บทละครนอกเรื่องคาวี

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

บทประพันธ์

ท้าวสันนุราชหานางผมหอม

ช้า
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงท้าวสันนุราชจอมกษัตริย์
เสวยราชย์ธานีบุรีรัตน์กรุงพทธวิสัยสวรรยา
ท้าวมีอัคเรศมเหษีชื่อคันธมาลีเสนหา
อยู่ด้วยกันแต่หนุ่มคุ้มชราชันษาหกสิบสี่ปีปลาย
หน้าพระทนต์บนล่างห่างหักดวงพระพักต์เหี่ยวเห็นเส้นสาย
เกศาพึ่งจะประปรายรูปกายชายจะพีมีเนื้อ
พระเสวยมื้อละชามสามเวลาทรงกำลังวังชาประหลาดเหลือ
พอใจเกี้ยวผู้หญิงริงเรือผูกพันฟั่นเฝือไม่เบื่อใจ
ราวกับหนุ่มคลุ้มคลั่งนั่งบ่นจะหางามเล่นสักคนหนึ่งให้ได้
รำพึงคนึงคิดเปนนิจไปมิได้ว่างเว้นสักเวลา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อจะมีเหตุเภทภัยให้เร่าร้อนฤทัยเปนหนักหนา
จึงชวนกำนัลกัลยาลงมายังที่ตำหนักแพ
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ท้าวเสด็จนั่งเหนือเรือบัลลังก์สาวสนมกรมวังเซงแซ่
พระเอนอิงพิงพนักผันแปรเหลียวแลเห็นผะอบลอยมา
หยิบขึ้นเขม้นอยู่เปนครู่เปิดดูก็เห็นเส้นเกศา
หอมกลิ่นรวยรื่นชื่นวิญญาพระนิ่งนึกตรึกตราในอารมณ์
ผมนี้ดีร้ายนางสาวน้อยแกล้งลอยหาคู่สู่สม
ชะรอยบุญเราเคยได้เชยชมจึงพบผะอบผมกัลยา
ฉุนคิดเคลิ้มคลั่งขึ้นทั้งแก่กะสันเสียวเหลียวแลชำเลืองหา
เห็นนางพนักงานคลานเข้ามายิ้มแย้มพยักหน้าว่านงลักษณ์
ค่อยขยดลดองค์ลงนั่งใกล้เห็นมิใช่ผุดลุกขึ้นกุกกัก
ดูนางห้ามแหนยิ่งแค้นนักให้ละล่ำละลักลืมองค์
ท้าวกอดผะอบทองประคองไว้มิได้ชำระสระสรง
ขึ้นจากเรือสุวรรณ์บรรจงเสด็จตรงมายังวังใน
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปในห้องขึ้นบนแท่นทองผ่องใส
กอดผะอบประทับกับทรวงไว้ถอนฤทัยครวญคร่ำรำพรรณ์
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้ช้า
๏ โอ้ว่านวลน้องเจ้าของผมถ้าได้ชมจะถนอมเปนจอมขวัญ
เกศาหอมฟุ้งดังปรุงจันทน์จะทรงโฉมโนมพรรณ์ฉันใด
ทรวดทรงสูงต่ำดำขาวชันษาแก่สาวสักคราวไหน
แม้นรู้ว่าอยู่บุรีใดพี่จะไปติดตามเจ้าทรามชม
ถึงจะเปนกระไรก็ไม่ว่าแต่ให้ได้เห็นหน้าเจ้าของผม
คิดละห้อยละเหี่ยเสียอารมณ์ร้องไห้ร้องห่มไม่สมประดี
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นนางคันธมาลีมเหษี
เห็นพระพร่ำกำสรดโศกีจึงเข้าไปในที่บรรธม
แล้วนางทูลทัดภัศดาพระอย่าโศกเศร้าด้วยเผ้าผม
จงคิดรั้งรักหักอารมณ์แม้นเคยคู่สู่สมไม่คลาศแคล้ว
หยุดยั้งตั้งสติตริตรองดับความมัวหมองให้ผ่องแผ้ว
ทรงพระชราหนักหนาแล้วทูลกระหม่อมเมียแก้วจงหักใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชเคลิ้มองค์หลงไหล
เห็นเมียมาเซ้าซี้พิรี้พิไรขัดใจเกรี้ยวกราดตวาดอึง
ดูดู๋ทำราวกับสาวแส้ไม่เจียมตัวว่าแก่สักนิดหนึ่ง
แกล้งมานั่งเฝ้าพเน้าพนึงจะคอยหึงษ์หวงข้าฤๅว่าไร
ฉวยพระขรรค์งันงกกะปลกกะเปลี้ยพิโรธโกรธเมียดังเพลิงไหม้
สดุดโดนสาวสรรค์กำนัลในแล่นไล่ลุกล้มไม่สมประดี
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นองค์อัครชายามารศรี
ความกลัวอาญาพระสามีวิ่งหนีไปซ่อนซอนซุก
เหล่าพวกสาวสรรค์กำนัลนางวิ่งวางวนเวียนจนเจียนจุก
บ้างเข้าแฝงม่านคลานคลุกบ้างลุกแอบเตียงเมียงมอง
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชยิ่งเศร้าหมอง
แสนคนึงถึงเจ้าผะอบทองเสด็จตรงออกท้องพระโรงไชย
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
ช้า
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาศน์พรั่งพร้อมอำมาตย์น้อยใหญ่
จึงตรัสสั่งมหาเสนาในเร่งไปร้องป่าวชาวพารา
ผู้ใดใครรู้เห็นบ้างตำแหน่งนางผมหอมเสนหา
ถ้าแม้นนำไปได้นางมาเงินทองเสื้อผ้าจะรางวัล
ท้าเย่าเรือนไร่นาจะหาให้ข้าไทชายหญิงทุกสิ่งสรรพ์
จงเร่งรีบรัดจัดกันไปป่าวร้องให้ทันวันนี้
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ บัดนั้นอำมาตย์รับสั่งใส่เกศี
ออกมาเกณฑ์กันทันทีเสนีตีฆ้องร้องป่าวไป
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นฝ่ายเถ้าทัศประสาทชาติไพร่
ฟังเสียงร้องป่าวก็เข้าใจนึกได้ลูกสาวของเจ้านาย
ผมหอมปรากฏรสเร้าจะนำเขาไปพามาถวาย
กูจะได้พึ่งบุญเปนคุณยายคิดแล้วเดินชายมาถามทัก
ท่านขามานี่จะบอกเล่านางผมหอมข้าเจ้านี้รู้จัก
รูปโฉมโนมพรรณ์ขยันนักจะอาสาทรงศักดิ์ไปพามา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเสนีถามซักเปนหนักหนา
เห็นถ้อยยำคำมั่นสัญญาก็รีบพายายเถ้าเข้าวังใน
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้าก้มเกล้าทูลแจ้งแถลงไข
ยายเถ้ารับคำจะนำไปว่าได้รู้จักนางเทวี
เปนลูกสาวท่านท้าวพรหมจักรปิ่นปักจันทราบุริศรี
แต่เมืองนั้นพลไพร่ไม่มีนกอินทรีย์กินตายเสียก่ายกอง
ที่ในวังยังแต่นางผมหอมงามพร้อมสารพัดไม่ขัดข้อง
บิดาซ่อนนางไว้ที่ในกลองจงทราบลอองพระบาทา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
             

๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชสำรวลร่า
ชื่นชมสมถวิลจินดาดังได้เห็นหน้านางนงเยาว์
จึงตรัสว่าถ้าสมคะเนนึกอึกกระทึกใจหายแล้วยายเถ้า
มั่งมีดีกว่าค้าตะเภาทุกข์ร้อนอะไรเล่ากับเงินทอง
ยายจะเอาอะไรไปบ้างท่าทางกันดารบ้านช่อง
เร่งรีบคลาไคลดังใจปองให้ได้นางในกลองกลับมา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้าทูลพลันด้วยหรรษา
จะเอาเรือเอกไชยไคลคลาไปรับกัลยามากรุงไกร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นท้าวสันนุราชเปนใหญ่
ได้ฟังจึงสั่งเสนาในจงจัดเรือเอกไชยฉับพลัน
เกณฑ์ยกสำรับใหญ่ใส่ให้เต็มเลือกล้วนแต่เล่มคอนขยัน
เรือนำเรือตามจงครามครันให้ทันแต่ในเวลานี้
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นเสนารับสั่งใส่เกศี
ออกจากวังวิ่งเปนสิงคลีจัดเรือตามมีพระบัญชา
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นยายเถ้าทำประหนึ่งกิ้งก่า
ขึ้นขี่แคร่คานหามคนตามมาประตูดินตีนท่าหน้าตะพาน
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ ลงนั่งยังเรือเอกไชยพลพายนายไพร่อลหม่าน
ออกเรือพร้อมกันมิทันนานร้องขานโยนยาวฉาวมา
ฯ ๒ คำ ฯ เห่เรือ เชิด
๏ ผ่อนพักพลพายมาหลายแห่งน้ำเชี่ยวเรี่ยวแรงหนักหนา
สิบห้าวันถึงจันทบุราประทับท่าที่ท้ายเวียงไชย
จึงสั่งผู้คนพลพายทั้งไพร่นายอย่าเที่ยวไปข้างไหน
แต่ตัวของเราจะเข้าไปสมคะเนเมื่อไรจะกลับมา
สั่งแล้วเข้าสู่พระบูรีพรั่นตัวกลัวผีเปนหนักหนา
เห็นกระดูกเกลื่อนกลาดดาษดารีบเดินภาวนาเข้าในวัง
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นปราสาททองเมียงมองลับล่อแล้วถอยหลัง
เสียงคนพูดอยู่เงี่ยหูฟังทรุดนั่งแอบประตูดูท่วงที
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นโฉมนางจันท์สุดามารศรี
สมสู่อยู่ด้วยพระคาวีเปรมปรีดิ์ประดิพัทธ์กำหนัดใน
หยอกเย้ายิ้มแย้มแกมกลจะระคายผู้คนก็หาไม่
สงัดเงียบเซียบเสียงทั้งเวียงไชยสำราญใจอยู่ในห้องสองคน
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้นยายเถ้าเพ่งพิศคิดฉงน
ชายนี้ทีท่วงชอบกลเห็นจะไม่ใช่คนต่ำช้า
ใส่เครื่องประดับองค์ทรงพระขรรค์รูปโฉมโนมพรรณ์งามหนักหนา
ต่อจะเปนลูกเต้าท้าวพระยาจันท์สุดาจึงปลงลงใจ
กูคิดไว้ไม่สมอารมณ์คิดจะลงล้างชีวิตเสียให้ได้
แต่องค์กัลยาจะพาไปทูลถวายท้าวไทเอารางวัล
คิดพลางทางคลานเข้าไปหาทำทีกิริยาโศกศัลย์
ก้มกราบบาทาสุดาจันท์แล้วตีอกงกงันร่ำไร
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นโฉมตรูดูยายก็จำได้
เปนข้าเก่าเจ้าเคยช่วงใช้จึงพูดจาปราไสด้วยเมตตา
ยายหนีนกอินทรีย์ไปช้านานลูกหลานอยู่ไหนไม่เห็นหน้า
ฤๅนกมันกินสิ้นชีวาเออตาผัวอยู่ดอกฤๅยาย
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นยายเถ้ากล่าวเกลี้ยงเบี่ยงบ่าย
ลูกหลานกระจัดพลัดพรายท่านตาก็ตายแต่คราวนั้น
ข้าไปอยู่เถื่อนถ้ำลำบากจึงพ้นปากปักษาไม่อาสัญ
ได้ยินเหล่าชาวป่าพูดจากันว่าแม่จันท์สุดาได้สามี
ข้าสู้ดั้นด้นมาจนถึงจะอยู่พึ่งบุญทั้งสองศรี
ยังพรั่นตัวกลัวแต่นกอินทรีย์มันมานี่ฤๅไม่เยาวมาลย์
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นโฉมจันท์สุดาจึงว่าขาน
ผัวข้ามาล้างมันวายปราณหายมาช้านานจนปานนี้
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นยายเถ้าทำเปนเกษมศรี
จึงว่าแม่คุณบุญสิ้นทีได้สามีเรืองอิทธิฤทธา
งามทั้งรูปโฉมโนมพรรณ์น่าชมสมกันหนักหนา
สมคิดของยายที่หมายมาจะอยู่กับกัลยาเปนข้าไท
แล้วทำท่วงทีกะปรี้กะเปร่าตักน้ำตำเข้าเอาใจใส่
ครั้นสองเจ้าเข้าที่บรรธรมในยายไปปฏิบัติพัดวี
ฯ ๖ คำ ฯ ตระ
๏ เห็นพระราชานิทราสนิทนั่งพินิจพิศดูถ้วนถี่
ผิดกับกษัตราทุกธานีขัดพระขรรค์เข้าที่บรรธมใน
คิดพะวงสงสัยอย่างไรอยู่จะล่อลวงถามดูให้จงได้
ครั้นรุ่งรางส่างแสงอโณทัยยายเถ้าเข้าไปอยู่ในครัว
จันท์สุดามาทำเครื่องเสวยตามเคยจัดแจงแต่งให้ผัว
ยายเข้าเมียงหมอบยอบตัวแล้วว่าแม่ทูลหัวอย่าไว้ใจ
อันองค์ภัศดาสามีเห็นทีหาซื่อต่อแม่ไม่
เหน็บพระขรรค์บรรธมทุกคืนไปน่าจะแหนงแคลงฤทัยเทวี
แม่จงถามไถ่ให้ประจักษ์ถ้าท้าวรักก็จะแจ้งถ้วนถี่
แม้นมิบอกออกความลับลี้นานไปจะหนีแม่มั่นคง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจันท์สุดาพาซื่อลุ่มหลง
สำคัญมั่นหมายว่ายายตรงโฉมยงเห็นชอบก็ตอบไป
จริงอยู่ยายว่าข้านึกพรั่นขัดพระขรรค์ติดองค์น่าสงสัย
จะทูลถามทรงศักดิ์ซักไซ้ให้ได้ความขำสำคัญ
ว่าพลางนางเข้าไปในที่ปรนนิบัติพัดวีให้ผัวขวัญ
ทำทีทอดสนิทติดพันนวดฟั้นนั่งแนบแอบอิง
สัพยอกหยอกเย้าแย้มสรวลชักชวนพูดจามารยาหญิง
ได้ช่องก็ฉะอ้อนวอนวิงทูลถามความจริงภูวไนย
น้องนึกกินแหนงแคลงจิตต์พระขรรค์ของทรงฤทธิเปนไฉน
มิได้ละวางให้ห่างไกลฤๅว่าไม่ไว้ใจน้อง
ฯ ๑๐ คำ ฯ
             

             

ท้าวสันนุราชชุบตัว

             

นางคันธมาลีขึ้นเฝ้า

             

พระคาวีรบกับไวยทัต

             

เพลงยาวชมพระราชนิพนธ์

             

เชิงอรรถ

ที่มา

บทละครนอกเรื่อง คาวี สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๔๐

( ขอขอบคุณ คุณโอม สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน )

เครื่องมือส่วนตัว