เพลงยาวเรื่à¸à¸‡à¸«à¸¡à¹ˆà¸à¸¡à¹€à¸›à¹‡à¸”สวรรค์
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
การปรับปรุง เมื่อ 07:06, 8 สิงหาคม 2552 โดย CrazyHOrse (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: คุณสุวรรณ
บทประพันธ์
| ๏ จะกล่าวถึงหม่อมสุดนุชนาฏ | เป็นข้าบาทพระราชวังบวรสถาน | ||
| เป็นหม่อมห้ามขึ้นระวางนางอยู่งาน | ครั้นเสด็จเข้าพระนิพพานล่วงลับไป | ||
| คิดถึงพระเดชพระคุณให้มุ่นหมก | แสนเศร้าเปล่าอกตกเป็นหม้าย | ||
| ได้เห็นแต่หน้าหม่อมขำคอยช้ำใจ | รักใคร่แนบข้างไม่ห่างทรวง | ||
| ครั้นอยู่มาก็นิรานิราศสถาน | ลงมาทำราชการพระวังหลัง | ||
| ก็ขึ้นระวางเป็นนางต้องห้ามตามกระทรวง | แต่ใจห่วงถึงหม่อมขำนั้นร่ำไป | ||
| ครั้นพบพักตร์ก็ตักเตือนชวนเพื่อนขำ | ห้ลงมาทำราชการพระวังใหญ่ | ||
| ครั้นหม่อมขำยินยอมลงพร้อมใจ | กำหนดนัดวันไว้จะลงมา | ||
| จะจรทางสาชลก็จนใจ | บ่าวไพร่ไม่มีพายขายหน้า | ||
| ให้อักอ่วนป่วนใจอยู่ไปมา | จะยาตราตามถนนก็จนใจ | ||
| เป็นคราวขัดจัดกันจะมาบก | ไปยืมม่านท้าวนกก็ไม่ได้ | ||
| จะขึ้นวอจรลีไม่มีใคร | ก็สั่งให้ยืมผ้าละว้าลาว | ||
| ให้บ่าวถือสี่มุมแล้วคลุมเพลาะ | ก็ย่างเหยาะมาในระวางกลางผ้าขาว | ||
| ออกถนนคผู้ดูเกรียวกราว | มาพบเจ้าจางวางหมอก็รอรั้ง | ||
| นางสี่คนถือม่านพานตาขาว | ด้วยกลัวเจ้าก็หยุดทรุดลงนั่ง | ||
| หม่อมก็ยืนแข็งเก้อกะเบอกะบัง | ครั้นจะทรุดลงนั่งก็อายใจ | ||
| ก็ยืนซื่อดื้อคว้างอยู่กลางถนน | ผู้คนนับคั่งทั้งวังใหญ่ | ||
| มิรู้ที่จะวางหน้าลงเท่าไร | สู้แข็งใจอยู่จนเสด็จจร | ||
| ครู่หนึ่งก็มาถึงพระวังใน | ตรงไปที่ตึกคุณสุดก่อน | ||
| ครั้นเพลาสายัณห์ตะวันรอน | ก็พากันจรขึ้นเฝ้าพระทรงธรรม์ | ||
| พระชุมเลี้ยงขึ้นเป็นนางระวางห้าม | ตั้งตามตำแหน่งวังหน้านั่น | ||
| กับคุณสุดที่เป็นคู่อยู่ด้วยกัน | ทอดสนิทติดพันกันสืบไป | ||
| แล้วโปรดปรานพระราชทานหม่อมขำมำ | ให้เป็นข้าในพระตำหนักใหญ่ | ||
| เป็นเกณฑ์โปรดคนสนิทชิดใช้ | จะเจรจาปราศรัยเป็นไพรเม็ด | ||
| ฝ่าพระบาทจึ่งพระราชทานนาม | ยกจากห้ามขึ้นเป็นจอมเรียกหม่อมเป็ด | ||
| ริมฝีปากสู้เอากระเหม่าเช็ด | ในเสด็จใช้นางอย่างผู้ดี | ||
| หมั่นฝัดพักตร์ผิวผ่องละอองหน้า | แต่ทันตาอันตรายไปหลายซ | ||
| ประจงตัดจัดกะลาที่หนาดี | ใส่เข้าที่แทนฟันทุกอันไป | ||
| ที่ไม่รู้ดูเหมือนกับสาวน้อย | กระชนดกระช้อยเจรจาอัชฌาสัย | ||
| คุณสุดสุดสวาทจะขาดใจ | แต่เวียนไปเวียนมาทุกราตรี | ||
| สู้ติดสอยมาให้ใช้ใต้ฝ่าพระบาท | ก็เปรื่องปราดโปรดปรานพระราชทาน | ||
| ชื่อคุณโม่งโด่งดังฝีปากดี | จะพาทีกาลางสนามไม่ขามใคร | ||
| พูดเล่นเฮฮาร่าเริงแรง | ถึงนายแฟงนายคงครูไม่สู้ได | ||
| แหลมฉลาดปรีชาปัญญาไว | หนังสือไทยอ่านคล่องทำนองชาย | ||
| รู้จักทำกาพย์กลอนอักษรสาร | สำหรับอ่านพระราชนิพนธ์ถวาย | ||
| หนังสือตกอ่านแต้มไม่แย้มพราย | อ่านอยู่ปลายพระแท่นบรรทมใน | ||
| แต่ปากอ่านใจคิดขนิษฐ์เป็ด | มิใคร่จะเสร็จสิ้นสุดสมุดได้ | ||
| จนล่วงมัชฌิมยามสองย่ำฆ้องชัย | จะหยุดไว้ก็เกรงพระอาชญา | ||
| หม่อมเป็ดน้อยค่อยเตือนให้เพื่อนนอน | เฝ้าเคืองค้อนแค้นขัดสะบัดหน้า | ||
| ยังไม่ทรงพระบรรทมตรมอุรา | แต่ชายตาดูพักตร์พยักกัน | ||
| เห็นพระองค์ทรงนิ่งไม่ติงพระกาย | เดือนก็ชายดึงด่วนให้ป่วนปั่น | ||
| หับสมุดหยุดยั้งฟังสำคัญ | ด้วยกระสันเสียวซ่านรำคาญใจ | ||
| พระแกล้งทรงพระกรรสะจะให้รู้ | ว่าตื่นพระบรรทมอยู่หาหลับไม่ | ||
| คุณโม่งก็ชะงากกระดากใจ | ก็แข็งจิตอ่านไปใจประวิง | ||
| ก็สมจิตคิดไว้ใจประวิงครั้น | พระองค์ทรงพลิกพระกายกลับ | ||
| หมายว่าพระบรรทมหลับสนิทนิ่ง | ก็คลานชิงกันขยับดับเทียนชัย | ||
| เข้าชุลมุนวุ่นวายอยู่ปลายพระบาท | ก็คิดคาดเอาว่าคนหาเห็นไม่ | ||
| จึ่งกระทำเอาแต่อำเภอใจ | ด้วยแสงไฟมืดมิดไม่มีโพลง | ||
| กระซุบกระซิบซุ่มกายอยู่ปลายพระบาท | เอาเพลาะหอมกรอมหุ้มกันคลุมโปง | ||
| จึ่งตรัสเรียกว่าคุณโม่งแต่นั้นมา | ข้างหม่อมเป็ดเสด็จท่านโปรดปราน | ||
| ได้ประทานเปลี่ยนนามตายศถา | อุตลุดอุดจาดทำอาจโถง | ||
| เพราะเดินเหินโยกย้ายส่ายกิริยา | จึ่งชื่อว่าหม่อมเป็ดเสด็จประทาน | ||
| พระชุบย้อมอย่างดีให้มีศักดิ์ | คนในพระตำหนักไม่หักหาญ | ||
| เป็นจอมฝูงสูงโสดคนโปรดปราน | ห้ามทวารมิให้ออกนอกเวียงชัย | ||
| เพลาหนึ่งหม่อมเป็ดเห็นเสด็จประทม | ชวนข้าในกรมลงตำหนักแพใหญ่ | ||
| ลงอาบน้ำดำว่ายสบายใจ | แล้วสั่งให้เรียกเรือนหนมจีนมา | ||
| ทั้งห่อหมกนกคั่วใบบัวอ่อน | ทอดมันจันรอนไว้นักหนา | ||
| ซื้อรับพระราชทานชานชลา | ยิ่งโอชารสร่ำซ้ำหนักไป | ||
| สิ้นหลายควบจวบสลึงถึงขนาด | เตโชธาตุหาทันผลาญอาหารไม่ | ||
| ในท้องปวดนวดนิ่งอยู่ในใจ | จะบอกใครก็อดสูดูไม่ดี | ||
| ครั้นปวดท้องเต็มทนจนสิ้นอาย | ลุกวิ่งจะไปถ่ายให้ถึงที่ | ||
| ด้วยเหลือทนพ้นกระสันพันทวี | ก็ราดเรี่ยเสียทีมาตามทาง | ||
| ก็ซื้อขนมให้ตาเฒ่าเฝ้าตำหนัก | ให้ตักน้ำชำระสะสาง | ||
| ให้หมดสิ้นกลิ่นอายระคายคาง | ช่วยอำพรางเสียให้มิดช่วยปิดบัง | ||
| วันหนึ่งจึ่งหม่อมเจ้าจอมเป็ด | ขั้นเล่นไพ่ในเสด็จหน้าที่นั่ง | ||
| หลายกระดานนานเนิ่นเกินกำลัง | ให้คับคั่งในอุทรร้อนรนใจ | ||
| นั่งนวดปวดป่วนจวนจะออก | มิอาจบอกความจริงกับใครได้ | ||
| ถวายบังคมกล้มคลานลนลานไป | ให้อาวรณ์ร้อนในเหมือนไฟลุก | ||
| ครั้นถึงที่สรีร์สำราญซานเข้าไป | ออกสักอ่างว่างใจค่อยได้สุข | ||
| ค่อยเสื่อมคลายหายรำคาญที่พล่านพลุก | ครั้นสิ้นทุกข์แล้วก็กลับมาฉับไว | ||
| เดินดิ่งเข้ามาถึงพระตำหนัก | ไม่หยุดพักคลานตรงไปลงไพ่ | ||
| ครั้นเกินเพลาหน้านิ่วหิวสุดใจ | ผ่อนธาตุในออกเสียหมดอดไม่ได้นาน | ||
| ท้องแห่งท้องเหี่ยวนั่งเปรี้ยวปาก | ทรหดอดหมากทั้งอยากหวาน | ||
| นั่งหิวนิ่วหน้าอยู่ช้านาน | แล้วค่อยคลานมาข้างเครื่องชำเลืองตา | ||
| เห็นว่างคนทนไม่ได้ด้วยใจเงี่ยน | เลื่อนเอาทุเรียนมาทั้งแบบวางแอบฝา | ||
| หยิบเข้าเคี้ยวเหนียวครันเจ็บทันตา | แล้วเอามายัดในลงในตะบัน | ||
| ครั้นละเอียดลออพอกินได้ | กระทุ้งใส่เข้าจนสิ้นกินขันขัน | ||
| พอท้องคลายหายร้อนอ่อนอ่อนฟัน | คิดสำคัญว่าผู้ใดเขาไม่รู้ | ||
| แล้วมิหนำซ้ำลักเอาผลบัว | ที่เขาคั่วใส่เครื่องยังมีอยู่ | ||
| ใส่ตะบันเล่นสบายคล้ายหมากพลู | ครั้นลุงทองจีนแลดูกระดากใจ | ||
| ลุงอ่อนถามว่าอะไรในตะบัน | หม่อมเป็ดปิดคิดกันพูดแก้ไข | ||
| มิให้คนรู้เท่าเข้าใจ | ด้วยความในไม่สู้ดีจะตรีชา | ||
| ว่าเหลือกำลังนั่งเคี้ยวฉันเปรี้ยวปาก | ตะบันหมกกินดอกจ๊ะคุณลุงจ๋า | ||
| แล้วเบือนบิดปิดปากไม่เจรจา | ครั้นโอษฐ์อ้าไม่เห็นแดงจะแคลงใจ | ||
| อันคนแก่ตะบันหมากมากด้วยกัน | แต่ซึ่งตะบันทุเรียนหามีไม่ | ||
| ผลบัวก็ตะบันขันสุดใจ | น่าจะใคร่ศึกษาเป็นอาจารย์ | ||
| วันหนึ่งจึ่งท่านหลวงนายศักดิ์ | นุ่งสมปักเข้าไปในพระราชฐาน | ||
| สำหรับเดินคอยเชิญพระอาการ | มาพูดกับท่านเจ้าขรัวนายข้างฝ่ายใน | ||
| หม่อมเป็ดน้อยพลอยมาทำพย่ำเผยอ | พูดเจ้อจีบปากถลากไถล | ||
| เอาลิ้นดันฟันกะลาเลื่อนออกไป | ไหมเปื่อยขาดปุดหลุดลงมา | ||
| ตกเปาจำเพาะหน้าหลวงนายศักดิ์ | ก็ถามทักทันใดอะไรขา | ||
| หม่อมบ่ายเบี่ยงเลี่ยงเจรจา | ซึ่งตกมาจากปากหมากตะบัน | ||
| เด็กมันตำไม่สู้แหลกแตกสองซีก | เคี้ยวก็หลีกกระเด็นกระดากจากปาก | ||
| ทำพิโรธโกรธบ่าวคนตะบัน | แล้วหยิบเอาฟันกะลามาสวมไว้ | ||
| ดีจริงใจหม่อมไม่ยอมแก่ | อุตส่าห์แก้ตัวปลิ้นสิ้นสงสัย | ||
| จะแจ้งจริงกับหลวงนายก็อายใจ | เพื่อมิให้รู้แน่ว่าแพ้ฟัน | ||
| สู้ต่อคิดปิดป้องที่ช่องหัก | เอาไหมสักผูกติดให้มิดมั่น | ||
| ดูระเบียบเรียบดีเรียงสีฟัน | ที่ไม่รู้ดูสำคัญว่าฟันดี | ||
| ครั้งหนึ่งจึ่งจอมหม่อมเป็ดน้อย | เช้าสำออยออเซาะปะเหลาะพี่ | ||
| ทำหน้านิ่วว่าฉันหิวใจเต็มที | มีอะไรบ้างหนอขอรับประทาน | ||
| คุณโม่งช้องคางทางพาที | ว่ามั่งมีในห้องของเปรี้ยวหวาน | ||
| หม่อมเป็ดดีใจไปลนลาน | เที่ยวค้นคว้าช้านานรำคาญใจ | ||
| เกลือสินเธาว์เอาไว้จะทำยา | คิดว่าขันทศกรทั้งก้อนใหญ่ | ||
| ไม่ทันพิจารณาว่าสิ่งไร | หยิบใส่ปากอมเข้าซมซาน | ||
| พอรสเกลือนั้นละลายแสบปลายลิ้น | ก็รู้ว่ากินก้อนเกลือไม่เจือหวาน | ||
| ฮึดฮัดขัดใจใช่น้ำตาล | ใจให้ดาลเดือดขุ่นคิดวุ่นวาย | ||
| ยิ่งปลอมก็ยิ่งแกล้งแสร้งสำออย | เฝ้าตะบอยบ่นร่ำระส่ำระสาย | ||
| ลวงให้กัดก้อนเกลือฉันเหลืออาย | เข้าตะกายหยิกตีเอาพี่นาง | ||
| คุณโม่งก็ยิ่งปลอบพะงอบง้อ | ทำอ่อนคอบ้าบ่นไปจนสว่าง | ||
| แสนพิโรธโกรธใจดั่งไฟฟาง | ยิ่งวอนว่าก็ยิ่งวางขึ้นหนักไป | ||
| โกรธงกยกท้าวกระทืบโผง | ฝ่ายคุณโม่งโกรธมั่งไม่ยั้งได้ | ||
| จนเกิดทะเลาะเบาะเถียงเสียงอึงไป | จนขนัดใจโกรธขึ้งถึงตัดกัน | ||
| คุณโม่งว่าถึงจะตัดไม่ขัดใจ | เรามิได้ร้อนจิตคิดพรั่น | ||
| แต่ของเข้าน้อยนิดที่ติดพัน | คือเอาฟันกะลามาเดี๋ยวนี้ | ||
| หม่อมเป็ดเข็ดปากไม่อยากพูด | คลานเข้าพระวิสูตรหลบหน้าหนี | ||
| แล้วคิดได้ด้วยไวปัญญาดี | ขึ้นลอยหน้าพาทีประชดประชัน | ||
| ขนมปลากริมที่ให้ไว้วานซืน | โกรธข้าเจ้าเอาคืนมาให้ฉัน | ||
| คงจะให้ไม่ลวงที่พวงฟัน | ให้สิ้นสวาทขาดกันแต่นี้ไป | ||
| คุณโม่งตอบพลางแล้วทางยิ้ม | ขนมปลากริมของหลวงประทานให้ | ||
| ยังแค่นทวงวุ่นวายไม่อายใจ | หรือว่าเธอซื้อไว้ให้ข้ากิน | ||
| แม้นหม่อมไปตึกข้าเวลาใด | ก็หาให้ไม่กลัวจะหมดสิ้น | ||
| หม่อมก็ได้ไปมาเป็นอาจิณ | ของกินจัดไว้ให้รับประทาน | ||
| ครั้นถึงทีข้ามาหาแม่เป็ด | ก็ซื้อลังเล็ดขนมทองเป็นของหวาน | ||
| ก็ถ้อยทีหนุนเกื้อกันเจือจาน | นี่แกล้งพางบมิให้ทวงเอาพวงฟัน | ||
| หม่อมเป็ดน้อยว่าไม้สอยสนจำหลัก | หม่อมเช็ดไรเสียให้หักกลางสะบั้น | ||
| หมึกหอมเอาไปฝนปนน้ำมัน | โกรธกันจะขอรับประทานเอา | ||
| หม่อมโม่งว่าแป้งหินเขาสิ้นตลับ | เาไปจับริมฝีปากต่างกระเหม่า | ||
| ฝางแสนเขาทั้งท่อนค่อนขูดเอา | อมเข้าไว้เหมือนหมากให้ปากแดง | ||
| ปนกับปูนนูนเหมือนสีลิ้นจี่จิ้ม | ให้จับขอบรอบริมขึ้นเป็นแสง | ||
| กานพลูผลกระวานสีพานแพง | แกล้งเอาปนหมกตะบันทุกวันมา | ||
| หมึกหอมของหม่อมค่ากี่เฟื้อง | ของเขาเปลืองยิ่งกว่านั้นฉันไม่ว่า | ||
| ทั้งสองฝ่ายหายกันอย่าฉันทา | แต่ของสำคัญฟันกะลาเอามาคืน | ||
| ข้างหม่อมเป็ดฟังคำทำร้องไห้ | สะทึกสะท้อนถอนใจให้สะอื้น | ||
| หมายจะโกรธจริงจังไม่ยั่งยืน | พอกลางคืนคนหลับกลับดีกัน | ||
| ครั้งหนึ่งพระองค์กรมวงศา | เสด็จมาในพระตำหนักนั่น | ||
| หม่อมเป็นนั้นเป็นต้นคนสำคัญ | สารพันเพ็ดทูลพระอาการ | ||
| ครั้นสิ้นเรื่องในพระโรคนั้นสำเร็จ | หม่อมเป็ดบังคมประสมประสาน | ||
| เกล้ากระหม่อมมึนหน้ามาช้านาน | ขอประทานยานัตถุ์เครื่องข้างใน | ||
| ฝ่ายเสด็จว่าหม่อมเป็ดปวดศีรษะ | เราจะช่วยเป่ายานัตถุ์ให้ | ||
| ก็เทจากขวดน้อยเจียระไน | ใส่เข้าไว้ในกลย้องสักสองนัด | ||
| แกล้งเลือกเอายาแดงที่แรงร้าย | ให้หม่อมหงายหน้าตรงทรงเป่าปรัด | ||
| น้ำตาไหลจามไอศีระษะฟัด | จนฟันพลัดตำเปาะจำเพาะพักตร์ | ||
| กรมวงศ์ทรงทอดพระเนตรมา | เห็นกะลาทำฟันให้ขักหนัก | ||
| แล้วก็ทรงพระสำรวลคัก | หม่อมอายนักก้มหน้าไม่พาที | ||
| เสด็จตรัสว่ายานัตถุ์ดีขยัน | แต่ฟันคนเจียงยังหลุดออกจากที่ | ||
| นี่หรือโรคจะไม่คลายหายดี | บัดเดี๋ยวนี้ก็จะหายไปคล้ายฟัน | ||
| หม่อมเป็ดอายเสด็จไม่อยู่ได้ | แกล้งไถลเลื่อนหลีกไปจากนั่น | ||
| เที่ยวค้นคว้าหาไหมอยู่เป็นควัน | ผูกฟันเสียใหม่ให้ดิบดี | ||
| ดิฉันกล่าวตามราวเรื่องโบราณ | หม่อมมาพาลโกรธไปไม่ต้องที่ | ||
| คำปะรำปะราว่าไว้มี | ฉันพบเห็นเช่นนี้จึ่งขับไป | ||
| มาถือโทษโกรธวุ่นคุณรับสั่ง | พลอยโกรธทั้งคุณเหมหาควรไม่ | ||
| ลุงทองจีนมิได้บอกออกฉันใด | เผ้าพิไรโกรธฮึกออกคึกคัก | ||
| ทราบเพราะเสด็จดอกท่านบอกฉัน | มาพลอยโทษโกรธท่านหลวงนายศักดิ์ | ||
| ลุงทองจีนก็ไม่ได้เห็นพักตร์ | ได้รู้จักกันกับฉันนั้นเมื่อไร | ||
| แล้วไปโทษนายผึ้งว่าเพื่อนบ้าน | ได้เอ่ยบอกวานฉันที่ไหน | ||
| นี่เรื่องเก่าเขามีมาแต่ไร | หรือพอกระทบจริงใจจึ่งแค้นนัก | ||
| เฝ้าคมค้อนเคืองเข็ญไม่เว้นใคร | โกรธบรรดาข้าไทในพระตำหนัก | ||
| หม่อมกระไรใจคอนี้น้อยนัก | ฉันประจักษ์แจ้งความตามนิยาย | ||
| กระทบเรื่องของซื้อเขาหรือจ๊ะ | จึ่งเกะกะโกรธร่ำระส่ำระสาย | ||
| ไม่มีใครบอกนุสนธิ์ต้นปลาย | ลายไปผุดขึ้นตำบลถนนอาจารย์ | ||
| ฉันพบเห็นตำราจึ่งว่าไป | ขออภัยเถิดอย่าโกรธดิฉาน | ||
| ถ้าแม้นหม่อมรักตัวกลัวอัประมาณ | ก็บนบานคนขับจะรับไว้ | ||
| ถ้าหม่อยอายเสียดายชื่อจะลือชา | ก็เอาเงินเอาผ้านั้นมาให้ | ||
| ฉันจะลบตำรับไม่ขับไป | จงถึงใจตาแจ้งเสียเถิดรา | ||
| คืนนี้กระหม่อมฉันนอนฝันไป | ว่าคุณข้างในกล่าวขวัญฉันหนักหนา | ||
| เพลาดึกสองยามย่ำนาฬิกา | คุณโม่งลงมาจากพระตำหนักใน | ||
| กับหม่อมเป็ดสองคนมาสนทนา | ที่ตรงหน้าเตียงทองที่ห้องใหญ่ | ||
| หม่อมเป็ดว่าคุณจ๋าฉันเจ็บใจ | คนพิไรค่อนว่าสารพัน | ||
| เก็บเอาความไม่ดีไปชี้แจง | ว่าตาแจ้งตะแกจะรู้อะไรนั่น | ||
| ลุงทองจีนนั่นแหละต้นคนสำคัญ | คุณชีเหมก็ขยันข้างแคะได้ | ||
| หลวงนายศักดิ์นายผึ้งก็ปากบอน | ค่อนบอกความจริงจนสิ้นไส้ | ||
| ให้อับอายขายหน้าระอาใจ | ค่อนพิไรกล่าวขวัญพรรณนา | ||
| ข้างคุณโม่งจะแกล้งพ้อหรือยอฉัน | ว่าตาแจ้งแกขยันแม่ขำจ๋า | ||
| แกช่างประดิษฐ์ติดกรับขับเสภา | จะหาเหมือนตะแกแท้ยากครัน | ||
| ข้างหม่อมขำฟังคำซ้ำขัดใจ | ดีอะไรกับตาแกแกล้งกลั่น | ||
| สาระวอนค่อนว่าสารพัน | กล่าวขวัญเราสองคนเป็นพ้นนัก | ||
| พวกเราแหละไปเล่าให้ความอึง | คุณชีเหมนายผึ้งหลวงนายศักดิ์ | ||
| ลุงทองจีนก็ครันขยันนัก | เพราะคนในพระตำหนักจึ่งความอึง | ||
| ครั้นเช้าคุณเหมมาพระตำหนัก | พอพบพักตร์หม่อมขำทำปั้นปึ่ง | ||
| แล้วเสกแสร้งแกล้งว่าชักหน้าตึง | ว่าพวกนายศักดิ์นายผึ้งแล้วเป็นไร | ||
| คุณชีเหมเคืองขัดสะบัดหน้า | มาโทษเอาข้าสองคนกระนี้ได้ | ||
| วันนี้จะให้เสภาว่าหนักไป | พอสิ้นฝันฉันตกใจตื่นขึ้นมา | ||
| คืนนี้กระหม่อมฉันฝันอีกครั้ง | ว่าความในวังชุลมุนวุ่นนักหนา | ||
| พอเกล้ากระหม่อมรัวกรับขับเสภา | หม่อมเป็ดมาแฝงบานทวารบัง | ||
| คิดว่าจะขับเรื่องตัวกลัวอาย | แกล้งอุบายพูดหลอกบอกคุณรับสั่ง | ||
| ว่าทรงกริ้วพระสุรเสียงสำเนียงดัง | อย่าให้ตาแจ้งวัดระฆังขับต่อไป | ||
| คุณรับสั่งรู้เท่าว่าเขาหลอก | อุบายบอกหาให้ขับเรื่องตัวใหม่ | ||
| จึงไม่เข้าทูลฉลองตรองอยู่ในใจ | เอาความไปกราบทูลเจ้าวางจาง | ||
| ประเดี๋ยวนี้หม่อมเป็ดขำสำออยนัก | ขึ้นนั่งตักคุณโม่งไม่คิดหมาง | ||
| หลวงนายศักดิ์แลไปในม่านกลาง | ใครสร้างพระสี่ขาเข้ามาไว้ | ||
| หม่อมเป็ดน้อยเป็ดสวรรค์ครั้นได้ฟัง | ละอายใจไม่นั่งอยู่ตักได้ | ||
| หลบหน้าเขาในม่านรำคาญใจ | มิใคร่จะพูดกับหลวงนายอายเต็มที | ||
| แล้วก็พากันมานั่งข้างเก๋งเสวย | หม่อมเป็ดเอ่ยออเซาะปะเหลาะพี่ | ||
| เบื่อเดือนสิบสองตาแจ้งขับรับกับนายมี | กลับทองของดีก็หายไป | ||
| ถึงเวลารับประทานอาหารค่ำ | คุณลุงซ้ำให้อีเปียมาเกลี่ยไกล่ | ||
| จึ่งเอ่ยออกบอกพลันไปทันใด | เชิญคุณทั้งสองไปรับประทาน | ||
| หม่อมเป็ดบอกกับอีเปียพี่เสียใจ | เราไม่ไปกินแล้วของคาวหวาน | ||
| จะฟังเสภาตาแจ้งถนนอาจารย์ | ให้หายรำคาญขุ่นคิ่นในวิญญาณ์ | ||
| ลุงทองจีนซ้ำเดินมาเชิญใหม่ | พูดกันถึงอะไรหม่อมจำ | ||
| ฉันเห็นพูดกันเพลินเกินเวลา | ไปรับประทานข้าวปลาให้สุขใจ | ||
| หม่อมเป็ดรำคาญง่านหงุดหงิด | เกรงจิตลุงทองจีนไม่ขัดได้ | ||
| ให้ป่วนหวดในอุทรร้อนธาตุใน | ประเดี๋ยวหนึ่งจึงจะไปดอกเจ้าคะ | ||
| ว่าแล้วลุกจากที่ตะลีตะลาน | ออกทวารลุกวิ่งมาเกะกะ | ||
| ถึงที่ก็หายคลายทุกข์ที่ท้องปะทะ | อุจจาระเสร็จแล้วก็รีบมา | ||
| ครั้นมาถึงพี่นางทางบอกพลัน | กินข้าวมันเถิดหรือจ๊ะคุณโม่งจ๋า | ||
| คุณเสียยอไม่ได้ก็ไคลคลา | รับประทานแล้วก็เข้ามานั่งด้วยกัน | ||
| ยายปานบุตรผุดปากขึ้นทันที | ตาแจ้งดีตีกรับขับขยัน | ||
| จะไว้วางเป็นจังหวะฉะฟัน | ทั้งขันทั้งเพราะเสนาะดี | ||
| หม่อมเป็ดฟังคำแล้วซ้ำเคือง | กระทืบเท้าเปรื่องเปรื่องขึ้นในที่ | ||
| ออปานลูกมึงจะถูกไม้เรียวรี | คนอะไรไม่มีอัธยา | ||
| อย่ามานั่งอยู่ที่กูดูไม่ได้ | ก็ลุกเข้าไปทั้งสองห้องเคหา | ||
| ลงเรียบเรียงเคียงชิดกันนิทรา | เอานวมมาห่มหุ้มคลุมเข้าด้วยกัน | ||
| หม่อมเป็ดขำซ้ำเรียกหนูลิ้นจี่ | ไปหยิบผ้ามาทีในหีบนั่น | ||
| ห่มนอนดำร่ำไว้เมื่อกลางวัน | กระแจะจันทน์เจือปรุงจรุงใจ | ||
| ให้เมื่อยขบไปทั้งตนบ่นออดแอด | ให้เรียกแพทย์วาโยมานวดให้ | ||
| คุณโม่งตัดสกัดกั้นไปทันใด | ฉันจะนวดหม่อมให้ใจสบาย | ||
| หม่อมว่าฉันไม่ใช้ให้คุณทำ | บาปกรรมนั้นจะมีไปมากหลาย | ||
| พูดพลอดกอดกริ่มยิ้มพราย | แล้วคิดระคายคำคนบ่นร่ำไร | ||
| สำออยว่าหม่อมขาฉันแค้นนัก | เสียเงินสักสิบตำลึงหาคิดไม่ | ||
| ไม่เท่าเสียรู้มนุษย์เจ็บสุดใจ | เฝ้าแคะได้ค่อนว่าสารพัน | ||
| เก็บเอาความไม่ดีไปชี้แจง | คุณชีเหมเชียวไปแสร้งแกล้งกลั่น | ||
| คนในพระตำหนักพรรคพวกกัน | สารพันค่อนว่าเป็นน่าอาย | ||
| คนนั่งอยู่ริมห้องรองเข้าไป | ฉันเข้าใจอยู่ดอกหม่อมอย่าแปกป่าย | ||
| มิได้พลอยกล่าข้อบรรยาย | เนื้อไหนร้ายก็ตัดแต่เนื้อนั้น | ||
| หม่อมเป็ดพูดเก้อละเมอเปล่า | ได้ยินเขาท้วงติงก็นิ่งอั้น | ||
| มิได้พูดจาสารพัน | ก็หลับเลยไปด้วยกันทั้งสองรา | ||
| ครั้งหนึ่งเป็ดสวรรค์กระสันจิต | บอกกับคนชอบชิดสนิทหน้า | ||
| ว่าคุณโม่งคู่ชีวิตมานิทรา | อยู่ในห้องของข้ามาหลายวัน | ||
| พูดแล้วก็ปรามห้ามปาก | อย่าพูดมากไปให้ฉาวคนจะกล่าวขวัญ | ||
| เจ้าจงช่วยกันปกปิดให้มิดควัน | เสร็จสั่งดั่งนั้นก็นิ่งไป | ||
| หม่อมเป็ดชนอกช้ำคำเสภา | อดสูดูหน้าใครไม่ได้ | ||
| เห็นคุณชีเหมมาว่าร่ำไร | พบใครเข้าก็ค้อนออกงอนชด | ||
| เห็นหน้าคุณรับสั่งคั่งแค้นนัก | ลุกทองจีนหลวงนายศักดิ์ก็โกรธหมด | ||
| ท่านโกรธไปทั้งนั้นประชันประชด | ปากบดบดบ่นไปคนใกล้เคียง | ||
| เมื่อวันถวายเสภาเวลาหลัง | หม่อมเป็ดนั่งกับคุณโม่งที่ในเฉลียง | ||
| กระซุบกระซิบกันสองคนบนระเบียง | ได้ยินออกชื่อเสียงก็ขัดใจ | ||
| แกล้งพูดเสียดเอาว่าเกลียดตาแจ้งบ้า | เฝ้าขับว่าเรื่องเราร่ำไปได้ | ||
| ไม่รู้แล้วรู้รอดสอดพิไร | เฝ้าค่อนขอดแคะได้เจ็บใจจริง | ||
| ครั้นเห็นคนเดินมาหน้าเฉลียง | สงบเสียงผิดลุกจะผลุนวิ่ง | ||
| คุณโม่งยุดฉุดน้องประคองอิง | เรานั่งนิ่งอย่างนี้มิเป็นไร | ||
| ถึงลุงทองคนจะขึ้นมาเห็นหน้าเรา | จะหยิบเอาข้อผิดที่ไหนได้ | ||
| หม่อมจะว่าตาแจ้งแกทำไม | ฉันชอบใจแกอยู่ดอกอย่าเดือดแค้น | ||
| ฝ่ายหม่อมเป็ดสวรรค์ครั้นได้ฟัง | ให้แค้นคั่งส่งเสียงขึ้นเปรี้ยงแป้น | ||
| คุณกลับเข้าข้าตาแจ้งแกล้งแก้แทน | ให้สุดแสนเจ็บใจใช่พอดี | ||
| กระทืบเท้าตึงตังกำลังทะเลาะ | พอลุงทองจีนเดินเดาะมาถึงที่ | ||
| จึ่งร้องถามสองท่านไปทันที | มาอึงมี่วิวาทอะไรกัน | ||
| หม่อมเป็ดฟังคุณลุงสะดุ้งใจ | ลุกไถลหลีเลี่ยงไปจากนั่น | ||
| ทั้งสองคนวนวิ่งพัลวัน | มิให้ทันเห็นกายด้วยอายนัก | ||
| ลุกหลีกลัดแลงไปแฝงตน | ซ่อนตัวกลัวคนจะรู้จัก | ||
| วิ่งมาบนเฉลียงเสียงคิกคัก | จนรอดหักหกล้มลงด้วยกัน | ||
| คุณโม่งล้มปับทับหม่อมเป็ด | น้ำตาเล็ดผุดลุกขมีขมัน | ||
| แล้วคิดกลัวคนผู้รู้สำคัญ | แกล้งถลันกล่าวเกลื่อนให้กลบคำ | ||
| เพราะตาแจ้งขับเสภามาฟังนัก | เฉลียงหักยับไปไม่เป็นส่ำ | ||
| นึกเกลียดน้ำหน้าตาเจ้ากรรม | ใช้ตาแจ้งแกมาทำให้หนำใจ | ||
| ทำเป็นพูดเชือนแชพอแก้ตน | คุณสองคนก็ขึ้นนอนบนเตียงใหญ่ | ||
| พลิกพลอดกอดก่ายสบายใจ | เทียบประทับหลับไหลไปด้วยกัน | ||
| ครั้นอรุณรุ่งรางสว่างฟ้า | พระเดชพระคุณให้หาหม่อมเป็ดสวรรค์ | ||
| เมื่อเพลาพลบค่ำทำไมกัน | จนชั้นเฉลียงเตียงหักกระจัดกระจาย | ||
| หม่อมเป็ดทูลเบี่ยงเลี่ยงเจรจา | คนมานั่งฟังเสภามากหลาย | ||
| ตาแจ้งขับเสภาว่าแยบคาย | คนทั้งหลายไม่เคยฟังประดังมา | ||
| ประทุกมากหลายคนบนระเบียง | จนเฉลียงเก๋งหักลงหนักหนา | ||
| เป็นต้นเหตุผลเพราะเสภา | คนเข้ามาฟังนักจึ่งหักไป | ||
| พระทรงฟังกริ้วกราดตวาดดัง | ชะเจ้าช่างเบือนบิดคิดแก้ไข | ||
| เขาว่าเจ้านั่งอยู่สองคนบ่นร่ำไร | แคะไค้คมค้อนทำงอนรถ | ||
| กระทืบเท้าผึงผางกลางระเบียง | จนเฉลียงไม้สักเขาหักหมด | ||
| จะแกล้งมาพูดบิดเบี้ยวเลี้ยวลด | เขารู้พยศเจ้าทุกอย่างมาพรางกัน | ||
| หม่อมเป็ดได้ฟังรับสั่งกริ้ว | ทำหน้าจิ๋วร้อนจิตคิดพรั่น | ||
| ใจระเริ่มรัวกลัวราชทัณฑ์ | อภิวันท์สารภาพกราบกราน | ||
| ได้พลั้งพลาดขอพระราชทานโทษ | ขอพระองค์ทรงโปรดกระหม่อมฉาน | ||
| ไปเบื้องหน้าตาแจ้งถนนอาจารย์ | จะขับเสภาว่าขานไม่เคืองใจ | ||
| พระสดับรับผิดหม่อมสารภาพ | เห็บเรียบราบแล้วก็โปรดยกโทษให้ | ||
| จึงตรัสสั่งข้างหน้าทหารใน | ทำเฉลียงเก๋งใหม่ให้ดิบดี | ||
| ครั้นรุ่งเช้าถึงเวลาเสพย์อาหาร | หม่อมเป็ดเรียกลูกปานมาในที่ | ||
| จัดเรือใหญ่ใบเสาเข้าให้ดี | ไปถึงที่เมืองละครอย่านอนใจ | ||
| ซื้อข้าวเหนียวสังขยามาให้ทัน | เอาถ้วยโคมใบนั้นแหละไปใส่ | ||
| ยายปานลูกผูกเสาเชือกเพลาใบ | แล่นไปครู่หนึ่งถึงเมืองละคร | ||
| ซื้อข้าวเหนียวสังขยามาถ้วยโคม | ก็แล่นผืนคลื่นโครมไม่หยุดหย่อน | ||
| ครั้นถึงเกาะแบกสังขยาพาจร | รีบร้อนเร็วไปในประตูพลัน | ||
| หลวงนายศักดิ์ถามทักไปทันใด | สังขยาถ้วยใหญ่ของใครนั่น | ||
| ยายปานว่าหม่อมเป็ดเธออยากครัน | ใช้ฉันไปซื้อถึงเมืองละคร | ||
| ฝ่ายหม่อมนิ่งนอนคอยคอยหา | เห็นปานมาผุดลุกขึ้นจากหมอน | ||
| กำลังอยากสังขยาให้อาวรณ์ | ถึงเตียงหย่อมก้นกักเตียงหักพลัน | ||
| พื้นดังสวบเสียงกรวบกราบ | เสียงก้องกาบกาบเหมือนเป็ดขัน | ||
| กับหม่อมระบายผายลมประสบกัน | เหมือนเป็ดสวรรค์ที่ฉันเลี้ยงไว้วัดระฆัง | ||
| ยายปานลุกช่วยกันผูกเตียงเสียใหม่ | ครั้นหม่อมสิ้นตกใจก็ไปนั่ง | ||
| เปิบข้าวเหนียวมูมมูมสุ่มตะรัง | หมดทั้งถ้วยโคมไม่ใคร่พอ | ||
| ครั้นรับประทานแล้วขึ้นไปนั่งในพระตำหนัก | หลวงนายศักดิ์พบตัวก็หัวร่อ | ||
| ว่าหม่อมกินสังขยาไม่รารอ | เตียงเขาต่อด้วยไม่สักยังหักไป | ||
| หม่อมเป็ดตอบหลวงนายด้วยอายหน้า | นานไม่รู้ความมาแต่ข้างไหน | ||
| หรือใครมาบอกเล่าจึ่งเข้าใจ | การแคะได้พาทีแล้วดีนัก | ||
| หลวงนายว่าข้าพเจ้าประจักษ์ตา | หม่อมเปิบสังขยาจนเตียงหัก | ||
| ฉันไม่ได้สอดความไปถามซัก | เพราะเห็นประจักษ์แก่ตาจึ่งพาที | ||
| หม่อมเป็ดตรึกนึกแหนงอยู่ในใจ | ตัวคนไรไปเล่าจนถ้วนถี่ | ||
| จะเป็นคนอื่นไกลนั้นไม่มี | เพราะลุงทองจีนพาทีทุกสิ่งอัน | ||
| แม้นมิบอกหลวงนายอีกนายหนึ่ง | ก็บอกผึ้งตาพองเป็นแม่นมั่น | ||
| จึ่งได้แจ้งกิจจาสารพัน | ให้ตาแจ้งมาแกล้งกลั่นบรรยาย | ||
| ครั้นเขาทำน้ำยาเวลาค่ำ | หม่อมเป็นขำนึกอยากเป็นมากหลาย | ||
| เคยรับประทานครั้งไรไม่สบาย | กระหายหอบบอบช้ำระกำใจ | ||
| ลุงทองจีนจึ่งปรามห้ามหม่อมเป็ด | น้ำยาเผ็ดแสบร้อนกระฉ่อนไส้ | ||
| ของแสลงแล้วจะแกล้งรับทานไย | จะหอบฉันหนักเข้าไปจะเสียที | ||
| หม่อมเป็ดตอบคำว่าน้ำยา | รับทานมาเผ็ดร้อนแต่ก่อนกี้ | ||
| โดยจะหอบขึ้นมายาฉันมี | คุณโม่งพี่ดิฉันท่านสอนไว้ | ||
| ลุงทองจีนจะใคร่ได้รู้ความ | จะซักถามเอาตำรายาให้ได้ | ||
| หม่อมเป็ดปิดอิดเอื้อนเบือนบิดไป | เพื่อมิให้ใครเขารู้ตำรายา | ||
| ครั้นเวลาระฆังตีสี่นมนาน | เขยกเอาพานขนบจีนมาตั้งหน้า | ||
| หม่อมเป็นเจาะปากอยากเต็มประดา | เขาคว้าเอาทันทีตะลีตะลาน | ||
| คุณลุงว่าน้ำยากินไม่ชอบ | จะหืดหอบขึ้นมามากลำบากจ้าน | ||
| มิพอที่จะตนทนทรมาน | จะรับประทานทำไมให้เวทนา | ||
| หม่อมเป็ดอยากเหลือทนจนสิ้นอาย | แล้วอบายลุงทองจีนจ๋า | ||
| ถึงจะหอบขึ้นเดี๋ยวนี้ฉันมียา | ก็ออกบอกตำรามาพลัน | ||
| โดยน้ำยามานั้นไม่ชอบจะหอบโครง | คุณโม่งหม่อมพี่เธอสอนฉัน | ||
| เอาดอกลำโพงมาใส่ลงในตะบัน | เกลือสินเธาว์เท่ากั่นขยันจริง | ||
| ตะบันไปให้ละเอียดเฉียดยาบด | กินให้หมดที่ตะบันนั้นยวดยิ่ง | ||
| เบากายหายฉิบเหมือนหยิบทิ้ง | ไม่เกรงกริ่งโรคาเพราะยามี | ||
| และหยิบหนมจีนน้ำยามาคลุกเคล้า | เปิบเข้ายังไม่ทันอิ่มถึงที่ | ||
| ได้เจ็ดคำหอบทำขึ้นทันที | มือยังมิทันล้างก็วางชาม | ||
| ลุกมาเรียกหาลูกปานพลัน | เอาดอกลำโพลงมาตะบันกระผลีกระผลาม | ||
| ปนกับเกลือสินเธาว์เข้าพองาม | บั้นเข้าสามสี่ก้อนลูกกลอนกลืน | ||
| ครั้นล่วงเลยลำคอก็พอคลาย | หอบหายลงไปได้ในใจชื่น | ||
| ครั้นล้างมือเสร็จสรรพขยับยืน | ก็กลับคืนเข้านิทราในราตรี | ||
| พอสักครู่ก็พอรู้รับสั่งให้หา | ก็เรียกลูกปานลุกมาขมันขมี | ||
| เขาขันใหญ่ปากจำหลักตักวารี | มาตั้งไว้ในที่ชำระกาย | ||
| ยายปานวิ่งงกงันหยิบขันตัก | สะดุดกักล้มคว่ำคะมำหงาย | ||
| ปากแตกหน้าเผือดเลือดกระจาย | ก็ต้องกรีดหวีดว้ายขึ้นทันที | ||
| หม่อมเป็ดตัวสั่นให้หวั่นจิต | เห็นโลหิตโซมสาดลงดาดที่ | ||
| ตกประหม่าหน้ามืดไม่สมประดี | อกสั่นขวัญหนีเหมือนตีปลา | ||
| ทอดลงลงบนม้าอุจจาระ | ลมปะทะมัวมึนขึ้นมืดหน้า | ||
| คุณโม่งตกใจจริงวิ่งออกมา | หยิบเอายานัตถุ์ให้สุดมะกรูดดม | ||
| แล้วประคองขึ้นบนตักตะพักไว้ | ประทับเส้นเคล้นไคล้ประคบประหงม | ||
| แล้วนวดฟั้นคั้นลงประตูลม | ค่อยชื่นชมฟื้นสมประดีกาย | ||
| คุณโม่งเข้าประคองน้องเป็ดน้อย | เฝ้าตะบอยบีบตะบบให้ลมหาย | ||
| คุณโม่งเห็นเป็ดสวรรค์นั้นค่อยคลาย | ก็พานางย่างกรายเข้าห้องใน | ||
| และเห็นเกลือสินเธาว์หยิบเอามา | สำคัญว่าพิมเสนประสมใส่ | ||
| กับยานัตถุ์ผิวมะกรูดสูดเข้าไป | บัดเดี๋ยวใจก็สบายหายวับตา | ||
| แล้วก็คิดสงสารยายปานบุตร | กำสรดสุดโศกรักเป็นหนักหนา | ||
| จะเจ็บช้ำระกำกายหลายเวลา | เมื่อยามอยากสังขยาจะใช้ใคร | ||
| เคยไปซื้อสังขยามาแต่ละคร | แล้วรีบร้อนมาหาทันแสบท้องไม่ | ||
| จะล้มหมอนนอนเสื่อเหลืออาลัย | เฝ้าร่ำไรโศกสุดถึงบุตรปาน | ||
| ครั้นโศกว่างวิ่งขึ้นมาเฝ้า | แต่จิตเศร้าอยู่ถึงบุตรสุดสงสาร | ||
| หมอบชม้อยคอยฟังบัญชาการ | มือประสานหมอบเมียงเคียงคุณลุง | ||
| วันหนึ่งคุณโม่งผู้โปร่งเปรื่อง | ให้บ่าวทำข้าวเหนียวเหลืองหน้ากุ้ง | ||
| ผักชีพริกไทยใส่ปรุง | น่ากินกลิ่นฟุ้งจรุงใจ | ||
| แล้วคิดถึงเป็ดฟ้าพะงางาม | ก็มูนใส่ไว้เป็นชามปากไปล่ | ||
| ทั้งหน้ากุ้งปรุงปนระคนไป | ก็ใช้บ่าวเอาไปให้หม่อมเป็ดพลัน | ||
| นางคนใช้เร็วจริงวิ่งหรบหรบ | มาถึงที่มิได้พบหม่อมเป็ดสวรรค์ | ||
| จะตะบอยคอยท่าเห็นช้าครัน | ข้าเหนียวนั้นฝากลุงทองจีนไว้ | ||
| ฝ่ายคุณลุงยุ่งอยู่ด้วยราชการ | ก็เนิ่นนานหาได้บอกหม่อมเป็ดไม่ | ||
| ข้าวเหนียวค้างอยู่จนเย็นจนเหม็นกระไอ | ครั้นจักได้แล้วบอกกับหม่อมพลัน | ||
| คุณให้บ่าวเอาข้าวเหนียวลงมาให้ | ฝากไว้ที่ในห้องของดิฉัน | ||
| ลืมไปจนเวลาจวนสายัณห์ | ข้าวเหนียวนั้นบูดไปไม่น่ากิน | ||
| กะทิมูนข้าวเหนียวเห็นเปรี้ยวฟุ้ง | หน้ากุ้งค้างจนเย็นก็เหม็นกลิ่น | ||
| ข้าวเหนียวก็เปียกเปื้อนปนเป็นมลทิน | หม่อมจะกินหรือจะเทก็ตามที | ||
| หม่อมเป็ดได้ฟังนั่งคิด | กำลังจิตหมกมุ่นรักคุณพี่ | ||
| เธออุตส่าห์เอามาให้ถึงไม่ดี | จะเทข้าวเหนียวเสียเดี๋ยวนี้จะน้อยใจ | ||
| ก็ยกชามหยิบชิมยิ้มแผยะ | ถึงบูดแฉะชั่วดีของพี่ให้ | ||
| เพราะความรักชักให้อร่อยไป | จนหมดชามปากไปล่ใช่พอการ | ||
| ตำราว่ารับประทานด้วยการรัก | น้ำต้มฟักก็ซดเป็นรสหวาน | ||
| นี่ข้าวเหนียวบูดเหม็นไม่เป็นการ | ยังรับประทานหมดได้ไม่พอพุง | ||
| ครั้นเพลาพลบค่ำก็ทำท้อง | เพราะกินของบูดเปรี้ยวข้าวเหนียวกุ้ง | ||
| เรียกออพูเข้าไปที่ในมุ้ง | ให้นวดตนจนรุ่งพระสุริยา | ||
| เต็มทนจนออพูอยู่ไม่ได้ | ขัดใจเต็มทีก็หนีหน้า | ||
| คุณโม่งคอยหายไปไม่เห็นมา | มาต่อว่าตัดพ้อคอเป็นเอ็น | ||
| หม่อมยังไรใช้คนจนระอา | ให้หนีซนค้นคว้าหาไม่เห็น | ||
| บ่าวเขาให้มามากไม่ยากเย็น | นี่ขืนเคี่ยวเข็ญจนหนีไป | ||
| แม้นมันหนีลี้ลัยไม่กลับมา | หม่อมเอาค่าตัวนั้นมาให้ | ||
| ไม่ติดตามมาจริงจริงนิ่งนอนใจ | จะส่งออกไปข้างหน้าว่าความกัน | ||
| หม่อมเป็ดได้ฟังก็นั่งนิ่ง | ด้วยผิดจริงช่วงใช้บ่าวไพร่ท่าน | ||
| เห็นคุณเธอพิโรธโกรธครัน | เฝ้าผ่อนผันวิงวอนให้อ่อนใจ | ||
| วันหนึ่งหม่อมนิทราเพลาดึก | นอนนึกอยากทุเรียนน้ำลายไหล | ||
| พอม่อยหลับลงพลันก็ฝันไป | ว่าชาวละครเอามาให้หลายใบนัก | ||
| แต่ละใบยวงใหญ่เท่ากำปั้น | ฉันตะบันกินตะบอยอร่อยหนัก | ||
| พอหมดสิ้นสี่ใบใจคึกคัก | จุกจักกระแหล่นตายวุ่นวายใจ | ||
| ในความฝันนั้นว่าคุณโม่งพี่ | เข้านวดฟั้นเต็มที่หาหายไม่ | ||
| ยิ่งนวดก็ยิ่งหนักจักบรรลัย | สะดุ้งตื่นตกใจก็จุกจริง | ||
| กลิ้งเกลือกเสือกตนทนไม่ได้ | กระฉ่อนไส้ตัวสั่นดั่งผีสิง | ||
| ผิดลุกจากที่นอนเอาหมอนพิง | ป่วนปวดนวดนิ่งไม่บอกใคร | ||
| พอยายมาพี่เลี้ยงเคียงเข้ามาพลัน | หยิบเอาฟันสามพวงมายื่นให้ | ||
| ครั้นหม่อมเห็นพวงฟันเข้าทันใด | ดีใจหยิบรับเอาฉับพลัน | ||
| พวงหนึ่งทำไว้ด้วยไม่มะเกลือ | วิไลเหลือดำดีสีขยัน | ||
| พวงหนึ่งทำด้วยกะลาหนาครัน | เขาเจียนจัดขัดเป็นมันเหมือนทันตา | ||
| พวงหนึ่งทำไว้ด้วยไม้ทองหลาง | ทำเหมือนอย่างซี่ฟันขันหนักหนา | ||
| เอาไหมร้อยเรียบเรียงดูเกลี้ยงตา | รับเอามาดูกริ่มแล้วยิ้มพราย | ||
| เขาช่างทำงามงามทั้งสามพวง | แล้วห่อหวงเก็บไว้ไม่ให้หาย | ||
| ชอบอารมณ์สมคิดจิตสบาย | จุกก็คลายหายฉิบไปทันที | ||
| หม่อมเป็ดถามยายมาว่าพวงฟัน | นี่ขยันสุดใจใครให้พี่ | ||
| ยายมาอวดซ้ำเขาทำดี | ซื้อมาที่จีนยูทั้งสามพวง | ||
| หม่อมเป็ดตรองความตามเรื่องฝัน | นิมิตรดีขยันเป็นใหญ่หลวง | ||
| ว่าเขาให้กินทุเรียนกินหลายยวง | เป็นลาภใหญ่พวกฟันกะลา ฯ | ||
