
หาคิดถึงตัวไม่อยากได้สาวจะสึกห่อผ้าขาวหรือไรนั่น
อายุเก้าสิบปีบ่มีฟันแมลงวันตัวเมียบ่บินตอม ฯ
เถรว่าตัวเราถึงเฒ่าแก่ก็ชอบชมสาวแส้แก้มหอมหอม
นี่คนแก่ดอกมิใช่ลูกไม้งอมถึงนกหกตามตอมไม่หล่นไป
อันมนุษย์นี้มันสุดที่ไหนเจ้าถึงแก่เฒ่าก็เผยอเอออวยได้
ยังไม่เหม็นคาวปลาอย่าว่าไปการงานทำได้เรี่ยวแรงมี
เป็นแต่ว่าเหนื่อยนักขี้มักหอบต้องวางจอบนั่งพูดดูดบุหรี่
น้ำท่าหากินไปตามทีพอแรงมีลุกขึ้นจ้ำจนค่ำลง
กระถดเข้ามานี่สีกาไหมวานเข้ามาให้ใกล้หยิบผ้าส่ง
จริงหนาว่ากันให้มั่นคงดูสบงบ้างเป็นไรสุดใจจริง ฯ
๏ เณรจิ๋วเยี่ยมหน้าคาประตูว่าขรัวครูอย่าไปเว้าเอาผู้หญิง
ข้าบอกให้มิใช่จะช่วงชิงเห็นนอนนิ่งอยู่แต่วัดมาอัตรา
จะเข้าเนื้อเข้าใจอันใดนั่นคอยเว้าเอาแต่ฝันเถิดดีกว่า
วันนั้นไปบิณฑบาตยาจนาเกี้ยวสีกามันยังก้มถ่มน้ำลาย
เถรขวาดร้องว่าฮ้าอ้ายจิ๋วอ้ายอัปรีย์ขี้ริ้วพูดง่ายง่าย
เพ้อเจ้อเซ้าซี้ไม่มีอายตะวันบ่ายหาเพลเถิดเณรเคอะ
เณรจิ๋วขัดใจไพล่ลุกมาหลวงตานั่งเกี้ยวคนเดียวเถอะ
ไม่กลัวบาปกลัวกรรมทำหยำเหยอะเถรด่าว่าอ้ายเตอะจะต้องตี
อย่าว่าให้ยืดยาวเลยสาวไหมเจ้าเชิญให้สร้อยฟ้าออกมานี่
พรุ่งนี้ฤกษ์งามยามดีจงลอบหนีออกมาอย่าวุ่นวาย ฯ
๏ นางไหมรับคำแล้วอำลาพรุ่งนี้ข้อยจะมามิให้สาย
ออกจากวัดลัดทางย่างเยื้องกรายแลเห็นนายนั่งเยี่ยมหน้าต่างมอง
สร้อยฟ้าเห็นหน้าพยักยิ้มอีไหมกริ่มเข้าห้องย่องค่อยค่อย
กระซิบเล่าความออกบอกตะบอยข้าน้อยไปหาขรัวตาครู
ท่านขรัวเห็นแน่ว่าแก้ได้อย่าให้เสียน้ำใจจะช่วยอยู่
พรุ่งนี้ให้ไปหาว่ากันดูเจ้ากูจะทำให้สำคัญ ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าสร้อยฟ้าฟังว่าปรีดิ์เปรมเกษมสันติ์
นอนตรึกนึกสมอารมณ์ครันครั้นรุ่งแสงสุริยันขึ้นทันใด
ไปอาบน้ำชำระราคีขัดสีนวลละอองให้ผ่องใส
เห็นรอยตีที่แขนยังแค้นใจหลังไหล่ลูบช้ำระกำกาย
เจ็บแผลแต่ไม่ถึงที่เจ็บใจไม่แก้แค้น***ได้ก็ไม่หาย
ถึงรอยไม้หายแล้วก็ไม่วายยังไม่ตายแล้วจะแก้ไม่แพ้มัน
ผลัดผ้าลุกมาเข้าห้องนอนข้อนข้อนอกใจให้หวั่นหวั่น
หวีหัวผัดหน้าสียาฟันห่มสไบสองชั้นเข้าทันที
หยิบหีบหมากส่งให้อีไหมรับพลางขยับลุกเลื่อนออกจากที่
ข้าวของสมควรล้วนดีดีส่งให้ทาสีที่ไว้ใจ
พอพระไวยไปเฝ้าเจ้าก็มาใครหาทันสงกาสังเกตไม่
ถึงวัดพระยาแมนเข้าทันใดขึ้นไปบนกุฎีด้วยปรีดา
นั่งราบกราบกรานอาจารย์เจ้าของข้าวประเคนให้หนักหนา
บ่าวไพร่ให้ไปพักอยู่ศาลาสร้อยฟ้ากับอีไหมอยู่ในนั้น
สร้อยฟ้าวอนว่าพระอาจารย์ความทุกข์ของหลานนี้สุดกลั้น
ด้วยหม่อมผัวทำโพยโบยรันให้น้อยน้ำหน้ามันศรีมาลา
ยุยงแสร้งส่อทุกสิ่งไปพระไวยเชื่อฟังที่มันว่า
ละร้างห่างเหทุกเวลาปะตามีแต่ค้อนให้เคืองใจ
ทั้งท่านทองประศรีที่เป็นย่าระดมด่าเคี่ยวเข็ญหาเว้นไม่
ขรัวปู่เอ็นดูให้พ้นภัยให้พระไวยนั้นกลับมาหลับนอน
ว่าพลางทางแก้ซึ่งถุงทรัพย์นับให้ขวัญข้าวเจ้าหัวก่อน
ถ้าหม่อมไวยเธอมาอย่าอาวรณ์จะขนคอนมาให้ทุกสิ่งอัน ฯ
๏ เถรขวาดนิ่งนั่งฟังสร้อยฟ้าแล้วตอบว่าทุกข์ไปทำไมนั่น
ถ้ารูปทำลงให้ไม่ถึงวันพระไวยก็จะหันมาคืนดี
ว่าแล้วเท่านั้นมิทันช้าจุดธูปเทียนบูชาเข้านั่งที่
หยิบขันสัมฤทธิ์ประสิทีฤกษ์ดีตักน้ำมาเสกพลัน
อึดใจเป่าไปก็พล่านพลุ่งเป็นฝอยฟุ้งฟองฟูขึ้นท่วมขัน
ส่งให้เจ้าสร้อยฟ้านั้นอธิษฐานเสียให้ทันที่ฤกษ์ดี ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าสร้อยฟ้ารับทูลเกศาเกษมศรี
ขอพระเวทวิเศษประสิทธีให้สูญสิ้นราคีที่ร้ายรอง
จงเข้าดลใจพระไวยผัวให้มืดมัวลุ่มหลงมาลงห้อง
แล้วชิงชังศรีมาลาอย่านึกปองต้องมนตร์พันพัวให้มัวใจ
ครั้นอธิษฐานเสร็จแล้วสระผมที่เกรียมตรมขุ่นหมองค่อยผ่องใส
นวลหน้าฝ้าจับกระจายไปสบายใจพูดจากับอาจารย์ ฯ
๏ ครานั้นเถรขวาดราชครูพิเคราะห์ดูปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
หยิบขี้ผึ้งปากผีมามินานเอาเถ้าพรายมาประสานประสมพลัน
ลงอักษรเสกซ้อมแล้วย้อมผมเป่าด้วยอาคมแล้วจึงปั้น
เป็นสองรูปวางเรียงไว้เคียงกันชักยันต์ลงชื่อศรีมาลา
อีกรูปหนึ่งลงชื่อคือพระไวยเอาหลังติดกันไว้ให้ห่างหน้า
ปักหนามแทงตัวทั่วกายาแล้วผูกตราสังมั่นขนันไว้
ซ้ำลงยันต์พันด้วยใบเต่ารั้งให้เณรจิ๋วไปฝังป่าช้าใหญ่
แล้วปั้นรูปสร้อยฟ้ากับพระไวยเอาใบรักซ้อนใส่กับเลขยันต์
เถรนั่งบริกรรมแล้วซ้ำเป่าพอต้องสองรูปเข้าก็พลิกผัน
หันหน้าคว้ากอดกันพัลวันเอาสายสิญจน์เข้ากระสันไว้ตรึงตรา
รูปนี้จงฝังไว้ใต้ที่นอนไม่ข้ามวันก็จะร่อนลงมาหา
แล้วเสกแป้งน้ำมันจันทน์ทาประสมด้วยว่านยาน้ำมันพราย
ครั้นเสร็จส่งให้เจ้าสร้อยฟ้าไปเถิดสีกาตะวันสาย
พรุ่งนี้ถ้ากระไรได้แยบคายให้นางไหมขยายมาส่งเพล ฯ
๏ เจ้าสร้อยฟ้าตอบว่าอย่าร้อนใจขอแต่ให้สมคิดเถอะคะเถร
ว่าแล้วอำลาทั้งเถรเณรออกบริเวณวงวัดลัดกลับมา
พอถึงเคหาพยายามทำตามเถรสั่งหาช้าไม่
ครั้นพลบค่ะร่ำคอยละห้อยใจทอดตัวลงในที่นอนครวญ ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าหมื่นไวยนอนอยู่ในห้องฝันให้ปั่นป่วน
ว่าสาวน้อยสร้อยฟ้ามาเชิญชวนให้ไปนอนแนบนวลที่ห้องนาง
หลงพูดพึมเพ้อละเมอหาตื่นขึ้นเห็นศรีมาลาอยู่เคียงข้าง
ให้ร้อนวาบปลาบใจดังไฟฟางพลิกกระด้างกระเดื่องดูไม่เต็มตา
สว่างแสงอัจกลับวะวับห้องละเมอมองเงาฉงนชะโงกหา
พระพายพัดเกสรขจรมาหวั่นวาบวิญญาณ์สยองใจ
พระจันทร์แจ่มกระจ่างสว่างดวงโชติช่วงดาวอร่ามสามไสว
เที่ยวค้นหาน้องในห้องในต่อเข้าใกล้จึงรู้ว่าผิดคน
คิดว่าเจ้ามิรู้เงาพฤกษชาติให้หวั่นหวาดหนังพองสยองขน
หรือผีร้ายมันลองคะนองตนแต่เพ้อพกมาจนถึงเรือนนาง
เข้าแอบฟังข้างฝาสงัดเงียบไม่ไหวเกรียบปะทีปไฟไสวสว่าง
ผลักบานดาลดึงอยู่กึ่งกลางเคาะเคาะคอยพลางจะดูที ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าสร้อยฟ้าไม่พูดจาจามไอให้อึงมี่
เห็นเดชะพระเวทวิเศษดีด้วยเถรชีสั่งไว้ทุกสิ่งพร้อม
ถ้าแม้นผัวมาหาอย่ากลัวผิดให้ลองฤทธิ์พระครูดูใจหม่อม
จะเกรี้ยวกราดเหมือนแต่ก่อนหรือหย่อนยอมใครมาด้อมอยู่นี่ผีหรือคน
ช่างไม่เกรงน้ำใจพระไวยผัวตัวข้อยสร้อยฟ้านี้ยับป่น
ต้องโบยตีเหลือที่จะทานทนหรือผีปู่สู่ตนจะบนบวง
ยังอุตส่าห์มาเยียนต้องเฆี่ยนตีพรุ่งนี้จะเชิญไปกินขวง
คงจะให้แก่เจ้าบ่เว้าลวงอย่าเป็นห่วงมาห้องน้องจะนอน ฯ
๏ โอ้ว่าสร้อยฟ้าแก้วตาพี่มิใช่ผีสางดอกมาหลอกหลอน
ดวงจิตเจ้าอย่าคิดอนาทรขวัญอ่อนเจ้าอย่าอาลัยครวญ
เจ้าหวาดหวั่นวันตีเมื่อต้องโทษขวัญแม่โลดผาดผันจึงปั่นป่วน
มาจะรับขวัญน้องประคองควรให้คืนเข้าร่างนวลสนิทกาย
งามแช่มแม่จงแย้มใบดาลรับอย่าหวนหับห้องเมินเชิญขยาย
จงคลายโศกเสื่อมทุกข์สุขสบายเหือดหายที่โทษบรรเทาใจ ฯ
๏ หม่อมดอกหรือฉันไม่ทันรู้ฉันคิดอยู่ว่าจะมาไม่ได้
นี่หม่อมมาได้ลาแล้วหรือไรไม่เกรงใจแม่ศรีมาลาเลย
ถ้าหล่อนฟื้นตื่นขึ้นไม่พานพบจะเต้นหรบอยู่แล้วแก้วแม่เอ๋ย
จะตามหาท่านผู้ชายร้อยวายเวยนิจจาเอ๋ยก็จะชวดที่ชมกัน
เชิญกลับไปห้องอย่าหมองมัวฉันคนชั่วดอกมิใช่สาวสวรรค์
สารพัดชั่วช้าทุกสิ่งอันเถิดเท่านั้นเมื่อแล้วก็แล้วไป
หลังน้องพองพังไปทั้งกายหารู้ที่จะสบายด้วยหม่อมไม่
รอยไม้ลายทั่วทั้งตัวไปเจ็บทั้งในนอกเนื้อก็เหลือทน
ยังจะมาก่อกรรมให้ซ้ำเสียหน่อยหม่อมเมียจะมาด่าเล่นจ้นจ้น
แต่กระนี้ยังไม่วายจะอายคนจะก่อกวนให้เขาก่นกระไรไป ฯ
๏ โอ้ว่าแก้วแววตาของพี่เอ๋ยอย่านึกเลยพี่หาเป็นเช่นนั้นไม่
พี่รักเจ้าเทียมเท่ากับดวงใจมิได้วายรักสักเวลา
ผิดพลั้งมั่งก็ตีกันซีเจ้าหรือเปล่าเปล่าผัวพาลพาโลว่า
เจ้าขึ้นเสียงเปรี้ยงชี้ไม่พริบตาโกรธาดอกจึงถึงทุบตี
เป็นเหตุเพราะเจ้าห้าวหาญนักฮึกฮักไม่เกรงน้ำใจพี่
คลายแค้นก็ยังแสนจะปรานีเจ้าถือโทษประหนึ่งพี่จะเด็ดไป
ผัวผิดคิดมั่งเมื่อครั้งรักจะหาญหักเคียดขึ้งไปถึงไหน
จงเสื่อมโศกสร่างเศร้าให้เบาใจอย่าตัดไมตรีพี่นี่จริงจริง
อย่าพักวอนให้อ่อนให้หายแค้นเหลือแสนฝังใจไว้ทุกสิ่ง
ยามดีมีแต่จะชังชิงคุณหญิงยิ่งยั่วให้หยามใจ
หม่อมด่าสารพัดจะตัดรอนแคะค่อนขอดว่าไม่ปราศรัย
รอดด้วยพ่อชุมพลจึงพ้นภัยไม่หลบเข้าห้องได้ก็วายปราณ
แต่กระนั้นยังขยับจับกระบี่หม่อมศรีมาลาซ้ำเอาฉานฉาน
ด่าให้เมียฟังตั้งประจานเพื่อนบ้านเบื่อฟังกำลังมัว
ไม่หนำใจไล่ความว่าทะเลาะฉวยดาบมาจะเฉาะกะลาหัว
ว่าเล่นว่าได้จะให้กลัวเพราะหม่อมหญิงหล่อนยั่วให้ยวนใจ
เออเมื่อกอดจูบกันทำหยันเย้ยหัวอกใครไหนเลยจะอดได้
มากล่าวแต่ลมลวงให้ลืมไปฉันเข้าใจไม่มีเปล่าทุกเช้าเย็น
ถึงกรางทองทองให้กินไม่ยินดีตั้งแต่นี้ต่อไปไม่ขอเห็น
ผู้ชายปราบปรามเมียก็ไม่เป็นเอ็นลิ้นสิ้นดีแต่เล่ห์กล ฯ
๏ เออน่าฟังน้อยหรือถ้อยคำช่างจะร่ำไรเรื่องแต่เบื้องต้น
เมื่อขึ้นเสียงย่อนย่อนไม่ผ่อนปรนเจ้าก่อก่อนแล้วมาบ่นเอากับใคร
ผัวห้ามเจ้าจะยั้งมั่งแล้วหรือกลับดึงดื้อเอาเสียอีกหาหลีกไม่
กระทบกระเทียบเปรียบปรายมากมายไปคือว่าใครได้สลัดถึงตัดรอน
ผัวห้ามก็ยิ่งพกโมโหฮึกกลับสะอึกเข้ามาเถียงเอาย่อนย่อน
ผัวมาหากลับว่าเป็นแง่งอนความที่ร้อนรักนุชนี้สุดทน
พี่เรียกหาแก้วตาไม่เปิดรับยังมากลับว่าพี่จนปี้ป่น
ว่าพลางทางร่ายพระเวทมนตร์สะเดาะกลอนถอนหล่นลงทันที ฯ
สร้อยฟ้าผลักรานใบดาลเปิดดูเอาเถิดหม่อมไวยอะไรนี่
แกล้งกวนโมโหเป็นโกลีประเดี๋ยวนี้เป็นอะไรก็เป็นไป ฯ
๏ ชิต้าแต้เจ้าแม่เอ๋ยคารี้คารมกระไรเลยหาเหือดไม่
คันมือเถิดหรือให้สมใจทำเป็นคว้าไม้จะตีเอา ฯ
กล้าดีตีซิไม่ฟังกันหุนหันหดมือไปไหนเล่า
มิข่วนให้เลือดพรูก็ดูเอาทำผลักไสไม่ให้เข้ามาไยดี
ชะกระไรใจน้องดื้อจริงหนอสะพ้านคอเอนเอียงลงกับที่
อุ้มขึ้นที่นอนวอนพาทีผัวไม่ตีให้เจ้าช้ำระกำใจ
น้องเอ๋ยเลิกทีที่ขุ่นเคืองจะกระเดื่องกระดากดิ้นผินไปไหน
ว่าพลางสอดคล้องทำนองในสำราญใจจนหลับไปกับนาง ฯ
๏ ครั้นแสงทองส่องฟ้าเวหาเหลืองอร่ามเรืองเหนือใต้ไสวสว่าง
แดดส่องเข้าช่องหน้าต่างกลางพระไวยนางสร้อยฟ้าก็ตื่นพลัน
ลูกจากเตียงชวนกันบ้วนปากอีไหมคลานเอาพานหมากมาตั้งนั่น
ปะตาสร้อยฟ้าให้ตากันฝ่ายพระไวยผายผันจะเข้าวัง
ผลัดผ้าคว้าร่มลงจากเรือนทนายหนุ่มกลุ้มเกลื่อนมาตามหลัง
คิดถึงสร้อยฟ้าพะว้าพะวังจนกระทั่งท้องพระโรงเข้าทันใด
เจ้าพระยาหลวงแลหมื่นขุนว้าวุ่นเข้าเฝ้าอยู่ไสว
ปางพระองค์ผู้ดำรงภพไทรสำราญราชหฤทัยเปรมปรีดิ์
พระจึงมีสีหนาทประภาษถามอ้ายพลายงามเป็นกระไรจึงหมองศรี
ดูหน้าตาฝ้าคล้ำไม่มีดดีเอ็งนี้ไม่สบายด้วยอันใด
หรือเมียมึงหึงหวงจ้วงจาบหยามหยาบเกินเลยหรือไฉน
ใครมีเมียสองมักหมองใจจะหาความสบายได้มิใคร่มี
ถ้าแม้นมีสามสี่เสียดีกว่าต้องตำราว่าเป็นสุขเกษมศรี
แน่ะกูว่าแล้วเอ็งตรองดูให้ดีมันจะเป็นราศีข้างหน้าไป ฯ
๏ พระหมื่นไวยบังคมก้มเกล้าให้มัวเมาหมกมุ่นไม่ทูลได้
ไม่สว่างสร่างมนตร์ที่ดลใจจึงมิได้กราบทูลพระกรุณา ฯ
             

ตอนที่ ๓๘ พระไวยถูกเสน่ห์

๏ จะกลับกล่าวถึงลาวนางสาวไหมพอพระไวยเดินออกนอกเคหา
กรุ้มกริ่มยิ้มละไมอยู่ไปมากระซิบถามสร้อยฟ้าไปทันใด
วันนี้เห็นทีค่อยแช่มชื่นมาเมื่อคืนยังว่าหรือหาไม่
หรือดีแล้วเหมือนแต่ก่อนร่อนชะไรฉันนอนหวั่นพรั่นใจไม่หลับเลย ฯ
๏ สร้อยฟ้ายิ้มเมินสะเทิ้นอายที่ดุร้ายหายแล้วละเอ็งเอ๋ย
กูปรักปรำหลายคำไม่เถียงเลยมีแต่ปลอบชอบเชยให้ชื่นใจ
คุณท่านขรัวดับเข็ญเห็นทันตาจะหักอีศรีมาลาให้จงได้
จะพาโลเอาต่อหน้าพระหมื่นไวยยุให้ผัวเฆี่ยนให้เจียนตาย
อีไหมหัวเราะว่าเหมาะจริงทีนี้เจ้าจอมหญิงหยิ่งจะหาย
กำลังลมชักใบให้สบายแต่หมายหมายมาก็สมได้ลมดี ฯ
๏ ครานั้นจึงพระไวยวรนาถเสด็จขึ้นอภิวาทลุกจากที่
ให้คิดถึงสร้อยฟ้านารีทุกนาทีรำพึงถึงแต่นาง
ให้ขุ่นเคียดเกลียดชังศรรีมาลามันจะคิดริษยาอย่างไรบ้าง
กลับถึงเคหามาหอกลางสองนางออกนั่งอยู่พร้อมกัน
ศรีมาลากำลังยกพานผ้าสร้อยฟ้าแกล้งเสียดเบียดถลัน
ทำเซซวนม้วนล้มลงฉับพลันเออกระนั้นสิหม่อมขาเจ้าจอมดู
เอาแขนกั้นไว้ไม่ให้เข้าถ่มน้ำลายรดเอาเปื้อนหัวหู
กระซิบด่าอ้าปากน้ำหมากพรูถีบให้ผัวดูเล่นดูตามที
พระไวยเมินไปพลันไม่ทันดูได้ยินเสียงร้องอยู่ออกอึงมี่
เหลือบเห็นสร้อยฟ้านารีล้มอยู่เคียงที่ศรีมาลานั้น
ให้พิโรธโกรธใจดังไฟวับยืนขยับระรัวตัวสั่น
ดูดู๋ทำได้ใจฉกรรจ์ถีบยันเขาเล่นเช่นข้าไท
ช่วยมากี่ชั่งตั้งข่มเหงจะกลัวเกรงสักนิดก็หาไม่
ถ่มถุยทิ่มตำเอาตามใจยิ่งกว่าเจ้าได้เชลยมา
ศรีมาลาว่าฉันไม่ได้ทำฟ้าผ่าเถิดวิบากกรรมเป็นหนักหนา
เสแสร้งแกล้งพาลมารยาทำล้มลงแล้วก็ว่าข้าถีบทำ
เอะเถียงอีกเล่าอีเจ้าเล่ห์เมื่อถีบสร้อยฟ้าเซคะมำคว่ำ
ยังพาโลโกหกไม่ตกคำอีมุสาม***สบถลน
เห็นอยู่กับตาว่าไม่รับสบปลับไม่น้อยนางสร้อยสน
จับเช่นได้สิ้นลิ้นกะลาวนแต่ต้นก็หมายว่ามึงดี
วันเมื่อวิวาทกับสร้อยฟ้าสารพัดจะว่าเป็นถ้วนถี่
ยุแยงแกล้งร้องจนต้องตีแต่เพียงนั้นยังไม่มีจะหนำใจ
วันนี้ยังมาพาโลอีกจะให้แกแล่เนื้อไปถึงไหน
แม้นมิทำบ้างเลยจะเคยใจฉวยไม้ตีต้อนตลบมา
ขวับขวับยับแตกตลอดหลังศรีมาลาแอบบังข้างคุณย่า
ทองประศรีร้องอึงมึงอย่ามาปากกล้าไม่กลัวจนผัวตี
แปรดแปร้นแสนถ่อยน้อยไปหรือน่ามัดมือโยงเฆี่ยนให้เป็นผี
ผัวว่ากลับเถียงเปรี้ยงเปรี้ยงดีถีบทำย่ำยีออสร้อยฟ้า
แกผลักไสว่าออไวยเอาอีกเหวยชุมพลว่าอย่าเลยคุณพี่ขา
ลุกถลันกั้นพี่ศรีมาลาพระไวยไล่หวดมาจนย่อยยับ
ตีถูกศรีมาลาก็หลายหนถูกชุมพลน้องชายก็หลายขวับ
ศรีมาลาวิ่งร้องเข้าห้องลับทองประศรีเต้นหรับระงมไป
พลางอุ้มชุมพลมาด่าอึงบ้านมาตีหลานหลานกูทำไมให้
เมียมึงหึงกันสนั่นไปไยไม่ตีกันอ้ายจันเคอะ
อ้ายชาติชั่วกลัวเมียเสียน้ำหน้าอ้ายบ้าโสมมอ้ายจมเปรอะ
หลับหูหลับตาอ้ายบ้าเฟอะงมเงอะเปล่าเปล่าอ้ายเมาเมีย
ฟักฟูมอุ้มหลานมาอาบน้ำช่างระยำหลังไหล่ดังไก่เขี่ย
อ้ายจองหองตีน้องประชดเมียน้ำตาเรี่ยบ่นพร่ำแกร่ำไร
อุ้มหลานเข้าห้องยิ่งหมองช้ำดูชุมพลระยำทั้งหลังไหล่
แกปลอบเช็ดน้ำตาพลางทาไพลแล้วพาขึ้นเตียงใหญ่เข้านิทรา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพลายชายชุมพลขึ้นบนเตียงนอนกับท่านย่า
พอพลบค่ำย่ำแสงสนะยานิ่งนึกตรึกตราให้ตรอมใจ
โอ้ว่าพี่ไวยของน้องเอ๋ยไม่เห็นเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ได้
เข้ากับพี่สร้อยฟ้าพาเชือนไปเขาใส่ไคล้กล่าวเท็จทุกสิ่งอัน
ไม่ถามไถ่ไปเชื่อแต่คนผิดน้องนี้คิดสงสัยให้นึกพรั่น
เห็นจะถูกเสน่ห์เล่ห์กลมันดูหน้าฝ้านั้นออกมอมมัว
อนึ่งพี่ศรีมาลายาใจพี่ไวยรักใคร่มิใช่ชั่ว
ยังถูกหวายออกลายไปทั้งตัวคุณย่าก็ยังยั่วให้ตีรัน
แต่เมียรักเขายังสักเอาด้วยหวายเป็นน้องหรือจะไม่ลายตลอดสัน
แล้วก็ใช่พี่น้องท้องเดียวกันเขาจะรักเรานั้นสักเพียงไร
ถ้าขืนอยู่คงเป็นหมูสำหรับแล่จะไปหาพ่อแม่ให้จงได้
สองคนกับกุมารจะซานไปคงเดินไพรไปถึงกาญจน์บุรี
คิดพลางทางกั้นซึงโศกไว้ทำกอดจูบลูบไล้ทองประศรี
เนื้อคุณย่าอ่อนละมุนดังสำลีวันนี้หลานรักจักไสยา
ดูน่าชมสมบุญขึ้นล้ำเลิศเล่านิยายไปเถิดคุณย่าขา
ทองประศรีหัวร่อพ่อนี่นานอนเถิดย่าจะเล่าให้เจ้าฟัง
เอาเรื่องไชยเชษฐ์เถิดหรือเหวยเป็นกระไรมิรู้เลยลืมไปมั่ง
กูจำได้แต่เมื่อไปอยู่ป่ารังเมียออกลูกข้างหลังกลายเป็นแมว
เอ๊ะผิดแล้วพ่อต่อจะมิใช่กูหลงเล่อเพ้อไปแล้วหลานแก้ว
ไม่ได้ดูเขาเล่นงานมานานแล้วจะเป็นแมวหรือท่อนไม้ไม่รู้เลย
พลายชุมพลหัวร่อยอคุณย่าเพราะหนักหนาย่าเล่าเจ้าแม่เอ๋ย
ทองประศรีกอดจูบลูบชมเชยแล้วก็เลยหลับกรนอยู่บนเตียง ฯ
๏ เจ้าพลายน้อยนอนระวังฟังสดับเห็นย่าหลับเงียบเชียบสงัดเสียง
ค่อยเขยื้อนเลื่อนลุกออกจากเตียงแสงตะเกียงแก้วกระจ้างสว่างตา
ให้โศกแสนเสียใจจะไปจากน้ำตาพรากพร่างพรายทั้งซ้ายขวา
ถอดปะหล่ำกำไลสร้อยเสมาที่คุณย่าจัดแจงให้แต่งตัว
กำไลเท้าสองข้างง้างเสียสิ้นแล้วถอดปิ่นปักจุกออกจากหัว
พิศดูสิ่งของยิ่งหมองมัวแม้นติดตัวไปเดี๋ยวนี้จะมีภัย
เอาสิ่งของกองกับปลายตีนย่าซบหน้าลงแล้วก็ร้องไห้
โอ้มีกรรมจำเป็นจะจากไปด้วยเจ็บใจเหลือที่จะทนทาน
จะพึ่งบุญคุณย่าอยู่ที่นี่พี่ไวยโบยตีข่มเหงหลาน
จึงจำจากดั้นเดินดงกันดารขึ้นไปกาญจน์บุรีบอกบิดา
๏ เจ้าประคุณทูนหัวของหลานแก้วตื่นขึ้นแล้วจะหลงร้องเรียกหา
ไม่เห็นหายก็จะฟายฟูมน้ำตาเจ้าก็กอดตีนย่าสะอื้นไป
จนแซ่เสียงไก่ขันกลั้นสะอื้นกลับจะรู้สึกตื่นไม่หนีได้
ลงจากเตียงเมียงมองมาห้องในประจงใส่เสื้อสีกางเกงแดง
กระหมวดจุกผูกผ้าประเจียดรัดคาดเข็มขัดผูกเครื่องดูเข้มแข็ง
ถือกริชน้อยค่อยย่องไม่เหยียบแรงแอบแฝงย่องออกมานอกชาน
เข้าในเรือนพี่ศรีมาลาเห็นนิทราหลับใหลให้สงสาร
จะปลุกขึ้นอำลาจะช้าการค่อยแหวกม่านนั่งเคียงบนเตียงนอน
เจ้ากราบตีนศรีมาลาน้ำตาตกระกำอกสะอึกสะอื้นอ้อน
โอ้มีกรรมจำใจจะจากจรค่อยอยู่ก่อนเถิดหนาจะลาไป
สงสารพี่อยู่เดียวจะเปลี่ยวจิตเขาจะพาลผิดตีด่าไม่ปราศรัย
จะซูบผอมตรอมตรมระกำใจน้องจะไปลับพี่วันนี้แล้ว
โอ้รู้สึกสะอึกสะอื้นหาด้วยได้เคยเห็นหน้าแต่น้องแก้ว
เขาโบยตีพี่น้องยังป็นแนวน้องคิดแล้วแสนแค้นแน่นอุรา
๏ ถึงอยู่ด้วยช่วยพี่ก็มิได้จะรีบไปบอกพ่อลงมาหา
แล้วอัดอั้นกลั้นสะอื้นกลืนน้ำตาลุกออกมาห้องกลางสว่างไฟ
เห็นขนมนมเนยในพานน้อยชะรอยพี่ศรีมาลาหาไว้ให้
จะได้กินกลางทางในกลางไพรแล้วหยิบใสไถ้ออกมานอกเรือน
ฝ่ายผีที่ชื่อกุมารทองเดินเรียงเคียงน้องไปเป็นเพื่อน
ฟ้ากระจ่างแจ่มแจ้งด้วยแสงเดือนลงจากเรือนรีบรัดเดินลัดแลง
มาถึงหนทางที่กลางทุ่งพอย่ำรุ่งพระอุทัยเธอไขแสง
ต้องละอองน้ำค้างที่กลางแปลงค่อยมีแรงรีบเดินดำเนินไป
กุมารทองนำน้องเข้าในป่าร่มพฤกษายางยูงสูงไสว
เจ้าพลายน้อยค่อยคลายสบายใจก็หมายไปยังบ้านกาญจน์บุรี ฯ
๏ ขอเงือดงดบทพลายชุมพลก่อนจะกล่าวกลอนถึงท่านย่าทองประศรี
หลับสนิทนิทราในราตรีพอไก่ตีปีกขันสนั่นดัง
แกฝันว่าเสือใหญ่ไล่กระโชกมันโดดโฮกเข้าขบตบเอาหลัง
สะดุ้งดิ้นโดนเตียงเสียงดังตังร้องโอยดังขึ้นทั้งหลับกลับฟื้นกาย
แกลืมตาขึ้นดูรู้ว่าฝันยังนึกกลัวตัวสั่นมิใคร่หาย
เหลียวซ้ายแลขวาหาหลานชายไม่เห็นพลายน้อยนึกอนาถใจ
ลุกขึ้นมาร้องเรียกพลายชุมพลนี่มันลุกซุกซนไปข้างไหน
แกบ่นพลางทางแลเห็นกำไลกับใบไม้ปิ่นสนสร้อยเสมา
เห็นข้าวของกองกับปลายตีนเตียงตกใจพ่างเพียงจะสังขาร์
ชะรอยหลบหนีไปพ่อไม่ลาโอ้พ่อทูนหัวย่านี่อย่างไร
๏ แล้วแกเที่ยวค้นคว้าหาไม่เห็นหรือตื่นนอนซ่อนเร้นอยู่ที่ไหน
แกลุกลงจากเตียงเสียงโผงไปร้องเรียกข้าไทอยู่วุ่นวาย
เหวยอีมีอีเม้าอีเฒ่าโตทั้งอ้ายโพแม่มึงช่างนอนสาย
เอามาเฆี่ยนเสียมั่งให้หลังลายอ้ายฉิบหายตายโหงโก้งโค้งนอน
พวกข้าไทได้ยินเสียงท่านย่าตื่นตกใจคว้าหาผ้าผ่อน
ลุกขึ้นกึกกักชักลิ่มกลอนยังมัวนอนเยี่ยมหน้าออกมาดู
ทองประศรีชี้หน้าด่าเสียงแซ่ชกโคตรแม่มึงยังออกมายืนอยู่
พลายชุมพลหนีไปก็ไม่รู้ไปเที่ยวหาหลานกูเร็วเร็วมา
ข้าคนอลหม่านทั้งบ้านช่องบ้างก็ร้องตะโงนตะโกนหา
บ้างวิ่งไปไต่ถามตามวัดวาไม่พบแล้วกลับมาบอกกับนาย
ทองประศรีตีอกสะอื้นไห้แกเสียใจเป็นลมจนล้มหงาย
ข้าไทชายหญิงวิ่งวุ่นวายเข้าแก้ไขให้คลายฟื้นกายมา ฯ
๏ ฝ่ายสร้อยฟ้าพระไวยนอนในห้องเสียงคนร้องกรีดกราดหวาดผวา
คิดว่าไฟไหม้ชิดติดหลังคาลุกขึ้นคว้าข้าวของร้องอึงไป
พัลวันกันออกนอกประตูแลดูหาเห็นไฟไหม้ไม่
เห็นคนบนนอกชานวิ่งพล่านไปถามว่าใครเป็นไรวิ่งวุ่นวาย ฯ
๏ ทองประศรีชี้หน้าด่าพระไวยอ้ายอัปรีย์อีจัญไรนอนจนสาย
เพราะเมียมึงหึงหวงกันวุ่นวายพลอยออพลายต้องตีจึงหนีไป
ยังจะแค่นมีหน้าออกมาถามโคตรแม่มึงไปตามมาให้ได้
ไม่ได้หลานกูมาอย่านึกไปกูจะต่อยหัวให้ลงเป็นเบือ
ว่าแล้วบ่นด่าหลานสะใภ้พิไรร่ำมันก่อกรรมเพราะอีลาวอีชาวเหนือ
ทั้งคารมแปร้นเปรี้ยงจนเสียงเครือล้วนหน้าเนื้อใจเสือไม่เชื่อเลย
แล้วครวญคร่ำร่ำไห้พิไรบ่นโอ้พ่อพลายชุมพลของย่าเอ๋ย
พ่ออยู่บ้านป่านฉะนี้ได้ชมเชยกลางวันเคยวานไหว้ให้ปั้นวัว
เคยวิ่งเล่นเย็นเช้าเสียงแจ้วแจ้ววันนี้เงียบเสียงแล้วพ่อทูนหัว
ย่าจะอยู่ไปไยให้หมองมัวแกทอดตัวกลิ้งเกลือกกลางนอกชาน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมพระหมื่นไวยเห็นย่าร้องไห้ก็สงสาร
จึงจับยามตามตำราพระอาจารย์วันอังคารเศษเสาร์เข้ายามจันทร์
จะไปดีมาดีมิเป็นไรจะพานพบผู้ใหญ่เกษมสันต์
จึงเข้าไปไหว้ย่าแล้วว่าพลันพ่อพลายนั้นหลานเห็นไม่เป็นไร
พิเคราะห์ดูฤกษ์ยามตามตำราในฝอยว่าจะไปอยู่กับผู้ใหญ่
หล่อนรำลึกถึงแม่นั้นแน่ใจเห็นจะไปยังบ้านกาญจน์บุรี
สิบห้าวันแลจะรู้ข่าวจะอื้อฉาวไปไยไม่พอที่
ใครจะทำอะไรนั้นไม่มีไม่ช้าทีหน่อยหนึ่งก็กลับมา ฯ
๏ ทองประศรีนิ่งนั่งฟังพระไวยค่อยคลายใจเห็นจริงแล้วจึงว่า
เอ็งสิรู้ดูยามตามตำราแม้นเหมือนว่าจะค่อยหายวายทำวล
ถ้าสับปลับลับกูดูไม่แน่โคตรแม่มึงจะลงเป็นห่าฝน
หลานกูยังเด็กเล็กกว่าคนไปดั้นด้นเดินดงสันโดษเดี่ยว
เสือสางกลางดงมันปีบป๊าบจะหวั่นวาบวังเวงไม่วายเสียว
ที่ทุ่งนาหญ้าดงออกรกเรี้ยวทั้งงูเงี้ยวชุมชุกทุกประการ
แกบ่นพลางทางกลับเข้าห้องในเห็นข้าวของก็ยิ่งให้อาลัยหลาน
เอาเชือกน้อยร้อยเบี้ยเข้าบนบานทุกโรงศาลผีสางสิ้นทั้งปวง
จงพิทักษ์รักษาหลานข้าเจ้าทั้งเป็ดไก่เหล้าขาวจะบวงสรวง
ศีรษะหมูคู่หนึ่งไม่ล่อลวงแล้วทำบ่วงห้อยเบี้ยไว้หัวนอน
เช้าเย็นเป็นทุกข์ถึงหลานน้อยยิ่งเศร้าสร้อยสวมสอดกอดแต่หมอน
พระสุริยาสายัณห์ลงรอนรอนแกอาวรณ์ร้องไห้ไม่วายวัน ฯ
๏ จะกล่าวถึงเจ้าพลายชายชุมพลดั้นด้นเดินป่าพนาสัณฑ์
พอเข้าเขตบุรีศรีสุพรรณกุมารนั้นก็กลายเป็นเด็กน้อย
ชวนพูดเล่นเป็นเพื่อนพลายชุมพลทั้งสองคนเดินตามกันร่อยร่อย
พระสุริย์ฉายบ่ายแสงลงอ่อนคล้อยเจ้าพลายสร้อยเศร้าโศกแสนคะนึง
โอ้สงสารท่านย่านิจจาเอ๋ยจะวายเวยร้องไห้อาลัยถึง
ที่ในบ้านป่านนี้จะมี่อึงโกรธขึ้งถุ้งเถียงกันทั้งเรือน
โอ้เอ็นดูแต่พี่ศรีมาลาน้องจากมาแล้วจะได้ใครเป็นเพื่อน
ชาวบ้านป่านฉะนี้จะเยี่ยมเยือนพี่เคยเตือนเกล้าจุกทุกเวลา
เคยอาบน้ำทาขมิ้นให้กินอยู่ความเอ็นดูน้องรักเป็นหนักหนา
ถึงเป็นพี่สะใภ้ไม่ฉันทาเหมือนมารดาเลี้ยงน้องถนอมใจ
กรรมเอ๋ยกรรมจำพรากให้จากพี่ขณะนี้เห็นจะนั่งน้ำตาไหล
จะแลลับนับวันจากกันไปเดินร้องไห้ครวญครางมากลางดง ฯ
๏ กุมารทองเห็นน้องโศกสะอื้นแกล้งชวนชื่นชมไม้ไพรระหง
ต้นตุมกากาฝากฝูงกาลงกาหลงหลงกามองร้องกากา
โน่นไม้คางข้างเขาล้วนเหล่าค่างบ้างเกาคางห่มคางบ้างถ่างขา
ตะลิงปลิงลิงวิ่งไล่ลิงมาลิงถลาโลดไต่ไม้ลางลิง
หมู่ไม้ใหญ่ยางสูงระดะดูเกะกะเถาวัลย์ขึ้นพันกิ่ง
บ้างกลมเกลียวเกี่ยวกันขันจริงจริงบ้างเป็นชิงช้าป่าน่าแกว่งไกว
กุมารทองชวนน้องขึ้นนั่งเล่นลมพัดเย็นเย็นร่มไม้ใหญ่
กินขนมนมเนยเลยชื่นใจแล้วรีบไปจากนั่นตะวันเย็น
เห็นไก่ป่าพากันสกัดวิ่งเอาดินทิ้งไล่ทุบตะครุบเล่น
พอพลบค่ำน้ำค้างพร่างกระเซ็นเดือนเด่นดวงสว่างกระจ่างตา
๏ ดาวกระจายรายรอบเรืองระยับดาดประดับในละแวกพระเวหา
กุมารทองนำน้องดำเนินมาแล้วพูดจาชวนชี้ให้ชมเดือน
ดูพระจันทร์นั่นแน่น้องเธอทรงกลดดูเหมาะหมดไม่มีสิ่งใดเหมือน
พ่อโตใหญ่ไปข้างหน้าหาแม่เรือนให้ดวงหน้าเหมือนอย่างเดือนแล้วดีจริง
เจ้าพลายว่าข้าจะเป็นสังฆราชไม่อยากปรารถนาหาผู้หญิง
มีเมียงามแล้วผู้ชายมันหมายชิงต้องยุ่งยิ่งหยุกหยิกไม่อยากมี
ต่างหัวร่อต่อกันทั้งสองข้างค่อยเสื่อมสร่างโศกเศร้าที่หมองศรี
ครั้นจะร่ำพรรณนาจะช้าทีมาถึงบ้านกาญจน์บุรีพอรุ่งราง
กุมารนำน้องมาตามถนนเห็นผู้คนบ้านช่องทั้งสองข้าง
เห็นจวนท่านกาญจน์บุรีชี้บอกพลางที่เรือนใหญ่ไม้กระถางตั้งอ่างปลา
เรือนแม่แก้วกิริยาพ่อขุนแผนจำได้แม่นมั่นคงตรงไปหา
บอกแล้วหายไปมิได้ช้าพลายชุมพลเดินมาตามหนทาง
ตรงขึ้นเรือนใหญ่มิได้ยั้งเห็นพ่อแม่ออกนั่งอยู่หอขวาง
วิ่งเข้ากราบไหว้ร้องไห้พลางช่างทิ้งขว้างลูกไว้ให้ได้อาย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดากับนางแก้วกิริยาก็ใจหาย
พลางเข้าสวมสอดกอดลูกชายดูพ่อพลายบุกป่ามาทำไม
คุณย่าขอพ่อไว้ในกรุงศรีเออนี่มิเคืองเข็ญเป็นไฉน
จึงแกล้วกล้าสามารถมาเดินไพรอย่าร้องไห้บอกพ่อจะขอฟัง ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพลายชายชุมพลเล่าความแต่ต้นจนหนหลัง
คุณย่าเลี้ยงลูกไว้ไม่ชิงชังท่านรักดังดวงตาไม่อาธรรม์
มาเป็นเหตุเพราะนางลาวเจ้าเสน่ห์ทำโว้เว้ว้าวุ่นให้หุนหัน
ที่สร้อยฟ้าศรีมาลาทะเลาะกันพี่ไวยนั้นไปเข้าข้างเมียน้อย
โบยตีศรีมาลาถึงสาหัสสารพัดหลังไหล่ก็ยับย่อย
ลูกขอโทษศรีมาลาเขาว่าพลอยหวดเอาหลังยังเป็นรอยอยู่นี่แน
ลูกสุดแสนแค้นใจในเท่านี้จึงด้นหนีขึ้นมาหาพ่อแม่
เพราะพี่ไวยคุณย่าพากันแชไม่มีใครจะแก้ให้คลายมนตร์
อันเกิดเหตุเภทภัยนั้นใหญ่อยู่กุมารทองเขารู้ซึ่งเหตุผล
เอาไว้ช้าข้าเห็นไม่เป็นคนมันเป็นต้นเพราะอีลาวทั้งบ่าวนาย ฯ
             

๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงครามได้ฟังความแค้นใจมิใคร่หาย
ทุดอ้ายหมื่นไวยมิใช่ชายช่างงมงายโง่เง่าเหมือนเต่านา
ความรู้กูก็ให้ไว้ทุกสิ่งยังแพ้รู้ผู้หญิงให้ขายหน้า
แล้วยังซ้ำโบยตีศรีมาลาพระพิจิตรบิดาจะน้อยใจ
เมื่อกูจะมาจากได้ฝากฝังน้อยหรือยังมาเป็นเช่นนี้ได้
อีสร้อยฟ้าเจ้ากรรมทำอย่างไรกุมารทองไปไหนไม่บอกกู ฯ
๏ ผีกุมารทองได้ฟังขุนแผนถามเข้ากระซิบบอกความที่ริมหู
สร้อยฟ้าให้อรไหมไปหาครูเป็นเถรอยู่ที่วัดพระยาแมน
ชื่อเถรขวาดอาคมของเขาขลังมันปั้นรูปรอยฝังทำเหลือแสน
จึงเกิดเข็ญเป็นเรื่องให้เคืองแค้นขอเชิญพ่อขุนแผนรีบลงไป ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสะท้านให้สงสารศรีมาลาน้ำตาไหล
ออไวยไม่พอที่นี่อย่างไรประมาทใจให้มันทำจนเมามัว
จำจะลงไปหาว่ากล่าวเสียแก้กระทำยำเยียให้ยังชั่ว
จะจับอ้ายคนร้ายให้ได้ตัวทูลให้ไปตัดหัวตะแลงแกง
แต่ตรองตรึกนึกสะท้อนถอนจิตพระอาทิตย์ส่องฉานขึ้นฉายแสง
แต่บรรดาข้าไทก็จัดแจงต้มแกงแต่งสำรับแล้วยกมา
ขุนแผนชวนเมียกับลูกแก้วกินข้าวปลาเสร็จแล้วก็หรรษา
ลุกลงไปนั่งยังศาลากรมการพร้อมหน้าปรึกษาความ
อ้ายพวกขโมยควายผู้ร้ายซัดไม่ได้สัตย์ผูกเข้าแล้วเฆี่ยนถาม
ที่หลบลี้หนีหายให้ติดตามปรึกษาความสารพัดเป็นสัตย์ธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยาเห็นหน้าตาพลายน้อยก็โศกศัลย์
ทั้งจุกไรก็มิได้ทาน้ำมันนางรับขวัญลูกแก้วแล้วเชยชม
ให้อาบน้ำทาขมิ้นกินข้าวของพาเข้าไปในห้องแล้วเกล้าผม
เจ้ามาแม่สบายคลายอารมณ์จะได้ชมลูกชายสบายใจ
เมื่อแรกย่าว่าขอเจ้าไปเลี้ยงแม่เกี่ยงอยู่หาใคร่จะให้ไม่
แต่พ่อเจ้าเขาให้ก็จนใจต้องจำใจจึงพรากจากเจ้ามา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าชุมพลเห็นได้ช่องชอบกลแล้วจึงว่า
อันพี่น้องพวกพ้องของบิดาอยู่กรุงศรีอยุธยายังเต็มไป
อันญาติพวกพ้องของคุณแม่ไม่มีแต่สักคนนี่เป็นไฉน
หรืออยู่ต่างถิ่นฐานบ้านเมืองไกลหรือว่าไม่มีแล้วแต่สักคน ฯ
๏ โอ้ลูกเอ๋ยยังอุตส่าห์มาไต่ถามเพราะไม่แจ้งเนื้อความตามเหตุผล
แม่นี้ลำบากด้วยยากจนจะเล่าเรื่องเบื้องต้นให้เจ้าฟัง
คุณตาเป็นพระยาสุโขทัยต้องเร่งเงินพินัยห้าสิบชั่ง
เขาจำไว้ในทิมที่ริมคลังได้ส่งไปแล้วยังสิบห้าตำลึง
เอามารดามาขายขุนช้างไว้ต้องลำบากยากไร้อยู่ปีครึ่ง
เขาช่วงใช้ตรากตรำทำสะดึงพ่อเจ้าจึงช่วยไถ่ได้แม่มา
อันพี่น้องของแม่เป็นไหนไหนแต่อยู่เมืองสุโขทัยไกลหนักหนา
แม่รำลึกนึกถึงทุกเวลาถึงคุณยายคุณตาของพ่อพลายฯ
๏ ครานั้นเจ้าพลายชายชุมพลฟังแม่เล่าความต้นก็ใจหาย
นิจจาเอ๋ยตกยากมามากมายต้องแยกย้ายจากญาติอนาถนัก
ค่ำวันนี้จะหนีขึ้นไปหาให้คุณยายคุณตาท่านรู้จัก
แล้วแกล้งทำพูดจาให้น่ารักขึ้นนั่งตักพร่ำพรอดฉอดฉอเลาะ
ทำชะอ้อนวอนว่าลูกเปรี้ยวปากช่วยเคี้ยวหมากให้สักคำทำปะเหลาะ
ฉันจะขับเสภาว่าให้เพราะต่างหัวเราะชอบใจกันไปมา
ครั้นพระสุริยงลงลับไม้พระจันทร์ไขแสงสว่างกลางเวหา
นอนบนเตียงเคียงกันกับมารดาทำหลับตานิ่งไปไม่กระพริบ
จนดึกดื่นเดือนเที่ยงเสียงไก่ขันคนทั้งนั้นหลับเงียบไม่เกรียบกริบ
เรียกกุมารมาพูดกันซุบซิบขยับหยิบกริชน้อยมาเหน็บไว้
แล้วกราบเท้ามารดาน้ำตาพรากลูกจะจากแม่แล้วยังหลับใหล
จะบอกแม่กลัวแต่จะขืนใจจึงจำเป็นหนีไปไม่ทันลา
โอ้ว่าเจ้าประคุณของลูกแก้วตื่นแล้วจะโศกเศร้าเฝ้าโหยหา
ลูกไม่ไปไหนจะพบคุณยายตาก็หักใจไคลคลามาจากเตียง
ชวนกุมารร่วมใจมาไปเถิดค่อยเปิดประตูย่างออกทางเฉลียง
ลงมากลางบ้านกุมารเคียงค่อยหลีกเลี่ยงลอดออกมานอกรั้ว
เดินลัดตัดทางถึงกลางทุ่งพอย่ำรุ่งเช้ามืดขมุกขมัว
อันสิงห์เสือเนื้อถึกไม่นึกกลัวเย้ายั่วหยอกกับกุมารไป ฯ
๏ ฝ่ายว่าท่านผู้หญิงแก้วกิริยาครั้นเวลารุ่งแจ้งขึ้นแสงใส
เสียงนกร้องพร้องเรียกสนั่นไพรวิเวกใจแว่วหวาดในวิญญาณ์
กอดแต่หมอนอ่อนอุ่นอกประทับกำลังหลับคิดว่าลูกเสนหา
พอตื่นขึ้นแลเหลียวเปลี่ยวอุราไม่เห็นหน้าพลายน้อยอนาถใจ
หายทั้งเสื้อผ้าสาตรากริชเอ๊ะผิดแล้วพ่อพลายหายไปไหน
นางลุกเดินออกมาถามข้าไทใครใครไม่รู้ทุกผู้คน
กลับเข้าห้องในใจคอหายไปปลุกท่านผู้ชายแจ้งเหตุผล
คืนนี้ลูกชายพลายชุมพลนอนอยู่บนเตียงแล้วหายไป ฯ
๏ ขุนแผนฟังเมียให้หวาดจิตเอ๊ะนี่ผิดแล้วหล่อนจะไปไหน
จึงจับยามตามเคยสังเกตใจคืนนี้ไปยามจันทร์วันอังคาร
ในตำราว่าอมฤตโชคไม่มีโศกจะเป็นสุขสนุกสนาน
จะพานพบท่านผู้ใหญ่ในวงศ์วานไม่ช้านานก็จะมาเห็นหน้ากัน
พิเคราะห์พลางทางบอกกับเมียแก้วพี่จับยามดูแล้วอย่าโศกศัลย์
กุมารทองให้ไว้ไปด้วยกันสารพันเภทภัยไม่แผ้วพาน
บุราณว่าชาติเชื้อเนื้อแถวคงเป็นแนวน้ำเนื้อเชื้อทหาร
เติบใหญ่เห็นจะได้ราชการอย่าเป็นภารธุระทุกข์ถึงลูกเรา
พี่คะเนในใจเห็นไม่ช้าก็จะพาลูกสะใภ้มาให้เจ้า
พลางหัวเราะเยาะหยอกยั่วเย้าให้นางแก้วสร่างเศร้าถึงลูกยา ฯ
๏ จะกล่าวถึงเจ้าพลายชายชุมพลสองคนกับกุมารมาในป่า
แสนระลึกนึกถึงบ้านกับมารดาเดินน้ำตาคลอคลอให้ท้อใจ
ในทางมาป่าไม้ล้วนไพรชัฎกิ่งก้านแกว่งกวัดกระหวัดไหว
เจ้าเดินพลางวังเวงวิเวกใจขืนอารมณ์ชมไม้มาตามทาง
ชะลูดเลี้ยวเกี้ยวกอดกิ่งอุโลกซึกซากโศกสนสร้อยแคฝอยฝาง
ต้นยูงสูงใหญ่ไทรมะทรางต้นยางโยนเยนอยู่ยวบโย้
นกหกบินสล้างในกลางเถื่อนบ้างพาเพื่อนเที่ยวคะนองบ้างร้องโต้
นกแก้วป้อนลูกบนต้นชงโคแล้วบินโผพูดจ้ออยู่จอแจ
ดูแม่นกแล้วคะนึงถึงคุณย่าเคยพูดเล่นเจรจาประจ๋อประแจ๋
ฝูงนกเอี้ยงเรียงจับต้นแกแลเหมือนหม่อมแม่เคียงเราเฝ้าชมเชย
เห็นนกเปล้าจับเจ่าเปล่าเปลี่ยวอกโอ้โอ๋นกเหมือนข้านิจจาเอ๋ย
ต้องเดินเดียวเปลี่ยวใจไม่เสบยทุกสิ่งเคยผาสุกมาทุกข์ตรอม
กุมารทองเข้าประคองปลอบน้องรักอย่าโศกนักเลยพ่อพลายจะผ่ายผอม
โน่นลูกจันทน์ดกจริงจนกิ่งค้อมชวนน้องน้อมเด็ดดมชมมาพลาง
ครั้นจะร่ำไปนักก็ชักช้าด้วยผีพารีบรัดไม่ขัดขวาง
ครั้นสายัณห์หยุดหย่อนลงนอนค้างในกลางทางเภทภัยไม่แผ้วพาน
สามวันครั้นถึงเมืองสุโขทัยเสียงชาวเหนือเกื๋อไก๋ไปทุกบ้าน
แลเห็นจวนเจ้าพระยาฝากระดานผีกุมารบอกพลายชุมพลพลัน
เรือนที่แขวนกรงนกหกเจ็ดหลังลับแลตั้งปิดประตูดูขึงขัน
เรือนคุณตาคุณยายพ่อพลายนั้นไปหากันเถิดสิพ่ออย่ารอรั้ง
บอกแล้วหายไปมิให้เห็นกลับเป็นแต่เงาเข้าตามหลัง
เจ้าพลายขึ้นนอกชานกุมารบังคนที่นั่งแลไปไม่เห็นกาย
เห็นยายตานั่งอยู่บนหอขวางขยับร่างรีรอใจคอหาย
ผีที่มาเป็นเพื่อนเตือนเจ้าพลายคลานเข้าไปไหว้คุณยายกับคุณตา ฯ
๏ ครานั้นท่านผู้รั้งสุโขทัยคิดว่าลูกความใครลอบมาหา
จะดูให้แน่ใจใส่แว่นตามองเขม้นเห็นหน้าพลายชุมพล
ไม่เห็นของกำนัลทำหันหุนฉวยไม้หมุนหวดเข้าไปเอาสองหน
ทุดอ้ายลูกหัวจุกนี้ซุกซนขึ้นมาจนบนเรือนกูทำไม
ท่านผู้หญิงวิ่งไปยึดไม้ห้ามตาถามดูให้แน่มาแต่ไหน
ผิดกับเด็กเมืองเราชาวสุโขทัยมันชื่อเรียงเสียงไรไล่เรียงดู
ท่านตาเฒ่าคุกคามถามเสียงอึงพ่อแม่มึงชื่อไรเฮ้ยอ้ายหนู
บ้านช่องอยู่ไหนจะใคร่รู้ไม่บอกกูจะให้เขาใส่คา ฯ
๏ เจ้าพลายกลัวตัวงอร้องขอโทษเจ้าคุณโปรดเถิดจะเล่าไม่มุสา
หม่อมแม่ฉันท่านชื่อแก้วกิริยาที่ยายตาไปขายขุนช้างไว้
เดี๋ยวนี้พ่อขุนแผนแสนณรงค์ให้เงินส่งพ้นข้าเขามาได้
จึงเกิดหลานอยู่ที่บ้านวัดตะไกรหม่อมแม่ให้ฉันชื่อพลายชุมพล
ด้วยบิดาได้กินเมืองกาญจน์บุรีหลานจึงถามความนี้แจ้งเหตุผล
ว่าคุณตาเป็นพระยาอยู่เมืองบนหลานจึงด้นเดินดงสันโดษมา
ไม่รู้จักมักจี่อยู่ที่ไหนเห็นเรือนชานโตใหญ่เข้ามาหา
แม้นเจ้าคุณมิใช่เป็นยายตาอย่าโกรธาหลานเลยขอโทษตัว ฯ
๏ ท่านพระยาสุโขทัยยายเพ็ญจันทร์รับขวัญว่าอ่อพ่อทูนหัว
นี่แหละเรือนยายตาพ่ออย่ากลัวอนิจจาตานี้ชั่วจริงจริงแล้ว
ไม่ซักไซ้ไต่ถามให้ถ้วนถี่มาทำโพยโบยตีเอาหลานแก้ว
น้อยหรือหลังยังเห็นอยู่เป็นแนวรับขวัญแล้วอุ้มพาเข้ามาเรือน
ร้องรียกหาข้าไททั้งชายหญิงอีมิ่งอีมีแล้วอ้ายเหมือน
ไปข้างไหนไม่เห็นหน้าพากันเชือนพวกผู้คนกล่นเกลื่อนมาพร้อมกัน
จึงใช้ให้ข้าไทเย็บบายศรีลูกหลานมาถึงนี่จะทำขวัญ
บรรดากรมการในบ้านนั้นมาพร้อมกันถามข่าวทุกคนไป ฯ
๏ ครั้นพระสุริยนสนธยาพอโพล้เพล้เพลาจะเข้าไต้
ท่านผู้เฒ่าเจ้าเมืองสุโขทัยกับญาติวงศ์น้อยใหญ่อยู่พร้อมเพรียง
ทำขวัญหลานชายพลายชุมพลพวกผู้คนโห่ลั่นสนั่นเสียง
ท่านยายสุกยายสากับยายเชียงเข้านั่งเคียงเรียกขวัญรำพันไป
ขวัญเอ๋ยขวัญพ่อพลายชายชุพลที่อยู่ต้นไม้ยูงสูงไม้ใหญ่
จะอ้างว้างวังเวงวิเวกใจขวัญอย่าไปอยู่เขาลำเนาเนิน
แต่ล้วนผีโป่งป่าคาแขมรกทั้งนกหกหงส์ห่านทะยานเหิน
ขวัญมาอยู่เรือนเถิดให้เพลิดเพลินขออัญเชิญขวัญพ่อชมเงินทอง
อายุยืนหมื่นปีหนาพ่อหนาจงอยู่ด้วยยายตาอย่าเศร้าหมอง
เป็นสังฆราชบาตรแก้วจีวรกรองถือไม้เท้ายอดทองเที่ยวเทศน์ธรรม
แล้วพี่น้องพ้องญาติสิ้นทั้งหลายเอาเงินตราผ้าลายมาทำขวัญ
ค่อยอยู่เย็นเป็นสุขทุกคืนวันตายายนั้นรักใคร่กระไรเลย
ค่อยซักไซ้ไต่ถามถึงความหลังรู้หนังสือหรือยังพ่อพลายเอ๋ย
เจ้าพลายว่าย่าสอนพอถึงเกยเพียงละเลยเสียก็เฟือนออกเปื้อนไป
ท่านยายว่าตาช่วยไปฝากวัดจะให้หัดอ่านเขียนเรียนไปใหม่
แล้วสอบถามหลานรักเฝ้าซักไซ้เจ้าอยู่วัดยังจะได้หรือพ่อคุณ
เจ้าพลายว่ากระนั้นขยันยิ่งเป็นความจริงฉันคิดอยู่ครุ่นครุ่น
ฉันจะใคร่ไปบวชเอาส่วนบุญมาเทศนาให้เจ้าคุณฟังทุกวัน
ท่านยายตาว่าจงเป็นสังฆราชได้โปรดญาติให้ไปสวรรค์
ตาจะให้อ้ายพุกลูกตาจันไปอยู่วัดด้วยกันกับพ่อพลาย
ให้หาธูปเทียนข้าวตอกดอกไม้กับหมากพลูจะได้ไปถวาย
แล้วอาบน้ำทาแป้งแต่งหลานชายให้นุ่งลายห่มแพรม่วงดวงพุดตาน
ยายเพ็ญจันทร์นั้นนุ่งตารางไหมห่มปักตะนาวใหม่สมภูมิฐาน
เจ้าขรัวตานุ่งผ้าปูมประทานแล้วหยิบส่านมาห่มสมตัวครัน
ชวนหลานพลายน้อยออกเดินทางต่างกางร่มปีกค้างคาวกั้น
บ่าวถือพานทองรองตะบันตามกันออกไปวัดตระพังทอง
ถึงกุฎีที่ท่านสังฆราชาถามเจ้าเณรบอกว่าอยู่ในห้อง
ท่านยายตาพาหลานถือพานทองค่อยย่างย่องเข้าไปไหว้กราบลง ฯ
๏ ครานั้นท่านสังฆราชาแลมามั่นจิตว่าศิษย์สงฆ์
จึงร้องถามไปด้วยใจจงชีต้นคงหรือเป็นไรไม่เข้ามา
ท่านผู้รั้งฟังถามหัวเราะคักไม่รู้จักผมหรือเจ้าคุณขา
ท่านสมภารตกใจใส่แว่นตาอ่อโยมพระยาดอกหรือคิดว่าใคร
ข้างหลังนั่นท่านผู้หญิงแล้วสินะกินหมากคะโยมขยดมาให้ใกล้
อาตมาขาแข้งมันขัดไปจึงมิได้บิณฑบาตยาจนา
ท่านทั้งสองผ่องแผ้วไม่เจ็บป่วยดูกระชุ่มกระชวยอยู่หนักหนา
รูปพิศดูโฉมโยมพระยาเหมือนจะหาได้อีกสักสองคน ฯ
๏ ท่านสุโขทัยได้ฟังนั่งหัวร่อจะหาอีกนั้นก็พอไม่ขัดสน
แต่ท่านยายหึงไม่หยุดเป็นสุดทนทั้งสามคนหัวร่ององอไป
แล้วผินหน้ามาเรียกให้เจ้าพลายธูปเทียนไปถวายแล้วกราบไหว้
ฉันจะเอาหลานยามาฝากไว้จงโปรดให้เรียนธรรมให้ชำนาญ
เออนี่ลูกใครที่ไหนเล่าจึงโยมเจ้าพระยาว่าเป็นหลาน
ท่านสุโขทัยไหว้กราบแล้วแจ้งการขอประทานลูกแก้วกิริยา
เมื่อโยมต้องเร่งเงินพินัยนั้นไปยากอยู่เมืองสุพรรณเป็นหนักหนา
ขุนแผนเพื่อนรักใคร่ให้เงินตราพากันมาอยู่บ้านวัดตะไกร
จึงเกิดพลายชุมพลคนนี้เมื่ออาสาไปตีเมืองเชียงใหม่
เดี๋ยวนี้เจ้าขุนแผนผู้แว่นไวโปรดให้กินเมืองกาญจน์บุรี
ท่านสมภารว่าอ่อออทองแก้วมันมีลูกผัวแล้วเจียวหรือนี่
เมื่อกระนั้นท่านพามากุฎีใส่ตุ้มปี่ลงไม่รอดมันทอดทิ้ง
เมื่อรูปไปบ้านท่านคราวแล้วเห็นออแก้วมันยังผูกกระจับปิ้ง
ดูคืนวันมันกระชั้นเข้าจริงจริงช่างโตเร็วเจียวยิ่งทั้งหญิงชาย
นี่หรือโฉมพระยากับข้าเจ้ามันจะมิแก่เฒ่าน่าใจหาย
แล้วลูบหลังลูบหน้าว่าออพลายลูกผู้ชายหน้าตาน่าเอ็นดู
เอ็งอุตส่าห์ร่ำเรียนทั้งเขียนอ่านเป็นทหารเหมือนพ่อเถิดออหนู
จะให้นอนห้องในใกล้กับกูจะได้ดูมันด้วยช่วยระวัง ฯ
๏ ท่านพระยาสุโขทัยยายเพ็ญจันทร์ต่างรำพันพูดจาแล้วฝากฝัง
จนจวนสวดมนตร์ค่ำย่ำระฆังก็อำลามายังที่บ้านเรือน ฯ
๏ จะกล่าวถึงนารีศรีมาลานางโศกาตรอมใจใครจะเหมือน
แต่พลายน้อยจากไปไม่ถึงเดือนเจ้าอยู่เรือนอกร้อนเหมือนนอนไฟ
เพราะพระไวยไปอยู่กับเมียน้อยย่าก็พลอยด่าว่าไม่ปราศรัย
จนซูบผอมตรอมตรมระทมใจร้องไห้ถึงเจ้าพลายชายชุมพล
โอ้น้องเอ๋ยเคยอยู่เป็นเพื่อนพี่จะร้ายดีพ่อก็แจ้งซึ่งเหตุผล
เห็นเขาตีพี่แล้วเป็นทำวลช่วยฝนไพลให้ทาน้ำตาคลอ
ความรักพี่นี้แสนสุดสวาทจึงสามารถบุกป่าไปหาพ่อ
จะแจ้งความตามที่เขาด่าทอพี่ห้ามเจ้าไม่รออารมณ์เลย
น่าสงสารป่านฉะนี้เจ้าพลายน้อยจะเศร้าสร้อยมัวหมองแล้วน้องเอ๋ย
ไปเดินทางกลางป่าเจ้าไม่เคยน้ำค้างเปรยตกต้องจะหมองมอม
ทั้งจุกไรใครเล่าจะเกล้าสางที่สำอางกลิ่นอายจะหายหอม
จะเปลี่ยวอกไปตระกรกตระกรำตรอมถึงบ้านพ่อก็จะผอมลงผิดตา
โอ้พ่อคุณขุนแผนของลูกแก้วรู้แล้วน่าจะรีบลงมาหา
นี่คอยหายหลายวันไม่เห็นมาหรือพ่อลืมศรีมาลาแล้วกระมัง
อยู่เดียวเหลียวหาใครไม่แลเห็นเขาเคี่ยวเข็ญตีโบยระบมหลัง
ทั้งเรือนนี้มีแต่เขาชิงชังทุกวันยังแต่ชีวิตจะวางวาย
ทั้งแม่พ่อเล่าก็อยู่ถึงพิจิตรโอ้คิดคิดขึ้นมาน่าใจหาย
สะอื้นอ้อนอ่อนทอดระทวยกายไม่เว้นวายวันทุกข์ทรมาน ฯ
             

๏ จำจะให้ไปบอกถึงแม่พ่อลงมาต่อว่ากันให้แตกฉาน
แม้นหม่อมไวยไม่รักทำหักรานจะก้มหน้าไปบ้านบวชเป็นชี
นางจึงเรียกข้าเก่าชาวพิจิตรอ้ายทิดเอ๋ยอยู่ไหนเข้ามานี่
อ้ายทิดขานเจ้าขามาทันทีหม่อมแม่ศรีมาลาเรียกฉันทำไม
ศรีมาลาว่ากระถดมาให้ชิดกระซิบบอกอ้ายทิดแล้วร้องไห้
เอ็งเอ็นดูข้าด้วยช่วยขึ้นไปบอกพ่อแม่แก้ไขตามปัญญา
ว่าข้านี้เจ็บไข้ใจจะขาดที่วิวาทตีรันนั้นอย่าว่า
ช่วยลวงพ่อแม่ให้ลงมาเนื้อความใหญ่ไว้ข้าจะบอกเอง ฯ
๏ อ้ายทิดสงสารนายร้องไห้ด้วยหม่อมแม่เหมือนเขาช่วยมาข่มเหง
ทั้งตีด่าสารพัดไม่ยำเกรงดีฉันเองกับเมียพลอยเสียใจ
ลูกจะรอดขึ้นไปมิให้วุ่นบอกเจ้าคุณสองรามาให้ได้
แล้วเดินมาข้างนอกไม่บอกใครจับถุงย่ามใหญ่ใส่ข้าวปลา
ทั้งหมากพลูบุหรี่มีทุกอย่างลายฉลางคาดพุงหม้อตุ้งก่า
ครั้นเสร็จสรรพแล้วจับหอกละว้าเอาย่ามใหญ่ใส่บ่ารีบคลาไคล
ขัดเขมรจังกาตามุ่งหมายหนทางขโมยควายมันจำได้
ออกทุ่งโพธิ์สามต้นด้นป่าไปค่ำนอนบนต้นไม้ไหว้คุณครู
ครั้นเช้ากลับลงมาหาห้วยหนองเอาฟืนกองไฟก่อตั้งหม้อหนู
แต่พอปลงหม้อข้าวเผาปลาทูกินอยู่แล้วก็ไปไม่รั้งรอ
ครั้นแดดร้อนผ่อนพักชักตุ้งก่าเมากัญชางกเงิ่นเดินหัวร่อ
เสียงแกรกกรากก็กลัวจนตัวงอใบไม้สวบควบห้อตะบึงไป
เดินสามวันครึ่งถึงพิจิตรเพื่อนทักว่าอ้ายทิดจะไปไหน
มันแกล้งทำไขหูไม่ดูใครตรงขึ้นเรือนใหญ่ไม่รอรั้ง
พระพิจิตรนั่งชิดกับบุษบาเห็นพูดจากันจ้อที่หอนั่ง
เข้าไปทั้งย่ามถุงพะรุงพะรังกราบแล้วนั่งก้มหน้าทำตาปรอย ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านพระพิจิตรเห็นอ้ายทิดขึ้นมาทำหน้าจ๋อย
แกด่าว่าน่าเฆี่ยนสักแปดร้อยดูโคลนคล่อยช่างพาขึ้นมาเลอะ
นี่อะไรในถุงอ้าวตุ้งก่าอ้ายทิดสูบกัญชาจนตาเปรอะ
มันช่างเมายังค่ำทำหยำเยอะนี่เที่ยวเซอะมาทำไมอ้ายขี้คุก
ทำไมมึงจึงไม่อยู่กับมุลนายเสือกมาเที่ยวขโมยควายหมายสนุก
เขาจับได้หวือหวานำหน้าทุกข์ให้เขาเอาเข้าคุกสาแก่ใจ ฯ
๏ อ้ายทิดนิ่งนั่งฟังนายด่าทำเกาหัวขยี้ตาแล้วร้องไห้
อันวัวควายฉันไม่หมายขโมยใครนายผู้หญิงท่านใช้มากราบเท้า
ด้วยเดี๋ยวนี้แม่ศรีมาลาเจ็บเนื้อเย็นเป็นเหน็บสะท้านหนาว
ไม่มีสุขจุกเสียดเป็นคราวคราวให้ลงมดลงท้าวว่าถูกคุณ
หมอหลวงหมอราษฎร์ออกกลาดเกลื่อนมาแน่นเรือนรักษากันว้าวุ่น
ข้าวปลาไม่กินเห็นสิ้นบุญเชิญฝ่าเท้าเจ้าคุณรีบลงไป ฯ
๏ พระพิจิตรบุษบาน้ำตาไหลตีอกผางผางพลางร้องไห้
พ่อทิดเอ๋ยพ่อทิดแม่ผิดใจเป็นอะไรจึงมาเป็นถึงเช่นนี้
แล้วเรียกหาข้าคนอลหม่านเหวยอ้ายปานอ้ายเป้าอ้ายเฒ่าศรี
ไปถอยเรือกัญญาออกมาทีจะลงไปกรุงศรีอยุธยา
ผู้คนอลหม่านทั้งบ้านช่องที่ไม่อยู่กู่ก้องตะโกนหา
บ้างฉวยได้พายถ่อวิ่งสอมาลงถอยเรือกัญญาอยู่วุ่นวาย
มาจอดท่าหน้าบ้านสะพานใหญ่เอาแคร่ใส่ผูกพนักจักตอกหวาย
ล้วนชาวเหนือเรือแพไม่เคยพายเกี่ยงกันถือท้ายเอะอะไป
พวกผู้หญิงริงเรือหอบเสื่อสาดทั้งโต๊ะถาดถ้วยชามรามไห
ข้าวสุกข้าวสารเชิงกรานไฟขนส่งลงไปใส่ข้างท้าย
พระพิจิตรบุษบาละล้าละลังกำชับสั่งบ่าวไพร่สิ้นทั้งหลาย
อยู่รักษาเรือนเหย้าเฝ้าวัวควายทั้งหญิงชายชวนกันหมั่นระวัง
สั่งพลางทางลงจากเรือนใหญ่อ้ายทิดถือชุดไฟเดินตามหลัง
ครั้นถึงท่าลงเรือไม่รอรั้งท่านพระพิจิตรนั่งเอกเขนกไป
อ้ายทิดโบกมือบอกให้ออกเรือพลพายชาวเหนือเสียงเกื๋อไก๋
ยังไม่เคยเลยพ่อพายอย่างไรทำขวักไขว่เกะกะกีดกันเอง
คนหนึ่งยาวคนหนึ่งไล่ไม่ถนัดข้างหัววาดท้ายคัดตุหนัดตุเหน่ง
น้ำเพรื่อเรือโคลงอยู่โงงเงงไม่เป็นบทเป็นเพลงโก้งเก้งมา
อ้ายทิดนั่งยองยองร้องเกนเกนพลพายเหลือเถรเจ้าคุณขา
พระพิจิตรถือหวายกรายหวดมาอ้ายลูกหมามึงไม่วาดหัวลงไว้
พวกบ่าวเห็นนายถือหวายจ้องลุกขึ้นนั่งยองยองขยุ้มใหญ่
อ้ายทิดลุกชะเง้อเออนั่นเป็นไรประเดี๋ยวโดนกอไผ่เข้าต้ำตึง
โขนพนักหักพับกัญญาย่นพระพิจิตรล้มก้นกระแทกผึง
ลุกขึ้นนิ่วหน้าด่าเสียงอึงอ้ายทิดลุกทะลึ่งไปถือท้าย
แล้วเปลี่ยนผลัดหัดกันมากลางน้ำกว่าจะพร้อมทั้งลำจนเที่ยงสาย
รีบเร่งเร็วรุดไม่หยุดพายล่องน้ำตามสบายมากรุงไกร ฯ
             

ตอนที่ ๓๙ ขุนแผนส่องกระจก

๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิทเรืองฤทธิ์ลือจบพิภพไหว
ได้กินเมืองกาญจน์บุรีไม่มีภัยสมสนิทพิสมัยด้วยสองนาง
ลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยาปฏิบัติวัตถาไม่ห่างข้าง
คลึงเคล้าเช้าเย็นไม่เว้นวางแต่ระคางขุ่นข้องให้หมองใจ
ด้วยอีสร้อยฟ้ามาทำเข็ญคบเถรทำให้ลูกกูหลงใหล
นิ่งฉะนี้น่าที่ออหมื่นไวยจะเสียคนป่นไปเป็นชาติกา
คิดแล้วจึงเรียกเจ้าลาวทองสั่งน้องเจ้าจงอยู่เคหา
แต่งตัวแล้วเรียกแก้วกิริยามาขึ้นช้างงาสง่างาม
สัปคับประดับกูบละไมบ่าวไพรพรั่งพร้อมล้อมหลาม
ออกจากบ้านบากตรงเข้าดงรามข้ามทุ่งธารแถวแนวลำเนา
สามวันครึ่งก็ถึงอยุธยาพอพระพิจิตรบุษบามาถึงเข้า
แลไปใครหนอคุณพ่อเราปลงช้างวางเข้าไปวันทา
จึงถามความพลันในทันใดมีธุระสิ่งไรนะเจ้าขา
ทั้งคุณพ่อคุณแม่บุษบาลงมาจะประสงค์สิ่งอันใด ฯ
๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบาบอกว่าศรีมาลาเจ้าเป็นไข้
เจ็บหนักเจียนจักจะบรรลัยใช้ไอ้ทิดขึ้นไปจึงได้มา
ขุนแผนบอกว่ามิใช่ไข้เชิญคุณพ่อขึ้นไปบนเคหา
จะได้รู้ร้ายดีศรีมาลาว่าแล้วก็พากันขึ้นไป
ทั้งพระพิจิตรบุษบาทั้งข้าคนสับสนอยู่ที่หอนั่งใหญ่
พระไวยเห็นพ่อมาระอาใจออกไปไหว้บิดาแลมารดา ฯ
๏ ครานั้นศรีมาลานารีหมองศรีเศร้าสร้อยละห้อยหา
รู้ว่าพ่อแม่ทั้งสองมาก็ไคลคลาจากห้องด้วยหมองใจ
กราบเท้าบิดาแลมารดานางโศกาสะอึกสะอื้นไห้
เล่าความตามจริงทุกสิ่งไปเหลือใจแล้วที่ลูกจะทานทน
ดูเถิดหลังพังแล้วล้วนแนวไม้เป็นริ้วรอยลายไปทุกแห่งหน
ว่าเป็นชู้กับน้องชายพลายชุมพลพระไวยเชื่อคำคนเขาเจรจา
แม้นเขาว่าแก้วเกิดขึ้นในท้องก็จะต้องแหวะออกเหมือนเขาว่า
อย่างนี้น่าที่จะมรณาว่าพลางโศกาสะอื้นไป ฯ
๏ พระพิจิตรบุษบาได้แจ้งการแสนสงสารไม่กลั้นน้ำตาได้
น้ำตาคลอตาพลางว่าไปเป็นไฉนฉะนี้นะลูกอา
เพราะข้ารักขุนแผนแว่นไวจึงยินยอมยกให้เสนหา
แต่แรกเริ่มเดิมนั้นได้สัญญาว่าลูกข้ามันไม่สู้รู้อะไร
ด้วยเป็นชาวบ้านนอกคอกนากิริยาพาทีหาดีไม่
ถึงจะผิดพลั้งบ้างเป็นอย่างไรเจ้าก็ไม่ด่าตีศรีมาลา
ด้วยคำมั่นสัญญาดังว่านี้ไยจึงตีด่าเล่นเป็นหนักหนา
ดังเชลยตีทัพจับได้มาเสียแรงข้ารักเจ้าเป็นเท่าใด
ส่วนพ่อแม่ของเจ้าเมื่อเราเลี้ยงกล่อมเกลี้ยงมิให้หมองน้ำใจได้
ลูกข้าข้าก็รักเพียงดวงใจแต่ริ้นไรก็มิให้ได้ตอมตัว
จะถึงโบยตีมิให้หนักจนลูกรักเติบใหญ่ได้มีผัว
ยกให้หมายใจจะฝากตัวกลับมาชั่วช้าได้ให้อายคน ฯ
๏ ครานั้นพระหมื่นไวยพลายงามฟังความคั่งแค้นทุกขุมขน
กระทบกระแทกแดกดันในบัดดลฉันนี้จนไม่รู้ที่จะเจรจา
อันมีเมียสองก็ต้องห้ามตามคำโบราณท่านย่อมว่า
มันเกาะแกะเกินก้ำเป็นธรรมดาใช่ว่าจะไม่เลี้ยงให้เที่ยงธรรม
ศรีมาลาข้าก็ให้เป็นเมียหลวงข้าไททั้งปวงไม่เกินก้ำ
ถึงสร้อยฟ้าหล่อนก็ว่าอยู่ในคำทั้งให้ถือน้ำทุกปีมา
เงินทองของข้าวเท่าใดใดก็มอบไว้ให้หมดทั้งเคหา
ครั้นว่าเห็นสิ่งไรไม่ชอบตาฉันว่าหล่อนก็เถียงขึ้นเสียงดัง
ทำเป็นโกรธบ่าวข้าด่าประชดเหลือจะอดลูกนี้จึงตีมั่ง
ทำแต่พอให้หลาบปราบพอฟังใช่จะตั้งเคี่ยวเข็ญดังเจรจา
เจ้าชีวิตชุบเลี้ยงถึงเพียงนี้มีเมียไม่ดีก็ขายหน้า
เพื่อนขุนนางทั้งสิ้นจะนินทาใช่ว่าจะไม่รักหล่อนเมื่อไร
หรือคุณพ่อกับคุณแม่บุษบาหารู้ทะเลาะตีด่ากันบ้างไม่
ประเพณีมีมาแต่ก่อนไรมิใช่ใครจะลุถึงโสดา
ธรรมดาว่ามนุษย์ปุถุชนยังมักหมิ่นมืดมนด้วยโมหา
จะให้หมดโมโหโกรธาสุดปัญญาที่ลูกจะผ่อนปรน
คุณพ่อดูแต่ลิ้นอยู่กับฟันกระทบกันก็ไม่รู้ว่ากี่หน
จะไม่ให้ตีรันฉันก็จนพ่อแม่ก็จะป่นเป็นหว่านไป ฯ
๏ ครานั้นพระยากาญจน์บุรีศรีสงครามได้ฟังความลูกว่าไม่นิ่งได้
อย่าพักพูดเลยเจ้าพอเข้าใจสารพัดที่จะได้มารู้ความ
เพราะรักดอกจึงรีบลงมาหาจะได้เห็นประจักษ์ตาว่าเสี้ยนหนาม
พ่อดูหน้าเจ้าเป็นฝ้าเหมือนทาครามมีเมียสองต้องห้ามแต่ไรมา
เหมือนนิทานท่านท้าวยศวิมลมเหสีสองคนเป็นซ้ายขวา
ชื่อว่าจันทร์เวีกับจันทาทั้งสองรานั้นร่วมมารดากัน
แต่พี่น้องท้องเดียวยังทำได้คบอีเฒ่าจัญไรโกหกนั่น
ทำเสน่ห์เล่ห์กลทุกสิ่งอันจนท้าวนั่นลุ่มหลงปลงฤทัย
นางจันทร์เทวีไม่มีผิดมันเสียดส่อข้อคิดให้ขับไล่
อันเรื่องนี้เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจเป็นไฉนจึงประมาทนะลูกอา
คนดีอยุธยาหาสิ้นไม่เจ้าอย่าถือตัวไปฟังพ่อว่า
พ่อรู้แน่แล้วว่าลูกนี้ถูกยาเจ้าไม่เชื่อบิดาจะเสียคน ฯ
๏ สร้อยฟ้ากับอีไหมอยู่ในห้องได้ฟังหัวพองสยองขน
เปิดหน้าต่างลอยหน้าว่าลนลนใครทำเวทมนตร์เอาตัวมา
ข้างนี้รู้อยู่แล้วว่าพระไวยต้องยาแฝดแปดไปจนมืดหน้า
ทุกเช้าค่ำร่ำละห้อยคอยบิดาเมื่อไรจะลงมาได้จับมัน
บัดนี้คุณพ่อมาน่าดีใจจะได้จับไอ้คนมนตร์ขยัน
รูปร่างอย่างไรได้เห็นกันอย่าช้าเลยตะวันจะค่ำไป ฯ
๏ พระกาญจน์บุรีชี้หน้าร้องด่าอึงอุเหม่มึงอย่าท้าอีหน้าไพร่
อีมัยเฮ้ยอย่าช้าเอ็งจงไปหยิบกระจกที่ออไวยเขาส่องมา
อีเม้ยรับกลับเข้าในห้องในหยิบกระจกบานใหญ่กะหลาป๋า
เทศแท้เที่ยงดีมีราคาเอาออกมาให้ขุนแผนผู้แว่นไว
ขุนแผนผินรับจับกระจกพลางหยิบยกระดานชนวนใหญ่
มาขีดเขียนเลขยันตร์ลงทันใดแล้วลบผงลงใส่กระจกพลัน
โอมอ่านมนตร์ครบจบศีรษะขอเดชะพระเวทวิเศษขยัน
ถ้าใครทำมนตร์ยาใจอาธรรม์จงปรากฏเห็นกันให้ทันตา
ก็เกิดเป็นรูปนิมิติดกระจกอกต่ออกอิงแอบเข้าแนบหน้า
ใบรักรัดกระสันกันสองราขุนแผนฮาดังลั่นนั่นเป็นไร
พระพิจิตรบุษบากับข้าคนต่างเห็นมนตร์สัจจังทั้งเรือนใหญ่
ขุนแผนหยิบยื่นให้หมื่นไวยเอ็งดูดู๋นี่อะไรให้ว่ามา ฯ
๏ พระหมื่นไวยเมินหน้าหาดูไม่ข้าเข้าใจอยู่นักไม่พักว่า
ถ้าทำมั่งก็เป็นเช่นบิดาใช่ตัวข้าโง่เง่าไม่เท่าทัน
แม้นไม่ดีที่ไหนจะพ้นโทษเมื่อทรงโปรดให้ไปตีเชียงใหม่นั่น
จึงได้มีความสุขทุกคืนวันเพราะพ่อนั้นรักที่ศรีมาลา
ถึงจะทำความผิดสักเท่าไรพ่อก็เข้ากันไปมิได้ว่า
ข้าทำไม่ได้เช่นใจของบิดาใครผิดก็ต้องว่าไปตามจริง ฯ
๏ ขุนแผนชี้หน้าด่าอึงอุเหม่มึงลำเลิกพ่อเล่นได้
ลุกฉวยดุ้นแสมแร่เข้าไปพระหมื่นไวยวิ่งหาย่าช่วยที ฯ
๏ ทองประศีแกโกรธกระโดดโหยงทุดอ้ายบ้าลำโพงตายโหงผี
ข่มเหงหลานกูไยไอ้อัปรีย์มึงอวดว่าตัวดีมีวิชา
จองหองว่าส่องกระจกได้เข้าใจว่ายิ่งยวดพูดอวดหมา
มึงทำเป็นกูเห็นอยู่อัตรากูไม่ปรารถนาจะเชื่อใคร
ทำไมกับเล่นกลให้คนดูอ้ายแขกตรังกานูก็เล่นได้
มันโยนลูกทองคลีเป็นสี่ใบอมฟืนอมไฟได้แดงแดง ฯ
๏ พระพิจิตรบุษบาก็ตกใจร้องห้ามลูกไปจนเสียงแห้ง
ฉุดชายกระเบนรั้งกำลังแรงบุษบาคร่าแย่งเอาไม้ไป
ขุนแผนยั้งหยุดให้สุดคิดด้วยเกรงพระพิจิตรผู้เป็นใหญ่
บุษบาจึงว่ากับพระไวยจะขอลาลูกไปเสียสักปี
อลักเอลื่อเหลือทนด้วยท้องไส้เมื่อคลอดลูกแล้วจะให้มาอยู่นี่
จะตั้งเคี่ยวเข็ญกันรันตีน่าที่ศรีมาลาจะบรรลัย ฯ
๏ ครานั้นหมื่นไวยพลายงามฟังความแค้นคลั่งดังเพลิงไหม้
กระทบกระแทกแดกดันให้ทันใดช้าอยู่ไยเล่าหม่อมศรีมาลา
จัดแจงเงินทองของเจ้าเร็วเข้าขนลงไปตีนท่า
ไปอยู่เมืองพิจิตรกับบิดาต่อคลอดลูกออกมาสักห้าคน
จึงมาอยู่กับเราเหมือนเก่าก่อนหม่อมแม่ท่านจะสอนให้เป็นผล
ไปเถิดแก้วตาแม่หน้ามนขนของลงบรรทุกเรือกัญญา ฯ
๏ บุษบาว่าหม่อมเจ้าจอมเขยช่างแง่งอนกระไรเลยเป็นหนักหนา
กระทบกระแทกแดกดันให้มารดามิให้ไปก็ว่ากันโดยดี
ใช่เรานี้จะลงมาว่าขานห้าวหาญฮึกฮักให้อึงมี่
อีเฒ่าเข้าใจเป็นไรมีลำเลิกว่าข้านี้ก็เข้าใจ
เจ้าเป็นพระนายแม่ยายจนทิ่มตำร่ำประดนแดกดันให้
คิดมั่งแต่หลังก็เป็นไรเว้นไว้แต่ไม่คลอดเจ้าออกมา
ถึงจะไม่คิดคุณอีเฒ่ามั่งเหลียวดูข้างข้างนี่เถิดหนา
หัวหงอกออกอร่ามตามกันมาเพราะอีศรีมาลาจึงเจ็บใจ
บ้านเมืองของกูกูก็อยู่ใครมาข่มเหงกูเช่นนี้ไม่
มึงแกล้งใช้ให้ไอ้ทิดนั้นขึ้นไปบอกว่าเป็นไข้จึงลงมา
ถ้ากูรู้ว่าวิวาทกันกับผัวเคืองหัวแม่ตีนกูไม่ดูหน้า
ตั้งแต่วันนี้ไปกูไม่มาตามแต่วาสนาเถิดขาดกัน
เจ็บไข้ก็อย่าให้ไปบอกกูผีสางกูไม่ดูเป็นแม่นมั่น
ถึงมึงจะอยู่ตึกให้ครึกครันกูจนก็จะดั้นไปตามจน
เสียแรงหมายใจจะได้พึ่งแต่มึงก็ไม่เห็นจะเป็นผล
มันกลับเป็นไพรีเข้าตีตนจะกังวลด้วยมึงไปทำไม
แต่เลือดในตัวมันชั่วช้ายังควักออกเสียหาอาลัยไม่
กูนึกว่าอ้ายพม่ามันพาไปสิ้นอาลัยลืมกันจนวันตาย ฯ
๏ เออก็ดูเอาเถิดเจ้าจอมแม่เซ็งแซ่นี่กระไรน่าใจหาย
ใครเล่าเขาไม่นับว่าแม่ยายจึงว่าเปรียบเทียบทายทุกอันไป
ดีชั่วผัวเมียเขาตีกันเขาหาฆ่าฟันกันเสียไม่
หายโกรธก็จะดีด้วยกันไปเป็นผู้ใหญ่ควรแต่จะปรองดอง
นี่กลับหาเป็นเช่นนั้นไม่จะกระชากลากไปเสียจากห้อง
แกล้งมายุเด็กให้ใจคะนองแล้วมาร้องแปร้นแปร้นแสนรำคาญ
นิ่งอยู่ไยเล่าเจ้าศรีมาลาไม่ส่งเสียงเถียงว่าให้ฉานฉาน
หม่อมแม่ท่านอยู่เป็นกระทู้การไม่เหมือนน้ำใจท่านจึงโกรธา
ข้ากลัวเจ้าแล้วแต่นี้ไปถึงล่วงเกินอย่างไรก็ไม่ว่า
จะเป็นเครื่องเคืองในใต้บาทามารดาแค้นขัดจะตัดรอน
เมียกลัวผัวอยู่ไม่ดูแคลนหม่อมแม่เถียงแทนอยู่ย่อนย่อน
ลูกสาวนิ่งเฉยไม่เคยงอนท่านแม่มาสอนให้งอนงด
กระทบกระแทกแดกดันทุกอันไปก็ใครใจโสดาจะได้อด
มันน่าตอบแทนดูให้รู้รสหากอดด้วยว่าเห็นเป็นแม่ยาย
คุณพ่อเป็นไรไม่ว่าขานช่างกระไรไล่พาลกันง่ายง่าย
ด่าลูกสาวกระทบกระเทียบเปรียบปรายป่ายถึงอ้ายพม่ารามัญ
สู่ขอพ่อแม่ก็ยกให้แต่แรกเป็นไรไม่เลือกสรร
โกรธแล้วค่อนว่าสารพันแดกดันร่ำว่าให้สาใจ
ข้าเจ้านี้แลเผ่าพวกพม่าแต่แรกทั่นนั้นหารู้จักไม่
ด้วยว่าข้าตัดผมเสียเป็นไทยจึงหลงยกให้ลูกสาวมา
เดี๋ยวนี้รู้ว่ามิใช่ไทยจะกระชากลากไปเสียต่อหน้า
เขาไม่ให้ไปจึงโกรธาอย่าว่าแต่มาสักเพียงนี้
ถึงจะยกกันมาสักห้าพันเคี่ยวเข็ญเล่นกันให้ป่นปี้
สู้กันจนตายวายชีวีใครดีก็มาพาไปดู ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทแค้นคิดตาเพ่งเขม็งอยู่
เอ๊ะอ้ายไวยกระไรต่อหน้ากูข่มขู่ขยี้เล่นเป็นผักยำ
ชี้ข้ามหัวพ่อเป็นตอไม้แคะไค้ว่าเล่นไม่เป็นส่ำ
นับมึงไม่ได้ไอ้ใจดำถ้อยคำหยาบช้าสามานย์
ทั้งนี้มึงเห็นว่ายากทรัพย์จึงไม่นับน้ำหน้าว่าขาน
ข่มเหงแม่ยายขายประจานท่านก็พ่อแม่ของกูมา
มึงไซร้ก็ได้แจ้งเนื้อความหลังกูได้เล่าให้ฟังเป็นหนักหนา
เมื่อลักแม่มึงหนีขุนช้างมาไม่พึ่งพาท่านได้ก็ดูเอา
จะพากันฉิบหายตายโหงเสียมึงจะได้มีเมียที่ไหนเล่า
มึงกลับมาขู่รู่ทำดูเบาอ้ายขี้เค้าคนอกตัญญู
เป็นแต่จมื่นไวยยังเพียงนี้ถ้านานไปได้ดีจะครันอยู่
เป็นไรเป็นไปจะได้ดูกูก็เป็นถึงพระกาญจน์บุรี
พ่อตาก็เป็นพระพิจิตรจะชอบผิดอย่างไรให้ดูที่
อ้ายจองหองจะถองดูสักทีว่าแล้วลุกรี่ตรงเข้ามาฯ
๏ ทองประศรีกั้นกางขวางไว้แกขัดใจฉวยสากตำหมากง่า
อ้ายหน้าด้านทะยานใจไม่เข้ายาเขาว่ากันลูกเขยกับแม่ยาย
งุ่นง่านการงานอะไรของตัวประสมหัวพลอยเห่าเอาง่ายง่าย
จองหองจะถองไม่มีอายร้องด่าท้าทายแต่หลานกู
กูถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้แต่อายุออไวยยังเด็กอยู่
อ้ายชาติข้าสองตามึงไม่ดูมุดหัวคุดคู้อยู่ในคุก
ออไวยไปขอจึงออกได้ขึ้นไปตีเชียงใหม่ได้เป็นสุข
ไปกินกาญจน์บุรีไม่มีทุกข์กลับมาหาญรานรุกผู้มีคุณ
มึงจะเป็นผู้ดีสักกี่ชั้นเมื่อกระนั้นเขาก็เรียกว่าอ้ายขุน
เป็นเจ้าเมืองกาญจน์บุรีพอมีคุณลืมคุณออไวยไปขอมา
มึงไม่ไปเสียให้พ้นเรือนกูมิต่อยให้เปื้อนก็จงว่า
มือเหน็บชายกระเบนร้องเกนมากล้าดีก็มาอย่ารั้งรอ ฯ
๏ พระไวยแอบย่าร้องว่าไปไม่พอที่เลยอะไรนี่คุณพ่อ
เกรี้ยวโกรธโกรธาด่าทอให้เพื่อนบ้านเขาหัวร่อเล่นเกรียวเกรียว
เมียผัวชั่วดีก็ตีกันแม่ยายมาเถียงดันอยู่เกรี้ยวเกรี้ยว
จะเอาแต่ใจตนไปคนเดียวเคี่ยวเข็ญให้อยู่ในถ้อยคำ
ลูกสาวชั่วช้าไม่ว่าเลยมาว่าแต่ลูกเขยเล่นพร่ำพร่ำ
สารพัดดันแดกกระแทกตำใจใครไม่ช้ำก็ใช่คน
ด่าลูกสาวเปรียบแล้วมิหนำยังซ้ำลำเลิกเล่นออกปี้ป่น
สุดที่จะด้านทานทนถึงเลกชาวทรพลไม่เช่นนี้
ถ้าแม้นช่วยมายกเป็นลูกเขยก็หาเถียงไม่เลยให้จู้จี้
จะทนทานด้านหน้าทั้งตาปีถึงด่าแม่ออกกมี่ไม่เจ็บใจ
นี่ก็หาได้ช่วยมาไม่ดอกข้าหาเป็นลูกครอกของใครไม่
จะขึ้นเสียงเปรี้ยงด่าดังข้าไทอันจะละเลยให้อย่าพึงคิด
แต่ศึกเสือเหนือใต้ยังไปรบมิได้หลบลูกปืนแต่สักหนิด
คนอื่นหมื่นแสนจะแทนฤทธิ์เว้นแต่เจ้าชีวิตแลจนใจ ฯ
๏ ขุนแผนร้องแปร้นเจ้าลูกชายพ่อตาแม่ยายหากลัวไม่
อวดอิทธิฤทธาว่ามากไปใครใครไม่กลัวทั้งแผ่นดิน
จะสู้ทนจนยับไม่กลับถอยกูก้อยไม่กลัวเสียหมดสิ้น
ว่าไม่งอนง้อขอใครกินดูหมิ่นกันเล่นแต่ปานนี้
เป็นขุนนางโตใหญ่ที่ไหนเล่าจะเหยียบหัวอ้ายเฒ่าเสียป่นปี้
คุณย่ายิ่งตามใจยิ่งได้ทีตั้งแต่นี้ขาดกันจนวันตาย
ถ้ากูบรรลัยอย่าไปเผาถึงชีวิตออเจ้าจะสูญหาย
ผีมึงกูก็ไม่ไปกล้ำกรายหมายแต่จะเอาชีวิตกัน
ฟ้าฟื้นของกูที่เอาไว้เร่งเอามาให้ขมีขมัน
มีศึกเมื่อไรได้เล่นกันถ้าไม่ให้จะไล่ฟันเอาเดี๋ยวนี้ ฯ
             

๏ พระไวยวิ่งกลับเข้าในห้องร้องว่าคุณพ่อไม่พอที่
มาพลอยโมโหเป็นโกลีถึงจะตีตบต่อยไม่น้อยใจ
ราวกับคนอื่นมาขืนค่อนมาสลัดตัดรอนอย่างนี้ได้
จับดาบทูนหัวกลัวสุดใจออกไปกลัวพ่อจะฟาดฟัน
คุณย่าเจ้าขาเข้ามานี่ทองประศรีรับเอาขมีขมัน
ถือดาบกระดกงกงันร้องด่าตาชันอื้ออึงไป
กูคิดว่าคนดีอ้ายผีเปรตให้แล้วกลับเพศมาคืนได้
ฟันหักหัวหงอกกลับกลอกไปใครจะเจรจาได้เหมือนเช่นมัน
ไหนกระไรหนักหนาค่ากี่เฟื้องราวกับค่าควรเมืองเจียวหรือนั่น
ทุดไสหัวไปให้เห็นตะวันฟันปลาก็ไม่เข้ามึงเอาไป
อ้ายคนบัดสีไม่มีจริงว่าแล้วก็ทิ้งฟ้าฟื้นให้
อ้ายขี้ตรวนกวนได้แต่ออไวยเข้าด้วยลูกสะใภ้เป็นตัวดี ฯ
๏ ขุนแผนแค้นหยิบเอาดาบมาจบทูนเกศาลุกจากที่
นางแก้วกิริยาตามสามีศรีมาลาบุษบาก็คลาไคล
พระพิจิตรก็ตามขุนแผนมาอาลัยศรีมาลาน้ำตาไหล
ถึงท่ารเอจอดพลันทันใดพูดจาปราศรัยกันไปมา
พระพิจิตรบุษฐษจึงว่าไปพ่ออาลัยห่วงหลังเป็นหนักหนา
ส่วนเจ้าก็จะไปเสียไกลตาไม่รู้ว่าศรีมาลาจะอย่างไร
พระไวยเห็นหน้าก็ชิงชังหาเหมือนแต่หลังมาแล้วไม่
เชื่อถือสร้อยฟ้าทึกตาไปมันจะยุยงให้แต่ด่าตี
จะได้พึ่งคุณย่าก็หาไม่พลอยซ้ำเสือกไสไปถ้วนถี่
จะหันหน้าพึ่งใครก็ไม่มีพ่อนี้อาลัยด้วยไกลตา
ขุนแผนกราบเท้าว่าเจ้าคุณอย่าหมกมุ่นไปเลยฟังลูกว่า
จะเป็นไรมีกับศรีมาลาดังดวงชีวาของลูกชาย
กลับไปใช่ลูกจะเลยละคงจะแก้ไขให้จนหาย
มิให้นางอยู่เปลี่ยวผู้เดียวดายจะให้พรายทั้งสองอยู่ป้องกัน
อ้ายไวยมัวหมองต้องยาแฝดแปดเปื้อนไปทั้งคุณย่านั่น
จึงหลงเชื่อฟังไปข้างมันสิบห้าวันแล้วลูกจะกลับมา
ที่เคืองใจนั้นไว้ธุระลูกไม่แก้ไขให้ถูกแล้วจึงว่า
จะจับทั้งอ้ายคนทำมนตร์ยาแก้หน้าเจ้าคุณให้คืนดี ฯ
๏ พระพิจิตรบุษบาจึงว่าไปข้าเห็นใจเจ้ามาแต่ก่อนกี้
ซื่อตรงคงคดเจ้าไม่มีนับปีมาแล้วแต่เชื่อใจ
ค่อยอยู่จงดีศรีมาลาฟังคำพ่อว่าอย่าร้องไห้
มิใช่ไม่รักเจ้าเมื่อไรอยู่ได้ก็จะอยู่ด้วยลูกยา
ครั้นปลอบลูกแล้วก็ลงเรือยังอาลัยลูกเหลือละห้อยหา
ศรีมาลาฟูมฟายฝ่ายน้ำตาพระพิจิตรบุษบาก็คลาไคล ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิทพระพิจิตรลับตาหาช้าไม่
ถอดดาบฟ้าฟื้นยืนแกว่งไกวกลับเข้าไปในบ้านด้วยทันที
พวกบ่าวพระไวยตกใจวิ่งทั้งผู้ชายผู้หญิงหลบหน้าหนี
ขุนแผนแค้นใจใช่พอดีเฮ้ยอ้ายไวยมานี่มาเล่นกัน
เด็ดขาดกันไปใช่พ่อแม่ถึงกูเฒ่ากูแก่ก็ไม่พรั่น
เป็นตายร้ายดีกูคงฟันเมียม่อยมึงด้วยกันก็ดูเอา
หลบหัวไปไหนไม่ลงมาฉวยก้อนอิฐปาหัวนอนเข้า
เป้งเป้งหลายทีไม่มีเบาพระไวยเข้าเรือนเงียบไม่เกรียบเลย
ทองประศรีเยี่ยมหน้านัยน์ตาชันขโมยปล้นกลางวันเจ้าข้าเอ๋ย
แต่น้อยคุ้มใหญ่กูไม่เคยเด็กเหวยไปบอกกรมเมืองมา
ขุนแผนแค้นแม่ไม่นิ่งได้เอาอิฐแพ่นเข้าไปที่ริมฝา
ทองประศรีร้องว้ายกูตายวาปิดประตูร้องด่าอื้ออึงไป ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยาเห็นวุ่นวายหนักหนาไม่นิ่งได้
ปลอบผัวโลมเล้าเอาใจใกล้ค่ำแล้วอย่าช้าน่ารำคาญ
ขุนแผนฟังว่าก็คลาไคลศรีมาลาตามไปจนนอกบ้าน
ถึงป่าช้าพลันมิทันนานกราบกรานขุนแผนผู้บิดา
เจ้าประคุณทูนหัวของลูกเอ๋ยจะละเลยลูกไว้ไม่เห็นห้า
ลูกจะพึ่งบุญใครด้วยไกลตาสร้อยฟ้าเสียดแสร้งสารพัน
พระไวยเหมือนไฟกำเริบแรงมันคอยเฝ้าเข้าแยงอยู่เจียวนั่น
เอาฟืนฝอยใส่ซ้ำทั้งน้ำมันนับวันจะไหม้เป็นจุณไป
ตัวลูกคนเดียวเฝ้าเกรี้ยวกราดไหนจะมีชีวาตม์อยู่ไปได้
ร่ำพลางข้อนอุราโศกาลัยกลิ้งเกลือกเสือกไปกับบาทา ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนอาลัยเอาใจปลอบลูกเสนหา
พ่อจะให้นางพรายทั้งสองราอยู่รักษาลูกแก้วอย่ากลัวภัย
ขึ้นไปจะยกกระบวนทัพลงมาจับอ้ายไวยให้จงได้
จึงจะได้แก้แค้นที่แน่นใจซักไซ้เอาจริงอีสร้อยฟ้า
มันทำเจ้าเท่าไรจะทดแทนให้หายแค้นแสนสมกับน้ำหน้า
จะฉีกแล่แผ่เนื้อเอาเกลือทาเวลานี้ก็จวนจะค่ำแล้ว
เจ้าจะเที่ยวอยู่ในป่าช้าผีคนเดียวไม่ดีนะลูกแก้ว
ปีศาจกราดคะนองว่องแววลูกแก้วฟังพ่อจงคืนไป
ศรีมาลาวันทาแล้วลาพ่อน้ำตาคลอคลอสะอื้นไห้
เดินเดียวเหลียวหลังยังอาลัยขุนแผนทอดถอนใจมาขึ้นช้าง
กับนางแก้วกิริยาคลาไคลบ่าวไพร่ตามพรูดูสล้าง
ร้องเพลงไก่ป่ามาตามทางขุนแผนขี่พลายกางขับช้างมา
สามวันครึ่งถึงเมืองกาญจน์บุรีช้างประทับกับที่ขึ้นเคหา
บ่าวไพร่พร้อมกันไม่ทันช้านางแก้วกิริยาเข้าห้องใน
ฝ่ายพระกาญจน์บุรีอยู่ที่จวนปั่นป่วนหาหายโมโหไม่
แค้นด้วยลูกชายพระนายไวยให้ร้อนรุ่มกลุ้มใจดังไฟลุก
แต่ฮึดฮัดขัดใจเจียนจะคลั่งนอนนั่งเช้าเย็นไม่เป็นสุข
เฝ้าแต่ตรอมตรมระทมทุกข์คิดจะผลาญรานรุกอยู่ทุกวัน ฯ
๏ จะกลับกล่าวถึงเจ้าพลายชุมพลที่ดั้นด้นไปอยู่สุโขทัยนั่น
ตายายรักใคร่ใครจะทันตัวนั้นบวชเข้าเป็นเณรนาน
เล่าเรียนขอมไทยว่องไวดีแปลคัมภีร์เปรื่องปราดออกฉาดฉาน
เช้าเย็นเณรเกราดดไปกวาดลานแสนสำราญเป็นสุขทุกเวลา
วันหนึ่งเณรเอากราดกวาดมลทินยังมีขอมดดำดินเมืองหงสา
มือถือลานทองของวิชาหมายจะถามปริศนาของรามัญ
ผุดขึ้นระหว่างกลางบริเวณถามปริศนาเณรชุมพลนั่น
ชุมพลแก้ไขได้ฉับพลันลานนั้นขอมให้ก็ได้มา
เรียนวิชาในลานชำนาญใจล่องหนหายตัวได้ดังปรารถนา
อยู่คงสารพัดศัสตราดำพสุธาก็ได้ดังใจปอง
กำลังรุ่นหนุ่มน้อยแน่งสนิทอิทธิฤทธิ์ลือดีไม่มีสอง
อายุสิบห้าปีเปี่ยมคะนองสุโขทัยสยองแสยงฤทธิ์ ฯ
๏ คืนหนึ่งเณรตื่นขึ้นแต่ดึกอกสะทึกให้สะท้อนถอนจิต
พลิกกลับก็ไม่หลับลงสักนิดเณรนองนิ่งคิดรำพึงตรอง
หวนจิตคิดคะนึงถึงท่านย่าทั้งบิดามารดายิ่งหม่นหมอง
เราหลบลี้หนีมาน้ำตานองแต่คราวต้องโพยภัยพี่ไวยตี
นานแล้วแต่พรากจากพ่อแม่จะแก่เฒ่าลงอย่างไรไม่รู้ที่
คุณย่าน่าจะหง่อมลงเต็มทีแปดปีเศษแล้วแต่เรามา
ครั้นจะไปเยี่ยมเยือนก็ทางไกลแต่อาลัยครุ่นจิตคิดหนักหนา
ให้ตื้นตื้นตันใจไปทุกตาจนสุริยาเยี่ยมยอดยุคันธร
อดิเรกแอร่มแจ่มศรีปัถพีแจ้งจำรัสประภัสสร
แซ่เสียงปักษาทิชากรเณรลุกจากที่นอนล้างหน้าพลัน
ลงจากกุฎีแล้วเดินมามัดหญ้าเป็นยักษ์โตถงั่น
แข้งขาข้อลำกำยำครันปากปั้นเขี้ยวขบเข้าติดไว้
แล้วมัดไม้เป็นตะบองสอดใส่ในสองมือยักษ์ใหญ่
ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพด้วยฉับไวขึ้นบันได้หยิบกระดาษเข้ากุฎี
ดินสอดำซ้ำเขียนเป็นอักษรถึงบิดรไต่ถามความถ้วนถี่
พับผนึกมิดชิดสนิทดีรีบรี่เดินออกมานอกชาน
จัดแจงสารพัดบัตรพลีลุกลงจากกุฎีมาปลูกศาล
วงด้ายสายสิญจน์วิชาการแล้วเสกซ้ำปลุกมารด้วยมนตรา
ถ้วนคำรบจบคาบซัดข้าวสารยักษ์ทะยานสูงเยี่ยมเทียมภูผา
ทะลึ่งโลดโดดสำแดงแผลงศักดาตวาดว่าให้นั่งลงทันใด
เอาหนังสือผูกคอกระชับมั่นซ้ำสั่งหุ่นนั้นหาช้าไม่
เอ็งจงรีบถือหนังสือไปให้พ่อกูที่กาญจน์บุรี ฯ
๏ ยักษ์รับกราบลาทะลึ่งโลดข้ามโขดเขาเขินคิรีศรี
ยูงยางหักระเนนเป็นธุลีเหยียบเสือช้างบี้ด้วยบาทา
วิ่งกลมดังลมเพชรหึงตึงตึงตีนเตะเข้ายอดผา
พังครืนครื้นครั่นสนั่นมาพสุธาสะท้านสะเทื้อนดง
ข้ามละหานธารท่าป่าทุ่งหมายมุ่งทิวไม้ไพรระหง
ตะวันรอนอ่อนแสงพระสุริยงยักษ์ก็ตรงเข้าเมืองกาญจน์บุรี
ชาวเมืองรู้ทั่วต่างกลัวยักษ์พรั่นนักจะพาลูกเมียหนี
ตกใจไม่เป็นสมประดีทั้งพระกาญจน์บุรีก็ตกใจ
เสียงอะไรตึงตังดังหนักหนาลงจากจวนมาหาช้าไม่
แลเห็นยักษ์พลันในทันใดก็แจ้งใจว่ายักษ์วิชาการ
จึงเสกผ้าขาวบางแล้วขว้างไปเป็นลิงใหญ่ไล่โลดดโดดสังหาร
ยักษ์กับลิงวิ่งเข้าประจัญบานคนผู้ดูพล่านทั้งพารา
ลิงล่อยักษ์ไล่ทะลึ่งโลดลิงโดดยักษ์เงื้อตะบองง่า
ยักษ์ตีลิงไล่ตะบองมาลิงกัดยักษ์คว้าต้นคอคั้น
ลิงผลักยักษ์เซพอเหห่างลิงง้างตะบองยักษ์หักสะบั้น
ยักษ์เตะลิงรับจับตีนทันยักษ์ล้มลิงถลันคั้นไม่วาง
ยักษ์มนตร์ตนน้อยศักดาเดชลิงเวทมัดซ้ำด้วยลำหาง
ยักษ์ร้ายกลายกลับเป็นหญ้าฟางลิงก็หายกลายร่างเป็นผ้าไป ฯ
๏ ขุนแผนแลเห็นแผ่นกระดาษเอ๊ะประหลาดคลี่ดูหาช้าไม่
อักษรบวรลักษณ์วิไลของลูกแต่สุโขทัยธานี
แต่พลัดพรากพ่อแม่ไม่แลเห็นจะอยู่เป็นสุขทุกข์ไม่รู้ที่
อนึ่งองค์ทรงธรรม์พระพันปียังดีหรือกริ้วบ้างเป็นอย่างไร
ยังสำราญราชการพระเป็นเจ้าโรคภัยเบาบางหรือไฉน
อนึ่งพี่ศรีมาลากับพี่ไวยดีร้ายกันอย่างไรไม่แจ้งการ
คุณย่าอยู่หลังยังเป็นสุขหรือเจ็บไข้ได้ทุกข์ถึงตัวท่าน
แต่ลูกพรากจากมาก็ช้านานจะคลายทุกข์ถึงหลานบ้างหรือไร
แม่แก้วกิริยาแม่ลาวทองทั้งสองอยู่ดีหรือไฉน
ลูกนี้ให้เป็นห่วงบ่วงใยอยู่ที่ในแม่แก้วกิริยา
อันตัวลูกอยู่ดีศรีสวัสดิ์ไม่เคืองขัดทุกวันก็หรรษา
ได้พึ่งบุญคุณยายกับคุณตาลูกศรัทธาบวชเข้าเป็นเณรใน
พ่อแม่พี่ย่าบรรดาญาติขอประสาทแผ่ส่วนกุศลให้
ครั้นอ่านทราบเสร็จพลันในทันใดพับไว้กลับคืนขึ้นบนจวน ฯ
๏ ขุนแผนเฝ้าคะนึงถึงสาราเข้าเคหาห้องน้อยละห้อยหวน
คิดถึงลูกผูกใจอาลัยครวญปั่นป่วนเปี่ยมปิ้มปริ่มน้ำตา
โอ้ตัวกูนี้มีลูกชายที่มั่นหมายก็ไม่สมปรารถนา
อ้ายไวยรักใคร่ดังแก้วตามันกลับมาลบหลู่เอากูนี้
เพราะเย่อหยิ่งยศศักดิ์เสียเหลือแสนกลัวอ้ายแผนนี้จะพึ่งให้เผาผี
ชุมพลพ่อเห็นต่อจะเต็มดีฝากผีได้แล้วเจ้าแก้วตา
แต่เล็กเล็กเท่านี้ยังมีใจเห็นจะพอพึ่งได้ไปภายหน้า
จึงเขียนหนังสือพลันมิทันช้ามาผูกคอยักษ์หญ้าในทันใด
เอาสายเชือกกระหวัดรัดมั่นผูกพันสะพายแล่งที่หัวไหล่
กลับปลุกยักษ์ลุกทะลึ่งไปลุยไม้ไหล้ล้มระทมเตียน
แต่ละก้าวยาวโยชน์โดดปลิวแล่นลิ่วลมพัดฉวัดเฉวียน
ลุยน้ำข้ามป่าท่าเตียนเร็วเจียนจะเหาะระเห็จไป ฯ
๏ ครู่หนึ่งถึงสุโขทัยพลันยักษ์นั้นเข้าวัดหาช้าไม่
เณรเห็นยักษ์หญ้ามาแต่ไกลดีใจแก้ยักษ์ในทันที
เห็นกระดาษที่สายตะพายบ่าก็รู้ว่าพ่อตอบอักษรศรี
จะได้ข่าวพ่อแผนแสนยินดีหยิบหนังสือมาคลี่ออกอ่านพลัน
อักษรบวรลักษณ์มงคลถึงพ่อเณรชุมพลคนขยัน
ซึ่งเจ้าให้ยักษ์มนตร์ด้นอรัญถือหนังสือสำคัญถึงบิดา
ได้ทราบข่าวลูกยาว่าสุขสวัสดิ์ทั้งพ่อแม่โสมนัสเป็นหนักหนา
ทั้งยินดีที่เจ้าบรรพชาโมทนาคำนับรับส่วนบุญ
แต่ซึ่งเจ้าไต่ถามความทุกข์สุขพ่อนี้มีแต่ทุกข์ให้หมกมุ่น
เพราะอ้ายไวยหยาบช้าทารุณมันลืมคุณพ่อแล้วนะแก้วตา
เจ้าก็รู้อยู่เรื่องมันถูกเสน่ห์พ่อจะแก้เล่ห์กระเท่ห์จึงอุตส่าห์
เข้าไปในกรุงอยะยาพระพิจิตรบุษบามาพร้อมกัน
ว่ากล่าวเตือนมันฉันผู้ใหญ่ส่องกระจกชี้ให้เห็นข้อขัน
มันกลับโกรธขึ้งยิ่งดึงดันขึ้นเสียงเถียงสนั่นไม่เกรงใคร
ลำเลิกเบิกชาว่าเอาพ่อว่ามันขอจึงพ้นจากคุกได้
ประจานให้คนฟังนั่งเต็มไปจึงสุดแสนแค้นใจในครั้งนี้
ถ้าวันนั้นท่านย่าไม่มาขวางก็คงล้างอ้ายไวยให้เป็นผี
เพราะย่าย่อยพลอยหลงไม่มีดีอ้ายไวยได้ทีจึงแรงร้าย
พ่อกลับมากาญจน์บุรีไม่มีสุขระทมทุกข์เช้าเย็นไม่เห็นหาย
ไม่แก้แค้นสมประสงค์ก็คงตายเป็นลูกชายช่วยพ่อบ้างเป็นไร
เจ้าก็เรืองฤทธาวิชาการถึงผูกหุ่นยักษ์มารใช้มาได้
จงคิดผูกหุ่นพลสกลไกรปลอมเป็นมอญใหม่ยกลงมา
กรากตรงเข้าประชิดติดเดิมบางไม่สู้ห่างสุพรรณนั้นหนักหนา
ให้เลื่องลืออื้ออึงถึงอยุธยาพระพันวษาคงจะใช้ไอ้ไวยรบ
คงเกณฑ์พ่อไปด้วยให้ช่วยมันเราช่วยกันให้ดีตีประจบ
ห้ำหั่นมันเสียให้บัดซบแล้วตัวเจ้าจึงหลบไปเมืองบน
แต่ผู้อื่นมิใช่ไอ้ไวยนั้นอย่าฆ่าฟันผู้ใดให้ปี้ป่น
เห็นกับพ่อขอให้พลายชุมพลเจ้ารีบผูกหุ่นยนตร์ยกลงมา ฯ
๏ สิ้นสารอ่านเสร็จสำเร็จเรื่องชุมพลเคืองแค้นใจเป็นหนักหนา
คิดคิดสงสารพ่อคลอน้ำตาชะต้าพี่ไวยใช่พอดี
ลบหลู่ดูถูกถึงบิดาสาอะไรกับเราเท่าแมงหวี่
เมื่อหน้าหาไหนจะไยดีจะนับพี่น้องกันไปทำไม
เราก็เรืองพระเวทวิทยาจะแทนคุณบิดาให้จงได้
เสียดายหนอทุ่งกว้างหนทางไกลถ้าเหาะได้ก็จะไปในเดี๋ยวนี้
ให้เคืองขุ่นมุ่นหมกในอกช้ำจนพลบค่ำแสงพระสุริย์ศรี
เข้าห้องหับก็ไม่หลับสนิทดีเฝ้าตรองตรึกนึกที่ทุกข์บิดา ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าเจ้าเณรพลายชุมพลร้อนรนรำคาญใจเป็นหนักหนา
ห่มดองครองรักกับกายาเข้ามาบ้านพลันด้วยทันใด
จึงแจ้งกิจจากับตายายว่าหลานชายนี้หาสบาย
ไม่บิดามารดาข้าอยู่ไกลรำลึกถึงสุดใจจะขอลา
เจ้าขรัวผัวเมียก็ตามใจลาอาจารย์สึกให้เหมือนหลานว่า
ผัดหลานให้รอพอแล้วนาตาจะจัดบ่าวข้าให้เจ้าไป
ชุมพลตอบคำเจ้าขรัวตาหลานมาคนเดียวก็มาได้
จะขอแต่ม้าดีพอขี่ไปที่ว่องไวเคล่าคล่องทำนองดี ฯ
ตาเห็นว่าได้แต่ไอ้กะเลียวมันประเปรียวหนักหนาไอ้ม้าผี
ต้องผูกกกราดทอดหญ้าทั้งตาปีใครขึ้นขี่หันหกชกสุดใจ
กัดลูกอีแป้นแทบแขนขาดยังเป็นคุดระราดหาหายไม่
เจ้าสิประสิทธิ์ฤทธิไกรจะขี่ได้ก็ดูเอาเถิดรา ฯ
๏ ชุมพลฟังตาก็ลาไปถอนหญ้าเสกใส่ด้วยคาถา
ถึงโรงกะเลียวเลี้ยวเข้ามายื่นหญ้าแล้วก็เสกด้วยเวทมนตร์
ลูบหลังอาชาแล้วว่าไปน้องรักจักให้พี่เป็นผล
พี่ต้องตรากตรำจำทนพ้นทุกข์เสียเถิดในวันนี้
กะเลียวหลังเหล็กได้ฟังว่ารับหญ้ายืนร้องอยู่ก้องมี่
ชุมพลแก้ม้าไม่ช้าทีวางเบาะอานดีแล้วผูกพัน
โกลนแผงแต่งพร้อมละม่อมละมุนโจนผลุนขึ้นม้าขมีขมัน
กระทืบส่งลงแส้เป็นสำคัญม้าผันผกผยองทำนองทวน
แคล่วคล่องว่องไวดังใจนึกสะอึกไล่เรี่ยวแรงคำแหงหวน
ถูกน้อยร้อยเรียบระเบียบกระบวนมาถึงจวนคุณตาฮาก้องไป
ดีใจเต้นหรบปรบมือลูกเสือแล้วหรือจะไม่ได้
เรียกหลานขึ้นมาตาชอบใจหยิบดาบยื่นให้ในทันที
ดาบนี้แต่ครั้งเจ้าคุณปู่ท่านฟันหมู่มอญพม่าพากันหนี
จึงให้ชื่อว่าชนะไพรีเป็นของดีสืบมาจนตายาย
ตานี้แก่เฒ่าเฝ้าห่วงใยกลัวว่าสิ้นบุญไปจะสูญหาย
ทุกวันนี้ก็ไม่มีลูกผู้ชายพ่อพลายเอาไว้ให้จงดี ฯ
             

๏ ชุมพลรับดาบแล้วกราบลาให้บ่าวเอาม้าไปไว้ที่
ครั้นสิ้นแสงสุริยาในราตรีจัดแจงบายศรีพลีการ
กับบ่าวไพร่ยกไปที่ป่าช้าผ่าไม้ไผ่ปักเป็นเสาศาล
จัดธูปเทียนชัยขึ้นใส่พานชักสายสิญจน์โยงผ่านป่าช้าชัฏ
ได้ฤกษ์แล้วเบิกโขลนทวารโอมอ่านพระเวทวิเศษจัด
แล้วหยิบเอาข้าวสารมาหว่านซัดเร่งรัดเรียกผีทุกตำบล
บรรดาภูตผีที่ถ้ำหนองห้วยคลองป่าไม้ไพรสณฑ์
ต่างกู่ก้องร้องเรียกกันอลวนด้วยกลัวมนตร์รีบมาไม่ช้าที
ต่างรับเครื่องเซ่นไม่เว้นตนชุมพลเซ่นเสร็จแล้วเลือกผี
เอาแต่โหงพรายร้ายราวีพรุ่งนี้กูจะไปยังสุพรรณ
พวกออเจ้ามาเข้ากระบวนทัพไปกำกับหุ่นมนตร์พลขันธ์
โหงพรายต่างรับด้วยฉับพลันชุมพลนั้นกลับบ้านสำราญใจ ฯ
๏ ครั้นพวยพุ่งรุ่งแสงสุริย์ฉายเจ้าพลายเข้าไปในเรือนใหญ่
กราบลาเจ้าขรัวสุโขทัยทั้งตายายอวยชัยประสิทธี
แล้วอาบน้ำชำระกายานุ่งผ้าใส่เสื้อสำอางศรี
เข็มขัดรัดแน่นสนิทดีสอดสวมเครื่องมีฤทธิไกร
ประจงจบจับดาบของคุณตาแล้วเผ่นขึ้นอาชาหาช้าไม่
ฤกษ์ดีขี่ควบอาชาไนยออกจากสุโขทัยด้วยทันที
ฝูงพรายรายล้อมพร้อมมายกทัพโยธาแต่ล้วนผี
กำลังม้าร่าแรงราวีขับขี่ดังจะปลิวไปตามลม ฯ
๏ ครั้นถึงกึ่งกลางมรรคาหยุดม้าเข้านั่งที่บังร่ม
ลงยันต์เท้าม้าด้วยอาคมพรมน้ำมันพระเวทวิเศษดี
ครั้นแล้วเกี่ยวหญ้ามาฉับพลันผูกหุ่นถ้วนพันไว้กับที่
ซัดข้าวสารเสกประสิทธีหุ่นก็มีชีวิตขึ้นเป็นคน
สองมือถือเครื่องสาตราวุธอุตลุดอึงป่าโกลาหล
ต่างนบนอบหมอบไหว้พลายชุมพลเจ้าขึ้นนั่งยังบนหลังกะเลียว
แล้วสั่งหุ่นมนตร์พลไพร่จะยกไปเป็นทัพขับเคี่ยว
ให้โห่เสียงมอญใหม่ให้กราวเกรียวกำชับสั่งคำเดียวเป็นสำคัญ
อันพวกเหล่าชาวประชาราษฎรเพียงตีต้อนอย่าฆ่าให้อาสัญ
สั่งแล้วเสร็จสรรพฉับพลันขับม้าผายผันผยองไป
ข้ามารทางท่าป่าทุ่งฝุ่นฟุ้งโห่โหมกระโจมไล่
ชาวบ้านตื่นแตกแหกเข้าไพรตกใจกองทัพรับไม่ทัน
บ้างอุ้มลูกจูงหลานคลานเข้ารกผ้าผ่อนล่อนหลกไปตัวสั่น
งันงกหกล้มลงจมกันพวกชาวบ้านป่วนปั่นทุกแห่งไป
ถึงเดิมบางพลันมิทันช้าให้ตั้งค่ายในป่าไว้กว้างใหญ่
สงบทัพยับยั้งระวังระไวด้วยใกล้สุพรรณพารา ฯ
๏ ครานั้นผู้รั้งเมืองสุพรรณได้ทราบข่าวหวาดหวั่นเป็นหนักหนา
เกณฑ์คนขึ้นประจำใบเสมารักษาป้อมค่ายไว้มั่นคง
รั้วขวากลากมาสนามเพลาะมั่นเหมาะค่ายคูดูระหง
ด่านทางวางรอบเป็นขอบวงให้ม้าใช้สืบส่งคดีมา
แล้วรีบจัดแจงแต่งใบบอกขุนแพ่งออกควบม้ามาในป่า
พอรุ่งถึงกรุงอยะยาตรงเข้าไปศาลาลูกขุนใน
วางบอกนายชำนาญด้วยการทัพนายเวรรับต่อยตราหาช้าไม่
นำความเรียนเจ้าคุณมหาดไทยแล้วคัดเขียนความในใบบอกมา ฯ
๏ ครานั้นท่านเจ้าคุณมหาดไทยร้อนใจตรองตรึกแล้วปรึกษา
ลูกขุนเห็นพร้อมกันมิทันช้าเข้ามาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ
             

ตอนที่ ๔๐ พระไวยแตกทัพ

๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงศักดิ์ปิ่นปักนัคเรศเขตขัณฑ์
สถิตเหนือแท่นแก้วแพรวพรรณพระกำนัลแน่นหน้าสนมใน
ขับกล่อมซ้อมเสียงประสานซอล้วนลออนวลละอองผ่องใส
เบิกบานสำราญราชหฤทัยครั้นพระสุริย์ใสสว่างฟ้า
สระสรงทรงเครื่องเรืองบวรเสด็จออกพระบัญชรข้างฝ่ายหน้า
ข้าเฝ้าเจ้าพระยาแลพระยาหมอบกลาดดาษดาอยู่พร้อมกัน ฯ
๏ ครานั้นท่านเจ้าคุณมหาดไทยบังคมไหว้ทูลคดีขมีขมัน
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์ชีวันอยู่ใต้พระบาทา
บัดนี้มีบอกพระสุพรรณกรมการพร้อมกันถ้วนหน้า
ว่ายังมีโจรบกยกมาโยธาประมาณสักพันปลาย
ตีไล่ไพร่บ้านพลเมืองแตกวุ่นขุ่นเคืองมากหลาย
ให้ไปสืบดูรู้แยบคายว่าตั้งค่ายเดิมบางอยู่กลางไพร
ผู้รั้งตั้งรับอยู่พาราแต่หายกเข้ามาประชิดไม่
พระสุพรรณครั้นจะออกไปชิงชัยเห็นยังไม่ได้ทราบพระบาทา
ถ้าฉวยเสียนายไพร่ในสงครามก็เกรงความผิดชอบเป็นหนักหนา
ใคร่ครวญดูกระบวนที่ยกมาจะว่าเป็นกองทัพก็ผิดไป
ด้วยยกมาแต่ตัวหัวเดียวจะรบรับขับเคี่ยวก็มิใช่
ครั้นจะว่าเหล่าโลนพวกโจรไพรเห็นพลไพร่มากอยู่ดูไม่ควร ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชดำริเหตุพระองค์ทรงพระสรวล
ใบบอกอึ้งอ้ำเป็นสำนวนเดิมบางทางก็จวนถึงสุพรรณ
ถ้าทัพศึกอื่นไกลหาไหนมาทำไมตั้งรั้งราอยู่ที่นั่น
ได้ทีก็จะตีเข้าติดพันตั้งค่ายรายมั่นเอาพารา
นี่อ้ายพระสุพรรณไม่ออกรบก็นิ่งหลบซ่อนตัวอยู่แต่ป่า
ครั้นจะว่าโจรไพรไพล่เข้ามากล้านักเห็นผิดจริตไป
อ้ายผู้รั้งเมืองสุพรรณมันขี้ขลาดจึงหาอาจจะออกไปรบไม่
ทำบอกแก้ตัวด้วยกลังภัยกูเข้าใจอยู่สิ้นอ้ายลิ้นทอง
จงสั่งให้อ้ายแผนออกไปดูครู่เดียวก็จะจับเอาคล่องคล่อง
อ้ายสุพรรณนั้นให้เป็นลูกกองสั่งสรรพหับห้องพระแกลชัย ฯ
๏ ท่านเจ้าคุณผู้ใหญ่ได้รับสั่งออกมาจากวังหาช้าไม่
ให้แต่งตราพลันในทันใดกระบอกหนึ่งส่งไปให้สุพรรณ
กระบอกหนึ่งพันเภาเอ็งเอาไปให้พระกาญจน์บุรีขมีขมัน
พันเภารับกระบอกออกเรือพลันสามวันถึงเมืองกาญจน์บุรี ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดารับรองท้องตราพระราชสีห์
กรมการพร้อมกันทันทีเปิดคลี่แล้วอ่านซึ่งสารตรา
ทราบความตามเรื่องก็เข้าใจขุนแผนยิ้มละไมอยู่ในหน้า
บอกพันเภาไปมิได้ช้าทำไมกับโจรป่ามาเท่านี้
จะสู้รบตบมือได้ถึงไหนกลัวแต่เราไปจะไพล่หนี
ถ้ามันกล้ารั้งรออยู่ต่อตีทำไมมีเสร็จศึกนึกว่ารวย
จับเชลยมาใช้ให้หนักหนาทั้งช้างม้าเงินทองของมันด้วย
จะหาสาวมอญใหม่ไว้ผมมวยที่สวยสวยเผื่อนายให้หลายคน
ว่าพลางทางสั่งหลวงปลัดยกกระบัตรสัสดีนั้นเป็นต้น
ให้พร้อมกันรีบรัดจัดพลจะยกไปประจญในพรุ่งนี้ ฯ
๏ หลวงปลัดยกกระบัตรกรมการอลหม่านตระเตรียมกันอึงมี่
ตารางเกณฑ์กะลงบัญชีสัสดีเรียกเร่งมิได้ช้า
ที่ใครหลบเลี่ยงหลีกหนีเฆี่ยนตีมี่ไปไม่เลือกหน้า
ให้รวบรวมวัวต่างช้างม้าทั้งสาตราอาวุธทุกสิ่งอัน ฯ
๏ ฝ่ายว่านางแก้วกิริยารู้ว่ามีศึกก็จัดสรร
เสบียงเรียงแต่งไว้ครบครันขุนแผนผายผันเข้าห้องใน
เรียกแก้วกิริยากับลาวทองทั้งสองเข้ามาแล้วปราศรัย
เจ้าทั้งคู่อยู่หลังอย่าตกใจไปทัพครั้งนี้จะนานมา
ชุมพลลูกเราดอกเจ้าแก้วเจ้ารู้เรื่องอยู่แล้วเป็นหนักหนา
แค้นใจจึงแกล้งให้แปลงมาหวังจะลวงเข่นฆ่าอ้ายหมื่นไวย ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยาฟังว่าหน้าเสียไม่นิ่งได้
โกรธลูกผูกเจ็บมาจองภัยเลือดเนื้อในไส้หาไหนมา
ชั่วดีตีต่อยเอาความผิดไม่คิดถึงชีวิตจะเข่นฆ่า
จงเห็นกับวันทองผ่องโสภาวันเมื่อมรณานางฝากไว้
กำพร้าแม่ได้แต่จะพึ่งพ่อยังจะต่อตามทำไปถึงไหน
บอกชุมพลให้กลับซึ่งทัพชัยอย่าได้เคืองขุ่นให้วุ่นวาย ฯ
๏ ขุนแผนฮึดฮัดกัดฟันกูนี้กี่ร้อยวันมันจะหาย
ร้อนใจอะไรกับท่านยายห้ามหวงลูกชายด้วยเมตตา
เห็นอ้ายแผนมันแก่แต่จะตายจะเอาคุณพระนายไว้ดูหน้า
ใจเจ้าแต่ไหนแต่ไรมาเจ้ารักหนักหนานางวันทอง
เฝ้าเตือนมาแต่ไรให้ดีด้วยจึงเอออวยรับพามาไว้ห้อง
เลยหลงรักลูกเต้าเข้าประคองถึงจองหองว่ากระไรไม่ได้ยิน
อย่าห้ามเลยข้าหาฟังไม่กูกับอ้ายไวยนี้สูญสิ้น
ถ้าหากข้าตายล้มลงจมดินเจ้าจงปลิ้นไปพึ่งเจ้าจอมไวย ฯ
๏ นางแก้วตอบไปไฮ้คุณตาอย่ามาพูดใส่หน้าให้หมั่นไส้
ห้ามด้วยสงสารรำคาญใจเมื่อไม่ฟังแล้วก็ตามที
มิไปฆ่าฟันกันเสียไยอย่ามาพักพ้อใส่ให้จู้จี้
จะว่าไรใส่ร้ายทั้งตาปีอย่าเซ้าซี้ขี้คร้านจะเจรจา
กลัวปากแล้วไม่อยากจะทะเลาะรีบเหาะไปเถิดไม่อยากว่า
เสบียงเรียงพร้อมทั้งข้าวปลาไปเข่นฆ่ากันให้เล่นสนุกใจ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดาสะบัดหน้าลุกเข้าในเรือนใหญ่
แต่งตัวคาดเครื่องเยื้องย่างไปขึ้นสีหมอกพอได้เวลาดี
กรมการตามหลังสะพรั่งมาโยธาอัดอึงคะนึงมี่
โห่สนั่นลั่นฆ้องกระแตตีออกจากกาญจ์บุรีรีบยกไป ฯ
๏ ฝ่ายผู้รั้งสุพรรณครั้นแจ้งตราก็ตระเตรียมยาทั้งนายไพร่
คอยท่านขุนแผนผู้แว่นไวยกทัพขับไปประจบกัน
ครั้นถึงนางบวชก็โบกธงทั้งค่ายรายลงเป็นหล่าหลั่น
สนามเพลาะพูนรอบเป็นขอบคันแล้วจัดสรรกองตั้งระวังระไว ฯ
๏ ครานั้นชุมพลรณรงค์เห็นตั้งค่ายรายลงไม่หวาดไหว
กำเริบฤทธิ์เชี่ยวชาญชำนาญใจจัดหุ่นรายไว้ให้ป้องกัน
จึงให้พลายเพชรกุมารทองเข้าอยู่ในท้องสองหุ่นนั้น
ปลอมเป็นชาวบ้านเมืองสุพรรณรีบไปค่ายนั้นในทันใด
กำชับสั่งกิริยาจะว่าขานทำให้เหมือนชาวบ้านที่จับได้
ว่าเราให้ถือหนังสือไปให้แก่นายใหญ่ที่ยกมา
ถ้าเขาสืบสาวราวเรื่องไซร้บอกว่าทัพมอญใหม่เมืองหงสา
แล้วสืบว่าผู้ใดใครยกมากุมารลารีบถือหนังสือไป
ครั้นถึงหน้าค่ายพระกาญจน์บุรีทำทีเป็นกลัวไม่เข้าใกล้
พวกพลเห็นคนมาแต่ไกลประหลาดใจก็กรูกันออกมา ฯ
๏ ฝ่ายว่าพลายเพชรกุมารทองทรุดนั่งยองยองแล้วร้องว่า
ชาวบ้านดอกใช่หาไหนมากองทัพจับพาเอาตัวไป
เขาใช้ให้ถือหนังสือนี้มาที่ตัวท่านแม่ทัพใหญ่
ต้องมาสองคนด้วยจนใจข้าไหว้ช่วยพาข้าไปที
อ้ายพวกกองทัพจับสองแขนมัดแน่นไม่รู้ว่าหุ่นผี
พาเข้าไปแถลงแจ้งคดีพระกาญจน์บุรีถามมาว่านั่นใคร
พวกไพร่เรียนพลันมิทันช้าจับได้ว่ามาแต่มอญใหม่
ครั้นถามพูดจาภาษาไทยได้ทั้งหนังสือที่ถือมา
พันเภาผู้รั้งเมืองสุพรรณช่วยกันขู่ซักเป็นหนักหนา
มึงอยู่บ้านไหนมันได้มารี้พลโยธามันเท่าใด ฯ
๏ ครานั้นหุ่นมนตร์คนผีทำเป็นกลัวตียกมือไหว้
ว่าลูกอยู่บ้านป่าท่าต้นไทรหนีไปไม่ทันมันจับมา
อันพวกพหลสกลไกรประมาณได้สักพันหนึ่งกว่ากว่า
มันพูดกันฟังดูรู้กิจจาว่าเป็นชาวหงสามาแต่ไกล
บัดนี้ให้ถือหนังสือมาว่าแล้วก็ส่งหนังสือให้
ขุนแผนใส่แว่นเข้าทันใดคลี่สารอ่านไปตามคดี ฯ
๏ ตัวกูผู้จอมโยธาชื่อสมิงมัตราเรืองศรี
อยู่แว่นแคว้นหงสาธานีมิได้เป็นข้าราชการ
เป็นเจ้าโยธาประสาตัวคนกลัวฤทธากล้าหาญ
กูก็ไม่หยาบช้าสามานย์ตั้งมั่นอยู่ในการเมตตาคน
รู้ข่าวว่าชาวอยะยาหยาบช้าห่าตีกันปี้ป่น
สร้างกรรมทำชั่วทุกตัวคนเมืองเชียงใหม่อยู่บนก็รุกราน
เห็นทำผิดคิดไปให้เวทนาจะหลับตาจมลงในสงสาร
จึงยกมาหวังว่าจะทรมานถ้ารู้การงอนง้อไม่ต่อกร
กูก็ไม่ฆ่าฟันให้บรรลัยหมายใจแต่จะตั้งสั่งสอน
ถ้าแม้นไม่ยอมแพ้ทำแง่งอนกูจะต้อนคนกลุ้มเข้ารุมฟัน
อันพวกท่านนี้ยกมาตั้งอยู่มาจะสู้ก็ว่าให้แม่นมั่น
หรือจะยอมก็ว่าออกมาพลันอย่ามานะจะฟันไม่เหลือเลย ฯ
๏ ขุนแผนทำแค้นทิ้งหนังสือตบมือว่าชิอ้ายมอญเอ๋ย
นี่มันอยู่เมืองไกลมันไม่เคยมันจึงพูดเฉลยชะล่าใจ
หมาน้อยไม่เคยได้กลิ่นเสือใครบอกมันจะเชื่อเขาที่ไหน
อวดดีว่ามีฤทธิไกรเหมือนแมลงเม่าเข้าไฟไม่รู้ตัว
จึงตอบไปให้ยกมาแต่เช้ามัวขี้เซาจะไปสับกะลาหัว
ให้แปดพันกูจะฟันไม่เว้นตัวอย่าเมามัวว่าจะปลอดรอดชีวา ฯ
๏ หุ่นมนตร์คำนับรับหนังสือชูถือลาแล่นเข้าในป่า
ถึงชุมพลพลันมิทันช้าหุ่นหญ้าล้มลงด้วยทันใด
ฝ่ายว่าพลายเพชรกุมารทองทั้งสองจึงส่งหนังสือให้
บอกว่าพ่อแผนผู้แว่นไวเป็นแม่ทัพใหญ่ยกออกมา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพลายชายชุมพลจึงสั่งพวกหุ่นมนตร์ไว้ถ้วนหน้า
ค่ำวันนี้กูจะตีค่ายบิดาเอ็งอย่าฆ่าใครให้บรรลัย
กันเอาแต่ท่านกาญจน์บุรีมาส่งกูนี้ให้จงได้
สั่งแล้วเตรียมกันทันใดพอพระสุริย์ใสพลบลง
สองทัพกำชับพลขันธ์ลั่นฆ้องกลองสนั่นไพรระหง
จันทรร่อนกระจ่างสว่างดงเรไรร้องก้องส่งสำเนียงครวญ
อาการประมาณสักสี่ทุ่มลมกลุ้มพัดกลับพยับหวน
ชุมพลเห็นฤกษ์พาเวลาควรจัดกระบวนหุ่นพลันในทันใด
และผูกกะเลียวลงยันต์ผาดผันขึ้นม้าหาช้าไม่
ดั้นดัดลัดพงตรงเข้าไปครั้นใกล้ให้สงบซึ่งโยธา
ย่องเหยียบมิให้เกรียบกรอบดังกระทั่งค่ายขุนแผนเข้าด้านหน้า
โห่เกรียวฟันค่ายทลายมาพวกกองทัพก็พากันตกใจ
หลับอยู่ไม่รู้สึกตนแต่สักคนไม่คว้าอะไรได้
ลุกขึ้นชุลมุนวุ่นกันไปพวกหุ่นหมุนไล่ตะลุมบอน
เอาด้ามหอกหวดปวดร้องโอยแบนดาบลงโบยเอาไม้ค่อน
วิ่งหนีล้มลุกเที่ยวซุกซอนเตะค่อยคอยผ่อนมิให้ตาย ฯ
๏ ผู้รั้งสุพรรณตัวสั่นงกพลัดตกทับร่อนลงนอนหงาย
เรียกคุณปู่ย่าคุณตายายคุณเจ้าคุณนายมาช่วยกู
ผ้าล่อนล่อนโล่งโก้งโค้งคลานเข้ามุดในใต้ร้านคุดคู้อยู่
พันเภายองยองขึ้นมองดูพวกหุ่นหมุนกรูเข้าในทัพ
พันเภาเอาหอกกรอกแทงหุ่นแย่งหะเหะปะเตะจับ
ลูกตายแล้วหนอล้มคอพับขุนแผนร้องว่ารับอย่าหนีไป
ใครขี้ขลาดขยาดถอยถดกูจะฟันให้หมดหาไว้ไม่
ขับม้าผ่านพพลสกลไกกรพวกพลก็ได้สติมา
โห่กลับจับดาบกระหนาบรันยิงแย้งแทงฟันกันหนักหนา
ปืนเปรี้ยงเสียงโห่เป็นโกลาเฮฮาโหมฮึกครึกโครมไป
ฟันฟาดฉาดเปล่าไม่เข้าหุ่นมันกลับหมุนโลดโผนกระโจนไล่
หม้อดินใส่ชุดเอาจุดไฟทิ้งไปหุ่นฮือกระพือมา
ขุนแผนขับม้าเข้าฝ่าฟันพวกหุ่นหนุนกันมาหนักหนา
ถลันไล่ไปกระทั่งถึงลูกยาเห็นหน้ากันเข้าก็ดีใจ
ฝูงชนย่นแยกแตกมามิใช่คนหวาสู้ไม่ได้
วิ่งหนีกลับหลังพังไปพระสุพรรณอยู่ใกล้กับพันเภา
กูตาฟางนักพยักเพยิดให้กูขี่ไปเถิดอ้ายพ่อเจ้า
พันเภาฮึดฮัดวัดเหวี่ยงเอาตาเฒ่าจะมาพากูตาย
ต่างคนต่างกลัวเอาตัวรอดมุดลอดป่าไม้ไปสูญหาย
ขุนแผนแสนสะท้านกับลูกชายเรียกภูตผีพรายกับหุ่นมา
เซ็งแซ่แห่ห้อมพร้อมสะพรั่งโห่ดังเกรียวกราวฉาวป่า
ออกทุ่งมุ่งตรงอยุธยาล่วงสุพรรณพารามาทันใด
ชาวบ้านร้านช่องอยู่ใกล้ทางละเหย้าเรือนร้างไม่อยู่ได้
แตกตื่นทุกบ้านซานซมไปตกใจไม่เป็นสมประดี
ขุนแผนลูกชายพลายชุมพลยกพวกหุ่นมนตร์กับฝูงผี
ถึงตาลานพลันด้วยทันทีตั้งค่ายไว้ที่ริมชายไพร
พวกชาวตาลานทิ้งบ้านเรือนสะเทือนหนีเข้าป่าไม่อยู่ได้
ขุนแผนกับลูกชายสบายใจทีนี้อ้ายไวยได้เห็นกัน ฯ
๏ ครานั้นพันเภาผู้ทัพแตกวิ่งแหกป่ากลัวจนตัวสั่น
เซซุดมุดรกอยู่งกงันเสียงแกรกกรากพรั่นไม่ไว้ใจ
มีบ่าวสองคนติดก้นมาพักเดียวดั้นป่าหาหยุดไม่
ล้าเลื่อยเหนื่อยบอบหอบหายใจใกล้รุ่งก็ถึงอยุธยา
ครั้นถึงเรือนพลันทันใดเรียกเมียแต่ไกลรับด้วยหวา
นางเมียตกใจจุดไต้มาพันเภาร้องว่าอย่าจุดเลย
นางเมียส่องไต้มาให้ผัวน่ากลัวจริงจริงพ่อคุณเอ๋ย
ผ้านุ่งแต่สักนิดไม่ติดเลยพันเภาร้องเฮ้ยกูแทบตาย
ฉวยผ้าพันพุงพอรุ่งเช้าตรงเข้าศาลามิให้สาย
เรียนความเจ้าขุนมุลนายตกใจวุ่นวายเป็นโกลา
เสด็จออกบอกกันเข้าไปเฝ้าพันเภาเก้กังเหมือนดังบ้า
ฝ่ายว่าพระองค์ทรงศักดาเห็นพันเภาเข้ามาก็ถามไป
อย่างไรเฮ้ยอ้ายพันเภากลับอ้ายแผนจับโจรได้หรือหาไม่
หน้าตาซีดอยู่ดูอย่างไรทำไมอ้ายแผนจึงไม่มาฯ
๏ พันเภาได้ฟังรับสั่งถามถวายบังคมงามสามท่า
ขอเดชะพระองค์ทรงศักดาข้าพระพุทธเจ้าเชิญตราไป
พระกาญจน์บุรีพระสุพรรณยกพลประจบกันเป็นทัพใหญ่
ถึงนางบวชพลันทันใดพอตั้งมั่นมันให้หนังสือมา
บอกว่าเป็นสมิงอยู่เมืองมอญแว่นแคว้นแดนนครเมืองหงสา
ชื่อว่าสมิงมัตรายกมาจะกำราบปราบพวกไทย
พระกาญจน์บุรีตอบท้าให้มารบวันนั้นพอพลบจะเข้าไต้
งดทัพยับยั้งระวังระไวครั้นใกล้รุ่งสงัดลงบัดดล
มันลอบเข้ามาไม่ทันรู้กรูเข้าแหกค่ายทลายปล้น
แล่นไล่ห้ำหั่นฟันผู้คนแตกป่นทุกค่ายกระจายไป
พระกาญจน์บุรีออกรบรับคุมไพร่พลกลับเข้าได้ใหม่
ฟาดฟันกันลงในพงไพรมันมีฤทธิไกรมหึมา
ล้วนคงกระพันฟันไม่เข้าไพร่เราเสียลงเป็นหนักหนา
แต่พระกาญจน์บุรีมีฤทธาขับม้าไล่ฟันถลันไป
มันกลุ้มรุมจับไม่กลับมาจะฆ่าหรือมิฆ่าหาทราบไม่
จงทราบบาทบงสุ์พระทรงชัยชีวิตอยู่ใต้พระบาทา ฯ
             

๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟังกริ้วสุรเสียงดังเป็นฟ้าผ่า
กระทืบบาทตวาดก้องโกลาฟังว่าดูเป็นไม่เจนทัพ
จนแลเห็นค่ายอยู่ใกล้กันยังมัวไว้ใจมันมุดหัวหลับ
มันย่องมาฆ่าฟันไม่ทันรับดับหมดคบไฟไม่ส่องดู
แต่ก่อนไรไม่เห็นเหมือนเช่นนี้ดูเป็นทีนอนใจไม่คิดสู้
นานไปก็จะพลัดเป็นศัตรูคิดกันเล่นกูให้วุ่นวาย
ตัวอ้ายพันเภาเข้ามาก่อนชอบแต่ค่อนเฆี่ยนซ้ำสักสองหวาย
ไม่พอที่โตใหญ่ไปมากมายมันได้ใจจะหมายมากรุงไกร
คิดคิดขึ้นมาก็น่าแค้นที่มันจับอ้ายแผนกูไปได้
กูเสียดายทหารชาญชัยหาไหนไม่มีจะเหมือนมัน
เสียทีอ้ายนี่มันแก่เฒ่าถ้าเหมือนแต่ก่อนเก่าที่ไหนนั่น
ทุดอ้ายขี้ปิ้งจะยิงฟันเราเสียทีให้มันกำเริบใจ
มันคงตามติดประชิดมาด้วยคิดว่าคนดีหามีไม่
เรียกอ้ายไวยมาจะช้าไยกูจะให้ไปจับอ้ายรามัญ ฯ
๏ ฝ่ายตำรวจในได้รับสั่งวิ่งออกจากวังขมีขมัน
ครั้นถึงจึงบอกพระไวยพลันรับสั่งทรงธรรม์ให้เข้าไป
พระไวยได้ฟังเป็นการเร็วฉวยผ้าพันเอวหาช้าไม่
รู้ข่าวการทัพขยับใจบ่าวไพร่ตามหลังเข้าวังพลัน
นุ่งสมปักลนลานคลานเข้าไปบังคมไหว้ก้มหน้าอยู่ที่นั่น
ฝ่ายว่าพระองค์ผู้ทรงธรรม์ผันพระพักตร์ดำรัสไปบัดดล
คิดคิดขึ้นมากูน่าแค้นผิดด้วยอ้ายแผนนั้นเป็นต้น
ให้เป็นแม่ทัพบังคับพลเลินเล่อลืมตนจนเสียการ
เสียทีให้มันจับเอาไปได้เสียนายเสียไพร่เสียทหาร
อ้ายมอญต้อนเข้ามาจนตาลานจะได้ใครไปต้านไปตอบแทน
พระองค์เห็นพระไวยอาลัยพ่อน้ำพระเนตรคลอคลอถึงขุนแผน
ยอดทหารผลาญย่อยมาร้อยแดนกริ้วแค้นตรัสสั่งพระไวยพลัน
บัดนี้อ้ายสมิงมัตราฆ่าอ้ายแผนพ่อมึงอาสัญ
เร่งเกณฑ์กองทัพไปจับมันรุ่งวันพรุ่งนี้เอ็งยกไป ฯ
๏ พระไวยรับราชบัญชาตรึกตราแล้วทูลเฉลยไข
กระหม่อมฉันคิดคิดให้ผิดใจมอญมีฤทธิไกรกระไรมา
ถึงชนะคนอื่นก็ตามทีที่ตรงพระกาญจน์บุรีเห็นเกินหน้า
ไม่ควรที่ย่อยยับอัปราด้วยพระเวทวิทยานั้นเจนใจ
ถึงสิ้นสุดกำลังจะรั้งรบคงจะหายตัวหลบเข้ามาได้
บิดามรณาจะอยู่ไยกระหม่อมฉันจะไปประจัญบาน
ทูลแล้วเท่านั้นมิทันช้าถวายบังคมลากลับมาบ้าน
ให้เตรียมทัพสรรพเสร็จสำเร็จการล้วนทหารที่เคยไปเชียงอินทร์
สั่งเสบียงจัดวางทั้งช้างม้าแล้วไปเล่ากิจจาแก่ย่าสิ้น
ว่าบัดนี้มอญใหม่ใจทมิฬฆ่าพ่อแผนเสียสิ้นชีวาลัย ฯ
๏ ทองประศรีตีอกเข้าต้ำผางตกจากหอกลางไม่ลุกได้
กลิ้งอยู่เหมือนตายไม่หายใจแก้ไขช้านานจึงฟื้นตัว
โอ้พ่อขุนแผนของแม่เอ๋ยละเลยแม่แล้วพ่อทูนหัว
จิตใจแม่ให้ระริกรัวสิ้นตัวทองประศรีแต่นี้ไป
กำพร้าบิดามาแต่เล็กเด็กอยู่แม่เลี้ยงเจ้าจนใหญ่
ไปกินเมืองกาญจน์บุรีแม่ดีใจหมายจะได้ฝากผีของมารดา
กลับหนีแม่ไปเสียอีกเล่าถึงกระไรได้เผาก็ไม่ว่า
มาตายด้วยมอญใหม่ไกลตาเสียสง่าราศีทุกสิ่งไป
ลูกตายหลายหายไม่เห็นหน้ายังแต่ย่านี้จะอยู่ไปถึงไหน
เช้าเย็นเห็นหน้าแต่ออไวยจะยกไปไม่รู้ว่าร้ายดี
โอ้สงสารออไวยน่าใจหายน้องชายก็มัวเอาแต่หนี
จะหันหน้าหาใครก็ไม่มีย่านี้ไปได้ก็จะไป
บิดามมอญฆ่าเสียมอดม้วยหามีใครจะช่วยเจ้ารบไม่
ยังเป็นเด็กเล็กอ่อนจะสอนไว้ท่านขุนไกรตัวปู่เป็นครูบา
ถ้ายกออกไปให้สืบก่อนจะหยุดนอนระวังให้หนักหนา
ถึงทัพจงพิจารณาพอจะเข้าไล่ฆ่าก็เข้าไป
ถ้าเห็นกำลังศึกนั้นฮึกหาญดากระดานรับไว้ให้จงได้
กระบวนรบครบตั้งระวังภัยถ้าล้อมได้ก็อ้อมล้อมไพรี
ถ้าเห็นหนักชักช่องให้ออกไปถ้าไพร่เราแตกตายกระจายหนี
เอาดาบบั่นฟันต้อนเข้าราวีดูทีก่อนจะล่าอย่าตกใจ
ด้วยว่าขุนไกรปู่เป็นครูเฒ่าขวัญข้าวจงจบกระหม่อมไล่
พ่อจงไปสวัสดีให้มีชัยพระไวยกราบแล้วก็ลุกมา
เข้าห้องสั่งสองสายสวาทอย่าเกรี้ยวกราดฟังคำพี่ร่ำว่า
เป็นผู้ใหญ่ให้ดีศรีมาลาเจ้าสร้อยฟ้ามิใช่คนแง่งอน
ผิดมั่งพลั้งนิดอย่าด่าว่าให้พี่กลับมาถึงบ้านก่อน
สร้อยฟ้าเป็นลาวชาวดงดอนช่วยสั่งสอนงามปลื้มอย่าลืมความ ฯ
๏ สร้อยฟ้าศรีมาลายกมือไหว้ไปเถิดน้องมิให้เป็นเสี้ยนหนาม
จะถนอมกล่อมใจกันให้งามคร้ามแต่หม่อมจะเข้ารณรงค์
แต่พ่อขุนแผนยังแพ้เขาพ่อเจ้าระวังระไวอย่าให้หลง
สังเกตพระเวทที่ทนคงปลงอารมณ์ข่มไว้ให้จงดี ฯ
๏ พระไวยเสร็จสั่งทั้งสองนางยังชำเลืองเยื้องย่างออกจากที่
จับดาบเคยปราบซึ่งไพรีขึ้นที่หอพระนมัสการ
แล้วอ่านพระเวทวิเศษประสิทธิ์ขันสัมฤทธิ์น้ำหอมย้อมว่าน
เอาโสรจสรงองค์นารายณ์อวตารแล้วโอมอ่าคาถาเรียกภูตพราย
เป่าสังข์บูชาวราฤทธิ์เสร็จกิจนุ่งห่มดูเฉิดฉาย
รดน้ำมนต์ที่สรงองค์นารายณ์แล้วเยื้องกรายเดินมาน่าเอ็นดู ฯ
๏ ศรีมาลาสงสารรำคาญใจนี่ศึกใครผัวรักจักไปสู้
พ่อแผนแค้นขัดเป็นศัตรูน่าจะรู้จะเห็นเป็นอุบาย
พระไวยให้หลงเจ้าสร้อยฟ้ายังมึนเมามนตร์ยาไม่เหือดหาย
ถ้าหลงไปรบบิดาจะห่าตายพ่อพลายของเมียไม่รู้ตัว
ขอเดชะความสัตย์บริสุทธิ์จงชักพาอาวุธให้พ้นผัว
ร่ำพลางใจนางระริกรัวให้กลัวท่านบิดาจะฆ่าฟัน ฯ
๏ พระไวยได้ฤกษ์ให้เลิกทัพพวกพลโห่รับเสียงสนั่น
ช้างม้าอัดแอแจจันพระไวยแสนกระสันถึงสร้อยฟ้า
โอ้เพื่อนพิสมัยมาไกลอกจะวิตกเศร้าสร้อยละห้อยหา
กริ่งใจทางนี้ศรีมาลาจะทำแก้วแววตาประการใด
ผัวอยู่คอยดูทุกเช้าค่ำเขายังทำเจ้าถึงอย่างนั้นได้
ทีนี้อยู่เดียวเปลี่ยวเปล่าใจข้าไทมันจะกลุ้มรุมกันตี
แม้นมิกลัวพระองค์ผู้ทรงธรรม์จะเลิกทัพกลับหันเข้ากรุงศรี
แล้วหวนคิดกลับแค้นแสนทวีอันมอญใหม่ฆ่าตีบิดากู
มันดีละจะเล่นให้เห็นกันฮึดฮัดกัดฟันจะต่อสู้
ชักสีนวลเร่งไปให้พรั่งพรูถึงวัดลาดหยุดหมู่พลไกร ฯ
๏ ให้พวกไพร่หุงข้าวเผาปลากินแล้วเวลาจะเข้าไต้
ผูกหุ่นครบพลันทันใดพระไวยเสกซัดข้าวสารมนตร์
หุ่นพลิกกระดิกดิ้นอยู่ไม่ลุกต้องเสกปลุกข้าวปลายเป็นหลายหน
จึงขยับกลับลุกขึ้นเป็นคนซ้ำพิกลอาวุธก็ไม่มี
พระไวยหวาดไหวให้ใจหายกูจะตายด้วยมอญหรือไรนี่
จับยามดูพลันในทันทีวันนี้วันพุธเป็นอุตใน
ยามจันทร์ถลันเข้าอยู่กลางเศษเสาร์เข้าขวางเป็นศึกใหญ่
ในตำราว่ามิใช่คนอื่นไกลเนื้อไขเขม้นจะเล่นกัน
บริกรรมซ้ำซัดข้าวสารไปหุ่นก็ได้อาวุธครบมือนั่น
พอแสงเดือนเด่นฉายพรายพรรณให้ยกเลิกพลขันธ์สนั่นมา ฯ
๏ จะกล่าวถึงวันทองที่ต้องโทษพระองค์ทรงโปรดให้เข่นฆ่า
เมื่อขาดใจอาลัยถึงลูกยาเวราพาเป็นอสุรกาย
วันนั้นพระไวยจะไปศึกนางนึกสำคัญมั่นหมาย
เกรงฤทธิ์บิดาจะฆ่าตายกลับกลายเพศเพี้ยนเป็นนารี
ผิวผ่องละอองพักตร์ปลั่งเปล่งดังดวงจันทร์วันเพ็งประไพศรี
ประมาณชันษาสิบห้าปีท่วงทีมารยาทดังนางใน
ผ้ายกตานีนุ่งพุ่งทองสอดสองซับสีดูสดใส
กรองนอกดอกฉลุดดวงละไมเส้นไหมย้อมม่วงเป็นมันยับ
ก้านแย่งโคมเพชรเจ็ดเหลี่ยมกรวยเชิงช่อเอี่ยมดังแบบจับ
ซัดแสดสอดสีทับทิมทับนางแกล้งแต่งประดับประดิษฐ์กาย
เฉิดโฉมประโลมลานสวาทชะอ้อนอ่อนเอวสะอาดสะอิ้งสาย
สร้อยสังวาลสุวรรณพรรณรายแต่ละเม็ดเพชรกระจายกระจ่างดวง
สองเต้าตูมเต่งเคร่งครัดดอกไม้ทัดทั้งห่อผ้าห่มหวง
กรองร้อยสร้อยสนกระสันทรวงร่ำร้องเสียงร่วงรำพันไป
พัดชาข้าลูกหลวงหวนละห้อยน้ำค้างย้อยตะวันตกนกไห้
สักวาดอกสร้อยละห้อยใจเสียงหวนวิเวกในพนาลี ฯ
๏ พระไวยขับม้ามาถึงนั่นพอพระจันทร์เพ็ญผ่องละอองศรี
เสียงเสนาะเพราะชัดเป็นสัตรีก็หยุดยั้งยีอยู่กลางทาง
ลงจากม้าพลันในทันใดเยื้องยุรยาตรไปไม่เกรียบกร่าง
แฝงไม้แลไปเห็นโฉมนางทรงบางตะละหล่อออกจากพิมพ์
ผิวปลั่งดังทองทาระทวยมือสวยสิบนิ้วดูนุ่มนิ่ม
งามระบอบรอบไรเจ้าเรียมริมพร้อมพร้อมเพราทั่วทั้งกายา
หวานอ่อนร่อนเสียงเสนาะดงดังเสียงหงส์เหาะเหินในเวหา
แสนสวาทนาฎน้องไม่พริบตาแฝงพฤกษาสอดแลตะลึงไป ฯ
๏ ครานั้นนางเปรตอสุรกายแยบคายทำหาเห็นพระไวยไม่
แช่มช้อยร้อยกรองพวงมาลัยสำราญร้องเรื่อยในพนาวัน
ทำเดินเก็บดอกไม้ไม่สงกาถอยหลังละเลิงมาไม่ผินผัน
กระทั่งถึงต้นไม้พระไวยพลันสะดุ้งหวีดหวาดหวั่นผวาไป
ทิ้งพวงดอกไม้กรองร้องตระหนกประคองอกอ่อนวิ่งมิใคร่ไหว
แอบพุ่มพฤกษาประหม่าใจแกล้งใส่เล่ห์ล่อให้ละลานตา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมพระหมื่นไวยแสนสำราญบานใจเป็นหนักหนา
กระหยิ่มยิ้มยุรยาตรนาดมาชะอ้อนเอื้อโอภารำพันไป
แก้วตาอย่าประหม่ากมลหมองจะหวีดร้องจรดลไปหนไหน
เสียดายผิวจะเผือดอย่าเดือดใจขวัญจะโบยบินไกลกำลังกลัว
มานี่เถิดพี่จะรับขวัญซึ่งผาดผันโผไปในไพรทั่ว
ให้คืนเข้าร่างน้องประคองตัวเจ้าอย่าประหม่ามัวให้หมองใจ
อยู่เดียวเปลี่ยวอกในอารัญเพื่อนพูดจาสารพันหามีไม่
ยามหนาวเจ้าจะนอนในกลางไพรไม่มีใครโอบอุ้มให้อุ่นดี
กุศลส่งพี่ตรงมาพบน้องขอประคองเคียงกายไม่หน่ายหนี
จะอยู่ด้วยน้องน้อยสักร้อยปีแก้วพี่อย่าสะทกสะเทินใจ
ปลอบพลางทางย่างขยับเยื้องชายชำเลืองโลมเลียเข้าไปใกล้
ขยับมือมาแม่อย่าเมินไปขอดอกไม้สักหน่อยที่ร้อยกรอง ฯ
๏ ครานั้นนางเปรตอสุรกายแยบคายเชิงดีไม่มีสอง
เห็นลูกชายและเลียมเทียมคะนองก็โผดผาดแผดร้องระงมไพร
ตวาดมาว่าเหวยพลายงามลูกมาดูถูกข่มเหงหาเกรงไม่
ลุ่มหลงโลภว่าประสาใจกูไซร้สาธารณ์คือมารดา
ชื่อว่าวันทองที่ต้องโทษพระกริ้วโกรธสั่งให้ไปเข่นฆ่า
ตายไปใจผูกด้วยลูกยาตามมาจะบอกซึ่งร้ายดี
ตัวเจ้าจะยกออกไปทัพน่าจะยับเยินย่อยถอยหนี
ศึกนี้หนักหนาสง่ามีไพรีเรี่ยวแรงจะรุกราน
รอรั้งระวังให้จงดีจะเสียทีอย่าโหมเข้าหักหาญ
ว่าแล้วเผ่นโผนโจนทะยานเสียงสะท้านทั่วท้องพนาวัน
สูญหายกลับกลายไปตามเพศเป็นเปรตสูงเยี่ยมเทียมสวรรค์
ไม่มีหัวตัวทะมึนยืนยันเหียนหันหายวับไปกับตา ฯ
๏ พระไวยหวั่นหวาดอนาถนักเห็นประจักษ์ว่าแม่แน่หนักหนา
สยดสยองพองหัวกลัวมารดาน้ำตาพรากพรากลงพร่างพราย
โอ้แม่เจ้าประคุณของลูกแก้วสิ้นซากศพแล้วไม่สูญหาย
ลูกทำบุญส่งให้ไปมากมายยังไม่วายความชั่วที่ตัวทำ
เอาเพศเป็นเปรตอสุรกายกลับกลายตามมาเวลาค่ำ
สั่งสอนวอนบอกให้ลูกจำมีพระคุณเช้าค่ำแต่เป็นคน
แม่ตายหายลับมาหลายปีพึ่งมาเห็นวันนี้ในไพรสณฑ์
ห้ามลูกมิให้ไปประจญจะเสียตนตายด้วยฝีมือมอญ
ท่านขุนแผนพ่อก็ตายแล้วสุดที่ลูกแก้วจะผันผ่อน
ถึงคืนทัพกลับเข้าพระนครพระทรงธรรม์บั่นรอนก็บรรลัย
ชาติชายเป็นตายไม่ย่อท้อจะแก้แค้นแทนพ่อให้จงได้
แม่อย่าเป็นห่วงบ่วงใยพลางกราบไหว้สะอื้นกลืนน้ำตา
แล้วมาขึ้นม้าพาพวกพลดั้นด้นตัดทุ่งมุ่งป่า
พอแสงเดือนเลื่อนดับลงลับฟ้ายกมาถึงบางกระทิงพลัน
ตัดไม้ตั้งค่ายสนามเพลาะหอรบครบเหมาะทุกสิ่งสรรพ์
รั้วขวากปักช่องป้องกันใช้ม้าใช้ไปพลันเอาเหตุมา ฯ
๏ ครานั้นชุมพลรณรงค์เสียงโห่ร้องก้องดงสนั่นป่า
ตรึกตรองสองคนกับบิดาจะรบราพระไวยให้ได้ที
สืบรู้ว่ามาตั้งบางกระทิงด้วยเกรงล่วงช่วงชิงเอาชัยศรี
ขุนแผนแสนฤทธิราวีแต่งเครื่องบัตรพลีพลีการ
ธงกระดาษราชวัติเฉวียนปักจับสายสิญจน์ชักทุกเสาศาล
ธูปเทียนจุดจรัสชัชวาลเครื่องอานดาบประจุประจงดี
ขุนแผนเสกซัดข้าวสารส่งชุมนุมองค์เทวาทุกราศี
อสุรยักษ์ครุฑาวาสุกรีฝูงผีภูตโขมดมารยา
ทั้งฤาษีสิทธิ์วิทยาธรทวยเทพนิกรถ้วนหน้า
เชิญรับเครื่องสังเวยวัฒนาแล้วปลุกเครื่องศัสตราในทันใด
เครื่องอานบันดาลสะดุ้งโดดดาบกระดิกพลิกโลดดังลูกไก่
แกว่งฉวัดเฉวียนเวียนระไวแล้วติดไฟชุบย้อมให้ลูกยา
ไฟดับกลับพรมด้วยน้ำว่านกายแข็งทนทานขึ้นหนักหนา
อยู่คงสารพัดศัสตรามิ่งม้าก็ลงให้คงทน
เสร็จแล้วจึงแต่งแปลงเจ้าพลายให้ดูคล้ายมอญใหม่ให้ฉงน
เป่าซ้ำด้วยพระเวทวิเศษมนตร์แล้วเตรียมตนจะไปช่วยยุทธนา ฯ
๏ ครั้นฟ้าขาวดาวประกายพรึกขึ้นสองทัพโห่ครื้นสนั่นป่า
ออกจากค่ายพลันทันเวลาโยธาทั้งสองคะนองฤทธิ์
พระไวยขับม้าพาทหารโอมอ่านคาถาประกาศิต
ชุมพลชักม้ามาประชิดขุนแผนแอบมิดจะดูที
พอทัพต่อทัพเข้าถึงกันยิงแย้งแทงฟันกันอึงมี่
สองข้างต่างมุ่งเข้าราวีมิได้มีย่อท้อต่อณรงค์
พลหุ่นหมุนมุ่งเข้าสู้กันแทงฟันตอบโต้แล้วโห่ส่ง
ทะลวงโลดโดดประจญทนคงตีต่อยตะบันลงไม่ละกัน
พวกทหารสามสิบห้าไม่ราถอยหอกสอยดาบร่ำเข้าห้ำหั่น
พวกหุ่นหมุนร่าเข้าฝ่าฟันคนขยั้นย่นย่อรอระอา
ฮึดฮัดขัดใจไล่พิฆาตไม่ไหวหวาดอ้ายมอญนี่หนักหนา
พระไวยเห็นพลร่นลงมามือขวาคว้าซัดข้าวสารไป
พอข้าวมนตร์หล่นต้องหุ่นชุมพลกลายเป็นหญ้ายับป่นไม่ทนได้
ชุมพลชักม้าผ่าพลไกรเป่าไปด้วยพระเวทวิทยา
ต้องพวกหุ่นมนตร์พลพระไวยก็ย่อยยับกลับไปเป็นฟ่อนหญ้า
สองนายบ่ายห้ามโยธาก็รั้งราหยุดรบประจัญบาน ฯ
๏ พระไวยเพ่งไปเห็นมอญน้อยกระจ้อยร่อยเอวกลมสมทหาร
แปลกน้องต้องมนตร์ให้บันดาลพึ่งรุ่นพานยังไม่พบฝีมือกู
เย่อหยิ่งยกตัวไม่กลัวใครทะนงใจจองหองจะปองสู้
จะฟังคำทำนองมันลองดูความรู้มันจะมีสักเพียงใด
จึงร้องมาว่าเหวยอ้ายมอญน้อยกระจ้อยร่อยใจกำเริบเติบใหญ่
ตัวเด็กเล็กน้อยไม่สมใจชื่อไรบอกความไปตามจริง
พระสงฆ์องค์ใดเป็นครูบาสอนวิชามาให้สักกี่สิ่ง
เข้าสู้รบกับเราเข้าจริงจริงแล้วจะวิ่งวุ่นหลบไม่พบตัว
บิดามารดาเอ็งชื่อไรอยู่เมืองไหนบอกกูให้รู้ทั่ว
องอาจประมาทใจช่างไม่กลัวใครยั่วให้มึงยกมาทำไม
มึงมาฆ่าฟันท่านขุนแผนขัดแค้นท่านทำอะไรให้
หรือกวนมึงถึงเมืองให้เคืองใจไปไล่จับพ่อแม่ของมึงมา ฯ
             

๏ ครานั้นเจ้าพลายชายชุมพลแยบยลพูดเพี้ยนเป็นหงสา
กูหรือชื่อสมิงมัตราบิดากูผู้เรืองฤทธิไกร
ชื่อสมิงแมงตะยะกะละออนในเมืองมอญใครไม่รอต่อได้
เลื่องลือชื่อฟุ้งทั้งกรุงไกรแม่ไซร้ชื่อเม้ยแมงตะยา
พระครูกูเรืองฤทธิเวทพระสุเมธกะละดงเมืองหงสา
จะมาลองฝีมือไทยให้ระอาถ้าใครกล้ากูจะฟันให้บรรลัย
อันสมบัติในศรีอยุธยากูหาปรารถนาสิ่งใดไม่
ขุนแผนยกพลมาชิงชัยกูจับได้จึงฟันหั่นประจาน
เอ็งนี้มีนามกรใดเจ้าไทยเลี้ยงเป็นยอดทหาร
พระองค์ใดได้เป็นพระอาจารย์อนึ่งท่านบิดานั้นชื่อไร
ทั้งมารดาก็อย่าพรางบอกบ้างให้กูสิ้นสงสัย
ฤทธากล้าหาญประการใดอาจใจออกมาต่อฝีมือกู ฯ
๏ เฮ้ยอ้ายมอญสมิงมัตรากูกล้าจึงยกมาต่อสู้
ฤทธิเดชอย่างไรคงไม่รู้ซึ่งสูถามถึงพระอาจารย์
อันความรู้กูมิได้เป็นศิษย์สงฆ์เพราะพ่อกูเชื้อวงศ์พงศ์ทหาร
ชื่อว่าขุนแผนแสนสะท้านท่านให้ความรู้แก่กูมา
แม่กูชื่อว่านางวันทองชื่อของกูนี้ไม่มุสา
ชื่อว่าพลายงามแต่เดิมมาชื่อตั้งนั้นว่าจมื่นไวย
มึงอย่าทะนงองอาจประมาทว่าจับขุนแผนได้
หากแก่เฒ่าแรงน้อยถอยไปกูไม่กลัวมึงเท่าเล็บมือ ฯ
๏ ชุมพลตบขาแล้วว่าไปมึงพูดนี้ไซร้ไม่สัตย์ซื่อ
กูเข้าใจมิใช่คนอื่นลือคือท่านขุนแผนแกบอกมา
กูไต่ถามได้ความมาแต่หลังต่อแกเล่าให้ฟังแล้วจึงฆ่า
ว่าลูกชายคนหนึ่งพึ่งรุ่นมาเป็นลูกแก้วกิริยาชื่อชุมพล
หนีไปแห่งไหนมิได้รู้แกบอกกล่าวเล่ากูมาแต่ต้น
ว่าลูกเลี้ยงยังมีอยู่อีกคนเจ้าตนตั้งให้เป็นหมื่นไวย
มารดาชื่อว่านางวันทองจะเป็นลูกของแกนั้นมิใช่
เป็นลูกอ้ายขุนช้างจังไรพ่อมึงนั้นไซร้อยู่สุพรรณ
ขนอกรุงรังกระทั่งคางกระหม่อมบางผีขอดตลอดขวัญ
เอ็งหากอายใจไม่บอกกันพันพึ่งขุนแผนว่าบิดา ฯ
๏ พระไวยขัดใจดังไฟฟอนเหม่อ้ายมอญค่อนแคะมุสาว่า
โมโหฮัดฮึดมืดมัวตาไม่ทันอ่านคาถาพระเวทมนตร์
แกว่งดาบตัวสั่นถลันโลดกำลังโกรธขับม้าโกลาหล
เข้าห้ำหั่นฟันฟาดพลายชุมพลฉาดฉับรับประจญประจัญบาน
เสียงดาบต่อดาบฟันกันฉับฉาดม้าต่อม้าผ่าผงาดเข้าต่อต้าน
พวกหุ่นหมุนโลดโดดทะยานเข้าไล่รานรุกพหลพลไกร
หุ่นต่อหุ่นทิ่มแทงแย้งยุทธ์กระชากฉุดชิงหอกกลอกไล่
ปล้ำรัดฟัดกันสนั่นไปพวกไพร่สามสิบห้าระอาตัว
สู้หุ่นสิ้นแรงลงแพลงพลิกพวกหุ่นหมุนขยิกเข้าจิกกหัว
เอาสันหอกตอกรันตัวสั่นรัวดิ้นหลุดมุดตัวเข้าแฝงรก
ชุมพลกับพระไวยไล่พิฆาตแพลงพลาดกอดชิดเข้าติดอก
พัลวันปล้ำกันอยู่งันงกดาบตกกอดติดกันพัวพัน ฯ
๏ ขุนแผนแค้นใจดังไฟฟ้าขับม้าวิ่งวางดังกางหัน
กู่ก้องร้องไปแต่ไกลกันชุมพลจับให้มั่นพ่อฟันเอง
พระไวยแลไปพอเห็นพ่อผละคอน้องโลดกระโดดเหยง
ขับม้าวิ่งวางกำลังเกรงเสียเพลงทวนท่าชุมพลแทง
ถูกอักหอกหักหาเข้าไม่พระไวยขับม้าออกจากแหล่ง
ขุนแผนแค้นใจไล่ทแยงพวกหุ่นหมุนแทงที่ไพร่พล
พวกไพร่สามสิบห้าผ้าผ่อนหลุดมุดแฝกแหวกป่าโกลาหล
ความกลัวหนีซุกไปทุกคนหนามเหนี่ยวเกี่ยวป่นไปทั้งตัว
เสียงแกรกเข้าไม่ได้ไปปะเลงร้องขอโทษตัวเองพ่อทูนหัว
พลบค่ำย่ำคลุ้มชอุ่มมัวรอดตัวแล้วอ้ายพ่อแล่นต่อไป ฯ
๏ พระไวยขับม้าผ่าท้องทุ่งหมายมุ่งตรงมาหาช้าไม่
หน้านิ่วหิวบอบหอบหายใจตรงไปข้ามวัดธรรมา
คนเห็นพระไวยตกใจวิ่งฉิบหายตายจริงเจียวสิหว่า
พระไวยแตกทัพยับเยินมาชาวพาราตื่นทั่วทั้งเวียงชัย
มิได้รู้ศัพท์สัญญาว่าศึกเสือนั้นมาแต่ข้างไหน
ผู้คนอลหม่านวิ่งพล่านไปพระไวยมาถึงประตูวัง ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาเสด็จออกเสนาอยู่คับคั่ง
ได้ยินเสียงชาวบ้านสะท้านดังทรงฟังไม่แจ้งว่าเหตุใด
เอ๊ะอะไรอื้ออึงกันหนักหนาอ้ายไวยแตกทัพมาหรือไฉน
เฮ้ยใครไปดูให้แจ้งใจพอพระไวยลงม้าเข้ามาพลัน
ครั้นถึงประนมก้มกราบกรานสะทกสะท้านความกลัวจนตัวสั่น
หน้านิ่วหิวหอบบอบครันนิ่งอั้นอยู่ไม่ว่าประการใด ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาเห็นพระไวยเข้ามาหาทูลไม่
พระจึงมีสีหนาทประภาษไปมึงได้การอย่างไรจึงกลับมา ฯ
๏ ครานั้นจมื่นไวยวรนาถครั่นคร้ามขามขยาดเป็นหนักหนา
จวนตัวด้วยกลัวพระอาญาเงยหน้าขึ้นทูลพระทรงธรรม์
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทองค์หริรักษ์ราชรังสรรค์
ขอประทานชีวิตโทษผิดครันชีวันอยู่ใต้พระบาทา
ยกไปหมายว่าข้าศึกมอญเข้ารบรอต่อกรเป็นหนักหนา
ครั้นห้ำหั่นมันตายกลายกายาเป็นหุ่นหญ้าจึงแจ้งว่าแต่งกล
แม่ทัพกับหม่อมฉันตัวต่อตัวก็พันพัวฟาดฟันกันหลายหน
ไม่ทราบว่าน้องชายพลายชุมพลจนเห็นท่านขุนแผนแล่นออกมา
ร้องกระชับให้จับกระหม่อมฉันบิดาหมายมั่นจะฟันฆ่า
หนีได้จึงไม่มรณาพระราชอาญาไม่พ้นไป
อันเจ้าพลายชุมพลคนนี้มิใช่เป็นน้องร่วมท้องไส้
เป็นบุตรแก้วกิริยายาใจท่านขุนแผนก็ได้เป็นบิดา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชฟังเหตุตามคำพระไวยว่า
ทรงดำริตริไตรอยู่ไปมาแล้วมีพระบัญชาไปทันใด
อ้ายแผนมันทำมาทั้งนี้หารู้ที่จะว่าอย่างไรไม่
มันก็ถือสัตย์ธรรม์เป็นมั่นใจไม่เห็นที่จะเป็นกบฏกู
มาตรแม้นทุจริตคิดเช่นนั้นทองประศรีแม่มันก็ยังอยู่
ไฉนตัวมันจะพลัดเป็นศัตรูกูคิดดูเห็นผิดจริตไป
อันตัวกูเป็นหลักปัถพีถึงใครมีฤทธิ์เดชไม่สู้ได้
เทวดารักษาซึ่งราชัยก็แจ้งใจกันทั่วทั้งพารา
มันเป็นแต่ข้าฝ่าละอองไหนจะปองพิภพนาถา
ถ้าเขม้นจะเล่นอยุธยาป่านนี้ก็จะมาถึงกรุงไกร
ชะรอยอ้ายนี่คงมีแค้นอ้ายแผนมันหาเป็นกบฏไม่
หรือมึงโวหารประการใดมันแค้นใจจึงทำเป็นกลมา
แม้นมันทุจริตคิดเป็นพาลไพร่บ้านพลเมืองคงเข่นฆ่า
นี่ใครใครก็ไม่มรณาอ้ายพ่อลูกไล่ฆ่ามึงคนเดียว ฯ
๏ ครานั้นจมื่นไวยวรนาถอภิวาทนิ่งนึกตรึกเฉลียว
พระเคลือบแคลงแหนงจริงทุกสิ่งเจียวจะเลี่ยงเลี้ยวไม่ทูลก็ใช่ที
คิดแล้วบังคมบรมนาถขอเดชะพระบาทปกเกศี
เมื่อแรกเริ่มเดิมเหตุจะเกิดมีกระหม่อมฉันนั้นตีศรีมาลา
ตีกันอลวนชุมพลห้ามความโกรธไม่ทันจะดูหน้า
ตีต้องชุมพลก็โกรธาดั้นป่าหนีไปกาญจน์บุรี
บอกท่านขุนแผนผู้บิดาลงมาว่ากล่าวอึงมี่
ว่าสร้อยฟ้าทำเล่ห์เสน่ห์ดีกระหม่อมฉันยังมีความแคลงใจ
บิดาโกรธาว่าไม่เชื่อเงือดเงื้อฟ้าฟื้นทะลึ่งไล่
หากวันนั้นหนีทันไม่บรรลัยขัดใจจึงทำเป็นกลมา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชได้ฟังเหตุตามพระหมื่นไวยว่า
กูดูมึงมัวหมองเหมือนต้องยาพ่อมึงบ้าหลังไปเมื่อไรมี
ถ้าแม้นถุ้งเถียงกันเพียงนั้นจะเกิดรบพุ่งกันนั้นใช่ที่
ไม่สมควรที่จะฆ่าราวีความจริงยังจะมีอยู่มากมาย
จะให้ไปรับมันเข้ามาปรึกษาตัดสินเสียให้หาย
จะให้ใครไปรับเกลือกกลับกลายเอ็งคิดเพทุบายให้จงดี ฯ
๏ ครานั้นพระไวยวรนาถรับพระราชบัญชาเหนือเกศี
กราบทูลไปพลันในทันทีเห็นไม่มีผู้ใดจะออกไป
แต่ครั้งเมื่อขุนเพชรกับขุนรามออกไปตามยังเกิดเป็นศึกใหญ่
ครั้งนี้หาคนที่ชอบใจจึงจะได้พ่อลูกนั้นเข้ามา
เห็นแต่ศรีมาลาลูกสะใภ้ผิดชอบอย่างไรท่านไม่ว่า
ขอพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดหามาใช้ให้ออกไป
พระองค์ทรงสดับก็ตรับสั่งตำรวจวังเรียกมาอย่าช้าได้
นายจงวิ่งตรงไปทันใดได้ตัวศรีมาลาเข้ามาพลัน
นางนบหมอบเฝ้าพระภูธรเห็นพระไวยเคืองค้อนอยู่คมสัน
ถอยกระถดลดเลื่อนให้ห่างกันผินผันหลบเลี่ยงไม่แลมา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชทอดพระเนตรผันแปรทั้งซ้ายขวา
เห็นพระไวยเป็นทีกับศรีมาลาจึงตรัสเรียกเข้ามาให้ใกล้กัน
ท่วงทีดูอย่างไรไม่ปกติดำริแล้วก็ทรงพระสรวลสันต์
อีนี่ท่วงทีมันดีครันกับอีสร้อยฟ้านั้นเป็นกระไร
เอ็งเร่งไปรับอ้ายสองคนทั้งอ้ายแผนกับชุมพลมาให้ได้
เล่าให้มันฟังกูสั่งไปกูไม่เอาโทษให้ถึงตาย ฯ
๏ ศรีมาลาประนมก้มเกศาซึ่งทรงพระกรุณาให้ผันผาย
ขอพระเดชป้องกันอันตรายให้พ่อแผนลูกชายคลายโกรธา
เกล้ากระหม่อมก็ประหวั่นพรั่นใจแต่พระไวยยังวิ่งตลอดป่า
อันสตรีนี้ไม่มีวิทยาแข็งใจอาสาด้วยทรงใช้
ทูลพลางก็ถวายบังคมลาพระไวยออกหน้าหาช้าไม่
เดินพลางนางสะเทิ้นเขินใจพอถึงบ้านพระไวยเข้าทันที
ย่างเท้าก้าวขึ้นบนเคหาฝ่ายว่าท่านย่าทองประศรี
แลไปไม่รู้ว่าร้ายดีออไวยไยหนีตาทัพมา ฯ
๏ พระไวยบอกย่าน้ำตาไหลคิดว่าศึกใครเล่าคุณย่า
แค้นน้ำตาถั่งลงหลั่งตาบิดาควรหรือเป็นได้เช่นนี้
กับลูกชายพลายชุมพลคนคะนองหมายปองจะฆ่าให้เป็นผี
หนีได้จึงไม่ม้วยชีวีรับสั่งให้ศรีมาลาไป
รับพ่อขุนแผนกับชุมพลสองคนเข้ามาให้จงได้
ว่าพลางขัดแค้นแน่นใจอัดอั้นกลั้นไว้ไม่เจรจา ฯ
๏ ครานั้นท่านย่าทองประศรีได้ฟังคดีหลานชายว่า
เต้นหรบขบเหงือกเหลือกตาแปร้นด่าเสียงอึงคะนึงไป
คิดว่ามอญใหม่ที่ไหนมามิรู้ฆ่ากันเองก็เป็นได้
ลูกหลานเป็นหอกแหลนน่าแค้นใจเมื่อออไวยคนเดียวไม่เอ็นดู
หากว่าหนีทันไม่บรรลัยเขากลุ้มรุมกันไล่อ้ายหมาหมู่
ชวนกันข่มเหงไม่เกรงกูถ้าไปได้ไม่อยู่กูจะไป
จะต่อยหัวให้ยับเป็นสับปลาโคตรแม่มึงน่าน้ำตาไหล
เหวยนางศรีมาลาว่าอย่างไรไปไหนไม่เห็นซึ่งหน้าตา
นางสร้อยสุดสวาทของพ่อผัวเล่นเนื้อเล่นตัวขึ้นหนักหนา
ยุยงส่งก้นพ้นปัญญาได้หน้าสักแขนแล่นไปรับ
รู้เห็นเป็นใจด้วยกับมันหากออไวยหนีทันจึงได้กลับ
ถ้าหนีไม่ทันมันฟันยับนางลูกพ่อก็ขยับจะดีใจ
ไปรับเจ้าจอมมาพร้อมเพรียงหัวมิเสี่ยงเพราะกูก็มิใช่
น้ำลายฟูมปากตำหมากไปยกสากถลากไถลลืมใส่ปูน ฯ
             

ตอนที่ ๔๑ พลายชุมพลจับเสน่ห์

๏ ครานั้นสร้อยฟ้านารีรู้ว่าคดีไม่หายสูญ
นางวิตกอกใจดังไฟฟูนให้อาดูรหวาดหวั่นพรั่นฤทัย
โอ้ว่ากรรมทำไว้ไฉนหนอไม่พอที่จะมาเป็นเช่นนี้ได้
ว่าศึกมอญหรือมาย้อนเป็นศึกไทยมิใช่ใครคือกาลกิณี
ถ้าปล่อยอีศรีมาลาลูกสะใภ้ไปรับกันมาได้จะอึงมี่
ด้วยมันรู้แยบคายว่าร้ายดีท่วงทีเห็นจะเกิดจลาจล
คิดพลางนางเรียกขนานอ้ายมาบรรยายเรื่องความตามเหตุผล
เอ็งเร่งหาข้าเราสักสิบคนเตรียมตนให้พร้อมด้อมออกไป
คอยดักอีศรีมาลาไปรับทัพเอ็งจับฆ่าเสียให้จงได้
หยิบเงินห้าชั่งได้ดังใจเอ็งอย่าให้มันรับกันกลับมา ฯ
๏ ขนานอ้ายรับว่าอย่าวิตกแล้วลงเรือรีบยกออกจากท่า
ได้เพื่อนคู่ใจแต่ไรมาอาวุธครบมือไม่อื้ออึง
ออกหัวแหลมเลี้ยวไปข้างขวาผ่านวัดท่ารีบไปจะให้ถึง
พอเพลาพลบค่ำน้ำตึงจึงเข้าแอบเกาะมหาพราหมณ์ ฯ
๏ ฝ่ายพรายรักษาศรีมาลารู้ว่าอ้ายลาวอยู่ปากง่าม
ก็ช่วยกันปล้ำปลุกคุกคำรามมัดศอกกติดตามกันเต็มไป
เรือนายพายมาเวลาค่ำผีทำร้องว่าอย่าเข้าใกล้
ฝีพายไล่ขยุ่มสุ่มลงไปร้องเพลงปรบไก่เรียดทางมา
ล่วงลัดตัดทางบางโผงเผงบ่าวไพร่ครื้นเครงอยู่ฉาวฉ่า
ถึงบางกระทิงใกล้รุ่งมุ่งพายมาพอสว่างถึงท่าตาลานพลัน ฯ
๏ ฝ่ายพระกาญจน์บุรีกับลูกชายกำลังออกเลียบค่ายเกษมสันต์
แลเห็นเรือกัญญาปรึกษากันพระทรงธรรม์ทีจะใช้ให้ใครมา
ที่นั่งกลางมองเขม้นเป็นผู้หญิงประหลาดจริงเมียใครนี้ใจกล้า
เห็นเม้ยรับพับเพียบหน้ากัญญาศรีมาลาแน่แล้วลงมาเรือ
ครั้นถึงจึงถามเนื้อความไปออกมาไยท้องไส้อลักเอลื่อ
เวทนาร้อยชั่งมานั่งเรือเนื้อความเป็นอย่างไรจึงออกมา ฯ
๏ ศรีมาลากกราบลงกับตีนพ่อบอกข้อความไปไม่มุสา
บัดนี้พระองค์ทรงศักดาโปรดให้ข้ามารับพ่อเข้าไป
พระไวยแตกทัพกกลับไปทูลเค้ามูลว่าพ่อนี้ล้อมไล่
กับน้องชายหมายจะฟันให้บรรลัยทรงซักไซ้เรื่องเริ่มแต่เดิมมา
พระไวยทูลว่าวิวาทกันพระทรงธรรม์ไม่เชื่อจึงสั่งข้า
ให้รับพ่อกับน้องทั้งสองราซึ่งโทษานุโทษนั้นโปรดปราน ฯ
๏ ครานั้นท่านพระกาญจน์บุรีฟังคดีเคืองขุ่นงุ่นง่าน
ชิชะอ้ายไวยอ้ายใจพาลช่างคิดอ่านเพ็ดทูลเอาแต่ดี
มารบหลบหนีหาที่พึ่งเล่ากันซึ่งซึ่งเป็นไรนี่
จองหองฟ้องหาเอากูนี้เป็นทีว่าอ้ายแก่นั้นยอกย้อน
พระก็ยังไม่ประหารผลาญล้างคงจะถามกูบ้างสักคำก่อน
จริงเท็จคงจะเห็นเป็นแน่นอนพระภูธรไม่เลี้ยงก็จนใจ
ว่าแล้วขุนแผนแสนศักดาสั่งลูกชายมาหาช้าไม่
ให้แก้มนตร์พลหุ่นสียทันใดแล้วชวนลูกลงในเรือกัญญา
ศรีมาลาก็มาในลำเรือพลพายพายเฝือมาฉาวฉ่า
พอถึงกรุงไกรได้เวลาตรงมายังท้องพระโรงพลัน
จวนเวลาเฝ้าองค์พระทรงชัยขุนนางน้อยใหญ่ก็อยู่นั่น
พระไวยไพล่แอบเอาเสากันหวาดหวั่นไหว้บิดานัยน์ตาดู
พอเห็นพ่อพลิกกลับขยับลุกพระไวยโดดปุกดังลูกหนู
พระกาญจน์บุรีชี้หน้าว่าหลอกกูพระไวยว่าไม่สู้ขอโทษตัว ฯ
๏ ครั้นว่าตะวันบ่ายชายลงฝ่ายพระองค์ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จออกเสนาประหม่ากลัวสะท้านทั่วทั้งขุนแผนพลายชุมพล
ทรงเห็นพ่อลูกมาหมอบเฝ้าพระเป็นเจ้าเพ่งพิศคิดเหตุผล
ดูทีพี่น้องทั้งสองคนชอบกลละม้ายคล้ายคลึงกัน
อ้ายพลายชุมพลคนน้องชายก็แยบคายท่วงทีดีขยัน
ทั้งสองนี้หน้าตาสง่าครันละม้ายเหมือนพ่อมันทั้งสองคน
จึงตรัสขู่ดูก่อนอ้ายกาญจน์บุรีบังอาจยกโยธีมาเกลื่อนกล่น
เที่ยวไล่ฟันฝ่าประชาชนด้วยถือว่าเวทมนตร์ของมึงดี
มึงนี้คิดเห็นเป็นไฉนหมายจะชิงกรุงไกรได้หรือนี่
ลืมละพระพิพัฒน์วารีกูนี้หลงรักสักเท่าใด
ว่าอ้ายมอญจับมึงเอาไปฆ่ากูเป็นกลั้นน้ำตามิใคร่ได้
อ้ายไวยจะแก้แค้นแล่นออกไปอ้ายพ่อลูกกลับไล่ตะลุมบอน
กูหมายว่าจะยกพลไกรก็เข้าใจเสียว่ามึงคงเร้นซ่อน
จึงหามายังพระนครจะถามก่อนมึงแก้ให้จงดี
เป็นกระไรบอกความไปตามจริงถ้าสับปลับกลับกลิ้งจะเป็นผี
จนเลี้ยงให้กินกาญจน์บุรีถึงเพียงนี้หรือยังคิดขบถกู ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสะท้านกราบกรานก้มหน้าภาวนาอยู่
เชื่อเวทวิเศษด้วยคุณครูโน้มน้อมจิตสู่พระทรงธรรม์
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงเดชปิ่นปักนัคเรศทุกเขตขัณฑ์
จะกราบทูลความจริงทุกสิ่งอันชีวันถวายไว้ใต้บาท
ทุกเย็นเช้าเอาพระคุณไว้เหนือเกล้าข้าพระพุทธเจ้าไม่มุสา
มิได้กบฏทดโท่พระกรุณาอันสัจจาถือมั่นมาแต่ไร
เมื่อครั้งต้องจองจำเป็นสาหัสก็ยังหาละสัตย์ให้เสียไม่
ครั้งนี้ที่ทำเป็นกลในเพราะความแค้นจมื่นไวยนั้นเหลือทน
เดิมพิโรธโกรธขึ้งศรีมาลาทั้งด่าทั้งตีจนปี้ป่น
ซ้ำตีน้องชายพลายชุมพลหนีด้นป่าไปกาญจน์บุรี
กระหม่อมฉันพระพิจิตรบิดาลงมาว่ากลับฮึกเอาอึงมี่
หยาบช้าท้าทายใช่พอดีมิได้มียั้งจิตว่าบิดา
กระหม่อมเห็นผิดจริตอยู่พิเคราะห์ดูหน้าคล้ำดำเป็นฝ้า
ก็แจ้งใจว่าออไวยต้องมนตร์ยาครั้นบอกกลับว่าไม่เชื่อใคร
ลำเลิกสบประมาทประกาศว่าว่าขอมาจากคุกจึงออกได้
กระหม่อมฉันเหลือแค้นแสนเจ็บใจจะใคร่ฟันเสียแต่วันนั้น
แต่หากมารดามาขวางไว้จึงจำใจเงือดงดอดกลั้น
สองคนกับชุมพลจึงคิดกันผูกหุ่นครบพันแล้วยกมา
ด้วยคาดว่าออไวยคงไปรบพอได้สบสมใจจึงไล่ฆ่า
ออไวยตายหมายรับพระอาญาถ้าเบื้องหน้าเกิดศึกมาทางใด
ข้าพระพุทธเจ้าจะอาสาเอาชุมพลลูกยาถวายให้
อันวิชากล้าหาญชาญชัยกับออไวยพอเล่นกันเต็มที ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชฟังเหตุใคร่ครวญถ้วนถี่
จึงตรัสไปเฮ้ยอ้ายกาญจน์บุรีกูนี้เชื่อมึงแต่ไรมา
ซึ่งมึงทำเป็นกระบวนทัพก็หาจับผู้คนเข่าฆ่าไม่
กูเห็นความจริงไม่กริ่งใจอ้ายไวยองอาจอหังการ์
หุนหันดันดุเอาผู้ใหญ่อาจใจจองหองเป็นหนักหนา
ว่าเล่นมันก็เป็นถึงบิดาคุณของมันมีมาเป็นเท่าไร
ไม่ควรจะลำเลิกเบิกความหาเกรงขามคิดกลัวผู้ใหญ่ไม่
ดูซมเซอะเคอะครันทุกวันไปช่างไม่ส่องกระจกดูหน้าตา
นี่มันถูกน้อยแต่เพียงนี้นานไปไอ้นี่จะเป็นบ้า
เฮ้ยอ้ายขุนแผนแสนศักดามึงอย่าเคืองแค้นอ้ายหมื่นไวย
ดูมันถูกยาแฝดแปดเปื้อนหาเหมือนแต่ก่อนแต่ไรไม่
มันก็ถือว่าวิชามันเกรียงไกรที่ไหนมันจะต้องซึ่งคุณยา
ถึงถามมันเดี๋ยวนี้ก็คงเถียงจงทำให้เห็นเที่ยงกันต่อหน้า
คิดให้ได้ตัวคนทำมนตร์มารูปรอยให้รู้ว่าอยู่แห่งไร
ถ้าหากจับได้ไอ้คนคดความก็จะปรากฏหมดสงสัย
ใครผิดกูจะทำให้หนำใจมิให้เป็นสินไหมพินัยกรรม์ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพลายชายชุมพลฟังยุบลทูลไปมิได้พรั่น
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์กระหม่อมฉันขอรับไปจับมา
ขอพระราชทานพยานไปพอเป็นสักขีไว้ให้แน่นหนา
จะให้ได้ตัวคนทำมนตร์ยาทั้งรูปรอยนำมาไม่ช้าการ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ทรงพระสรวลอ้ายนี่ถี่ถ้วนควรเป็นทหาร
จะได้ใครไปเป็นสักขีพยานที่ว่องไวชัยชาญฉลาดดี
จะต้องให้เป็นกลางหว่างพี่น้องดูทำนองเหมาะแต่จมื่นศรี
เอ็งออกไปหวาอย่าช้าทีช่วยจับอ้ายคนดีมีวิชา ฯ
๏ ครานั้นพระหมื่นศรีพลายชุมพลสองคนประนมก้มเกศา
รับสั่งแล้วถวายบังคมลากลับมาเคหาด้วยทันใด
ก็คิดกันจัดแจงแต่งตนสองคนเป็นแขกน้อยใหญ่
ทำทีแขกชวามาอยู่ไทยสอดใส่สนับเพลาดูเพราตา
นุ่งยกพอปรกลงถึงเข้าเจียระบาดคาดเข้างามหนักหนา
เหน็บกริชดูดีทีชวาเสื้อสวมกายาอินทรธนู
ไม่เพี้ยนเพศแขกชวามลายูบ่าวไพร่ตามพรูสะพรั่งมา
แต่ล้วนแกล้งแต่งตัวปลอมเป็นแขกด้วยฤทธิ์มนตร์คนแปลกไปทั่วหน้า
ทำทีกะลาสีเข้าพาราทั้งน้ำตาลกัญชาพาเอาไป
พร้อมสิ้นกล้องฝิ่นแลเหล้าเข้มใส่เต็มขวดเหลี่ยมเปี่ยมใส
ไม่พูดไม่จาภาษาไทยเข้าในตลาดเดินนาดมา
พวกสาวสาวชาวตลาดผาดเห็นเขม้นแปลกใจเป็นหนักหนา
สะสวยท่วงทีกิริยาสองตาสอดส่ายคล้ายกับไทย
อยู่ไหนไม่เห็นเลยสักวันมากำปั่นหรือว่ามาแต่ไหน
บ้างถามเป็นแยบคายขายสิ่งใดหัศรีมีอะไรมาให้เรา
เอออะไรเป็นแขกช่างแปลกเพศค้าเครื่องเทศแต่มือถือขวดเหล้า
หรือของตกมาใหม่ในสำเภาชาวตลาดหยอกเย้าเฝ้าพูดจา
ครั้นมาถึงวัดพระยาแมนพรายกุมารวิ่งแล่นไปข้างหน้า
บอกชุมพลพลันมิทันช้านั่นกุฎีขรัวตาที่ทำมนตร์
มีเณรศิษย์ติดมาแต่เมืองลาวคนออกชื่อลือฉาวทุกแห่งหน
วิชาแคล่วคล่องทั้งสองคนคิดอ่านผ่อนปรนให้จงดี ฯ
๏ เจ้าพลายชุมพลได้ฟังพรายบ่ายหน้ามากระซิบพระหมื่นศรี
ตัวสำคัญมันอยู่กุฎีนี้ไม่ได้ท่วงทีจะเสียการ
ว่าแล้วก็อ่านพระคาถาขับพรายของขรัวตาให้หนีพล่าน
ผีเณรเถรเลี้ยงไว้เชี่ยวชาญอลหม่านโดดกุฎีรับหนีไป
แขกปลอมก็พากันเดินมาหมาเห็นเห่าโฮกกระโชกไล่
หัศรีเรียกเณรร้องเกนไปเจ้าเณรอยู่ไหนดูหมาที
เณรจิ๋วเยี่ยมหน้ามาเห็นแขกเอาอิฐปาหมาแตกไปจากที่
เปิดประตูรับแขกขึ้นกุฎีวันนี้ได้กินอินทะผาลำ ฯ
๏ สองแขกเข้าไปนั่งไหว้เถรยกของประเคนว่ามะหะหร่ำ
เถรขวาดว่ากูไม่รู้คำจะเอารำมาให้กูไม่เอา
แขกว่าวันนี้ขึ้นปีใหม่ฉันหาของมาให้ขรัวตาเจ้า
เป็นของแขกแปลกมาในสำเภาได้ยินเขาโจษกันว่าท่านดี
ถ้าใครเจ็บไข้ไม่สบายมาหารักษาหายไม่เป็นผี
เถรว่าอย่าพูดให้เซ้าซี้เอ็งมีอะไรมาให้เรา
สองแขกขยับจับตุ้งก่าจ้าหลิ่มยัดกัญชาไฟจุดเข้า
สูบคนละจ้าหลิ่มทำยิ้มเมาเถรเฒ่าว่าอะไรข้างในดัง
สองแขกว่าข้างในนั้นใส่น้ำเถรขวาดว่ามันทำเป็นอีฉัง
กูจะขอลองรสหมดหรือยังหยิบไฟเก้กังมาทันใด
สองแขกก็ยัดกัญชาส่งเถรซัดคอก่งไม่ทนได้
แสบคอเป็นจะตายหงายหน้าไปกูไม่เอาแล้วอย่าส่งมา
สองแขกรับตุ้งก่าเอามาไว้เอากล้องฝิ่นส่งให้หัวเราะร่า
เถรขวาดแลเพ่งเขม็งตาร้องว่านั่นอะไรมาให้กู
จุดไฟใส่ดูดเสียงดังเผลาะเลียปากเจาะเจาะว่าขมอยู่
ลุกขึ้นวุ่นวายน้ำลายพรูแลดูนั่นไหอะไรวา
สองแขกบอกว่าอีนี่ดีแก้เชื่อมเมื่อตะกี้หลวงตาขา
เปรี้ยวเปรี้ยวหวานหวานน้ำตาลยาเอาโอคว้าตักลงส่งเข้าไป
เถรขวาดดื่มเฮือกเสือกโอมาอีกสักห้าหกโอหาพอไม่
ส่งมาใส่เข้าเมาสุดใจในขวดนั่นอะไรเอามาดู
สองแขกรินเหล้าเอาส่งให้ถูกเข้าไปเต็มจอกลมออกหู
เวียนหัวใจหายน้ำลายพรูแลดูหลังคาเป็นปลาวาฬ
จับตุ้งก่ามาชักเข้าอีกทีมือปัดฝาละมีอยู่งุ่นง่าน
หยิบสากตำหมากลากลนลานทะยานเหยียบเณรจิ๋วว่ารบกัน
เณรว่าเมามายจะตายโหงเถรว่ากูนายโรงถือพระขรรค์
นั่งลงเจรจาลูกตาชันทศกัณฐ์ลักนางอุทุมพร
สองแขกสรวลเสอยู่เฮฮาเถรขวาดยกขาท่าแผลงศร
กูจำได้หัวละมานเมื่อราญรอนจะเป็นโขนหรือละครก็ไม่รู้
ถือไม้คนละอันยืนหันง่าร้องอีหลัดถัดทากูเห็นอยู่
โปงมางโปงคลุ่มเป็นกลุ่มพรูอ้ายพ่อกูวันนี้สนุกใจ
กูขอบใจอ้ายแขกแปลกภาษารู้จักหาของดีมีมาให้
แต่กูมาอยู่ในเมืองไทยยังไม่ได้หวานมันเหมือนวันนี้
มึงเจ็บไข้เป็นไรหรืออ้ายหนูจึงได้มาหากูถึงที่นี่
ทางนอกกูก็ได้ในก็ดีบอกไปอย่าได้มีความเกรงใจ ฯ
๏ แขกว่าข้าพเจ้านี้มาหาด้วยร้อนรนหนักหนาไม่ทนได้
ทิ้งพ่อแม่เสียมีเมียไทยให้เงินมันกินสิ้นสำเภา
อยู่ด้วยกันไม่ทันจะถึงปีมันกลับไล่รุมตีเอาอีกเล่า
แม่ยายพ่อตาพาดลเอาอีเมียก็พลอยเข้าไปด้วยกัน
รุมด่าว่าอ้ายแขกหัวกะลาอ้ายนอกศาสนามากำปั่น
เข้าเรือนไม่ได้ไล่ตีรันทุกวันนี้แสนยากลำบากใจ
จึงชวนกันมาหาหลวงปู่เอ็นดูฉันด้วยช่วยแก้ไข
ให้กลับโอนอ่อนเหมือนก่อนไรได้แล้วเงินทองจะกองมา
ทำกุฎีเก้าห้องท้องกระดานเผืองฝานอกชานให้แน่นหนา
ส่งเพลงส่งเช้าทั้งข้าวปลาถวายตัวเป็นข้าทั้งสองคน ฯ
๏ เถรขวาดหัวร่ออ้อเท่านั้นมันราวกับขี้ฟันของกูหล่น
ได้บากหน้าว่าวอนอย่าร้อนรนแก้จนกันสิเสียแรงมา
กูให้โกรธกันไปแปดปีถ้าไม่กลับคืนดีแล้วจึงว่า
จมื่นไวยสร้อยฟ้าศรีมาลาทำไม่ทันพริบตาก็เป็นไป
กูทำให้เฆี่ยนตีศรีมาลาทองประศรีอีย่าก็หลงใหล
สร้อยฟ้าสำราญบานใจกับอ้ายไวยเป็นสุขทุกเวลา
เณรจิ๋วได้ยินก็ตกใจทำไถลร้องเตือนขรัวตาขา
จวนเพลนิมนต์ฉันข้าวปลาพูดจาอื่นเกลื่อนให้เชือนไป
เถรขวาดตวาดว่าอ้ายหมาสอดปากมาว่ากับผู้ใหญ่
เพลผอกมาบอกกูทำไมไสหัวมึงไปในกุฎี ฯ
๏ ครานั้นชุมพลคนขยันเห็นถ้วนถี่สารพันทั้งหัวผี
พยักหน้าบอกไพร่ไปทันทีบ่าวกรูขึ้นกุฎีไปพร้อมกัน
บ้างฉวยได้ไม้ค้อนก้อนอิฐกระโดดผลับจับผิดสะบัดหัน
เร็วหวาคว้าตัวมันให้ทันบ้างยืนกั้นประตูกรูเข้าไป
เถรขวาดเห็นผิดปิดประตูทุดอ้ายบ้ายี่หนู่เชือดคอไก่
ขึ้นมาพัลวันด้วยอันใดปิดประตูเข้าไว้ทำไมกู
ตักน้ำใส่ขันมิทันช้าเสกปาหัวเณรลงซู่ซู่
อ้ายจิ๋วมึงอย่ากลัวอ้ายศัตรูกอดบั้นเอวกูหายตัวไป
พวกไพร่เข้าไปในกุฎีหาเห็นมีตาเถรเจ้าเณรไม่
ชุมพลร้องว่าอย่าตกใจปิดประตูเข้าไว้ให้แน่นวา
กองไฟใส่เข้าที่ใต้ถุนเผาพริกควันกรุ่นขึ้นหนักหนา
เถรทนไม่ได้ไพล่ออกมาเอาหวานั่นแน่แลเห็นตัว
เถรขวาดตวาดดังฟ้าผ่าเฝืองฝาเลื่อนลั่นสนั่นทั่ว
พวกไพร่งกงันตัวสั่นรัวความกลัวโดดกุฎีรีบหนีลง
ครั้นว่าพวกไพร่นั้นไพล่หนีได้ทีเถรขวาดตวาดส่ง
ยืนยักบั้นเอวเล่นอยู่เป็นกงข้าวสารหว่านวงกุฎีไว้
เหวยเหวยอ้ายแขกแหกฝามองอ้ายหัวกะลาพองทำใครได้
มึงมาทำจู่ลู่รู้อะไรดีแต่จะฆ่าไก่กินทุกวัน
อีหล่าต้าหล่าบ้ายี่หนูน้ำตาลมึงยังอยู่ขออีกขัน
อ้ายจองหองลองฤทธิ์ทศกัณฐ์อ้ายชาติชั่วหัวควั่นจะพลันตายฯ
             

๏ ชุมพลร้องตวาดอ้ายชาติข้าเอาให้ตาปริบปริบอ้ายฉิบหาย
ซัดซ้ำข้าวสารหว่านปรายเรียกพรายมาล้อมเข้าพร้อมพรู
เสกจังงังซ้ำเข้าเป่าตวาดเถรขวาดแข็งขึงตะลึงอยู่
ทุดอ้ายขี้ครอกมาหลอกกูกรูขึ้นไปเถิดหวาจะช้าไย
เถรเมาเหลือกำลังลงนั่งรากอ้าปากไม่อ่านอาคมได้
พวกไพร่พรั่งพรูกรูเข้าไปรวบไหล่ถองทุบตะครุบคอ
เถรขวาดถูกถองร้องตาปลิ้นเอาเหล้าให้กินข่มเหงพ่อ
จับเถรเณรได้ไม่รั้งรอเอาเชือกปอผูกรัดมัดด้วยกัน
เถรถูกผูกคอแล้วรัดศอกหายใจไม่ออกจนตัวสั่น
ชุมพลซักถามเนื้อความพลันมึงฝังรูปเลขยันต์ไว้แห่งใด
ทำพระไวยอย่างไรเร่งบอกมามึงเดินหน้านำขุดมาให้ได้
เถรขวาดตาแดงดังแสงไฟร้องว่าจะทำไมกูไม่พา
ชุมพลโกรธนักชักกระบี่ฟันลงตรงที่หว่างแสกหน้า
เลือดไหลปรีปรี่รี่ลงมาขรัวตาเจ็บช้ำก็นำไป
ถึงป่าช้าวัดพระยาแมนขุดลงสักแขนก็พอได้
พบรูปศรีมาลากับพระไวยหนามไหน่เสียบสะพรั่งไปทั้งตัว
พวกทนายขัดใจว่าอ้ายถ่อยเอาก้อนอิฐต่อยกะลาหัว
อิฐป่นหล่นแล่งแดงทั้งตัวหัวเหนียวนี่กระไรไอ้ขี้เค้า
คุมมาบ้านพระไวยมิได้ช้าไหนรูปรอยสร้อยฟ้าพระไวยเล่า
โหงพรายบอกนายแต่เบาเบาให้ขุดเข้าตรงใต้ที่นอนพลัน
ได้รูปพระไวยกับสร้อยฟ้าหันหน้ากอดกลิ้งอยู่ที่นั่น
ขุนแผนท่านย่าพร้อมหน้ากันพระไวยนั้นก็เห็นอยู่เต็มตา
อีเม้ยรับเห็ยจับรูปปรอยได้ดีเนื้อดีใจหัวร่อร่า
หูตากลับกลอกบอกศรีมาลานายขาเขาได้ทั้งรูปรอย
สร้อยฟ้าตระหนกอกสั่นเห็นได้รูปเลขยันต์ทำหน้าม่อย
หลบเข้าเคหานัยน์ตาปรอยเถรถ่อยชาติข้ามันพาตาย
อีไหมปลอบว่าอย่ากลัวแม่ไม่ยักยอมแพ้มันง่ายง่าย
ยังหลีกเลี่ยงเถียงมันได้มากมายเบี่ยงบ่ายบานบนให้พ้นตัว ฯ
๏ ครานั้นทองประศรีผู้เป็นย่าเสื่อมคลายคุณยาค่อยยังชั่ว
หมดมลทินสิ้นร้ายหายตามัวแกลุกเต้นรัวหรบหรบไป
ทุดอีสร้อยฟ้าออกมานี่อีลาวกาลีเลี้ยงไม่ได้
ทำรูปทำรอยน้อยเมื่อไรให้ออไวยหลงงมออกซมซาน
จนพ่อลูกจะไม่ได้ดูผีออชุมพลก็หนีไปจากบ้าน
มันทำศรีมาลาจนหน้าม้านกูจะเสี่ยงกบาลไม่ไว้มัน
พระไวยห้ามคุณย่าอย่าเพ่อก่อนจะอึงมี่ตีต้อนเขาไยนั่น
เนื้อความข้างหน้าจะว่ากันผิดจริงแล้วจะฟันเสียให้ตาย
พระกาญจน์บุรีหัวร่ออ่อพระไวยมันช่างหลงนี่กระไรน่าใจหาย
จนรู้แน่ในระแบบแยบคายยังสอดส่ายจะสงวนแม่สร้อยฟ้า ฯ
๏ พระหมื่นศรีฟังไปไม่ได้การมันจะเกิดรำคาญขึ้นต่อหน้า
ก็ลาไปโดยด่วนจวนเวลาบ่าวข้ามัดมือเถรเณรไป
พอเพลาพลบค่ำย่ำลงเอาส่งไว้ที่ทิมตำรวจใหญ่
แจ้งข้อความเล่าให้เข้าใจรับสั่งใช้ให้เราไปจับมา
สร้อยฟ้าให้ทำเอาพระไวยรูปรอยก็ได้มาหนักหนา
ครั้นจะทูลมิควรจวนเวลาหมายมาส่งฝากตำรวจไว้ ฯ
๏ ครานั้นนายเวรพระตำรวจเร็วรวดสั่งผู้คุมหาช้าไม่
เอาโซ่ตรวนขื่อคามาทันใดประทุกเถรเณรใส่ไว้เพียงคอ
จำครบห้าประการแล้วล่ามแหล่งกว่าจะแจ้งอย่าไว้ใจนะอ้ายพ่อ
ตำรวจฟังนายว่าไม่รารอก่อไฟจุดตะเกียงเสียงอึงไป ฯ
๏ ครานั้นฝ่ายว่าเจ้าเณรจิ๋วหน้านิ่วไหวตัวไม่ใคร่ได้
เขาจำห้าประการรำคาญใจบ่นไปกูห้ามไม่ฟังกู
น้ำตาลกัญชาปาเข้าไปสมคะเนมันใส่เอากบหู
เมาเปรอะพูดเลอะไม่แลดูกูว่ากลับด่ากูอึงไป
อวดดีบอกเขาว่าเจ้าเสน่ห์ทำโลเลฟังเฆี่ยนเล่นไม่ไหว
เขาเฆี่ยนแต่ตัวขรัวเมื่อไรกูจะเสียเบี้ยใบ้ไปพลอยตาย
เถรขวาดเจาะเจาะกระเดาะปากลำบากเข้าไม่ได้ไอ้ฉิบหาย
กูเมาน้ำตาลส้มเสียงมงายถ้าดีแล้วอย่าหมายจะได้กู ฯ
๏ ครั้นถึงเวลาดึกกำดัดเงียบสงัดแสงไต้ริบหรี่อยู่
เถรขวาดรำพึงถึงคุณครูระงับจิตลงสู้ให้แน่นอน
โอมอ่านคาถามหาสะกดผู้คนหลับหมดดังไม้ท่อน
พิเคราะห์ใคร่ครวญดูราหูจรปลอดเปลาะสะเดาะกลอนถอดโซ่ตรวน
ก็บันดาลขื่อคาสารพัดหลุดพลัดจากที่ลงถี่ถ้วน
แล้วสะเดาะโซ่กุญแจแปรปรวนตรวนเณรจิ๋วร่วงลงฉับพลัน
จึงเสกปูนพลูด้วยรู้แม่นเป็นเณรเถรนอนแทนอยู่ที่นั่น
ย่องเหยียบเกรียบกริบไปตามกันล่องหนด้นดั้นประตูไป
จะเป็นคนด้นหนีไปบนบกนึกวิตกกลัวเขาจะจับได้
ลงน้ำเป็นจระเข้ว่ายเร่ไปเณรนั้นให้เป็นลูกเกาะหลังมา ฯ
๏ ครั้นพวยพุ่งรุ่งสางสว่างพลันผู้คุมตื่นจับขันขึ้นล้างหน้า
เห็นเถรเณรนอนนิ่งทั้งสองราเฮ้ยฮ้าลุกขึ้นบ้างเป็นไร
เขาตื่นออกกลุ้มยังคลุมโปงอ้ายตายโหงมึงจะนอนไปถึงไหน
มือฉวยได้หวายป่ายลงไปช่างทนได้ไม่พลิกกระดิกตัว
เตะสีข้างซ้ำเข้าต้ำผึงเอ๊ะอย่างไรนอนขึงยังคลุมหัว
นั่งลงเลิกผ้าเห็นน่ากลัวร้องบอกกันทั่วให้มาดู
พร้อมทั้งนายเวรปลัดเวรเห็นเถรเณรนอนหงายตายกลิ้งคู่
ต่างคนตกใจไปพรั่งพรูร่ำเรียนให้รู้ทั้งศาลา ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงภพครั้นรุ่งสางสว่างจบทุกทิศา
ชะระสระสรงพระคงคาเสด็จออกข้างหน้าด้วยทันใด
ข้าเฝ้านอบน้อมยู่พร้อมหน้าทุกกระทรวงเสนาทั้งน้อยใหญ่
ดาษดาในหน้าพระลานชัยสำราญราชหฤทัยพระภูมี ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ราชอภิวาททูลความไปตามที่
ขอเดชะพระองค์ทรงธรณีเมื่อวานนี้กระหม่อมฉันชุมพลไป
ได้ตัวเถรขวาดเณรจิ๋วนั้นรูปรอยเลขยันต์ก็จับได้
เถรขวาดบอกว่าสร้อยฟ้าใช้ได้ทำเอาพระไวยจึงจับมา
ขุดรูปฝังไว้ได้สองแห่งตกแต่งเลขยันต์ไว้หนักหนา
จะกราบทูลอนุสรธิ์พ้นเวลาจึงปรึกษากันส่งตำรวจใน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพฟังจบชอบพระอัชฌาสัย
เออช่างได้เร็วพลันทันอกใจเหวยตำรวจเร็วไวเอาตัวมา ฯ
๏ ครานั้นท่านจางวางตำรวจในจนใจบังคมก้มเกศา
ขอเดชะพระองค์ทรงพระกรุณาพระอาญาเป็นพ้นล้นเกล้าไป
ด้วยพระนายศรีกับพลายชุมพลเอาเถรเณรสองคนมาส่งให้
รูปรอยเลขยันตร์ทั้งนั้นไซร้ให้ผู้คุมจำไว้อย่างตรึงตรา
เมื่อคืนนี้ทั้งเถรและเณรนั้นเกิดเป็นปัจจุบันดับสังขาร์
ได้แจ้งด้วยกันทั้งศาลาจงทราบบาทาพระทรงชัย ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาตบพระเพลาตรัสมาหาช้าไม่
ชะอ้ายเถรเณรนี้ดีกระไรรู้ตัวกลัวกลัวภัยจะเฆี่ยนตี
ชิงตายเสียก่อนไม่ทันผูกอ้ายลูกรู้หนีหน้าไปเป็นผี
ยังแต่อีสร้อยฟ้าอีกาลีครั้งนี้จะได้เห็นเท็จจริงกัน
จึงดำรัสตรัสสังจมื่นศรีเอาอีสร้อยฟ้ามาให้มั่น
กูจะได้ไต่ถามความสำคัญถ้าจริงแล้วจะให้ฟันเสียวันนี้ ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีได้รับสั่งบังคมแล้วถอยหลังออกจากที่
สั่งตำรวจพลันในทันทีไปแจ้งคดีสร้อยฟ้าจงเร็วไว
ว่าพระองค์ทรงธรรม์นั้นให้หาถ้าขืนขัดฉุดคร่ามาให้ได้
จงเลือกตัวกลั่นสรรออกไปให้ทันรับสั่งอย่านั่งช้า ฯ
๏ ตำรวจในได้ฟังขัดรั้งวิ่งเร็วจริงรีบตะบึงถึงเคหา
ขึ้นเรือนให้เรียกนางสร้อยฟ้าออกมาเล่าแจ้งแถลงการณ์
ว่าทั้งเถรเณรนั้นกลั้นใจตายประเดี่ยวนี้วุ่นวายอยู่อลหม่าน
รับสั่งให้หาอย่าได้นานเชิญท่านไวไวไปเดี๋ยวนี้ ฯ
๏ สร้อยฟ้าได้ฟังตำรวจในเร่าร้อนอกใจดังไฟจี้
รีบผลัดผ้าพลันในทันทีมานี่อีไหมไปกับกู
ตำรวจในนำหน้ามาจากบ้านลนลานเร่งรุดไม่หยุดอยู่
ผู้คนเห็นหน้าพากันดูมาถึงผู้รับสั่งนั่งไหว้พลัน
พระหมื่นศรีจึงพาสร้อยฟ้าเฝ้าก้มเกล้าทูลไปทันใดนั่น
พระโองการให้หาสร้อยฟ้านั้นบัดนี้มาอภิวันท์พระบาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชทอดพระเนตรให้นึกชังน้ำหน้า
จึงมีสีหนาทประภาษมาไฉนอีสร้อยฟ้าจึงกาลี
กูก็ชุบเลี้ยงมึงถึงขนาดทั้งสกุลรุนชาติก็ส่งศรี
ทำเสน่ห์เล่ห์กลซนอัปรีย์มึงโลภประเวณีนี่เหลือใจ
ไปลอบคบเถรเณรจนถึงวัดสารพัดเลขยันต์เขาจับได้
ฝังรูปฝังรอยน้อยเมื่อไรเขาเอามาให้อยู่ครบครัน
ขุดได้จนในใต้ถุนมึงปั้นรูปขี้ผึ้งกอดกันมั่น
ใส่ใบรักสักด้ายแล้วผูกพันให้สมัครรักกันแต่ข้างตัว
ส่วนรูปอีศรีมาลากับอ้ายไวยเอาหนามไหน่ใส่แต่ตีนตลอดหัว
ฝังกับผีป่าช้าดูน่ากลัวจนอ้ายผัวสมมมออกซมซาน
โบยตีศรีมาลาพลายชุมพลหนีด้นซนซุกไปจากบ้าน
ให้เขาผิดพี่น้องพ้องพานเป็นเหตุการณ์เพราะมึงทำมลทิน
จึงเกิดศึกฮึกฮักมาทั้งนี้ผู้คนแตกหนีไปทุกถิ่น
ข้นขุ่นวุ่นวายทั้งแผ่นดินอ้ายไวยปิ้มจะสิ้นถึงชีวา
อ้ายแผนกับลูกชายพลายชุมพลไล่ประจญโรมรันฟันฆ่า
เอาอ้ายไวยแตกทัพยับเยินมาสาเหตุกูเพิ่งรู้เมื่อวานนี้
ต่อหาอ้ายพ่อลูกมาซักถามมันบอกความจึงรู้เป็นถ้วนถี่
กูให้เขาจับได้ไอ้คนดีหัวผีโหงพรายก็ได้มา
ให้เถรเณรที่มันทำนำไปจับให้ตำรับรูปรอยเป็นหนักหนา
แต่มึงทำอย่างนี้กี่ปีมาอีสร้อยฟ้ามึงบอกแต่จริงไป ฯ
๏ สร้อยฟ้าได้ฟังรับสั่งถามใคร่ครวญข้อความหาคร้ามไม่
เถรเณรสิ้นชีวีไม่มีใครคิดได้แล้วประนมบังคมทูล
ขอเดชะข้าแต่ละอองบาทองค์หริรักษ์ราชนเรนทร์สูร
ทรงธรรม์มหันต์ไพบูลย์จะขอทูลตามจริงทุกสิ่งมา
ความสัตย์หาเป็นเช่นนั้นไม่เขาชวนกันเสกใส่มุสาว่า
เดิมชุมพลคนนี้กับศรีมาลาลอบลักคบหาเป็นชู้กัน
หม่อมฉันรู้เหตุผลชุมพลหนีไปบอกท่านกาญจน์บุรีแกล้งเสกสรร
ว่าเอายาแฝดใส่พระไวยนั้นให้ตีรีศรีมาลาว่าวุ่นไป
ฝ่ายพระกาญจน์บุรีมิทันคิดปลงจิตเชื่อลูกจึงสงสัย
เข้ามาด่าทอเป็นเท่าไรว่าจะจับให้ได้ให้ดูเอา
กระหม่อมฉันก็ท้าว่าให้ทำชอบผิดจะปิดงำไว้ไยเล่า
ท่านก็ส่องกระจกยกดูเงาว่าเห็นรูปข้าพเจ้ากับพระไวย
ท่านย่ามาดูว่าไม่เห็นก็กลับเต้นเข่นเคี่ยวเอาผู้ใหญ่
กระทืบเท้าโผงผางวางกลับไปนัดให้พลายชุมพลยกทัพมา
ใก้พ่อแผนไปรบก็สบเพลงพ่อลูกกันเองไม่เข่นฆ่า
ตีแต่ไพร่พลแตกร่นมาแกล้งทำมายาว่าศึกมอญ
ครั้นโปปรดให้พระไวยออกไปรบช่วยกันตีกระทบจนแตกว่อน
จะฆ่าพระไวยให้ม้วยมรณ์นี่หนีบุกซุกซ่อนจึงรอดตัว
ทำอุบายถ่ายเททุกอย่างไปแปลงเป็นมอญใหม่มิใช่ชั่ว
แล้วมาแก้ความผิดไม่คิดกลัวไปจับเณรเถรขรัวที่ไหนมา
พระหมื่นศรีผู้กำกับเป็นพ่อเกลอจึงทูลซ้ำสน่ำเสนอให้หนักหนา
ชะรอยเอาหัวผีที่ป่าช้ากับเลขยันต์เขียนมาเข้ากราบทูล
ครั้นจะสอบเถรเณรให้เห็นจริงว่าล้มตายหายกลิ้งเป็นเสร็จสูญ
เห็นเป็นลาวชาวป่าพากันทู,ขอทรงพระอนุกูลในทางความ ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาตรัสว่าอีสร้อยฟ้าว่าเข้าง่าม
ช่างประจบต้นปลายขยายความเหมือนลากหนามสะจุกทุกช่องไป
มิเสียทีเป็นลูกพระยาลาวเหน็บแนมแกมกล่าวเอาจนได้
ยกโทษโจทย์จับได้ฉับไวติดใจทั้งตำรวจตระลาการ
แต่พื้นผู้ใหญ่เคยใช้สอยช่างตะบอยท้วงติงเอาจริงจ้าน
เพราะเหตุไม่มีสักขีพยานจึงว่าขานแก้เกี้ยวเลี้ยวลดไป
จะให้มันรับว่าจริงยิ่งยากนักจะซ้ำซักข้างเดียวก็ไม่ได้
มาจับงูข้างหางผิดอย่างไปมันจึงว่าได้ทุกสิ่งอัน
ต้องให้แพ้ทัณฑ์บนจนพยานจึงจะว่าขานได้แม่นมั่น
ต้องเรียกศรีมาลาวมาว่ากันให้เห็นว่าสัตย์ธรรม์ข้างผู้ใด
เหวยตำรวจจงรีบออกไปหาเรียกอีศรีมาลามาให้ได้
ครั้นได้ตัวศรีมาลามาทันใดก็เข้าไปบังคมก้มกราบกราน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ดำรงโลกชะโงกตรัสคดีอยู่มี่ฉาน
ถามศรีมาลาพลันมิทันนานอีสร้อยฟ้าว่าขานกล่าวโทษมึง
ว่าทำชู้กับอ้ายพลายชุมพลอีสร้อยฟ้ารู้กลมึงโกรธขึ้ง
เป็นสาเหตุเรื่องราวที่ฉาวอึงจนถึงจะฆ่าอ้ายหมื่นไวย
เนื้อความข้ออื่นกูไม่ว่าที่ทำชู้สู่หาเป็นข้อใหญ่
จะสมคำมันหาหรือว่าไรจริงหรือหาไม่ให้ว่ามา ฯ
๏ นางศรีมาลากราบทูลไปจะจริงหามิได้พระเจ้าข้า
เมื่อชุมพลด้นไปหาบิดายังเด็กนักชันษาพียงเจ็ดปี
ใครห่อนจะสอนซึ่งเด็กได้มาใส่ไคล้เจรจาน่าบัดสี
ข้างลาวเคยทำบ้างหรืออย่างนี้สอนเด็กให้กาลีดังเจรจา
แกล้งเอาความร้ายมาป้ายเขาทีตัวเจ้าชั่วเองกลับไม่ว่า
ถ้าจริงแล้วเลี้ยงไว้ขายบาทาควรโปรดให้ฆ่าให้บรรลัย
จะนิ่งไว้ใครเลยจะเล็งเห็นทั้งผัวเล่าก็เป็นที่สงสัย
ขอให้หมดมลทินสิ้นภัยชีวิตอยู่ใต้พระบาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงศักดิ์เป็นปิ่นปักหลักโลกนาถา
ทรงฟังคำทูลเป็นมูลมาจึงตรัสปรึกษาไปฉับพลัน
ดูก่อนเจ้าพระยาเสนามาตย์กูฟังเรื่องประหลาดเป็นความขัน
ถ้อยคำแก้เกี้ยวเลี้ยวติดพันกฎหมายก่อนนั้นเป็นอย่างไร
ความใครไม่มีซึ่งพยานตระลาการเอาจริงยังไม่ได้
จะพิจารณาว่าฉันใดที่จะให้เห็นจริงทุกสิ่งอัน ฯ
๏ ครานั้นข้าเฝ้าเจ้าพระยาปรึกษากันแล้วทูลทันใดนั่น
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์อันชีวันอยู่ใต้พระบาทา
เมื่อครั้งความขุนช้างบังอาจใจพาพระหมื่นไวยไปเข่นฆ่า
เป็นเหตุกลางไพรในพนาก็ไม่มีใครมาจะรู้ความ
ทั้งสองฝ่ายมีคำสำนวนพูดให้ปรึกษาได้พิสูจน์รูดลองถาม
จึงดำน้ำถวายกับพลายงามครั้งนี้ตามแต่จะทรงพระปรานี ฯ
             

๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพฟังจบเค้ามวลเป็นถ้วนถี่
พระจึงถามศรีมาลาไม่ช้าทีเฮ้ยมึงนี้จะว่าประการใด
จะต้องหาความจริงด้วยสิ่งสัตย์หรือจะขัดว่าพิสูจน์นั้นไม่ได้
กูเห็นดีแต่ที่น้ำกับไฟนั่นแลจะได้เห็นจริงจัง ฯ
๏ ครานั้นนารีศรีมาลาก้มกราบทูลมาด้วยใจหวัง
ข้าแต่พระองค์ดำรงวังหม่อมฉันหวังตั้งจิตคิดลุยไฟ
แม้นแพ้แก่ข้างนางสร้อยฟ้าจงประหารชีวาให้ตักษัย
ทำชั่วแล้วตัวจะอยู่ไยขอลุยไฟให้เห็นประจักษ์ตา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟังทรงพระสรวลดังอยู่เริงร่า
ได้ยินหรือไม่อีสร้อยฟ้าอีศรีมาลาขันรับจะลุยไฟ
ถ้าจริงของมึงมึงจึงสู้เท็จแล้วบอกกูจะผ่อนให้
มึงจะก้มหน้าอยู่ว่าไรจะสู้มันหรือไรให้ว่ามา ฯ
๏ นางสร้อยฟ้าฟังพระโองการสะทกสะท้านหัวพองสยองฉ่า
จะรับผิดคิดกลัวพระอาญาแข็งใจเงยหน้าทูลไป
ซึ่งว่าทำเสน่ห์เล่ห์กลมนตร์ดลจนผัวนั้นหลงใหล
คบเถรเณรทำเอาพระไวยจะลุยไฟให้เห็นเป็นสัจจา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงศักดิ์ปิ่นปักหลักโลกนาถา
ครั้นสองนางต่างทูลเป็นมูลมาพระผ่านฟ้าทรงฟังเห็นบังควร
จึงสั่งให้ขุดรางหน้าที่นั่งตำรวจในรีบสั่งเป็นการด่วน
เกณฑ์เจ้าพนักงานการทั้งมวลถี่ถ้วนเร่งรัดจัดแจงพลัน
พระสั่งเสร็จเสด็จขึ้นข้างในพวกขุนนางต่างออกไปเป็นเหล่าหลั่น
ผู้คุมคุมคู่ความไปตามกันมาถึงทิมดาบนั้นเข้ามณฑล
พวกตำรวจเข้าพิทักษ์รักษามิให้ใครไปมาเดินสับสน
ให้นุ่งขาวห่มขาวทั้งสองคนเครื่องมณฑลจัดวางอย่างบุราณ
ข่าตะไคร้พริกขิงทุกสิ่งเสร็จไก่เป็ดหมากมะพร้าวข้าวสาร
หม้อข้าวหม้อแกงแลเชิงกรานจัดการเสร็จสิ้นทุกสิ่งอัน
รางไฟตำรวจก็เร่งขุดบ้างตรวจตราอุตลุดอยู่ตัวสั่น
บ้างขนฟืนแบกหามมาตามกันดินนั้นมอมแมมเปื้อนแก้มคาง
บ้างถกเขมรแบกงันตัวสั่นงกบ้างอ้าปากตาประหลกหกล้มผาง
ลุกขึ้นลุกลนขนดินพลางขุนรางแล้วเสร็จสำเร็จพลัน ฯ
             

ตอนที่ ๔๒ นางสร้อยฟ้าศรีมาลาลุยไฟ

๏ จะกล่าวถึงพระจอมจักรพรรดิครองสมบัติอยุธยามหาศวรรย์
เนาในปราสาทแก้วแพรวพรรณพระกำนัลกราบก้มประนมกร
ทรงรำพึงถึงเมียจมื่นไวยได้สั่งให้ลุยไฟไว้วันก่อน
กูจะต้องดูแลให้แน่นอนเสด็จออกพระบัญชรด้วยทันใด
พรั่งพร้อมข้าเฝ้าเจ้าพระยาเสนาอำมาตย์ผู้น้อยใหญ่
พระกาญจน์บุรีชุมพลจมื่นไวยก็หมอบเฝ้าอยู่ในหน้าพระลาน ฯ
๏ ฝ่ายว่าท่านย่าทองประศรีแจ้งคดีโกรธวุ่นอยู่งุ่นง่าน
ทุดอีลาวเจ้ากรรมทำจัณฑาลแกลนลานลงบันไดรีบไคลคลา
งกเงิ่นเดินมาตามถนนผู้คนกล่นเกลื่อนเป็นหนักหนา
โจษกันระเบ็งเซ็งแซ่มาไปดูเล่นเถิดหวาเขาลุยไฟ
ทั้งเจ๊กจีนแขกฝรั่งมังค่ารู้เข้าต่างมาไม่ช้าได้
ผู้คนล้นหลามสนามในทองประศรีเข้าไปกราบบังคม
พระองค์ทรงเห็นก็ตรัสทักมันแก้มตอบฟันหักเป็นสองผม
เมื่อยังสาวไหล่ผายท้ายกลมน่าสงสารซานซมไปคลับคล้าย
เมื่อกระนั้นมันเป็นข้าหลวงเก่ากูนึกขึ้นมาเล่าก็ใจหาย
คิดถึงอ้ายขุนไกรให้เสียดายต้องรับอาญาตายแต่ก่อนมา
แล้วพระองค์ทรงตรัสไปบัดดลอ้ายขุนแผนชุมพลหมื่นไวยหวา
อย่าให้เขาสงสัยในวิญญาณ์สาบานเสียต่อหน้าอย่าเข้าใคร
ขุนแผนพระไวยพลายชุมพลทั้งสามคนสาบานถวายให้
ถ้าแม้นว่าข้าพเจ้าเข้าข้างใดให้ตกนรกหมกไหม้ในโลกันตร์
จะตั้งจิตให้ตรงจงแท้เที่ยงไม่ลำเอียงนึกร้ายหมายมั่น
ทั้งสร้อยฟ้าศรีมาลาไม่อาธรรม์พูดแล้วบังคมคัลลงบัดดล ฯ
๏ พราหมณ์ตรวจบาดแผลที่เท้านางทั้งสองข้างบริสุทธิ์ไม่ขัดสน
ให้นั่งข้างรางไฟทั้งสองคนพฤฒาจารย์อ่านมนตร์กันกระทำ
ส่งข้าวตอกดอกไม้ให้สองนางพราหมณ์ทั้งสองข้างบูชาร่ำ
บายศรีพัดพลีพลีกรรมเสกซ้ำสังเวยซึ่งเทวา
โอมองค์พระสยมภูวญาณองค์บรมพรหมนาถนาถา
พระจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ทรงศักดาพระคงคาพระเพลิงเถลิงฤทธิ์
พระคเณศร์พระขันธกุมารมัฆวานทั้งพระพายกายสิทธิ์
โลกบาลบริหารทั้งสี่ทิศขอเชิญมาสถิตทัศนา
ทั้งเทวารักษากำภูฉัตรปฏิบัติบำรุงพระศาสนา
เสื้อเมืองทรงเมืองเรืองฤทธาพระหลักเมืองอยุธยาวราฤทธิ์
เชิญมารับกระยาสังเวยอย่าเข้าด้วยโจทก์จำเลยอันคนผิด
ถ้าใครเท็จให้ไฟไหม้เป็นพิษจงประจักษ์ศักดิ์สิทธิ์แก่ตาตน
แล้วให้สองนางตั้งอธิษฐานศรีมาลาชูพานดอกไม้บ่น
ถ้าร่วมรู้ทำชู้กับชุมพลขอเพลิงไหม้ให้ลนจนพังพอง
ถ้าตัวข้าสัตย์ซื่อต่อสามีอย่าให้พิษอัคคีนั้นถูกต้อง
ขอเชิญเทวามาคุ้มครองให้เหยียบย่องอย่างน้ำเย็นฉ่ำไป
เทวาจงรักษาซึ่งความสัตย์ถ้าวิบัติให้ม้วยด้วยเพลิงไหม้
นางมิได้ครั่นคร้ามขามใจหน้าตาผ่องใสดังบัวบาน
ฝ่ายนางสร้อยฟ้านั้นหน้าดำชูพานพึมพำอธิษฐาน
ไหลเล่อเพ้อพกอยู่ลนลานเออผีสางปะรางควานมาช่วยดอม
พวกพราหมณ์หัวเราะฮาดูน่าขันอธิษฐานอย่างนั้นหรือขาหม่อม
ทองประศรีร้องด่าอีหน้ามอมอธิษฐานลอมปอมให้เห็นตัว
นางสร้อยฟ้าจึงอธิษฐานใหม่ถ้าข้าทำคุณไสยกับเถรขรัว
ทำให้พระไวยหลงใหลมัวไปฝังรูปสระหัวกับเถรลาว
ข้อหนึ่งพลายชุมพลกับศรีมาลาไม่ทำชู้สู่หาเหมือนข้ากล่าว
ขอให้ไฟไหม้พองทั้งสองเท้าตัวสั่นตาขาวให้หนาวใจ ฯ
๏ ขุนแผนหมื่นไวยทองประศรีพลายชุมพลนั่งที่ริมรางใหญ่
จตุสดมภ์กรมเมืองนั่งเนื่องไปพวกตำรวจนอกในก็ครบครัน
ฝูงชนยัดเยียดเบียดเสียดเถียงบ้างวัดเหวี่ยงผลักรุนกันหุนหัน
เอะอะปะทะล้มลงจมกันบ้างผลักไสพัลวันตัวสั่นรัว
อ้ายข้างนอกไม่เห็นเต้นเข้ามาจนฝุ่นฝาฟุ้งฟูมขึ้นกลุ้มหัว
ลูกกระจอมอมาติดแม่พัวบ้างขี่บ่าจิกหัวชะโงกดู
อ้ายเจ๊กขายขนมล้มปั้นเป๋อ้ายพวกโลนเสเพลเหนี่ยวหางหนู
ไอ๊ย่าเจ๊กร้องเจี๊ยวอย่าเหนี่ยวกูลงหมอบมุดคุดคู้ไม่เข้าไป
อีมอญเจ้าข้าวเกรียบเหยียบเอาขาอ้ายเจ๊กร้องไอ๊ย่าลุกขึ้นได้
อีมอญด่าต๊อกย่ายอ้ายจัญไรจะดูเขาลุยไฟมาเบียดเคียง
ตำรวจในรายรอบขอบสนามคอยห้ามปรามมิให้ใครถุ้งถียง
ผู้คนสะพรั่งนั่งพร้อมเพรียงสงัดเสียงแซ่กันลงทันใด
จึงองค์สมเด็จพระพันวษาตรัสสั่งลงมาห้าช้าไม่
เรียกสร้อยฟ้าศรีมาลามาไวไวลุยไฟให้เห็นเป็นสัจจา
ฝ่ายว่าพระสนมนางกำนัลพากันเยี่ยมพระแกลแลหา
สอดตาตามซี่มู่ลี่มาดูสร้อยฟ้าศรีมาลาจะลุยไฟ ฯ
๏ ครานั้นสร้อยฟ้าศรีมาลาได้ยินตรัสสั่งมาไม่ช้าได้
เข้คนละข้าหัวรางไฟถวายบังคมไปมิได้ช้า
เข้าโบกปัดพัดไฟให้ถ่านแดงนางสร้อยฟ้าแสยงเป็นหนักหนา
ศรีมาลาเพราพริ้มยิ้มแย้มมาบังคมแล้วไคลคลาเข้ารางไฟ
ลีลาศดังราชเหมหงส์เยื้องย่างเหยียบลงหาร้อนไม่
นางมิได้หวาดหวั่นพรั่นฤทัยลุยไปลุยมาได้สามที
เทวดารักษาด้วยความสัตย์พระพายชายพัดอยู่เรื่อยรี่
ต้องน่างอย่างทิพวารีเสียงคนชมมี่ไปทั้งกอง ฯ
๏ สร้อยฟ้ากระดากอยู่ปากรางเปลวไฟร้อนนางยืนจดจ้อง
ให้ครั่นคร้ามกลัวไฟจะไหม้พองแข็งใจเยื้องย่องซมซานมา
เหยียบไฟลงได้สองสามก้าวตัวสั่นท้าวท้าวไหม้ตีนฉ่า
โจนจากรางไฟมิได้ช้าอีสังเอ๋ยร้อนหวาจะขาดใจ
อีไหมเข้าคร่าพาลากถูตีนแดงเป็นลูกหนูเจียวข้าไหว้
ผู้คนฉาวฉ่าฮาก้องไปพระหมื่นไวยขบฟันตัวสั่นมา
เอาเท้าป่ายสีข้าลงดังผลุงขุนนางห้ามยุ่งว่าอย่าอย่า
พระไวยว่าไว้ทำไมนาเอาไปฆ่าเสียหัวตะแลงแกง ฯ
๏ ขุนแผนแสนสงสารศรีมาลาไม่ควรเลยสร้อยฟ้ามันกลั่นแกล้ง
มันเฝ้าแต่เบียนเบียดเสียดแทงพ่อแจ้งอยู่แล้วแต่ไรมา
เพราะคนอื่นเขาไม่รู้จึงสงสัยเจ็บช้ำน้ำใจเป็นหนักหนา
ทีนี้แลจะสิ้นที่นินทาประจักษ์หน้าพระที่นั่งพรั่งพร้อมกัน
ทองประศรีความแค้นนางสร้อยฟ้าแกขบเหงือกเหลือกตาด่าตัวสั่น
ฉวยได้ดุ้นแสมแล่มาพลันกูจะต่อยหัวมันให้พอใจ
ทุดอีเจ้ายาแฝดแปดยาช้างมานอนอ้าขากางครางอยู่ได้
ร้อนหรือเอาพิษเสนแก้พิษไฟให้สาใจเจ้าเสน่ห์เล่ห์กลดี
ทำผัวตัวแล้วยังมิหนำซ้ำว่าชุมพลนั้นเอาพี่
คบเถรเณรอุบาทว์ชาติอัปรีย์ร้องอี๋อี๋ชี้ขาอยู่ว่าไร
ชุมพลวิ่งพวยฉวยชายผ้าอย่าทำวุ่นคุณย่าเถิดข้าไหว้
ทองประศรีโกรธหนักผลักมือไปจะต่อยให้หัวฟกถกเขมรมา
เป็นไรเป็นไปกูไม่ฟังพวกผู้คุมรุมรั้งทั้งหลังหน้า
เหมือนเขาเล่นซักส้าวคนฉาวฮาลงทรุดนั่งยังด่าตาเป็นมัน
ชุมพลกราบตีนพี่ศรีมาลามือเช็ดน้ำตาแล้วหุนหัน
มาถึงสร้อยฟ้าร้องด่าพลันอีช้อนตะแกรงแกล้งกันให้ได้อาย
พี่ศรีมาลาเขารักกูเหมือนลูกมาดูถูกมุสาว่าง่ายง่าย
อีลาวป่าหน้ามึงไม่มีอายมานอนหงายครางร่นคนดูอึง
แล้วกดคออีไหมใส่ศอกถองมึงคู่คิดปิดป้องกูรู้ถึง
ฉวยมือสร้อยฟ้าแล้วคร่าดึงจะฟันมึงเสียที่หัวตะแลงแกง
พระหมื่นศรีจูงมือชุมพลมาเจ้าฟังพ่อว่าอย่าใจแข็ง
ฝูงคนพรั่งพร้อมล้อมดูแดงด่าแช่งสร้อยฟ้าทุกหน้าไป ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษากริ้วนางสร้อยฟ้าดังเพลิงไหม้
คราวนี้รู้เช่นได้เห็นใจอีจัญไรเจ้ากลมารยา
ทำยาแฝดใส่อ้ายไวยผัวให้เมามัวหลงเล่ห์เสนหา
จนเสื่อมเวทเสื่อมฤทธิ์วิทยาจะเป็นบ้าแล้วยังไม่พอใจ
ยังยุให้ลูกพ่อก่อวิวาทดูบังอาจกำเริบเติบใหญ่
จะให้ล้างผลาญกันให้บรรลัยพ่อมันนั้นจะได้มาเล่นกู
แล้วคิดร้ายอ้ายชุมพลศรีมาลาแกล้งใส่ไคล้จะให้ฆ่าอีกทั้งคู่
คิดอ่านสารพัดเป็นศัตรูดูเป็นกบฏแท้เห็นแน่ใจ
ฮ้าเฮ้ยเหวยพระยายมราชจงเอาไปฟันฟาดให้ตักษัย
ผ่าอกด้วยขวานประจานไว้อย่าให้คนผู้ดูเยี่ยงมัน ฯ
๏ พระยายมรับพระราชบัญชาเรียกทะลวงฟันมาขมีขมัน
ฉุดมือสร้อยฟ้าคร่าขบฟันนางวอนว่าท่านได้เมตตา
ดิฉันจะบรรลัยไปเป็นผีจะขอลาสามีกับท่านย่า
จะต้องสมาลาโทษศรีมาลาอย่าให้เป็นเวราเมื่อบรรลัย
ทะลวงฟันเข้าปีกทั้งสองข้างพานางแวะมาหาช้าไม่
กราบย่ากราบผัวกราบทั่วไปแล้วร้องไห้ไปที่ศรีมาลา
ยกเอาเท้านางขึ้นทูนหัวกลิ้งเกลือกเสือกตัวไม่เงยหน้า
แม่คุณทูนหัวลูกชั่วช้าแม่จงรับสมาอย่าจองภัย
ให้สิ้นเวรสิ้นกรรมทำบุญเถิดลูกจะได้ไปเกิดในชาติใหม่
ถึงบาปกรรมทำชั่วติดตัวไปพอจะได้คลายร้อนด้วยผ่อนเวร
เพราะว่ากรรมนำไปให้ใจชั่วจึงเมามัวคบหากับเณรเถร
เอาอิจฉาพยาบาทมาเป็นเกณฑ์ไม่แลเห็นโทษผิดช่างปิดบัง
แล้วมิหนำซ้ำว่าแม่เป็นชู้ร่วมรู้กับชุมพลแต่หนหลัง
ใส่ไคล้จะให้เจ้านายชังโกหกโอหังด้วยเมามัว
ลูกนี้หินชาติอุบาทว์เมืองจนฟุ้งเฟื่องคนผู้เขารู้ทั่ว
อัปยศอดอายขายหน้าตัวรู้ว่าชั่วสิเป็นถึงเช่นนี้
เทวดาอารักษ์ท่านเล็งเห็นว่าทำเข็ญจึงให้ไปเป็นผี
ควรท่านประหารผลาญชีวีมาปรานีแต่ลูกที่ในครรภ์
ไม่มีผิดจะติดตายไปด้วยได้เจ็ดเดือนมาม้วยพลอยอาสัญ
ยังไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันไม่ทันรู้ว่าชายหญิงจะชิงม้วย
โอ้แม่เจ้าประคุณของลูกเอ๋ยอย่าผูกเวรลูกเลยช่วยขอด้วย
เอาไว้ใช้เป็นข้ากว่าจะม้วยนึกว่าช่วยลูกน้อยที่ในครรภ์ ฯ
๏ ทองประศรีฟังว่าน้ำตาตกอียาจกใครทำให้มึงนั่น
ต่อฟ้าเคืองสันหลังจึงรำพันกูนี้กลั้นน้ำตามิได้เลย
กูสั่งสอนเท่าไรไม่ใส่หูเอาคารมข่มกูเสียอีกเหวย
ช่างเย่อหยิ่งนี่กระไรกูไม่เคยมากอดเกยตีนว่าน่าปรานี
เห็นกับย่าเถิดศรีมาลาเอ๋ยเจ้าละเลยเสียก็เห็นจะเป็นผี
มันทำเจ้ากับผัวถึงชั่วดีจงปรานีลูกน้อยในอุทร ฯ
๏ ศรีมาลาฟังคำที่ร่ำว่าน้ำตาหลั่งไหลด้วยใจอ่อน
เห็นสารภาพผิดคิดอาวรณ์จะผันผ่อนทูลขอดูตามบุญ
เกลือกว่าวาสนามิเคยม้วยกุศลส่งคงจะช่วยมาอุดหนุน
ไม่หมายเอาตอบแรนแทนคุณจะเอาบุญช่วยกู้ชีวิตไว้
อย่านึกเลยว่าข้าพยาบาทอย่าประมาทภาวนาเอาใจใส่
นางตั้งอธิษฐานด้วยทันใดขอเดชะข้าได้ทำบุญมา
ปรารถนาจะให้พ้นจากสงสารเอาทางพระนิพพานภายภาคหน้า
จะช่วยสัตว์ให้พ้นมรณานางตั้งสัจจาแล้วคลาไคล
ถึงหน้าพระที่นั่งก็บังคมประนมกรกราบทูลเฉลยไข
จะควรมิควรประการใดชีวิตอยู่ใต้พระบทมาลย์
บัดนี้สร้อยฟ้าซึ่งต้องโทษรับสั่งโปรดเกล้าให้ไปประหาร
จะพาบุตรพระไวยไปวายปราณด้วยมีครรภ์ประมาณเจ็ดเดือนมา
กระหม่อมฉันมีจิตคิดสงสารจะติดมารดาม้วยด้วยเข่นฆ่า
ขอพระราชทานโทษโปรดสร้อยฟ้ากับบุตรที่มีมาได้รอดตาย ฯ
๏ ครานั้นจึงองค์นเรนทร์สูรฟังศรีมาลาทูลพระทัยหาย
ไม่รู้ว่ามันจะมาพาลูกตายเสื่อมคลายกริ้งลงด้วยทรงธรรม์
วาสนาสร้อยฟ้าจะไม่ม้วยกุศลศรีมาลาช่วยค้ำชูนั่น
ทั้งบุญบุตรในท้องนั้นป้องกันบันดาลให้ไภยันต์นั้นพ้นไป
จึงตรัสว่าขอบใจอีศรีมาลามึงนี้หาอาฆาตจองเวรไม่
อยู่ในสัตยะรรมล้ำเหลือใจหากว่าอีจัญไรมันใจพาล
มึงขอโทษก็จะโปรดชีวิตให้แต่จะเลี้ยงมันไว้อุบาทว์บ้าน
นานไปมันจะทำให้รำคาญกูขี้คร้านจะดูมึงลุยไฟ
ตรัสพลางสั่งพระยายมราชอีสร้อยฟ้าอุบาทว์ไม่เลี้ยงได้
ศรีมาลามาขอชีวิตไว้ก็ขับไปให้พ้นจากพารา ฯ
๏ ครานั้นท่านเจ้ากรมยมราชอภิวาทถอยหลังมาสั่งว่า
โปรดประทานชีวิตนางสร้อยฟ้าให้ขับพ้นพาราในสามวัน ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาปรานีศรีมาลาจะทำขวัญ
ดำรัสไปให้สั่งคลังในพลันให้จัดสรรเงินทองของนานา
เงินสองชั่งทั้งผ้าสองสำรับแหวนก้อยพลอยประดับขันล้างหน้า
หีบหมากลายเทพประนมถมยาพระราชทานศรีมาลาเป็นรางวัล
อีกทั้งปะวะหล่ำกำไลทองประทานลูกในท้องเป็นของขวัญ
อีศรีมาลาครั้งนี้มึงดีครันความชอบมึงนั้นกูตอบแทน
ที่ได้อ้ายแผนชุมพลมาเพราะมึงไปพูดจากับอ้ายแผน
หาไม่ไหนอ้ายเฒ่าจะหายแค้นผิดนักก็จะแล่นเตลิดไป
แล้วจึงดำรัสตรัสกำชับอ้ายแผนกับอ้ายชุมพลอย่าเขวไขว
เลิกวิวาทบาดทะเลาะกับอ้ายไวยที่แล้วแล้วกันไปกูขอที
พระกาญจน์บุรีพระไวยพลายชุมพลทั้งสามคนรับสั่งใส่เกศี
เสด็จขึ้นออกมาไม่ช้าทีตามกันจรลีจากวังใน
๏ อีเม้ยรับว่ากับนางสร้อยฟ้าคิดถึงคุณนายข้าอย่าลืมได้
ศรีมาลาเคืองข้องร้องด่าไปทุดอีมอญจัญไรอย่าเจรจา
ชาวบ้านร้านตลาดต่างชมเชยแม่ศรีมาลาเอ๋ยดีหนักหนา
ไม่ผูกกรรมซ้ำทูลขอสร้อยฟ้าจะหาเหมือนแม่นี้นี่ยากครัน
ลางคนว่าถ้ากูแล้วที่ไหนจะให้ตัดหัวเสียบเสียที่นั่น
นางสร้อยฟ้าเจ็บเท้าค่อยก้าวยันนิ่วหน้าพากันมาถึงเรือน
เกาะหลังอีไหมเข้าในห้องพิษไฟปวดพองร้องป่นเปื้อน
ค่อยอยู่เถิดหนาจะลาเฮือนข้าวของกองเกลื่อนต้องทิ้งไว้ ฯ
๏ ครั้นรุ่งเช้าสร้อยฟ้านารีเข้าไปหาสามีแล้วร้องไห้
กราบกรานขอประทานซึ่งโทษภัยลูกได้ทำชั่วใส่ตัวเอง
งดโทษเถิดหนาจะลาแล้วจะคลาดแคล้วห่างไกลไปเท้งเต้ง
ได้พึ่งบุญอุ่นอกจะวังเวงเจ้าประคุณคุ้มเกรงแต่ลงมา
ทั้งพ่อแม่ได้พึ่งเมื่อตกไร้พ่อกราบทูลแก้ไขให้หนักหนา
หาไม่เชียงใหม่ทั้งพาราก็จะมาเป็นจุณวิจุณไป
จนโปรดให้ลูกมาเคียงคู่ถึงผิดชอบก็เอ็นดูหาว่าไม่
เป็นกรรมหนหลังมาบังไว้จึงให้คิดผิดเผอิญเป็น
จากเมืองพึ่งพ่อพอเห็นหน้ากลับคืนพาราจะห่างเห็น
เช้าค่ำร่ำไห้อกใจเย็นแสนเข็ญบุกป่าไปแต่ตัว
เมื่อลงมาข้าคนก็มากมายจะกลับเดียวเปลี่ยวดายแล้วทูนหัว
ป่ากว้างช้างเสือก็น่ากลัวแรดร้ายควายวัวคะนองทาง
ไหนห้วยเหวเปลวปล่องต้องเลาะไปหนามไหน่รกชัฏอยู่รอบข้าง
เมื่อลงมาบิดาให้ขี่ช้างนี่จะต้องเดินทางด้วยเท้าไป
ข้าวของใครจะต้องมาหาบถือต้องซัดเซตัวหรือก็ท้องไส้
แดดลมจะระทมให้ตรมใจแสนห่วงใยแต่ลูกที่ในครรภ์
จะต้องทนลำบากตรากตรำทั้งข้าวน้ำวิปริตผิดผัน
จะเป็นหญิงหรือชายอย่างไรนั้นจะตายเป็นไม่เห็นกันกับบิดา
ค่ำลงจะต้องนั่งบังร่มไม้ฟืนไฟใครเลยจะช่วยหา
ต้องหนุนขอนนอนแนบพสุธาภาวนากลัวสัตว์ที่พงไพร
จะฟังแต่เนื้อนกวิหคโหยชะนีโวยหวีดร้องก้องป่าใหญ่
ไหนจะคิดถึงตัวด้วยกลัวภัยไหนจะเฝ้าเศร้าใจถึงพ่อคุณ
นางยกเท้าผัวทูนหัวไว้ความอาลัยตันอกให้หมกมุ่น
ร้องไห้ใจจะขาดลงเป็นจุณจนตาขุ่นแดงเดือดเป็นเลือดไป
อนิจจาเวรกรรมจำวิบากเมียจะจากพ่อไปอย่างไรได้
ถึงจะต้องตกลำบากยากไร้ถ้าอยู่ได้แล้วไม่จากพระคุณเลย
พ่อเจ้าดูเมียเสียยังแล้วพ่อทูลกระหม่อมแก้วของเมียเอ๋ย
ตั้งแต่นี้มิได้เห็นดังเช่นเคยจะลับเลยสุดสิ้นชีวาลัย ฯ
             

๏ ครานั้นพระไวยเจ้าพลายงามได้ฟังความสะท้อนถอนใจใหญ่
คิดแสนสงสารเมียเสียน้ำใจน้ำตาไหลรีบเช็ดด้วยความอาย
แข็งใจปลอบโยนนางสร้อยฟ้าจงดับความโศกาให้เหือดหาย
อันทุกข์สุขมีทั่วทุกหญิงชายยามเคราะห์ร้ายก็ต้องยากลำบากตัว
เจ้าจงรักษาอย่าให้ครรภ์อันตรายถ้าสืบไปไม่ตายคงพบผัว
อย่าตีตนก่อนไข้ให้หมองมัวรักษาตัวไว้เถิดคงพบกัน ฯ
๏ นางสร้อยฟ้าได้ฟังคำพระไวยค่อยคลายใจที่วิโยคโศกศัลย์
คำพ่อสอนสั่งสิ้นทั้งนั้นจะจำไว้ให้มั่นจนวันตาย
แต่น้ำใจอาลัยด้วยความรักยิ่งหักก็ยิ่งพรั่นยิ่งขวัญหาย
น้ำตาไหลนองสองมือฟายสยายผมลงเช็ดกับบาทา
พ่อเจ้าประคุณของเมียแก้วจะจากวันนี้แล้วไม่เห็นหน้า
พ่ออยู่ดีอย่ามีซึ่งโรคาให้ชันษาอายุพ่อพันปี
ลาแล้วครวญคร่ำร่ำร้องไห้เข้าไปกราบไหว้ทองประศรี
เจ้าประคุณคุณย่าได้ปรานีชั่วดีไม่ทิ้งให้หลานตาย
ให้แม่ศรีมาลามาขอไว้หลานรักจึงไม่ม้วยฉิบหาย
จะใคร่อยู่แทนคุณจนวอดวายไม่เหมือนหมายรับสั่งให้ขับไป
ค่อยอยู่เถิดใจบุญเจ้าประคุณเอ๋ยที่ไหนเลยจะได้กลับมาเมืองใต้
เหมือนตายจากคุณย่าจะลาไปทางไกลตายเป็นไม่เห็นกัน ฯ
๏ ทองประศรีได้ฟังนางสร้อยฟ้าน้ำตาไหลรัวอยู่ตัวสั่น
กูก้อยพลอยรำคาญสงสารครันมึงหุนหันทำได้ช่างไม่คิด
ยิ่งว่ายิ่งเป็นเล่นยาแฝดร้อยแปดปากคอไม่ต่อติด
จนความตายจะถึงจึงได้คิดเป็นสุดฤทธิ์ที่กูจะช่วยมึง
กูอยู่กับผัวจนตัวเฒ่ายาแฝดยาเมาไม่คิดถึง
มีรักแล้วไปไม่พรั่นพรึงเป็นมึงกูไม่ทำให้รำคาญ ฯ
๏ สร้อยฟ้าประนมก้มกราบไหว้คุณย่าหวังจะให้เป็นแก่นสาร
หลานนี้ชั่วจนตัวปิ้มวายปราณกรรมของหลานเองแล้วจะโทษใคร
ยกเอาเท้าย่าขึ้นทูนหัวตัวสั่นรัวรัวร่ำร้องไห้
ขอสมาลาโทษโปรดอภัยกราบไหว้ย่าแล้วก็ลามา
ไปกราบขุนแผนผู้แว่นไวคุณพ่อได้งดโทษโปรดเกศา
ลูกทำชั่วจนตัวจะมรณาให้บิดาเดือดร้อนอย่าผูกเวร
ลูกนี้โง่เง่าเฉาโฉดอารามโกรธไปฟังถ้อยคำเถร
เอาอิจฉาพยาบาทมาเป็นเกณฑ์กรรมเวรลูกสร้างมาล้างตัว
ทั้งพ่อพลายชุมพลจงอยู่ดีวันนี้พี่จะลาพ่อทูนหัว
ให้มีสุขสมปองอย่าหมองมัวพี่ชั่วแล้วจะลาไปตามกรรม ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนพลายชุมพลได้ฟังยุบลก็บ่นพร่ำ
เอ็นดูอยู่ดีดีมิฟังคำมาทำกรรมใส่ตัวกลั้วมลทิน
จนเลื่องลือทั้งบ้านสะท้านเมืองฟุ้งเฟือ่งเขาตำหนิติฉิน
ไม่พอที่อึงมี่ทั้งแผ่นดินไม่คิ่นวินชาอุลามก
จะผูกเวรกันไยไปเถิดเจ้าอันความเก่าเจ้าอย่าได้วิตก
เหมือนหนึ่งสัตว์พลัดตกลงนรกเรายกให้แล้วเจ้าอย่ากลัว
นางสร้อยฟ้าได้ฟังทั้งสองว่าสมควรแล้วเจ้าข้าพ่อทูนหัว
กราบขุนแผนพลันตัวสั่นรัวแล้วลาน้องผัวมาทันใด ฯ
๏ จึงเข้าในห้องศรีมาลากอดเอาบาทาร่ำร้องไห้
ครั้งนี้มีกรรมจะจำไกลแม่ข้าไหว้ค่อยอยู่ให้จงดี
แม่เจ้ามีคุณทูลขอไว้หาไม่จะบรรลัยไปเป็นผี
คุณของแม่หนอในข้อนี้จะใส่ในเกศีคุ้มวันตาย
วันนี้แล้วแม่จะแลลับไปแล้วหรือจะกลับมาได้ง่าย
ข้าวของน้องนี้มิเสียดายช่วยถวายพระสงฆ์ส่งส่วนบุญ
ถ้ารออดไปได้ถึงเมืองเชียงใหม่พี่น้องก็จะได้ช่วยอุดหนุน
มาคิดอยู่แต่แม่มีคุณได้พึ่งบุญแล้วมิได้จะทดแทน
แม้นว่ามิตายไปภายหน้าคงจะกลับลงมาเป็นมั่นแม่น
ลูกจะได้ก้มหน้ามาทดแทนอย่าคุมแค้นลูกเลยจะลาไป ฯ
๏ ครานั้นฝ่ายนางศรีมาลาตอบคำสร้อยฟ้าหาช้าไม่
แม้นข้าคุมแค้นแน่นใจที่ไหนจะไปทูลขอมา
จะแทนบุญคุณไปทำไมมีข้านี้มิได้ปรารถนา
สงสารลูกในท้องของสร้อยฟ้าข้าจะเอาแต่บุญไม่ขุ่นเคือง
ข้าวของที่อุทิศจะทำให้ผ้าขาวนั้นไซร้จะย้อมเหลือง
จอกขันข้าวของอยู่นองเนืองจะเป็นเครื่องบริขารเจือจานไป
สร้อยฟ้าฟังนางศรีมาลายกมือโมทนาแล้วกราบไหว้
พระคุณแม่เป็นล้นพ้นไปไม่ผูกภัยก่อกรรมที่ทำมา
ถ้าแม้นทำได้ให้ส่วนบุญครึ่งหนึ่งอุดหนุนแทนตัวข้า
อภัยโทษโปรดเถิดจะขอลาผิดพลั้งแต่หลังมาอย่าเป็นเวร
ที่ลูกทำวุ่นให้ขุ่นเคืองเป็นเรื่องลงมาจนตาเถร
แต่วันนี้จงระงับดับเวรนางประเคนพานข้าวตอกดอกไม้
ศรีมาลารับแล้วขอสมาส่งให้สร้อยฟ้าหาช้าไม่
สร้อยฟ้ารับสมาแล้วว่าไปแม่ปลงใจเถิดหนาอย่าแคลงคลาง ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมนางสร้อยฟ้าสมานางศรีมาลาแล้วเยื้องย่าง
ครวญคร่ำร่ำไรไปเรือนนางทอดตัวลงกลางที่นอนพลัน
เรือนเจ้าเอ๋ยเคยอยู่มาหลายปีล้วนของดีสารพัดให้จัดสรร
เครื่องแป้งแต่งตั้งไว้ครบครันฉากกั้นเตียงที่นอนอ่อนละไม
คิดถึงผัวคิดถึงตัวจะตกยากจะจำจากเปลี่ยวจิตคิดหวั่นไหว
คิดถึงเคยเชยชื่นกับหมื่นไวยยิ่งคิดไปเยงจะดิ้นสิ้นชีวิต
นางแข็งขืนกลืนโศกกำสรดไว้จะอยู่ช้าไม่ได้ด้วยกลัวผิด
เพราะโทษทัณฑ์ตัวนั้นถึงชีวิตต้องจำจิตจำจากจะพรากไป
จึงจัดแจงเงินทองของดีดีเอาลงใส่ในที่กระทายใหญ่
อีกทั้งผ้าผ่อนท่อนสไบที่เต็มรักจึงได้เลือกเอามา
จัดแล้วออกมาสั่งข้าไทไปถอยเรือมาไว้ที่หน้าท่า
ขนานอ้ายรับคำแล้วอำลาเอาเรือประทุนสามวามาจอดไว้
อีไหมขนของขลุกบรรทุกเรือพริกเกลือเชิงกรานข้าวสารใส่
เครื่องครัวสิ่งของสำรองไปสร้อยฟ้าคลาไคลลงเรือพลัน ฯ
๏ พระไวยเปิดหน้าต่างข้างตีนท่าแลเห็นสร้อยฟ้าเจ้าโศกศัลย์
ขนานอ้ายกับอีไหมไปด้วยกันถอยหัวเรือหันออกแจวไป
รื้อคิดความหลังด้วยยังรักสงสารนักนางน้องเจ้าท้องไส้
จะลำบากยากเย็นเข็ญใจต้องเดินดงพงไพรไกลกันดาร
ได้ยินเสียงร้องไห้ไปแจ้วแจ้วสนั่นแนวคงคาน่าสงสาร
โอ้ว่ากรรมเราทำแต่ก่อนกาลมาประหารให้กำจัดจึงพลัดพราย
แม้นไม่เกรงอาญาฝ่าธุลีไหนแก้วพี่จะจากไปง่ายง่าย
ถึงเจ้าผิดก็คิดแสนเสียดายโอ้ว่าสายสุดสงวนไม่ควรเป็น
เหลียวชะแง้แลตามเจ้าทรามเชยจนเรือเลยลับแหลมแลไม่เห็น
น้ำตาตกอาบซาบกระเซ็นตั้งแต่นี้จะไม่เว้นวายคะนึง
หับหน้าต่างย่างเข้ามาในห้องลงนอนตรองตรมจิตเฝ้าคิดถึง
ให้อัดอั้นตันใจดังใครกรึงแต่รำพึงจนม่อยผล็อยหลับไป ฯ
๏ จะกล่าวถึงสร้อยฟ้าขนานอ้ายบ่าวนายสามคนกับอีไหม
รีบแจวมาตามแนวชลาลัยเลยบ้านป้อมไปหัวสะพาน
อยู่อ่างทองสองคนกับสองวันแล้วพากันผ่านพ้นตำบลบ้าน
ถึงบางแก้วแจวมาไม่ช้านานพอสุริย์ฉานเย็นยั้งอยู่บางแมว
ชาวเรือเหนือใต้ครั้นใกล้ค่ำก็จอดเรียงเคียงลำเป็นทิวแถว
หุงข้าวต้มแกงแสงไฟแววครั้นสุกสิ้นกินแล้วเล่ากันอึง
ว่ามีจระเข้ยาวราวเส้นเศษสำแดงเดชลอยขวางกลางน้ำขึง
เมื่อจะขึ้นคลื่นลมระดมตึงอีกตัวหนึ่งนั้นยาวสักเก้าวา
แม้นเรือใครพลบค่ำไปลำเดียวปะที่เปลี่ยวแล้วเข้าไล่เอาซึ่งหน้า
กัดตะกูดแจวหักเสียหนักมาแต่มิได้เห็นว่ากินผู้คน ฯ
นางสร้อยฟ้าจอดเรืออยู่ริมเขาได้ยินเล่าหัวพองสยองขน
ร้องไห้โฮว่าโอ้ข้อยนี้จนไหนจะพ้นจระเข้จะขบตาย
เรือที่ขี่มาก็เล็กนักแต่คลื่นหนักก็จะล่มลงจมหาย
โอ้ครั้งนี้น่าที่จะวอดวายนางกลิ้งเกลือกเสือกกายไม่สมประดี ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเณรกับเถรขวาดองอาจล่องหนเที่ยวด้นหนี
เป็นจระเข้เที่ยวเร่ในวารีอยู่ที่หัวย่านบ้านนางแมว
ครั้นค่ำก็ทำสีหนาทขึ้นผุดผาดลอยล่องเล่นคล่องแคล่ว
นัยน์ตาลุกเป็นไฟอยู่ไวแววเรือแจวออกกลาดไม่อาจไป
คับคั่งจอดดูอยู่ท้ายคุ้งเห็นเรือมุงแกก็เมียงเข้ามาใกล้
จะฟังข่าวสร้อยฟ้าว่าอย่างไรพอได้ยินร้องไห้เข้าไปฟัง
ก็รู้เที่ยงว่าเสียงเจ้าสร้อยฟ้าแกว่ายมาดำด้นขึ้นบนฝั่ง
แล้วกลายเพศจระเข้เดินเซซังเจ้าเณรจิ๋วตามหลังตรงลงมา
จึงร้องเรียกไปนางไหมเอ๋ยอย่าช้าเลยถอยเรือรับเร็วหวา
กูคือเถรกับเณรทั้งสองราหนีมาได้รอดไม่วอดวาย ฯ
๏ นางไหมแลไปบนตลิ่งเห็นจริงจำได้ด้วยเดือนหงาย
ลุกขึ้นถอนหลักแล้วชักพายวาดท้ายเข้ารับด้วยฉับไว
เถรเณรย่างลงในเรือพลันเห็นนางสร้อยฟ้านั้นนั่งร้องไห้
จึงเล่าความแต่ต้นจนปลายไปรูปรอดมาได้ด้วยวิชา
ล่องหนออกพ้นที่จองจำลงน้ำเป็นจระเข้มาคอยท่า
ฟังข่าวราวเรื่องเจ้าสร้อยฟ้าจะมรณาหรือรอดตลอดไป
เสียงร้องไห้จำได้ขึ้นมาหาเหตุไฉนจึงมาถึงนี่ได้
ต้องเป็นโทษนี่โปรดประการใดจะไปไหนสามคนซุกซนมา ฯ
๏ สร้อยฟ้าได้ฟังเถรขวาดถามก็เล่าความตามสัตย์ไม่มุสา
ว่าเดิมพระภูมินทร์ปิ่นประชาให้หาไปถามเอาความจริง
ว่าข้าคบกับเณรเถรเฒ่าทำให้ผัวมัวเมาต้องยุ่งยิ่ง
ข้าให้การแก้เกี้ยวเลี้ยวท้วงติงว่าความจริงชุมพลกับศรีมาลา
ร่วมรักทำชู้ข้ารู้แน่จึงไปยุพ่อแม่มากล่าวหา
ไม่มีพยานด้วยกันทั้งสองราพระพันวษาจึงสั่งให้ลุยไฟ
เพราะเราทำชั่วจึงแพ้เขาพระปิ่นเกล้าสั่งให้ฆ่าให้ตักษัย
ดีเพราะลูกในครรภ์ไม่บรรลัยจึงโปรดให้ไล่เสียจากพารา
ก็ตั้งจิตคิดจะขึ้นไปเชียงใหม่ดีใจพบพระคุณบุญหนักหนา
ได้เป็นเพื่อนเหมือนช่วยซึ่งชีวาเจ็บไข้จะได้มาเห็นหน้ากัน
ว่าพลางทางสั่งขนานอ้ายให้คัดท้ายถอยเรือมาจากนั่น
เถรเณรก็ไปในเรือนั้นช่วยกันแจวถ่อต่อขึ้นไป
๏ เถรขวาดหวาดหวั่นพรั่นวิญญาณ์เห็นเรือตำรวจตรวจตราขึ้นล่องไขว่
อีกทั้งพวกด่านทางวางร้านไฟเขาจับได้ครั้งนี้มิเป็นการ
จึงไปชักหักกิ่งหิงหายผีเสกด้วยเวทฤาษีปลอมแปลงสาร
ปักหัวเรือไปมิได้นานให้ชาวด่านเห็นเป็นคนอื่นไป
ผ่านปางน้ำบางพุทราคลาเคลื่อนเลยเลื่อนข้ามย่านบ้านน้อยใหญ่
ไม่มีใครทักทายสบายใจค่ำหยุดเช้าไปไม่รั้งรา
เดือนหนึ่งมาถึงเมืองระแหงเอาเรือจอดเกยแห้งไว้หน้าท่า
ขึ้นเดินบกต่อไปในพนาน่าสงสารสร้อยฟ้านั้นสุดใจ
นางไม่เคยยาตราในป่ากว้างค่อยค่อยย่างเยื้องย่องด้วยท้องไส้
ต้องแดดแผดลมระงมไปเจ้าหวั่นไหววิเวกอยู่วังเวง
สนั่นเสียงสิงห์เสือเนื้อกวางฝูงช้างหักพงอยู่โผงเผง
ชะนีบ่างค่างลิงวิ่งปะเลงโดดแหยงลงดินดิ้นงักงัก
เสียงผาโผนผกตกภูเขาน้ำลายเลียเข้าก็หายหัก
หมาในวิ่งไล่ตามพยัคฆ์หมายจักกินเนื้อที่เหลือเดน
ถึงช่องแคบพอตะวันนั้นเย็นลงอัสดงฟ้าแดงดังแสงเสน
เอาใบไม้มาซ้อนแล้วอ่อนเอนตาเถรภาวนาพากันนอน
พระจันทร์กระจ่างกลางอากาศดูโอภาสจำรัสประภัสสร
รอบเดือนเกลื่อนกลาดดารากรน้ำค้างปรายรายร่อนอ่อนลออ
ต้องพรรณดอกไม้ที่ในป่ากลีบผกาเบิกบานตะการช่อ
หอมระรื่นลมชายค่อยหายท้อแต่ใจคอห่วงหลังยังตรอมตรม
คิดถึงพระไวยอาลัยนักเสียดายรักร่วมจิตสนิทสนม
ถนอมน้องมิให้หมองในอารมณ์ไม่พอที่จะนิยมให้ยากกาย
น้อยใจใจชั่วนี้เหลือแสนมาผูกแค้นทำเขาเฝ้ามั่นหมาย
เพราะตัวผิดแทบชีวิตจะวางวายให้กลัดกลุ้มฟูมฟายฝ่ายน้ำตา
แต่ร้องไห้ไม่หลับจนรุ่งเช้าเถรเฒ่าตื่นลุกขึ้นล้างหน้า
กับเณรจิ๋วหิ้วบาตรไปยาจนาตามบ้านป่าได้ข้าวเหนียวมาเจียวท้อง
มาก็นานข้าวสารเสบียงสิ้นต้องหากินตามยากจากบ้านช่อง
แต่พากันเดินไปด้วยใจปองพอได้สองเดือนครึ่งถึงพารา ฯ
๏ มาช้าจะกล่าวบทไปถึงศรีมาลายาใจเสนหา
ท้องแก่จะคลอดซึ่งลูกยาญาติกาห้อมล้อมอยู่พร้อมกัน
ท่านย่าทองประศรีบนผีสางได้ยินศรีมาลาครางแกตัวสั่น
เรียกหาข้าไทอยู่งกงันอ้ายนั่นออนี่อึงมี่ไป
เร็วเข้าเขาจะคลอดมึงอย่าช้าฟืนตองซื้อมาเอาไว้ไหน
เด็กเอ๋ยตั้งหม้อก่อเตาไฟน้ำร้อนต้มไว้อย่าได้ช้า
ขมิ้นส้มมะขามน้ำมันดิบสูหยิบมาตำขยำหวา
ออไวยไปไหนไม่เห็นมาอย่าช้าเสกน้ำสะเดาะที ฯ
๏ พระไวยเสกน้ำให้เมียกินแล้วเอารินรดใส่เกศี
เดชะพระเวทวิเศษดีลูกที่ในครรภ์ก็คลอดมา
เป็นชายเฉิดโฉมประโลมลักษณ์อวบอ้วนน่ารักเป็นหนักหนา
ย่าทวดทองประศรีรับรี่มาอาบน้ำแล้วทาขมิ้นพลัน
เรียกบ่าวเอาผ้าที่เนื้อดีทำกระโจมทันทีขมีขมัน
เบาะเมาะวางรองป้องกันใส่กระด้งลงพลันกล่อมให้นอน
ส่วนข้างนางศรีมาลาแม่ท่านย่าแกก็ให้เข้าไปก่อน
ขมิ้นแห้งฝนทากินยาร้อนให้ลูกอ่อนกินนมแล้วชมไป
สามเดือนโกนหัวให้ลูกชายญาติกาทั้งหลายทำขวัญให้
เสมาปะวะหล่ำกำไลขุนแผนเอามาให้แก่หลานยา
พระไวยว่ากับพระกาญจน์บุรีจะให้ชื่อไรดีคุณพ่อขา
ให้สมกับเค้ามูลตระกูลมาท่านทวดว่าชื่อแก้วแลแววไว
ขุนแผนจึงให้ชื่อว่าพลายเพชรเอาเคล็ดนามปู่เป็นผู้ใหญ่
ญาติวงศ์ยินยอมพร้อมใจก็อยู่ได้เป็นสุขสนุกสบาย ฯ
๏ จะกล่าวถึงฝ่ายข้างนางสร้อยฟ้าท้องแก่หนักหนาเจ็บใจหาย
ญาติวงศ์พร้อมหน้ามารอบกายคลอดง่ายเป็นชายงามโสภา
ประพิมพ์ประพายคล้ายกับพระหมื่นไวยพระเจ้าตารักใคร่เป็นหนักหนา
นางนมพี่เลี้ยงประทานมาให้พิทักษ์รักษาทุกราตรี
แล้วจัดแจงแต่ของจะทำขวัญเครื่องกระยาสารพันทั้งบายศรี
ให้ประโคมดุริยางคดนตรีพราหมณ์ชีพฤฒามาอวยชัย
จึงสั่งให้โหราพฤฒาจารย์เร่งคูณหารดวงชะตาหาฤกษ์ให้
จะตั้งนามตามวงศ์ตระกูลไทยฤกษ์ดีวันไรให้บอกมา
ครั้นถึงวันดีเป็นศรีวันพระญาติวงศ์พร้อมกันมาถ้วนหน้า
เจ้าเชียงใหม่ให้นามแก่นัดดาให้ชื่อว่าพลายยงพงศ์นพรัฐ
แล้วประทานข้าไทให้ใช้สอยเพชรพลอยเครื่องประดับสำหรับกษัตริย์
ทั้งเงินทองของเล่นสารพัดชมเชยเสวยสวัสดิ์ทุกวันไป ฯ
             

ตอนที่ ๔๓ จระเข้เถรขวาด

๏ จะกล่าวถึงเถรขวาดฉลาดเวทกระเดื่องเดชเชียงอินทร์แผ่นดินไหว
แต่รับนางสร้อยฟ้ามาเวียงชัยเปรียบดังไกรสรราชที่อาจอง
ด้วยเจ้าลาวยกย่องสนองคุณมีบุญยิ่งกว่าบรรดาสงฆ์
เป็นที่สังฆราชามลาว์วงศ์ดำรงวัดพระธาตุราชอาราม
ถวายเครื่องยศอย่างสังฆราชตลกบาตรตาละปัตรพัดย่าม
ล้วนปักหักทองขวางสำอางงามขี่เรือม่านคานหามกั้นสัปทน
เจ้าเชียงใหม่ให้ลาวเป็นเลกวัดเปลี่ยนผลัดเข้าเดือนอยู่เกลื่อนกล่น
สานุศิษย์ใหญ่น้อยสักร้อยคนแต่เณรจิ๋วนั้นเป็นต้นต่างหูตา
อยู่กุฎีสี่หลังดังตำหนักตะละตึกคึกคักแน่นหนา
อัฒจันทร์ชั้นตั้งเครื่องบูชาล้วนเครื่องแก้วกะหลาป๋าปากเลี่ยมทอง
กระจกใหญ่ใส่เสาเข้าทุกทิศหน้าต่างติดกระจกซุ้มคันฉ่อง
เตียงจีนตีนตั้งสิงโตทองเครื่องประดับสำหรับห้องก็พร้อมเพรียง ฯ
๏ วันหนึ่งจึงพระสังฆราชเถรฉันเพลแล้วออกไปในเฉลียง
สานุศิษย์หมอบกลาดดาดระเบียงเอนตนลงบนเตียงพนักทอง
ยกหมอนขวานอิงพิงกับอกหยิบกระจกกะหลาป๋าเอามาส่อง
เลือดฝาดขึ้นหน้าเป็นนวลละอองผิวผ่องเปล่งปลั่งกำลังดี
เหลือบแลเห็นแผลหน้าผากยับรอยเมื่อชุมพลจับสับด้วยกระบี่
ฉุนโกรธขึ้นมาพลันในทันที***ดีละจะเล่นให้เห็นกัน
จะลงไปกรุงศรีอยุธยาจับมันเข่นฆ่าให้อาสัญ
ผลุดลุกจากเตียงเหวี่ยงหมอนพลันงกงันเข้าไปในกุฎี
จับจีวรห่มดองแล้วครองผ้าร้องเรียกศิษย์หาอยู่อึงมี่
เณรพรมฉวยร่มกับพัชนีเณรสีตะพายย่ามตามอาจารย์
พวกเลกวัดจัดวอมารอท่าเถรขวาดยาตรามางุ่นง่าน
ขึ้นวอหลังคาสีตะลีตะลานหามลัดตัดบ้านเข้าวังใน
ถึงประตูหูช้างที่ข้างหน้าลงจากวอเดินมาหาช้าไม่
ขึ้นบนตำหนักพลันด้วยทันใดแล้วสั่งให้ไปทูลเจ้าสร้อยฟ้าฯ
๏ ครานั้นสร้อยฟ้ายาใจอยู่ในตำหนักจันทน์หรรษา
เลี้ยงบุตรสุดสวาทไม่คลาดคลาจนลูกยาพลายยงเจริญวัย
พอสาวใช้ไปแถลงแจ้งคดีพระครูมาที่ตำหนักใหญ่
ก็จูงลูกพลายยงตรงออกไปนิมนต์ให้สังฆราชนั่งอาสนะ
ถวายเภสัชตะบันแล้ววันทาเจ้าคุณอุตส่าห์มาสาธุสะ
มานี่ด้วยมีกิจธุระหรือว่าจะประโยชน์สิ่งอันใด ฯ
๏ เถรขวาดถอนใจถวายพรว่าทุกข์ร้อนรูปนี้มีข้อใหญ่
ทุกวันนี้ภายนอกดอกเป็นใยแต่ภายในชอกช้ำทุกค่ำเช้า
จะขบฉันอันใดก็เต็มกลืนผวาตื่นอกใจให้ร้อนเร่า
ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่บรรเทาเห็นจะเข้าอติสารอาการตาย
รูปมาหมายจะลาองค์เจ้าแม่ไปคิดแก้ทุกข์ร้อนพอผ่อนหาย
อย่าห้ามไว้ให้ชีวันอันตรายโฉมฉายได้เมตตาแก่อาจารย์ ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมนางสร้อยฟ้าได้ฟังเถรขวาดว่าน่าสงสาร
ฉันถวายตัวมาก็ช้านานมีเหตุการณ์จงเล่าให้เข้าใจ
ที่ห้ามปรามแต่หลังเคยรั้งเหนี่ยวก็ครั้งเดียวเมื่อจะลงไปเมืองใต้
จะแก้แค้นขุนแผนกับพระไวยห้ามไว้เพราะสงสารเจ้าพลายยง
ด้วยกลัวลูกชายกำพร้าพ่อจึงได้ขอร้องห้ามความประสงค์
ถ้ามิให้พระไวยนั้นปลดปลงจะลงไปก็ตามแต่ความคิด ฯ
๏ ครานั้นท่านสังฆราชาได้ฟํงนางว่าก็สมจิต
ค่อยกระถดเข้าไปให้ใกล้ชิดกระซิบว่าข้านี้คิดอยู่ค่ำเช้า
ยังแค้นใจอ้ายชุมพลมิรู้สิ้นมันดูหมิ่นมากมายให้อายเขา
แต่เกิดมายังมิให้ใครดูเบาจะให้มันทำเปล่าก็เต็มที
ถ้ามิได้ทดแทนให้แค้นหายจะชอกช้ำจำตายไปเป็นผี
จึงหมายว่าจะแกล้งแปลงอินทรีย์เป็นกุมภีร์ลงไปในอยุธยา
จะทำเสียให้วุ่นขุ่นทั้งกรุงเอาให้ยุ่งถึงสมเด็จพระพันวษา
อันคนดีที่ไหนใครจะมาคงอาสาแต่อ้ายพลายชุมพล
จะล่อมันลงน้ำทำให้ถนัดขบกัดตามสบายให้ตายป่น
ถ้าได้เสร็จสมหมายวายกังวลจะได้อยู่เมืองบนสบายใจ
อันตรงที่พระนายของพลายยงรูปหาคิดปลิดปลงชีวิตไม่
เข้ามาหวังว่าจะลาไปจงอวยชัยให้สำเร็จเจตนาฯ
๏ ครานั้นสร้อยฟ้านารีฟังเถรยินดีหัวร่อร่า
ด้วยอาฆาตชุมพลแต่ไรมาพอเถรว่าก็เหมือนเกาเข้าที่คัน
ถ้าคุณห่าอ้ายชุมพลคนนี้ได้จะขอบคุณเหมือนให้ไปสวรรค์
คุณจะเอาสิ่งใดจะให้ปันเว้นแต่ดาวเดือนตะวันแลจนใจ
แล้วตัวคุณนั้นชราอย่าประมาทอ้ายชุมพลเก่งกาจเป็นไหนไหน
ครั้งมันแกล้งแปลงมารบพระไวยมันยังไล่บุกป่ามาแต่ตัว
เจ้าอุบายถ่ายเทก็ไม่เล่นเคยเห็นมันปลอมล้อมท่านขรัว
หากคุณเป็นอย่างยอดจึงรอดตัวถ้าชั่วก็คงยับไม่กลับมา ฯ
๏ เถรขวาดตอบว่าแม่อย่าพรั่นมิให้มันทำร้ายให้ขายหน้า
ถึงตัวแก่อย่างนี้แลสีกาแต่ฝ่ายข้างทางวิชายังว่องไว
คราวนั้นไม่รู้ตัวมัวกินเหล้ามันจึงเข้ามาตะครุบเอาไปได้
ถ้าคนอื่นหมื่นพันก็บรรลัยถึงรูปพลาดพลั้งไปไม่เสียที
ได้เล่นกันซึ่งหน้าแล้วอย่าพรั่นต่อให้มันขี่คอทั้งพ่อพี่
จะทำเสียให้เห็นเป็นภัสม์ธุลีถ้าไม่ดีแม่อย่ารับเอากลับมา
พรุ่งนี้อาตมาจะลาไปด้วยว่าได้ฤกษ์เก้าเป็นเสาร์ห้า
จะรีบตรงลงไปอยุธยาสำเร็จกิจกลับมาอย่าช้านาน ฯ
๏ เถรขวาดรับคำแล้วอำลาค่อยอยู่เถิดสีกากับพลายหลาน
ผุดลุกจากที่ตะลีตะลานออกทวารขึ้นวอจรจรัล
ศิษย์ถือร่มย่ามตามมาปร๋อเลกวัดหามวอขมีขมัน
ครู่หนึ่งมาถึงกุฎีพลันขึ้นอัฒจันทร์เยื้องย่องเข้าห้องใน
ผลัดผ้าไตรกองครองผ้าเก่าร้องเรียกเจ้าเณรจิ๋วเข้ามาใกล้
เอ็งคอยดูศิษย์หาอย่าตกใจกูจะไปอยุธยาธานี
ไปแก้แค้นแทนทดอ้ายพลายชุมพลจะทำเสียให้ป่นจนเป็นผี
สมคิดแล้วจะมาไม่ช้าทีในสิบห้าราตรีจะกลับมา
อยู่หลังกูจะสั่งให้เสร็จสรรพคอยระวังนั่งนับวันไว้ท่า
ถ้าเห็นการนานเนิ่นเกินสัญญาอย่าช้าตามไปให้ทันที ฯ
๏ ครานั้นเณรจิ๋วคนฉลาดฟังเถรขวาดนึกพรั่นขวัญหนี
นี่อย่างไรพระครูอยู่ดีดีจะวิ่งรี่ตั้งหน้าไปหาภัย
คิดพลางทางตอบพระอาจารย์จะฮึกหาญไปอย่างนี้หาดีไม่
อ้ายชุมพลคนคะนองว่องไวเราเคยได้เห็นชัดถนัดตา
ฤทธิ์เดชเวทมนตร์กลใดใดที่พระครูทำได้มันไวกว่า
คนดีไม่สิ้นอยุธยาอย่าชะล่าใจนักจักเสียที
เมื่อแก่เฒ่าเข้าเรือนแปดสิบปลายแสนสบายยศศักดิ์ก็ถึงที่
อยู่ไปได้อีกสักกี่ปีถึงเพียงนี้ไม่รู้จักรักสบาย
นั่งกินนอนกินจนสิ้นชีวิตใครควรคิดพยาบาทมาดหมาย
จะไปไยให้ยากลำบากกายอยู่ตายในเชียงใหม่ได้เข้าเมรุ ฯ
๏ เถรขวาดฟังว่านั่งหน้านิ่วทุดอ้ายจิ๋วขี้ขลาดประมาทเถร
ถืออ้ายพลายฝ่ายเดียวเจียวเจ้าเณรกูไม่จัดชัดเจนหรือออย่างไร
ถึงมีฤทธิ์เรี่ยวแรงแข็งเป็นเหล็กมันก็เด็กเล็กลูกกระหำใส
มันจะรู้ลุกซึ้งถึงเพียงใดปากไอยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
เพราะมึงขลาดพลาดให้มันจับตัวเลยหดหัวกลัวมันเป็นกุ้งต้ม
หากกูเมางัวเงียเสียอารมณ์ว่าคาถาอาคมจึงฟั่นเฟือน
ถ้าดีอยู่อย่านี้แล้วที่ไหนจะฟันให้คอขาดอยู่กลาดเกลื่อน
เอ็งอยู่ดูกุฎีสักครึ่งเดือนถ้าเห็นช้าอย่าเชือนรีบตามไป ฯ
๏ เณรจิ๋วขนพองสยองหัวนึกกลัวเถรขวาดไม่อาจห้าม
ประนมมืออวยพรอ่อนตามให้สมความคิดไว้ไปเถิดซิ
ไชยะให้ชนะพลายชุมพลให้เล่ห์กลสมหวังดังดำริ
ให้ฟุ้งเฟื่อเรืองฤทธิ์ประสิทธิฉันจะอยู่กุฎิต่างหูตา ฯ
๏ พระครูเถรฟังเณรอนุญาตถูกใจสังฆราชหัวร่อร่า
ด้วยคราวนั้นเถรขวาดขาดชะตาให้นึกว่าได้ทีไม่มีแพ้
จึงหยิบเครื่องรณรงค์ยงยุทธ์สายตะกรุดประคำทองของเก่าแก่
มงคลคุ้มเสนียดประเจียดแพรปรอทแร่เครื่องรางอย่างสำคัญ
ยัดใส่ย่ามน้อยห้อยหัวไหล่ผลัดสบงทรงสไบเข้าให้มั่น
ห่มดองแล้วคาดราตคดพันตรงเข้าที่อัฒจันร์วันทาลา
จับไม้เท้าก้าวเยื้องขยับกายเห็นจิ้งจกตกตายลงต่อหน้า
นกแสกแถกเสียดศีรษะมาหลวงตานิ่งขึงตะลึงคิด
เอ๊ะอย่างไรท่าทางเป็นลางร้ายระงับกายกลับนั่งลงตั้งจิต
หลับตาร่ายคาถาแก้นิมิตขยับยืนยักทิศไปอุดร
ก้าวลงอัฒจันทร์ถึงชั้นล่างงูเห่าลางเลื่อยฟู่ชูหัวร่อน
แผ่แม่เบี้ยขวางทางหนทางจรเถรเห็นสังหรณ์เป็นลางร้าย
กอดอกยกเมฆดูนิมิตก็วิปริตเป็นรูปคนหัวหาย
จะยกต่อคอแขนไม่ติดกายเถรสำคัญมั่นหมายไม่คืนมา
ครั้นจะถอยสร้อยฟ้าจะว่าขลาดเป็นชาติลูกผู้ชายตายดาบหน้า
กัดฟันกลั้นใจแล้วไคลคลาตรงเข้าป่าช้าด้วยทันที
ขัดสมาธิ์สมาธิตั้งมั่นปลุกเสกเลขยันต์น้ำมันผี
ครั้นสำเร็จเสร็จแสร้งแปลงอินทรีย์รูปตาชีก็หายกลายเป็นแร้ง
สองเท้าถีบดินบินกระโชกหางโบกหัวเกลี้ยงเหนียงแกว่ง
ปากมุ้มมู่ทู่สองหูแดงลมแรงร่อนมุ่งกรุงอยุธยา ฯ
๏ โผลงตรงเหนือเมืองอ่างทองพอเยื้องคลองบางแมวเป็นแนวป่า
แร้งหายกลายรูปเป็นหลวงตาลงนั่งนิ่งภาวนาร้อยแปดที
เสกไม้เท้าต่อหางที่กลางหัวแล้วเอาบาตรสวมหัวเข้าเร็วรี่
เผ่นโผนโจนผางกลางนทีก็กลายเป็นกุมภีร์มหิมา
เขี้ยวขาวยาวออกนอกปากโง้งฟาดโผงร้องเพียงเสียงฟ้าผ่า
โตใหญ่ตัวยาวสักเก้าวาขึ้นวิ่งร่าหลังน้ำด้วยลำพอง
ท่านผู้ฟังถ้วนหน้าอย่าสงสัยเดิมจะได้ตั้งย่านเป็นบ้านช่อง
เพราะเถรขวาดแปลงกายร้ายคะนองจึงเรียกบ้านจระเข้ร้องแต่นั้นมา
เดี๋ยวนี้มีหลักแหล่งแขวงอ่างทองบ้านช่องเป็นปึกแผ่นยังแน่นหนา
ตั้งนามตามนิทานเพราะขรัวตาจึงได้ปรากฏตำบลจนทุกวัน ฯ
๏ ครานั้นกุมภาหลวงตาขวาดเอาหางฟาดเอยฝังดังสนั่น
ใหญ่ยาวราวพระยาชาละวันครื้นครั่นสนั่นก้องลำพองกาย
เหล่าจระเข้าเก่าเป็นเจ้าถิ่นบ้างมุดดินซ่อนตัวซุกหัวหาย
บ้างลงหนองหนีตัวด้วยกลัวตายบ้างตะกายขึ้นบกมุดรกไป
พ้นบ้านตลาดกรวดรวดเร็วมาควายช้างขวางหน้าเข้าไม่ได้
ฟาดฟันกัดตายก่ายกันไปเลยไล่ร่องน้ำลงมา
ครู่หนึ่งถึงหน้าเมืองอ่างทองโบกหางครางร้องคะนองร่า
พอชาวบ้านลงตะพานมาล้างปลาเข้าคาบคร่าลงน้ำแล้วดำทวน
โบกหางวางทะลึ่งขึ้นครึ่งกายชูศพขึ้นถวายพระอิศวร
คาบผีรี่มาที่หน้าจวนฟัดฟาดขาดด้วนกระเด็นไป
รั้วแขวงกรมการชาวบ้านช่องวิ่งร้องตัวสั่นอยู่หวั่นไหว
เห็นจระเข้คาบคนบนบันไดเอาออกไปฟาดผางกลางคงคา
ฝูงคนบนตลิ่งวิ่งสอสอมดหมออยู่ไหนก็ไปหา
หมอที่มีมีครูงูงูปลาปลานึกจะมาแทงเล่นอย่างเช่นเคย
ที่หมอเก่าเข้าใจไปห้ามกลุ้มเมินเสียเถิดเจ้าหนุ่มเหล่านี้เอ๋ย
จระเข้นี้ใหญ่อย่าไปเลยเอาคางเกยก็จะล่มจมน้ำไป
เหมือนอย่างคำบุราณท่านย่อมว่าถ้าสามวาแล้วมีฤทธิ์นิมิตให้
นี่มันเกินสามวากว่าขึ้นไปเวทมนตร์เห็นจะไม่ถึงใจมัน
อ้ายลางคนเห็นจริงวิ่งกลับมาได้ยินว่านึกกลัวจนตัวสั่น
ลางคนเชื่อฝีมือยังดื้อดันถึงชาละวันก็เล่นจะเป็นไร
ถือขนักหยักรั้งนั่งหัวเรือคนข้างท้ายพายเรือหาหยุดไม่
จระเข้ท่องฟ่องฟูคอยดูใจพอเข้าใกล้เพื่อนก็พุ่งผลุงกระท้อน
ซ้ำใส่เข้าอีกเล่มให้เต็มแรงจระเข้แว้งเอาชนักหักสองท่อน
สิ้นชนักชักหอกตอกกะดอนจระเข้ย้อนกลับมาอ้าปากแดง
เรือหมอพายมาสามวาปลายกับคนพายห้าเล่มล้วนเข้มแข็ง
จระเข้งับปับเดียวด้วยเรี่ยวแรงทั้งเรือคนป่นเป็นแป้งเข้าปากไป
เรือคนหกนายพายห้าเล่มยังไม่เต็มแก้มดีกุมภีล์ใหญ่
เอาไปดำสำรอกเสียทันใดกดลงไว้ใต้น้ำดำเลยมา
ผู้คนบนตลิ่งวิ่งสอสอเห็นจระเข้กินหมอเสียหนักหนา
ต่างคนย่นย่อไม่รอราฉาวฉ่าไปทุกแห่งแขวงอ่างทอง
เขมรมอญลาวชาวป่าดอนลือกระแอนไปทั้งหมดสยดสยอง
ไม่อาจลงอาบน้ำในลำคลองจระเข้ล่องเลยมาในสาคร ฯ
๏ ถึงที่เปลี่ยวเหลียวดูไม่เห็นเรือนค่อยค่อยเลื่อนลอยไปเหมือนไม้ขอน
ถ้าเห็นบ้านเรือนคนที่บนดอนก็ทำอิทธิฤทธิ์รอนเข้ารุกราน
พอจวนรุ่งเที่ยวมาหาที่เปลี่ยวเถรเที่ยวบิณฑบาตที่บนบ้าน
ได้จังหันฉันแล้วตะลีตะลานโจนลงชลธารเป็นกุมภา
ถ้าบ้านไหนเถรได้บิณฑบาตบ้านนั้นเป็นอันขาดไม่เข่นฆ่า
ไม่รีบค่อยค่อยลอยล่องมาปรารถนาจะให้เรื่องนั้นเลื่องลือ
ถึงบ้านแหแร่ร้องก้องกระหึ่มรางควานพึมพูดกันสนั่นอื้อ
ครั้นมาถึงย่านบ้านสะตือก็มุดน้ำดำทื่ออยู่ใต้น้ำ
พอชาวบ้านเลิกนากลับมาเรือนลงล้างเปื้อนที่ตีนท่าอยู่คลาคล่ำ
เถรก็ผุดผลุดโผล่ขึ้นจากน้ำตะกายย่ำขึ้นบนโคลนโจนกระโจม
เข้าไล่คนปากกัดหางฟัดฟาดทำอำนาจราชศักดิ์เข้าหักโหม
ได้สามคนคาบตรงลงน้ำโครมถาโถมถีบดำล่องน้ำไป
ทำอำนาจฟาดฟัดกัดขบซ่อนศพเสียทั้งสิ้นหากินไม่
ขบกัดขัดเสียที่รากไรแล้วเลยไล่ล่องน้ำร่ำตะบึง
เที่ยวท่องล่องโร่มาโพธิ์สระปะหลวงตาบิณฑบาตฟาดดังผึง
ขบกัดสะบัดเถรขึ้นเลนตึงบนตลิ่งวิ่งอึงทั้งหญิงชาย
เรือแพใหญ่น้อยถอยเข้าคลองไม่อาจล่องลอยน้ำระส่ำระสาย
พ่วงกันพันพัวด้วยกลัวตายจระเข้ร้ายถึงย่านบ้านระกำ
มาถึงนั่นตะวันพอตกบ่ายเข้าไล่ควายลงท่าออกคลาคล่ำ
จระเข้ท่องล่องลอบมาใต้น้ำดำลอดไปทะลึ่งขึ้นกึ่งกลาง
ควายเปลี่ยวเลี้ยวขวิดด้วยเขาขวับจระเข้งับคอขาดฟาดด้วยหาง
คาบควายว่ายวู่ชูลูกคางสะบัดขว้างขึ้นบกตกลงโคลน
คนบนบกหกล้มลงจมเลนจระเข้ขึ้นบกทำผกโผน
เข้าไล่คนบนตลิ่งวิ่งออกโชนถึงท้ายคุ้งพุ่งโจนลงน้ำครืน
ทำอำนาจฟาดหางอยู่กลางน้ำโผมุดผุดดำน้ำเป็นคลื่น
คนบนบกหกล้มลงทั้งยืนกำลังตื่นวิ่งทะลึ่งออกตึงตัง ฯ
๏ มาถึงบางเทวาท้ายป่าโมกจระเข้โบกหางหันเข้าแฝงฝั่ง
ที่นั่นน้ำลึกนักตระพักพังเข้าเฟือยฟังแยบคายอยู่ท้ายวัด
เป็นเทศกาลชาวบ้านมาไหว้พระเสียงเอะอะเรือแพออกแออัด
แข่งกันไปมาอยู่หน้าวัดบ้างซัดเพลงปรบไก่ใส่เพลงเรือ
นางสาวสาวโอ่อวดประกวดกันห่มสีสันม่วงไหมล้วนใส่เสื้อ
เอาโตกตั้งทั้งคู่อยู่ท้ายเรือบ้างปูเสื่อปูหนังตั้งหมอนอิง
เจ้าหนุ่มหนุ่มรักสนุกมาทุกบ้านดาดเพดานโลดลำทำสุงสิง
ปูเสื่ออ่อนหมอนขวางมาตั้งอิงพายเที่ยวเกี้ยวผู้หญิงรอบรอบไป
เรือเจ้าพวกขี้เมาขวดเหล้าวางโต๊ะจีนตั้งกลางเอาแกล้มใส่
เอาดอกดาวเรืองร้อยห้อยหูไว้ล้วนแต่ตัดผมใหม่ใส่ขาวม้า
เจ้าเณรพระสงฆ์ลงเรือดขนยาวโกรนเกรียวกราวอยู่ฉาวฉ่า
ยังพวกนางสาวสาวชาวแม่ค้าผัดหน้ากันไรใส่เสื้อแพร
ขายกล้วยทอดส้มขนมจีนเอาโตกตีนช้างตั้งไว้แต่งแง่
ผู้คนบนวัดก็อัดแอเรือพ่วงกันเป็นแพออกแซ่เซ็ง
พวกหัวไม่ลอยชายออกกกรายกรีดเหน็บมีดขวานคร่ำทำก๋าเก่ง
เข้าในวัดยัดเยียดเบียดตะเบ็งสาวสาวกลัวนักเลงลงนาวา ฯ
             

๏ ครานั้นกุมภาขรัวตาขวาดเห็นเรือดาดไปทั้งแดนออกแน่นหนา
ออกจากเฟือยเลื้อยดำใต้น้ำมาทะลุถลาโลดโผงผางขึ้นกลางคน
ตื่นตะกายปากกัดหางฟัดฟาดตัวขาดคอพับลงยับย่น
เกรียวกรัดหวีดวิ่งออกอลวนโจนประจญเรือล่มจมระเนน
ปะแม้ค้าขนมจีนฉวยตีนลากมันเคยปากร้องว้ายควายตาเถร
โดดขึ้นบนตลิ่งวิ่งร้องเกนลุยเลนผ้าหลุดฉุดแต่ชาย
จระเข้ตรงเข้าในวงเพลงครึ่งท่อนผู้หญิงทิ้งผ้าผ่อนล้มนอนหงาย
สิ้นสติลืมตัวด้วยกลัวตายเวยวายวิ่งเม้าเป็นเต่านา
พวกเจ้าเพลงผู้ชายก็วายวุ่นโดดผลุนวิ่งแต้ทั้งแก้ผ้า
อารามกลัวโทงเทงปุเลงมาโดนเอานางเต่านาเข้าต้ำปึง
หญิงล้มชายคะมำคว่ำลงไปผลักไสเหวี่ยงวางอยู่ผางผึง
หญิงดิ้นชายดันกันตะบึงรู้สึกกายอายทะลึ่งไปจากกัน
จระเข้คาบได้นางแม่ค้าทำศักดาโดดดำแม่น้ำลั่น
อมแต่หัวตัวออกไว้นอกฟันคนบนบกอกสั่นทุกคนไป
จระเข้คาบผู้หญิงวิ่งแหวกว่ายชูถวายพระอิศวรทวนน้ำไหล
เห็นแต่คนก้นขาวเท้าแกว่งไกวจนใจไม่อาจแก้แต่สักคน ฯ
๏ จระเข้ล่องมาทางบางโผงเผงเห็นฝูงเป็ดฟาดเป้งลงตายป่น
ผุดดำร่ำมาในสาชลจนกระทั่งบ้านกุ่มซุ่มในรก
นางสาวสาวชาวบ้านมาอาบน้ำขรัวตาดำเข้าไปโผล่โผผงก
หวีดผวาผ้าหลุดมุดเข้ารกเอามือปกเป็นจับปิ้งวิ่งขึ้นตะพาน
จระเข้ไม่ทำดำต่อมาคนระอาออกชื่อลือทุกบ้าน
ล่องเลยลงมาหน้าบางบานตรงเข้าบ้านผีมดกดเอากระบือ
อ้ายมะเดื่อเงื้อถ่อขึ้นแทงปราดจระเข้ฟาดหัวเด็ดกระเด็นปรื๋อ
อีเม้ยโดดดิ้นแหยวแจวหลุดมือร้องอึงอื้ออุยย่ายตะกายกะกุย
ถึงหัวตะพานกบเจาเข้าบ้านตึกไล่สะอึกเอาผู้หญิงวิ่งผ้าลุ่ย
ลงลุยเลนเบนว่ายกระจายกระจุยโคลนมันดูดปรุกปรุยเปรอะทั้งกาย
ความกลัวกุมภาประดาเสียปลกเปลี้ยตีนอ่อนลงนอนหงาย
ข้างเจ้าผัวกลัวเมียจะล้มตายมือตะกายเสือกก้นขึ้นบนดอน ฯ
๏ ตั้งแต่อ่างทองสองฟากท่ากลัวกุมภาทั่วหมดสยดสยอน
เรือแพก็ขยาดไม่อาจจรลือกระฉ่อนชาวบ้านสะท้านใจ
มดหมอมาดูก็สั่นหัวด้วยเห็นตัวกุมภานั้นโตใหญ่
แต่ชั่วปู่ชั่วย่ามาแต่ไรก็ยังไม่เคยเห็นเหมือนเช่นนี้
โจษกันจอแจออกแซ่ซ้องเถรก็ล่องมากระทั่งถึงกรุงศรี
ฟาดฟันกัดคนเป็นภัสม์ธุลีชาวบุรีเล่าลืออื้ออึงไป
แล้วเลยลงมาหน้าบ้านป้อมแกคอยด้อมดอดฉวยเอาคนได้
ขบกัดขัดเสียที่รากไทรแล้วเลยไล่เรือมาภูเขาทอง
คนเห็นกุมภานั้นกล้าหาญชายหญิงวิ่งพล่านทุกบ้านช่อง
ถึงแพเจ๊กจอดหน้าท่าการ้องขึ้นคาบเมียเจ๊กจ๋องเจ้าน้ำมัน
อ้ายผัวร้องไอ๊หยาวิ่งมาช่วยจระเข้ฉุดเจ๊กฉวยบั้นเอวมั่น
จนผ้าผ่อนล่อนลุ่ยจากพุงพันอ้ายผัวหันหน้าจ้องร้องไห้งอ
จระเข้เถรเห็นเจ๊กมันร้องไห้นึกขันกลั้นไม่ได้ก็หัวร่อ
พอปากอ้าเจ๊กคร่าไม่รารอเมียก็พอหลุดได้ไม่ถึงตาย
จระเข้ลงจากแพแร่เร็วมาพบแม่ค้าคอนของมาร้องขาย
พอร้องเหนอผุดเถ่อขึ้นข้างท้ายตีนตะกายปากกัดฟัดระยำ
เรือนางญวณยืนแจวแหยวแหยวมาจระเข้คว้าแจวปับงับขย้ำ
แว้งผางหางฟาดลงกลางลำญวณคะมำล้มอักคร่อมหลักแจว
ทะลุมิดติดหลังชักไม่ไหวเลือดไหลรินรินลงดิ้นแด่ว
อ้ายเจ้าผัวตกประหม่าตาแบ้งแบวร้องแต่แจ๊วกำจุ่นหมุนในเรือ
ชาวเรือแพชุลมุนวุ่นวายจระเข้ฉิบหายร้ายกว่าเสือ
ใครไม่อาจค้าขายลงพายเรือเรือเหนือใหญ่น้อยถอยเข้าคลอง
จระเข้เถรเห็นคนพากันกลัวขึ้นลอยตัวผ่านมาหน้าบ้านช่อง
แว้งหางกลางน้ำทำคะนองลอยล่องเลยมาหน้าตำหนักแพ
พวกข้าราชการสะท้านใจเจ๊กลาวแขกไทยก็เซ็งแซ่
ริมตลิ่งเยียดยัดอยู่อัดแอตำรวจแร่วิ่งเหย่าเข้าวังใน
บ้างตรงมาที่ศาลาลูกขุนไปกราบเรียนเจ้าคุณท่านผู้ใหญ่
ว่ามีกุมภีล์กล้าเหลือใจมาเที่ยวไล่นาวาหน้าโรงเรือ
มันยาวใหญ่ได้ประมาณสักสิบวาลือข่าวเล่าว่ามาแต่เหนือ
เที่ยวกินสัตว์กัดคนจนเป็นเบือเห็นโตเหลือเกินขนาดชาติกุมภา ฯ
๏ ครานั้นท่านเจ้าคุณอธิบดีได้ยินว่ากุมภีล์นั้นเหลือกล้า
กระทำฤทธิ์กินคนจนพาราต้องกราบทูลพระกรุณาฝ่าธุลี
คิดพลางทางนุ่งผ้าสมปักชักผ้ากราบพลันขมันขมี
เข้าท้องพระโรงพลันอัญชลีกราบทูลพระภูมีมิได้ช้า
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงเดชปิ่นปักนัคเรศนาถา
บัดนี้เกิดมีซึ่งกุมภาลงมาแต่เหนือว่าเหลือร้าย
แต่ศีรษะยาวกว่าห้าศอกเศษทำฤทธิ์เดชกินคนเสียมากหลาย
เข้ามาลอยล่องลำพองกายขึ้นว่ายทวนคงคาหน้าโรงเรือ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์สำคัญคิดว่ากุมภามาแต่เหนือ
เที่ยวกินสัตว์กัดคนป่นเป็นเบือมันใหญ่เหลือขนาดชาติกุมภีล์
ละไว้ไพร่บ้านพลเมืองจะขุ่นเคืองยับยุ่งทั้งกรุงศรี
จึงดำรัสตรัสสั่งอธิบดีให้หาหมอกุมภีล์ที่สำคัญ
ทั้งหมอหลวงเชลยศักดิ์ให้หนักหนาช่วยกันจับกุมภามาห้ำหั่น
ใครจับได้กูจะให้ซึ่งรางวัลอย่าให้มันหนีได้ไปเดี๋ยวนี้ ฯ
๏ ท่านเจ้าคุณผู้ใหญ่ได้รับสั่งบังคมคล้อยถอยหลังออกจากที่
สั่งกรมเมืองพลันในทันทีให้หาหมอกุมภีล์ที่สำคัญ
กรมเมืองรีบมาเที่ยวหาหมอสอสอหมอมาขมีขมัน
ดีใจอยากได้ซึ่งรางวัลสำคัญว่ากุมภีล์ที่เคยแทง
เอาเครื่องคาดพุงนุ่งสนับเพลาราตคตคาดเข้าให้เข้มแข็ง
มงคลสวมศีรษะทะมัดทะแมงถือชนักกวัดแกว่งลงนาวา
พร้อมกันทันทียี่สิบลำเหนือน้ำใต้น้ำขนานหน้า
ประนมมือถือชนักนั่งจังกาภาวนาสาดน้ำร่ำเข้าไป ฯ
๏ ครานั้นกุมภาหลวงตาขวาดไม่ขยาดอาคมหาจมไม่
ดูหมอมันจะมาทำท่าอย่างไรแกล้งลอยฟูดูใจไม่ไหวตัว
พวกหมอออกขยาดไม่อาจใกล้เห็นยาวใหญ่ให้ขยั้นสั่นหัว
เขี้ยวงอกกลอกตาดูน่ากลัวบ้างโย้ตัวเยื้องพุ่งแต่ไกลไกล
กูพุ่งเอ็งพุ่งเสียงผลุงผลังกระทบหนังกระท้อนเปล่าหาเข้าไม่
เปลี่ยนลำพุ่งซ้ำกระหน่ำไปเถรแกล้งนิ่งไว้ให้สิ้นชนัก
หมอเห็นจระเข้นิ่งยิ่งเข้าใกล้ชักหอกแทงไปจนกั่นหัก
ไม่เข้าหนังสักนิดผิดใจนักราวกับพุ่งซุงสักสิ้นกำลัง ฯ
๏ ครานั้นกุมภาหลวงตาเวทสำแดงเดชโดดปราดฟาดปั๋งปั๋ง
แว้งวัดฟัดขย้ำด้วยกำลังเรือแตกพังระทมล่มทุกลำ
ชุลมุนหมุนกลมดังลมกรดพวกหมอมดทั้งหลายลงว่ายคล่ำ
แว้งผางหาวฟาดขาดระยำตายระทมจมน้ำสิ้นทุกคน
ฝูงคนบนตลิ่งทั้งหญิงชายเห็นพวกหมอทั้งหลายตายเกลือนกล่น
สยดสยองพองหัวทุกตัวคนจระเข้ไม่ฟังมนตร์เห็นพ้นคิด
พวกขุนนางน้อยใหญ่ที่ไปดูก็เต้นอยู่บนตะพานสะท้านจิต
บ้างก็วิ่งมาเฝ้าเจ้าชีวิตกราบทูลมูลกิจพระโองการ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชทราบเหตุว่ากุมภานั้นกล้าหาญ
มดหมอมากมายก็วายปราณดูอาการวิปริตผิดท่วงที
จระเข้อะไรใหญ่หนักหนาอาจองลงมาจนถึงนี่
สิ้นมือหมอมดหมดธานีไม่เคยเห็นเช่นนี้แต่ก่อนมา
กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกจมื่นไวยเฮ้ยอย่างไรกุมภีล์นี้เหลือกล้า
เอ็งสิเป็นคนดีมีวิชาจะคิดอ่านเข่นฆ่ามันอย่างไร ฯ
๏ ครานั้นพระไวยวรนาถชาญฉลาดตรึกตราหาช้าไม่
จระเข้นี้มีฤทธิ์เห็นผิดใจจะมิใช่กุมภาที่สามัญ
อย่าเลยจะกราบทูลแลองเปิดช่องให้ชุมพลคนขยัน
ให้ได้มีความชอบประกอบครันติดแล้วเท่านั้นก็ทูลไป
ขอเดชะพระองค์ทรงธรณีจระเข้จริงเช่นนี้หามีไม่
ทำศักดากล้าหาญชาญชัยทั้งโตใหญ่เกินขนาดชาติกุมภา
จะเป็นจระเข้มนตร์ของคนร้ายจึงฆ่าหมอล้มตายเสียหนักหนา
จะให้พลายชุมพลผู้น้องยาไปพิเคราะห์กุมภาดูสักที ฯ
๏ ได้ทรงฟังสั่งซ้ำมาบัดดลเอออ้ายพลายชุมพลเข้ามานี่
แต่ถวายตัวมาก็หลายปียังไม่มีธุระจะได้ใช้
มึงก็เป็นพงศ์เผ่าเหล่าทหารดูลาดเลาเอาการจะใช้ได้
คราวจับเถรทดลองก็ว่องไวเมื่อพ่อให้ก็บอกว่ามึงดี
อ้ายกุมภากล้าคนพ้นประมาณไล่สังหารผู้คนเสียป่นปี้
อย่านอนใจลงไปดูสักทีว่ามันเป็นกุมภีล์ชนิดไร ฯ
๏ ชุมพลรับโองการคลานถอยหลังรีบออกจากวังหาช้าไม่
มาถึงตำหนักแพแลลงไปเห็นจระเข้าโตใหญ่มหิมา
ฟูฟ่องล่องลอยอยู่หลังน้ำทำทีอาการเห็นหาญกล้า
เจ้าพลายเพ่งพินิจพิจารณาเห็นผิดเพศกุมภาตามธรรมเนียม
เหมือนชาติไก่กับงูดูตีนเห็นเป็นจระเข้วิชาการจึงหาญเหี้ยม
เข้าใจว่าใครไม่รู้เทียมทีเลียมมาจะเล่นอยุธยา
ครั้นแจ้งประจักษ์ตระหนักใจก็รีบไปทูลองค์พระพันวษา
ขอเดชะพระองค์ทรงฤทธาเห็นมิใช่กุมภาในวารี
มันเป็นจระเข้มนตร์คนมารยาแปลงมาลองทหารในกรุงศรี
จึงมิได้ย่อท้อหมอกุมภีล์เห็นจะเป็นคนดีมามั่นคง
ถ้าทรงพระกรุณาข้าพระบาทอนุญาตโปรดตามความประสงค์
จะขอรับอาสาฝ่าบาทบงสุ์ลงไปรบรับจับมันมา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟังทรงพระสรวลร่วนดังอยู่เริงร่า
กระนั้นสิอ้ายชุมพลคนวิชาต้องอาสาทำชอบน่าขอบใจ
ถ้าจับได้ไอ้จระเข้ตัวสำคัญกูจะให้รางวัลเป็นไหนไหน
อ้ายพี่ชายอย่าช้าพากันไปพ่อมันนั้นไซร้ก็อยู่กรุง
ช่วยกันเตรียมเครื่องอานการสู้รบไปคอยกูที่แพแต่ย่ำรุ่ง
เล่นมันให้ลือเลื่องเฟื่องฟุ้งพรุ่งนี้กูจะลงไปดู ฯ
๏ ครานั้นพี่น้องทั้งสองนายกราบถวายบังคมลามาทั้งคู่
บ่าวไพร่ตามหลังมาพรั่งพรูออกประตูไปบ้านพระกาญจน์บุรี
ครั้นถึงจึงแจ้งข้อรับสั่งเล่าให้พ่อฟังเป็นถ้วนถี่
เดี๋ยวนี้มีกุมภากล้าฤทธีมาไล่คนจนที่หน้าโรงเรือ
มดหมอเท่าไรที่ไปทำมันฟาดล่มจมน้ำไม่มีแหลือ
แล้วขบกัดฟัดตายเสียเป็นเบือชุมพลดูรู้เชื่อว่าคนแปลง
ได้ช่องน้องชุมพลจึงอาสารับจะจับกุมภาที่กล้าแข็ง
โปรดให้บอกคุณพ่อช่วยขอแรงตกแต่งชุมพลไปราวี ฯ
ครานั้นขุนแผนแสนสนิททราบรับสั่งนิ่งคิดเป็นถ้วนถี่
แล้วชวนลูกว่าอย่าช้าทีมาไปที่บ้านพระไวยไปด้วยกัน
ครั้นถึงจึงสั่งศรีมาลาให้จัดหาบัตรพลีทุกสิ่งสรรพ์
เครื่องอานเรียกหาเอามาพลันแป้งน้ำมันกระแจะเจิมเฉลิมพักตร์
ที่ในห้องหอจมื่นไวยให้จัดธูปเทียนไว้ดอกไม้ปัก
มีดหมอเปลี่ยนปลอกหอกชนักพร้อมพรักเรียบเรียงไว้เคียงกัน
ให้ชุมพลชำระสระสนานขุนแผนอ่านคาถาเสกอาถรรพ์
ลูบไล้ว่านยาทาน้ำมันคงกระพันเขี้ยวงาสารพัด
พอแสงทองพวยพุ่งจะรุ่งเช้าชุมพลเข้าหอพระที่สงัด
นิ่งนั่งบริกรรมทำอาพัดอัดใจเป่าปลุกเครื่องสาตรา
เดชะพระเวทวิทยาการสะเทื้อนสะท้านด้วยฤทธิ์พระคาถา
ชุมพลเห็นประสิทธีก็ปรีดาจึงแต่งตัวลงมาที่หน้าเรือน
ขุนแผนพระไวยพลายชุมพลทั้งสามคนรีบมาข้าตามเกลื่อน
ตรงมาตำหนักแพไม่แชเชือนอยู่ริมเขื่อนคอยองค์พระทรงธรรม์ ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ปัจจามิตรเกรงเดชทุกเขตขัณฑ์
สถิตแท่นแม้นมหาเวชายันต์เสมอชั้นบัณฑุกัมพล์อมรินทร์
สาวสุรางค์นางบำเรอเสนอนาถบำรุงราชรู้เชิงบันเทิงถวิล
นางสำรับขับเพลงบรรเลงพิณบำเรอปิ่นปถพีให้ปรีดา
ครั้นรุ่งเช้าเสร็จทรงสรงสนานนางอยู่งานตั้งเครื่องกันพร้อมหน้า
ทรงระลึกนึกถึงเรื่องกุมภาดำรัสว่าวันนี้จะลงแพ
ดูชุมพลมันประจญจับกุมภีล์นางพวกนี้จะไปอย่าให้แซ่
พระสั่งเสร็จเสด็จลงสู่แพตำรวจแห่สองข้างทางกระบวน
ถึงประทับกับเกยเลยลีลาศขึ้นสู่อาสน์พระองค์ทรงพระสรวล
ขุนนางราบกราบก้มบังคมควรทุกถ้วนล้วนเหล่าท้าวพระยา
พวกท้าวนางต่างพากันลงไปพวกนางในพร้อมหมดไม่ขาดหน้า
พระวงศาข้าละอองรองบาทาทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายในไปพร้อมกัน
จึงตรัสว่าฮ้าเฮ้ยจมื่นไวยอ้ายชุมพลอยู่ไหนอย่างไรนั่น
พระไวยให้เรียกชุมพลพลันคลานมาอภิวันท์ข้างพระไวย
รับสั่งถามเป็นกระไรอ้ายชุมพลจะจับจระเข้มนตร์ได้หรือไม่
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงชัยถ้าไม่ได้เกล้ากระหม่อมก็ยอมตาย
เออกระนั้นสิว่าให้น่าฟังมึงทำให้ได้ดังที่มาดหมาย
ถ้าแม้นมึงฆ่ากุมภาตายอ้ายพลายเป็นรวยด้วยรางวัล ฯ
๏ พลายชุมพลคำนับรับสั่งถอยหลังลุกมาขมีขมัน
ให้ถอยแพเข้ามาที่ท่าพลันอภิวันท์กราบงามลงสามรา
อธิษฐานนมัสการพระเป็นเจ้าจงปกเกล้าคุ้มภัยให้แก่ข้า
คุณพระรณีพระคงคาคุณบิดามารดาจงคุ้มภัย
ก้าวลงแพคนแลละลานจิตต่างคิดกลัวหมดสยดสยอง
ที่ผู้ใหญ่ให้พรออกแซ่ซ้องที่สาวแส้แลจ้องไม่วางตา ฯ
๏ ครานั้นโฉมเจ้าพลายชุมพลฤทธิรณเหลือดีมีสง่า
โหงพรายรายรอบทั้งกายาให้ปล่อยแพออกมาที่กลางชล
อ่านคาถาพระสยมภูวนาถลำเลิกชาติกุมภามาแต่ต้น
โปรดกำหราบสาปให้อยู่เมืองคนและประทานพระมนตร์ปราบกุมภา
โอมอ้ายนักกระผุดอย่านิ่งนานกูหรือคือพระกาฬจะมาฆ่า
พระอิศวรท่านใช้ให้กูมาผลาญเอาชีวามึงขึ้นไป
โอมอ้ายนักระผุดตัวไหนกล้าจงเร่งผุดขึ้นมาอย่าช้าได้
เสกข้าวสารปะรางควานแล้วซัดไปมึงกบดานอยู่ทำไมไอ้กุมภีล์
พรายใดที่ได้อยู่รักษาอย่าช้าถอยไปให้พ้นที่
เสกน้ำซ้ำสาดไปทันทีพรายเถรต่างหนีลี้หลีกไป ฯ
๏ ครานั้นกุมภาขรัวตาขวาดแกไม่อาจกบดานนิ่งอยู่ได้
เห็นชุมพลบนแพแลขึ้นไปจริงเหมือนนึกตรึกไว้ก็ยินดี
อ้ายชุมพลมาให้ดังใจคิดกูจะเอาชีวิตให้เป็นผี
แกผุดฟ่องล่องลอยหลังนทีพระพันปีแลตะลึงเป็นช้านาน
ผู้คนบนแพห้ามไม่หยุดมันถอยรุดลงมาจนหน้าฉาน
ที่ข้างในโขลนไล่ตะลีตะลานช่างหน้าด้านนี่กระไรไม่มีฟัง
เมื่ออยากดูแล้วก็นั่งจงฟังห้ามรูปงามงามสันจะลายเสียดายหลัง
ดูยิ่งห้ามยิ่งกล้าว่าไม่ฟังนางชาววังเหล่านี้ไม่มีอาย ฯ
๏ ครานั้นชุมพลคนกล้าเห็นกุมภาผุดขึ้นดังใจหมาย
ผุดเหนือน้ำมันจะทำอันตรายอันแสนร้ายนี่มันรู้ว่ากูมา
จึงเสกด้ายสายสิญจน์เข้าสามเส้นขะมักเขม้นพันมือไว้คอยท่า
มีดหมอเหน็บมั่นกับกายาถือชนักตั้งท่าจะชิงชัย ฯ
             

๏ ครานั้นขรัวตาวิชาดีได้ทีโถมมาหาช้าไม่
แพชุมพลดังจะล่มลงจมไประลอกใหญ่แต่ละลูกถูกกระเด็น
เสียงซ่าคนแซ่แพแทบหักคึกคักตั้งตาคอยเขม้น
พวกจ่าโขลนร้องด่าอีหน้าเป็นช่างทะเล้นนี่กระไรไม่ลื้นเลย
ชาวประชามาดูอยู่สลอนเขมรมอญพวกพม่าเสียงหวาเหวย
ญวณกะเหรี่ยงเจ๊กฝรั่งยังไม่เคยไหนว่าเฮ้ยมึงกล้าก็มาดู
นางเทวดาอายเอียงเสียงแปร่งแปร่งแมงขะแวงเฉมะราฉามะหลู
เจ้าบอญว่าอาละกูลทิ้งปูนพรูลาวบ่ฮู้หันข้อยยั่นจริง
ผู้คนมากมายหลายภาษาบ้างยืนนั่งตั้งตาริมตลิ่ง
เจ๊กกับแขกมันทะเลาะกันเพราะพริ้งเสียงหนุงหนิงเหนอหนาน่าเอ็นดู
เจ้าแขกว่าเมาะโมหะโยเปาะเจ๊กทำเลาะอั๊วละไหม่ไอ้มู่ทู่
พอจระเข้ขึ้นก็ตื่นพรูยัดเยียดเบียดดูริมวารี ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพลายชายชุมพลฤทธิรณสามารถดังราชสีห์
เห็นกุมภามาใกล้ก็ได้ทีแทงกุมภีล์ดังฉาดเลือดสาดไป
จระเข้เถรถูกแทงก็แว้งหางเสียงโผงผางแพป่นไม่ทนได้
ชุมพลตกจากแพคนแซ่ไปพระทรงภพตกพระทัยพันทวี
ดำรัสร้องว่าอ้ายไวยอย่างไรหวาอ้ายกุมภาทับชุมพลลงกับที่
พวกขุนนางตกใจใช่พอดีพระไวยกราบสามทีแล้วทูลไป
ชุมพลไม่แพ้แก่กุมภาสักประเดี๋ยวคงคร่าขึ้นมาได้
พวกขุนนางต่างนึกไม่ไว้ใจพวกข้างในเสียงแซ่แลตะลึง
สงสารสาวคราวรักชุมพลนั้นให้พรั่นพรั่นหวั่นไหวอาลัยถึง
บ้างซ่อนหน้าร้องไห้ใจคะนึงพ่อพลายเมื่อไรจึงจะขึ้นมา ฯ
๏ ครานั้นโฉมเจ้าพลายชุมพลมุดน้ำดำทนด้วยคาถา
ชักมีดหมอต่อสู้กับกุมภาข้างขรัวตาหักโหมโจมประจัญ
เอาหางฟาดฉาดรับด้วยมีดหมอแกแว้งขบหลบล่อแล้วห้ำหั่น
เถรกดชุมพลกอดต้นคอพลันเถรผุดชุมพลรันขึ้นขี่คอ
พระทรงภพตบพระเพลาเอาสิหวาให้มันกล้าอย่างนี้สิลูกพ่อ
เอาให้มันสัจจังอย่ารั้งรอพวกขุนนางต่างหัวร่อพลายชุมพล
ขุนแผนนั่งตั้งตากับพระไวยพวกข้างในวิ่งดูอยู่สับสน
เสียงคนฮาลั่นสนั่นชลผู้ดีปนขี้ข้าไม่ว่าไร
พวกข้าหลวงต่างมองแล้วร้องมี่พ่อชุมพลหล่อนช่างขี่จระเข้ได้
บ้างก็ว่าน่ากลัวมันสุดใจทั้งยาวใหญ่ดูราวสักเก้าวา
ฝ่ายโขลนจ่ามาห้ามมิให้แซ่นี่แม่แม่อึงไปเขาจะด่า
ดูอะไรเขาให้ดูแต่ตาอย่ามาฮาอยู่ที่นี่รีบหนีไป ฯ
๏ ครานั้นเถรขวาดชาติกุมภีล์ชุมพลขี่อยู่บนหลังหาลงไม่
แกแว้งเหวี่ยงเบี่ยงสะบัดด้วยขัดใจชุมพลได้ทีแทงด้วยแรงฤทธิ์
ฉับฉับยับย่อยล้วนรอยแทงจนน้ำแดงดาดไปด้วยโลหิต
จระเข้เถรเหลือทนก็พ้นคิดพลางนิมิตด้วยพระเวทวิทยา
อ่านคาถาถ้วนคำรบร้อยแปดทีเพศกุมภีล์ก็กลับเป็นมัจฉา
ชุมพลหายกลายเป็นสกุณาเที่ยวดำด้นค้นปลาในวารี
คนที่ดูพรูตื่นยืนสะพรั่งตำหนักแพเจียนจะพังลงกับที่
พระสนมกำนัลพวกขันทีอึงมี่แซ่ซ้องริมท้องชล ฯ
๏ ฝ่ายว่าพระองค์ผู้ทรงศักดิ์รับสั่งซักพระนายเป็นหลายหน
อย่างไรนั่นมันหายทั้งสองคนอ้ายชุมพลแพ้ชนะประการใด
พระไวยตาจ้องดูน้องชายรู้แยบคายไม่พะวงสงสัย
จึงทูลว่าไพรีแปลงหนีไปชุมพลนั้นแปลงไล่ไปติดตัว
พอขาดคำก็เห็นเถรแปลงใหม่เป็นช้างงาตัวใหญ่มิใช่ชั่ว
ขึ้นไล่คนแตกมาดูน่ากลัวฝ่ายชุมพลแปลงตัวเป็นเสือพลัน
ตามขึ้นบนตลิ่งวิ่งไล่ช้างโดดผางเกาะงวงเข้าไว้มั่น
ช้างสะบัดเสือกระเด็นเผ่นมาทันพอช้างหันเสือปุบตะครุบคอ
พวกคนดูบ้างกลัวมัวจะหนีบ้างยืนอยู่กับที่ไม่ย่นย่อ
เสือเกาะได้ถนัดกัดที่คอจนช้างงองวงร้องออกก้องไป
พวกขุนนางต่างพากันฮาลั่นพระทรงธรรม์ยังพะวงสงสัย
เสือหรือช้างข้างเราหาออไวยขอรับใส่เกล้ากระหม่อมพยัคฆา
เสือกัดช้างป่นจนยืนนิ่งช้างหายกลายเป็นลิงไปต่อหน้า
ชุมพลก็แกล้งแปลงกายากลายเป็นงูเง่ากล้าเข้าราวี
ฝ่ายพวกคนดูรู้ว่าแปลงต่างแทรกแซงจะดูอยู่ไม่หนี
ใครหนอแปลงเป็นลิงทำสิงคลีถ้ามันดีก็ไม่พ้นชุมพลงู
ลิงสู้งูขบทบกระหวัดงูรัดเอาลิงลงกลิ้งอยู่
ลิงก็หายกลายเป็นขรัวตาครูชุมพลหายจากงูเป็นคนไป
สองมือรวบรัดมัดเถรขวาดอ้ายอุบาทว์นึกว่ามาแต่ไหน
แล้วพามาหน้าที่นั่งในทันใดบังคมไหว้คอยสดับรับโองการ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงศักดิ์ปิ่นปักอยุธยามหาสถาน
เห็นได้ตัวเถรมาหน้าพระลานตบพระหัตถ์ฉัดฉานประภาษมา
เออมันน่าขอบใจอ้ายชุมพลช่างกล้าหาญทานทนเป็นหนักหนา
ความชอบครั้งนี้มีเต็มประดาเอาเถิดหวาจะให้มึงให้ถึงใจ
แล้วทรงขัดเคืองชำเลืองแลทุดอ้ายแก่โกโรกโหยกเหยกใหญ่
นี่มันเป็นชีบาประสาไรเที่ยวกัดกินคนได้ผิดมนุษย์
ตั้งหน้ามาเล่นเอากรุงไกรดูกำเริบเติบใหญ่เป็นที่สุด
คงเป็นพวกทรยศคดประทุษฐ์อุดหนุนกันให้แกล้งจำแลงมา
ฮ้าเฮ้ยจมื่นศรีเสาวรักษ์เอาอ้ายเถรไปซักให้หนักหนา
อย่ากลัวบาปติดไม้ใส่ขื่อคาเอาให้ได้ความว่ามาทำไม
จะมีใครใช้สอยมันมาแน่บ้านช่องช่องแขวมันอยู่ไหน
ตัวของมันชื่อเรียงเสียงไรเหตุใดจึงแกล้งแปลงอินทรีย์
สั่งแล้วเบือนพระพักตร์มาทักว่าดูราพระกาญจน์บุรีศรี
อ้ายลูกชายพลายชุมพลคนนี้ไม่เสียทีเลี้ยงไว้ให้กับกู
มันรู้เท่าเจ้าเล่ห์ที่แปลงมาแล้วอาสากล้ารับไปต่อสู้
ได้เห็นฤทธิ์ด้วยกันมันพอดูพอเป็นคู่กับอ้ายไวยใช้การงาน
ตรัสเสร็จพระเสด็จลีลาศจากอาสน์คืนเข้าพระราชฐาน
พวกนางในเสนาข้าราชการก็เข้าวังกลับบ้านสำราญใจ ฯ
๏ ฝ่ายเหล่าชาวประชาพากันกลับคับคั่งโจษกันสนั่นไหว
ชมชุมพลคนดีออกมี่ไปช่างกระไรฤทธิ์เดชวิเศษครัน
อ้ายเถรเฒ่าที่แกล้งจำแลงมามันก็ตัวครูบาที่กล้ากลั่น
เอามดหมอถ่อพายตายตั้งพันเขาขยันมัดกลิ้งเป็นลิงทโมน
งว่ากูดูเพลินจนลืมลุกช่างสนุกจริงจริงยิ่งกว่าโขน
บ้างว่าเห็นงูกูเกือบโจนมันเพนโพนมาใกล้ไม่ถึงวา
ฝ่ายพวกแขกฝรั่งทั้งจีนจามก็เดินชมกันตามเพศภาษา
ไม่เคยเห็นที่ไหนแต่ไรมาแต่เจ๊กกว่าเมืองจีนนั้นเคยมี
เมื่อครั้งเจียงกูแหยแก้กลศึกก็รบกันครั่นครึกกระบวนผี
แต่เป็นการนานช้ากว่าพันปีเราได้เห็นครั้งนี้เป็นบุญตา
ฝ่ายข้างผู้หญิงริงเรือบ่นว่าเบื่อรบพุ่งยุ่งหนักหนา
ให้สียวไส้ไม่ดูได้เต็มตาเวทนาแต่เจ้าพลายชายชุมพล
รูปทรงบอบบางเหมือนอย่างเหลากลัวอ้ายเฒ่าเจ้ากรรมจะทำป่น
บ้างก็ว่าเป็นห่วงถึงบวงบนให้หล่อนพ้นไภยันอันตราย
ที่สาวสาวนิ่งให้ผู้ใหญ่ว่าเดินก้มหน้ากรุ้มกริ่มยิ้มไม่หาย
จะพลอยพูดจาด้วยก็ขวยอายใจคะนึงถึงเจ้าพลายจนมาเรือน ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ราชชาญฉลาดว่องไวใครจะเหมือน
มาจากตำหนักแพไม่แชเชือนร้องเตือนหลายชายพลายชุมพล
จงระวังเถรเฒ่าเจ้ามารยาคุมมาอย่าให้ใครสับสน
แล้วสั่งตำรวจในให้ไล่คนมาจนที่นั่งหลังโรงเรือ
ให้เอาตัวขรัวตาเข้ามาถามมึงบอกความตามจริงอย่าฟั่นเฝือ
ไยจึงมาฆ่าคนจนเป็นเบือใครไว้เนื้อเชื่อใจใช้มึงมา ฯ
๏ ครานั้นขรัวตานั่งหน้าเศร้าแถลงเล่าเสกแสร้งแกล้งมุสา
ไม่มีใครใช้สอยอาตมานึกอยากดูอยุธยาก็มาเอง
พระหมื่นศรีว่าอ้ายนี่ไม่บอกจริงมันกลอกกลิ้งพูดโกงทำโฉงเฉง
ดูพาราฆ่าคนออกครื้นเครงอ้ายแสนเพลงไยไม่ตรงมาดีดี
คงจะมีผู้ใดใช้ลงมาตำรวจเอาหลักคาเข้ามานี่
ตำรวจหน้าพากันวิ่งเป็นสิงคลีปักหลักลงตรงที่โรงเรือพลัน
ทั้งโซ่ตรวนขื่อคาเอามาครบพวกตำรวจเต้นหรบอยู่ตัวสั่น
ผูกเถรขวาดเข้าไว้เร่งไม้พลันห้อมล้อมหลายชั้นทั้งนอกใน ฯ
๏ จึงพระหมื่นศรีผู้ปรีชาตั้งกระทู้ถามมาหาช้าไม่
จงแจ้งความตามจริงอย่านิ่งไว้มึงอยู่ไหนใครใช้ให้มึงมา
เถรเจ็บแจ้งจริงทุกสิ่งสิ้นข้าอยู่เมืองเชียงอินทร์พระเจ้าข้า
เดิมเป็นบ่าวสาวน้อยเจ้าสร้อยฟ้าชื่อว่าเถรขวาดจงแจ้งใจ
ครั้นลงมาอยู่วัดพระยาแมนชุมพลลูกขุนแผนจับมาได้
เขาจะฆ่าฟันให้บรรลัยจึงหนีไปเชียงอินทร์ถิ่นอาตมา
จะมีใครใช้มาหามิได้แค้นใจพลายชุมพลคนจับข้า
จึงได้แกล้งแปลงตัวเป็นกุมภามากรุงศรีอยุธยาในครานี้
ด้วยคาดว่าถ้าใครไม่ต่อสู้ชุมพลรู้คงอาสามาเร็วรี่
ถ้าหลงกลล่อลวงได้ท่วงทีจะกดจมวารีให้บรรลัย
อันที่พระองค์ผู้ทรงยศข้าหาได้คิดคดกบฏไม่
เป็นความสัตย์ทุกสิ่งจริงในใจอันโทษทัณฑ์ฉันใดได้เมตตา ฯ
๏ ครานั้นพระหมื่นศรีมีศักดิ์หัวร่อคักว่าอ้ายแก่แก้หนักหนา
มึงโกรธแค้นชุมพลคนวิชาก็กินคนป่นมาด้วยเหตุใด
มิรู้หรือกำหนดบทพระอัยการฆ่าคนท่านประหารให้ตักษัย
มึงบังอาจทรยศกบฏใจแก้ไขป่วยการล้วนมารยา
แล้วสั่งให้เสมียนเขียนคำเถรพอจวนเพลก็เข้าพระโรงหน้า
เสด็จออกกราบทูลพระกรุณาให้ทราบตามวาจาของตาชี ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชทราบเหตุใคร่ครวญเป็นถ้วนถี่
อ้ายนี่ไหนว่าตายเสียหลายปีเออเดี๋ยวนี้ทำไมไพล่กลับมา
ฮ้าเฮ้ยพระยาอนุชิตช่างปกปิดปดกูได้ต่อหน้า
ว่าเถรเณรครั้งนั้นมรณาเดี๋ยวนี้กลับเป็นมาจะว่าไร
ท่านจางวางตำรวจไม่เงยหน้าเกรงพระราชอาญาจนเหงื่อไหล
กระหม่อมฉันโฉดเขลาเบาใจด้วยผู้คุมยามในว่าวอดวาย
ก็วางใจไม่พินิจพิจารณาให้ไปทิ้งป่าช้าด้วยมักง่าย
ถ้ามิโปรดโทษมีถึงที่ตายทูลแล้วก็ถวายบังคมคัล ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพฟังจบตรัสไปทันใดนั่น
แต่นี้ไปให้ตั้งเป็นแบบบรรพ์ถ้าหากคนโทษนั้นจะบรรลัย
ให้หมายบอกมหาดเล็กแลตำรวจออกไปตรวจเสียก่อนอย่าขาดได้
พร้อมกับกลาโหมมหาดไทยแล้วจึงให้เอาศพไปป่าช้า
แล้วจึงตรัสสั่งเจ้ากระทรวงทั้งลูกขุนศาลหลวงจงพร้อมหน้า
ปรึกษาโทษเถรเฒ่าเจ้ามารยาว่ามาตามกำหนดบทพระอัยการ
ฝ่ายลูกขุนศาลาแลศาลหลวงทุกกระทรงปรึกษาว่าขาน
เถรขวาดโทษมหันต์อันธพาลควรประหารให้สิ้นชีวาลัย
พระองค์ทรงฟังคำปรึกษาพระโองการสั่งมาหาช้าไม่
อ้ายนี่เจ้ามารยาอย่าไว้ใจจงมอบให้อ้ายชุมพลเอาไปฟัน
สั่งเสร็จพระเสด็จขึ้นข้างในนครบาลรีบไปขมีขมัน
หมายบอกรับสั่งพระทรงธรรม์เถรนั้นมอบให้พลายชุมพล ฯ
๏ ครานั้นพระไวยวรนาถพยาบาทขรัวตามาแต่ต้น
อ้ายเถรเฒ่านี้ขลังทั้งเวทมนตร์แน่ะชุมพลอย่าได้วางใจมัน
ขุนแผนส่งฟ้าฟื้นให้ลูกชายทั้งสองนายสั่งกำชับคับขัน
เจ้าจงเป็นเพชฌฆาตฟาดฟันแล้วหัวนั้นเอาไว้ให้จงดี
เมื่อเสียบไว้ให้ผู้คุมคอยรักษาทุกเวลาอย่าประมาทคลาดจากที่
ให้ระวังนั่งยามตามอัคคีพวกมันมีมันจะมาพากันไป
ชุมพลรับสั่งไม่ยั้งหยุดรีบรุดลามาหาช้าไม่
นำหน้าพาเถรตระเวนไปนครบาลนายไพร่ก็คุมตาม
ผู้คนพลเมืองนั้นดาษดื่นแตกตื่นกันดูอยู่ล้นหลาม
ตำรวจตรวจตราว่าห้ามปรามคอยห้ามมิให้เข้าใกล้เคียง
ครั้นถึงตะแลงแกงก็ยั้งหยุดอุตลุดผู้คนไม่ขาดเสียง
ปักหลักมัดเถรนั่งเอนเอียงชุมพลเหวี่ยงดาบฉาดขาดไป
พวกคนผู้มาดูเขาเข่นฆ่าจะมีใครเวทนาก็หาไม่
บ้างว่าสมน้ำหน้าสาแก่ใจพระเถรอะไรมันกินคน
ที่เป็นญาติพี่น้องของคนตายก็ด่าว่าวุ่นวายอยู่เกลื่อนกล่น
แล้วต่างคนคืนสถานบ้านเรือนตนฝ่ายชุมพลสั่งผู้คุมคอยระวัง
ศีรษะเสียบรักษาอย่าประมาทเผื่อคนดีมันจะอาจเข้ามามั่ง
จงพิทักษ์รักษาอย่าได้พลั้งกำชับสั่งเสร็จสรรพแล้วกลับมา ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ทศทิศกลัวแสยงทั้งแหล่งหล้า
สถิตในแท่นที่ศรีไสยาพระสนมดาษดาดังดาวราย
บ้างโบกปัดพัดถวายให้สำราญบ้างอยู่งานนวดเคล้นพระเส้นสาย
บ้างร้องรับขับเสียงจำเรียงรายทรงสบายเบิกบานสำราญฟัง
ครั้นรุ่งแสงสุริยาภาณุมาศสกุณชาติแซ่ซ้องดังเสียงสังข์
เสด็จจากที่สุวรรณบัลลังก์พระสนมหมอบสะพรั่งประนมกร
ทรงชำระสระสรงแล้วทรงเครื่องอร่ามเรืองเนาวรัตน์ประภัสสร
ออกข้างหน้าว่าขานการนครประทับที่บรรจถรณ์บัลลังก์ทรง
พวกขุนนางต่างกราบอยู่พร้อมหน้างามสง่าดังท้าวครรไลหงส์
พร้อมเสนาอำมาตย์พระญาติวงศ์พระองค์ทรงรำพึงถึงชุมพล
ดัวยมันปราบกุมภีล์มีความชอบควรประกอบยศศักด์เป็นพักผล
จะเอาไว้ใช้สอยอีกสักคนแยบยลมันก็คล้ายกับอ้ายไวย
ดำริพลางทางมีสีหนาทตรัสประภาษสั่งมาหาช้าไม่
อ้ายชุมพลทำชอบกูขอบใจอาสาไปไม่เห็นแก่ชีวิต
ความชอบครั้งนี้มีหนักหนาถ้าไม่ได้กุมภาก็จะผิด
ให้มันเป็นที่หลวงนายฤทธิ์จะเอาไว้ใช้ชิดอยู่กับกู
กรมเมืองทหารในไปจัดการหาที่บ้านปลูกเรือนให้มันอยู่
อ้ายไวยเอ็งไปช่วยแลดูมันหนุ่มนักจักไม่รู้เรื่องเรือนชาน
แล้วจึงตรัสสั่งชาวคลังในจัดผ้าสมปักไหมสไบส่าน
ทั้งเงินตราห้าชั่งตั้งใส่พานพระราชทานแล้วเสด็จขึ้นข้างใน ฯ
๏ ครานั้นหลวงนายได้ประทานแสนสำราญยิ้มย่องผ่องใส
ให้ข้าคนขนของไปทันใดพระนายไวยนำหน้าออกมาพลัน
ถึงบ้านบอกบิดาหาช้าไม่ต่างดีใจปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ทั้งวงศ์ญาติชื่นบานสำราญครันอยู่เป็นสุขทั่วกันแต่นั้นมา ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

เว็บบอร์ดบ้านวรรณกรรม

เครื่องมือส่วนตัว