บทเสภาเรื่à¸à¸‡à¸‚ุนช้างขุนà¹à¸œà¸™
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
การปรับปรุง เมื่อ 15:52, 7 กันยายน 2552 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง:
บทประพันธ์
ตอนที่ ๑
| ๏ | |||
ตอนที่ ๒
| ๏ | |||
ตอนที่ ๓
| ๏ | |||
ตอนที่ ๔
| ๏ | |||
ตอนที่ ๕
| ๏ | |||
ตอนที่ ๖
| ๏ | |||
ตอนที่ ๗
| ๏ | |||
ตอนที่ ๘
| ๏ | |||
ตอนที่ ๙
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๐
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๑
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๒
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๓
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๔
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๕
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๖
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๗
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๘
| ๏ | |||
ตอนที่ ๑๙
| ๏ | |||
ตอนที่ ๒๐
| ๏ | |||
ตอนที่ ๒๑
| ๏ | |||
ตอนที่ ๒๒
| ๏ | |||
ตอนที่ ๒๓
| ๏ | |||
ตอนที่ ๒๔ กำเนิดพลายงาม
| ๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภา | อยู่เคหากับขุนช้างให้หมางหมอง | |||
| ไม่มีสุขทุกเวลาน้ำตานอง | ด้วยว่าท้องสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา | |||
| จะคลอดบุตรสุดปวดให้รวดร้าว | ตึงหัวเหน่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยต้นขา | |||
| แสงห่องห้อยพรอยพรายพร่างสายตา | จะเรียกหาขุนช้างให้หมางใจ | |||
| แต่นวดนวดปวดมวนให้ป่วนปั่น | สุดจะกลั้นกลอกหน้าน้ำตาไหล | |||
| พยุงท้องร้องเรียกพวกข้าไท | จะขาดใจแล้วช่วยด้วยแม่คุณ | |||
| ขุนช้างตื่นฟื้นตัวหัวผงก | เห็นเมียตกใจผวาออกว้าวุ่น | |||
| ประคองนางพลางบนเอาต้นทุน | อย่าท้อแท้แม่คุณจงแข็งใจ | |||
| พลางดูท้องร้องว่าเออออกแล้วซิ | ตั้งสติอารมณ์จะข่มให้ | |||
| นางวันทองร้องเสือกกลิ้งเกลือกไป | ขุนช้างได้หมอนรองประคองคอ | |||
| เรียกหาข้าคนอลหม่าน | บนนอกชานพวกผู้หญิงออกวิ่งสอ | |||
| ให้ไปรับยายสายกับยายยอ | แต่ล้วนหมอตำแยเซ็งแซ่มา | |||
| เข้าถือท้องต้องถูกว่าลูกต่ำ | เอาหน้าคว่ำไขว่ขวางไปข้างขวา | |||
| ช่วยผันแปรแก้ไขใกล้เวลา | บ้างตำยาขยำส้มต้มน้ำร้อน | |||
| นางวันทองร้องไห้ใจจะขาด | พอกรรมชวาตวาตะประทะถอน | |||
| อรุณฤกษ์เบิกสุรินทร์ทินกร | อุทรคลอนเคลื่อนคลอดไม่วอดวาย | |||
| พอพ้นท้องร้องแว้นางแม่หวีด | หน้าซีดอกสั่นมิ่งขวัญหาย | |||
| ขุนช้างมองร้องอ้ายหนูเป็นผู้ชาย | ทั้งย่ายายเยี่ยมลูกให้หยูกยา | |||
| แล้วทอดเตาเข้าไฟไม่ไข้เจ็บ | ครั้นจะเก็บความกล่าวยาวหนักหนา | |||
| ค่อยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้จนใหญ่มา | กระทั่งอายุเจ้าได้เก้าปี | |||
| ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนแม้นขุนแผนพ่อ | เหลืองลอออวบอ้วนเป็นนวลศรี | |||
| ทั้งจุกผมกลมกล่อมกระหม่อมดี | ช่างพาทีฉอเลาะพูดเพราะพราย | |||
| นางวันทองน้องคะนึงถึงขุนแผน | ด้วยลูกแม้นเหมือนเหลือเป็นเชื้อสาย | |||
| บอกบ่าวไพร่ให้สำเหนียกเรียกลูกชาย | ชื่อว่าพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายขุนช้างหมางจิตให้คิดแค้น | ลูกขุนแผนมั่นคงไม่สงสัย | |||
| เมื่อกระนั้นเหมือนกูครั้นดูไป | ก็กลับไพร่เหมือนพ่ออ้ายทรพี | |||
| อีแม่มันวันทองก็สองจิต | ช่างประดิษฐ์ชื่อลูกให้ถูกที่ | |||
| เรียกพ่อพลายคล้ายผัวอีตัวดี | ทุกราตรีตรึกตราจะฆ่าฟัน | |||
| พอวันทองน้องป่วยลงด้วยเคราะห์ | มาจำเพาะจะวิโยคให้โศกศัลย์ | |||
| ฟังเสียงเงียบระงับหลับกลางวัน | พลายงามนั้นนั่งกับพ่อที่หอกลาง | |||
| ขุนช้างเห็นเป็นทีไม่มีเพื่อน | แกล้งชี้เชือนชักพาลงมาล่าง | |||
| ให้ขี่หลังนั่งบ่าแล้วว่าพลาง | ไปชมช้างกวางทรายมีหลายพรรณ | |||
| ทั้งนกยูงฝูงหงส์มันลงเกลื่อน | จับไก่เถือนมาเลี้ยงฟังเสียงขัน | |||
| พูดให้เพลินเดินพลางกลางอรัญ | แกล้งให้หมั่นดูแลฝูงแกกา | |||
| โพระดกนกงั่นกระตั้วเต้น | กระแตเล่นไม้โจนโผนผวา | |||
| เจ้าพลายงามถามพ่อพูดจ้อมา | ขุนช้างพาเลี้ยวไปปะไม้ซุง | |||
| เห็นลับลี้ที่สงัดขัดเเขมร | สะบัดเบนเบือนเหวี่ยงลงเสียงผลุง | |||
| ปะเตะซ้ำต้ำผางเข้ากลางพพุง | ถีบกระทุ้งถองทุบเสียงอุบโอย | |||
| พลายงามร้องสองมือมันอุดปาก | ดิ้นกระดากถลากไถลร้องไห้โหย | |||
| พอหลุดมือรื้อร้องวันทองโวย | หม่อมพ่อโบยตีฉันแทบบรรลัย | |||
| ไม่เห็นแม่แลหาน้ำตาตก | ขุนช้างชกฉุดคร่าไม่ปราศรัย | |||
| จนเหงื่อตกกระปรกประปรอมขึ้นคร่อมไว้ | หอบหายใจฮักฮักเข้าหักคอ | |||
| พลายงามดิ้นสิ้นเสียงสำเนียงร้อง | ยกแต่สองมือไหว้หายใจฝ่อ | |||
| มันห้ามว่าอย่าร้องก็ต้องรอ | เรียกหม่อมพ่อเจ้าขาอย่าฆ่าเลย | |||
| จงเห็นแก่แม่วันทองของลูกบ้าง | พ่อขุนช้างใจบุญพ่อคุณเอ๋ย | |||
| ช่วยฝังปลูกลูกไว้ใช้เช่นเคย | ผงกเงยมันก้ทุบหงุบลงไป | |||
| บีบจมูกจุกปากลากกระแทก | เสียงแอ้กแอ้กอ่อนซบสลบไสล | |||
| พอผีพรายนายขุนแผนผู้แว่นไว | เข้ากอดไว้มิให้ถูกลูกของนาย | |||
| ขุนช้างเห็นว่าทับจนตับแตก | เอาคาแฝกฝุ่นกลบให้ศพหาย | |||
| แล้วกลิ้งขอนซ้อนทับให้ลับกาย | ทำลอยชายชมป่ากลับมาเรือนฯ | |||
| ๏ ฝ่ายผีพรายนายขุนแผนแค้นขุนช้าง | อุตส่าห์ง้างขอนใหญ่ให้เขยื้อน | |||
| แล้วเป่าแผลแก้หายละลายเลือน | เจ้าพลายเคลื่อนคลายฟื้นเหมือนตื่นนอน | |||
| นางพรายบอกว่าเราบ่าวขุนแผน | มาทำแทนเมื่อมันทับช่วยรับขอน | |||
| ไม่ม้วยแล้วแก้วตาอย่าอาวรณ์ | อยู่นี่ก่อนเถิดนะเจ้าอย่าเศร้าใจ | |||
| แม่ของเจ้าเราจะบอกออกมารับ | แล้วหายวับวู่วามตามนิสัย | |||
| เจ้าพลายงามยามเย็นไม่เห็นใคร | เที่ยวร้องไห้หาแม่ชะแง้คอย | |||
| จะไปเรือนเพื่อนทางที่กลางป่า | นึกน้ำตาหยดเหยาะลงเผาะผ็อย | |||
| เจ้าแหงนดูสุริย์ฉายก็บ่ายคล้อย | ให้นึกน้อยใจพ่อพูดล่อลวง | |||
| เสียแรงลูกผูกใจจะได้พึ่ง | พ่อโกรธขึ้งสิ่งใดเป็นใหญ่หลวง | |||
| โอ้มีพ่อก็ไม่เหมือนเพื่อทั้งปวง | มีแต่ลวงลูกรักไปหักคอ | |||
| รู้กระนี้มิอยากเรียกพ่อดอก | จะไปบอกแม่วันทองให้ฟ้องพ่อ | |||
| เที่ยวผันแปรแลหาน้ำตาคลอ | นึกระย่อเยือกเย้นไม่เห็นใคร | |||
| ดูครึ้มครึกฟฤกษาป่าสงัด | ไม่แกว่งกวัดก้านกิ่งประวิงไหว | |||
| จังหรีดร้องก้องเสียงเคียงเรไร | ทั้งลองไนเรื่อยแร่แวแววับ | |||
| ดุเหว่าร้องมองเมียงเสียงว่าแม่ | ยืนชะแง้แลดูเงี่ยหูตรับ | |||
| อยู่นี่แน่แม่จ๋าจงมารับ | วิ่งกระสับกระสนวนเวียนไป ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายพวกพรายกายสิทธิ์ฤทธิรุทร | เหมือนลมวุดวู่หนึ่งถึงไหนไหน | |||
| ไปเข้าฝันวันทองถึงห้องใน | เหมือนจะให้เห็นลูกคิดผูกพัน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภา | เมื่อลูกแก้วแววตาจะอาสัญ | |||
| คิ้วกระเหม่นเป็นลางแต่กลางวัน | ให้หวั่นหวั่นหวิวหวิวหิวหาวนอน | |||
| พอม่อยหลับคลับคล้ายเห็นพลายน้อย | ขุนช้างถ่อยทับไว้ด้วยไม้ขอน | |||
| ผวาฟื้นตื่นตาด้วยอาวรณ์ | สะอื้นอ่อนในอกตกตะลึง | |||
| พอแมงมุมอุ้มไข่ไต่ตีตก | นางผงกเงี่ยฟังดังผึงผึง | |||
| ประหลาดลางหมางจิตคิดคะนึง | รำลึกถึงลูกชายเจ้าพลายงาม | |||
| ลุกออกมาหาจบไม่พบเห็น | ที่เคยเล่นอยู่กับใครเที่ยวไต่ถาม | |||
| แต่อีดูกลูกครอกมันบอกความ | ว่าเห็นตามพ่อขุนช้างไปกลางไพร | |||
| นางแคลงผัวกลัวจะพาไปฆ่าเสีย | น้ำตาเรี่ยเรี่ยตกซกซกไหล | |||
| ออกนอกรั้วตัวคนเดียวเที่ยวเดินไป | โอ้อาลัยเหลียวแลชะแง้เงย | |||
| เห็นคุ่มคุ่มพุ่มไม้ใจจะขาด | พ่อพลายงามทรามสวาทของแม่เอ๋ย | |||
| เจ้าไปไหนไม่มาหาแม่เลย | ที่โคกเคยวิ่งเล่นไม่เห็นตัว | |||
| หรือล้มตายควายขวิดงูพิษขบ | ไฉนศพสาบสูญพ่อทูนหัว | |||
| ยิ่งเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มมัว | ยิ่งเริ่มรัวเรียกร่ำระกำใจ | |||
| เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อน | จิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย | |||
| จักจั่นเจื้อยร้องริมลองไน | เสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง | |||
| ทั้งเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีด | เสียงจังหรีดกรีดแซ่ดังแตรสังข์ | |||
| นางวันทองมองหาละล้าละลัง | หรือผีบังซ่อนเร้นไม่เห็นเลย | |||
| จะบนหมูสุรารำว่าครบ | ขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย | |||
| แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงย | โอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อแก้วตา | |||
| ตะโกนเรียกพลายงามทรามสวาท | ใจจะขาดคนเดียวเที่ยวตามหา | |||
| สะอื้นโอ้โพล้เพล้เดินเอกา | สกุณานอนรังสะพรั่งไพร | |||
| เห็นฝูงนกกกบุตรยิ่งสุดเศร้า | โอ้ลูกเราไม่รู้ว่าอยู่ไหน | |||
| ชะนีโหวยโหยหวนรัญจวนใจ | ยิ่งอาลัยแลหาน้ำตานอง | |||
| พอแจ้วแจ้วแว่วเสียงสำเนียงเรียก | นึกสำเหนียกหลายหนขนสยอง | |||
| ตรงเซิงซุ้มคุ่มเคียงนางเมียงมอง | เห็นลูกร้องไห้สะอื้นยืนเหลียวแล | |||
| ความดีใจไปกอดเอาลูกแก้ว | แม่มาแล้วอย่ากลัวทูนหัวแม่ | |||
| เป็นไรไม่ไปเรือนเที่ยวเชือนแช | แม่ตามแต่ตะวันบ่ายเห็นหายไป ฯ | |||
| ๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าว่า | หม่อมพ่อพาเวียนวงให้หลงใหล | |||
| แล้วทุบถีบบีบจมูกของลูกไว้ | เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา | |||
| พอพวกพ้องของขุนแผนแล่นมาช่วย | จึงไม่ม้วยแม่คุณบุญหนักหนา | |||
| ยังช้ำชอกยอกเหน็บเจ็บกายา | พูดน้ำตาผ็อยผ็อยด้วยน้อยใจฯ | |||
| ๏ นางวันทองร้องไห้ใจจะขาด | โอ้ชาตินี่มีกรรมจะทำไฉน | |||
| แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป | เจ้ามิใช่ลูกเต้าเขาจึงชัง | |||
| พ่อของเจ้านั้นหรือชื่อขุนแผน | เป็นคนแค้นกับขุนช้างแต่ปางหลัง | |||
| เอาทุกข์ร้อนก่อนเก่าเล่าให้ฟัง | เดี๋ยวนี้ยังอยู่ในคุกเป็นทุกข์ทน | |||
| จึงจนใจไม่มีที่จะพึ่ง | มันทำถึงสาหัสก็ขัดสน | |||
| ครั้นจะฟ้องร้องเล่าเราก็จน | แม้นไม่พ้นมือมันจะอันตราย | |||
| แต่รู้อยู่ว่าย่าทองประศรี | อยู่บ้านกาญจน์บุรีวัดเชิงหวาย | |||
| แม้นไปถึงพึ่งพาย่าพ่อพลาย | จะสบายบุญปลอดตลอดไป | |||
| แต่ทางนั้นวันครึ่งจึงถึงบ้าน | ทางกันดารเดินดงจะหลงใหล | |||
| โอ้ใครเล่าเขาจะพาเจ้าคลาไคล | นางร้องไห้สะอื้นกลืนน้ำตา ฯ | |||
| ๏ เจ้าพลายงามถามซักตระหนักแน่ | พลางบอกแม่ลูกแสนแค้นหนักหนา | |||
| อ้ายคนนี้มิใช่พ่อจะขอลา | ไปหาย่าอยู่บ้านกาญจน์บุรี | |||
| สงสารแต่แม่คุณของลูกแก้ว | จะลับแล้วตายเป็นไม่เห็นผี | |||
| เพราะพ่อเลี้ยงเดียงสาไม่ปรานี | อยู่ที่นี่ชีวันจะบรรลัย | |||
| ไปสู้ตายวายวางเสียข้างหน้า | ด้วยเกิดมามีกรรมจะทำไฉน | |||
| ขอลาแม่แต่นี้นับปีไป | แล้วร้องไห้หวลคิดถึงบิดา | |||
| โอ้พ่อคุณขุนแผนของลูกเอ๋ย | เมื่อไรเลยลูกจะได้ไปเห็นหน้า | |||
| ต้องติดคุกทุกข์ทุเรศเวทนา | เจ้าครวญคร่ำร่ำว่าด้วยอาลัย ฯ | |||
| ๏ นางวันทองร้องไห้จิตใจหาย | กอดเจ้าพลายงามน้อยละห้อยไห้ | |||
| โอ้ลูกแก้วแววตาจะลาไป | หนทางป่าค่าไม้พ่อไม่เคย | |||
| จะเลี้ยวหลงวงวกระหกระเหิน | เจ้าจะเดินไปถูกหรือลูกเอ๋ย | |||
| โอ้ยากเย็นเข็ญใจกระไรเลย | เพราะกรรมเคยพรากสัตว์ให้พลัดพราย | |||
| เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าจะพรากไปจากแม่ | แม่จะแลเห็นใครน่าใจหาย | |||
| พลางสวมสอดกอดแอบไว้แนบกาย | สะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา ฯ | |||
| ๏ จนจวนค่ำน้ำค้างลงพร่างพราย | ปลอบลูกชายพลายน้อยเสน่หา | |||
| อ้ายศัตรูรู้ความจะตามมา | แม่จะพาเจ้าไปฝากขรัวนากไว้ | |||
| แล้วพากันดั้นดัดไปวัดเขา | เห็นสมภารคลานเข้าไปกราบไหว้ | |||
| แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป | เจ้าคุณได้โปรดด้วยช่วยธุระ | |||
| เอาลูกอ่อนซ่อนไว้เสียในห้อง | เผื่อพวกพ้องเขามาหาอย่าให้ปะ | |||
| ท่านขรัวครูผู้เฒ่าว่าเอาวะ | ไว้ธุระเถิดอย่ากลัวที่ผัวเลย | |||
| ถ้าหากว่ามาค้นจนถึงห้อง | กูมิถองก็จงว่าสีกาเอ๋ย | |||
| ฆ่าลูกเลี้ยงเอี้ยงดูกูไม่เคย | อย่าทุกข์เลยลุงจะช่วยลูกอ่อนไว้ ฯ | |||
| ๏ นางวันทองหมองหมางไม่สร่างทุกข์ | กระหมวดจุกลูกยาน้ำตาไหล | |||
| เห็นจวนค่ำจำลาทั้งอาลัย | ลงบันไดเดินด่วนด้วยจวนเย็น | |||
| พอเข้าไปในรั้วด่าผัวโผง | อ้ายตายโหงหักคอไม่ขอเห็น | |||
| แต่ชาตินี้กีกรรมจึงจำเป็น | ได้ชายเช่นนี้มาเป็นสามี | |||
| ขึ้นบนเรือนเหมือนใจจะจากร่าง | เห็นขุนช้างชิงชังผินหลังหนี | |||
| เข้าในห้องหมองอารมณ์ไม่สมประดี | เห็นแต่ที่นอนเปล่ายิ่งเศร้าใจ | |||
| คิดถึงลูกผูกพันให้หวั่นอก | น้ำตาตกผ็อยผ็อยละห้อยไห้ | |||
| โอ้ลูกเอ๋ยเคยนอนแต่ก่อนไร | จนเจ้าได้สิบปีเข้านี่แล้ว | |||
| อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปจากแม่ | แม่ยังแลเห็นแต่ฟูกของลูกแก้ว | |||
| โอ้พลายงามทรามสวาทจะคลาดแคล้ว | เสียงแจ้วแจ้วเจ้าวันทองนองน้ำตาฯ | |||
| ๏ ฝ่ายขุนช้างคางเคราอ้ายเจ้าเล่ห์ | เมาโมเมยิ้มกริ่มอยู่ริมฝา | |||
| เสียงวันทองร้องไห้จุดไฟมา | ส่องดูหน้านั่งเคียงบนเตียงนอน | |||
| ทำไถลไถ่ถามเป็นความหยอก | หรือหนามยอกเจ็บป่วยจะช่วยถอน | |||
| พลางรับขวัญวันทองร้องละคร | เจ้าทุกข์ร้อนรำคาญประการใด ฯ | |||
| นางวันทองข้องขัดสะบัดหน้า | ขุนช้างรำทำท่าเข้าคว้าไขว่ | |||
| นางผลักพลิกหยิกข่วนว่ากวนใจ | ไฮ้อะไรนี่เล่าเฝ้าเซ้าซี้ | |||
| ลูกข้าหายตายเป็นไม่เห็นศพ | อย่ามากลบรอยเสือเบื่อบัดสี | |||
| เจ้าพาไปในป่าพนาลี | แล้วก็มิพามาว่ากระไร ฯ | |||
| ๏ ขุนช้างฟังช่างแก้อีแม่เจ้า | ข้าเมาเหล้าหลับซบสลบไสล | |||
| ใครบอกเจ้าเล่าว่าข้าพาไป | หล่อนไม่ได้ตามข้าผ่าเถิดซิ | |||
| เมื่อกลางวันยังเห็นเล่นไม้หึ่ง | กับอ้ายอึ่งอีดูกลูกอีปิ | |||
| แล้วว่าเจ้าเล่าก็ช่างนั่งมึนมิ | ว่าแล้วซิอย่าให้ลงไปดิน | |||
| ลูกปะหล่ำกำไลใส่ออกกลบ | ฉวยว่าพบคนร้ายอ้ายคอฝิ่น | |||
| มันจะทุบยุบยับเหมือนกับริ้น | ง้างกำไลไปกินเสียแล้วกรรม | |||
| แล้วแก้เก้อเร่อออกไปนอกห้อง | ตะโกนร้องเรียกข้ามาด่าพร่ำ | |||
| ไปเที่ยวตามถามหาถึงท่าน้ำ | ไม่พบทำถอนใจกลับไปเรือน | |||
| รินสุรามาดื่มลืมสติ | อุตริร้องไห้ใครจะเหมือน | |||
| ขึ้นหอขวางกลางแจ้งเห็นแสงเดือน | โอ้พ่อเพื่อนชีวิตของบิตุรงค์ | |||
| แกล้งร้องร่ำคร่ำครวญทำหวนโหย | สะโอดโอยเอกทุ้มจนลุ่มหลง | |||
| ถึงท่อนปลายกรายเกริ่นเป็นเดินดง | ปีกเจ้าอ่อนร่อนลงในดงเตย | |||
| แล้วรู้ตัวกลัวเมียร้องเสียใหม่ | เจ้าจำไกลพ่อแล้วลูกแก้วเอ๋ย | |||
| เสียงอ้อแอ้แผ่กายนอนหงายเลย | จนลืมเลยซบเซาด้วยเมามาย ฯ | |||
| ๏ นวลนางวันทองค่อยย่องย่าง | เห็นขุนช้างหลับสมอารมณ์หมาย | |||
| สะอื้นอั้นพันผูกถึงลูกชาย | จนพลัดพรายเพราะผัวเป็นตัวมาร | |||
| จึงเย็บไถ้ใส่ขนมกับส้มลิ้ม | ทั้งแช่อิ่มจันอับลูกพลับหวาน | |||
| แหวนราคาห้าช่างทองบางตะพาน | ล้วนต้องการเก็บใส่ในไถ้น้อย | |||
| ไปอยู่บ้านท่านย่าจะหายาก | เมื่ออดอยากอย่างไรได้ใช้สอย | |||
| แล้วนั่งนึกตรึกตราน้ำตาย้อย | รำคาญคอยสุริยาจะคลาไคล ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสงสาร | พึ่งสมภารอยู่ในห้องนั่งร้องไห้ | |||
| พวกศิษย์เณรเถรชีต้นช่วยฝนไพล | มาลูบไล้แผลที่มันตีรัน | |||
| แล้วสมภารท่านก็หลับระงับเงียบ | ยิ่งเย็นเยียบเยือกใจเมื่อไก่ขัน | |||
| เพราะแม่ลูกผูกจิตคิดถึงกัน | เฝ้าใฝ่ฝันเฟือนแลเห็นแม่มา | |||
| ดุเหว่าร้องซ้องเสียงสำเนียงแจ้ว | ให้แว่วว่าวันทองร้องเรียกหา | |||
| สะดุ้งใจไหววับทั้งหลับตา | ร้องขานขาสุดเสียงแต่เที่ยงคืน | |||
| ครั้นรู้สึกนึกได้ให้ละห้อย | เจ้าพลายน้อยนิ่งนอนถอนสะอื้น | |||
| จนเคาะระฆังหงั่งเหง่งเสียงเครงครื้น | สมภารตื่นเตือนชีต้นสวดมนตร์เกณฑ์ฯ | |||
| ๏ นางวันทองร้องไห้เมื่อใกล้รุ่ง | น้ำค้างฟุ้งฟ้าแดงเป็นแสงเสน | |||
| ด้วยวัดเขาเข้าใจเคยไปเจน | โจงกระเบงมั่นเหมาะห่มเพลาะดำ | |||
| แล้วถือไถ้ใส่ขนมผ้าห่มหุ้ม | ออกย่างดุ่มเดินเหย่าก้าวถลำ | |||
| ลงจากเรือนเชือนมาข้างท่าน้ำ | แล้วรีบร่ำเดินตรงเข้าดงตาล | |||
| ถึงวัดเขาเช้าตรู่ดูลูกน้อย | เห็นมาคอยนั่งท่าน่าสงสาร | |||
| จะนั่งหยุดพูดจาจะช้าการ | ลาสมภารพามาป่าสะแก | |||
| ให้ขนมส้มสูกแก่ลูกรัก | สงสารนักจะร้างไปห่างแม่ | |||
| หนทางบ้านกาญจน์บุรีตรงนี้แล | จำให้แน่นะอย่าหลงเที่ยววงเวียน | |||
| อุตส่าห์ไปให้ถึงเหมือนหนึ่งว่า | ให้คุณย่าเป็นอาจารย์สอนอ่านเขียน | |||
| จงหมายมุ่งทุ่งกว้างตามทางเกวียน | ที่โล่งเลี่ยนลัดไปในไพรวัน | |||
| แล้วเกล้าจุกผูกไถ้ที่ใส่ของ | ให้แหวนทองทุกสิ่งทำมิ่งขวัญ | |||
| แล้วกอดลูกผูกใจจะไกลกัน | สะอื้นอั้นออกปากฝากเทวา | |||
| ขอเดชะพระไพรข้าไหว้กราบ | ช่วยกำราบเสือสิงห์มหิงสา | |||
| ทั้งปู่เจ้าเขาเขินขอเชิญพา | ไปถึงย่าอย่าให้หลงเที่ยววงวน | |||
| ทั้งพ่อคุณขุนแผนแสนวิเศษ | บังเกิดเกศแก้วตาสถาผล | |||
| ช่วยลูกชายพลายงามเมื่อยามจน | ให้รอดพ้นภัยพาลถึงกาญจน์บุรี | |||
| นางคร่ำครวญร่ำว่าน้ำตาตก | เหมือนหนึ่งอกพุพองเป็นหนองฝี | |||
| แม่อุ้มท้องครองเลี้ยงถึงเพียงนี้ | ได้สิบปีเศษแล้วจะแคล้วกัน | |||
| เคยกินนอนวอนแม่ไม่แหห่าง | จะอ้างว้างเปล่าใจในไพรสัณฑ์ | |||
| ทั้งจุกไรใครเล่าจะเกล้าพัน | จะนับวันนับเดือนไปเลือนลับ | |||
| นับปีมิได้มาเห็นหน้าแม่ | จะห่างแหหายเหมือนเมื่อเดือนดับ | |||
| โอ้เสียชาติวาสนาแม่อาภัพ | ให้ย่อยยับยากแค้นแสนระอา | |||
| จะมีผัวผัวก็พลัดกำจัดจาก | จนแสนยากอย่างนี้แล้วมิหนำ | |||
| มามีลูกลูกก็จากวิบากกรม | สะอื้นร่ำรันทดสลดใจ ฯ | |||
| ๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ | ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล | ||
| แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย | ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ | ||
| แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจาก | ต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะอ้ายขุน | ||
| เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญ | ไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน | ||
| แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก | คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน | ||
| จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน | จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว | ||
| แม่วันทองของลูกจงกลับบ้าน | เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว | ||
| จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัว | แม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ ฯ | ||
| ๏ นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน | อำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้ | ||
| พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัย | จนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน | ||
| ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ | เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน | ||
| แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน | จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ | ||
| ลูกก็และดูแม่แม่ดูลูก | ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล | ||
| สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัย | แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา | ||
| เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้น | แม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา | ||
| แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์ | โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง ฯ | ||
| ๏ นางวันทองหมองมัวกลัวขุนช้าง | ไม่เหมือนอย่างคนทั้งปวงมันหวงหึง | ||
| ออกชายทุ่งมุ่งเมินเดินตะบึง | กลับมาถึงเรือนร่ำระกำตรอม | ||
| ทุกเช้าเย็นเศร้าหมองเฝ้าร้องไห้ | ด้วยอาลัยพลายงามทรามถนอม | ||
| ถึงยามกินสิ้นรสสู้อดออม | จนซูบผอมผิวพรรณทุกวันคืน ฯ | ||
| ๏ เจ้าพลายงามตามทางไปกลางทุ่ง | เขม้นมุ่งเขาเขินเดินสะอื้น | ||
| ออกหลังบ้านตาลตะคุ่มเป็นพุ่มพื้น | ร่มรื่นรังเรียงเคียงตะเคียน | ||
| ต้นแคคางกร่างกระทุ่มชอุ่มออก | ทั้งช่อดอกดูไสวเหมือนไม้เขียน | ||
| เจ้าพลายเพลินเดินพลางตามทางเกวียน | ตลอดเลี่ยนลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยมา | ||
| ถงโคกฆ้องหนองสะพานบ้านกะเหรี่ยง | เห็นโรงเรียงไร่ฝ้ายทั้งซ้ายขวา | ||
| พริกมะเขือเหลืออร่ามงามตา | สาลิกาแก้วกินแล้วบินฮือ | ||
| เห็นไก่เตี้ยเขี่ยคุ้ยที่ขุยไผ่ | กระโชกไล่ลดเลี้ยวมันเปรียวปรื๋อ | ||
| พบนกยูงฝูงใหญ่ไล่กระพือ | มันบินหวือโห่ร้องคะนองใจ | ||
| จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยข้อให้ท้อแท้ | คิดถึงแม่วันทองแล้วร้องไห้ | ||
| พระสุริยาสายัณห์ลงเรไร | เหมือนจิตใจเจ้าจะขาดลงรอนรอน | ||
| พอจวนพลบพบฝูงจิ้งจอกน้อย | วิ่งร่อยร่อยตามเขาแล้วเห่าหอน | ||
| แสยงเส้นโลมาให้อาวรณ์ | ถึงดงดอนแดนบ้านกาญจน์บุรี | ||
| เห็นวัดร้างข้างเขาดูเก่าแก่ | ยังมีแต่รูปพระชินสีห์ | ||
| โบสถ์โบราณบานประตูยังดูดี | พอราตรีกราบไหว้อาศัยนอน | ||
| ครั้นรุ่งเช้าเอาขนมทั้งส้มลิ้ม | พอกินอิ่มแล้วออกเดินเนินสิงขร | ||
| ถึงบ้านกร่างทางคนเขาหาบคอน | เห็นเด็กต้อนควายอึงคะนึงไป | ||
| ไม่รู้ความถามเหล่าพวกชาวบ้าน | ว่าเรือนท่านทองประศรีอยู่ที่ไหน | ||
| เด็กบ้านนอกบอกเล่าให้เข้าใจ | แกอยู่ไร่โน่นแน่ะยังแลลับ | ||
| มะยมใหญ่ในบ้านกินหวานนัก | กูไปลักบ่อยบ่อยแกคอยจับ | ||
| พอฉวยได้อ้ายขิกหยิกเสียยับ | ร้ายเหมือนกับผีเสื้อแกเหลือตัว | ||
| ถ้าลูกใครไปเล่นแกเห็นเข้า | แกจับเอานมยานฟัดกบาลหัว | ||
| มาถามหาว่าไรช่างไม่กลัว | แกจับตัวตีตายยายนมยาน ฯ | ||
| ๏ เจ้าพลายงามถามแจ้งแล้วแกล้งว่า | เอ็งช่วยพาเราไปชมมะยมหวาน | ||
| จะขึ้นลักหักห่อให้พอการ | มาสู่ท่านทั้งสิ้นกินด้วยกัน | ||
| พวกเด็กเด็กดีใจไปสิหวา | ซ่อนข้าวปลาปล่อยควายแล้วผายผัน | ||
| บ้างเหน็บหน้าผ้านุ่งเกี้ยวพุงพัน | หัวเราะกันกูจะห่อให้พอแรง | ||
| พอถึงบ้านท่านยายทองประศรี | พวกเด็กชี้เรือนให้แล้วแอบแฝง | ||
| เจ้าพลายงามขามจิตยังคิดแคลง | ค่อยลัดแลงเล็งแลมาแต่ไกล | ||
| ดูเงียบเชียบเลียบรอบริมขอบรั้ว | ไม่เห็นตัวท่านย่าน่าสงสัย | ||
| ประตูหับยับยั้งยืนฟังไป | เสียงแต่ในออดแอดแรดแรแร | ||
| รู้ว่าคนบนนั้นนั่งปั่นฝ้าย | จะอุบายบอกความตามกระแส | ||
| ขึ้นมะยมห่มล้อทำตอแย | ให้ท่านแลเห็นเรามาเอาตัว | ||
| จึงจะบอกออกตามเนื้อความลับ | ได้อยู่กับย่าบังเกิดกำเนิดหัว | ||
| แล้วเมียงมองย่องดอดเข้าลอดรั้ว | ค่อยแฝงตัวขึ้นบนต้นมะยม | ||
| แล้วพยักกวักเรียกอ้ายเด็กเด็ก | ลูกเล็กหลบลอบค่อยหมอบก้ม | ||
| ระวังตัวกลัวยายเฒ่าเจ้าคารม | เก็บมะยมซุบซิบกระหยิบตา ฯ | ||
| ๏ ครานั้นท่านยายทองประศรี | กับยายปลียายเปลอยู่เคหา | ||
| ให้พวกเหล่าบ่าวไพร่ไปไร่นา | ตามประสาเพศบ้านกาญจน์บุรี | ||
| แต่ขุนแผนแสนสนิทต้องติดคุก | ไม่มีสุขเศร้าหมองทองประศรี | ||
| จนซูบผอมตรอมใจมาหลายปี | อยู่แต่ที่ในห้องนองน้ำตา | ||
| แต่หูไวได้ยินมะยมหล่น | เป็นทำวลแหวกมองตามช่องฝา | ||
| เห็นเด็กเด็กเล็ดดลอดดอเข้ามา | แกฉวยคว้าไม้ตระบองค่อยมองเมียง | ||
| ลงบันไดอ้ายเด็กเล็กกเล็กวิ่ง | แกไล่ทิ้งด่าทอมันล้อเถียง | ||
| ชกโคตรเหง้าเหล่ากอเอาพอเพียง | พอแว่วเสียงอยู่บนต้นมะยม | ||
| มองเขม้นเห็นลูกหัวจุกน้อย | เหม่อ้ายจ้อยโจรป่าด่าขรม | ||
| อย่าแอบอิงนิ่งนั่งตั้งเทพนม | ลงมาก้มหลังลองตระบองกู ฯ | ||
| ๏ เจ้าพลายงามคร้ามพรั่นขยั้นหยุด | ความกลัวสุดแสนกลัวตัวเป็นหนู | ||
| จึงว่าฉานหลานดอกบอกให้รู้ | อันอยู่ที่เมืองสุพรรณบ้านวันทอง | ||
| ทองประศรีชี้หน้าว่าอุเหม่ | อ้ายเจ้าเล่ห์หลานข้ามันน่าถอง | ||
| มาเถิดมาย่าจะให้ไม้ตระบอง | แกคอยจ้องจะทำให้หนำใจ | ||
| เจ้าพลายงามความกลัวจนตัวสั่น | หยุดขยั้นอยู่ไม่กล้าลงมาได้ | ||
| แล้วนึกว่าย่าตัวกลัวอะไร | โจนลงไปกราบย่าที่ฝ่าตีน ฯ | ||
| ๏ ทองประศรีตีหลังเสียงดังผึง | จะมัดมึงกูไม่ปรับเอาทรัพย์สิน | ||
| มาแต่ไหนลูกไทยหรือลูกจีน | เฝ้าลักปีนมะยมห่มหักราน | ||
| เจ้าพลายน้อยคอยหลบแล้วนบนอบ | ฉันเจ็บบอบแล้วย่าเมตตาหลาน | ||
| ข้าเป็นลูกพ่อขุนแผนแสนสะท้าน | ข้างฝ่ายมารดาชื่อแม่วันทอง | ||
| จะมาหาย่าชื่อทองประศรี | อย่าเพ่อตีฉันจะเล่าความเศร้าหมอง | ||
| ย่าเขม้นเห็นจริงทิ้งตระบอง | กอดประคองรับขวัญกลั้นน้ำตา | ||
| แล้วด่าตัวชั่วเหลือไม่เชื่อเจ้า | ขืนตีเอาหลานรักเป็นหนักหนา | ||
| จนหัวห้อยพลอยนอพ่อนี่นา | แล้วพามาขึ้นเรือนเตือนยายปลี | ||
| ช่วยฝนไพลให้เหลวเร็วเร็วเข้า | อีเปลเอาขันล้างหน้าออกมานี่ | ||
| แกตักน้ำร่ำรดหมดราคี | ช่วยขัดสีโซมขมิ้นสิ้นเป็นชาม | ||
| แล้วทาไพลให้หลานสงสารเลหือ | มานั่งเสื่อลันไตปราศรัยถาม | ||
| เจ้าชื่อไรใครบอกออกเนื้อความ | จึงได้ตามขึ้นมาถึงย่ายาย ฯ | ||
| ๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าเรื่อง | แต่อยู่เมืองสุพรรณเหมือนมั่นหมาย | ||
| แม่วันทองครองเลี้ยงไว้เคียงกาย | ให้ชื่อพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ | ||
| ให้ไหว้บุญขุนช้างเหมือนอย่างพ่อ | มันลวงล่อหลานหลงไม่สงสัย | ||
| พาหลานเที่ยวเลี้ยวทางไปกลางไพร | เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา | ||
| แม่จึงบอกออกว่าพ่อชื่อขุนแผน | ขุนช้างแค้นเคืองคิดริษยา | ||
| อยู่ไม่ได้ในสุพรรณจึงดั้นมา | ขอพึ่งบุญคุณย่าประสาจน ฯ | ||
| ๏ ทองประศรีตีอกชกผางผาง | ทุดอ้ายช้างชาติข้าอ้ายหน้าขน | ||
| ลูกอีเฒ่าเทพทองคลองน้ำชน | จะฆ่าคนเสียทั้งเป็นไม่เอ็นดู | ||
| ทำราวเจ้าชีวิตกูคิดฟ้อง | ให้มันต้องโทษกรณ์จนอ่อนหู | ||
| แกบ่นว่าด่าร่ำออกพร่ำพรู | พ่อมาอยู่บ้านย่าแล้วอย่ากลัว | ||
| แม้นอ้ายขุนวุ่นมาว่าเป็นลูก | มันมิถูกนมยานฟัดกบาลหัว | ||
| พลางเรียกอีไหมที่ในครัว | เอาแกงคั่วข้าวปลามาให้กิน | ||
| พอบ่ายเบี่ยงเสียงละว้าพวกข้าบ่าว | ทั้งมอญลาวเลิกนาเข้ามาสิ้น | ||
| บ้างสุมไฟใส่ควันกันยุงริ้น | ตามถิ่นบ้านนอกอยู่คอกนา ฯ | ||
| ๏ ครั้นพลบค่ำย่ำฆ้องทองประศรี | เรียกยายปลียายเปลเข้าเคหา | ||
| เย็บบายศรีนมแมวจอกแก้วมา | ใส่ข้าวปลาเปรี้ยวหวานเอาจานรอง | ||
| เทียนดอกไม้ไข่ข้าวมะพร้าวพร้อม | น้ำมันหอมแป้งปรุงฟุ้งทั้งห้อง | ||
| ลูกปะหล่ำกำไลไขออกกอง | บอกว่าของพ่อเจ้าแต่เยาว์มา | ||
| เอาสอดใส่ให้หลานสงสารเหลือ | ด้วยหน่อเนื้อนึกรักเป็นหนักหนา | ||
| เหมือนพ่อแผนแสนเหมือนไม่เคลื่อนคลา | ทั้งหูตาคมสันเป็นมันยับ | ||
| พลางเรียกหาข้าคนมาบนหอ | ให้นั่งต่อต่อกันเป็นอันดับ | ||
| บายศรีตั้งพรั่งพร้อมน้อมคำนับ | เจริญรับมิ่งขวัญรำพันไป ฯ | ||
| ๏ ขวัญพ่อพลายงามทรามสวาท | มาชมภาชนะทองอันผ่องใส | ||
| ล้วนของขวัญจันทร์จวงพวงมาลัย | ขวัญอย่าไปป่าเขาลำเนาเนิน | ||
| เห็นแต่เนื้อเสือสิงห์ฝูงลิงค่าง | จะอ้างว้างเวียนวกระหกระเหิน | ||
| ขวัญมาหาย่าเถิดอย่าเพลิดเพลิน | จงเจริญร้อยปีอย่ามีภัย | ||
| แล้วจุดเทียนเวียนวงส่งให้บ่าว | มันโห่กราวเกรียวลั่นสนั่นไหว | ||
| คอยรับเทียนเเวียนส่งเป็นวงไป | แล้วดับไฟโบกควันให้ทันที | ||
| มะพร้าวอ่อนป้อนเจ้าทั้งข้าวขวัญ | กระแจะจันทน์เจิมหน้าเป็นราศี | ||
| ให้สาวสาวลาวเวียงที่เสียงดี | มาซอปี่อ้อซั้นทำขวัญนาย ฯ | ||
| ๏ พ่อเมื้อเมืองดง | เอาพงเป็นเหย้า | อึดปลาอึดข้าว | ขวัญเจ้าตกหาย | |||
| ขวัญอ่อนร่อแร่ | ว้าเหว่สู่กาย | อยู่ปลายยางยูง | ท้องทุ่งท้องนา | |||
| ขวัญเผือเมื้อเมิน | ขอเชิญขวัญพ่อ | ฟังซอเสียงอ้อ | ขวัญพ่อเจ้าจ๋า | |||
| ข้าวเหนียวเต็มพ้อม | ข้าวป้อมเต็มป่า | ขวัญเจ้าจงมา | สู่กายพลายเอยฯ | |||
| ๏ แล้วพวกมอญซ้อนซอเสียงอ้อแอ้ | ร้องทะแยย่องกระเหนาะย่ายเตาะเหย | |||
| ออระน่ายพลายงามพ่อทรามเชย | ขวัญเอ๋ยกกกะเนียงเกรียงเกลิง | |||
| ให้อยู่ดีกินดีมีเมียสาว | เนียงกะราวกนตะละเลิงเคลิ่ง | |||
| มวยบามาขวัญจงบันเทิง | จะเปิงยี่อิกะปิปอน | |||
| ทองประศรีดีใจให้เงินบาท | เห็นแต่ทาสพรั่งพร้อมล้อมสลอน | |||
| ถึงเวลาพาเจ้าเข้าที่นอน | มีฟูกหมอนมุ้งม่านสำราญใจ ฯ | |||
| ๏ เจ้าพลายงามถามย่าว่าพ่อแผน | ต้องคับแค้นเคืองเข็ญเป็นไฉน | |||
| ไม่เคยคุ้นคุณย่าช่วยพาไป | พอหลานได้เห็นหน้าบิดาตัว | |||
| ได้ฟังหลานท่านย่าน้ำตาตก | สะอื้นอกอาดูรว่าทูนหัว | |||
| พ่อเอ็งย่าว่าไรเขาไม่กลัว | เพราะเมามัวเมียลาวนางชาววัง | |||
| ไปทูลขอพระองค์ทรงพระโกรธ | ให้ลงโทษทนทุกข์ใส่คุกขัง | |||
| แต่ไม่ต้องจองจำอยู่ลำพัง | ถึงสิบปีแล้วยังไม่พ้นเลย | |||
| รุ่งพรุ่งนี้สิย่าจะพาเจ้า | ไปหาเขาอยู่ที่ทับริมหับเผย | |||
| ให้พ่อเห็นเย็นอารมณ์ได้ชมเชย | พูดจนเลยลืมหลับระงับไป ฯ | |||
| ๏ เห็นแสงทองหมองจิตคิดถึงลูก | สั่งบ่าวผูกช้างสัปคับใหญ่ | |||
| ใส่ข้าวปลาผ้าผ่อนท่อนสไบ | กับไต้ไฟฟักแฟงแตงน้ำตาล | |||
| ทั้งปูนยาสาคูแลพลูหมาก | จะไปฝากขุนแผนแสนสงสาร | |||
| อ้ายกุลาตาหลอเป็นหมอควาญ | แล้วพาหลานขึ้นช้างตามทางมา | |||
| ลงบางขามข้ามบ้านสะพานโขลง | ออกทุ่งโล่งเลี้ยวทางไปข้างขวา | |||
| สองวันครึ่งถึงกรุงอยุธยา | ลงเดินพาพลายงามไปตามทาง ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวฝ่ายนายขุนแผนที่แสนทุกข์ | แต่ติดคุกขัดข้องให้หมองหมาง | |||
| อยู่หับเผยเคยสะอาดขาดสำอาง | จนผอมซูบรูปร่างดูรุงรัง | |||
| ผมยาวเกล้ากระหวัดตัดไม่เข้า | เหตุด้วยเขาคงทนทั้งมนตร์ขลัง | |||
| อยู่เปล่าเปล่าเล่าก็จนพ้นกำลัง | อุตส่าห์นั่งทำการสานกระทาย | |||
| ให้นางแก้วกิริยาช่วยทารัก | ขุนแผนถักขอบรัดกระหวัดหวาย | |||
| ใบละบาทคาดได้ด้วยง่ายดาย | แขวนไว้ขายทั้งเรือนออกเกลื่อนไป | |||
| พอมารดามาถึงทับรับเข้าห้อง | ทั้งข้าวของผู้คนขนมาให้ | |||
| เห็นลูกชายพลายงามถามทันใด | นี่ลูกใครหน้าตาน่าเอ็นดู ฯ | |||
| ๏ ทองประศรีชี้แจงแถลงเล่า | นี่ลูกเจ้าแล้วเป็นไรไหว้เสียหนู | |||
| แล้วบอกความตามที่มีศัตรู | ขุนแผนรู้รับขวัญกลั้นน้ำตา | |||
| เข้าสวมสอดกอดจูบแล้วลูบหลัง | น้ำตาพรั่งพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา | |||
| แค้นขุนช้างดังจะดิ้นสิ้นชีวา | มันชะล่าชะเลยจนเคยตัว | |||
| ฉุดคร่าพาวันทองไปครองคู่ | เห็นว่ากูถือสัตย์ไม่ตัดหัว | |||
| ทั้งลูกเต้าเอาไปฆ่าเหมือนม้าวัว | หมายว่ากลัวแล้วกระมังอ้ายจังไร | |||
| วันนี้ค่ำจำจะไปให้ถึงบ้าน | สับกบาลหัวเชือดให้เลือดไหล | |||
| ลูกผู้ชายตายไหนก็ตายไป | ขัดใจฮึดฮัดกัดฟันฟาง ฯ | |||
| ๏ ท่านย่าทองประศรีว่าอีพ่อ | แม่จะขอทัดทานเหมือนขัดขวาง | |||
| ไปฆ่าผีดีกว่าฆ่าขุนช้าง | จะสืบสร้างบาปกรรมไปทำไม | |||
| ลูกของเจ้าเล่าก็มาหาเจ้าแล้ว | ใช่เชื้อแถวเจ้ายังมีอยู่ที่ไหน | |||
| จงฟังแม่แต่เท่านั้นแล้วกันไป | พ่อจะได้ภาวนารักษากาย | |||
| ลูกของเจ้าเล่าแม่จะรับเลี้ยง | ช่วยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้ได้ถวาย | |||
| ที่กริ้วโกรธโทษกรณ์จะผ่อนคลาย | คราวเคราะห์ร้ายเจ้าจงเจียมเสงี่ยมตน | |||
| โบราณท่านสมมุติมนุษย์นี้ | ยากแล้วมีใหม่สำเร็จถึงเจ็ดหน | |||
| ที่ทุกข์โศกโรคร้อนค่อยผ่อนปรน | คงจะพ้นโทษทัณฑ์ไม่บรรลัย ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพ | ก้มกราบมารดาน้ำตาไหล | |||
| ลูกเห็นแต่แม่คุณค่อยอุ่นใจ | ช่วยสอนให้พลายงามเรียนความรู้ | |||
| อันตำรับตำราสารพัด | ลูกเก็บจัดแจงไว้ที่ในตู้ | |||
| ถ้าลืมหลงตรงไหนไขออกดู | ทั้งของครูของพ่อต่อกันมา | |||
| แล้วลูบหลังสั่งความพลายงามน้อย | เจ้าจงค่อยร่ำเรียนเขียนคาถา | |||
| รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา | ไปเบื้องหน้าเติบใหญ่จะให้คุณ | |||
| เรายากแล้วแก้วตาอย่าประมาท | ทั้งสิ้นญาติสิ้นเชื้อจะเกื้อหนุน | |||
| ทุกวันนี้มีแต่ย่ายังการุญ | พ่อพึ่งบุญเถิดลูกได้ปลูกเลี้ยง | |||
| จงนึกว่าย่าเหมือนกับแม่พ่อ | ถึงด่าทอเท่าไรอย่าได้เถียง | |||
| อันพ่อนี้มิได้อยู่ใกล้เคียง | ไม่ได้เลี้ยงลูกแล้วนาแก้วตา | |||
| พลางกอดพลายงามแอบไว้แนบอก | น้ำตาตกพร่างพรายทั้งซ้ายขวา | |||
| โอ้มีกรรมทำไว้แต่ไรมา | พอเห็นหน้าลูกแล้วจะแคล้วกัน | |||
| มาหาพ่อพ่อไม่มีสิ่งไรผูก | ยังแต่ลูกประคำจะทำขวัญ | |||
| อยู่หอกปืนยืนยงคงกระพัน | ได้ป้องกันกายาข้างหน้าไป ฯ | |||
| ๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารพ่อ | น้ำตาคลอคลอตกซกซกไหล | |||
| รับประคำร่ำว่าประสาใจ | ฉันจะใคร่อยู่ด้วยช่วยบิดา | |||
| ได้ตักน้ำตำข้าวทุกเช้าค่ำ | ที่พอทำฟืนผักจะหักหา | |||
| ให้พ่อพ้นทนทุกข์แล้วลูกยา | จะอุตส่าห์เล่าเรียนค่อยเพียรไป ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนแสนสวาทจะขาดจิต | กะจิริดรู้ว่าจะหาไหน | |||
| น่าสงสารท่านย่าพลอยอาลัย | น้ำตาไหลพรากพรากเพราะยากเย็น | |||
| ขุนแผนว่าจะอยู่ดูไม่ได้ | ในคุกใหญ่มันยากแค้นถึงแสนเข็ญ | |||
| เหมือนกับนรกตกทั้งเป็น | มิได้เว้นโทษทัณฑ์สักวันเลย | |||
| แต่พ่อนี้ท่านเจ้ากรมยมราช | อนุญาตให้อยู่ทับในหับเผย | |||
| คนทั้งหลายนายมุลก็คุ้นเคย | เขาละเลยพ่อไม่ต้องถูกจองจำ | |||
| ทั้งข้าวปลาสารพันทุกวันนี้ | พระหมื่นศรีเธอช่วยชุบอุปถัมภ์ | |||
| ค่อยเบาใจไม่พักต้องตักตำ | คุณท่านล้ำล้นฟ้าด้วยปรานี | |||
| ถ้าแม้นเจ้าเล่าเรียนความรู้ได้ | จะพาไปพึ่งพระจมื่นศรี | |||
| ถวายตัวพระองค์ทรงธรณี | จะได้มีเกียรติยศปรากฏไป ฯ | |||
| ๏ พลายงามน้อยสร้อยเศร้ารับเจ้าคะ | ดีฉันจะพากเพียรเรียนให้ได้ | |||
| ต่างพูดจาพาทีค่อยดีใจ | จนจวนใกล้โพล้เพล้ถึงเวลา | |||
| ทองประศรีสั่งความว่ายามค่ำ | แม่จะจำจากพ่อแก้วไปแล้วหนา | |||
| ขุนแผนแสนสะท้านไหว้มารดา | พลายงามลาพ่อลูกผูกอาลัย | |||
| ตามย่ามาพ้นทับที่หับเผย | ไม่ลืมเลยเหลียวหน้าน้ำตาไหล | |||
| ทั้งขุนแผนแสนสวาทเพียงขาดใจ | ต่างอาลัยแลลับวับวิญญาณ์ | |||
| ไปขึ้นช้างข้างวัดท่าการ้อง | พอเดือนส่องแสงสว่างกลางเวหา | |||
| ออกข้ามทุ่งกรุงศรีอยุธยา | รีบกลับมาถึงบ้านกาญจน์บุรีฯ | |||
| ๏ อันเรื่องราวกล่าวความพลายงามน้อย | ค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี | |||
| ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดี | เรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนตร์ | |||
| ปัถมังตั้งตัวนะปัดตลอด | แล้วถอนถอดถูกต้องเป็นล่องหน | |||
| หัวใจกริดอิทธิเจเสน่ห์กล | แล้วเล่ามนตร์เสกขมิ้นกินน้ำมัน | |||
| เข้าในห้องลองวิชาประสาเด็ก | แทงจนเหล็กแหลมลู่ยู่ขยั้น | |||
| มหาทะมื่นยืนยงคงกระพัน | ทั้งเลขยันตร์ลากเหมือนไม่เคลื่อนคลาย | |||
| แล้วทำตัวหัวใจปิติโส | สะเดาะโซ่ตรวนได้ดังใจหมาย | |||
| สะกดคนมนตร์จังงังกำบังกาย | เมฆฉายสูรย์จันทร์ขยันดี | |||
| ทั้งเรียนธรรมกรรมฐานนิพพานสูตร | ร้องเรียกภูตพรายปราบกำราบผี | |||
| ผูกพยนต์หุ่นหญ้าเข้าราวี | ทองประศรีสอนหลานชำนาญมา | |||
| จนอายุพลายงามสิบสามขวบ | ดูขาวอวบอ้วนท้วนเป็นนวลหน้า | |||
| ด้วยเนื้อแตกแรกรุ่นละมุนตา | กิริยาแย้มยิ้มหงิมหงิมงาม | |||
| นัยน์ตากลมคมขำดูดำขลับ | ใครแลลับรักใคร่ปราศรัยถาม | |||
| ทองประศรีดีใจได้ฤกษ์ยาม | ได้สิบสามปีแล้วหลานแก้วกู | |||
| จะโกนจุกสุกดิบขึ้นสิบค่ำ | แกทำน้ำยาจีนต้มตีนหมู | |||
| พวกเพื่อนบ้านวานมาผ่าหมากพลู | บ้างปัดปูเสื่อสาดลาดพรมเจียม | |||
| ทั้งหม้อเงินหม้อทองสำรองตั้ง | มีทั้งสังข์ใส่น้ำมนตร์ไว้จนเปี่ยม | |||
| อัฒจันทร์ชั้นพระก็ตระเตรียม | ตามธรรมเนียมห้องกลองฉลองทาน | |||
| ถึงวันดีนิมนต์ขรัวเกิดเฒ่า | อยู่วัดเขาชนไก่ใกล้กับบ้าน | |||
| พอพิณพาทย์คาดตระสาธุการ | ท่านสมภารพาพระสงฆ์สิบองค์มา | |||
| นั่งสวดมนตร์จนจบพอพลบค่ำ | ก็ซัดน้ำมนตร์สาดเสียงฉาดฉ่า | |||
| ผู้ชายเสียดเบียดสาวชาวละว้า | เสียงเฮฮาฮึดฮัดเมื่อซัดน้ำ | |||
| ผู้หญิงหยิกตะกายผู้ชายทับ | เสียงหนุบหนับเหนาะแหนะแขยะขยำ | |||
| จนอีหังคลั่งใจถีบอ้ายดำ | ลุกขึ้นปล้ำกันออกอึงเสียงตึงตัง | |||
| ทองประศรีดีใจว่าใครแพ้ | สนุกแน่แล้วอ้ายดำปล้ำอีหัง | |||
| แล้วให้หลานผลัดผ้ามาเก้กัง | เข้าไปนั่งกราบกรานสมภารครู | |||
| ขรัวเกิดแลมองเห็นทองประศรี | ถามว่านี่ลูกใครเล่าไอ้หนู | |||
| เจ้าขรัวย่าอ้าปากน้ำหมากพรู | เล่าให้รู้แต่ต้นมาจนปลาย | |||
| เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าขุนแผนยังติดคุก | นี่โกนจุกแล้วจะได้ไปถวาย | |||
| ท่านขรัวครูดูพ่อของออพลาย | เคราะห์จะคลายเคลื่อนบ้างหรืออย่างไร ฯ | |||
| ๏ ท่านขรัวครูรู้เรื่องให้เคืองแค้น | ทุดอ้ายแผนถ่อยแท้ไม่แก้ไข | |||
| เมื่อความรู้กูสอนเจ้าหล่อนไว้ | ยังวิ่งไปเข้าคุกสนุกจริง | |||
| อ้ายเจ้าชู้กูได้ว่ามาแต่ก่อน | จะทุกข์ร้อนอ่อนหูเพราะผู้หญิง | |||
| หัวเราะพลางทางเอกเขนกอิง | พินิจนิ่งดูกายเจ้าพลายงาม | |||
| เห็นน่ารักลักษณะก็ฉลาด | จะมีวาสนาดีขี่คานหาม | |||
| ถ้าถึงวันชั้นโชคโฉลกยาม | ก็ต้องตามลักษณะว่าจะรวย | |||
| แต่ที่เมียเสียถนัดปัตนิ | ตัวตำหนิรูปขาวเป็นสาวสวย | |||
| แต่อ้ายนี่ขี้หลงจะงงงวย | ต้องถูกด้วยละโมบโลภโลกีย์ | |||
| แล้วท่านขรัวหัวร่อว่าออหนู | มันเจ้าชู้เกินการหลานอีศรี | |||
| ก็แต่ว่าอายุสิบแปดปี | จะได้ที่หมื่นขุนเป็นมุลนาย | |||
| ทั้งเมียสาวชาวเหนือเป็นเชื้อแถว | อีนั่นแล้วมันจะมาพาฉิบหาย | |||
| อันอ้ายขุนแผนพ่อของออพลาย | จะพ้นปลายเดือนยี่ในปีกุน | |||
| นับแต่นี้มีสุขไม่ทุกข์ร้อน | ได้เตียงนอนนั่งเก้าอี้เป็นที่ขุน | |||
| ทองประศรีดีใจไหว้เจ้าคุณ | ช่วยแบ่งบุญให้ได้ฟื้นคืนสักที | |||
| สมภารรับกลับมายังอาวาส | เสียงพิณพาทย์พวกพ้องทองประศรี | |||
| หาเสภามาทั่วที่ตัวดี | ท่านตามีช่างประทัดถนัดรบ | |||
| ดูทำนองพองคอเสีบงอ้อแอ้ | พวกคนแก่ชอบหูว่ารู้จบ | |||
| ตารองศรีดีแต่ขันรู้ครันครบ | กรับกระทบทำหลอกแล้วกลอกตา | |||
| แล้วนายทั่งดังโด่งเสียงโว่งโวก | ว่ากระโชกกระชั้นขันหนักหนา | |||
| ฝ่ายนายเพรชเม็ดมากลากช้าช้า | ตั้งสามวาสองศอกเหมือนบอกยาว | |||
| ส่วนนายมาพระยานนท์คนตลก | ว่าหยกหยกหยาบช้าคนฮาฉาว | |||
| ตาทองอยู่รู้ว่าภาษาลาว | แล้วส่งกราวเชิดเพลงโหน่งเหน่งไป | |||
| ครั้นรุ่งเช้าเจ้าพลายก็โกนจุก | เป็นพ้นทุกข์พ้นร้อนนอนหลับใหล | |||
| จนผมยาวเจ้าได้ตัดมหัดไทย | คิดจะใคร่ไปเป็นข้าฝ่าธุลี | |||
| เดชะบุญทูลขอพ่อพ้นโทษ | เหมือนได้โปรดบิดาเป็นราศี | |||
| แต่นิ่งนึกตรึกตราจนราตรี | เข้าข้างที่นอนย่าน้ำตาคลอ | |||
| ทำคลึงเคล้าเว้าวอนด้วยอ่อนหวาน | พรุ่งนี้หลานจะลาไปหาพ่อ | |||
| จะได้เฝ้าเจ้าชีวิตชิดชอบพอ | ทูลขอเผื่อจะโปรดที่โทษทัณฑ์ ฯ | |||
| ๏ ทองประศรีดีใจให้อนุญาต | เจ้าเชื้อชาติพงศ์พลายจงผายผัน | |||
| จะได้ช่วยพ่อแม่คิดแก้กัน | ตามกตัญญูเถิดประเสริฐดี | |||
| ย่าจะให้ไปส่งจนถึงพ่อ | จึงพาต่อไปหาพระหมื่นศรี | |||
| ตามแต่บุญวาสนาบารมี | อันย่านี้นับวันจะบรรลัย | |||
| มีลูกเต้าเล่าก็ทำให้ซ้ำทุกข์ | ไม่มีสุขสักเวลาน้ำตาไหล | |||
| โรคก็ซ้ำช้ำบอบทั้งหอบไอ | ใครจะได้เผาผีก็มิรู้ | |||
| เจ้าจงจำตำราที่ย่าสอน | จะถาวรเพิ่มยศไม่อดสู | |||
| ย่าจะให้ไอ้พลัดไอ้ปัดไอ้ปู | เข้าไปอยู่ติดตามทั้งสามคน | |||
| พอถือร่มสมปักตักน้ำท่า | หุงข้าวปลาสารพัดไม่ขัดสน | |||
| พูดจนดึกตรึกการกับหลานตน | แล้วหลับจนแจ่มแจ้งแสงตะวัน ฯ | |||
| ๏ รู้สึกกายยายทองประศรีย่า | เอาเงินผ้าเสื้อใส่ในกำปั่น | |||
| ทั้งหวานคาวข้าวปลาสารพัน | ขนขึ้นบรรทุกสัปคับช้าง | |||
| พลายงามลาย่าช่วยอวยสวัสดิ์ | ได้ฤกษ์พาสารพัดไม่ขัดขวาง | |||
| ขึ้นขี่หลังพังสะเทินเดินตามทาง | ไม่แรมค้างข้ามทุ่งถึงกรุงไกร | |||
| ไปหาพ่อพอพบนั่งนบนอบ | ขุนแผนสอบไต่ถามความสงสัย | |||
| เจ้าพลายน้อยค่อยเล่าให้เข้าใจ | ลูกจะใคร่ให้พระนายถวายตัว ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนแสนสวาทอนุญาตว่า | จงอุตส่าห์สืบตะรกูลเถิดทูนหัว | |||
| พ่อพงศ์พลายหมายศึกอย่านึกกลัว | จะพาตัวเจ้าไปให้พระนาย | |||
| แล้วซักไซ้ไต่ถามถึงความรู้ | ให้ท่องดูได้สมอารมณ์หมาย | |||
| ที่เข้าออกบอกความตามอุบาย | สอนลูกชายอยู่จนสนธยา | |||
| พอเสียงฆ้องกลองย่ำเข้าค่ำพลบ | ถึงเดินพบผู้ใดไม่เห็นหน้า | |||
| ชวนลูกชายพลายงามตามกันมา | ไปเคหาพระหมื่นศรีที่ริมคลอง | |||
| ขึ้นบันไดไฟอร่ามถามพวกบ่าว | พอรู้ข่าวว่าสบายค่อยคลายหมอง | |||
| ตรงมาหอรอรั้งยั้งหยุดมอง | หมื่นศรีร้องเรียกว่ามาซิเกลอ | |||
| ด้วยรักใคร่ใจซื่อถือว่าเพื่อน | ไม่บากเบือนหน้าหนีดีเสมอ | |||
| ขุนแผนพาลูกไปนั่งไหว้เธอ | ถามว่าเออนั่นใครที่ไหนมา ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนบอกออกว่าลูกเจ้าวันทอง | ที่มีท้องเกือบแก่มาแต่ป่า | |||
| เอาความหลังทั้งนั้นพรรณนา | จะพามามอบไว้ให้เจ้าคุณ | |||
| ด้วยไม่มีที่เห็นแต่เป็นโทษ | พระนายโปรดช่วยเหลือทั้งเกื้อหนุน | |||
| เป็นที่พึ่งจึงมาจงการุญ | เอาแต่บุญเถิดพ่อเจ้าเมื่อคราวจน | |||
| อันวิชาย่าสอนลูกอ่อนแล้ว | เห็นคล่องแคล่วการศึกพอฝึกฝน | |||
| ถ้ากระไรได้ช่องเห็นชอบกล | ช่วยผ่อนปรนโปรดถวายเจ้าพลายงาม ฯ | |||
| ๏ พระหมื่นศรีดีใจปราศรัยทัก | ดูแหลมหลักลูกทหารชาญสนาม | |||
| เป็นข้าเฝ้าเจ้าชีวิตอย่าคิดคร้าม | มีสงครามเมื่อไรคงได้ดี | |||
| ไว้ธุระจะถวายช่วยบ่ายเบี่ยง | ให้ชุบเลี้ยงลูกรักเป็นศักดิ์ศรี | |||
| ที่กินอยู่ผู้คนของเรามี | อยู่เรือนนี่นั่งนอนไม่ร้อนรน | |||
| ขุนแผนเล่าเจ้าก็รู้อยู่ว่ารัก | จนเจียนจักแหล่นตายด้วยหลายหน | |||
| ก็เอ็นดูอยู่ว่าเกลอถึงเธอจน | ที่ขัดสนสารพัดไม่ขัดกัน | |||
| แต่สุดช่วยด้วยว่าอาญาหลวง | ต่อได้ท่วงทีก่อนจะผ่อนผัน | |||
| จริงนะเจ้าเราก็คิดทุกคืนวัน | คงช่วยกันไปกว่ากายจะวายวาง ฯ | |||
| ๏ นายขุนแผนแสนชื่นให้ตื้นอก | อุตส่าห์ยกมือไหว้มิได้หมาง | |||
| สู้กลืนกล้ำน้ำตาแล้วว่าพลาง | พ่อเหมือนอย่างพ่อแม่ช่วยแก้ทุกข์ | |||
| จนยากเย็นเป็นโทษเห็นโหดไร้ | ยังส่งให้ข้าวปลาเป็นผาสุก | |||
| ก็หมายมั่นกตัญญูถึงอยู่คุก | กราบพ่อทุกทุกคืนได้ชื่นใจ | |||
| อันลูกชายพลายงามตามแต่พ่อ | ลูกจะขอกราบลาช้าไม่ได้ | |||
| พลางลูบหลังสั่งลูกผูกอาลัย | พ่อจะไปก่อนแล้วนะแก้วตา | |||
| อยู่พึ่งบุญคุณพ่อต่อไปเถิด | จะประเสริฐสมหวังเป็นฝั่งฝา | |||
| แล้วลงเรือนเดือนสว่างกระจ่างตา | ก็กลับมาหับเผยที่เคยนอน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ราช | เรียกพลายงามทรามสวาทมาสั่งสอน | |||
| จะเป็นข้าจอมนรินทร์ปิ่นนคร | อย่านั่งนอนเปล่าเปล่าไม่เข้าการ | |||
| พระกำหนดกฎหมายมีหลายเล่ม | เก็บไว้เต็มตู้ใหญ่ไขออกอ่าน | |||
| กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการ | มนเทียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน | |||
| แล้วให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วง | ตามกระทรวงผิดชอบคิดสอบสวน | |||
| ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควร | รู้จงถ้วนถี่ไว้จึงได้การ | |||
| ที่ไม่สู้รู้อะไรผู้ใหญ่เด็ก | มหาดเล็กสามต่อพ่อลูกหลาน | |||
| เสียตระกูลสูญลับอัประมาณ | เพราะเกียจคร้านคร่ำคร่าเหมือนพร้ามอญ | |||
| นี่ตัวเจ้าเหล่ากอทั้งพ่อแม่ | อย่าเชือนแชอุตส่าห์จำเอาคำสอน | |||
| แล้วจัดแจงห้องหับให้หลับนอน | ไม่อาวรณ์เธอช่วยเลี้ยงเป็นเที่ยงธรรม์ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาท | แหลมฉลาดเลขผาปัญญาขยัน | |||
| อยู่บ้านพระหมื่นศรียินดีครัน | ทุกคืนวันตามหลังเข้าวังใน | |||
| เธอเข้าเฝ้าเจ้าก็นั่งบังไม้ดัด | คอยฟังตรัสตรึกตราอัชฌาสัย | |||
| ค่อยรู้กิจผิดชอบรอบคอบไป | ด้วยมิได้คบเพื่อนเที่ยวเชือนแช | |||
| ครั้นอยู่บ้านอ่านคำพระธรรมศาสตร์ | ตำรับราชสงครามตามกระแส | |||
| ค่อยชื่นชุ่มหนุ่ตะกอดูฟ้อแฟ้ | นางสาวแส้ใส่ใจจะใคร่พบ | |||
| เข้าไปหามาสู่ไม่รู้เกี้ยว | แต่พอเหลียวเห็นผู้หญิงก็วิ่งหลบ | |||
| อุตส่าห์เพียรเรียนรู้ดูจนครบ | รู้ขนบธรรมเนียมก็เจียมใจ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นท่านพระจมื่นศรี | ถึงวันดีได้ช่องก็ผ่องใส | |||
| จึงจัดแจงแต่งธูปเทียนดอกไม้ | จะเข้าไปทูลถวายเจ้าพลายงาม | |||
| นุ่งสมปักชักกลีบจีบสลับ | ครั้นเสร็จสรรพสำราญขึ้นคานหาม | |||
| พวกข้าคนอลหม่านถือพานตาม | เจ้าพลายงามตามหลังเข้าวังใน | |||
| ถึงพระลานวานเขาพวกชาวที่ | ที่ค่อยมีกิริยาอัชฌาสัย | |||
| ถือพานทองรองธูปเทียนดอกไม้ | ยกเข้าไปเตรียมตั้งพอบังควร | |||
| ให้พลายงามตามไปนั่งตรงตั้งของ | ตามทำนองพระหมื่นศรีสั่งถี่ถ้วน | |||
| ฝ่ายข้าเฝ้าเจ้าพระยาเวลาจวน | ต่างก็ชวนกันเข้ามาหน้าพระโรง | |||
| นุ่งสมปักชักชายกรายกรีดเล็บ | ผ้ากราบเหน็บแนบหน้าดูอ่าโถง | |||
| พอเวลานาทีถ้วนสี่โมง | เข้าพระโรงพร้อมหน้าข้าราชการ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช | มงกุฎเกศอยุธยามหาสถาน | |||
| สถถิตแท่นแว่นฟ้าโอฬาฬาร | ดังวิมานเมืองฟ้าสุราลัย | |||
| ห้ามแหนแน่นหนุนละมุนหมอบ | งามประกอบกิริยาอัชฌาสัย | |||
| ระเรื่อยรับขับร้องทำนองใน | สำราญราชหฤทัยทุกเวลา | |||
| ยามกลางวันนั้นก็ออกพระโรงรัตน์ | มีแต่ตรัสสรวลสันต์ทรงหรรษา | |||
| ทั้งเหนือใต้ไพรีไม่มีมา | สำราญใจไพร่ฟ้าประชาชี | |||
| ด้วยเดชะบุญญาอานุภาพ | มีแต่ลาภมาประมูลพูนภาษี | |||
| แต่บรรดาข้าเฝ้าเหล่าเสนี | ใครทำดีได้ประทานถึงพานทอง ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายพระจมื่นศรีเสาวรักษ์ราช | อภิวาทบาทมูลทูลฉลอง | |||
| ขอเดชะพระกรุณาฝ่าละออง | ดอกไม้ธูปเทียนทองของพลายงาม | |||
| บุตรขุนแผนแสนสะท้านหลานทองประศรี | ความรู้มีเรียบราบไม่หยาบหยาม | |||
| จะขอรองมุลิกาพยายาม | พลางกราบสามทีสดับตรับโองการ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษา | เหลือบเห็นหน้าพลายงามความสงสาร | |||
| จะออกโอษฐ์โปรดขขุนแผนแสนสะท้าน | แต่กรรมนั้นบันดาลดลพระทัย | |||
| ให้เคลิ้มองค์ทรงกลอนละครนอก | นึกไม่ออกเวียนวงให้หลงใหล | |||
| ลืมประภาษราชกิจที่คิดไว้ | กลับเข้าในแท่นที่ศรีไสยา ฯ | |||
| ๏ อันเรื่องกล่าวความพลายงามสวาท | เป็นมหาดเล็กแล้วค่อยแกล้วกล้า | |||
| อยู่ด้วยพระหมื่นศรีผู้ปรีชา | เฝ้าเวลาเช้าเย็นไม่เว้นวัน | |||
| มุลนายถ้วนหน้าก็ปรานี | มิได้มีใครรังเกียจเดียดฉันท์ | |||
| ถึงว่าท่านจางวางทั้งสองนั้น | ก็ฝากตัวกลัวทั่นทุกคนไป ฯ | |||
ตอนที่ ๒๕
| ๏ | |||
ตอนที่ ๒๖
| ๏ | |||
ตอนที่ ๒๗ พลายงามอาสา
| ๏ จะกล่าวถึงพระเจ้าเชียงใหม่ | แต่ได้นางมาไว้ในกรุงศรี | ||
| ไม่วายเว้นนึกคะนึงถึงไพรี | เห็นจะมีศึกมาไม่ช้านัก | ||
| ด้วยล้านช้างข้างหนึ่งก็โกรธา | ฝ่ายข้างอยุธยาก็โกรธหนัก | ||
| ถ้าสองข้างต่างยกมาพร้อมพรัก | จะหาญหักต่อสู้ดูยากครัน | ||
| จำจะคิดชิงชัยข้างไทยก่อน | ต้องรีบรัดตัดรอนผ่อนผัน | ||
| ถ้าเสร็จสิ้นศึกไทยข้างใต้นั้น | ล้านช้างก็คงพรั่นไม่อาจมา | ||
| แต่นิ่งนึกตรึกไตรอยู่ในที่ | จนสุริย์ศรีเรืองแรงแสงกล้า | ||
| เสด็จออกท้องพระโรงรจนา | ท้าวพระยานอบน้อมอยู่พร้อมกัน | ||
| จึงปรึกษาเสนาข้าเฝ้า | ชาวเราจะเห็นเป็นไฉนนั่น | ||
| เดิมเจ้าอยุธยาทำอาธรรม์ | มาชิงเมียมิ่งขวัญของกูไป | ||
| ฝ่ายเราไปสั่งดักกักทาง | รับนางจับพวกมันมาได้ | ||
| ถ้ารู้ข่าวราวเรื่องถึงเมืองไทย | เห็นจะยกทัพใหญ่มาราญรอน | ||
| เราจะเตรียมกำลังตั้งต่อสู้ | หรือจะจู่ลงไปทำไทยก่อน | ||
| จงปรึกษาว่ากันให้แน่นอน | จะตัดรอนคิดอ่านประการใด ฯ | ||
| ๏ ครานั้นเสนาพระยาลาว | พระยาท้าวแสนหลวงผู้เป็นใหญ่ | ||
| ปรึกษากันพร้อมมูลแล้วทูลไป | อันศึกไทยไพรีมีกำลัง | ||
| เห็นจะจู่ลงไปไม่ชนะ | แต่ถ้าละช้าไว้ให้พร้อมพรั่ง | ||
| จะเป็นศึกใหญ่มาดาประดัง | ที่จะหวังต่อสู้ดูยากนัก | ||
| ขอให้คิดอ่านการอุบาย | ท้าทายยั่วไทยให้โกรธหนัก | ||
| ให้รีบมาอย่าทันจะพร้อมพรัก | จึงจะหักศึกไทยได้ง่ายดาย ฯ | ||
| ๏ พระเจ้าเชียงใหม่ได้ฟังทูล | เค้ามูลเห็นสมอารมณ์หมาย | ||
| จึงได้แต่งสาราว่าท้าทาย | ให้หยาบคายหมายยั่วให้โกรธา | ||
| เสร็จสรรพพับใส่ลงในกล่อง | มอบให้แสนกำกองตรีเพชรกล้า | ||
| คุมไพร่ร้อยถ้วนล้วนขี่ม้า | ไปส่งด่านอยุธยาธานี ฯ | ||
| ๏ ครานั้นตรีเพชรแสนกำกอง | ทั้งสองรับราชสารศรี | ||
| เรียกไพรได้ครบตามบาญชี | แล้วขึ้นขี่ม้าตามกันหลามมา | ||
| ได้ข้าวตากใส่ไถ้ตะพายแล่ง | เครื่องม้าเครื่องแสงแดงดาดป่า | ||
| ทวนดูพู่ระยับจับนัยน์ตา | ข้ามท่าน้ำได้ไปลำพูน | ||
| ข้ามห้วยแม่ทามาเมืองนคร | ไม่หยุดหย่อนขับควบเข้าไพรสูญ | ||
| ค่ำเข้าเขตเถินเดินพร้อมมูล | แสงจันทร์จำรูญจำรัสฟ้า | ||
| ม้าคนหิวหอบอยู่บอบแบบ | ขึ้นเขาช่องแคบแล้วลงป่า | ||
| แดดร้อนผ่อนพักเป็นเพลา | หยุดให้ม้ากินหญ้าหากำลัง | ||
| พอหายเหนื่อยขึ้นมาพากันไป | สะบัดย่างวางใหญ่ไม่เหลียวหลัง | ||
| สามวันดั้นมาไม่รอรั้ง | จนกระทั่งถึงด่านบ้านท่าเกวียน ฯ | ||
| ๏ ครานั้นนายบุญเป็นขุนไกร | เห็นลาวสงสัยว่าศึกเสี้ยน | ||
| จึงเรียกพวกไพร่เวรเกณฑ์จำเนียร | ออกยืนขวางทางเตียนตรงประตู | ||
| ถือสาตราอาวุธอยู่พร้อมหน้า | โน่นแน่ลาวขี่ม้ามาเป็นหมู่ | ||
| แต่งตัวโพกหัวพันชมพู | แลดูแดงเถือกมะเหลือกมา | ||
| บ้างปิดประตูด่านงุ่นง่านไป | ยัดปืนใหญ่หับชุดจุดไว้ท่า | ||
| ไปไหนเหวยเฮ้ยสูอย่าได้ช้า | ดีร้ายเร่งว่าให้รู้พลัน | ||
| ถ้าดีมานี่แต่สองม้า | ร้ายแล้วยกมากูไม่พรั่น | ||
| บ้างแกว่งดาบถือปืนออกยืนยัน | ต่างพากันเตรียมตัวออกทั่วไป ฯ | ||
| ๏ ฝ่ายว่าพวกลาวเห็นชาวด่าน | อาจหาญยืนขวางหนทางใหญ่ | ||
| จึงพากันหยุดยั้งรั้งม้าไว้ | บอกให้แจ้งใจมิได้ช้า | ||
| เราเป็นแต่ผู้น้อยที่นำสาร | จะมาเว้าชาวด่านแจ้งการหวา | ||
| เพชรกล้ากำกองแต่สองม้า | เข้าไปส่งสาราแล้วว่าไป | ||
| เรื่องราวกล่าวด้วยพระท้ายน้ำ | กับไพร่ต้องจองจำอยู่เชียงใหม่ | ||
| เจ้าเราให้สารมากรุงไทย | สูจงรีบส่งไปให้กราบทูล ฯ | ||
| ๏ ฝ่ายว่าขุนด่านรับสารมา | ไปตามดูหมู่ม้าเข้าป่าสูญ | ||
| เห็นมิใช่กองทัพกลับพร้อมมูล | ให้นายมูลนายหมวดอยู่ตรวจตรา | ||
| ขุนไกรได้สารขึ้นมาใช้ | สะบัดย่างวางใหญ่เข้าในป่า | ||
| ข้ามทุ่งชะเรียงเร่งตะเบ็งมา | บ่ายหน้ามาตรงลงธานี | ||
| ถึงสังคโลกพลันทันใด | ลงม้าจูงคลาไคลไปเร็วรี่ | ||
| ขุนนางกรมการนั่งศาลมี | ปรึกษาคดีอีเม้ยทอง | ||
| จีนแสไม่แก้ยอมให้ปรับ | ว่าไสบวยพวยรับแต่คล่องคล่อง | ||
| พอเห็นขุนด่านกรมการร้อง | เยี่ยมมองอยู่ไยไม่เข้ามา | ||
| ขุนไกรตรงมาศาลากลาง | แหวกทางหมอบคลานเข้าไปหา | ||
| ส่งกล่องใส่ลานสารตรา | แล้วเล่าแจ้งกิจจาทุกสิ่งอัน ฯ | ||
| ๏ ครานั้นจึงท่านเจ้าพระยา | ทั้งเวียงวังคลังนาอยู่ที่นั่น | ||
| กรมการถ้วนหน้าปรึกษากัน | เกิดเหตุสำคัญหนักหนานัก | ||
| ชิงนางมิหนำซ้ำจับทหาร | ทำการอาจองทะนงศักดิ์ | ||
| แล้วยังมีสารามาอึกฮัก | ไม่รู้จักเหมือนริ้นบินเข้าไฟ | ||
| แต่ทว่าหญ้าแพรกจะแหลกก่อน | ต้องยกทัพขับต้อนจะร้อนไพร่ | ||
| อย่าดูเบาเราต้องรีบส่งไป | ถ้านิ่งไว้เข้าร้ายตายทีเดียว | ||
| อ้ายลาวเจ้ากรรมทำแล้วหวา | เขียนบอกปิดตราสักประเดี๋ยว | ||
| เสร็จสรรพใส่กลักถักเป็นเกลียว | เคี่ยวคั่งติดประจำซ้ำตีตรา | ||
| แต่งให้พันมโนเป็นนายใหญ่ | ถือไปบอกกับไพร่ยี่สิบห้า | ||
| หาบโพล่แฟ้มยุ่งกรุ่งกริ่งมา | ลงเรือเก้าวากัญญายาว | ||
| ให้แก้หน้าจากท่าตะเบ็งพาย | เดือนหงายน้ำฟุ้งเป็นฟองขาว | ||
| ตะละเล่มเต็มเหนี่ยวเสียงเกรียวกราว | โห่ฉ่าวฉ่าลั่นสนั่นไป | ||
| พอเช้าตรู่ลงมาถึงท่าเกษม | หุงต้มกินเปรมทั้งนายไพร่ | ||
| อิ่มแล้วรีบร้อนไม่นอนใจ | พันมโนนายใหญ่นั่งโยกมา | ||
| ครั้นพ้นวัดใหม่ไปบ้านตรุ | ลุถึงท่ากงลงพิงหวา | ||
| เเข้าพิจิตรวังวังจันทร์นน้ำดันซ่า | รับวาเฮ้ยโขนโดนเรือเจ๊ก | ||
| เออเรือขายเหล้าชาวเราหวย | พะซี้ไบใส่บวยฉวยเหวยเด็ก | ||
| ยกขึ้นเรือได้ไหไม่เล็ก | ถีบเรือเจ๊กเจ้าของร้องโล่ไป | ||
| มึงบึกกูบึกสะอึกคว้า | เรือกัญญษหน้าโขนเข้าโนไผ่ | ||
| จะร่ำพรรณนาให้ช้าไย | เจ็ดวันมาได้ถึงท่าคัน ฯ | ||
| ๏ พอเรือจอดทอดถึงที่หน้าท่า | พันมโนรีบมาขมีขมัน | ||
| ทั้งบ่าวไพร่ตามไปอยู่พร้อมกัน | เห็นสาวชาววังนั้นก็ชอบเชิง | ||
| จุปากเจาะเจาะกระเดาะลิ้น | หอมกลิ่นแหงนหงายเหมือนควายเบิ่ง | ||
| ทำกรีดกรายชายตาร่าเริง | หลงละเลิงลดเลี้ยวเกี้ยวพานมา | ||
| งุ่มง่ามข้ามฉนวนประตูดิน | ตาถินนายประตูครู่เอาผ้า | ||
| ชายพกหลุดลุ่ยหุยหม่อมตา | ยั่นอ้ายบ้าลอยชายคาดใต้พก | ||
| พ่อเอ๋ยชาวบ้านนอกถือบอกมา | มึงซ่อนอะไรหวาเอาผ้าปก | ||
| ดูเป็นตะะกร้าใส่ไข่นก | สกปรกชาวเหนือมันเหลือใจ | ||
| เสียเงินให้สลึงเขาจึงปล่อย | หน้าจ๋อยกลับมาทั้งนายไพร่ | ||
| เที่ยวถามหาศาลาลูกขุนใน | เขาชี้บอกให้ก็ตรงมา | ||
| เห็นหัวพันนายเวรเกณฑ์เมืองรั้ง | พันมโนก็นั่งลงตรงหน้า | ||
| พอนายควรสวนออกนอกศาลา | กราบไหว้วางตราอยู่ลนลาน | ||
| นายเวรต่อยกลักกับพนักผาง | ชักบอกออกวางกับราชการ | ||
| อ่านดูรู้ข้อราชการ | ก็รีบมาเรียนท่านลูกขุนใน | ||
| ฝ่ายท่านเจ้าพระยาจักรี | เอกอัครอธิบดีเป็นใหญ่ | ||
| ทราบเรื่องราชสารรำคาญใจ | สั่งให้รีบคัดจะกราบทูล ฯ | ||
| ๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงภพ | เลิศลบโภไคยมไหศูรย์ | ||
| สถิตในห้องแก้วแพรวไพฑูรย์ | ไพบูลย์พูนสุขทุกเวลา | ||
| แต่เหตุการณ์ราชการหาทราบไม่ | ให้รุ่มร้อนฤทัยเป็นหนักหนา | ||
| ด้วยเทพเจ้าสิงสู่อยู่อัตรา | รักษาพระองค์ผู้ทรงธรรม์ | ||
| ประทับอยู่ข้างในได้เวลา | สามโมงนาฬิกาตีฆ้องลั่น | ||
| จะเสด็จออกท้องพระโรงคัล | จรจรัลไปสรงพระคงคา | ||
| น้ำกุหลาบอาบอบตลบกลิ่น | หอมประทิ่นพระสุคนธ์ปนบุปผา | ||
| ฝ่ายนางพนักงานก็คลานมา | ถวายภูษาทรงอลงการ | ||
| ทรงเครื่องเสร็จสรรพจับพระขรรค์ | เพชรกุดั่นพรรณรายฉายฉาน | ||
| นางในใจภักดิ์พนักงาน | ถวายพานพระศรีแล้วกราบลง | ||
| เสวยเสร็จพระเสด็จลีลาศ | ผุดผาดดั่งพระยาราชหงศ์ | ||
| นางในตามชิดติดพระองค์ | ตรงขึ้นบรรยงค์รัตนาศน์ | ||
| พระสูตรรูดกร่างขุนนางเฝ้า | คู้เข่าคึกคักแทบถมปักขาด | ||
| กราบถวายบังคมบรมราช | ทั้งอำมาตย์เสนาพระยาครู | ||
| แตรสังข์กระทั่งถวายเสียง | ขุนนางหมอบเรียงเคียงเป็นหมู่ | ||
| ตำรวจในไล่คนพ้นประตู | คอยดูเข้าออกบอกไปมา ฯ | ||
| ๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรี | ได้ทีก็ประนมก้มเกศา | ||
| กราบทูลขึ้นพลันมิทันช้า | อันชีวาอยู่ใต้บาทบงสุ์ | ||
| บัดนี้เชียงใหม่มีราชสาร | มอบให้นายด่านท่าเกวียนส่ง | ||
| พระยาเกษตรสงครามรามณรงค์ | ให้พันมโนจำนงนั้นถือมา | ||
| เรื่องราวกล่าวด้วยพระท้ายน้ำ | เชียงใหม่จับจำยังไม่ฆ่า | ||
| ให้ทรงฟังยังมิทันอ่านสารา | ก็โกรธากลุ้มกลัดขัดพระทัย | ||
| กระทืบบาทผาดพระสุรเสียงก้อง | พระแท่านทองสนั่นหวั่นไหว | ||
| เหม่อ้ายลาวจองหองคะนองใจ | มันพูดจาว่ากระไรให้บอกพลัน ฯ | ||
| ๏ ขอเดชะในสารว่าทรงเดช | ครองนิเวศสน์เชียงใหม่มไหสวรรย์ | ||
| ตั้งอยู่ในสัตย์สุตจริตธรรม์ | เป็นมหันต์อิศโรอันโอฬาร | ||
| ลือเดชทุกเขตอาณาจักร | ปรปักษ์ย่อท้อไม่ต่อต้าน | ||
| ในตำรับข้างที่มีมานาน | จารจารึกกไว้ในแผ่นทอง | ||
| ว่าพระเจ้ากษัตริย์ศึกองค์นี้ | เป็นมโหฬีเลื่องโลกไม่มีสอง | ||
| ดังอวตารมาผลาญศึกคะนอง | มิให้ข้องเคืองขุ่นราะคายมี | ||
| เดิมให้ราชทูตจำทูลสาร | ไปขอองค์เยาวมาลย์โฉมศรี | ||
| ตามโบราณราชประเพณี | บุตรีล้านช้างนางสร้อยทอง | ||
| หวังพระทัยจะได้ซึ่งองค์เอก | มาอภิเษกสู่สมภิรมย์สอง | ||
| ยังเยาว์อยู่มิควรภิรมย์ครอง | จึงยังไม่รับรองมาแนบองค์ | ||
| แต่เดิมมากรุงไทยอยู่ในสัตย์ | มาวิบัติถือจริตด้วยฤทธิ์หลง | ||
| ให้พระท้ายน้ำนำจตุรงค์ | ดั้นดงล่วงแดนของเรามา | ||
| ไม่เกรงเราผู้เป็นเจ้านคเรศ | โอหังบังเหตุแล้วมิสา | ||
| ยังซ้ำกลับรับองค์พระธิดา | สร้อยทองเสนหาของเราไป | ||
| จึงได้เกณฑ์กองทัพออกรับรบ | ตีตลบชิงนางนั้นไว้ได้ | ||
| พระท้ายน้ำนายทัพกับพวกไทย | เราจับจำคุกไว้ไม่ฆ่าตี | ||
| ครั้นจะไม่บอกมาว่าให้แจ้ง | จะเคลือบแคลงเราว่าพานางหนี | ||
| อันโฉมยงค์องค์ราชบุตรี | รับมาไว้ในที่ตำหนักจันทน์ | ||
| ถ้าประสงค์ซึ่งองค์อัคเรศ | ละนิเวศน์ยกมาอย่าได้พรั่น | ||
| ขอเชิญเจ้าอยุธยามาประจัญ | ตัวต่อตัวสู้กันบนหลังช้าง | ||
| มีชัยก็จะได้นางสร้อยทอง | ไปสมสองสัมผัสไม่ขัดขวาง | ||
| พระท้ายน้ำเราจำเอาไว้พลาง | เป็นจำนำฝ่ายข้างอยุธยา | ||
| ครบสามเดือนจะฆ่าทั้งห้าร้อย | เราคอยฟังอย่างไรให้เร่งว่า | ||
| จะไว้ยศให้ปรากฏกัลป์ปา | หรือเกรงภัยไม่มาก็ว่าไป | ||
| จะกำหนดสงครามตามแบบอย่าง | อันองค์นางยังหาร่วมภิรมย์ไม่ | ||
| กว่าจะได้รบพุ่งเจ้ากรุงไทย | ให้ประจักษ์ฤทธิไกรใครรุ่งเรือง | ||
| แล้วจึงจะอภิเษกให้ปรากฏ | เกียรติยศระบือลือเลื่อง | ||
| ว่าชนช้างได้นางเป็นศรีเมือง | อ่านสารสิ้นเรื่องบังคมคัล ฯ | ||
| ๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟัง | แค้นคั่งเคืองขัดจนอัดอั้น | ||
| ให้ร้อนรุ่มกลุ้มพระทัยดังไฟกัลป์ | จะเผาผลาญชีวันให้บรรลัย | ||
| เป็นครู่หนึ่งจึงเปล่งสิงหนาท | กระทืบบาทสนั่นหวั่นไหว | ||
| ฉวยชักพระแสงออกแกว่งไกว | ข้าเฝ้าน้อยใหญ่ก็ถอยทรุด | ||
| หน้าซีดตัวสั่นอยู่งันงก | บ้างล่วมหมากพลัดตกพกไม่หยุด | ||
| บ้างแอบเสาท้องพระดรงหมอบโค้งคุด | อุตลุดหวั่นไหวไปทั้งวัง | ||
| ความกลัวดังจะแทรกแผ่นดินด้น | บางคนลนลานคลานถอยหลัง | ||
| เปล่งพระสุรเสียงประเปรี้ยงดัง | นักสนมแน่นนั่งก็ตกใจ | ||
| เหม่เหม่อ้ายเชียงใหม่ใจพาล | จับพวกพลทหารของกูได้ | ||
| หยาบช้าท้าให้ไปชิงชัย | กำเริบนี่กระไรใช่พอดี | ||
| อ้ายบ้านเล็กเมืองน้อยร้อยประเทศ | บังเหตุจะสู้กับกูนี่ | ||
| มันเหมือนหนึ่งลูกมฤคี | จะมาสู้ราชสีห์ให้วายปราณ | ||
| ตัวกูผู้เป็นหลักนัคเรศ | ทุกประเทศมิได้รอต่อต้าน | ||
| อ้ายนี่โมหันธ์อันธการ | กรรมของมันบันดาลให้หลงคิด | ||
| เชียงใหม่ใหญ่เท่าสักหยิบมือ | ไม่พอครือทัพไทยจะไปติด | ||
| จะพลอยพาโตตรวงศ์ปลงชีวิต | อวดฤทธิ์ประจญชนช้างกู | ||
| เคลือบแฝงแกล้งว่าขอนางไว้ | ดังว่าเขายกให้ไม่อดสู | ||
| เมื่อตัวนางล้านช้างเขาให้กู | ทูตมาก็รู้อยู่ทั่วไป | ||
| ถ้ามันมีอำนาจดังราชสาร | เขากลัวโพธิสมภารไม่ขัดได้ | ||
| นี่เพราะรู้เช่นเห็นจัญไร | เขาจึงยกลูกให้เสียเมืองนี้ | ||
| ชิงนางกลางคันแล้วมิหนำ | จับพระท้ายน้ำทำป่นปี้ | ||
| เอาไว้ไยให้หนักพระธรณี | เหวยพระยาจักรีเร่งเตรียมทัพ | ||
| อีกสามวันกูจะยกไปเชียงใหม่ | ถ้าตีเมืองไม่ได้กูไม่กลับ | ||
| เกณฑ์เมืองขึ้นน้อยใหญ่อย่าได้นับ | เร่งขับตามไปให้สิ้นพล | ||
| อ้ายพวกเชียงใหม่อย่าไว้มัน | พบที่ไหนไล่ฟันเสียให้ป่น | ||
| จนให้เมืองมันร้างว่างผู้คน | รื้อจนกำแพงล้อมป้อมปราการ ฯ | ||
| ๏ ครานั้นจตุสดมภ์กรมทั้งสี่ | ฟังคดีรับสั่งดั่งศรผลาญ | ||
| สะกิดกันตัวสั่นหวั่นสะท้าน | ให้ท่านอธิบดีจักรีทูล | ||
| ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงเดช | ปิ่นปักนัคเรศมไหศูรย์ | ||
| บารมีทรงบำเพ็ญเห็นไพบูลย์ | จะเพิ่มพูนปรโยชน์โพธิสมภาร | ||
| ซึ่งพระองค์จะทรงกิจสงคราม | ก็เห็นว่าเสี้ยนหนามไม่ต่อต้าน | ||
| ขอพระราชทานโทษจงโปรดปราน | จะหนักหน่วงโพธิญาณให้นานไป | ||
| กับข้อราชการแต่เพียงนี้ | หาควรที่จะถึงเสด็จไม่ | ||
| กับรบพุ่งพวกลาวชาวพงไพร | ใช่เสนาข้าใช้จะไม่มี | ||
| เห็นพระเกียรติยศจะถดถอย | เชียงใหม่กลับจะพลอยได้ราศี | ||
| ว่าเป็นคู่สู้พระองค์ทรงธรณี | ไม่ควรที่แผ่นฟ้าลงมาดิน | ||
| ครั้นเมื่อสมเด็จพระรามา | หนุมานอาสาก็เสร็จสิ้น | ||
| จนได้นางสีดาคืนธานินทร์ | อสุรินทร์ย่นย่อท้อทด | ||
| ครั้งนี้ถ้าเสด็จไปเชียงใหม่ | ตกทหารกรุงไกรนี้สิ้นหมด | ||
| ขอพระองค์ทรงชัยจงไว้ยศ | ให้ปรากฏเหมือนครั้งพระรามา ฯ | ||
| ๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงศักดิ์ | ปิ่นปักหลักโลกนาถา | ||
| ได้ฟังคำทูลเป็นมูลมา | พระตรึกตรานิ่งนึกในพระทัย | ||
| จึงตรัสถามเสนาข้าเฝ้า | นี่ออเจ้าคิดเห็นเป็นไฉน | ||
| เมื่อมาทานทัดขัดกูไว้ | ใครจะอาสาไปก็ว่ามา ฯ | ||
| ๏ ครานั้นบรรดาท่านผู้ใหญ่ | จนใจด้วยไม่มีผู้อาสา | ||
| มิรู้ที่จะสนองพระบัญชา | ก็หมอบนิ่งก้มหน้าไปตามกัน | ||
| พระองค์ทรงพิโรธกระทืบบาท | สุรเสียงสิงหนาทดังฟ้าลั่น | ||
| อย่างไรเล่าเอาจริงก็นิ่งงัน | เปล่าทั้งนั้นพูดเล่นไม่เป็นงาน | ||
| ดีแต่ฉ้อไพร่ไพล่เงินกิน | ปลอบปลิ้นสิ้นลมประสมประสาน | ||
| เลี้ยงเสียเบี้ยหวัดไม่ต้องการ | มีศฤงคารยศศักดิ์หนักแผ่นดิน | ||
| กริ้วพลางทางเสด็จเข้าวังใน | ขุนนางน้อยใหญ่กลับไปสิ้น | ||
| พรั่นตัวทุกคนเป็นมลทิน | ด้วยได้ยินประภาษคาดโทษทัณฑ์ฯ | ||
| ๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสวาท | เฉลียวฉลาดแกล้วกล้าวิชาขยัน | ||
| เรืองฤทธิ์ประสิทธิ์ทุกสิ่งอัน | หมายประจัญสงครามไม่ขามใคร | ||
| อยู่กับพระหมื่นศรีมาปีกว่า | เจ้าอุตส่าห์ฝากตัวให้รักใคร่ | ||
| จนเธอเลี้ยงเป็นลูกด้วยถูกใจ | สารพัดจัดให้ได้สุขสบาย | ||
| วันนั้นรู้คดีว่ามีศึก | คะเนนึกเห็นจะสมอารมณ์หมาย | ||
| จะอ้อนวอนพึ่งบุญคุณพระนาย | เบี่ยงบ่ายให้ได้รับอาสาไป | ||
| ถ้ากระไรจะได้ทูลขอพ่อ | คิดมาน้ำตาคลอสะอื้นไห้ | ||
| โอ้กรรมพ่อทำมาอย่างไร | จึงต้องไปทนทุกข์ทรมาน | ||
| ติดคุกมาแต่ลูกอยู่ในท้อง | แม่วันทองช่างกระไรไม่สงสาร | ||
| เสียแรงร่วมยากมาเป็นช้านาน | ครั้นถึงบ้านแล้วแม่ก็แชไป | ||
| เป็นหลายปีดีดักไม่อินัง | หาคิดถึงความหลังของพ่อไม่ | ||
| แต่ตัวลูกจักแหล่นจะบรรลัย | เพราะเหตุอ้ายขุนช้างเป็นตัวมาร | ||
| สะอื้นพลางทางคิดถึงคุณพพระ | เดชะความสัตย์อธิษฐาน | ||
| ข้าพเจ้าจะดำริตริการ | คิดอ่านขอโทษให้บิดา | ||
| ขอให้ได้สมอารมณ์คิด | อย่าให้ผิดมุ่งมาดปรารถนา | ||
| อธิษฐานเสร็จพลันแล้ววันทา | พอเพลาพลบค่ำเข้าไต้ไฟ | ||
| เห็นพระหมื่อนศรีอยู่หอกลาง | แสงเทียนสว่างกระจ่างไข | ||
| ลูกเมียหมอบนั่งสะพรั่งไป | พระหมื่นศรีทีใจไม่สบาย | ||
| เล่าความถึงเรื่องกริ้วด้วยเรื่องทัพ | รับสั่งเสร็จสรรพให้บัตรหมาย | ||
| เตรียมทัพหลวงไว้ทั้งไพร่นาย | วุ่นวายอึกทึกทั้งพารา | ||
| พลายงามแอบฟังพระหมื่นศรี | พอได้ทีก็คลานเข้าไปหา | ||
| พลางร่ายพระเวทให้เมตตา | วันทาแล้วถามไปทันที | ||
| ดูคุณพ่อเป็นไรไม่สบาย | ได้ยินว่าวุ่นวายทั้งกรุงศรี | ||
| เกณฑ์ทัพจับกันเป็นโกลี | ลูกนี้อยากรู้เป็นอย่างไร ฯ | ||
| ๏ พระหมื่นศรีว่าเออพลายงามเอ๋ย | รบพุ่งเราจะเคยก็หาไม่ | |||
| วันนี้พระองค์ผู้ทรงชัย | ตรัสไถ่ถามทั่วทุกตัวคน | |||
| นิ่งหมดไม่มีใครอาสา | กริ้วดังฟ้าผ่าโกลาหล | |||
| เสด็จออกพรุ่งนี้เข้าที่จน | เอากุศลเสี่ยงสุดแต่บุญกรรม | |||
| ถ้าไม่มีผู้ใดใครอาสา | พ่อนี้เห็นว่าไม่เป็นส่ำ | |||
| จะพากันวุ่นวายตายระยำ | หน้าดำอยู่ทั่วทุกตัวคน ฯ | |||
| ๏ พลายงามฟังความก็สมคิด | หมอบชิดแล้วตอบอนุสนธิ์ | |||
| คุณพ่ออย่าได้เป็นทำวล | จงผ่อนปรนเพ็ดทูลให้ชอบที | |||
| ลูกนี้จะรับอาสาไป | ทำเมืองเชียงใหม่ให้ป่นปี้ | |||
| จะจับเจ้าเชียงใหม่ไอ้ตัวดี | มิให้มีลำบากแก่ไพร่พล | |||
| เสียแรงลูกเรียนรู้แต่ครูมา | จะอาสาทำศึกเสียสักหน | |||
| ให้มีชื่อลือทั่วทั้งสากล | ว่าเป็นคนชาติทหารอันชาญชัย ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพระหมื่นศรีผู้ปรีชา | ฟังพลายงามว่ายังสงสัย | |||
| ซึ่งเจ้าจะกล้าอาสาไป | พ่อนี้ยังไม่ไว้อารมณ์ | |||
| ด้วยตัวเจ้ายังเล็กเด็กหนักหนา | จะทูลความอาสาเห็นไม่สม | |||
| ไม่เคยเห็นวิชาอาคม | เจ้าสะสมร่ำเรียนไว้อย่างไร | |||
| ลูกเอ๋ยการศึกนี้ลึกนัก | เอาแต่หาญหักนั้นไม่ได้ | |||
| ถ้าเหมือนพ่อก็พอจะไว้ใจ | หรือพ่อเจ้าเขาให้ตำรับเรียน | |||
| ไปเพ็ดทูลถ้าดีก็มีหน้า | เคลื่อนคลาดก็จะพากันถูกเฆี่ยน | |||
| จะเสียทีที่ลำบากพากเพียร | ไปพลั้งพลาดแล้วเจียนพากันตาย | |||
| ตรองดูให้ดีนะลูกรัก | จะหาญหักเพ็ดทูลมิใช่ง่าย | |||
| เอ็นดูอยู่ว่าเจ้าเป็นลูกชาย | พ่อหมายจะปลูกฝังให้เป็นตัว | |||
| มิใช่แกล้งเกียดกันฉันทา | เกรงแต่ว่าจะไปไม่รอดชั่ว | |||
| อย่าประมาทคาดได้ด้วยไม่กลัว | จงถ่ายเทดูให้ทั่วถึงทางความ ฯ | |||
| ๏ เจ้าพลายนบนอบตอบวาจา | คุณพ่อว่าเพราะรักจึงหักห้าม | |||
| ด้วยยังไม่เห็นดีของพลายงาม | มิใช่ลูกว่าตามใจคะนอง | |||
| เป็นลูกศิษย์มีครูรู้เที่ยงแท้ | ท่านทำนายไว้แน่ไม่เป็นสอง | |||
| ถ้าจะให้ปรากฎจะทดลอง | ให้ถ่องแท้ได้เห็นเป็นแก่ตา | |||
| ว่าแล้วยกมือขึ้นไหว้ครู | ให้สิงสู่แล้วอ่านพระคาถา | |||
| หายตัวไปพลันมิทันช้า | ต่อหน้าคนผู้อยู่ทั้งนั้น | |||
| พระหมื่นศรีค่อยมีน้ำใจมา | หัวเราะร่าเออเช่นนี้ดีขยัน | |||
| พอจะเอาการได้ไม่เสียพันธุ์ | คลายเวทย์พูดกันเถิดลูกยา | |||
| เจ้าพลายก็คลายให้คนเห็น | กลับเป็นเสือโคร่งตัวคร่ำคร่า | |||
| โตทะมื่นยืนหยัดดัดกายา | ทำท่าเหมือนโดดโลดไล่คน | |||
| แต่บรรดาลูกเมียพระหมื่นศรี | ตกใจวิ่งหนีอยู่สับสน | |||
| แต่พระหมื่นศรีรู้ทีกล | ไม่ร้อนรนหัวร่ององันไป | |||
| พลายงามก็คลายฤทธิมนตร์ | กลับกลายเป็นคนลงนั่งไหว้ | |||
| พระหมื่นศรีเปรมปริ่มยิ้มละไม | ลูบหลังลูบไหล่เจ้าพลายงาม | |||
| เอาการแน่แล้วลูกแก้วพ่อ | เจ้าเป็นต่อนักเลงอย่าเกรงขาม | |||
| เมื่อแรกพ่อแคลงใจจึงไม่ตาม | พึ่งเห็นความรู้ดีฉะนี้เจียว | |||
| อย่างนี้พระองค์ก็คงโปรด | ไม่พักทรงพิโรธเป็นสองเที่ยว | |||
| ทั้งพระหลวงเจ้าพระยาได้หน้ากรียว | เพราะเจ้าคนเดียวได้รอดดอน | |||
| พูดกันสองคนจนสว่าง | สุริยาเยื้องย่างเยี่ยมสิงขร | |||
| ก็เลยเตรียมไปเฝ้าไม่เข้านอน | ได้เวลาพาจรจากบ้านพลัน ฯ | |||
| ๏ พระหมื่นศรีขึ้นขี่คลานหาม | เจ้าพลายเดินตามขมีขมัน | |||
| เข้าไปในศาลาลูกขุนนั้น | ท่านผู้ใหญ่พร้อมกันอยู่ศาลา | |||
| กำลังท่านกลาโหมจักรี | จตุสดมภ์ทั้งสี่นั่งปรึกษา | |||
| จึงพระหมื่นศรีผู้ปรีชา | ก็พาตัวพลายงามตามเข้าไป | |||
| กราบเรียนความพลันในทันที | ว่าคนดีจะเข้ามาอาสาได้ | |||
| ลูกขุนแผนแสนสะท้านหลานขุนไกร | ชื่อพลายงามว่องไวใจคอดี | |||
| วิชากล้าแกล้วแคล่วคล่อง | ล่องหนหายตัวได้ถ้วนถี่ | |||
| ท่านผู้ใหญ่ได้ฟังก็เปรมปรีดิ์ | เจ้าพระยาจักรีว่าชอบกล | |||
| หน่วยก้านหาญเหี้ยมดูเจียวเจ้า | ลาดเลาก็เห็นจะเป็นผล | |||
| เป็นลูกหลานทหารถึงสองคน | ฤทธิ์เดชเวทมนตร์คงได้การ | |||
| ดูคมคายคล้ายกับขุนแผนพ่อ | ทั้งน้ำใจในคอก็อาจหาญ | |||
| นี่แน่เจ้าจะเข้ารับราชการ | ถ้าเชี่ยวชาญเหมือนว่าแล้วอย่ากลัว | |||
| เราจะช่วยยกย่องให้มียศ | ปรากฏเลื่องลือระบือทั่ว | |||
| ถ้าตีได้เชียงใหม่ไหนครอบครัว | ทั้งควายวัวเหลือหลายสบายใจ | |||
| พูดจาหารือกันเสร็จสรรพ | เป็นลำดับแต่ล้วนท่านผู้ใหญ่ | |||
| จวนเสด็จออกท้องพระโรงชัย | ก็เตรียมเฝ้าเข้าไปได้เวลา ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงพระองค์ทรงสวัสดิ์ | เนาในปรางค์รัตน์จำรัสหล้า | |||
| ครั้นรุ่งแจ้งแสงสีสุริยา | พระผ่านฟ้าสระสรงทรงเครื่องครัน | |||
| ให้เร่าร้อนพระทัยด้วยไพรี | พระเสด็จออกที่สุทธาสวรรย์ | |||
| ขุนนางหมอบราบกราบพร้อมกัน | เสียงแตรแซ่สั่นเสนาะวัง | |||
| ทอดพระเนตรเห็นข้าราชการ | พระพักตร์เผือดเดือดดาลดังจะคลั่ง | |||
| เป็นอย่างไรนิ่งอยู่กูรอฟัง | ใครจะอาสามั่งหรือไม่มี | |||
| อ้ายเลกทาสเลกสมกรมนอกใน | มันจะอาสาได้กระมังนี่ | |||
| จะได้แต่งตั้งมันให้ทันที | ถอดออเจ้าเหล่านี้ลงแทนมัน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ | อภิวาททูลไปมิได้พรั่น | |||
| ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์ | อันชีวันอยู่ใต้พระบาทา | |||
| กระหม่อมฉันออกไปไต่ถาม | ได้นายพลายงามจะอาสา | |||
| เป็นบุตรขุนแผนแสนศักดา | ได้ร่ำเรียนวิชามาเชี่ยวชาญ | |||
| กระหม่อมฉันสงสัยได้ทดลอง | ก็แคล่วคล่องสามารถอาจหาญ | |||
| เป็นคนดีมีวิชาอาการ | แล้วเหล่าปราณก็เคยสงครามมา ฯ | |||
| ๏ พระองค์ทรงฟังพระหมื่นศรี | เปรมปรีดิ์ดำรัสตรัสให้หา | |||
| ตัวมันอยู่ไหนอย่าได้ช้า | เรียกให้กูดูหน้าให้เต็มใจ | |||
| พระหมื่นศรีเหลียวหลังสั่งให้เรียก | เจ้าพลายงามสำเหนียกหาช้าไม่ | |||
| ค่อยคลานผ่านหมู่หุ้มแพรไป | นายเวรแหวกช่องให้เป็นทางมา | |||
| ถึงหน้าพระที่นั่งก็บังคม | ปลงอารมณ์ร่ายเวทพระคาถา | |||
| ผูกพระทัยให้ทรงพระเมตตา | หมอบนิ่งภาวนาอยู่ในใจ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช | ทอดพระเนตรพอเห็นให้รักใคร่ | |||
| จึงมีสีหนาทประภาษไป | เฮ้ยไอ้พลายงามทรามคะนอง | |||
| โคตรเหง้าเหล่ามึงเป็นทหาร | อุตส่าห์ทำราชการให้แคล่วคล่อง | |||
| แม้นมึงทำลาวได้ดังใจปอง | เงินทองยศอย่างจะรางวัล | |||
| จะได้หรือมิได้ให้ว่ามา | กูดูหน้าตาก็คมสัน | |||
| น้ำใจในคอก็พ่อมัน | นิ่งอั้นอยู่ไยไม่ว่ามา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม | ฟังความรับสั่งใส่เกศา | |||
| ขอเดชะพระองค์ทรงศักดา | อันชีวาอยู่ใต้ฝ่าละออง | |||
| กระหม่อมฉันจะขอรับอาสา | เอาพระเดชามาปกป้อง | |||
| จะจับเจ้าเชียงใหม่ใจคะนอง | มิให้ต้องร้อนใจแก่ไพร่พล | |||
| ขอพระราชทานโทษโปรดบิดา | ไปเป็นคู่ปรึกษากันกลางหน | |||
| ทั้งจะได้ช่วยเหลือเผื่ออับจน | แก้กลศึกสู้ศัตรูนั้น | |||
| แม้นว่าได้ร่วมคิดกับบิดา | จะขอรับอาสาจนอาสัญ | |||
| ถ้าพ่ายแพ้แก่พวกเชียงใหม่มัน | ขอถวายชีวันทั้งโคตรปราณ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูร | ฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉาดฉาน | |||
| ทรงพระสรวลร่วนรื่นชื่นบาน | เออเอ็งเอาการมิเสียที | |||
| อนิจจาอ้ายขุนแผนแสอาภัพ | ตกอับเสียคนแทบป่นปี้ | |||
| ติดคุกทุกข์ยากมาหลายปี | กูนี้ก็ชั่วมัวลืมไป | |||
| ให้บังอกบังใจกระไรหนอ | อ้ายพลายงามมาขอจึงนึกได้ | |||
| ครั้งขออีลาวทองกูหมองใจ | จำไว้ช้านานถึงปานนี้ | |||
| ดูดู๋ขุนนางทั้งน้อยใหญ่ | พากันนิ่งเสียได้ไม่พอที่ | |||
| ทาระกรรมมันมาสิบห้าปี | ช่างไม่มีผู้ใดใครชอบพอ | |||
| เหตุด้วยอ้ายนี่ไม่มีทรัพย์ | เนื้อความมันจึงลับไปเจียวหนอ | |||
| ถ้ามั่งมีไม่จนคนก็ปรอ | มึงขอกูขอไม่เว้นวัน | |||
| นับประสาหาคนไปสู้ศึก | ก็ไม่มีใครนึกถึงมันนั่น | |||
| ด้วยอิจฉาว่าวิชาไม่เท่ามัน | มันไล่ฟันเอาเมื่อตามขุนช้างไป | |||
| ความกลัววิ่งหัวเป็นดอกล่อ | รู้จักฝีมือพ่อหรือหาไม่ | |||
| พระยายมฟังว่าช้าอยู่ไย | จงสั่งให้ไปถอดอ้ายแผนมา ฯ | |||
| ๏ ท่านเจ้ากรมยมราชได้รับสั่ง | ถวายบังคมคัลด้วยหรรษา | |||
| รีบออกนอกพระโรงรัตนา | ให้หานรบาลแล้วสั่งพลัน | |||
| ไปถอดขุนแผนเป็นการด่วน | เวลาจวนพามาขมีขมัน | |||
| ให้ทันเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ | นรบาลงกงันรีบออกไป | |||
| ถึงคุกเร่งรัดพัสดี | ถอดกันทันทีไม่ช้าได้ | |||
| แล้วพาขุนแผนผู้แว่นไว | เข้าในวังนั่งไหว้ท่านเจ้าคุณ | |||
| ท่านพระยายมราชก็ทักถาม | บอกความขุนแผนว่าแสนวุ่น | |||
| พลายงามทูลขอพ่อเป็นบุญ | ทรงการรุญยกโทษโปรดประทาน | |||
| อนิจจาผมเผ้ายาวเลื้อยดิน | ผิดหน้าตาสิ้นน่าสงสาร | |||
| เข้าไปเฝ้าเถิดเจ้าจะช้าการ | ว่าแล้วก็คลานพาเข้าไป ฯ | |||
| ๏ พระองค์ทรงศักดิ์กวักพระหัตถ์ | ตรัสเรียกขุนแผนเข้ามาใกล้ | |||
| หมอบหน้าพลายงามทรามวัย | บังคมไหว้กราบงามลงสามที | |||
| พระองค์ทรงตรัสประภาษไป | เออไอ้ขุนแผนไม่พอที่ | |||
| มึงจำเพาะเคราะห์ร้ายมาหลายปี | วันนี้สิ้นเคราะห์เพราะลูกชาย | |||
| บัดนี้มีศึกข้างเชียงใหม่ | อ้ายลูกมันจะไปตีถวาย | |||
| มันจะขอพ่อไปเป็นเพื่อนตาย | ปรึกษากับลูกชายก็เป็นไร | |||
| ตัวมึงกูเคยได้เชื่อถือ | ไม้มือไม่มีใครหักได้ | |||
| กูนี้ชั่วมัวเอามึงจำไว้ | ลืมไปใช่ว่าจะแค้นเคือง | |||
| มึงจะเอาผู้คนสักกี่หมื่น | ให้เร่งกะวันคืนอย่าร่ำเรื่อง | |||
| จะเอาไพร่ในกรุงหรือหัวเมือง | วัวต่างช้างเครื่องให้หมายไป ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพ | ก้มกราบแล้วทูลเฉลยไข | |||
| มิต้องให้ไพร่ยากไปมากมาย | ครั้นกะเกณฑ์วุ่นวายจะช้าการ | |||
| ขอพระราชทานแต่ไพร่ราบ | พอหามหาบหาเสบียงเลี้ยงอาหาร | |||
| อันพวกพลจะประจญประจัญบาน | ขอประทานคนโทษที่ในคุก | |||
| มีสามสิบห้าคนล้วนทนคง | ยืนยงสามารถอาจอุก | |||
| ได้ร่ำเรียนรู้ครบเชิงรบรุก | เห็นมีทุกความรู้ครูต่างกัน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ | ฟังขุนแผนพูดจบเห็นขบขัน | |||
| เออเขตแขวงเชียงใหม่สิใหญ่ครัน | คนมันมากมายเป็นหลายเมือง | |||
| ผู้คนเอ็งจะเอาไปเท่านี้ | ถึงว่าได้คนดีที่ปราดเปรื่อง | |||
| จะรบราฆ่าฟันมันไม่เปลือง | กูเห็นเครื่องจะยับกลับลงมา | |||
| มันดีดีอย่างไรว่าไวว่อง | มะรืนนี้เอามาลองกันต่อหน้า | |||
| พระยายมว่าอย่างไรอย่าได้ช้า | ไปถอดทั้งสามสิบห้าให้แก่มัน | |||
| สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าในที่ | ภูมีแสนสุขเกษมสันต์ | |||
| พวกขุนนางออกมาพร้อมหน้ากัน | ขุนแผนนั้นไหว้ทั่วตัวขุนนาง | |||
| บ้างทักทายปราศรัยเป็นไมตรี | ล้วนยินดีเชยชมกันต่างต่าง | |||
| ให้ศีลให้พรสั่งสอนพลาง | เคราะห์โศกสิ้นสร่างแล้วคราวนี้ | |||
| ท่านเจ้ากรมยมราชก็เรียกหา | ทั้งพ่อลูกตามมากับจมื่นศรี | |||
| ให้จดหมายรายชื่อลงบาญชี | ครบคนโทษที่พระราชทาน | |||
| แล้วสั่งให้ประแดงไปถอดมา | ตรวจตัวทั่วหน้าให้นับอ่าน | |||
| ต่อหน้าขุนแผนแสนสะท้าน | สอบคำให้การให้ขานมา ฯ | |||
| ๏ ข้าพเจ้าอ้ายพุกอยู่ลุกแก | เมียชื่ออีแตพระเจ้าข้า | |||
| โทษปล้นให้รำระบำป่า | ให้อีมารำรื้อไปมือเดียว | |||
| ถัดไปอ้ายมีบ้านยี่ล้น | เมียชื่ออีผลปล้นตาเขียว | |||
| แทงถูกอีชังกำลังเยี่ยว | ปากเบี้ยวล้มหงายน้ำลายฟด | |||
| ถัดไปอ้ายปานบ้านชีหน | เมียชื่ออีสนปล้นบางปลากด | |||
| ผูกคอตาจ่ายกับยายรด | เอาไฟจดจุดขนหล่นร่วงไป | |||
| ถัดนั้นอ้ายจันสามพันตึง | เมียชื่ออีอึ่งบ้านเหมืองใหม่ | |||
| พวกปล้นขุนศรีวิชัย | เอาไม้เสียบก้นจนแกตาย | |||
| ถัดมาข้าชื่ออ้ายคงเครา | เมียชื่ออีเต่าบ้านหนองหวาย | |||
| ปล้นบ้านบางภาษีเมื่อปีกลาย | ได้ทรัพย์จับควายผูกต่างมา | |||
| ต่อมาข้านี้อ้ายสีอาด | เมียชื่ออีกงราดพระเจ้าข้า | |||
| คบไทยไล่ปล้นบ้านละว้า | แล้วเข่นฆ่าตาปานบ้านตาลเอน | |||
| ถัดไปอ้ายทองอยู่ช่องขวาก | ผัวอีมากฆ่าลาวชื่อท้าวเสน | |||
| ขึ้นย่องเบาเอาบาตรผ้าพาดเณร | ทุบตาเถรแล้วซ้ำปล้ำหลวงชี | |||
| ที่นั่งถัดไปอ้ายช้างดำ | อยู่บ้านถ้ำย่องเบาเจ้าภาษี | |||
| เก็บเงินทองของข้าวบรรดามี | ของดีดีไม่น้อยทั้งพลอยเพชร | |||
| ถัดมาอ้ายบัวหัวกะโหลก | โทษปล้นชีโคกที่บ้านเกร็ด | |||
| แล้วตีอ้ายดูกจมูกเฟ็ด | ฟันตาสายขายเป็ดบ้านตึกแดง | |||
| ถัดมาข้าชื่ออ้ายแตงโม | เมียชื่อออีโตบ้านชุมสาย | |||
| ปล้นชีดักขนนขนพอแรง | ฆ่าขุนทิพย์แสงเจ้าทรัพย์ตาย | |||
| อ้ายอินเสือเหลืองเมืองชัยนาท | เมียชื่ออีปาดบ้านขนาย | |||
| เที่ยวปล้นฆ่าคนสักร้อยราย | ลักควายแทงกินสิ้นเป็นเบือ | |||
| อ้ายมอญมือด่างบางโฉลง | เมียชื่ออีโค่งเป็นชาวเหนือ | |||
| ลักถ้วนลักถี่ทั้งตีเรือ | ครกกระบากสากกะเบือไล่เก็บครบ | |||
| ถัดไปอ้ายทองอยู่หนองฟูก | เมียชื่ออีดูกลูกตาจบ | |||
| กลางวันปีนเรือนเหมือนชะมบ | แต่พอพลบคนเดียวเที่ยวย่องเมา | |||
| อ้ายมากสากเหล็กปล้นเจ๊กกือ | เมียมันตาปรือชื่ออีเสา | |||
| ถัดไปอ้ายกุ้งคุ้งตะเภา | ฟันผัวแย่งอีเม้าเอาเป็นเมีย | |||
| อ้ายสงผัวอีคงอยู่กงคอน | ตีชิงผ้าผ่อนฆ่ามอญเสีย | |||
| ถัดไปอ้ายกร่างอยู่บางเหี้ย | หาเมียมิได้ไล่ตีเรือ | |||
| อ้ายกลิ้งผัวอีกลักดักขนน | ลักควายขายคนปล้นเรือเหนือ | |||
| อ้ายพานผัวอีพาบ้านนาเกกลือ | เอายาเบื่อหลวงโชฎึกเก็บตึกเตียน | |||
| อ้ายจั่วผัวอีปรางบางน้ำชน | ขึ้นย่องเบาหมื่นชนขนเอาเลี่ยน | |||
| อ้ายแมวผัวอีมาอยู่ท่าเกวียน | เข้าบ้านทิดเพียนปล้นปลอมริบ | |||
| พิจารณาเป็นสัตย์ซัดทอดฟ้อง | เก็บเอาข้าวของนางทองกระหมิบ | |||
| ถัดไปอ้ายมั่นผัวอีจันทิพ | อยู่น้ำดิบปล้นตีหลวงชีเภา | |||
| หาได้แทงแกไม่ดังให้การ | นครบาลสอบแก้เป็นแผลเก่า | |||
| อ้ายจันผัวอีจานบ้านกระเพรา | โทษปล้นจีนเก๊าเผาโรงเจ๊ก | |||
| ยิงปืนปึงปังประดังโห่ | แล้วเอาสันพร้าโต้ต่อยหัวเด็ก | |||
| ถัดมาอ้ายสานกเล็ก | อยู่คุ้งถลุงเหล็กผัวอีดี | |||
| สกัดตีโคต่างทางโคราช | แทงอ้ายขั้วผัวอีปาดล้มกลิ้งคี่ | |||
| อ้ายมากหนวดผัวอีขวดอยู่บางพลี | โทษตีเดิมบางเอากลางวัน | |||
| อ้ายเกิดกระดูกดำผัวอีคำด่าง | โทษสะดมกรมช้างกับหมอมั่น | |||
| ปล้นละว้าป่าดงคงกระพัน | กระหำไขว้ไข่ดันเป็นทองแดง | |||
| สิริคนโทษซึ่งโปรดมา | ครบสามสิบห้าล้วนกล้าแข็ง | |||
| อยู่ยงคงกระพันทั้งฟันแทง | เรี่ยวแรงทรหดอดทน | |||
| ทำกรรมต้องจำมาช้านาน | สิ้นกรรมบันดาลจึงให้ผล | |||
| พลายงามทูลขอพ่อออกพ้น | จึงปล่อยโปรดโทษคนทั้งนี้มา ฯ | |||
| ๏ ครั้นตรวจตราสำเร็จเสร็จทั่ว | จึงมอบตัวไพร่ทั้งสามสิบห้า | |||
| ให้แก่ขุนแผนแสนศักดา | ท่านพระยายมราชก็อวยชัย | |||
| ให้พ่อชนะมารผลาญศัตรู | เชิดชูพระยศปรากฏกระฉ่อน | |||
| ทั้งลูกชายพลายงามไปราญรอน | ตีนครเชียงใหม่ให้สมนึก | |||
| แล้วหันหน้ามาสั่งพวกทนาย | จงเลือกหาผ้าลายที่ในตึก | |||
| ทั้งส้มสูกลูกไม้ให้ครันครึก | แจกพวกอาสาศึกให้ทั่วกัน | |||
| พวกทนายขนของมากองเกลื่อน | พระยายมตัดเตือนให้เลือกสรร | |||
| ขุนแผนจึงจัดแจงแล้วแบ่งปัน | แจกให้ไพร่นั้นทุกตัวคน | |||
| ต่างผลัดผ้าเก่าเอาโยนเสีย | ทุดกูขายหน้าเมียไม่ปิดก้น | |||
| บางคนเปลื้องกระสอบดูชอบกล | มันช่างจนเหลือจนได้พ้นทุกข์ | |||
| ชวนกันกินของร้องโมทนา | ตั้งแต่วันหน้าจะเป็นสุข | |||
| ถ้าหากพ่อไม่ขออกจากคุก | ก็สิ้นคิดติดกรุกจนตายไป | |||
| จะเป็นข้าของนายจนตายจาก | ใช้สอยน้อยมากจะทำให้ | |||
| ฝ่ายว่าขุนแผนผู้แว่นไว | กราบกรานท่านผู้ใหญ่แล้วอำลา | |||
| พระหมื่นศรีขี่ม้านำมาบ้าน | ผู้คนอลหม่านเป็นหนักหนา | |||
| พลายงามเดินตามขุนแผนมา | พวกไพร่สามสิบห้าก็มาพลัน | |||
| พระหมื่นศรีจัดที่ให้พักอยู่ | แต่งสำรับเลี้ยงดูเกษมสันต์ | |||
| พวกไพร่สามสิบห้าเฮฮากัน | พลุกพล่านจนตะวันลงรอนรอน ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงนางแก้วกิริยา | เจ้าติดตามผัวมาอยู่แต่ก่อน | |||
| อาศัยทับหับเผยเคยหลับนอน | ตั้งอุทรเติบใหญ่ได้สิบเดือน | |||
| ครั้นผัวพ้นทุกข์จากคุกได้ | หม้อกระออมโอ่งไหกองไว้เกลื่อน | |||
| ผ้าขี้ริ้วผ่อนขาดกลาดทั้งเรือน | เคยเป็นเพื่อนเมื่อยากจะจากกัน | |||
| พิษฐานให้ทานคนโทษแล้ว | ผ่องแผ้วตามมาหาผัวขวัญ | |||
| พระหมื่นศรีดีใจบอกไปพลัน | อยู่ด้วยกันอย่ากลัวผัวไปทัพ | |||
| แล้วชวนขุนแผนกับเจ้าพลาย | ทั้งสามนายนั่งพร้อมล้อมลำดับ | |||
| เรียกให้เมียน้อยยกสำรับ | กินเสร็จสรรพระหมื่นศรีก็ชี้แจง | |||
| เกลอเอ๋ยน่าอดสูดูเผ้าผม | ทำรุงรังช่างสมอ้ายใจแข็ง | |||
| จะเป็นเจ๊กก็ใช่ไทยก็แคลง | มันระแวงคล้ายละว้าน่าขันครัน | |||
| ขุนแผนหัวร่อคุณพ่อช่างว่า | แล้วลุกมาเสกน้ำที่ในขัน | |||
| ชุบตัดมหาดไทยใส่น้ำมัน | เสร็จพลันอาบน้ำชำระกาย | |||
| ทาแป้งแต่งตัวเอี่ยมสะอาด | นุ่งลายผ้าคาดดูเฉิดฉาย | |||
| แล้วกลับมาหน้าหอของพระนาย | ทั้งเจ้าพลายสามคนสนทนา | |||
| ขุนแผนวอนไหว้พระหมื่นศรี | ว่าลูกนี้ตั้งใจจะอาสา | |||
| ยังเป็นห่วงบ่วงใยด้วยมารดา | คร่อแคร่แก่ชราลงทุกวัน | |||
| อยู่บ้านกาญจน์บุรีไม่มีสุข | จะเฝ้าทุกข์ถึงลูกกับหลานขวัญ | |||
| ถ้ารับมาเลี้ยงดูอยู่ด้วยกัน | ถึงลูกไปทัพนั้นจะนอนใจ | |||
| พระหมื่นศรีฟังคำขุนแผนว่า | โมทนาข้าจะเป็นธุระให้ | |||
| รับมาจะลำบากยากอะไร | พรุ่งนี้ข้าจะให้ไปรับมา | |||
| แล้วพูดกันสามคนจนดึกดื่น | ครั้นเที่ยงคืนก็เข้าในเคหา | |||
| ต่างระงับหลับใหลไสยา | จนเวลารุ่งแจ้งแสงตะวัน ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงสมเด็จพระพันวษา | ตรัสเรียกลาวทองมาขมีขมัน | |||
| อ้ายพลายงามอาสามันกล้าครัน | แล้วทูลขอพ่อมันพ้นจากคุก | |||
| มึงทรมานมากว่าสิบปี | กูเห็นมึงนี้ไม่มีสุข | |||
| จะโปรดยกโทษให้พ้นทุกข์ | อย่าปักสะดึงกรึงกรุกเร่งออกไป | |||
| ลาวทองได้ฟังรับสั่งโปรด | ปราโมทย์ยินดีจะมีไหน | |||
| ถวายบังคมลามาทันใด | ออกไปกราบลาหม่อมป้าโต | |||
| เพื่อนฝูงร้องไปจะได้ลาภ | ค่อยกระซิบกระซาบนางมีโหว่ | |||
| นางสีนางพรมแม่ส้มโอ | เพื่อนฝูงอักโขจะลาไป | |||
| แล้วลาเจ้าขรัวนายกรายเข้าห้อง | หวีหัวกระจกส่องน้ำมันใส่ | |||
| ทั้งกระแจะจันทน์ปรุงจรุงใจ | หวังจะให้ชื่นอารมณ์ชมชิด | |||
| นุ่งยกดอกกลมห่มม่วงอ่อน | เทพนมห่มซ้อนดูวิจิตร | |||
| ก้มแลดูกายไม่วายคิด | ใส่จริตเยื้องย่างสำอางงาม | |||
| จัดแจงหีบหมากเครื่องนากทอง | ถาดรองขันน้ำทำอย่างห้าม | |||
| ใส่เครื่องประดับวับแวววาม | ออกประตูข้างข้ามประตูดิน | |||
| อีถึงถือหีบรีบตามนาย | อีกห้าคนขวนขวายเก็บของสิ้น | |||
| เพื่อนทักถามไถ่ไม่ได้ยิน | มาถึงถิ่นบ้านขึ้นบนบันได ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนครั้นเห็นนางลาวทอง | เจียนจะแปลกเจียวน้องนึกขึ้นได้ | |||
| ร้องเรียกทันทีด้วยดีใจ | แปลกพี่ไปหรือเจ้าไม่เข้ามา | |||
| ลาวทองฟังคำจำเสียงได้ | เข้าใกล้ผัวรักรู้จักหน้า | |||
| กอดตีนร่ำไห้ฟายน้ำตา | ท่านโปรดโทษข้าข้าจึงรู้ | |||
| ครั้นติดตามมาหาผัวรัก | แปลกไปไม่รู้จักจึงยืนอยู่ | |||
| ไม่กล้าเข้าไปในประตู | แลดูพ่อซูบผิดรูปไป | |||
| โอ้โอ๋เจ้าประคุณของเมียแก้ว | เหมือนตายแล้วเกิดมาหากันใหม่ | |||
| ตั้งแต่เมียถูกขังอยู่วังใน | เฝ้าแต่ร่ำร้องไห้ไม่วายวัน | |||
| ยามกินกินข้าวไม่เป็นคำ | ต้องฝืนกลืนกับน้ำร่ำโศกศัลย์ | |||
| ยามนอนนอนคิดจิตผูกพัน | แทบจะกลั้นใจตายไม่วายเว้น | |||
| ปักสะดึงกรึงไหมมิได้หยุด | จะสิ้นสุดเมื่อไรไม่แลเห็น | |||
| ได้แต่โศกเศร้าทั้งเช้าเย็น | ตั้งแต่เป็นทุกข์มาช้านานครัน | |||
| พูดพลางทางแลแล้วถามผัว | ทูนหัวใครนั่งข้างหลังนั่น | |||
| ขุนแผนจึงบอกออกมาพลัน | นางนั้นชื่อแก้วกิริยา | |||
| เมียข้าเมื่อพาวันทองหนี | ครั้นติดคุกนางนี้อยู่รักษา | |||
| นั่นลูกพี่ที่เขาทูลขอมา | ชื่อพลายงามมารดาคือวันทอง | |||
| ว่าแล้วก็พากันเข้าเรือน | ข้าวของกองเกลื่อนอยู่ในห้อง | |||
| ต่างปรึกษาหารือตามทำนอง | ปรองดองมิได้คิดจิตฉันทาฯ | |||
| ๏ ขุนแผนออกมาหน้าหอนั่ง | พลันสั่งทหารสามสิบห้า | |||
| ให้แต่งตัวตัดผมสมหน้าตา | เตรียมผ้านุ่งห่มให้คมคาย | |||
| ขาดเหลือพึ่งพระจมื่นศรี | พรุ่งนี้จะได้ไปลองถวาย | |||
| พระหมื่นศรีขุนแผนกับลูกชาย | ทั้งสามนายสนทนาจนราตรี ฯ | |||
| ๏ ครั้นรุ่งเช้าข้าวปลาหากินเสร็จ | จวนเสด็จออกต่างก็เร็วรี่ | |||
| เข้าวังพร้อมกันในทันที | วันนี้ชาวเมืองนั้นเลื่องลือ | |||
| ว่าจะลองความรู้พวกอาสา | ต่างแตกตื่นกันมาออกอึงอื้อ | |||
| ไทยจีนมอญพม่าข่าลาวลื้อ | จูงมือลูกหลานซานเข้าไป | |||
| ยัดเยียดเสียดแทรกเข้าประตู | นมจู้เบียดบีบกันเหลวไหล | |||
| เจ้าหนุ่มหนุ่มที่ลำพองคะนองใจ | เข้าคว้าไขว่สาวสาวออกกราวเกรียว | |||
| บ้างกระชากผ้าห่อมฉวยนมหมับ | พวกตำรวจหวดขวับเอาเต็มเหนี่ยว | |||
| จับตัวได้ใส่คาทำหน้าเซียว | ที่เลี่ยงเลี้ยวหลบได้ไพล่เข้าวัง | |||
| ยัดเยียดเบียดกันอยู่ชั้นนอก | พอเวลาเสด็จออกก็พร้อมพรั่ง | |||
| สังข์แตรแซ่เสียงสนั่นดัง | ถวายบังคมกราบลงพร้อมกัน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ | เสด็จสถิตพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ | |||
| พระสูตรรูดกร่างกระจ่างพลัน | ดังองค์พระสุริยันเหมื่อเยี่ยมรถ | |||
| ตรัสเรียกขุนแผนพลายงาม | ทหารสามสิบห้าเข้ามาหมด | |||
| ต่างคลานเข้าเฝ้าองค์พระทรงยศ | น้อมประณตดาษดาหน้าพระลาน | |||
| ทนายเลือกตีวงตรงพระที่นั่ง | เอาเชือกหนังขึงขอบรอบหน้าฉาน | |||
| ข้างในล้วนบรรดาข้าราชการ | วงนอกไพร่บ้านพลเมือง | |||
| เสียงระเบ็งเซ็งแซ่ทั้งแก่หนุ่ม | มามั่วสุมคับคั่งนั่งเนื่อง | |||
| บ้างยงโย่แยงแย่แลชำเลือง | บ้างยักเยื้องหยุกหยิกคะยิกกัน | |||
| พวกตำรวจเรียงรายถือหวายห้าม | รอบทั้งท้องสนามเป็นกวดขัน | |||
| ฝ่ายว่าพระองค์ผู้ทรงธรรม์ | สั่งขุนแผนให้สรรกันเข้ามาฯ | |||
| ๏ นายบัวหัวกะโหลกบ้านโคกขาม | ถวายบังคมงามแล้วออกหน้า | |||
| นอนหงายร่ายมนตร์ภาวนา | ให้เอาขวานผ่าเป็นหลายซ้ำ | |||
| โปกโปกขวานกระดอนนอนพยัก | ไม่แตกหักลุกมาหน้าแดงก่ำ | |||
| นายคงเคราเข้านั่งบริกรรม | ให้เอาหอกตำเข้าจำเพาะ | |||
| ถูกตรงยอดอกไม่ฟกช้ำ | แทงซ้ำหลายทีที่เหมาะเหมาะ | |||
| เสียงอักอักพยักหน้านั่งหัวเราะ | จนด้ามหอกหักเดาะไม่ทานทน | |||
| นายมอญนอนเปลือยเอาเลื่อยชัก | เลื่อยหักฟันเยินพระเนินย่น | |||
| ให้เปลี่ยนหน้ามาเลื่อยก็หลายคน | เป็นหลายหนไม่เข้าเปล่าทั้งนั้น | |||
| นายช้างดำกำลังดังช้างสาร | ถวายบังคมคลานมาไม่พรั่น | |||
| กระโดสูงสามวาตาเป็นมัน | แข็งขันข้อลำดำทมิฬ | |||
| นายสีอาดคลาดแคล้วแล้วไม่แตก | หอกซัดเจ็ดแบกพุ่งจนสิ้น | |||
| ไม่ถูกเพื่อนเชือนไถลไปปักดิน | นายอินอึดใจแล้วหายตัว | |||
| นายทองลองให้เอาปืนยิง | ยืนนิ่งคอยรับจับลูกตะกั่ว | |||
| นายจันนั้นแปลกเข้าแบกวัว | นายบัวทำคล้ายเป็นหลายคน | |||
| นายแตงโมทำโตได้เหมือนยักษ์ | คึกคักกรอกตาดูหน้าย่น | |||
| นายจั่งหัวหูดูพิกล | เอาไฟลนทนได้ไฟวับวับ | |||
| ลองถวายสิ้นทั้งสามสิบห้า | ต่างสำแดงวิชาเป็นลำดับ | |||
| แล้วมาหมอบเรียงเคียงคำนับ | รับสั่งให้ประทานรางวัลพลัน | |||
| คนหนึ่งเงินตราห้าตำลึง | กับผ้าสำรับหนึ่งให้จัดสรร | |||
| ทั้งเพิ่มนอกออกไปให้ต่างกัน | ตามไม้มือมันใครเอกโท | |||
| ยังอ้ายพลายงามจะอาสา | ดีจริงหรือว่ามันโยโส | |||
| ดูตัวก็ไม่ใหญ่ใจมันโต | เฮ้ยอ้ายแผนลองโต้กับลูกดู ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนพลายงาม | ถวายบังคมตามกันทั้งคู่ | |||
| ที่คนดูลุกยืนตื่นกันกรู | คอยดูพ่อลูกจะลองกัน | |||
| เจ้าพลายงามขออภัยพ่อขุนแผน | แล้วจับทวนทอดแขนดูขบขัน | |||
| ขุนแผนดาบสองมือถือยืนยัน | ชักท่าทางวางหันเข้าสู้ทวน | |||
| กลองแขกติงทั่งตั้งเพลงรำ | ไม่เพลี่ยงพล้ำถ้อยทีถี่ถ้วน | |||
| ชั้นเชิงกรีดกรายหลายกระบวน | สับสวนท่าทางสันทัดกัน | |||
| ดูข้างพลายงามก็ไวว่อง | ดูทำนองขุนแผนก็แข็งขัน | |||
| ได้ทีหนีไล่พัลวัน | กลับแทงแย้งฟันกันคนละที | |||
| ถูกฉับไม่เข้าเปล่าทั้งนั้น | เจ้าพลายหันเยื้องย่องทำนองหนี | |||
| แต่พอห่างวางทวนกับปัถพี | อัญชลีร่ายเวทเป็นไฟกัลป์ | |||
| ลุกโพลงโผงผางกลางสนาม | เปลวฟู่วู่วามเสียงสนั่น | |||
| ลามไหม่ไล่คนทั้งหลายนั้น | คนผู้อยู่นั่นก็หนีกรู | |||
| ตกใจหน้าซีดทุกตัวคน | ขุนแผนอ่านมนตร์ฝนตกซู่ | |||
| เป็นน้ำไหลไฟดับอยู่วับวู | เสียงคนดูฮาลั่นสนั่นอึง | |||
| ชมปรอพ่อลูกนี้เอาจริง | วิชาเขายวดยิ่งไม่มีถึง | |||
| ฝ่ายขุนแผนเสกซ้ำพร่ำตะบึง | ประเดี๋ยวหนึ่งเป็นงูชูโพนเพน | |||
| อ้ายตัวใหญ่มีหงอนเท่าท่อนซุง | เลื้อยพุ่งตาแดงดังแสงเสน | |||
| บริวารมากมายมาก่ายเกน | แผ่พังพานเพ่นเพ่นสักสองพัน | |||
| เที่ยวเลี้ยวไล่ไชชอนไปทุกแห่ง | พวกคนดูแอบแฝงเป็นจ้าละหวั่น | |||
| เหล่าผู้หญิงวิ่งหนีพัลวัน | ตัวสั่นหน้าซีดกรีดกราดไป | |||
| ผ้าผ่อนล่อนหลุดสะดุดล้ม | เหยียบทับกันจมออกเหลวไหล | |||
| พลายงามขว้างตะกรุดไปทันใด | เป็นนกกดตัวใหญ่ไล่ตามงู | |||
| ตีนหยิกปากจิกปีกป้องรับ | งูขยับเลี้ยวฉกนกจิกสู้ | |||
| ฝูงคนกล่นเกลื่อนกันมาดู | นกกดคาบงูชูร่อนบิน | |||
| บรรดางูบริวารสิ้นทั้งหลาย | ก็พลอยหายสาบสูญไปหมดสิ้น | |||
| พลายงามตัวเอกเสกก้อนดิน | นกหายกลายปลิ้นไปเป็นช้าง | |||
| ซับมันชันหูชูงวง | งายาวขาวช่วงทั้งสองข้าง | |||
| เงยแหงนแปร๋มาคว้างคว้าง | ขุนแผนยืนขวางรำขอรับ | |||
| เหยียบขึ้นปลายงาขาคร่อมคอ | ช้างร้ายแรงหล่อเอาขอสับ | |||
| ฟันกระชากหน้าผาก.....ยับ | จนตาหลับแหงนหงายท้ายติดดิน | |||
| ช้างหายพลายงามทรามคะนอง | มีวิชาสำรองไม่รู้สิ้น | |||
| บริกรรมสำแดงแปลงกายิน | เปลี่ยนปลิ้นกลับกลายเป็นควายรับ | |||
| ขุนแผนหายกลายกลับเป็นเสือโคร่ง | เขี้ยวโง้งโดดหลอกกลอกกลับ | |||
| ล่อควายบ่ายหน้ามาที่ประทับ | ตบขวับขวิดผึงทะลึ่งลอย | |||
| ชุลมุนผลุนผลันถลันโดด | เสือโดดควายขวิดชิดไม่ถอย | |||
| สู้กันฟั่นเฝือจนเหงื่อย้อย | ต่างปละปล่อยกลายกลับไปฉับพลัน | |||
| พ่อเป็นนกแก้วแจ้วส่งเสียง | ลูกเลี่ยงเป็นสาลิกานั่น | |||
| บินไปจับต้นไม้อยู่ใกล้กัน | รู้พูดสารพันภาษาคน | |||
| แต่บรรดาคนผู้ดูจนเพลิน | สรรเสริญสองนายทุกแห่งหน | |||
| เออช่างศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์เวทมนตร์ | ข้าศึกไหนจะทนฤทธาเธอ | |||
| พระองค์ตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉาน | เบิกบานทรงพระสรวลสำรวลเร่อ | |||
| อ้ายคู่นี้ใช้ได้ไม่อมเออ | ฤทธิ์เดชมันเสมอสมานกัน | |||
| ทีนี้จะได้ดูอ้ายเชียงใหม่ | มันอวดอิทธิ์ฤทธิไกรอย่างไรนั่น | |||
| จะสู้กับลูกกูอยากดูมัน | ไม่ถึงวันก็จะวิ่งเข้าป่าไป | |||
| สิ้นพุงมึงเท่านี้แล้วหรือหวา | นกแก้วสาลิกาก็ทูลไข | |||
| ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงชัย | ยังไม่สิ้นตำราของอาจารย์ | |||
| ทูลแล้วพ่อลูกก็คลายมนตร์ | กลับเป็นคนมาหมอบอยู่หน้าฉาน | |||
| พระพันวษาปราโมทย์โปรดปราน | ให้เลื่อนเครื่องประทานแล้วตรัสมา | |||
| ฮ้าเฮ้ยอ้ายขุนแผนพลายงาม | มึงลูกพ่อต่อตามกันหนักหนา | |||
| ดูหน้านิ่วหิวเหนื่อยจะเลื่อยล้า | กินข้าวปลาเสียทีให้มีแรง | |||
| แล้วจึงตรัสสั่งคลังวิเศษ | ให้จัดเสื้อโหมดเทศอย่างก้านแย่ง | |||
| แพรจีนดวงพุดตานส่านสีแดง | ทั้งสมปักตามตำแหน่งขุนนางใน | |||
| ให้คลังหาสมบัติจัดเงินตรา | ห้าชั่งเอามาประทานให้ | |||
| มึงทั้งสองใช้ของเหล่านี้ไป | กว่าจะได้บำเหน็จเสร็จสงคราม | |||
| ขุนแผนพลายงามความยินดี | ถวายบังคมอยู่ที่กลางสนาม | |||
| ด้วยทรงพระกรุณาสง่างาม | คนผู้ดูหลามไปทั้งวัง ฯ | |||
| ๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษา | ตรัสเรียกโหราเข้ามาสั่ง | |||
| ให้คูณหารฤกษ์ยามตามกำลัง | วันไรจะตั้งให้ยาตรา | |||
| พระโหราหาฤกษ์แล้วทูลพลัน | ขึ้นเจ็ดค่ำนั้นเป็นเศษห้า | |||
| ได้ฤกษ์เบิกพยุหเสนา | เวลาสี่โมงเช้าเก้านาที | |||
| ปลอดทั้งผีหลวงห่วงวัน | ยามนั้นได้เมื่อพระฤาษี | |||
| แค้นขัดมัดมือลิงกาลี | จะไปตีบ้านเมืองย่อมมีชัย | |||
| พระองค์ทรงฟังก็สั่งพลัน | ไปให้ทันฤกษ์พาอย่าช้าได้ | |||
| มันขอแต่ไพร่ราบหาบของไป | ก็เกณฑ์ไพร่ให้มันเจ็ดสิบคน | |||
| สั่งเสร็จพระเสด็จเข้าในวัง | ขุนนางลุกสะพรั่งอยู่สับสน | |||
| ออกบอบแบบแสบท้องจนเต็มทน | อลวนกลับบ้านสำราญใจ | |||
| พวกคนดูโจษกันสนั่นมา | ไม่เลือกหน้าไทยเจ๊กเด็กผู้ใหญ่ | |||
| เขาดีจริงยิ่งยวดในกรุงไกร | แปลงตัวไปได้ดังเทวดา | |||
| ชั่วพ่อชั่วแม่ไม่เคยเห็น | แต่รำเต้นนั้นก็ดูมาหนักหนา | |||
| สันนี้ได้เห็นเป็นบุญตา | เรากำเนิดเกิดมาไม่เสียทีฯ | |||
| ฝ่ายว่าขุนแผนแสนสะท้าน | กลับมาอยู่บ้านพระหมื่นศรี | |||
| ครั้นรุ่งเช้าเข้าไปอัญชลี | บอกคดีได้ข่าวบ่าวมันมา | |||
| ว่าบัดนี้คุณแม่ทองประศรี | มาแต่กาญจน์บุรีอยู่เคหา | |||
| เพราะฝ่าเท้าเจ้าคุณกรุณา | ลูกกับบุตรภรรยาจะลาไป | |||
| พระหมื่นศรีเมตตาสั่งข้าคน | ให้ช่วยขนข้าวของไปส่งให้ | |||
| พ่อลูกกราบลาแล้วคลาไคล | ภรรยาข้าไทก็ไปตาม | |||
| พวกทหารสามสิบห้ามาติดก้น | เดินดาเต็มถนนจนล้นหลาม | |||
| ชาวตลาดแลดูไม่รู้ความ | กระซิบถามเพื่อนกันว่านั่นใคร | |||
| บ้างบอกพวกนี้ที่พ้นโทษ | โปรดให้ไปทัพจับเชียงใหม่ | |||
| ขุนแผนมาถึงบ้านวัดตระไกร | ก็เข้าไปไหว้กราบท่านมารดา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นนวลนางทองประศรี | เห็นลูกยินดีเป็นหนักหนา | |||
| ลูบหน้าลูบหลังถั่งน้ำตา | เออเหมือนมาเกิดใหม่ได้พบกัน | |||
| กูขอบใจออแก้วกิริยา | มันอุตส่าห์ติดตัวตามผัวขวัญ | |||
| เอ็งจงเป็นพี่น้องลาวทองนั้น | อย่าขึ้งเคียดเดียดฉันท์กันวุ่นไป | |||
| อนิจจาน่ารักออพลายงาม | เพียรติดตามทูลขอพ่อจนได้ | |||
| นี่แลบุราณท่านกล่าวไว้ | ว่าเป็นชายมิให้ดูหมิ่นชาย | |||
| แล้วหันมาหาขุนแผนแสนสะท้าน | ยิ่งสงสารดูไปใจคอหาย | |||
| ช่างผอมซูปวิปริตรผิดทั้งกาย | นี่หากว่าไม่ตายเสียในคุก | |||
| สิ้นเคราะห์โศกโรคภัยเถิดแก้วแม่ | ตั้งแต่นี้มีแต่ให้เป็นสุข | |||
| ร้อยปีพันปีอย่ามีทุกข์ | จงเป็นสุขตราบเท่าเข้านิพพาน ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนรับพรของมารดา | แล้วออกมาเร่งรัดให้จัดบ้าน | |||
| ขนของขึ้นเรือนเกลื่อนนอกชาน | ให้ปลูกร้านพวกไพร่จะได้นอน | |||
| เรือนเหย้าเก่าเกจะเซคว่ำ | เอาไม้ค้ำจุนดูพออยู่ก่อน | |||
| ทำกันจนตะวันลงรอนรอน | ต่างพักผ่อนลืมทุกข์สุขสำราญ ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายเจ้ากรมสัสดีก็มีหมาย | ทุกตัวนายหมวดหมู่อยู่อลหม่าน | |||
| เป็นการจวนด่วนวิ่งไม่นิ่งนาน | เอาที่บ้านใกล้ใกล้จะได้ทัน | |||
| บ้างเร่งรัดมัดผูกลูกเมียมา | อุตลุดฉุดคร่าจ้าละหวั่น | |||
| ผัดดผ่อนไม่ได้ไม่ฟังกัย | ครบครันเบ็ดเสร็จเจ็ดสิบคน | |||
| จึงสั่งให้นายสมุห์บาญชี | ไปส่งที่ขุนแผนออกสับสน | |||
| ลูกเมียหาข้าวสารอยูลานลน | อลวนจัดแจงประจุบัน | |||
| หาได้ตามยากตามมี | ให้ทันทีตามส่งกันตัวสั่น | |||
| ที่ในบ้านขุนแผนออกแน่นนันต์ | พร้อมเพรียงสามวันจะครรไล ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา | คิดกับลูกยาหาช้าไม่ | |||
| จะปลุกเครื่องให้เรืองฤทธิไกร | จึงชวนกันออกไปที่ป่าช้า | |||
| ให้ทหารปลูกศาลขึ้นฉับพลัน | ตั้งบายศรีสามชั้นทั้งซ้ายขวา | |||
| หัวหมูเป็ดไก่ทั้งเหล้ายา | เครื่องเซ่นจัดหามาเรียงราย | |||
| เอาผ้าขาวปูลาดดาดเพดาน | นมัสการจุดธูปเทียนถวาย | |||
| ในมณฑลนั้นให้อยู่แต่ผู้ชาย | วงสายสิญจน์สิณจน์รอบเป็นขอบคัน | |||
| ทั้งพ่อลูกเข้านั่งกลางมณฑล | อ่านมนตร์โองการอันกวดขัน | |||
| ชุมนุมเทวดามาพร้อมกัน | ทุกช่องชั้นอินทร์พรหมยมยักษ์ | |||
| ทั้งพระเพลิงพระพายกรุงพาลี | พระภูมิเจ้าที่อันมีศักดิ์ | |||
| อีกพระไพรเจ้าป่าพนารักษ์ | พระนารายณ์ทรงจักรศิวาทิตย์ | |||
| พระคเณศร์พินายทั้งซ้ายขวา | ขอเชิญลงมาให้ศักดิ์สิทธิ์ | |||
| ทั้งคุณแก้วสามประการอันชาญชิต | บิดามารดาสถาวร | |||
| คุณครูอุปัชฌาอาจารย์ | พระโองการบพิตรอดิศร | |||
| ขออับเชิญช่วยมาอวยพร | ให้เรืองฤทธิ์ขจรทุกสิ่งอัน | |||
| แล้วร่ายคาถามหาเวท | ปลุกเครื่องวิเศษทุกสิ่งสรรพ์ | |||
| ว่านยาผ้าประเจียดมงคลนั้น | ตะกรุดโทนน้ำมันอันเรืองฤทธิ์ | |||
| เดชะพระเวทอันเชี่ยวชาญ | เครื่องอานกลิ้งไปดังใครบิด | |||
| แล้วตั้งกองอัคคีทั้งสี่ทิศ | เอาเครื่องวางกลางมิดในกองไฟ | |||
| เปลวไฟคึกคึกไม่ขาดสาย | ชั้นแต่เส้นด้ายหาไหม้ไม่ | |||
| จึงเอาพระควำที่ทำไว้ | ใส่ขันสำริดประสิทธิ์มนตร์ | |||
| ในขันนั้นใส่น้ำมันหอม | เสกพร้อมเป่าลงไปสามหน | |||
| พระนั่งขึ้นได้ในบัดดล | น้ำมันทาทนทั้งทุบตี | |||
| ล่องหนกำบังจังงังครบ | อุปเท่ห์เล่ห์จบเป็นถ้วนถี่ | |||
| ปลุกเครื่องเสร็จพลันอัญชลี | อ่านมนตร์เรียกผีพวกภูตพราย | |||
| ผีตายฟ้าผ่าทั้งห่าโหง | อยู่ในหลุมในโลงสิ้นทั้งหลาย | |||
| ผีตายคลอดลูกผูกคอตาย | ผีนายผีไพร่ให้รีบมา | |||
| ฝูงผีมิอาจจะซุ่มซ่อน | ด้วยเร่าร้อนฤทธิ์เวทพระคาถา | |||
| พากันเหลื่อนกลาดดาษดา | พร้อมหน้ามาที่พิธีการ | |||
| บรรดาผู้นั่งอยู่ในมณฑล | เห็นผีทุกคนออกพลุกพล่าน | |||
| พลายงามขุนแผนแสนสำราญ | เอาเหล้าข้าวใส่กบาลออกเซ่นวัก | |||
| เนื้อพล่าปลายำทำตามมี | ฝูงผีเข้ามากินหนักกว่าหนัก | |||
| ข้างนอกยังนั่งล้อมอยู่พร้อมพรัก | ชักชวนกันกินสิ้นทั้งปวง | |||
| ที่อดหยากปากไหม้ไส้ขม | ต่างชื่นชมรับเอาเครื่องบวงสรวง | |||
| ล้อมกินปลิ้นตาอ้าปากกลวง | ตวงเหล้าเติบบ่อยอร่อยครัน | |||
| เสร็จแล้วพ่อลูกก็สั่งผี | ว่าพวกท่านวันนี้จงจัดสรร | |||
| มาอาสาศึกใหญ่ไปด้วยกัน | ให้ทันฤกษ์พาเวลาเพล | |||
| พวกผีดีใจไปสิพ่อ | ลูกจะขอเป็นบ่าวให้กราวเขน | |||
| อันทัพผีมิให้ต้องกะเกณฑ์ | จะเข้านอนออกเวรให้ทันการ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนกับพลายงาม | เสร็จพิธีมีความเกษมศานต์ | |||
| จึงจัดแจงจงแบ่งปันซึ่งเครื่องอาน | แจกทหารกับไพร่ให้ผูกพัน | |||
| พวกพลทั้งสิ้นก็ยินดี | เห็นอย่างนี้ละคุณพ่อใจคอมั่น | |||
| ถึงจะให้ไปไหนก็ไปกัน | จะสู้คนร้อยพันไม่พรั่นใจ | |||
| ครั้นเสร็จสรรพกลับพากันมาบ้าน | ขุนแผนเรียกทหารเข้ามาใกล้ | |||
| สาตราอาวุธจงเลือกใช้ | ใครถนัดอย่างไหนเอาไปพลัน | |||
| บางคนฉวยดาบชักวาบวับ | ที่บางคนก็จับเอากั้นหยั่น | |||
| บ้างเข้ามาคว้าปืนถือยืนยัน | บางคนนั้นร้องบอกขอหอกยาว | |||
| อ้ายเฉยว่าฉันเคยแต่ไม้พลอง | อ้ายมาว่าฉันคล่องก็เพลงหลาว | |||
| อ้ายเพชรว่าพร้าก็พอกับคอลาว | อ้ายทิดสาคว้าง้าวออกลองรำ | |||
| ต่างคนต่างเลือกหาเครื่องอาวุธ | อุตลุดสับสนอยู่จนค่ำ | |||
| แล้วแจกจ่ายเสื้อผ้ายาประจำ | กระบอกน้ำถุงไถ้ใส่ข้าวปลา | |||
| ที่พวกหาบหาไม้มาทำคาน | จักสานโพล่แฟ้มแซมตะกร้า | |||
| ที่ได้เป็นนายหมวดคอยตรวจตรา | เสียงเฮฮาครึกครื้นรื่นเริงกัน ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายนางทองประศรีกระปรี้กระเปร่า | ตั้งแต่เช้าจัดเสบียงเสียงสนั่น | |||
| พริกเกลือข้าวปลาสารพัน | ใครเชือนช้าด่าลั่นไม่เลือกตัว | |||
| นางแก้วกิริยากับลาวทอง | จัดของเครื่องใช้ให้แก่ผัว | |||
| ปรึกษากันปรองดองไม่หมองมัว | ด้วยความกลัวผัวรักจักทุกข์ร้อน | |||
| หีบหมากเครื่องนากอยู่ในกลี่ | ซองบุหรี่ย่ามใหญ่ใส่ผ้าผ่อน | |||
| เสื้อผ้าจัดพับที่หลับนอน | มุ้งหมอนพร้อมสิ้นทุกสิ่งอัน | |||
| ข้าวของขนมาไว้หน้าเรือน | กองเกลื่อนบ่าวข้าจ้าละหวั่น | |||
| ส่วนว่าของนายพลายงามนั้น | พระหมื่นศรีจัดสรรทุกสิ่งไป ฯ | |||
| ๏ ครั้นรุ่งเช้าจะเข้าไปทูลลา | ขุนแผนลูกยาไม่ช้าได้ | |||
| จัดพานธูปเทียนแลดอกไม้ | ไปหาท่านผู้ใหญ่ที่ในวัง | |||
| เวลาสี่โมงเสด็จออก | พระโรงนอกเสียงแตรแซ่กระทั่ง | |||
| เสด็จประทับเหนืออาสน์ราชบังลังก์ | มีรับสั่งไต่ถามความนานา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรี | ได้ทีก็ประนมก้มเกศา | |||
| กราบทูลเบิกไปมิได้ช้า | ขอเดชะพระบาทามาปกครอง | |||
| ดอกไม้ธูปเทียนทองของถวาย | ของขุนแผนนายพลายงามทั้งสอง | |||
| กราบถวายบังคมลาฝ่าละออง | ไปราชการศึกสนองพระเดชา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูร | ฟังทูลทรงพระสรวลสำรวลร่า | |||
| เฮ้ยขุนแผนพลายงามทั้งสองรา | ซึ่งอาสาทำชอบกูขอบใจ | |||
| จงไปดีมาดีศรีสวัสดิ์ | พ้นวิบัติเสี้ยนหนามความเจ็บไข | |||
| ให้ศัตรูพ่ายแพ้แก่ฤทธิไกร | มีชัยได้เวียงเชียงใหม่มา | |||
| ตรัสพลางทางสั่งพนักงาน | พระราชทานเครื่องยศกับเสื้อผ้า | |||
| ทั้งกระบี่ทั้งทองของนานา | เงินตราเตรียมไปใช้ในทัพ | |||
| อีกทั้งม้าต้นคนละม้า | เครื่องอานพานหน้าให้พร้อมสรรพ | |||
| พวกไพร่ให้ผ้าคนละสำรับ | สั่งเสร็จเสด็จกลับเข้าวังใน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนกับลูกยา | เสด็จขึ้นกลับมาหาช้าไม่ | |||
| หาธูปเทียนใส่พานคลานเข้าไป | กราบไหว้ทองประศรีผู้มารดา | |||
| ลูกหลายจะมาลาคุณแม่ | จงอยู่ดูแลซึ่งเคหา | |||
| อันลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยา | คุณแม่ได้เมตตาช่วยดูแล | |||
| ถัาทุกข์ร้อนก่อนลูกกลับมาถึง | จะหมายพึ่งผู้ใดให้เป็นแน่ | |||
| พระหมื่นศรีแลเธอเป็นเกลอแท้ | คุณแม่เจ็บไข้จงไหว้วาน | |||
| เหย้าเรือนรุงรังจะพังคว่ำ | พอจะทำเงินมีอยู่ที่บ้าน | |||
| ขอแต่ให้คุณแม่อยู่สำราญ | ถึงลูกไปช้านานไม่ร้อนใจ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นทองประศรีผู้มารดา | ฟังลูกหลานลาน้ำตาไหล | |||
| ลูบหลังลูบหน้าแล้วว่าไป | อย่าเป็นห่วงบ่วงใยเลยทางนี้ | |||
| เมียเจ้านั้นไซร้ไว้ธุระแม่ | จะดูแลสารพัดให้ถ้วนถี่ | |||
| ทั้งเรือนเหย้าข้าวของบรรดามี | ได้พึ่งพระหมื่นศรีก็ดีแล้ว | |||
| แม่ขัดขวางอย่างไรจะไปหา | เจ้าตั้งหน้าไปเถิดนะลูกแก้ว | |||
| ทุกข์โศกโรคภัยให้คลาดแคล้ว | จงผ่องแผ้วพูนสุขทุกเวลา | |||
| ให้เจ้าชนะมารผลาญศัตรู | ใครอย่ารอต่อสู้ได้สักหน้า | |||
| อองามเจ้าอย่าห่างข้างบิดา | ยังเด็กนักเด็กหนาย่าห่วงนัก | |||
| อย่าประมาททอาจหาญการรบสู้ | ขุนไกรปู่นั้นแต่หนุ่มคุ้มฟันหัก | |||
| แกมิได้หมิ่นศึกทำฮึกฮัก | เบาหนักตรองดูให้รู้ความ | |||
| อนึ่งพวกพลไพร่ที่ไปด้วย | ใครเดือดร้อนผ่อนช่วยอย่าหยาบหยาม | |||
| อุตส่าห์เอาอกใจให้งดงาม | ไปรบพุ่งเหมือนตามกันไปตาย | |||
| ถ้าใจเดียวเกลียวกลมกันหนึ่งแน่ | ถึงน้อยก็ไม่แพ้ที่มากหลาย | |||
| ท่านว่าป่าพึ่งเสือเรือพึ่งพาย | เราเป็นายก็ต้องพึ่งซึ่งไพร่พล | |||
| อนึ่งความกตัญญูรู้คุณเจ้า | ทุกค่ำเช้านึกไว้จะให้ผล | |||
| ให้รุ่งเรืองฤทธิเดชทั้งเวทมนตร์ | เจ้าจงสนใจจำคำย่าไว้ ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนพลายงามความยินดี | รับพรทองประศรีแล้วก้มไหว้ | |||
| ขุนแผนกลับมาสั่งข้าไท | แล้วเข้าไปในห้องทั้งสองนาง | |||
| เจ้าลาวทองกับเจ้าแก้วกิริยา | จงอุตส่าห์ปรองดองอย่าหมองหมาง | |||
| ไปทัพถ้าข้างบ้านเกิดรานทาง | มักเป็นลางให้ร้ายฝ่ายผู้ไป | |||
| การกินอยู่ดูแลแม่ทองประศรี | อย่าให้มีทุกข์ยากลำบากได้ | |||
| เจ้าแก้วก็อลักเอลื่ออยู่เหลือใจ | ท้องไส้จงระวังจะนั่งนอน | |||
| เมื่อคลอดลูกลาวทองน้องช่วยดู | ทั้งฟืนไฟให้อยู่แลผ้าผ่อน | |||
| ให้บ่าวมันคั้นส้มต้มน้ำร้อน | เอาผ้าซ้อนเปลลูกผูกเห่ช้า | |||
| อันที่จะทำมิ่งสิ่งขวัญ | เรื่องนั้นมอบไว้ให้คุณย่า | |||
| ด้วยท่านเป็นผู้ใหญ่ได้เคยมา | ถึงหยูกยาสารพัดทั่นเข้าใจ | |||
| อนึ่งพี่นึกได้ไปคราวนี้ | ท่วงทีจะได้พบท่านผู้ใหญ่ | |||
| ด้วยเดินทางไม่ห่างสุโขทัย | ไปเชียงใหม่ก็จะผ่านบ้านจอมทอง | |||
| จะสั่งเสียอย่างไรไปถึงบ้าง | หรือสองนางเจ้าอยากฝากข้าวของ | |||
| พี่จะรับไปให้ดังใจปอง | ถ้าได้ช่องคงพบประสบกัน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นลาวทองแก้วกิริยา | ฟังว่าอกใจให้ไหวหวั่น | |||
| จะร้องไห้กลัวลางในกลางคัน | อุตส่าห์กลั้นโศกาแล้วว่าไป | |||
| พ่ออย่าได้รำพึงถึงตัวน้อง | จะปรองดองผูกสมัครรักใคร่ | |||
| รับการงานให้ท่านคุณแม่ใช้ | จะตั้งใจปฏิบัติเป็นอัตรา | |||
| ถ้าขึ้นไปได้พบกับพ่อแม่ | จงบอกแต่ว่าลูกเป็นสุขา | |||
| แล้วผัวเมียต่างคนสนทนา | ด้วยสนิทเสนหาต่างอาลัย ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายว่าขุนแผนแสนศักดา | ตื่นขึ้นเวลาปัจจุบันสมัย | |||
| บ้วนปากล้างหน้าแล้วคลาไคล | ชวนลูกออกไปตระเตรียมทัพ | |||
| ที่ตำบลวัดใหม่ชัยชุมพล | เป็นมงคลเคยตั้งตามตำรับ | |||
| ผู้คนพร้อมพรั่งอยู่คั่งคับ | ขุนแผนกับลูกยาตรวจตราการ | |||
| ทองประศรีลาวทองแก้วกิริยา | ก็ตามมาจัดเสบียงเลี้ยงอาหาร | |||
| ทั้งบ่าวไพร่พวกพงศ์วงศ์วาร | ตามไปส่งพลุกพล่านทั้งลานวัด | |||
| พระหมื่นศรีดีจริงไม่นิ่งได้ | พาลูกเมียบ่าวไพร่ไปเป็นขนัด | |||
| ขาดเหลือเจอจานสารพัด | แล้วช่วยจัดข้าวของจะเอาไป | |||
| ของใหญ่ให้เอาขึ้นหลังช้าง | วัวต่างนั้นบรรทุกเสบียงใส่ | |||
| ที่เบาเบาเหล่าของต้องการใช้ | ให้พวกไพร่หาบหามตามติดนาย | |||
| ครั้นจัดเสร็จเรียบร้อยคอยเวลา | โหราเหยียบเงาเอาชั้นฉาย | |||
| พอถ้วนนาทีสี่โมงปลาย | ถึงฤกษ์จะขยายกระบวนพล ฯ | |||
| ๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา | แต่เช้ามาหาสำรับอยู่สับสน | |||
| ท้องแก่อลักเอลื่อก็เหลือทน | เจ็บท้องร้องทุรนจะขาดใจ | |||
| ทองประศรีว้าวุ่นเรียกขุนแผน | แล้วลุกแล่นมาประคองทั้งสองไหล่ | |||
| ขุนแผนทำน้ำสะเดาะให้ทันใด | กลืนเข้าไปพอตลอดคลอดลูกชาย | |||
| ประจวบฤกษ์ดิถีกรีธาทัพ | ต้องตำรับว่าประเสริฐเลิศหลาย | |||
| ทองประศรีอุ้มแอบไว้แนบกาย | ให้ชื่อพลายชุมพลรณรงค์ | |||
| แล้วเรียกเรือมารับกลับเข้าบ้าน | ด้วยห่วงหลานลูกสะใภ้ไม่อยู่ส่ง | |||
| พระหมื่นศรีรับว่าอย่าพะวง | จงวางใจให้ฉันไว้ทางนี้ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา | ดูท้องฟ้าเห็นจำรัสรัศมี | |||
| สบยามตามตำราว่าฤกษ์ดี | สั่งให้ตีฆ้องชัยไว้เดโช | |||
| ยกจากวัดใหม่ชัยชุมพล | พวกพหลพร้อมพรั่งตั้งโห่ | |||
| พระสงฆ์ส่งสวดชยันโต | ออกทุ่งโพธิ์สามต้นขับพลมา | |||
| โห่ร้องฆ้องลั่นมาหึ่งหึ่ง | นายจันสามพันตึงเป็นกองหน้า | |||
| กองหลังสีอาดราชอาญา | พวกทหารสามสิบห้าต่างคลาไคล | |||
| บ้างคอนกระสอบหอบกัญชา | ตุ้งก่าใส่ย่ามตามเหงื่อไหล | |||
| บ้างเหล้าใส่กระบอกหอกคอนไป | ล้าเมื่อไรใส่อึกไม่อื้ออึง | |||
| บ้างห่อใบหระท่อมตะพายแล่ง | เงี่ยนยาหน้าแห้งตะแคงขึง | |||
| ถุนกระท่อมใส่ห่อพอตึงตึง | ค่อยมีแรงเดินดึ่งถึงเพื่อนกัน ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนพลายงามตามกันมา | ชักม้าข้ามทุ่งมุ่งไพรสัณฑ์ | |||
| พอพ้นถิ่นก็สิ้นแสงตะวัน | ผ่อนผันหยุดพักพิตเพียน | |||
| นายกำนันก็ชวนลูกบ้านช่อง | แบกสำรับเนืองนองไม่ต้องเฆี่ยน | |||
| ไฟฟืนดื่นไปทั้งไต้เตียน | เยี่ยมเยียนกองทัพสับสนกัน | |||
| พวกกองทัพทั้งสิ้นกินข้าวปลา | ชาวบ้านเอามาเลี้ยงที่นั่น | |||
| แล้วกำนันไปจัดที่วัดพลัน | ให้พวกกองทัพนั้นอาศัยนอน | |||
| รุ่งเช้าข้าวปลาหากินสรรพ | ขับกันรีบไปไม่หยุดหย่อน | |||
| พ้นทุ่งเข้าป่ามาทางดอน | พอแดดกล้าหน้าร้อนอ่อนระทม | |||
| มาถึงบ้านดาบก่งธนู | พักร้อนเข้าอยู่อาศัยร่ม | |||
| พ่อลูกนั่งเล่นเย็นเย็นลม | เชยชมลูกชายสบายใจ ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนจึงเรียกเจ้าพลายงาม | เดินตามไปที่ต้นไทรใหญ่ | |||
| หมากพลูธูปเทียนเอาถือไป | ถึงต้นพระไทรก็กราบลง | |||
| บอกว่าฟ้าฟื้นของพ่อฝัง | ไว้แต่ครั้งพระพิจิตรเขาบอกส่ง | |||
| ดาบนี้มีฟทธิ์ปราบณรงค์ | ฝังไว้ตรงกิ่งทิศบูรพา | |||
| พลายงามก็ขุดดินลงไป | พบดาบดีใจเป็นหนักหนา | |||
| ส่งให้พ่อชักวาบปลาบนัยน์ตา | ขุนแผนทูนเกศาด้วยสุดรัก | |||
| ดาบนี้ต่อไปจะให้เจ้า | รบพุ่งจะได้เอาไปเป็นหลัก | |||
| อันฟ้าฟื้นเล่มนี้ดียิ่งนัก | ดาบอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเลย | |||
| ถึงพระแสงทรงองค์กษัตริย์ | ไม่เทียมทัดของเราดอกเจ้าเอ๋ย | |||
| จะฝึกเจ้าให้ใช้เสียให้เคย | ชมเชยดาบพลางทางเดินมา ฯ | |||
| ๏ กลับถึงที่สำนักแล้วพักผ่อน | ตะวันรอนแดดบ่ายลงชายป่า | |||
| เตือนกันทั้งสิ้นกินข้าวปลา | พอเพลาลมตกยกต่อไป | |||
| ค่ำลงหยุดนอนลพบุรี | เช้ายกจากที่อีกพักใหญ่ | |||
| ตัดบางขามข้ามบ้านด่านโพธิ์ชัย | ล่องเข้าแขวงใกล้อู่ตะเภา | |||
| ตรงมาหัวแดนภูเขาทอง | หนองบัวห้วยเฉียงเลี่ยงชายเขา | |||
| ตัดลงชายดอนร้อนไม่เบา | พอย่างเข้าทุ่งหลวงเพลาพลบ | |||
| ขุนแผนก็สั่งให้หยุดพัก | ที่ล้าเมื่อยเหนื่อยหนักนอนสลบ | |||
| บรรดาพวกพหลพลรบ | จุดคบกองไฟไว้เป็นวง | |||
| ลางคนหาเขียงหั่นกัญชา | นั่งชักตุ้งก่าจนคอก่ง | |||
| บ้างมีแต่กัญชามานั่งลง | ผลัดกันหั่นส่งใส่ไฟโพลง | |||
| ที่ไม่มีขอซื้อสามมื้อสลึง | พอส่งถึงรับหั่นชักควันโขมง | |||
| อยากหวานเมางวงล้วงกระโปรง | บ้างโก้งโค้งค้นหาพุทรากวน | |||
| พวกขี้ยาขึงผ้าขึ้นบังมิด | ลงนอนขิดกองไฟใส่กล้องง่วน | |||
| สิ้นเนื้อเหลือขี้ลงรีรวน | จวนหมดอตส่าห์สงวนไว้ | |||
| เพื่อนกันขอปันหุนละบาท | คราวขาดกลัวตายหาขายไม่ | |||
| อ้ายที่เงี่ยนเต็มอ่อนวอนร่ำไร | ได้แต่ขี้สองชั้นพอกันตาย | |||
| เอาดาบหอกออกแลกกับขี้ยา | จนชั้นขันล้างหน้าก็ยื่นขาย | |||
| พอแก้เงี่ยนเหียนห้อยค่อยสบาย | กินอยู่พูวายแล้วหลับนอน ฯ | |||
ตอนที่ ๒๘ พลายงามได้นางศรีมาลา
| ๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงาม | เพลายามสามหลับอยู่กับหมอน | ||
| กำนัดหนุ่มกลุ้มใจให้อาวรณ์ | เทพเจ้าจึงสังหรณ์ให้เห็นตัว | ||
| ฝันว่านารีเพิ่งรุ่นสาว | ผิวขาวคมคายมิใช่ชั่ว | ||
| สองเต้าเต่งตั้งดังดอกบัว | มายืนยิ้มยั่วแล้วเยื้องกราย | ||
| พอภปรายทายทักชักสนิท | นางเบือนบิดทำทีจะหนีหน่าย | ||
| ก็ลุกรีบตามติดเข้าชิดกาย | คว้าเข้าเจ้าก็หายไปกับมือ | ||
| เคลิ้มผวาคว้ากอดขุนแผนพ่อ | พูดจ้อนี่เจ้าไม่เมตตาหรือ | ||
| ขุนแผนตื่นฟื้นตัวก็ผลักมือ | ร้องฮื้อพลายงามทำอะไร | ||
| เจ้าพลายกลัวพ่อใจคอหวั่น | บอกว่าฝันเห็นผู้หญิงลูกวิ่งไล่ | ||
| รุ่นสาวขาวอร่ามงามสุดใจ | จึงเผลอไปขอโทษได้โปรดปราน ฯ | ||
| ๏ ขุนแผนฟังความพลายงามเล่า | เอ๊ะออเจ้าช่างฝันดูขันจ้าน | ||
| ฝันเช่นนี้มีตำรับแต่บุราณ | ใครฝันมักบันดาลได้เมียดี | ||
| หรือจะถูกลูกเจ้าบ้านผ่านเมือง | ทำนายพลางย่างเยื้องออกจากที่ | ||
| บอกกันทั่วหน้าบรรดามี | วันนี้ถึงพิจิตรไม่ทันเย็น | ||
| ว่าแล้วเตือนกันกินข้าวปลา | รีบยกยาตราขะมักเขม้น | ||
| ไม่หยุดหย่อนร้อนเหลือเหงื่อกรเด็น | พอแลเห็นเมืองแวะเข้าวัดจันทร์ฯ | ||
| ๏ ฝ่ายว่านวลนางศรีมาลา | คืนวันนั้นนิทราก็ใฝ่ฝัน | ||
| ว่าลงสระเล่นน้ำสำราญครัน | เห็นบุษบันดอกหนึ่งดูพึงตา | ||
| ผุดขึ้นพ้นน้ำงามสะอาด | นางโผดผาดออกไปด้วยหรรษา | ||
| เด็ดได้ดีใจว่ายกลับมา | กอดแนบแอบอุราประคองดม | ||
| ลืมตาคว้าดูดอกบัวหาย | เสียดายนี่กระไรไม่ได้สม | ||
| ปลุกอีเม้ยแก้ฝันหวั่นอารมณ์ | อีเม้ยชมว่าฝันของนายดี | ||
| ดอกบัวคือผัวมิใช่อื่น | มิพรุ่งนี้ก็มะรืนคงถึงนี่ | ||
| ไม่เหมือนอีเม้ยทายให้นายดี | ฝันอย่างนี้ได้ทายมาหลายคน | ||
| ศรีมาลาว่าไฮ้อีมอญถ่อย | เอาผัวผ้อยมาพูดไม่เป็นผล | ||
| อุตริทำนายทายสัปดน | ถึงใครใครให้จนเทวดา | ||
| ถ้ามีหน้ามาเกี้ยวก็คงเก้อ | อย่าเพ้อเลยไม่อยากปรารถนา | ||
| อยู่คนเดียวไม่สบายเอาชายมา | เขาย่อมว่ามันเป็นเจ้าหัวใจ | ||
| อีเม้ยมอญคะนองร้องอุยย่าย | อย่าพักพูดเลยนายหาเชื่อไม่ | ||
| ยังไม่พบปะก็พูดไป | ถึงตัวเข้าเมื่อไรได้ดูกัน | ||
| บ่าวนายสัพยอกหยอกเย้า | รุ่งเช้าศรีมาลาก็ผายผัน | ||
| ไปดูการบ้านเรือนเหมือนทุกวัน | นึกถึงฝันพรั่นใจไม่รู้วาย ฯ | ||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม | พักอยู่อารามจนตกบ่าย | ||
| จะเข้าไปในจวนชวนลูกชาย | แล้วย่างกรายบ่าวตามออกหลามไป | ||
| ถือถาดหมากคนโทเป็นยศอย่าง | เดินมาตามทางกับบ่าวไพร่ | ||
| พลายงามคิดถึงฝันปั่นป่วนใจ | เข้าในย่านตลาดก็แลชม | ||
| ที่เหล่าร้านขายผ้ามีหน้าถัง | ลายสุหรัดมัดตั้งทั้งผ้าห่ม | ||
| ร้านถ้วยชามรามไหมีอุดม | สะสมสินค้าสารพัด | ||
| สิ่งของทองเหลืองทั้งเครื่องแก้ว | เป็นถ่องแถวคนผู้ดูแออัด | ||
| พวกลูกสาวชาวร้านพานสันทัด | ทำเหยาะหยัดกิริยาท่าชาวกรุง | ||
| พวกขมิ้นเหลืองจ้อยสอยไรจุก | มีแทบทุกหน้าถังบ้างเย็บถุง | ||
| แต่ละหน้าหน้านวลชวนบำรุง | ใส่กลิ่นหอมฟุ้งสองฟากทาง | ||
| นุ่งลายห่มสีไม่มีเศร้า | ผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวล่าง | ||
| คนหนึ่งรูปขาวสาวสำอาง | ดูคล้ายนางคืนนี้เป็นนวลจันทร์ | ||
| ครั้นเข้าใกล้แลเขม้นเป็นแต่แม้น | ไม่อ้อนแอ้นเหมือนนางที่ในฝัน | ||
| ทั้งนมคล้อยหน่อยนึงจึงผิดกัน | นอกจากนั้นตะละอย่างต่างต่างไป | ||
| นางนิมิตติดใจมิได้ลืม | ยิ่งป่วนปลื้มถึงฝันให้หวั่นไหว | ||
| สู้เดินเมินหน้าไม่อาลัย | ล่วงตลาดเข้าไปในจวนพลัน ฯ | ||
| ๏ พระพิจิตรนั่งเล่นอยู่หอขวาง | เห็นคนเดินมาสล้างก็นึกหวั่น | ||
| เอ๊ะข้าหลวงมาทำไมหลายคนครัน | ที่เดินหน้ามานั่นดังพระยา | ||
| ครั้นดูไปจำได้ว่าขุนแผน | ดีใจลุกแล่นลงมาหา | ||
| จูงมือขึ้นจวนชวนพูดจา | ขุนแผนวันทากับลูกชาย | ||
| พระพิจิตรเรียกศรีบุษบา | ขุนแผนเขามาไปไหนหาย | ||
| บุษบาเยี่ยมหน้าเห็นสองนาย | ยิ้มพรายออกมาด้วยดีใจ | ||
| นั่งลงไต่ถามความทุกข์ยาก | แต่ไปจากแม่ได้แต่ร้องไห้ | ||
| มิรู้ที่จะถามข่าวคราวใคร | ด้วยทางไกลเหลือไกลมิได้รู้ | ||
| จะเป็นตายหายลับไปหลายปี | วันนี้แลหวังว่ายังอยู่ | ||
| เห็นเจ้าเหมือนใครให้แก้วชู | ด้วยเอ็นดูเหมือนลูกจึงผูกใจ | ||
| วันทองท้องแก่ไปแต่นี่ | คลอดง่ายดายดีหรือเจ็บไข้ | ||
| ลูกเป็นชายหญิงอย่างกระไร | เดี๋ยวนี้อยู่ไหนไม่พามา ฯ | ||
| ๏ ขุนแผนเล่าความไปตามเรื่อง | เมื่อส่งไปจากเมืองก็สุขา | ||
| เขาผ่อนปรนจนถึงอยุธยา | โปรดประทานโทษาไม่ฆ่าตี | ||
| เป็นความกับขุนช้างก็ชนะ | ลูกไปอยู่บ้านพระจมื่นศรี | ||
| เผอิญกรรมตามซัดวิบัติมี | ไปเห็นชั่วเป็นดีไม่ควรการ | ||
| ให้ทูลขอลาวทองต้องติดคุก | ทนทุกข์โทษแทบถึงประหาร | ||
| วันทองท้องแก่เหลือกันดาร | ทรมานว้าเหว่อยู่เอกา | ||
| อ้ายขุนช้างบังอาจฉุดเอาไป | ไม่มีผู้ใดจะตามว่า | ||
| จนคลอดลูกชายคนนี้มา | ชันษาเจ้าได้ถึงสิบปี | ||
| มันจะเอาไปฆ่าในป่ใหญ่ | พลายช่วยไว้ได้ไม่เป็นผี | ||
| หนีไปอยู่บ้านกาญจน์บุรี | แม่ทองประศรีเลี้ยงไว้ให้เรียนรู้ | ||
| พอมีศึกเจ้าสะอึกเข้าอาสา | แต่ตัวข้ายังติดคุกอยู่ | ||
| จึงเป็นเหตุให้พระองค์ทรงเอ็นดู | ได้ช่องคูทูลขอพ่ออกมา | ||
| ก็โปรดให้พลายงามด้วยความชอบ | รับสั่งมอบการศึกให้รักษา | ||
| ประทานคนโทษที่มีวิชา | สามสิบห้าลูกหาบเจ็ดสิบคน | ||
| ที่มานี่จะยกไปเชียงใหม่ | ไปจับอ้ายลาวตีให้ปี้ป่น | ||
| นึกถึงคุณปกเกล้าเมื่อคราวจน | จึงแวะวนเข้ามนมัสการ ฯ | ||
| ๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบา | ฟังขุนแผนว่าน่าสงสาร | ||
| อนิจจาเคราะห์ร้ายแทบวายปราณ | นมนานน้อยหรือแต่ทนทุกข์ | ||
| นี่หากลูกยากล้าทูลขอ | หวังจะแทนคุณพ่อสู้บั่นบุก | ||
| หาไม่ก็จะตายอยู่ในคุก | เจ้าให้พ่อเป็นสุขมิเสียแรง | ||
| ผัวเมียชอบอารมณ์ชมเปาะ | หน้าตาเหมาะเจาะใจกล้าแข็ง | ||
| ชาติทหารเหมือนพ่อไม่ย่อแยง | ดูกล้องแกล้งนึกรักเฝ้าทักทาย | ||
| แค้นใจแต่ท้องบุษบา | เป็นผู้หญิงเสียข้าขันใจหาย | ||
| คิดคิดขึ้นมาน่าเสียดาย | ถ้าแม้นชายจะให้ไปด้วยพลัน | ||
| ว่าพลางทางร้องเรียกลูกสาวมา | ศรีมาลาเอ๋ยนั่งทำไมนั่น | ||
| ออกมาหาพี่ชายอย่าอายกัน | ศรีมาลาหวั่นหวั่นแล้วแอบมอง | ||
| พี่เชื้อมาแต่ไหนไม่รู้จัก | ค่อยค่อยผลักบานประตูดูตามช่อง | ||
| เห็นหนุ่มน้อยหน้านวลชวนคะนอง | สองคนพ่อลูกประหลาดตา | ||
| อีเม้ยรับขยับเข้ายืนชิด | มือสะกิดเย้าเยาะหัวเราะว่า | ||
| นั่นเป็นไรใครบนเทวดา | อีเม้ยทายแล้วว่าอย่าไม่ผิดคำ | ||
| ศรีมาลาว่าชิอีขี้เค้า | ว่าได้ว่าเอาไม่เป็นส่ำ | ||
| ขืนว่าแล้วจะด่าให้ระยำ | ค้อนควักหน้าคว่ำแล้วยิ้มเมิน | ||
| พอพระพิจิตรเรียกซ้ำมา | ขานเจ้าขาค่อยเยี่ยมเฟี้ยมแฝงเขิน | ||
| นางอุทัจอัดใจมิใคร่เดิน | ก้มสะเทินทรุดนั่งบังมารดา | ||
| ยกมือไหว้ขุนแผนกับพลายงาม | ให้วาบหวามอารมณ์แล้วก้มหน้า | ||
| พลายงามรับไหว้ชายแลมา | พอสบตาก็ตะลึงตะลานใจ | ||
| คนนี้แลแน่แล้วที่เราฝัน | รูปโฉมโนมพรรณหาผิดไม่ | ||
| น้องเอ๋ยรูปร่างช่างกระไร | ถึงนางในกรุงศรีไม่มีเทียม | ||
| ดังพระจันทร์วันเพ็ญเมื่อผ่องผุด | บริสุทธิ์โอภาสสะอาดเอี่ยม | ||
| สองแก้มแย้มเหมือนจะยั่วเรียม | งามเงี่ยมราศีผู้ดีจริง | ||
| ทั้งจริตกิริรยามารยาท | ดูฉลาดไว้วางอย่างผู้หญิง | ||
| อ่อนชะอ้อนเหมือนจะวอนให้ประวิง | จะยิ้มพรายก็พริ้งยิ่งเพราตา | ||
| ดูไหนไม่ขัดแต่สักอย่าง | นี่คู่สร้างของเรากระมังหนา | ||
| พอแลลอดสอดรับจับนัยน์ตา | ดังว่าเจ้าจะตัดเอาหัททัย | ||
| หญิงอื่นหมื่นแสนที่เคยเห็น | ก็หาจับใจเป็นเช่นนี้ไม่ | ||
| ถ้าแม้นได้ร่วมรักสักอึดใจ | จะตายไปก็ไม่คิดสักนิดเดียว | ||
| นึกพลางเจ้าพลายร่ายพระเวท | ประสบเนตรเป่าไปให้ซ่านเสียว | ||
| ศรีมาลาต้องมนตร์ขนลุกเกรียว | ชำเลืองเหลียวแลมาประหม่าใจ | ||
| พอสบเนตรให้สะท้านละลานจิต | ยิ่งต่อตายิ่งคิดพิสมัย | ||
| อกอ่อนร้อนรุ่มดังสุมไฟ | ไม่อยู่ได้นางก็ลาเข้ามาเรือน | ||
| แอบช่องมองดูอยู่ข้างใน | ยิ่งเพ่งพิศพาใจอาลัยเลื่อน | ||
| ความรักมีแต่ชักกระตุ้นเตือน | ฟั่นเฟือนดังจะคลั่งตั้งตามอง | ||
| ชะชายคนนี้มิเสียแรง | ดังหนึ่งแกล้งหล่อเหลาไม่เศร้าหมอง | ||
| ดูเนื้อตัวหน้าตาดังทาทอง | ไม่ขัดข้องสวยสมช่างคมคาย | ||
| รู้สึกตัวนึกอายระคายเขิน | ไถลเดินเลยเข้าในห้องหาย | ||
| อีเม้ยยิ้มกริ่มตามไปถามนาย | วันนี้ดูไม่สบายเป็นอย่างไร | ||
| ออกไปไหว้พี่มาแต่กรุง | แล้ววิ่งกลับเข้ามุ้งเหมือนเป็นไข้ | ||
| หรือผีสางทักทายนายตกใจ | ฉันจะบนบวงให้กบาลกิน | ||
| ผีมาแต่กรุงหรือบ้านนอก | อย่าหลอนหลอกจงคลายให้หายสิ้น | ||
| ขอผัดหน่อยคอยตะวันให้ตกดิน | ปัดยุงริ้นแล้วจะเซ่นในมุ้งนี้ | ||
| ศรีมาลาต่อยหัวลงต้ำเหงาะ | เฝ้าค่อนเคาะร่ำไปไม่บัดสี | ||
| นี่แลสัญชาติไพร่ที่ไหนมี | เซ่นผีในมุ้งมอญจัญไร | ||
| เย้ากันจนตะวันนั้นเย็นลง | ศรีมาลายิ่งพะวงหลงใหล | ||
| บุษบาเห็นช้าจึงเกริ่นไป | เป็นอย่างไรสำรับไม่จัดแจง | ||
| ศรีมาลาฟังว่าก็ลุกไป | ช่วยดูแลข้าไทให้ตกแต่ง | ||
| จัดสำรับอุดมทั้งต้มแกง | ฝาชีแดงปิดปกแล้วยกมา | ||
| นางยกชามข้าวบ่าวยกสำรับ | ใจวับวับมิค่อยออกไปนอกฝา | ||
| ครั้นถึงจัดวางข้างบิดา | ไม่อาจเงยดูหน้าเจ้าพลายงาม | ||
| พระพิจิตรก็ชวนกันกินข้าว | เจ้าพลายร้อนเร่าประหวั่นหวาม | ||
| ตะลึงแลศรีมาลาคว้าแต่ชาม | กลืนข้าวเหมือนหนามอยู่ในคอ | ||
| กลัวเนื้อความจะฟุ้งสะดุ้งคิด | เหลือบดูพระพิจิตรแล้วดูพ่อ | ||
| พระพิจิตรรู้ทีทำตัดพ้อ | อย่างไรหนอกินอยู่ดูระคาง | ||
| กินอะไรไม่อร่อยหรือพ่อหรือ | ชาวเหนือฝีมือไม่เหมือนล่าง | ||
| รสชาตปิ้งจี่มันจืดจาง | หัวเราะพลางหยอกเย้าเจ้าพลายงาม | ||
| แล้วจึงชักชวนทั้งสองนาย | ค้างที่นี่เถิดสบายอย่าเกรงขาม | ||
| บ้านมีอยู่ไยในอาราม | มาอยู่ตามชอบใจในหอนั้น | ||
| อิ่มเสร็จแล้วสั่งศรีมาลา | ให้จัดแจงฟูกผ้าทุกสิ่งสรรพ์ | ||
| ที่นอนน้อยกำมะหยี่นุ่นสองอัน | เสื่ออ่อนสองชั้นจัดออกมา ฯ | ||
| ๏ ขุนแผนถามพระพิจิตรพลัน | สีหมอกนั้นอยู่ดีหรือเจ้าขา | ||
| พระพิจิตรบอกว่าสีหมอกม้า | อยู่ดีแต่ชราถนัดใจ | ||
| เนื้อหนังพาลติดจะเหี่ยวคร่ำ | อันหญ้าน้ำค่ำเช้าหาขาดไม่ | ||
| ข้าก็ช่วยเยี่ยมเยียนเวียนมาไป | เกณฑ์ให้อ้ายจันมันเลี้ยงดู | ||
| ขุนแผนจึงชวนลูกชายพลัน | ไปเยี่ยมม้าด้วยกันเสียสักครู่ | ||
| ว่าพลางทางออกนอกประตู | ตรงไปที่อยู่สีหมอกม้า | ||
| อ้ายจันครั้นเห็นยกมือไหว้ | ฉันเลี้ยงไว้อ้วนพีดีหนักหนา | ||
| พ่อลูกเข้าไปใกล้อาชา | ขุนแผนเสกหญ้าให้ม้ากิน ฯ | ||
| ๏ สีหมอกม้าหญ้ามนตร์เข้าดลใจ | จำได้รู้ภาษาพูดจาสิ้น | ||
| ลงตีนโปกโปกโขกแผ่นดิน | เพียงจะดิ้นหลุดแหล่งด้วยดีใจ | ||
| เลียชมดมทั่วทั้งกายา | ขุนแผนกอดม้าน้ำตาไหล | ||
| ลูบหลังสีหมอกแล้วบอกไป | ข้านี้ต้องราชภัยเพิ่งพ้นมา | ||
| ไปติดคุกจนลูกทูนขอโทษ | ท่านปล่อยโปรดจึงได้มาเห็นหน้า | ||
| เจ้าพลายนี้ลูกวันทองน้องยา | ที่ท่านรับบุกป่ามากับเรา | ||
| สีหมอกฟังเหลียวหน้าหาวันทอง | ไม่เห็นน้องอยู่ไหนให้สร้อยเศร้า | ||
| มิรู้ที่จะถามความหนักเบา | เฝ้าแต่ดูลูกพ่อคลอน้ำตา ฯ | ||
| ๏ ขุนแผนบอกว่าข้าจะไปทัพ | หมายจะรับไปด้วยช่วยอาสา | ||
| เพราะได้เคยเห็นใจแต่ไรมา | จะไปได้หรือว่าท่านหย่อนแรง | ||
| สีหมอกดีใจจะไปทัพ | เต้นหรับร้องร่าดัดขาแข้ง | ||
| ดังบอกว่าข้าจะไปอย่าได้แคลง | ขุนแผนแจ้งท่วงทีก็ดีใจ | ||
| จึงเลือกเด็ดยอดหญ้ามาเต็มมือ | ถือเสกด้วยพระเวทมุขใหญ่ | ||
| ป้อนม้ากินหญ้าในทันใด | ระงับโศกโรคภัยให้บรรเทา | ||
| เดชะพระเวทวิเศษขลัง | สีหมอกมีกำลังขึ้นดังเก่า | ||
| ผูกเครื่องเรืองอร่ามงามเพริศเพรา | ขุนแผนขี่เหยาะเหย่าออกมาพลัน | ||
| ลองขับน้อยใหญ่ทั้งไล่หนี | ท่วงทีไวว่องคล่องขยัน | ||
| ถึงม้าหนุ่มจะเปรียบไม่เทียบทัน | สารพันถูกทำนองด้วยว่องไง | ||
| ขุนแผนดีใจลงจากหลัง | เรียกอ้ายจันมาสั่งหาช้าไม่ | ||
| เอ็งดูให้อิ่มหนำสำราญใจ | จะขี่ไปในรุ่งพรุ่งนี้เช้าฯ | ||
| ๏ ครั้นสั่งแล้วขุนแผนแสนศักดา | เรียกลูกชายมาแถลงเล่า | ||
| พ่อเกรงว่าช้าอยู่เหมือนดูเบา | เราจะยกในรุ่งขึ้นพรุ่งนี้ | ||
| ด้วยปลอดสิ้นทักทอนยมขัน | เป็นฤกษ์เสาร์เก้าชั้นวิเศษศรี | ||
| มีตบะจะชนะแก่ไพรี | เจ้านี้จะเห็นเป็นอย่างไร | ||
| พลายงามความอาลัยศรีมาลา | ไม่รับมาว่าจะจากพิจิตรได้ | ||
| จะแจ้งข้อกลัวพ่อไม่ตามใจ | จึงแก้ไขเบือนบิดคิดเจรจา | ||
| ว่าไพร่พลบอบช้ำระกำอก | จะด่วนยกไปไหนนี่เจ้าขา | ||
| ขอให้ไพร่พักสักเวลา | พอหายเหนื่อยเมื่อยล้าจึงคลาไคล | ||
| ขุนแผนว่าดูเอาเถิดเจ้าพลาย | จะหยุดหาความสบายก็เป็นได้ | ||
| การรับสั่งว่ายากลำบากไย | ที่ไหนจะเหมือนบ้านเรือนตน | ||
| เจ้าพลายงามตอบว่าหามิได้ | ลูกจะใคร่ปลุกเครื่องอีกสักหน | ||
| ด้วยยังหย่อนฤทธิ์เดชทั้งเวทมนตร์ | ขอพักพลปลุกเครื่องเสียสักนิด | ||
| ขุนแผนว่าถ้าไปเสียให้ทัน | พรุ่งนี้เป็นวันมหาสิทธิ์ | ||
| จะปลุกเครื่องก็เรืองอิทธิฤทธิ์ | ประกอบกิจกับฤกษ์ที่เบิกไพร | ||
| อันพิธีในเรื่องปลุกเครื่องอาน | ทำในบ้านไม่เหมือนในป่าใหญ่ | ||
| ด้วยบ้านเมืองผู้คนเกลื่อนกล่นไป | จะระงับดับใจไม่สู้ดี | ||
| เจ้าพลายว่าป่าไม้จะปลุกฤทธิ์ | ไม่ประสิทธิ์เหมือนหนึ่งป่าช้าผี | ||
| อยู่ในพาราป่าช้ามี | ก็เป็นที่สงัดเงียบปากคอ | ||
| ขุนแผนรู้ว่าบิดก็คิดเคือง | เอ็งห่วงเมืองอยู่ทำไมไฉนหนอ | ||
| ธุระสิ่งไรมีจะรีรอ | พ่อพูดมิฟังช่างกระไร | ||
| พลายงามคร้ามพ่อไม่ต่อเถียง | พูดเลี่ยงว่าธุระหามีไม่ | ||
| แล้วพ่อลูกก็พากันคลาไคล | ขึ้นจวนใหญ่พลายน้อยคะนึงนาง | ||
| ขุนแผนพลายงามพระพิจิตร | ชอบชิดพูดจากันต่างต่าง | ||
| ถึงเรื่องรบพุ่งแลทุ่งทาง | พูดพลางต่างหัวร่อกันเรื่อยไป ฯ | ||
| ๏ ครั้นสิ้นแสงสุริยนสนธยา | พระจันทราแย้มเยี่ยมเหลี่ยมไศล | ||
| เคลื่อนคล้อนลอยฟ้านภาลัย | หมดเมฆปัถไหมไม่หมองมอม | ||
| พระพายพามาลาละอองกลิ่น | รวยรินรสร่อนขจรหอม | ||
| ศรีมาลาอาวรณ์นอนใจตรอม | ถนอมแนบหมอนข้างเคียงคะนึง | ||
| โอ้พ่อพลายงามของน้องเอ๋ย | ใครเลยจะเอ็นดูให้รู้ถึง | ||
| ว่าน้องนี้มีจิตคิดรำพึง | ดังศรตรึงทรวงโศกวิโยคคิด | ||
| พ่อชายตามาสบเมื่อน้องแล | จะรู้แน่หรือจะแหนงแคลในจิต | ||
| ดูลาดเลาเจ้าก็ใคร่จะเป็นมิตร | หรือวิปริตคิดว่าไม่ปรานี | ||
| อกน้องยากนักด้วยเป็นหญิง | ต้องซ่อนรักหนักนิ่งอยู่กับที่ | ||
| แม้นเป็นชายพ่อพลายเป็นสตรี | ค่ำวันนี้เป็นตายจะหมายไป | ||
| นึกพลางนางนอนสะท้อนท้อ | น้ำตาคลอมิใคร่จะเคลิ้มได้ | ||
| ให้เฟื่องฟุ้งพลุ่งพล่านรำคาญใจ | นึกอาลัยไปจนหลับกับที่นอน ฯ | ||
| ๏ พระพิจิตรขุนแผนพลายงาม | พูดกันจนยามไม่หยุดหย่อน | ||
| พระพิจิตรว่าเช้าเจ้าจะจร | จงพักผ่อนเสียเถิดทั้งสองรา | ||
| ว่าแล้วก็ลุกไปเข้าเรือน | พลายงามฟั่นเฟือนเป็นหนักหนา | ||
| ชวนพ่อเข้านอนวอนพูดจา | คุณพ่อขานี่ดึกแล้วกระมัง | ||
| ฉันวันนี้อย่างไรไม่สบาย | ระส่ำระสายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยสันหลัง | ||
| จะนอนเสียแต่หัวค่ำเอากำลัง | จะได้ตั้งหน้ายกแต่เช้าไป ฯ | ||
| ขุนแผนนึกในใจไอ้เจ้าชู้ | มันสำคัญว่ากูหารู้ไม่ | ||
| กรรมกรรมเจียวจะทำเป็นอย่างไร | มันจะแกล้งให้ผู้ใหญ่ผิดใจกัน | ||
| คิดแล้วก็ทำเป็นมารยา | หลับตานอนนิ่งไม่พลิกผัน | ||
| คอยจับแยบคายลูกชายนั้น | ไม่วางใจให้หวั่นในอารมณ์ ฯ | ||
| ๏ เจ้าพลายก่ายหมอนทำนอนนิ่ง | สุดประวิงอกไหม้ไส้พุงขม | |||
| กำเริบรักหนักแน่นแสนระทม | โอ้เจ้านมพวงพี่ศรีมาลา | |||
| ป่านนี้เนื้ออ่อนจะนอนสนิท | หรือดวงจิตจะนึกเสนหา | |||
| ดูทีเหมือนจะมีซึ่งเมตตา | แต่ทว่าเป็นหญิงก็นิ่งไว้ | |||
| อันความรักหนักแน่นในอกพี่ | ข้อนี้เจ้ารู้หรือหาไม่ | |||
| แม้นรู้เค้าเจ้าก็เห็นจะอาลัย | คงมิให้เสียทีพี่หมายชิด | |||
| เขาย่อมว่าถ้ามีมิตรใจ | แล้วคงไม่สาบสูญมิตรจิต | |||
| พี่รักเจ้าเทียมเท่าดวงชีวิต | นี่จะคิดฉันใดให้เป็นการ | |||
| จะวนเวียนเพียรพูดให้ถึงปาก | ก็สุดยากเชิงชักสมัครสมาน | |||
| ด้วยพรุ่งนี้ก็จะไปไม่อยู่นาน | จะพึ่งพานผู้ใดก็ไม่มี | |||
| ถ้าจะไว้สู่ขอต่อขากลับ | เห็นตัวพี่นี้จะยับลงเป็นผี | |||
| ด้วยความรักหนักใจเสียเต็มที | จะทวีขึ้นทุกวันจนบรรลัย | |||
| จำจะคิดเข้าสนิทให่สมนึก | จึงจะคิดทำศึกต่อไปได้ | |||
| แม้นมิได้ศรีมาลายาใจ | ซึ่งจะไปเชียงใหม่อย่าสงกา | |||
| ตามแต่บุญกรรมเถิดน้องแก้ว | คนหลับแล้วจะลอบเข้าไปหา | |||
| ถ้าแม้นแก้วพี่มิเมตตา | ก็ตามแต่เวราจะเป็นไป | |||
| ยิ่งนึกยิ่งตรมอารมณ์หมอง | แสงเดือนเด่นส่องสว่างไสว | |||
| น้ำค้างพร่างพร้อยละห้อยใจ | เสียงไก่แก้วขันกระชั้นยาม | |||
| ฟังพ่อรอหูดูจนใกล้ | ไม่ไว้ใจแคลงคลำแล้วทำถาม | |||
| ขุนแผนรู้แยบคายเจ้าพลายงาม | ไม่ตอบความนิ่งอยู่จะดูที | |||
| เจ้าพลายสำคัญว่าพ่อหลับ | ค่อยขยับลุกย่องมาจากที่ | |||
| พอออกนอกห้องได้ก็ยินดี | หมายว่าหนีพ้นพ่อรอบังเงา ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนลุกมองแล้วย่องตาม | พอทันถามออกมาทำไมเจ้า | |||
| พลายงามแก้เก้อละเมอเดา | ฉันจะออกไปเบาที่นอกชาน | |||
| วันนี้มันให้ปวดแต่ท้องเยี่ยว | หลายเที่ยวแล้วด้วยกล่อนมันสังหาร | |||
| จะปลุกพ่อขอยารับประทาน | ขุนแผนว่าไม่ได้การแล้วเจ้าพลาย | |||
| อ้ายโรคกล่อนเช่นนี้มันขี้ถ่อย | หมอสักร้อยรักษาก็ไม่หาย | |||
| ว่าพลางทางจูงมือลูกชาย | ย่างกรายเข้าห้องต้องระวัง ฯ | |||
| ๏ เจ้าพลายงามขัดใจไม่เป็นสุข | ล้มนอนแล้วลุกทะลึ่งนั่ง | |||
| แค้นพ่อเหมือนหัวอกจะฟกพัง | กระไรช่างแกล้งได้ไม่เมตตา | |||
| เป็นไรมีดีแล้วว่าไม่หลับ | จะคอยจับให้ได้ก็ไม่ว่า | |||
| พลางร่ายมนตร์ขลังสั่งนิทรา | ตั้งสมาธิปลงตรงภวังค์ | |||
| เป่าต้องขุนแผนแสนสนิท | ก็เคลิ้มจิตด้วยพระเวทวิเศษขลัง | |||
| หลับสนิทแน่วนิ่งลงจริงจัง | พลายงามสมหวังสิ้นอาวรณ์ | |||
| ขยับเท้าก้าวย่างออกจากห้อง | พระจันทร์ส่องแสงจำรัสประภัสสร | |||
| พระพายพัดบุปผาพาขจร | รวยรินรสอ่อนระรื่นไป ฯ | |||
| ๏ มาถึงเรือนที่ศรีมาลาอยู่ | แอบบังเงาดูด้วยสงสัย | |||
| หลังนี้ดอกกระมังยืนชั่งใจ | แสงไฟวับวามตามตะเกียง | |||
| คิดพลางทางร่ายมนตร์สะกด | หลับหมดเงียบดีไม่มีเสียง | |||
| สะเดาะกลอนถอนหลุดแล้วมองเมียง | เลี่ยงเข้าในห้องย่องเดินมา | |||
| อัจกลับตามวางกระจ่างแสง | เจ้าตกแต่งเครื่องเรือนไว้หนักหนา | |||
| เครื่องแป้งจัดตั้งไว้หลังม้า | ขันล้างหน้าพานรองของผู้ดี | |||
| เครื่องนากเครื่องทองสองสำรับ | เรียงลำดับวางไว้เป็นที่ที่ | |||
| โถขี้ผึ้งแป้งร่ำน้ำมันตานี | โต๊ะหวีตั้งเรียงไว้เคียงกัน | |||
| โตกพานหีบปัดจัดตั้งซ้อน | ทั้งผ้าผ่อนพับเรียบทุกสิ่งสรรพ์ | |||
| เครื่องไหว้พระนั้นจัดอัฒจันทร์ | คันฉ่องแกะงาเป็นหน้าพรหม | |||
| กระจกใหญ่ใส่ตั้งทั้งไม้สอย | อุบะห้อยรื่นรวยดูสวยสม | |||
| สะอาดสะอ้านลานตาน่านิยม | พลางชมม่านกางข้างที่นอน | |||
| พื้นไหมใส่ทองเป็นลายปัก | น่ารักรูปร่างบางชะอ้อน | |||
| ปักระเด่นเป็นไข้ใจอาวรณ์ | ทุรนร้อนรักนุชบุษบา | |||
| เอาไฟเผาเข้าลักพระน้องนาฎ | โอบอุ้มใส่ราชรถา | |||
| ระเด่นแกล้งแปลงเป็นจรกา | ปักเป็นบุษบาเจ้าจาบัลย์ | |||
| ๏ พระรีบเร่งชักรถถึงคีรี | เข้าสู่ถ้ำมณีภิรมย์ขวัญ | |||
| สองกษัตริย์เชยชมสมสู่กัน | พอรุ่งแสงสุริยันก็จากนาง | |||
| เข้ามาเมืองจะเปลื้องความสงสัย | สั่งพี่เลี้ยงไว้มิให้ห่าง | |||
| ผลกรรมจำจากจะพรากร้าง | เผอิญข้างนางนึกนิยมไป | |||
| ออกทรงรถชมพรรณบุปผา | ปักปะการะตาหลาอันเป็นใหญ่ | |||
| ให้ลมเพชรหึงลั่นสนั่นไพร | พัดพาอรไทไปทั้งรถ | |||
| ครั้นไกลไปตกกลงกลางป่า | บุษบายิ่งแสนโศกกำสรด | |||
| คิดถึงพระองค์ผู้ทรงยศ | นางระทดระทวยแทบทำลายชนม์ | |||
| ปักเป็นระเด่นเที่ยวตามหา | ค้นคว้าจบแหล่งทุกแห่งหน | |||
| พระวงศาแยกย้ายหลายตำบล | แปลงตนเป็นปันจุเหร็จไพร | |||
| ฉลาดนักปักงามนี้น้อยหรือ | ช่างฟัดครือเรื่องพี่หาผิดไม่ | |||
| อันองค์บุษบายาใจ | พิเคราะห์ไปเหมือนเจ้าศรีมาลา | |||
| อันอกของระเด่นมนตรี | เหมือนอกพี่นี่ที่โหยหา | |||
| คล้ายระเด่นกับพระนุชบุษบา | แต่ไม่มีจรกาจึงผิดกัน | |||
| ถ้าใครเป็จรกาเข้ามาแกล้ง | พี่ไม่แปลงอย่างเช่นระเด่นนั่น | |||
| จะจิกหัวจรกาเอามาฟัน | แล้วสรวลสันต์ผันแปรแลชำเลือง | |||
| เตียงจีนตีนตั้งบนตัวสิงห์ | ฉลุลายพรายพริ้งพร้อมทั้งเครื่อง | |||
| แลวิจิตรปิดทองดูรองเรือง | มุ้งเหลืองแพรดอกกกระเด็นลอย | |||
| หน้าระบายลายทับสลับสี | มุ้งผู้ดีมีแส้หางม้าห้อย | |||
| เปิดมุ้งเมียงมองเห็นน้องน้อย | เจ้าหลับผ็อยเพ่งพิศจิตทะยาน | |||
| พักตร์พริ้มเหมือนยิ้มอยู่ทั้งหลับ | ประทีปจับหน้านวลชวนสมาน | |||
| เจ้านิทรามารยาทไม่มีปาน | ยิ่งคิดก็ยิ่งซ่านสวาทเตือน | |||
| ค่อยประคองลองจูบเจ้าทั้งหลับ | หอมกระไรใจวับขยับเขยื้อน | |||
| พอต้องเต้าตัวสั่นให้ฟั่นเฟือน | ค่อยลูบเลื่อนโลมเล้าละลานใจ | |||
| จับแล้ววางเล่าเฝ้ากลัดกลุ้ม | ด้วยรุ่นหนุ่มชู้สาวหาเคยไม่ | |||
| จะปลุกนางกลัวร้องย่องห่างไป | คลายเวทแล้วก็ไอให้สำเนียง ฯ | |||
| ๏ ครานั้นศรีมาลานารี | รู้สึกสมประดีได้ยินเสียง | |||
| ลืมตาเห็นชายอยู่ปลายเตียง | เจ้ามองเมียงจำได้ว่าพลายงาม | |||
| นึกสำคัญในจิตคิดว่าฝัน | ไม่หวาดหวั่นยิ้มแล้วก็ทักถาม | |||
| นึกอย่างไรใจกล้าเข้ามาตาม | จะเกิดความงามหน้าพากันอาย | |||
| เจ้าพลายได้ฟังเข้านั่งอิง | นางรู้ว่าคนจริงมิ่งขวัญหาย | |||
| ตกใจเพียงจะดิ้นสิ้นใจตาย | ร้องว้ายแล้วก็ซบสลบไป ฯ | |||
| ๏ อีเม้ยรับหลับอยู่ที่เฉลียง | ได้ยินเสียงนายร้องก็จำได้ | |||
| ลุกขึ้นด้วยตระหนกตกใจ | เข้าในห้องมองเมียงถึงเตียงพลัน | |||
| เห็นเจ้าหนุ่มอุ้มนางวางบนตัก | รู้จักว่าเจ้าพลายที่หมายมั่น | |||
| ก็แจ้งใจในเหตุปัจจุบัน | มาฉวยขันน้ำส่งให้เจ้าพลาย | |||
| พ่อเอาผ้าชุบน้ำนี้ลูบหน้า | ลูบไล้ไปมากว่าจะหาย | |||
| แล้วปลอบโยนตามใจให้สบาย | ถ้าขืนใจแล้วจะตายในพริบตา | |||
| ว่าแล้วปิดห้องย่องกลับไป | อีเม้ยยิ้มละไมอยู่ในหน้า | |||
| คอยดูผู้คนจะไปมา | ด้วยสงสารศรีมาลากับพลายงาม ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงท่านพระพิจิตร | หลับสนิทเสียงลูกตกใจหวาม | |||
| จะเกิดเหตุอะไรไม่รู้ความ | จึงร้องถามอีเม้ยเฮ้ยเป็นไร | |||
| กูแว่วเหมือนเสียงศรีมาลา | มึงลืมตาขึ้นฟังมั่งหรือไม่ | |||
| อีเม้ยเอ่ยตอบไปทันใด | นายท่านเรียกฉันไปให้ปัดยุง | |||
| ปัดไปปัดมาไม่ทันดู | จิ้งจกมันอยู่ที่ในอุ้ง | |||
| ฉันปัดมันพลัดลงจากมุ้ง | ถูกพุงเธอจึงร้องออกก้องเรือน | |||
| พระพิจิตรว่าดูอีมอญถ่อย | สักหน่อยอ่อนจะเลยเป็นกลากเกลื้อน | |||
| บุษบาว่าฉันก็ได้เตือน | มันไม่เชือนดูแลแต่กลางวัน ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายว่าขุนแผนอยู่หอนั่ง | สะดุ้งฟื้นตื่นฟังใจหวั่นหวั่น | |||
| ออพลายหายแล้วไม่แคล้วกัน | อ้ายขี้เค้าคงถลันไปเข้ามุ้ง | |||
| อ้ายลูกเจ้ากรรมมาทำเข็ญ | พรุ่งนี้ทีเห็นจะเกิดยุ่ง | |||
| แต่ตริตรองแก้ไขสิ้นไส้พุง | คืนยังรุ่งไม่ระงับหลับนอน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นนารีศรีมาลา | ค่อยฟื้นตื่นมายังเหนื่อยอ่อน | |||
| ได้สติลืมตาด้วยอาวรณ์ | เห็นเจ้าพลายกอดช้อนไว้ทั้งตัว | |||
| มือหนึ่งลูบน้ำชดลมหน้า | นางประหม่าขนพองสยองหัว | |||
| ใจเต้นหวามหวามด้วยความกลัว | ยังมึนมัวมิรู้ที่จะหนีไป | |||
| จึงค่อยเคลื่อนเลื่อนตัวลงจากตัก | ละอายนักนิ่งนอนถอนใจใหญ่ | |||
| ค่อยกระดิกพลิกตัวเข้าข้างใน | เจ้าแกล้งหันหลังให้ไม่แลดู ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาท | ยังไม่อาจถามทักเป็นสักครู่ | |||
| ด้วยอาการอย่างไรยังไม่รู้ | เห็นนอนอยู่ดิบดีค่อยมีใจ | |||
| จึงหยิบพัดหางปลามารำเพย | น้องเอ๋ยนอนเถิดจะพัดให้ | |||
| เมื่อตะกี้พี่วิตกนี่กระไร | ถ้าบรรลัยพี่ชายจะตายตาม | |||
| พี่บนบวงเทวดาคงมาช่วย | จึงรอดด้วยเทพไทมิได้ห้าม | |||
| ท่านเอ็นดูโฉมฉายกับพลายงาม | เพราะเห็นความรักพี่มีต่อน้อง | |||
| แต่แลพบสบตาเมื่อมาถึง | พี่เหมือนหนึ่งกับปลามาติดข้อง | |||
| ทุรนร้อนรักรึงคะนึงปอง | ถ้าเจ้าไม่ปรองดองก็ถึงตาย | |||
| เหลือที่พี่จะโศกโรครักร้าง | ช่วยรักษาพี่บ้างพอห่างหาย | |||
| เชิญเจ้าผินหน้ามาหาพี่ชาย | พูดภิปรายพอให้พี่มีน้ำใจ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลา | ได้ฟังวาจายิ่งรักใคร่ | |||
| แต่หากมารยาแกล้งว่าไป | นี่อยากรู้ว่าใครให้เข้ามา | |||
| เป็นผู้ดีช่างไม่มีอัชฌาสัย | ไม่เกรงใจพ่อแม่แต่สักหน้า | |||
| รู้จักกันไม่ทันล่วงเวลา | จะมาฆ่าแท้แท้แก้ว่ารัก | |||
| รักจริงนิ่งไยมิไปขอ | บอกแม่พ่อเป็นผู้ใหญ่ให้ประจักษ์ | |||
| ล่วงเกินแล้วมาเชิญให้ทายทัก | นี่จะให้ใครสมัครไปทักทาย ฯ | |||
| ๏ อนิจจาแก้วตาช่างว่าได้ | ไม่เห็นใจหรือว่ารักสมัครหมาย | |||
| พี่กล้ามาถึงตัวไม่กลัวตาย | ก็เพราะรักโฉมฉายกว่าชีวิต | |||
| ถ้าสามารถอาจขอต่อพ่อแม่ | แน่แล้วพี่จะขอต่อพระพิจิตร | |||
| ท่วงทีก็จะสมอารมณ์คิด | ท่านเป็นมิตรกับบิดามาช้านาน | |||
| เมื่อนั่งกินข้าวเย็นเห็นหรือเปล่า | ท่านหยอกเย้าพี่อย่างว่าลูกหลาน | |||
| แต่สุดคิดเพราะติดราชการ | จะต้องคุมพวกทหารไปพรุ่งนี้ | |||
| ถ้าร้างรักหักใจไปจากเจ้า | ทุกค่ำเช้าจะระทมดังตรมฝี | |||
| คงบรรลัยไม่ทันเป็นไมตรี | ใช่ว่าพี่จงจิตจะคิดร้าย | |||
| เพราะขัดขวางอย่างอื่นไม่คิดเห็น | จำเป็นจึงเข้ามาหาโฉมฉาย | |||
| ถ้าเจ้าไม่ปรานีพี่ยอมตาย | ขอฝากกายไว้ในห้องของน้องรัก ฯ | |||
| ๏ ศรีมาลาฟังความพลายงามว่า | นางตรึกตราทุกสิ่งจริงประจักษ์ | |||
| นึกถึงตัวกลัวอายยิ่งร้ายนัก | เหมือนชวนชักชายไว้ที่ในเรือน | |||
| ถึงเพียงนี้แล้วที่ไหนจะไปจาก | ยากที่จะผลัดวันประกันเลื่อน | |||
| ทั้งใจนางความรักก็ตักเตือน | จึงลุกเบือนหน้าค้อนเข้าพลายงาม | |||
| อ้อชาวกรุงศรีเช่นนี้เจียว | ฉลาดเฉลียวลิ้นลมเป็นคมหนาม | |||
| จะว่าไรแก้ไขได้ทุกความ | มิน่าหญิงวิ่งตามกันปรอปรอ | |||
| ขึ้นมาถึงพิจิตรติดผู้หญิง | ครั้นติดทัพกลับนิ่งไม่สูขอ | |||
| ไปทัพก็ไม่ไปไถลรอ | จนแม่พ่อหลับใหลเข้าในเรือน | |||
| ไม่คบค้าก็ว่าจะบรรลัย | ชาวบ้านนอกที่ไหนใครจะเหมือน | |||
| ถ้าหญิงใดใจเบาให้เจ้าเชือน | ไม่ถึงเดือนก็จะทิ้งวิ่งไปทัพ | |||
| ปล่อยนางร้างเปล่าอยู่ข้างนี้ | ต้องให้คอยร้อยปีไม่มีกลับ | |||
| ให้เสียตัวชั่วช้ำระกำยับ | เพราะสับปลับหลงเสน่ห์เล่ห์ชาวกรุง | |||
| ฉันขอบคุณที่อุตส่าห์รักษาไข้ | ไปเสียเถิดพ่อไปจะใกล้รุ่ง | |||
| ถ้าพ่อแม่รู้ความจะลามนุง | จะโกรธยุ่งไม่ได้ดังใจปอง ฯ | |||
| ๏ น้องเอ๋ยที่จะไปอย่าได้คิด | สิ้นชีวิตก็จะตายอยู่ในห้อง | |||
| พี่ไม่ลวงหลอกดอกนะน้อง | จะครอบครองเป็นคู่อยู่จนตาย | |||
| ปรานีพี่เถิดอย่าเฝ้าดื้อ | ได้ถูกถือแล้วเช่นนี้ไม่มีหน่าย | |||
| ว่าพลางอิงแอบเข้าแนบกาย | เจ้าพลายจับต้องจะลองใจ ฯ | |||
| ๏ ศรีมาลาป้องปัดสะบัดเบี่ยง | เขาว่าแล้วยังเมียงเข้ามาใกล้ | |||
| สัญญาว่าแต่ปากยากอะไร | อย่าด่วนได้นะจงยั้งตั้งใจคิด | |||
| ถ้าจริงใจก็ให้ความสัตย์ก่อน | ให้แน่นอนภายหน้าว่าสุจริต | |||
| เชื่อได้จึงจะปลงลงเป็นมิตร | ถ้าเบือนบิดอย่าสำรวยให้ป่วยการ ฯ | |||
| ๏ จริงจริงกระนั้นหรือน้องแก้ว | มันก็แล้วมิให้น้องต้องว่าขาน | |||
| พี่จะให้ความสัตย์ปฏิญาณ | ขอบันดาลเทพยดาจงมาฟัง | |||
| ถ้าพี่นี้ทิ้งขว้างร้างหย่า | ไม่เลี้ยงเจ้าศรีมาลาไปวันหลัง | |||
| ขอให้มีอันเป็นเห็นจริงจัง | ลงนรกตกกระทั่งถึงโลกันต์ | |||
| พี่ให้สัตย์ปฏิญญาณอย่างนี้แล้ว | น้องแก้วยังสงสัยหรือไรนั่น | |||
| เชิญเจ้าช่วยรับรักพี่หนักครัน | จะหวาดหวั่นต่อไปไม่ต้องการ ฯ | |||
| ๏ เห็นแล้วหม่อมพี่ที่รักน้อง | คงปรองดองร่วมรักสมัครสมาน | |||
| แต่ฉันยังเป็นไข้ให้สะท้าน | ขอผัดพอนานนานจะตามใจ | |||
| เจ้าพลายรู้ใจไข้มารยา | ไม่รอช้ากอดรัดกระหวัดไขว่ | |||
| ประจงจูบลูบลอดในสไบ | นางผลักไสอยู่จนพับกับที่นอน | |||
| ทั้งหนุ่มสาวคราวแรกภิรมย์รัก | ไม่ประจักษ์เสนหามาแต่ก่อน | |||
| กำเริบรักเหลือทนทุรนร้อน | พอร่วมหมอนก็เห็นเป็นอัศจรรย์ | |||
| เหมือนเกิดพายุกล้ามาเป็นคลื่น | ครืนครืนฟ้าร้องก้องสนั่น | |||
| พอฟ้าแลบแปลบเปรี้ยงลงทันควัน | สะเทือนลั่นดินฟ้าจลาจล | |||
| นทีตีฟองนองฝั่งฝา | ท้องฟ้าโปรยปรายด้วยสายฝน | |||
| โลกธาตุหวาดไหวในกมล | ทั้งสองคนรสรักประจักษ์ใจ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลา | เสนหาพะวงหลงใหล | |||
| แอบผัวเคียงข้างไม่ห่างไกล | เอาสไบซับเนื้อที่เหื่อนอง | |||
| พัดพลางถามผัวกลัวอิดโรย | หิวโหยหรือข้าจะหาของ | |||
| เจ้าพลายสวมสอดกอดประคอง | ได้แนบน้องเนื้อนิ่มพี่อิ่มทิพย์ | |||
| กินอยู่ไม่ต้องกล่าวทั้งคาวหวาน | ขึ้นสวรรค์เห็นวิมานอยู่หวิบหวิบ | |||
| ต่าคะนึงคลึงเคล้าเฝ้ากระซิบ | งุบงิบกันจนม่อยผ็อยหลับไป ฯ | |||
| ๏ จวนอรุณเรื่อฟ้านภาแผ้ว | ไก่แก้วขันเร่งปัจจุสมัย | |||
| ศรีมาลาตื่นนอนถอนฤทัย | ด้วยจำใจจะต้องพรากจากผัวนั้น | |||
| นางล้างหน้าทาแป้งแล้วหวีหัว | ค่อยขยับจับตัวผัวปลุกสั่น | |||
| ตื่นเถิดจวนจะแจ้งแสงตะวัน | อยู่ด้วยกันช้าไปจะได้อาย | |||
| เจ้าพลายตื่นฟื้นตัวมัวแต่จูบ | โลมลูบอยู่ใม่ใคร่จะผันผาย | |||
| จะเหินห่างนางไปให้เสียดาย | ซังตายลุกมาล้างหน้าพลัน | |||
| ศรีมาลามพาไปที่เครื่องแป้ง | ตกแต่งแป้งร่ำน้ำดอกไม้กลั่น | |||
| เจือกระแจะปรุงประทิ่นกลิ่นจวงจันทน์ | นางจัดสรรให้ผัวแต่งตัวไป | |||
| เจ้าพลายประแป้งแต่งตัวแล้ว | จะคลาดแคล้วสะท้อนถอนใจใหญ่ | |||
| นั่งลงอุ้มนางวางตักไว้ | ยิ่งอาลัยยิ่งอนาถไม่อาจจร ฯ | |||
| ๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลา | เจ้าโศกาสะอึกสอื้นอ้อน | |||
| นึกได้เหลียวหน้ามาว่าวอน | คิดก่อนนะจะไปไกลจากน้อง | |||
| เรื่องของเราผู้ใหญ่ไม่รู้ความ | ต้องคิดอ่านลากหนามไว้จุกช่อง | |||
| พ่อไปเผื่อใครจะขอร้อง | อย่าให้ต้องขืนขัดคำบิดา | |||
| ถึงน้องจะยากเข็ญเป็นอย่างไร | ก็คงจะเอาใจไว้รอท่า | |||
| เสร็จราชการทัพจงกลับมา | อย่าเชือนช้าให้ม้วยด้วยตรอมใจ | |||
| พลายงามความอาลัยใจละเหี่ย | ฟังเมียไม่กลั้นน้ำตาได้ | |||
| พี่นี้เหลือที่จะห่วงใย | พี่จะไปบอกพ่อให้ขอน้อง | |||
| ถึงกระไรให้ขอพอได้หมั้น | ป้องกันมิให้ใครเกี่ยวข้อง | |||
| ถ้าหากว่าบิดาไม่ปรองดอง | ถึงจะต้องฟันคอมิขอไป | |||
| อย่าวิตกหมกไหม้เลยน้องแก้ว | ไปแล้วพี่หาลืมปลื้มจิตไม่ | |||
| เจ้าจงจำคำสัตย์ของพี่ไว้ | เสร็จศึกเมื่อไรจะรีบมา | |||
| อย่าร้องไห้ไปนักจงฟังพี่ | พรุ่งนี้ใครเห็นจะผิดหน้า | |||
| ว่าพลางทางช่วยเช็ดน้ำตา | แล้วจูบซ้ายย้ายขวาจะลาจร | |||
| ศรีมาลาอาลัยใจจะขาด | นางมิอาจดูหน้าดังแต่ก่อน | |||
| ผละผัวตัวเจ้าเข้าที่นอน | ลงแอบหมอนซ่อนหน้าโศกาลัย ฯ | |||
| ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม | แลตามเมียขวัญให้หวั่นไหว | |||
| รามรามจะใคร่ตามกลับเข้าไป | แต่จนใจจะกระจ่างสว่างฟ้า | |||
| หักใจเดินออกมานอกห้อง | ค่อยค่อยย่องบังเงาเข้าริมฝา | |||
| ถึงหอนั่งตั้งใจจะไสยา | เห็นบิดาตื่นอยู่ก็ตกใจ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา | เห็นพลายงามถามว่ามาแต่ไหน | |||
| เจ้าพลายทำเฉยเอ่ยตอบไป | ฉันปวดท้องลงบันไดไปที่เว็จ | |||
| ขุนแผนว่าเว็จไหนในเมืองนี้ | ถึงกับมีเครื่องแป้งแต่งตัวเสร็จ | |||
| หน้าตาทาแป้งเป็นเม็ดเม็ด | กูรู้เช่นเห็นเท็จอย่าหลอกลวง | |||
| มาอยู่บ้านพระพิจิตรผู้บิดา | พระคุณท่านมีมาเป็นใหญ่หลวง | |||
| เอ็งนี้จ้วงจาบละลาบละล้วง | บังอาจล่วงลูกท่านผู้มีคุณ | |||
| หากว่าติดนิดหนึ่งด้วยการทัพ | หาไม่กูจะขับลงใต้ถุน | |||
| ไม่ถูกหวายลายพร้อยก็เป็นบุญ | ทำวุ่นแล้วจะว่าประการใด ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาท | ฟังพ่อบริภาษหาเถียงไม่ | |||
| คิดไปได้ทีก็ดีใจ | กราบไหว้ว่าลูกนี้ผิดจริง | |||
| ด้วยความรักอักอ่วนเหลือกำลัง | ราวจะคลั่งจะใคล้ไปทุกสิ่ง | |||
| มิรู้ที่จะสลัดตัดทิ้ง | ถ้าขืนนิ่งไปศึกนึกว่าตาย | |||
| จะพึ่งบุญคุณพ่อช่วยขอสู่ | ก็ว่าจะไม่อยู่ตอนบ่าย | |||
| คิดไปไม่ตลอดจะวอดวาย | จึงปีนป่ายเข้าห้องน้องศรีมาลา | |||
| อ่อนก็เป็นมิตรจิตไม่แหนง | คุณพ่อก็เห็นแป้งที่ประหน้า | |||
| ลูกได้ให้คำมั่นเป็นสัญญา | ว่าจะบอกบิดาให้ขอร้อง | |||
| ถึงกระไรได้หมั้นพอกันเท็จ | การเบ็ดเสร็จไว้ว่าเมื่อขาล่อง | |||
| คุณพ่อโปรดด้วยช่วยปรองดอง | จะได้คล่องอกใจไปราวี ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท | นิ่งคิดใคร่ครวญดูถ้วนถี่ | |||
| การทั้งปวงล่วงเลยถึงเเพียงนี้ | จะทิ้งไปไม่ดีเป็นเนรคุณ | |||
| อองามก็หลงจนงงงวย | ไม่ช่วยไปข้างหน้าจะว้าวุ่น | |||
| ตกกระไดพลอยโผนโจนตามบุญ | ทำเป็นหุนหันโกรธเจ้าพลายงาม | |||
| อ้ายลูกนอกพ่อก่อความร้อน | เมื่อแต่ก่อนทำไมไม่ไต่ถาม | |||
| เอาแต่ใจหนุ่มตะกรุมตะกราม | เกิดความแล้วมาง้อพ่อทำไม | |||
| ถ้าไม่รักพระพิจิตรผู้บิดา | กูหาพักพูดจาให้มึงไม่ | |||
| ลูกของท่านท่านรักดังดวงใจ | มึงทำให้เสียตัวเหมือนชั่วช้า | |||
| ก็จะต้องแก้ไขเสียให้หาย | อย่าให้ท่านอับอายขายหน้า | |||
| ถ้าวันหน้าทิ้งขว้างนางศรีมาลา | กูมิฆ่าอย่านับว่าเป็นชาย | |||
| เจ้าพลายดีใจกราบไหว้พ่อ | ข้อนั้นมิให้มีที่เสียหาย | |||
| ว่าพลางล้างหน้าทั้งสองนาย | แล้วเยื้องกรายออกมาอยู่หน้าเรือน ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงนวลนางศรีมาลา | โศกาอาลัยใครจะเหมือน | |||
| กอดหมอนถอนใจให้ฟั่นเฟือน | นอนแชเชือนจนเช้าเจ้าไม่ลุก | |||
| อีเม้ยเห็นนายยังหายเงียบ | ค่อยย่องเกรียบไถลเข้าไปปลุก | |||
| เห็นนายเฉยเลยทำเหมือนเป็นทุกข์ | ลงนั่งปุกแกล้งสะท้อนแล้วถอนใจ | |||
| อนิจจาขัดสนช่างจนยาก | แต่จะหาใส่ปากมิใคร่ได้ | |||
| ยังมาซ้ำฝันเห็นให้เป็นไป | ว่าเทพไทเธอมาเมื่อคืนนี้ | |||
| กลับไปเมื่อใกล้จะสว่าง | ไปกลางทางเธออยากหมากบุหรี่ | |||
| เบี้ยหอยแต่สักร้อยก็ไม่มี | จะเอาที่ไหนไปให้เทวดา | |||
| นายตื่นจะต้องขึ้นค่าตัวใช้ | ด้วยสงสารเทพไทเป็นหนักหนา | |||
| น่าเอ็นดูเธอสู้เหาะลงมา | ถ้านายไม่เมตตาจะเสียใจ ฯ | |||
| ๏ ศรีมาลาไม่อินังกำลังเฉย | ฟังอีเม้ยแก้ฝันไม่กลั้นได้ | |||
| ลุกขึ้นมาต่อยหัวตัวจัญไร | ไม่มีเลือกเสือกไปเที่ยวล่วงรู้ | |||
| มึงอย่าพูดมากปากสำรวย | มานั่งช่วยกันทำเสียสักครู่ | |||
| ว่าพลางเจียนหมกแล้วจีบพลู | บุหรี่มีในตู้เอาแก้มัด | |||
| เย็บกระทงประจงเจียนฝาชี | ใส่หมากพลูบุหรี่ที่นางจัด | |||
| ทั้งของกินระหว่างทางอัตคัด | ใส่ขวดอัดผูกผ้าตราประทับ | |||
| จัดเสร็จซ่อนใส่ในตะกร้า | แล้วเอาผ้าซ้อนซ้ำเป็นลำดับ | |||
| เอ็งเอาไปให้ดีอีเม้ยรับ | ของคำนับเทวดาที่หามึง ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบา | สั่งผู้คนจนเวลาสักโมงครึ่ง | |||
| เบิกเสบียงเลี้ยงกันอึงคะนึง | ครั้นเสร็จจึงออกมาหาสองนาย | |||
| พอนั่งลงบุษบาก็เรียกไป | ศรีมาลาเป็นไรไปไหนหาย | |||
| พ่อแผนจะไปแต่ในงาย | สายแล้วสำรับไม่ยกมา | |||
| อีเม้ยบอกไปใจคอหาย | ผงเข้าตานายเมื่อล้างหน้า | |||
| ยังปวดแสบเต็มที่เห็นยี่ตา | บุษบาว่ามึงเป็นแต่เล่นลิ้น | |||
| ทิ้งนายมานั่งตั้งสำออย | สักหน่อยตาอ่อนจะบวมปลิ้น | |||
| ชาติอีมอญหน้าเป็นเห็นแก่กิน | น้ำขมิ้นไม่เอาไปหยอดตา ฯ | |||
| ๏ เจ้าพลายได้ฟังนั่งนึกขัน | อีคนนี้สำคัญมันหนักหนา | |||
| คงรู้เห็นเป็นใจกับศรีมาลา | นึกหน้าได้แล้วเมื่อคืนนี้ | |||
| ที่เข้าไปช่วยเหลือเมื่อนางแน่ | แล้วช่วยปดพ่อแม่เป็นถ้วนถี่ | |||
| นิ่งนึกตรึกตรองเห็นช่องดี | ได้ทีบอกบุษบาพลัน | |||
| คุณแม่แก้ผงเข้าตาช้ำ | ถ้าลืมตาในน้ำดีขยัน | |||
| กระตุกหนังตาช่วยไปด้วยกัน | ทำอย่างนั้นก็จะหายระคายตา ฯ | |||
| ๏ บุษบาได้ฟังนั่งหัวร่อ | พ่อคุณอารีดีหนักหนา | |||
| อีเม้ยมึงจำเอาตำรา | ไปบอกศรีมาลาเหมือนพ่อพลาย | |||
| แล้วหันหน้ามาพูดกับขุนแผน | แม่นี้แค้นตัวเองมิรู้หาย | |||
| มีลูกก็ไม่เห็นเป็นผู้ชาย | ยังเสียดายอยากได้ไว้สักคน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนศักดา | เห็นสบท่าตอบต่ออนุสนธิ์ | |||
| ลูกได้พึ่งฝ่าเท้าเมื่อคราวจน | มีพระคุณเป็นพ้นคณนา | |||
| แต่ตริตรองจะสนองพระคุณตอบ | คิดดูรอบคอบเป็นหนักหนา | |||
| ยังไม่เห็นสิ่งใดในปัญญา | จนขึ้นมาถึงพิจิตรบุรี | |||
| มาถึงก็รำพึงแต่เย็นวาน | เห็นการสมควรเป็นถ้วนถี่ | |||
| คุณพ่อแม่ลูกชายนั้นไม่มี | อองามนี้ลูกจะยกให้ช่วงใช้ | |||
| ให้แทนคุณต่างตัวทั้งแม่พ่อ | ตามแต่จะตีด่าหาว่าไม่ | |||
| คุณพ่อจะเห็นเป็นอย่างไร | ใจเด็กก็สมัครรักฝ่าเท้า ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพระพิจิตรบิดา | ฟังว่าเต็มใจให้ลูกสาว | |||
| ยิ้มแล้วตอบความตามเรื่องราว | อย่าต้องกล่าวอุปไมยไปเป็นเพลง | |||
| เจ้าว่าข้าก็เห็นว่าเป็นมิตร | ที่จริงจิตคิดดูก็เหมาะเหม็ง | |||
| แต่เป็นชาวบ้านนอกยังออกเกรง | ลูกข้าเองมันไม่สู้รู้อะไร | |||
| เป็นแต่คนซื่อซื่อไม่ดื้อดึง | จะเอาถึงชาวกรุงนั้นไม่ได้ | |||
| ฉวยวันหน้าถ้าลูกไม่ถูกใจ | เจ้าจะทำฉันใดอย่าให้อาย ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนนบนอบตอบพระพิจิตร | ข้อนั้นลูกก็คิดเป็นเหลือหลาย | |||
| เอาทานบาดคาดทานบนจนออพลาย | หายวิตกแล้วลูกจึงพูดจา | |||
| อันเช่นศรีมาลานารี | ถึงในที่กรุงศรีก็สุดหา | |||
| ทั้งรูปร่างท่วงทีกิริยา | พอลูกมาเห็นลูกก็ถูกใจ | |||
| ถึงอองามจะเป็นเจ้าพระยา | แขกไปใครมาก็รับได้ | |||
| ทั้งตัวลูกก็จะอยู่ดูไป | คงมิให้อับอายขายฝ่าเท้า ฯ | |||
| ๏ พระพิจิตรจึงว่าถ้ากระนั้น | พอเชื่อกันวางใจที่ในเจ้า | |||
| แต่บุษบาจะว่าข้าใจเบา | ลูกของเจ้าเจ้าถามบ้างเป็นไร ฯ | |||
| ๏ บุษบาได้ฟังนั่งอมยิ้ม | ใจสมัครรักปิ้มจะบอกให้ | |||
| แต่คิดคิดก็ตะขิดตะขวงใจ | เป็นผู้ใหญ่จู่ลู่จะดูแคลน | |||
| จึงว่าลูกข้าก็คนเดียว | ขับเคี่ยวมาแต่น้อยคอยหวงแหน | |||
| ขอไปแม่จะได้ที่ไหนแทน | พ่อแผนก็จำเพาะมาเจาะจง | |||
| เพราะรักเจ้าล้นเหลือเหมือนเนื้อไข | ไม่ขัดได้จำตามความประสงค์ | |||
| แต่ทว่าข้าจะบอกออกตรงตรง | ยังนึกสงสัยบ้างทางเจ้าพลาย | |||
| มีธุระทางไกลไปเมืองลาว | สาวสาวทางนั้นมันมากหลาย | |||
| ถ้ากระไรไปถูกลูกเจ้านาย | ที่พูดกันมันจะกลายเป็นเหลวเลอะ | |||
| จะทำให้เสียหายฝ่ายผู้ใหญ่ | เกิดระกำช้ำใจกันไปเถอะ | |||
| เขาจะว่าข้านี้เป็นคนเคอะ | ช่างซมเซอะไม่รู้จะดูชาย | |||
| ที่ว่านี้มิใช่จะตัดรอน | รักเจ้ามาแต่ก่อนนั้นเหลือหลาย | |||
| จะควักแก้วตาไปให้เจ้าพลาย | ก็เบี่ยงบ่ายอย่างไรให้มั่นคง ฯ | |||
| ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม | คิดแล้วกล่าวความตามประสงค์ | |||
| ถ้าหากท่านผู้ใหญ่ได้ตกลง | ที่ตรงดีฉันนั้นอย่าแคลง | |||
| ถึงจะไปนอกฟ้าป่าหิมพานต์ | อันที่การนอกใจอย่าได้แหนง | |||
| แม้จะให้สัญญาปิดตราแดง | จะขีดแกงไดให้ในสัญญา | |||
| ถึงเด็กอยู่รู้พระคุณแต่หนหลัง | พ่อแม่เล่าให้ฟังเป็นหนักหนา | |||
| จะขอเป็นเกือกทองรองบาทา | คุณแม่พ่อขออย่าได้ปรารมภ์ | |||
| ขุนแผนพ่อพูดต่อเจ้าพลายงาม | ความที่มันสัญญาน่าจะสม | |||
| เห็นจะไม่โกหกพกลม | แต่นานนมหนักไปก็ไม่ดี | |||
| ลูกคิดว่าถ้าหมั้นต่อกันไว้ | ถึงห่างไกลก็พะวงตรงที่นี่ | |||
| เหมือนตัวไปใจอยู่ด้วยคู่มี | อย่างนี้เป็นทำนองที่ป้องกัน | |||
| วันนี้ก็ประเสริฐเลิศดิถี | จงปรานีรับรองซึ่งของหมั้น | |||
| แล้วจึงทำเหย้าเรือนหาเดือนวัน | การเหล่านั้นฝากไว้ในเจ้าคุณ | |||
| ด้วยจะต้องไปทัพรับอาสา | การของลูกข้างหน้ายังว้าวุ่น | |||
| คุณพ่อแม่เมตตาได้การุญ | ให้อุ่นอกเช่นครั้งแต่หลังมา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นจึงท่านพระพิจิตร | ทั้งบุษบาสมคิดก็หรรษา | |||
| รับทองหมั้นไว้มิได้ช้า | พระพิจิตรจึงว่าเป็นไรมี | |||
| เจ้าคิดอ่านการศึกเอาเชียงใหม่ | ถ้าคล่องใจคงสำเร็จราวเดือนยี่ | |||
| ยังจะต้องคุมทัพกลับธานี | ก็เดือนสี่แลประมาณการวิวาห์ | |||
| ครั้นตกลงปลงใจให้กันแล้ว | ต่างคนผ่องแผ้วเป็นหนักหนา | |||
| สำรับพร้อมล้อมนั่งกินข้าวปลา | สนทนาเบิกบานสำราญใจ | |||
| เลี้ยงดูกันสำเร็จเสร็จสรรพ | พ่อลูกลากลับหาช้าไม่ | |||
| พระพิจิตรมาส่งลงบันได้ | ออกจากจวนไปยังวัดจันทร์ ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายอีเม้ยดักทางอยู่ข้างบ้าน | พอขุนแผนเดินผ่านพ้นที่นั่น | |||
| กระแอมไอให้เสียงเป็นสำคัญ | เจ้าพลายหันมาดูก็รู้ที | |||
| จึงหลีกเข้าข้างทางหว่างต้นไม้ | ถามว่ามาทำไมจนถึงนี่ | |||
| อีเม้ยบอกว่าตะกร้านี้ | มีของดีจะขายพ่อพลายงาม | |||
| เจ้าพลายยิ้มแล้วว่าข้าอยากได้ | จะถูกแพงเท่าไรไม่ต้องถาม | |||
| รับตะกร้ามาให้ไพร่แบกตาม | เอาเงินสามตำลึงส่งให้อีเม้ย | |||
| แล้วค่อยงุบงิบกระซิบสั่ง | กลับหลังเข้าเรือนอย่าเชือนเฉย | |||
| ถ้านายยังร้องไห้ไม่เสบย | เจ้าคนเคยปฏิบัติอยู่อัตรา | |||
| ปลอยโยนนางไว้อย่าให้เศร้า | ตัวเจ้าจงพิทักษ์รักษา | |||
| ให้เป็นสุขค่ำเช้าจนเรามา | เงินตราข้าจะเติมเพิ่มรางวัล | |||
| ว่าแล้วเท่านั้นก็ผันผาย | เจ้าพลายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | |||
| รีบตามบิดามาวัดจันทร์ | แล้วช่วยกันจัดพหลพลโยธี ฯ | |||
| ๏ ครั้นเรียกคนสำรวจตรวจถ้วน | จัดกระบวนหน้าหลังตั้งตามที่ | |||
| พระพิจิตรมาช่วยอวยสวัสดี | แล้วคลายคลี่พหลพลโยธา | |||
| กองหน้านายจันสามพันตึง | พอฆ้องหึ่งโห่กระหน่ำออกนำหน้า | |||
| กองหลวงกองเสบียงเรียงกันมา | ราชอาญากองหลังนั้นรั้งพล | |||
| พวกชาวบ้านร้านตลาดดาษดื่น | แตกตื่นมาดูอยู่สับสน | |||
| ที่ตามวัดก็พระประน้ำมนตร์ | ขุนด่านนำส่งจนพ้นพรมแดน ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงโฉมเจ้าพลายงาม | ขี่ม้ามาตามพ่อขุนแผน | |||
| ยังง่วงเหงาหาวนอนนั่งคลอนแคลน | ทรวงแสนกระสันโศกวิโยคครวญ | |||
| โอ้ว่าศรีมาลาแก้วตาพี่ | ป่านฉะนี้จะเศร้าเฝ้าโหยหวน | |||
| เหมือนใจพี่ที่นึกคะนึงนวล | ใครจะชวนโฉมฉายให้คลายใจ | |||
| ที่พูดกันเมื่อเช้าถ้าเจ้ารู้ | ว่าขอสู่แม่พ่อก็ยกให้ | |||
| เห็นจะวายหวาดหวั่นพรั่นฤทัย | นั่งนับวันไปจนถึงงาน | |||
| ค่ำเช้าเจ้าคะนึงถึงตัวพี่ | พอมีที่แก้ไขได้คิดอ่าน | |||
| ตระเตรียมจัดแจงแต่งเรือนชาน | แก้รำคาญเบ่งบานที่เศร้าใจ | |||
| ๏ เออเมื่อคิดขึ้นมาก็น่ารู้ | ว่าเนื้อคู่คิดเห็นเป็นไฉน | |||
| จะตกแต่หอห้องทำนองใด | ใครจะเป็นที่ปรึกษาหารือนาง | |||
| คู่คิดเจ้าก็มีแต่อีเม้ย | มันเป็นไพร่ไม่เคยคงพานขวาง | |||
| จะชวนซื้อหาใหม่ไปทุกทาง | ของเก่ามีดีบ้างไม่นำพา | |||
| เครื่องเรือนในห้องของน้องแก้ว | ล้วนดีดีมีแล้วก็หนักหนา | |||
| พี่ยังได้ชมเล่นเห็นแก่ตา | จะต้องหาใหม่นั้นมีเพียงไร | |||
| ๏ เตียงนอนค่อนจะแคบอยู่สักนิด | แต่ก็ดีที่ชิดพิสมัย | |||
| ถึงหนาวร้อนก็ไม่นอนห่างกันไป | อย่าต้องหาเตียงใหม่เลยน้องรัก | |||
| ม่านกรองทองทับสลับสี | เรื่องระเด่นมนตรีที่เจ้าปัก | |||
| มันถูกเรื่องของเราเข้าทีนัก | จะเยื้องยักปักใหม่ไม่ต้องการ | |||
| ถ้ากระไรปักต่อก็จะดี | เติมเมื่อตรงศึกชีอีกสักม่าน | |||
| ยังเครื่องแป้งแต่งไว้ไม่มีปาน | ขันพานขวดน้อยน้อยน่าเอ็นดู | |||
| เมื่อคืนนี้ตอนดึกยังนึกได้ | เจ้าพาไปนั่งเรียงเคียงคู่ | |||
| เครื่องเชี่ยนหมากนากทองของโฉมตรู | ยังติดตาพี่อยู่ทุกสิ่งอัน | |||
| พี่จะปลูกหอใหม่ให้ใหญ่กว้าง | ทั้งของนางของพี่จะจัดสรร | |||
| ของของพี่มีมากหลากหลากกัน | เครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ก็ดีดี | |||
| ๏ ยังเครื่องรางปลุกเสกด้วยเลขยันต์ | หรือขวัญข้าวเจ้ารังเกียจด้วยเกลียดผี | |||
| ก็ไว้ที่อื่นได้เป็นไรมี | พี่จะสร้างหอน้อยเป็นหอพระ | |||
| ที่ในห้องของเราเอาพรมปู | วางหมอนคู่เคียงไว้ไม่เกะกะ | |||
| ไว้นอนเล่นเย็นเช้านะเจ้านะ | พี่จะเฝ้าถนอมกล่อมน้องยา | |||
| ถึงจะนั่งกินข้าวทั้งเช้าเย็น | เราอย่าให้ใครเห็นจะดีกว่า | |||
| ได้หยอกเอินพูดเล่นเจรจา | กินข้าวปลาเอิบอิ่มกระหยิ่มใจ | |||
| ทำไมกับเรื่องเครื่องเรือนชาน | จะเบิกบานก็ที่ชิดพิสมัย | |||
| ชั้นชั่วเสื่ออ่อนกับหมอนใบ | ก็คงได้ความสุขทุกคืนวัน | |||
| ๏ กำลังง่วงดวงจิตคิดเลื่อนเปื้อน | เจ้าพลายฟั่นเฟือนเหมือนกับฝัน | |||
| สำคัญว่าเนื้อคู่อยู่ด้วยกัน | ยิ่งยั่วยวนสรวลสันต์จำนรรจา | |||
| พี่ยังทุกข์อยู่นิดคิดไม่ถูก | เผื่อเจ้าจะมีลูกในวันหน้า | |||
| พี่เห็นเขาเจ็บท้องร้องเต็มประดา | แก้วตาจะอย่างไรก็ไม่รู้ | |||
| เขาว่ามดถ่อหมอตำแย | มักเชือนแชข่มขยำทำจู่ลู่ | |||
| ถ้าหากไม่คอยนั่งระวังดู | เคยลากถูจนตายมาหลายคน | |||
| พี่จะคอยถือตระบองมองกำกับ | ถ้าสัปปลับเอาอย่างนี้ตีให้ป่าน | |||
| เคลิ้มฟาดแส้ม้ามาประดน | ถูกก้นม้าพ่อเข้าพอแรง ฯ | |||
| ๏ ม้าผลุนขุนแผนเจียนจะตก | หากแอบอกอยู่ที่ด้วยขี่แข็ง | |||
| พอรั้งอยู่เหลียวมาโกรธหน้าแดง | นี่มึงแกล้งหรือไรให้ว่ามา | |||
| เจ้าพลายตกใจไม่มีขวัญ | บอกความพ่อพลันไม่มุสา | |||
| ลูกหลับใหลฝันไปว่าศรีมาลา | เจ้าจะคลอดลูกยาเจ็บครวญคราง | |||
| เห็นยายหมอตำแยแกมักง่าย | ทำจู่ลู่ดูดายเมื่อลูกขวาง | |||
| เกรงจะเป็นอันตรายวายวาง | ลูกตีแกดังผางพอถูกม้า | |||
| เพราะเคลิ้มเขลาเมามัวด้วยความฝัน | ใช่จะแกล้งตีรันไม่มุสา | |||
| สีหมอกก็ได้มีพระคุณมา | คุณพ่อได้เมตตาที่โทษกรณ์ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท | ฟังลูกคิดคิดก็ใจอ่อน | |||
| นี่แลรักชักพาให้อาวรณ์ | ร้อนทั้งหลับตื่นทุกคืนวัน | |||
| ว่าแล้วนิ่งนึกตรึกตรา | อองามหลงศรีมาลาจนใฝ่ฝัน | |||
| ด้วยพึ่งแรกรู้จักความรักนั้น | ที่สำคัญทุกอย่างแต่ข้างดี | |||
| ลูกเอ๋ยยังไม่เคยรู้รสร้าย | ที่ความรักกลับกลายแล้วหน่ายหนี | |||
| อันเจ็บปวดยวดยิ่งทุกสิ่งมี | ไม่เท่าที่เจ็บช้ำระกำรัก | |||
| จะว่าเขาอื่นไกลไปไยเล่า | ถึงแม่เจ้าพ่อก็ช้ำระกำหนัก | |||
| ต้องทนทุกข์มากมายมาหลายพัก | จักแหล่นเลือดตาจะกระเด็น | |||
| เมื่อหนุ่มสาวคราวอยู่เป็นชู้ชื่น | ดังจะกลืนไว้ได้มิใช่เล่น | |||
| จะร่วมหอคลึงเคล้าทุกเช้าเย็น | ไม่คิดเห็นว่าจะพรากไปจากกัน | |||
| พอไปทัพกลับมาเห็นหน้านิด | มันปลดปลิดผลาญรักหักสะบั้น | |||
| ต้องคับแค้นเพียงจะดิ้นสิ้นชีวัน | แต่โศกศัลย์โหยหาอยู่กว่าปี | |||
| สู้พากเพียรพยายามตามมาได้ | เที่ยวบุกป่าฝ่าไพรพากันหนี | |||
| ทนลำบากยากไร้ในพงพี | ไม่อาลัยชีวีเพราะความรัก | |||
| พอพ้นภัยหมายใจว่าพ้นทุกข์ | จะร่วมสุขอยู่เย็นเป็นแหล่งหลัก | |||
| เกิดวิบากผลกรรมมานำชัก | ให้ไอ้มารผลาญรัก***ไป | |||
| ความแค้นแสนที่จะชอกช้ำ | ก็มิรู้ว่าจะทำอย่างไรได้ | |||
| เพราะตัวต้องทนทุกข์อยู่คุกใน | ต้องเจ็บใจตรมมากว่าสิบปี | |||
| โอ้ว่าเจ้าวันทองน้องแก้ว | จะลืมพี่เสียแล้วกระมังนี่ | |||
| ด้วยเริดร้างห่างนานเสียเต็มที | ป่านนี้จะหลงบุญอ้ายขุนช้าง | |||
| หรือว่ายังมีจิตคิดคะนึง | นึกถึงเพื่อนยากที่จากบ้าง | |||
| พี่คิดถึงเช้าเย็นไม่เว้นวาง | รำพึงพลางถอนใจอยู่ไปมา ฯ | |||
| ๏ กองทัพยกออกนอกพิจิตร | ต้องเลียบชิดบึงบางที่ขวางหน้า | |||
| บางแห่งใหญ่โตมโหฬาร์ | เป็นที่ปลาอาศัยทั้งใหญ่น้อย | |||
| ดูจากหลังม้าเห็นคลาคล่ำ | บ้างโดดดำโผล่ผุดแล้วมุดถอย | |||
| ชะโดดุกอ้ายด้องขึ้นล่องลอย | ฝูงปลาสร้อยเป็นหมู่ดูคลับคล้าย | |||
| เทโพเทพาทั้งปลาช่อน | เนื้ออ่นนวลจันทร์พรรณสวาย | |||
| สลิดสลาดปลาตะเพียนเวียนกราย | หลากหลายว่ายแหวกอยู่ในบึง | |||
| ที่บางแห่งปลาชุมเหล่ากุมภา | ไล่ปลาฟาดหางดังผางผึง | |||
| พอได้ยินเสียงคนข้างบนอึง | ก็จมดึ่งหลีกหลบลงกบดาน | |||
| ยังเหล่าปักษาทิชาชาติ | เกลื่อนกลาดหาปลาเป็นอาหาร | |||
| กระทุงทองล่องลอยนทีธาร | เหนียงยานปากอ้าเอาราน้ำ | |||
| อ้ายงั่วดำด้นลงค้นปลา | ทั้งเหล่านกกระสาก็คลาค่ำ | |||
| นกยางยืนมองจ้องประจำ | พอพลบค่ำนกแขวกแกรกแกรกร้อง | |||
| ฝูงเหยี่ยวเที่ยวว่อนทั้งร่อนบิน | โฉบเฉี่ยวปลากินที่ในหนอง | |||
| ตะกรุมหัวเหม่เที่ยเร่มอง | ขามันยาวก้าวท่องย่องสุ่มปลา | |||
| นกฝักบัวช้อนหอยแลปากห่าง | หลายอย่างต่างพรรณกันหนักหนา | |||
| ฝูงนกเกลื่อนกลาดดาษดา | ดูมาไม่สิ้นในถิ่นทาง | |||
| ยังพืชพรรณบุปผาลดาชาติ | ก็ประหลาดมากมายเป็นหลายอย่าง | |||
| ล้วนผลิดอกออกใบในบึงบาง | ต่างต่างน่าชมภิรมย์ใจ | |||
| ที่บางแห่งโกมุทบุษบัน | เป็นพืชพรรณติดต่อกอไสว | |||
| บ้างชูดอกออกฝักแล้วชักใบ | แลไปล้วนโกมุทจนสุดตา | |||
| เหล่าบัวสายรายกอกันห่างห่าง | พอสางสางก็ตระการบานบุปผา | |||
| ทั้งกระจับตับเต่าเถาสันตะวา | ในคงคาหลายอย่างต่างต่างพรรณ | |||
| พอเช้าตรู่หมู่ภมรร่อนมาถึง | หึ่งหึ่งฟังจำเรียงเสียงสนั่น | |||
| เที่ยวซอกซอนเกสรบุษบัน | เลาะสรรรสหวานตระการใจ | |||
| ลมพัดเฉื่อยฉ่ำน้ำกระเพื่อม | แลละเลื่อมริ้วริ้วปลิวไสว | |||
| ถึงแดดร้อนลมรื่นชื่นฤทัย | ทั้งนายไพร่เพลิดเพลินเดินชมมา ฯ | |||
| ๏ พอพ้นแนวหนองคลองบึงบาง | ก็เลี้ยวลัดตัดทางมากลางป่า | |||
| เป็นพงแซมแกมอ้อกอหญ้าคา | ทั้งซ้ายขวาสูงปรกดูรกชัฏ | |||
| เห็นแต่นกกระจาบคาบทำรัง | ไม่มีทั้งสิงสาราสัตว์ | |||
| ทางกันดารน้ำท่าสารพัด | ก็เร่งรัดรี้พลด้นเดินมา | |||
| พ้นป่าพงลงทางข้างตลิ่ง | ถึงปากพิงเลี้ยวข้ามไปข้างขวา | |||
| เข้าทางป่าไม้ไพรพนา | ถึงพาราพิษณุโลกโอฆบุรี | |||
| ทั้งนายไพร่ไปวัดมหาธาตุ | ไหว้พระชินราชชินสีห์ | |||
| ขอให้มีชัยสวัสดี | แล้วมาที่ศาลากลางวางท้องตรา | |||
| เจ้าพระยาพิษณุโลกกรมการ | อลหม่านเลี้ยงดูกันทั่วหน้า | |||
| พอพักไพร่หายเหนื่อยเลื่อยล้า | ก็ยกพลต่อมาเมืองพิชัย | |||
| ผู้รั้งกรมการด้านทาง | ต่างเมืองต้อนรับไม่นิ่งได้ | |||
| ยกฟากข้ามจากเมืองพิชัยไป | ถึงบ้านไกรป่าแฝกแล้วแยกมา | |||
| วันหนึ่งถึงเมืองสัชนาลัย | กรมการผู้ใหญ่ก็พร้อมหน้า | |||
| เลี้ยงดูรับรองตามท้องตรา | พักอยู่สามเวลาในธานี ฯ | |||
| ๏ ยกออกนอกเมืองสวรรคโลก | ข้ามโคกเข้าป่าพนาศรี | |||
| เจ้าพลายกระสันพันทวี | รำลึกถึงนารีศรีมาลา | |||
| ถ้าแม้นแก้วตามาด้วยพี่ | จะชวนชี้ชมไม้ไพรพฤกษา | |||
| คิดพลางเดินพลางตามทางมา | ข้ามท่าเขินเขาลำเนาธาร | |||
| แลเห็นเขาเงาเงื้อมชะง่อนชะโงก | เป็นกรวยโกรกน้ำสาดกระเซ็นซ่าน | |||
| โครมครึกกึกก้องท้องพนานต์ | พลุ่งพล่านมาแต่ยอดศิขรินทร์ | |||
| เป็นชะวากวุ้งเวิ้งตะเพิงพัก | แง่ชะงักเงื้อมชะง่อนล้วนก้อนหิน | |||
| บ้างใสสดหยดย้อยเหมือนพลอยนิล | บ้างเหมือนกลิ่นพู่ร้อยห้อยเรียงราย | |||
| ตรงตระพักเพิงผาศิลาเผิน | ชะงักเงิ่นเงื้อมงอกชะแง้หงาย | |||
| ที่หุบห้วยเหวหินบิ่นทะลาย | เป็นวุ้งโว้งโพรงพรายดูลายพร้อย | |||
| บ้างเป็นยอดกอดก่ายระเกะระกะ | ตะขรุตะขระเหี้ยนหักเป็นหินห้อย | |||
| ขยุกขยิกหยดหยอดเป็นยอดย้อย | บ้างแหลมลอยเลื่อมสลับระยับยิบ | |||
| บ้างงอกเง้าเป็นเงี่ยงบ้างเกลี้ยงกลม | บ้างโปปมเป็นปุ่มกระปุบกระปิบ | |||
| บ้างปอดแป้วเป็นพูดูลิบลิบ | โล่งตลิบแลตลอดยอดศิขรินทร์ | |||
| เหล่ามิ่งไม้ไทรโศกอยู่ริมห้วย | ลมชวยหล่นตามกระแสสินธิ์ | |||
| น้ำใสแลซึ้งถึงพื้นดิน | ฟุ้งกลิ่นสุมามาลย์บานระย้า | |||
| สัตตบุษย์บัวแดงเข้าแฝงฝัก | พันผักพาดผ่านก้านบุปผา | |||
| แพงพวยพุ่งพาดพันสันตะวา | ลอยคงคาทอดยอดไปตามธาร | |||
| สาหร่ายเรียงเคียงทับกระจับจอก | ผักบุ้งงอกยอดชูดูสะอ้าน | |||
| ภุมรินบินเคล้าสุมามาลย์ | ในธาราปลาพล่านตระการตา | |||
| ชมพลางทางเดินเนิพนม | รื่นร่มพรรณไม้ใบหนา | |||
| แลดูหมู่วิหคนกนานา | สาลิกาพูดจ้ออยู่จอแจ | |||
| คุ่มขาบเขาขันสนั่นป่า | กระสาจับกระสังส่งเสียงแซ่ | |||
| กระลิงจับกิ่งประโลงแล | คับแคไต่คางริมทางจร | |||
| ค้อนทองจับบนต้นกระถิน | แก้วจับแก้วกินแล้วบินร่อน | |||
| นกยูงจับยางแผ่หางฟ้อน | กระทุงทองจับกระท้อนทำอ่อนคอ | |||
| กระจาบจ้อยดจนจับกระเจาเจ่า | แซงแซวเซาจับสนดูซอมซ่อ | |||
| นกกระไนไก่ฟ้าพระยาลอ | นกกรอดพรอดจ้ออยู่กิ่งจันทน์ | |||
| นกเขาจับเงื่อมเขาแล้วเคล้าคู่ | จู้หุกกูจู้ฮุกกูเฝ้าคูขัน | |||
| อัญชันจับกิ่งต้นชิงชัน | เบญจวรรณจับเจ่าเถาวัลย์เปรียง | |||
| ไก่ป่าวิ่งกรากกระต๊ากลั่น | ตัวผู้ขันเอกอี๊เอ๊กวิเวกเสียง | |||
| เข้ากินขุยคุ้ยเขี่ยยตัวเมียเมียง | เห็นคนเลี่ยงลัดแลงเข้าแฝงกอ | |||
| นกกระทาราแต้แผ่ปีกปัก | ขันชักปักกะจาดกะจ้าจ้อ | |||
| เห็นตัวเมียเขี่ยจังหวีดเข้ากรีดรอ | ปักก้อป่องร่าดูน่าชม | |||
| เดินพลางชมพลางมากลางชัฎ | ชักม้าหลีดลัดเข้าร่มร่ม | |||
| ตะวันชายบ่ายรังบังพนม | เพลาลมตกตัดออกทางเตียน | |||
| ไฟป่าครอกหญ้าเพิ่งแตกอ่อน | แผ่นดินร่อนแลโล่งตลิบเลี่ยน | |||
| หมู่สัตว์จตุบาทออกวาดเวียน | บ้างหยอกกันหันเหียนหาคู่เคียง | |||
| พยัคฆีมีกำลังทะลวงโลด | ทะลึ่งโดดเท้าถีบปีบปะเปรี้ยง | |||
| มฤคกลัวตัวลอบลงหมอบเมียง | บ้างหลีกเลี่ยงหลบเพริดเตลิดไป | |||
| ริมทางกวางทองดูผ่องผุด | ยั้งหยุดหย่งกีบบีบเสียงใส | |||
| กระทิงถึกโทนเที่ยวอยู่ในไพร | กระบือเบิ่งเถลิงไล่กันดาดดง | |||
| อีเห็นเม่นหมีหมู่ชะมด | กระจงจดจ้องกีบดูหยิบหย่ง | |||
| ละมั่งละมาดผาดเผ่นออกจากพง | กระสู้ส่งซัดกระทิงออกวิ่งโทง | |||
| เสือดาวเดาะเราะรายหมายละมั่ง | ช้างพังชักผากกระชากโผง | |||
| สมันเมินเดินดุ่มจากพุ่มโพรง | ออกเลียดินกินโป่งอร่อยไป | |||
| ตัดข้ามเขตระแหงแขวงเถิน | เดินเลยหาเยื้องเข้าเมืองไม่ | |||
| สิบสี่วันดั้นเดินตามเนินไพร | เกือบจะถึงเชียงใหม่อีกสองวัน | |||
| หยุดหนองโคกเต่าไม่เข้าบ้าน | พักทหารตั้งกองริมหนองนั่น | |||
| ชักหนามวงรอบเป็นขอบคัน | กำชับกันมิให้ใครเที่ยวไปมา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม | เรียกลูกชายพลายงามมาปรึกษา | |||
| เราเกือบถึงเชียงใหม่ใกล้พารา | จะด่วนเข้ายุทธนาไม่สู้ดี | |||
| มันจับพระท้ายน้ำจำเอาไว้ | เราตรงไปคงหั่นบั่นเกศี | |||
| จะคิดลอบเข้าไปในบุรี | ดูท่วงทีแก้ไขเอาไทยมา | |||
| แล้วจึงเข้าประชิดติดนคร | เราผันผ่อนเช่นนี้จะดีกว่า | |||
| พ่อกับเจ้าเข้าไปแต่สองรา | ไปเที่ยวหาพวกไทยให้พบพาน | |||
| ต้องปลอมตัวเป็นลาวพวกชาวเมือง | เราหาเครื่องแต่งตัวเอาตามบ้าน | |||
| จำจะรีบเข้าไปอย่าได้นาน | หรือเจ้าจะคิดอ่านประการใด ฯ | |||
| ๏ เจ้าพลายเห็นชอบตอบบิดา | คุณพ่อว่าต้องจิตหาผิดไม่ | |||
| ถ้าเรายกโยธาผ่าเข้าไป | มันเห็นไทยพวกลาวจะร้าวราน | |||
| จะระมือลือเลื่องทั้งเมืองใหญ่ | มิทันได้คนโทษจะฉาวฉาน | |||
| อ้ายคนต้องจองจำจะรำคาญ | มันประหารตายสิ้นสิเสียที | |||
| ถ้าเราลอบเข้าไปให้พบก่อน | จะได้ผ่อนผู้คนให้พ้นที่ | |||
| เป็นกำลังรบลาวชาวบุรี | ทั้งไทยยลาวราวสักสี่ห้าร้อยคน | |||
| ปรึกษากันทั้งสองเห็นต้องใจ | แล้วเหลียวไปข้างหลังสั่งพหล | |||
| จงซุ่มซ่อนนอนั่งระวังตน | คอยดูผู้คนจะไปมา | |||
| ครั้นกำชับสั่งพลทุกคนทั่ว | พ่อลูกแต่งตัวงามสง่า | |||
| ประจงคาดเครื่องอานทาว่านยา | แล้วโพกผ้าประเจียดประจุฤทธิ์ | |||
| พลายงามจับดาบขยับยืน | ขุนแผนจับฟ้าฟื้นอันศักดิ์สิทธิ์ | |||
| บ่ายหน้ามาสู่บูรพาทิศ | ตั้งจิตหมายหมาดพิฆาตลาว | |||
| ขยับยืนภาวนานัยน์ตาหลับ | ตามตำรับบุราณอาจารย์กล่าว | |||
| นิมิตดูลมกลาออกขวายาว | ก็ยกก้าวตีนขวาแล้วคลาไคล | |||
| พ่อลูกลัดเลาะละเมาะเมือง | แยกเยื้องเสียหาเข้าหนทางไม่ | |||
| พอแลเห็นไร่แตงเข้าแฝงไม้ | ริมทางลาวชาวไร่เดินไปมา ฯ | |||
| ๏ จะยกกลับจับกล่าวลาวพ่อลูก | ออกไปปลูกห้างไร่อยู่ชายป่า | |||
| ปลูกผักฟักแฟงทั้งแตงกวา | ถั่วงากล้วยกล้ายเป็นหลายพรรณ | |||
| เมื่อจะถึงที่ตายวายชีวิต | ให้หงุดหงิดง่านใจอยู่ไหวหวั่น | |||
| คิดจะคืนกลับหลังแต่ยังวัน | ก็ชวนกันออกเดินดำเนินมา | |||
| ตาพ่อถือดาบงามย่ามตะพาย | ลูกชายถือทวนขึ้นพาดบ่า | |||
| เอาน้ำเต้าสอดด้ามซ้ำห้อยมา | โพกชมพูดูสง่าพากันเดิน | |||
| ตาพ่อเฒ่าออกหน้ามาดุ่มดุ่ม | เจ้าลูกหนุ่มตามไปไม่ห่างเหิน | |||
| เมื่อถึงวันจะบรรลัยให้บังเอิญ | เจ้าลูกเพลินรับซอพ่อรับแคน | |||
| โอหนออ่อเจ้าสาวคำเอ๋ย | ข้อยอยากเซ้ยสาวเวียงที่เชียงแสน | |||
| ขอให้ข้อยเบิ่งนางที่ต่างแดน | ข้อยแค่นใจตายแล้วแก้วพี่อา | |||
| เพี้ยงเอ๋ยปู่เจ้าในเขาเขิน | ช่วยชักเชิญสาวเวียงมาเคียงข้า | |||
| เหล้าเข้มไก่หมูจะบูชา | จะเซ่นส้าบวงสรวงเข้าแทรกใจ ฯ | |||
| ๏ พ่อลูกร้องขับรับกันมา | ใกล้พฤกษาที่ขุนแผนเข้าอาศัย | |||
| ขุนแผนเห็นลาวซ้องร้องแต่ไกล | กระซิบบอกลูกให้ระวังตัว | |||
| เห็นหรือไม่เเล่านะเจ้าพ่อ | อ้ายลาวซอแลไปไม่มีหัว | |||
| มันถึงที่มรณาแล้วอย่ากลัว | จิกหัวฟันเสียให้พร้อมกัน | |||
| ต่างถอดดาบจากฝักยืนหยักรั้ง | พอลาวเดินมากระทั่งถึงที่นั่น | |||
| ดังองคตหนุมานชาญฉกกรจ์ | ทะลึ่งถลันด้วยกำลังไม่รั้งรอ | |||
| ขุนแผนฟันป่ายพลายงามฟาด | ฉะฉาดหัวเด็ดกระเด็นปร๋อ | |||
| เลือดพุ่งโชนเชี่ยวสองเกลียวคอ | ลาวลูกพ่อล้มดิ้นลงสิ้นใจ | |||
| เหลือกตาหน้าเผือดเลือดไหลนอง | ทั้งสองยินดีจะมีไหน | |||
| หยิบเอาหัวมาต่อคอเข้าไว้ | สนิทนั่งตั้งใจภาวนา | |||
| ขุนแผนซัดข้าวสารอ่านมนตร์ปลุก | ผีลาวผุดลุกขึ้นต่อหน้า | |||
| เคารพราบกราบเท้าทั้งสองรา | ขุนแผนว่าสองผีมีนามใด | |||
| สองผีหมอบราบแล้วกราบกราน | กระผมชื่อขนานมโนใหญ่ | |||
| นั่นลูกข้อยชื่อน้อยศรีวิชัย | เจ้าประสงค์สิ่งไรจึงขึ้นมา | |||
| ขุนแผนว่าขนานมโนใหญ่ | เราตั้งใจมุ่งมาดปรารถนา | |||
| จะขึ้นไปประจญปล้นพารา | เจ้าช่วยพาตัวเราเข้าบุรี | |||
| ผีคำนับนรับแล้วก็ล้มลง | พ่อลูกตรงเข้าเปลื้องเอาผ้าผี | |||
| เอาดาบตัดผมพลันด้วยทันที | สีชมพูโพกเกล้าก็เอามา | |||
| พ่อลูกนุ่งห่มใส่ผมช้อง | โพกสะพองเหมือนลาวพวกชาวป่า | |||
| ขุนแผนหยิบย่ามใหญ่ใส่ไหล่มา | พลายงามคว้าทวนถือติดมือพลัน | |||
| ทั้งลูกทั้งพ่อหัวร่อร่า | ก็พากันเดินขมีขมัน | |||
| ถึงโคกเต่าเข้าเพลาจะสายัณห์ | พวกอาสาทั้งนั้นก็ตกใจ | |||
| บ้างก็เข้าซ่อนซุ่มในพุ่มชิด | สำคัญคิดว่าเป็นลาวพวกชาวไร่ | |||
| ขุนแผนไม่แวะวงตรงเข้าไป | พวกอาสาสงสัยว่าลาวจริง | |||
| พากันมองดูไม่รู้จัก | ไม่มีใครถามทักต่างแอบนิ่ง | |||
| ขุนแผนว่าอย่างไรไม่ไหวติง | ทหารรู้กรูวิ่งมาวันทา | |||
| เจ้าประคุณนุ่งห่มใส่ผมยาว | ช่างเหมือนลาวจริงจังไม่กังขา | |||
| ลูกได้แอบพินิจพิจารณา | ช่างแปลกหน้าแปลกกายคล้ายพุงดำ | |||
| พ่อลูกปลดผมแล้วเปลื้องผ้า | แล้วสั่งว่าเราจะไปเสียในค่ำ | |||
| ถ้าช้าอยู่มันจะรู้ซึ่งเงื่อนงำ | ลาวจะร่ำลือดังไปทั้งกรุงฯ | |||
| ทหารรับจับจัดผูกช้างม้า | แล้วก็ยกโยธามากลางทุ่ง | |||
| อย่าอื้อฉาวชาวเมืองจะเฟื่องฟุ้ง | พอจวนรุ่งเข้าดงปลงม้าช้าง | |||
| ให้แฝพุ่มซุ่มซ่อนนอนจนค่ำ | กลางคืนร่ำรุดไปจนใกล้สว่าง | |||
| สองคืนสองวันดั้นเดินทาง | กระทั่งถึงบึงกว้างเข้าทันใด | |||
| ก็หยุดทัพจับจัดตัดไม้ปัก | ชักหนามวงรอบขอบบึงใหญ่ | |||
| สงบทัพยับยั้งตั้งมั่นไว้ | ด้วยทางใกล้จวนถึงสักครึ่งวัน | |||
| ช้างม้าหญ้าน้ำก็สำราญ | พวกทหารพักผ่อนนอนที่นั่น | |||
| เอากูบอานเรีบเรียงเข้าเคียงกัน | ให้สองท่านแม่ทัพนั้นยับยั้ง ฯ | |||
ตอนที่ ๒๙ ขุนแผนแก้พระท้ายน้ำ
ตอนที่ ๒๙ ขุนแผนแก้พระท้ายน้ำ
| ๏ จะกล่าวถึงพระนายท้ายน้ำ | ลาวมันจำครบไว้ในคุกขัง | |||
| เป็นกึ่งปีได้ออกนอกฝาบัง | แทบจะคลั่งไคล้ไปด้วยใจตรอม | |||
| แสนรันทดอดอยากลำบากกาย | แต่ร้องไห้ไม่วายจนผ่ายผอม | |||
| ไม่ถูกน้ำเนื้อตัวก็มัวมอม | ต้องอดออมเฝ้าสะอื้นทุกคืนวัน | |||
| โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว | จะทิ้งลูกเสียแล้วหรือไรนั่น | |||
| ต้องทนทุกข์ทรมานมานานครัน | พระทรงธรรม์มิได้ใช้ผู้ใดมา | |||
| ทั้งเพี้ยกึ่งกำกงที่ส่งนาง | ก็ครวญครางขุ่นคอยละห้อยหา | |||
| ทนลำบากยากแค้นแสนเวทนา | กินน้ำตาต่างข้าวทุกเช้าเย็น | |||
| พระท้ายน้ำร่ำไห้ใจจะขาด | โอ้อนาถยากแค้นนี้แสนเข็ญ | |||
| เหมือนมาอยู่ในนรกตกทั้งเป็น | ไม่ว่างเว้นโพยภัยกระไรเลย | |||
| แต่อ้ายหลอออสามันผาสุก | มาปรับทุกข์กันบ้างเป็นไรเหวย | |||
| ช่างหน้าเป็นเล่นหัวมัวเสบย | ดูเชิงเฉยไม่ช้ำระกำใจ | |||
| ตาหลอว่าคุณพ่อก็ติดคุก | ถึงจะทุกข์จะทำอย่างไรได้ | |||
| ต้องแช่มชื่นกลืนกล้ำด้วยจำใจ | จะดิ้นรนร้องไห้ก็ไม่พ้น | |||
| พระท้ายน้ำร่ำว่าอ้ายหลอเอ๋ย | ท่านละเลยเรานี้ให้ปี้ป่น | |||
| ประหลาดนักนอนพระทัยไม่ใช่คน | ให้กรูกรีรี้พลมาแก้กัน | |||
| ตาหลอว่าคุณพ่ออย่าดิ้นโดด | คุณกับโทษมันก็เท่ากันอยู่นั่น | |||
| ถึงจะยกโยธามาประจัญ | ลาวขยันมิใช่เล่นเห็นแก่ตา | |||
| ฝีมือศึกสอยดาวท้าวกรุงกาฬ | ทหารปราบเมืองแมนแสนเพชรกล้า | |||
| ผิดพ่อแผนแม้นใช้ผู้ใดมา | เหมือนเร่งให้มันฆ่าเสียเร็วพลัน | |||
| เมื่อเรายกแกยังนั่งติดคุก | จะขุกเข็ญเป็นตายอย่างไรนั่น | |||
| ขุนนางไทยใครอื่นสักหมื่นพัน | เห็นไม่ทันมือลาวชาวเชียงอินทร์ | |||
| พระท้ายน้ำฟังคำของตาหลอ | เอออ้ายพ่อเอ็งว่าก็จริงสิ้น | |||
| กูเล็งไม่เห็นใครในแผ่นดิน | ที่จะภิญโญยิ่งขุนแผนไป | |||
| เจ้าประคุณเทวาสุราฤทธิ์ | ซึ่งสถิตในเศวตฉัตรใหญ่ | |||
| จงช่วยดับทุกข์ทนดลพระทัย | ให้ทรงใช้ให้พ่อขุนแผนมา | |||
| แต่ปรับทุกข์สองคนจนค่ำลง | อัสดงแดดดับลงลับหล้า | |||
| อ้ายผู้คุมเข้มงวดเที่ยวตรวจตรา | ใส่ขื่อคาร้อยแหล่งทุกแห่งไป | |||
| พระท้ายน้ำกำกงพวกอาสา | มันจำห้าประการหมดหาลดไม่ | |||
| ให้คนโทษตีเกราะเคาะไม้ | นั่งยามตามไปไม่นิทรา | |||
| แต่กำกงท้ายน้ำมันจำนั่ง | ต้องบ่ายเบนเอนหลังพิงข้างฝา | |||
| หาวนอนอ่อนคอลงทับคา | ภาวนาไปจนม่อยผ็อยหลับลง ฯ | |||
| ๏ คืนนั้นพระท้ายน้ำระกำจิต | เกิดนิมิตเห็นพราหมณ์งามระหง | |||
| กระหมวดมุ่นมวยผมรูปสมทรง | จิ้มประจงเจิมหน้าอุณาโลม | |||
| ถือสังข์ทรงศักดิ์ทักขินาวัฏ | สังวาลรัดเจ็ดเส้นเห็ฯเฉิดโฉม | |||
| ใส่ตุ้มหูห่มสไบไขว้กระโจม | ผ้าขาวโขมพัตถ์นุ่งดูรุ่งเรือง | |||
| บรรจงจีบโจงข้างแล้ววางชาย | พรรณรายรัศมีเนื้อสีเหลือง | |||
| เหาะลอยคล้อยลงตรงท้ายเมือง | เปิดตะรางย้างเยื่องเข้าใกล้ตน | |||
| เอาน้ำสังข์โอสถรดเกศา | เครื่องพันธนาทั้งปวงก็ร่วงหล่น | |||
| แล้วก็สาดราดรดหมดทุกคน | เครื่องจำตนร่วงกราวทั้งลาวไทย | |||
| พรามหณ์ก็คลายหายวับไปกับตา | สะดุ้งฟื้นตื่นผวาหาช้าไม่ | |||
| คิดว่าจำหลุดกายสบายใจ | พอหวาดไหวตัวตึงอยู่ตรึงตรา | |||
| นิ่งนึกตรึกดูรู้ว่าฝัน | นิมิตนี้สำคัญเป็นหนักหนา | |||
| กระซิบปลุกตาหลอพ่อกูอา | ลุกขึ้นมาช่วยทำนายทายฝันที | |||
| ตาหลอว่าคุณพ่อฝันอย่างไร | พระท้ายน้ำเล่าให้เป็นถ้วนถี่ | |||
| จงตรองคำทำนายทายให้ดี | นิมิตนี้ล้ำเลิศประเสริฐครัน ฯ | |||
| ๏ ตาหลอยิ้มพลางทางทำนาย | ไม่ตายในเชียงใหม่แล้วแม่นมั่น | |||
| คงจะพ้นพันธนาไม่ช้าวัน | เห็นสำคัญคนดีจะมีมา | |||
| พิเคราะห์ฤกษ์ก็งามเป็นยามเสาร์ | ทีนี้เรารอดแท้แน่นักหนา | |||
| ซุบซิบกันสองคนสนทนา | จนเวลายามสองร้องเรียกยาม | |||
| ถึงชื่อใครลนลานขึ้นขานรับ | เสียงโวยวายเป็นลำดับตลอดหลาม | |||
| ใครไม่ขานเฆี่ยนสิ้นดิ้นโครมคราม | ร้องเรียกตามโทษทั่วทุกตัวคน | |||
| ครั้นเสร็จแล้วตีเกราะเคาะห้อง | เสียงสนั่นลั่นก้องโกลาหล | |||
| ผลัดกันลุกปลุกกันนั่งระวังตน | ประจวบจนรุ่งแจ้งแสงรวี ฯ | |||
| ๏ นายร้อยพะทำมะรงตรงเข้าคุก | จ่ายคนโทษไปทุกตำแหน่งที่ | |||
| ตาหลอกับตารักบักจันดี | อ้ายเหล่านี้เกี่ยวหญ้าหาเคียวคาน | |||
| ตาหลอนึกถึงฝันท่านท้ายน้ำ | ร้องรำปรีเปรมเกษมศานต์ | |||
| ผู้คุมตามกันมาลนลาน | เดินผ่านล้วงตลาดวินาศไป | |||
| ฉวยกระชากหมากดิบหยิบใส่กระ | เขาโขลกพลาดกลับฉวยเอากล้วยไข่ | |||
| เสียงฉุ่งฉิ่งวิ่งเลยไม่หลีกใคร | เจออะไรไขว่คว้ามาเป็นราว | |||
| โซ่ตรวนโกร่งกร่างตามทางมา | เข้าร้านไหนแม่ค้าก็ฉ่าวฉาว | |||
| บ้างโกรธด่าเปรี้ยงเสียงกราว | ข้ามสะพานย่านยาวเหย่าเหย่ามา | |||
| ครั้นถึงทุ่งมุ่งตรงลงขอบหนอง | กำเริบร้องรำเคียวแล้วเกี่ยวหญ้า | |||
| ผู้คุมนั่งบังสุมทุมพุ่มพุทรา | แล้วปูผ้านอนเล่นเย็นหลับไป ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสะท้าน | กำชับสั่งพวกหทารทั้งน้อยใหญ่ | |||
| ให้ผลัดกันลุกนั่งระวังระไว | อยู่แต่ในที่ซุ่มประชุมกัน | |||
| อย่าเที่ยวไปเที่ยวมารอท่าเรา | ข้าสองคนจะเข้าไปเขตขัณฑ์ | |||
| ไปคิดอ่านแก้ไทยในคุกนั้น | กับพวกลาวเวียงจันทน์ที่มันจำ | |||
| เอารีบร้นมาให้พ้นจากพารา | เราคงมาถึงนี่พรุ่งนี้ค่ำ | |||
| พวกทหารต่างคำนับรับถ้อยคำ | แล้วสั่งกำชับกันให้มั่นคง | |||
| สั่งเสร็จขุนแผนกับลูกชาย | ต่างคนแต่งกายงามระหง | |||
| โพกประเจียดเคยประจญรณรงค์ | สอดสวมเสื้อลงเป็นองค์พระ | |||
| แล้วนุ่งผ้าลาวเหมือชาวไร่ | เอาช้องใส่สีชมพูโพกศีรษะ | |||
| ผูกพันกระสันเครื่องเรืองเดชะ | เข็มขัดปะขมองพรายคาดกายพลัน | |||
| ขุนแผนจับดาบกลายสะพายย่าม | เจ้าพลายงามแบกทวนดูแข็งขัน | |||
| ดูดังสองสิหราชกาจฉกรรจ์ | เยื้องกรายผายผันเข้ากรุงไกร ฯ | |||
| ๏ เดินปนมากับลาวชาวพารา | หามีใครสงการสังเกตไม่ | |||
| ด้วยฤทธิ์ผีแรงมนตร์เข้าดลใจ | เห็นป็นลาวชาวไร่เข้าพารา | |||
| นางสาวสาวชาวบ้านในชานเมือง | ชำเลืองดูพลายน้อยเสนหา | |||
| ให้วาบวับจับใจไม่วางตา | เจ้าพลายเดินเมินหน้าไม่ดูใคร | |||
| พวกสาวแส้แม่ม่ายทั้งยายเฒ่า | ทักว่าเจ้าหนุ่มน้อยจะไปไหน | |||
| จงหยุดยั้งนั่งเล่นก่อนเป็นไร | ข้อยจะให้หมากพลูบุหรี่ดี | |||
| ปีศาจน้อยศรีวิชัยที่ไปด้วย | ก็ช่วยตอบคำลาวนางสาวศรี | |||
| สาวเอยเพื่อนว่าจงปรานี | ธุระมีจะไปในนคร | |||
| จิตข้อยนี้มักเจ้าหนักหนา | แต่เดี๋ยวนี้พี่จะลาเจ้าไปก่อน | |||
| ไปเที่ยวเบิ่งเมืองเล่นพอเย็นรอน | กลับมานอนจึงจะเข้ามาเว้ากัน | |||
| พูดพลางเดินพลางตามทางมา | ถึงแม่ค้าขายของล้วนคมสัน | |||
| เห็นโฉมฉายพลายน้อยเป็นนวลจันทร์ | คิดสำคัญว่าลาวชาวป่าดง | |||
| จึงทักทายแม่นายที่เดินหลัง | ไม่เอิ้นมั่งนั่งบึ้งตะลึงหลง | |||
| อยากได้อะไรมั่งก็นั่งลง | แล้วยื่นส่งดอกไม้ให้พลายงาม | |||
| เจ้าพลายรับจับมือรื้อสะกิด | นางลาวบิดเบือนสะบัดประหวัดหวาม | |||
| บ้านเฮือนเพื่อนอยู่ใดอยากได้ความ | จะใคร่ตามหนุ่มน้อยไปแนบนอน | |||
| เจ้าพลายชายตาว่าพี่มัก | นางลาวรักทำทอดฤทัยถอน | |||
| ชมดชม้อยเชือนชายชม้ายงอน | ยิ้มแล้วก้มคมค้อนตะแคงดู | |||
| นางแม่ม่ายขายหมากปากคะนอง | ร้องทักออกไปไม่อดสู | |||
| เจ้าหนุ่มน้อยรูปดีสีชมพู | เพื่อนจะอยากหมากพลูของตูมี | |||
| นางสาวอ่องร้องห้ามนางสาวฟัก | เราบ่มักแม่ม่ายจึงหน่ายหนี | |||
| เพราะรูปร่างของสูไม่สู้ดี | ไปเรียกเขาเซ้าซี้บ่อายใจ | |||
| นางสาวฟักตอบว่าอย่ากั้นกาง | สาวนางอย่างสูสู้ข้อยบ่ได้ | |||
| เพื่อนบ่เคยเชยชู้รู้อะไร | ทำนองในนางสาวเหมือนลาวตาย | |||
| มีแต่ลมหายใจใครจะมัก | เชิงเยื้องยักอย่าประมาทชาติแม่ม่าย | |||
| ยังหนุ่มเหมือนเพื่อนนี้ขี้งมงาย | ถูกแต่ปลายเงื่อนกระทกจะงกไป ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนพลายงามตามกันมา | ถึงไหนแม่ค้าก็ปราศรัย | |||
| สองสูอยู้บ้านถิ่นฐานใด | มีธุระสิ่งไรจึงได้มา | |||
| ผีที่ไปด้วยช่วยขุนแผน | พูดแทนว่าเราเป็นชาวป่า | |||
| เขาลือว่าจับไทยไว้ในพารา | ข้อยบ่เคยเห็นหน้าไอ้บักไทย | |||
| อยากจะไปเบิ่งเล่นว่าเป็นหยัง | เขาจำขังคนโทษไว้ที่ไหน | |||
| พวกลาวบอกตามจริงไม่กริ่งใจ | เขาจำไว้ในตะรางข้างโรงม้า | |||
| แต่ตัวนายตรำตรากไม่ลากใช้ | พวกไพร่นั้นเขาคุมไปเกี่ยวหญ้า | |||
| เพื่อนจะเบิ่งบักไทยไปท้องนา | มันกลับมาสายัณห์ตะวัรอน | |||
| ขุนแผนชื่นชมสมปรารถนา | ว่ากระนั้นฉันจะลาท่านไปก่อน | |||
| พ่อลูกสองราพากันจร | ก็รีบร้อนตรงมุ่งไปทุ่งนา | |||
| เห็นพวกไทยไขว่คว้างอยู่กลางบึง | ก็ย่างเยาะเดาะดึ่งเข้าไปหา | |||
| เห็นผู้คุมคลุมหัวมัวหลับตา | จึงเลาะลัดตัดมาที่ไทยพลัน ฯ | |||
| ๏ ตารักกับตาหลอพอแลไป | เจ้าสองรามาแต่ไหนดูคมสัน | |||
| พ่อลูกเดินเข้าไปพอใกล้กัน | ตาหลอผันหน้าพิศพินิจแล | |||
| แต่แรกเห็นเป็นลาวชาวบ้านป่า | ครั้นดูซ้ำจำหน้าถนัดแน่ | |||
| เอ๊ะพ่อขุนแผนแล้วแม่นแท้ | พาตารักรีบแร่ไปทันใด | |||
| พอเข้าใกล้ตาหลอว่าพ่อเรา | โถมเข้ากอดตีนแล้วร้องไห้ | |||
| ซบหน้ากลิ้งเกลือกเสือกไป | เป็นครู่หนึ่งจึงได้สติคืน | |||
| ขุนแผนว่าตาหลอกับตารัก | อย่าอึงนักอ้ายผู้คุมมันจะตื่น | |||
| โศกเศร้าแต่เท่านั้นจงกลั้นกลืน | ฉวยผู้อื่นมันเห็นไม่เป็นการ | |||
| ตาหลอกับตารักได้ฟังว่า | เช็ดน้ำตาร่อยร่อยค่อยเล่าขาน | |||
| พ่อแผนลูกนี้แสนทรมาน | ถูกจองจำทำประจานให้เจ็บช้ำ | |||
| มันใช้จับจ่ายหวายล่อหลัง | เหลือกำลังข้าวเช้าเป็นข้าวค่ำ | |||
| หลังลูกกว่าร้อยรอยระยำ | พระท้ายน้ำจำครบทุกคืนวัน | |||
| ทั้งเจ็บใจเจ็บเนื้อเหลือพรรณนา | คิดจะฆ่าตัวเสียให้อาสัญ | |||
| เดชะบุญเจ้าประคุณขึ้นมาทัน | พ่อหนุ่มน้อยคนนั้นนั่นลูกใคร ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม | ก็ชี้แจงแจ้งความหาช้าไม่ | |||
| คนนี้มิใช่ผู้อื่นไกล | ลูกคนใหญ่เกิดแต่แม่วันทอง | |||
| พระนายถวายเป็นมหาดเล็ก | ถึงตัวเด็กใจใหญ่ไม่มีสอง | |||
| เขาองอาจอาสาฝ่าละออง | ข้าพ้นจากจำจองเพราะเจ้าพลาย | |||
| ทูลขอคนดทษก็โปรดปราน | สามสิบห้ากล้าหาญสิ้นทั้งหลาย | |||
| จะขึ้นมาแก้ไขให้พ้นตาย | บอกพระนายท้ายน้ำให้รู้ตัว | |||
| บอกทั้งพวกลาวชาวเวียงจันทน์ | กับพวกเราเหล่านั้นเสียให้ทั่ว | |||
| คืนนี้จะเข้าไปอย่าได้กลัว | คอยช่วยกันหั่นหัวอ้ายผู้คุม | |||
| อย่าเห็นแก่หลับใหลให้ชักช้า | จะเข้าไปในเวลาสักห้าทุ่ม | |||
| มัวพูดกันมันเห็นจะจับกุม | แต่กลางวันนั้นจะซุ่มอยู่ไหนดี ฯ | |||
| ๏ ตาหลอว่าคุณพ่อออย่าเป็นทุกข์ | วัดหนังหลังคุกเห็นชอบที่ | |||
| กุฎีร้างริมสระพระไม่มี | ทั้งตาปีไม่เห็นใครเที่ยวไปมา | |||
| ว่าพลางทางชี้ตำแหน่งให้ | ตรงไปหลังเมืองเยื้องข้างขวา | |||
| ก็จะเห็นตะรางข้างโรงม้า | วัดหนังหลังศาลาตรงเข้าไป ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนรู้ตำแหน่งแจ้งกิจจา | พูดกันนักจักช้าเห็นไม่ได้ | |||
| พ่อลูกสองราก็คลาไคล | ตัดทุ่งมุ่งไปที่หมู่ยาง | |||
| สังเกตผู้คนตามทางมา | แวะข้างขวาข้ามย่านสะพานขวาง | |||
| หลีกคนด้นเดินเสียนอกทาง | ผ่านตะรางเห็นถนัดวัดรุงรัง | |||
| ร้างรกปกคลุมล้วนพุ่มหนาม | เอออารามนี้แน่แลวัดหนัง | |||
| ตรงเข้ากุฎีคร่ำคร่ามีฝาบัง | ต่างนอนนั่งคอยท่าเวลากาล ฯ | |||
| ๏ พอสายัณห์ตะวันลงตรงปลายไม้ | ผู้คนเรียกคนไปเสียงมี่ฉาน | |||
| พวกคนโทษวิ่งรี่ตะลีตะลาน | จับสาแหรกแบกคานเข้าทุกคน | |||
| สวบสาบหาบหญ้ามาเป็นกลุ่ม | อ้ายผู้คุมถือหวายแล้วไล่ก้น | |||
| เสียงฉุ่งฉิ่งวิ่งออกอลวน | หาบหญ้าผ่าถนนตลาดมา | |||
| แม่ค้าเห็นคนพวงล่วงเข้าตลาด | บ้างยกกระจาดหับกระชังระวังผ้า | |||
| พวกที่นั่งร้านรายขายกุ้งปลา | ถือกะโล่โงง่าตั้งท่าคอย | |||
| ตาหลอหัวพวงล้วงปลาไหล | ตารักร่าคว้าใส่เอาปลาสร้อย | |||
| อ้ายลูกแล่งแย่งคว้าปลาเล็กน้อย | เขาโขกคอยหลบหน้าแล้วด่าทอ | |||
| ตาหลอหัวร่อร่าออกราแต้ | วันนี้แลพ่อจะสั่งปีสังก้อ | |||
| เขาตีตบหลบขนเอาจนพอ | ทั้งส้มกล้วยมะละกอก็พอการ | |||
| เสียงโซ่ตรวนโกร่งกร่างวางกันอึง | นางคนหนึ่งรำมาะก้าออกหน้าบ้าน | |||
| ฉวยไม้คานตีผลับแกจับคาน | พลัดตกคานล้มเค้ลงเก้กัง | |||
| พวกแม่ค้าด่าเปรี้ยงเสียงเกรี้ยวโกรธ | อ้ายคนโทษวันนี้เป็นปีสัง | |||
| จึงเริงร่ากล้าหาญออกตึงตัง | จะไปเรียนเฆี่ยนหลังเสียให้เลอะ | |||
| ตาหลอว่าพ่อไม่อยากกลัว | จะฟ้องใครไสหัวมึงไปเถอะ | |||
| ไม่พรั่นพรึงมึงดอกอีหน้าเคอะ | เชอะเข้ามากูจะใส่ให้นอนคราง | |||
| พ้นตลาดพอเวลาสายัณห์ | ก็ชวนกันวุ่นวิ่งมากริ่งกร่าง | |||
| หิ้วปลาหาบหญ้ามาตามทาง | ถึงตะรางวางหญ้าลงหากิน | |||
| ชวนกันตั้งหม้อข้าวเผาปลาดุก | ประเดี๋ยวใจก็สุกอยู่เสร็จสิ้น | |||
| คดข้าวใส่กระบายให้นายกิน | พอตะวันตกดินลงทันใด | |||
| นายร้อยคอยนับคนโทษถ้วน | ตรวจตรวนแล้วก็ร้อยด้วยโซ่ใหญ่ | |||
| ตะเกียงตามสามแห่งออกแดงไป | กุญแจใส่ลั่นกลอนซ้อนสองชั้น ฯ | |||
| ๏ พอผู้คุมสามคนขึ้นบนร้าน | ตาหลอคลานหานายขมีขมัน | |||
| กระซิบบอกพระท้ายน้ำพลัน | คุณพ่อฝันแน่นักประจักษ์ตา | |||
| ที่พูดกับกระผมสมทุกสิ่ง | ขุนแผนมาจริงเจียวพ่อขา | |||
| กับลูกชายแปลงกายเป็นลาวมา | กระผมยืนเกี่ยวหญ้าผ่าเข้าไป | |||
| ใส่ผมยาวเหมือนลาวสนิทนัก | แต่กระผมกับอ้ายรักยังจำได้ | |||
| ถ่มถึงคุณเจียวขอรับกับพวกไทย | ข้าพเจ้าเล่าไปทุกสิ่งอัน | |||
| เธอให้บอกให้ทั่วเตรียมตัวท่า | คืนวันนี้จะเข้ามาเป็นแม่นมั่น | |||
| จะสะกดให้หมดทั้งคุกนั้น | สะเดาะกุญแจแก้กันให้พ้นไปฯ | |||
| ๏ พระท้ายน้ำฟังคำตาหลอเล่า | ดังได้น้ำทิพย์มารดให้ | |||
| สว่างอกอิ่มเอิบกำเริบใจ | ดุจได้ไปผ่านพิมานอินทร์ | |||
| เฮ้ยอ้ายหลอโม้โซ่มันยาว | ค่อยค่อยสาวกระซิบบอกกันให้สิ้น | |||
| พวกเชียงใหม่อย่าให้มันได้ยิน | พ่อจะพามาบินไปคืนนี้ | |||
| ค่อยงุบงิบกระซิบกันต่อไป | ลาวไทยที่ติดตรวนรู้ถ้วนถี่ | |||
| พวกคนโทษทั้งสิ้นก็ยินดี | เตรียมตัวไว้ไม่มีใครนิทราฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท | เรืองฤทธิ์เชี่ยวชาญหาญกล้า | |||
| กับพลายงามลูกกรักอันศักดา | ดูเวลาปลอดห่วงการทัณฑ์ | |||
| เห็นดวงดาวสะกดหมดจดแจ่ม | พระจันทร์แรมลบสิ้นดินสวรรค์ | |||
| ดึกได้ฤกษ์งามยามสำคัญ | ก็แต่งตัวจัดสรรให้มั่นคง | |||
| ปลดเปลื้องเครื่องลาวลงใส่ย่าม | นุ่งม่วงสีครามงามระหง | |||
| เข็มขัดขมองโขมดคาดดูอาจอง | แล้วประจงโพกประเจียดประจุฤทธิ์ | |||
| ใส่เสื้อลงเลขยันตร์ย้อมว่านยา | เสกจันทน์เจิมหน้าประกาศิต | |||
| จับดาบย่างกรายบ่ายตามทิศ | แล้วยกเมฆได้นิมิตเหมือนรูปคน | |||
| ลมจันกลาล่องคล่องทางซ้าย | ก็ก้าวกรายซ้ายก่อนออกจรถนน | |||
| แล้วร่ายเวทจังงังกำบังตน | เดินรีบร้นถึงตะรางสว่างไฟ | |||
| ขุนแผนอ่านอาคมสะดมคน | ทั้งตารางครางกรนไม่ทนได้ | |||
| กระซิบสั่งโหงพรายทั้งหลายไป | สะกดอ้ายนายคุกเสียทุกคน | |||
| แล้วแก้มนตร์พวกไทยที่ในคุก | ราวกลับปลุกตื่นเตือนกันเกลื่อนกล่น | |||
| สะเดาะประตูเปิดกว้างทั้งล่างบน | ทั้งสองคนเข้าไปมิได้ช้า ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนเสกข้าวสารหว่านซัดซ้ำ | เครื่องจำหลุดกายทั้งซ้ายขวา | |||
| ร่วงกราวเท้ามือทั้งขื่อคา | ต่างทะลึ่งลุกถลาทั้งลาวไทย | |||
| พระท้ายน้ำกำกงตรงออกมา | วันทาขุนแผนทั้งนายไพร่ | |||
| อ้ายลางคนขุ่นแค้นแสนเจ็บใจ | ใครข่มเหงนึกได้ไล่ฟาดฟัน | |||
| อ้ายผู้คุมสามนายที่ร้ายกาจ | ฟันผลัวะฉัวะฉาดขาดสะบั้น | |||
| เลือดอาบดาบมันแลฟันมัน | มันดุดันด่าเฆี่ยนพ่อเจียนตาย | |||
| ยังอ้ายผู้กำกับอยู่ทับนอก | อ้ายขี้ครอกเฆี่ยนพ่อถึงสองหวาย | |||
| ตาหลอขึ้นทับคร่าฝาทลาย | เอาดาบป่ายปุบดิ้นสิ้นชีวี | |||
| ตารักแค้นใจอ้ายตรวจเพลิง | มันตรวจหวดหลังเปิงอยู่ป่นปี้ | |||
| จะเอามันไว้ไยไอ้อัปรีย์ | แกฟันทิ้งกลิ้งคี่อยู่คาเรือน | |||
| อ้ายคนโทษโกรธใครไล่พิฆาต | ฟันเสียหัวขาดออกกลาดเกลื่อน | |||
| ที่ไม่ถูกฆ่าฟันก็ฟั่นเฟือน | ละเมอกรนป่นเปื้อนเหมือนป่าช้า ฯ | |||
| ครั้นออกจากตะรางมาข้างนอก | ตาหลอจึงบอกขุนแผนว่า | |||
| พวกเราถูกรัดรึงไว้ตรึงตรา | จนง่อยเปลี้ยเสียขาไปหลายคน | |||
| จะคลุกคลีหนีไล่ไม่ถนัด | ฉวยมันตัดทางตีสิปี้ป่น | |||
| ต้องลักม้าไปบ้างต่างตีนตน | ได้ถ้วนคนตามพ่อพอจะทัน | |||
| พวกฉันจะไปดูด้วยรู้แห่ง | โรงข้างขวาม้าแซงนั้นแข็งขัน | |||
| โรงซ้ายม้าทาวนล้วนสำคัญ | เอาให้ครบขากันทุกคนไป ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนร้องว่าช้าตาเฒ่า | แต่ลำพังพวกเจ้าเห็นไม่ได้ | |||
| ไปเจอลาวก็จะฉาวทั้งเวียงชัย | มันจะไล่เอาแหลกขี้แตกตาย | |||
| จึงสั่งตาหลอให้นำหน้า | แล้วต่างคนตามมาสิ้นทั้งหลาย | |||
| ถึงโรงม้าซัดปาข้าสารปราย | แล้วสั่งพรายให้กำบังระวังตัว | |||
| อ้ายพวกลาวเฝ้าม้าพากันหลับ | กอดประกับกรนดังทั้งเมียผัว | |||
| เปิดประตูกรูเข้าไปไม่คิดกลัว | เที่ยวค้นของมองทั่วทุกสิ่งไป | |||
| บ้างฉวยคว้าผ้าแพรแก้ผ้านุ่ง | รูดเอาถุงเมียหมดปลดเอาไถ้ | |||
| ทั้งเงินทองของดีที่พอใจ | พบที่ไหนฉวยคว้าไม่ปรานี | |||
| ขุนแผนร้องเหวยเฮ้ยอย่าช้า | ต่างก็มาแก้ม้าขมันขมี | |||
| เครื่องใครใส่มันเข้าทันที | แล้วขึ้นขี่พร้อมหน้าถ้วนขากัน | |||
| ตาหมอเลือกม้าดีให้สี่นาย | ล้วนแยบคายขี่ถูกผูกเครื่องมั่น | |||
| พระท้ายน้ำขับม้านำหน้าพลัน | ถัดนั้นกำกงมาตรงกลาง | |||
| ม้าขุนแผนพลายงามตามต้อนหลัง | กระทืบโกกลนกังกังสะบัดย่าง | |||
| ครั้นถึงสี่แพรกจะแยกทาง | ขุนแผนถากไม้ทองหลางคาบหลักไว้ | |||
| เอาถ่านมาจารึกอักษรศรี | ให้ชาวบุรีรู้ระบิลสิ้นสงสัย | |||
| ใครมาพบอักษรอย่านอนใจ | จงรีบเอาเข้าไปให้นายมึง | |||
| ครั้นสำเร็จเสร็จปักหลักสารา | เผ่นขึ้นหลังม้ากระทืบผึง | |||
| ตามกันสะบัดย่างวางปรึงปรึง | มาถึงทางจะออกนอกนคร ฯ | |||
| ๏ ตาโม้กับตามาทั้งตาหลอ | ว่าคุณพ่ออย่าเพ่อรีบไปก่อน | |||
| อ้ายพวกลาวเลี้ยงช้างอยู่กลางดอน | ล้วนงางอนงามงามสามสิบตัว | |||
| เราจะต้องรบรับยับยั้ง | ถ้าช้างมีขี่มั่งจะยังชั่ว | |||
| ล้วนแต่ดีฝีงาน่ากลัว | ฉันรู้ที่ทอดทั่งทุกตำบล ฯ | |||
| ขุนแผนร้องว่าเออตาเฒ่า | ถ้าพวกเรารู้ตำแหน่งแห่งหน | |||
| คิดจะเข้าเอาช้างก็ชอบกล | ด้วยผู้คนของเราไม่มากมาย | |||
| ถึงแม้นได้ช้างงามมาหลายหลัง | พอจะได้เป็นกำลังเราทั้งหลาย | |||
| ควาญหมอเราก็มีดีมากนาย | ไว้ดันแดกแหกค่ายทลายทัพ | |||
| แน่ตาหลอคุมไพร่ไปสักร้อย | อ้ายลาวน้อยจงกลุ้มเข้ารุมจับ | |||
| ชิงช้างทั้งจำลองสัปคับ | เอาให้ได้พร้อมสรรพแล้วขับมา ฯ | |||
| ๏ ตาหลอรับนับคนได้ร้อยเศษ | สังเกตที่ได้ชัดเดินลัดป่า | |||
| ถึงก็ยั้งตั้งโห่ขึ้นสามลา | ตรงเข้าคว้าจับเอาอ้ายชาวช้าง | |||
| ทำแต่ให้ตกใจไม่ฆ่าฟัน | มัดศอกติดกันทั้งสองข้าง | |||
| เข้าควักล้วงช่วงชิงวิ่งโกรงกราง | เครื่องเคราขนพลางไม่รั้งรอ | |||
| ประโคนพานหน้าหลังหนังชนัก | อานจำหลักทั้งแหย่งกระแชงขอ | |||
| บรรดาของต้องการกว้านจนพอ | แล้วขึ้นคอไล่วิ่งลูกดิ่งตี | |||
| ช้างถูกลูกดิ่งวิ่งชิงคลอง | บ้างก็ร้องแหกป่ามาอึงมี่ | |||
| พวกไทยลาวตัวลือฝีมือดี | ทั้งหมอควาญขับขี่ไม่มีช้า | |||
| ครู่หนึ่งถึงที่ขุนแผนคอย | ตาหลอตามรอยเข้าไปหา | |||
| บอกว่าลูกไปได้ช้างมา | ล้วนว่องไวใหญ่กล้างาลากดิน | |||
| ขุนแผนฟังตาหลอัวร่อร่า | สั่งให้เดินช้างม้ามาทั้งสิ้น | |||
| กำลังดึกดาวกระจ่างน้ำค้างริน | ก็เข้าถิ่นจะถึงที่บึงบอน ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายข้างทหารสามสิบห้า | ได้ยินอื้ออึงมาป่ากระฉ่อน | |||
| สำคัญคิดว่าลาวชาวนคร | ก็รีบร้อนแต่งตัวทั่วทุกคน | |||
| พรหมศรสำมะยังสั่งอาสา | เราคอยท่าตัดทัพให้ยับย่น | |||
| ถ้าได้ยินกลองน้อยแล้วถอยตน | ฆ้องกระแตรีบร้นเร่งเข้ามา | |||
| สั่งกันเสร็จสรรพจับอาวุธ | คาดตะกรุดโพกประเจียดมงคลใส่ | |||
| พรหมศรคุมอาสาแยกขวาไป | สำมะยังคุมไพร่แยกซ้ายจร | |||
| ครั้นถึงที่แถบทางหว่างช่องแคบ | ต่างเข้าไปแอบในพุ่มแล้วซุ่มซ่อน | |||
| แต่ล้วนคนหัวไม้ใจแน่นอน | มิได้หย่อนย่อท้อต่อไพรี | |||
| พอพระท้ายน้ำที่นำหน้า | ขับม้าเดินเฉยเลยพ้นที่ | |||
| สำมะยังสั่งให้โห่ขึ้นสามที | ออกจากพงตรงรี่เข้าตัดทัพ | |||
| เผ่นขึ้นงาช้างง้างฟันคอ | ถูกตาหลอพอเลือดเป็นยางหนับ | |||
| ตาหลอยกขอขึ้นรำรับ | ฟาดขวับถูกถนัดพลัดตกตึง | |||
| หล่นปุกลุกขึ้นได้ใส่พวกม้า | เอาดาบปาพระท้ายน้ำเข้าต้ำผึง | |||
| เสื้อขาดพลาดท่าควบม้าปรึง | กระทืบโกลนโผ่นทะลึ่งไปตามช้าง | |||
| ทั้งพวกลาวไทยไม่รู้ตัว | พากันกลัวโดดวิ่งทิ้งดาบผาง | |||
| ขุนแผนคิดว่าลาวมาดักทาง | กระทืบม้าผ่ากลางวางเข้าไป | |||
| เจ้าพลายกระทืบแผงแข่งบิดา | ฟันฟาดสาตราเข้าลุยใส่ | |||
| ธรรมเถียรวิ่งถลันมาทันใด | กับพวกไพร่กรูพร้อมล้อมเข้ามา | |||
| ขุนแผนตวาดอำนาจครุฑ | ดาบหลุดหกล้มลงจมหญ้า | |||
| พรหมศรสำมะยังยืนจังก้า | หยักรั้งตั้งท่าแล้วแทงเอา | |||
| ถูกอกขุนแผนเข้าต้ำอัก | หอกหักยู่ไปไม่ยักเข้า | |||
| ขุนแผนเห็นหอกหักชักนางกระเบา | แทงอ่ายเฒ่าพรหมศรลงนอนดิ้น | |||
| ไม่เข้าหนังสำมะยังวิ่งเข้าแก้ | แร่เข้าฟันเจ้าพลายคล้ายฟันหิน | |||
| ชั้นเสื้อนอกหอกดาบก็ไม่กิน | หักบิ่นยู่พับยับย่อยไป | |||
| นายโดดกับนายเสือเงื้อหอกง่า | ขุนแผนปาลงต้ำฉาดพลาดไถล | |||
| สำมะยังธรรมเถียรเปลี่ยนแปลกใจ | นี่อย่างไรคงทนพ้นกำลัง | |||
| พิโรธแรงแกว่งดาบทะลวงไล่ | เหลือบไปเห็นขุนแผนก็ถอยหลัง | |||
| ใครนั่นหนอคุณพ่อดอกกระมัง | เออ้ายสำมะยังดอหรือไร | |||
| พวกทหารเห็นแม่นขุนแผนนาย | ใจหายทิ้งดาบลงกราบไหว้ | |||
| ไม่รู้ว่าคุณพ่อขออภัย | คิดว่าลาวเชียงใหม่มันยกมา | |||
| แทงคุณพ่อกับพ่อพลายเป็นหลายที | โทษลูกถึงที่จะสังขาร์ | |||
| ขุนแผนชอบใจไม่โกรธา | ว่าแกล้วกล้าเช่นนี้แลดีครัน | |||
| ครั้นรู้จักตัวกันทั่วหน้า | ให้ลดเลี้ยวเที่ยวหากันจ้าละหวั่น | |||
| ทั้งพวกช้างพวกม้าตามมาพลัน | เสียงเพรียกเรียกกันอึงคะนึง | |||
| กำกงกับพระท้ายน้ำนั้น | ด้วยความกลัวตัวสั่นจนมาถึง | |||
| ประทับทอดม้าช้างวางกันอึง | พร้อมกันอยู่ที่บึงสบายใจ ฯ | |||
| ๏ ครั้นรุ่งรางสางแสงสุริเยนทร์ | เยื้องพระเมรุเลื่อนล่องส่องแสงใส | |||
| พวกพนักงานลาวชาวเวียงชัย | จะเบิกไขคนโทษไปทำงาน | |||
| ถึงประตูจู่เดินมาดุ่มดุ่ม | เห็นผู้คุมหัวขาดอยู่กลาดย่าน | |||
| ต่างตกใจไปค้านวิ่งลนลาน | พบซมซานยังไม่ตายก็หลายคน | |||
| เรือนนายตรวจหักแหกของแตกหาย | กระจัดกระจายไปทุกเรือนออกเกลื่อนกล่น | |||
| เข้าไปในตะรางที่ข้างบน | เห็นผู้คนหายไปทั้งไทยลาว | |||
| นายร้อยพะทำมะรงลงกลิ้งกลาด | บ้างหัวขาดเหลือกตาดูหน้าขาว | |||
| โซ่ตรวนหลุดกองทั้งสองราว | คาขื่อมือเท้าเกะกะไป | |||
| โซ่พันยังลั่นกุญแจติด | ตรวนก็ชิดหาเห็นรอยตัดไม่ | |||
| ขื่อลิ่มก็ยังดีนี่อย่างไร | ประหลาดใจโดดตะรางวางวิ่งมา | |||
| ฝ่ายอ้ายลาวเฝ้าม้าทั้งผัวเมีย | ลุกขึ้นนั่งงัวเงียยังแก้ผ้า | |||
| ครั้นสร่างมนตร์เหลี้ยวคว้างเห็นว่างตา | หมอนมุ้งกระบุงตะกร้าก็หายไป | |||
| เมียแลดูผัวเห็นตัวเปล่า | เอ๊ะใครเอาผ้านุ่งไปเสียไหน | |||
| ผัวแลดูเมียเสียน้ำใจ | ผ้าผ่อนล่อนกระไรไม่ติดกาย | |||
| ผัวเมียตีอกตกประหม่า | นางเมียไม่มีผ้าคว้าเสื่อหวาย | |||
| ผัวขยุ้มกุมจุ่นอยู่วุ่นวาย | ฉวยกระสอบสวมกายคล้ายกางเกง | |||
| ทั้งโรงเหนือโรงใต้ไม่มีม้า | พวกคนเลี้ยงวิ่งร่ามาเหยงเหยง | |||
| อ้ายบางคนแก้ผ้ามาดโทงเทง | โรงกูเองก็หายตายแล้วเรา | |||
| กำลังพวกเลี้ยงม้าจ้าละหวั่น | ก็พบกันกับอ้ายพวกนายคุกเข้า | |||
| พูดกันฟั่นเฟือนเหมือนกับเมา | พออ้ายเฒ่าเลี้ยงช้างวางวิ่งมา | |||
| พบกันเข้าทุกคนที่ต้นทาง | เล่าคดีถี่ห่างกันพร้อมหน้า | |||
| จะพากันเข้าไปในศาลา | มาพบหลักอักขราเข้ากลางทาง | |||
| ก็รู้ว่าหนังสือฝีมือไทย | ตรงเข้าไปถอนชักหลักทองหลาง | |||
| อ่านดูรู้แจ้งไม่แคลงคลาง | ก็แบกวางเข้ามาศาลาใน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นแสนท้าวเหล่าพระยา | นั่งอยู่บนศาลาลูกขุนใหญ่ | |||
| กำลังว่าราชการงานเวียงชัย | แลไปเห็นคนวิ่งลนลาน | |||
| บ้างนุ่งเสื่อใส่กระสอบวิ่งหอบโครง | บ้างโล่งโต้งแก้ผ้ามางุ่นง่าน | |||
| ก็ร้องทักถามไปไม่ได้การ | อ้ายพวกนั้นจัณฑาลเป็นสิใด | |||
| ผ้าผ่อนล่อนแก่นแล่นออกฉาว | ใครฉกชิงวิ่งราวหรือไฉน | |||
| คนดีหรือคนบ้ามาทำไม | นายเวรไปถามดูให้รู้ความ | |||
| พอพวกนั้นเข้าไปในศาลา | หมอบกราบคลานเข้ามาออกงุ่นง่าน | |||
| ปากคอสั่นให้ครั่นคร้าม | ฟังถามต่างก็แจ้งแห่งกิจจา | |||
| ว่าสาธุเจ้าประคุณบุญปกหัว | โทษตัวข้อยนี้เป็นหนักหนา | |||
| เมื่อยามดึกคนดีมีเข้ามา | สะกดฆ่าผู้คุมเสียมากมาย | |||
| สะเดาะโซ่กุญแจเข้าแก้ไทย | ทั้งพวกล้านช้างไปเสียศูนย์หาย | |||
| นายตรวนนายตรามันฆ่าตาย | เจ้าประคุณทั้งหลายได้โปรดปราน | |||
| ฝ่ายพวกกองช้างก็กราบเรียน | มันผูกมัดรัดเฆี่ยนกระหม่อมฉาน | |||
| เข้าแก้แหล่งลักช้างทั้งเครื่องอาน | เอาช้างไปประมาณสามสิบตัว | |||
| อ้ายพวกม้าปากสั่นรันเรียนไป | ว่าสาธุคุณผู้ใหญ่ได้ปกหัว | |||
| มันสะกดข้าพเจ้าหลับเมามัว | แก้ผ้าผ่อนล่อนตัวไม่ว่าใคร | |||
| แล้วเลือกม้าดีดีมีกำลัง | ทั้งเครื่องอานเบาะหนังหาเหลือไม่ | |||
| ประมาณม้าทั้งหลายที่หายไป | นับได้เป็นม้าห้าร้อยปลาย | |||
| แล้วมาพบไม้หลักปักกลางทาง | ปิดหนังสืออวดอ้างไว้มากหลาย | |||
| ว่ากล่าวหยาบช้าถึงท้าทาย | จะทำลายเชียงอินทร์ให้สิ้นกรุง ฯ | |||
| ๏ พระยาลาวฟังแถลงแจ้งคดี | อ้ายพวกไทยแล้วนี่ที่ทำยุ่ง | |||
| ต่างพิโรธโกรธใจดังไฟฟุ้ง | จับหนังสือถือมุ่งเขม้นดู | |||
| ครั้นรู้แจ้งประจักษ์ในอักษรา | ต่างคนต่างผลัดผ้าไม่ช้าอยู่ | |||
| เพี้ยกวานตามหลังมาพรั่งพรู | กรูเข้าท้องพระโรงด้วยทันใด ฯ | |||
| ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นพุงดำ | ฤทธิ์ล้ำลึกจบพิภพไหว | |||
| สถิตแท่นสุวรรณอันอำไพ | อยู่ที่ในพระโรงรัตน์ชัชวาล | |||
| หร้อมหมู่แสนท้าวเหล่าพระยา | บัญชาตรัสประภาษอยู่ฉาดฉาน | |||
| เห็นข้าเฝ้าเข้ามาดูลนลาน | เฮ้ยเพี้กวานเอาไม้อะไรมา ฯ | |||
| ๏ เพี้ยกวานกราบทูลมูลเหตุ | ว่าสาธุทรงเดชโปรดเกศา | |||
| เมื่อคืนมีโจรอหังการ์ | มาแก้ชาวอยุธยาพาหนีไป | |||
| ซ้ำลักเอาม้าห้าร้อยถ้วน | เลือกแต่ล้วนตัวดีที่สูงใหญ | |||
| แล้วออกไปชิงช้างที่กลางไพร | เอาไปได้งามงามสามสิบตัว | |||
| อ้ายคนโทษพวกลาวชาวล้านช้าง | ก็พลอยหนีหมดตะรางพระทูนหัว | |||
| มันปักหนังสือท้าว่าไม่กลัว | ได้ค้นคว้าหาทั่วก็ไม่ทัน ฯ | |||
| ๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังดังไฟผลาญ | ร้องเรียกล่ามพนักงานขมีขมัน | |||
| เฮ้ยอ่านไปให้แจ้งแห่งสำคัญ | หนังสือนั้นมันว่าท่ากระไร ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายว่าพันจามล่ามพนักงาน | คลานมารับจับอ่านหาช้าไม่ | |||
| ว่าพระจอมนครินทร์ปิ่นกรุงไทย | บัญชาใช้ให้ทหารพระกาลมา | |||
| เราหรือชื่อพระยาแผนพิฆาฏ | คุมพวกไพร่อาทมาตสามสิบห้า | |||
| กับพลายงามลูกรักอันศักดา | ยกมาจะประหารผลาญบุรี | |||
| ด้วยลาวชิงสร้อยทองของท่านไว้ | แล้วจับไทยจองจำทำป่นปี้ | |||
| เราเข้ามาแก้ไขไทยเหล่านี้ | กับพวกที่ล้านช้างส่งนางไป | |||
| ให้พวกเรารอดพ้นทนทุกข์ก่อน | จะหลบลี้หนีซ่อนนั้นหาไม่ | |||
| จะรอเราให้เข้ามาชิงชัย | หรือจะตามก็ไปที่บึงบัว | |||
| ถ้ารักชีวิตคิดถึงซึ่งพวกพ้อง | จงทูนนางสร้อยทองไว้บนหัว | |||
| ส่งให้แล้วคำนับรับว่ากลัว | จึงจะปลอดรอดตัวไม่มรณา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นเจ้าเชียงใหม่ครั้นได้ฟัง | แค้นคั่งราวกับไฟไหม้เวหา | |||
| เหม่อ้ายไทยขี้ถังอหังการ์ | มาอวดกล้าท้าทายหยาบคายแท้ | |||
| เฮ้ยบรรดาแสนท้าวเหล่าพระยา | ซึ่งมันว่ายังจะจริงฉะนั้นแน่ | |||
| หรือพรั่นตัวกลัวเราจะตามแจ | จึงพูดแก้ขู่ไว้ให้รอช้า | |||
| กับพวกมันสามสิบสักหยิบมือ | อ้ายที่หนีคุกหรือจะสู้หน้า | |||
| ล้อมฟันเสยไม่ทันจะพริบตา | ซึ่งเราว่าใครจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพระยาจันทรังสี | ผู้ว่าที่สมุหทหารใหญ่ | |||
| คิดพลางทางทูลไปทันใด | มันท้าไว้ถ้อยคำก็สำคัญ | |||
| ถ้าไม่ดีไหนจะมีหนังสือท้า | อ้ายคนที่ยกมาจะแข็งขัน | |||
| เรายกไปคงได้ถึงรบกัน | ด้วยว่ามันอิ่มเอิบกำเริบใจ | |||
| แต่อ้ายพวกมาตามสามสิบห้า | ถึงดีแท้ก็จะมาทำไมได้ | |||
| อ้ายห้าร้อยที่มันลักพาไป | ทั้งลาวไทยไม่มีอ้วนล้วนพุงโร | |||
| มันเสมือนหมู่เนื้อเสือเคยทับ | ไหนจะกลับหันหน้าเข้ามาโต้ | |||
| สามสิบห้าถึงจะกล้าเป็นเอกโท | อ้ายคนโซก็จะพาอ้ายกล้าไป | |||
| ขอให้แต่งม้าใช้ออกไปดู | ถ้ามันยังตั้งอยู่ที่บึงใหญ่ | |||
| จึงค่อยยกกองทัพขับพลไกร | เข้าลุยไล่เสียให้แหลกเป็นผงคลี ฯ | |||
| ๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นพิภพ | ฟังจบตรึกตรองเห็นต้องที่ | |||
| จึงสั่งตรัสมุงกะยองกองพาชี | จงเลือกหาม้าดีขี่ออกไป | |||
| รีบไปสืบดูให้รู้แท้ | มันหนีแน่หรือยังอยู่ที่บึงใหญ่ | |||
| ถ้ามันอยู่สูมาอย่านอนใจ | เราจะได้เกณฑ์ทัพไปจับมัน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นมุงกะยองมองไล่ | รับสั่งแล้วรีบไปขมีขมัน | |||
| ผูกม้าโผนธรณีสีจันทน์ | ขึ้นกระทบแผงผันผยองไป | |||
| ปล่อยใหญ่ใส่ห้อไม่ย่อหย่อน | พอแดดอ่อนก็ถึงที่บึงใหญ่ | |||
| ลงจากม้าดอดดุ่มเข้าพุ่มไพร | ขึ้นบนต้นไม้ลอบแลดู | |||
| ประมาณคนเบ็ดเสร็จเจ็ดร้อยกว่า | เห็นทางท่าไม่หนีทีจะสู้ | |||
| แต่แลไปไม่เห็นตั้งค่ายคู | สังเกตรู้แน่ชัดถนัดตา | |||
| ลงจากต้นไม้มารี่หรับ | ขึ้นพาชีขี่ขับไปกลางป่า | |||
| พอตะวันอัสดงก็ปลงม้า | ตรงเข้ามายังท้องพระโรงชัย | |||
| ครั้นถึงหน้าที่นั่งบังคมทูล | ตามมูลเหตุแจ้งแถลงไข | |||
| ข้าพเจ้าเล็ดลอดดอดเข้าไป | เห็นลาวไทยลุกนั่งอยู่พรั่งพรู | |||
| ทั้งนายไพร่ใหญ่น้อยเจ็ดร้อยกว่า | เห็นทางท่ารั้งรอจะต่อสู้ | |||
| แต่อย่างไรไม่เห็นตั้งค่ายคู | มันตั้งอยู่ที่บึงทางครึ่งวัน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟัง | แผดเสียงเปรี้ยงดังสนั่นลั่น | |||
| เหม่เหม่อ้ายไทยใจฉกรรจ์ | เจ็ดร้อยน้อยหรือนั่นมาขันรบ | |||
| ไม่พอครือมือลาวชาวเชียงใหม่ | สักอึดใจก็จะมัดดังรัดกบ | |||
| เพียงหักไม้คนละกิ่งทิ้งสมทบ | ก็จะกลบเสียได้ไม่คณนา | |||
| ดำรัสตรัสประภาษอยู่ฉาดฉาน | สั่งท้าวกรุงกาฬตรีเพชรกล้า | |||
| จงเร่งพหลพลโยธา | ไปจับจิกหัวมาให้หนำใจ | |||
| อันเพี้ยปราบเมืองแมนแสนกำกอง | ทั้งสองเคยเคี่ยวเข็ญเป็นผู้ใหญ่ | |||
| ยกเป็นปีกซ้ายขวาคลาไคล | ให้กรุงกาฬนั้นไซร้เป็นแม่ทัพ | |||
| แสนตรีเพชรกล้าขี่ม้าคล่อง | เคยทำนองหักโหมเข้าโจมจับ | |||
| เป็นแม่ทัพสินธพไปรบรับ | ให้พร้อมสรรพพรุ่งนี้สี่โมงปลาย ฯ | |||
| ๏ พระยาจันทรังสีได้รับสั่ง | ออกมานั่งศาลาให้บัตรหมาย | |||
| เร่งเรียกพลไกรทั้งไพร่นาย | จัดจ่ายช้างม้าเครื่องอาวุธ | |||
| ทัพม้าห้าพันสกรรจ์หมด | ใจคอทรหดเป็นที่สุด | |||
| เคยฝึกฝนทนทานชำนาญยุทธ์ | ทั้งซ้ายขวาอุตลุดล้วนขี่ม้า | |||
| บ้างถือทวนถือเสน่าเกาทัณฑ์ | เรี่ยวแรงแข็งขันเคยอาสา | |||
| มีนายกองนายหมวดคอยตรวจตรา | พร้อมสรรพทัพหน้าได้ห้าพัน | |||
| เพชรกล้าประทานม้าพระที่นั่ง | มีกำลังไวว่องคล่องขยัน | |||
| ชื่อว่าเหมรัศมีสีจันทน์ | ผูกเครื่องกุดั่นประดับพลอย | |||
| แผงข้างเขียงนางกินนรรำ | โกลนคร่ำโพธิ์ทองทั้งพู่ย้อย | |||
| อานปรุลายฉลุจำหลักลอย | ควาญประจำจูงคอยจะยาตรา ฯ | |||
| ๏ กรุงกาฬทัพใหญ่ยกไว้ก่อน | กล่าวถึงทัพอัสดรตรีเพชรกล้า | |||
| อันแม่ทัพคนนี้มีศักดา | อยู่คงสาตราวิชาดี | |||
| แขนขวาสักรงเป็นองค์นารายณ์ | แขนซ้ายสักชาดเป็นราชสีห์ | |||
| ขาขวาหมึกสักพยัคฆี | ขาซ้ายสักหมีมีกำลัง | |||
| สักอุระรูปพระโมคคัลลาน์ | ภควัมปิดตานั้นสักหลัง | |||
| สีข้างสักอักขระนะจังงัง | ศีรษะฝังพลอยนิลเม็ดจินดา | |||
| ฝังเข็มแล่มทองไว้สองไหล่ | ฝังเพชรเม็ดใหญ่ไว้แสกหน้า | |||
| ฝังก้อนเหล็กไหลไว้อุรา | ข้างหลังฝังเทียนคล้าแก้วตาแมว | |||
| เป็นโปเปาปุบปิบยิบทั้งกาย | ดูเรี่ยรายรอยร่องเป็นถ่องแถว | |||
| แต่เกิดมาอาวุธไม่พ่องแพว | ไม่มีแนวหนามขีดสักนิดเดียว | |||
| สูงใหญ่รูปร่างเหมือนอย่างเสือ | กำลังเหลือเนื้อหนังก็แน่นเหนียว | |||
| หนวดโง้งโก่งฟั่นพันเป็นเกลียว | ฟันขาวปากเขียวดังปลิงควาย | |||
| นัยน์ตาดำคล้ำคล้ายกับตาเสือ | ขอบตาแดงเรื่องดังชาดป้าย | |||
| คิ้วกระหมวดหนวดแดงดูแรงร้าย | ผมมุ่นมวยคล้ายกับโยคี | |||
| แต่รุ่นหนุ่มคุ้มใหญ่ไม่อาบน้ำ | เพื่อนตำแต่ว่านยาทาขัดสี | |||
| ไม่นอนด้วยภรรยาทั้งตาปี | ต่อศึกมีเมื่อไรได้อาบน้ำ | |||
| จะไปทัพจึงหาบรรดาว่าน | มาเสกอ่านอาคมถมถนำ | |||
| เครื่องรางตะกรุดลงองค์ภควัม | บริกรรมเสกเป่าเข้าทันใด | |||
| แล้วตักน้ำตีนท่ามาใส่ขัน | หยิบเครื่องอานว่านนั่นเอาลงใส่ | |||
| เสกเดือดพล่านพลั่งดังตั้งไฟ | เห็นประจักษ์วักได้ใส่หัวพลัน | |||
| หยิบเครื่องอานว่านยาขึ้นมาไว้ | เพชรกล้าลงไปในแม่ขัน | |||
| ประจงจบเคารพแล้วอาบพลัน | ดูสำคัญในนทีจะมีลาง | |||
| ถ้าจะเกิดอันตรายวายชีวิต | ในนิมิตน้ำแดงเป็นแสงฝาง | |||
| ถ้าไม่ชนะไม่แพ้แต่ปานกลาง | น้ำเป็นอย่าสีรงลงละลาย | |||
| ถ้าจะไปมีชัยแก่ข้าศึก | น้ำเลื่อมดังผลึกวิเชียรฉาย | |||
| ครั้งนั้นขาดชันษาชะตาตาย | นิมิตสายชลธีเป็นสีแดง | |||
| เพชรกล้ามุ่งเขม้นเห็นนิมิต | รู้แท้แน่จิตประจักษ์แจ้ง | |||
| น้ำอย่างสีฝางลางร้ายแรง | นึกแสยงสยดสยอนถอนฤทัย | |||
| เป็นสุดทุกข์ลุกออกมาผลัดผ้า | ประหนึ่งว่าไม่ดำรงทรงกายได้ | |||
| แล้วนึกว่าชาติทหารอันชาญชัย | ถึงบรรลัยก็ให้ลือฝีมือลาว | |||
| ฮึดฮัดจัดแจงแต่งกายา | วันจันทร์นุ่งผ้ายกพื้นขาว | |||
| คาดตะกรุดเครื่องรางปรอทวาว | ใส่แหวนเพชรเม็ดวาวเหมือนดาวราย | |||
| ประเจียดประจงจับตะเบงมาน | สอดสังวาลสะอิ้งรัดจำรัสฉาย | |||
| โพกผ้าขลิบพื้นขาวดาวกระจาย | เข็มขัดสายทองถักล้วนอักขรา | |||
| จบจับประคำทองเข้าคล้องคอ | ผงดินสอเสกเสริมแล้วเจิมหน้า | |||
| ถือง้าวก้าวย่างสามขุมมา | เผ่นขึ้นหลังม้าสง่างาม | |||
| ท่วงทีองอาจดังราชสีห์ | สมกับที่ชาญชัยในสนาม | |||
| ขยับยกเมฆในได้ฤกษ์ยาม | ให้โห่สามลาเลิกโยธาไป | |||
| แม่ทัพสัปทนคนกางกั้น | เสียงฝีเท้าม้าลั่นแผ่นดินไหว | |||
| พวกพลโห่ร้องคะนองใจ | เป็นโกลามาในอรัญวา ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงกองทัพท้าวกรุงกาฬ | ทหารแม่ทัพใหญ่ใจกล้า | |||
| ต่างเร่งรัดจัดแจงแต่โยะา | สั่งให้ผูกช้างงาเข้าฉับพลัน | |||
| กรมช้างเร่งรัดจัดช้างตั้ง | ล้วนพ่วงพีมีกำลังผูกเครื่องมั่น | |||
| ควาญหมอท้ายคอคนสำคัญ | ทหารนั้นนั่งกลางข้างละคน | |||
| มีอาวุธพร้อมสรรพสำหรับช้าง | มายืนข้างสองแถวแนวถนน | |||
| สวมสอดเสื้อลงใส่มงคล | ล้วนอยู่ยงคงทนซึ่งสาตรา | |||
| บ้างอยู่ด้วยรากไม้ไพรว่าน | บ้างอยู่ด้วยโอมอ่านพระคาถา | |||
| บ้างอยู่ด้วยเลขยันตร์น้ำมันทา | บ้างอยู่ด้วยสุราอาพัดกิน | |||
| บ้างอยู่ด้วยเขี้ยวงาแก้วตาสัตว์ | บ้างอยู่ด้วยกำจัดทองแดงหิน | |||
| บ้างอยู่ด้วยเนื้อหนังฝังเพชรนิล | ล้วนอยู่สิ้นทุกคนทนสาตรา | |||
| เพี้ยปราบเมืองแมนแสนเสนี | คุมกองโยธีข้างปีกขวา | |||
| ขึ้นขี่คชสารตระหง่านงา | โพกผ้าสีทับทิมริมขลิบทอง | |||
| ใส่เสื่อสีชมพูดูแดงฉาด | ขลิบตาดต้นแขนไว้ทั้งสอง | |||
| ฝ่ายข้างปีกซ้ายนายกำกอง | โพกทับทิมขลิบททองอยู่เหมือนกัน | |||
| ใส่เสื้อกำมะหยี่สีตอง | ประคำทองคล้องคอดูแข็งขัน | |||
| ทั้งสองล้วนอยู่คงลงเลขยันตร์ | คุมพลข้างละพันทั้งขวาซ้าย | |||
| แต่ล้วนเหล่าทหารชำนาญยุทธ์ | ถือสาตราอาวุธเป็นเหล่าหลาย | |||
| นายสอยดาวคุมสกรรจ์ก็พันปลาย | เป็นทัพหลังรั้งท้ายสำราจพล | |||
| ขี่พลายแก้วมิ่งเมืองผูกเครื่องมั่น | ใส่เสื้อจีบสีจันทน์หนังไก่ย่น | |||
| หมวดโหมดลงยันตร์กั้นสัปทน | พร้อมพรั่งทั้งพหลพลโยธี | |||
| ที่นั่งรองขององค์เจ้าเชียงใหม่ | ประทานให้แม่ทัพนั้นขับขี่ | |||
| สำหรับทรงชิงชัยกับไพรี | ชื่อพลายพลิกธรณีมีน้ำมัน | |||
| สูงหกศอกกำมางารัดทอง | ตะพองผายท้ายด้อยดังช้างปั้น | |||
| หางยาวหูใหญ่ใจฉกรรจ์ | โขมดหัวสองชั้นคั่นมงคล | |||
| จะย่างย่องว่องไวใช้กิริยา | หนังหนาหน้ายักษ์ชักเนื้อย่น | |||
| อยู่ปืนฟืนไฟไม่ดิ้นรน | หางสะพัดปัดส้นเส้นขนกลม | |||
| ผูกสะพักปักตระพองด้วยทองแล่ง | พู่แดงห้อยหูดูงามสม | |||
| พานหน้าท้านลายดาวเป็นดอกกลม | สองช้างแนบแถบถมด้วยเงินยวง | |||
| สายชนักถักไหมกลางใส่เบาะ | ขอเกาะปลายง้าวคมขาวช่วง | |||
| ควาญใส่เสื้อแดงแย่งชิงดวง | ใส่หมวกโหมดม่วงทะมัดทะแมง ฯ | |||
| ๏ ครานั้นกรุงกาฬชำนาญทัพ | จบจับเครื่องอานเข้าตกแต่ง | |||
| นุ่งยกอย่างลาวขาวดอกแดง | ใส่เสื้อกรองทองแล่งเป็นแย่งครุฑ | |||
| สายสังวาลภควัมประจำคล้อง | แหวนทองปัทมราชคาดตะกรุด | |||
| เสื้อในลงยันต์กันอาวุธ | เข็มขัดขุดขมองพรายเป็นลายดุน | |||
| เหน็บกริชตรงลงคมประจุขาด | แล้วซ้ำคาดราตคดหนามขุน | |||
| ใส่หมวกถักไหมทองกรองตาชุน | สะพายดาบญี่ปุ่นฝักหุ้มทอง | |||
| เอาน้ำสระสรงองค์นารายณ์ | มาพรมกายกรายกรากออกจากห้อง | |||
| ควาญเทียบช้างประทับเข้ารับรอง | ก็ย่างย่องขึ้นคอจับขอกราย | |||
| ภาวนาเขม้นเห็นนิมิต | วิปริตเป็นรูปคนหัวหาย | |||
| จะยกต่อคอแขนไม่ติดกาย | เป็นลางร้ายวิปริตก็ผิดใจ | |||
| ครั้นจะทูลขอรั้งรออยู่ | ก็อดสูโยธาบรรดาไพร่ | |||
| เกิดเป็นคนใครจะพ้นที่บรรลัย | ก็แข็งใจไปตามแต่เวรา | |||
| ขาขยับไสช้างพอย่างกราย | เห็นลูกนกตกตายลงต่อหน้า | |||
| นกแสกแถกเสียดศีรษะมา | แร้งกาบินจับสัปทน | |||
| วันนั้นท้าวกรุงกาฬสะท้านจิต | โอ้ชีวิตกูนี้คงปี้ป่น | |||
| จะใจได้ฤกษ์ให้เลิกพล | ขานโห่สามหนแล้วยกไป | |||
| ดูชายธงตรงลิ่วไม่ปลิวสะบัด | ลมก็จัดวิปลาสไม่หวาดไหว | |||
| ทั้งเสียงโห่ก็ไม่ก้องให้หมองใจ | สะทึกสะท้อนถอนฤทัยมาในดง ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท | เรืองฤทธิ์พริ้งเพริศระเหิดระหง | |||
| กับเจ้าพลายท้ายน้ำกึงกำกง | นั่งปรึกษาการณรงค์กับโยธา | |||
| เห็นผงคลีกลุ้มกลบตลบบน | ชะรอยลาวยกพลมาหนักหนา | |||
| ขุนแผนนิ่งระงับหลับตา | พิจารณารู้แน่ในทางปราณ | |||
| นี่ลาวยกทัพหมื่นมาดื่นป่า | ก็บัญชาสั่งให้ไพร่ทหาร | |||
| ไปตัดอ้อขมมาอย่าเนิ่นนาน | ปักขนาบหน้ากระดานด้านท้ายบึง | |||
| แล้วปักแยกแหกฉีกเป็นปีกกา | เอาไม้มาขีดคูดูขังขึง | |||
| ทั้งหอรบหอคอยร้อยแขมกรึง | ดูประหนึ่งปักเล่นไม่แน่นแฟ้น | |||
| พอแม่ทัพจับซัดข้าวสารปร๋อ | แขมอ้อกลายไปเป็นไม้แก่น | |||
| เชิงเทินรอบขัณฑ์ไม่คลอนแคลน | ปีกกาชักปักแน่นกว่าไม้จริง | |||
| ที่รอยขีดกลับเป็นคูดูลึกซึ้ง | อยู่ข้างบึงขวางดงตรงตลิ่ง | |||
| ถึงจะต้องปืนใหญ่ไม่ไหวติง | ทั้งหอรบครบสิ่งสำเร็จการ | |||
| ขุนแผนสั่งพวกไพร่ที่ในทัพ | กำชับเตรียมตัวทั่วทุกด้าน | |||
| แต่ตัวนายสี่คนอยู่บนร้าน | ให้กองด่านดูลาวจะเข้ามา ฯ | |||
| ๏ จะขอหยุดยับยั้งข้างขุนแผน | กล่าวถึงทัพนายแสนตรีเพชรกล้า | |||
| รีบร้อนต้อนขับกองทัพม้า | มาถึงป่าดอนตะแบกจะแยกทาง | |||
| ดูไปไกลประมาณสามสิบเส้น | แลเห็นค่ายไทยทั้งใหญ่กว้าง | |||
| ทั้งขวาซ้ายรายชักปีกกากาง | ขุดคูข้างขอบบึงไปถึงกัน | |||
| ครั้นถึงที่เห็นสนามตามตำรับ | ก็หยุดทัพยับยั้งลงตั้งมั่น | |||
| แล้วปักธงยิงปืนเป็นสำคัญ | ให้โห่สามลาลั่นสนั่นไป ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนทหาร | ได้ยินลาวโห่ขานสะท้านไหว | |||
| ร้องประกาศบอกกันนั่นเป็นไร | ลาวยกทัพใหญ่มาคั่งคับ | |||
| เรากับลูกรักอันศักดา | จะยกพลโยธาออกเคี่ยวขับ | |||
| ท่านทั้งสองคอยอยู่ดูในทัพ | เราจะรับมือลาวชาวเชียงอินทร์ | |||
| แต่บรรดาพวกลาวบ่าวของท่าน | ประจำการอยู่ในค่ายวงสายสิญจน์ | |||
| แต่บรรดาพวกไทยใจทมิฬ | จงขี่ม้ามาสิ้นให้ครบกัน | |||
| เจ้าพลายงามยกไปเป็นทัพหน้า | คุมพวกสามสิบห้าล้วนแข็งขัน | |||
| เราจะยกทัพใหญ่หนุนไปพลัน | ถ้าได้ทีตีตะบันบุกเข้าไป | |||
| ถ้าพลลาวเหลือล้นพ้นประมาณ | เราจะไสคชสารเข้าลุยไล่ | |||
| จะรบราฆ่ามันให้บรรลัย | จงตั้งใจอย่าประมาทต้องอาจอง | |||
| สั่งแล้วขุนแผนกับลูกชาย | แต่งกายคาดเครื่องเรืองระหง | |||
| นุ่งผ้าตามตำรารณงค์ | เข็มขัดลงยันต์คาดสะอาดงาม | |||
| เสื้อลงเลขยันต์ใส่ชั้นใน | เสื้อนอกดอกใหญ่ทองอร่าม | |||
| แหวนมณฑปนพเก้าดูวาววาม | สังวาลสามสายแย่งตะแบงมาน | |||
| สวมสายประคำทองเข้าคล้องคอ | ทั้งลูกพ่อองอาจชาติทหาร | |||
| ใส่หมวกขลิบตาดพระราชทาน | ถือฟ้าฟื้นยืนตระหง่านสง่าดี | |||
| ภาวนาตาเขม้นเห็นเมฆฉาย | นิมิตเป็นรูปนารายณ์เรืองศรี | |||
| สี่กรร่อนติดบนเมฆี | ขุนแผนขึ้นคอขี่คชฉกรรจ์ | |||
| เอานายเพชรเจ็ดปานเป็นควาญท้าย | ใส่เสื้อลายสีแดงแสงเฉิดฉัน | |||
| พลายงามขึ้นขี่ม้าสีจันทน์ | สั่งให้ลั่นฆ้องฤกษ์แล้วเลิกพล | |||
| ยิงปืนสัญญาณขึ้นห้าตึง | ฆ้องหึ่งขานโห่ขึ้นสามหน | |||
| นายปลออดโบกธงเป็นมงคล | ก็รีบร้นโยธาคลาไคล ฯ | |||
| ๏ พอสองทัพถึงกันประจันหน้า | ลาวก็แยกปีกกาออกหวั่นไหว | |||
| แสนตรีเพชรกล้าทอดตาไป | เห็นทัพไทยลิบลิบสักหยิบมือ | |||
| มันเสมือนแมลงเม่ามาเข้าไฟ | นี่เข้าใจว่าจะรอดไปแล้วหรือ | |||
| สั่งให้ขับอัสดรต้อนพลฮือ | คนละมือก็จะยับทั้งทัพไทย | |||
| เอาเหวยเอาหวาโยธาทัพ | จับเอาตัวมันให้จงได้ | |||
| อย่าให้มันปลอดรอดหนีไป | กระทืบม้าผ่าไล่ไพร่พลมา | |||
| เข้าล้อมหน้าล้อมหลังประดังฟัน | พวกไทยตัวกลั่นล้วนแกล้วกล้า | |||
| เจ้าพลายสั่งตั้งโห่ขึ้นสามลา | กระทืบม้าฝ่าฟันประจัญรับ | |||
| ลาวแทงเข้าด้วยทวนสวนสกัด | ไทยปัดทวนพลาดฟาดฟันฉับ | |||
| พวกลาวแร่แก้กันไทยฟันยับ | โถมจับล้มคะมำคว่ำโก้งโค้ง | |||
| ไล่ตะบันฟันฟัดสกัดสะแกง | ลาวแทงไทยผลุงสะดุ้งโหยง | |||
| ไม่เข้าไทยไทยกระทืบอยู่โกรงโกรง | ไล่ทันฟันโป้งเข้าหลังปึง | |||
| ลาวเงื้อทวนใหญ่แทงไทยปราด | ไทยฟาดคันทวนสวนแทงผึง | |||
| หัวถลำคว่ำถลาตกม้าตึง | ยิ่งตายยิ่งตะบึงเข้าบุกบัน ฯ | |||
| ๏ เจ้าพลายกับพวกสามสิบห้า | คว้างคว้างวางมาดังกังหัน | |||
| เห็นลาวล้อมเข้าใกล้ออกไล่ฟัน | ลาวเข้ารันรุมตีไม่หนีไทย | |||
| ลาวแทงไทยฟันตะบันฆ่า | ที่อยู่เหยียบกันเข้ามาหาถอยไม่ | |||
| เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มห้อมล้อมเข้าไว้ | จนเต็มทีพวกไทยหัวไหล่ล้า | |||
| เจ้าพลายขับสีจันทน์เข้าฟันฟาด | ดาบลงยันต์ฟันขาดดังฟ้าผ่า | |||
| ถึงลาวคาดเครื่องอานกินว่านยา | ถูกดาบมรณาลงดาดดิน | |||
| ลาวรุมกลุ้มแทงเสียงอึกอัก | ทวนหักหอกยู่บู้บิ่น | |||
| บุกตะบันฟันขนาบดาบไม่กิน | เจ้าพลายฟาดขาดดิ้นสิ้นเป็นเบือ | |||
| พวกลาวหวาดหวั่นพรั่นชะงัก | ดังสุนัขพาหมู่เข้าสู้เสือ | |||
| ร้องว่าดาบเราบ่เข้าเนื้อ | กูฟันชั้นแต่เสื้อบ่เข้ามัน | |||
| เจ้าพลายแกว่งดาบอยู่วาบวาว | พวกลาวถอยท้อย่อขยั้น | |||
| ดังพระยาสีหราชกาจฉกรรจ์ | เข้าผกผันเผ่นคว้างกลางฝูงวัว | |||
| เข้าไหนลาวหนีอยู่มี่ฉาว | พวกลาวต่างขยั้นสั่นหัว | |||
| เกรงสง่าไม่กล้าเข้าใกล้ตัว | ด้วยความกลัวชีวันจะบรรลัย ฯ | |||
| ๏ ครานั้นจึงแสนตรีเพชรกล้า | ขับต้อนโยธาอยู่หวั่นไหว | |||
| เห็นไพร่พลเรรวนปั่นป่วนไป | เพชรกล้าขัดใจกระโจนมา | |||
| เท้ากระทืบแผงข้างผางผางลั่น | เร่งรุกบุกบันขึ้นมาหน้า | |||
| เสียงตวาดประกาศก้องเป็นโกลา | มาจนหน้าม้าเจ้าพลายงาม | |||
| เห็นรูปร่างสำอางลออตา | เพชรกล้าเข้าใกล้แล้วไต่ถาม | |||
| แน่ะเจ้านายทหารชาญสงคราม | เจ้านี้มีนามกรไร | |||
| พึ่งรุ่นหนุ่มร่างน้อยกะจิดริด | เจ้าเป็นศิษย์ศึกษาอาจารย์ไหน | |||
| เป็นเผ่าพงศ์วงศ์วานท่านผู้ใด | จงบอกไปให้แจ้งแก่กิจจา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนอง | ร้องตอบคดีตรีเพชรกล้า | |||
| อันตัวเราเป็นทหารอยุธยา | ชื่อว่าพลายงามมาตามวงศ์ | |||
| บิดาชื่อพระยาแผนพิฆาฏ | พระราชทานตั้งนามตามประสงค์ | |||
| ตัวเราเป็นศิษย์บิตุรงค์ | เผ่าพงศ์วงศ์พลายหลายชั่วมา | |||
| ท่านนี้มีนามกรใด | ครั้นจะถามถึงผู้ใหญ่ก็เกินหน้า | |||
| ถึงยังมีมิตายก็เต็มชรา | แต่เรียนรู้ครูบาอาจารย์ใด ฯ | |||
| ๏ ครานั้นเพชรกล้าได้ฟังถาม | ก็ชื่นชมตอบความหาช้าไม่ | |||
| ซึ่งถามเราจะเล่าให้เข้าใจ | เจ้าชาวใต้ไม่รู้จู่ขึ้นมา | |||
| เราเป็นเชื้อเจ้าท้าวคำแมน | มียศเป็นแสนตรีเพชรกล้า | |||
| เราเป็นเชื้อชาติทหารชาญศักดา | ในลานนาใครใครไม่ต่อแรง | |||
| พระครูผู้บอกวิทยา | ชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง | |||
| สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดง | ทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง | |||
| เจ้าหนุ่มน้อยนี้หรือชื่อพลายงาม | ช่างสมรูปสมนามดูงามยิ่ง | |||
| ตะละแกล้งหล่อเหลาเพราพริ้ง | รูปร่างอย่างผู้หญิงพริ้งพรายตา | |||
| จะเปรียบลูกก็อ่อนกว่าลูกเล็ก | จะเปรียบหลานพานจะเด็กกว่าหลานข้า | |||
| ไม่ควรจะรบสู้กับปู่ตา | กลับไปบอกบิดามารอนราญ | |||
| จะได้เป็นขวัญตาโยธาทัพ | เห็นฉบับแบบไว้ในทหาร | |||
| ยังเด็กอยู่คอยดูวิชาการ | เฮ้ยหลานพ่ออยู่ไหนไปบอกมา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนอง | ร้องตอบต่อคดีตรีเพชรกล้า | |||
| แน่เธออย่าเพ่ออหังการ์ | เจรจาหมิ่นประมาทเราชาติเชื้อ | |||
| ตัวท่านแก่กายอย่างควายเฒ่า | อันตัวถึงเด็กเล็กลูกเสือ | |||
| ฝีมือใครไพร่ลาวแหลกเป็นเบือ | อย่าหลงเชื่อว่าผู้ใหญ่จะไม่แพ้ | |||
| ถ้าไม่ดีที่ไหนใครจะมา | จะขอลองวิชากับตาแก่ | |||
| ให้ปรากฎฤทธีว่าดีแท้ | หรือเป็นแต่ปากกล้ากว่าฝีมือ | |||
| ขออภัยอย่าเพ่อให้ถึงบิดา | แต่ลูกยาท่านจะชนะหรือ | |||
| มาลองดูสักหนให้คนลือ | จะปลกเปลี้ยเสียชื่อดอกกระมัง ฯ | |||
| ๏ ครานั้นแสนตรีเพชรกล้า | โกรธาตาแดงดังแสงครั่ง | |||
| เหม่อ้ายนี่หนักหนาว่าไม่ฟัง | มาโอหังอวดรู้สู้สงคราม | |||
| เท้ากระทืบกระทบโกลนโผนผก | มุ่นหมกขับคว้างมากลางสนาม | |||
| ท่วงทีขี่ม้าสง่างาม | รำง้าวก้าวตามกระบวนทวน ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายเจ้าพลายงามทรามสง่า | เห็นตรีเพชรขับม้ามาปั่นป่วน | |||
| ก็ชักม้ารับร่ายย้ายกระบวน | แล้วหันทวนว่องไวในทำนอง | |||
| เพชรกล้ารำง้าววาววาววับ | เจ้าพลายรำดาบรับสองมือป้อง | |||
| สองนายร่ายรำตามทำนอง | ม้าผยองผันผกวกวนเวียน | |||
| แล้วยกรำทำท่าหงส์สองคอ | เยื้องล่อเลี้ยวฟันหันเ***ยน | |||
| แล้วรำท่ามังกรช้อนวิเชียร | ผลัดเปลี่ยนว่องไวไม่เสียที | |||
| เพชรกล้าถือง้าวยาวกว่าดาบ | เจ้าพลายฉาบเข้าฟันแล้วผันหนี | |||
| เพชรกล้าขัดใจไม่คลุกคลี | เจ้าพลายรำทำทีให้ไล่ทัน | |||
| เพชรกล้าได้ท่าปาลงฉาด | เจ้าพลายหลบลาวพลาดคะมำหัน | |||
| พลายงามตามชิดติดตะบัน | สบท่าผ่าฟันลงต้ำตึง | |||
| หยึ่นเปล่าหาเข้าตรีเพชรไม่ | เยื้องขยับกลับใส่เจ้าพลายผึง | |||
| เจ้าพลายผันฟันบ่าเพชรกล้าปึง | เนื้อประหนึ่งหินผาศิลาแลง | |||
| แสนตรีเพชรกล้าง่าง้าวกราย | ฟันเจ้าพลายงามพรวดดังกรวดแข็ง | |||
| ราวกับเกาหลังให้ยิ่งได้แรง | ฟันตะแบงบุกไปไล่ตะครุบ | |||
| เอาดาบฟาดฉาดฟันตะบันส่ง | เป็นหลายหนคงทนไม่บู้บุบ | |||
| เพชรกล้ากลับด่ำเข้าตำทุบ | ถูกเนื้อยุบพอขยายก็หายไป ฯ | |||
| ๏ แสนตรีเพชรกล้าระอาจิต | สุดคิดที่จะเอาชนะได้ | |||
| น่งนึกตรึกตราแต่ในใจ | ชะเด็กไทยคนนี้มันดีจริง | |||
| ช่างกล้าแข็งแรงฤทธิ์นั้นเกินร่าง | ดูแต่หน้าท่าทางอย่างผู้หญิง | |||
| มันสู้กูผู้ใหญ่ไหวมันจริง | ด้วยเชิงชิงชัยชาญชำนาญแท้ | |||
| จะรบรันฟันฟาดด้วยสาตรา | เห็นทางท่าเอาชัยบ่ได้แน่ | |||
| ต้องใช้มนตร์ทางในให้มันแพ้ | ก็ชักม้าราแต้ออกยืนไกล | |||
| หลับตาภาวนาร่ายพระเวท | อันวิเศษเชี่ยวชาญอาจารย์ให้ | |||
| เรียกมหาอาโปเป่าออกไป | เป็นน้ำไหลพลุ่งพลั่งดังท่อธาร | |||
| พิลึกล้นท้นท่วมทั่วจังหวัด | ลมก็พัดเป็นระลอกกระฉอกฉาน | |||
| พวกทัพไทยต่างคนตะลนตะลาน | ตะเกียกตะกายว่ายซานขึ้นต้นไม้ | |||
| ทั้งขี่ม้าหยั่งขาไม่ถึงที่ | ด้วยนทีโชนเชี่ยวเป็นเกลียวไหล | |||
| เหล่าพวกอาสาระอาใจ | ต่างร้องบอกนายไปให้แก้มนตร์ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพลายงามเจ้าความคิด | เรืองฤทธิ์ลือแจ้งทุกแห่งหน | |||
| อ่านคาถาเป่าปัดไปบัดดล | ก็ทดท้นน้ำแห้งทุกแห่งไป | |||
| แล้วอ่านมนตร์ดลเรียกเตโชธาตุ | เป่าปราดไปเป็นเพลิงเถกิงไหม้ | |||
| โพลงพลุ่งทุ่งเถือกเป็นเปลวไฟ | วาบวามลามไล่ไพร่พลลาว | |||
| พอลาวเห็นไฟไหม้ลามมา | กระทืบม้าหนีพล่านออกฉานฉาว | |||
| กัมปนาทหวาดหวั่นตัวสั่นท้าว | ร้องเรียกเจ้านายช่วยข้าด้วยรา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นเพชรกล้าเป็นจ่าศึก | เห็นไฟไหม้คึกคึกมาเต็มป่า | |||
| ระงับการร่ายพระเวทวิทยา | เรียกกมหาวลาหกให้ตกลง | |||
| ก็เกิดเป็นเมฆตั้งขึ้นบังปก | แล้วฝนตกโฉมซ่าป่าระหง | |||
| สักห่าใหญ่ไหลดาดแผ่นดินดง | ดับไฟไหม้พงนั้นสูญไป | |||
| เหล่าพวกอาสาโยธาหาญ | หนาวสะท้านทุกคนไม่ทนได้ | |||
| เข้ามั่วสุมกลุ่มกลมใต้ร่มไม้ | ถูกเม็ดใหญ่ลูกเห็บเจ็บแทบตาย ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพลายงามความสามารถ | ชาญฉลาดเฉลียวเลิศเฉิดฉาย | |||
| อ่านอาคมเรียกลมที่ในกาย | ระบายวาโยธาตุเป่าปราดไป | |||
| ด้วยอาคมเกิดเป็นลมเพชรหึง | ตึงตึงพัดฝนไม่หล่นได้ | |||
| ที่หยดหยาดขาดสายหายทันใด | ด้วยพระเวทฤทธิไกรอันชัยชาญ | |||
| แล้วเอาก้อนกรวดมาซัดปราด | เป็นเม็ดฝนกรวดทรายกระเซ็นซ่าน | |||
| ตกต้องลาวพลตะลนตะลาน | อลหม่านหนีซุกไปทุกคน | |||
| บ้างขับม้าเข้าพุ่มคลุมหัวร้อง | บ้างถูกต้องเจ็บปวดเม็ดกรวดฝน | |||
| เป็นแผลเหือดเลือดไหลไปทุกคน | เหลือทนเต็มประดาแก้ผ้าคลุม ฯ | |||
| ๏ ครานั้นจึงแสนตรีเพชรกล้า | เห็นโยธาหน้าฟกอกเป็นตุ่ม | |||
| แสนพิโรธโกรธใจดังไฟรุม | ประชุมนิ้วเหนือเกล้าแล้วเป่าไป | |||
| เกิดเป็นตารางกลางอากาศ | กั้นหยาดเม็ดฝนไม่หล่นได้ | |||
| เม็ดฝนกรวดทรายหายทันใด | แล้วสั่งไพร่ให้ลงจากพาชี | |||
| อันจะเข้ารบรุกกันคลุกคลี | การว่องไวไม่ดีเหมือนเดินเท้า | |||
| ให้เอาม้าไปซุ่มเสียพุ่มชัฎ | เลือกจัดแต่ล้วนทวนแหลนหลาว | |||
| ให้พร้อมสรรพเครื่องยุทธ์อาวุธยาว | สกัดก้าวห้อมล้อมให้พร้อมพรัก | |||
| พวกเราเอาแต่แรงแทงมันส่ง | ถึงอยู่คงก็ถูกกระดูกหัก | |||
| ด้วยข้างเรากว่าพันมันน้อยนัก | เอาเสียพักเดียวเถิดอ้ายพ่อกู ฯ | |||
| ๏ ทหารลาวกราวลงจากหลังม้า | วิ่งผลุนหมุนมาเป็นหมู่หมู่ | |||
| เข้าล้อมหน้าล้อมหลังออกพรั่งพรู | เกรียวกรูทิ่มตำกระหน่ำแทง | |||
| เหล่าพวกอาสาเข้าฝ่าฟัน | ถูกลาวขาดสะบั้นสะพายแล่ง | |||
| หัวขาดตัวขาดเลือดสาดแดง | พวกกองหลังยังแซงแข่งเข้าไป | |||
| เกลื่อนกลุ้มหุ้มไทยไว้เป็นหมู่ | หอกยู่แทงเปล่าไม่เข้าได้ | |||
| พวกอาสาฟันฟอนจนอ่อนใจ | ยิ่งบรรลัยยิ่งรุมกลุ้มเข้ามา ฯ | |||
| ๏ จนไหล่ตกยกมือขึ้นไม่ไหว | อึดใจเรียกนายพ่อพลายขา | |||
| ลูกฟันมันจนสิ้นแรงระอา | ตายหนึ่งหนุนมาห้าหกคน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม | เชี่ยวชาญการสงครามไม่ย่อย่น | |||
| เห็นพวกอาสาบรรดาพล | เหนื่อยจนไหล่ตกไม่ยกมือ | |||
| จึงรูดเอาใบมะขามมาสามกำ | เสกซ้ำเป็นต่อบินปร๋อปรื๋อ | |||
| ตั้งโกฎิแสนแน่นป่ามาฮือฮือ | ดูออกคล่ำดำปื้อไปทุกละเมาะ | |||
| ตัวยาวราวก้อยไม่ต่อยไทย | จำเพะลาวกราวไล่ใส่เปาะเปาะ | |||
| พิษสงเหล็กในดังใครเคาะ | ถูกเหมาะเหมาะล้มทับกันยับยุบ | |||
| พวกลาวอาวุธหลุดมือถือ | เอาแต่มือตบสู้อยู่ปับปุบ | |||
| เหลือทนลุกล้มลงก้มฟุบ | โดดผลุบลงในน้ำดำหนีไป | |||
| พอเต็มกลั้นผุดฟ่อต่อต่อยซ้ำ | ไม่กลับดำต่อยป่นทนไม่ได้ | |||
| เพชรกล้าตาปิดพิษเหล็กใน | ทั้งม้าม่อยต่อยไล่ไปพรั่งพรู | |||
| หน้าตาล้วนแต่คาเหล็กในต่อ | ม้าลาพาห้อชักไม่อยู่ | |||
| บ่าวนายพ่ายหนีวิ่งกรีกรู | พวกไทยไล่ลู่ตะลุมบอน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นท่านท้าวกรุงกาฬ | เห็นทหารเพชรกล้าวิ่งว้าว่อน | |||
| กะปลกกะเปลี้ยเสียทีหนีซอกซอน | ก็ไสช้างวางต้อนโยธามา ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายว่าขุนแผนแสนสะท้าน | เห็นกรุงกาฬเข้าด้วยช่วยทัพหน้า | |||
| ก็ขับกุญชรต้อนโยธา | ไสช้างขวางหน้าเจ้ากรุงกาฬ | |||
| จึงร้องฮ้าท่านหรือทัพหลวง | จึงเลยล่วงขับช้างมากลางทหาร | |||
| ดูช้างม้ารี้พลพ้นประมาณ | นี่จะไปรบราญบ้านเมืองใด ฯ | |||
| ๏ ครานั้นกรุงกาฬชาญกำแหง | ได้ฟังคำเสียดแทงให้หมั่นไส้ | |||
| สูนี้พระยาแผนแล้วแม่นใจ | มายกความถามไถ่ไม่มีอาย | |||
| เข้ามาลักช้างม้าพาคนหนี | แล้วเข่นฆ่าราตีคนทั้งหลาย | |||
| ซ้ำปักหนังสือท้าว่าหยาบคาย | ตัวไม่เป็นผู้ร้ายดอกหรือไร | |||
| อยุธยาช้างม้าไม่มีหรือ | จึงดึงดื้อมาปล้นจนเชียงใหม่ | |||
| เรายกพลมาประจญจับโจรไพร | ถ้าคืนของกลางให้จะรอดตัว ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสะท้าน | ได้ฟังท้าวกรุงกาฬก็ยิ้มหัว | |||
| ช่างพูดได้ไม่คิดถึงเงาตัว | ทำความชั่วถึงปิดไม่มิดควัน | |||
| ซึ่งล้านช้างส่งนางไปกรุงไทย | เจ้าเชียงใหม่เมามืดด้วยโมหันธ์ | |||
| ลอบไปฉกชิงนางไว้กลางคัน | จับพวกส่งลงทัณฑกรรมไว้ | |||
| ข้าหลวงไทยที่มารับก็จับจำ | เฆี่ยนขับยับระยำทั้งนายไพร่ | |||
| กระทำความข่มเหงไม่เกรงใจ | ยังท้าให้ยกพลมาชนช้าง | |||
| เจ้าท่านนั้นแลเป็นโจรป่า | เอาชีวาแลกสตรีไม่มีอย่าง | |||
| ถ้ารักตัวกลัวว่าจะวายวาง | ให้ส่งนางคืนไปจะไม่ตาย ฯ | |||
| ๏ กรุงกาฬทหารใหญ่ครั้นได้ฟัง | แค้นคั่งอสนีบาตฟาดสาย | |||
| จะตอบเหมือนล้มไม้ลงทับกาย | ด้วยเจ้านายทำความไม่งามดี | |||
| จึงแกล้งกลบเกลื่อนเป็นเงื่อนงำ | อันถ้อยคำอาจเอิ้นเห็นเกินที่ | |||
| เพราะเจ้าเวียงจันทน์นั้นไม่ดี | เป็นพาลีสองหน้ามาแต่ไร | |||
| มีสารามาถวายองค์สร้อยทอง | แก่พระผู้ครองเมืองเชียงใหม่ | |||
| แล้วกลับยกยักย้ายถวายไทย | เราจึงได้อาฆาตวิวาทกัน | |||
| จนติดพันประจัญรณรงค์ | มากล่าวไยให้ส่งองค์นางนั้น | |||
| อย่าช้ามาชนช้างกันกลางครัน | ถ้าใครดีชีวันไม่บรรลัย | |||
| ถ้าแม้นเราแพ้ท่านในการณรงค์ | ก็ควรละจะส่งสร้อยทองให้ | |||
| ถ้าแม้นท่านเสียท่าปราชัย | สร้อยทองต้องเอาไว้ในเชียงอินทร์ | |||
| ว่าพลางทางสั่งปีกซ้ายขวา | ทั้งกองกลางช้างม้าดากันสิ้น | |||
| ให้รายล้อมพวกไทยใจทมิฬ | อย่าให้ปลิ้นหนีพล่านออกด้านใคร ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนวิเศษ | ขจรเดชลือเลื่องกระเดื่องไหว | |||
| จึงร้องสั่งทหารอันชาญชัย | อย่าคลุกคลีตีให้เป็นด้านกัน | |||
| สำมะยังรั้งรับกับปีกขวา | พรหมศรรับราปีกซ้ายนั่น | |||
| ธรรมเถียรคอยทัพรับหลังมัน | ตัวเราจะประจญเข้าชนช้าง | |||
| สั่งแล้วไสสีห์คชเดช | ร่ายพระเวทเป่าตะพองงาสองข้าง | |||
| ให้คงทนทั้งตัวทั่วสรรพางค์ | แล้วไสวางช้างมุ่งท้าวกรุงกาฬ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นกรุงกาฬชาญชัยศรี | ไสพลายพลิกธรณีมาง่านง่าน | |||
| กรายของ้าวรำด้วยชำนาญ | คชสารสองปะทะเข้าประงา | |||
| ด้วยช้างลาวกำลังที่คลั่งเมา | เมื่อยกออกกรอกเหล้าไว้หนักหนา | |||
| คขเดชยั่งยืนชื่นนัยน์ตา | บ่มมันกลั่นกล้าไม่กลัวช้าง | |||
| ครั้นพลายพลิกธรณีรี่เข้าชิด | คชเดชก็ขวิดปลายงาผาง | |||
| พอช้างลาวเบนเสยเข้าเกยคาง | ช้างไทยได้ล่างเข้าหว่างคอ | |||
| นายเจ็ดปานพานกระแชงแทงต้ำเฮือก | ถูกช้างลาวหน้าเสือกหงายท้ายย่อ | |||
| ขุนแผนคะยิกใหญ่ไม่รั้งรอ | ช้างไทยเป็นต่อดันตะบึง | |||
| ช้างลาวถอยหลังยั้งไม่ถนัด | เพียรจะงัดช้างไทยใส่ผึงผึง | |||
| ช้างไทยดันแดกกระแทกตึง | ช้างลาวถอยดึ่งทุกทีไป | |||
| กรุงกาฬเหนี่ยวสับให้กลับหัน | ช้างไทยดันไม่ฝืนคืนมาได้ | |||
| ด้วยช้างลาวเมาสุราเป็นบ้าใจ | ครั้นเจ็บหนักยักไหล่สลัดคว้าง | |||
| ขุนแผนเห็นได้ทีไม่รีรอ | รำของ้าวฟาดลงฉาดผาง | |||
| ถูกกรุงกาฬซานซบทบคอช้าง | ไม่เข้าคอพอเป็นยางออกช้ำช้ำ | |||
| กรุงกาฬฟื้นลุกคืนขึ้นมาได้ | ขุนแผนไสช้างกระชั้นไล่ฟันร่ำ | |||
| จนตีนหลุดจากชนักหัวปักปำ | ขุนแผนซ้ำลงอีกฉาดพลาดตกตึง | |||
| ขุนแผนไสช้างเข้าร้องเอาพ่อ | ช้างก็ปร๋อปราดแปร้นแล่นเข้าถึง | |||
| ม้วนงวงหลับตาลงงาตึง | ตีตะบึงแทงตะบันดันจนแบน | |||
| พอถอนงาคว้าผีขึ้นโยนขวับ | ตกลงมางารับแล้วร้องแปร้น | |||
| ไส้ทะลักหักแหกหัวแตกแตน | ช้างลาวแล่นหนีออกนอกโยธา | |||
| สำมะยังคุมไพร่ไล่ขนาบ | ตีกองปราบเมืองแมนข้างปีกขวา | |||
| พรหมศรต้อนพลกล่นเกลื่อนมา | เข้ารบราปีกซ้ายนายกำกอง | |||
| สองข้างต่างโถมเข้าโจมตี | ถ้อยทีหนีไล่กันไวว่อง | |||
| ลาวแทงไทยจับเข้ารับรอง | ไทยฟันลาวป้องจ้องเข้ารับ | |||
| พวกไทยไล่ทันฟันตะบึง | นั่นปึงนี่ปังข้างหนึ่งปับ | |||
| สำมะยังโถมเข้าเอานายทัพ | นายปราบรันฟันปังดังเหล็กเพชร | |||
| สำมะยังเป่าไปให้ประจุขาด | เอาดาบฟาดขาดสะบั้นกระเด็นเด็ด | |||
| ดาบล่อนเลือดฝาดดังชาดเช็ด | อ้ายลาวเข็ดคิดขยาดไม่อาจรบ | |||
| พรหมศรเสกคาถาว่าถอนโบสถ์ | โดดแทงกำกองเข้าท้องกบ | |||
| ชักกั้นหยั่นฟันควาญลงซานซบ | ทับศพผีนายลงก่ายกัน | |||
| สอยดาวเห็นแม่ทัพอัปรา | นายทั้งปีกซ้ายขวาก็อาสัญ | |||
| ก็ขับไสช้างงาเข้ามาพลัน | เอาง้าวหันพวกไทยไล่ตะลุย | |||
| ธรรมเถียรยืนดูอยู่ท่ามกลาง | ขัดใจไสช้างมาฉุยฉุย | |||
| อ้ายพลายแก้วมิ่งเมืองไม่เงื่องงุย | เอางาชุ่ยสอยดาวเข้าราวนม | |||
| นายสอยดาวทรงกายพอหายขัด | เอาของคัดงาหันฟันประสม | |||
| ไทยเป่าโอ้ฟ้าผ่ามาตามลม | ฟันลาวง้าวจมลงครึ่งคอ | |||
| แล้วเหยียบดจนโผนทะยานฟันควาญท้าย | อ้ายลาวบ่าวนายไม่เหลือหลอ | |||
| ฉัวะแาดขาดเด็ดทั้งสองคอ | พวกพลย่นย่อเข้าป่าไป ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงแสนเพชรตรีกล้า | สิ้นพิษต่อลืมตาขึ้นมาได้ | |||
| แลเห็นทัพแตกตายกระจายไป | ก็ขัดใจขับม้ามาทันที | |||
| ร้องว่าฮ้าเจ้าพลายนายแผนนั้น | มิสำคัญคิดเอาว่าเราหนี | |||
| ด้วยตัวต่อต่อยตาเอาพาชี | มันแล่นลี้ชักฉุดไม่หยุดยั้ง | |||
| เรากลับมากล้าดีมาลองฤทธิ์ | อย่าได้คิดว่าเราจะถอยหลัง | |||
| มาตรแม้นแพ้นายวายชีวัง | จะให้ชื่อลือดังทั้งแผ่นดิน ฯ | |||
| ครานั้นขุนแผนแมนศักดา | ฟังคำเพชรกล้าพูดบ้าบิ่น | |||
| จึงร้องตอบคำไปให้ได้ยิน | ยังเล่นลิ้นลอยหน้ามาท้าทาย | |||
| เราเห็นทำศักดากับทารก | ยังต้องยกธงล่าเข้าป่าหาย | |||
| แพ้ลูกกะจิดริดไม่คิดอาย | จะมาหมายต่อสู้ผู้บิดา | |||
| นี่แท้นายอายลาวพวกบ่าวไพร่ | จึงซ่องแซ่งแข็งใจมาแก้หน้า | |||
| ด้วยจนตรอกบอกไม่ได้แข็งใจมา | ในครั้งนี้ชีวาไม่คงชนม์ ฯ | |||
| ๏ เพชรกล้าตาเขียวให้เกรี้ยวโกรธ | ดังถูกหอกรอกโสตรสักแสนหน | |||
| เดือดดาลไม่ทันอ่านพระเวทย์มนตร์ | ก็ขับม้าผ่าพลเข้าชิงชัย | |||
| ขุนแผนตวาดอำนาจยักษ์ | เพชรกล้าง่าชะงักไม่ไหวได้ | |||
| แล้วยกเงื้อง้าวฟาดฉาดลงไป | ถูกหัวไหล่ลาวล้มลงจมอาน | |||
| ตาหลอว่าคุณพ่อดิฉันเอง | วิ่งถลันฟันเป้งลงด้วยขวาน | |||
| ตารักว่าฉันด้วยช่วยลนลาน | เอาพลองกระทุ้งพุงกรานให้ตกม้า | |||
| นายโห้สามหอกกรอกด้วยทวน | เหล็กม้วนไม่เข้าตรีเพชรกล้า | |||
| ทิ้งทวนเข้าปะทะฉะด้วยพร้า | นายปานขวานฟ้าเอาดาบฟัน | |||
| ราวกับฟาดทองแดงแทงก้อนหิน | หักบิ่นยู่ย่นไปจนกั่น | |||
| แม้กระดูกก็ไม่หักแต่สักอัน | คงกระพันชาตรีดีทั่วกาย | |||
| ตาหลอว่าคุณพ่อพ่อพลายขา | อ้ายเพชรกล้าคนนี้ดีใจหาย | |||
| จะฟันแทงสักเท่าไรก็ไม่ตาย | ยังนอนหายใจอยู่ดูพิกล | |||
| ขุนแผนร้องว่าอย่ามี่ฉาว | เฮ้ยพวกเราเอาหลาวทะลวงก้น | |||
| ถึงมาตรแม้นอยู่ยงมันคงทน | แยงให้จนถึงคอคงมรณา | |||
| ตาหลอกับตารักยืนหยักรั้ง | พวกทะลึ่งตึงตังเข้าแก้ผ้า | |||
| นายโม้กับนายเม้าเอาหลาวมา | ผ่าทวารเข้าปรอดตลอดตัว | |||
| หลายคนช่วยกันดันกระดอก | เอาไม้ตอกกังกังกระทั่งหัว | |||
| หน้าเผือดเลือดแดงดังแทงวัว | ถูกรูรั่วเลือดราดลงดาดดิน ฯ | |||
| ๏ พวกโยธาบรรดาที่เหลือตาย | บ้างหลบลี้หนีหายเข้าป่าสิ้น | |||
| พวกม้าเร็วรีบตะบึงถึงบุรินทร์ | บอกระบิลแสนท้าวเหล่าพระยา | |||
| ว่าสาธุโยธาทั้งห้าทัพ | ตายยับสิ้นแล้วพระเจ้าข้า | |||
| เหล่าพวกที่หลบลี้มิมรณา | ไม่ทราบว่ามาได้สักเท่าไร ฯ | |||
| ๏ พวกผู้ใหญ่ได้ฟังพวกม้าเร็ว | เอาผ้ากราบคาดเอวหาช้าไม่ | |||
| วิ่งมางกงกด้วยตกใจ | ตรงเข้าในท้องพระดรงรจนา | |||
| เห็นจอมนคเรศเกศเชียงอินทร์ | สถิตแท่นมณีนิลข้างฝ่ายหน้า | |||
| อำมาตย์หมอบยอบกรานคลานเข้ามา | วันทาทูลพลันในทันใด | |||
| ว่าเพชรกล้าสอยดาวท้าวกรุงกาฬ | ทหารปราบเมืองแมนทั้งนายไพร่ | |||
| ยกออกไปรบกรับกับพวกไทย | บรรลัยย่อยยับอัปรา | |||
| พวกทหารน้อยใหญ่ทั้งไพร่นาย | ที่เหลือตายหลบลี้หนีเข้าป่า | |||
| ยังแตกซ่านซ่อนเร้นไม่เห็นมา | ไม่ทราบว่ามากน้อยกี่ร้อยคน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นนคเรศ | ได้ฟังเหตุว่าทัพนั้นยับย่น | |||
| ดังพระกาลจะผลาญให้วายชนม์ | พระพักตร์หม่นหมองสลดระทดใจ | |||
| แต่มานะกษัตริย์ตรัสประภาษ | ประกาศสั่งเสนาทั้งน้อยใหญ่ | |||
| ให้เร่งรัดจัดรักษาซึ่งเวียงชัย | ให้ตั้งค่ายรายไปรอบพารา | |||
| ปิดทวารทั้งนั้นให้มั่นคง | ลงเขื่อนไม้แก่นให้แน่นหนา | |||
| ปืนหามแล่นเอาจุกทุกเสนา | คาบศิลาใส่ตับลำดับไว้ | |||
| ที่ขอบค่ายนั้นให้รายปืนจ่ารง | ที่ช่องตรงประตูกลางวางปืนใหญ่ | |||
| เอาปะขาวกวาดวัดทั้งฉัตรชัย | จุกใส่ให้ทุกช่องทวารา | |||
| บนทวารกำแพงข้างด้านใต้ | จงเอาซุงแขวนไไว้ให้หนักหนา | |||
| แม้นข้าศึกฮึกโหมโจมเข้ามา | เอามีดพร้าตัดทับให้ยับไป | |||
| ในกำแพงถากถางหนทางเดิน | แนวถนนบนเชิงเทินให้กว้างใหญ่ | |||
| ที่ตรงหว่างวางปืนกองฟืนไฟ | คั่วกรวดทรายไว้ให้ทุกกอง | |||
| ให้กรมเมืองร้องป่าวชาวประชา | ผู้ดีไพร่ให้เข้ามาทุกบ้านช่อง | |||
| นั่งยามตามไฟเที่ยวสอดมอง | ตีฆ้องตรวจตระเวณกะเกณฑ์กัน | |||
| ผลัดกันลุกปลุกกันนั่งระวังไฟ | ถ้าเกิดขึ้นเรือนใครจะอาสัญ | |||
| เหล่าบ้านนอกกำแพงทุกแห่งนั้น | ให้ผ่อนผันคนมาในธานี | |||
| สระบ่อท่อธารบ้านของใคร | ขุดไขน้ำเข้าให้เต็มที่ | |||
| ข้าวปลานาไร่ของใครมี | ให้ขนมาไว้ที่นี่สิ้นทั้งนั้น | |||
| แต่บรรดาแสนท้าวเหล่าเพี้ยกวาน | คอยระวังการงานให้แข็งขัน | |||
| ถ้าศึกเข้าด้านใดอย่าไว้มัน | เอาไปฟันเสียบเสียให้สาใจ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นแสนท้าวเหล่าพระยา | รับสั่งออกมาหาช้าไม่ | |||
| อื้ออึงเอะอะกะเกณฑ์ไป | ลากปืนใหญ่จุกจ้องช่องประตู | |||
| ให้กรมเมืองร้องป่าวชาวประชา | ทั้งชายหญิงวิ่งมาเป็นหมู่หมู่ | |||
| บ้างตั้งค่ายรายรอบที่ขอบคู | บ้างเกณฑ์คนขึ้นอยู่บนกำแพง | |||
| เอาฟืนใส่ไฟก่อเอาหม้อตั้ง | คั่วกรวดทรายรายระวังไปทุกแห่ง | |||
| ให้มีสารวัตรเที่ยวจัดแจง | ตีฆ้องป๋องแป๋งออกรอบไป | |||
| ชุลมุนวุ่นแาวพวกชาวบ้าน | บ้างอุ้มลูกจูงหลานอยู่ขวักไขว่ | |||
| เชี่ยนขันโตกพานในบ้านใคร | บ้างขุดไว้ฝังดินสิ้นทั้งนั้น | |||
| ลูกแหวนรวงทองของสะอาด | บ้างเย็บไถ้ใส่คาดบั้นเอวมั่น | |||
| บ้างเอาผ้าปะในไว้อีกชั้น | ของสำคัญซ่อนซุกไว้ทุกคน | |||
| ที่แม่ม่ายยายแก่รำมะก้า | เอาห่อผ้าใส่หนีบไว้กลีบก้น | |||
| ให้นึกกลัวพวกไทยจะไล่ค้น | เอาซุกซนลงไว้ใต้พริกเกลือ | |||
| บ้างซ่อนใส่มวยผมผ้าห่มนอน | บ้างซุกไว้ในหมอนซ่อนในเสื่อ | |||
| บ้างเอาชันปะไว้ใต้ท้องเรือ | ไม่ให้เหลือสักนิดเอาติดไป | |||
| ที่รู้ว่าลูกผัวของตัวตาย | ทั้งสาวแส้แม่ม่ายร่ำร้องไห้ | |||
| ออกอัดแอแซ่เสียงทั้งเวียงชัย | ด้วยกวาดกันเข้ามาในกำแพง | |||
| ข้างในวังชุลมุนกันวุ่นวาย | เจ้านายทุกองค์ทรงกันแสง | |||
| ทั้งหม่อมคุณวุ่นว่อนข้อนอกแดง | บ้างฝังแฝงของไว้ใต้ตึกราม ฯ | |||
| ๏ ส่วนพระเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นเชียงใหม่ | พูดเอาใจลูกเต้าเหล่าหม่อมห้าม | |||
| อ้ายศึกนิดพวกเราเบาสงคราม | เข้ารบรุมซุ่มซ่ามจึงเสียที | |||
| เฮ้ยฝีมือของกูสูคอยเบิ่ง | จะลุยไล่ให้เปิงแหกป่าหนี | |||
| กับอ้ายพวกห้าร้อยน้อยเท่านี้ | จะขยี้เสียให้ยับลงกับเท้า | |||
| จะร้องไห้ทำไมให้เป็นลาง | ทัพขุนนางหรือจะสู้กูเป็นเจ้า | |||
| ถ้าขืนจะรุกรานบ้านเมืองเรา | ระดมเอาเสียสักวันก็บรรลัย | |||
| พระตรัสพลางทางเสด็จออกข้างหน้า | ประกาศสั่งเสนาทั้งน้อยใหญ่ | |||
| ให้เร่งรัดจัดเตรียมให้พร้อมไว้ | เอาเชียงใหม่เป็นค่ายได้สำคัญ | |||
| ถ้าแม้นมันบกตะบึงถึงบุรี | อย่าเพ่อออกต่อตีให้ตั้งมั่น | |||
| ข้างเรามีข้าวปลาสารพพัน | พวกมันนั้นจะได้อะไรกิน | |||
| เหล่าบ้านนอกธานีมียุ้งข้าว | เอาไฟเผายุ้งฉางล้างให้สิ้น | |||
| ตัดกำลังพวกไอ้ใจทมิฬ | มันจะบินไปข้างไหนได้เห็นกัน | |||
| พอเสบียงเลี้ยงท้องมันหมดตัว | จึงออกไปจิกหัวเอาดาบหั่น | |||
| อ้ายศึกสักหยิบมือไม่ครือครัน | พวกเราทำเสียไม่ทันจะพริบตา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นเสนีสี่จตุสดมภ์ | ถวายบังคมเห็นชอบกันพร้อมหน้า | |||
| ซึ่งพระองค์ทรงดำริตริตรา | คงสมดังบัญชาทุกประการ | |||
| จะมีชัยอาศัยเพราะเสบียง | ตัดลำเลียงเสียให้หมดอดอาหาร | |||
| ข้าวตากมันจะมีกี่ทะนาน | หมดข้าวสารก็จะสิ้นกำลังลง | |||
| ถึงโดยมันมาล้อมเราอ้อมนอก | อย่าให้ออกไปหาเสบียงส่ง | |||
| ไม่กี่วันจะวิ่งเป็นชิงธง | คอยสกัดปากดงคงได้ตัว | |||
| ไม่พักต้องรบรับขับเคี่ยว | โห่สักเกรียวก็จะบุกเที่ยวซุกหัว | |||
| อ้ายห้าร้อยเป็นเชลยมันเคยกลัว | จับเป็นเอาให้ทั่วทั้งไพร่นาย | |||
| แต่บรรดาเพี้ยกวานท่านผู้ใหญ่ | ปรึกษาเห็นพร้อมใจสิ้นทั้งหลาย | |||
| ออกมานั่งสั่งความตามอุบาย | เอากำแพงเป็นค่ายรายเขื่อนคู ฯ | |||
ตอนที่ ๓๐ ขุนแผนพลายงามจับเจ้าเชียงใหม่
ตอนที่ ๓๐ ขุนแผนพลายงามจับเจ้าเชียงใหม่
| ๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท | เรืองฤทธิ์ราวีไม่มีสู้ | |||
| เห็นทัพลาวแตกพ่ายกระจายพรู | ที่เหลืออยู่พวกไทยไล่ตามฟัน | |||
| พอจวนเย็นเรียกทัพกกลับเข้าค่าย | หุงต้มล้มควายกินจ้าละหวั่น | |||
| พวกทหารพูดจาเฮฮากัน | จนสิ้นแสงสุริยันลงทันใด | |||
| ขุนแผนบอกลูกชายเจ้าพลายกล้า | จะเฉยช้าอยู่ที่นี่หาดีไม่ | |||
| ควรกรูกรีรี้พลพหลไกร | เข้าประชิดติดเชียงใหม่ให้ทันที | |||
| อย่าให้มันหยุดยั้งตั้งตัวได้ | เข้าลุยไล่รีบทำให้ป่นปี้ | |||
| ด้วยเสบียงเลี้ยงไพร่เราไม่มี | ต้องคลุกคลีเสียให้ได้ในสองวัน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม | ฟังความเท็จจริงทุกสิ่งสรรพ์ | |||
| จะเนิ่นช้าอาหารกันดารครัน | ด้วยลาวนั้นที่ไหนจะยกมา | |||
| พอรู้ข่าวก็จะหนาวสะท้านจิต | เป็นจะปิดประตูน้ำค้ำประตูท่า | |||
| ถ้าเราไม่เข้าไปถึงพารา | จะรอให้มันมาเห็นจะลึก | |||
| เอาทัพเราเข้าประชิดติดเวียงชัย | แล้วสะกดเข้าไปเมื่อยามดึก | |||
| ถ้าจับเจ้าเชียงใหม่ได้สมนึก | จะตัดศึกสิ้นลำบากไม่ยากใจ | |||
| พ่อลูกพูดจาปรึกษากัน | พอแสงจันทร์ส่องสว่างกระจ่างไข | |||
| สั่งให้พวกอาสาพากันไป | ตัดไม้ปลูกศาลขึ้นเพียงตา | |||
| วงสายสิญจน์เสกลงเลขยันต์ | เครื่องเซ่นสารพันให้จัดหา | |||
| เป็ดไก่เต่าหมูและสุรา | ทั้งข้าวปลาอาหารทุกสิ่งอัน | |||
| สั่งแล้วขันแผนแสนสนิท | ประชุมฤทธิ์ปลุกตัวขมีขมัน | |||
| ใส่มงคลมนตร์เสกข้าวสารพลัน | เหน็บมีดหมอจรจรัลมาทันที | |||
| จุดเทียนติดศาลอ่านคาถา | เรียกบรรดาโหงพรายโขมดผี | |||
| ทั้งปู้เจ้าเขาเขินเนินคีรี | เชิญมารับบัดพลีพลีการ ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงภูตพรายผีตายโหง | ที่ป่าโปร่งรังรุกข์ทุกสถาน | |||
| ทั้งปู่เจ้าเขาถ้ำทุกลำธาร | ต้องมนตร์อลหม่านไปทั้งดง | |||
| พวกผีไทยไปทัพกับขุนแผน | ต่างเที่ยวแล่นเรียกหาทุกป่าระหง | |||
| ผีลาวครั่นคร้ามขามฤทธิรงค์ | ต่างก็ตรงมาที่พิธีกรรม์ | |||
| แต่ล้วนผีดาษดื่นสักหมื่นแสน | ดูออกแน่นคั่งคึกพิลึกลั่น | |||
| ล้อมศาลรอบรายเป็นหลายชั้น | คนทั้งนั้นนั่งเขม้นไม่เห็นกาย | |||
| แต่ขุนแผนแสนสนิทเรืองฤทธี | เห็นผีสะพรั่งสิ้นทั้งหลาย | |||
| ที่ร้ายกาจผาดแผลงแกล้งอุบาย | เป็นสัตว์ร้ายต่างต่างวางเข้ามา | |||
| ขุนแผนเสกซัดข้าวสารปราย | ผีร้ายหมอบกราดลงดาดป่า | |||
| ซ้ำเป่าอาคมลมจินดา | ให้ฝูงผีมีเมตตาไปทุกตน | |||
| ขุนแผนว่าข้าแต่เทพารักษ์ | อันเรืองฤทธิ์สิทธิศักดิ์ทุกแห่งหน | |||
| ท่านจงยกพยุหบาตรปีศาจพล | ไปประจญอารักษ์หลักเชียงอินทร | |||
| ด้วยว่าเจ้าเชียงใหม่ไม่ครองธรรม | ถึงกรรมเมืองจะแหลกแตกสิ้น | |||
| จงช่วยเรามาอาสาแผ่นดิน | เชิญมากินเครื่องเซ่นอย่าเว้นตัว | |||
| เทพเจ้าเหล่าโขมดมายา | ต้องมนตร์จินดาก็ยิ้มหัว | |||
| ต่างรับอาสาว่าอย่ากลัว | จะช่วยท่านเรียงตัวทั่วทั้งนั้น | |||
| กินเครื่องเซ่นสุราแล้วลาแล่น | ออกเยียดยัดอัดแน่นในไพรสัณฑ์ | |||
| แผลงฤทธิ์บิดร่างต่างต่างกัน | แผ่นดินลั่นดังจะถล่มทลาย | |||
| สนั่นเมืองเปรื่องเปรี้ยงเสียงปีศาจ | ดังพสุธาฟ้าฟาดไม่ขาดสาย | |||
| เหมือนจะล่มเมืองคว่ำให้ทำลาย | เข้ารุมรายล้อมรอบขอบบุรี ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายว่าอารักษ์หลักเชียงใหม่ | พระเสื้อเมืองเรืองชัยแลเจ้าผี | |||
| สถิตศาลน้อยใหญ่ในธานี | ที่ได้รับเครื่องพลีเจ้าเชียงอินทร์ | |||
| เห็นผีไพรไทยมาเป็นสามารถ | ก็เกณฑ์กวาดผีบ้านทุกฐานถิ่น | |||
| ผีป่าช้าอยู่ในใต้แผ่นดิน | เรียกมาสิ้นให้สู้หมู่ผีไทย | |||
| ต่างตนสำแดงฤทธิรุทร | บ้างพุ่งซัดอาวุธอยู่หวั่นไหว | |||
| บ้างฉวยได้ม้าช้างขว้างออกไป | คว้าท่อนไม้เท่าซุงเอาพุ่งโยน | |||
| ถูกผีป่าล้มคว่ำคะมำกลิ้ง | ผีไทยผลุนหนุนวิ่งมาผาดโผน | |||
| เอากอหนาดฟาดไล่ดังไฟโชน | พวกผีป่ากลับกระโจนเข้าโรมรัน ฯ | |||
| ๏ เดิมเชียงอินทร์เป็นปิ่นเอกราช | ชะตาขาดนครอ่อนอาถรรพ์ | |||
| จะเสื่อมสิ้นยศอย่างแต่ปางบรรพ์ | เป็นประจันตประเทศเขตกรุงไทย | |||
| ผีป่าจึงแข็งแรงร้ายกาจ | ผีเมืองมิอาจจะสู้ได้ | |||
| ก็ถอยป่นย่นยับอัปราชัย | ผีป่าเข้าไปไล่ลุยเมือง | |||
| เทพทุกศาลสิงออกวิ่งพล่าน | กำภูฉัตรพระกาฬโดดศาลเปรื่อง | |||
| ไม่หลอเหลือทั้งพระเสื้อเมืองพระทรงเมือง | หอเครื่องเจตคุกบุกหนีไป | |||
| พวกเหล่าผีเล็กผีน้อยพลอยวิ่งว่อน | ทั้งนครเสียงมี่ผีร้องไห้ | |||
| บ้างอุ้มลูกจูงหลานซานเข้าไพร | เพราะผีป่าเข้าได้ในนคร ฯ | |||
| ๏ เวลานั้นเจ้าเชียงใหม่เธอไสยาสน์ | ครั้นทัพผีวิปลาสเกิดสังหรณ์ | |||
| ทั้งตระกูลประยูรญาติราษฎร | พากันนอนใฝ่ฝันออกฟั่นเฟือน | |||
| เห็นเป็นกองทัพไทยไล่ฟันลาว | ขุนนางเจ้าชาวบุรีหนีเข้าเถื่อน | |||
| ตื่นแซ่แก้ฝันกันทุกเรือน | หลากจิตนิมิตเหมือนกันทั้งนั้น | |||
| บ้างก็ว่าเวลาเคาะระฆัง | ได้ยินดังคึกคึกพิลึกลั่น | |||
| เห็นชะรอยภูตผีเราหนีมัน | ต่างวิตกอกสั่นทุกคนไป ฯ | |||
| ๏ พระเจ้าเชียงใหม่ฟื้นตื่นนิทรา | ลุกผวาหวั่นหวาดพระทัยไหว | |||
| ก็ทราบว่าผีบ้านย่านผีไพร | อยู่ไม่ได้หนีออกนอกบุรี | |||
| แสนวิตกอกเมืองจะเคืองเข็ญ | ต้องยากเย็นผู้คนจะป่นปี้ | |||
| นี่เพราะกูทำความไม่งามดี | ไปชักให้ไพรีมีขึ้นมา | |||
| แล้วหวนมานะนึกกลับฮึกเหี้ยม | อายุกูก็เยี่ยมหกสิบห้า | |||
| ถึงจะครองเมืองไปก็ไม่ช้า | ไม่ขายหน้ายอมไทยให้อัปประมาณ | |||
| อันชาติเสือถึงจะตายลายก็อยู่ | ให้ใครดูรู้ชาติว่าอาจหาญ | |||
| ชาติกษัตริย์ถึงจะป่นจนวายปราณ | มิให้พานชื่อชั่วว่ากลัวใคร | |||
| ถึงชีวันบรรลัยจะไว้ยศ | ให้ปรากฏทั่วโลกวิสัย | |||
| เหมือนทศเศียรสุริย์วงศ์ทรงฤทธิไกร | ถูกลักล้วงดวงใจไปให้ราม | |||
| แม้นรักชีวิตรักวงศ์จะส่งนาง | เธอสู้ตายวายวางไม่คิดขาม | |||
| จึงเลื่องชื่อลือยศปรากฏนาม | มีเรื่องความในนิพนธ์จนทุกวัน | |||
| ถ้ากลัวเขาเราจะส่งสร้อยทองให้ | ก็คงไม่เกิดเข็ญเป็นมหันต์ | |||
| สู้บรรลัยไว้ยศเหมือนทศกัณฐ์ | ให้ลือลั่นชั่วหล้าแลฟ้าดิน | |||
| ตริพลางทางเสด็จออกข้างหน้า | ดำรัสสั่งเสนาทั้งปวงสิ้น | |||
| ให้คอยระวังระไวพวกไพริน | เราเอาเวียงเชียงอินทร์เป็นเรือนตาย ฯ | |||
| ๏ อำมาตย์กับโองการคลานออกมา | ต่างเข้มงวดตรวจตราคนทั้งหลาย | |||
| ทุกค่ายคูปิดประตูหอรบราย | กระทะทรายตั้งคั่วทั่วกำแพง | |||
| ทั้งหญิงชายให้มาขึ้นหน้าที่ | มองอัคคีให้สว่างกระจ่างแสง | |||
| ให้เหล่าสารวัตคอยจัดแจง | ทั่วตำแหน่งเกณฑ์ตรวจทุกหมวดกรม ฯ | |||
| ๏ ครานั้นนางอัปสรสุมาลี | มเหสีเชียงอินทร์ปิ่นสนม | |||
| เห็นบ้านเมืองวิปริตผิดนิยม | จะแหลกล่มเสียกระมังในครั้งนี้ | |||
| จำจะไปเพ็ดทูลมูลเหตุ | ให้ทรงเดชวินิจฉัยให้ต้องที่ | |||
| คิดพลางย่างเเยื้องจรลี | ไปเฝ้าเจ้าธานีในทันใด | |||
| ครั้นถึงกราบก้มประนมกร | บังอรซบเศียรสะอื้นไห้ | |||
| แล้วกราบทูลสามีพิรี้พิไร | ขอพระองค์จงได้กรุณา | |||
| เป็นความสัตย์สุจริตไม่คิดหึง | หมายจะพึ่งภูวไนยจนสังขาร์ | |||
| อันซึ่งศึกประชิดติดพารา | ด้วยสาเหตุเนื้อเคราะห์เพราะสร้อยทอง | |||
| จะเอานางไว้ไยในพารา | ให้ไพร่ฟ้าทุกข์ทนหม่นหมอง | |||
| เคืองระคายบาทาฝ่าละออง | ขอพระองค์จงตรองในพระทัย | |||
| พระสนมแน่งนวลควรประคอง | งามกว่าเจ้าสร้อยทองไม่นับได้ | |||
| ไม่ควรจะขุ่นเคืองกับเมืองไทย | ถ้าส่งสร้อยทองให้กับนายทัพ | |||
| ที่คนเขาเขาก็คืนเอาไปได้ | เห็นพวกไทยจะเลิกกองทัพกลับ | |||
| ทั้งวังเวียงเชียงใหม่ไม่ย่อยยับ | เหมือนพระดับความเข็ญเย็นประชา | |||
| ให้หมดสิ้นเสี้ยนหนามได้ความสุข | ตัดยุคเสียอย่างนี้จะดีกว่า | |||
| ขอพระองค์ทรงพระกรุณา | ให้ไพร่ฟ้าแผ่นดินสิ้นทุกข์ภัย ฯ | |||
| ๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์บดินทร์สูร | ฟังทูลก็สะท้อนถอนใจใหญ่ | |||
| นึกสงสารสายสมรอ่อนพระทัย | ประเดี๋ยวใจหวนพิโรธโกรธขึ้นมา | |||
| น้องเอ๋ยพี่ไม่เคยให้ใครหยาม | เจ้าเวียงจันทน์ทำความไว้ข้ามหน้า | |||
| ยังมิหนำซ้ำพวกอยุธยา | หยาบช้ามาประชิดติดนคร | |||
| ถ้าขอนางโดยดีพี่จะให้ | นี่มันไม่ยำเกรงข่มเหงก่อน | |||
| บังอาจลักช้างม้าฆ่าราษฎร | ลือกระฉ่อนออกดังทั้งแดนไตร | |||
| มันเขียนหนังสือว่าท้าประจาน | มิใช่พระในวิหารจะอดได้ | |||
| จึงได้เกิดรบพุ่งกันยุ่งไป | ลาวบรรลัยมากมายเป็นหลายคน | |||
| ซึ่งจะส่งองค์นางไปเดี๋ยวนี้ | เหลือที่จะทำได้ให้ขัดสน | |||
| ไม่ขอส่งคงสู้จนวายชนม์ | เกิดเป็นคนถึงกรรมก็จำตาย ฯ | |||
| ๏ ครานั้นนางอัปสรสุมาลี | ได้ฟังคำสามีก็ใจหาย | |||
| ช่างดึงดันโกรธเกรี้ยวไปเดียวดาย | จะทานทัดมากมายก็ไม่ควร | |||
| เคารพราบกราบลาพระสามี | เทวีเสด็จมาโดยด่วน | |||
| ทอดองค์ลงกับแท่นแสนรัญจวน | ยิ่งปั่นป่วนโศกเศร้าเสียพระทัย | |||
| กรกอดลูกน้อยเจ้าสร้อยฟ้า | นางโศกาสะอึกสะอื้นไห้ | |||
| แม่ไปทูลพระองค์ผู้ทรงชัย | เธอดื้อดึงขึงไปไม่นำพา | |||
| ทั้งนี้เพราะเคราะห์กรรมนำนิยม | จะให้ล่มโลกลาวตลอดหล้า | |||
| ทั้งหญิงชายก็จะฟายแต่น้ำตา | คงยากเย็นเป็นข้าพวกไทยแท้ | |||
| แสนวิตกโอ้อกเจ้าแม่เอ๋ย | จะเป็นเชลยเขาเสียแล้วนะแก้วแม่ | |||
| จึงเผอิญให้กษัตริย์วิบัติแปร | ที่ชั่วแน่กลับเห็นว่าเป็นดี | |||
| ตรัสทางพลางข้อนพระทรวงร่ำ | แสนระกำดังจะม้วยไปเป็นผี | |||
| เจ้าครอกน้อยสร้อยฟ้านารี | ก็โศกีลูกแม่แน่นิ่งไป | |||
| กำนัลนางต่างเอาสุคนธ์สรง | ค่อยชุ่มชื่นฟื้นองค์ขึ้นมาได้ | |||
| แต่โศกแล้วโศกเล่าเฝ้าร่ำไร | ร้องไห้ข้อนอกจนฟกแดง ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท | เรืองฤทธิ์ลือทั่วกลัวแสยง | |||
| พอรุ่งแสงทินกรขึ้นร้อนแรง | ก็จัดแจงกองทัพกำชับการ | |||
| ให้เร่งผูกอัสดรกุญชรชาติ | จะยกยาตราหลพลหาญ | |||
| ล่วงลัดตัดตรงเข้าดงดาน | ประชิดชานเชียงใหม่ในวันนี้ ฯ | |||
| ๏ พวกอาสารับสั่งไม่รั้งรา | ต่างไปผูกช้างม้าอยู่อึงมี่ | |||
| จับอาวุธวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี | ประจำที่พยุหบาตรจะยาตรา | |||
| ให้พระนายท้ายน้ำนั้นนำศึก | ขี่พลายประกายพรึกมาข้างหน้า | |||
| เพี้ยกึงกำกงถัดลงมา | ขี่พลายพลิกพสุธามากลางพล | |||
| ขุนแผนขี่พลายศรีคชเดช | พลายงามขี่พลายเกตุต้อนพหล | |||
| พวกอาสาร่าเริงทุกตัวคน | รีบร้นโยธาคลาไคล | |||
| โห่สั่นลั่นก้องท้องอรัญ | ครึ่งวันก็กระทั่งถึงเชียงใหม่ | |||
| ให้หยุดทัพยับยั้งตั้งพลไว้ | นายไพร่พร้อมพรั่งอยู่คั่งคับ | |||
| เอาอ้อแขมมากระหนาบคาบเอาไว้ | ซัดข้าวสารหว่านไปเป็นค่ายตับ | |||
| ปักรายหลายชั้นกั้นหน้าทัพ | สำหรับปืนใหญ่ในบุรี ฯ | |||
| ๏ ในชานเวียงเสียงสนั่นออกหวั่นไหว | เห็นทัพไทยมาประชิดติดกรุงศรี | |||
| พวกลาวระวังตัวทั่วธานี | เข้าประจำหน้าที่สิ้นทั้งนั้น | |||
| บ้างเคี่ยวชันหลอมตะกั่วคั่วทราย | ตั้งเตารายบนกำแพงไว้แข็งขัน | |||
| กองไฟรอบเมืองเนื่องเนื่องกัน | ส่งแสงแดงฉานทั้งเวียงชัย | |||
| องค์พระเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นนครา | ออกมาสั่งเสนาผู้น้อยใหญ่ | |||
| ให้ระแวดระวังตั้งใจ | ดูอย่าให้ผู้คนปนเข้ามา | |||
| เอาหอกดาบปืนผาอาวุธ | เครื่องยุทธ์เตรียมไว้ให้แน่นหนา | |||
| ชั้นแมวหมูสุนัขนกกา | แม้นเข้าเมืองจับฆ่าให้วายชนม์ | |||
| ให้เสนีสี่นายแยกย้ายไป | ตรวจไพร่โยธาโกลาหล | |||
| รอบจังหวัดอัดแอแต่ล้วนคน | ทุกถนนหนทางสว่างไฟ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท | เรืองฤทธิ์ลือจบพิภพไหว | |||
| กับลูกชายพลายงามทรามวัย | พอดึกได้สามยามตามตำรา | |||
| ฟ้าขาวดาวดวงสะกดแจ่ม | พระจันทร์แรมรีบดับลงลับหล้า | |||
| พ่อลูกจัดแจงแต่งกายา | นุ่งผ้าม่วงดำประจำกาย | |||
| สะเอวคาดราตคดก็สีดำ | คล้องประคำตะกรุดทองทั้งสองสาย | |||
| ใส่เสื้อยันต์ลงองค์นารายณ์ | เข็มขัดขมองพรายคาดกายพัน | |||
| ประจงจับจบประเจียดประจุพระ | โพกศีรษะทะมัดทะแมงดูแข็งขัน | |||
| ทั้งพ่อลูกผัดผงที่ลงยันต์ | แล้วเสกจันทน์เจิมหน้าสง่างาม | |||
| ขึงขังทั้งคู่ดูสง่า | ดังพระยาสีหราชเรืองสนาม | |||
| จบคำนับจับดาบปราบสงคราม | บ่ายหน้ามาตามยามอาทิตย์ | |||
| ตรงเข้าไปในป่าแล้วปลุกตัว | เป่าทั่วด้วยคาถาประกาศิต | |||
| ขยับยืนยกเมฆดูนิมิต | เห็นรูปนารายณ์เรืองฤทธิ์ติดอัมพร | |||
| สี่หัตถ์ทรงศัตราคทาเพชร | พร้อมเสร็จจักรสังข์พระแสงศร | |||
| ลมสองคลองคล่องขวาเวลาจร | ก็ก้าวเท้าขวาก่อนทั้งสองคน | |||
| กุมารทองโหงพรายรายรอบข้าง | พ่อลูกเยื้องย่างมาทางถนน | |||
| ร่ายเวทจังงังกำบังตน | ไม่มีคนทายทักแต่สักคำ | |||
| ปีนข้ามเนินคูประตูค่าย | อ้ายพวกลาวบ่าวนายอยู่คลาคล่ำ | |||
| ล้วนต้องมนตร์ง่วงหงับระงับงำ | ขุนแผนนำหน้าไปใกล้กำแพง | |||
| ยืนมองช่องประตูคนผู้ไขว่ | กองไฟไว้สว่างกระจ่างแสง | |||
| ทหารปืนยืนเป็นพวกใส่หมวกแดง | เสียงฆ้องป๋องแป๋งออกรอบไป | |||
| ขุนแผนกับลูกชายร่ายพระเวท | อันวิเศษสองนายใช้พรายได้ | |||
| แล้วขึ้นคอผีกุมารอันชาญชัย | ผีก็แผลงฤทธิไกรวิสัยตน | |||
| ผาดโผนโจนข้ามกำแพงเมือง | เปรื่องเดียวเข้าได้ไม่ขัดสน | |||
| ขุนแผนเป่าซ้ำกระหน่ำมนตร์ | สะกดคนหลับรอบขอบนคร | |||
| แล้วตรงมาถึงวังเจ้าเชียงใหม่ | ขุนแผนใช้พรายลาวเข้าไปก่อน | |||
| ให้ถอนลิ่มถอดสลักชักกลอน | ทั้งพ่อลูกบทจรเข้าวังใน ฯ | |||
| ๏ ผู้หญิงลาวท้าวนางแลโขลนจ่า | แลมาหาเห็นขุนแผนไม่ | |||
| ทั้งคุณหม่อมจอมเจ้าแลสาวใช้ | จรลีสีไหล่กันไปมา | |||
| ขุนแผนพลายงามตามกันจร | เที่ยวทุกตรอกซอกซอนทั้งซ้ายขวา | |||
| ขึ้นตำหนักเจ้าจอมหม่อมมารดา | จะดูท่าชาววังเป็นอย่างไร | |||
| บ้างซุบซิบสนทนาถึงข้าศึก | บ้างข้อนอกเข้าสะอึกสะอื้นไห้ | |||
| บ้างจับเบี้ยบนผีพิรี้พิไร | บ้างเย็บไถ้คาดแน่นใส่แหวนทอง | |||
| ทุกหนแห่งแสยงสยดทั่ว | ไม่มีหัวมีแต่ไห้ไปทุกห้อง | |||
| พ่อลูกเล็ดลอดเที่ยวสอดมอง | เห็นหม่นหมองเวทนาในอารมณ์ | |||
| แต่พวกเล่นจับคู่ไม่สู้ทุกข์ | ยังสนุกรื่นรวยทำสวยสม | |||
| บ้างไปมาหาคู่ที่เคยชม | เชยแก้มแนมนมกระนี้กระนั้น | |||
| บ้างขึ้นมาหาสู่เหมือนชู้ชาย | แย้มคายลิ้นลมเป็นคมสัน | |||
| บ้างหวงหึงบึงบอนควักค้อนกัน | บ้างแดกดันทุ่งเถียงเสียงอลวน | |||
| ที่ลางนางทอดตัวเกาหัวแกรก | ถ้าเมืองแตกเรานี้คงปี้ป่น | |||
| ลางนางบ้างว่าอย่าร้อนรน | ของยังมีที่ตนไม่จนนาน | |||
| บ้างว่าถ้าตกไปเมืองใต้ | ทำอย่างไรจึงจะดีให้วิถาร | |||
| ที่ลางนางนอกคอกบอกอาการ | อย่าเกียจคร้านโต้ตอบชอบทุกคน | |||
| ที่คนโง่ถามว่าโต้อย่างไรขา | ถ้าผัวด่าด่าโต้หรือยังฉงน | |||
| ใครเขาให้โต้ปากอยากสัปดน | ให้เอาตนโต้ดอกบอกตามการ | |||
| ซึ่งโต้ตอบอย่างนี้ไม่มีครู | ด้วยต่างคู่ต่างวิสัยหลายสถาน | |||
| ถ้าโต้ตอบชอบใจแล้วไม่นาน | ต้องซมซานฝากตัวกลัวจนงอ | |||
| แน่พวกเรานะอย่าเอาที่ผัวไพร่ | เหมือนกับเหยียบขี้ไก่มันไม่ฝ่อ | |||
| ปะนายมุลขุนนางวางให้พอ | เข้าเคลียคลอเคล้าคลึงให้ถึงใจ | |||
| ทั้งนวดฟั้นปรนนิบัติพัดวี | ทำให้ดีขี้คร้านจะหลงใหล | |||
| ยิ่งกว่ายาแฝดฝังยังเข้าใจ | ท่านผู้หญิงทิ้งไล่เสียเลเพ | |||
| บิ่งงกงันฟันหักยิ่งรักสาว | กลัวจะซานลานลาวเจ้าเสน่ห์ | |||
| อุตส่าห์เฝ้าเอาใจใช้อุปเทห์ | แก่ขี้เหร่ดีนักยิ่งรักเมีย | |||
| ระวังแต่อ้ายหนุ่มกระจุ๋มกระจิ๋ม | มันมักชิมแล้วเฉยเลยทิ้งเสีย | |||
| ถ้าไม่ช่วยตัวได้อย่าให้เยีย | ทำปัวเปียเสียพอป่องพร่องราคา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนประเสริฐ | เลื่องชื่อลือเลิศตลอดหล้า | |||
| กับลูกชายหงายแหงนดูดารา | พอเพลาดาวธงเข้าตรงรถ | |||
| ดูอากาศแผ้วผ่องเป็นคลองช้าง | แจ่มกระจ่งเด่นดาวดวงสะกด | |||
| พระจันทรล่อนดับลับบรรพต | กำหนดต้องฤกษ์พาตำราเรียน | |||
| พ่อลูกเสกซัดข้าวสารกราว | พวกแสนลาวล้มเกลือกลงเสือกเศียร | |||
| ที่นั่งขึงแข็งตาน่าวิงเวียน | จนล้มพาดดาษเดียรลำดับกัน | |||
| ที่ลุกขึ้นกึกกักมาตักน้ำ | ต้องอาคมล้มคะมำคว่ำทับขัน | |||
| ลางนางเช็ดไรใส่น้ำมัน | สำลีพันไม้คาหลับตาไป | |||
| ลางนางปักสะดึงตรึงตราขุน | ง่วงงุนหลับตามือคาไหม | |||
| ที่ปั่นฝ้ายกระหลอดลงกอดไน | ที่นั่งยามตามไฟไม่สมประดี | |||
| ขุนแผนสั่งผีโขมดกุมารทอง | จงเข้าไปในห้องปราสาทศรี | |||
| สะกดพระยาลาวเจ้าธานี | มเหสีลูกสาวชาวพนักงาน ฯ | |||
| ๏ ผีคำนับรับคำทำเดชา | พอพริบตาเดี๋ยวหนึ่งถึงราชฐาน | |||
| ขึ้นบนตำหนักพลันมิทันนาน | เข้ากดทับหลับซานไปทุกคน | |||
| ด้วยเทวดารักษากำภูฉัตร | ผีไทยไล่กำจัดเข้าไพรสณฑ์ | |||
| กุมารจึงเข้าไปได้ใกล้ตน | ทบเจ้าภูวดลไว้ตรึงตรา | |||
| องค์พระเจ้าเชียงใหม่ชัยศรี | ครั้นต้องมนตร์ดลผีให้มืดหน้า | |||
| ดังใจปลิดจิตปลิวจากกายา | ลงนิทราแน่นิ่งไม่ติงองค์ ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนกับลูกยาศักดาเดช | ร่ายพระเวทเป่าลมประสมส่ง | |||
| แล้วเยื้องย่างอย่างสองพยัฆค์ยง | ตรงเข้าเรือนทองห้องสุวรรณ | |||
| อเนกแน่นล้วนแสนสุรางค์ราช | ต้องอาคมล้มกลาดเป็นหลั่นหลั่น | |||
| ดูงามถ้วนล้วนเหล่าพระกำนัล | ผิวพรรณพึงชมสมสะคราญ | |||
| ผ้าผวยเทพประนมห่มนอน | ฟูกหมอนเสื่อสาดสะอาดสะอ้าน | |||
| กลิ่นฟุ้งมุ้งแพรแลละลาน | พนักงานต่างต่างทุกอย่างไป | |||
| พ่อลูกจรจรัลเข้าชั้นสอง | ประทีปส่องแสงสว่างกระจ่างไข | |||
| พระสนมล้มหลับระเนนใน | ล้วนวิไลเลิศล้ำดูสำอาง | |||
| ละม่อมเหมาะเพลาะกลอมหอมห่ม | บ้างเปิดนมขาวช่วงอล่างฉ่าง | |||
| ดูสองแก้มแจ่มเจียนผิวมะปราง | ล้วนแต่อย่างสาวใหญ่ไว้ท่วงที | |||
| สนิทนิ่งเหนือหมอนที่นอนนาง | ดูสำอางอ่อนสะอาดลาดกำมะหยี่ | |||
| มุ้งน้อยน้อยห้อยพู่ประตูมี | ล้วนแพรบางต่างสีดูสมทรง | |||
| พ่อลูกจรจรัลเข้าชั้นสาม | ประทีปอัจกลับตามงามระหง | |||
| ทั้งสองย่างยุรยาตรดูอาจอง | เห็นองค์แน่งน้อยสนิทนอน | |||
| ล้วนรุ่นรุ่นรูปเรี่ยมจำเริญลักษณ์ | ผิวพักตร์ผ่องเกลี้ยงเพียงอัปสร | |||
| ห่มแพรสีมีวลัยใส่สวมกร | เอาสร้อยอ่อนทำสายสะอิ้งรัด | |||
| ใส่ตุ้มหูซ้ายขวาระย้าย้อย | เอวบางร่างน้อยนมถนัด | |||
| ดังปทุมตูมเต่งเคร่งครัด | จำปาทัดถันได้ไม่ลอดทรวง | |||
| เจ้าพลายงามเดินหลังตั้งตาเขม้น | เสียดายเป็นที่นั่งรองของหลวง | |||
| เอามือข้อนเข้าที่พุ่มปทุมทรวง | ไม่โรยร่วงกลีบกลัดกำดัดตึง | |||
| ขุนแผนเห็นลูกเข้าไปเคล้าคลอ | เอามือห่อป่ายหลังลงดังผึง | |||
| นี่ของหลวงนะอย่าเข้าไปเคล้าคลึง | ถ้าแม้นนึกลึกซึ้งสิเสียความ | |||
| ไม่ควรนะเจ้าเราเป็นไพร่ | เขาก็ได้เป็นนางระวางห้าม | |||
| ยิ่งจะให้เชี่ยวชาญการสงคราม | มาคุกคามลามลวนอย่าควรทำ | |||
| เจ้าพลายงามบอกความกับบิดา | แวะเข้ามาชมเล่นเห็นขำขำ | |||
| เพียงลักหลับลูกต้องประคองคลำ | ไม่ได้นึกลึกล้ำละเลิงใจ | |||
| เออนะเจ้าเราขอเสียคืนเดียว | ช่วยกันเคี่ยวแข็งข้อเอาให้ได้ | |||
| ถ้าเสร็จศึกแล้วจะนึกเอานางใด | เว้นแต่หม่อมยอมให้ทุกนารี ฯ | |||
| ๏ พ่อลูกไคลคลามาทั้งสอง | ถึงห้องทองที่ประทมเจ้ากรุงศรี | |||
| เสกสะเดาะลิ่มลั่นออกทันที | ตรงขึ้นที่อัฒจันทร์บนชั้นพัก | |||
| เข้าปรางค์ทองชมห้องปราสาทศรี | เธอเทียบที่พระประทมไว้สมศักดิ์ | |||
| มีม่านทองสองไขใส่เชือกชัก | ที่ฝาทำจำหลักเป็นลายลอย | |||
| เพดานเขียนลายทองเป็นถ่องแถว | ระย้าแก้วแพรวพรายสายโซ่ห้อย | |||
| โคมปัดอัจกลับระยับย้อย | แสงสว่างพร่างพร้อยดูพรายตา | |||
| หน้าพระแท่นล้วนแต่แสนสาวสุรางค์ | อนงค์นางอยู่งานขนานหน้า | |||
| ดูรูปเรียบกะทัดรัดจำรัสตา | โสภานิ่มนวลควรจะชม | |||
| ขนงเนตรเกศแก้มจำรัส | ถันก็ถัดกันทั้งคู่ดูงามสม | |||
| มีสุจหนี่นอนหมอนพรม | ล้วนแต่ห่มแพรสีมีขลิบริม | |||
| ทองวลัยใส่แขนแหวนสอดก้อย | ผูกสายสร้อยสิบนิ้วเจ้านุ่มนิ่ม | |||
| ใส่ตุ้มหูเฟื่องห้อยพลอยทับทิม | ดูหน้าตาจิ้มลิ้มดังลูกจันทน์ | |||
| เหล่านางดีดสีที่ข้างแท่น | ละม้ายแม้นเหมือนตุ๊กตาปั้น | |||
| งามระหงทรงศรีฉวีวรรณ | ประดับกายคล้ายกันทุกนารี | |||
| คนระนาดนอนหลับทับคนฆ้อง | นางคนร้องนอนทับกระจับปี่ | |||
| คนโทนทับหลับใหลไม่สมประดี | นางคนสีซอทับคนกรับนอน ฯ | |||
| ๏ พ่อลูกชมย่างย่อง | ขึ้นพระแท่นในห้องข้างซ้ายก่อน | |||
| แหวกวิสูตรสุวรรณอันบวร | เข้าในที่บรรจถรณ์ด้วยทันใด | |||
| เห็นสองนางต่างองค์บรรทมหลับ | อัจกลับจับผิวดูผ่องใส | |||
| งามจริงพริ้งพร้อมละม่อมละไม | เป็นนวลปลั่งดังใยสำลีชี | |||
| เพ่งพินิจพิศทรงพระองค์ใหญ่ | แลวิไลเลิศลักษณ์เป็นศักดิ์ศรี | |||
| ดูผิวพักตร์ก็ยังผ่องละอองดี | แต่ตรงที่พระถันนั้นพร่องทรวง | |||
| เห็นอนงค์จะเป็นองค์ชนนี | นางโฉมยงค์องค์นี้เป็นลูกหลวง | |||
| พึ่งเป็นสาวรุ่นร่างกระจ่างดวง | ดูสองถันนั้นเป็นพวงผกาทิพย์ | |||
| เหมือนโกมุทพึ่งผุดหลังชลา | พอต้องตาเตือนใจให้จะหยิบ | |||
| เจ้าพลายแลเล็งเพ่งไม่พริบ | พ่อกระซิบห้ามปรามก็ขามใจ | |||
| สนิทนิ่งเหนือหมอนดังท่อนแก้ว | พระพักตร์แผ้วมิได้มีรอยฝีไฝ | |||
| งามขนงก่งค้อมละม่อมละไม | แต่เนตรหลับยังวิไลประหลาดนาง | |||
| นาสิกตะละทรงพระแสงขอ | โอษฐ์ลออเรี่ยมริมเหมือนจิ้มฝาง | |||
| สองปรางอย่างผิวผลมะปราง | ดูทรงศอคอคางอย่างกลึงกลม | |||
| งามระหงทรงศรีไม่พีผอม | เพริศพร้อมแต่บาทจนถึงผม | |||
| กระหมวดมุ่นเกศาก็น่าชม | ปักปิ่นทองถมราชาวดี | |||
| กุณฑลสองข้างพร่างแสงเพชร | สังวาลประดับสลับเม็ดพลอยต่างสี | |||
| กำไลกรทองร่อนรูปนาคี | ธำมรงค์เรือนมณีสีพร่างพราย | |||
| ผ้านุ่งถถุงยกกระหนกกรอง | ห่มแพรริ้วทองจำรัสฉาย | |||
| มเหสีทรงยกกระหนกลาย | ห่มแพรเหลืองลายมะลิทอง | |||
| พระเทพีมีบุตรจนเป็นสาว | ยังดูลาวสักสิบหกไม่บกพร่อง | |||
| กทัดรัดผิวเรี่ยมเอี่ยมละออง | ควรประคองไว้ถนอมเป็นจอมนาง ฯ | |||
| ๏ ชมพลางย่างมาพระแท่นใหญ่ | ตรงเข้าไปรวบรูดวิสูตรกร่าง | |||
| แต่ล้วนเครื่องทองคำดูสำอาง | พระแสงวางข้างที่มีหลายองค์ | |||
| แลเห็นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นไอศวรรย์ | สถิตบรรจถรณ์ประเทืองเรืองระหง | |||
| ดูขาวนวลอ้วนกลมสมทรวดทรง | ควรเป็นวงศ์อิศเรศเกศเชียงอินทร์ | |||
| คลุมประทมถมเถือกด้วยทองชุด | เป็นเครือครุฑยุดนาคดูเฉิดฉิน | |||
| ภูษาทรงพื้นแดงแย่งข้าวบิณฑ์ | ดูงามสิ้นสมศักดิ์กษัตรา | |||
| พลายงามก็กรายเข้าซ้ายองค์ | ขุนแผนแสนณรงค์เข้าเบื้องขวา | |||
| หยิบเอาพระแสงวางข้างที่มา | จนสิ้นราชสาตราจะรอนราญ | |||
| แล้วสองนายเข้าประจำทั้งซ้ายขวา | ดังพระยาสีหราชอาจหาญ | |||
| ขุนแผนเป่ามนตร์ประทับขับกุมาร | ผีก็คลานเคลื่อนตนลงพ้นองค์ | |||
| ขุนแผนกระทืบเตียงทองร้องตวาด | ด้วยอำนาจพระยาครุฑสุดเสียงส่ง | |||
| ฝ่ายว่าท้าวเจ้าฟ้ามลาวงศ์ | สะดุ้งองค์ตกประหม่าสง่าครุฑ | |||
| ลืมพระเนตรเห็นไทยอยู่ในที่ | พระอินทรีย์เสียวสันพรั่นที่สุด | |||
| นึกมานะจะประจญรณยุทธ์ | คว้าหาอาวุธไม่พบพาน | |||
| ดังใครเอาตรีเพชรมาเด็ดเศียร | พระทัยเจียนจะแยกแตกฉาน | |||
| ชีวิตกูตกอยู่ในมือมาร | ไม่ช้านานมันคงฆ่าชีวาวาย | |||
| จะออกปากวอนง้อขอชีวิต | ก็ละอายแก่จิตไม่คิดหมาย | |||
| ลุกขึ้นนั่งนิ่งไม่ติงกาย | มาดหมายว่าไม่มีชีวาคง ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท | เห็นเจ้าเชียงอินทร์สิ้นคิดตะลึงหลง | |||
| หากมานะนั่งนิ่งไม่ติงองค์ | ขุนแผนส่งสุรเสียงประเปรี้ยงมา | |||
| ฮ้าเฮ้ยพระยาปัจจามิตร | ตัวเป็นคนพาลผิดริษยา | |||
| องค์พระจอมมงกุฎอยุธยา | มิได้มาย่ำยีเมืองเชียงอินทร์ | |||
| เจ้าฟ้าสัตนาคนหุต | ถวายบุตรกรุงไทยดังใจถวิล | |||
| ตัวกระทำจัญไรใจทมิฬ | ออกชิงไว้ให้สิ้นเสียไมตรี | |||
| ทั้งพวกไทยที่มารับก็จับจำ | เฆี่ยนขับยับระยำจนป่นปี้ | |||
| แล้วมีสารไปท้าถึงธานี | ให้กรูกรีรี้พลมาชนช้าง | |||
| ไม่เจียมตัวเป็นประจันตประเทศ | ช่างโอหังบังเหตุเสียสิ้นอย่าง | |||
| จึงตรัสใช้เราทหารแต่ปานกลาง | ให้มาล้างชีวันให้บรรลัย | |||
| อย่านั่งก้มหน้านิ่งไม่ติงกาย | จะยอมตายหรือจะคิดกลับจิตใหม่ | |||
| แผ่นดินลาวนี้จะเห็นเป็นของใคร | จะว่าไรว่ามาอย่านิ่งนาน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นเจ้าเชียงใหม่ครั้นได้ฟัง | อุระดังเพลิงไหม้ประลัยผลาญ | |||
| สุดฤทธิ์ที่จะคิดประจัญบาน | ด้วยทหารกรุงไทยอยู่ใกล้ตน | |||
| จะต่อตีก็ไม่มีอาวุธสู้ | เป็นสุดรู้สุดฤทธิ์ติดขัดสน | |||
| จะผุดลุกหนีไปก็ไม่พ้น | ให้อัดอ้นจนจิตคิดเสียใจ | |||
| กลัวตายคลายมานะละทิฐิ | ดำริแล้วดำรัสตรัสปราศรัย | |||
| นี่แน่ะท่านสองทหารอันชาญชัย | ข้อยก็ได้พลั้งจิตผิดเสียแล้ว | |||
| ถ้าท่านไว้ชีวิตคิดเมตตา | จะเป็นข้าพระทูลกระหม่อมแก้ว | |||
| สร้อยทองข้อยบ่ได้ไปวี่แวว | มิได้แผ้วพานพ้องประเพณี | |||
| จะอ่อนน้อมยอมถวายเจ้านายแล้ว | ทั้งลูกแก้วเมียมิ่งมเหสี | |||
| ทั้งเวียงชัยไพร่ฟ้าข้าบุรี | ถวายไว้ใต้ธุลีพระบาทา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนกับพลายงาม | ได้ฟังความเจ้าเชียงอินทร์สิ้นกังขา | |||
| เห็นเต็มหวั่นครั่นคร้ามความมรณา | ก็รู้ว่ายอมตัวกลัวเป็นแท้ | |||
| จึงตอบว่าวาจาของเจ้าตรัส | ยังจะสัตย์สุจริตสนิทแน่ | |||
| หรือเห็นเข้าที่คับจึงรับแท้ | แล้วจะเบือนเชือนแชดอกกระมัง ฯ | |||
| ๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังจึงตอบถ้อย | อันคำข้อยเว้าแล้วบ่ถอยหลัง | |||
| ทุกสิ่งสิ้นสารพัดเป็นสัจจัง | ชาติกษัตริย์ตรัสดังว่าช้างงา | |||
| ถ้าขืนคดหดเหี้ยนเหมือนเศียรเต่า | ขอให้เราสิ้นชีวังสังขาร์ | |||
| แล้วทนทุกข์ท่วมหัวชั่วกัลปา | ในมหาโลกันต์แต่วันตาย | |||
| จะเชื่อคำข้าเฝ้าเหล่าลูกเมีย | ยุให้เสียสุจริตอย่าคิดหมาย | |||
| จะถือสัตย์ให้ตลอดจนวอดวาย | ขอให้ท่านสองนายจงวางใจ ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนฟังท้าวเจ้าเชียงอินทร์ | ให้ความสัตย์สมถวิลสิ้นสงสัย | |||
| ทั้งสองนายคลายขู่ลงทันใด | เข้านั่งใกล้แล้วกล่าววาจาพลัน | |||
| ถ้าเที่ยงตรงคงสัตย์ปฏิญญาณ | ซึ่งโทษท่านนั้นไว้ให้หม่อมฉัน | |||
| จะเบี่ยงบ่ายทูลองค์พระทรงธรรม์ | มิให้ท่านอันตรายวายชีวิต | |||
| แล้วพ่อลูกก็ถวายพระแสงคืน | จงชูชื่นเถิดอย่าช้ำระกำจิต | |||
| จะทูลลาพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ | คืนไปที่สถิตกองทัพไทย ฯ | |||
| ๏ เจ้าเชียงอินทร์คำนับรับพระแสง | พระพักตร์แดงมัวหมองค่อยผ่องใส | |||
| ถ้าแม้นท่านเมตตาเหมือนว่าไว้ | ก็จะรอดบรรลัยด้วยสองนาย | |||
| ขอมอบชีวิตไว้ที่ในท่าน | ช่วยโปรดปรานเพ็ดทูลขยับขยาย | |||
| ให้พระองค์ทรงโปรดโทษเคลื่อนคลาย | จะเป็นตายก็เพราะท่านกรุณา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม | กับลูกชายพลายงามงามสง่า | |||
| ได้ฟังเจ้าธานีมีเมตตา | จึงตอบว่าอย่าแหนงแคลงพระทัย | |||
| ที่ทูลรับกับท่านนั้นทุกสิ่ง | เป็นคำจริงหามีมุสาไม่ | |||
| แม้นพระองค์คงสัตย์เหมือนตรัสไว้ | คงมิให้ตัวท่านอันตราย | |||
| ทั้งสองคนพ่อลูกขอสมา | แล้วลุกลาจรจรัลผันผาย | |||
| ลงจากปรางค์ย่างเยื้องชำเลืองกาย | กระซิบสั่งโหงพรายกุมารทอง | |||
| เอ็งจงดูอยู่ปรางค์อย่าห่างไกล | ประจำเจ้าเชียงใหม่อยู่ในห้อง | |||
| สะกดตามทุกรอยคอยสอดมอง | เธอจะตรองอย่างไรก็ให้รู้ | |||
| ลูกเมียมาตะบอยอ้อยอิ่ง | เธอตรงไว้ไม่ประวิงให้นิ่งอยู่ | |||
| ถ้าเชื่อเมียเสียสัตย์เป็นศัตรู | เอ็งรีบออกไปบอกกูอย่านอนใจ | |||
| สั่งพลางทางแก้สะกดคน | ล่องหนออกทางช่องลูกดาลไข | |||
| ขุนแผนพลายงามตามกันไป | ถึงกองทัพไทยมิได้ช้า ฯ | |||
| ๏ เดินยิ้มเข้าในค่ายไปนั่งลง | พระท้ายน้ำกำกงพวกอาสา | |||
| ทั้งพวกไพร่ทั้งหลายเห็นนายมา | ต่างวันทาไต่ถามความณรงค์ | |||
| ขุนแผนเล่าแจ้งแถลงความ | ที่ไปกับพลายงามตามประสงค์ | |||
| ลอบสะกดเข้าได้จนใกล้องค์ | แล้วปลุกขึ้นจะปลงชีวิตท้าว | |||
| เธอตกใจจวนตัวกลัวความตาย | ยอมถวายสร้อยทองกับลูกสาว | |||
| ทั้งเสนาข้าแผ่นดินสิ้นเมืองลาว | ทั้งไพร่เจ้าเมียมิ่งแลศฤงคาร | |||
| ตัวเธอก็ถ่อมยอมเป็นข้า | ขอขึ้นอยุธยามหาสถาน | |||
| ขอแต่อย่าให้ตายวายปรารณ | ได้ให้สัตย์ปฏิญญาณไว้แน่นอน ฯ | |||
| ๏ พวกนายไพร่ได้ฟังขุนแผนว่า | ทั้งไทยลาวราวจะพากันบินร่อน | |||
| เสร็จศึกเชียงอินทร์สิ้นทุกข์ร้อน | จะร้องละครไปบ้านสำราญใจ | |||
| ทั้งนายไพร่พูดจ้อหัวร่อร่า | จนเวลาจวบจวนประจุสมัย | |||
| ขุนแผนกับพลายงามผู้ทรามวัย | ก็เข้าในที่สถิตแล้วนิทรา ฯ | |||
| ๏ ครั้นอุทัยไขประเทองเรืองรุ่งราง | ส่องสว่างทั่วทศทิศา | |||
| ฝ่ายพระจอมเชียงอินทร์ปิ่นนครา | เสด็จมาที่สถิตพระเทพี | |||
| ลดองค์ลงนั่งบัลลังก์รัตน์ | แล้วดำรัสบอกมิ่งมเหสี | |||
| พี่นอนหลับใหลในราตรี | ไพรีเข้ามาได้จนใกล้กาย | |||
| ครั้นสะดุ้งจิตฟื้นตื่นผวา | คว้าหาอาวุธก็สูญหาย | |||
| จะแล่นหนีปัจจามิตรก็คิดอาย | จึงถวายกรุงลาวกับชาวไทย | |||
| ทั้งองค์นางสร้อยทองของสำคัญ | พระสนมกำนัลน้อยใหญ่ | |||
| ทั้งเจ้าข้อยสร้อยฟ้าข้าเวียงชัย | ถวายไว้ใต้เบื้องบทมาลย์ | |||
| พี่ยอมน้อมคำนับรับความผิด | ขอแต่ชีวิตอย่าสังหาร | |||
| จะถวายสุวรรณบรรณาการ | ได้ให้สัตย์ปฏิญญาณทุกสิ่งไป | |||
| ก็ขอบใจไพรีที่เข้ามา | เราสัญญาเขาก็กลับไปทัพใหญ่ | |||
| ดวงจิตเจ้าอย่าคิดเสียน้ำใจ | เพราะมีกรรมทำไว้แต่ก่อนมา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นนางอัปสรมารศรี | ได้สดับคดีที่ผัวว่า | |||
| ดังพระกาฬจะผลาญให้มรณา | ก็โศกาข้อนทรวงเข้าร่ำไร | |||
| เจ้าประคุณทูลกระหม่อมของเมียแก้ว | ได้ทูลแล้วหาฟังคำเมียไม่ | |||
| เพราะรู้แน่แท้เที่ยงจะเกิดภัย | แต่แรกไทยยกมาถึงธานี | |||
| สะกดคุกลักคนปล้นช้างม้า | เข่นฆ่าผู้คนเสียป่นปี้ | |||
| เพียงคนสามสิบห้ามาเท่านี้ | แม้นไม่ดีหรือจะหาญมาราญรอน | |||
| เสนาห้านายไปรบมัน | ก็แตกตายก่ายทับเป็นไม้ขอน | |||
| ทั้งทัพผีก็หนีเข้าซอกซอน | แต่ภูธรดื้อดึงตะบึงไป | |||
| แม้นพระองค์ทรงฤทธิ์คิดปรองดอง | ส่งสร้อยทองคืนเสียไปเกลี่ยไกล่ | |||
| กองทัพก็จะกลับไปกรุงไทย | เชียงใหม่จะดำรงคงเจริญ | |||
| แต่นี้ไปไหนจะพ้นความฉิบหาย | ถึงไม่ตายก็จะตกระหกระเหิน | |||
| ฝูงประชาก็จะซ้ำระยับระเยิน | ต้องเป็นทุกข์ฉุกเฉินทั้งไพร่นาย | |||
| เหมือนปางหลังเมื่อครั้งนางสีดา | เกิดมาล้างลงกาให้ฉิบหาย | |||
| ทศพักตร์รักหลงให้วงศ์วาย | ต้องฆ่าฟันกันตายลงก่ายกอง | |||
| นางมณโฑทูลทัดท้าวขัดเคือง | จึงบรรลัยไพร่เมืองได้หม่นหมอง | |||
| เหมือนครั้งนี้พระองค์หลงสร้อยทอง | จึงได้พาพวกพ้องต้องบรรลัย | |||
| นางสร้อยทองก็ทำนองนางสีดา | เกิดมาล้างผลาญเมืองเชียงใหม่ | |||
| ครั้นเมียห้ามก็ว่าหึงจึงจนใจ | ร่ำพลางสะอื้นไห้ไม่สมประดี ฯ | |||
| ๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังนางอัปสร | ให้เร่าร้อนฤทัยดังไฟจี้ | |||
| จึงดำรัสตรัสตอบพระเทพี | จะขืนเฝ้าเซ้าซี้ไปทำไม | |||
| ใช่พะวงหลงรักนางสร้อยทอง | เพราะเคืองข้องเวียงจันทน์นั้นข้อใหญ่ | |||
| ไม่เกรงขามข้ามหน้าไปหาไทย | เราจึงชิงนางไว้ในพารา | |||
| ถ้าแม้นพี่สมัครรักจริง | ไหนจะนิ่งเสียไม่ร่วมเสนหา | |||
| เป็นกึ่งปีพี่มิได้จะไปมา | นิจจาเจ้าเฝ้าว่าให้ช้ำใจ | |||
| รู้ว่าธานีจะมีทัพ | รบรับหมายจะสู้ศัตรูได้ | |||
| เหมือนเขาเล่นการพนันกันอึงไป | จะใคร่ดีมีชัยจึงเล่นกัน | |||
| ไม่สมมาตรคาดผิดก็แพ้เขา | จะขืนเฝ้าเสียดแทงมาแกล้งกลั่น | |||
| ไหนไหนก็ได้พลั้งยั้งไม่ทัน | จะโศกศัลย์เสียเปล่าไม่เข้าการ | |||
| ถ้าร้องร่ำน้ำตาเป็นโลหิต | ความผิดก็ไม่คลายหายร้าวฉาน | |||
| จะถึงเข็ญมันก็เป็นไปตามกาล | ถึงที่ตายวายปราณก็คงตาย ฯ | |||
| ๏ ตรัสเสร็จเสด็จออกข้างฝ่ายหน้า | พร้อมเหล่าท้าวพระยาสิ้นทั้งหลาย | |||
| จึงตรัสเล่าอนุสนธิ์ต้นปลาย | ซึ่งถวายเมืองขึ้นกับกรุงไทย | |||
| สูไปบอกนายไพร่ให้มันรู้ | ให้รื้อค่ายเปิดประตูเมืองเชียงใหม่ | |||
| ปืนล้อลากกลับเข้าโรงใน | แล้วเลิกไล่คนออกเสียนอกวัง | |||
| ท้องสนามปราบปรามให้ราบเรียบ | ปลูกทำเนียบขึ้นให้ดียี่สิบหลัง | |||
| ทำหอกลางขวางรีมีฝาบัง | ไม้ไผ่ตั้งเรียงรำทำรั้วราย | |||
| สนามเล่นต่างต่างวิ่งช้างม้า | เป็นข้างหน้าข้างในให้เฉิดฉาย | |||
| เอาผ้าขาวดาดเเพดานผูกม่านราย | แล้วไปเชิญสองนายกับไพร่มา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพระยาจันทรังสี | ได้สดับรับคดีใส่เกศา | |||
| ถอยหลังลนลานคลานออกมา | สั่งเสนาหลายนายแยกย้ายไป | |||
| บ้างเกก็บงำปืนผาเลิกหน้าที่ | เปิดประตูบูรีอยู่ขวักไขว่ | |||
| ปล่อยประชาชนชาวนอกให้ออกไป | ข้างในทำทำเนียบเทียบที่ทาง | |||
| ปลูกเรือนขวางรียี่สิบหลัง | ระเนียดบังล้อมไว้ให้ใหญ่กว้าง | |||
| ทั้งปลูกโรงน้อยใหญ่ไว้ม้าช้าง | ถากถางที่ปราบราบรื่นไป | |||
| แล้วบัญชาสั่งเสียพวกเพี้ยกวาน | ให้ไปเชิญสองท่านเม่ทัพใหญ่ | |||
| เข้ามาอยู่ที่เทียบทำเนียบใน | ทั้งนายไพร่ไทยลาวชาวเวียงจันทน์ ฯ | |||
| ๏ ท้าวหนูผู้เฒ่าเหล่าเพี้ยกวาน | จัดเอาคานหามมาขมีขมัน | |||
| ถึงกองทัพไทยเข้าไปพลัน | อภิวันท์อัญเชิญทั้งสองนาย | |||
| ว่าพระจอมเชียงอินทร์ปิ่นไอศวรรย์ | ให้มาเชิญสองทั่นนั้นผันผาย | |||
| กับทหารลาวไทยทั้งไพร่นาย | เข้าไปพักให้สบายในบุรี ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท | เรืองฤทธิ์แรงราวราชสีห์ | |||
| เห็นเพี้ยกวานคลานมาอัญชลี | เชิญเข้าไปอยู่ที่ทำเนียบใน | |||
| ชวนเจ้าพลายท้ายน้ำกำกึงกง | กับอาสาจตุรงค์ทั้งนายไพร่ | |||
| แล้วขุนแผนนำหน้าคลาไคล | ขึ้นนั่งในคานหามมาสามนาย | |||
| กำกงขี้ม้ามาข้างหลัง | สะพรั่งพร้อมโยธามาทั้งหลาย | |||
| ครั้นถึงที่ทำเนียบเขาเรียบราย | ทั้งนายไพร่ก็เข้าพักสำนักใน | |||
| ออกสะพรั่งนั่นอนสลอนหลาม | อยู่กันตามตำแหน่งผู้น้อยใหญ่ | |||
| วิเสทแต่งเครื่องเทียบเพียบไป | เลี้ยงกองทัพไทยทุกเพลา ฯ | |||
ตอนที่ ๓๑ ขุนแผนพลายงามยกทัพกลับ
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม | พระท้ายน้ำพลายงามนั่งปรึกษา | |||
| บัดนี้มีชัยได้พารา | จำจะแจ้งกิจจาไปกรุงไกร | |||
| ให้พระองค์ทรงทราบข่าวคดี | ว่าเราตีเอาเมืองเชียงใหม่ได้ | |||
| ทั้งตัวเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นราชัย | จะโปรดปรานประการใดให้รู้ความ | |||
| จึงพร้อมใจให้เขียนเป็นสารา | ประทับตราหนุมานชาญสนาม | |||
| กับสำเนาเข้าผนึกบันทึกความ | ห่อสามชั้นใส่ในกลักพลัน | |||
| ปากกระบอกพอกคลั่งประจำตรา | สั่งนายปานขวานฟ้านายคงมั่น | |||
| เอ็งไปเลือกม้าดีที่สำคัญ | พากันรีบไปในพรุ่งนี้ | |||
| ไปทางลัดตัดตรงลงระแหง | พ้นกำแพงหมายมุ่งเอากรุงศรี | |||
| เสร็จการกลับมาอย่าช้าที | ให้ถึงนี่ปลายเดือนอย่าเคลื่อนคลา ฯ | |||
| ๏ สองนายคำนับรับกระบอก | ออกมารีบรัดจัดห่อผ้า | |||
| ได้ข้าวตากรอกไถ้ไปผูกม้า | เลือกหาถูกทำนองที่ว่องไว | |||
| ได้ม้าเผ่นผจญด้นธรณี | ต่างขึ้นขี่ควบร่อยแล้วปล่อยใหญ่ | |||
| ลัดป่าผ่าดงตรงไป | พอได้สิบวันครึ่งถึงอยุธยา | |||
| ตรงมาศาลาลูกขุนใน | เรียนเจ้าคุณผู้ใหญ่อยู่พร้อมหน้า | |||
| บัดนี้ท่านขุนแผนแสนศักดา | ให้กระผมถือตรามากราบเท้า | |||
| บอกขานการไปรณรงค์ | ให้กราบทูลพระองค์ทรงทราบข่าว | |||
| ว่าบัดนี้มีชัยได้เมืองลาว | จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมประการใด ฯ | |||
| ๏ ครานั้นท่านเจ้าคุณอธิบดี | ทราบว่าตีได้เวียงเชียงใหม่ | |||
| สั่งนายเวรทันทีด้วยดีใจ | คัดบอกไวไวมาให้เรา | |||
| นุ่งสมปักปูมแดงแย่งนาคราช | หยิบผ้ากรายมาคาดบั้นเอวเข้า | |||
| จวนเสด็จออกข้างหน้าเวลาเช้า | ก็รีบไปคอยเฝ้าพระทรงธรรม์ ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ | สถิตที่ข้างในมไหศวรรย์ | |||
| พอเวลาสายสีรวีวรรณ | จรจรัลออกพระโรงพรรณราย | |||
| ประทับเหนือพระที่นั่งบัลลังก์รัตน์ | ภายใต้เศวตฉัตรจำรัสฉาย | |||
| เหล่าอำมาตย์หมื่นหมอบนอบน้อมกาย | กราบถวายบังคมอยู่พร้อมกัน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นเจ้าคุณอธิบดี | กราบทูลทันทีขมีขมัน | |||
| ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์ | ชีวันอยู่ใต้พระบาทา | |||
| บัดนี้ขุนแผนแสนสงคราม | กับนายพลายงามซึ่งอาสา | |||
| บอกมากราบทูลพระกรุณา | เสมียนตราคลี่บอกออกอ่านพลัน ฯ | |||
| ๏ ในบอกว่าขุนแผนแสนสงคราม | กับนายพลายงามคนขยัน | |||
| อาสาบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ | คุมพหลพลขันธ์ไปชิงชัย | |||
| ได้เร่งรัดจตุรงค์ทวยหาญ | ยกขึ้นไปถึงชานเมืองเชียงใหม่ | |||
| ให้หยุดทัพยับยั้งตั้งซุ่มไว้ | แล้วปลอมตัวเข้าไปในพารา | |||
| เวลาค่ำลอบเข้าในคุกใหญ่ | แก้ไขไทยมาได้ถ้วนหน้า | |||
| ช่วยกันฆ่าคนปล้นช้างม้า | แล้วกลับมาที่ตั้งยั้งโยธี | |||
| ครั้นรุ่งเช้าลาวยกมาห้าทัพ | ไพร่พลคนคับทั้งไพรศรี | |||
| ข้าพเจ้าขับพลเข้าราวี | ต่อตีรุมรบตะลุมบอน | |||
| ฆ่านายตายลงในที่รบ | ไพร่ก็หลบหนีหายกระจายว่อน | |||
| ทั้งห้าทัพกลับถอยเข้านคร | ปิดประตูลงกลอนไว้ทุกชั้น | |||
| แล้วรักษาหน้าที่ใบเสมา | ตรวจตราเข้มงวดกวดขัน | |||
| กองไฟไว้สว่างเหมือนกลางวัน | คอยป้องกันตั้งรับกองทัพไทย | |||
| ในคืนนั้นข้าพเจ้ากับพลายงาม | ลอบตามขึ้นปราสาทเจ้าเชียงใหม่ | |||
| พบกำลังนอนหลับจับตัวไว้ | แล้วปลุกขึ้นตกใจอยู่ลนลาน | |||
| กลัวตายขอถวายองค์สร้อยทอง | กับพวกพ้องประยูรญาติราชฐาน | |||
| ทั้งธิดาเมียมิ่งแลศฤงคาร | ไว้ใต้เบื้องบทมาลย์พระทรงฤทธิ์ | |||
| ส่วนตัวนั้นก็ถ่อมยอมเป็นข้า | ถวายราชบรรณาจนดับจิต | |||
| ขอแต่อย่าให้ตายวายชีวิต | ให้ความสัตย์สุจริตทุกสิ่งอัน | |||
| เห็นรับเป็นสัจจังพอฟังได้ | จึงงดไว้ไม่ฆ่าให้อาสัญ | |||
| ข้าพเจ้าตรึกตราปรึกษากัน | ให้นายปานกับนายมั่นถือบอกมา | |||
| ให้ความทราบบาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์ | ถ้าพลั้งผิดได้โปรดเหนือเกศา | |||
| ยับยั้งฟังพระราชบัญชา | จะทรงพระกรุณาประการใด ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช | ทราบเหตุว่าตีเชียงใหม่ได้ | |||
| ราวกับจอมสุทัศน์สหัสนัยน์ | มาเชิญให้ไปผ่านพิมานอินทร์ | |||
| พระพักตร์ผุดผ่องพรรณรังสี | เปรมปรีดิ์ชื่นชมสมถวิล | |||
| เออกระนี้สิหนอพอได้ยิน | เหมือนปลิดปลดหมดสิ้นที่ขุ่นแค้น | |||
| กูเป็นไข้ใจมานี่กว่าปี | วันนี้หายป่วยด้วยขุนแผน | |||
| ที่มันทำความชอบจะตอบแทน | ทั้งพ่อลูกให้แม้นเสมอกัน | |||
| เจ้าพระยาจักรีจงมีตรา | ให้หากองทัพกลับเขตขัณฑ์ | |||
| ส่วนอ้ายเฒ่าเจ้าเมืองเชียงใหม่นั้น | ว่าโทษมันถึงอุกฤษฎ์เพราะคิดร้าย | |||
| ต้องตามกำหนดบทอัยการ | ควรประหารชีวิตให้ฉิบหาย | |||
| พวกเสนาข้าเฝ้าเข้ากับนาย | ก็ล้วนโทษถึงตายไม่เว้นตัว | |||
| ส่วนบุตรภรรยาข้าทาส | ต้องตกเป็นคนระบาตรด้วยโทษผัว | |||
| ริบทั้งช้างม้าแลควายวัว | ครอบครัวเงินทองของที่มี | |||
| ทั้งบรรดาหญิงชายชาวนคร | ต้องกวาดต้อนเป็นเชลยมาตามที่ | |||
| ข้อที่มันอ่อนน้อมยอมภักดี | กูปรานียกให้ชีวิตไว้ | |||
| แต่กวาดตัวเอาครัวมาให้หมด | ให้ปรากฏแก่ประเทศทั้งน้อยใหญ่ | |||
| จะได้เป็นเยี่ยงอย่างข้างหน้าไป | มิให้ใครทุจริตผิดเหมือนมัน | |||
| อนึ่งนางสร้อยทองผ่องโสภา | ซึ่งมันกล้าชิงไปเชียงใหม่นั่น | |||
| กับสร้อยฟ้าธิดาของมันนั้น | ให้ส่งกันมาอย่างเป็นนางใน | |||
| ด้วยว่าราชบุตรีศรีสัตนา | เป็นต้นเหตุรบรากับเชียงใหม่ | |||
| จึงจะเป็นเกียรติยศปรากฏไป | ว่ามีชัยได้นางนั้นคืนมา | |||
| จงจัดเรือประเทียบให้เรียบร้อย | ขึ้นไปคอยรับนางให้ถึงท่า | |||
| เรือรับอ้ายขุนแผนแสนศักดา | ก็เอาเรือกัญญาไปสองลำ | |||
| ทั้งพ่อลูกความดีมีหนักหนา | ให้มันขี่เรือกัญญามาให้ขำ | |||
| ให้ลือเลื่องเฟื่องฟุ้งทุกคุ้งน้ำ | ว่าไปทำเชียงใหม่ได้บ้านเมือง | |||
| อันครอบครัวกับตัวอ้ายเชียงใหม่ | เอามันใส่เรือตามให้หลามเนื่อง | |||
| มันอยากทำวุ่นให้ขุ่นเคือง | ให้ชาวเมืองดูเล่นเป็นขวัญตา ฯ | |||
| ๏ ท่านเจ้าคุณมหาดไทยชัยชาญ | รับพระราชโองการใส่เกศา | |||
| ออกจากพระโรงชัยไปศาลา | ให้ร่างเรื่องสารตราเข้าฉับพลัน | |||
| ขึ้นกระดาษเสร็จสรรพประทับตรา | ใส่กลักปิดฝาสนิทมั่น | |||
| สองนายรับตรากราบลาพลัน | พากันรีบออกกนอกกรุงไกร | |||
| ขับม้าลัดไปในไพรสัณฑ์ | สิบวันเร่งตะบึงถึงเชียงใหม่ | |||
| ลงจากม้าหมอบกรานคลานเข้าไป | ส่งกลักตราให้ขุนแผนพลัน ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนคำนับแล้วรับสาร | ต่อยกลักออกอ่านขมีขมัน | |||
| ทราบเรื่องสารตราสารพัน | ก็บอกกันถ้วนหน้าบรรดาไทย | |||
| แล้วสั่งลูกชายเจ้าพลายงาม | เจ้าเข้าไปแจ้งความเจ้าเชียงใหม่ | |||
| ว่าบัดนี้พระองค์ผู้ทรงชัย | ให้กวาดครัวลงไปอยุธยา | |||
| เก็บทั้งสมบัติพัสถาน | ประทานแต่ชีวิตไม่เข่นฆ่า | |||
| ให้บอกกล่าวกันทั่วตัวประชา | เราจะรั้งรอท่าสิบห้าวัน ฯ | |||
| ๏ พลายงามรับคำแล้วอำลา | พวกอาสาตามหลังไปเป็นหลั่น | |||
| เข้าไปในท้องพระโรงพลัน | อภิวันท์ทูลท้าวเจ้าเชียงอินทร์ | |||
| ว่ามีตรามาแต่พระราชฐาน | ให้กวาดกว้านครัวไปให้เสร็จสิ้น | |||
| ด้วยความผิดคิดร้ายในแผ่นดิน | ทั้งภูมินทร์เมียมิ่งศฤงคาร | |||
| ให้เสนารักษาเมืองเชียงใหม่ | คุมพระองค์ลงไปราชฐาน | |||
| ให้ต้องตามจารีตโบราณกาล | พระราชทานแต่ชีวันไม่บรรลัย ฯ | |||
| ๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นนคเรศ | ทราบเหตุว่าจะกวาดไปกรุงใต้ | |||
| แสนวิตกอกร้อนดังนอนไฟ | พระพักตร์ไหม้หมองหมดสลดพลัน | |||
| กล่าวสุนทรวอนว่ากับพลายงาม | ก็รู้ความอยู่ว่าโทษเป็นมหันต์ | |||
| ครั้งนี้ที่จะปลอดรอดชีวัน | ก็เพราะทั่นแม่ทัพทั้งสองนาย | |||
| เจ้าพลายตอบว่าอย่าเศร้าจิต | ด้วยโทษท่านนั้นอุกฤษฎ์ผิดมากหลาย | |||
| จำเป็นจำยากลำบากกาย | จะช่วยทูลเบี่ยงบ่ายให้คืนเมือง ฯ | |||
| ๏ สาธุข้อยก็หวังทั้งสองนาย | รอดตายก็เพราะท่านช่วยปลดเปลื้อง | |||
| แม้นได้คืนเชียงอินทร์สิ้นความเคือง | จะมอบกายถวายเครื่องบรรณาการ | |||
| เจ้าพลายงามรับคำแล้วอำลา | กลับมาที่อยู่หมู่ทหาร | |||
| เจ้าเชียงใหม่สั่งเสียพวกเพี้ยกวาน | ให้ร้องป่าวชาวบ้านทั้งบุรี | |||
| สั่งเสร็จก็เสด็จเยื้องย่าง | กลับเข้าในปรางค์ปราสาทศรี | |||
| พระทัยแสนโศกศัลย์พันทวี | มาถึงที่แท่นทองห้องไสยา | |||
| ลดองค์ลงนั่งบัลลังก์รัตน์ | ตรัสบอกนางอัปสนเสนหา | |||
| ว่าพระจอมมงกุฎอยุธยา | มีท้องตรามาถึงท่านแม่ทัพ | |||
| ให้กวาดครัวกับตัวเราลงไป | คงตกอยู่กรุงไทยมิได้กลับ | |||
| ทั้งผู้คนใหญ่น้อยจะพลอยยับ | ต้องล้มตายก่ายทับไปรวดทาง | |||
| โอ้ว่ากองกรรมมานำจิต | ให้กระทำทุจริตไปผิดอย่าง | |||
| อยู่หลัดหลัดจะมาพลัดไปจากปรางค์ | ตรัสพลางโศกศัลย์รำพันครวญ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นนางอัปสรสุมาลัย | ได้ฟังร่ำไห้พิไรหวน | |||
| แสนสนมกำนัลก็รัญจจวน | สุดกำสรวลแสนกำสรดสลดใจ | |||
| โอ้อกจะตกไปกรุงล่าง | จะย่อยยับอับปางเป็นไฉน | |||
| ต้องตกทุกข์ขุกเข็ญเป็นบ่าวไทย | จะบรรลัยแหลกล่มถมดินดาน | |||
| ลูกเต้าจะกำจัดพลัดพ่อแม่ | ปู่เฒ่าย่าแก่จะพลัดหลาน | |||
| องค์กษัตริย์กำจัดจากศฤงคาร | สาวสนมก็จะพล่านไปพลัดวัง | |||
| คุณจอมหม่อมยายข้างฝ่ายใน | เสียงร้องไห้เซ็งแซ่ดังแตรสังข์ | |||
| ลงกลิ้งเกลือกเสือกดิ้นสิ้นกำลัง | เหมือนนางรังต้องล้มระเนนไป ฯ | |||
| ๏ ครานั้นเจ้าเชียงใหม่ใจอนาถ | ตรัสประภาษแก่สนมทั้งน้อยใหญ่ | |||
| จะกลั้นกลืนโศกเศร้าให้เบาใจ | มิบรรลัยคงได้มาพาราเรา | |||
| ถ้าตัวกูตายอยู่ในเมืองใต้ | เอ็งจึงจะต้องไปเป็นข้าเขา | |||
| เดชะบุญโทษทัณฑ์ถ้าบรรเทา | พวกสูเจ้าคงไม่ตกอยู่เมืองไทย | |||
| นี่กองกรรมเราทำไว้ด้วยกัน | มาตามทันเราทั้งผองอย่าร้องไห้ | |||
| จงสู้กรรมไปก่อนอย่าร้อนใจ | ถึงร้องไปก็ไม่พ้นเวทนา ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายฝูงประชาชาติราษฎร | ก็ทุกข์ร้อนข้อนอกไปทั่วหน้า | |||
| ดังจะตีตนตายฟายน้ำตา | ต่างจัดหาของข้าวจะเอาไป | |||
| บ้างเลื่อยกลักจักระบอกกรอกปลาร้า | ทั้งน้ำปลาปลาแดกเอาแทรกใส่ | |||
| พริกกะเกลือเนื้อกวางเอาย่างไว้ | บ้างเย็บไถ้ใส่ข้าวตากจัดหมากพลู | |||
| ครกกระบากสากจ่าปลาร้าปลาแห้ง | หม้อข้าวหม้อแกงกระทะหู | |||
| เที่ยววิ่งลนค้นหาน้ำตาพรู | บ้างแลดูหน้าเมียเสียน้ำใจ | |||
| บ้างข้อนอกอึกอึกนึกถึงชู้ | บ้างแต่งขันหมากรากพลูอยู่ใหม่ใหม่ | |||
| กำลังมัวหวานมันไม่ทันไร | เข้าในห้องร้องไห้ทั้งผัวเมีย | |||
| ลางคนปลูกหอเพิ่งขอสู่ | พวกผู้ใหญ่ให้อยู่ด้วยกันเสีย | |||
| ที่ผัวตายเป็นม่ายมีแต่เมีย | ลงทอดตัวงัวเงียร้องไห้งอ | |||
| ที่นักเลงขับร้องก็ตรองเตรียม | เคี่ยมเคี้ยเพลี้ยแคนทั้งปี่อ้อ | |||
| โทนทับกระจับปี่สีซอ | เตรียมไปขอทานเขาเอามากิน | |||
| บ้างมีทองของแห้งเครื่องแต่งตน | เอาซุกซนซ่อนไว้ในผ้าซิ่น | |||
| ทั้งแหวนเล็กแหวนน้อยหัวพลอยนิล | บ้างถอดปิ่นที่ปักหักห่อไป | |||
| ที่ของหยาบหยาบเหลือหาบคอน | เอาซุกซ่อนไว้ในโพรงต้นไม่ใหญ่ | |||
| บ้างฝังแฝงปลอมผีที่วัดไว้ | บ้างซุกใส่สระบ่อแลท่อน้ำ | |||
| บ้างพ่อแม่แก่เกินเดินไม่รอด | บ้างตาบอดเสียขาอะร้าอะร่ำ | |||
| ที่ป่วยเจ็บไข้จับระยับยำ | จะปลุกปล้ำกันไปไม่ไหวแท้ | |||
| บ้างตาปู่อยู่บ้านลูกหลานไป | เสียงร้องไห้รักกันสนั่นแซ่ | |||
| ทั้งลูกเล็กเด็กกระจอมมอแม | บ้างท้องแก่ไปไม่รอดลงทอดตัว | |||
| บ้างออกลูกมาสักครู่เพิ่งอยู่ไฟ | พ่อก็ไปทัพตายเป็นม่ายผัว | |||
| จะอยู่ก็ไม่ได้ไปก็กลัว | แต่ตีอกชกหัวไปทั่วเมือง ฯ | |||
| ๏ ครั้นจะใกล้เลิกทัพเขาขับต้อน | เที่ยวหาบคอนเกลื่อนกล่นถนนเนื่อง | |||
| พวกนางในให้เทวษทวีเคือง | ต่างจัดเครื่องเงินทองข้าวของตน | |||
| องค์พระเจ้าเชียงอินทร์ปิ่นราชัย | รับสั่งให้ผูกช้างมาเกลื่อนกล่น | |||
| ให้นางห้ามขึ้นนั่งหลังละคน | ข้าวของกองล้นบนสัปคับ | |||
| ตุณท้าวชาววังสั่งโขลนจ่า | ให้ขึ้นหน้าประจำอยู่กำกับ | |||
| พวกสนมกรมวังก็คั่งคับ | เทียบไว้เป็นอันดับออกดาดดิน | |||
| ช้างทรงสร้อยทองกับสร้อยฟ้า | กระโจมทองสองหน้าดูเฉิดฉิน | |||
| ดาดพื้นสีแดงแย่งทรงข้าวบิณฑ์ | มีม่านทองป้องสิ้นกำบังองค์ | |||
| ช้างที่นั่งเจ้าเชียงใหม่มเหสี | แต่ล้วนขี่กูบทองก่องก่ง | |||
| หมอควาญคนขยันมั่นคง | เทียบประทับเกยทรงตรงชลา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผแสนสนิท | เรืองฤทธิ์เเชี่ยวชาญหาญกล้า | |||
| กับพลายงามลูกรักอันศักดา | ต่างขึ้นคอช้างงาสง่างาม | |||
| พระท้ายน้ำกำกงธงอาสา | ก็ขึ้นขี่ช้างงามาทั้งสาม | |||
| เหล่าพวกทหารชาญสงคราม | ขี่ช้างม้ามาตามออกหลามทาง | |||
| ขุนแผนสั่งกำชับกับพวกไทย | จัดกันให้แยกกองเดินสองข้าง | |||
| พวกครัวเดินรายมาสายกลาง | ให้กองช้างเดินก่อนผ่อนกันมา | |||
| ให้บรรดาพวกลาวชาวเวียงจันทน์ | ช่วยป้องกันเดินรายทั้งซ้ายขวา | |||
| คอยกำกับทัพลาวชาวพารา | ให้อาสาต้อนหลังระวังครัว | |||
| ช้างเถื่อนมากว่าต่ออย่าอ้อแอ้ | ดูแลไปทั้งมวลให้ถ้วนทั่ว | |||
| อ้ายพวกไหนสู้รบหรือหลบตัว | ออกสกัดตัดหัวอย่าไว้มัน ฯ | |||
| ๏ ครั้นได้ฤกษ์ให้เลิกโยธาทัพ | คั่งคับพสุธาโกลาลั่น | |||
| พวกทหารขานโห่ขึ้นพร้อมกัน | ยิงปืนครื้นครั่นสนั่นไป | |||
| องค์พระเจ้าเชียงใหม่มเหสี | กับสนมนารีทั้งน้อยใหญ่ | |||
| ขึ้นช้างพร้อมกันด้วยทันใด | สั่งให้ท้าวหนูอยู่เฝ้าวัง | |||
| ออกช้างทางประตูบูรพทิศ | เจ้าเชียงอินทร์ผินพิศมาเบื้องหลัง | |||
| แลเห็นปรางค์มาศราชวัง | พระเนตรหลั่งชลนัยน์อาลัยลา | |||
| โอ้เสียดายปราสาทราชฐาน | ได้อยู่มาช้านานแต่ปู่ย่า | |||
| คงย่อยยับเยือกเย็นเป็นป่าช้า | จะรกร้างโรยราลงทุกวัน | |||
| พระปรัศว์ทัดเทียมเทวสถาน | ปรางค์มาศดังวิมานเมืองสวรรค์ | |||
| โอ้แต่นี้ลี้ลับไปฉับพลัน | สารพันจะผุพังเป็นรังแร้ง | |||
| แสนเสียดายมิ่งไม้ในสวนขวา | ทั้งสระแก้วปทุมาจะเหือดแห้ง | |||
| ท้องพระโรงก็จะร้างเป็นกลางแปลง | ที่นั่งโถงโรงแสงจะทรุดโทรม | |||
| นิจจาเอ๋ยเคยออกที่นั่งเย็น | จะรกเป็นแฝกพงดงผักโหม | |||
| เรือนสนมทุกตำหนักจะหักโทรม | ทั้งเสาโคมสี่คันจะอันตราย | |||
| โอ้เสียดายโรงรถคชสาร | ทั้งโรงพาชีชาญจะฉิบหาย | |||
| ป้อมกำแพงก็จะล่มถล่มทลาย | กระจัดกระจายทั่วสิ้นทั้งถิ่นเมือง | |||
| เสียดายเอ๋ยเคยเล่นสนามจันทน์ | นับวันก็จะลุ่มเป็นคลองเหมือง | |||
| ที่ท่าวังจะเป็นหาดน้ำขาดเคือง | ดินหล้าฟ้าจะเหลืองทั้งเมืองลาว ฯ | |||
| ๏ มเหสีโฉมยงองค์อัปสร | ก็อาวรณ์วิตกอกร้อนผ่าว | |||
| ดังกริชกรดแกระทรวงให้ร่วงร้าว | อารมณ์ราวจะวินาศลงขาดรอน | |||
| โอ้ตัวกูอยู่มาในเชียงใหม่ | เคยแต่ได้เสพสุขสโมสร | |||
| ชั้นแต่มีที่ไปในนคร | ก็ทรงวออรชรให้ชูใจ | |||
| พวกชะแม่แลหลามมาตามหลัง | ทั้งสนมกรมวังล้อมไสว | |||
| โอ้อกจะตกไปกรุงไทย | จะเดินปนชนไหล่กับไพร่เลว | |||
| ชั้นข้าหลวงก็จะล่วงมาบังคับ | จะยากยับเจ็บอกเหมือนตกเหว | |||
| จนผ้าดีจะไม่มีอยู่พันเอว | อกจะแยกแหลกเหลวทุกวันไป | |||
| โอ้อยู่เมืองเครื่องเสวยเคยประณีต | ตามจารีตมเหสีที่เชียงใหม่ | |||
| ต้องพลัดพรากจากเมืองไปเคืองใจ | คงอดอยากยากไร้ไปตามกัน | |||
| ร่ำพลางนางข้อนกายสยายเกศ | ชลเนตรไหลลงทรงโศกศัลย์ | |||
| ทั้งเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล | ต่างครวญคร่ำรำพันในทางจร ฯ | |||
| ๏ ครั้นยกออกนอกเวียงเมืองเชียงใหม่ | พวกไทยกองทัพก็ขับต้อน | |||
| พวกลาวครัวกลัวราบบ้างหาบคอน | อุ้มลูกอ่อนจูงลูกแก่ออกแซ่ทาง | |||
| บ้างแก่เฒ่าง่อยเปลี้ยบางเสียขา | เอาเปลหามกันมาอยู่ยุ่งย่าง | |||
| ที่ลางพวกผู้ดีไม่มีช้าง | เอาวัวควายใส่ต่างบรรทุกไป | |||
| ตารักตามาทั้งตาสาย | ถือหวายต้อนมาไม่ปราศรัย | |||
| ใครบิดเบือนเชือนลัดพลัดออกไป | เอาหวายไล่ลุกล้มวิ่งซมซาน | |||
| ตารักร้องว่าเอาอ้ายเฒ่าถี | อีพวกนี้ชาวตลาดมันจาดจ้าน | |||
| กูกับอ้ายหลอไปขอทาน | มันเอาคานไล่เฆี่ยนหลังเจียนพัง | |||
| กูจำหน้ามันไว้ได้สิ้นเสร็จ | คราวนี้จะแก้เผ็ดมันเสียมั่ง | |||
| กูจะเฆี่ยนให้ร้องก้องดงรัง | เอาแต่เขากับหนังไปให้นาย | |||
| ถึงเวลาอัสดงก็ปลงทัพ | ดูสะพรั่งคั่งคับคนทั้งหลาย | |||
| ประทับทอดม้าช้างต่างวัวควาย | ออกเรียงรายแน่นไปในไพรวัน | |||
| ที่ประทับสร้อยทองกับสร้อยฟ้า | ทำพลับพลาฝารอบเป็นขอบกั้น | |||
| มีเพดานม่านทองไว้ป้องกัน | ที่ชั้นนอกคนนั่งระวังยาม | |||
| เหล่าพวกครัวหน้านิ่วทั้งหิวอ่อน | บ้างปลดหาบปลงคอนลงนอนหลาม | |||
| ธรรมเถียรนายกองร้องสั่งความ | ให้ชักหนามวงป้องกองไฟแดง | |||
| อ้ายพวกไทยทรหดอดมานาน | พอพลบค่ำก็เที่ยวควานไปทุกแห่ง | |||
| เห็นสาวนอนเข้าเสียดเบียดตะแคง | บ้างเข้าแฝงกูบอานคลานเข้าไป | |||
| คลำถูกเหี่ยวที่อกก็ยกมือ | ปะที่ตึงดึงดื้อเข้าคว้าใส่ | |||
| อีลาวตื่นคลำดูรู้ว่าไทย | ทำหลับเฉยเลยไปเสียก็มี | |||
| ปะลางทีที่มันไม่เล่นก้วย | พอเข้าฉวยมันก็ร้องออกก้องมี่ | |||
| ที่นอนใกล้ตกใจไม่สมประดี | สำคัญว่าเสือหมีเข้ากัดลาว | |||
| ธรรมเถียรนายกองร้องห้ามไป | อึงอะไรนั่นหวาออกฉ่าฉาว | |||
| อย่าตกใจมิใช่เสือหางยาว | มันเป็นเสือสองเท้าหางนิดเดียว | |||
| อ้ายเสือเลยกระดากมาจากที่ | พอกองนี้เงียบไปได้ประเดี๋ยว | |||
| ยังไม่ทันหลับตากองหน้าเกรียว | อ้ายตัวอื่นไปเกี้ยวเที่ยวรางควาน | |||
| ครั้นอรุณรุ่งรางสว่างฟ้า | หุงข้าวเผาปลากินอลหม่าน | |||
| ครั้นอิ่มหนำสำเร็จเสร็จการ | ยกเอาคานใส่บ่าพากันไป | |||
| ทั้งพวกวัวควายต่างแลช้างม้า | เดินตามกันมาออกไสว | |||
| พวกรั้งทัพขับต้อนค่อนเคี่ยวไป | เสียงแต่ลาวร้องไห้ในดงดอน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท | เรืองฤทธิ์ราวราชไกรสร | |||
| ขี่คชเดชานำหน้าจร | รีบร้อนเร่งไปไม่รั้งรา | |||
| ค่ำนอนรุ่งเดินดำเนินพล | ผู้คนติดตามมาหลามป่า | |||
| สิบสี่วันครึ่งตะบึงมา | กระทั่งถึงพาราพิจิตรพลัน | |||
| ก็หยุดหย่อนผ่อนพักพลโยธา | ทอดช้างวางม้าเป็นจ้าละหวั่น | |||
| พวกครัวคั่งคับนับร้อยพัน | อยู่ที่หลังวัดจันทน์ออกแน่นไป | |||
| สั่งให้ทำที่ประทับพลับพลา | ให้สร้อยทองสร้อยฟ้าอยู่อาศัย | |||
| ทั้งที่อยู่พระยาลาวเจ้าเวียงชัย | ส่วนพ่อลูกอาศัยศาลารี ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงพระพิจิตรบุษบา | แต่ทราบความตามตราพระราชสีห์ | |||
| ว่าขุนแผนมีชัยได้ธานี | ก็ยินดีคอยรับจะกลับมา | |||
| เรือประเทียบขึ้นไปได้หลายวัน | ให้จอดเคียงเรียงกันไว้หน้าท่า | |||
| พวกฝีพายจ่ายเสบียงเลี้ยงข้าวปลา | ให้พักอยู่ศาลาข้างหน้าววัด | |||
| ที่วัดจันทน์นั้นก็ให้ไปแผ้วทาง | ปราบที่ทางกว้างใหญ่ไว้ถนัด | |||
| แฝกไม้ข้าวปลาสารพัด | เตรียมจัดไว้วางทุกอย่างมี | |||
| วันนั้นพวกทนายไปสืบถาม | ทราบความแล้วรีบมาเร็วรี่ | |||
| ว่ากองทัพกลับมาถึงธานี | ก็ยินดีชวนกันจะครรไล | |||
| ทั้งผัวเมียรีบรัดผลัดผ้า | แล้วสั่งเหล่าบ่าวข้าหาช้าไม่ | |||
| ไปบอกขานกรรมการมาไวไว | จะออกไปต้อนรับกองทัพมา | |||
| ครั้นปลัดยกกระบัตรมหาดไทย | กรรมการผู้ใหญ่มาพร้อมหน้า | |||
| พระพิจิตรกับนางบุษบา | ก็ลงจากเคหาพากันไป ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม | กับพลายงามอยู่หน้าศาลาใหญ่ | |||
| เห็นพระพิจิตรบุษบามาแต่ไกล | ต่างดีใจไปรับด้วยฉับพลัน | |||
| เชื้อเชิญขึ้นนั่งยังศาลา | พ่อลูกวันทาทั้งสองทั่น | |||
| ว่าแรกถึงชุลมุนยังวุ่นครัน | หมายมั่นว่าจะเข้าไปกราบเท้า | |||
| แต่ครอบครัวผู้คนนั้นล้นหลาย | ทั้งหญิงชายเด็กผู้ใหญ่ไพร่เจ้า | |||
| แต่พอเผลอสักหน่อยคอยเกรียวกราว | ด้วยเป็นลาวระบาตรต้องกวาดมา | |||
| ยังสร้อยฟ้าสร้อยทองสองนงเยาว์ | ข้าพเจ้าต้องพิทักษ์รักษา | |||
| ไม่มีใครไว้วางต่างหูตา | จึงคิดว่าจะเข้าไปในพรุ่งนี้ | |||
| คุณพ่อแม่เมตตาการุญ | เจ้าประคุณอุตส่าห์มาถึงนี่ | |||
| ยังเป็นสุขทุกทิวาราตรี | ทั้งศรีมาลาอยู่ดีหรือฉันใด ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบา | ยิ้มแย้มตอบมาหาช้าไม่ | |||
| อันพ่อแม่แลธิดายาใจ | ไม่เจ็บไข้เป็นสุขทุกเวลา | |||
| นึกเป็นห่วงบ่วงใยอยู่เย็นเช้า | คอยเอาใจช่วยเจ้าอยู่หนักหนา | |||
| พอรู้ว่าทีชัยได้พารา | ก็ตั้งใจคอยท่าทุกคืนวัน | |||
| ครอบครัวมากมายเป็นก่ายกอง | แต่สองคนดูไหวที่ไหนนั่น | |||
| กรรมการเมืองนี้มีครบครัน | จะให้มาช่วยกันมิเป็นไร | |||
| ว่าพลางทางเรียกหลวงปลัด | ยกกระบัตรกรมการผู้น้อยใหญ่ | |||
| เข้ามาพร้อมกันในทันใด | แล้วออกไปแถลงแจ้งกิจจา | |||
| ท่านเอ๋ยราชการพานหนักแน่น | ขุนแผนคุมลาวมาหนักหนา | |||
| ถ้าเกิดเหตุอย่างไรในพารา | เราจะพากันผิดคิดให้ดี | |||
| ท่านปลัดจัดแจงแบ่งพวกเรา | ให้ช่วยเขารักษาทุกหน้าที่ | |||
| ด้วยว่าเป็นราชการงานธานี | อย่าให้มีเหตุการณ์รำคาญใจ ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนพระพิจิตรกรมการ | ปรึกษากันปันด้านหาช้าไม่ | |||
| ขุนพลนั้นรับรองกองทัพไทย | ทั้งให้ดูลาวชาวล้านช้าง | |||
| มหาดไทยให้รับเลี้ยงช้างม้า | โคกระทิงมหิงสาสัตว์ต่างต่าง | |||
| ขุนเมืองคุมครัวดูรั้วทาง | ให้จัดวางจุกช่องแลกองไฟ | |||
| ขุนวางตั้งประจำที่พลับพลา | ทั้งที่บุตรภรรยาเจ้าเชียงใหม่ | |||
| ขุนคลังนั้นให้นั่งระวังระไว | สิ่งของน้อยใหญ่แลเงินทอง | |||
| ขุนนาหน้าที่เป็นกองกลาง | ประจำฉางจ่ายข้าวแลสิ่งของ | |||
| การต้างต่างวางคนไว้สำรอง | ทุกหมวดกองสรรพเสร็จสำเร็จพลัน | |||
| หลวงปลัดยกกระบัตรออกตรวจตรา | และกะเกณฑ์นานามาเลือกสรร | |||
| จะส่งทัพกับครัวไปพร้อมกัน | อีกสามวันจะล่องลงกรุงไกร | |||
| ครั้นวางการเป็นระเบียบเรียบร้อย | ตะวันชายบ่ายคล้อยพระสุริย์ใส | |||
| พระพินิจบุษบาก็คลาไคล | กลับไปเคหาไม่ช้าที ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงศรีมาลายาใจ | แต่เจ้าพลายจากไปให้หมองศรี | |||
| ค่ำเช้าเฝ้าคะนึงถึงสามี | อยู่แต่ที่ในห้องนองน้ำตา | |||
| ถึงยามกินอาลัยฤทัยถอน | ถึงยามนอนใฝ่ฝันประหวั่นหา | |||
| ไม่แย้มสรวลพูดเล่นเจรจา | เวียนแต่นอนซ่อนหน้ามาเกือบเดือน | |||
| พ่อแม่แลเห็นผิดสังเกต | ไม่แจ้งเหตุถามลูกก็เลื่อนเปื้อน | |||
| อีเม้ยรับร้อนใจเข้าในเรือน | กระซิบเตือนนายว่าอย่าโศกนัก | |||
| เจ้าคุณคุณหญิงจะกริ่งใจ | มิใช่นายเจ็บไข้อะไรหนัก | |||
| ต้องแต่งตัวให้ผ่องละอองพักตร์ | ทายทักพูดเล่นเจรจา | |||
| ให้เขาเห็นเหมือนแต่ก่อนร่อนชะไร | ระงับโศกซ่อนไว้แต่ในหน้า | |||
| ถึงจะต้องทนไปก็ไม่ช้า | หม่อมคงมาสมถวิลสิ้นทุกข์ร้อน | |||
| ศรีมาลาฟังว่าก็เห็นด้วย | สู้ทำฝืนชื่นชวนยเหมือนแต่ก่อน | |||
| พอกลับเข้าห้องในให้อาวรณ์ | ถึงยามนอนถอนสะอื้นทุกคืนวัน | |||
| คิดถึงผัวให้วิตกอกสะทึก | ไปสู้ศึกจะอย่างไรไฉนนั่น | |||
| เฝ้าบนบวงเทพไทให้ป้องกัน | นับวันคอยเจ้าพลายมาหลายเดือน | |||
| พอได้ข่าวกองทัพกลับมาถึง | ประหนึ่งได้ดวงมณีไม่มีเหมือน | |||
| เรียกอีเม้ยเข้าไปที่ในเรือน | เอ็งอย่าเชือนหาช่องย่องออกไป | |||
| ถ้าหม่อมพลายถามไถ่จะใคร่รู้ | จงบอกว่าตัวกูนี้เป็นไข้ | |||
| และฟังดูจะพูดจาว่ากระไร | เอ็งอย่าให้ใครพะวงสงกา | |||
| อีเม้ยยิ้มแต้แม่อย่ากลัว | ไม่ได้ตัวหม่อมพลายละนายด่า | |||
| ขอผลัดพรุ่งนี้มิให้ช้า | แล้วพูดกันไปมาจนสายัณห์ ฯ | |||
| ๏ ครั้นรุ่งแจ้งสุริยาภานุมาศ | ผุดผาดแผ้วกระจ่างสว่างสวรรค์ | |||
| ขุนแผนกับลูกยาปรึกษากัน | ให้จัดสรรสิ่งของที่ต้องการ | |||
| จะไปให้พระพิจิตรบุษบา | ทั้งนวลนางศรีมาลายอดสงสาร | |||
| แล้วเรียกเหล่าบ่าวพวกบริวาร | ให้ขนพานมาบ้านท่านผู้รั้ง | |||
| ครั้นถึงจึงขึ้นบนเคหา | เห็นพระพิจิตรบุษบาอยู่หอนั่ง | |||
| เจ้าพลายแลหาละล้าละลัง | ใจหวังอยู่แต่ที่ศรีมาลา | |||
| พวกบ่าวขนของมากองเรียง | เต็มระเบียงหอขวางที่ข้างหน้า | |||
| พ่อลูกนั่งพลันแล้ววันทา | บอกว่าได้ของมามั่งเล็กน้อย | |||
| โอลาวเสื่ออ่อนแลหมอนขวาน | โตกพานเช่นเชียงใหม่เขาใช้สอย | |||
| กระบุงหมากขันน้ำมีจอกลอย | ทั้งใบเมี่ยงน้ำอ้อยจัดเอามา | |||
| กราบเท้าเจ้าประคุณคุณพ่อแม่ | พอเป็นแต่ของฝากมาจากป่า | |||
| แหวนทับทิมวงนี้มีราคา | มาให้เจ้าศรีมาลายาใจ ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพระพิจิตรบุษบา | ว่าพ่อเอ๋ยอุตส่าห์เอามาให้ | |||
| มิเสียแรงรักชอบน่าขอบใจ | ช่างกระไรแผ่เผื่อเหลือจะดี | |||
| แล้วร้องเรียกเฮ้ยอีเม้ยหวา | ไปบอกเจ้าศรีมาลาออกมานี่ | |||
| ว่าขุนแผนกลับมาถึงธานี | ทั้งหม่อมพี่พลายงามก็ตามมา | |||
| เขามีใจได้ของเอามาฝาก | อย่ากระดากให้อ่อนออกมาหา | |||
| อีเม้ยยิ้มละไมแล้วไคลคลา | ไปบอกนางศรีมาลาที่ห้องใน ฯ | |||
| ๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลา | ได้ยินเสียงพูดจาก็จำได้ | |||
| หม่อมามแล้วซิมิใช่ใคร | แทบจะวิ่งออกไปด้วยความรัก | |||
| แต่คิดคิดก็วิตกอกผู้หญิง | ด้วยเรื่องจริงนั้นผู้ใหญ่ไม่ประจักษ์ | |||
| ฉวยหม่อมพลายเผลอพล้ำระล่ำระลัก | ทำบุ้ยใบ้ทายทักจะเสียการ | |||
| ต้องอดใจไว้พบเพลาอื่น | กลางคืนเห็นจะมาหาถึงบ้าน | |||
| บอกอีเม้ยไปพลันมิทันนาน | เอ็งคิดอ่านบอกป่วยช่วยกูที | |||
| แล้วลุกมาแอบมองที่ช่องฝา | และมาก็เห็นหม่อมพลายพี่ | |||
| ดูอ้วนท้วนผึ่งผายสบายดี | แต่ราศีถูกแดดแผดดจนคล้าม | |||
| ช่างนั่งบังหลังบิดานัยน์ตาจ้อง | เฝ้าแต่มองฝาเรือนเหมือนจะถาม | |||
| นางเปรมปริ่มยิ้มมองเจ้าพลายงาม | เฝ้าชะแง้แลตามไม่วางตา ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายว่าตัวดีอีสาวเม้ย | ทำหน้าเฉยเดินออกนอกเคหา | |||
| มาบอกความพระพิจิตรบิดา | วันนี้นายศรีมาลาเธอตัวร้อน | |||
| ปวดศีรษะตุบตุบแต่กลางคืน | พอนอนตื่นก็ละเหี่ยให้เพลียอ่อน | |||
| มึนเมื่อยเป็นกำลังเห็นยังนอน | วอนสั่งให้กราบเท้าทั้งสองรา ฯ | |||
| ๏ ครานั้นจึงท่านพระพิจิตร | สำคัญคิดเข้าใจไม่กังขา | |||
| ว่าลูกสาวอายใจไม่ออกมา | เพราะได้หมั้นการวิวาห์กับพลายงาม | |||
| จึงผินหน้ามายิ้มกับขุนแผน | มันเหลือแสนไข้พิรุธสุดจะห้าม | |||
| พ่อก็อยากพูดจาปรึกษาความ | ศึกสงครามก็สำเร็จเสร็จกันแล้ว | |||
| เราควรจะคิดอ่านการวิวาห์ | เป็นฝั่งฝาฝังปลูกให้ลูกแก้ว | |||
| มีเฟื้องจะได้ให้เสียยังแล้ว | ให้ผ่องแผ้วพ้นบ่วงที่ห่วงใย | |||
| พ่อแม่คร่ำคร่าเป็นตายาย | จะล้มตายวันพรุ่งหารู้ไม่ | |||
| เจ้าคิดหาฤกษ์พาดูเป็นไร | จะได้หาไม้ไหล้ปลูกเรือนชาน ฯ | |||
| ๏ ขุนแผนนบนอบตอบพระพิจิตร | ลูกมานี่ก็คิดจะว่าขาน | |||
| พอคุมทัพกลับไปมิได้นาน | จะขึ้นมาคิดอ่านงานทางนี้ | |||
| ได้คำนวณฤกษ์พามาแต่วาน | วันอังคารแรมค่ำในเดือนสี่ | |||
| ถูกชะตาร่วมกันขยันดี | แล้วแต่บารมีจะโปรดปราน ฯ | |||
| ๏ พระพิจิตรฟังคำขุนแผนว่า | ปรึกษากับบุษบาแล้วว่าขาน | |||
| เดือนสี่ดีแล้วกำหนดงาน | เรือนชานก็คงเสร็จสำเร็จทัน | |||
| แล้วว่ากับขุนแผนแสนสงคราม | จะพักอยู่อารมทำไมนนั่น | |||
| กว่าจะล่องลงไปยังหลายวัน | มาอยู่นี่ด้วยกันก็เป็นไร ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท | นิ่งคิดนึกพรั่นให้หวั่นไหว | |||
| ออพลายสิพรากจากเมียไป | ถ้ากลับมาอยู่ใหม่ไหนจะยั้ง | |||
| พอมืดค่ำก็จะคลำเข้าไปหา | ถ้าหากไม่มิดมาเหมือนหนหลัง | |||
| เกิดเซ็งแซ่แพร่หลายกระจายดัง | จะเสียทั้งสองฝ่ายขายหน้าตา | |||
| นึกพลางตอบความตามทำนอง | ลูกนี้ขัดข้องอยู่หนักหนา | |||
| ด้วยว่ากองทัพที่กลับมา | ทั้งนายไพร่มากกว่าเมื่อขาไป | |||
| ไหนนางสร้อยทองและสร้อยฟ้า | ทั้งพวกบุตรภรรยาเจ้าเชียงใหม่ | |||
| ทั้งต้องคุมครัวลาวชาวพงไพร | มาอยู่ไกลกลัวจะทำให้รำคาญ | |||
| พระท้ายน้ำกับพวกที่อยู่นั่น | จะพากันบอกกล่าวเป็นข่าวขาน | |||
| ว่าพ่อลูกบ่ายเบี่ยงเลี่ยงราชการ | มาอยู่บ้านเป็นสุขสนุกสบาย | |||
| ไหนไหนก็ลำบากมามากแล้ว | อย่าให้มีวี่แววความเสียหาย | |||
| จำต้องทนถ่อร่างค้างกาย | ไปจนเสร็จสมหมายที่รับมา | |||
| ว่าแล้วอำลาท่านทั้งสอง | เยื้องย่องกลับลงจากเคหา | |||
| เจ้าพลายตามไปไม่พูดจา | ให้แค้นขัดอัธยาบิดาตัว | |||
| อนิจจาพ่อก็รู้อยู่แก่ใจ | ว่ารักใคร่ได้เสียเป็นเมียผัว | |||
| จะสะกดเข้าไปไม่ต้องกลัว | ยังมามัวกีดกันขันจริงจริง | |||
| ดีแล้วเป็นไรได้เห็นกัน | อย่าสำคัญว่าแคล้วแล้วจะนิ่ง | |||
| ต่อให้ทำกรงใส่ไว้เป็นลิง | พอค่ำลงคงจะวิ่งมาหานาง | |||
| คิดพลางทางเดินทำเมินเฉย | เลยออกนอกจวนมาจนห่าง | |||
| เห็นอีเม้ยนั่งยิ้มอยู่ริมทาง | แกล้งอำพรางใช้ใบ้ให้ตามมา ฯ | |||
| ๏ ครั้นถึงวัดจันทน์ตะวันสาย | กรมการมากมายมาคอยหา | |||
| ขุนแผนเป็นกังวลสนทนา | เจ้าพลายหลบหน้ามาข้างวัด | |||
| ไปถึงที่ลี้ลับไม่มีคน | เห็นต้นพิกุลใหญ่ได้ถนัด | |||
| ที่ใต้ต้นเตียนรื่นพื้นทรายซัด | ก็หลีกลัดเข้านั่งบังต้นไม้ | |||
| อีเม้ยเลยเดินมาข้างหลัง | ครั้นถึงจึงนั่งยกมือไหว้ | |||
| เจ้าพลายยิ้มพลางทางว่าไป | ข้านี้หวังตั้งใจจะพบพาน | |||
| ธุระร้อนของเราเจ้าก็รู้ | ถึงตัวไปใจอยู่แต่ที่บ้าน | |||
| ค่ำเช้าเฝ้าคะนึงถึงนงคราญ | นางสำราญอยู่หรือประการใด | |||
| เมื่อเช้าเข้าไปนั่งตั้งตาคอย | จะพบพักตร์สักหน่อยก็หาไม่ | |||
| หรือว่านางขุ่นเคืองด้วยเรื่องไร | จึงแกล้งว่าเจ็บไข้ไม่ออกมา | |||
| เมื่อจะไปได้กำชับกับตัวเจ้า | ให้โลมเล้าเอาใจไว้คอยท่า | |||
| เจ้าทอดทิ้งคำมั่นที่สัญญา | หรือว่าคงวาจาก็ว่าไป ฯ | |||
| ๏ อีเม้ยสะบัดหน้าว่าพุทโธ่ | มาพาลโกรธาก็เป็นได้ | |||
| ไม่เห็นอกนายมั่งช่างกระไร | ต่อหน้าคนหรือจะให้ออกไปรับ | |||
| ซึ่งบอกว่าเจ็บไข้ไม่ออกมา | ไม่มุสาหลอนหลอกแกล้งกลอกกลับ | |||
| ตั้งแต่วันหม่อมพลายยกกองทัพ | เธอก็จับไม่สบายหลายเดือนมา | |||
| ไม่เป็นอันกินนอนจนอ่อนเปลี้ย | น้ำตาเรี่ยไม่แห้งไม่แกล้งว่า | |||
| ฉันต้องอยู่ดูแลทุกเวลา | เฝ้าพูดจาเอาใจให้ประทัง | |||
| หม่อมกลับมาถึงนี่ฉันดีใจ | เผื่อจะได้หยูกยามาลงมั่ง | |||
| ฉันจึงรีบตั้งหน้าออกมาฟัง | จะสั่งให้พยาบาลสถานใด | |||
| อันถ้อยยำคำมั่นที่สัญญา | กลัวแต่ว่าหม่อมดอกจำไม่ได้ | |||
| ของกำนัลมุลนายออกก่ายไป | ส่วนอีไพร่อดแห้งแกล้งเฉยเมย ฯ | |||
| ๏ ชิชะปากคอช่างพอตัว | อย่ามามัวพ้อเราเลยเจ้าเอ๋ย | |||
| แล้วหยิบเงินยื่นให้ไม่ละเลย | นี่แลของนางเม้ยเป็นรางวัล | |||
| อันซึ่งนายเจ็บไข้ไม่สบาย | เรามียาสมุนพรายดีขยัน | |||
| แต่เป็นยาปลุกเสกลงเลขยันต์ | กินกลางวันไม่ได้คนไข้ตาย | |||
| พอดึกหน่อยจะไปให้ถึงบ้าน | เจ้าคิดอ่านเปิดรับขยับขยาย | |||
| เราจะไปให้ยารักษานาย | คงจะหายเจ็บไข้ในพรุ่งนี้ | |||
| ครั้นสัญญาอาณัติเสร็จสรรพ | อีเม้ยรับลาลุกไปจากที่ | |||
| เจ้าพลายกลับมาศาลารี | มิได้มีใครพะวงสงกา ฯ | |||
| ๏ ครั้นค่ำพลบลบแสงสุริย์ฉาย | ไพร่นายพร้อมพรั่งประดังหน้า | |||
| พวกนายกองนายหมวดออกตรวจตรา | ต่างพิทักษ์รักษารอบวัดจันทน์ | |||
| ฝ่ายเจ้าพลายงามทรามสวาท | ชาญฉลาดเล่ห์กลมนตร์ขยัน | |||
| ทำเป็นเที่ยวตักเตือนเหมือนทุกวัน | ตรวจกองนี้กองนั้นทุกชั้นไป | |||
| แต่พอร่วมเวลาสักยามปลาย | เจ้าพลายลดเลี้ยวเที่ยวไถล | |||
| ไปถึงตรงกุฎีชีต้นไทย | เห็นจุดไฟตั้งวงเล่นหมากรุก | |||
| พวกอาสามาเล่นอยู่เป็นหมู่ | ทั้งพระเถรเณรดูกันสนุก | |||
| บ้างนั่งมองบ้างเบียดเข้าเสียดซุก | ฉุกละหุกเสียงสนั่นลั่นกุฎี | |||
| เจ้าพลายนิ่งนึกตรึกตรา | จำจะลวงบิดาว่าอยู่นี่ | |||
| จะทำเป็นเล่นหมากรุกให้คลุกคลี | จนพ่อหลับจึงจะหนีไปหานาง | |||
| คิดพลางทางขึ้นบนกุฎี | เฮ้ยขอกูเดินทีแล้วลุกผาง | |||
| อ้ายพวกไพร่ให้นายเข้านั่งกลาง | ทั้งสองข้างอื้ออึงคะนึงไป | |||
| ฝ่ายว่าขุนแผนพ่อรอเจ้าพลาย | เห็นไปหายนึกพะวงให้สงสัย | |||
| ย่องลงจากศาลาแล้วคลาไคล | เห็นแสงไฟที่กุฎีรี่ไปพลัน | |||
| แต่พอใกล้ได้ยินเสียงเฮฮา | ก็รู้ว่าลูกยาอยู่ที่นั่น | |||
| เห็นกำลังเล่นหมากรุกสนุกครัน | ก็หันกลับคืนมาศาลาลัย ฯ | |||
| ๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม | สักสองยามเห็นพอพ่อหลับใหล | |||
| จึงลุกออกจากวงลงบันได | ลอบไปจัดแจงแต่งกายา | |||
| ลูบตัวทาน้ำอบตลบฟุ้ง | แป้งปรุงประเจิมเฉลิมหน้า | |||
| สีขี้ผึ้งเสกละลวยด้วยวิชา | แล้วนุ่งผ้ายกไหมไปล่ปลิว | |||
| ห่มผ้าของประทานส่านสี | มือขวาคว้าคลี่พัดด้ามจิ้ว | |||
| แหวนทับทิมวงใหม่เอาใส่นิ้ว | ถือเช็ดหน้าผ้าริ้วแล้วคลาไคล | |||
| มาถึงกลางวัดสงัดคน | เจ้าพรายร่ายบมนตร์ขึ้นมุขใหม่ | |||
| โหงพรายมาพร้อมห้อมล้อมไป | เข้าในเมืองพิจิตรบุรี | |||
| มินานผ่านมาถึงหน้าจวน | หน้าหลังทั้งกระบวนล้วนแต่ผี | |||
| เห็นรั้วรอบขอบชิดสนิทดี | ประตูมีกลอนลั่นไว้ชั้นใน | |||
| เจ้าพลายร่ายมนตร์มหาสะเดาะ | กลอนหลุดผลุดเผลาะอยู่หวั่นไหว | |||
| ประตูบ้านบานระเบิดเปิดออกไป | เจ้าพลายเข้าได้ในประตู ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายว่าทาสีอีเม้ยมอญ | อยู่บนเรือนถอดกลอนนอนคอยอยู่ | |||
| ประตูบ้านลั่นกรุกกลุกขึ้นดู | พอแลเห็นก็รู้ว่าเจ้าพลาย | |||
| เปิดประตูลงมาพาขึ้นเรือน | คนนอนเกลื่อนหลีกลอดคอยสอดส่าย | |||
| นำหน้ามาถึงเรือนนาย | แล้วอุบายบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบไป ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนอง | ครั้นถึงห้องยินดีจะมีไหน | |||
| ค่อยย่องเหยียบเบาเบาเข้าข้างใน | แสงไฟส่องงามอร่ามเรือน | |||
| แลเห็นศรีมาลาดวงสมร | เจ้านิ่งนอนท่วงทีไม่มีเหมือน | |||
| นี่แก้วพี่หลับสนิทหรือบิดเบือน | อารมณ์เตือนนั่งเคียงบนเตียงทอง | |||
| ประจงจูบลูบประคองน้องแก้ว | พี่มาแล้วจงคลายหายหม่นหมอง | |||
| แต่พี่เฝ้าคิดถึงคะนึงน้อง | ใจปองมิได้คลาดขาดสักวัน | |||
| ถึงยามกินสิ้นรสหมดโอชา | ครั้นเวลาหลับไปก็ใฝ่ฝัน | |||
| ถ้าไม่เกรงพระองค์ผู้ทรงธรรม์ | จะผลุนผลันกลับมาเสียช้านาน | |||
| เดชะบุญของเรานะเจ้าพี่ | มีชัยได้กลับมาถึงบ้าน | |||
| มารู้ข่าวว่าเจ้าไม่เบิกบาน | พี่รำคาญกลุ้มอุรามาแต่เช้า | |||
| เมื่อนั่งอยู่หน้าเรือนเหมือนกับบ้า | เฝ้าแลมาแลไปไม่เห็นเจ้า | |||
| พี่มาดหมายตายเป็นก็ทำเนา | คงจะเข้ามาหาในราตรี | |||
| ต้องรั้งรอจนพ่อนั้นหลับใหล | จึงดึกไปพี่พึ่งมาถึงนี่ | |||
| ขอเชิญพุ่มพวงดวงชีวี | ผินหน้ามาทางนี้ให้พี่ชม ฯ | |||
| ๏ ครานั้นนวลนางศรีมาลา | ทำนิ่งนอนหลับตาเอาผ้าห่ม | |||
| ฟังผัวพูดปลอบชอบอารมณ์ | สมคิดจิตหวามด้วยความรัก | |||
| ลุกขึ้นนั่งเรียงเคียงหน้า | หันมากราบลงที่ตรงตัก | |||
| นึกว่าหม่อมล้าเรื่อยยังเหนื่อยนัก | เห็นจะพักเสียก่อนไม่ย้อนมา | |||
| ไปทัพมีชัยได้เมืองลาว | สาวสาวเหล่าเชลยก็หนักหนา | |||
| ได้ยินเลอเลิศลอยชื่อสร้อยฟ้า | มิไขว่คว้าเข้าบ้างหรืออย่างไร | |||
| ทำไมกับลูกสาวชาวพิจิตร | มันไม่น่าเชยชิดพิสมัย | |||
| เหมือนดอกหญ้าเห็นงามเมื่อยามไร้ | แต่พอมีดอกไม้ไม่ต้องการ | |||
| นี่คงนึกสมเพชเวทนา | จึงอุตส่าห์บุกมาจนถึงบ้าน | |||
| พอเห็นหน้าก็จะเบื่อเหลือรำคาญ | ไม่อยู่นานห่วงทัพคงกลับไป ฯ | |||
| ๏ ดูซิค่อนว่านิจจาเจ้า | มาใส่ความเปล่าเปล่าก็เป็นได้ | |||
| เป็นสัตย์จริงหญิงอื่นในแดนไตร | ทั้งลาวไทยไม่เคยไปคบค้า | |||
| แต่จากไปใจพี่อยู่ที่น้อง | หม่นหมองเศร้าสร้อยละห้อยหา | |||
| ถึงเห็นลาวก็ไม่รู้ดูหน้าตา | เห็นแต่รูปศรีมาลาประจำใจ | |||
| อันนางสร้อยฟ้านารี | เป็นราชบุตรีเจ้าเชียงใหม่ | |||
| เขาถวายพระองค์ผู้ทรงชัย | กับทรามวัยสร้องทองเป็นสองคน | |||
| ตัวพี่นี้อุตส่าห์รักษาตัว | ถ้าครองไตรโกนหัวก็ชีต้น | |||
| เคร่งครัดค่ำเช้าเฝ้าสวดมนตร์ | แผ่กุศลให้โยมศรีมาลา | |||
| ได้แหวนแทนส่วนบุญลงมาให้ | บัดนี้ไซร้ก็ออกพระวษา | |||
| โยมจงปลงใจได้เมตตา | พี่จะลาสิกขาค่ำวันนี้ | |||
| ศรีมาลาสรวลสันต์ไม่กลั้นได้ | เจ้าพลายคว้าไขว่ขมันขมี | |||
| ภิรมย์รักสุขเกษมเปรมปรีดิ์ | อยู่ยังที่เตียงทองทั้งสองรา ฯ | |||
| ๏ ฝ่ายนางศรีมาลายาใจ | เตรียมสำรับตั้งไว้ที่ข้างขวา | |||
| จึงชวนสามีให้ลีลา | มาเลี้ยงดูโภชนาสำราญใจ | |||
| กินพลางต่างคนสนทนา | ศรีมาลายิ้มย่องผ่องใส | |||
| เจ้าพลายยั่วยวนกวนร่ำไป | ไม่หลับใหลผัวเมียเฝ้าเคลียเคล้า | |||
| จนดาวเดือนเลื่อนลับเวหาสห้อง | แซ่ซ้องจำเรียงเสียงดุเหว่า | |||
| จำจากทรามสงวนด้วยจวนเช้า | จะเวียนมาหาเจ้าทุกคืนไป | |||
| พอคุมทัพกลับถึงอยุธยา | พี่จะรีบกลับมาหาเจ้าใหม่ | |||
| พอเสร็จงานการวิวาห์ดังว่าไว้ | เป็นมิให้ห่างหน้าสักราตรี | |||
| ว่าพลางโลมลูบจูบน้อง | แล้วออกมาจากห้องของโฉมศรี | |||
| อีเม้ยนำหน้าพาจรลี | เร็วรี่เดินออกมานอกรั้ว | |||
| รับรัดลัดมาหน้าวัดจันทน์ | พอถึงนั่นเช้ามืดขมุกขมัว | |||
| หลีกเลี่ยงหลบหน้าบิดาตัว | ชักผ้าคลุมหัวแล้วหลับไป | |||
| ขุนแผนตื่นนอนขึ้นตอนเช้า | เห็นเจ้าพลายงามยังหลับใหล | |||
| นึกว่าเล่นหมากรุกสนุกใจ | ไม่พะวงสงสัยในลูกยา | |||
| ครั้นค่ำลงเจ้าพลายก็หายอีก | หลบหลีกไปเล่นพอเห็นหน้า | |||
| พอดึกดึกไปที่ศรีมาลา | ขึ้นหาสมสวาทไม่ขาดคืน | |||
| ถึงคืนหลังสั่งเสียกันเมียผัว | เผลอตัวหลับไปไม่ทันตื่น | |||
| จนสางสางเจ้าพลายจึงได้ฟื้น | ลุกขึ้นล้างหน้าแล้วคลาไคล ฯ | |||
| ๏ จะกล่าวถึงบุษบาผู้มารดร | คืนนั้นตื่นนอนแต่ก่อนไก่ | |||
| ห่วงสำรับคับค้อนให้ร้อนใจ | ด้วยขุนแผนจะไปแต่รุ่งเช้า | |||
| ลุกขึ้นเปิดหน้าต่างจะล้างหน้า | เจ้าพลายงามเดินมาก็เห็นเข้า | |||
| เอ๊ะเกิดวิปริตผิดแล้วเรา | ลูกเต้าเห็นจะทำให้รำคาญ | |||
| มาปลุกผัวตัวสั่นท่านเจ้าขา | เจ้าพลายงามเข้ามาจนในบ้าน | |||
| พึ่งลงจากเรือนไปไม่ทันนาน | จะเกิดการข้างในอย่างไรแล้ว | |||
| โบราณว่าหมาขี้ที่มูลฝอย | ดูร่องรอยมันจะถึงซึ่งลูกแก้ว | |||
| เราผัวเมียเสียทีไม่มีแวว | อย่าสอดแคล้วเลยจะคิดประการใด ฯ | |||
| ๏ ครานั้นพระพิจิตรบิดา | ได้ฟังภรรยาก็นึกได้ | |||
| ตอบว่าข้าก็คิดเห็นผิดใจ | ดูอย่างไรอยู่ที่ศรีมาลา | |||
| แต่ครั้งกองทัพบกยกขึ้นไป | เหมือนเจ็บไข้เคืองขุ่นวุ่นหนักหนา | |||
| จะไต่ถามว่ากระไรไม่เข้ายา | มิรู้ว่าลอบลักไปรักกัน | |||
| วันเมื่อกองทัพกลับมาถึง | ก็อ้ำอึ้งหลบเชือนเหมือนหวาดหวั่น | |||
| นี่คงถึงเนื้อตัวเสียพัวพัน | หาไม่ไหนมันจะขึ้นมา | |||
| จะไปโกรธโทษลูกก็ใช่ที่ | อ้ายคนนี้สำคัญมันหนักหนา | |||
| รู้ล่องหนจังงังบังกายา | สารพัดทั้งเสน่ห์เล่ห์กล | |||
| ถึงมีกำแพงเพชรสักเจ็ดชั้น | มันเสกเป่าเท่านั้นก็เปิดป่น | |||
| รักใครก็เป่าเอาด้วยมนตร์ | ต้องหลงมันทุกคนไม่เว้นตัว | |||
| แต่ได้สู่ขอเป็นหอห้อง | ถึงอย่างไรก็คงต้องมาเป็นผัว | |||
| เพียงแต่มันด่วนได้ไม่เกรงกลัว | จะมามัวโกรธไปทำไมมี | |||
| ถ้าต่อว่าต่อขานพานอื้อฉาว | จะรานร้าวถึงขุนแผนไม่พอที่ | |||
| เขาก็ยังซื่อตรงคงภักดี | เรานี้เป็นผู้ใหญ่อย่าใจเบา | |||
| จะขึ้นชื่อลือเสียงศรีมาลา | ว่าคบชู้สู่หาขายหน้าเขา | |||
| เป็นนมยานกลิ้งชกอกของเรา | ทำเฉยเลยเถิดเจ้าอย่าแพร่งพราย | |||
| เสร็จปรึกษาหารือกันเมียผัว | ก็แต่งตัวจะไปมิให้สาย | |||
| ออกมาหาเรียกบ่าวเหล่าทนาย | แล้วเยื้องกรายตรงมาหน้าวัดจันทน์ ฯ | |||
| ๏ นาวามาทอดจอดคับคั่ง | กรมการพร้อมพรั่งอยู่ที่นั่น | |||
| กำลังลงเรือแพกันแจจัน | จ้าละหวั่นวุ่นไปในลานวัด | |||
| ส่วนเรือประเทียบทองทั้งสองลำ | พระท้ายน้ำกำกงลงไปจัด | |||
| ขาดเหลือเรียกกระเบ็งเร่งรัด | เป็นขนัดในส่วนกระบวนนาง | |||
| เรียกพระท้ายน้ำให้นำหน้า | เรือทหารอาสามาสองข้าง | |||
| เรือประเทียบให้พายในสายกลาง | ส่วนเรือนางสาวใช้ไปข้างท้าย | |||
| ต่อมาถึงกระบวนส่วนแม่ทัพ | เรือกัญญามารับก็เฉิดฉาย | |||
| พ่อลูกลงประจำลำละนาย | พลพายล้วนทหารชำนาญยุทธ์ | |||
| แล้วถึงเรือสิ่งของต้องพัทยา | ถัดมาเรือลาวเป็นที่สุด | |||
| พวกอาสาคุมาเป็นชุดชุด | อุตลุดขับต้อนไม่ผ่อนปรน | |||
| เรือเจ้าเชียงใหม่นั้นไปหน้า | เรือบุตรภรรยามาตามก้น | |||
| แล้วถึงเรือท้าวพระยาข้าคน | เรือพลอาสามาข้างท้าย | |||
| ครอบครัวยังเหลือเรือไม่พอ | ทั้งช้างม้าวัวมอสิ้นทั้งหลาย | |||
| เครื่องสาตราอาวุธก็มากมาย | หมายฝากให้หัวเมืองรักษาไว้ ฯ | |||
| ๏ ครั้นบรรทุกสำเร็จเสร็จสรรพ | จะให้ล่องกองทัพกลับกรุงใต้ | |||
| ขุนแผนลูกยาพากันไป | กราบไหว้พระพิจิตรบุษบา | |||
| ลูกจะขอกราบลาฝ่าเท้า | ลงไปเฝ้าสมเด็จพระพันวษา | |||
| พอเฝ้าแหนเสร็จสรรพจะกลับมา | ตามสัญญาว่าไว้ให้ทันการ | |||
| พระพิจิตรบุษบานารี | ใจดีอวยพรสุนทรสาร | |||
| ลงไปให้พระองค์ทรงโปรดปราน | พระราชทานยศอย่างทั้งรางวัล | |||
| จำเริญจำเริญสุขีศรีสวัสดิ์ | สมบูรณ์พูนสมบัติทุกสิ่งสรรพ์ | |||
| ทั้งพ่อลูกอยู่เย็นเป็นนิรันดร์ | อันตรายขุ่นข้องอย่าพ้องพาน | |||
| เมื่อไปทำราชการงานแผ่นดิน | เสร็จสิ้นแล้วจึงกลับขึ้นมาบ้าน | |||
| มาปรึกษาหารือเรื่องการงาน | คิดอ่านให้สำเร็จเสร็จไป ฯ | |||
| ๏ ครานั้นขุนแผนแแสนสุภาพ | กับพลายงามก้มกราบท่านผู้ใหญ่ | |||
| พ่อลูกอำลาแล้วคลาไคล | ลงในเรือกัญญาที่หน้าวัด | |||
| นายไพร่พร้อมพรั่งทั้งเรือแพ | ผู้คนเซ็งแซ่อยู่แออัด | |||
| ให้สัญญายิงปืนขึ้นสามนัด | ออกเรือเป็นขนัดไปทันใด | |||
| เรือกระบวนหน้าหลังคั่งคับ | เป็นลำดับล่องตามแม่น้ำไหล | |||
| ข้ามบ้านผ่านเมืองเนืองเนืองไป | จนเข้าเขตกรุงไกรใกล้พารา ฯ | |||
| ๏ พวกหญิงชายวิ่งพรูดูกองทัพ | ทั้งสองฝั่งคั่งคับกันหนักหนา | |||
| อึงอื้อยกมือขึ้นวันทา | ชมบุญญาบารมีพระทรงชัย | |||
| ว่าทรงพระเดชาอานุภาพ | ปราบได้เมืองลาวเจ้าเชียงใหม่ | |||
| ได้เชลยมาตามออกหลามไป | เมืองไหนหรือจะรอต่อบุญฤทธิ์ | |||
| เห็นเรือแม่ทัพมาพากันชี้ | พ่อลูกคู่นี้ช่างศักดิ์สิทธิ์ | |||
| ขุนแผนเขาเคยดีมีความคิด | เจ้าชีวิตท่านโปรดยกโทษไป | |||
| บางคนไม่รู้จักก็ซักถาม | เรือเจ้าพลายงามนั้นลำไหน | |||
| ที่รู้จักบอกกันนั่นเป็นไร | เรือกัญญาลำใหญ่พนักทอง | |||
| ลำหน้าท่านตาขุนแผนพ่อ | ลำเจ้าพลายพายต่อมาที่สอง | |||
| ดูแบบางร่างน้อยนวลละออง | พวกคนดูต่างมองจ้องดูมา | |||
| ครั้นเรือคล้อยลอยหน้ามาฉนวน | พวกผู้หญิงปั่นป่วนกันหนักหนา | |||
| เห็นรูปร่างพลายงามอร่ามตา | บ้างชมว่าเท่านี้ช่างมีฤทธิ์ | |||
| บ้างแลเล็งเพ่งพิศให้ติดใจ | ถ้าแม้นได้แล้วจะกอดไว้ให้ติด | |||
| ที่บางคนเล่นเพื่อนเคยเชือนชิด | มากลับใจได้คิดว่าผิดไป | |||
| นางคนหนึ่งใส่ไคล้ใครเห็นบ้าง | เจ้าพลายช่างเล่นตาเอาจนได้ | |||
| นี่แกล้งทำให้ประวิงหรือจริงใจ | ไม่ทันไรกลับมาจะหาเมีย | |||
| บ้างว่าเช่นเราเขาไม่ขอ | มีแต่กรอกินเปล่าให้เราเสีย | |||
| อย่าใจเติบเกินตัวไปปัวเปีย | ละห้อยละเหี่ยถึงเขาก็เปล่าตาย | |||
| ที่ตรงลำเรือกัญญาตาขุนแผน | ชะแง้แหงนดูแต่พวกแม่ม่าย | |||
| ที่เป็นสาวทึกทึกนึกละอาย | ได้เจ้าพลายหรือพ่อก็พอใจ | |||
| คนผู้ดูหลามตามตลิ่ง | ทั้งชายหญิงไทยเจ๊กเด็กผู้ใหญ่ | |||
| พวกไปทัพกลับมาเฮฮาไป | ถึงกรุงไทยพ้นทุกข์สนุกสบาย ฯ | |||
ตอนที่ ๓๒
| ๏ | |||
ตอนที่ ๓๓
| ๏ | |||
ตอนที่ ๓๔
| ๏ | |||
ตอนที่ ๓๕
| ๏ | |||
ตอนที่ ๓๖
| ๏ | |||
ตอนที่ ๓๗
| ๏ | |||
ตอนที่ ๓๘
| ๏ | |||
ตอนที่ ๓๙
| ๏ | |||
ตอนที่ ๔๐
| ๏ | |||
ตอนที่ ๔๑
| ๏ | |||
ตอนที่ ๔๒
| ๏ | |||
ตอนที่ ๔๓
| ๏ | |||
