บทละครนอกเรื่องไชยเชษฐ์

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

บทประพันธ์

ตอนที่ ๑ นางสุวิญชาถูกขับไล่

ช้า
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์เรืองศรี
แต่มาอยู่ป่าพนาลีได้เจ็ดราตรีทิวาวัน
ให้หมอเฒ่าเอาช้างไปเที่ยวค้นทุกตำบลโป่งป่าพนาสัณฑ์
ไม่ประสบพบช้างตัวสำคัญจนสิ้นแดนเหมันต์พารา
ฯ ๔ คำ ฯ
ปีนตลิ่ง
๏ เมื่อพระมเหสีจะมีเหตุให้เขม่นนัยน์เนตรทั้งซ้ายขวา
พระทอดถอนหฤทัยไปมาหวนรำลึกตรึกตราถึงเวียงวัง
สงสารสุวิญชาโฉมศรีเทวีมีครรภ์อยู่ข้างหลัง
จะประสูติลูกแก้วแล้วหรือยังไม่มีที่หวังที่ไว้ใจ
นางก็ไร้สุริย์วงศ์พงศ์เผ่าใครจะเอาใจดูหูใส่
จำจะเลิกพหลพลไกรกลับคืนเข้าไปยังพารา
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
คิดพลางทางสั่งเสนีจงตระเตรียมโยธีทั้งซ้ายขวา
เร่งรัดผูกช้างผูกม้าจะคืนเข้าพาราเวลานี้
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนีรับสั่งใส่เกศี
ออกมาจัดกันทันทีพร้อมเสร็จดังมีพระบัญชา
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์ก็หรรษา
จึงสระสรงทรงเครื่องสุคนธาทรงมหาภูษิตพรายพรรณ
ครั้นเสร็จเสด็จบทจรขึ้นทรงอัสดรผายผัน
ให้ยกพวกพลช้างดั้นกันคืนเข้าเหมันต์ธานี
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา กราวนอก เชิด
๏ ครั้นถึงจึงประทับม้าทรงเสด็จลงเกยแก้วมณีศรี
พอสิ้นแสงสนธยาราตรีจรลีเข้ายังวังใน
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางนารีศรีใส
แจ้งเหตุว่าเสด็จมาแต่ไพรดีใจเปรมปริ่มยิ้มพราย
ชวนกันอาบน้ำทาแป้งจัดแจงแต่งตัวเฉิดฉาย
นุ่งยกห่มตาดนาดกรายผันผายไปเฝ้าพระภูมี
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์เรืองศรี
เห็นนางสาวสรรค์มาอัญชลีจึงปราศรัยนารีทั้งเจ็ดคน
พี่จากน้องไปคล้องคชสารทรมานนอนป่าพนาสณฑ์
เช้าค่ำรำลึกถึงนฤมลเจ้าทุกคนอยู่ดีหรือฉันใด
อันนางสุวิญชานงเยาว์พี่ฝากฝังให้เจ้าเอาใจใส่
ครรภ์นางก็แก่แต่วันไปเป็นกระไรคลอดลูกแล้วหรือยัง
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางทูลไปดังใจหวัง
ข้าทุกข์แทนนฤมลพ้นกำลังเป็นธุระระวังนั่งรำพึง
พอวันหนึ่งนางคลอดโอรสาก่อนหน้าพระเสด็จเข้ามาถึง
รูปร่างพริ้งพร้อมดั่งกล่อมกลึงงามแม้นเหมือนหนึ่งเทวดา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ฟังคำที่ร่ำว่า
เห็นทั้งท่อนไม้ใส่พานมาผ่านฟ้านิ่งอึ้งตะลึงตะไล
เสน่ห์นางเจ็ดคนเข้าดลจิตจะทันพิจารณาก็หาไม่
ให้ชึงชังสุวิญชาแล้วว่าไปจะเลี้ยงไว้ทำไมในธานี
ว่าพลางทางขยับจับพระขรรค์หมายจะไปห้ำหั่นบั่นเกศี
ลงจากแท่นแค้นใจจรลีเจ็ดนางนารีก็ตามไป
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงเห็นนางสุวิญชายิ่งโกรธาหุนหันมันไส้
กระทืบบาทกึกก้องทั้งห้องในชี้หน้าว่าไปกับนงลักษณ์
เสียแรงเราชุบเลี้ยงถึงเพียงนี้ควรหรือมีลูกอ่อนเป็นท่อนสัก
ให้อับอายขายหน้านักหนานักสิ้นรักใคร่กันแล้วหรือวันนี้
แม้นเลี้ยงไว้ในเมืองจะเลื่องลือขึ้นชื่อว่าเป็นเมียเสียศักดิ์ศรี
ชอบแต่สังหารผลาญชีวีภูมีฮึดฮัดขัดแค้นใจ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
โอ้
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาตัวสั่นหวั่นไหว
กันแสงพลางทางทูลภูวไนยเขาจะคิดอย่างไรเมียไม่รู้
แต่แรกเจ็บท้องร้องครวญครางเจ็ดนางมานั่งหนุนหลังอยู่
แล้วขับไล่ข้าไทมิให้ดูเมียไม่รู้ทันเท่าเขาคิดคด
นางว่าข้าไม่เคยจะคลอดลูกเอาผ้าผูกพันตาเสียมืดหมด
เมื่อแรกประสูติพระโอรสเสียงร้องปรากฏเหมือนเสียงคน
บัดนี้ลูกอ่อนเป็นท่อนไม้เพราะเขาปิดตาไว้ไม่เห็นหน
พระองค์จงคิดดูเล่ห์กลลูกคนใครห่อนเป็นท่อนไม้
เมื่อฟังคำข้างเดียวมาเกรี้ยวโกรธจะลงโทษน้องรักให้ตักษัย
เมียจะผินพักตราไปหาใครร่ำพลางสะอื้นไห้ไปมา
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ฟังคำจึงซ้ำว่า
เหม่เหม่ดูดู๋สุวิญชายังขืนกลับมาว่าเขาพาโล
ยักเยื้องพูดจาสารพัดเจ้าสำบัดสำนวนกวนโมโห
เมื่อลูกเป็นท่อนไม้ไอ้กะโตข้ามิใช่ชายโง่จะงงงวย
เจ็ดนางรักเจ้าเรารู้แจ้งว่าเขาแกล้งใส่ไคล้ไม่เห็นด้วย
อย่าพักทำกำสรดระทดระทวยจะมอดม้วยไม่ทันรุ่งพรุ่งนี้
ว่าพลางทางเรียกเสนาใครอยู่บ้างข้างหน้าเข้ามานี่
จงเอาตัวสุวิญชากาลีไปประหารชีวิตให้วายปราณ
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนาคำนับรับบรรหาร
เข้าผูกรัดมัดมือเยาวมาลย์ลนลานรีบพาออกมาพลัน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาตระหนกอกสั่น
เหลียวดูภัสดาแล้วจาบัลย์ครวญคร่ำรำพันวิงวอน
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าพระองค์ทรงเดชโปรดเกศหยุดยั้งมั่งก่อน
พระจะให้ห้ำหั่นบั่นรอนโทษกรณ์น้องนี้ไม่มีเลย
ช่างเชื่อแต่เจ็ดนางไปข้างเดียวไม่แลเหลียวดูมั่งนั่งนิ่งเฉย
แต่ก่อนร่อนชะไรก็ไม่เคยอกเอ๋ยน้องคิดเห็นผิดใจ
นางวิ่งเข้ากอดบาทภัสดาขอโทษกรณ์วอนว่ากราบไหว้
เสนาเข้าคร่าเอาตัวไปอรไทครวญคร่ำร่ำโศกา
ฯ ๖คำ ฯ โอด เชิด
ร่าย
๏ ครั้นออกมานอกทวารวังพอเห็นพี่เลี้ยงนั่งอยู่พร้อมหน้า
นางร้องเรียกไปมิได้ช้าเชษฐาโปรดด้วยช่วยน้องไว้
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นสี่พี่เลี้ยงย่างเหย่าเข้ามาใกล้
เห็นเขาจูงสุวิญชาพาไปตกใจตัวสั่นเข้ากั้นกาง
พวกเสนาว่าหลีกไปให้พ้นต่างคนฮึดฮัดขัดขวาง
พระพี่เลี้ยงชิงไว้ไม่ละวางแล้วถามว่าโทษนางเป็นอย่างไร
ฯ ๔คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นรู้แน่ตระหนักประจักษ์ความจึงห้ามเสนาว่าไม่ได้
ถ้าแม้นขืนฆ่าฟันให้บรรลัยนานไปเราร่อยจะพลอยตาย
ท่านจงหยุดยั้งรั้งรอข้าจะไปทูลขอนางโฉมฉาย
มิให้ม้วยมอดวอดวายว่าแล้วสี่นายจรลี
ฯ ๔คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้าก้มเกล้าประณตบทศรี
กราบทูลไปพลันทันทีพระภูมีเป็นไฉนจึงใจเบา
ธรรมดาลูกอ่อนเป็นท่อนไม้มีมั่งหรือไม่แต่ก่อนเก่า
แต่เพียงนี้มิรู้ดูเอายิ่งกว่ามัวเมามึนตึง
ธรรมดาเมียหลวงกับเมียน้อยย่อมคอยหยิบผิดคิดหวงหึง
ช่างไม่ตรองตรึกให้ลึกซึ้งเหมือนไม่รู้ถึงทันเมีย
ล้วนเหล่าริษยาเป็นอารมณ์มีแต่จะเรียกลมให้เรือเสีย
ทั้งเล่ห์กลกระทำยำเยียจะให้เขาผัวเมียได้รำคาญ
ถึงว่านางจะเป็นเช่นนั้นไซร้ก็ยังไม่ควรสั่งให้สังหาร
รู้ถึงสิงหลมิเป็นการจะมาผลาญเสียสิ้นทั้งเหมันต์
มนุษย์หรือจะสู้กับหมู่ยักษ์จะเคี้ยวเล่นเป็นผักไม่พักหั่น
พระองค์จงโปรดยกโทษทัณฑ์อย่าให้ชีวันนางมอดม้วย
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
สามเส้า
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ได้ฟังก็เห็นด้วย
จริงอยู่พี่ว่าข้างงงวยเพราะใครใครไม่ช่วงห้ามปราม
มีแต่จะเติมเสริมซ้ำจึงพลอยพล้ำเผลอไปไม่ไต่ถาม
น้องนี้โฉดเฉาเบาความนี่หากว่าพี่ห้ามจึงได้คิด
ถ้าสิงหลรู้ไปที่ไหนนั่นจะพากันย่อยยับดับจิต
ใครจะออกต่อต้านทานฤทธิ์น่าที่ชีวิตจะม้วยมรณ์
ตายแล้วหรือยังอยู่สุวิญชากลับไปให้หาเข้ามาก่อน
อย่าให้ห้ำหั่นบั่นรอนทำโทษโรธกรณ์เยาวมาลย์
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางนั่งฟังอยู่ในม่าน
ได้ยินสี่พี่เลี้ยงทูลทัดทานว่าขานเป็นแยบก็แปลบใจ
นิ่งอยู่ดูเห็นจะเป็นรองชวนกันเผยม่านทองสองไข
โกรธาชี้หน้าแล้วว่าไรนี่อะไรมากลุ้มรุมชิงชัง
ชิชะท่านสารพัดรู้มาข่มขู่ตะคอกหลอกผู้หญิง
ลิ้นลมคมสันขยันจริงพูดแยบแอบอิงสอพลอพลอย
หรือทั้งสี่แจ้งใจว่าใครทำจึงพิดทูลปรักปรำให้ยับย่อย
ช่างซื้อหน้ามาเฝ้าทูลตะบอยข้าสิน่ากลัวน้องไปเมื่อไร
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระพี่เลี้ยงเคืองขัดอัชฌาสัย
จึงว่าข้าทูลขออรไทกลการอะไรมาโกรธฟุ้ง
ชาติวัวระวังสันหลังขาดเห็นแต่กาบินผาดก็สะดุ้ง
เรารู้อยู่เต็มใจในไส้พุงอย่าหยาบยุ่งกรุ่งกริ่งเจรจา
หากว่าภูวไนยไม่ให้ถามนางรูปงามจึงออกมาลอยหน้า
แม้นทรงฤทธิ์ให้เราพิจารณาที่ไหนเจ้าจะมาท้าทายอึง
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางพิโรธโกรธขึ้ง
จึงร้องว่าอย่าพักรำพึงข้าไม่อยากพรั่นพรึงทั้งสี่นาย
จะถามไถ่อย่างไรก็ถามกันที่จะเป็นเช่นนั้นอย่านึกหมาย
มาช่วยกันแก้หน้าว่าไม่อายเที่ยวเอาความร้ายมาบ้ายทา
ทั้งสี่นี้ดูเหมือนงูงอดจะคอยมองย่องตอดกระมังหนา
เมื่อลูกเป็นท่อนสักประจักษ์ตายังจะแค่นมีหน้าว่ากั้นกาง
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
สมิงทองไทย
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์นิ่งฟังทั้งสองข้าง
ผลกรรมจำให้เริดร้างพระเคืองข้องหมองหมางในอารมณ์
ฟังสี่พี่เลี้ยงก็เห็นชอบฟังเจ็ดนางตอบก็เห็นสม
เห็นชอบเป็นผิดคิดนิยมด้วยว่าอาคมเข้าดลใจ
พระตรัสห้ามความเสียทั้งสองข้างจะถากถางเถียงกันหาควรไม่
อันนางสุวิญชานั้นไซร้พี่ขอชีวิตไว้ก็ตามที
แต่ตัวมันนั้นอัปมังคลเร่งขับไปให้พ้นจากกรุงศรี
อย่าให้มานั่งเฝ้าเซ้าซี้แม้นช้าชีวีจะบรรลัย
ฯ ๘คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาได้ฟังนั่งร้องไห้
โศกศัลย์รันทดสลดใจทรามวัยไม่เป็นสมประดี
ดังหนึ่งจะพินาศขาดจิตสุดสิ้นชีวิตลงกับที่
นางเข้ากอดบาทาพระสามีโศกีครวญคร่ำร่ำไร
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้
๏ โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้วจะขับเมียเสียแล้วหรือไฉน
พระเคืองข้องน้องผิดด้วยสิ่งไรภูวไนยไม่ทรงพระเมตตา
ถึงกระไรไต่ถามความสักนิดถ้าแม้นผิดแล้วก็ตามแต่โทษา
นี่ทรงฤทธิ์ไม่พิจารณาชะรอยกรรมเวราของน้องนี้
เมื่อเมียได้กุมภามาเลี้ยงไว้ก็จากเวียงชัยไปในไพรศรี
มาเป็นบาทบริจาพระสามีพอประจบครบปีจะจำไกล
เที่ยงนางกลางคืนถึงเพียงนี้จะเดินดงพงพีกระไรได้
ตัวเป็นผู้หญิงจะวิ่งไปหนทางกลางไรพนาดร
โปรดให้เมียพักแต่สักคืนพออยู่ไฟอยู่ฟืนเสียหน่อยก่อน
ร่ำพลางนางคิดอาวรณ์สองกรข้อนทรวงเข้าโศกา
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ฟังคำที่ร่ำว่า
ยิ่งมีโมโหโกรธาจึงร้องด่าสำทับขับไป
เหม่อีอัปรีย์ทรลักษณ์มึงอย่างพักมานั่งร้องไห้
ยังขืนขัดผัดวันขออยู่ไฟหัวจะขาดปลิวไปไม่ทันรู้
อย่าว่าแต่คืนหนึ่งถึงครู่เดียวพระอินทร์มาเขียวเขียวไม่ให้อยู่
เร่งไปให้พ้นบ้านเมืองกูค่ำมืดไม่รู้ไม่เข้าใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นวิฬาร์ฟังว่าน่าหมั่นไส้
เจ็บจิตสุดที่จะคิดไปน้อยใจเป็นพ้นคณนา
ถึงโศกีก็ไม่มีใครเอ็นดูยังจะอยู่เอาอะไรให้เร่งว่า
จึงวิ่งเข้าแย่งยุดฉุดมือมาไปพาราเราเถิดนะทรามวัย
เมื่อพลัดพรากจากเมืองมาคราวแล้วแต่หม่อมแม่กับอีแมวยังมาได้
ดึกดื่นคืนค่ำค่อยคลำไปร้องไห้ไยให้เสียน้ำตา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาตอบคำวิฬาร์ว่า
ข้าก็รู้อยู่สิ้นแล้ววิฬาร์ท่านไม่เมตตาจึงขับไป
เมื่อความผิดนิดหนึ่งก็ไม่มีคิดแค้นเท่านี้จึงร้องไห้
วิฬาร์อย่าเพ่อคลาไคลทรามวัยวิ่งกลับคืนมา
โอ้
๏ ยอกรก้มกราบกับตีนผัวพ่อทูนหัวจงโปรดเกศา
ซึ่งว่าโทษตัวน้องชั่วช้าพระจงพิจารณาให้แจ้งใจ
นี่ไม่ถามความเลยมาเฉยเสียพระจะดูหน้าเมียก็หาไม่
ว่าพลางนางทรงโศกาลัยอรไทพ่างเพียงจะมรณา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ บัดนั้นวิฬาร์น้อยใจเป็นนักหนา
คิดแค้นแล่นไปด้วยโกรธาฉุดมือนางมาแล้วว่าไป
คิดบ้างเป็นไรในสวนขวัญหนียักษ์ตัวสั่นดังลูกไก่
จักแหล่านชีวันจะบรรลัยยังแต่ลมหายใจอยู่รวยรวย
ไม่พบเราบบ่าวนายก็ตายแล้วพูดอ้อนวอนแมวให้ช่วยด้วย
ที่นี้แทนคุณให้ที่ไม่ม้วยทั้งเจ้าข้ารื่นรวยบริบูรณ์
เสียแรงรักภักดีสุจริตแทบจะเอาชีวิตมาสาบสูญ
อนิจจาอาภัพลับเหมือนปูนหม่อมเมียท่านทูลท่านเชื่อกัน
ว่าพลางพานางลีลาศลงจากปราสาทเฉิดฉัน
วิฬาร์นำหน้าจรจรัลนางโศกศัลย์ดำเนินเดินมา
ฯ ๑๐ คำ ฯ ทยอย
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ผันแปรแลหา
เห็นโฉมงามเดินตามหลังวิฬาร์ให้คืนคิดเมตตาอาลัย
ความรักหักห้ามโมโหหายแสนเสียดายไม่กลั้นน้ำตาได้
นี่เนื้อว่าเวรกรรมได้ทำไว้จึงเกิดเข็ญเป็นไปถึงเพียงนี้
เสียทีเพียรพากลำบากกายปิ้มจะตายเพราะมิ่งมารศรี
ได้สมสองครองกันพอครบปีจะมาจากอกพี่ไปทั้งรัก
นิจจาเอ๋ยเดินพลางร้องไห้พลางสงสารนางนักหนาน่าอกหัก
จะเรียกกลับอับอายเสนานักพระทรงศักดิ์อักอ่วนป่วนใจ
ไม่มีสุขผุดลุกผุดนั่งร้อนรุมคลุ้มคลั่งดังเพลิงไหม้
แต่รัญจวนครวญคร่ำร่ำไรภูวไนยโศกาจาบัลย์
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นสุวิญชามิใคร่จะผายผัน
กันแสงพลางทางลงอัฒจันทร์แว่วเสียงโศกศัลย์สะดุ้งใจ
จึงยืนยั้งฟังศัพท์สำเนียงได้ยินเสียงผัวรักร้องไห้
นางตีอกฟกช้ำร่ำไรทรามวัยวิ่งกลับคืนมา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้
๏ ยอกรกราบลงกับเบื้องบาทใจจะขาดด้วยความเสน่หา
เป็นกรรมตามสนองทั้งสองราพระจะทรงโศกาไปว่าไร
ธรรมดาจารีตเป็นกษัตริย์โองการตรัสขาดแล้วไม่คืนได้
น้องนี้จะขอลาคลาไคลสัญจรไปตามกรรมได้ทำมา
นางยกบาทผัวขึ้นทูลเกศชลเนตรไหลหลั่งทั้งซ้ายขวา
ตีอกชกเกล้าเข้าโศกาซบกับบาทาพระสามี
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางร้อนใจดังไฟจี้
เห็นนางสุวิญชามาโศกีกลัวว่าเขาจะดีกันผัวเมีย
คิดวิตกอกไหม้ไส้ขมในอารมณ์นั้นจะใคร่ให้ขับเสีย
จึงชี้หน้าว่านางช่างทำเยียมาอะลิ้มอะเหลี่ยภูวไนย
อีหน้าด้านมารยาพิรากวนทำกระบวนชวนผัวให้ร้องไห้
จะพะนึงพะเน้าเอาอะไรไปไปแล้ววกหกกลับมา
คนกระลีกระลำส่ำเสียให้เพื่อนเมียพลอยอายขายหน้า
ไสหัวไปให้พ้นพารามึงอย่ามายียวนกวนพระทัย
บ้างว่าน่าเกลียดเคียดค้อนขอดค่อนงอนว่าไม่ปราศรัย
บ้างยั่วเย้าเฝ้าทูลตะบอยไปปรานีมันไยอีใจคด
แต่เลือดร้ายในกายยังกอกเสียมานั่งนับกับเมียที่อัปยศ
ชั่วชาติอุบาทว์ไม่เป็นรสเชิญเสด็จทรงยศเข้าห้องใน
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นวิฬาร์ฟังว่าไม่อดได้
ความโกรธกระโดดโลดเข้าไปแล้วจูงมืออรไทออกมา
ทำลอยหน้าลอยตาพาทีตัวเป็นทาสีแล้วมิสา
ทั้งโหดไร้ไม่มีปัญญาขืนจะขึ้นแข่งหน้าว่าไม่ฟัง
รูปร่างของตัวก็ชั่วช้าแล้วหยูกยาอาคมก็ไม่ขลัง
สารพัดวิบัติให้ผัวชังถึงจะโปรดปรานมั่งก็เจ็บใจ
ช่างอาภัพอับจนหม่นหมองจะผินพึ่งพี่น้องก็ไม่ได้
จึงต้องจ้างช่างทำท่อนไม้ไปซ่อนใส่สมหวังแล้วครั้งนี้
เอออะไรที่ไหนมานั่งวอนให้เขาค่อนแคะว่าน่าบัดสี
มิใช่แม่แก่เฒ่าเมื่อไรมีแต่เป็นม่ายเพียงนี้ไม่น้อยใจ
มันไม่ต้องอารมณ์สมประกอบผิดชอบชั่วดีมีผัวใหม่
เที่ยงนางกลางคืนแม่มาไปกลัวอะไรมือค่ำกรรมของตัว
จะเที่ยวหาหมอยามนต์ดลทำเสน่ห์กลซนหาผัว
ให้มันขลังทั้งรักทั้งกลัวขึ้นนั่งซังตั้งตัวเป็นผู้ดี
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุริยาเคืองเคียดมันเสียดสี
จึงชี้หน้าว่าอีวิฬารีมึงพาทีเถียงแทนช่วยแค้นเคือง
กูจะตอบสำนวนไม่ควรคู่เหมือนเอาทองไปถูรู่กระเบื้อง
ไสหัวมึงไปเสียจากเมืองจะยักเยื้องอย่างไรเขาไม่ฟัง
อีแมวอุบาทว์ชาติขี้ข้ามึงไม่รู้ว่าฟ้าจะเคืองหลัง
แม้นเจ้าข้ามิไปให้พ้นวังกูจะสั่งให้เขาไสคอไป
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นวิฬาร์ฟังว่าน่าหมั่นไส้
จะออมอดลดละมันทำไมตายไหนตายไปคงให้ลือ
จึงร้องว่าแน่คะหม่อมเมียเอกอภิเษกขึ้นใหม่เมื่อไรหรือ
บัญชาแทนรับสั่งนั่งชี้มือมาออกหน้าค่าชื่อไม่อายใจ
เจ้าสิคนสบเสียนางเมียต้นจะฆ่าผู้ฟันคนก็ทำได้
มานั่งขับเหนื่อยปากลำบากใจเอาจับใส่หีบฝังเสียทั้งเป็น
อีพวกเหล่าเจ้าเสน่ห์เล่ห์กลแต่ละคนใจคอไม่พอเล่น
มันตาร้อนตาไฟมิใช่เย็นเอาคนฝังทั้งเป็นอีอัปรีย์
แม้นเจ้าข้าพากันวายชนม์ถ้ารู้ถึงสิงหลยักษี
เหมันต์ก็จะหมดทั้งธานีอสุรีเคี้ยวเล่นเป็นผักไป
ว่าพลางพานางจรลีลงจากปราสาทศรีที่อาศัย
ออกนอกพระทวารวังในเดินไปตามถนนธานี
ฯ ๑๒ คำ ฯ เพลง
             

๏ ครั้นออกมานอกประตูเมืองพอเรื่อเรืองรุ่งแจ้งแสงสี
วิฬาร์ทูลความตามคดีเมื่อเทวีประสูติพระโอรส
ข้าระวังนั่งเฝ้าแฝงประตูแอบดูเห็นแน่แก่ตาหมด
อีทั้งเจ็ดทุจริตคิดคดลักองค์โอรสใส่หีบมา
ข้าวิ่งแอบอ้อมด้อมตามไปพอถึงต้นไทรสาขา
มันยั้งหยุดขุดหลุมที่ฉายาแล้วฝังหีบรีบมาเสียทันที
ข้าไปดูที่ฝังสังเกตไว้จำได้สันทัดสนัดสนี่
ทูลพลางทางรีบจรลีนำนางเทวีไปทันใด
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงพระไทรสาขาวิฬาร์จึงแจ้งแถลงไข
มันฝังองค์พระโอรสไว้อยู่ใต้ร่มไทรต้นนี้
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางสุวิญชาโฉมศรี
ดีใจเป็นพ้นพันทวีก็ขุดลงตรงที่ฝังไว้
ฯ ๒ คำ ฯ
ล่องเรือ
๏ ขุดไปไม่พบพระโอรสนางกำสรดดิ้นโดยโหยไห้
สะอื้นพลางทางถามวิฬาร์ไปเหตุไฉนไม่พบพระลูกยา
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้นวิฬาร์หลากใจเป็นนักหนา
หรือผีสางบังหูบังตามาหลอนหลอกหยอกข้าดอกกระมัง
คิดแล้วนางแมวยกมือไหว้ขอให้ได้พระกุมารเหมือนใจหวัง
เทพไทองค์ใดที่กำบังจะแต่งตั้งสังเวยที่ร่มไทร
ข้าจะรำฉุยฉายถวายมือให้เลื่องลือว่าแมวนี้รำได้
บนพลางทางแลดูไปก็เห็นหีบที่ในหลุมนั้น
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา ฉุยฉาย
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
เอาหีบมาเปิดฝาดูพลันจึงเห็นโอรสนั้นเป็นชาย
ยกพระลูกน้อยขึ้นใส่ตักพิศพักตร์ลักขณาเฉิดฉาย
ทรงศรพระขรรค์สำหรับกายทั้งม้ารถพรรณรายก็มีมา
นางแสนพิศวาสพระลูกรักจูบพักตร์แล้วทูนเหนือเกศา
พ่อคุณทูนหัวของมารดาจะหาไหนได้เหมือนเช่นนี้
แม่คิดว่าอาสัญบรรลัยตามจากแม่ไปไม่เห็นผี
ร่ำพลางทางทรงโศกีมารศรีพ่างเพียงจะขาดใจ
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ ครั้นสร่างโศกาปรึกษาแมวเราพบลูกแล้วจะไปไหน
หรือจะกลับหลังยังเวียงชัยทูลให้ทราบเบื้องบาทา
เมียท่านทำการถึงเพียงนี้จะดูพระสามีพิพากษา
เจ้าจะเห็นอย่างไรนางวิฬาร์จงว่ามาให้แม่แจ้งใจ
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นวิฬาร์เคืองขัดอัชฌาสัย
จึงตอบวาจาไปทันใดช่างไม่อายแก่ใจหรือไรนา
เขาขับหนีตีด่าว่าตัวชั่วยังแค่นคิดถึงผัวจะไปหา
ไม่เจ็บจำน้ำคำอีสุริยามันด่าว่านั้นน้อยไปเมื่อไร
ข้างผัวก็หลงงงงวยเมียว่าไรว่าด้วยไม่ถามไถ่
จะขืนไปบอกเล่าเขาทำไมเขาจะเชื่อที่ไหนว่าลูกตน
เมื่อรักผัวไม่คิดถึงตัวแล้วอีแมวก็จะในไพรสณฑ์
จะอุตส่าห์สัญจรซอนซนกว่าจะถึงสิงหลเวียงชัย
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาฟังแจ้งแถลงไข
แต่วิฬาร์ยังว่าน่าอายใจคิดมานะพระทัยขึ้นมา
จำจะผายผันสัญจรไปนครสิงหลยักษา
แต่ขัดสนจนเสียด้วยมรคาไม่รู้ว่าตำแหน่งแห่งใด
นางจึงยอกรขึ้นเพียงผมบังคมเทวาในป่าใหญ่
เชิญช่วยนำข้าคลาไคลไปถึงเวียงชัยฉับพลัน
ฯ ๖ คำ ฯ
ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงท้าวสหัสนัยน์รังสรรค์
อาสน์อ่อนร้อนเร่าดังไฟกัลป์เร่งคิดอัศจรรย์เป็นพ้นนัก
จึงเล็งทิพเนตรลงมาเห็นนางสุวิญชามีศักดิ์
มาประสบพบองค์โอรสรักจะไปสู่สำนักพระบิดา
จำกูจะให้นำไปถึงกรุงไกรสิงหลยักษา
อย่าให้นางทนทุกข์ทรมาเวทนาแก่องค์พระกุมาร
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึงตรัสสั่งพระวิษณุกรรม์จงจรจรัลไปในไพรสาณฑ์
พานางสุวิญชานงคราญไปส่งถึงสถานธานี
ฯ ๒คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระวิษณุกรรม์เรืองศรี
รับสั่งท้าวสุชัมบดีบังคมลาจรลีลงมาพลัน
ฯ ๒คำ ฯ กลม
๏ ครั้นถึงจึงมีวาจาเจ้าอย่าวิโยคโศกศัลย์
เราจะมาพานางจรจรัลไปส่งยังเขตขัณฑ์เวียงชัย
ฯ ๒คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชานารีศรีใส
ชื่นชมเปรมปรีดิ์ดีใจยอกรบังคมไหว้เทวา
แล้วอุ้มองค์โอรสยศยงวางลงยังราชรถา
พระวิษณุกรรมขับมาวิฬาร์นำหน้าคลาไคล
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงหิมวันต์บรรพตให้หยุดรถอยู่ริมภูเขาใหญ่
เห็นน้ำพุจากผาชลาลัยอรไทยินดีปรีดา
จึงยกเอาลูกน้อยกลอยใจลงจากพิชัยรถา
พาไปสระสรงคงคาวิฬาร์ก็พาเสด็จไป
ฯ ๔ คำ ฯ ลงสรง
๏ ครั้นชำระสระสรงพระลูกแล้วคลาดแคล้วจากเชิงเขาใหญ่
นางเปลื้องภูษาผ้าสไบผูกเป็นเปลให้เจ้าไสยา
กอดจูบลูกแก้วแล้วเชยชมค่อยวางลงบรรทมในเปลผ้า
นอนเสียเถิดพ่ออย่าโศกาปลอบพลางกัลยาก็กล่อมไป
ฯ ๔ คำ ฯ
กล่อม
๏ เจ้านอนไปเถิดแม่จะกล่อมเจ้างามละม่อมจะไกวให้
ขวัญอ่อนอย่าอ้อนอาลัยหลับไปเถิดพ่ออย่าโศกา
แม่ลูกมีกรรมลำบากต้องตกยากนอนหลับกับเปลผ้า
แม้นอยู่เวียงวังพระบิดาจะไสยาอู่ทองรององค์
ตื่นบรรทมนางนมจะแซ่ซ้องค่อยประคององค์วางในอ่างสรง
ครั้นเห็นลูกหลับไปดังใจจงบังอรเอนองค์ลงไสยา
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
ร่าย
๏ ครั้นพระสุริยันตะวันชายแสงสายบ่ายบังพฤกษา
พระกุมารก็ฟื้นตื่นนิทรากัลยาโอบอุ้มเอามาพลัน
โลมลูบจูบกอดให้กินนมเชยชมรับมิ่งสิ่งขวัญ
แล้ววางองค์ลงเหนือรถสุวรรณวิษณุกรรม์นำหน้าพาจรลี
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ สุริยาสายัณห์ลงรอนรอนก็ถึงพระนครท้าวยักษี
เทวาลากลับไปทันทีเทวีอุ้มลูกคลาไคล
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เดินพลางทางทรงโศกาชลนาแถวถั่งหลั่งไหล
ชวนนางวิฬาร์ผู้ร่วมใจรีบไปเฝ้าองค์พระบิดา
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงท้องพระโรงรูจีเทวีคิดเกรงท้าวยักษา
ยั้งหยุดยืนแฝงทวาราตรึกตรองกิจจาจะเพ็ดทูล
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลราชนเรนทร์สูร
สถิตเหนือแท่นรัตน์เรืองจำรูญพร้อมมูลข้าเฝ้าท้าวพระยา
ว่าขานกิจการนคเรศให้เขม่นนัยน์เนตรทั้งซ้ายขวา
พระยายักษ์นิ่งนึกตรึกตราจะได้ลาภหรือว่าจะได้ทุกข์
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ แต่ก่อนร่อนชะไรไม่เคยเป็นจะพูดเล่นเจรจาไม่ผาสุก
จึงตรัสเรียกกระดานหมากรุกมาทรงเล่นกับมุขมนตรี
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนวลนางสุวิญชาโฉมศรี
แอบประตูดูองค์อสุรีเห็นท่วงทีเริงรื่นชื่นบาน
อุ้มองค์ลูกน้อยกลอยใจร้องไห้เข้าไปตรงหน้าฉาน
ก้มเกล้าประณตบทมาลย์นงคราญซวนซบสลบลง
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลเร่งคิดพิศวง
แปลกนางสุวิญชาโฉมยงด้วยพระองค์ชราหูตามัว
พิศดูเอ๊ะนี่มีธิดาเป็นไรมาสลบซบหัว
ท้าวค่อยประคองต้องตัวลูบทั่วสรรพางค์นางเทวี
ตรัสเรียกเท่าไรก็ไม่ขานพระยามารเรียกหมออึงมี่
พลางทรงนวดฟั้นให้ทันทีเสนีนิ่งได้ไม่ช่วยกู
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นนางค่อยฟื้นสมประดีเทวียังทรงกันแสงอยู่
ประคอบปลอบเล้าโลมนางโฉมตรูจะใคร่รู้เนื้อความจึงถามไป
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จอมเอยจอมขวัญเหมันต์เกิดเข็ญเป็นไฉน
หรือผัวเจ้าเขาทำให้ช้ำใจได้ลำบากยากไร้อับจน
มีธุระอะไรนะบังอรจึงมายังนครสิงหล
เหตุไรไม่มีรี้พลมาแต่สองคนกับอีแมว
นี่ลูกเต้าของใครได้ไหนมาดูหน้าตายิ้มยิ่งผ่องแผ้ว
ยังเล็กนักได้สักกี่เดือนแล้วลูกแก้วจงแถลงแจ้งกิจจา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาบังคมก้มหน้า
นางคิดพิดทูลแต่อัชฌาด้วยกลัวจะโกรธาพระสามี
เดิมยกลูกให้พระไชยเชษฐ์ไปจากนคเรศยักษี
เธอร่วมเรียงเลี้ยงลูกไว้ดิบดีมิได้มีอาธรรม์อันใด
เมื่อจะเกิดเหตุนั้นลูกครรภ์แก่เป็นกรรมแต่หนหลังมาซัดให้
เขาบอกข่าวช้างเผือกที่ในไพรพระสามีดีใจไปคล้องช้าง
ข้าคลอดลูกชายภายหลังเพื่อนเมียมานั่งอยู่รอบข้าง
สมคะเนเล่ห์กลอีเจ็ดนางจะแกล้งล้างผลาญข้าให้บรรลัย
เอาลูกน้อยนี้ใส่ในหีบผ้าให้ทาสาไปฝังนอกกรุงใหญ่
พอผัวกลับมาถึงเวียงชัยมันเอาท่อนไม้ไปให้ดู
พระไชยเชษฐ์นั้นไม่ทันคิดจำจิตขับข้าด้วยอดสู
อันที่ฝังลูกยาวิฬาร์รู้มาขุดดูได้ลูกที่ต้นไทร
เดชะสมภารพระหลานขวัญเทวัญเอารถลงมาให้
แล้วช่วยพามาส่งถึงกรุงไกรจงทราบใต้บาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลฟังเรื่องให้เคืองจิต
จึงว่าชะไชยเชษฐ์ช่างไม่คิดถึงชอบผิดก็ควรจะบอกกู
น้อยหรือขับไล่ไม่ไว้หน้าให้พ่อตาอัปยศอดสู
มันเชื่อฤทธิ์จะลองฝีมือดูเห็นว่ากูแก่เฒ่าจะเข้าโลง
เมื่อเมียมันพาลผิดริษยาเห็นตัวอยู่อิจฉาโต้งโต้ง
อ้ายคนหลับตาบ้าลำโพงโป้งโย้งพูดฮึกไม่ตรึกตรา
งมเงาแล้วมิหนำซ้ำจองหองถ้าอยู่ใกล้จะถองให้หนักหนา
จำจะหามาถามตามกิจจามันจะว่าอย่างไรจะใคร่ฟัง
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นวิฬาร์แค้นคิดถึงความหลัง
เห็นนางทูลปิดงำอำปลังนี่เนื้อยังรักผัวกลัวจะเคือง
วิฬาร์ขัดใจเข้าไปทูลว่านางเล่าเค้ามูลไม่สิ้นเรื่อง
พอผัวเขากลับมาถึงเมืองมันยักเยื้องยุยงให้โกรธา
หม่อมเมียว่าไรก็เป็นนั่นสารพันแคะไค้พิไรว่า
ไม่ไต่ถามความพิจารณาสั่งให้เข่นฆ่านางโฉมตรู
หากสี่พี่เลี้ยงมาขอไว้ทั้งเจ้าข้าจึงได้รอดอยู่
เธอว่ายับขับเสียไม่เลี้ยงดูนางผัดพอเช้าตรู่จะจรลี
เธอยิ่งกราดเกรี้ยวเคี่ยวเข็ญถ้าขืนอยู่ก็เห็นจะเป็นผี
ข้าจึงพานางมาในราตรีปิ้มชีวีจะม้วยด้วยเจ็บใจ
ทั้งผัวเมียเขารุมกันด่าว่าหาเกรงใต้บาทาผ่านฟ้าไม่
ขันศึกฮึกฮักเป็นพ้นไปว่าจะสู้ภูวไนยไม่พรั่นพรึง
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลพิโรธโกรธขึ้ง
ลุกขึ้นกระทืบบาทตวาดอึงสุวิญชาดูดู๋มึงไม่บอกกู
ช่างรักผัวกระไรกระนี้หนอให้หม่อมพ่อไชยเชษฐ์มาลบหลู่
ความโตความใหญ่พ่อไม่รู้หากวิฬาร์ลูกกูมันเจ็บอาย
อัปยศครั้งนี้เป็นที่สุดถึงชีวิตม้วยมุดก็ไม่หาย
มันดูหมิ่นถิ่นแคลนกูมากมายจะปล่อยแก่แก้อายไม่เกรงมัน
ชะอ้ายไชยเชษฐ์ลูกเขยคงได้เล่นกันเหวยอย่าคึกขัน
ขัดเขมรเป็นเกลียวเคี้ยวฟันโจนจากแท่นสุวรรณทันที
เขี้ยวงอกออกข้างละสามวานัยนาดังแสงพระสุริย์ศรี
สำแดงแผลงฤทธิ์อสุรีเพียงพื้นปัถพีจะโทรมทรุด
ฯ ๑๐ คำ ฯ คุกพาทย์
๏ จับศรสะพายแล่งแกว่งตระบองขึ้นฆาตกลองสำคัญชั้นสุด
แล้วให้เตรียมทัพสำหรับยุทธ์กู้จะไปรบมนุษย์เมืองเหมันต์
พระยามารมายังเกยลายืนท่าพหลพลขันธ์
ร้องเรียกโยธีนี่นันหุนหันฮึดฮัดขัดใจ
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นพร้อมเสร็จเสด็จขึ้นทรงรถยกอสุรจัตุรงค์ทัพใหญ่
กระทืบบาทเร่งราชรถชัยออกไปจากวังไม่รั้งรอ
ฯ ๒คำ ฯ กราว
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาขวัญหนีดีฝ่อ
วิ่งตะกายน้ำลายไม่ติดคอกลัวพ่อจะไปฆ่าพระสามี
ตามยุดท้ายรถกำสรดพลางนวลนางร้องทูลท้าวยักษี
จงผินพักตรามาพาทีเทวีครวญคร่ำร่ำวิงวอน
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้ปี่
๏ โอ้ว่าพระองค์ผู้ทรงเดชโปรดเกศลูกมั่งจงยั้งก่อน
พระจะยกพลมารไปราญรอนทำโทษโรธกรณ์กับเขาไย
คิดเห็นเป็นกรรมลูกเที่ยงแท้จึงได้แต่ทุกข์ทนหม่นไหม้
พลัดพรากพ่อแม่มาเดินไพรนี่หากได้พึ่งบาทพระบิดา
ชีวิตจึงรอดไม่วอดวายทั้งกุมารหลานชายเป็นสุขา
ครั้งนี้มิทรงพระเมตตาก็จะเป็นเวราแก่ข้านี้
ประทานโทษเถิดทูลกระหม่อมเอ๋ยอย่าไปเลยจงคืนเข้ากรุงศรี
ให้เห็นแก่นัดดาของภูมีเทวีทูลพลางทางโศกา
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ บัดนั้นท้าวสิงหลให้คิดเสนหา
เหลียวมาปลอบพระธิดาอย่าโศกาอาวรณ์ร้อนรน
จึงมีสิงหนาทประกาศร้องให้เลิกกองทัพกลับเข้าสิงหล
ง่าหัตถ์รับนางนฤมลขึ้นนั่งบนรถาแล้วพาที
พ่อขัดใจไชยเชษฐ์มันดูแคลนเจ็บแค้นดังหัวอกเป็นฝี
หากสงสารหลานน้อยคนนี้ดับโมโหเสียทีเอาบุญไว้
ตรัสพลางทางเหลือบเห็นวิฬาร์รื้อคิดโกรธาขึ้นมาใหม่
ชังลูกชังหลานงุ่นง่านใจแกว่งตระบองร้องให้กลับรถ
เสนาเร่งขับพลขันธ์จะไปเหยียบเหมันต์ให้แหลกหมด
กูจะได้แก้แค้นแทนทดกระทืบบาทเร่งรถรีบไป
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาอกสั่นหวั่นไหว
วอนว่าพาทีรี้พิไรพระบิตุรงค์จงได้เมตตา
หลานน้อยนี้จะเป็นกำพร้าพ่อลูกขอประทานโทษา
ทูลพลางนางซบพักตรากอดบาทพระบิดาโศกาลัย
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลกลับคิดพิสมัย
จึงโลมเล้าธิดายาใจอย่าร้องได้ไปเลยนะลูกรัก
พ่อคิดแค้นขึ้นมาก็งุ่นง่านจะใคร่ยกพลมารไปหาญหัก
อันโทษตัวผัวเจ้ามันฮึกฮักจะยกให้หลานรักอย่าทุกข์ร้อน
แล้วดำรัสตรัสร้องเปรยไปลูกหลานมันร้องไห้ไม่หยุดหย่อน
ให้กลับพหลพลนิกรคืนเข้าพระนครมิทันช้า
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนปราสาทเสด็จนั่งเหนืออาสน์อันเลขา
เชยชมพระราชนัดดาเป็นที่เสน่หาพระยายักษ์
ขนานนามประทานหลานชายชื่อนารายณ์ธิเบศร์สมศักดิ์
ให้พี่เลี้ยงนางนมพร้อมพรักบำรุงรักษ์พระกุมารสำราญใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
             

ตอนที่ ๒ พระไชยเชษฐ์ตามนางสุวิญชา

ช้า
๏ เมื่อนั้นฝ่ายท้าวธรรมึกเป็นใหญ่
แต่ละห้อยคอยหาพระดนัยมิได้เป็นสุขสักเวลา
จึงตรัสกับมเหสีพี่ทุกข์นักลูกรักของเรานี้ไปป่า
จะคล้องช้างอยู่กลางพนาวาหรือกลับมายังไม่ถึงธานี
สงสารสุวิญชาทรงครรภ์จะเป็นฉันใดอยู่ไม่รู้ที่
จำจะไปเยี่ยมเยือนเทวีให้แจ้งเหตุร้ายดีประการใด
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึงชวนพระมเหสีบังอรบทจรจากแท่นที่อาศัย
สองกษัตริย์ลีลาคลาไคลเสด็จไปปราสาทพระโอรส
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงแลดูประตูปิดประหลาดจิตเงียบเชียบไปไหนหมด
พระดำเนินเดินเที่ยวเลี้ยวลดรอบปราสาทโอรสด้วยสงกา
จึงร้องเรียกสุวิญชานารีชนนีบิตุรงค์ลงมาหา
หลับไปหรือไรไม่พูดจาแก้วตาเปิดรับพ่อฉับไว
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ทอดถอนใจใหญ่
แว่วเสียงพระชนกก็ตกใจพรั่นตัวกลัวภัยเป็นสุดคิด
ด้วยขับไล่สุวิญชาบังอรไม่ทูลก่อนทำตามอำเภอจิต
กลัวความทั้งนี้จะมิมิดทรงฤทธิ์อ้นอั้นตันใจ
จึงค่อยย่องมามองเมียงดูเปิดประตูมิใคร่จะออกได้
จำเป็นก็จำออกไปบังคมไหว้ทั้งสองกษัตรา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระบิตุรงค์เห็นองค์โอรสา
สะกิดบอกมเหสีโสภาหน้าตาลูกเราเศร้าโศกไป
ดูท่วงทีกิริยาไม่สบายดีร้ายชะรอยจะเจ็บไข้
จึงตรัสถามไปพลันทันใดเจ้ามาถึงเมื่อไรนะลูกยา
ซึ่งว่าช้างเผือกพลายพังได้พบมั่งหรือไม่ที่ในป่า
จริงเหมือนหนังสือเขาถือมาหรือว่าเหตุผลประการใด
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ทูลแจ้งแถลงไข
ลูกอุตส่าห์จัดแจงเสียแรงไปเชือกบาศเชือกใช้ก็เตรียมครบ
หมายใจว่าจะได้ช้างสำคัญดันดั้นในป่าเที่ยวหาจบ
ชั้นแต่รอยเท้าก็ไม่พบพอครบเจ็ดวันก็รีบมา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสองกษัตริย์สุริย์วงศ์นาถา
จึงตรัสแก่องค์พระลูกยาสงสารสุวิญชาทรามวัย
นางไกลชนนีบิตุรงค์เจ้าจงเอาใจดูหูใส่
จะคลอดลูกคลอดเต้าไม่เข้าใจให้นอนฟืนนอนไฟอย่าใจเบา
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์บังคมก้มเกล้า
คิดเสียดายสุวิญชานงเยาว์จึงทูลเล่าเนื้อความตามกิจจา
ลูกไปป่ามาถึงไม่ทันนั่งเห็นท่อนไม้มาตั้งอยู่ตรงหน้า
เจ็ดนางว่าลูกสุวิญชาเกิดมาเป็นกลีไม่ดีจริง
สองพระองค์จงโปรดปรานีลูกนี้อับอายชายหญิง
เขาว่าขานมีพยานอ้างอิงพิเคราะห์ความจริงข้างสุริยา
ให้เคืองขัดอัดอั้นตันจิตสุดคิดที่จะงดอดโทษา
จึงขับไล่นางไปกับวิฬาร์ออกนอกทวาราแต่คืนนี้
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระบิตุรงค์ธิราชเรืองศรี
ได้ฟังคั่งแค้นแสนทวีจึงว่าแก่มเหสีทรามวัย
ดูดู๋ไชยเชษฐ์ทะนงศักดิ์ฮึกฮักไม่บอกเล่าเราผู้ใหญ่
ที่ไหนมั่งลูกคนเป็นท่อนไม้ผิดเพศวิสัยในแผ่นดิน
เราก็ได้มีเมียมาเสียหนักจนฟันหักหัวหงอกไปหมดสิ้น
เกิดมาแก่จะตายพึ่งได้ยินช่างเชื่อลิ้นหลงกลคนมารยา
ชิชะขอบใจไชยเชษฐ์ฤทธิ์เดชสุงสิงหยิ่งนักหนา
ทำตามลำพังอหังการ์ไม่เกรงศักดาพระยามาร
ว่าแล้วสั่งสี่พี่เลี้ยงพลันจงเกณฑ์กันพลเรือนแลทหาร
ไปติดตามสุวิญชานงคราญเที่ยวค้นดูทุกบ้านแลดงดอน
แม้นประสบพบนางเทวีว่าเรานี้ให้คืนเข้ามาก่อน
จะถามดูให้รู้โทษกรณ์อ้อนวอนว่ากล่าวทั้งวิฬาร์
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นพระพี่เลี้ยงรับสั่งใส่เกศา
ต่างถวายบังคมแล้วไคลคลาออกมาบอกเวรเกณฑ์กัน
เรียกหาบ่าวไพร่วุ่นวายจัดแจงแต่งกายขมีขมัน
ครั้นเสร็จก็รีบจรจรัลแยกกันไปตามมรคา
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ออกนอกพารามาถึงทางหนึ่งจะเข้าประตูป่า
เที่ยวดูสำคัญสัญญาก็พบรอยวิฬาร์จำปาทอง
ทั้งสี่ยินดีปรีดาหัวเราะร่ากระหยิ่มยิ้มย่อง
ให้บ่าวสนิทติดพี่น้องเป็นนายกองเก็บดอกจำปาไป
แล้วรีบตามทรามวัยจะให้ทันดันดั้นเดินมาในป่าใหญ่
สักครู่หนึ่งก็ถึงต้นไทรแลไปเห็นหีบก็สงกา
ต่างวุ่นวิ่งชิงกันเข้าเพ่งพิศประหลาดจิตเปิดดูเห็นภูษา
จำปาทองตกกลาดดาษดาพี่เลี้ยงพูดจาหารือกัน
แล้วแยกย้ายเดินไปด้อมมองเที่ยวท่องตามไปในไพรสัณฑ์
บ้างระวังนั่งเฝ้าของสำคัญบ้างชวนกันขึ้นบนต้นไม้ดู
บ้างเที่ยวไปพบรอยอัสดรซอกซอนเที่ยวหาเป็นหมู่หมู่
ไม่ประสบพบนางโฉมตรูต่างกู่บ่าวไพร่มาพร้อมกัน
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ จงปรึกษาหารือกันทั้งสี่เรานี้จำจะรีบผายผัน
ไปทูลความตามได้ของสำคัญทรงธรรม์จะโปรดประการใด
ครั้นจะเที่ยวหาองค์นงลักษณ์ไม่ประจักษ์ว่าไปตำบลไหน
ว่าแล้วพากันคลาไคลบ่าวไพร่แบกหีบรีบตามมา
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงตรงเข้าไปเฝ้าก้มเกล้าบังคมเหนือเกศา
แล้วกราบทูลความตามกิจจาเดิมข้าไปถึงชายไพร
พบรอยเท้าแมวเป็นแถวถ้องดอกจำปาทองก็ใหม่ใหม่
จึงตามรอยดำเนินเดินไปถึงต้นไทรได้หีบกับผ้านี้
ทั้งจำปาทองก็กองกลาดผิดประหลาดไม่พบนางโฉมศรี
ข้าเที่ยวดูในดงพงพีพบแต่รอยพาชีรอยรถ
ครั้นดั้นดันค้นหาต่อไปรอยรถมโนมัยก็หายหมด
สุดที่จะเที่ยวเลี้ยวลดพระทรงยศจงทราบฝ่าธุลี
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท่านท้าวธรรมึกเรืองศรี
เห็นหีบกับสไบของเทวีภูมีสงสัยในวิญญาณ์
จึงตรัสแก่มเหสีทรามวัยพิเคราะห์ไปสมสิ้นดังเราว่า
เจ้าจะเห็นอย่างไรให้ว่ามาอันนางสุวิญชานงเยาว์
อีเหล่านี้ริษยาสาธารณ์เอาท่อนไม้ใส่พานว่าลูกเขา
เฝ้าตะบอยบอกผัวยั่วเย้าอนิจจาลูกเราช่างเบาความ
ถึงจะเป็นกาลีดีชั่วเมียของตัวเป็นไรไม่ไต่ถาม
ผิดชอบก็ไม่รู้วู่วามขับไล่เล่นตามสบายใจ
นี่แน่ไชยเชษฐ์ลูกเอ๋ยกระไรเลยงวยงงหลงใหล
จงพินิจพิศดูผ้าสไบเห็นเจ้าจะจำได้ดอกกระมัง
อันหีบใหญ่ใบนี้อยู่กลางดงมันคงจะใส่เอาไปฝัง
แต่จนใจว่าไปก็อำปลังจะคอยฟังถ้อยคำสุวิญชา
เออสิ่งของร่องรอยก็พบสิ้นจะแทรกดินบินไปไหนหนักหนา
อ้ายทั้งสี่พี่เลี้ยงมึงกลับมามุสาเปล่าเปล่าไม่เข้าการ
เสียแรงกู้ไว้เนื้อเชื่อใจช่างนิ่งได้มุดหัวอยู่กับบ้าน
ชอบแต่เฆี่ยนให้หลังเป็นทาลานการงานหนักเบาไม่เข้าใจ
ฯ ๑๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนางแก้วสัจจาอัชฌาสัย
เคืองแค้นลูกยาแล้วว่าไปนั่งดูอยู่ไยไม่พาที
ของนี้จำได้หรือไม่เล่าลูกเต้าอะไรที่ไหนนี่
พลอยเฟือนเปื้อนปนเจ้าคนดีช่างไม่มีความคิดสักนิดเดียว
เชื่อลิ้นหลงกลคนโกหกมีแต่พกโมโหฉุนเฉียว
ใจคอพอดีกระนี้เจียวจะบอกแม่คำเดียวไม่น้อยใจ
นิจจาเอ๋ยสุวิญชาบังอรจะซอกซอนไปตำบลหนไหน
จะอดอยากลำบากประการใดว่าพลางอรไทก็โศกี
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์สุริย์วงศ์เรืองศรี
เห็นองค์สมเด็จพระชนนีโศกีรำพันว่าไป
คิดถึงเมียเสียใจอาลัยนักพระเมินพักตร์ผินผันกลั้นร้องไห้
พลางหยิบดอกจำปาผ้าสไบภูวไนยแลเล็งเพ่งพิศ
แล้วทูลสองพระองค์ทรงเดชจงโปรดเกศเกศีลูกนี้ผิด
เพราะโมโหหุนหันไม่ทันคิดอกุศลดลจิตให้เป็นไป
หากสี่พี่เลี้ยงเข้ากั้นกางขอโทษนางอ้อนวอนเป็นไหนไหน
จึงมิได้ฆ่าฟันให้บรรลัยขับไล่เสียจากพารา
เดชะบุญจางตลอดรอดฝั่งอีคนชังคนคิดริษยา
จะเสี่ยงสับแล่เนื้อเอาเกลือทาแก้แค้นแสนสาแก่ใจมัน
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท่านท้าวธรรมึกนึกหุนหัน
จึงตรัสว่าไม่เห็นถึงเช่นนั้นน้อยหรือให้ฆ่าฟันกัลยา
นี่หากอ้ายทั้งสี่พี่เลี้ยงมันว่ากล่าวบ่ายเบี่ยงเป็นหนักหนา
ยังขับไล่เสียจากพารางามหน้าแล้วคราวนี้ดีแท้
จะพูดไปเหนื่อยเปล่าไม่เข้าข้อถึงเป็นพ่อก็ทำไมกับคนแก่
นับวันแต่จะเฟือนเชือนแชไม่รู้คุ้งรู้แควประตูไร
แต่คิดมาหรือหนึ่งจะต้องว่าจะพลอยพาความผิดถึงผู้ใหญ่
หยาบหยามทำตามอำเภอใจยิ่งกว่าข้าสินไถ่ที่ได้มา
ถ้านางไปทูลท้าวกล่าวโทษจะกริ้วโกรธขัดแค้นแสนสา
ก็จะยกพวกพลอสุรารีบมาเคี้ยวกันสิ้นทั้งเมือง
จงเร่งคิดติดตามทรามวัยไปแก้ไขทูลความตามเรื่อง
ชี้แจงบรรยายให้หายเคืองเร่งออกจากเมืองในวันนี้
ว่าพลางชวนนางแก้วสัจจาลีลาลงจากปราสาทศรี
พร้อมสนมกำนัลขันทีภูมีเสด็จคลาไคล
ฯ ๑๔ คำ ฯ เสมอ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์รัศมีศรีใส
ครวญคร่ำกำสรดระทดใจอยู่ในแท่นที่ศรีไสยา
ฯ ๒ คำ ฯ
พญาโศก
๏ ทอดองค์ลงนอนเหนืออาสน์กรก่ายพระนลาฏละห้อยหา
คิดคะนึงถึงโฉมสุวิญชาให้มีความเมตตาอาลัยนัก
แต่เจ้าพลัดพรากจากบุรีพี่นี้วิตกเพียงอกหัก
จากเมียเสียทั้งพระลูกรักทรงศักดิ์รัญจวนครวญคราง
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าสุวิญชาของผัวเอ๋ยบาปสิ่งไรเลยเราเคยสร้าง
บันดาลดลให้มีอีเจ็ดนางมันเกิดมาตามล้างในชาตินี้
จึงเผอิญให้ผัวมัวนิยมสมาคมคบพวกเดียรถีย์
ไม่รู้กลคนกาลกิณีจึงเสียมิ่งมารศรีน่าน้อยใจ
สงสารปานนี้นางโฉมตรูจะไปอยู่แห่งหนตำบลไหน
หรือจะตายวายวางเสียกลางไพรหรือจะไปได้ถึงพระบิดร
ยิ่งคิดยิ่งแค้นแสนเทวษชลเนตรซึมซาบอาบหมอน
พระโศกศัลย์กันแสงถึงบังอรแน่นอนสะอื้นไห้ไปมา
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นนางศรีสุริยาเสน่หา
เห็นพระโฉมยงทรงโศกาสะอื้นถึงสุวิญชาก็พรั่นใจ
จึงเรียกนางอุบลวดีครั้นนี้เราจะคิดเป็นไฉน
หยูกยาอาคมที่ทำไว้ก็เสื่อมคลายหายไปทุกเวลา
พระรื้อครวญคร่ำรำพึงคิดถึงสุวิญชาเป็นหนักหนา
แม้นตามไปได้ตัวกลับมาเบื้องหน้าก็จะเกิดวุ่นวาย
จำเราจะพากันขึ้นไปเยาะเย้ยไยไพพระโฉมฉาย
ให้เธออัปยศอดอายแล้วเดินกรายตรงไปไม่รั้งรอ
ฯ ๘ คำ ฯ เพลง
เย้ย
๏ ครั้นถึงจึงเข้าผลักไสทุกข์ร้อนถึงใครกระนี้หนอ
เฝ้าครวญคร่ำน้ำเนตรยังคลอคลอเห็นต่อจะรำลึกถึงเมียรัก
นางสุวิญชาเป็นกาลีเผอิญมีลูกอ่อนเป็นท่อนสัก
ยังอาลัยในหญิงทรลักษณ์ไม่อายพักตร์นักสนมกรมใน
เขาจะว่าพระองค์หลงเมียขับไล่ไปเสียแล้วร้องไห้
นางอื่นหมื่นแสนแน่นไปมิใช่สตรีมีจำเพาะ
ไม่เหมือนนางหน้านวลไม่ควรคู่แต่เจ้าสุวิญชาจะพาเหาะ
เดี๋ยวนี้พรากจากท้าวเป็นคราวเคราะห์ไปสืบเสาะตามหาเอามาซิ
รักเมียสุดอย่างห่างไม่รอดเป็นไรไม่กอดกันไว้สิ
ขับเสียจากวังแล้วนั่งมิสิ้นสติมึนตึงตะลึงตะไล
สมเพชเวทนาน่าหัวร่อทุกข์ร้อนงอนหง่อเหมือนจับไข้
รู้กระนี้ขับเมียเสียทำไมแล้วจะมาอาลัยเมื่อปลายมือ
น้ำลายคายถ่มลงถึงดินจะกลับคืนกลืนกินไม่เกลียดหรือ
ไพร่บ้านพลเมืองจะเลืองลืออึงอื้อไปทั่วทั้งเหมันต์
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
             

ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์เคืองแค้นแสนศัลย์
งุ่นง่านดาลเดือดดุดันขบฟันเกรี้ยวกราดตวาดไป
เหม่อีขี้ข้าหน้าเป็นมาเยาะเย้ยกูเล่นหรือไฉน
กูขับเมียกูเสียก็เพราะใครพวกมึงหรือมิใช่มายุยง
มึงอย่าพักชมชื่นรื่นรวยชีวิตมึงจะม้วยเป็นผุยผง
แม้นตามไปได้สมดังใจจงจะปลดปลงทั้งโคตรอีเจ็ดคน
วันนั้นเสียความไม่ถามไถ่กูหลงเชื่ออีใจอกุศล
ไม่ทันคิดพิเคราะห์ดูเล่ห์กลบันดาลดลจิตใจให้ขับน้อง
มึงทั้งเจ็ดคนอีชาติข้าเห็นกูไปมาก็จองหอง
ทำแก่เนื้อแก่ตัวหนังหัวพองเหมือนกิ้งก่าได้ทองผูกคอไว้
กูได้หีบมาเป็นสำคัญจะได้เล่นเห็นกันให้จงได้
ช่างพันผูกว่าลูกเป็นท่อนไม้นั่นเล่ห์กลของใครอีมารยา
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางอุบลวดีเสน่หา
เคืองค้อนย้อนตอบพระวาจาถึงหีบหีบได้มาไม่ตกใจ
ใครยั่งยืนว่าข้าทำร้ายอันจะคิดตัวตายอย่าสงสัย
ถึงจะดำน้ำลุยไฟไม่ย่อท้อต่อใครอย่าสงกา
สิได้หีบมาเห็นเป็นสำคัญก็เชิญไปตามกันที่ในป่า
เกลือกว่าจะพบพระลูกยาจะได้พามาให้พร้อมพรัก
ข้านี้ขี้ข้าอยู่ในเรือนมันไม่เหมือนหม่อมแม่เจ้าท่อนสัก
แต่ขับไล่ไปแล้วยังร่ำรักจนพระพักตร์ดูดำดังหมึกทา
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์เคืองแค้นแสนสา
ดูดู๋ลิ้นลมเจรจาต่อล้อเล่นหน้าคารมดี
อุตส่าห์เร่งขึ้นเสียงเถียงให้อึงหัวมึงจะขาดอยู่ที่นี่
พระกริ้วโกรธนักดังอัคคีเหม่อีกาลีมึงเย้ยใคร
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
ศัพท์ไทย
๏ ว่าเอยว่าแล้วฉวยพระขรรค์แก้วเลี้ยวไล่
ทุดอีจัญไรวิ่งไปไยนา
ปากกล้าสาหัสกูจะตัดเกศา
อีเจ้ามายาขี้ข้าอาธรรม์
พระยิ่งโกรธเกรี้ยวไล่เลี้ยวห้ำหั่น
กระชิดติดพันฟาดฟันวุ่นไป
ฯ ๖ คำ ฯ
รื้อ
๏ เจ็ดเอยเจ็ดนางเถียงพลางวิ่งพลางไม่เข้าใกล้
เขาว่าถูกใจออกไล่ฆ่าฟัน
คลั่งถึงเมียรักฮึกฮักหุนหัน
ว่าพลางพากันพัลวันวิ่งไป
ฯ ๔ คำ ฯ
รื้อ
๏ อีเอยอีเจ็ดคนยังขึ้นเสียงเถียงลนทะเลาะได้
กล้าดีหนีไยอีใจฉกรรจ์
หัวมึงจะพับลงกับพระขรรค์
ว่าพลางทรงธรรม์ไล่ฟันกัลยา
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ ครั้นเห็นเจ็ดนางหนีไปคั่งแค้นพระทัยเป็นหนักหนา
หวนรำลึกถึงสุวิญชาเสด็จมายังพระโรงรูจี
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาสน์ประภาษสั่งพี่เลี้ยงทั้งสี่
ให้ผูกม้าเตรียมพลมนตรีพรุ่งนี้น้องจะไปไพรวัน
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นพระพี่เลี้ยงรับสั่งแล้วผายผัน
มาจัดพลผูกม้าเครื่องสุวรรณเตรียมท่าทรงธรรม์ที่เกยลา
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ลือเดชทุกทิศา
ครั้นสว่างสร่างแสงพระสุริยาเสด็จมาสระสรงสาคร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ทรงเครื่องประดับสรรพเสร็จขัดพระขรรค์ใจเพชรสะพักศร
แล้วลีลามาทรงอัศดรให้เลิกพลนิกรไคลคลา
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
ชมดง
๏ พระเสด็จเข้าในไพรไพฤกษ์คะนึงนึกถึงเจ้ายอดเสน่หา
พลางชมรุกขชาติดาษดาบ้างทรงผลผกาอรชร
หอมหวนอวลอบมารวยรินกลั้วกลิ่นเหมือนกลิ่นดวงสมร
พระผันแปรแลเห็นทิชากรบ้างบินร่อนเรียกคู่บ้างจับคอย
เบญจวรรณจับวัลย์พ้นอุโลกถวิลวันวิโยคที่โศกสร้อย
กระลิงจับไม้กระลิงลอยเหมือนขับไล่สาวน้อยให้คลาดแคล้ว
นกหว้าจับไม้ขานางนอนเหมือนน้องวอนว่าพี่อยู่แจ้วแจ้ว
นกกระเต็นเต้นไต่ต้นช้องแมวเหมือนน้องแก้วไต่เต้าตามวิฬาร์
ชมพลางทางคะนึงถึงเมียรักพระทรงศักดิ์เศร้าสร้อยละห้อยหา
ไม่แลดูหมู่ไม้สกุณารีบเร่งอาชาจรลี
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
ตะนาว
๏ เดินพลางทางเห็นจำปาทองเรี่ยรายก่ายกองตามวิถี
ทั้งรอยแมวขุดคุ้ยปัถพีจึงบอกสี่พี่เลี้ยงมิได้ช้า
อันนวลนางมาทางสิงหลได้น้องนี้ดีใจเป็นหนักหนา
ชะรอยเจ้าเศร้าโศกไคลคลาดอกจำปาจึงตกตามทางไป
แล้วสั่งบรรดาพวกพลให้ดั้นด้นค้นคว้าในป่าใหญ่
สั่งพลางทางขับมโนมัยตามรอยดอกไม้ไปดู
ฯ ๖ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
ร้องเชิดฉิ่ง
๏ เห็นจอมปลวกตอไม้หมายว่าน้องพระก้มองค์ลงมองอยู่เป็นครู่
ครั้นแลไปมิใช่นางโฉมตรูให้คิดอายอดสูในพระทัย
เห็นเงาไวไวอยู่ในรกรื้อขับม้าหกมาดูใหม่
เข้าใกล้มิใช่นางทรามวัยชลนัยน์ไหลหลั่งลงหลังม้า
ได้ยินเสียงดุเหว่าเร่าร้องเอ๊ะเสียงน้องโน่นแล้วกระมังหนา
ฟังไปมิใช่เสียงสุวิญชาพระทรงโศกาแล้วคลาไคล
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
ร่าย
๏ ครั้นถึงปลายแดนเมืองสิงหลให้พักพลหยุดอยู่ในป่าใหญ่
พระตรัสแก่พี่เลี้ยงทันใดเราจะตั้งแรมไรอยู่ที่นี้
จะได้ซับซาบดูให้รู้ข่าวว่านางมาถึงท้าวยักษี
หรือเวียนวนหลงอยู่พนาลีจะได้ยกโยธีไปเที่ยวค้น
พี่ออกไปบอกเสนาให้ตั้งพลับพลาพนาสณฑ์
อย่าเกรียวกราวป่าวร้องจงทุกคนรู้ถึงสิงหลจะวุ่นวาย
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นพระพี่เลี้ยงรับสั่งแล้วผันผาย
จึงเรียกหาบรรดาตัวนายแล้วบรรยายสั่งความตามบัญชา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนาตำรวจในซ้ายขวา
ให้บ่าวไพร่ตัดไม้เกี่ยวคามาปลูกพลับพลาฉับพลัน
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์เฉิดฉัน
พอพระสุริยาสายัณห์จรจรัลขึ้นสู่พลับพลาชัย
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ ลดองค์ลงนั่นเหนืออาสน์จะดำรัสตรัสประภาษก็หาไม่
ให้คิดรำพึงคะนึงในถึงนางทรามวัยสุวิญชา
ครั้นเพลาพลบค่ำย่ำฆ้องเสียงนกหกร้องก้องป่า
จึงเสด็จเข้าในที่ไสยาเอนองค์ลงนิทราไม่มีสบาย
ฯ ๔ คำ ฯ      ตระ ประทมไพร
ช้าปี่
๏ พระแน่นอนถอนทอดใจใหญ่คิดใคร่ครวญไปฤทัยหาย
กูขับเมียเสียรู้อีแสนร้ายมันอุบายพูดพ้อล่อลวง
พอฉุกจิตคิดกลับสิขับแล้วดังดวงแก้วตกลงชเลหลวง
น้อยใจเจ็บช้ำระกำทรวงมันแกล้งเด็ดเอาดวงชีวิตไป
แต่จากมิ่งเมียขวัญจนวันนี้ผัวจะมีความสุขก็หาไม่
เจ้าคิดถึงพี่บ้างหรืออย่างไรหรือจะแค้นเคืองใจไม่ไยดี
นิจจาเอ๋ยป่านนี้สุวิญชาจะอยู่ป่าหรือจะอยู่ในกรุงศรี
พระรัญจวนครวญหาในราตรีจนม่อยหลับไปกับที่ไสยา
ฯ ๘ คำ ฯ      ตระ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์โอรสา
อยู่ในสิงหลพาราจนชันษาอายุได้เจ็ดปี
รูปทรงละม่อมพร้อมพริ้งงามยิ่งเทวาในราศี
เสวยรมย์สมบัติสวัสดีกับพระชนนีโฉมตรู
เมื่อวันจะพบพระบิตุเรศให้บังเหตุโอรสคิดอดสู
น่าเจ็บใจใครหนอเป็นพ่อกูจึงถามมารดาดูทันใด
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ อันพระบิตุเรศของลูกรักไม่รู้จักรูปทรงว่าองค์ไหน
เห็นแต่แม่ผู้เดียวเปลี่ยวใจกับท้าวไทอัยกาเป็นสองคน
สุริย์วงศ์พงศ์ประยูรที่คุ้นเคยช่างไม่มีบ้างเลยในสิงหล
โปรดเกล้าเล่าแถลงแจ้งยุบลเหตุผลเป็นไฉนพระชนนี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนวลนางสุวิญชามารศรี
ได้ฟังลูกยาพาทีเทวีก็คิดสะดุ้งใจ
เหตุนี้ดีร้ายพระบิดาตามมาแล้วลูกจึงนึกได้
แสนสงสารลูกน้อยกลอยใจชลนัยน์ไหลหลั่งดังธารา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระนารายณธิเบศร์โอรสา
แลเห็นสมเด็จพระมารดาชลนาไหลพรากก็หลากใจ
จึงทูลว่าข้าถามถึงบิตุรงค์เป็นไฉนไยทรงกันแสงไห้
เหตุผลต้นปลายประการใดจงบอกเล่าลูกไปตามสัจจา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชากล่าวแกล้งแสร้งว่า
เมื่อกี้แม่แหงนดูหลังคาผงปลิวเข้าตาให้เคืองคาย
ชลเนตรไหลหลั่งลงพรั่งพรูเคืองอยู่เดี๋ยวนี้ยังมิหาย
ซึ่งถามถึงบิดาอย่าวุ่นวายแม่จะบอกฤาสายอย่าร้อนรน
อันบิตุเรศเกิดเกศของเจ้านั้นคือพระองค์ทรงธรรม์ท้าวสิงหล
จงไปเฝ้าอัยกาเจ้าสากลทูลถามเหตุผลให้แจ้งใจ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์สิ้นสงสัย
แล้วบังคมลาคลาไคลไปเฝ้าท้าวไทอัยกา
ฯ ๒ คำ ฯ      เพลง
๏ ครั้นถึงมหาปราสาทจึงลีลาสเข้าไปใกล้ยักษา
ลดองค์ลงกราบกับบาทานั่งเฝ้าอัยกาพระยายักษ์
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์บังคมไหว้
แล้วกราบทูลความถามท้าวไทพ่อข้าคนไหนอัยกา
แต่หลานรักรู้คำจำความยังไม่รู้จักนามรู้จักหน้า
ครั้นทูลถามพระแม่สุวิญชาบอกว่าตาเป็นพ่อเห็นผิดนัก
มารดาข้ายังเป็นสาวแส้ตาแก่โคร่งคร่างฟันฟางหัก
ไม่ร่วมแท่นบรรทมภิรมย์รักสงสัยนักตาเล่าให้เข้าใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท่านท้าวสิงหลเป็นใหญ่
ได้ฟังหลานสนองต้องพระทัยยิ้มแย้มละไมแล้วว่ามา
เขาเห็นว่าตาชรานักหลานรักจะอับอายขายหน้า
ไม่สมกันกับแม่สุวิญชาจึงให้เรียกพ่อตาแล้วเป็นไร
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์สิ้นสงสัย
สำคัญว่าพ่อจริงก็นิ่งไปจึงกราบทูลท้าวไทยอัยกา
หลานจะลาไปเล่นพนาลีจับหมู่มฤคีแลปักษา
ตะวันชายบ่ายคล้อยจะกลับมาพระอัยกาจงโปรดปรานี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท่านท้าวสิงหลยักษี
แสนสวาทนัดดาพ้นทวีกอดจูบแล้วมีพระบัญชา
หลานจะใคร่ไปเที่ยวเล่นไพรก็ตามแต่น้ำใจตาไม่ว่า
จึงเรียกสี่พี่เลี้ยงเข้ามากำชับกำชาสารพัน
แล้วบัญชาการว่าหลานรักพ่ออย่าอยู่ช้านักในไพรสัณฑ์
พอบ่ายชายแสงสุริยันจงรีบผายผันมาพารา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์โอรสา
ชื่นชมยินดีชลีลามาทรงอาชาทันใด
พร้อมพระพี่เลี้ยงทั้งสี่เสนีขี่ม้ามาไสว
ควบขับคับคั่งเวียงชัยเร่งอาชาไนยให้เคลื่อนคลาย
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงป่าใหญ่ไพรสาณฑ์จึงสั่งพนักงานบ่วงข่าย
ให้เร่งลงหลักดักรายพวกม้าผันผายไปไล่มา
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเหล่าพวกพนักงานถ้วนหน้า
ผูกบ่วงถ่วงทิ้งโยทะกาดักตามมรคาที่เนื้อจร
บ้างวงข่ายรายรอบปากชนางใส่สายรยางค์ชักหลอน
พวกม้าไล่ไปชายดงดอนหุ้มต้อนฝูงสัตว์สะพัดมา
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด เจรจา
๏ บ้างจับได้สิงโตโคกระทิงสารพัดสัตว์สิงมหิงสา
บ้างได้เนื้อเบื้อนานาต่างเอามาถวายพระกุมาร
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์เกษมศานต์
ชมสัตว์จัตุบาทแสนสำราญแล้วพระกุมารก็ปล่อยไป
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นเสร็จขึ้นสายธนูศิลป์ฟ้าดินกัมปนาทหวาดไหว
ยิงต้นรังพลันทันใดเสียงสนั่นลั่นไปในอารัญ
ฯ ๒ คำ ฯ เชิดฉิ่ง เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ตระหนกอกสั่น
กับสี่พี่เลี้ยงทั้งนั้นพากันหวั่นหวาดประหลาดใจ
พี่เลี้ยงว่าเสียงเหมือนฟ้าผ่าบ้างว่าเขายิงปืนใหญ่
จึงลงจากพลับพลาคลาไคลเที่ยวด้อมเดินไปจะใคร่รู้
ฯ ๔ คำ ฯเพลง
๏ ค่อยแลลอดสอดเห็นพระกุมารกับทวยหาญน้อยน้อยมาเล่นอยู่
รูปทรงโสภาน่าเอ็นดูถือธนูน้าวประลองคะนองนัก
พระจึงว่ากับสี่พี่เลี้ยงไปลูกใครกระจิริดสิทธิศักดิ์
งามทั้งรูปทรงวงพักตร์น่ารักน่าชมภิรมย์ใจ
ครั้นเราจะเข้าไปพูดจาเด็กดูแปลกหน้าจะร้องไห้
จะใคร่ชักชวนมาพลับพลาชัยจะเกลี้ยกล่อมฉันใดพี่ช่วยคิด
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นทั้งสี่พี่เลี้ยงผู้ร่วมจิต
ต่างคนแลเล็งเพ่งพิศแล้วทูลทรงฤทธิ์ไปทันใด
อันทรวดทรงองค์พระกุมารนี้เหมือนภูมีจริงจังดังเถือใส่
ทั้งท่วงทีกิริยาละม่อมละไมจะดูไหนไม่ผิดสักสิ่งอัน
อย่าสงสัยไปเลยพระทรงยศโอรสของพระองค์เป็นแม่นมั่น
ชะรอยบุตรสุวิญชาลาวัณย์พระทรงธรรม์อย่าแหนงแคลงใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์จึงตอบแถลงไข
พี่ว่าเห็นจริงทุกสิ่งไปจึงดลใจให้น้องนี้เมตตา
ถ้าแม้นเป็นลูกเต้าของเราจริงจะปรากฏยศยิ่งในใต้หล้า
ชาตินี้มีกรรมได้ทำมาพลัดพรากสุวิญชานงลักษณ์
เผอิญเห็นเป็นไปเข้าใจดลหลงกลอีคนอัปลักษณ์
จนจากเมียเสียองค์พระลูกรักแสนวิตกอกจะหักสู้ตามมา
อนิจจาสุวิญชาของผัวเอ๋ยเมื่อไรเลยจะได้เห็นหน้า
เจ้าช่างวางใจไม่อัชฌาละให้ลูกยามาเล่นไพร
พระคิดถึงเมียแก้วแล้วโศกศัลย์ยิ่งกลืนกลั้นชลเนตรก็ยิ่งไหล
เสด็จออกไปนอกพุ่มไม้ตั้งใจยืนดูพระกุมาร
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์ใจหาญ
เล่นอยู่กับหมู่บริวารเห็นคนยืนหน้าฉานก็ขัดใจ
จึงชี้หัตถ์ตรัสว่าอ้ายเหล่านี้ชีวีมึงจะม้วยหารู้ไม่
ยืนเขม่นจะเล่นกูเท่าไรตำรวจในเร่งออกไปถามดู
ว่ามายืนทำไมที่ไหนนั่นหรือชวนกันหลอกล้อจะต่อสู้
จึงมิได้ยำเยงเกรงกูไปถามดูแล้วกลับมาฉับพลัน
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
             

๏ บัดนั้นพวกตำรวจในคนขยัน
ก้มเกล้ารับสั่งบังคมคัลพากันวิ่งไปเก้กัง
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงว่าตานั่งลงทำไมมายืนตรงหน้าที่นั่ง
ตาเหล่านี้นักหนาว่าไม่ฟังจะเอาหวายลงหลังหรือว่าไร
แกล้งออกมาเผ่นเห็นถนัดรับสั่งตรัสให้เข้ามาถามไถ่
ตัวยืนหน้าที่นั่งบังอาจใจไม่เห็นเจ้าหรือไรให้ว่ามา
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์ก็หรรษา
ได้ฟังเด็กเด็กมาพูดจายิ้มแย้มไปมาในพระทัย
จึงตรัสว่าน้อยน้อยเท่านี้สำนวนถ้วนถี่ดังผู้ใหญ่
ว่าพลางทางยื่นพระหัตถ์ไปจับเกศาเลือกไสไปมา
ทำไมจะให้กูกลัวเกรงเจ้าเอ็งเป็นอะไรมานักหนา
ยืนอยู่ไม่ได้หรือไรนากูมิรู้ที่จะว่าให้การเป็น
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเด็กเด็กโกรธใจมิใช่เล่น
พากันกลับมาน้ำตากระเด็นร้องว่าจะได้เห็นกันเดี๋ยวนี้
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงจึงกราบบาทมูลสะอื้นพลางทางทูลถ้วนถี่
ข้าถือรับสั่งพระภูมีครั้งนี้สุดแค้นแสนเจ็บใจ
ไต่ถามตาแก่รังแกนักจะให้หลักให้การก็หาไม่
ตัวนายนั้นดื้อทั้งมือไวจับศีรษะข้าไว้จะให้กลัว
แล้วว่ากูยืนนดูไม่ได้หรือพูดพลางเอามือสั่นหัว
เห็นว่าเป็นเด็กเล็กกว่าตัวมิได้กลัวพระราชอาญา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์โอรสา
ฟังคำอำมาตย์ทูลมาพระกริ้วโกรธาตละไฟ
น้อยหรือทำได้ไม่ยำเกรงข่มเหงเสนาผู้ใหญ่
กูกลับเข้าไปในเวียงชัยจะกราบทูลท้าวไทอัยกา
อุกอาจราชศักดิ์เป็นสุดคิดน้อยจิตน้อยใจหนักหนา
สิถามไถ่ไม่ให้การมาไปผูกคอคร่ามาบัดนี้
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเด็กเด็กรับสั่งใส่เกศี
บ้างบิดผ้าหาเชือกมาทันทีเปรมปรีดิ์ดีใจแล้ววิ่งมา
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงร้องว่าไปสาแก่ใจบาปกรรมที่ทำข้า
พระองค์ทรงกริ้วโกรธาให้ผูกคอตาห้าคนไป
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ผู้มีอัชฌาสัย
แจ้งการว่ากุมารเคืองใจภูวไนยถวิลจินดา
จำจะไปเล้าโลมโฉมงามจะได้ชมสมความปรารถนา
คิดพลางย่างเยื้องลีลาไคลคลามากับพี่เลี้ยงพลัน
ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงมีวาจาพ่ออย่าเคืองขุ่นหุนหัน
รักกันนั้นดีกว่าชังกันจะทำน้ำใจสั้นไม่เข้ายา
ข้าเห็นเจ้าเล่นกับบ่าวไพร่ให้มีใจจงรักเป็นหนักหนา
ขออุ้มเจ้าหน่อยเถิดราพลางคว้าข้อมือยื้อยุดไว้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนารายณ์ธิเบศร์โกรธหนักผลักไส
สะบัดมือเสียพลางทางว่าไปนี่รู้จักใครมายุดมือ
เมื่อกี้เราใช้ให้ไปว่าควรทำเสนาเราได้หรือ
ยังกลับมาอุตลุดยุดยื้อทำบ่าวแล้วรื้อมาทำเรา
ตาเห็นเป็นเด็กไม่ยำเกรงแกล้งข่มเหงกันเล่นเปล่าเปล่า
เป็นผู้ใหญ่ทำได้ก็ทำเอาแล้วเดินหนีมิให้เข้าใกล้องค์
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์สูงส่ง
จึงตรัสปลอบตอบคำจำนงเพราะใจตรงจงรักจึงหักมา
ข้าไม่หลอกล่อดอกพ่อเอ๋ยอย่าโกรธเลยรักกันเสียดีกว่า
เจ้าก็ตัดเยื่อใยไม่เมตตาอนิจจาเดินหนีหลีกลี้ไย
เมื่อกี้เจ้าใช้บ่าวออกไปห้ามข้าพาลเขลาเบาความไม่ถามไถ่
ไม่ทันรู้ว่าเสนาในเกิดมายังไม่เห็นใครเป็น
เมื่อแต่ล้วนเล็กเล็กกระจิริดข้ามีจิตคิดรักจึงหยอกเล่น
ลูกเท่าหัวเหาเต่าเล็นไม่เคยพบเคยเห็นแต่บุราณ
ตรัสพลางทางสั่งพี่เลี้ยงไปเอาขนมมาให้แก่พระหลาน
แล้วโลมเล้าเอาใจพระกุมารเชิญเสวยของหวานเถิดหลานชาย
ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์ว่าอย่าพึงหมาย
ถึงจะแสบท้องให้แทบตายไม่มักง่ายกินอะไรของใครเป็น
มิใช่ฝีปีศาจที่เดินหนจะเสือกสนเที่ยวท่องกินของเซ่น
อย่าปลอบไปให้เลือดตากระเด็นพลางเดินเที่ยวเล่นไม่เจรจา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ความแสนเสน่หา
พยายามตามปลอบกุมาราอนิจจาปลื้มใจไม่ดูดี
ข้ามิใช่ชายพาลย่อมวงศ์วานกษัตริย์เรืองศรี
ครอบครองเหมันต์ธานีไม่มีโอรสแลนัดดา
ไร้ทั้งสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ที่จะผ่านเหมันต์ไปวันหน้า
เป็นบุตรข้าเถิดนะพ่ออาบิดาจะให้ครองพระเวียงชัย
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์เคืองขัดอัชฌาสัย
พระกริ้วโกรธพลางว่าไปคนอะไรที่ไหนนี่หยาบช้า
อุเหม่ตาเฒ่านี้เจ้าเล่ห์เฉโกโว้เว้นักหนา
และเลียมเทียมเล่นเจรจาจะเป็นผัวแม่ข้าหรือว่าไร
ถึงตัวเราเล็กก็เหล็กเพชรไม่ขามเข็ดพวกตาอย่าสงสัย
ปั้นเจ๋อเย่อหยิ่งเป็นพ้นไปผู้ใหญ่แสนรู้มาสู้กัน
ว่าพลางทางขึ้นธนูศิลป์ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น
พาดสายหมายล้างชีวันผาดแผลงไปพลันทันใด
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ ศรทรงองค์พระกุมารกลายเป็นมาลาแลไสว
ไม่สังหารผลาญชีพชีวาลัยพระกุมารโกรธใจเป็นโกลี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์เรืองศรี
เห็นศรกุมารชาญฤทธีกลับเป็นมาลีประหลาดใจ
วิปริตผิดเพศไม่เคยพบพระปรารภพิศวงสงสัย
คิดพลางทางเสี่ยงศิลป์ชัยเดชะฤทธิไกรธนูนี้
แม้นกุมารมิใช่โอรสาของนางสุวิญชามารศรี
ขอให้ศรสิทธิ์ฤทธีสังหารกุมารนี้ให้วายปราณ
แม้นเป็นลูกน้อยนางโฉมฉายให้ศรกลายเป็นทิพย์อาหาร
เสี่ยงแล้วขึ้นศรรอนราญแผลงไปให้ผลาญกุมารา
ฯ ๘ คำ ฯ เชิดฉิ่ง
๏ ศรทรงองค์พระไชยเชษฐ์อาเพศไม่พานโอรสา
กลับเป็นเอมโอชโภชนาเกลื่อนกลาดดาษดาพนาวัน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระทิ้งศรทรงลงทันใดวิ่งไปกอดลูกแล้วรับขวัญ
พ่อลูกมาประสบพบกันจะหักโหมโรมรันด้วยอันใด
ปลอบพลางทางเห็นธำมรงค์ที่กุมารสอดทรงก็จำได้
จึงว่าแหวนนี้ข้าให้ไว้กับโฉมงามทรามวัยสุวิญชา
มิเชื่อเราเจ้าถามพี่เลี้ยงดูเขารู้จักอยู่ถ้วนหน้า
แม้นเขาว่าข้ามิใช่บิดาจึงค่อยว่าล่อลวงเจ้าดวงใจ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์ยังสงสัย
แล้วตริตรึกนึกแหนงแคลงพระทัยด้วยออกนามทรามวัยสุวิญชา
พลางเรียกพี่เลี้ยงเข้ามาถามจงแจ้งความตามสัตย์อย่าพรางข้า
จริงหรือเขาว่าเป็นบิดาผัวแม่สุวิญชาชนนี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระพี่เลี้ยงประณตบทศรี
จึงทูลว่าอัยกาธิบดีห้ามปรามความนี้อยู่มากมาย
แม้นว่าบอกกล่าวเล่าพระองค์จะลงอาญาข้าทั้งหลาย
ฉวยรู้ไปในวังสิหลังลายพระเบี่ยงบ่ายอย่าให้ข้าถูกตี
มั่นคงองค์นี้แลบิตุเรศทรงนามไชยเชษฐ์เรืองศรี
ครองเมืองเหมันต์ธานีสามีพระเม่สุวิญชา
อันพระบิตุรงค์ทรงฤทธิ์โทษผิดใหญ่หลวงนักหนา
พระยายักษ์เคืองขัดอัธยาไม่ให้มาพานพบพระชนนี
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์เรืองศรี
ได้ฟังพี่เลี้ยงพาทีมีความยินดีเป็นพ้นไป
จึงยอกรกราบบาทบิตุเรศชลเนตรแถวถั่งหลั่งไหล
สะอื้นพลางทางทูลถามไปเหตุผลกลใดพระทรงธรรม์
บิตุรงค์กับองค์พระมารดรไม่สมัครสโมสรเกษมสันต์
หรือวิวาทบาดหมายอะไรกันทรงธรรม์จงเล่าให้เข้าใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์เศร้าสร้อยละห้อยไห้
ฟังลูกทูลถามถึงความในชลเนตรหลั่งไหลฟูมฟาย
จึงว่าพ่อจะเล่าแก่ลูกแก้วกรรมของพ่อแล้วนะโฉมฉาย
ข้างแม่เจ้าเล่าก็เคราะห์ร้ายจึงเผอิญวุ่นวายวิวาทกัน
เหตุผลต้นยนต์อีสุริยามันทำกับบิดานี้แสนศัลย์
ให้บอกกล่าวข่าวช้างสำคัญพ่อต้องผายผันมาอยู่ไพร
ภายหลังแม่คลอดเจ้าออกมาสุริยาลอบลักเอาไปได้
ครั้นบิดากลับมาถึงวังในเห็นแต่ท่อนไม้ใส่พานมา
มันว่าลูกของนางโฉมยงพ่อหลงเชื่อฟังอีแพศยา
จึงขับแม่พลัดพรากจากพาราจนเจ้าชันษาถึงเพียงนี้
กับท้าวสิงหลภูวไนยขึ้งโกรธเป็นไฉนนะโฉมศรี
ด่าทอพ่อมั่งหรือไม่มีจะใคร่ไปอัญชลีพระเจ้าตา
ถ้าท่านแค้นขัดตัดรอนพ่อลูกรักช่วยทูลขอซึ่งโทษา
ถึงจะม้วยลงด้วยพระอาญาแต่พอให้มารดาเจ้าเห็นใจ
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์บังคมไหว้
จึงทูลว่าพระอย่าทุกข์ฤทัยเกรงกลัวโพยภัยพระยามาร
ลูกจะทูลเบี่ยงบ่ายให้หายโกรธถึงพ่อต้องโทษก็โปรดหลาน
พอจะขอได้อยู่ดูอาการเห็นจะคิดสงสารแก่นัดดา
ขอเชิญพระองค์คลาไคลเข้าไปกรุงไกรด้วยกับข้า
เกลือกทูลขอโทษโปรดลูกยาพระบิดาจะได้เฝ้าท้าวทันที
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์เรืองศรี
ฟังลูกทูลความเห็นงามดีสมที่พระทัยนึกตรึกไตร
จะเข้าไปตรงตรงคงพรายแพร่งจำจะแปลงปลอมองค์ให้สงสัย
คิดพลางเปลื้องเครื่องออกทันใดให้พี่เลี้ยงซ่อนใส่ย่ามตะพาย
พระจึงจัดแจงแปลงองค์แกล้งทรงผ้าตาเล็ดงาด้าย
ห่มแพรเพลาะดำเนินกรายมาชวนพระลูกชายไคลคลา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระนารายณ์ธิเบศร์หัวเราะร่า
ชะงามพ้นคิดพระบิดาขายหน้าขายตาชนนี
ว่าพลางทางทรงอาชาไนยให้เลิกพลกลับไปกรุงศรี
พระบิดาเดินหลังรั้งโยธีกับสี่พี่เลี้ยงจรจรัล
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงที่ประตูเวียงชัยลงจากมโนมัยผายผัน
มาบังคมบิตุรงค์ทรงธรรม์พลางทูลไปพลันทันที
พระจงนั่งในทิมริมประตูอย่าให้ใครรู้ว่าอยู่นี่
ลูกยาจะลาจรลีไปเฝ้าชนนีกับเจ้าตา
ถ้าวันนี้เห็นทีจะทูลได้ถึงมืดค่ำอย่างไรจะมาหา
แล้วกำชับนายประตูดูอัชฌากูฝากตาห้าคนไว้ด้วยกัน
สั่งแล้วบังคมก้มเกศลาองค์บิตุเรศรังสรรค์
รีบเสด็จลีลามาพลันจรจรัลไปเฝ้าพระอัยกา
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
             

ตอนที่ ๓ พระไชยเชษฐ์เข้าเฝ้าท้าวสิงหล

             

ตอนที่ ๔ อภิเษกพระไชยเชษฐ์

             

เชิงอรรถ

ที่มา

บทละครนอกเรื่อง ไชยเชษฐ์ สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๓๘

(ขอขอบคุณ คุณ gignoi สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน)

เครื่องมือส่วนตัว