|
| | ๏ กราบบังคมสมเด็จบดินทร์สูร
|
พระยศอย่างปางนารายณ์วายุกูล | | มาเพิ่มภูลภิญโญในโลกา
|
ทุกประเทศเขตรขอบมานอบน้อม | | สพรั่งพร้อมเปนศุขทุกภาษา
|
ขอเดชะพระคุณกรุณา | | ด้วยเสภาถวายนิยายความ
|
๏ จะกล่าวพงศาวดารกาลแต่หลัง | | เมื่อแรกตั้งอยุธยาภาษาสยาม
|
ท้าวอู่ทองท่านอุส่าห์พยายาม | | ชีพ่อพราหมร์ปโรหิตคิดพร้อมกัน
|
มีจดหมายลายลักษณ์ศักราช | | เจ็ดร้อยสิบสองคาดเปนข้อขัน
|
ปีขาลโทศกตกสำคัญ | | เดือนห้าวันศุกร์ขึ้นหกค่ำควร
|
เพลาสามนาฬิกากับเก้าบาท | | ตั้งพิธีไสยสาตรพระอิศวร
|
ได้สังขทักษิณาวัฏมงคลควร | | ใต้ต้นหมันตามกระบวนแต่บุราณ
|
เปนมหามงคลเลิศประเสริฐศักดิ์ | | สร้างปราสาทสำนักไพฑูรย์สถาน
|
สำเร็จแล้วจึงให้สร้างปรางปราการ | | ชื่อไพชยนต์ทิพพิมานอลงการ์
|
แล้วสร้างพระที่นั่งใหญ่ไอสวรรย์ | | สามปราสาทเสร็จพลันด้วยหรรษา
|
ท้าวอู่ทองครองเสวยสวรรยา | | พระชัณษาสามสิบเจ็ดเสร็จสมปอง
|
ชีพ่อพราหมณ์ถวายนามตามที่ | | พระรามาธิบดีไม่มีสอง
|
นามบุรีศรีอยุธยาครอง | | ให้ถูกต้องตามนามพระรามา ฯ
|
๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงศักดิ์ | | จุลจักรจอมทศทิศา
|
บำรุงเมืองเรืองฤทธิ์อิศรา | | ฝูงประชาชมชื่นทุกคืนวัน
|
มีเมืองขึ้นสิบหกพระบุรี | | คือเมืองตะนาวศรี นครสวรรค์
|
เมืองชวา มละกา พิจิตรนั้น | | เมืองสวรรคโลก ศุโขทัย
|
เมาะลำเลิงบุรี ศรีธรรมราช | | ทั้งสงขลามาภิวาทไม่ขาดได้
|
พิษณุโลก กำแพงเพ็ชร เมืองพิชัย | | ทวายใหญ่ เมาะตมะ จันทบูร
|
แสนอุดมสมพงษ์วงศ์กระษัตริย์ | | เจ้าจังหวัดราเชนทร์นเรนทร์สูร
|
โภชนาสาลีบริบูรณ์ | | ยิ่งเพิ่มพูนผาศุกทุกนิรันดร์
|
ทรงรำพึงถึงองค์พระเชษฐา | | ร่วมครรภาอัคเรศนรังสรรค์
|
จำจะให้ไปบำรุงกรุงสุพรรณ | | ด้วยท่านนั้นสิร่วมสุริวงศ์
|
อนึ่งราชกุมารชาญศักดา | | องค์พระราเมศวรควรประสงค์
|
จำเริญไวยใหญ่ยิ่งประยูรวงศ์ | | ควรดำรงเมืองลพบุรี
|
ดำริห์พลางทางออกพระโรงรัตน์ | | ตั้งกษัตริย์ขนานนามต้องตามที่
|
เฉลิมเดชเชษฐาธิบดี | | ให้เปนที่พระบรมราชา ฯ
|
๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงสุพรรณ | | พระราเมศวรนั้นก็หรรษา
|
ต่างองค์ทรงคำนับรับบัญชา | | แล้วลีลาไปสู่พระบูรี ฯ
|
๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดช | | มิ่งมงกุฎอยุธเยศจำเริญศรี
|
สถิตย์แท่นแสนสำราญดาลฤดี | | ด้วยบุรีขอมคดประทษร้าย
|
จำจะให้ราชบุตรสุดสงสาร | | ไปรอนราญไล่ริบให้ฉิบหาย
|
เสด็จออกพระโรงคัลพรรณราย | | แล้วเผยผายสิงหนาทประภาษมา
|
เฮ้ย เสนีย์รีบร้อนจรโดยด่วน | | บอกพระราเมศวรมาหน่อยหวา
|
ตำรวจรับพระโองการคลานออกมา | | ลงนาวารีบไปดังใจจง
|
วันหนึ่งก็ถึงลพบุรี | | อัญชลีทูลความตามประสงค์
|
ว่าพระทรงฤทธิ์บิตุรงค์ | | เชิญเสด็จเสร็จลงไปกรุงไกร ฯ
|
๏ ครานั้น พระราเมศวรราช | | ฟังอำมาตย์ทูลแจ้งแถลงไข
|
ให้จัดเรือเร็วพลันในทันใด | | รีบครรไลคืนหนึ่งถึงบุรี
|
ประทับจอดทอดท่าน่าตำหนัก | | ขึ้นเฝ้าองค์หริรักษรังษี
|
น้อมประนมบังคมคัลอัญชลี | | สถิตย์ที่พระโรงรัตน์ชัชวาลย์ ฯ
|
๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงเดช | | ทอดพระเนตรแลมาตรงน่าฉาน
|
เห็นลูกยามาประนตบทมาลย์ | | มีโองการทักทายภิปรายเปรย
|
นี่แน่ เจ้าเยาวยอดปิโยรส | | อ้ายขอมคดดูถูกนะลูกเอ๋ย
|
พ่อสุดแสนแค้นใจไม่เสบย | | แม้นละเลยจะกระเจิงละเลิงใจ
|
เจ้าแก้วตายาจิตรของปิตุเรศ | | ไปเหยียบเขตรดับเข็ญให้เย็นใส
|
จักประหารผลาญชีวันให้บรรไลย | | จะได้ฤๅฤๅมิได้ให้ว่ามา ฯ
|
๏ ครานั้น พระโอรสยศยง | | ศิโรราบกราบลงแล้วทูลว่า
|
ซึ่งข้อขอมคบคิดจิตรพาลา | | จะอาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์ ฯ
|
๏ ครานั้น พระภูเบนทร์นิเรนทร์สูร | | ได้ฟังทูลตบพระหัตถ์อยู่ฉัดฉาน
|
จึงเอื้อนอรรถตรัสมาไม่ช้านาน | | จงจัดการรีบร้อนอย่านอนใจ
|
พลของเราห้าวหาญชำนาญยุทธ | | เจียนจะขุดกัมพุชาก็ว่าได้
|
อย่าถอยหลังรั้งรอไปพ่อไป | | แม้นมีไชยพ่อจะภูลรางวัลครัน ฯ
|
๏ ครานั้น พระราเมศวรราช | | เคารพรับอภิวาทขมีขมัน
|
มาเกณฑ์พวกโยธาได้ห้าพัน | | ล้วนฉกรรจ์แข็งข้อจะต่อตี
|
ทั้งอาจองคงทนด้วยมนต์เวท | | แสนวิเศษฤทธิไกรชาญไชยศรี
|
ถืออาวุธครบมือล้วนฦๅดี | | โพกแพรสีแสดเสียดประเจียดรัด
|
บ้างก็ผูกลูกสะกดตะกรุดคาด | | ล้วนองอาจโล่ห์เขนก็เจนจัด
|
มาพร้อมพรั่งนั่งเบียดเยียดยัด | | สารวัดตรวจตราพลากร ฯ
|
๏ ครานั้น พระองค์ผู้ทรงยศ | | เอกโอรสชาญไชยดังไกรสร
|
เสด็จเข้าที่สรงอลงกรณ์ | | แล้วสอดซ้อนเครื่องทรงณรงค์ครบ
|
ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพจับพระแสง | | โดยตำแหน่งสงครามตามขนบ
|
มาทูลลาบิตุรงค์ทรงพิภพ | | ประนมนบคอยสดับรับโองการ ฯ
|
๏ ครานั้น พระองค์ดำรงราชย์ | | สถิตย์อาศน์รจนามุกดาหาร
|
เห็นพระปิยะบุตรสุดสำราญ | | จึงมีรศพจมานประภาษมา
|
เจ้าดวงใจพ่อจะไปกัมพุชประเทศ | | ระวังเหตุกลศึกฤกหนักหนา
|
จะหยุดยั้งจงระวังพระกายา | | ไม่ได้ท่าแล้วอย่าหาญเข้าราญรอน
|
ชื่อว่าศึกแล้วอย่านึกประมาทหมิ่น | | คอยประคิ่นจดจำเอาคำสอน
|
อย่าให้อายขายหน้าประชากร | | จงถาวรสวัสดีอย่ามีไภย
|
รีบปรามปราบราบเตียนที่เสี้ยนหนาม | | ดังองค์รามดับเข็ญให้เย็นใส
|
จงมีโชคไชยะชนะไภย | | ให้สมในมโนรถหมดทุกอัน
|
ยื่นพระแสงสาตราอาญาสิทธิ์ | | ใครคดคิดเข่นฆ่าให้อาสัญ
|
จงอุดมสมศุขทุกนิรันดร์ | | ซึ่งไภยันตร์สิ่งใดอย่าใกล้กราย ฯ
|
๏ ครานั้น พระโอรสยศยง | | กราบลงแทบบาทพระฤาสาย
|
เคารพรับพรพลางแล้วย่างกราย | | ผันผายมาทรงคชาธาร
|
ได้มหาพิชัยฤกษ์ให้เลิกทัพ | | โห่รับแซ่เสียงสำเนียงขาน
|
ลั่นฆ้องหึ่งอึงออกนอกทวาร | | เสียงสะท้านลั่นเลื่อนสเทื้อนสทึก
|
ทหารธงโบกธงตรงไปน่า | | เสียงช้างม้าเริงร้องอยู่กองกึก
|
ทวยหาญขานโห่โอฬารฦก | | อึกกะทึกข้ามทุ่งพ้นกรุงไกร
|
ประทับร้อนนอนค้างกลางอารัญ | | หลายวันตั้งพลับพลาหยุดอาไศรย
|
เลี้ยวลัดตัดทุ่งเดินมุ่งไป | | ถึงเวียงไชยกัมพูชาพอราตรี
|
มิทันตั้งค่ายคูอยู่สำนัก | | สั่งให้พักพลทหารชายไชยศรี
|
ขึ้นประทับพลับพลาพนาลี | | ให้โยธีล้อมรอบเปนขอบคัน ฯ
|
๏ ครานั้น พระองค์ทรงนัครา | | กัมพูชาธิราชรังสรรค์
|
รู้เรื่องราวข่าวศึกฮึกฉกรรจ์ | | มาบุกบันตั้งประชิดติดภารา
|
แสนพิโรธโกรธกริ้วกระทืบบาท | | ดำรัสเรียกอุปราชโอรสา
|
กับข้าเฝ้าเจ้าพระยาและพระยา | | มาปฤกษาสงครามตามทำนอง
|
จะผ่อนผันฉันใดไฉนเล่า | | ภาราเราเกิดวุ่นจะขุ่นหมอง
|
จะคิดอ่านการศึกเร่งตรึกตรอง | | ใครเห็นช่องฉันใดให้ว่ามา ฯ
|
๏ ครานั้น เจ้าพระยาอุปราช | | เคารพรับอภิวาทแล้วทูลว่า
|
ซึ่งทัพไทยเดินบกยกกันมา | | ขออาสามิให้เคืองเบื้องบทมาลย์
|
จะหักโหมโจมจับสัปรยุทธ | | ให้ม้วยมุดยับแยกถึงแตกฉาน
|
ซึ่งทัพมาล้าเมื่อยเดินเหนื่อยนาน | | ถึงสถานมิทันยั้งตั้งกระบวน
|
จะหักหาญรานทำค่ำวันนี้ | | เห็นจะมีไชยาสักห้าส่วน
|
ไม่มีค่ายถ่ายเทคงเรรวน | | ใคร่ครวญเห็นจะได้ดังใจปอง ฯ
|
๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพูชา | | ได้ฟังว่าเปรมปริ่มค่อยยิ้มย่อง
|
จึงเอื้อนอรรถตรัสความตามทำนอง | | ดีแล้วลูกถูกต้องคลองฤไทย
|
แล้วผินภักตร์ถามบรรดาพวกข้าเฝ้า | | ซึ่งลูกเราว่าเห็นเป็นไฉน
|
จะได้ช่องคล่องจิตรเหมือนคิดไว้ | | ฤๅเห็นเป็นอย่างไรให้ว่ามา ฯ
|
๏ ฝ่ายว่าข้าเฝ้าเหล่าพวกขอม | | ต่างเห็นพร้อมเพรียงกันยิ่งหรรษา
|
จึงกราบทูลตามมูลกิจจา | | ซึ่งตรัสมาต้องที่เห็นดีนัก
|
ด้วยทัพไทยไพร่นายยังไรเรี่ย | | ทำลายเสียจู่โจมรีบโหมหัก
|
อย่าให้ตั้งค่ายมั่นขยันนัก | | แม้นหน่วงหนักนิ่งไว้ไม่สู้ดี ฯ
|
๏ ครานั้น พระเจ้ากรุงกัมพุชประเทศ | | สดับเหตุปรีดี์เปรมเกษมศรี
|
ทรงสำรวลสรวญร่าแล้วพาที | | เหวยเสนีตรวจตราพลากร
|
แล้วตรัสสั่งอุปราชรชโอรส | | จงคุมทศทวยหาญชาญสมร
|
ไปโจมทัพจับไทยไพรีรอน | | จงถาวรกูลสวัสดิ์กำจัดไภย ฯ
|
๏ ครานั้น พระอุปราชราชบุตร์ | | เกษมสุดยินดีจะมีไหน
|
บังคมลามาเตรียมพลไกร | | จำนวนไพร่โยธาหมื่นห้าพัน
|
ถึงยามสองกองทัพไม่สับสน | | ดำเนินพลออกทวารปราการกั้น
|
ห้ามมิให้เฮฮาพูดจากัน | | ถึงกองทัพฉับพลันในทันที
|
ให้ยิงปืนครื้นครึกเสียงกึกก้อง | | โห่ร้องเลื่อนลั่นสนั่นมี่
|
ดาบดั้งพรั่งพร้อมล้อมวารี | | ต้อนตีทัพมาไม่รารอ ฯ
|
๏ ครานั้น แม่กองสองทหาร | | อลหม่านตกใจเอ๊ะใครหนอ
|
ฉวยดาบโดดโลดไล่ไม่ย่อท้อ | | ร้องรับพ่อพวกเราเอาให้ตาย
|
หมู่ทหารราญรัญรับสัปรยุทธ | | ปรายอาวุธหอกดาบกำซายสาย
|
พวกขอมแขงแทงกระทั่งพุงทลาย | | ไทยตาแตกตื่นเสียงครื้นครึก
|
เขมรโดดโลดไล่พวกไทยล่า | | มัวหลับตาเสียกระบวนเมื่อจวนดึก
|
ขอมกระทำซ้ำเติมโห่เหิมฮึก | | อึกกะทึกรบรับจนทัพไชย ฯ
|
๏ ครานั้น พระราเมศวรราช | | ทรงไสยาศน์ในพลับพลาที่อาไศรย
|
เสียงครั่นครื้นตื่นพลันในทันใด | | ตกพระไทยผลันผลุนหมุนออกมา
|
เห็นพลเมืองเนืองหนุนขนาบไร่ | | กองทัพไทยย่อหย่อนอ่อนหนักหนา
|
แสนพิโรธโดดกลับเข้าพลับพลา | | ทรงสาตราวิ่งวางออกกลางทัพ
|
ขับพหลพลไกรไล่ตระหลบ | | ใครไม่รบหลกเลี่ยงจะเสียงสับ
|
ทหารกลัวตัวตายเข้ารายรับ | | ทั้งสองทัพแขงขันประจัญบาน
|
ต่างกำแหงแรงเริงในเชิงยุทธ | | ฤทธิรุทฟันฟาดกันฉาดฉาน
|
พวกขอมอ่อนหย่อนยืนไม่ทนทาน | | ไทยทหารฮึกโห่เปนโกลา ฯ
|
๏ ครานั้น มหาอุปราช | | กริ้วตวาดพลนิกายทั้งซ้ายขวา
|
ต้อนกระตุ้นหนุนซ้ำกระหน่ำมา | | พวกโยธาร้อนตัวกลัวความตาย
|
ฟันแทงแย้งยุทธอาวุธสั้น | | แขงขันต่อตีไม่หนีหาย
|
ทั้งสองข้างต่างระทมบ้างล้มตาย | | ไพร่นายกลิ้งกลาดอนาถใจ ฯ
|
๏ ครานั้น พระราเมศวรราช | | องอาจมิได้พรั่นประหวั่นไหว
|
ทรงม้าร่ารับด้วยฉับไว | | ต้อนไพรพลทหารเข้าราญรบ
|
ทั้งสองข้างต่างแขงกำแหงฮึก | | อึกกะทึกกรูเกรียวเลี้ยวตระหลบ
|
ข้างทัพไทยไพร่น้อยต้องถอยทบ | | พวกขอมรบบุกบันประจัญบาน
|
จนเพลาฟ้าขาวเช้าตรู่ตรู่ | | ยังเกรียวกรูฮึกโห่ด้วยโมหานธ์
|
ไพร่ยิ่งตายนายต้อนเข้ารอนราญ | | อลหม่านจนสว่างขึ้นรางรอง ฯ
|
๏ ฝ่ายว่าพระราเมศวรราช | | องอจมิได้หลบสยบสยอง
|
แต่ห็นพลน้อยกว่าท่าเปนรอง | | จำจะต้องผ่อนพักไว้สักที
|
ดำริห์พลางทางให้โบกธงทัพ | | รอรับรบไปแต่ไม่หนี
|
เขมรโห่โกลาตามราวี | | พวกไทยตีถอยทนร่นมาพราง ฯ
|
๏ ครานั้น อุปราชราชบุตร | | เห็นสิ้นสุดแดนเมืองเครื่องขัดขวาง
|
จะติดตามข้ามเขตรประเทศทาง | | ก็เหินห่างเวียงชัยไม่ชอบกล
|
ไม่มีกองลำเลียงเลี้ยงทหาร | | ทางกันดารสารพัดจะขัดสน
|
ก็เลิกทัพกลับจรไม่ร้อนรน | | ประมาทตนมิได้คิดจะติดตาม ฯ
|
๏ ฝ่ายพระราเมศวรสุริยวงศ์ | | ให้พักพวกจัตุรงค์กลางสนาม
|
แล้วชุมนุมเสนาปฤกษาความ | | แม้นวู่วามเล่าก็เห็นจะเปนรอง
|
พลเรามาห้าพันถึงกลั่นกล้า | | ก็น้อยกว่าสิบเอาหนึ่งไม่ถึงสอง
|
จึรอราล่าให้ใจคนอง | | คงจะต้องแก้เผ็ดไม่เข็ดมือ
|
บอกขอพลคนเพิ่มเติมมาใหม่ | | ไม่มีไชยแล้วพากันกลับอย่านับถือ
|
ได้เรียนรู้สู้เขาเอาให้ฦๅ | | แต่งหนังสือบอกพลันให้ทันที ฯ
|
๏ ครานั้นข้าเฝ้าเหล่าทหาร | | กราบกรานเห็นพร้อน้อมเกษี
|
แต่งหนังสือปิดตราไม่ราวี | | ให้เสนีสิบม้ารีบคลาไคล ฯ
|
๏ ครานั้นพระราเมศวรราช | | ให้เคลื่อนพยุหบาตรทั้งน้อยใหญ่
|
ประทับอยู่เขตแคว้นแดนกรุงไกร | | ตั้งพระไทยท่าทัพอยุธยา ฯ
|
๏ ครานั้นเสนีปรีชาชาญ | | จำทูลสารทรงยศโอรสา
|
แรมร้อนนอนในพนาวา | | ถึงกรุงศรีอยุธยาด้วยฉับพลัน
|
ก็เข้าในนักเรศเขตรสถาน | | แจ้งสารเสนีขมีขมัน
|
ถึงเวลามาเตรียมอยู่พร้อมกัน | | คอยเฝ้าองค์ทรงธรรม์พระโรงไชย ฯ
|
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงเดช | | เนานิเวศน์ปรางทองอันผ่องใส
|
แสนสำราญบานาชหฤไทย | | อนงค์ในเคียงคู่เข้าอยู่งาน
|
บ้างหมอบเมียงเคียงคอยชม้อยม้วน | | เปนนวลนวลน่าชมสมสัณฐาน
|
บ้างกล่อมขับรับเพลงบรเลงลาน | | พระสำราญรื่นเริงบรรเทิงใจ
|
พอสายแสงสุริยาภนุมาศ | | ยุรยาตรออกพระโรงวินิจฉัย
|
สถิตย์แท่นเนาวรัตน์ใต้ฉัตรไชย | | เสนาในหมอบเฝ้าเปนเหล่ากัน
|
เสียงประโคมโครมครึกพิฦกก้อง | | ตามทำนองขันติยราชสังสรรค์
|
ดังจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ทรงสุบรรณ | | ผันพระภักตร์ซักถามความบุรี ฯ
|
๏ ครานั้นพระยามหาอำมาตย์ | | อภิวาททูลความไปเต็มที่
|
ขอเดชะพระองค์ทรงธรณี | | อันชีวีอยู่ใต้พระบาทา
|
บัดนี้พระโอรสยศยง | | ให้ขุนโจรจัตุรงค์แม่กองน่า
|
กับหลวงศักดิเสนีศรีเสนา | | นำสารมาเคารพอภิวันท์
|
พอทูลเสร็จคลี่สารอ่านถวาย | | บรรยายโดยคดีขมีขมัน
|
อ่านจบนบนิ้วบังคมคัล | | ตรงหน้าบัลลังก์รัตน์ชัชวาลย์ ฯ
|
๏ ครานั้นพระองค์ดำรงวัง | | ได้ทรงฟังอึ้งอั้นไม่บรรหาร
|
คนึงนึกตรึกตราเปนช้านาน | | มีโองการสิงหนาทประภาษมา
|
เอออะไรลูกเราช่างเบาจิตร | | แพ้ความคิดข้าศึกนึกขายหน้า
|
ทำให้เสียท่วงทีในปรีชา | | ดีแต่กล้าดื้อดื้อถือทนง
|
จนเสียพระศรีสวัสดิ์น่าขัดแค้น | | เข้าเขตแดนอรินไยมาใหลหลง
|
ไม่ระวังเนื้อตัวมัวทนง | | อ้ายขอมคงเหิมฮึกนึกดูเบา
|
ครั้นจะนิ่งทิ้งไว้ให้กำเริบ | | จะโตเติบใหญ่เยี่ยมแทบเทียมเขา
|
เขม้นหมายหยิ่งเย่อลเมอเมา | | โอรสเราหมิ่นประมาทถึงพลาดพลั้ง
|
จำจะให้พระบรมราชา | | ยกโยธาตามไปดังใจหวัง
|
ทำลายล้างภาราเข้าผ่าพัง | | คงได้ดังมโนรถหมดโพยไภย
|
เหวยมหามนตรีขมีขมัน | | ไปสุพรรณภาราอย่าช้าได้
|
เชิญเสด็จเชษฐามาไวไว | | จึงรีบไปเร็วหวาอย่าช้าที ฯ
|
|
|
|
| | |
|