บทละครพูดเรื่à¸à¸‡à¸«à¸±à¸§à¹ƒà¸ˆà¸™à¸±à¸à¸£à¸š
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
เนื้อหา |
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
บทประพันธ์
ตัวละคร
พวกเรา | |||
พระภิรมย์วรากร นอกราชการ อายุประมาณ ๕๐ ปี | |||
นายสวิง อายุ ๑๘ ปี} | |||
นายสวาย อายุ ๑๗ ปี} บุตร พระภิรมย์วรากร | |||
นายสวัสดิ์ อายุ ๑๖ ปี} | |||
นายกองโท พระยาวิสูตรสงคราม สมุหเทศาภิบาล ผู้สำเร็จราชการมณฑลหัสดินบุรี ผู้บังคับการเสือป่าหัสดินบุรี | |||
นายหมวดโท หลวงมณีราษฎร์บำรุง นายอำเภอเมืองมณีบูรณ์ ผู้บังคับกองหมวดที่ ๑ กองร้อยมณีบูรณ์ (ภายหลังเป็นผู้บังคับกอง) | |||
นายหมวดตรี นายอิน ผู้ช่วยราชการเมืองมณีบูรณ์ ผู้บังคับหมวดที่ ๒ กองร้อยมณีบูรณ์ | |||
นายหมู่เอก หลวงมนูธรรมธุราธร ผู้พิพากษาศาลเมืองมณีบูรณ์ ประจำหมวดที่ ๑ กองร้อยมณีบูรณ์ (ภายหลังเป็นผู้บังคับหมวด) | |||
นายหมู่เอก เทพ คหบดี ประจำกองร้อยมณีบูรณ์ | |||
นายหมู่โท ขุนรัตนแพทย์ แพทย์ประจำเมืองมณีบูรณ์ | |||
ราชบุรุษ สุดใจ ครูใหญ่โรงเยนมัธยมมณีบูรณ์ ผู้กำกับกองลูกเสือที่ ๑๑ | |||
นายหมู่ พร ผู้บังคับหมู่ที่ ๔ กองลูกเสือที่ ๑๑ | |||
ลูกเสือโท นายคำ กองลูกเสือที่ ๑๑ | |||
นายร้อยเอก หลวงเรืองฤทธิราวี ผู้บังคับกองร้อยที่ ๔ กรมทหารราบที่ ๒๙ | |||
อ้ายสี บ่าวพระภิรมย์วรากร | |||
คนกลาง | |||
นายซุ่นเบ๋ง นักเรียนกฎหมาย พี่ของเน้ยภรรยาน้อยพระภิรมย์วรากร | |||
พวกข้าศึก | |||
ผู้บังคับการทหารข้าศึก | |||
ปลัดกรมทหารข้าศึก | |||
นายร้อยตรีกองทหารข้าศึก | |||
นายทหารนักบินกองทหารข้าศึก | |||
ชุดที่ ๑
ฉาก ห้องรับแขก บ้านพระภิรมย์วรากร ที่เมืองมณีบูรณ์ มณฑลหัสดินบุรี เป็นห้องในเรือนตึกอย่างเก่าๆ ด้านหลังมีประตูเปิดออกไปเฉลียง ต่อเฉลียงไปมีสวน ด้านขวามีหน้าต่าง ด้านซ้ายมีประตูสำหรับเข้าไปภายในเรือน เครื่องตกแต่งมีเป็นโต๊ะเก้าอี้อย่างกระนั้นๆ ไม่สู้ดีปานใด โต๊ะตั้งกลาง เก้าอี้ล้อมโต๊ะ และมีเก้าอี้ตั้งติดๆ กับฝาบ้าง มีรูปถ่ายติดฝาเป็นรูปหมู่โดยมาก และมีรูปพระภิรมย์ฯ แต่งเต็มยศข้าราชการพลเรือนชั้นอำมาตย์โท (หมายเหตุ-ซ้ายขวาคือซ้ายขวาของตัวละคร)
(เมื่อเปิดม่าน นายสวายกับนายสวัสดิ์เดินเข้ามาด้วยกันจากเฉลียง นายสวายแต่งตัวสวมกางเกงแพรกับเสื้อชั้นใน นายสวัสดิ์แต่งตัวสวมกางเกงขาสั้นสีดำอย่างลูกเสือ ใส่ถุงเท้ารองเท้าดำ ใส่เสื้อขาวแต่ภายในเสื้อขาวนั้นมีเสื้อลูกเสือ และมีผ้าพันคอลูกเสือคาดพุงทับเข็มขัด ถือห่อกระดาษ ๑ อัน)
สวาย | (จับแขนสวัสดิ์ไว้แล้วพูด) เดี๋ยวก่อนจะรีบร้อนไปไหน | ||
สวัสดิ์ | ไปเอาอะไรในห้องหน่อย (ทำท่าจะไป) | ||
สวาย | ไปอาบน้ำกันเถอะน่า เดี๋ยวจะบ่ายมากไปอย่าร่ำไร มาสิถอดเสื้อสิน่า (ทำท่าจะเข้าปลดกระดุมให้นายสวัสดิ์ แต่นายสวัสดิ์ไม่ยอดให้ปลด) | ||
สวัสดิ์ | พุทโธ่ ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ อย่ายุ่งไปหน่อยเลย | ||
สวาย | ก็ทำไมจะต้องผัดด้วยเล่า (จับแขนสวัสดิ์ไว้ สวัสดิ์สลัดแขนทิ้งกันไปมา ห่อกระดาษตก สวัสดิ์กับสวายก้มลงเก็บพร้อมกันแย่งกันจนกระดาษขาด แลเห็นหมวกลูกเสืออยู่ในห่อ) อ้อ อย่างนี้นี่เอง | ||
สวัสดิ์ | ก็ยุ่งอย่างนี้แหละ (ฉวยหมวกได้ ตั้งท่าจะวิ่งไปในเรือน) | ||
สวาย | (จับแขนไว้) อ้อ นี่แกแอบไปเป็นลูกเสือแล้วหรือ | ||
สวัสดิ์ | เป็นแล้วละ จะทำไมฉัน | ||
สวาย | กันจะต้องไปทำไมแกเดี๋ยวนี้ คอยดูคุณพ่อรับงานแกดีกว่า | ||
สวัสดิ์ | นี่พี่สวายจะไปปากบอนอย่างนั้นหรือ | ||
สวาย | ฉันก็ต้องบอกให้คุณพ่อรู้สิ ว่าแกขัดขืนโอวาทของท่าน จำไม่ได้หรือท่านว่าอยู่เร็วๆ นี้เอง ว่าท่านไม่ต้องการให้ลูกท่านไปเป็นลูกเสือลูกหมาอะไร | ||
สวัสดิ์ | คุณพ่อจะว่ากระไรๆ ก็ตามใจท่าน แต่ฉันเกิดมาเป็นลูกผู้ชายกับเขาชาติ ๑ แล้ว ก็ไม่อยากให้เสียชาติ | ||
สวาย | เพราะฉะนั้นจึงไปเป็นลูกหมา อย่างนั้นหรือ | ||
สวัสดิ์ | (โกรธ) นี่แน่พี่สวาย พี่จะด่าตัวฉันส่วนตัวอย่างไรๆ ก็พอจะยอมยกโทษให้ แต่ถ้าขืนพูดดูถูกลูกเสืออีกคำเดียวละก็จะต่อยให้ฟันหักทีเดียว | ||
สวาย | ชะๆ ชะๆ เก่งจริงนะ | ||
สวัสดิ์ | อย่างไรๆ ฉันก็แข็งแรงกว่าพี่สวายเป็นแน่ เพราะฉันใช้กำลังของฉันในทางที่ถูก ไม่มัวใช้แต่ในทางทำหนุ่มแอบซุกซนเล่นสกปรก | ||
สวาย | (โกรธ) ทำไมกันเล่นซุกซนสกปรกอย่างไร | ||
สวัสดิ์ | เฮ้ยๆ เขารู้ดอกน่า ไม่ต้องทำไขสือ แอบลงไปนัวเนียอยู่ที่ห้องอีแก่นเสมอๆ แล้วไม่อ่อนแออย่างไร ฮะๆ ฮะๆ | ||
สวาย | พูดยุ่งบ้าอะไรไม่รู้ | ||
สวัสดิ์ | หรือจะฝึกหัดให้เป็นลูกผู้ชาย ฮะๆ มีแต่เขาหัดกันทางลูกเสือหรือทหาร นี่พี่สวายให้อีแก่นเป็นครูหัดอะไรมิรู้ได้ หนอยแน่ กำลังน้อยเอย ขี้โรคเอย เล่นฟุตบอลไม่ไหวฝึกซ้อมกำลังกายก็ไม่ไหว คุณพ่อก็พะนอเห็นขี้โรค ที่แท้มัวฝึกซ้อมออกกำลังเสียทาง ๑ ต่างหาก | ||
สวาย | เอ๊ะ สวัสดิ์นี่ กล้าหาญชาญไชยจริงนะ หรือเห็นตัวดีเพราะเป็นลูกเสือลูกหมา | ||
สวัสดิ์ | บอกแล้วว่าไม่ให้ดูถูกลูกเสือ ขืนจะดูถูก (ตบหน้าสวาย) นี่แน่ะ คนปากร้ายเขาต้องทำอย่างนี้ ตั้งหมัดขึ้น เดี๋ยวจะว่าฉันทำข้างเดียว | ||
สวาย | เล่นระยำอะไรไม่รู้ | ||
สวัสดิ์ | ตั้งหมัดขึ้นสิ หาไม่จะเจ็บเปล่านะ | ||
สวาย | (ตั้งหมัดแล้วพูดพลาง) ข้าขอบอกกล่าวนะ | ||
สวัสดิ์ | ไม่ต้องพูด ต่อยกันดีกว่า (ต่อยกันสวายออกจะเอี้ยๆ) | ||
(พระภิรมย์วรากร กับหลวงมนูธรรมธุราธรเดินเข้ามาด้วยกันจากเฉลียง พระภิรมย์ฯ สวมกางเกงแพรใส่เสื้อกุยเฮง หลวงมนูธรรมฯ แต่งเครื่องเสือป่า)
พระภิรมย์ฯ | เฮ้ยๆ นั่นอะไรต่อยกันออกยุ่ง เลิก! เลิกเดี๋ยวนี้ (เด็กทั้ง ๒ หยุดต่อยกัน) นี่ต่อยกันทำไม อ้ายเล็กคงรังแกพ่อกลางละซี เอ็งละอวดดีอย่างนี้เสมอ เห็นว่าพี่เป็นคขี้โรคละก็ข่มเหงได้ข่มเหงเอา | ||
สวัสดิ์ | พี่สวายอยากมาปากจัดด่าผมก่อนนี่ขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | ด่าว่ากระไร | ||
สวัสดิ์ | เขาด่าว่า (นึกขึ้นออกเลยชะงักไม่พูดต่อไป) | ||
สวาย | (เห็นเป็นโอกาสเหมาะจึงชิงพูด) สวัสดิ์แอบไปเป็นลูกเสือขอรับ ผมาว่าเขาว่าคุณพ่อห้ามแล้วทำไมเขาขืนไปเป็น เขาโกรธเขาก็ต่อยผมเอา | ||
พระภิรมย์ฯ | อ้อ! อ้ายเล็ก นี่มึงแอบไปเป็นลูกเสือแล้วจริงๆ หรือ | ||
สวัสดิ์ | ขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | ถอดเสื้อออกให้ข้าดูทีหรือ (นายสวัสดิ์ถอดเสื้อชั้นนอก) เออ! ไหนลองแต่งขึ้นให้ครบเครื่องทีหรือ (นายสวัสดิ์แต่งตัวอย่างลูกเสือบริบูรณ์) อือ! ชอบกลจริงๆ อยู่ดีๆ ไม่ว่าดี ชอบแต่งตัวเป็นอ้ายตัวในหนังญี่ปุ่น | ||
(สวัสดิ์แลดูตาหลวงมนูฯ หลวงมนูฯ อดหัวเราะไม่ได้)
หลวงมนูฯ | ผมก็เป็นตัวหนังญี่ปุ่นเหมือนกันหรือขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | คุณหลวงกับอ้ายลูกผมเป็นคนละอย่าง คุณหลวงเป็นผู้ใหญ่รู้จักผิดแลชอบดีแล้ว เมื่อจะชอบแต่งตัวเล่นอย่างไรก็แต่งได้ แต่อ้ายนี่มันทารกอยู่ในอกพ่ออกแม่ มันยังไม่ควรจะทำอวดดีรู้มากไปกว่าผู้ใหญ่ มันรู้อยู่ดีแล้วว่าผมไม่ชอบให้ลูกผมเป็นลูกเสือมันก็ขืนไปเป็น | ||
หลวงมนูฯ | ขอโทษเถอะขอรับ ผมเห็นว่าในข้อนั้นคุณพระห้ามผิด การที่จะห้ามสิ่งใดๆ ควรมีเหตุผลเพียงพอ การที่คุณพระไม่ชอบลูกเสือนั้นเพราะเหตุใด | ||
พระภิรมย์ฯ | ข้อ ๑ ผมเห็นว่าไม่ควรจะให้เสียเวลาเรียนของเด็ก | ||
หลวงมนูฯ | การฝึกหัดหรือสั่งสอนส่วนทางวิชาลูกเสือ ไม่ได้ทำให้เสียเวลาเล่าเรียนเลยแม้ แต่นาทีเดียว ไม่ทำให้เสียประโยชน์ของเด็กเลยจนนิดเดียว ตรงกันข้าม เด็กที่เป็นลูกเสือจะเป็นผู้ที่มีความรู้ดีกว่าเด็กธรรมดาเป็นอันมาก | ||
พระภิรมย์ฯ | นั่นเป็นความเห็นของคุณหลวง แต่ความเห็นของผมผิดกัน ผมเห็นว่าการเป็นลูกเสือไม่มีอะไร นอกจากเลี่ยงการเล่าเรียนและซุกซนหัวร้างข้างแตกไปเท่านั้น | ||
หลวงมนูฯ | แต่ซุกซนหัวร้างข้างแตกผมเห็นว่าดีกว่าซุกซนอีกอย่าง ๑ (นายสวัสดิ์แลดูนายสวายแล้วหัวเราะ) การซุกซนอย่างลูกเสือทำให้เป็นคนแข็งแรง การซุกซนอีกอย่าง ๑ นั้น มีผลตรง กันข้าม การเป็นลูกเสือทำให้เด็กรู้จักอดทน | ||
พระภิรมย์ฯ | อ้อ! ยังงั้นหรือขอรับ ผมจะได้ทดลองดู (ไปหยิบแส้ม้ามา) นี่แน่ะ ถ้าเอ็งอด ทนจริงอย่างคุณหลวงว่า เอ็งไม่ต้องร้องเลยสิ ข้าจะลองความอดทนของอ้ายลูกเสือให้เห็นจริง (เงื้อแส้จะตีนายสวัสดิ์) | ||
หลวงมนูฯ | (จับมือพระภิรมย์ฯ) คุณพระ! อย่างนั้นจะใช้ที่ไหนได้ (แย่งแส้จากมือพระภิรมย์แล้วโยนไปเสียให้ไกล) ทำอย่างนั้นก็เสียผู้ใหญ่ไปสิขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | นี่ผมไม่มีอำนาจเหนือลูกผมแล้วหรือ | ||
หลวงมนูฯ | ข้อนั้นไม่มีใครเถียงเลย แต่ผู้มีอำนาจควรจะใช้อำนาจแต่ในที่ถูกที่เป็นยุติธรรม ถ้ามิฉะนั้นก็ทำให้ผู้น้อยสิ้นความนับถือ | ||
พระภิรมย์ฯ | ถ้าลูกผมสิ้นความนับถือผมในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะมันเห็นคุณหลวงเข้ากับมันเท่านั้น | ||
หลวงมนูฯ | ผมเสียใจที่คุณพระพูดเช่นนั้น ผมตั้งใจดีต่อคุณพระจริงๆ แต่เมื่อไม่เป็นที่พอ ใจแล้วก็เลิกกันที ผมจะพูดอะไรไปอีกก็เสียเวลาผมต้องขอลาที | ||
พระภิรมย์ฯ | อ้าวๆ คุณหลวงอย่าโกรธสิครับ | ||
หลวงมนูฯ | ผมไม่ได้โกรธ เป็นแต่เสียใจเท่านั้น | ||
(ขณะนั้นได้ยินเสียงนกหวีดเป่าประชุม นายสวัสดิ์ทำท่าจะไป)
พระภิรมย์ฯ | อ้ายเล็ก ข้าห้ามเป็นอันขาดไม่ให้เอ็งไปได้ยินไหม (เสียงนายพรนายหมู่ลูกเสือร้องตะโกนเรียกชื่อนายสวัสดิ์ นายสวัสดิ์ขยับจะไป) อ้ายเล็ก บอกว่าไม่ให้ไป | ||
นายหมู่พร | (ขึ้นมาที่เฉลียงกับลูกเสือโทนายคำ) สวัสดิ์ | ||
สวัสดิ์ | (ระวังตรงแล้วขาน) อยู่! | ||
นายหมู่พร | (เข้ามาในห้อง คำนับหลวงมนูฯ แล้วจึงพูดต่อไป) สวัสดิ์! เป่านกหวีดประชุมแกไม่ได้ยินหรือ | ||
พระภิรมย์ฯ | ได้ยิน แต่ฉันไม่ให้มันไปเอง | ||
นายหมู่พร | (คำนับ) ขอรับประทานโทษ ผมพูดกับนายสวัสดิ์ (หันไปพูดกับนายสวัสดิ์ต่อ ไป) แกไม่ได้ยินนกหวีดหรือ | ||
พระภิรมย์ฯ | ฉันน่ะเป็นพ่อนายสวัสดิ์ ฉันห้ามเขาเองไม่ให้เขาไป เขาเป็นลูกที่อยู่ในถ้อยคำพ่อ | ||
นายหมู่พร | (คำนับอีก) ผมขอเรียนซ้ำอีกว่าผมพูดกับนายสวัสดิ์ (พูดกับสวัสดิ์) จะว่าอย่าง ไร | ||
สวัสดิ์ | นี่แหละฉันมันตกอยู่ในที่ยาก ฉันเองน่ะอยากไปจนตัวสั่น แต่คุณพ่อท่านไม่ให้ไป | ||
นายหมู่พร | ขอรับประทานโทษเถิดขอรับ ที่คุณไม่ให้ไปเพราะอะไร | ||
พระภิรมย์ฯ | นี่ฉันมีความจำเป็นอะไรบ้างที่จะตอบแก | ||
นายหมู่พร | ไม่จำเป็นเลย | ||
พระภิรมย์ฯ | แกมีนายเหนือแกอีก หรือแกเป็นคนสูงสุด | ||
นายหมู่พร | ผมเป็นเพียงผู้บังคับหมู่ที่ ๔ นายสุดใจเป็นผู้กำกับลูกเสือกองที่ ๑๑ | ||
พระภิรมย์ฯ | ถ้าเช่นนั้นฉันขอพบนายสุดใจจะได้หรือไม่ | ||
นายหมู่พร | ได้ขอรับ คำ! | ||
คำ | (ที่เฉลียง) อยู่! | ||
นายหมู่พร | ไปเชิญคุณสุดใจมาที่นี่ คุณพระให้เชิญ (คำวิ่งไป) | ||
หลวงมนูฯ | ดูเอาเถอะครับ เด็กที่เป็นลูกเสือละก็ ท่าทางมันคึกคักดีอย่างนี้ | ||
พระภิรมย์ฯ | ฮือ! การวิ่งเต้นมันเป็นธรรมดาของเด็ก เป็นของชอบอยู่แล้ว ผมไม่เห็นอัศจรรย์อะไร | ||
หลวงมนูฯ | คุณพระดูตั้งใจแน่นอนเสียทีเดียว ว่าจะไม่ยอมเห็นอะไรดีในส่วนลูกเสือแม้แต่อย่างเดียว | ||
พระภิรมย์ฯ | ผมไม่เคยชอบเด็กซนเลย บางทีผมจะหัวเก่าผิดสมัยไปก็เป็นได้ | ||
(นายสุดใจ ผู้กำกับลูกเสือ เข้ามาจากเฉลียง คำ ตามมาเพียงเฉลียงแล้วหยุดอยู่ที่นั้น นายสุดใจคำนับหลวงมนูฯ แล้วจึงถอดหมวกก้มหัวคำนับพระภิรมย์ฯ อีกที ๑)
นายสุดใจ | คุณพระให้หาผมหรือขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | ฉันให้ไปเชิญนายสุดใจมาเพื่อจะถามปัญหาสักข้อ ๑ ธรรมเนียมเด็กที่จะเป็นลูกเสือต้องได้รับอนุญาตบิดาหรือผู้ปกครองไม่ใช่หรือ | ||
นายสุดใจ | ขอรับ ถูกแล้ว | ||
พระภิรมย์ฯ | ถ้าเช่นนั้นทำไมนายสุดใจจึงได้รับนายสวัสดิ์ลูกฉันเข้าเป็นลูกเสือโดยฉันมิได้อนุญาต | ||
นายสุดใจ | ผมเข้าใจผิดไป นายสวัสดิ์มาบอกขอสมัครเป็นลูกเสือ ผมก็เข้าใจว่าคุณพระคงจะได้อนุญาตแล้ว | ||
พระภิรมย์ฯ | ทำไมถึงเข้าใจเอาเองเช่นนั้น | ||
นายสุดใจ | เพราะตั้งแต่ได้มีลูกเสือมา ผมยังไม่เคยพบสักรายเดียวที่บิดาหรือผู้ปกครองไม่เต็มใจให้เด็กเป็นลูกเสือ ผมจึงเข้าใจว่าคุณพระก็คงจะเหมือนคนอื่นๆ | ||
พระภิรมย์ฯ | แต่ฉันไม่เหมือนคนอื่นๆ ฉันมีสมองพอที่จะใช้ได้คิดอะไรได้เองบ้าง ไม่ต้องก้มหน้าหลับตาเอาอย่างคนอื่นตะพัดไป | ||
นายสุดใจ | ผมเสียใจที่ผมคะเนผิดไป | ||
พระภิรมย์ฯ | ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรกันต่อไป | ||
นายสุดใจ | ก็แล้วแต่คุณพระจะพอใจ | ||
พระภิรมย์ฯ | ถ้าลูกฉันจะออกจากกองลูกเสือเสียเดี๋ยวนี้ จะเป็นที่เสียหายอย่างใดบ้างหรือ ไม่ | ||
นายสุดใจ | นั่นแหละขอรับ ตามความเห็นของผม เห็นว่าเขาน่าจะรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง เพราะบรรดานักเรียนชั้นเดียวกับเขา หรือแม้ที่อายุอ่อนกว่าเป็นลูกเสือทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้านายสวัสดิ์จะไม่เป็นลูกเสืออยู่คนเดียว ก็เห็นจะเข้าพวกเข้าพ้องกับเขาไม่ได้ | ||
พระภิรมย์ฯ | ถ้าเช่นนั้นก็แปลว่านักเรียนในโรงเรียนของนายสุดใจทุกคน ถูกบังคับให้เข้าเป็นลูกเสือฉะนั้นหรือ | ||
นายสุดใจ | การบังคับให้เข้าเป็นลูกเสือไม่เคยมีเลย | ||
พระภิรมย์ฯ | ถึงไม่บังคับตรงๆ ก็บังคับทางอ้อม ถ้าใครไม่เป็นลูกเสือก็เข้าพวกพ้องกับใครไม่ได้ ดังนี้ก็เท่ากับบังคับนั่นเอง | ||
นายสุดใจ | ผมเห็นว่าการที่จะเถียงกันในข้อนี้ดูจะไม่เป็นผลดีอันใด เมื่อคุณพระไม่พอใจจะให้บุตรเป็นลูกเสือแล้วก็หมดปัญหา นายสวัสดิ์ต้องออกจากกองลูกเสือ | ||
สวัสดิ์ | ผมไม่ยอกออก ผมยอมตายเสียดีกว่า | ||
พระภิรมย์ฯ | อ้ายบ้า! | ||
สวัสดิ์ | ผมไม่ยอมออก ผมได้ให้คำมั่นสัญญาแล้วว่าผมประพฤติให้สมควรที่เป็นลูกผู้ชาย ผมไม่ยอมคืนคำ | ||
หลวงมนูฯ | คุณพระขอรับ ผมขอพูดสักคำ การที่คุณพระจะขืนยืนยันให้พ่อสวัสดิ์ออกจากลูกเสือครั้งนี้ ผมเชื่อแน่ว่าจะมีผลร้ายทั้งสองฝ่าย พ่อสวัสดิ์จะสิ้นความนับถือในตัวคุณพระเป็นแน่แท้ ผมเห็นมีทางแก้อยู่ทาง ๑ | ||
พระภิรมย์ฯ | ทางใดขอรับ | ||
หลวงมนูฯ | ผมนี้ช่างอยากมีลูกผู้ชายเสียจริงๆ แต่ก็เผอิญไม่มีได้สักคนเดียว ถ้าผมมีผมก็คงขอให้เป็นอย่างพ่อสวัสดิ์นี้แหละขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | ถ้าเช่นนั้นจะยากเย็นอะไร อ้ายนี่มันก็ไม่นับถือผมเป็นพ่อแล้ว คุณหลวงจะเอามันไปเป็นลูกก็เชิญสิ | ||
หลวงมนูฯ | จริงเช่นนั้นหรือขอรับ | ||
สวัสดิ์ | จริงสิครับ จะเอาไปต้มไปแกงเสียก็ได้ตามความพอใจคุณหลวงทุกอย่าง | ||
หลวงมนูฯ | ถ้าเช่นนั้นผมยินดีมาก สวัสดิ์แกเป็นลูกฉันแล้วนะ เข้าใจไหม (สวัสดิ์ก้มหัว) ฉันผู้เป็นพ่อเลี้ยงและผู้ปกครองของแก อนุญาตให้แกเป็นลูกเสือ | ||
สวัสดิ์ | (เสียงเครือ) คุณหลวง-ผม-ผม- (สะอื้น) | ||
หลวงมนูฯ | (กอดสวัสดิ์) อ้าวๆ เรามันลูกเสือ ใจผู้ชายอย่าขี้แยสิ แล้วก็อย่าเรียกพ่อว่าคุณหลวง เรียกว่าพ่อสิ เอ้า! ไปเข้ากองไป | ||
(นายสวัสดิ์ยินดีวิ่งไปคำนับนายสุดใจ นายสุดใจคำนับพระภิรมย์ฯ กับหลวงมนูฯ แล้วออกไปทางหลัง พร้อมด้วยนายหมู่พร นายสวัสดิ์ และนายคำ)
หลวงมนูฯ | ผมก็ต้องลาทีมีธุระจะต้องไป | ||
พระภิรมย์ฯ | ประเดี๋ยวขอรับ ผมมีธุระจะต้องพูดกับคุณ (เหลียวดูเห็นนายสวาย) พ่อกลางออกไปข้างนอกเดี๋ยวเถอะ พ่อมีธุระจะพูดกับคุณหลวง(นายสวายออกไป) เชิญนั่งประเดี๋ยวเถอะขอรับ (ทั้ง ๒ คนนั่ง) ผมมีความร้อนใจด้วยเรื่องพ่อใหญ่ของผม | ||
หลวงมนูฯ | ทำไมขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | ผมได้ให้มันไปกรุงเทพฯ เพื่อเรียนกฎหมาย แต่เคราะห์ร้ายเข้าสอบไล่ตกเสียแล้ว | ||
หลวงมนูฯ | ก็ไม่เป็นการอัศจรรย์อะไร คนที่สอบไล่ตกมีถมไป เมื่อมีโอกาสก็สอบไล่ได้อีก | ||
พระภิรมย์ฯ | คุณหลวงยังไม่เข้าใจ พ่อใหญ่น่ะอายุเผอิญเฉพาะ ๑๘ ปีบริบูรณ์แล้ว ถ้าสอบไล่ตกก็คงต้องไปเป็นทหารแน่ละ | ||
หลวงมนูฯ | ก็แล้วอย่างไร | ||
พระภิรมย์ฯ | พวกผมไม่มีสักคนเดียวที่เป็นทหาร แต่ไรๆ มาไม่เคยมีจนคนเดียว | ||
หลวงมนูฯ | ผมไม่เห็นเป็นของที่น่าจะอวดเลย คุณพระนี่แปลกจริงๆ หนทางใดๆ ที่พอจะเปิดโอกาสให้คนหนุ่มๆ ได้ทำประโยชน์แก่บ้านเมือง คุณพระเป็นไม่ชอบทั้งสิ้น | ||
พระภิรมย์ฯ | คุณหลวงพูดดูราวกับคนเราจะทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองได้แต่โดยทางเป็นทหารอย่างเดียว ถ้าเช่นนั้นทำไมคุณหลวงเองไม่ไปโยนปืนเป็นทหารบ้าง มานั่งบัลลังก์ชำระความอยู่ทำไม | ||
หลวงมนูฯ | ผมเสียใจที่ผมไม่ได้มีโอกาสที่จะทำอย่างคุณพระว่า เพราะเมื่อออกพระราชบัญญัติลักษณะเกณฑ์ทหารอายุผมมากเกินที่เขาต้องการเสียแล้ว ถ้ามิฉะนั้นผมคงไม่หนีเป็นแน่ แต่อย่างไรๆ ก็ดีเมื่อตั้งคณะเสือป่าขึ้น ผมก็ได้เข้าทันที โดยความยินดีที่ได้มีโอกาสฝึกหัดพอให้เป็นผู้สามารถช่วยป้องกันบ้านเมืองของผมได้ | ||
พระภิรมย์ฯ | (หัวเราะทีเยาะ) ผมมีความยินดีที่ผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นเสือป่า เพราะผมมันพ้นเวลาที่จะต้องประจบประแจง หรือหาดิบหาดีต่อไปแล้ว | ||
หลวงมนูฯ | คุณพระพูดเช่นนี้ขวางหูที่สุด การเป็นเสือป่าหรือไม่เป็นไม่ทำให้ข้าราชการดีขึ้น หรือเลวลงอย่างใดในส่วนหน้าที่ราชการที่กระทำอยู่โดยเฉพาะเลย | ||
พระภิรมย์ฯ | ผมไม่ใช่หูป่าตาเถื่อนเหลือเกินนักดอกนะคุณ ขอให้คุณจำไว้ว่าผมยังมีเพื่อนฝูงที่คอยบอกข่าวคราวอยู่เสมอ | ||
หลวงมนูฯ | ผมทราบแล้ว นายซุ่นเบ๋งพี่ภรรยาคุณพระเขาขยันเขียนหนังสือมาก แต่ต้องขออย่าให้คุณพระลืมว่านายซุ่นเบ๋งเป็นไทยไม่ถึงครึ่ง | ||
พระภิรมย์ฯ | เอ๊ะ! คุณหลวงนี่พูดอย่างไร | ||
หลวงมนูฯ | เปล่าขอรับ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดจาล่วงเกินอะไรมากมายไป แต่ผมเห็นว่าการที่จะให้นายซุ่นเบ๋งรู้สึกอะไรๆ เหมือนคนที่เป็นไทยแท้ๆ นั้นน่าจะเป็นการยากอยู่บ้าง | ||
พระภิรมย์ฯ | คุณหลวงวันนี้เป็นอย่างไร พูดจากันไม่เข้าลู่เข้าทางกันได้เลย | ||
หลวงมนูฯ | ผมมีความเสียใจที่เป็นเช่นนั้น มีธุระอะไรก็โปรดพูดกันตรงไปตรงมาดีกว่าขอ รับ | ||
พระภิรมย์ฯ | ผมอยากจะขอให้คุณหลวงช่วยผมในเรื่องพ่อใหญ่สักหน่อย | ||
หลวงมนูฯ | ช่วยอย่างไร | ||
พระภิรมย์ฯ | ขอให้มันพ้นทหารไปสักทีเถอะ | ||
หลวงมนูฯ | จะให้ผมทำอย่างไร | ||
พระภิรมย์ฯ | โปรดรับเข้าทำราชการในศาลของคุณสักหน่อยเถอะขอรับ จะเป็นตำแหน่งอะไรๆ ก็ได้ทั้งนั้น เงินดาวเงินเดือนก็ไม่ต้องได้มากมายปานใด เอาแต่เพียงพอให้พ้นจากเป็นทหารเท่านั้น คุณหลวงคงจะทราบอยู่แล้วว่าได้เงินเดือนเพียงชั้นใดจึงจะพอพ้นเป็นทหาร | ||
หลวงมนูฯ | (พูดอย่างจังๆ) ผมจะทำตามคุณพระปรารถนาไม่ได้ เพราะประการที่ ๑ ผมไม่มีอำนาจที่จะรับบุตรคุณพระเข้ารับราชการได้เอง ประการที่ ๒ ถึงแม้ผมจะมีอำนาจรับได้ผมก็ไม่รับ เพราะผมมีหน้าที่เป็นผู้รักษาพระราชกำหนดกฎหมาย ผมจะรู้เห็นเป็นใจกับผู้ที่คิดหลีกเลี่ยงกฎหมายไม่ได้เป็นอันขาด และผมขอบอกกล่าวไว้ในบัดนี้ด้วย ว่าถึงแม้นผมกับคุณพระได้เป็นผู้รักใคร่ชอบพอกันมาช้านานปานใดก็ตาม แต่ถ้าแม้คดีที่เกิดขึ้นในเรื่องนายสวิงบุตรชายคุณพระหลบหลีกราชการทหาร ผมจำเป็นจะต้องทำการตามหน้าที่ของผมโดยปราศจากฉันทาคติ ผมลาที (ลุกขึ้นก้มหัวคำนับ แล้วออกไปทางหลัง) | ||
(พระภิรมย์ฯ นั่งตลึงอยู่ครู่ ๑ แล้วนายสวายจึงเข้ามาจากทางหลัง)
สวาย | คุณพ่อขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | อะไร | ||
สวาย | คุณพ่อห้ามพี่อุไรไม่ให้พบกับคุณหลวงมณีฯ อีกไม่ใช่หรือขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | เออ ก็แล้วอย่างไรเล่า | ||
สวาย | กำลังพูดกันอยู่ในสวนเดี๋ยวนี้ขอรับ คุณแม่ก็เห็นแต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ | ||
พระภิรมย์ฯ | ก็อย่างนี้ จะไม่กำเริบอย่างไร (ลุกไปเปิดประตูห้องข้างซ้าย) แม่แย้มเชิญออก มานี่หน่อยเถอะ | ||
(แม่แย้มภรรยาหลวงพระภิรมย์ฯ ออกมาจากประตูซ้าย)
แย้ม | ทำไมเจ้าคะ | ||
พระภิรมย์ฯ | ฉันได้ห้ามแล้วไม่ใช่หรือ ว่าไม่ให้แม่อุไรพบปะกับหลวงมณีฯ ทำไมหล่อนปล่อยให้พบกันได้อีก | ||
แย้ม | นี่ใครบอกคุณ | ||
พระภิรมย์ฯ | ช่างเถอะ แต่ฉันอยากรู้ว่าเขาพากันไปอยู่ที่ไหน | ||
แย้ม | ก็ใครเป็นผู้มาปากบอนก็ถามเอากับคนนั้นสิเจ้าคะ | ||
พระภิรมย์ฯ | พ่อกลางไปเชิญหลวงมณีฯ ขึ้นมานี่ (นายสวายออกไปทางเฉลียง) | ||
แย้ม | คุณรู้ไหมว่าคุณจะหัดเด็กคนนี้ให้เสียคน ดีแต่พนอไว้ โรงร่ำโรงเรียนก็ไม่ให้ไป เหลวไหลอยู่แต่กับบ้าน | ||
พระภิรมย์ฯ | ก็ฉันไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะข่มขืนให้มันไป หล่อนก็รู้แล้วว่ามันขี้โรคและมันก็มีความคิด ใช้ได้ดีเท่าๆ กับผู้ใหญ่ | ||
แย้ม | คุณก็ชอบเพราะมันปากบอน เก็บเล็กเก็บน้อยมาเล่า ให้คุณฟังเท่านั้นแหละ | ||
พระภิรมย์ฯ | เป็นธรรมดาผู้ใหญ่ก็ต้องใช้คนต่างหูต่างตาอยู่บ้าง | ||
แย้ม | แล้วมันเก็บทั้งเข้าทั้งออก คุณพระรู้หรือไม่ | ||
พระภิรมย์ฯ | เก็บทั้งเข้าทั้งมออกอย่างไร | ||
แย้ม | ส่วนความนอกมันช่างเก็บมาเล่าให้คุณจริง แต่ความในมันก็เอาไปเล่าให้คนอื่นฟังสนุกใจเหมือนกัน วันไหนคุณนอนกับเมียน้อยก็รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองทุกครั้ง ฮะๆ น่าหัวเราะจริงๆ ฟ้าผ่าซิ | ||
พระภิรมย์ฯ | เอ๊ะ! แม่แย้มนี่ ประเดี๋ยวก็ได้เกิดเคืองกันเดี๋ยวนี้เอง หล่อนเลี้ยงลูกไม่ดีเอง แล้วหล่อนก็เที่ยวเปะปะวุ่นไปไม่เข้าเรื่องเข้าราว | ||
แย้ม | อุ๊ย ดิฉันขี้เกียจพูดเสียแล้วละ เปลืองเวลาเปล่าๆ | ||
(หลวงมณีราษฎร์บำรุงเข้ามาจากทางเฉลียง หลวงมณีฯ แต่งเสือป่าเดินเข้ามาในห้อง คำนับ อุไรตามมาด้วย แต่แอบอยู่ที่เฉลียง)
พระภิรมย์ฯ | คุณหลวง ผมเข้าใจว่าคุณหลวงก็เป็นลูกผู้ดีมีตระกูลไม่ใช่หรือ | ||
หลวงมณีฯ | ขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | ถ้าเช่นนั้นผมต้องขอให้คุณประพฤติตนอย่างผู้ดี | ||
หลวงมณีฯ | เอ๊ะ! นี่ผมได้ประพฤติผิดกิริยาผู้ดีที่ในข้อไหนโปรดชี้แจงหน่อย จะขอบคุณมาก | ||
พระภิรมย์ฯ | การลอบมาพูดจากับลูกสาวผมคุณเห็นเป็นการดีละหรือ | ||
หลวงมณีฯ | ผมไม่ได้ลอบไม่ได้เลี่ยงอะไร ผมมาโดยเปิดเผย พูดกันโดยเปิดเผย คุณแย้มก็เห็น | ||
พระภิรมย์ฯ | ที่คุณมาประพฤติเป็นแมลงเม่าตอมลูกสาวผมอยู่เช่นนี้ เพื่อประสงค์อะไร | ||
หลวงมณีฯ | ผมขอเรียนตามตรง ผมมีความรักใคร่แม่อุไรจริงๆ ผมตั้งใจอยู่ว่าจะให้ผู้ใหญ่มา- | ||
พระภิรมย์ฯ | ช้าก่อนคุณอย่าเพ่อพูดไป ฟังผมก่อนถ้าคุณจะแต่งผู้ใหญ่ให้มาขอก็เห็นจะเสีย เวลาเปล่า | ||
แย้ม | อะไรคุณก็- | ||
พระภิรมย์ฯ | ขออนุญาตให้ฉันพูดให้จบหน่อยไม่ได้หรือ (พูดกับหลวงมณีฯ ต่อไป) คุณนั้นเป็นลูกผู้มีตระกูลดี ทั้งทรัพย์สมบัติก็มีพอจะเลี้ยงลูกสาวผมได้ แต่คุณมีข้อเสียในส่วนตัวอยู่ข้อ ๑ | ||
หลวงมณีฯ | ถ้าผมมีข้อเสียอย่างใดขอได้โปรดบอกตรงๆ ถ้าผมเห็นว่าพอจะแก้ไขดัดแปลงได้ผมก็จะได้จัดการแก้ไข | ||
พระภิรมย์ฯ | ข้อเสียสำคัญของคุณคือ คุณเหมือนคนที่ได้วางบทประหารชีวิตตนเองแล้วก็ว่าได้ | ||
หลวงมณีฯ | เอ๊ะ! อะไรกัน ผมไม่เข้าใจ | ||
พระภิรมย์ฯ | ผมจะอธิบายให้ฟัง คุณเป็นเสือป่า ถ้ามีศึกเหนือเสือใต้มาแล้ว คุณก็คงจะต้องไปรบไม่ใช่หรือ | ||
หลวงมณีฯ | ถ้ามีโอกาสและเป็นการเหมาะก็คงจะได้ไป | ||
พระภิรมย์ฯ | นั่น! ก็ถ้าไปรบก็อาจจะตายได้ไม่ใช่หรือ | ||
หลวงมณีฯ | อ๋อแน่ทีเดียว แต่ถึงไม่ไปรบก็ตายได้เหมือนกัน | ||
พระภิรมย์ฯ | ทราบแล้ว แต่ไปรบมีหนทางที่จะตายได้มากกว่าไม่ไปไม่ใช่หรือ | ||
หลวงมณีฯ | ผมเข้าใจว่าคนที่ได้ตายๆ มาแล้ว จะได้ตายในที่นอนมากกว่าในสนามรบ | ||
พระภิรมย์ฯ | คุณไม่ต้องเล่นสำนวน พูดกันตรงๆ เถอะถ้าเกิดสงครามขึ้นผู้ที่ไปรบคงจะ ต้องตายมากกว่าผู้ที่ไม่ไปไม่ใช่หรือ | ||
หลวงมณีฯ | ในเวลาสงครามจะเอานิยมนิยายแน่นอนไม่ได้ ถึงแม้เราจะไม่ไปรบ บางทีการรบมันเดินมาหาเราเองก็ได้ | ||
พระภิรมย์ฯ | ตามกฎหมายนานาประเทศ ผู้ที่รบจะทำร้ายผู้ที่ไม่รบไม่ได้ | ||
หลวงมณีฯ | (หัวเราะ) นั่นแหละขอรับ เมื่อมีการสงครามมันเกิดขึ้นแล้ว กฎบัดกฎหมายอะไรก็ดูจะไม่สู้เป็นประโยชน์ปานใดนัก อย่างไรๆ ก็ดีถ้าต่างว่าบ้านคุณพระนี้เผอิญเฉพาะอยู่ในวงแห่งสนามรบ คือที่ๆ แม่ทัพเขาเห็นเหมาะในการตั้งแนวรบหรือแนวด่าน ถึงคุณพระจะเอากฎหมายนานาประเทศไปพลิกอ่านจนคอแห้ง นายทัพนายกองเขาก็คงไม่ฟัง เขาคงตั้งกองของเขาตามความคิดของเขาจนได้ | ||
พระภิรมย์ฯ | แต่ถ้าผมไม่ออกไปยุ่งกับเขา ผมก็คงไม่ต้องเป็นอันตรายเป็นแน่ | ||
หลวงมณีฯ | ขอรับประทานโทษ ผมไม่เห็นมีความแน่อยู่ที่ตรงไหนเลย เพราะลูกปืนไม่รู้ จักเลือกระหว่างคนที่รบกับไม่ได้รบ | ||
พระภิรมย์ฯ | พูดกันสั้นๆ พลรบนั้น มีหน้าที่สำหรับไปตายไม่ใช่หรือ | ||
หลวงมณีฯ | หามิได้ พลรบมีหน้าที่พยายามทำให้ข้าศึกตายหรือเจ็บจนรบไม่ได้ ส่วนการเจ็บการตายก็แล้วแต่เคราะห์ดีเคราะห์ร้าย | ||
พระภิรมย์ฯ | ผมเห็นว่า การที่คุณเข้าเป็นเสือป่าก็เท่ากับประกาศว่าอยากตาย เต็มใจที่จะตาย | ||
หลวงมณีฯ | จริงขอรับ ถ้าการที่ผมตายจะทำให้เป็นประโยชน์แก่พระเจ้าอยู่หัวหรือบ้าน เมืองแล้วผมก็จะยอมตายโดยความเต็มใจ ยอมสละชีวิตโดยยินดี | ||
พระภิรมย์ฯ | นั่น! เพราะฉะนั้นผมจะยอมยกลูกสาวของผมให้แก่คุณไม่ได้ | ||
หลวงมณีฯ | เอ๊ะ! น่าประหลาดจริง ทำไมอย่างนั้น | ||
พระภิรมย์ฯ | ผมไม่อยากให้ลูกสาวผมเป็นหม้ายแต่สาวๆ | ||
หลวงมณีฯ | พุทโธ่! คุณพระนี่ชอบกลจริงๆ ถึงผมไม่เป็นเสือป่าผมก็อาจจะตายได้ในวันนี้พรุ่งนี้เท่ากัน ไม่เห็นผิดอะไรกันเลย | ||
พระภิรมย์ฯ | ผิดกันมาก การเป็นเสือป่าเหมือนเป็นคนที่ถูกวางบทให้ประหารชีวิตแล้ว อย่างไรๆ ไม่พ้นความตาย | ||
หลวงมณีฯ | ก็เช่นนั้นทหารก็เหมืนนักโทษถึงตายแล้วเหมือนกันหรือขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | ก็คล้ายๆ กัน แต่ทหารยังดีกว่าเสือป่าเพราะที่เป็นพลทหารก็เป็นโดยถูกเกณฑ์ ถ้าเป็นนายทหารก็เป็นการรับจ้างหากินอย่าง ๑ นี่เป็นเสือป่าค่าจ้างก็ไม่ได้ มิหนำซ้ำต้องเสียค่าบำรุงอีกด้วย แล้วถูกเกณฑ์ก็ไม่ถูก หรือมีกะเกณฑ์อะไรกัน | ||
หลวงมณีฯ | (เสียงแข็ง) คุณพระควรจะทราบดีแล้ว ว่าไม่มีการกะเกณฑ์เลย ตามใจสมัครทั้งสิ้น | ||
พระภิรมย์ฯ | ถ้าเช่นนั้นจะเป็นเสือป่าเพื่อประสงค์อะไร | ||
หลวงมณีฯ | ก็เพื่อประสงค์ได้มีโอกาสฝึกหัดไว้ให้สามารถทำหน้าที่อย่างผู้ชายได้ คือป้อง กันชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ได้ในเวลาที่จำเป็น | ||
พระภิรมย์ฯ | คุณพูดดูเป็นการหวังประโยชน์ภายหน้าอยู่ ก็ประโยชน์ปัจจุบันนี้ไม่หวังอะไรบ้างหรือ | ||
หลวงมณีฯ | ประโยชน์ในปัจจุบันที่มีแลเห็นง่ายๆ ก็คือการที่ได้มีโอกาสคบค้าสมาคมกันในหมู่ข้าราชการทั้งทหารพลเรือนและตลอดถึงคหบดีด้วย ได้รู้อกรู้ใจกันแล้วก็สะดวกในทางการ ทำงานติดต่อกันได้ง่าย เช่นแต่ก่อนนี้ คนในหน้าที่ผมกี่วันจะได้พบท่านผู้พิพากษาครั้ง ๑ นี่พบกันแทบทุกวัน คุณหลวงมนูฯ เป็นนายหมู่ประจำในหมวดผมด้วยซ้ำ | ||
พระภิรมย์ฯ | ข้อนี้ผมเข้าใจไม่ได้เลยว่าหลวงมนูฯ พอใจได้อย่างไร ถ้าเป็นผมๆ คงจะรู้สึกได้อย่างไรๆ อยู่ ในการที่จะต้องคำนับผู้ที่มีอายุน้อยกว่าผม (หลวงมณีหัวเราะแต่ไม่ตอบว่ากระไร) แต่ผมข้อย้อนถามเรื่องประโยชน์ที่จะได้รับจากการเป็นเสือป่าอีกสักหน่อย ผมได้ยินเขาว่าข้าราช การคนไหนไม่เป็นเสือป่าไม่มีทางได้ดีไม่ใช่หรือ | ||
หลวงมณีฯ | ไม่เป็นเช่นนั้นเลย | ||
พระภิรมย์ฯ | เขาว่าทั้งยศทั้งตราทั้งเงินเดือนได้ขึ้นแต่ที่เป็นเสือป่า ถ้าใครไม่ได้เป็นเสือป่า เจ้าขุนมุลนายท่านเอาลงกระป๋องเสียอย่างนั้นไม่ใช่หรือ | ||
หลวงมณีฯ | (เสียงแข็ง) ไม่จริงเลยใครที่บอกกับคุณพระเช่นนั้นเป็นคนที่โกหกสดๆ ร้อนๆ เท่านั้น โกหกอย่างระยำที่สุด | ||
พระภิรมย์ฯ | ถ้าเช่นนั้น ถึงแม้ใครจะลาออกจากเสือป่าแล้ว ก็ไม่ต้องเลยออกจากราชการด้วยหรือ | ||
หลวงมณีฯ | การลาออกจากเสือป่าไม่เกี่ยวแก่ราชการเลย ใครจะลาออกเมื่อใดก็ได้ | ||
พระภิรมย์ฯ | แน่หรือ | ||
หลวงมณีฯ | แน่สิขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | ถ้าเช่นนั้นผมต้องขอให้คุณลาออกจากเสือป่าเสียก่อน ผมจึงจะยอมยกลูกสาวให้ | ||
หลวงมณีฯ | พุทโธ่! ทำไมคุณพระทำให้ผมอยู่ในที่ลำบากเช่นนี้ | ||
พระภิรมย์ฯ | เลือกเอาอย่าง ๑ ถ้าคุณรักลูกสาวผมต้องออกจากเสือป่า | ||
อุไร | (เดินเข้ามาจากเฉลียง) คุณหลวงมณี ถ้าคุณออกจากเสือป่าวันใดวันนั้นคุณกับดิฉันขาดกัน ดิฉันจะไม่ขอดูหน้าคุณอีกต่อไปจนวันตาย | ||
พระภิรมย์ฯ | แม่อุไร นี่หล่อนมาพลอยเป็นบ้าอะไรไปด้วย | ||
อุไร | ดิฉันไม่บ้าเลย ดิฉันเห็นโดยจริงใจว่าคุณหลวงมณีฯ มีข้อที่ควรชมเชยอยู่มากที่สุด ก็คือข้อที่เป็นเสือป่า เพราะอันที่จริงถ้าจะเลี่ยงเสียไม่ทำหน้าที่อย่างผู้ชายนั้นง่ายที่สุด เธอเป็นข้าราช การรับสัญญาบัตรแล้ว และมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่แล้ว จะเกณฑ์เป็นทหารไม่ได้เป็นอันขาด ถึงแม้ว่าจะมีการสงครามก็หลีกเลี่ยงการไปรบได้โดยไม่มีข้อเสียหายในส่วนตัวเลยจนนิดเดียว | ||
พระภิรมย์ฯ | ก็นั่น! การที่มีช่องจะรอดพ้นจากการต้องไปถูกยิงถูกฟันตายได้แล้วฉะนี้กลับเสือกเข้าไปสมัครจะไปตายอีกฉะนี้ จะเรียกว่าคนดีหรือคนบ้า | ||
อุไร | เรียกว่าคนดี คนกล้าหาญ คนไทยแท้ ลูกผู้ชายแท้ แต่คนที่มีหน้าที่ควรจะเข้าทำหน้า ที่อันควรแก่ลูกผู้ชายแล้วจะคอยหาทางหลีกเลี่ยงบิดพลิ้ว อย่างลูกชายใหญ่ของคุณพ่อนั่นแหละดิฉันเห็นว่าเป็นคนขี้ขลาดเสียทีที่เกิดมาในชาติไทย เสียทีที่เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย | ||
หลวงมณีฯ | แม่อุไร ฉันเห็นด้วยกับหล่อนทุกคำ | ||
พระภิรมย์ฯ | ก็ดีแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็แปลว่าคุณหลวงจะยอมเลิกความคิดขอลูกสาวผมหรือ | ||
หลวงมณีฯ | ถ้าคุณพระจะยกให้ต่อเมื่อผมได้ลาออกจากเสือป่าแล้วฉะนั้น ผมก็ไม่แลเห็นทางอื่น เพราะถึงผมจะรักแม่อุไรปานใดก็ดี แต่ที่ผมจะยอมเสียสัตย์หรือเสียความเป็นลูกผู้ชายชาวไทยไม่ได้เป็นอันขาด | ||
พระภิรมย์ฯ | ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรจะพูดกันอีกต่อไปแล้ว และในเวลาภายหน้าคุณหลวงไม่ต้องมาที่นี่อีกเลย | ||
หลวงมณีฯ | (คำนับ) ถ้าคุณพระไม่โปรดให้ผมมาอีกผมก็มาไม่ได้อยู่เอง เพราะคุณพระเป็นเจ้าของบ้าน ถ้าเช่นนั้นผมลาที (คำนับพระภิรมย์ฯ และแม่แย้ม แล้วจึงหันไปแลดูตาแม่อุไรครู่ ๑ แล้วก็เดินออกไปทางหลัง) | ||
อุไร | คุณพ่อ ดิฉันขอเรียนอะไรจริงๆ สักหน่อย ถ้าดิฉันไม่นึกสงสารคุณแม่อยู่แล้ว ดิฉันจะตามคุณหลวงมณีฯ ไปเสียเดี๋ยวนี้ทีเดียว แต่นี่ยังสงสารคุณแม่ จึงจำใจต้องทนความอยุติธรรมของคุณพ่อไป | ||
พระภิรมย์ฯ | นางนี่ทำปากจัดใหญ่แล้ว อีเนรคุณ ชาตินี้ตบเสียให้ปากเยิน | ||
แย้ม | แม่หนูก็ไม่ควรพูดให้ก้ำเกินคุณพ่อยังนั้นเลย เข้าไปในเรือน (อุไรเข้าไปทางขวา) | ||
พระภิรมย์ฯ | เอาสิ ตามใจลูกจนได้ดีไหมล่ะ อ้ายเล็กก็อวดดีเป็นบ้าลูกเสือ จนต้องยกให้เป็นลูกเลี้ยงหวงมนูฯ ไปคน ๑ แล้ว นางอุไรอวดดีอยากเป็นเมียเสือขึ้นมาอีกคนหนึ่งละ นี่ลูกฉันจะมาพากันอวดดีเป็นไม้นอกกอตามกันไปหมดละหรือ | ||
แย้ม | ถ้ามันเป็นไปเช่นนั้นจะมาปรับเป็นดิฉันผิดคนเดียวหรือ คุณเองไม่ผิดบ้างละหรือ | ||
พระภิรมย์ฯ | ฉันจะผิดอย่างไร | ||
แย้ม | ผิดที่คุณมีความเห็นผิดกับใครๆ เขาไปทั้งบ้านทั้งเมืองน่ะซิคะ เสือป่ากับลูกเสือใครๆ เขาก็แลเห็นประโยชน์ทั้งนั้น คุณไม่เห็นเป็นประโยชน์ | ||
พระภิรมย์ฯ | นี่! อย่างนี้เสียนี่นะ ลูกมันจะไม่กำเริบได้ใจอย่างไร ลูกคนไหนที่แม่แย้มถือท้ายย้ายหัวละก็เสียทุกคน ทีที่แม่แย้มไม่ชอบทำไมมันดีอยู่ได้ | ||
แย้ม | ดีอย่างไรคะ พ่อสวิงน่ะกลัวต้องไปเป็นทหารเพราะขี้ขลาดอย่าง ๑ อีกอย่าง ๑ กลัวจะลำบาก กลัวไม่ได้เที่ยว นายซุ่นเบ๋งพี่เมียคุณน่ะมันพาลูกคุณซุกซนป่นปี้ไปแล้วคุณรู้สึกไหม ที่ไล่กฎหมายตกบ่อยๆ และตกอย่างเลวๆ เพราะอะไรคุณไม่รู้บ้างหรือ ที่กรุงเทพฯ นั่น ถ้าใครอยากจะพบพ่อสวิงต้องไปหาที่โรงเหล้า หรือโรงละครเฉวียงไว หรือบ้านโคมเขียวนั่นแน่ะ | ||
พระภิรมย์ฯ | อือ! ช่างรู้จริงนะ | ||
แย้ม | ส่วนพ่อสวายน่ะคุณก็พะนอจนได้ดีแล้วไหมล่ะ นอกจากการปากบอนกะล่อนเดาะยังมิหนำซ้ำริมีเมียแต่ป่านนี้แล้ว ดีนักละลูกรักคุณทั้งสองคนน่ะ | ||
พระภิรมย์ฯ | มีอะไรจะพูดอีกไหม | ||
แย้ม | มีอีกนิดเดียว คือพ่อสวิงน่ะ ถ้าคุณขืนไม่ระวังให้ดีจะต้องเข้าตะรางวัน ๑ | ||
พระภิรมย์ฯ | เพราะเหตุไร | ||
แย้ม | เพราะเหตุหลบหลีกราชการทหารนั้นแหละก่อนอื่น | ||
(หลวงมณีฯ กลับมาอีกแต่มายืนอยู่เพียงประตูด้านหลัง)
พระภิรมย์ฯ | (เคือง) ผมเข้าใจว่าผมได้พูดอย่างแจ่มแจ้งที่สุดแล้ว ว่าผมไม่ประสงค์ให้คุณหลวงมาบ้านผมอีกเลย | ||
หลวงมณีฯ | ผมมาโดยหน้าที่ราชการ ท่านผู้ว่าราชการเมืองมีบัญชาให้มาเกาะตัวนายสวิงบุตรคุณพระ | ||
พระภิรมย์ฯ | เพราะเหตุใด | ||
หลวงมณีฯ | เพราะถึงกำหนดจะไปจับฉลากเข้ารับราชการทหารได้ หมายเรียกแล้วไม่ไป | ||
แย้ม | ดิฉันว่าแล้วไหมล่ะ | ||
พระภิรมย์ฯ | หล่อนไม่มีหน้าที่จะพูดในเรื่องนี้เลย ขอให้เข้าไปในเรือน (แย้มเข้าไปทาง ซ้าย) นี่แน่คุณหลวง ถ้าผมจะไม่ส่งตัวเขาจะเป็นอย่างไร | ||
หลวงมณีฯ | ผมก็ต้องค้นหาเอาเอง | ||
พระภิรมย์ฯ | คุณมีอำนาจอะไรที่จะมาค้นบ้านผม | ||
หลวงมณีฯ | ผมถือหมายเป็นสำคัญ (ชูหมายให้ดู แล้วหันไปพูดข้างนอก) ค้นหาตัวนายสวิงมาให้ได้ | ||
พระภิรมย์ฯ | นี่ไม่มีอะไรนอกจากจะแก้แค้นส่วนตัวเท่านั้นเอง เอาอำนาจราชการมาข่มเหง | ||
หลวงมณีฯ | คุณพระก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะขอรับ ระวังปากคอหน่อยจะดีกว่า ผมไม่อยากจะ ต้องจับคุณพระไปอีกคน ๑ เลย แต่ถ้าคุณพระไม่ฟังคำผมเตือนก็จะเป็นที่น่าเสียใจ ต้องขอให้คุณพระเข้าใจว่าเวลานี้ผมทำการในหน้าที่นายอำเภอเมือง | ||
(ตำรวจภูธรนำตัวนายสวิงมาที่เฉลียง นายสวิงนั้นแต่งตัวใส่กางเกงจีนใส่เสื้อชั้นใน ดูเสื้อ ผ้ายู่ยี่ หน้าตาซีด ผมยุ่ง)
หลวงมณีฯ | ได้ที่ไหน | ||
ตำรวจภูธร | ในโรงม้าขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | คุณหลวงมณี ขอผัดสักสองสามเวลาไม่ได้หรือ เวลานี้เขากำลังเรียนกฎหมายอยู่ | ||
หลวงมณีฯ | ผัดไม่ได้ขอรับ ต้องไปเดี๋ยวนี้ | ||
พระภิรมย์ฯ | พุทโธ่! ลูกผมเคยเลี้ยงเป็นผู้ดี จะเอาไปใช้อย่างขี้ข้ามันก็ตายเท่านั้นเอง | ||
หลวงมณีฯ | ผมเสียใจ รอสนทนากับพระคุณต่อไปไม่ได้ | ||
พระภิรมย์ฯ | (โกรธ) ดีละ ดีละ ถ้าไม่มีโอกาสบ้างก็แล้วไป ถ้ามีโอกาสละก็---คอยดูเถอะ คอยดูเถอะ ถึงทีใครก็ทีใครแหละน่ะ คงได้เห็นฤทธิ์อ้ายแก่วัน ๑ | ||
(หลวงมณีฯ คำนับ แล้วกลับหลังหันเดินดุ่มๆ ไปทางหลัง ตำรวจภูธรพาตัวนายสวิงตามไป พระภิรมย์ฯ ยืนตลึงแลดูตามไปครู่ ๑ แล้วทรุดตัวลงนั่ง)
ชุดที่ ๒
ฉากเหมือนชุดที่ ๑
(เมื่อเปิดม่าน พระภิรมย์ฯ เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ท่าทางไม่สู้พอใจ นายซุ่นเบ๋งเดินเข้ามาจากทางเฉลียง นายซุ่นเบ๋งแต่งตัวนุ่งผ้าสวมเสื้อขาว)
พระภิรมย์ฯ | ว่ากระไร | ||
ซุ่นเบ๋ง | ไม่สำเร็จ ไม่มีหนทางที่จะให้พ้นมาได้ | ||
พระภิรมย์ฯ | จะจัดการอย่างไรๆ ก็ไม่ได้หรือ | ||
ซุ่นเบ๋ง | ไม่มีหนทาง ผมเสียใจมาก ผมได้ไปหาเจ้าคุณเทศาฯ ตามคุณสั่ง ท่านตอบว่าท่านจะช่วยอย่างใดไม่ได้ ผมไปหาท่านผู้บัญชาการกองพลท่านก็ตอบว่าไม่มีหนทางที่จะผ่อนผันอย่าง ไรได้ | ||
พระภิรมย์ฯ | พุทโธ่! (ทรุดลงนั่ง) นี่พ่อสวิงมิต้องทนลำบากเป็นทหารอยู่อย่างนี้จนตลอดชีวิตหรือ | ||
ซุ่นเบ๋ง | ก็เพียงชั่วสองปีเท่านั้น | ||
พระภิรมย์ฯ | ก็ยังกองหนุนอีกเล่า | ||
ซุ่นเบ๋ง | เมื่อถึงกองหนุนแล้วไม่อัศจรรย์อะไร คงกลับมาบ้านได้ แต่ผมได้ยินข่าวอะไรอย่างหนึ่ง ซึ่งผมควรจะเรียนคุณพระให้ทราบ (นั่งลงใกล้ๆ พระภิรมย์ฯ) ผมได้ทราบข่าวว่าน่าจะมีสงครามกันในเร็วๆ นี้ | ||
พระภิรมย์ฯ | อย่างนั้นหรือ | ||
ซุ่นเบ๋ง | ขอรับ พวกพ้องผม เขาบอกข่าวมาจากกรุงเทพฯ เขาว่าเขาได้ข่าวลับมาจากซ่องฮอย เขาว่าทางโน้นเตรียมทหารอยู่พร้อมแล้ว แต่นั่นแหละ เวลานี้รัฐบาลกำลังพูดจาว่ากล่าวกันอยู่ ถ้าฝ่ายรัฐบาลไทยยอมตามเขาก็จะไม่ต้องรบกัน | ||
พระภิรมย์ฯ | ก็ทำไมไม่ยอมเขาเสียเล่า | ||
ซุ่นเบ๋ง | ข้อนี้ผมทราบไม่ได้ แต่ผมทราบว่าการที่รัฐบาลไทยดื้ออยู่อย่างนี้ ทำให้พวกพ่อค้าจีนพากันตกใจมาก กลัวจะเสียประโยชน์การค้าขาย เขาว่าเรือเมล์ออกจากรุงเทพฯ ไปเมืองจีนหมู่นี้มีพวกจีนโดยสารไปเต็มๆ | ||
พระภิรมย์ฯ | ตายจริง นี่จะทำอย่างไรดี ถ้าเกิดรบกันขึ้นพ่อสวิงมิต้องพลอยไปตายกับเขาด้วยหรือ | ||
ซุ่นเบ๋ง | แน่ทีเดียว ถ้ายังคงอยู่ในกองทหารก็คงต้องถูกเกณฑ์ไปรบ | ||
พระภิรมย์ฯ | พุทโธ่ๆ กรรมจริงๆ | ||
ซุ่นเบ๋ง | ที่จริงการที่รัฐบาลดื้อไม่ยอมเขาเช่นนี้ แปลว่าถือเกียรติยศไม่เป็นเรื่องแท้ อย่างไรๆ ก็สู้เขาไม่ได้ เพราะเขาดีกว่าเรามาก อย่างไรๆ เขาก็ต้องชนะ เพราะฉะนั้นการที่จะขืนดื้อต่อไปก็เหมือนท้าให้เขารบ และถ้าเกิดรบกันขึ้นแล้วคนไทยต้องตาย ก็ต้องนับว่ารัฐบาลรับผิดรับชอบเหมือนแกล้งฆ่าคนไทย เอาชีวิตคนไทยแลกกับการรักษาเกียรติยศเย่อหยิ่งไม่มีประโยชน์เลยจนนิดเดียว แล้วก็ไม่ใช่แต่คนไทยจะเสียประโยชน์แต่ลำพัง ยังพลอยให้จีนและชาวต่างชาติพลอยต้องเสียประโยชน์ด้วย เมื่อการเป็นเช่นนี้ ผมเห็นควรรัฐบาลจะให้โอกาสให้ราษฎรได้มีเสียงออกความเห็นได้บ้าง | ||
พระภิรมย์ฯ | ส่วนคนอื่นๆ จะคิดอย่างไรหรือทำอย่างไรกันฉันไม่รู้ไม่ชี้ด้วย แต่ส่วนพ่อสวิงทำอย่างไรจึงจะได้รอดตาย | ||
ซุ่นเบ๋ง | ผมเห็นมีทางที่พอจะจัดการได้ | ||
พระภิรมย์ฯ | จะทำอย่างไร | ||
ซุ่นเบ๋ง | เมื่อจะจัดการให้ออกจากทหารไม่ได้โดยทางอื่นแล้ว ก็ต้องคิดอ่านให้หนี | ||
พระภิรมย์ฯ | อ๊ะ! จะหนีอย่างไร | ||
ซุ่นเบ๋ง | ไม่ยากเลย ขออนุญาตมาเยี่ยมคุณพระก็ได้ | ||
พระภิรมย์ฯ | เผื่อเขาไม่ให้มา | ||
ซุ่นเบ๋ง | (ยิ้ม) ตีนพ่อสวิงก็มี รั้งโรงทหารก็ไม่สูงปานใดนัก | ||
พระภิรมย์ฯ | ก็เขาจะไม่ตามจับหรือ | ||
ซุ่นเบ๋ง | เขาคงตามเป็นแน่ แต่ฝ่ายเราต้องเตรียมไว้ให้พร้อม ที่จริงผมได้คิดทำทางไว้แล้ว คุณพระต้องเตรียมเรือยนต์ไว้ให้พร้อม พอพ่อสวิงมาถึงก็ให้ลงเรือไปทีเดียว ให้รีบไปกรุงเทพฯ เมื่อถึงกรุงเทพฯ แล้วผมจะพาไปฝากไว้กับเพื่อนผมคน ๑ จนถึงกำหนดเรือเมล์ออกก็ลงเรือเมล์ไปเสียเท่านั้น | ||
พระภิรมย์ฯ | ก็ดีออก แต่ถ้าเผื่อเขาจะมาเร่งเอาตัวกับฉันจะทำอย่างไร | ||
ซุ่นเบ๋ง | คุณพระต้องปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นด้วยเลย | ||
พระภิรมย์ฯ | เผื่อเขาไม่ยอมเชื่อ เขาจะจับตัวฉันไปจะว่ากระไร | ||
ซุ่นเบ๋ง | ข้อนั้นไม่ต้องวิตก ผมจะจัดการ ถ้าจับคุณพระไปละก็เป็นได้เกิดความใหญ่แน่ เพราะถ้าเช่นนั้นผมจะร้องให้ดังว่ารัฐบาลใช้อำนาจกดขี่ข้าแผ่นดินอย่างร้ายกาจ พวกพ้องผมก็มีไม่ใช่น้อย คงช่วยกันตะโกนทุกคน รัฐบาลเห็นท่าทางไม่ดีก็ต้องปล่อยคุณพระ เพราะในเวลาที่การภายนอกกำลังล่อแหลมเช่นนี้ คงไม่อยากให้มีเหตุร้อนใจภายในอีกซ้ำ ๑ เป็นแน่ | ||
พระภิรมย์ฯ | ความคิดแกในตอนเช่นนี้ ฉันบอกตรงๆ ว่าฉันไม่สู้ชอบ การที่ฉันจะเป็นต้น เหตุให้รัฐบาลเดือดร้อนฉันเห็นดูกระไรๆ อยู่ | ||
ซุ่นเบ๋ง | ความตะขิดตะขวงคุณพระในข้อนี้ เป็นเพราะคุณพระเป็นคนสมองเก่าเท่านั้น ถ้าคุณพระตรองดูให้ดีคงจะเห็นได้ว่า แท้จริงรัฐบาลไม่ได้ให้ความยุติธรรมแก่คุณพระตามที่สมควรเลย การที่คุณพระต้องออกนอกราชการเพราะเหตุใด | ||
พระภิรมย์ฯ | นายท่านว่าฉันทำราชการไม่ไหวพริบทันสมัย | ||
ซุ่นเบ๋ง | นั่นก็เป็นวิธีพูดอัน ๑ เท่านั้น ที่แท้คุณพระต้องลงกระป๋อง เพราะคุณพระมีความนับถือตัวเอง เกินที่จะยอมประพฤติเป็นคนหัวประจบเท่านั้น คนเราทุกวันนี้ ถ้าจะให้เจริญในราชการต้องรู้จักพลิกแพลง พูดจาดีๆ ประจบเก่งๆ จึงจะเอาตัวรอดได้ | ||
พระภิรมย์ฯ | กระประจบประแจงนั้น ก็คงจะมีอยู่บ้างจริงอยู่ แต่ที่แกพูดว่าข้าราชการจะได้ดีหรือลงกระป๋องแต่เฉพาะโดยการประจบไม่ประจบเท่านั้นก็เหลือเกิน แต่อย่างไรๆ ก็ดี การที่จะให้ฉันเป็นสาเหตุที่จะทำให้รัฐบาลต้องลำบากร้อนใจนั้น ฉันไม่หายตะขิดตะขวงได้ เพราะฉะนั้นอย่าคิดต่อไปเลย ฉันไม่ยอมตามแกได้เป็นอันขาด | ||
ซุ่นเบ๋ง | ถ้าเช่นนั้นก็มีอยู่อีกทางหนึ่ง คือคุณพระต้องไปเสียกับพ่อสวิงพร้อมกัน | ||
พระภิรมย์ฯ | อ๊ะ! จะให้ฉันทิ้งบ้านช่องไปอย่างนั้นหรือ ก็แล้วทรัพย์สมบัติฉันจะทำอย่าง ไร | ||
ซุ่นเบ๋ง | ข้อนั้นไม่ยาก คุณพระมอบให้ผมจัดการก็ได้ ผมคงจะจัดการส่งเสียเงินทองไปให้พอใช้สอย | ||
พระภิรมย์ฯ | เฮ้ย! มันไม่ใช่แต่เท่านั้น ยังครอบครัวอีกเล่า | ||
ซุ่นเบ๋ง | ผมได้คิดเสร็จแล้ว ให้แม่เน้ยไปด้วยเพื่อปฏิบัติวัตถากตามเคย ส่วนลูกนั้นพ่อสวิงก็ต้องไปอยู่เองแล้ว พ่อสวายถ้าจะเอาไปด้วยก็ควรอยู่ ส่วนพ่อสวัสดิ์คุณพระก็ยกให้หลวงมนูไปแล้ว และแม่อุไรนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเขาก็คงไปตกแต่งกับหลวงมณีฯ ตามความปรารถนาของเขา | ||
พระภิรมย์ฯ | ก็แม่แย้มเล่า | ||
ซุ่นเบ๋ง | (ยิ้ม) คุณพระยังเป็นห่วงอาลัยท่านผู้เฒ่าอยู่อีกหรือแม่เน้ยไม่พอจะเอาเมียน้อยอื่นๆ ไปอีกสักสองคนก็ได้ หรือไปหาเอาใหม่ก็ได้ ส่วนคุณแม่เฒ่าแกก็คงจะได้อยู่ในบ้านนี้ต่อไป แกก็คงจะไม่ลำบากลำบนอะไรเป็นแน่ | ||
พระภิรมย์ฯ | (อึ้งอยู่ครู่ใหญ่ๆ แล้วจึงพูด) มันดูออกจะอย่างไรๆ อยู่ | ||
ซุ่นเบ๋ง | เอาอีกล่ะ พุทโธ่ มีแต่ตะขิดตะขวงไปอบข้าง จะตกลงทางไหนก็เลือกเอาทาง ๑ สิ ขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | ฉันเห็นมันดูไม่ได้การทั้งสองอย่างนี่นะ | ||
ซุ่นเบ๋ง | ถ้าเช่นนั้นคุณพระจะยอมเลิกการให้ลูกหนีทีเดียวหรือ | ||
พระภิรมย์ฯ | การที่จะให้หนีดูมันเป็นการใหญ่ให้ผลลำบากมากมายเกินไปนักนี่นะ | ||
ซุ่นเบ๋ง | เอาเป็นเลิกกันหรือ | ||
พระภิรมย์ฯ | เห็นจะต้องเลิก | ||
ซุ่นเบ๋ง | ผมเสียใจ ผมได้ไปนัดกับเขาเสียแล้วให้หนี | ||
พระภิรมย์ฯ | อะไร! แกวิ่งไปนัดไปแนะกับเขาเสียแล้วหรือ ทำไมไม่รอปรึกษาฉันก่อน | ||
ซุ่นเบ๋ง | ผมสำคัญว่าคุณพระคงจะพอใจตามความคิดผม แต่ก็ไม่เป็นไร เมื่อพ่อสวิงหนีมา ถึงนี่แล้วจึงค่อยตกลงกันต่อไปจะดีกว่า ถ้าเจ้าตัวเขาเต็มใจจะกลับไปก็แล้วกันไป แต่ถ้าเขาไม่ตกลงก็ต้องคิดกันต่อไป เพราะการที่จะบังคับให้คนที่มีอิสรภาพทำการที่ไม่ต้องการทำนั้น บังคับไม่ได้อยู่เอง | ||
(ขณะนั้นได้ยินเสียงนกหวีดเป่ายาวบอกสัญญาหยุดที่ข้างนอก พระภิรมย์ฯ กับนายซุ่นเบ๋งต่างคนต่างลุกขึ้นไปยืนดูที่หน้าต่างข้างขวา)
พระภิรมย์ฯ | ฮือ! พวกเสือป่ามาทำไมกันแยะ | ||
ซุ่นเบ๋ง | ได้ยินว่ากำลังซ้อมรบ | ||
พระภิรมย์ฯ | ฮึ! ยุ่งพิลึก เที่ยวเดินตะพัดตะเพิดบุกรุกไม่ว่าในบ้านในช่องใคร ดูเหมือนจะเข้าใจเสียว่าถ้าเล่นเป็นทหารละก็จะทำอะไรทำได้ทุกอย่าง | ||
ซุ่นเบ๋ง | เข้ามาในบ้านคุณพระด้วยหรือขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | เคยเข้ามา แล้วไล่ก็ไม่ใคร่ไปด้วย | ||
ซุ่นเบ๋ง | คราวนี้ถ้าว่าไม่ฟ้องก็ฟ้องบุกรุกเสียบ้างสิขอรับ ถ้าไม่ฉะนั้นพวกเสือป่าจะพากันเข้าใจไปว่าพวกเขาอยู่เหนือกฎหมาย | ||
พระภิรมย์ฯ | เอ๊ะ! ดูท่าทางเหมือนจะพักกองอยู่ตรงนี้ เบื่อจริงๆ ถ้าจะมานั่งอยู่ข้างๆ หามรุ่งหามค่ำเช่นนี้ ใครจะคอยระวังระไวได้หวาดไหว | ||
ซุ่นเบ๋ง | ก็ทำไมคุณพระไม่ไล่ให้ไปตั้งเสียที่อื่นเล่าขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | ฉันได้เคยไล่ทีหนึ่งแล้ว เขาตอบว่าเขาไม่ได้ตั้งอยู่ในที่บ้านของฉัน ฉันไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะไล่เขา | ||
ซุ่นเบ๋ง | ข้อนั้นก็จริงอยู่ แต่คุณพระควรจะจ้องไว้ พอย่างเข้ามานิดหนึ่งก็ฟ้องบุกรุกได้ที เดียว แต่ถ้าจะไม่ให้มีทางติเตียนได้เลยควรจะบอกกล่าวเสียก่อนจะดี | ||
พระภิรมย์ฯ | จริง ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ มาด้วยกันเถอะ (พากันออกไปทางหลัง) | ||
(นายสวายกับแม่เน้ยพากันออกมาจากประตูซ้าย)
สวาย | ฉันว่าแล้ว ว่าคุณพ่อน่ะเป็นคนที่ไม่มีความแน่นอนอะไรเลย เป็นคนลังเลที่สุดในโลกหล่อนก็ได้ยินแล้วแก่หูหล่อนเอง ว่าพี่ชายหล่อนเขาอธิบายดีปานใด คุณพ่อหายลังเลเมื่อไร เป็นห่วงหน้าห่วงหลังไม่รู้จักจบ ทำไปทำมาก็คงจะต้องแห้งแก๋กันอยู่ที่นี่เอง | ||
เน้ย | นี่การรบน่ะเป็นต้องมีแน่ละหรือ | ||
สวาย | ไม่มีข้อสงสัยเลย ไม่แน่อยู่แต่ว่าจะเริ่มวันใดเท่านั้น | ||
เน้ย | ตายจริง ก็ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรกันดีเล่า | ||
สวาย | ฉันเบื่อนัก จะมานั่งรอจนกว่าคุณพ่อจะทำให้ใจตกลงได้แล้วคงเลยไม่ได้ไป ก็จะรอแกทำไม เรามาพากันไปเสียก็แล้วกัน | ||
เน้ย | อะไร จะทิ้งคุณพ่อไว้ทางนี้อย่างนั้นหรือ | ||
สวาย | ก็แกไม่ไปจะทำอย่างไรเล่า หรือหล่อนยังห่วงแกอยู่อีก ยังอาลัยอาวรณ์อยู่อีกหรือ | ||
เน้ย | พุทโธ่ ทำไมจะไม่อาลัย ใจท่านดีต่อฉันมาก | ||
สวาย | ก็ส่วนฉันเล่า หล่อนจะใจดำให้ฉันไปได้คนเดียวหรือ | ||
เน้ย | ก็เมื่อกลัวจะว่าเหว่ก็ทำไมไม่พาอีแก่นไปด้วยเล่า จะได้ไปบำรุงบำเรอกันให้ถึงใจ | ||
สวาย | พุทโธ่แม่เน้ยทำไมพูดอย่างนี้ได้ หล่อนควรจะเข้าใจดีแล้วว่าการที่ฉันต้องเอาใจอีแก่นเพราะจะต้องปิดปากมันเท่านั้น มันรู้มากเกินไปถ้าไม่ทำดีต่อมันไว้มันก็ขายเราเสียเท่านั้น | ||
เน้ย | ฉันไม่เชื่อเลย ถ้าจะเพียงแต่ทำไมตรีเท่านั้น ทำไมจะต้องไปหากันบ่อยนัก แทบไม่เว้นวัน | ||
สวาย | ก็หล่อนน่ะฉันพบปะได้ง่ายๆ เมื่อไร แต่หล่อนไม่ควรที่จะหึงอีคนเช่นนั้นเลย มันเป็นขี้ข้าไม่เปรียบกับหล่อนได้เลย แล้วอีแก่นก็แก่กว่าฉันตั้ง ๔ ปี ๕ ปี หล่อนกับฉันน่ะสิ พอสมคู่สมคีมกัน (เข้าไปทำท่าจะกอด) | ||
เน้ย | อุ๊ยอย่านะ เดี๋ยวก็จะเกิดความเดี๋ยวนี้เอง นี่แหละเขาว่าคบเด็กสร้างบ้าน | ||
สวาย | ชะๆ แม่แก่ ทำแก่ไปได้ นี่แน่ะว่าแต่จะไปด้วยกันหรือไม่ไป | ||
เน้ย | ไม่รู้ได้ | ||
สวาย | อะไรไม่รู้ (เข้ากอด เน้ยทำท่าจะสบัดก็ไม่ปล่อย) ทำไมต้องประพฤติเป็นคนลังเลไปด้วย หรือติดโรคผัวแก่ | ||
เน้ย | โธ่! ยุ่งอย่างนี้แหละ (ผละออกจากนายสวาย) | ||
สวาย | ต้องขอให้หล่อนเข้าใจว่า ถ้าจะไปต้องรีบไป ถ้าไม่อย่างนั้นจะทำลำบาก เรือยนต์ก็มีลำเดียว ถ้าฉวยว่าพี่สวิงหนีทหารมาแล้วก็จะต้องการเรือนั้นเหมือนกัน | ||
เน้ย | ก็จะเป็นไรไป ไปด้วยกันก็ได้ | ||
สวาย | ที่ไหนได้ จะได้กีดเราประไรเล่า หรือบางทีแม่เน้ยจะต้องการให้เขาเบียดก็ไม่รู้ บางทีฉันจะเด็กเกินไปกระมัง | ||
เน้ย | อุ๊ยแต่เด็กๆ ยังปานนี้ นี่ถ้าเป็นผู้ใหญ่อีกหน่อยจะเป็นอย่างไร | ||
สวาย | (จับมือเน้ยและเอียงหน้าเข้าไปพูด) อายุฉันยิ่งมากขึ้น ก็คงจะยิ่งรักแม่เน้ยมากขึ้นเท่านั้น | ||
(พระภิรมย์ฯ เดินขึ้นมาที่เฉลียงสวายกับเน้ยได้ยินฝีเท้าก็ออกห่างจากกันไป พระภิรมย์ฯ เดินเข้ามา แลดูทั้ง ๒ คน นายสวายเลี่ยงออกไป)
พระภิรมย์ฯ | (หน้าบึ้ง) นั่นมาพูดซุบซิบอะไรกัน | ||
เน้ย | พ่อสวายเขาเล่าถึงเรื่องจะเกิดรบพุ่งอะไรกันนะคะ | ||
พระภิรมย์ฯ | จะเล่าเรื่องอะไรๆ ก็ตามทีเถอะ แต่ทำไมจึงต้องพูดกันอย่างท่าทางสนิทสนมเหลือเกิน ทำไมต้องจับมือถือแขนกันด้วย | ||
เน้ย | พุทโธ่คุณละก็ ทำไมขี้สงสัยเช่นนี้ (เข้าไปทำท่าคลอเคลีย) อะไรเด็กเล็กก็หึงมันด้วยหรือคะ | ||
พระภิรมย์ฯ | มันก็ไม่สู้เด็กนัก มันโตพอที่ควรจะหึงได้อยู่บ้าง | ||
เน้ย | เอ๊ะ! นี่คุณระแวงอะไรหรือ | ||
พระภิรมย์ฯ | ก็นั่นแหละ หนุ่มกับสาว-ฮือ! | ||
เน้ย | นี่คุณก็ไม่เมตตาดิฉันแล้ว จึงได้หาความว่าดิฉันทำผิดคิดชั่ว พุทโธ่ๆ เสียแรงมีผัวกับเขาคนหนึ่ง หมายจะได้เป็นที่พึ่งให้เป็นสุขกายสุขใจก็กลับมาเป็นไปเสียเช่นนี้ ช่างอาภัพเสียจริงๆ (ทำเป็นร้องไห้) | ||
พระภิรมย์ฯ | อ้าวๆ แม่เน้ย นั่นอะไร | ||
เน้ย | (ทำเป็นสอิ้งพลางพูดพลาง) เมื่อก่อนจะมาเป็นเมียคุณพระมีผู้ชายหนุ่มๆ มาตอมดิฉันอยู่ออกรอบข้าง ถ้าเป็นคนใจเบามิตกลงกับเขาไปเสียแล้วหรือ นี่อุตส่าห์สงวนตัวไว้เพื่อมาเป็นเมียคุณพระก็หมายว่าจะได้พึ่งผัวเป็นผู้ใหญ่ใจหนักแน่น ไม่ได้คิดเลยว่าจะมาสิ้นวาสนาลงในเร็ววันเช่นนี้ | ||
พระภิรมย์ฯ | แม่คุณของพี่ พี่ไม่ได้เห็นอย่างโน้นอย่างนี้อะไรดอก เป็นแต่ธรรมดาคนที่มีอายุมากๆ แล้วอย่างพี่ ยิ่งมีเมียที่สาวสวยอย่างหล่อนก็ยิ่งห่วงใยมากขึ้น เพราะรักมากเท่านั้น | ||
เน้ย | ถ้ารักทำไมจะหาความชั่วร้ายมาบ้ายให้เล่าคะ | ||
พระภิรมย์ฯ | ฉันไม่ได้หาถ้อยหาความอะไร ฉันเชื่อหล่อนทุกอย่าง จริงๆ นะหล่อน (กอดแม่เน้ย) | ||
เน้ย | คุณก็ดีแต่พูดเท่านั้น | ||
พระภิรมย์ฯ | พุทโธ่จริงๆ นะแม่เน้ย คราวนี้ฉันจะไม่ทำให้หล่อนต้องรำคาญใจอีกต่อไปเลยทีเดียว ฉันรักหล่อนยิ่งกว่าอะไรๆ ในโลกไม่อยากให้ หล่อนมีความทุกข์แม้แต่ครู่เดียว | ||
(นายซุ่นเบ๋งเดินขึ้นมาที่เฉลียง แล้วกระแอม)
พระภิรมย์ฯ | อะไร | ||
ซุ่นเบ๋ง | ผมมีอะไรจะพูดกับคุณพระสักหน่อย (เน้ยรู้ทีก็เลี่ยงไปทางซ้าย นายซุ่นเบ๋งจึงเดินเข้ามาจากเฉลียง) | ||
พระภิรมย์ฯ | มีเรื่องะไร? | ||
ซุ่นเบ๋ง | มาแล้ว | ||
พระภิรมย์ฯ | ใคร? | ||
ซุ่นเบ๋ง | พ่อสวิงนั่นสิขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | อยู่ที่ไหนเล่า? | ||
ซุ่นเบ๋ง | อยู่ในสวน ถ้าผมให้สัญญาจึงจะเข้ามา | ||
พระภิรมย์ฯ | ให้สัญญาสิ ให้เข้ามาเสียเร็วๆ จะดีกว่า | ||
(นายซุ่นเบ๋งไปที่หน้าต่างอัน ๑ ข้างขวา โบกผ้าเช็ดหน้าขึ้นลงสามที สักครู่ ๑ นายสวิงก็เข้ามาทางด้านหลัง นายสวิงแต่งเครื่องสนามอย่างพลทหารกรมทหารราบที่ ๒๙ แต่ไม่มีปืน หน้าตาค่อยมีเลือดฝาดรูปร่างท่าทางก็แข็งแรงขึ้น)
พระภิรมย์ฯ | อย่างไรพ่อใหญ่ | ||
สวิง | (โคลงหัว) เต็มที! เต็มที! | ||
พระภิรมย์ฯ | พุทโธ่! แน่ทีเดียว ลูกของพ่อเกิดมาเป็นผู้ดีไม่เคยตกทุกข์ได้ยากเคยกินดีนอนดี นี่ต้องไปกรากกรำอย่างขี้ข้า จะไม่ลำบากอย่างไร | ||
สวิง | คุณพ่อเข้าใจผิด ผมไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวถึงการเป็นทหารว่าเต็มที การเป็นทหารนั้นก็จริงอยู่ที่ลำบาก แต่ไม่เหลือทนเหลือทานปานใด ลำบากมากอยู่แต่ในชั้นต้นๆ เท่านั้น อยู่ๆ ไปหน่อยก็เคยๆ ไปเอง ที่ผมบ่นว่าเต็มทีคือ การที่หนี (สั่นหัว) | ||
พระภิรมย์ฯ | เป็นอย่างไร | ||
สวิง | โอ๊ย ลำบากเหลือเกิน เขาเรียกแถวแล้วกำลังเรียกชื่อ ผมบอกจ่านายสิบว่าผมลงท้องขออนุญาตไปส้วม เขาก็อนุญาต ผมไปทางส้วมแล้วก็เลยปีนข้ามรั้วหลังส้วมออกมา ต้องเล่นจ๊ะเอ๋หลบหลีกเข้ารกเข้าพงมา หนามข่วนแทบป่นไปทั้งตัวเจียนๆ ตาย เออก็อาการคุณพ่อเป็นอย่างไรล่ะขอรับ | ||
พระภิรมย์ฯ | (ประหลาดใจ) เอ๊ะ! อาการอาแกนอะไรกัน | ||
สวิง | ก็ไหนพ่อซุ่นเบ๋งบอกผมว่าคุณพ่อเป็นโรคหัวใจมีอาการหนักอย่างไรล่ะ | ||
ซุ่นเบ๋ง | จริงขอรับคุณพระ ผมบอกไปเช่นนั้น เพราะถ้าไม่อย่างนั้น พ่อสวิงก็คงไม่ทำใจหนีมาได้ | ||
สวิง | พุทโธ่! นี่หลอกกันเล่นดอกหรือ ผมนี่โง่มากสำคัญว่าคุณพ่อป่วยจริงๆ จึงได้อุตสาห์หนีมาหานี่ผมก็ลำบากเปล่าๆ เท่านั้นเอง แล้วมิหนำซ้ำกลับไปจะต้องถูกเฆี่ยนอีก | ||
พระภิรมย์ฯ | อะไรอย่างนั้นทีเดียวหรือ | ||
สวิง | แน่ละสิขอรับ ป่านนี้เขาก็คงรู้แล้วว่าผมหนี เมื่อหนีแล้วจะไม่ให้เขาลงโทษอย่างไร พุทโธ่เสียดายจริงๆ เสียแรงตั้งใจว่าจะประพฤติตัวดีไม่ให้ต้องถูกลงโทษเลย คราวนี้ผมจะต้องรบทั้งความเจ็บความอาย เพราะผมเสียรู้เชื่อถ้อยคำโกหกของอ้ายเจ๊ก | ||
ซุ่นเบ๋ง | ดูเถอะขอรับคุณพระ อย่างนี้แหละเข้าเรียกว่าทำคุณบูชาโทษ | ||
สวิง | แกมาทำบุญทำคุณอะไร ตรงกันข้าม แกทำร้ายให้แก่ฉันมากที่สุด ผมหวังใจว่าคุณพ่อไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับอ้ายเจ๊ก | ||
ซุ่นเบ๋ง | คุณพระสั่งฉันเองให้ฉันจัดการให้แกพ้นจากทหาร | ||
สวิง | คุณพ่อทำไมเป็นไปได้เช่นนั้น ผมเสียใจมาก | ||
พระภิรมย์ฯ | พ่อไม่ได้บอกมันให้มันจัดการให้ลูกหนีเลย มันสาระแนไปจัดการเอง | ||
สวิง | ถ้าเช่นนั้นก็ยังชั่ว แต่เวลานี้ผมไม่มีเวลาอยู่อีกแล้ว ต้องขอลาไป | ||
พระภิรมย์ฯ | จะไปไหน | ||
สวิง | กลับไปที่กรมนั่นสิขอรับ | ||
ซุ่นเบ๋ง | อะไร อยากกลับไปถูกเฆี่ยนหรือ | ||
สวิง | ข้าจะถูกเฆี่ยนหรือไม่ถูกก็ช่างข้าเถอะ เนื้อหนังของข้าเองไม่ใช่ของอ้ายเจ๊ก | ||
พระภิรมย์ฯ | ช้าก่อน ทำไมจะต้องรีบร้อนกลับไป รอจนพรุ่งนี้ก็ได้ กินข้าวกินปลาเสียให้สบายสักมื้อหนึ่งก่อนดีกว่า | ||
สวิง | ผมจะกินแกนอะไรลง ผมต้องรีบไป เวลานี้ก็เป็นเวลาฉุกละหุก ผมได้ยินเขาว่าจวนๆ จะรบกันอยู่แล้ว | ||
ซุ่นเบ๋ง | ยังไม่มีประกาศการสงครามจะเริ่มรบก่อนไม่ได้ ผิดกฎหมายนานาประเทศ | ||
สวิง | กฎบัดกฎหมายอะไรกันไม่รู้ไม่ชี้ด้วย การรบการพุ่งใครเขาจะมาอินังขังข้อกับกฎบัดกฎหมาย เมื่อถึงเวลาจะรบเขาก็รบกันเท่านั้น | ||
ซุ่นเบ๋ง | พ่อสวิงก็เคยเรียนกฎหมายเหมือนกัน ลืมหมดแล้วหรือ | ||
สวิง | ฉันไม่อยากพูดกับแกเสียเวลา คุณพ่อขอรับผมลาที (เดินไปทางหลังพอถึงประตูหลังก็หยุดชะงัก) เอ๊ะ! นั่นอะไรกัน พวกเสือป่าขยายแถวแล้ว | ||
ซุ่นเบ๋ง | เล่นซ้อมรบซ้อมราเป็นบ้าอะไรกันตามเคยของเขาน่ะแหละ | ||
(เสียงปืนยิงพร้อมกันอย่างยิงเป็นตับ)
ซุ่นเบ๋ง | หนวกหูจริงๆ จะเล่นทำไมต้องให้รำคาญแก่พลเมืองด้วย | ||
สวิง | คุณพ่อขอรับ เชิญดูอะไรหน่อย (วิ่งมาจากทางหลังไปทางหน้าต่างขวา) เชิญทางนี้เห็นถนัดดี (พระภิรมย์ฯ ไปที่หน้าต่างข้างขวา) โน่นขอรับที่ชายป่าโน้น เห็นไหม (เสียงปืนยิงตับอีกครั้ง ๑) | ||
พระภิรมย์ฯ | ทหารไม่ใช่หรือ? | ||
ซุ่นเบ๋ง | ก็เขาก็เคยซ้อมรบด้วยกันกับเสือป่า ไม่อัศจรรย์อะไร | ||
พระภิรมย์ฯ | พ่อใหญ่ นั่นทหารกองไหน ทำไมแต่งตัวผิดกับพ่อใหญ่เล่า ดูสีเสื้อก็ไม่เป็นเทา เครื่องอื่นๆ ก็ดูผิดกัน | ||
ซุ่นเบ๋ง | |||
สวิง | ดูผิดสังเกตนัก ผมต้องไปดูให้ได้ความ (วิ่งออกไปทางด้านหลัง) | ||
พระภิรมย์ฯ | ชอบกลจริงๆ นี่อะไรกัน | ||
ซุ่นเบ๋ง | ไม่มีอะไรนอกจากซ้อมรบตามเคยเชื่อผมเถอะ | ||
พระภิรมย์ฯ | ก็แกจะมาดูเองหน่อยไม่ได้หรือ (นายซุ่นเบ๋งไปที่หน้าต่าง) ดูสิ ฉันเห็นไม่เหมือนซ้อมรบครั้งก่อนๆ เลย | ||
(เสียงปืนเป็นอย่างยิงตามลำพัง ตั้งแต่นี้ไปเสียงมากบ้างน้อยบ้างเป็นพักๆ แม่แย้ม แม่อุไร แม่เน้ย นายสวาย พากันออกมาทางประตูด้านซ้าย)
แย้ม | คุณคะ! นี่อะไรกัน? | ||
พระภิรมย์ฯ | อย่าตกใจ เขาซ้อมรบกันตามเคยอย่างทุกๆ ปี | ||
แย้ม | ซ้อมอะไรดูมันเห็นจริงเห็นจังนัก เห็นหามกันไปก็มี | ||
พระภิรมย์ฯ | เขาทำเจ็บ สำหรับฝึกหัดหมอ | ||
(เสียงนกหวีดเป่ายาว เสียงปืนหยุดยิง)
ซุ่นเบ๋ง | (อยู่ที่หน้าต่าง) คุณพระขอรับ พวกเสือป่ายกเข้ามาในบ้านคุณแล้ว พ่อสวิงกับพ่อสวัสดิ์นำเข้ามา | ||
พระภิรมย์ฯ | เอ๊ะ! นี่อย่างไรกัน | ||
ซุ่นเบ๋ง | เราได้บอกกล่าวแล้วนะขอรับ ไม่ฟัง | ||
(นายสวิงกับนายสวัสดิ์วิ่งขึ้นมาทางเฉลียงนำเสือป่าขึ้นมา เสือป่าแต่งเครื่องสนาม มีหลวงมณีฯ เป็นผู้ควบคุม กับหลวงมนูฯ ก็มาด้วย)
สวิง | เข้ามาในนี้ดีกว่าคุณหลวง (พาเสือป่าเข้ามา เสือป่าไปยืนที่หน้าต่างบ้านเตรียมยิง) | ||
พระภิรมย์ฯ | พ่อใหญ่ พ่อไม่พอใจอย่างยิ่งที่เจ้าไปนำเสือป่าเข้ามาบุกรุกในบ้านพ่อเช่นนี้ | ||
สวิง | พุทโธ่! คุณพ่อนี่เป็นบ้าหรืออย่างไร จนเกิดรบกันแล้วยังจะมัวพูดอยู่ได้ (ทุกๆ คนในห้องนั้นพากันตกตลึง) คุณแม่! คุณพี่! หลบๆ เข้าไปหน่อยเถอะขอรับ ให้ไกลๆ หน้าต่างไว้เป็นอันดี (พวกผู้หญิงหลบไปทางข้างซ้าย นายสวายไปแอบอยู่ในหมู่ผู้หญิง) | ||
หลวงมณีฯ | นายอิน อย่าร่ำไร ต้อนพวกแกมา (นายอินขึ้นมาที่เฉลียง) ท่านผู้บังคับกองไปเสียไหนเล่า | ||
นายอิน | ถูกปืนเมื่อสักครู่นี้เอง | ||
หลวงมณีฯ | เป็นอย่างไรบ้าง | ||
นายอิน | ถามขุนรัตนฯ ดูจะดีกว่า (เรียก) ท่านขุนเร็วๆ หน่อย มานี่สิ อย่าร่ำไรคุณหลวงมณีฯ ให้หา (ขุนรัตนแพทย์ขึ้นมาที่เฉลียงคำนับหลวงมณีฯ) | ||
หลวงมณีฯ | เจ้าคุณเป็นอย่างไร แผลฉกรรจ์หรือ | ||
ขุนรัตนฯ | ถึงแก่กรรมเสียแล้วเดี๋ยวนี้เอง | ||
หลวงมณีฯ | ตายจริง! ตายจริง! คุณหลวงมนู ผมต้องทำห้าที่ผู้บังคับกองต่อไปแล้ว คุณต้องเป็นผู้บังคับหมวดแทนผมต่อไป (หลวงมนูฯ คำนับ) นายอินหมวดที่ ๒ ไปรักษาทางริมรั้วชายป่า ถ้าหนักหาก็เข้าอยู่ในตึกหลังเล็กโน่น ยึดไว้จนกว่าจะสั่งให้ถอย (นายอินคำนับแล้ววิ่งไป) คุณหลวงมนูฯ หมวดของคุณรักษาตึกใหญ่นี้ ส่งคนขึ้นไปชั้นบนบ้างยิงจากหน้าต่างคงถนัดดี คุณขึ้นไปกำกับชั้นบน ผมจะอยู่ชั้นล่าง (หลวงมนูฯ คำนับ แล้วพาพลไป) ท่านขุนจะตั้งที่พยาบาลที่ไหน | ||
ขุนรัตนฯ | ผมไม่ทราบว่าห้องไหนจะเหมาะ | ||
พระภิรมย์ฯ | ห้องนี้กว้างขวางดี เชิญทางนี้ (พาขุนรัตนแพทย์ไปทางซ้าย) | ||
อุไรฯ- | คุณแม่คะ เราไปช่วยพยาบาลคนเจ็บเห็นจะดีกระมัง | ||
แย้ม | จริงหล่อน เราจะรบจะรากับเขาก็ไม่ได้ เราควรจะรับใช้ในทางที่พอจะทำได้ แม่เน้ย เล่าอย่างไร | ||
เน้ย | ดิฉันขอตัวเสียที ดิฉันเห็นเลือดไม่ได้ เป็นลมทุกที | ||
(แย้มกับอุไรแลดูเน้ยด้วยกิริยาอย่างดูถูก แล้วพากันออกไปทางซ้าย)
พระภิรมย์ฯ | (กลับออกมาจากทางซ้าย แล้วพูดกับหลวงมณีฯ) อย่างไรคุณหลวง ดูสงบไปแล้ว | ||
หลวงมณีฯ | สงบอย่างนี้แหละขอรับผมไม่ใคร่ชอบ น่ากลัวข้าศึกจะรอกองหนุนให้มาแล้วจึงจะยกเข้าตีเราเป็นแน่ ถ้าฝ่ายเราไม่ได้กองหนุนมาบ้างเห็นจะเต็มที ทำอย่างไรจะหาใครไปบอกข่าวที่กองทหารได้ | ||
สวิง | ผมไปเองขอรับ | ||
หลวงมณีฯ | แกหรือ? ก็ได้ ฉันจะเขียนใบแจ้งเหตุให้แกถือไป (ลงนั่งเขียนใบแจ้งเหตุ) | ||
พระภิรมย์ฯ | พ่อใหญ่ นี่น่ะเท่ากับวิ่งไปหาความตายเทียวนะ? | ||
สวิง | ผมทราบแล้ว คนเราเกิดมาต้องตายครั้ง ๑ ผมไม่วิตกอะไร ผมไม่ใช่ลูกผู้หญิง และผมไม่ใช่ไทยเก๊ (แลดูนายซุ่นเบ๋ง ซุ่นเบ๋งโกรธแต่ไม่ตอบอะไร) ผมได้ทำผิดแล้วต้องคิดแก้ตัว ยิ่งตายก็ยิ่งดีจะได้ไม่ต้องอายเขาในการที่เป็นผู้หนีตาทัพ | ||
(นายซุ่นเบ๋งค่อยๆ เลี่ยงออกไปทางหลัง)
หลวงมณีฯ | นายสวิง แกมีจักรยานหรือ | ||
สวิง | ไม่มีขอรับ เอาม้าไปไม่ได้หรือ | ||
หลวงมณีฯ | ขี่ม้าจะสูงแลเห็นถนัดนัก สู้จักรยานไม่ได้ | ||
สวัสดิ์ | จักรยานของผมมีขอรับ | ||
สวิง | ดีแล้ว ขอยืมให้พี่ทีเถอะ อยู่ไหน | ||
สวัสดิ์ | พิงอยู่ที่กระได | ||
หลวงมณีฯ | (พับและผนึกใบแจ้งเหตุ) นี่นายสวิง (ส่งหนังสือให้) รีบไปให้เร็วที่สุดที่จะไปได้ | ||
สวิง | ขอรับ ไปประเดี๋ยวนี้ (คำนับ แล้ววิ่งออกไปทางหลัง) | ||
หลวงมณีฯ | คุณพระขอรับ ผมไม่คิดเลยว่านายสวิงจะกลับตัวได้ถึงเพียงนี้ ผมสำคัญว่าเป็นคนขี้ขลาดเหลือแก้ไข การที่ทำคราวนี้เป็นการของคนกล้าควรให้บำเหน็จ (เสียงปืนยิงนัด ๑) เอ๊ะ! อะไรกัน (วิ่งไปที่หน้าต่าง) | ||
นายเทพ | นายสวิงเห็นจะถูกปืนเสียแล้ว ยิงตอบหรือขอรับ | ||
หลวงมณีฯ | ช้าก่อน แกเห็นข้าศึกหรือ | ||
นายเทพ | ไม่เห็น | ||
หลวงมณีฯ | ถ้าเช่นนั้นจะยิงเดาไปอย่างไรได้ อ้อนั่นพวกเราออกไปช่วยนายสวิงแล้ว (พูดออกไปนอกหน้าต่าง) ว่ากระไรนะ- หา! อะไรนะ- ก็หามเข้ามาในนี้สิ- (พูดกับสวัสดิ์) ไปตามท่านขุนรัตนฯ มาที (สวัสดิ์ไปทางซ้าย) คุณพระทำใจดีๆ ไว้เถอะขอรับ | ||
(เสือป่า ๒ คนหามนายสวิงเข้ามา หลวงมณีฯ ชี้ให้วางลง พอขุนรัตนแพทย์ออกมาจากทาง ซ้ายกับนายสวัสดิ์)
หลวงมณีฯ | ท่านขุนตรวจดูที | ||
(ขุนรัตนแพทย์ตรวจนายสวิงครู่ ๑ ระหว่างนี้แม่แย้มกับแม่อุไรออกมาจากทางขวายืนตะลึง อยู่ ขุนรัตนฯ ตรวจแล้วลุกขึ้นยืนก้มศีรษะ)
พระภิรมย์ฯ | ไม่มีหวังหรือท่านขุน | ||
ขุนรัตนฯ | หมดลมหายใจเสียแล้ว | ||
(แม่แย้มกับแม่อุไรคุกเข่าลงร้องไห้ที่ศพ พระภิรมย์ฯ ยืนตะลึงอยู่ เสือป่าเปิดหมวก ฝ่ายแม่เน้ยเป็นลม นายสวายเข้าประคองไว้ ฝ่ายหลวงมณีฯ ก้มลง ค้นในตัวผู้ตาย เพื่อหาใบแจ้งเหตุไม่พบ ครู่ ๑ แล้วจึงพบอยู่ในกระเป๋าเสื้อ หลวงมณีฯ หยิบมาดูครู่ ๑)
หลวงมณีฯ | ท่านขุนพบแผลอยู่ที่ไหน | ||
ขุนรัตนฯ | ขอผมตรวจอีกที (พูดกับแม่แย้ม) ประทานโทษขอรับ ถ้าคุณอย่าดูจะดีกว่า | ||
หลวงมณีฯ | เชิญคุณเข้าไปในเรือนเสียก่อนจะดีกว่ากระมังขอรับ | ||
แย้ม | ก็จะให้ฉันทิ้งศพลูกฉันไว้ที่นี่แหละหรือ (หลวงมณีฯ แลดูตาอุไร อุไรเข้าใจจึงค่อยๆ จูงมือมารดาไปจากห้อง ขุนรัตนแพทย์จึงลงมือตรวจศพต่อไป) | ||
หลวงมณีฯ | อย่างไรท่านขุน | ||
ขุนรัตนฯ | ชอบกลขอรับแผลทางข้างหน้าหาไม่พบ (พลิกศพ) อ้าว! ไพล่มามีแผลอยู่ข้างหลังนี่แน่ะขอรับ | ||
หลวงมณีฯ | เอ๊ะ! อัศจรรย์จริง ถ้าเช่นนั้น-ฮือ! เป็นไปไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะไต่สวนอะไร (สั่งเสือป่าที่หามศพมา) ช่วยกันหามศพไปไว้ที่อื่น คุณพระจะโปรดให้ไว้ที่ไหน | ||
พระภิรมย์ฯ | ไปไว้ในห้องนอนของเขาเองก็แล้วกัน โปรดตามฉันมาทางนี้ (นำผู้หามศพจะออกไปทางซ้าย พอผ่านไปถึงแม่เน้ย แม่เน้ยทำเป็นเซประหนึ่งว่าวิงเวียน) | ||
เน้ย | (เสียงอ่อน) อุ๊ยคุณพระ คุณคะดิฉันลมจะจับเสียแล้ว (ทำเซเข้าไปหาพระภิรมย์ฯ) | ||
พระภิรมย์ฯ | (โกรธ) อีนี่ก็จำเพาะจะมาสำออยเวลานี้นะ ลูกเต้าเขาตายช่างใจชั่วราวกับยักษ์มาร หลีกไป! (ผลักเน้ยไปเสียทางหนึ่งแล้วนำศพเข้าไปทางประตูซ้าย) | ||
หลวงมณีฯ | (พูดกับขุนรัตนฯ) ท่านขุนมียาลมก็ให้แม่คนนั้นเขากินหน่อยสิ | ||
เน้ย | ขอบพระเดชพระคุณ ดิฉันไม่ต้องกินยาของคุณ ยิ่งตายเสียก็ยิ่งดี ดิฉันไม่ใช่คนสลัก สำคัญอะไร เป็นแต่มีเมียน้อยคน ๑ เท่านั้น (สะบัดหน้าหันไปพูดซุบซิบกับนายสวายต่อไป) | ||
หลวงมณีฯ | (ตั้งท่าเหมือนจะตอบ แล้วกลับใจ หันไปพูดกับขุนรัตนฯ) ท่านขุนกลับไปห้องพยาบาลได้ (ขุนรัตนฯ ออกไปทางซ้ายแล้ว หลวงมณีไปยืนมองที่หน้าต่างต่อไปครู่ ๑ แล้วจึงบ่นต่อไป) นี่จะให้ใครไปดีเล่า | ||
สวัสดิ์ | คุณหลวงขอรับ | ||
หลวงมณีฯ | อะไรพ่อสวัสดิ์ | ||
สวัสดิ์ | ผมไปเองขอรับ | ||
หลวงมณีฯ | แกหรือ (สั่นหัว) | ||
สวัสดิ์ | นี่คุณหลวงไม่ไว้ใจผมหรือขอรับ | ||
หลวงมณีฯ | (ตบไหล่สวัสดิ์) ไม่ใช่เช่นนั้น แต่แกยังอายุน้อยนัก อันตรายมีอยู่ แกก็แลเห็นแก่ตาแล้วไม่ใช่หรือ | ||
สวัสดิ์ | เห็นแล้วขอรับ แต่ผมถึงจะอยู่ทางนี้ก็ทำประโยชน์อะไรไม่ได้ เพราะผมไม่มีปืนจะช่วยคุณยิงต่อสู้ข้าศึกได้ แต่แรงผมมีพอที่จะถือหนังสือได้ ให้ผมไปดีกว่าที่จะถอนพลรบไป | ||
หลวงมณีฯ | แกเป็นเด็กกล้ามาก ใจลูกเสือแท้ทีเดียว แต่ฉันจำเป็นต้องรอบอกคุณพ่อก่อน | ||
สวัสดิ์ | การรบจะรั้งรอให้ใครเมื่อไรขอรับ ถ้าจะให้ผมไปก็ให้ไปเดี๋ยวนี้ดีกว่า | ||
หลวงมณีฯ | (อึ้งอยู่ครู่ ๑ แล้วยื่นหนังสือให้) เอ้า อาไปสิ! (นายสวัสดิ์คำนับรับหนังสือแล้วตั้งท่าจะไป แต่หลวงมณีฯ โบกมือห้ามไว้) ช้าก่อน ฉันต้องการจัดการป้องกันไม่ให้เป็นอย่างแต่กี้นี้อีก นายเทพแกนำพลไปด้วยอีก ๓ คนเดินตรวจทางไปจนถึงประตูรั้วโน่น มองๆ ดูตามพุ่มไม้ด้วย ถ้าเห็นใครท่าทางน่าสงสัยเรียกตัวมา ถ้าขัดขืนยิงเสีย เข้าใจไหม | ||
นายเทพ | เข้าใจ | ||
หลวงมณีฯ | ไปเรียกคนที่เฉลียงไปด้วย แล้วก็ถ้าไปถึงประตูรั้วแล้ว เห็นทางปลอดโปร่งก็ทำสัญญาณให้ฉันเข้าใจนะ | ||
นายเทพ | ขอรับ | ||
หลวงมณีฯ | ไปได้ | ||
(นายเทพวิ่งออกไปทางหลัง หลวงมณีฯ ไปยืนมองที่หน้าต่างสักครู่ใหญ่ๆ แล้วจึงหันมาทางนายสวัสดิ์)
หลวงมณีฯ | แกไปได้แล้ว ขอจับมือที ไปตลอดปลอดโปร่งนะ (จับมือกับสวัสดิ์ สวัสดิ์คำนับแล้ววิ่งไปทางเฉลียง ฝ่ายแม่เน้ยกับนายสวายพยักพเยิดกันครู่ ๑ แล้วก็จูงมือกันจะออกไปทางด้านหลังบ้าน) ช้าก่อน ไปไม่ได้ | ||
เน้ย | ทำไม | ||
หลวงมณีฯ | เพราะฉันไม่ให้ไป | ||
เน้ย | คุณมีอำนาจอย่างไร | ||
หลวงมณีฯ | มีอยู่ที่ดาบนี่อย่าง ๑ ที่ปืนอีกอย่าง ๑ | ||
เน้ย | อะไรคุณจะบังอาจทำกับดิฉันอย่างนั้นเทียวหรือ | ||
หลวงมณีฯ | ถ้าหล่อนไม่บังอาจขัดขืนคำสั่งฉันก่อน ฉันก็ไม่ทำอะไรหล่อน ขอให้หล่อนเข้าใจว่าเวลานี้อำนาจอยู่ในมือฉันเต็มที่ | ||
(นายหมู่เอกเทพที่รับใช้ไปนั้นกลับเข้ามา)
หลวงมณีฯ | อย่างไร นายสวัสดิ์ไปแล้วหรือ | ||
นายเทพ | ไปแล้ว เรียบร้อยดี | ||
หลวงมณีฯ | ได้เห็นใครแปลกปลอมบ้างหรือเปล่า | ||
นายเทพ | ไม่เห็น | ||
หลวงมณีฯ | ข้าศึกเห็นไหม | ||
นายเทพ | เห็นอยู่ลิบๆ ที่ชายไม้โน่น | ||
หลวงมณีฯ | ดีแล้ว เข้าประจำที่ตามเดิม (นายเทพเข้าไปประจำที่หน้าต่างตามเดิม เน้ยกับสวายจะไปทางซ้าย หลวงมณีฯ จึงพูดกับเน้ย) ถ้าจะเพียงเข้าไปในเรือนได้ แต่ถ้าจะไปลงทางกระไดหลังไม่ได้ เพราะฉันสั่งยามหลังไว้แล้ว ห้ามเป็นอันขาดไม่ให้ใครขึ้นลงทางนั้น (เน้ยกับสวายไม่ตอบว่ากระไร พากันไปทางขวา) | ||
(เงียบอยู่ครู่ ๑ แล้วหลวงมนูฯ เข้ามาทางซ้ายพระภิรมย์ฯ ตามมาด้วย)
หลวงมนูฯ | คุณหลวงขอรับ ผมดูอยู่ที่ชั้นบน เห็นข้าศึกยกเดินผ่านไปทางตะวันตกเฉียงใต้ น่ากลัวจะคิดทำอันตรายสะพาน | ||
หลวงมณีฯ | ไม่ได้การ ถ้าทำลายสะพานได้แล้วจะร้ายมากจะตัดทางเดินสะดวกสำหรับกองทหารเสียทาง ๑ ทีเดียว พวกเราต้องรีบไปป้องกันสะพานไว้ ทางนี้ไม่มีมาบ้างหรือ | ||
หลวงมนูฯ | มีขอรับ แต่ดูไม่มาก | ||
หลวงมณีฯ | ถ้าเช่นนั้นทิ้งไว้ที่นี่หมู่เดียวก็พอ โปรดเป่านกหวีดประชุมที | ||
(หลวงมนูฯ ออกไปที่เฉลียง เป่านกหวีดสัญญาประชุม เสียงคนคึกคักวิ่งมา เสียงนายอินสั่งหยุด แล้วตัวนายอินจึงเข้ามาในห้องพร้อมด้วยหลวงมนูฯ)
หลวงมณีฯ | พวกเราจะต้องรีบไปป้องกันสะพาน เพื่อไม่ให้ข้าศึกทำลายได้ นายหมู่เอกเทพอยู่คุมพลรักษาที่นี้หมู่ ๑ คอยระวังอย่าให้ข้าศึกตีหลังคอยทำเสียงเอะอะไว้ก็แล้วกัน ให้ข้าศึกนึกว่าพวกเรามากจะได้มัวพะวงอยู่ทางนี้เข้าใจไหม | ||
นายเทพ | เข้าใจ จะให้ผมคงอยู่ที่ตึกนี้หรืออย่างไร | ||
หลวงมณีฯ | อยู่ที่นี่สัก ๑๐ คนก็พอ นอกนั้นเข้าไปอยู่ในหลังริมถนนจะได้เห็นทางสามแยก ฉันจะจัดให้หมู่อื่นไปอยู่ ถ้าเห็นยึดไม่ไหวไปสมทบกัน เข้าใจไหม | ||
นายเทพ | เข้าใจ | ||
(หลวงมณีฯ หลวงมนูฯ นายอิน พากันไปทางหลัง เสียงบอกเสือป่าให้แบกอาวุธหน้าเดิน เงียบอยู่สักครู่ใหญ่ๆ แล้วจึงได้ยินเสียงปืนยิงข้างนอก เป็นอย่างยิงตามลำพัง นายเทพสั่งให้ปิดประตูหลัง แล้วเตรียมยิง อีกครู่นายเทพจึงสั่งให้ยิงตามลำพัง เสือป่าต่างคนต่างยิง พระภิรมย์ฯ เข้ามาจากทางซ้าย มาชะเง้อดูอยู่)
นายเทพ | คุณพระระวังหน่อย (ทันใดนั้นพลเสือป่าคน ๑ ร้องโอย ทิ้งปืนและเอามือขวากุมแขนซ้าย) คุณพระขอรับ โปรดเรียกขุนรัตนฯ สักที | ||
(พระภิรมย์ฯ ไปเรียกขุนรัตนแพทย์ออกมา ขุนรัตนฯ ให้เสือป่าผู้ถูกยิงถลกแขนขึ้น แล้วจัดการเอาผ้าพันให้ แล้วผู้เจ็บก็จับปืนขึ้นยิงไปใหม่ อีกครู่ ๑ อีกคน ๑ ล้ม ขุนรัตนฯ เข้าไปดู ชี้ที่น่าอก แล้วก็ช่วยกันกับพระภิรมย์ฯ หามเข้าไปทางซ้าย แล้วพระภิรมย์ฯ กลับออกมาดูอยู่อีกข้างในห้องหยุดยิง เสียงปืนข้างนอกได้ยินอยู่ห่างๆ)
นายเทพ | ไม่ได้การ ข้าศึกเห็นจะคิดไปเข้าทางประตูหลัง ผมต้องไปต่อสู้ทางโน้น คุณพระอยู่ทางนี้โปรดจัดการลงกลอนประตูหน้าต่างเสียให้มิดชิดจะดี (พูดกับเสือป่า) มา ไปด้วยกันเถอะ (พาเสือป่าไปทางขวา) | ||
พระภิรมย์ฯ | เฮ้ย! อ้ายสี! อ้ายสี! มานี่ (อ้ายสีออกมา) มาช่วยกันลงกลอนประตูหน้าต่างให้แน่น (ไปที่หน้าต่างจะลงกลอน) เอ๊ะ! อ้ายพวกข้าศึกเห็นจะเล่นระยำแล้ว จะล่อพวกเสือป่าวิ่งเหนื่อยเท่านั้นเอง (มองเห็นปืนที่เสือป่าคนเจ็บทิ้งไว้) กูก็เกิดมาเป็นลูกผู้ชายเอากับมันสักตั้งเถอะวะ (จับปืนขึ้นเล็งสักครู่ ๑ แล้วยิง อ้ายสีกระพือปีกและโลดเต้นแสดงกิริยาดีใจ) อ้ายสี กูเอานอนได้คน ๑ แล้ววะ (ยิงอีก) อีกคน ๑ เฮ้ยเอ็งไปไปขอลูกปืนที่คนเจ็บเขามาอีก (อ้ายสีไปแล้วพระภิรมย์ฯ ก็คอยจ้องต่อไปเพื่อจะยิงอีก นายซุ่นเบ๋งเข้ามาจากทางซ้าย) | ||
ซุ่นเบ๋ง | (ไปกระชากตัวพระภิรมย์ฯ จากหน้าต่าง) คุณพระพุทโธ่! อะไรทำเป็นบ้าไปได้ กฎหมายนานาประเทศห้ามนักไม่ให้พลเมืองเกี่ยวข้องในการสงคราม | ||
พระภิรมย์ฯ | อย่ามาเห่าเรื่องกฎบัดกฎหมายอะไรของมึงหน่อยเลย กูรำคาญหูนัก (คงดูทางหน้าต่าง) | ||
ซุ่นเบ๋ง | ผมรักคุณพระจึงเตือน การที่พลเรือนจะเกี่ยวข้องในการรบ ถ้าเขาจับได้ละก็ไม่มีตารอดทีเดียวนะขอรับ เขาหาเป็นผู้ร้ายอย่างฉกรรจ์ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา | ||
พระภิรมย์ฯ | ช่างกูเถอะ ถึงกูตายก็ชีวิตกูเอง (อ้ายสีเอากระสุนเข้ามา) เออดีทีเดียวส่งมานี่ (รับกระสุนไปประจุ) | ||
ซุ่นเบ๋ง | ก็รัฐบาลต่อรัฐบาลเขาวิวาทกันคุณพระจะพลอยเจ็บร้อนด้วยทำไม | ||
พระภิรมย์ฯ | อุวะ ก็มันมาข่มเหงชาติกูนี่หว่า แล้วก็ลูกกูก็ตายไปทั้งคนแล้วจะว่ากูไม่มีข้อควรเจ็บร้อนอย่างไร (ยกปืนขึ้นเล็ง) | ||
ซุ่นเบ๋ง | (จับมือไว้) คุณพระ! ผมขอที | ||
พระภิรมย์ฯ | (โกรธ) เฮ๊ย! อ้ายนี่อย่างไรนี่วะ อ้ายสีจิกหัวอ้ายเจ๊กนี้ไปให้พ้นกูที แล้วไสหัว มันไปนอกบ้านกู | ||
(อ้ายสีตรงเข้าไปจะจับมือนายซุ่นเบ๋ง แต่นายซุ่นเบ๋งไม่ให้จับเดินกระทืบตีนไปทางซ้าย พระภิรมย์ฯ ยิงออกไปทางหน้าต่างเป็นครั้งเป็นคราว นานๆ ยิงครั้ง ๑ ได้ยินเสียงยิงกันมากข้างหลังไกลๆ หน่อยแล้ว เสียงเฮ พระภิรมย์ฯ ก็ยิงเรื่อยไปจนทหารข้าศึกสองหรือสามคนเข้ามาทางซ้าย เข้าจับพระภิรมย์ฯ ได้แล้วแย่งปืนไปจากมือพระภิรมย์ฯ ยืนตลึงอยู่หว่างทหารข้าศึกคู่ ๑ นายร้อยตรีทหารข้าศึกคน ๑ ยืนอยู่ตรงหน้า ต่างคนต่างจ้องกัน)
ชุดที่ ๓
เชิงอรรถ
ที่มา
อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ เจ้าพระยาสุรบดินทรสุรินทรฦๅชัย (พร จารุจินดา) ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ โรงพิมพ์ตีรณสาร
ขอขอบคุณ นายสะอาด บ้านปทุม ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน