นิพพานวังหน้า
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
การปรับปรุง เมื่อ 12:20, 22 กุมภาพันธ์ 2553 โดย ลุงไà¸à¹ˆ (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
ข้อมูลเบื้องต้น
พระนิพนธ์: พระองค์เจ้ากัมพุชฉัตร
เรื่องนิพานวังน่า
นิ | ราศบาทเบื้องโอ้ | โมฬี | ||
พาน | จะโศกทั้งศรี | อยุทเยศ | ||
วัง | เย็นสรหงัดตี | อกร่ำ ก่ำเอย | ||
น่า | มุขพิมานเมศร์ | เมื้อมิ่งแรมหมอง | ||
แต่ | พระจอมมงกุฎโลกย์ | แรมวัง | ||
แผ่น | พิภพเพียงพัง | ม้วยไหม้ | ||
ดิน | โดยอดูรหวัง | หวั่นเทวศ | ||
ต้น | แต่ตีทรวงให้ | ห่อนเว้นวันเสบย | ||
๏ วงษ์อินทกรุงธิปัตเอก | อิศรา | ||
หน่อมงกุฎอยุทธยา | เลื่องโลกย์ | ||
สืบสายกรมฝ่ายน่า | แรมนิราศ | ||
ทรงคิดคราววิโยค | พระบิดุร้างสู่สวรรค์ | ||
๏ พระปิ่นอยุทธเยศเจ้า | ทรงธรรม์ | ||
นุภาพปราบมนุศย์สวรรค์ | ฟากฟ้า | ||
สี่ทวีปถวายบรร | ณาน้อม | ||
เกรงบพิตรพระจอมหล้า | โลกย์ลั่นฦๅแขยง | ||
๏ เคยเสด็จออกแสนเส | หนางค์ | ||
ร้อยเอ็ดโอนอุตมางค์ | นอบน้อม | ||
พระฤทธิ์เรืองปานปาง | สุริเยศ | ||
ทั้งหมื่นกรุงสพรั่งพร้อม | กราบเกล้าเศียรสยอง | ||
๏ พระคุณเฮยแต่นี้เงียบ | วังเยน | ||
เคยเผยสีหเหน | ลูกไห้ | ||
ยามศุขกลับไปเปน | ทุกข์เทวศ | ||
คิดฤๅวายวางไข้ | จิตรโอ้อาดูร | ||
๏ พระจอมมกุฎสามภพไห้ | สั่งเวียง | ||
พระสนมเสนาะเรียง | ร่ำร้อง | ||
หมู่มุขมนตรีเคียง | ครวญคร่ำ | ||
เสียงพิฦกลั่นก้อง | โศกแส้วังโหย | ||
๏ พระกาญจน์ยอดแก้วเฮ่ย | ยังหัน | ||
เสร็จมาเมื้อเมืองสวรรค์ | สู่ฟ้า | ||
ฤๅเคียดเสน่ห์ผัน | หุยหุง เสียเนอ | ||
ม้วยแต่นับโมงถ้า | ทุกค่ำคืนหาย | ||
๏ พระร่มโพธิ์เกษมิ่ง | กระหม่อมเฮย | ||
ยามกระเษมแสนเสวย | ศุขภาพ | ||
สุรางค์บำเรอเคย | สพรั่ง พร้อมแฮ | ||
เรียงรอบศิโรราบ | ราชร้างแรมโฉม | ||
๏ โอ้จอมมงกุฎเกล้า | จากจร | ||
กรมพระราชวังบวร | แรมร้าง | ||
ลูกทุ่มทรวงอาทร | เทวศไห้ | ||
แสนทุกข์บวายว่าง | ที่เมื้อจักเห็น | ||
๏ ย่ำยามสดับเสียง | ประโคมวัง | ||
ดุริยางค์เสนาะดัง | พาทย์ฆ้อง | ||
ทีนี้จะเงียบแตรสังข์ | สูญถนัด | ||
ฟังแต่เสียงสกุณก้อง | กรู่แก้วเกลื่อนขัน | ||
๏ พระคุณเอ๋ยเคยทรงสร้าง | สมภาร | ||
ปราถนาพระโพธิญาณ | ยอดแก้ว | ||
ออกโอษฐ์ขอคชทการ | นำสัตว์ | ||
จากบ่วงสงสารแคล้ว | คลาศพ้นพลันเข็ญ | ||
ครุวารกติกมาเส สุกรอัคสังวชเร เหมันต์จตุมีดิถียัง
๑๏ นาฬิกาหึ่งๆ ถึงยามสอง | ได้สามบาทคาดฆ้องประโคมสังข์ | ||
พระมงกุฏปิ่นเกษนิเวศวัง | ไม่รอรั้งร้างมิ่งพิมานเย็น | ||
๏ พระสฐานสถิตย์เยือกยินแต่เสียง | สุรางค์เรียงร่ำเทวศก็เหลือเข็ญ | ||
ข้าธุลีมีกรรมจึงจำเปน | ไม่เห็นเลยหลักภพวิบัติวาย | ||
๏ โอ้พระมิ่งโมฬีที่พึ่งโลกย์ | ประชาโศกแสนลห้อยไม่รู้หาย | ||
ฤๅผลเวรสัตว์ทำประจำกาย | จึงทำลายเจาะจอมกระหม่อมจง | ||
๏ พระกฤษดาดังพรหมอุดมเดช | ที่ทรงเพศพาหนะพระยาหงษ์ | ||
เหมือนสุริเยศไขศรีรวีวงษ์ | เมื่อเสร็จทรงกลดเยี่ยมโพยมงาม | ||
๏ อรินทร์ราชกราบเกรงพระบารเมศ | มงกุฏเกษสรวมชีพทวีปสาม | ||
เคยเปนฉัตรแก้วกั้นสุวรรณวาม | ดังศศิตามส่องโลกย์สว่างวาว | ||
๏ เย็นเกษบารเมศบรมจักร | ที่พำนักนิ์หายหาชนาหนาว | ||
พระอานุภาพเลิศลบจบแตนดาว | ปัจจาผ่าวอุรพารอาใจ | ||
๏ อันปิ่นราชนิเวศน์วังบวร | ดัษกรรื่นาบกราบไสว | ||
ถึงรัตนังอังวะที่ฦๅไกร | ก็ปราบได้ด้วยพระฤทธิ์เดชาชาย | ||
๏ เมื่อปางหลังที่นั่งสุรามรินทร์ | อยุทธสิ้นย่อยยับประหารหาย | ||
เพราะไพรินทร์ลุยลามตามทำลาย | กระหม่อมหมายเมืองล่มไม่เล็งคืน | ||
๏ บิตุรงทรงนามธรรมิกราช | ทั้งสามโลกย์เนียรนาศไม่อาจฝืน | ||
มายกพระสาศนาภิญยายืน | ประชาชื่นชมโพธิสมภาร | ||
๏ คือล้นกระหม่อมมิ่งมไหวงษ์ | สองพระองค์เลิศฟ้ามงกุฏสฐาน | ||
แบ่งภาคจากองค์พระอวตาร | ผ่านนิเวศน์ปราบดาด้วยบารมี | ||
๑๑๏ จึงสิ้นยุคสุขกระเษมทั้งสามภพ | เทพนบน้อมเกษทุกราษี | ||
สรรเสริญเดชาทั้งธาษ์ตรี | กรชุลีโปรยทิพย์สุมาลย์มา | ||
๏ โอ้พระคุณเคยการุญพำนักนิ์โลก | ยิ่งวิโยคยามร้อนไม่ผ่อนหา | ||
เมื่อดับเข็ญเย็นแล้วทั้งโลกา | ไยนิราร้างราษฏร์อนาถเนาว์ | ||
๏ ปางครั้งทศเศียรอสุรภักตร์ | เที่ยวหาญหักสามโลกย์ได้โศกเศร้า | ||
นารายน์รามตามล้างจึงบางเบา | บันเทาทุกข์ทั่วเทพดาคืน | ||
๏ สุดกระเษมไตรภพสบกระสัน | อภิวันทุกพิมานสำราญรื่น | ||
เหมือนปิ่นจอมล้นกระหม่อมเมื่อยังยืน | หมื่นนิเวศน์วรถวายสุมาลี | ||
๏ จึงนิพนธ์แต่หลังไว้หวังสนอง | ให้จำลองสืบกระษัตริย์บดีศรี | ||
หนึ่งครุลหุเคียงแต่เพียงตรี | ที่ท่านปรีชาช่วยอำนวยกลอน | ||
๏ ใครยลอย่าเพ่อเย้ยพึ่งศึกษา | ใช่เมธาเจนจิตรบัณฑิตย์สอน | ||
แสนถวิลถึงพระปิ่นชนากร | สุดนิวรณ์หวั่นเทวศกำศรวญครวญ | ||
๏ ปัญญาหญิงไหนจะพริ้งไม่คล่องเคล้า | นี่โดยเดานึกคเนอย่าเสสรวล | ||
ถ้าชำนาญอ่านเล่นเห็นสำนวน | ปราชช่วยปรวนเติมแต้มให้งามคำ | ||
๏ เราใช่ราชกระวีที่เฉลียว | ก็เสียวใจจะไม่คมเหมือนลมขำ | ||
อ่อนหัดไม่สันทัดพึ่งลองทำ | จะริร่ำร่างลงก็งงนาน | ||
๏ หนึ่งชุลิตฝ่าธุลีมีพระเดช | ซึ่งก่อเกษเลื่องโลกย์ระบือหาญ | ||
เสด็จสู่สวรรค์เทวพิมาน | ขอมัศการกรน้อมศิโรดม | ||
๏ ถวายต่างทิพมาศมโนแผ้ว | กราบแล้วจึงลิขิตอักษรสม | ||
โอ้พระปิ่นภพร้อนดังเพลิงรม | ล้มพระโรคแรกประทับจะอับจ | ||
๒๑๏ ประชวรแต่มาขมาสเหมันต์ | รดูนั้นเดือนหนาวเปนคราวฝน | ||
สิ้นทั้งวังตั้งแต่ทุกข์รทมทน | ถึงยุคลมิ่งแก้วเกษกำนัล | ||
๏ เสด็จนั่งหนือบัลลังก์วิเชียรช่วง | ประดับดวงมณฑามาแต่สวรรค์ | ||
ดารารายพรายพร้อมเข้าล้อมจันทร์ | เหมือนสุริยันย่างเยี่ยงพระเมรุทอง | ||
๏ หมู่อับสรเฝ้ารอบหมอบรดาษ | พร้มพระราชธิดาประนมสนอง | ||
สุวรรณผุดโพธิญาฝ่าลออง | ให้แผ่ปองทรงปิดพระปฏิมา | ||
๏ พระรัศมีหมองเหมือนเมื่อเดือนดับ | ลูกวาววับหวั่นทรวงสหัสา | ||
พระฉวีเสียศรีสุนทรา | ชลนานองเนตรตลึงแล | ||
๏ ยลอนงค์นุชนางสนมน้อม | งามลม่อมหมอบผจงดังวงแข | ||
เคยรองบาทจะบำราศสวาดิแด | เหมือนจะแปรปราศจากไม่อยากยล | ||
๏ เหนพระไทยจะเปนห่วงหน่วงถนอม | จะไกลกล่อมขวัญให้รหวยหน | ||
จึงเรียกรศอมฤตยวิเชียรชล | เสี่ยงกุศลซึ่งสร้างพระโพธิญาณ | ||
๏ แม้นชนม์จะอยู่ช่วยบำรุงทวีป | ขอให้รีบรับน้ำรศาหาร | ||
ถ้าชีวิตนั้นจะปลิดไม่เนาว์นาน | อย่าให้พานสอดคล่องนิยมยืน | ||
๏ เทวศว่าต่อพระภักรพระชนศรี | แล้วทวีทรงพระวิตกถวิล | ||
พิศฐานเสร็จเสวยวารีริน | แต่ชั้นกลิ่นกลืนกลับวิบัติเปน | ||
๏ พระอาเจียนเวียนประทะอุรหมอง | จึงตรัสร้องว่าโอ้มิพ้นเข็ญ | ||
เคยเปนร่มเกล้าโลกย์ไอ้อยู่เย็น | เห็นสุเมรุเอนแล้วจะตรมตรอม | ||
๏ สุเรตดังสุรางค์บำเรออินทร์ | จะไกลกลิ่นกล่อมกลีบมณฑาหอม | ||
เคยสงวนนวลเฉลิมเปนเจิมจอม | ยามถนอมแนบชื่นไม่คืนเคีย | ||
๓๑๏ แต่ครวญคร่ำน้ำพระเนตรนั้นนองเนตร | แสนเทวศพร้องเพราะพระสุระเสียง | ||
พระสนมรอบร่ำพิไรเรียง | เคยชุบเลี้ยงจะนิราศพระบาทา | ||
๏ จึงดำรัสเรียกเหล่าบุตรีสมร | ประโลมสอนพ่อจะร้างนิราศา | ||
ดวงจิตรฝากชีวิตรพระบิตุลา | วาศนาหาไม่จงเจียมสกล | ||
๏ สมรยากฝากองค์ให้การุญ | ถ้าพระคุณเคืองเข็ญไม่เปนผล | ||
จะพึ่งพ่อเล่าก็พ่อไม่ยืนชนม์ | ยลแต่บาทนะจงตั้งภักดีตรง | ||
๏ หนึ่งพระเสาวนีที่มียศ | พระธิดาปรากฎมงกุฎหงษ์ | ||
จงฝากกายนะอย่าหมายหมิ่นทนง | เจ้าเปนวงษ์จงรักษ์ธุลีลออง | ||
๏ ที่นี้ถึงเทพถือโอสถทิพย์ | ผจงหยิบมาประมูลทูลฉลอง | ||
ไม่เสวยเลยให้เวทนาปอง | จะต้องเนิ่นทรมานรำคาญเคือง | ||
๏ สดับตรัสดังมัจจุราชรีบ | ประหารชีพลูกหายทำลายเบื้อง | ||
เมรุมุ่งเคยประจำทวีปเรือง | ถ้าล่มแล้วจะมิเนืองน้ำตาตาย | ||
๏ บ้างค่อนอกร่ำโอ้มิควรเข็ญ | ดังกระเดนเศียรเกล้าของเราหาย | ||
เคยปราโมทมีศุขทุกวันวาย | เหมือนสายเนตรจะเปนสายโลหิตกอง | ||
๏ ถึงยามกระเษมเคยแสนสำเริงรื่น | กลับสอื้นนึกโอ้มโนหมอง | ||
แต่นั้นมาพร้อมหน้าไม่ไกลลออง | หมายฉลองพระคุณคอยรวัง | ||
๏ ผลัดโมงกันไม่ให้คลาดสักบาททุ่ม | ดังเพลิงรุมร้อนอกวิตกหลัง | ||
แต่นั่งยามย่ำฆ้องจนเคาะรฆัง | ลูกหวังฟังราชกิจจะหนักเบา | ||
๏ ปางปิ่นโมฬีทั้งสี่ทวีป | ดังศศิธรร่อนรีบขึ้นเหลี่ยมเขา | ||
เสวยทุกข์มิได้ศุขสถิตย์เนาว์ | ให้เชิญเอาพระอาการนราพงษ์ ... (๔๐) | ||
๔๑๏ พอรตินทิวาเวลาสงัด | ดำรัสร่ำคำหวานละลานหลง | ||
ตลึงแลดูนิเวศจังหวัดวง | ยิ่งแสนทรงพระวิโยคเมื่อยามตรอม | ||
๏ ว่าอนิจจังครั้งนี้จะไกลเนตร | นึกสังเวชก็แต่บุตรสุดถนอม | ||
จะพึ่งวงษ์ไม่จงเหมือนบิตุจอม | จะร่ำโอ้ทูลกระหม่อมนิราคลา | ||
๏ พรหมภักตรพร้อมภักตรละห้อยหวล | แต่นี้นวลนะอย่าโหยละห้อยหา | ||
ทั้งพิมานดุสิดาสวรรยา | ฤๅจะราแรมร้างจากปรางค์ไป | ||
๏ แต่พื้นทรงสมญาปราสาทซื่อ | ประสิทธินามไว้ให้ลือพิภพไหว | ||
แล้วนึกพระบิตุลายิ่งอาไลย | จะเปลี่ยวพระไทยจินดานุชาครัน | ||
๏ คราวณรงค์เห็นจะทรงดำริห์คิด | เคยร่วมจิตร่วมคู่เสวตรสวรรค์ | ||
ร่วมชีวิตรปลิดพรากไปจากกัน | ร่วมสุวรรณเสวตรฉัตรกระจัดนาม | ||
๏ จะพินทนาอยู่เออนาโถ | จะนึกโอ้ฤๅไม่เอื้อนระคางขาม | ||
ฤาจะแสนโศกเทวศถวิลความ | เปนเพื่อนไร้ในยามกันดารนาน | ||
๏ พระเดชขจรนครกระษัตริย์สิ้น | แต่พื้นผินน้อมศียรหัตถประสาน | ||
ถวายเครื่องทิพย์มาศสุมาลย์ | บรรณาการเนื่องแน่นประนมคม | ||
๏ ออกพระนามก็ให้ขามขยาดยศ | เห็นปรากฎเกียรติเกินพระสยม | ||
อาณาราษฎร์ร้องถวายพระพรชม | จนประฐมล่วงพระชนม์นรินทร์ | ||
๏ ร้อนอาศน์เทวราชอมรเมศร์ | เทพเทวศทุกวิมานรังสิน | ||
สิบหกชั้นช่อฟ้าดุสิตอินทร์ | ประชุมผินผันย้ายราษีจร | ||
๏ เข้าสถิตย์สิงสู่กำภูฉัตร | กระจัดแจ้งออกด้วยเทพสังหร | ||
หวังให้เลื่องบารมินปิ่นนคร | กระฉ่อนภพจบหล้าลือขจาย | ||
๕๑๏ มหัศจรรย์โลกย์ลั่นกำปนาท | สุธาวาศไหวกระทบคูหาหาย | ||
สุเมรุเอียงแทบจะเอนอันตราย | สายสินธุ์เปนละลอกกระฉอกฟอง | ||
๏ พระสมุทเพียงจะทรุดไม่หยุดคลื่น | พุชชงศ์ตื่นแผ่นน้ำผันผยอง | ||
ประทุมเกตุอาเพทดังสีทอง | แสงส่องยลปลาดไม่อาจแล | ||
๏ เมฆหมอกออกมัวไปทั่วทวีป | พิรุณรีบโปรยกระสินธุ์รินกระแส | ||
ฟ้าดินวิปริตเห็นผิดแปร | ทีนี้แน่แล้วพระจอมกระหม่อมเวียง | ||
๏ ทั้งพโยมก็พยับพยุฝน | ดูฤกษ์บนเทเวศถวายเสียง | ||
สุนีย์ฟาดอากาศก้องสำเนียง | ดังเปลื่องเปลี้ยงฟ้าลั่นคำรามรน | ||
๏ วายุพาพัดปาริกชาติ | ก็พินาศพังรเนนไม่ตั้งต้น | ||
เสวตรฉัตรหักยับรยำยล | ฤๅเทพดลบันดาลฟ้ามาเชิญ | ||
๏ วิหคร้องในห้องเวหาหาว | เหมือนเสียงสาวสมรอัปศรเหิน | ||
เหมือนสุลีรอยชลอพิมานเกิน | คอยพระราชดำเนินเสด็จคลา | ||
๏ บังเกิดมีองค์พระศรีมหาโพธิ์ | นิโรธร่มฝูงสัตวมนัศา | ||
ก็แรมร่วงล่วงลับอยู่โรยรา | กลับรย้ายอดลัดรบัดใบ | ||
๏ เมื่อจวนจอมรพีพงษ์ทิวงคต | โพธิ์สลดเอนล้มรทมไข้ | ||
ดังมีจิตรคิดแสนเทวศใจ | ดังอาไลยในเบื้องบดินทร์วาย | ||
๏ หรือล้นกระหม่อมจอมดาวดึงษเดช | แสดงเหตุแจ้งอัถกระจัดถวาย | ||
ว่าโพธิ์ทองหมองแล้วจะอันตราย | เมื่อลูกหมายเหมือนพระจอมโลกากร | ||
๏ ด้วยพระปิ่นจัลโลงอยุทธเยศ | ทุกประเทศเกรงจบสยบสยอน | ||
จึงสำแดงบารเมศลือขจร | ว่าร่มร้อนเกล้าโลกย์เคยอยู่เย็น | ||