เพลงยาวเรื่à¸à¸‡à¸•ีเมืà¸à¸‡à¸žà¸¡à¹ˆà¸²
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ พระบวรราชนิพนธ์: กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท พระราชนิพนธ์เรื่องนี้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๖ หลังจากไทยตีทวาย มะริด ตะนาวศรี เป็นเมืองขึ้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท มีพระราชดำริว่าควรยกทัพไปตีให้ถึงเมืองหลวงของพม่า จึงโปรดเกล้าฯให้เกณฑ์ทัพออกไปตั้งที่เมืองทวายก่อน ฝ่าย กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท ทรงยกทัพออกไปตั้งที่เมืองชุมพร เกณฑ์หัวเมืองชายทะเลฝั่งตะวันตกให้ต่อเรือรบ แล้วจะเสด็จยกทัพเรือขึ้นไปสมทบกับกองทัพหลวงที่ตั้งอยู่ที่แม่น้ำน้อยใต้ไทรโยคลงมา ครั้นพม่าทราบว่าเมืองมะริด ทวาย ตะนาวศรีมาสวามิภักดิ์กับไทย จึงยกทัพกลับมาตีเมืองทวายกลับคืนไป ฝ่ายมะริดก็แข็งข้อเป็นกบฏต่อไทยขึ้นมาบ้าง ประกอบกับแม่ทัพนายกองไทยไม่มีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การเสด็จยกทัพไปตีพม่าจึงไม่เป็นไปตามพระราชประสงค์
บทประพันธ์
ข้อความตอนต้นขาดหายไป ค้นพบเพียงเริ่มต้นว่า
| . | |||
| . | |||
| . | |||
| ประกอบด้วยโภชนากระยาหาร | ทุกถิ่นฐานบริบูรณ์เป็นหนักหนา | ||
| อยู่เย็นเป็นสุขทุกทิวา | เช้าค่ำอัตราทั้งราตรี | ||
| ประหนึ่งว่าจะไม่มีค่ำคืน | รวยรื่นเป็นสุขเกษมศรี | ||
| ไม่เห็นเช่นว่าจะเป็นเหมือนเช่นนี้ | มาเยินยับอัปรีย์ศักดิ์ศรีคลาย | ||
| ทั้งถนนหนทางอารามราช | มาวินาศสิ้นสุดสูญหาย | ||
| สารพัดย่อยยับกลับกลาย | อันตรายไปจนพื้นปัถพี | ||
| เมื่อพระกาฬมาผลาญดังทำนาย | แสนเสียดายภูมิพื้นกรุงศรี | ||
| บริเวณอื้ออึงด้วยชลธี | ประดุจเกาะอสุรีลงกา | ||
| เป็นคันขอบชอบกลถึงเพียงนี้ | มาเสียสูญไพรีอนาถา | ||
| ผู้ใดใครเห็นไม่นำพา | อยุธยาอาภัพลับไป | ||
| เห็นจะสิ้นอายุพระนคร | ให้อาวรณ์ผู้รักษาหามีไม่ | ||
| เป็นป่าหญ้ารกดังพงไพร | แต่จะสาบสูญไปทุกทิวา | ||
| คิดมาก็เป็นน่าอนิจจัง | ด้วยกรุงเป็นที่ตั้งพระศาสนา | ||
| ทั้งอารามเจดีย์ที่บูชา | ปฏิมาฉลององค์พระทรงญาณ | ||
| ก็ทลายยับยุ่ยเป็นผุยผง | เหมือนพระองค์เสด็จดับสังขาร | ||
| ยังไม่สิ้นศาสนามาอรธาน | ทั้งเจดีย์วิหารก็สูญไป | ||
| เสียดายพระนิเวศน์บุรีวัง | พระที่นั่งทั้งสามงามไสว | ||
| ดั้งระเบียบชั้นเป็นหลั่นไป | อำไพวิจิตรรจนา | ||
| มุขโถงมุขเด็จมุขกระสัน | เป็นเชิงชั้นลวดลายล้วนเลขา | ||
| เพดานในไว้ดวงดารา | ผนังฝาดาดแก้วดังวิมาน | ||
| ที่ตั้งบัลลังค์แก้วทุกองค์ | ทวารลงอัฒน์จันทร์หน้าฉาน | ||
| ปราบพื้นรื่นราบดังพระลาน | มีโรงคชาธารตระการตา | ||
| ทิมดาบคดลดพื้นกำแพงแก้ว | เป็นถ่องแถวยืดยาวกันหนักหนา | ||
| เป็นที่แขกเฝ้าเข้าวันทา | ดังเทวานฤมิตประดิษฐ์ไว้ | ||
| สืบทรงวงศ์กษัตริย์มาช้านาน | แต่บุราณแล้วไม่นับพระองค์ได้ | ||
| พระที่นั่งซึ่งตั้งอยู่ข้างใน | มีสระชลาลัยชลธี | ||
| ชื่อที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ | ที่ประพาสมัจฉาในสระศรี | ||
| ทางเสด็จเสร็จสิ้นสารพันมี | เป็นที่กษัตริย์สืบมา | ||
| ก็สูญสิ้นศรีมลายหายหมด | จะปรากฏสักสิ่งไม่มีว่า | ||
| อันถนนหนทางมรรคา | คิดมาก็เสียดายทุกสิ่งอัน | ||
| ร้านเรียบเป็นระเบียบด้วยรุกขา | ขายของนานาทุกสิ่งสรรพ์ | ||
| ทั้งพิธีปีเดือนทุกคืนวัน | สารพันจะมีอยู่อัตรา | ||
| ฤดูใดก็ได้เล่นเกษมสุข | แสนสนุกทั่วเมืองหรรษา | ||
| ตั้งแต่นี้แลหนาอกอา | อยุธยาจะสาบสูญไป | ||
| จะหาไหนได้เหมือนกรุงแล้ว | ดังดวงแก้วอันสิ้นแสงใส | ||
| นับวันแต่จะยับนับไป | ที่ไหนจะคงคืนมา | ||
| ไป่ปรากฏเหตุเสียเหมือนครั้งนี้ | มีแต่บรมสุขา | ||
| ครั้งนี้มีแต่พื้นพสุธา | อนิจจาสังเวชทนาใจ | ||
| ทั้งนี้เป็นต้นด้วยผลเหตุ | จะอาเพศกษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ | ||
| มิได้พิจารณาข้าไท | เคยใช้ก็เลี้ยงด้วยเมตตา | ||
| ไม่รู้รอบประกอบในราชกิจ | ประพฤติการแต่ที่ผิดด้วยอิจฉา | ||
| สุภาษิตท่านกล่าวเป็นราวมา | จะตั้งแต่งเสนาธิบดี | ||
| ไม่ควรจะให้อัครฐาน | จะเสียการแผ่นดินกรุงศรี | ||
| เพราะไม่ฟังตำนานโบราณมี | จึงเสียทีเสียวงศ์กษัตรา | ||
| เสียยศเสียศักดิ์นัคเรศ | เสียทั้งพระนิเวศน์วงศา | ||
| เสียทั้งตระกูลนานา | เสียทั้งไพร่ฟ้าประชากร | ||
| สารพัดจะเสียสิ้นสุด | ทั้งการยุทธก็ไม่เตรียมฝึกสอน | ||
| จึงไม่รู้กู้แก้พระนคร | เหมือนหนอนเบียนให้ประจำกรรม | ||
| อันจะเป็นเสนาธิบดี | ควรที่จะพิทักษ์อุปถัมภ์ | ||
| ประกอบการหว่านปรายไว้หลายชั้น | ป้องกันปัจจาอย่าให้มี | ||
| นี่ทำหาเป็นเช่นนั้นไม่ | เหมือนไพร่ชั่วช้ากระทาสี | ||
| เหตุภัยใกล้กรายร้ายดี | ไม่มีที่รู้สักประการ | ||
| ศึกมาแล้วก็ล่าไปทันที | มิได้มีเหตุจึงแตกฉาน | ||
| ตีกวาดผู้คนไม่ทนทาน | เผาบ้านเมืองยับจนกลับไป | ||
| ถึงเพียงนี้ไม่มีที่จะกริ่งเลย | ไม่เคยรู้ล่วงลัดจะคิดได้ | ||
| ศึกมาชิงล่าเลิกกลับไป | มิได้เห็นจะฝืนคืนมา | ||
| จะคิดโบราณอย่างนี้ก็หาไม่ | ชาติไพร่หลงฟุ้งแต่ยศถา | ||
| ครั้นทัพเขายกกลับมา | จะองอาจอาสาก็ไม่มี | ||
| แต่เลี้ยวลดปดเจ้าทุกเช้าค่ำ | จนเมืองคร่ำเป็นผุยยับยี่ | ||
| ฉิบหายตายล้มไม่สมประดี | เมืองยับอัปรีย์จนทุกวันฯ | ||
| เหตุเสียกรุงศรีอยุธยา | เหมือนคำที่ว่าไม่เสกสรรค์ | ||
| ชะล่าใจเคยได้แต่ครั้งนั้น | จึงประชิดติดพันแต่นั้นมา | ||
| แตกยับกลับไปก็หลายหน | คิดกลจะลวงให้หลงหา | ||
| แต่งคนให้ถือหนังสือมา | เจรจาความเมืองเป็นไมตรี | ||
| ทำไว้แต่พอให้รอรั้ง | ขยับยกเข้ามาตั้งตะนาวศรี | ||
| จะเดินมั่นกันติดทางตี | ทำนองทีจะคิดให้ชิดไว้ | ||
| เห็นจะผ่อนโยธาอาหาร | มันคิดการมิให้ใครสงสัย | ||
| จะนิ่งอยู่ดูเบาเอาใจ | เห็นเหตุเภทภัยจะเกิดการมา | ||
| จะเร่งรัดตัดคิดมันเสียก่อน | บั่นรอนอย่าให้ทันแน่นหนา | ||
| จำจะคิดให้ผิดแต่ก่อนมา | เป็นทัพหน้านาวายกไป | ||
| ตามทางทะเลไปสงขลา | จะขุดพสุธาเป็นคลองใหญ่ | ||
| ให้เรือรบออกประจบเอาเมืองไทร | ปากใต้ฝ่ายทะเลให้พร้อมกัน | ||
| จึงจะยกไปตีเอามะริด | จะปิดปากน้ำเสียให้มั่น | ||
| ทัพเรือมันจะพลอยเข้าช่วยกัน | จะตีบั่นเกยทัพให้ยับไป | ||
| รบไหนจะให้ยับลงที่นั่น | แต่กึ่งวันไม่ให้ทนทานได้ | ||
| จะทำการครั้งนี้ให้มีชัย | จะไว้เกียรติให้สืบทั้งแผ่นดิน | ||
| ทำเมืองเราก่อนเท่าใด | จะทดแทนมันให้หมดสิ้น | ||
| มันจิตอาหังการ์ทามิฬ | จะล้างให้สุดสิ้นอย่าสงกา | ||
| การเสร็จสำเร็จลงเมื่อใด | ซึ่งคิดไว้ขอให้สมปรารถนา | ||
| แม้นมิได้ก็ไม่กลับคืนมา | จะเห็นเมืองพม่าในครั้งนี้ | ||
| เกรงกริ่งอยู่แต่ข้างทัพบก | จะไม่ยกหักได้ให้ถึงที่ | ||
| เกลือกมันกั้นตัดทางตี | จะตัดที่เสบียงอาหารไว้ | ||
| ไม่สมคะเนให้เรรวน | ทำป่วนไม่หักเอามันได้ | ||
| เท่านี้ดอกที่วิตกใจ | จะทำให้เสียการเหมือนทะวาย | ||
| เมื่อชนะแล้วกลับแพ้ให้แชไป | จึงเสียชัยเสียเชิงไม่สมหมาย | ||
| พากันหนีแต่ไม่มีอันตราย | ถ้าเสียหายอย่างอื่นไม่เป็นไร | ||
| อันกรุงรัตนะอังวะครั้งนี้ฤา | จะพ้นเนื้อมืออย่าสงสัย | ||
| พม่าจะมาเป็นข้าไทย | จะได้ใช้สร้างกรุงอยุธยา | ||
| แม้นสมดังจิตไม่ผิดหมาย | จะเสี่ยงทายตามบุพเพวาสนา | ||
| จะได้ชูกู้ยกนัครา | สมดังปรารถนาทุกสิ่งอัน | ||
| ถ้าเสร็จการอังวะลงตราบใด | จะพาใจเป็นสุขเกษมสันต์ | ||
| อ้ายชาติพม่ามันอาธรรม์ | เที่ยวล้างขอบขันฑ์ทุกพารา | ||
| แต่ก่อนก็มิให้มีความสุข | รบรุกฆ่าฟันเสียหนักหนา | ||
| แต่บ้านร้างเมืองเซทั้งวัดวา | ยับเยินเป็นป่าทุกตำบล | ||
| มันไม่คิดบาปกรรมอ้ายลำบาก | แต่พรัดพรากจากกันทุกแห่งหน | ||
| มันเหล่าอาสัตย์ทรชน | ครั้งนี้จะป่นเป็นธุลี | ||
| เพราะเหตุบาปกรรมมาซ้ำเติม | จะพูนเพิ่มให้ระยำยับยี่ | ||
| ด้วยทำนายว่าไว้แต่ก่อนมี | เหมือนครั้งมอญไปตีเอานัครา | ||
| คือหงส์ลงมากินน้ำหนอง | เหตุต้องเมืองมอญหงสา | ||
| ตัวนายอองไจยคือพรานป่า | คิดฆ่าหงส์ตายจึงได้ดี | ||
| คือพม่ามาตีเอามอญได้ | ก็สมในทำนายเป็นถ้วนถี่ | ||
| ยังแต่พยัคฆ์เรืองฤทธี | จะกินพรานที่ยิงหงส์ตาย | ||
| บัดนี้ก็ถึงแก่กำหนด | จะปรากฏโดยเหตุเป็นกฎหมาย | ||
| ทัพเราเข้าต้องคำทำนาย | คือเสือร้ายอันแรงฤทธา | ||
| จะไปกินพรานป่าที่ฆ่าหงส์ | ให้ปลดปลงม้วยชีพสังขาร์ | ||
| แล้วมีคำทำนายบุราณมา | ว่าพม่าจะสิ้นซึ่งรูปกาย | ||
| ถ้าผู้ใดใครเห็นให้เขียนไว้ | จึงจะได้ประจักษ์สืบสาย | ||
| เห็นเป็นเหตุต้องเหมือนคำทำนาย | อังวะจะฉิบหายในครั้งนี้ | ||
| ถ้าพร้อมใจพร้อมจิตช่วยคิดการ | จะสำราญทั่วโลกเกษมศรี | ||
| นี่จนใจสิ่งไรก็ไม่มี | เห็นทีจะตะกายไปตามจน | ||
| จะไปได้ฤามิได้ยังไม่รู้ | จะเสือกสู้ไปตามขัดสน | ||
| ถ้าสุดคิดผิดหมายที่ผ่อนปรน | ก็จะบนบวงสรวงแก่เทวา | ||
| เดชะเทเวศน์ช่วยอวยชัย | ที่คิดไว้ขอให้สมปรารถนา | ||
| ตั้งแต่สวรรค์ชั้นกามา | ตลอดจนมหาอัครพรหม | ||
| ขอจงมาช่วยอวยพรชัย | ที่มาดไว้ให้ได้ดังประสงค์ | ||
| จงดลใจไทยกรุงให้นิยม | ช่วยระดมกันให้สิ้นศึกเอย ฯฯ | ||
