|
ช้า
|
๏ มาจะกล่าวบทไป | | ถึงท้าวสันนุราชจอมกษัตริย์
|
เสวยราชย์ธานีบุรีรัตน์ | | กรุงพทธวิสัยสวรรยา
|
ท้าวมีอัคเรศมเหษี | | ชื่อคันธมาลีเสนหา
|
อยู่ด้วยกันแต่หนุ่มคุ้มชรา | | ชันษาหกสิบสี่ปีปลาย
|
หน้าพระทนต์บนล่างห่างหัก | | ดวงพระพักต์เหี่ยวเห็นเส้นสาย
|
เกศาพึ่งจะประปราย | | รูปกายชายจะพีมีเนื้อ
|
พระเสวยมื้อละชามสามเวลา | | ทรงกำลังวังชาประหลาดเหลือ
|
พอใจเกี้ยวผู้หญิงริงเรือ | | ผูกพันฟั่นเฝือไม่เบื่อใจ
|
ราวกับหนุ่มคลุ้มคลั่งนั่งบ่น | | จะหางามเล่นสักคนหนึ่งให้ได้
|
รำพึงคนึงคิดเปนนิจไป | | มิได้ว่างเว้นสักเวลา
|
ฯ ๑๐ คำ ฯ
|
|
|
ร่าย
|
๏ เมื่อจะมีเหตุเภทภัย | | ให้เร่าร้อนฤทัยเปนหนักหนา
|
จึงชวนกำนัลกัลยา | | ลงมายังที่ตำหนักแพ
|
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
|
|
|
๏ ท้าวเสด็จนั่งเหนือเรือบัลลังก์ | | สาวสนมกรมวังเซงแซ่
|
พระเอนอิงพิงพนักผันแปร | | เหลียวแลเห็นผะอบลอยมา
|
หยิบขึ้นเขม้นอยู่เปนครู่ | | เปิดดูก็เห็นเส้นเกศา
|
หอมกลิ่นรวยรื่นชื่นวิญญา | | พระนิ่งนึกตรึกตราในอารมณ์
|
ผมนี้ดีร้ายนางสาวน้อย | | แกล้งลอยหาคู่สู่สม
|
ชะรอยบุญเราเคยได้เชยชม | | จึงพบผะอบผมกัลยา
|
ฉุนคิดเคลิ้มคลั่งขึ้นทั้งแก่ | | กะสันเสียวเหลียวแลชำเลืองหา
|
เห็นนางพนักงานคลานเข้ามา | | ยิ้มแย้มพยักหน้าว่านงลักษณ์
|
ค่อยขยดลดองค์ลงนั่งใกล้ | | เห็นมิใช่ผุดลุกขึ้นกุกกัก
|
ดูนางห้ามแหนยิ่งแค้นนัก | | ให้ละล่ำละลักลืมองค์
|
ท้าวกอดผะอบทองประคองไว้ | | มิได้ชำระสระสรง
|
ขึ้นจากเรือสุวรรณ์บรรจง | | เสด็จตรงมายังวังใน
|
ฯ ๑๒ คำ ฯ เชิด
|
|
|
๏ ครั้นถึงจึงเข้าไปในห้อง | | ขึ้นบนแท่นทองผ่องใส
|
กอดผะอบประทับกับทรวงไว้ | | ถอนฤทัยครวญคร่ำรำพรรณ์
|
ฯ ๒ คำ ฯ
|
|
|
โอ้ช้า
|
๏ โอ้ว่านวลน้องเจ้าของผม | | ถ้าได้ชมจะถนอมเปนจอมขวัญ
|
เกศาหอมฟุ้งดังปรุงจันทน์ | | จะทรงโฉมโนมพรรณ์ฉันใด
|
ทรวดทรงสูงต่ำดำขาว | | ชันษาแก่สาวสักคราวไหน
|
แม้นรู้ว่าอยู่บุรีใด | | พี่จะไปติดตามเจ้าทรามชม
|
ถึงจะเปนกระไรก็ไม่ว่า | | แต่ให้ได้เห็นหน้าเจ้าของผม
|
คิดละห้อยละเหี่ยเสียอารมณ์ | | ร้องไห้ร้องห่มไม่สมประดี
|
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
|
|
|
ร่าย
|
๏ เมื่อนั้น | | นางคันธมาลีมเหษี
|
เห็นพระพร่ำกำสรดโศกี | | จึงเข้าไปในที่บรรธม
|
แล้วนางทูลทัดภัศดา | | พระอย่าโศกเศร้าด้วยเผ้าผม
|
จงคิดรั้งรักหักอารมณ์ | | แม้นเคยคู่สู่สมไม่คลาศแคล้ว
|
หยุดยั้งตั้งสติตริตรอง | | ดับความมัวหมองให้ผ่องแผ้ว
|
ทรงพระชราหนักหนาแล้ว | | ทูลกระหม่อมเมียแก้วจงหักใจ
|
ฯ ๖ คำ ฯ
|
|
|
๏ เมื่อนั้น | | ท้าวสันนุราชเคลิ้มองค์หลงไหล
|
เห็นเมียมาเซ้าซี้พิรี้พิไร | | ขัดใจเกรี้ยวกราดตวาดอึง
|
ดูดู๋ทำราวกับสาวแส้ | | ไม่เจียมตัวว่าแก่สักนิดหนึ่ง
|
แกล้งมานั่งเฝ้าพเน้าพนึง | | จะคอยหึงษ์หวงข้าฤๅว่าไร
|
ฉวยพระขรรค์งันงกกะปลกกะเปลี้ย | | พิโรธโกรธเมียดังเพลิงไหม้
|
สดุดโดนสาวสรรค์กำนัลใน | | แล่นไล่ลุกล้มไม่สมประดี
|
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
|
|
|
๏ เมื่อนั้น | | องค์อัครชายามารศรี
|
ความกลัวอาญาพระสามี | | วิ่งหนีไปซ่อนซอนซุก
|
เหล่าพวกสาวสรรค์กำนัลนาง | | วิ่งวางวนเวียนจนเจียนจุก
|
บ้างเข้าแฝงม่านคลานคลุก | | บ้างลุกแอบเตียงเมียงมอง
|
ฯ ๔ คำ ฯ
|
|
|
๏ เมื่อนั้น | | ท้าวสันนุราชยิ่งเศร้าหมอง
|
แสนคนึงถึงเจ้าผะอบทอง | | เสด็จตรงออกท้องพระโรงไชย
|
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
|
|
|
ช้า
|
๏ ลดองค์ลงนั่งเหนืออาศน์ | | พรั่งพร้อมอำมาตย์น้อยใหญ่
|
จึงตรัสสั่งมหาเสนาใน | | เร่งไปร้องป่าวชาวพารา
|
ผู้ใดใครรู้เห็นบ้าง | | ตำแหน่งนางผมหอมเสนหา
|
ถ้าแม้นนำไปได้นางมา | | เงินทองเสื้อผ้าจะรางวัล
|
ท้าเย่าเรือนไร่นาจะหาให้ | | ข้าไทชายหญิงทุกสิ่งสรรพ์
|
จงเร่งรีบรัดจัดกัน | | ไปป่าวร้องให้ทันวันนี้
|
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
|
|
|
ร่าย
|
๏ บัดนั้น | | อำมาตย์รับสั่งใส่เกศี
|
ออกมาเกณฑ์กันทันที | | เสนีตีฆ้องร้องป่าวไป
|
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
|
|
|
๏ บัดนั้น | | ฝ่ายเถ้าทัศประสาทชาติไพร่
|
ฟังเสียงร้องป่าวก็เข้าใจ | | นึกได้ลูกสาวของเจ้านาย
|
ผมหอมปรากฏรสเร้า | | จะนำเขาไปพามาถวาย
|
กูจะได้พึ่งบุญเปนคุณยาย | | คิดแล้วเดินชายมาถามทัก
|
ท่านขามานี่จะบอกเล่า | | นางผมหอมข้าเจ้านี้รู้จัก
|
รูปโฉมโนมพรรณ์ขยันนัก | | จะอาสาทรงศักดิ์ไปพามา
|
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
|
|
|
๏ บัดนั้น | | เสนีถามซักเปนหนักหนา
|
เห็นถ้อยยำคำมั่นสัญญา | | ก็รีบพายายเถ้าเข้าวังใน
|
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
|
|
|
๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้า | | ก้มเกล้าทูลแจ้งแถลงไข
|
ยายเถ้ารับคำจะนำไป | | ว่าได้รู้จักนางเทวี
|
เปนลูกสาวท่านท้าวพรหมจักร | | ปิ่นปักจันทราบุริศรี
|
แต่เมืองนั้นพลไพร่ไม่มี | | นกอินทรีย์กินตายเสียก่ายกอง
|
ที่ในวังยังแต่นางผมหอม | | งามพร้อมสารพัดไม่ขัดข้อง
|
บิดาซ่อนนางไว้ที่ในกลอง | | จงทราบลอองพระบาทา
|
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
|
| | |
|