บทละครนอกเรื่องมณีพิชัย ตอนพราหมณ์ยอพระกลิ่นขอมณีพิชัยไปเป็นทาส

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

บทประพันธ์

ช้า
๏ เมื่อนั้นนางจันทรเทวีศรีใส
อินทรามาเข้าดลใจเผอิญให้ร้อนรนพ้นปัญญา
คิดจะใคร่ไปสรงชลธียังที่ฉนวนน้ำประจำท่า
ชวนฝูงกำนัลในไคลคลาลีลามาสู่ตำหนักแพ
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
ร่าย
๏ ครั้นถึงจึงลงสรงสนานกับบริวารข้าสาวชาวแม่
หัวระริกซิกซี้กันซ้อแซ้ชุ่มแช่ชลธารสำราญใจ
ฯ ๒ คำ ฯ เพลงฉิ่ง เจรจา
๏ นางจันทรทอดทัศนาเห็นดอกบัวลอยมาในน้ำไหล
ไม่แจ้งว่างูร้ายอยู่ภายในครั้นเข้ามาใกล้ก็หยิบเอา
กลิ่นหอมรวยรื่นชื่นอารมณ์นางเชยชมดมแล้วดมเล่า
แซมมวยเล่นลองต้องเบาเบางูงอดตอดเอาพระเศียรนาง
ขึ้นมาบนฉนวนครวญครางนวลนางซอนชบสลบลง
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
๏ บัดนั้นกำนัลนางต่างคนตะลึงหลง
บ้างเข้าประคองต้ององค์เห็นโฉมยงแน่นิ่งไม่ติงกาย
บ้างว่างูขบสลบไปทำกระไรกระนี้จึงจะหาย
บ้างวิ่งไปถึงโรงฝีพายหาหมอผู้ชายก็ไม่มี
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บรรดาข้าหลวงทั้งปวงนั้นต่างตระหนกอกสั่นขวัญหนี
เข้ากลุ้มอุ้มองค์เทวีพาไปยังที่พระบรรทม
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เถ้าแก่ท้าวนางต่างตกใจอลหม่านอกไหม้ไส้ขม
บ้างไปเรียกขอเฝ้าเจ้ากรมบ้างขึ้นมาบังคมทูลคดี
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นท้าวพิชัยนุราชเรืองศรี
ครั้นรู้ก็รีบจรลีพระมณีพิชัยก็ไคลคลา
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ นั่งลงทรงลูบปฤษฏางค์กายนางเย็นฉ่ำดังน้ำท่า
ตกใจสำคัญว่ากัลยามอดม้วยมรณาก็จาบัลย์
ฯ ๒ คำ ฯ โอด
๏ จึงตรัสสั่งลูกรักให้เร่งหาหมองูเข้ามาขมีขมัน
ใครแก้ไขให้หายจะรางวัลแพรพรรณเงินทองล้วนของดี
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระโอรสรับสั่งใส่เกศี
มาหาหมอวุ่นวิ่งเป็นสิงคลีอึงมี่ตึงตังทั้งวังใน
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ มดหมอแก้ไขก็หนักหนานางจะฟื้นคืนมาก็หาไม่
จึงให้ตีฆ้องร้องป่าวไปหมองูอยู่ที่ไหน เอาตัวมา
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
ลาวปืนตลิ่ง
๏ เมื่อนั้นโฉมเจ้าพราหมณ์น้อยละห้อยหา
นั่งอยู่ยังบรรณศาลาเห็นเขามาร้องป่าวก็เข้าใจ
ชะรอยท่านแม่ผัวตัวอิจฉาบาปหนางูขบสลบไสล
เหมือนคำโกสีย์ที่สาปไว้สมน้ำหน้าสาใจนางเทวี
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นหยุดเสียงฆ้องก็ร้องถามถ้อยความอะไรขาว่าเมื่อกี้
เชิญแวะมาหาข้าข้างนี้เล่าคดีให้ฟังมั่งเป็นไร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนาฟังพราหมณ์ถามไถ่
จึงบอกว่ามเหสีของท้าวไทงูขบสลบไปไม่ฟื้นองค์
หมองูเอายาทาถวายก็ไม่คลายสักนิดที่พิษสง
ถ้าใครแก้ฟื้นคืนคงพระองค์จะให้ทองเท่าลูกฟัก
เข้าใจมั่งหรือพ่อเป็นหมองูชีพราหมณ์ความรู้มักแหลมหลัก
ปากเปราะเราะรายมาทายทักจะรับรักษาได้หรือไรนา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์ยิ้มพลางทางว่า
ข้าเจ้าเป็นหมองูรู้มนตราจะรักษาก็ได้เป็นไรมี
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเสนาได้ฟังถ้วนถี่
จึงว่าขอเชิญเจ้าพราหมณ์ชีไปรักษามเหสีท้าวไท
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์กล่าวแกล้งแถลงไข
เท้าข้าป่วยเจ็บเป็นเหน็บไปเดินเหินไม่ได้นะเสนา
ท่าทางกลางดงก็กันดารแม้นท่านจะให้ไปรักษา
จงไปทูลอาการพระผ่านฟ้าให้เอาวอออกมารับเรา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนีดีใจใครจะเท่า
ซักไซ้ได้ความตามลำเนาแล้วกลับเข้าบุรีเร็วพลัน
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงทูลแถลงแจ้งความข้าไปพบเจ้าพราหมณ์ในไพรสัณฑ์
เป็นหมองูรู้จบครบครันหยูกยาว่าขยันเคยทดลอง
จะพามาด้วยก็ป่วยเท้าเดินก้าวไม่ถนัดขัดข้อง
สั่งมาว่าจะเอาวอทองไปรับรองจึงเจ้าจะเข้ามา
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวพิชัยนุราชนาถา
ได้ฟังจึงสั่งเสนาอย่าช้าเร่งรัดกันบัดนี้
วอทองของกูที่ทำใหม่จงเอาไปให้เจ้าพราหมณ์ขี่
เชื้อเชิญพูดจาให้จงดีรับเจ้าพราหมณ์ชีเข้ามา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนีรับสั่งใส่เกศา
มาจัดแจงแต่งวอช่อฟ้าเสร็จแล้วก็พากันคลาไคล
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงบอกแก่เจ้าพราหมณ์เล่าความจะแจ้งแถลงไข
บัดนี้พระองค์ทรงภพไตรสั่งให้มารับฉับพลัน
ฯ ๒ คำ ฯ
             

จระเข้หางยาว
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์เพราเพริศเฉิดฉัน
ในจิตคิดจะใคร่จรจรัลไปประสบพบกันกับผัวรัก
แต่เมียพลัดพรากจากมาพระจะแสนโศกาเพียงอกหัก
วันนี้เข้าไปได้พบพักตร์จะรู้จักเมียบ้างหรืออย่างไร
คิดคะนึงถึงความเสน่หาจะอดกลั้นโศกามิใคร่ได้
เห็นเขาแลดูอดสูใจทำเมียงเมินเดินไปในศาลา
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ อาบน้ำชำระสระสวยหวีผมเกล้ามวยแล้วนุ่งผ้า
มาขึ้นวอสุวรรณมิทันช้าทั้งสี่เสนาก็นำไป
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ มาถึงปราการกั้นชั้นสองจึงลงจากวอทองผ่องใส
เถ้าแก่ท้าวนางข้างในออกไปรับเจ้าพราหมณ์ให้ตามมา
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
ช้าปี่
๏ เมื่อนั้นพระมณีพิชัยใฝ่ฝันหา
เห็นโฉมเจ้าพราหมณ์งามโสภากิริยารูปร่างเหมือนนางเมีย
แล้วจะเป็นยอพระกลิ่นเมียพี่ที่พระชนนีขับเสีย
ร้อนอกหมกไหม้ดังไฟเลียสำคัญคิดว่าเมียก็เข้ามา
แย้มยิ้มหยอกยุดฉุดข้อมือไปไหนน้อยหรือพึ่งเห็นหน้า
พิศวงหลงใหลไขว่คว้าอนิจจาถอยหนีพี่ไย
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์ปัดกรค้อนให้
แลสบหลบเนตรภูวไนยแย้มยิ้มละไปไปมา
คิดคะนึงถึงความเมื่อยามรักสงสารพระทรงศักดิ์เป็นหนักหนา
ชลเนตรคลอคลองนัยนาเมียงเมินพักตราไม่พาที
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระมณีพิชัยโฉมศรี
จึงกุมกรเจ้าพราหมณ์จรลีมานั่งเหนือแท่นที่อันเดียวกัน
คิดพะวงสงสัยอยู่ไม่วายเหมือนละม้ายยอพระกลิ่นเมียขวัญ
จะใคร่รู้ข้อขำสำคัญจึงถามไถ่ไปพลันทันที
นามกรของเจ้านั้นชื่อไรอย่าใส่ไคร้ย้อนยอกจงบอกพี่
สุริยวงศ์พงศ์เผ่าของเจ้ามีหรือกำเนิดเกิดที่แห่งใด
อันถิ่นฐานบ้านช่องของน้องรักแรกเริ่มเดิมสำนักอยู่ที่ไหน
บอกพี่เถิดเจ้าพราหมณ์อย่าขามใจเหตุไรมาอยู่ที่ศาลา
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์ยิ้มเยื้อนเบือนหน้า
เสแสร้งแกล้วกล่าววาจาพระอย่ากินแหนงแคลงใจ
ตัวข้าชื่อว่าอารียพราหมณ์ขนานนามตามสังเกตเพศไสย
บิดามารดาข้าบรรลัยแต่อายุข้าได้สิบปี
จึงเที่ยวสัญจรซอนซอกอยู่บ้านนอกปลายแดนกรุงศรี
เรียนวิชาหาครูความรู้ดีแล้วมาอยู่ยังที่ศาลา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระมณีนิ่งฟังให้กังขา
ถ้อยคำน้ำเสียงจำนรรจาเหมือนเสียงแก้วแววตาของพี่ชาย
ขนงเนตรเกศแก้มแย้มเยื้อนละม้ายเหมือนยอพระกลิ่นโฉมฉาย
กิริยาพาทีก็ขวยอวยผิดชายหนักหนาน่าอัศจรรย์
ถอยถอขยดเข้านั่งชิดทอดสนิทติดใจใฝ่ฝัน
จะใคร่ดูให้รู้สำคัญเป็นไรนั่นกลิ่นอายก็หายไป
นั่งนึกตรึกถวิลยังกินแหนงจึงแสแสร้งแกล้งกล่าวถามไถ่
ยามร้อนผ้าผ่อนเจ้าห่มไยซื้อหรือใครให้จึงได้มา
เนื้อหนังดีหนอจะขอชมเจ้าพราหมณ์ห่มสมตัวหนักหนา
ฉุดชิงชายสไบไขว่คว้านัยนาแลลอดสอดดู
ไม่เห็นแยบคายก็อายใจทอดถอนใจใหญ่แล้วยิ้มอยู่
แก้เก้อนั่งกัดปูนพลูอดสูแก่ใจไม่เจรจา
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์ยิ้มพลางทางว่า
ผ้าของข้านี้ที่ห่มมาไปรักษาคนไข้เขาให้ปัน
ไม่เคยพบผ้าหรือเอามือหยิบมิใช่ว่าผ้าทิพย์ผ้าสวรรค์
ประเพณีชีพราหมณ์พรหมจรรย์ห่มผ้ามากระนั้นตามธรรมเนียม
ข้าเจ้านี้หรือคนซื่อตายไม่รู้ทำแยบคายอายเหนียม
เป็นคนโง่เง่าไม่เท่าเทียมสงบเสงี่ยมอยู่ตามพราหมณ์ชี
อย่าทำลามลวนหาควรไม่สะบัดกรค้อนให้แล้วลุกหนี
ไปรับมาให้รักษาชนนีก่นแต่เฝ้าเซ้าซี้รำคาญใจ
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระมณีนึกพะวงสงสัย
ดำเนินเดินตามเจ้าพราหมณ์ไปรอเรียงเคียงไหล่ชำเลืองดู
จึงว่าตัวเจ้าก็เป็นชายไม่พอที่จะอายอดสู
หามาจะให้ปัดพิษงูจงทำตามความรู้ที่เรียนไว้
เครื่องเทศเครื่องไทยอะไรมั่งพี่จะสั่งให้เขาเอามาให้
เหมือนหนึงกันเองอย่าเกรงใจจะต้องการสิ่งไรจะบอกเรา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์ว่าร้อนใจไปไยเล่า
เครื่องเทศสมุนไพรก็ไม่เอาข้าเจ้าจะให้หายด้วยวิทยา
แม้นพระมารดาฟื้นคืนคงพระองค์จะให้อะไรข้า
จงให้ความสัตย์สัญญาต่อหน้าทั้งปวงเป็นพยาน
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระมณีพิชัยจึงว่าขาน
แม้นรักษาหายไม่วายปราณจะทดแทนคุณท่านให้ถึงใจ
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เจ้าเอยเจ้าพราหมณ์ทั้งนี้ก็ตามอัชฌาสัย
น้องรักจักประสงค์สิ่งใดพี่จะหาให้ดังใจนึก
หรือจะใคร่ได้เมียที่สาวสาวขาวขาวดีดีมีไม่ตรึก
สมบัติวัตถาโอฬารึกจงเลือกนึกเอาตามชอบใจ
เว้นแต่ดาวเดือนดอกฟ้านอกนั้นพี่ยาจะหาให้
เงินทองของข้าวจงเอาไปสิ่งไรสารพัดไม่ขัดกัน
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์สำรวลสรวลสันต์
จึงตอบว่าเงินทองของทั้งนั้นข้าเป็นพราหมณ์พรหมจรรย์ไม่ชอบใจ
ถ้าพระจะยอมไปเป็นข้าจึงจะรับรักษามารดาได้
ครูข้ากำชับบังคับไว้มิให้เอาสินบนเงินทอง
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระมณีได้ฟังก็เศร้าหมอง
นิ่งนึกดำริตริตรองดูทำนองโฉมงามเจ้าพราหมณ์นี้
จะเป็นยอพระกลิ่นดอกกระมังจึงจำเพาะเจาะจังเอาตัวพี่
แก้วแหวนเงินทองล้วนของดีสาวสรรค์สตรีไม่ชอบใจ
จำจะยอมถ่อมตัวเป็นทาสาตามไปถึงศาลาที่อาศัย
จะเป็นชายหรือหญิงยังกริ่งใจก็จะได้สำคัญเป็นมั่นคง
คิดพลางทางว่ากับเจ้าพราหมณ์พี่จะตามใจน้องต้องประสงค์
จงช่วยชุบชีวาตม์มาตุรงค์ให้ฟื้นคืนคงเป็นมา
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นเจ้าพราหมณ์ได้ฟังก็หรรษา
ชวนองค์พระมณีลีลาเข้ามาสู่สถานพระมารดร
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงหยิบเอาหมากมาสามคำเสกคำทำตามที่โกสีย์สอน
สำรวมจิตใจให้แน่นอนประนมกรมัสการอ่านมนต์
ฯ ๒ คำ ฯ ตระ
             

             

             

             

             

เชิงอรรถ

ที่มา

บทละครนอกเรื่อง มณีพิชัย สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๔๐

( ขอขอบคุณ คุณพิกุลแก้ว สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน)

เครื่องมือส่วนตัว