วชิรà¸à¸²à¸“ภาษิต
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
การปรับปรุง เมื่อ 07:21, 17 สิงหาคม 2552 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
ผู้แต่ง: ?
บทประพันธ์
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ | |||
ข้าขอเผด็จแสดง | ผจงแต่งซึ่งคำสอน | ||
ไว้เป็นสุนทรกลอน | คดีโลกลำดับความ | ||
ไว้ให้แก่นาเรศ | เฉลิมเกศอนงค์งาม | ||
รุ่นสาวเจริญทราม | พิศวาทแสวงชาย | ||
นารีอันมีศักดิ์ | วรพักตรดั่งเดือนฉาย | ||
สงวนตัวไม่มัวระคาย | จะระคนด้วยมลทิน | ||
เสมือนดังวิเชียรรัต | นะลือระบือระบิล | ||
เป็นอรรคนาริน | รจนาวราโฉม | ||
ควรเป็นมงคลขวัญ | นัยเนตรวิเศษโสม | ||
นัสนาฏสวาทโลม | ฤดีชายให้ถวิล | ||
อย่าหยิ่งเผยอผยอง | ลำพองตนกระมลทิน | ||
ปากร้ายผูกไพริน | แก่เพื่อนมิตรสนิทนาง | ||
จงเจียมเสงี่ยมจิต | แต่งจริตให้สำอาง | ||
พูดจาอย่ารานทาง | แก่เพื่อนรักสมัครตน | ||
เดินเหินอย่าเมินพักตร์ | แลชำรักชำเลืองยล | ||
เห็นชายทำอายฉงน | ระริกร่านัยน์ตามัน | ||
แต่งกายให้สมศักดิ์ | วรพักตร์วิไลวรรณ | ||
คนดำห่มแดงฉัน | ไม่ฉายเฉิดประเสริฐศรี | ||
คนขาวจะนุ่งห่ม | อันใด ๆ ก็งามดี | ||
คนดำต้องห่มสี | แต่หม่นหมองและเขียวคราม | ||
ห่มแดงและสีนวล | บ่มิควรจะเห็นงาม | ||
ชายเห็นจะเย้ยหยาม | บริภาษให้บาดใจ | ||
ลุกนั่งระวังตน | อย่าลุกลนทลึ่งไป | ||
ภูษาและผ้าสะใบ | จะปกปิดให้มิดกาย | ||
อย่าทำกระดางลาง | ตลกโลนเหมือนผู้ชาย | ||
สตรีให้มีอาย | เป็นที่ฟังจะบังควร | ||
ยามเดินอย่าประมาท | ให้พลั้งพลาดล้มเซซวน | ||
ยามยืนอย่ายืนยวน | กมลขึงตลึงแล | ||
ยามนอนอย่านอนหงาย | เอากรก่ายวิลาศแปร | ||
กอดอกอาอูรแด | ฤดีดิ้นถวิลชาย | ||
ยามกินอย่ากินเติบ | ค่อยป้อนเปิบให้สบาย | ||
ข้าวตกลงเรี่ยราย | ไม่สู้ดีอัปรีย์ตน | ||
เคี้ยวข้าวดังจับ ๆ | จะอาภัพวิบัติคน | ||
ซดแกงเหมือนเสียงกรน | ดังโฮก ๆ กระโชกลม | ||
นอนหลับละเมอฝัน | บ้างเคี้ยวฟันสยายผม | ||
ครางครวญรัญจวนตรม | กลสะอื้นไม่ฟื้นตัว | ||
บ้างนอนน้ำลายไหล | บ้างถอนใจดูน่ากลัว | ||
เสียงกรนเหมือนเสียงวัว | ดูอนาถประหลาดใจ | ||
บ้างนอนเป็นท่ายักษ์ | ย่อมชั่วนักคนจัญไร | ||
มือสอดเข้าไว้ใน | ระหว่างขาท่าอัปรีย์ | ||
ระมัดระวังตัว | อย่านอนชั่วมักไม่ดี | ||
โรคาจักยายี | อายุน้อยจักถอยแรง | ||
นอนดีจะมีทรัพย์ | กิติศัพท์เป็นศักดิ์แสง | ||
คำสอนนอนตะแคง | เอาแขนพาดตามสกนธ์ | ||
เหยียดเท้าลำดับบาท | เอากรพาดหนุนเศียรตน | ||
เป็นสวัสดิมงคล | ชื่อสีหไสยา | ||
ยามเดินอย่าเดินเหย่า | ระเหยาะย่างเหมือนอย่างกา | ||
อย่าเดินเอาศิร | ชะโงกเงื้อมไปก่อนกาย | ||
ให้เดินผจงบาท | ด้วยลีลาศชำเลืองชาย | ||
แอ่นอกให้ผึ่งผาย | เหมือนดั่งเป็ดวิเศษดี | ||
เดินเหมือนคชาทรง | มงคลาราชหัสดี | ||
จะเป็นเฉลิมศรี | ศุภสุนทรานาน | ||
ยามกินอย่าผินพักตร์ | บริโภคกระยาหาร | ||
แสนทรัพยศฤงคาร | จะเนืองนองดังน้ำไหล | ||
ประจิมจักมียศ | เป็นยอดอย่างสุรางค์ใน | ||
อุดรจักมีภัย | อย่าผินพัตร์รับอาหาร | ||
เป็นหญิงอย่าใจบาป | วาจาหยาบพูดสามานย์ | ||
กล่าวโลมตลกพาล | เหมือนเช่นชายบ่อายใจ | ||
นารีอันมียศ | มธุรสย่อมแจ่มใส | ||
เยือนยิ้มพริ้มละไม | พจนารถสวาทหวาน | ||
อย่ากล่าวยุบลบ่อน | สบถล่อนให้เกินการ | ||
อวดโอ้พูดโวหาร | ยกคนตั้งอวดมั่งมี | ||
อย่าค่อนนินทาท่าน | มิใช่การกสัตรี | ||
ความชั่วและความดี | ย่อมมีทั่วทุกตัวคน | ||
เขาชั่วก็ช่างเขา | อย่าเก็บเอามาใส่ตน | ||
ใครประเสริฐบังเกิดผล | จงเอาอย่างในทางดี | ||
อย่าทำเป็นแม่สื่อ | ให้เขาลือว่าอัปรีย์ | ||
ชักชายให้สมศรี | ชักสตรีให้สมชาย | ||
เป็นหญิงอย่าง่วงเหงา | นอนขี้เซาอยู่จนสาย | ||
การเรือนเร่งขวนขาย | เอาใจใส่ในเคหา | ||
ข้าวปลาอย่าคาหม้อ | ไว้เหลือหลอให้บูดรา | ||
ถ้วยชามอย่าให้คา | หมั่นล้างคว่ำทำให้ดี | ||
ครัวไฟอย่าให้รก | สกปรกมักอัปรีย์ | ||
หม้อข้าวฝาละมี | อย่าเปลี่ยนผลัดพัดกันไป | ||
หุงข้าวอย่าผินหลัง | หมั่นระวังทั้งฟืนไฟ | ||
เสร็จสรรพดับให้ได้ | อย่าทิ้งไว้จะไหม้เรือน | ||
กินแล้วอย่าฉุยแฉ่ | ให้พ่อแม่คอยตักเตือน | ||
อย่าทิ้งให้กลาดเกลื่อน | เปื้อนครัวไฟนั้นไม่ดี | ||
แดดออกดูตากของ | ฝนตกรองเอาวารี | ||
เย็นย่ำค่ำราตรี | อย่าจรลีจากเคหา | ||
หญิงสาวจะไปไหน | มีเพื่อนไปจึงไคลคลา | ||
คนเดียวอย่าลีลา | เขานินทาว่าสามานย์ | ||
ผู้ชายเขาล้อเลียน | เป็นหนามเสี้ยนให้รำคาญ | ||
เมินหน้าอย่าว่าขาน | ตอบคนพาลแพ้ภัยตัว | ||
พูดจาว่าโดยดี | อย่าข่มขี่ให้เขากลัว | ||
รักนวลสงวนตัว | สิ่งใดชั่วจงหลีกหนี | ||
นุ่งห่มพอสมศักดิ์ | โสมมนักมักไม่ดี | ||
แต่งตัวนักก็จักมี | คนนินทาว่าล่อชาย | ||
พี่น้องไปมาหา | นั่งพูดจาอย่าทำอาย | ||
พบปะเข้าทักทาย | ปากเราะรายพูดให้ดี | ||
ลุงอาแลตาปู่ | ไปมาสู่ด้วยไมตรี | ||
ข้าวปลาหุงหาจี่ | ตามยากมีให้ท่านกิน | ||
แม้ว่ามีข้าไท | จงปลอบใช้อย่าใจทมิฬ | ||
ร้ายนักมักติฉิน | นินทาว่าส่งด่าตัว | ||
มีข้าอย่าปั้นเจ๋อ | ทำหยิ่งเย่อให้เขากลัว | ||
รักมัน ๆ รักตัว | ทำใจชั่วบ่าวมันชัง | ||
มีข้าเหมือนศัตรู | พึงให้รู้น้ำใจหวัง | ||
ความลับที่ควรบัง | อย่าได้เล่าแก่บ่าวตน | ||
มันมักชักชู้ให้ | อย่าเชื่อใจอีสัปดน | ||
วิสัยอีคนจน | ได้สินบนไม่รักนาย | ||
ตัวดีมีคนรัก | ทำทรลักษณ์จักได้อาย | ||
หัวแหวนแสนเสียดาย | ตกแตกทะลายหายราคา | ||
เปรียบเหมือนกับหญิงสาว | ทำรานร้าวใส่กายา | ||
ชายดีมีปรีชา | ไม่ปรารถนาจักเชยชม | ||
เปรียบเหมือนกับดอกไม้ | ม้วนแทรกใส่ในอาจม | ||
ผู้ใดใครจักชม | ดอกโสมมไม่นำพา | ||
ถ้าว่าสุมาลี | เกสรมีงามรจนา | ||
เป็นที่เสน่หา | จิตเมตตาทุกตัวตน | ||
โบราณท่านย่อมว่า | ตัวเป็นข้ารักษาตน | ||
นานไปเป็นกุศล | คงจะพ้นเป็นทาสี | ||
เป็นข้าผ้าเหม็นสาบ | ใจยุ่งหยาบหญิงอัปรีย์ | ||
ทำชั่วตัวไม่ดี | เป็นทาสีอยู่จนตาย | ||
ฉบัง ๑๖ | ||||
เป็นหญิงยศยิ่งเพราพราย | อย่าจงจิตหมาย | เชยชู้เป็นคู่เคียงนาง | ||
บุพเพสันนิวาสแต่ปาง | ก่อนสมชมนาง | เสน่ห์สนิทพิศมัย | ||
ถึงอยู่นัศเรศแรมไพร | ทางห่างเท่าไกล | คงประสบพบสมร | ||
ตามบุญวาสนาแต่ก่อน | อย่ามีอาวรณ์ | กังวลแสวงสวามี | ||
ปรนนิบัติไว้องค์อินทรีย์ | เสมือนดังดวงมณี | มีสีประะเสริฐเฉิดโฉม | ||
ร้อนใจอะไรชายจักประโลม | ใครเห็นแล้วโสม | นัสเสน่หาน่าถนอม | ||
กิริยาวาจาอดออม | จัดไว้เป็นจอม | มงกุฎสุดานาริน | ||
ความกตัญญูยุพิน | เป็นสายเกาบิน | สังวาลย์แลสร้อยสวมทรง | ||
อัธยาศัยในอนงค์ | จัดเป็นธำมรงค์ | สุวรรณวิไลใส่กร | ||
สติปัญญาถาวร | จัดเป็นอาภรณ์ | ภูษิตวิเศษเจษฎา | ||
หนึ่งจิตเมตตากรุณา | มุทิตาอุเบกขา | เป็นผ้าสะไบใส่ศรี | ||
สำหรับประดับกสัตรี | ให้เอี่ยมองค์ฉวี | สมศักดิ์ตระกูลกัลยางค์ | ||
หญิงใดได้ทรงสำอาง | จักงามกว่านาง | ที่แต่งเครื่อง ๆ อาภรณ์ | ||
แม้ผู้เสาวภาคย์สุนทร | ฟังวัจนาคำสอน | ที่พี่ร่ำพรรณา | ||
จักมียศเลื่องเดชา | กฎทั่วชาวชวา | ว่ากำภุญชัยสยาม | ||
ดีกว่านารีรูปงาม | ใครไม่มีความ | ประทุษฐโทษนินทา | ||
จักมีชายมุ่งหมายเมตตา | รับขวัญหรรษา | สรรเสริญเจริญอวยพร | ||
เทวาอารักษ์ฤทธิรอน | จักให้นามกร | ชื่อแม่มงคลกัลยา | ||
เงินทองสมบัติวัตถา | ไหลหลั่งลอยมา | ดังว่านทีศรีใส | ||
นารีมีศรีประไพ | แม้อยู่ที่ใด | ที่นั้นเป็นสุขถาวร | ||
ดับโศกโรคภัยรานรอน | กำจัดดัสกร | ศัตรูและหมู่โจรา | ||
เสมือนดวงเนาวรัตนา | ควรคู่ราคา | ร้อยชั่งมาตั้งใส่พาน | ||
ชายใดได้ชมสมสถาน | จักมีศฤงคาร | สมบัติสมบูรณ์พูนผล | ||
อนึ่งให้นอบน้อมจอมสกนธ์ | ปรนนิบัติผัวตน | โดยสุจริตพิสมัย | ||
ถึงมีทาสาข้าไท | อย่าได้ไว้ใจ | ให้หุงให้หาอาหาร | ||
ตาดูหูใส่ในการ | กลัวคนสามานย์ | ใส่ยาจักฆ่าสามี | ||
วัตถาอาภรณ์อันดี | สำหรับสามี | จงจีบประดับพับวาง | ||
อย่าปนภูษาผ้านาง | มลทินจักหมาง | จักหมองจักมัวผัวตน | ||
เย็นค่ำย่ำแสงสุริยน | นั่งนอบมอบสกนธ์ | เข้าปรนนิบัติพัดวี | ||
เจรจาสำรวลสรวลศรี | อย่าได้พาที | คำเท็จเผด็จกล่าวกลอน | ||
ผจงปัดปูที่นอน | เรือดไรในหมอน | จงหาอย่าให้คายคัน | ||
คำใดผัวร่ำรำพัน | สอนสั่งฟังกัน | จำไว้อย่าให้ใหลหลง | ||
จวนใกล้ไขแสงสุริยง | ตื่นจัดบรรจง | น้ำสรงชำระพักตรา | ||
เสร็จสรรพแล้วกลับออกมา | หุงหาโภชนา | บรรจงอย่าให้ใครทำ | ||
แต่งให้ผัวกินอิ่มหนำ | ยกมาล้างคว่ำ | แล้วตัวจึงค่อยหากิน | ||
บิดรมารดาสวามิน | อย่าให้ติฉิน | รังเกียจคนหม่นหมาง | ||
ไปลามาไว้ให้สำอาง | คิดเหมือนพ่อนาง | แม่บังเกิดเกล้าเกศี | ||
พี่น้องญาติกาสามี | เจรจาพาที | โอบอ้อมถนอมใจกัน | ||
ไปมาหาของกำนัล | ใส่โตกเชี่ยนขัน | คำนับให้สมพักตรา | ||
ความลับผัวแจ้งกิจจา | ไว้ในอุรา | อย่าได้แถลงแพร่งพราย | ||
ปากบอนค่อนกล่าวบรรยาย | ผัวจักได้อาย | ให้ควรสงวนภัสดา | ||
แม้ว่าสามีโกรธา | อย่าตอบวัจนา | อดออมถนอมน้ำใจ | ||
หายโกรธจึงค่อยเฉลยไข | เล่าความตามใน | ยุบลแต่ต้นเหตุมี | ||
ผัวเห็นจริงดังพาที | จิตมีปราณี | ความรักนั้นมากขึ้นไป | ||
อนึ่งสามีมีใจ | รักร่วมพิสมัย | สังวาสสวาทหฤหรรษ์ | ||
จงมีปรีดาเสมอกัน | อย่าทำเดียดฉัน | ให้ขัดให้ข้องขุ่นเคือง | ||
ไฟลุกฝอยลุกรุ่งเรือง | ไฟดับฝอยประเทือง | ให้ดับระงับตามกัน | ||
หญิงใดสามีผูกพัน | มีจิตคิดกระสัน | ประสงค์จำนงในนาง | ||
แม้รู้อย่าท่ารานทาง | กล่าวคำให้ระคาง | ระบัดระเบียดเสียดสี | ||
อดออมถนอมจงดี | ค่อยพูดพาที | ประเล้าประโลมภายหลัง | ||
ไฟลุกอย่าเอาเผาอัง | จักไหม้ผองพัง | ให้ดับด้วยสายชลธี | ||
หวงหึงริษยาราวี | จักเกิดด่าตี | วิวาทบาดใจในกัน | ||
ประเวณีเป็นสิ่งสำคัญ | ดุจดังเพลิงกัลป์ | จักเผาซึ่งโลกโลกา | ||
รักใดไม่เท่ารักกาม์ | มืดมิดโมหา | ไม่คิดชีวิตวางวาย | ||
ลางนางบ้างผูกคอตาย | กินยาพิษวาย | ชีวิตบ่อคิดอินทรีย์ | ||
ลางนางด่าว่าราวี | ราวกับทาสี | ตะกุยตะกายกัดกัน | ||
ตบตอบแย่งยื้อยือยัน | ราวีตีรัน | ประเจิดประจานตัวเอง | ||
ใช่ผัวเขาจักกลัวเกรง | เขายิ่งข่มเหง | ให้เจ็บให้ช้ำร่ำไป | ||
หญิงดีมีอัธยาศัย | ตั้งจิตตนไว้ | ให้เป็นท่ามกลางอุเบกขา | ||
ตามใจสามีปรีดา | พลอยมีเสน่หา | เมียน้อยมันเหมือนน้องนาง | ||
พูดจาอย่าให้ระเคืองคาง | เอาใจไว้พลาง | กับคนติฉินนินทา | ||
เมื่อมันมีจิตอหังการ์ | ล่วงเกินอิจฉา | มันไม่เจียมเสงี่ยมใจตน | ||
บอกให้ผัวรู้ยุบล | สองหนสามหน | ทีหลังอย่าไว้แม่มัน | ||
ถ้ายั่วมัวเมาเข้ากัน | จิตคิดบิดผัน | ไปอยู่กับหมู่ญาติกา | ||
นาน ๆ จึงเวียนไปมา | อย่าทิ้งภัสดา | ระวังระไวไปพลาง | ||
สามีจิตจืดจาง | จักเห็นคุณนาง | กลับรักภิรมย์สมสมัย | ||
ชั่วดีนี้สุดแต่ใจ | อาฌาอาศัย | ไว้เป็นที่ตั้งบังควร | ||
อย่าให้ผัวร้างแรมสงวน | จักเสียศรีนวล | อนงค์เป็นพงศ์ผู้ดี | ||
หญิงใดแรมร้างสามี | เปรียบเหมือนมาลี | ไม่มีเจ้าของหวงแหน | ||
สำหรับผึ้งต่อตัวแตน | เบียดเบียนซ้อนแกน | ก็โรยไป่รื่นรสสุคนธ์ | ||
ทาแป้งแต่งเกินสกนธ์ | สำหรับคำคน | จักเคาะจักค่อนนินทา | ||
แหวนดีจึงมีราคา | เพราะหัวจินดา | ประดับสำหรับธำมรงค์ | ||
ราชรถย่อมงามเพราะธง | กวัดไกวงามยง | ก็เรืองประยศทศตรัย | ||
สระบัวเปี่ยมน้ำเย็นใส | เป็นที่ชื่นใจ | แก่ฝูงมัจฉาวารี | ||
เพลิงพลุ่งมีเปลวอัคคี | จักรุ่งเรืองศรี | สว่างกระจ่างแจ่มแสง | ||
นารีมีคู่สู่แสวง | คนย่อมยำแยง | บ่ห่อนจักเย้ยไยไพ | ||
ผัวร้างแรมจิตพิศมัย | จักตรมตรอมใจ | เทวษบ่เว้นวายวัน | ||
ผัวรักร่วมเรียงเคียงขวัญ | พักตรผ่องเพียงจันทร์ | จรัสจรูญเรืองฉาย | ||
๏ | |||