ลิลิตดั้นสดุดีบ้านบางระจัน

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

การปรับปรุง เมื่อ 15:37, 13 สิงหาคม 2552 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

ผู้แต่ง: พระยาอุปกิตศิลปสาร

บทประพันธ์

ร่าย

๏ ศรีศรีสยามรัฐ ทัดทัดถิ่นสุรฐาน สราญราวสุรราษฎร์ โอภาสเพียงสุรภพ ลาภหลั่งลบสุรโลก ยศโยคเยี่ยงสุริยน เกียรติก่องกลสูรยกานต์ ชัยช่วงปานสูรยฉาย เดชกำจายสุรด้าว คุณอะคร้าวสุรเขต ตระการเนตรเนืองนิตย์ พิศภาคใดดำรู ชูจิตชื่นหื่นหาส พิศปราสาทเทียบสรวง กรุงหลวงเล่ห์ไกลาส พิศทวยราษฎร์รุ่งเรือง พิศหัวเมืองมั่งคั่ง พิศพนัสพรั่งพรูพฤกษ์ พิศดงดึกดื่นสัตว์ พิศชลมัจฉะชุก พิศสวนรุกข์รวยผล พิศภูวดลดาษแร่ พิศนาแผ่ธัญญชาติ พิศไร่กลาดพืชพรรณ เหลือจักจรรจาจบ ต่างเทศคบคั่งคับ รับสราญทั่วหน้า เกียรติเกริกหล้าสากล เดชจุมพลผ่านแผ้า ปกเกล้าสยามยืนยง คงอิสระเรืองคุณ หนุนศาสน์เลิศเชิดธรรม นำศานติสุขไสว สว่างเทศ สยามราษฎร์อะคร้าวครื้น ครึกผล
             

โคลง ๔

๏ เอกองค์อัครราชเจ้าจักรี วงศ์เอย
เป็นปิ่นสยามสากลก่องหล้า
รามาธิบดีที่หก
พระเกียรติเฟื่องฟุ้งฟ้าฟ่องหาว
๏ ทรงธรรมทศพิธแผ้วเพ็ญสรรพ์
เป็นพระประมุขชาวราษฎร์เรื้อง
ทรงพระลักษณ์เลิศบรร-เจิดราช
ครองรัฐร่มเกล้าเปลื้องปลิดเข็ญ
๏ เฉกฉัตรสุรเชษฐ์กั้งเกศนา- ครเฮย
รับพระการุณย์เพ็ญเพียบกล้า
เจริญด้วยกิจวิชชาเชิดเกียรติ พระแล
รักชาติศาสน์เจ้าหล้าเล่ห์ชนม์
๏ สังเขปขานเกียรติไท้ธรรมิศวร์ สยามแฮ
เพื่อสิริมงคลแด่ข้อย
ขอเชลงลักษณ์ลิลิตเฉลิมเกียรติ พระนา
แทนสักการน้อยน้อยนบสนอง
             

ร่าย

๏ จักจองพจนประพันธ์ สรรอุทาหรณ์หาญ ขานคุณชาวบ้านบางระจัน ผู้เพ็ญฉันท์ภักดิ์ชาติ ศาสน์กษัตริย์สุจริต กอบกิจช่วยชาติตน สู้ศึกจนวอดวาย ตายด้วยความกล้าหาญ ควรขานคุณสดุดี เป็นพลีโลมโศรตร ปรุงปราโมทย์มวลมิตร สายโลหิตแห่งสยาม งามคู่งามสยามรัฐ ทัดเทียมเครื่องประสาธน์ สวมสอด พาชาติผ่องแผ้วพ้อง พรรคสรวง
             

โคลง ๔

๏ แถลงการณ์กรุงม่านร้ายราวี สยามแฮ
ยกพยุหทัพหลวงล่วงล้ำ
เหยียบชานนครศรีอยุธ- ยาเฮย
สยามยุคชอกช้ำซ้ำศึกเสริม
๏ ทัพพม่าดาดาษท้องถิ่นสยาม
ยกกระหน่ำซ้ำเติมต่อต้าน
ตีเมืองเล็กใหญ่ตามลำดับ มาแฮ
รวมทัพทุกด้านล้อมพระนคร
             

ร่าย

๏ ปางภูธรสยามรัฐ ฉัตรศรีอยุธยา บรมราชาที่สาม สยามราชร่มเกล้า คือพระเจ้าเอกทัศน์ ทรงจัดการกวดขัน เพื่อป้องกันพระนคร รวมราษฎรเข้าเวียง ขนเสบียงเข้ากรุง บำรุงพลรบพร้อม ประจำป้อมปราการ ส่งพลราญรุกร้น ปล้นค่ายคอยขัดขวาง วางปืนใหญ่แย้งยุทธ์ ข้าศึกสุดสามารถ ไป่อาจเข้าคลุกคลี ตีกรุงให้แตกพ่าย จึงตั้งค่ายรอบนคร คุมเชิงรอนราญรบ เที่ยวตีตลบลาดตระเวน เกณฑ์กองทัพเที่ยวปล้น ค้นทรัพย์สินเงินทอง จับเจ้าของบังคับ ให้นำจับต่อไป เข้าบ้านใครคร่าทรัพย์ จับลูกสาวหลานสาว ชาวสยามยามนั้น หมดที่กั้นที่กีด หมดจารีตรักษา มักพากันอพยพ หลบกายซุกซ่อนตัว ตามป่า คงอยู่แต่บ้านร้าง เรี่ยราย
             

ร่าย

๏ ยังมีชายชาวสยาม นามนายแท่นกับสหาย นายโชตินายเมืองนายอิน อยู่แดนดินสิงห์บุรี ณ บ้านศรีบัวทอง อีกสองชายชาวเขต เมืองวิเศษชัยชาญ นามขนานนายดอก บอกตำบลบ้านกรับ กับนายทองแก้ว, อยู่หมู่บ้านโพธิ์ทะเล หกนายเหหากัน พลันปรึกษาปรองดอง ปองแก้แค้นแทนชาติ ตกประดาษอาดูร ดาลเทวษ เหลือจักนั่งก้มหน้า นิ่งดู
             

โคลง ๔

๏ สยามเจ้าสยามปกเกล้าชาวสยาม เพรงเอย
ชูพักตร์ชูชาติชูศาสน์พร้อม
งามเกียรติยศงามธรรมทศ- พิธแฮ
เป็นสุขทุกหน้าน้อมนบคุณ
๏ ยามนาศขาดจากเจ้าจำเข็ญ
พวกพม่าทารุณรุทรร้าย
ข่มขี่คุกคามเป็นป่าเถื่อน
ด้วยจิตโหดเหี้ยมคล้ายสัตว์ไพร
             

โคลง ๓

๏ ความเป็นไทยเคยถนอมใครจักยอมยื่นให้
ส่ำศัตรูล้างได้ดุจปอง
๏ ถิ่นเคยครองครื้นครึกข้าศึกเหยียบย่ำเข้า
จักออกวิ่งทิ้งเหย้าอย่างไร
๏ ทรัพย์สินในสำนักขวักไขว่เข้าเก็บค้น
ใครจักให้เข้าปล้นเปล่าดาย
๏ ลูกสาวสายสุดรักเคยฟูมฟักใฝ่เฝ้า
ใครจักยอมให้เย้าหยาบหยาม
             

ร่าย

๏ ปรึกษาความตกลง ปลงชีพให้แก่ชาติ เกลี้ยกล่อมราษฎร ซึ่งซอกซอนซัดเซ คะเนได้มากมาย ทำอุบายเข้าหา สวามิภักดิ์พวกไพรี นำวิถีชี้ตำบล คนมีลูกสาวมีทรัพย์ ถึงที่ลับล้อมฆ่า พม่าที่ตามไป บรรลัยหมดยี่สิบคน แล้วคุมพลหนีไป อาศัยบ้านบางระจัน ซึ่งเห็นกันว่าเหมาะ เพราะอยู่ห่างกลางดอน ตอนพรมแดนเมืองสุพรรณ ต่อกันกับสิงห์บุเรศ เมืองวิเศษชัยชาญ เสบียงอาหารพร้อมพรัก ชักชวนกันอาราธนา พระอาจารย์ธัมมโชต ผู้สันโดษเคร่งครัด จากวัดเขานางบวชสุพรรณ อัญเชิญมาวัดโพธิ์เก้าต้น คุ้มครองพ้นอันตราย แล้วเลือกชายเป็นหัวหน้า ห้าคนที่นับถือ คือขุนสรรค์พันเรืองกำนัน นายจันหนวดเขี้ยวแข็งแรง นายทองแสงใหญ่ใจเย็น นายทองเหม็นคนขยัน ช่วยกันตั้งค่ายล้อม โอบอ้อมบ้านบางระจัน ปันออกเป็นสองค่าย จ่ายอาวุธครบครัน สรรผู้ชายเป็นทหาร ได้ประมาณสี่ร้อยคน จัดพลคอยพิทักษ์ รักษาหน้าที่ด่านทาง วางกองสืบสอดแนมนำข่าว, เตรียมตรวจตราพร้อมถ้วน ทุกสถาน
             

โคลง ๔

๏ ฝ่ายพม่าซึ่งตั้งพักพล
ที่วิเศษชัยชาญทราบเค้า
ว่าไทยฆ่าพวกตนตายหมด
ยกพวกราวร้อยเต้าติดตาม
๏ ฝ่ายไทยสืบเรื่องได้โดยหมาย
เลือกคัดจัดพลยามยากไร้
ให้นายแท่นเป็นนายนำพรรค พวกแฮ
คุมพวกสองร้อยให้หักตี
๏ ยามม่านพักฝั่งใต้คลองบาง ระจันเฮย
ยกประทะทันทีทั่วพร้อม
พวกม่านลั่นปืนผางเพียงนัด เดียวแฮ
ไทยกระชั้นเข้าล้อมไล่ฟัน
๏ ฆ่าม่านร่วมร้อยแหลกมลายหลาม
เหลือแต่นายขมีขมันควบม้า
หนีได้สักสองสามคนเท่า นั้นเฮย
ศพดาษดื่นพื้นหล้าเลือดนอง
๏ สิทธิชัยเชิดบ้านบางระจัน
ชำนะศึกสมปองป่าวฆ้อง
ปลุกจิตส่ำราษฎร์หันหาญฮึก ขึ้นแฮ
ต่างอิ่มเอิบเอื้อนซ้องสดุดี
๏ เหล่าราษฎร์ที่หลบเข้าเขตอรัญ
มาสมัครสมทบทวีมากเข้า
รวมคนประมาณพันเพียบค่าย
ต่างควบคุมตั้งเค้าทัพขันธ์
๏ อาจารย์ธัมมโชตผู้ศักดิ์สิทธิ์
ปลอบปลุกมิ่งขวัญไทยทั่วผู้
ลงประเจียดกะตุดพิศ-มรแจก จ่ายแฮ
ต่างเกิดความกล้ากู้เกียรติสยาม
๏ อาหารอาวุธพร้อมเพรียงกัน
พร่องแต่ปืนมีตามแต่ได้
ใช้อาวุธสั้นขันแข่งขับ เคี่ยวแฮ
หาช่องเข้าใกล้จ้วงจู่ตี
             

ร่าย

๏ ผองไพรี ณ ค่ายเขต เมืองวิเศษชัยชาญ จึงรายงานแจ้งยุบล ซึ่งฝ่ายตนซวดเซ ต่อเนเมียวสีหบดี จอมโยธีอุตดรภาค อยู่ค่ายปากน้ำพระประสบ ขอพลรบเรืองแรง รณยุทธ์ตี ทัพไทยให้แพ้ พ่ายหนี
             

โคลง ๓

๏ เนเมียวสีหบดีเดิมทีนึกว่าน้อย
จึงส่งพลห้าร้อยรีบคลา
๏ งาจุนหวุ่นนำทัพกลับถูกไทยไล่มล้าง
ตีแตกแยกย้ายคว้างไขว่หนี
๏ ทีหลังเยกินหวุ่นยกรุ่นสองเพิ่มซ้ำ
ไทยกลับตีแพ้ช้ำชอกมา
๏ คราสามติงจาโบตำแหน่งโตกว่ากี้
ยกไพร่พลครั้งนี้นับทวี
๏ ล้วนฝีมือเข้มแข็งแต่กลับแพลงเพลี่ยงพล้ำ
ไทยประจญจ้วงจ้ำแตกกระจาย
๏ นายทัพเห็นทวยหาญแตกฉานมาทุกครั้ง
จัดทัพมิได้ยั้งหยุดรอ
๏ สุรินทร์จอข้องรับนำทัพพันเศษเต้า
เป็นสี่คราวก้าวเข้าแข่งรณ
             

ร่าย

๏ หนค่ายบ้านบางระจัน พลันทราบข่าวกองทัพ นับมากกว่าคราก่อน จึงผ่อนปรนปรึกษากัน สรรนายแท่นเป็นนายใหญ่ คุมไพร่เป็นกองกลาง ทางปีกขวานายทองเหม็น พันเรืองเป็นปีกซ้าย แยกย้ายพลเท่ากัน ปันเป็นกองละสองร้อย ต่างคนต่างคล้อยเคลื่อนทัพ รวมสรรพหกร้อยคน ล้วนพลถืออาวุธ ปืนคาบชุดคาบศิลา ชาวบ้านหามาให้ ทั้งแย่งได้จากไพรี นอกนั้นมีอาวุธสั้น ครั้นเดินทัพถึงที่ สะตือสี่ต้นโดยปอง ณ ริมคลองบางระจัน พลันเห็นพม่ามาตั้ง ยั้งอยู่ฟากฝั่งใต้ ให้ตั้งรับฟากเหนือ เนืองแน่น ต่างฝ่ายยิงโต้แย้ง ยุทธ์กัน
             

โคลง ๔

๏ พม่าเห็นพวกข้างไทยมี น้อยเฮย
จึงระดมยิงขันแข่งสู้
หวังให้ทัพไทยหนีแตกพ่าย ไปนา
แต่ฝ่ายไทยนั้นรู้ถิ่นฐาน
๏ จึงแยกกันยกย้ายหลายทาง
แอบซุ่มทำสะพานพาดอ้อม
กองกลางอยู่ยิงพรางพม่า ไว้เฮย
ทำสะพานแล้วห้อมหักตี
๏ สุรินทร์จอข้องแม่ทัพผอง ม่านเฮย
ขี่แสะตรวจพลมีร่มระย้า
พลางให้ย่ำรุมกลองรัวเร่ง พลเฮย
ไทยรุกรบร้าเข้าร่วมใน
๏ สุรินทร์จอข้องถูกไทยฟัน ตายเฮย
นายแท่นนายทัพไทยท่าวล้ม
ถูกปืนที่เข่าพลันหามกลับ ค่ายแฮ
ต่างระดมก้มหน้าเหนี่ยวชัย
๏ รบกันตั้งแต่เช้าชนตะวัน เที่ยงเฮย
ต่างอ่อนแรงราไคลคลาดเต้า
ไทยข้ามฟากบากผันผ่อนพัก พลแฮ
หญิงออกเลี้ยงข้าวเหล้าแหล่หลาย
             

โคลง ๒

๏ อิ่มสบายทั่วพร้อมพลางแอบไปเฝ้าด้อม
ดอดดู
๏ เห็นศัตรูต่างตั้งหม้อเหม่อหุงต้มพลั้ง
พลาดระวัง
๏ นายๆยังวุ่นด้วยทำศพนายผู้ม้วย
เมื่อวัน
๏ เห็นช่องอันเหมาะแล้วสามทัพพรักพร้อมแคล้ว
เคลื่อนพล
๏ ค่อยบังตนไต่เต้าพลันยกอ้อมล้อมเข้า
คลุกตี
๏ ไพรีแตกตื่นคว้างบ้างเผ่นบ้างเต้นบ้าง
ตกตะลึง
๏ ถูกปืนปึง! บั่นล้มถูกดาบฟุบหน้าก้ม
กัดดิน
๏ ถูกหอกผินพักตร์เบ้ถูกตระบองเค้เก้
ก่ายกัน
๏ ไม่เป็นอันต่อสู้เพราะไม่ทันได้รู้
สึกตน
๏ พ่ายอลวนป่นปี้บุกแฝกแหวกหญ้าลี้
หลบกาย
๏ พลไทยผายเผ่นต้อนเย็นย่ำจึงได้ย้อน
ยาตรคืน
๏ เก็บปืนหอกดาบได้จึงรวบรวมไว้ใช้
ชดเชย
๏ เผยเกียรติเกริ่นเกริกหล้าใครทราบใครเอื้อนอ้า
โอษฐ์ชม
             

ร่าย

๏ ฝ่ายม่านซมซานหนี เหลือตายมีจำนวนน้อย คล้อยกลับมาแจ้งเหตุแก่ แม่ทัพเนเมียวสีหบดี จึงให้ทวีโยธา แยจออากาเป็นนายทัพ นับเป็นครั้งครบห้า เข้ารบร้าทัพไทย แตกกลับไปดังก่อน จึงผ่อนผันเพิ่มพล เข้าราญรณคำรบหก ยกให้จิกแกปลัดเมืองทวาย เป็นนายทัพครั้งนี้ ก็แตกปี้ป่นมา จึงปรึกษานายทัพนายกอง ปองปราบปรามบางระจัน สรรพลที่กล้าหาญ ได้ประมาณพันคนปลาย นายชื่ออาคาปันคะยี มีพลทั้งเหล่าม้าเหล่าราบ ยกไปปราบครั้งที่เจ็ด สรรพเสร็จจึ่งให้คลา เคลื่อนทัพ ทั้งราบและม้าเมื้อ มุ่งไคล
             

ร่าย

๏ ฝ่ายค่ายไทยบางระจัน เพิ่มพลขันธ์คับคั่ง สั่งสมเสบียงอาวุธ ทราบข่าวรุดเร่งรัด จัดการเตรียมต่อสู้ นายแท่นผู้นายเก่า แผลที่เข่ายังไม่หาย ตั้งนายจันทร์หนวดเขี้ยวขึ้นใหม่ เป็นนายใหญ่บังคับ ยกทัพคนพันเศษ สังเกตทัพไพรี มีเหล่าม้ามากมาย จึงคัดชายชำนาญปืน ให้คอยยืนยิงกองม้า หัวหน้าคัดขุนสรรค์ รวมกันร้อยคนกว่า ต่างดูท่าท่วงที เห็นไพรีเดินพล ลุตำบลบ้านขุนโลก สบเหมาะโชคเชิงรณ เพราะมีพลพอกัน พลันให้เข้าโจมตี ไพรีซึ่งกำลัง ตั้งค่ายยังไม่ทันแล้ว ต่างแกล้วต่างกล้ารณ รุกรบ สองฝ่ายต่อสู้ด้วย อาจหาญ
             

โคลง ๔

๏ บัดนายจันทร์หนวดเขี้ยวคิดกล
แบ่งทัพโอบหลังราญรบเร้า
พม่าถูกไทยรณรุกกระหนาบ
ต่างแตกแยกย้ายเข้าป่าดง
๏ นายทัพพม่าม้วยกลางสมร ภูมิเฮย
พลพม่าถูกไทยปลงชีพสิ้น
เหลือบ้างต่างซอกซอนซนกลับ
ที่บาดเจ็บล้มดิ้นดื่นไป
๏ ไทยรักษาค่ายบ้านบางระจัน
ตีพม่าประลัยเจ็ดครั้ง
นับได้สี่เดือนขันขับเคี่ยว รบแฮ
ด้วยจิตหาญกล้าทั้งอดทน
๏ ทัพชาวบ้านบากสู้ทัพกรุง ม่านเฮย
ยอมสละผละชนม์ชีพให้
ด้วยจงรักชาติผดุงแดนเกิด
น่าจดจำไจ้ไจ้จอดคุณ
๏ แรงชาวบ้านน้อยดั่งดวงไฟ หรี่พ่อ
กรุงม่านแม้นฝนหนุนแน่นฟ้า
ยังอุตส่าห์เอาชัยได้เจ็ด ชัยเฮย
ชัยเจ็ดชัยนี้ช้าช่องเฉลิม
             

ร่าย

๏ มวลม่านเสริมหวาดเสียว บัดเนเมียวสีหบดี ยิ่งมีความร้อนใจ กลัวไทยจักเจริญมาก กรากเข้าช่วยกรุงรบ สมทบกระหนาบทัพพม่า จักเสียท่าท่วงที จึงกรีฑาทัพใหญ่ เอาใจใส่กวดขัน สรรเอาสุกี้ผู้ชำนาญ ถิ่นฐานไทยทุกแห่ง แต่งตั้งเป็นนายทัพ รับอาสามาปราบ กำราบชาวบางระจัน เดินพลขันธ์ไม่ประมาท ส่งลาดตระเวนล่วงหน้า ตรวจข้าศึกสอดแนม แรมไหนตั้งค่ายมั่น เป็นหลั่นมาโดยลำดับ ถับถึงบ้านบางระจัน ให้กวดขันตั้งค่ายคู ดูให้เกินแรงไทย จักจู่ไปเพิงพัง คอยระวังสืบเหตุ สังเกตไทยยังแข็งแรง แฝงยิงรบอยู่ในค่าย ล่อให้
             

ร่าย

ออกตี ได้ท่วงทีจึงออกรบ ไม่เหมาะหลบหลอกยิง ประวิงไทยให้ช้า ยิ่งกล้ารบบ่อยๆ ยิ่งร่อยหรอพวกพล ยิ่งทนนานยิ่งหย่อน เสบียงอ่อนอิดโรย, แรงเรี่ยว ยิ่งคิดยิ่งแค้นกลุ้ม กลัดใจ
             

โคลง ๓

๏ สงสารไทยบางระจันเหลือจักขันแข่งสู้
เหลือจักคิดแก้กู้เกียรติคืน
๏ ฝืนจิตด้อมดูทีเพื่อจู่ตีเยี่ยงกี้
ข้าศึกมาครั้งนี้แน่นหนา
๏ ยกประดาเข้าตีไพรีไม่ต่อต้าน
ยิงแต่ปืนต้องคร้านครุ่นใจ
๏ ไพรีตั้งค่ายมั่นเหลือบั่นบุกรุกรื้อ
เหลือเรี่ยวแรงเข้ายื้อแย่งสลาย
             

ร่าย

๏ ครานั้นนายทองเหม็น เห็นยิ่งช้ายิ่งเสียกิจ คิดยอมเสี่ยงชีพตน นำพลทหารกองหนึ่ง จึ่งขี่กระบือนำหน้า เข้ารบร้ารื้อค่าย ฝ่ายพม่าเห็นน้อยคน ยกพลระดมถมทับ ทองเหม็นขับกระบือบุก รุกเข้ากลางชุมนุม ข้าศึกรุมทุบตี สิ้นชีวาตม์ในที่รบ ไพร่พลหลบมลายมา เป็นคราแรกที่ไทย ปราชัยข้าศึก จึงปรึกษากันตกลง ปลงใจแจ้งข้อราชการ ขอประทานปืนใหญ่ ใคร่ยิงประดังพังค่าย ฝ่ายในกรุงเกรงไพรี คอยตีชิงกลางมรรคา จึงพระยารัตนาธิเบศร ไปยังเขตบางระจัน เรี่ยไรกันหล่อปืนทอง-เหลืองขึ้นสองกระบอก แกะออกดูร้าวราน ไม่ได้การทั้งนั้น ต่างอ้นอั้นตันปัญญา ต่อมานายแท่นที่ป่วยอยู่ สิ้นชีพสู่ปรโลก ต่างเศร้าโศกเสียดาย ภายหลังท่านขุนสรรค์ กับนายจันทร์หนวดเขี้ยวคุม ทัพออกรุมรณยุทธ์ ต้องอาวุธตายทั้งคู่ เหลืออยู่แต่พันเรืองกำนัน ช่วยกันกับทองแสงใหญ่ คุมไพร่พลต่อมา ต่างระอาอ่อนเพลีย เสียผู้คนเปลืองไป เหลือวิสัยชาวบ้าน จักต้านทานทัพใหญ่ แข็งใจใฝ่ฝืนรบ รณยุทธ์ ราวเร่งชีพให้สู้ ศึกยม
             

โคลง ๔

๏ สุกี้เห็นอ่อนทั้งทัพขันธ์
ขุดอุโมงค์มุดระดมดอดล้อม
ตั้งค่ายประชิดบรร-จบรอบ
แล้วปลูกหอตั้งป้อมปล่อยปืน
๏ ยิงระดมโทรมสาดเข้าค่ายไทย
จนป่วนปั่นไป่ขืนแข่งสู้
จึงบุกรุกชิงชัยปล้นค่าย
ไทยต่างรบร้ากู้กัดฟัน
๏ ข้าศึกกรูกราดเข้าฆ่าลาญ แหลกเฮย
ตีค่ายบางระจันแตกไซร้
ไทยเหลือรบซบซานเสริดพ่าย
รวมรักษาได้ห้าขวบเดือน
๏ ม่านยอมยกชีพให้นับหลาย พันพ่อ
เป็นค่าเข้าเยี่ยมเยือนเหยียบเหย้า
เห็นแต่ศพเรียงรายรอรับ แขกเฮย
เสียชีพเสียบ้านเฝ้าฝากนาม
๏ เสียค่ายเดือนแปดข้างแรมปี จอแฮ
พุทธศกสองพันสามเศษร้อย
เก้าฉนำนับดิถีสามค่ำ จันทร์เฮย
ที่ระลึกแห่งบ้านน้อยน่าชม
๏ เกิดมาใครไม่ม้วยมีไฉน ท่านเอย
บางระจันม้วยสมศักดิ์ม้วย
ม้วยด้วยเกียรติเกรียงไกรเกริ่นเกริก
ออมยศยอมม้วยด้วยค่าแพง
             

โคลง ๒

๏ บ้านนอกแรงเล็กน้อยบางระจันจ้อยจ้อย
จิตหาญ
๏ มานชัยได้เจ็ดครั้งฆ่าหมู่ม่านม้วยตั้ง
ก่ายกอง
๏ จองจิตตั้งรบร้ายอมมอบชีพให้ข้า
ศึกชม
๏ สมยศ สมศักดิ์ พร้อมเกียรติลุไหนล้วนน้อม
นับถือ
             

โคลง ๔

๏ อ้า ! ท่านชาวค่ายบ้านบางระจัน ข้าเอย
ชีพลับแต่คุณลือตลอดหล้า
เย็นโศรตรลูกหลานอันอุบัติบัด นี้ท่าน
ยิ่งสดับยิ่งปลื้มอ้า!อิ่มใจ
             

โคลง ๒

๏ ลือนามไปเมื่อหน้าเกียรติยศเรื้องจ้า
จิรกาล
๏ อาจารย์ธัมมโชตได้ปลุกจิตศิษย์กล้าไว้
เกียรติระบือ
๏ นายแท่นคือแท่นแก้วเกียรติท่านเลิศล้ำแพร้ว
เพริศพราย
๏ นายทองเหม็นท่านได้ประดิษฐ์ความกล้าไว้
เกียรติมหันต์
๏ พันเรืองท่านเอย ! ท่านม้วยด้วยรักชาติพร้อมด้วย
เกียรติคุณ
๏ ขุนสรรค์เอย ! ท่านสร้างเกียรติแก่คนข้างหน้า
อนันต์
๏ อ้า ! นายจันทร์หนวดเขี้ยวเกียรติท่านเพราะพริ้งเกี้ยว
โศรตรสหาย
๏ นายทองแสงใหญ่แพร้วเกียรติท่านผ่านแผ้วพ้น
มืดมัว
๏ ท่านหัวหน้านอกนี้แม้ชีพลับลี้แล้ว
เกียรติคง
             

โคลง ๔

๏ อ้า ! ข้อยเป็นแต่ผู้พ้องชาติ ท่านแล
สดับเกียรติท่านยรรยงยิ่งแพร้ว
ปลื้มจิตเนตรคลอหยาดชลชื่น ใจพ่อ
ถ้าบุตรหลานแล้วปลื้มเปรียบไฉน
             

ร่าย

๏ เอมใจจองประพันธ์ สรรเสริญเกียรติศักดิ์ พรรคพวกบางระจัน พลันเสร็จสมปรารถนา โดยมหาสวัสดี เสนอกวีทวยไทย ตามวิษัยสามารถ แห่งอาตมะผู้หวังดี ขอจุ่งศรีศุภสวัสดิ์ สรรพพิพัฒน์มงคล วิบุลผลโอภาส ลุแก่ชาติชาวสยาม งามคู่จันทราทิตย์ ขอลิขิตแห่งตู เนาตรูคู่สยามรัฐรุ่งโรจน์ นานคู่กับฟ้าหล้า ตลอดเทอญ
             

โคลง ๔

๏ บางระจันเรื่องนี้นำเสนอ
จากเรื่องรบพม่าของพระเจ้า-
บรมวงศ์เธอกรมพระ ดำรงฯ นา
ผูกลิลิตเค้าดั้นประดับกรรณ
๏ ณ วันที่สิบเก้ากุมภา พันธ์พ่อ
พุทธศกสองพันสี่ร้อย
เศษหกสิบห้าวาระศ ศินา
จบเสร็จถี่ถ้วนถ้อยที่แถลง
             

เชิงอรรถ

ที่มา

เครื่องมือส่วนตัว