โคลงนิราศหริภุญชัย

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 16:35, 17 สิงหาคม 2552 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: ไม่ปรากฏ

โคลงนิราศหริภุญชัยเป็นวรรณกรรมล้านนาในยุคอยุธยา ฉบับที่นำมาลงในนี้มีสองฉบับ คือฉบับอยุธยาที่ดัดแปลงมาจากต้นฉบับแล้ว และฉบับล้านนาซึ่งยึดตามต้นฉบับของทางล้านนา

บทประพันธ์

ฉบับอยุธยา

๏ กชกรต่างแต่ตั้งศิรษา
นบพุทธธรรมสาวกาแผ่นเผ้า
สนำสลูเบิกนามมาขอมเรียก รักแฮ
ไทด่ำบลเมิงเป้าผ่านไว้วิวรณ์ ฯ
๏ ศุภสารเรียงร่ำถ้อยคราวคราน
หริภุญชัยเชษฐ์สถานธาตุตั้ง
สาระพัดเขตขาพาลพังด่ำ บนเทอญ
ยามม่อนมั่วรสยั้งจุ่งตั้งสดับสาร ฯ
๏ สงสารทุกข์แต่งตั้งอื่นฉงน
นิราศสัตวชนกล่าวได้
จักริร่ำยุบลบำราศ นุชนี
เป็นคะโลงหื้อให้โลกแจ้งใจคะนึง ฯ
๏ ดวงเดียวดูยิ่งฟ้าอัปศร
เป็นปิ่นกามาวจรเจื่องเจ้า
บุญบาปแต่ปางก่อนทักทำ นายนี
แสนชาติยังยั้งเฝ้าจึ่งล้วนลุคะนึง ฯ
๏ ดวงเดียวอาสาศเสี้ยงภัทรกัป
ทั้งสี่สรรเพ็ชญ์ลับล่วงแล้ว
อาไรยมีทันผับวรศาส นาแฮ
เจียนจุ่งละน้องแก้วก่อนแล้วดุสิดา ฯ
๏ ดวงเดียวดีซ่อนไว้หว่างวรรค
เขาะขอดหทัยลักษณ์หล่อน้อง
หทยังมีฝักฝังพี่ ทิพเอย
เห็นแห่งอวรโน้นข้องขอดผี้พัทมาร ฯ
๏ บุญญะมีมาศมื้อผลคุณ
ขงเขตในนพบุรโยกย้าย
เดินถวิลแห่งหริภุญชัยเชษฐ์ ชิดแฮ
นบธาตุพระเจ้าผ้ายแผ่นค้อมคุงชเล ฯ
๏ ชลไพรผงแผ่นพื้นบนบด
พายลุ่มปานจักรกรดเชือกขว้ำ
พาชีดำเรียรถจรเชือก ชักแฮ
ขงน่านเรือร้อยล้ำไขว่ขว้างขวางนที ฯ
๏ นบวรเชฐสร้อยสิหิงส์
ลาเทพเบญจาจริงจึ่งผ้าย
เชิญวานเทพดลถลิงถลากระหม่อม เรียมเอย
เทาดำเนินเยื้อนย้ายพร่ำพร้อมเดินเดียว ฯ
๏ ลาถึงปราสาทสร้อยสิงห์สอง
โอนต่ำลุงทิพทองที่อ้าง
เบญจาจำเนียรปองปดต่ำ งนรา
จากจ่ำเลวแล้วร้างราศนั้นฤๅดี ฯ
๏ ธรยูคีรีเกิดใกล้ผาเกียร
สามสี่อาวาสเจียนจิ่มไหว้
กุศลที่ทำเพียรพบราช เดียวเอย
มิใช่จงหวังได้แต่พื้นรสดล ฯ
๏ กุฎารามรวดด้านหลังเหลียว
ถวายกระพูมมือเทียวหว่านไหว้
ทำบุญเพื่อผลเยียวผัสแม่ นาแม่
ถึงถาบอุปแปนได้แต่ซ้ำปรารถนา ฯ
๏ เห็นหอมังราชเจ้าสูงศักดิ์
ยังบลืออารักษ์ราชไหว้
อังเชิญช่วยพิทักษ์เทียมพี่ คะนึงนา
ยามม่อนมัวเกลียดใกล้ร่วมเร้าชัยบาน ฯ
๏ อารักษ์อาราธน์เรื้องมังราย ราชแฮ
เชิญส่งศรีทิพนายหนึ่งร้า
เทียวทุงพี่จักถวายเป็นส่วน บุญแฮ
จูงจ่องเมื้อเมืองฟ้าเสพสร้างสุราลัย ฯ
๏ มหาอาวาสสร้อยสี่สถาน
ชิมรูปองค์อุปปานเลิศหล้า
อมรกฎค่าควรปานบูรหนึ่ง
ถวายพระนามน้อมหน้าเพื่อไท้นารีรมย์ ฯ
๏ อัษฎารสแรกสร้างสูงประทาน
เทียฆแทบตนทรมานเมื่อเนิ้น
เหมือนพระวรโพธิญาณยังโลก นี้นอ
ปดดำเนินนี้เทิ้นเทื่อนี้มัสการ ฯ
๏ สององค์อมเรศเอื้อมอุตร
ยุกขราชถือขรรคาฝ่ายใต้
เรียมวานเทพวรารักษ์ราษฎร์ มวลแฮ
เสียงล่ำเพียงเกลี่ยใกล้ช่วยค้ำชูเรียม ฯ
๏ นบเชษฐแซงซ่างไซร้ถลาถลิง รวดแฮ
บหุ่งเห็นทิพยิงยิ่งผ้าย
เททรวงกรรแสงสวิงมัวราช นักเอย
เสน่ห์บาดอกซ้ำร้ายร่างแต้มถึงถวิล ฯ
๏ ลลินลุแล้วเล่าศาลา เลิศแฮ
ครองคู่สายเสน่หาแห่งหั้น
วรลักษณ์เลิศสวรรคาเทพทิพ เรียมเอย
สามแผ่นผืนใดดั้นพี่ด้นหาอวร ฯ
๏ มรรคาทวารทอดตั้งอาราม หนึ่งแม่
เป็นปิ่นบูรีนามฟ่อนสร้อย
ดวงเดียวหนึ่งนิศยามสนิทเชฐ ชิดแฮ
ปอมแปกนุชเนื้อน้อยเลิศผู้ผิดองค์ ฯ
๏ จากเจียรช่อฟ้าลาศลงดิน แด่ฤๅ
มุขมาศนาสายินยิ่งแต้ม
ยามยลพี่จะถวิลถวายอำ รุงเอย
ไขโอษฐ์ดินฟ้าแย้มพี่แย้มยังทรง ฯ
๏ จงไปปราสาทฉ้ออัษฎา
บุญจึ่งลักกุนารอดเรื้อง
เชียงส่งพี่ส่งหาเยาวยอด ยิ่งแฮ
ซอมชอกตาทุกเบื้องบ่ได้ดลพงา ฯ
๏ ลุถึงเชียงใหม่หม้าทวารทอง
เวียงวาสปราการสองเขื่องขั้น
เหราเฟือดฟัดฟองคือค่าย งามเอย
หอเลิศเลยต้ายตั้งข่ามข้าศึกแสลง ฯ
๏ มเหศักขสาดไท้ทิพทวาร ท่านเอย
เชิญช่วยโปรดอันผ่านเจตชู้
บเห็นพี่รักครานใจเช่น ชั้นนี้
เมื่อข่าวไขน้องรู้ร่วมเบื้องยาถนอม ฯ
๏ หวังเห็นเช่นชม่อยหน้าบุญหนา
วานเทพสมสนองรารีบร้า
เททวนปั่นปองบาอกบ่า บินแฮ
ปดต่ำงนไว้ข้าข่าวน้องนำสนอง ฯ
๏ บุรีทวารต่อตั้งสมสถาน
นามชื่อศรีมหาทวารรวดเรื้อง
ทนทุกข์ทิวานานบน่อย ทวงเอย
ขวัญขาดยังข้อนเบื้องบาปห้อยเห็นอวร ฯ
๏ พ้นง้อมงามเงื้อมใกล้สุสาร
เรียมบังคมชิตมารเจื่องเจ้า
ทุรังสิ้นศิลบาลบใคร่ รักเอย
ก็ใช่จงจักเฝ้าเทพท้าวเองอวร ฯ
๏ ลุถึงเถียงเส่าสร้อยศรีเสถียร
อัศว์ด่ำเรียรถเกวียนคืดเกล้า
ไทเห็นอุพาเจียนจันแม่ มาแฮ
ยลใช่ชีพิตเข้าพี่ห้อยหฤทัย ฯ
๏ เรียงนันอาวาสแก้วกุฏิคำ
ทุกค่ำงนเรียมจำเจตไหว้
เทพาพิทักษ์ทำพุทธศาส นาเอย
จำเจตนงค์น้องไว้รีบร้างคนเดิน ฯ
๏ อารามเรียงรุ่นหั้นเงางาม
เป็นปิ่นบุรีนามน่างรั้ว
บเห็นนาฏนงรามบวรสวาท สยบเอย
ทั้งชื่อชีพิตกั้วโลกนี้นามนิพาน ฯ
๏ ทวารทองเริ่มเขื่อนขั้งศึกแสลง
รุตราชรังสรแปงหม่ายหม้า
จันถึงพี่ยังแยงหาแม่ นาแม่
บจวบโฉมสร้อยฟ้าไต่เต้าตามเรียม ฯ
๏ ด่าวนี้พ้นบั้งบาดบุรี นาแม่
รถราชพันรังสีส่องหล้า
ไหวกงแกว่งเกวียนจีวางเมฆ มาแฮ
เชิญช่วยดับทุกข์ข้าที่ร้างรามสมร ฯ
๏ รถทองเทียมแทบเอื้อมอุสภา
มิอาจจักคณนาเนกได้
หางยูงเยื่อนอาภาเพยเพิก งายเอย
ลางช่อปักหื้อให้กล่อมเกี้ยวเวถี ฯ
๏ พริพัดโคมคู่ห้อยดึงดัง
พัดใหม่ไหมขาวทังแอกอ้อม
หงส์ทองทอดคลานคลังกับโทก เทียมเยอ
เรืองร่วงวางวัดส้อมแส่วเส้นสานี ฯ
๏ ลาเจียนชม่อยเนื้อทิพมาลย์
ชลิ่วแลนงคราญคร่าวถ้า
เต็มเลงอื่นใครปานหัทเยศ เดแม่
เจียรบรู่เนื้อผ้ามิผู้ใครยล ฯ
๏ อุทยานท่านถากสร้อยสวนสนิท
ชล่ำลายเลยติดลูกล้อม
จุกจ้นจ่ำลองขวิดเกวนมาก มีแฮ
หนักหน่วงเนืองเนื่องค้อมกิ่งก้านปัฐพี ฯ
๏ จำปาบุนแบ่งสร้อยสบารงา
เหลืองหล่นเต็มฉายาคู่เค้า
ปุนเด็ดกีบกับสาลายแลก อวรแฮ
สีเสียดแสนซ้ำหล้าเปลี่ยนป้อนปันฉลา ฯ
๏ มาเทินจักยื่นไม้มาลถวาย
แถวท่องเวถีสายเกศเกล้า
เหมือนนางกิรีถวายทัดเมื่อ รมย์นา
หลากหลากหลายเล่ห์เร้าร่วมชู้ชมผกา ฯ
๏ กวาวกวิวอโศกสร้อยสุมสุก
อวนอ่อนแกมใบทุกกิ่งก้าน
บเห็นนิรมรุกข์ยังร่ม ยังแฮ
เห็นดอกดวงไม้ม้านยิ่งม้านอกเรียม ฯ
๏ พระสูรส่งสัตว์สิ้นเชยเชย
ลำง่างอนเสลยเสลยสว่างร้อน
อกบาบ่เหยเหยหายเหื่อ ทิพเอย
ยังค่ำเคาทุกข์ข้อนขอดข้อนขวัญสลาย ฯ
๏ ยลใครยังร่วมชู้ชมเมีย ม่อนแฮ
ถวายกลิ่นกับดวงเพียเพื่อนน้อง
เองเดียวทุราเสียสายเจต นี้นอ
ตายบ่ตายนี้ข้องขาดแล้วยังใย ฯ
๏ รถทองยังยื่นร้อยเรียงกง
เวหาสเห็นธุลีลงลุ่มเท้า
อกเรียมบิ่นเป็นผงยับย่อย ยุบเอย
ชลิ่วเลวแลงเจ้าจิ่มชู้ชาทอง ฯ
๏ ยังนึกหน้าน้องนาฏนงราม
เจียนจากถึงกุมกามก่อนแก้ว
บเห็นพงางามเทาทะง่อง ถูเอย
แสนล่ำกงื้อแอ้วใช่อั้นอรทอง ฯ
๏ อารามรมเยศเมิ้นมังราย
นามคู่คำหลวงหลายเช่นท้าว
หกสิบเสียมผู้ยายยังรอด รามแฮ
แปงคู่นุชน้องเหน้านาทโอ้โรทา ฯ
๏ ชันพิมพ์เพิ้งเจตสร้างสมาธี อยู่แฮ
โอ้อำรุงเรียมรีร่ำไหว้
ขอพรอาทีเทียมพี่ คะนึงรา
สองเสร็จถวายให้ได้แค่ซ้อนสิเน่หา ฯ
๏ ธาดามังราชเจ้าจุพาลักษณ์
สาส่วนเป็นอารักษ์ใฝ่เฝ้า
อังเชิญส่งสารอัครชาเยศ มารา
เป็นดังฤๅร้างเจ้าจากช้าใครโลม ฯ
๏ ดั่งฤๅร้างแก้วก่อนคำสัง
รอยแม่งสารีรังนิราศรื้อ
บพิตรพระเมืองมังรายราช รักเอย
เชิญต่านวายนั้นหื้อค่อยแก้คำสนอง ฯ
๏ อรรณพขวางขั้นขอบพิงเพิง รอดเอย
ผืนแผ่นลุยลงเลิงลวดยั้ง
คองเห็นพี่รักเทิงใจเช่น ครานี
ยลอื่นใส่เศียรตั้งต่อไว้วรรคเรียม ฯ
๏ นทีหันแห้งไป่พอเรือ
เกียนกว่าชุมชนเผือว่งหว้าย
สารถีสั่นสายเยือยังเชือก ชักแฮ
ดักค่วนคุงค่าท้ายถีบพ้นปาระเลือม ฯ
๏ วานไม้เมื่อข่าวน้องขอไข
เหลือหล่นบกบางใบกิ่งก้าน
บเห็นภิรมย์ใจเจียนจาก ห้องเฮย
เห็นโบกใบไม้ม้านเยี่ยงม้านมโนเรียม ฯ
๏ ม่อนยังยั้งหั้นร่มเรียงรึก
วานเทพทั้งไพรพฤกษ์น่าน้อง
โพคินทั่วทังทึกแถวน่าน นี้แม่
เชิญส่งสารพื้นพ้องข่าวข้าขอยิน ฯ
๏ น่านน้ำขลุงน่านน้ำเขินขุน
อกชเลยังวุนเล่าแล้ง
อังเดิรหากอาดุรแดเดือด รสแฮ
เห็นหาดหนหั้นแห้งเยี่ยงแห้งแถวถนอม ฯ
๏ พระไทรเจ้าไม้มุ่งเมืองคู่ แดรา
ปดที่ทนทุกข์ทูเรศแจ้ง
จักกินมิได้กูระนาพี่ เทานอ
วาเยศยังไล่แล้งลอดแล้งอกเรียม ฯ
๏ คณารถเร้นร่มเต็มไพร พี่แม่
ปานค่อยชมพูไพน่านน้อง
ยลคืนชั่วพิสัยตาเล่า ยังแฮ
ละเลิ่นเป็นถ้อยถ้องเผ่าย้ายยินประเหียน ฯ
๏ ชุมชนชมชื่นเหล้นธารา
สาวบ่าวลงสนามปาโมชย้าย
สาอวรอรวนิดาโดยพี่ มานี
จักจ่องจูงน้องผ้ายอาบอ้อยชมชล ฯ
๏ เผ่าสลวยสะอาดเท้าเทิงเลียง
เหมือนเมื่อพี่ชนูเมียงมุ่งเหยี้ยม
พัตรทองท่ำนงเอียงองค์อ่อน งามแฮ
บังอาจปานแสร้งเสี้ยมแต่ฟ้าสลายเหลา ฯ
๏ ลาพระประเทศขว้างขุงลมิง มิ่งแฮ
เปี่ยวเป่งสุรินทยิงยิ่งร้อย
พนิดาแต่ถริงตากระหม่อน เรียมเอย
มาด่วนดับทุกข์ข้อยข่าวเยื้อมยังทอง ฯ
๏ แม่เมือห้องฟากฟ้าใดที่ พู้นฤๅ
ฤๅบดลปัฐพีพี่ฟ้อน
ขุนเขาอุมาศรีไทแม่ เอาฤๅ
จำพึ่งอนแล้วม้อนมาดม้อนอาลัย ฯ
๏ ทิพญาโจมหอบอู้มเอาอวร อ่อนฤๅ
ฤๅบมาสมสงวนเพื่อนค้อย
บเห็นส่ำบุนปวนบรเมศ เมินแฮ
ซอมซ่อตาแห่งห้อยหากแล้งเลงดาย ฯ
๏ กวาวทองทังช่อช้อยสิมพลี
หลายหล่นเต็มปัฐพีแผ่นหล้า
ยลบนหมู่ปักษีแสวงเสพ ชุมเอย
ตายชื่อลางแล้วกล้ามิได้เชยชม ฯ
             

             

             

เชิงอรรถ

ที่มา

ฉบับอยุธยา จากหนังสือ วรรณคดีสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ โคลงนิราศหริภุญชัย ทวาทศมาส นิราศสุพรรณ ของ นายมี (หมื่นพรหมสมพัตสร) โครงการพัฒนาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๐๔

เครื่องมือส่วนตัว