โคลงนิราศหริภุญชัย

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 16:37, 17 สิงหาคม 2552 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: ไม่ปรากฏ

โคลงนิราศหริภุญชัยเป็นวรรณกรรมล้านนาในยุคอยุธยา ฉบับที่นำมาลงในนี้มีสองฉบับ คือฉบับอยุธยาที่ดัดแปลงมาจากต้นฉบับแล้ว และฉบับล้านนาซึ่งยึดตามต้นฉบับของทางล้านนา

บทประพันธ์

ฉบับอยุธยา

๏ กชกรต่างแต่ตั้งศิรษา
นบพุทธธรรมสาวกาแผ่นเผ้า
สนำสลูเบิกนามมาขอมเรียก รักแฮ
ไทด่ำบลเมิงเป้าผ่านไว้วิวรณ์ ฯ
๏ ศุภสารเรียงร่ำถ้อยคราวคราน
หริภุญชัยเชษฐ์สถานธาตุตั้ง
สาระพัดเขตขาพาลพังด่ำ บนเทอญ
ยามม่อนมั่วรสยั้งจุ่งตั้งสดับสาร ฯ
๏ สงสารทุกข์แต่งตั้งอื่นฉงน
นิราศสัตวชนกล่าวได้
จักริร่ำยุบลบำราศ นุชนี
เป็นคะโลงหื้อให้โลกแจ้งใจคะนึง ฯ
๏ ดวงเดียวดูยิ่งฟ้าอัปศร
เป็นปิ่นกามาวจรเจื่องเจ้า
บุญบาปแต่ปางก่อนทักทำ นายนี
แสนชาติยังยั้งเฝ้าจึ่งล้วนลุคะนึง ฯ
๏ ดวงเดียวอาสาศเสี้ยงภัทรกัป
ทั้งสี่สรรเพ็ชญ์ลับล่วงแล้ว
อาไรยมีทันผับวรศาส นาแฮ
เจียนจุ่งละน้องแก้วก่อนแล้วดุสิดา ฯ
๏ ดวงเดียวดีซ่อนไว้หว่างวรรค
เขาะขอดหทัยลักษณ์หล่อน้อง
หทยังมีฝักฝังพี่ ทิพเอย
เห็นแห่งอวรโน้นข้องขอดผี้พัทมาร ฯ
๏ บุญญะมีมาศมื้อผลคุณ
ขงเขตในนพบุรโยกย้าย
เดินถวิลแห่งหริภุญชัยเชษฐ์ ชิดแฮ
นบธาตุพระเจ้าผ้ายแผ่นค้อมคุงชเล ฯ
๏ ชลไพรผงแผ่นพื้นบนบด
พายลุ่มปานจักรกรดเชือกขว้ำ
พาชีดำเรียรถจรเชือก ชักแฮ
ขงน่านเรือร้อยล้ำไขว่ขว้างขวางนที ฯ
๏ นบวรเชฐสร้อยสิหิงส์
ลาเทพเบญจาจริงจึ่งผ้าย
เชิญวานเทพดลถลิงถลากระหม่อม เรียมเอย
เทาดำเนินเยื้อนย้ายพร่ำพร้อมเดินเดียว ฯ
๏ ลาถึงปราสาทสร้อยสิงห์สอง
โอนต่ำลุงทิพทองที่อ้าง
เบญจาจำเนียรปองปดต่ำ งนรา
จากจ่ำเลวแล้วร้างราศนั้นฤๅดี ฯ
๏ ธรยูคีรีเกิดใกล้ผาเกียร
สามสี่อาวาสเจียนจิ่มไหว้
กุศลที่ทำเพียรพบราช เดียวเอย
มิใช่จงหวังได้แต่พื้นรสดล ฯ
๏ กุฎารามรวดด้านหลังเหลียว
ถวายกระพูมมือเทียวหว่านไหว้
ทำบุญเพื่อผลเยียวผัสแม่ นาแม่
ถึงถาบอุปแปนได้แต่ซ้ำปรารถนา ฯ
๏ เห็นหอมังราชเจ้าสูงศักดิ์
ยังบลืออารักษ์ราชไหว้
อังเชิญช่วยพิทักษ์เทียมพี่ คะนึงนา
ยามม่อนมัวเกลียดใกล้ร่วมเร้าชัยบาน ฯ
๏ อารักษ์อาราธน์เรื้องมังราย ราชแฮ
เชิญส่งศรีทิพนายหนึ่งร้า
เทียวทุงพี่จักถวายเป็นส่วน บุญแฮ
จูงจ่องเมื้อเมืองฟ้าเสพสร้างสุราลัย ฯ
๏ มหาอาวาสสร้อยสี่สถาน
ชิมรูปองค์อุปปานเลิศหล้า
อมรกฎค่าควรปานบูรหนึ่ง
ถวายพระนามน้อมหน้าเพื่อไท้นารีรมย์ ฯ
๏ อัษฎารสแรกสร้างสูงประทาน
เทียฆแทบตนทรมานเมื่อเนิ้น
เหมือนพระวรโพธิญาณยังโลก นี้นอ
ปดดำเนินนี้เทิ้นเทื่อนี้มัสการ ฯ
๏ สององค์อมเรศเอื้อมอุตร
ยุกขราชถือขรรคาฝ่ายใต้
เรียมวานเทพวรารักษ์ราษฎร์ มวลแฮ
เสียงล่ำเพียงเกลี่ยใกล้ช่วยค้ำชูเรียม ฯ
๏ นบเชษฐแซงซ่างไซร้ถลาถลิง รวดแฮ
บหุ่งเห็นทิพยิงยิ่งผ้าย
เททรวงกรรแสงสวิงมัวราช นักเอย
เสน่ห์บาดอกซ้ำร้ายร่างแต้มถึงถวิล ฯ
๏ ลลินลุแล้วเล่าศาลา เลิศแฮ
ครองคู่สายเสน่หาแห่งหั้น
วรลักษณ์เลิศสวรรคาเทพทิพ เรียมเอย
สามแผ่นผืนใดดั้นพี่ด้นหาอวร ฯ
๏ มรรคาทวารทอดตั้งอาราม หนึ่งแม่
เป็นปิ่นบูรีนามฟ่อนสร้อย
ดวงเดียวหนึ่งนิศยามสนิทเชฐ ชิดแฮ
ปอมแปกนุชเนื้อน้อยเลิศผู้ผิดองค์ ฯ
๏ จากเจียรช่อฟ้าลาศลงดิน แด่ฤๅ
มุขมาศนาสายินยิ่งแต้ม
ยามยลพี่จะถวิลถวายอำ รุงเอย
ไขโอษฐ์ดินฟ้าแย้มพี่แย้มยังทรง ฯ
๏ จงไปปราสาทฉ้ออัษฎา
บุญจึ่งลักกุนารอดเรื้อง
เชียงส่งพี่ส่งหาเยาวยอด ยิ่งแฮ
ซอมชอกตาทุกเบื้องบ่ได้ดลพงา ฯ
๏ ลุถึงเชียงใหม่หม้าทวารทอง
เวียงวาสปราการสองเขื่องขั้น
เหราเฟือดฟัดฟองคือค่าย งามเอย
หอเลิศเลยต้ายตั้งข่ามข้าศึกแสลง ฯ
๏ มเหศักขสาดไท้ทิพทวาร ท่านเอย
เชิญช่วยโปรดอันผ่านเจตชู้
บเห็นพี่รักครานใจเช่น ชั้นนี้
เมื่อข่าวไขน้องรู้ร่วมเบื้องยาถนอม ฯ
๏ หวังเห็นเช่นชม่อยหน้าบุญหนา
วานเทพสมสนองรารีบร้า
เททวนปั่นปองบาอกบ่า บินแฮ
ปดต่ำงนไว้ข้าข่าวน้องนำสนอง ฯ
๏ บุรีทวารต่อตั้งสมสถาน
นามชื่อศรีมหาทวารรวดเรื้อง
ทนทุกข์ทิวานานบน่อย ทวงเอย
ขวัญขาดยังข้อนเบื้องบาปห้อยเห็นอวร ฯ
๏ พ้นง้อมงามเงื้อมใกล้สุสาร
เรียมบังคมชิตมารเจื่องเจ้า
ทุรังสิ้นศิลบาลบใคร่ รักเอย
ก็ใช่จงจักเฝ้าเทพท้าวเองอวร ฯ
๏ ลุถึงเถียงเส่าสร้อยศรีเสถียร
อัศว์ด่ำเรียรถเกวียนคืดเกล้า
ไทเห็นอุพาเจียนจันแม่ มาแฮ
ยลใช่ชีพิตเข้าพี่ห้อยหฤทัย ฯ
๏ เรียงนันอาวาสแก้วกุฏิคำ
ทุกค่ำงนเรียมจำเจตไหว้
เทพาพิทักษ์ทำพุทธศาส นาเอย
จำเจตนงค์น้องไว้รีบร้างคนเดิน ฯ
๏ อารามเรียงรุ่นหั้นเงางาม
เป็นปิ่นบุรีนามน่างรั้ว
บเห็นนาฏนงรามบวรสวาท สยบเอย
ทั้งชื่อชีพิตกั้วโลกนี้นามนิพาน ฯ
๏ ทวารทองเริ่มเขื่อนขั้งศึกแสลง
รุตราชรังสรแปงหม่ายหม้า
จันถึงพี่ยังแยงหาแม่ นาแม่
บจวบโฉมสร้อยฟ้าไต่เต้าตามเรียม ฯ
๏ ด่าวนี้พ้นบั้งบาดบุรี นาแม่
รถราชพันรังสีส่องหล้า
ไหวกงแกว่งเกวียนจีวางเมฆ มาแฮ
เชิญช่วยดับทุกข์ข้าที่ร้างรามสมร ฯ
๏ รถทองเทียมแทบเอื้อมอุสภา
มิอาจจักคณนาเนกได้
หางยูงเยื่อนอาภาเพยเพิก งายเอย
ลางช่อปักหื้อให้กล่อมเกี้ยวเวถี ฯ
๏ พริพัดโคมคู่ห้อยดึงดัง
พัดใหม่ไหมขาวทังแอกอ้อม
หงส์ทองทอดคลานคลังกับโทก เทียมเยอ
เรืองร่วงวางวัดส้อมแส่วเส้นสานี ฯ
๏ ลาเจียนชม่อยเนื้อทิพมาลย์
ชลิ่วแลนงคราญคร่าวถ้า
เต็มเลงอื่นใครปานหัทเยศ เดแม่
เจียรบรู่เนื้อผ้ามิผู้ใครยล ฯ
๏ อุทยานท่านถากสร้อยสวนสนิท
ชล่ำลายเลยติดลูกล้อม
จุกจ้นจ่ำลองขวิดเกวนมาก มีแฮ
หนักหน่วงเนืองเนื่องค้อมกิ่งก้านปัฐพี ฯ
๏ จำปาบุนแบ่งสร้อยสบารงา
เหลืองหล่นเต็มฉายาคู่เค้า
ปุนเด็ดกีบกับสาลายแลก อวรแฮ
สีเสียดแสนซ้ำหล้าเปลี่ยนป้อนปันฉลา ฯ
๏ มาเทินจักยื่นไม้มาลถวาย
แถวท่องเวถีสายเกศเกล้า
เหมือนนางกิรีถวายทัดเมื่อ รมย์นา
หลากหลากหลายเล่ห์เร้าร่วมชู้ชมผกา ฯ
๏ กวาวกวิวอโศกสร้อยสุมสุก
อวนอ่อนแกมใบทุกกิ่งก้าน
บเห็นนิรมรุกข์ยังร่ม ยังแฮ
เห็นดอกดวงไม้ม้านยิ่งม้านอกเรียม ฯ
๏ พระสูรส่งสัตว์สิ้นเชยเชย
ลำง่างอนเสลยเสลยสว่างร้อน
อกบาบ่เหยเหยหายเหื่อ ทิพเอย
ยังค่ำเคาทุกข์ข้อนขอดข้อนขวัญสลาย ฯ
๏ ยลใครยังร่วมชู้ชมเมีย ม่อนแฮ
ถวายกลิ่นกับดวงเพียเพื่อนน้อง
เองเดียวทุราเสียสายเจต นี้นอ
ตายบ่ตายนี้ข้องขาดแล้วยังใย ฯ
๏ รถทองยังยื่นร้อยเรียงกง
เวหาสเห็นธุลีลงลุ่มเท้า
อกเรียมบิ่นเป็นผงยับย่อย ยุบเอย
ชลิ่วเลวแลงเจ้าจิ่มชู้ชาทอง ฯ
๏ ยังนึกหน้าน้องนาฏนงราม
เจียนจากถึงกุมกามก่อนแก้ว
บเห็นพงางามเทาทะง่อง ถูเอย
แสนล่ำกงื้อแอ้วใช่อั้นอรทอง ฯ
๏ อารามรมเยศเมิ้นมังราย
นามคู่คำหลวงหลายเช่นท้าว
หกสิบเสียมผู้ยายยังรอด รามแฮ
แปงคู่นุชน้องเหน้านาทโอ้โรทา ฯ
๏ ชันพิมพ์เพิ้งเจตสร้างสมาธี อยู่แฮ
โอ้อำรุงเรียมรีร่ำไหว้
ขอพรอาทีเทียมพี่ คะนึงรา
สองเสร็จถวายให้ได้แค่ซ้อนสิเน่หา ฯ
๏ ธาดามังราชเจ้าจุพาลักษณ์
สาส่วนเป็นอารักษ์ใฝ่เฝ้า
อังเชิญส่งสารอัครชาเยศ มารา
เป็นดังฤๅร้างเจ้าจากช้าใครโลม ฯ
๏ ดั่งฤๅร้างแก้วก่อนคำสัง
รอยแม่งสารีรังนิราศรื้อ
บพิตรพระเมืองมังรายราช รักเอย
เชิญต่านวายนั้นหื้อค่อยแก้คำสนอง ฯ
๏ อรรณพขวางขั้นขอบพิงเพิง รอดเอย
ผืนแผ่นลุยลงเลิงลวดยั้ง
คองเห็นพี่รักเทิงใจเช่น ครานี
ยลอื่นใส่เศียรตั้งต่อไว้วรรคเรียม ฯ
๏ นทีหันแห้งไป่พอเรือ
เกียนกว่าชุมชนเผือว่งหว้าย
สารถีสั่นสายเยือยังเชือก ชักแฮ
ดักค่วนคุงค่าท้ายถีบพ้นปาระเลือม ฯ
๏ วานไม้เมื่อข่าวน้องขอไข
เหลือหล่นบกบางใบกิ่งก้าน
บเห็นภิรมย์ใจเจียนจาก ห้องเฮย
เห็นโบกใบไม้ม้านเยี่ยงม้านมโนเรียม ฯ
๏ ม่อนยังยั้งหั้นร่มเรียงรึก
วานเทพทั้งไพรพฤกษ์น่าน้อง
โพคินทั่วทังทึกแถวน่าน นี้แม่
เชิญส่งสารพื้นพ้องข่าวข้าขอยิน ฯ
๏ น่านน้ำขลุงน่านน้ำเขินขุน
อกชเลยังวุนเล่าแล้ง
อังเดิรหากอาดุรแดเดือด รสแฮ
เห็นหาดหนหั้นแห้งเยี่ยงแห้งแถวถนอม ฯ
๏ พระไทรเจ้าไม้มุ่งเมืองคู่ แดรา
ปดที่ทนทุกข์ทูเรศแจ้ง
จักกินมิได้กูระนาพี่ เทานอ
วาเยศยังไล่แล้งลอดแล้งอกเรียม ฯ
๏ คณารถเร้นร่มเต็มไพร พี่แม่
ปานค่อยชมพูไพน่านน้อง
ยลคืนชั่วพิสัยตาเล่า ยังแฮ
ละเลิ่นเป็นถ้อยถ้องเผ่าย้ายยินประเหียน ฯ
๏ ชุมชนชมชื่นเหล้นธารา
สาวบ่าวลงสนามปาโมชย้าย
สาอวรอรวนิดาโดยพี่ มานี
จักจ่องจูงน้องผ้ายอาบอ้อยชมชล ฯ
๏ เผ่าสลวยสะอาดเท้าเทิงเลียง
เหมือนเมื่อพี่ชนูเมียงมุ่งเหยี้ยม
พัตรทองท่ำนงเอียงองค์อ่อน งามแฮ
บังอาจปานแสร้งเสี้ยมแต่ฟ้าสลายเหลา ฯ
๏ ลาพระประเทศขว้างขุงลมิง มิ่งแฮ
เปี่ยวเป่งสุรินทยิงยิ่งร้อย
พนิดาแต่ถริงตากระหม่อน เรียมเอย
มาด่วนดับทุกข์ข้อยข่าวเยื้อมยังทอง ฯ
๏ แม่เมือห้องฟากฟ้าใดที่ พู้นฤๅ
ฤๅบดลปัฐพีพี่ฟ้อน
ขุนเขาอุมาศรีไทแม่ เอาฤๅ
จำพึ่งอนแล้วม้อนมาดม้อนอาลัย ฯ
๏ ทิพญาโจมหอบอู้มเอาอวร อ่อนฤๅ
ฤๅบมาสมสงวนเพื่อนค้อย
บเห็นส่ำบุนปวนบรเมศ เมินแฮ
ซอมซ่อตาแห่งห้อยหากแล้งเลงดาย ฯ
๏ กวาวทองทังช่อช้อยสิมพลี
หลายหล่นเต็มปัฐพีแผ่นหล้า
ยลบนหมู่ปักษีแสวงเสพ ชุมเอย
ตายชื่อลางแล้วกล้ามิได้เชยชม ฯ
             

๏ สาลีรักร่ำถ้อยถึงแล แลแม่
ฦๅริตเสียงซอแซซ่ำซ้ำ
ชิงดวงดอกจอแจเถียงถ่อง กันนา
ร้อยร่างเสวยรสน้ำดอกนั้นนารีรมย์ ฯ
๏ ฉายาเพยียไผ่ผุ้งเหลืองหลาย
สูรส่องยังรายรายร่มช้า
ฟังบนโบกสลายสลายเสียงสวาสดิ์ ลมแฮ
ปุนพี่ยังยั้งถ้าถ่อมถ้าถึงนิรมย์ ฯ
๏ จรทิตเทิงต่อหั้นลองแหลง
ข้อเขื่อนเข้าปูกแปงไต่เต้า
ทิพโสภิตยังแยงหาสู่ ยามเอย
มาม่อนเรียงรสเข้าถ่านี้เรียงเรียม ฯ
๏ อารามยังยิ่งร้อยเรียงหลัง
สองตาบมักคาฝังค่นค้าน
รอยเดิมแต่ยามยังงามเงื่อน รัดเอย
เป็นที่พระเจ้าจ้านเสพสร้างวิริยา ฯ
๏ มัจฉะยาเยศร้อยดวงแด แดเลย
พิษกำเดาปวนแปลพรากชู้
พานุชว่ายยามแปรเกวียนกว่า ป่นเอย
แกมก่ำเดาข้าผู้เร่นร้อนรนทรวง ฯ
๏ ลุถึงยางหนุ่มหน้าหนักทรวง อยู่แฮ
คิดถ่องถึงทิพดวงดอกฟ้า
รอยต้นรุนรสรวงสวนเทพ พูนฤๅ
ฤๅบยลเยื้อนข้าข่าวเยี้ยมยังทวง ฯ
๏ เนสาทผาดเผ่นผ้ายเผาไพ พี่แฮ
พระพรึบเสียงฟองไฟเฝ่าฟุ้ง
อลพฤกษ์พนาลัยสายเจ๊ด ม่อนแฮ
รักเทพดาดินดุ้งเดือดดุ้งอกเรียม ฯ
๏ สิมพลีวันแว่นผ้งผาผกา ดิฐแฮ
เพลิงพลุ่งเพียงสาขาล่าล้อม
ติณังแฝกเฝือคาคมบาด งามแฮ
แขมขวากเลาอ้ออ้อมดุจอ้อมอกเรียม ฯ
๏ พฤกษาส่างต้นงอกเงยโงะ
เขียวเคิบคุยพลันโพละพลิบไม้
บูนบสกลร่างร่วมโระอกพี่ เพานอ
นิราศเลียงร่อนไร้เร่งร้อนไฟลน ฯ
๏ ททิพรสซอบซอบนี้รมเรียม ราศเอย
เจบจ่ำงือทวงเจียมจากเจ้า
จักเอาอันใดเทียมตามอ่อน อวรฮา
ทุกข์พี่ยาร้อนเร้าถ่อมถ้าถนอมอวร ฯ
๏ ลุถึงพิงเก่าหั้นหัวฝาย
เกียนก่อนชุมยงยายยอบยั้ง
พนิกพนมลายเหลือร่ม รุกข์แฮ
ไทว่าสมเจ้าจั้งจวบหั้นหาอวร ฯ
๏ พพัดชูซ่อนอ้ำเห็นหัน
อักเขบสวนราอันตอบต้อง
พาลีเลิกพันสันโกยพี่ นาแม่
ใดด่วนต่างเนื้อน้องนาฎได้ฟุ้งมโน ฯ
๏ นาวาในน่านน้ำนทีทวาร
หัวดาษกำพลธารดอกไม้
ฟกฟกช่อเซยปานเรือนาถ เมินเอย
นำชินังน้อมไหว้หว่ายหว้ายคงคา ฯ
๏ แสลวแสลวพายฟากฟุ้งสินธุ์สาย
แสนสนุกนานาหลายหลากเหล้น
ศัลเรียมกรรแสงฟายฟองเนตร นุชเอย
ยลเยื่องใดจักเล้นล่อให้หายทรวง ฯ
๏ ลุดาษถึงดาษต้นรายเริง
ชมคณานองเนิงนั่งพร้อม
ในดั่งดุจเมืองเทิงเทพโลก พู้นแฮ
ริมร่มทุกค่าค้อมย่อมยั้งเยานอน ฯ
๏ ยอมนุชเนื้ออ่อนอ้อนเชยชิน นาแม่
อ่อยห่อยสรรเสริญยินยิ่งล้ำ
อัปศรบำเรออินทร์อัครเทพ ทิพเอย
อกอ่าวอำพลิกขว้ำเขือกร้อนรนเสน่ห์ ฯ
เกษณาจันทน์แจ่มก้านกระลำพัก
ฝนขว่ายองค์อรอัครนุชเนื้อ
มะยักน่าลูบโลมมะยักเขียรเช่น งามเอย
ยลยิ่งขวานฟ้าเงื้อเงือดข้าขวัญสลาย ฯ
๏ อัสดงค์คาค่ำแล้วรอนรอน
สูรส่งเกวียนซอนซอนคลาศคล้อย
ปักษีส่งเสียงวอนวอนเจต รักเอย
โอ้เอนดูชูสร้อยมิได้สุดาดล ฯ
๏ ยินเสียงโนเรศร้องงุมงุม
คิดถ่อมถึงทิพจุมแจ่มหน้า
ปักษีส่ำแสนชุมชมมิ่ง เมียเอย
หลอพี่แรมเร้นถ้าถ่อมชู้ชายฉงน ฯ
๏ สาริรักร่ำร้อยโกกิล
ยะเยือกเสียงโยยินเยื่อซ้ำ
เททรวงเดือดเดพินพิศเรก ไปแฮ
เจ็บจ่ำงือคลืดคล้ำคลอบเนื้อนพคุณ ฯ
๏ นกเป้าจับเปล้าเป้าเรรน
ขวานแขวกเทบินบนร่ำร้อง
เรียมวานโผดแผดลโดยพี่ พลันรา
บินบอกนุชเนื้อน้องพร่องเพื้อทิชาดล ฯ
๏ ราตรีเทียนทีปแจ้งเจาะงาม
มัวม่อนนนตรีตามติ่งถ้อ
อุตส่าห์กั่นโลงนามชักชอบ ชื่นเอย
บุญพี่พอเปลื้องปล้อปล่าซ้ำเซาทวง ฯ
๏ สนธยายามเยี่ยแล้งลมถวิล
หนาวอ่อนอรยุพินพรากข้าง
อรชรชอบยามยินอุดเล่า ไปเอย
ขามเขือดเขงน้องร้างเรียกขวัญขวัญมา ฯ
๏ ปานนี้นักนิ่มเนื้อสมสมร
จักโอบเอวองค์อรอ่อนเหล้น
หนาวลมล่วงอรชรใจพี่ มาเอย
เปี่ยนเปล่าทุกข์น้องเร้นร่ำถ้อนถึงอวร ฯ
๏ รุ่งแลแล้วเช้าชอบชวนรส
ชมตื่นเตมไพคดเล่าผ้าย
พานุชเน่งบรรพตรังเรื่อ มาแฮ
เกวียนก่อนนุชยังย้ายคั่งแคร้คลองถนน ฯ
๏ สุญารามหนึ่งหั้นบุญเลง
ที่รูปไททังเมงม่านเงี้ยว
ถือลาดาบกับเกวงสกรรจ์แก่น คนแฮ
ช้างฉวาดพันเกล้าเกลี้ยวแกว่นสู้สงคราม ฯ
๏ ส้มสูกซรอยผ่งแผ้ผายงาม
แดงดาดเต็มอารามหร่ามหน้า
ปูนสนุกพ้นไพรสนามสนิทเช่น รักเอย
ฤๅบ่มาพร้อมข้าบุ่งชู้ชมผกา ฯ
๏ บงช้างเผียวไผ่ค้อมไกวกวัด
อืออึดนูเนื้อคัดคล่าร้อง
สาอ่อนอรเทียวทัดเทียมพี่ เพาเอย
ยินสำเนียงนี้ถ้องเที่ยงถ้องถามเรียม ฯ
๏ รลึกเห็นหน้าน้องดุจเห็นหัน นาแม่
ยินแต่ตาจักฝันใช่หน้า
รอยตนแต่ใจขวัญแขวนขื่น มาฤๅ
ศรีแม่มาน้องหน้าคว่าค้อมกระหายหน ฯ
๏ อันรักร้อยฟ้าฟากภูวดล ก็ดี
คืออยู่กลางทวงหนแห่งข้า
บรักเสกสันขนในเว่น วักขเอย
ฤๅห่อนยลแย้มหน้านาฏเอ้ยวัลพา ฯ
๏ มณีแก้วกล้าเกิดกลางตา ก็ดี
ยังมิเห็นยลนาน่าน้อง
อันอวรซึ่งทุรายินโยชน์
ยินยิ่งชวนชิดห้องห่อไว้วักเรียม ฯ
๏ ถึงศาลาเทพหั้นบริสุทธิ์ สว่างแฮ
ชุมเที่ยวไทชินบุตรย่อมยั้ง
พานุชแกว่งกงอุดโอนอาต มาเอย
เรียมดำเนินนิจจั้งจอดเจ้าจักดล ฯ
๏ ศาลาลินห่อหั้นหักชล ก็ดี
ชักเชือกเวถีบนบ่อแห้ว
พงศ์เทพเทพาตนสักสาด เรียมเอย
สามิมาน้องแก้วพี่ชี้ชวนดู ฯ
๏ คราวนี้รมร่มเสี้ยงไพรแพระ ออกแฮ
สายเสี่ยงผินพลานและล่าวร้อน
ฝูงเทียวเท่าทอแทะครองร่ม รักแฮ
โอ้เอนดูเนื้ออ้อนอ่อนได้ดลเดิน ฯ
๏ คราวนี้รอนร้านร่มราวหา ยากเอย
จักจอดถึงนัคราร่มหร้า
มัชยาขว่ายอาพาผัศราค รสเอย
เจ็บจ่ำงือหม้ายหม้าแม่ช้ำแถมถนอม ฯ
๏ สงสารเจ็บจากชู้แวนขสด
ใดด่วนมาแทนทดแทกได้
มวนดีกว่าอันอดอบโศก ทุกข์นี
ดายชีลางแล้วให้สว่างเสี้ยงใจเรียม ฯ
๏ สงสารสุดเท่าน้องนุชศรี
ใครมิเจียรสลายมีมี่รู้
หกสวรรค์สี่ธรณีฤๅแทบ เทียมเอย
ตายกว่าลางแล้วสู้สู่ก้ำดวงนิพาน ฯ
๏ ฐูรีรมเยศแล้วเลินถมอ
คือข่ายบนบัวกอกีบตั้ง
สี่มุขเมฆมุ่งหอเลยเลิศ งามแฮ
ทวารเขื่อนขืนแข่งขั้งข่ามข้าศึกแสลง ฯ
๏ ฤๅษีสรัพศาสตร์ไท้ชฎาธาร ท่านแฮ
ทั้งแปดสำมัชฌาญเสพสร้าง
อัมพรวิ่งวงทะยานยังเมฆ ไปแฮ
ปดที่ออนอันร้างรีบหื้อสมสมร ฯ
๏ ฤษีศักดิ์ศาสตร์สร้างเดียวเดิม
ยังก่อนมังรายเริมราชท้าว
สังขารคิดเขียนเติมตามรูป รอยเอย
กอบก่อทุกด่านด้าวหากแล้วโดยฤทธิ์ ฯ
๏ ยลเห็นพระธาตุเจ้าจอมจักร
เป็นปิ่นอุพารักษ์เลิศล้ำ
ทายกรอำรุงรักษ์รมเจด งามเอย
ปราสาทใส่แสงซ้ำเมื่อน้องนารีรม ฯ
๏ ประทายทวารต่อด้าวถึงขง
อเนกน้องป่าป่งเหนกช้า
บริเวณส่ำแสนองค์อกแน่ง น้องเอย
ทั้งสี่สมควรข้าลอบเสี้ยงศุภสาร ฯ
๏ มหาชินธาตุเจ้าเจดีย์
เหมือนแท่งคำสิงคีคู่เพี้ยง
สัตว์คำคาดมณีควรค่า เมืองแฮ
เปลวเปล่างดินฟ้าเสี้ยงสว่างท้าวอัมพรา ฯ
๏ เจดีย์ชินธาตุเจ้าศรีสถาน
ขามโสพิศพงาปราณเกศเกล้า
ทัศมนมิพอปานพพคู่ คมเอย
ฤๅเลิศใต้ทิพเท้าเท่าเว้นอุบพาศรี ฯ
๏ มหาชินธาตุเจ้าจอมจักร
เป็นปิ่นทศลักษณ์เลิศหล้า
เลงแลมิใครทักเทียมแทก ใดเลย
เทาดิวางหว้ายฟ้าฟากด้าวดาวดึงส์ ฯ
๏ ระวังเวียงแวดขั้นสมสอง สว่างแฮ
ทุกแล่งเฉลิมฉัตรทองเทพเอื้อน
พิหารสี่หลังยองยังเงื่อน งามเอย
เทียมลวังช่วนเชื้อนสี่ต้านถึงถลู ฯ
๏ บริเวณละเลื่อนล้อมปาณสัตว์
สาวบ่าวหญิงชายคัดครั่งแคร้
รัตตินทิวาวัดอันค่ำ คืนเอย
บห่างสักเมดแม้เมื่อใกล้วิภาดา ฯ
๏ พะทีปตนแจ่มจ้อนหทัย พี่แฮ
บริเยศหาหนใดบ่ได้
ปารนีร่มคลาไคลคองพี่ พูนแฮ
แปงเจดเนื้อน้องให้ช่วยตั้งอนุโม ฯ
๏ ศศีใสส่องฟ้าวรบัน
แสลงส่องมนดนดันเพริดแพร้ว
สะลาส่องเห็นหันยังเพื่อน แพรวเอย
โอ้ว่ายลน้องแก้วกว่านั้นนานเห็น ฯ
๏ นิสาสาวบ่หร้อมสมสนุก นั้นแฮ
เมียงม่ายเผือผันทุกแห่งห้อง
สาอวรออกมาสุขเริมเช่น รักเอย
แพงเจดวางไว้น้องนาฏไท้ทิพารม ฯ
๏ นับมือผับแผ่นพร้อมพนิตา
งามต่างงามภูษาย่องหยั้น
จักเทียมแทรกเสน่หาหายาก ยิ่งเอย
หลอแต่ต่างเรียมดั้นกลิ่นแก้วสาลัย ฯ
๏ ทุงทองทังทีปตั้งบูชา
ปี่คู่ทักขิณาหว่านไหว้
เป็นผลเผื่อกิริยายังขึ่น รักเอย
ถวายอนงค์น้องได้แด่แล้วเสน่หา ฯ
๏ กระษัตราติงเกศเกล้าก่อถวาย
เป็นสาษีเรียมหมายเหมือดหมั้น
วางเพาโพดทังสวายเสียรุ่ง ก็ดี
ก่อเหตุนุชน้องกั้นคอบชู้เจียนสลาย ฯ
๏ สุพรมมาลมิ่งไม้ทวายทุม ก็ดี
ท่านทังถวายพินพุมเรียกรู้
ปราไสยพุธธังกุมกวมโลก นี้เอย
วุเทศทังช่วยชู้ช่วยค้ำบารมี ฯ
๏ รัชนีเพิ่งพุ่งแจ้งจวนตะวัน
แสงส่องรังสีจันท์แจ่มฟ้า
สามิมีดุจดูวันรวีแว่น ยังเอย
สนุกสนานด่าวหล้าหล่อหล้มเมทนี ฯ
๏ อุดสาเสียงสว่างสร้อยรัชนี
กรกั่นโลงทันทีอ่านอ้อย
บารดเรียกมาลีเบงบาต ทุมเอย
ตรีโจกทูทุกถ้อยเถี่ยงถ้อยถามชัย ฯ
๏ เอนดูน้องน้อยพรากเรียมไกล เซ่นนอ
พอยเพื่อนฤๅอวรไสยาสโพ้น
บมาแผ่นปราไสยสงวนหมู่ ชุมนอ
เปี่ยนเปล่าอกน้องโน้นนาฏเอ้ยไคทยา ฯ
๏ ชินพิมเพาโพธเพี้ยงพอกัน
สองฝ่ายหนเหนือสันฝ่ายใต้
ลาชาแผ่นผายผันผลเผื่อ อวรเอย
ผลเผื่อถึงเจ้าได้แต่เทิ้นทิโพชา ฯ
๏ พิหารยาวยิ่งกว้างพิสดาร
พุทธรูปองค์อุปพานเลิศหล้า
ยืนยังเยี่ยมพิมานรมณิยอด โยงเอย
สังมิมาพร้อมข้าแต่งตั้งปณิธาน ฯ
             

๏ ลาชาเทียนทีปแม้งมาลา ก็ดี
เป็นส่วนศรีวนิดากึ่งก้ำ
ทุงทองแทกคายายังขึ่น ก็ดี
เป็นส่วนบุญน้องล้ำเลิศข้าขอเวร ฯ
๏ ขีณาทังแปดเก้าสัพพัญ
แปงพุ่งสาลีปูแผ่นผ้า
เคนพระชุองค์กูนาพี่ รับรา
เป็นสากขีน้องหม้าแม่ได้โดยเรียม ฯ
๏ ธาราไหลหล่อหื้อเป็นสัตย์ ก็ดี
ก่อเท่าเบิงอันพัดพรากช้ำ
บัจจุณเผือผลตัดสองจาก เจียนรา
พิโยคนุชนี้ล้ำเลิศผู้ใดปะเหียน ฯ
๏ นักษัตรทั้งเก้าเรียกรับผล
อย่าถูกลักขณาหลนแห่งน้อง
รับราชกุศลสนองโชค ชัยรา
ตัวบาปหลอนใดต้องค่อยหื้อนักถาผล ฯ
๏ อินทร์พรหมครุฑนาคน้ำนำสนอง แดรา
จักแบ่งกุศลสองส่วนให้
ทวีคูณค่อยปูนปองหมายเมียก บุญรา
บัดชื่นนุชน้องได้แด่ด้วยอัคชา ฯ
๏ วันเพ็ญศีลเสพสร้างอุโบสถ
เพียญชน์โภชน์สุราอดค่อยกลั้น
ยังแชงเฟื่อยสีลสรดใสว่าง งามเอย
ก่อใช่จงฟากชั้นหน้าน้องเองออน ฯ
๏ สาลีวางรุ่งแจ้งจำอรรถ
แปลงเจดเชงปฏิบัติบ่เศร้า
เบงจะจำเนียนวัดวันค่ำ ก็ดี
สระชีพวางไว้เข้าเขตน้องอิษฐารมณ์ ฯ
๏ จึงเสลือยยุระยาตรฟ้อมเฟือนฟัด
แววาดหางยูงกวัดแกว่งเต้น
เงินทองละบำทัดทุมทอด งามเอย
ตามพวกคันธัพเหล้นหากแล้วหลายระบำ ฯ
๏ ภมุกคิ้วค้อมก่งเกาทัณฑ์
เอวอ่อนกัมพลพันรวบรั้ง
กัทลีลดาวัลย์ลมเพิก เพียงเฮย
เพิงแพ่งพลับเต่าตั้งเต่งตั้งผายขจร ฯ
๏ เชียงคำเกลาเกลี้ยงแกว่งกลอนกาย
นูเนื่องในทองสลายขาดขว้ำ
ปูนเด็จแต่ขวันถวายเชีวก เวนเอย
หัทเยศในเนื้อน้ำขุ่มแส้นสริรัง ฯ
๏ บางบทตูท่อนดิ้วเชียชิน เช่นแม่
ยอบาทสุยสุยยินงึดด้วย
รอยเรียบแต่เดิมกินนรีราช ฤๅแม่
บุญค่อยชูชักส้วยสู่สู้สมสนอง ฯ
๏ นักคุนแนคคู่ค้องสละไนย
ไพโอฐสลายสลับไสดอกสร้อย
บางตูบาทบทไปแพงร่ำ รักเอย
เสลยเยอยลหน้าช้อยชอบด้วยโดยระบำ ฯ
๏ สายนังเคาะต่ายเต้นเยาะแยะ
บางบาทเยอเทาะแทะทอดเท้า
ถอยหลังเลาเกาะแกะชลางแล่น ไปเอย
สองฝ่ายเคาะเต้นเต้าฝีกพ้นปาระเลิม ฯ
๏ เสนีไต่ดาบขึ้นสูงสุด
สมสอดยืนยังยุดห่มห้อย
รอยเรียมสาดสิปป์อุดดมเร่ง เรียวฤๅ
ปูนงืดหน้าน้อยน้อยนาฏเอ้ยเรียมเห็น ฯ
๏ เทาเรียมร้างจากเจ้าเจียรพงา งามเอย
อกอั่งอาดูรดาหมดม้อย
เตมเลงอื่นใครสลาเฉลิมเกศ กุฎเอย
แพงเจตในน้องถ้อยพี่ถ้อยถึงอวร ฯ
๏ อำหน้าเห็นน้องเท่าเห็นเงา ก็ดี
ดับโศกทุกข์บันเทาที่ร้อน
มิลุมิลวนเอาองค์อื่น เทียมแฮ
ฝังอาตม์ขวัญขวัญข้อนแว่นแก้ววนิดา ฯ
๏ ตนไกลจิตเจตใช้เมื่อชัย
เผือฝากทิพนงค์ไวแว่นไว้
เททวงออกอกในปานใน นุชแฮ
ตายบตายนี้ไม้มาศไม้เวทนา ฯ
ทุรารสน้องนาฏเววล
นึกเยี่ยงใดจักทนพี่ร้าง
จึงไปเดียวเดินยลยังรูป อวรเอย
เอนกนุชน้องว้างแว่วหื้อหายเสบย ฯ
๏ มณฑปพระเจ้าก่อเกือกวน กว่าเฮย
สูงใหญ่ย่องเองพวยเพื่อนหน้า
เทียนทุงคู่คบสวยอวยแว่น วักเอย
ผลเผื่อเราอย่างช้าชาตินี้เนื้อมุนี ฯ
๏ นาภีสมสอดส้างมหากระจาย
ปูอาสนอิงทะเพิมหลายลูกช้อน
เทียนทุงทิพถือถวายเคนคู่ อวรเอย
พอเท่าทีปเจ้าซ้อนเอกอ้างปณิธาน์ ฯ
นปพระไสยาสเยื้องปฏิมา
วงเวดฝูงขีณาใฝ่เฝ้า
พระพุทธเปลี่ยนอิริยากุโนด บ้างรา
เทียนคู่เคนพระเจ้าจุงได้ปัจจุบัน ฯ
๏ มิคาเยี่ยมยี้เหยียบยังยืน ก็ดี
ไขปากปานจักกลืนคาบเคี้ยว
คชสารคู่จักลืนลงรวด รักเอย
เมี่ยงม่ายสองเบี่ยงเบี้ยวเป่นสู้สบายยวย ฯ
๏ ยังมีคู่พระล้อมจัตุตน
ยืนยันอยู่ประจิมหนแห่งโน้น
เพราะเรียมทุกข์ฉงนฉงายเสน่ห์ รักเอย
ชอโผดผายให้โพ้นเพื่อแก้กรรมเรียม ฯ
๏ ธรณีเต้าตั้งกาศลีเลิง
เต็มแต่บุพพัณห์เถิงค่ำสลุ้ม
กวงเก็นที่เทียนเทิงใจเช่น นาแม่
ยลเยี่ยงใดจักกุ้มกว่านั้นนานเห็น ฯ
๏ นัครารมเยศย้อมสากล
แฟงฟั่นฤษีตนแต่งตั้ง
ลือเลิงทั่วทศมณฑลทวีป เรานี้
เมืองมิ่งพระเจ้าจั้งเจี่ยมจ้อนจามเท ฯ
๏ ละมิงพิงเพี้ยงม่างลุเกียร
สาวบ่าวชุมชนเดียรระดาษไหว้
บเห็นพิรมเปียนปัดเปื่อน ทวงแฮ
ปัดเปื่อนอกซ้ำไซร้ชวดได้ดลมุณี ฯ
๏ อำเห็นหน้าน้องเท่าเห็นหัน
ปองเหล่าอารามสรรพ่างแห้ง
พระพุทธเปลี่ยวดูฉันเดียวพี่ นี้แม่
ไกลกลิ่นรสเข้าแล้งเยียแล้งอกเรียม ฯ
๏ ถึงพุทธรูปอั้นยืนยัง
ก่อมก้อเป็นชลงทังสี่ด้าน
ทำบุญเผื่อบุญบังพบแม่ นะแม่
กุโนชพระเจ้าจ้านค่อยแก้กรรมสนอง ฯ
๏ กุกุสนธแซ่งสร้างโกนา
องค์หนึ่งพระกัลปาเจื่องเจ้า
โคดมจึ่งจรดคลาว่างศาส นาเอย
เชิญเสวยรสเข้าม่วนน้อมทูลถวาย ฯ
๏ สี่องค์นิพ้นฟ้องสงสาร
นิโรธรสนิพานดมข์ม้าง
ยังพระอะไรนานลงโลก นี้นอ
จักบอกบทคล้อยคล้างแต่หื้อมำนิพาน ฯ
๏ นานนักชลิ่วแล้งสาลี
เพียญชน์เรียมนับปีอ่านปั้น
ปูชารูปรอยมีผลมาก นักเอย
ก็เที่ยงลุแก้วหมั้นแม่เอ้ยยาไสลย ฯ
๏ ชีนพิมพ์พิโมกข์ม้างนิรพาณ ก็ดี
มีหมู่บริวารแวดล้อม
เป็นกษัตริยเดือดแดดาลโกรูป รักนา
ชลเนตรนองน้ำพร้อมพร่องหน้าบทยา ฯ
๏ บางองค์มุขมาตย์ม้วนเหมือนเรียม ราศเอย
สังเวชในใจเจียมจิ่มหน้า
บเห็นที่รักเทียมใจเล่า แลแม่
แถมอั่งอกใหม่หม้ามาศน้องนิราราม ฯ
๏ พระพุทธสามสี่ห้าหกองค์
สูรส่องไสสีรงค์หร่ามร้อน
เรียมเห็นเวทนาปลงใจชื่น ชมเอย
เทียนธูปทูลเจ้าจ้อนจุ่งห้ามโพยภัย ฯ
๏ ลาพระโลเกศเกล้าแบกปลอน
ถวายส่วนศรีองค์อรอ่อนได้
ฉายันเยี่ยยืนวอนใจพี่ มาเอย
ถึงพระธาตุเจ้าไหว้จึ่งตั้งสติเป็น ฯ
๏ อัสดงค์ดาค่ำเช้ารัชนี
จันทร์แจ่มสัทกระวีวาดฟ้า
เอารสราชภูมีมาอ่ำ รุงเอย
นางนาฏยลแย้มหน้าคั่งแค้นปณิธาน ฯ
๏ นิบาทธิเบศแก้วกัลยา ก็ยา
ปลงเปล่าชุมวะนิดาแห่ห้อม
ศรีสรรพอำรุงพารารุ่ง งามเอย
สนมนาฎเลื่อนเลื่อนล้อมเนตรหน้าเตมพลาน ฯ
๏ ธาดาวะห่อยเนื้อทิพมาล
ไทงาศสันเฉลิมปานแต่งแต้ม
อานาศาสตร์พันพานเพิ่งแพ่ง งามงาย
ยลยิ่งนางฟ้าแย้มย่างย้ายลดาวัลย์ ฯ
๏ พี่ชุมชนชื่นย้วนยามยล
ทะเจียกกรอมกุณฑลเพริดแพร้ว
เพณีเนตรเสนียนมณมกุฎเกศ นางเอย
บุญจ่อมชีพิตแก้วแก่น้องขอเวน ฯ
๏ เลงลักษณ์มิใครคร้ำครวญแยง
คือเทพนิรมิตรแปลงแปลกฟ้า
ภูษาสำอางแสงโสภิศ งามแฮ
ยลนาฏต่างน้องถ้าถ่อมไจ้ยลอวร ฯ
๏ นับยลยามจากน้องนงพงา นี้แม่
สายสืบชีพิตมารอดแล้
เต็มงามต่างภูษาชูช่วย ตายเอย
องค์ต่อองค์น้องแท้แทกได้ฤๅประเหียน ฯ
๏ ปกาเพลิงพลุ่งแจ้งโชตการ
ละลิดเทศทังทวยหารไม่ห้อ
คระครั้นแม่งบัวบานนิโลก ครั้งเอย
หมิใช่บุญน้องน้อมิได้ดลดู ฯ
๏ เพียเพลิงพอพุ่งขึ้นสูงสุด สว่างแฮ
ใส่ส่องเสียนงนุชนาฏน้อ
บมาเสพสหยุตย่ามม่อน สันนี
ปูนชีพวางแล้วย้อย่ามน้องรสดล ฯ
๏ นบพระถึงรุ่งใกล้วิภาดา
นึกนั่งบ่ไสยาต่อแจ้ง
ทำบุญแม่นมหาปรางค์ใหญ่ ครานี
ก็เพื่อนุชน้องแสร้งเสร็จสร้างอติเร ฯ
๏ บุรณมีแม่นมื้อชอบจักลา แลแม่
โอนอำรุงปณิธาสั่งซ้ำ
ทักขิณหลังธาราเป็นฝั่ง ครานี
นางนาฏรองรับน้ำนอบนิ้วโมทนา ฯ
๏ ลาพระชินธาตุเจ้าจอมอัฐิ
ถวายคิลาเพียญชน์ภัตรหว่านไหว้
ประจงจอดจักรวัติผลเผื่อ ทิพเอย
บัดเดี่ยวขอหื้อให้แห่งน้องวิวาหา ฯ
๏ ลาพระวรเชฐสร้อยชินธาตุ์
เทียนทีปทังมาลาหว่านไหว้
ประจงจอดพันตาทิพเท่า อวรเอย
ก็เท่าจงจักใช้บาทเบื้องบูรเพ ฯ
๏ ลาพระชินเชฐสร้อยชินวงศ์
เป็นปิ่นบูรีขงเขตกว้าง
บคิดกริ่งประสงค์สัตว์อื่น ใดเลย
สักชาติอย่าเร่งร้างร่วมชู้นิพานเดียว ฯ
๏ บรเมมายแม่งม้างภาวดี
ขงเขตไพรสิมพลีแม่งม้าง
เบงจางค์เกศโมภีสุดแว่น วางเอย
อันพี่บ่เร้นร้างกลิ่นแก้ววนิดา ฯ
๏ ขุนเทนิราศแก้วกุมการ
ไต่ชาติเจียนยุวมาลย์แม่ไว้
ยุงลุล่มบาดาลพลิราช วันนา
สามิลุแก้วใกล้ชาตินี้ลุนยัง ฯ
๏ กังขาลินีราศร้างรถเสน
วานหวั่นในดินเดนด่านน้ำ
นางยักษ์ผูกพันเวรมวนโมฐ วันนา
อันพี่พัดน้องช้ำเร่งร้อนระเหหน ฯ
๏ ปะภาพิโยคสร้อยสุทธนู ก็ดี
สมุทโฆษว้างพินทูแม่งม้าง
ขุนบาจากเจียนอูษาราช
อกพี่แอ่นร้อนร้างกว่าเบื้องบูรเพ ฯ
๏ กุศรานิราศร้างภาวดี ก็ดี
ยังลาภลุนงค์ศรีร่วมห้อง
สาอื่นบปราณียังยาก ครานา
จักแม้งรามรสน้องนาฏไท้ทุเรราง ฯ
๏ รามานิราศร้างสีดา เดียวแม่
พระก็เอานงพงาเผ่นผ้าย
ยุงรู้ส่ำบุณตาตูเจต เดียวเอย
สึกสวนยังได้ส้ายเพื่อผู้หนุมาน ฯ
๏ จากเจียนเนื้อเกลี้ยงกลิ่นองค์อร
องค์อรสมสมรนอนพรากขวั้ญ
พรากขวั้ญเดือดแดรอนอกม่อน มรแฮ
อกม่อนมรบาบั้นบิ่นบ้าในทรวง ฯ
๏ พระเม้านอระเนิ้งคอบเรียมทุกข์ เทือนี
เหมือนเมื่อกิติยุคชวดช้า
จดเขาคระเลงลุกแดเดือด ต่างเอย
มออาสน์คล้ายคล้าคอบข้าฤๅถนอม ฯ
๏ คราวครานถึงถ่ามห้องหริภุญ ชัยเฮย
หริร่ำสองอาดุลราศร้าง
ปูนกษัตริยปานเปลาทุนทิพอา ชาเอย
ถวายแก่นุชน้องอ้างอ่านเหล้นหายฉงน ฯ
๏ มรรคาเพรงพรากเหมิ้นเมิมนนาน เน่งแฮ
หริภุญชัยสถานธาตุตั้ง
ร้อยเจ็ดสิบแปดประมาณบทบาท มีเอย
เป็นต่ำนานเรื้อรั้งแต่งตั้งเป็นสาร ฯ
๏ เปลี่ยนแปลงร่างรื้อยากโคลงลาว นี้แฮ
พจนพากย์แผกกลฉาวช่างได้
ดำริตริตรองสาวสืบเยี่ยง ดูเอย
จัดพอจุแรงให้บาทเบื้องคุณเฉลิม ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

ฉบับอยุธยา จากหนังสือ วรรณคดีสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ โคลงนิราศหริภุญชัย ทวาทศมาส นิราศสุพรรณ ของ นายมี (หมื่นพรหมสมพัตสร) โครงการพัฒนาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๐๔

เครื่องมือส่วนตัว