ศึกษิต

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 06:32, 17 สิงหาคม 2552 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

พระนิพนธ์: พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ

บทประพันธ์

      ฉันพะวงสงสัยในใจฉันได้บากบั่นเล่าเรียนเพียรหนักหนา
คิดๆ ไปใจละเหี่ยเสียเวลาเรียนวิชาไม่รู้ประตูจน
อยากจะรู้ให้ตระหนักไม่ยักรู้ไม่เชิดชูปัญญาสถาผล
ความรู้ขอข้อเดียวเกี่ยวกับตนเป็นข้อต้นยิ่งใหญ่ในวิชา ฯ
      คือฉันอยากทราบมั่นว่าฉันนี้จะเรียกว่าผู้ที่มีศึกษา-
ได้หรือยัง, หรือว่าหย่อนอ่อนวิชาเบาปัญญาที่ตรงไหน, เหตุไรเบา.
ฉันไม่รู้จึงจะใคร่รู้ให้แม่นฉันเป็น educated man ด้วยหรือเปล่า.
ถ้าฉันเป็น, เป็นเพราะว่าวิชาเพรามีลาดเลาเป็นไฉนจะใคร่ฟัง.
ถ้าไม่เป็น, คืออะไรทำให้เห็นว่าไม่เป็นผู้กล้าวิชาขลัง.
การเคยเรียนเคยไล่ไม่อินังใช่เครื่องสังเกตว่า “ศึกษา” มี.
บางคนเรียนตั้งแต่เล็ก, เด็กจนหนุ่มเนาในขุมวิทยามีราศี
อาบสิริแห่งยุนิเวอร์สิตีบี.เอ็สซี., บี.เอ. เง้เข้าไว้.
แต่ใช่ educated man แสนจะขันเขาว่าเป็นเช่นนั้นก็เป็นได้.
นึกน่าแค้นแสนฉงนจนหทัยจะถามใครก็ไม่บอกออกให้ชัด.
ฉันมีภูมศึกษาหรือหาไม่เขาว่าใช่ฉันไม่เชื่อเหลือจะขัด
เกรงว่าเขาพะเน้าพะนอยอตะพัดเห็นถนัดไฉนว่าศึกษามฤต
เขาคงคิดบิดตะกูดพูดขันๆเพื่อให้ฉันหลงนึกว่าศึกษิต
ถ้าฉันมีปัญญาศึกษาธิตย์ฉันต้องคิดต้องเป็นคนเช่นใด ฯ
      ฉันพะวงสงสัยนัยฉนี้ไม่รู้ที่จะเสาะค้นในหนไหน
ความเป็น educated man ใคร่แม่นใจว่าอย่างไรกันแน่ไม่แปรปรวน ฯ
      วันหนึ่งฉันนั่งถือหนังสือพลิกเหมือนกระดิกโปปั่นให้ผันผวน
อาจแทง “สอง” ออก “ครบ” กินทบทวนตามขบวนโชคซึ่งสำนึงเคราะห์
แต่บางทีถูก “อ๋อ” ก็พอได้ถ้าโชคให้เคราะห์ดีมีมาเหมาะ
อุปมาพลิกสมุดหยุดเฉพาะสิ่งไม่เสาะมาประสบอยู่ครบครัน ฯ
      ฉันนั่งพลิกเล่นๆ ใช่เฟ้นหาเพอินมาพบเรื่องเฟื่องขยัน
ในหนังสือชื่ออะไรไม่สำคัญเพราะชื่อมันเศร้าสัมผัสขัดตะแคง
เขาว่า educated man แม้นกันหมดมีกำหนดที่สังเกตหลายเลศแจ้ง
เป็นหลักหกยกแยกขึ้นแจกแจงเด่นสำแดงสารพรรณ์วรรณนา ฯ
             

Tests of an Educated Man.

Language.

      หลักที่ ๑ ศึกษิตวิทยาสารย่อมชำนาญแนวนัยใช้ภาษา
พูดก็เนียนเขียนก็แนบแบบวาจาไม่บอๆ บ้าๆ ภาษาคน ฯ
             

Good Manners.

      หลักที่ ๒ สทาจาร เป็นญาณยึดความประพฤติดีงามอร่ามผล
จำนงมั่นจรรยาสง่าตนถ่องถกลความเป็นเย็นตละแมน ฯ
             

Good Taste.

      หลักที่ ๓ good taste มีเลศไข(ถ้าแปลได้ตรงเผ็งก็เก่งแสน)
กุสุมรส สดสอาดไม่ขาดแคลนเปรียบเหมือนแว่นส่องสว่างกระจ่างแท้ ฯ
             

Reflection.

      หลักที่ ๔ รู้ตรองให้ถ่องเที่ยงทั้งความเอียงความตรงบงให้แน่
ความหุนหันพลันแล่นใช่แผนแดมีเบาะแสฉันใดก็ไตร่ตรอง ฯ
             

Growth.

      หลักที่ ๕ งอไม่หยุด, ไม่สุดเติบเพียรกระเถิบสารพรรณ์มันสมอง
รู้ไม่พออยู่เป็นนิตย์คิดจะลองดำเนินคลองปัญญาวิชาการ ฯ
             

Translation of Thought into Concise Action.

      หลักที่ ๖ แปลความคิดประดิษฐ์ให้-เป็นความทำขึ้นได้โดยนัยผสาน-
ทั้งความรู้ความคิดพิสดารคิดไม่นานทำได้ดังใจคิด ฯ
      เขาว่าลักษณ์ทั้งหกยกเป็นหลักเพื่อประจักษ์ใจสำนึกเป็นศึกษิต
educated man แสนโสภิตชวลิตปัญญาวิชาชาญ ฯ
      จริงฉนี้หรือไฉนฉันไม่แน่แต่จะแส่เสริมคารมผสมผสาน
พยายามอธิบายหลายประการให้ท่านอ่านเล่นๆ พอเป็นยา-
นอนไม่หลับจับลองสองบันทัดสมุดพลัดมือผลอยม่อยเจียวหนา
จะรีบหลับจงรีบอ่านให้ผ่านตาเป็นนิทรานุเคราะห์เหมาะจริงๆ
ไม่ต้องใช้หยูกยาวิ่งหาหมอจะหลับฟ้อกรนฟี้ดีทุกสิ่ง
นิทรารมณ์สมหทัยไม่ไหวติงทั้งชายหญิงหลับเถิดเกิดปัญญา ฯ
             

Correct use of Language.

      ที่ว่า educated man แสนประเสริฐมีข้อเชิดขึ้นชื่อคือภาษา
ไม่โก๋ไก๋ไถลถลากจากตำราใช้วาจาถูกต้องทำนองดี
อันคำเขียนคำพูดที่ดูดดื่มย่อมปลาบปลื้มใจประจักษ์เป็นศักดิ์ศรี
ส่ำภาษาเส็งเคร็งเก็งให้ดีคือเก็งที่จะไม่ใช้เมื่อไรเลย.
มีภาษิตคำไทยว่าไว้เที่ยงว่า “สำเนียงส่อภาษา” เจ้าข้าเอ๋ย
คำผิดๆ คิดขามเหมือนหนามเตยอย่าเฉยเมยพึงระวังตั้งหทัย
ภาษาเปรียบเทียบกล้องส่องความคิดภาพน้ำจิตอาจเห็นได้เด่นใส
ถ้าเขียนพูดปูดเปื้อนเลอะเลือนไปก็น้ำใจฤๅจะแจ่มแอร่มฤทธิ์.
เงาพระปรางวัดอรุณอรุณส่องงามผุดผ่องกว่าเงาแห่งเตาอิฐ
ก็คำพูดนั้นเล่าเงาความคิดเปรียบเหมือนพิศพักตร์ชะโงกกระโหลกทึก
สำนวนเขียนขรุขระเหมือนมะกรูดสำนวนพูดเครอะคระเหมือนมะอึก
ผู้อ่านฟังทั้งสิ้นยินแล้วนึกว่าคนถึงปัญญาผ้าขี้ริ้ว ฯ
             

Good Manners.

      สทาจารดีงามมีความกว้างใช่ท่าทางท่วงทีดีผิวผิว.
มารยาตร์คลาศง่ายเหมือนฟ่ายปลิวพอลมฉิวมาหน่อยก็ลอยไป
มิใช่จรรยาดีที่เขาว่าซึ่งปลูกฝังฝั่งฝาที่อาไศรย.
จรรยาดีมีธรรมค้ำหัวใจเกิดเป็นไพร่ฤๅผู้ดีมีสกุล
ไม่สำคัญอันใดที่ในเผ่าอาจเป็นเจ้าแต่ทว่าจรรยาสถุล
กำเนิดไพร่ใจผู้ดีอาจมีบุญธรรมเป็นทุนเทิดหน้าพาขึ้นไป ฯ
      ใครผู้ดีถอยหลังครั้งไหนแน่ถ้าย้อนแลนานนักก็มักไพร่
ท้าวแสนปมบรมบุราณ ณ กาลไกลคนทำไร่ปลูกมะเขือเหลือจะโซม
กลายเป็นต้นกอสกุลบุญประเสริฐก่อกำเนิดอาธิปัตย์บรรทัดโถมน์
โรมูลัสขัติยวงศ์ธำรงโรมหมาเป็นโยมอุปถากฟากนที
ทารกน้อยลอยไปที่ในทึกอันไหลลึกเร็ววนชลวิถี
ร้องแว้ๆ แพพาลอยวารีไปเกยที่ฝั่งชลพ้นมรณา
เพอินมีหมาป่าเวลาพลบมาประสบเสียงแว้จึงแม่หมา
ให้กินนมสนมสนิทจิตเมตตาพอให้ทารกฟื้นคืนกำลัง
ต่อนั้นมามีชายนายฝูงแกะพาสัตว์และเล็มติณกินตามฝั่ง
พบทารกฟกช้ำอยู่ลำพังก็พายังที่อยู่เลี้ยงดูไว้
เกิดเป็นหน่อกอกษัตริย์อุบัติศักดิ์ธำรงรักษ์บ้านเมืองรุ่งเรืองได้
สร้างกรุงโรมโสมนัสดังฉัตรชัยบำรุงไพร่ฟ้าเฟื่องกระเดื่องแดน ฯ
      จรรยางามความประพฤติยึดเป็นหลักธรรมารักษ์ล้ำเลิศประเสริฐแสน
สทาจารบานจิตไม่คิดแคลนจึ่งจะแม่นมั่นว่าศึกษาลัย ฯ
      จรรยาใช่กิริยาทีท่าสวยแต่ก็กิริยาด้วยที่ช่วยให้-
เป็นผู้ดีโดยประพฤติยึดดีไว้แม้เป็นไพร่แต่ทว่าสาธุมาน
ก็ย่อมเป็นผู้ดีที่พึงคบโดยเคารพจริยามหาสาร.
เป็นผู้ดีโดยชาติปราศสทาจารคำบุราณไม่ว่าสาธุชน ฯ
             

Good Taste.

      อันคำว่า good taste มีเลศกว้างหาแบบอย่างเป็นแผนก็แสนขัน
ผู้ไม่มี good taste สังเกตคนก็จำจนหฤทัยที่ไม่รู้
ผู้ bad taste เหตุแวดด้วย bad tasteน่าทุเรศที่มลักพวก “ลักขู”
เพราะ taste ซึ่งสึงในใจดนูย่อมค้ำชูชนประเภท taste เดียวกัน ฯ
      คนไม่รู้ กุสุมรส ปรากฏจิตคิดเช่นคิชฌ์กินควายแล้วผายผัน
รสเข้าทิพย์สิปปรสย้อยหยดมัน-ไม่หมายมั่นมโนรถว่ารถดี.
ชาติปักษินกินศพกระหลบกลิ่นกลบประทิ่นสุมนาน่าบัดสี
เหมือนงิ้วบู๊ฉาบแตรแซ่เต็มทีดนตรีมีสำเนียงเสียงกลบซอ ฯ
      กุสุมรสพรตประพฤติยึดในจิตในทางคิดทางทำนำยี่ห้อ
สถุลรสปลดปลิดจิตชลอให้ชูช่อศึกษิตสนิทเนา ฯ
      เราเห็นความงามดีอันมีกรอบเพราะใจชอบรู้เช่นเห็นเฉลา
อยากรู้เช่นเห็นชอบระบอบเชาวน์ก็ต้องเอาหฤทัยใฝ่ฉนั้น
สิ่งใดที่เราไม่สู้จะรู้จักสิ่งนั้นเราไม่รักสลักมั่น
อยาก good taste ต้องแสวงในแหล่งมันไม่ที่นั่นก็ไม่มีที่จะรู้ ฯ
             

Reflection.

      ความรู้สึก ตรึกตรอง ถ่องถนัดให้เห็นชัดช่องทางระหว่างผลู
อะไรเหลวเหลวซามหรืองามตรูจะราหูหรือจันทร์ก็มั่นใจ.
Educated mind ท่านไขว่ามีจินดาตรึกตรองอันผ่องใส.
จิตผู้ไม่ศึกษิตผิดอย่างไรผิดที่ไม่รู้ถวิลจินตนา-
ให้แม่นยำสดำเฉวียงเอียงหรือซื่อคมหรือดื้อแคบหรือกว้างบางหรือหนา
จะรูปการสถานไหนก็ไตร่ตราจะทีท่าเป็นไฉนก็ไตร่ตรอง.
อัน uneducated mind มิได้ยั้งผิดหรือพลั้งแล่นโลดกระโดดคล่อง
คิดขึ้นมาก็ทำโดยลำพองจะบกพร่องทางไหนมิได้นึก.
“Angels fear to thread” เหตุญาณบอกแม้ภายนอกแลดูไม่รู้สึก-
ว่าพื้นเรียบอาจถล่มจมลงลึกใจได้ฝึกจึงระวังไม่พลั้งพลิก.
ผู้ตรึกตรองถ่องแท้ไม่แร่วิ่งไม่แน่จริงในใจไม่กระดิก
ความรู้เก่าเอาสรุปอุปนิกข์เจตสิกส่อแถลงให้แจ้งชัด ฯ
      นี่เป็นลักษณะหนึ่งซึ่งส่อว่าความศึกษาประจำจิตไม่ติดขัด
             

Growth.

Educated mind ในสันทัดปฏิบัติดีงามด้วยความตรอง ฯ
      อันความงอกของมนุษยืไม่ยุตติจะกล่าวความตามระบิก็ตรึกถอง
ถ้าจะแยกความงอกบอกละบองก็มีสองอยางซึ่งจะพึงปัน ฯ
      ทาง ๑ คืองอกกายขยายออกทาง ๒ งอกปัญญาปรีชาขยัน
ความงอกกายงอกสมองเป็นสองอันไม่เหมือนกันแตกต่างห่างกันไกล ฯ
      เจริญกายโตเติบกระเถิบออกคือความงอกสริรร่างกว้างแลใหญ่
ทั้งไส้พุงตับปอดหลอดหัวใจพร้อมอวัยวะแผ่ทุกแง่กาย ฯ
      แต่ความงอกกายมนุษย์มีสุดยอดหน่อยก็จอดอยู่กับที่ไม่มีขยาย
แม้สาวหนุ่มกระชุ่มกระชวยสวยกรีดกรายก็หยุดผายแผ่งอกทั้งนอกใน ฯ
      ส่วนการงอกปัญญาสภาวะวัฒนะมันสมองส่องอาไศรย
จะหยุดก่อนหรือหลังได้ดังใจบางคนวัยหงำหงอกงอกตะบึง.
นี่พูดคนธรรมดาใช่บ้าใบ้หรือคนไม่เต็มบาทขาดสลึง
มันสมองบางผู้ตะปูกรึงงอกเพียงครึ่งเดียวหยุดสุดจะมึน
แต่นั่นมักเป็นไปเพราะไข้เจ็บพยาธิ์เย็บยึดไว้มิให้ขึ้น
โรคมันรั้งหยั่งลึกอย่างบึกบึนทื่อจนทึนทึกถมอยู่ซมซาน ฯ
      อันมนุษย์ธรรมดาสามัญญะสภาวะไม่บัญญัติจำกัดห้าม
มิให้ปัญญางอกนอกโมงยามคำนวณตามพรรษาชนมายุส.
ใช่ความงอกในสมองมีร่องคั่นงอกเพียงนั้นตัดสินว่าสิ้นสุด
อันความงอกปัญญาปาปะมุตงอกไม่หยุดก็ได้ตามใจรัก.
ถึงกายเก่าเฒ่าชราไม่ว่าดอกปัญญางอกงามได้เมื่อใจประจักษ์-
ว่ายังไม่สิ้นสุดหยุดชงักยังเพียรชักฉุดคร่าปัญญาเดิน ฯ
      เมื่อใดใครใจพรากความอยากรู้ไม่เสาะสู้แสวงหาปัญญาเหิน
แม้ความรู้จะสลัวก็มัวเมินเหมือนดำเนินทอดน่องในห้องตัน ฯ
      เมื่อนั้นถึงที่สุดคือหยุดงอกงอกไม่ออกเพราะสมองพร่องความขยัน
พืชปัญญาตราตรองของสำคัญคือเยื่อมันแห่งสมองคลองเจริญ ฯ
      ผู้ศึกษิตคิดหาปัญญาเพิ่มไม่เห่อเหิมใจโหดเกยโขดเขิน
ปราศศึกษาวิชาพร่องก็หมองเมินไม่เพลิดเพลินทางหาปัญญายง ฯ
             

Power to Translated Thought into Concise Action.

      วิชาแปลภาษาวิชายากรู้ไม่มากแปลไปก็ไผ่ผง
ความเข้าใจต้นฉบับปรับไม่ตรงเพราะหมายมุ่งเพียงแต่จะแปลเดา
ฉันเคยเห็นคำแปลที่แส่คิดวิปริตเวียนวนไปบนเขา
วกลงห้วยเหวลหานลานลำเนาแล้วไต่เต้าไปไหนก็ไม่รู้
เพราะอ่านความตามฉบับจับไม่มั่นจะขืนคั้นคำแปลให้แฟ่ฟู่
วิธีเดินข้างๆ เหมือนอย่างปูหน้าต้องอยู่ติดดินจนสิ้นใจ ฯ
      แต่การแปลภาษาแม้ว่ายากยังลำบากน้อยดอกจะบอกให้
แปลความคิดเป็นความทำไม่พล้ำนัยนั่นแหละไซร้ยากแท้แน่ทีเดียว.
คนเกิดมาทั้งทีมีชีวิตบ้างก็คิดเปรื่องปราดฉลาดเฉลียว
บ้างปัญญาพัลวันกันเป็นเกลียวบ้างก็เพรียวบ้างก็ทู่ประตูจน.
ถ้าคิดแล้วทำได้ดังใจคิดไม่พลาดผิดปรวนเปรระเหระหน
รู้จักปั้นรู้จักแต่งรู้แหล่งตนนั่นคือคนรู้ประจักษ์ใช่หลักลอย.
ชนผู้เขลาเบาวิชาบ้าความคิดมักมีจิตเวียนวนเหมือนก้นหอย
คิดก็คิดนุงถุงยุ่งเป็นปอยไม่ลงรอยเป็นเรื่องเครื่องจะเลอะ ฯ
      เขียนเท่านี้พอทีจะดีไหมถ้าเขียนไปนานนักชักจะเปรอะ
จะชี้คำนำแนะยังแยะเยอะเท่านั้นเถอะเพียงนี้ดีกระมัง ฯ
      สรุปความตามนัยไขสังเขปเหมือนวิเลปให้ลออในข้อหลัง.
จารความรู้สู่ความทำ โดยลำพังแห่งกำลังปัญญาที่พาไป
เป็นได้ด้วยผู้ศึกษิตคิดตรงเที่ยงไม่เฉลียงเลี้ยวรอบขอบอาไศรย
ผู้ไม่เป็นศึกษิตคิดอะไรมักไถลเวียนวกเข้ารกพง
คนชนิดคิดรอบๆ ไม่รอบคอบจักประกอบการอะไรก็ไหลหลง
เวียนรอบๆ ขอบชามไม่ข้ามวงความประสงค์ไม่สมอารมณ์ตน ฯ
      นี้หกข้อยอยกว่าหกหลักจักประจักษ์หรือยังยังฉงน
ฉันนึกไม่แน่จิตต้องติดจนตั้งแต่ต้นจวบปลายเขาหมายความ
จะถูกเที่ยงหรือไฉนฉันไม่ทราบเลอียดหยาบตามระบอบตอบคำถาม
ถูกหรือไม่ไม่อุตส่าห์พยายามฉันเวียนวนก้นชามตามปัญญา ฯ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

พระนิพนธ์บางเรื่อง น.ม.ส. จากหนังสือ น.ม.ส.อัจฉริยกวีรัตนโกสินทร์ สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๑

( ขอขอบคุณ คุณโอม สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน )

เครื่องมือส่วนตัว