นิราศท่าดินà¹à¸”ง
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
การปรับปรุง เมื่อ 06:50, 18 กุมภาพันธ์ 2553 โดย ลุงไà¸à¹ˆ (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
ข้อมูลเบื้องต้น
พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
๏ แสนรักสุดรักภิรมย์สมร | |||
ทุกอนงค์ทรงลักษณ์อันสุนทร | สถาวรพูนสวาดิสวัสดี | ||
ประกอบศักดิ์สมบูรณ์จำรูญเนตร | อัคเรศงอนงามจำเริญศรี | ||
แสนกระสันปั่นป่วนฤดีทวี | มีมโนเสน่ห์น้อมถนอมนวล | ||
อันราคีมิให้เคืองระคางข้อง | ปองประคองนิ่มเนื้อนวลสงวน | ||
หวังสวาสดิ์มิรู้ขาดอารมณ์ครวญ | เป็นที่ชวนชูชื่นทุกอิริยา | ||
เกษมสุขภิรมย์สมสมาน | เคยสำราญมิได้แรมนิราศา | ||
ไม่นิราศขาดชมสักเวลา | บำเรอล้อมพร้อมหน้าไม่ราวัน | ||
นิจาเอ๋ยโอ้กรรมจึงจำไกล | มาซ้ำให้ทุเรศร้างมไหสวรรย์ | ||
ก็เพราะมีอธิราชไภยัน | เข้าหักหั่นด่านแดนบุรีรมย์ | ||
จึงต้องกรูกรีธาพลากร | มาจำจรจากสุขเกษมสม | ||
สารพัดสิ่งสวัสดิ์ที่เคยชม | ก็นิยมให้วิโยคด้วยจำเป็น | ||
เมื่อวันออกนาเวศทุเรศสถาน | แสนสงสารสุดอาไลยใครจะเห็น | ||
พี่เคยทัศนาเจ้าทุกเช้าเย็น | เพราะเกิดเข็ญจึงต้องละสละมา | ||
๏ ครั้นถึงด่านดาลเทวษทวีถึง | คนึงในให้หวนละห้อยหา | ||
ถึงนางนองเหมือนพี่นองชลนา | ยิ่อาทวาอาวรณ์สท้อนใจ | ||
ครั้นถึงโขลนทวารยิ่งลานแล | ให้หวาดแหวอารมณ์ดังลมไข้ | ||
จนลุล่วงคลองชลามหาไชย | ย่านไกลสุดสายในตาแล | ||
เหมือนอกเราที่นิรามาทุเรศ | เหลือสังเกตมุ่งหามาห่างแห | ||
ระกำเดียวเปลี่ยวดิ้นฤดีแด | จนล่วงกระแสสาครบุรีไป | ||
ลุสถานบ้านบ่อนาขวาง | ให้อางขนางร้อนรนกมลไหม้ | ||
ถึงย่านซื่อเหมือนพี่ซื่อสังวรใจ | มิได้มีลำเอียงเที่ยงธรรม | ||
เมื่อถึงสามสิบสามคดแล้ว | แคล้วแคล้วเหมือนจะกลับมารับขวัญ | ||
คล้ายคล้ายอัษฎงค์พระสุริยัน | ก็บรรลุถึงคลองสุนัขใน | ||
พอชลาถอยถดลดลงฝั่ง | เรือดั่งเคืองเขินไม่เดินได้ | ||
พลพายรายกันลงเข็นไป | เหมือนเข็ญใจเคืองจิตที่จากมา | ||
๏ ครั้นเพลาสุริยาอรุณเรือง | แสงประเทืองเบื้องบูรพ์ทิศา | ||
พอตกลึกแล้วให้ล่องนาวาคลา | ประทับท่าเมืองสมุทรบุรีรมย์ | ||
อันฝุงชนชาวบ้านย่านนั้น | ผิวพรรณไม่รื่นรวยสวยสม | ||
ไม่เป็นที่ชวนชื่นอารมณ์ชม | ยิ่งเกรียบกรมสุดแสนระกำใจ | ||
ให้ปั่นป่วนหวนสวาสดิ์ประวัติหา | จะดูใครไม่พาใจชื่นได้ | ||
จึงให้ออกนาวาคลาไคล | รีบไปตามสายชลธี | ||
อันเรือหลังตั้งกันสิ้นทั้งหลาย | ก็พายแซงแข่งขึ้นไปอึงมี่ | ||
โห่สนั่นครั่นครึ้นทั้งนาวี | มีแต่ความเกษมสุขไปทุกคน | ||
เสียงเส้าเร้าเร่งพลพาย | เหมือนรักหมายสายสวาททุกขุมขน | ||
ให้อักอ่วนป่วนจิตจลาจล | ถึงตำบลบางกุ้งเป็นคุ้งเลี้ยว | ||
ยิ่งลับไม้ไกลเนตรทุเรศสถาน | ให้แดดาลหวั่นหวั่นกระสันเสียว | ||
ดังเอกามาแต่นาวาเดียว | เปลี่ยวสวาสดินิราศไร้ภิรมย์ชม | ||
๏ มาถึงย่านนกแขวกแสกส่งเสียง | ทั้งสำเนียงถอนใจเพียงใจล่ม | ||
เคยยินเสียงประโคมขานสำราญรมย์ | โอ้ครั้งนี้มาระงมแต่เสียงนก | ||
แสนทุเรศเวทนานิจาเอ๋ย | นี่ใครเลยจะเล็งเห็นในอก | ||
ได้ระกำช้ำใจมาหลายยก | หวังจะป้องปิดปกให้พ้นไภย | ||
มิให้หมู่พาลาอาธรรม์ | มาย่ำยีเขตขัณฑ์บุรีได้ | ||
จึงสู้สละรักหักใจ | มาทนเทวษอยู่ไกลเอกา | ||
๏ ถึงบำหรุเหมือนพี่นิราศรัก | ให้อักอ่วนครวญใคร่อาลัยหา | ||
ครั้นลุราชบุรีภิรมยา | ที่อาทวาหักอารมย์ค่อยสมประดี | ||
จึงรีบรัดจัดหมู่โยธา | ให้อยู่รักษาบุรีศรี | ||
ครั้นอรุณเรืองแรงแสงรวี | ก็จรลีนาเวศทุเรศจร | ||
ด่วนเดินทางโดยทางชลมารค | แสนลำบากด้วยร้างแรมสมร | ||
กระหายหิวหวิวใจให้อาวรณ์ | แต่ข้อนข้อนขุ่นเข็ญเป็นนิรันดร์ | ||
ถึงท่าราบเหมือนพี่ทาบทรวงถวิล | ยิ่งโดยดิ้นโหยหวนครวญกระสัน | ||
ด้วยได้ทุกข์ฉุกใจมาหลายวัน | จนบรรลุเจ็ดเสมียนตำบลมา | ||
ลำลำจะใคร่เรียกเสมียนหมาย | มารายทุกข์ที่ทุกข์คนึงหา | ||
จึงรีบเร่งนาเวศครรไลยคลา | พอทิวากรเยื้องจะสายัณห์ | ||
ก็ลุถึงวังศาลาท่าลาด | ชายหาดทรายแดงดังแกล้งสรร | ||
จึงประทับแรมรั้งยังที่นั้น | พอพักพวกพลขันธ์ให้สำราญ | ||
พรั่งพร้อมล้อมวงเป็นหมู่หมวด | ชาวมหาดตำรวจแลทวยหาญ | ||
เฝ้าแหนแน่นนันต์กราบกราน | นุ่งห่มสะคราญจำเริญตา | ||
ต่างว่าจะเข้าโหมหักศึก | ห้าวฮึกขอขันอาสา | ||
ไม่คิดกายขอถวายชีวา | พร้อมหน้าถ้วนทุกตัวไป | ||
แต่ตริการที่จะผลาญอรินราช | จนโอภาสแสงจันทร์จำรัสไข | ||
ให้ขุกคิดอาวรณ์สะท้อนใจ | ถึงอนงค์นางในไม่รู้วาย | ||
ด้วยเคยทอดทัศนาไม่รารัก | ภิรมย์พักตร์ร้องรำบำเรอถวาย | ||
บ้างเฝ้าแหนหมอบเมียงเรียงราย | กรกรายโบกพัชนีพาน | ||
ยิ่งเร่าร้อนทอนทอดฤทัยทุกข์ | เมื่อเคยสุขฤามาเสื่อมทุกสิ่งสมาน | ||
จนลืมหลงที่ดำรงดำริการ | แต่เดือดดาลอารมณ์ไม่สมประดี | ||
จนเพลาสิบทุ่มยิ่งรุ่มร้อน | ให้ยกพลนิกรออกจากที่ | ||
กระบวนทัพซับซ้อนมามากมี | โห่มีสะเทือนก้องท้องวาริน | ||
๏ ถึงม่วงชุมเหมือนเคยประชุมเฝ้า | ยิ่งร้อนเร่ารื้อกำหนัดประวัติถวิล | ||
ยามเสวยเคยเห็นเป็นอาจิณ | แดดิ้นถึงเนื้อวิมลมาลย์ | ||
แสนเทวษเสื่อมสิ้นสิ่งสวาสดิ | ด้วยนิราศแรมร้างห่างสถาน | ||
ถึงยามชื่นมิได้ชื่นสำราญบาน | แต่นี้นานสวาสดิ์เว้นไม่เห็นใคร | ||
ถึงปากแพรกซึ่งเป็นที่ประชุมพล | พร้อมพหลพลนิกรน้อยใหญ่ | ||
ค่ายคูเขื่อนขัณฑ์ทั้งนั้นไซ้ | สารพัดแต่งไว้ทุกประการ | ||
จึงรีบรัดจัดโดยกระบวนทัพ | สรรพด้วยพยุหทวยหาญ | ||
ทุกหมู่หมวดตรวจกันไว้พร้อมการ | ครั้นได้ศุภวารเวลา | ||
ให้ยกพลขึ้นทางไทรโยคสถาน | ทั้งบกเรือล้วนทหารอาสา | ||
จะสังหารอริราชพาลา | อันสถิตย์อยู่ยังท่าดินแดง | ||
๏ ครั้นเดือนสามวันแรมเก้าค่ำ | |||
ย่ำรุ่งสี่บาทอรุณแสง | |||
จึงให้ยกพหลรณแรง | |||
ล้วนกำแหงหาญเหี้ยมสงครามครัน | |||
ไปโดยพยุหบาตรรัถยา | |||
พลนาวาตามไปเป็นหลั่นหลั่น | |||
สะพรึบพร้อมหน้าหลังตั้งกัน | |||
โห่สนั่นสะเทือนท้องนทีธาร | |||
รีบเร่งพลพายให้เร่งพาย | |||
ฝืนสายชลเชี่ยวฉ่าฉาน | |||
ถึงตำแหน่งแก่งหลวงศิลาดาล | |||
ชลธารไหลเชี่ยวเป็นเกรียวมา | |||
แต่จำเพาะเตราะตรอกซอกทาง | |||
แก่งเกาะขัดขวางอยู่หนักหนา | |||
แสนลำบากยากใจที่ไคลคลา | |||
ใครจะเห็นเวทนาบรรดามี | |||
สองวันบรรลุถึงวังยาง | |||
คนึงวังอ้างว้างเกษมศรี | |||
เคยเป็นสุขทุกเวลาราตรี | |||
โอ้ครานี้มีกรรมมาจำไกล | |||
ถึงบางลางยิ่งดาลทรวงสมร | |||
ให้ขุ่นข้อนอารมณ์หม่นไหม้ | |||
จึงเร่งรีบนาวาคลาไคล | |||
มาถึงไศลชลชีสีขริน | |||
สูงส่งตรงโตรกโดดเดี่ยว | |||
อยู่ริมสายชลเชี่ยวกระแสสินธุ์ | |||
พรายแพร้วดังแก้วแกมนิล | |||
ปักษินบินร้องร้องระงมไพร | |||
บ้างจับไม้รายเรียงบนเชิงเขา | |||
บ้างง่วงเหงาหาคู่พิศมัย | |||
นกเอ๋ยยังรู้มีอาลัย | |||
อกเราฤาจะไม่เวทนา | |||
ครั้นบรรลุถึงศาลเทพารักษ์ | |||
อันพิทักษ์ปากน้ำประจำท่า | |||
มีแต่ศาลสันโดษอยู่เอกา | |||
คิดมาเหมือนอกพี่ที่จากจร | |||
เห็นอารักษ์แล้วคิดสังเวชจิต | |||
มาใช้มิตรเหมือนพี่ร้างแรมสมร | |||
สารพัดจะวิบัติอนาทร | |||
แต่ร้อนแรมตามทางทุเรศมา | |||
ครั้นมาถึงวังนางตะเคียน | |||
พิศเพี้ยนมิ่งไม้ใบหนา | |||
ตั้งเคียงเรียงราบริมชลา | |||
สาขารื่นรมสำราญใจ | |||
ต้นไม้เปลาเปลาอยู่สล้าง | |||
เหมือนไม้กระถางวางเรียงงามไสว | |||
ชมพลางพลางรีบนาวาไป | |||
บรรลุล่วงมาได้หลายตำบล | |||
มาพลางทางแสนคนึงหา | |||
นัยนาแลลับไพรสณฑ์ | |||
ยิ่งแดดาลร่านร้อนทุรนทน | |||
จนลุดลเข้าท้องไอยรารมย์ | |||
เป็นช่องชั้นเชิงผาศิลาลาด | |||
รุกขชาติรื่นรวยสวยสม | |||
ไพจิตรพิศพรรณอยู่น่าชม | |||
ลมพัดพากลิ่นสุมาลย์มา | |||
มีท่อธารน้ำพุดุดัน | |||
ตลอดลั่นไหลลงแต่ยอดผา | |||
เป็นโปลงปล่องช่องชั้นบรรพตา | |||
เซนซ่าดังสายสุหร่ายริน | |||
บ้างเป็นท่อแถวทางหว่างบรรพต | |||
เลี้ยวลดไหลมามิรู้สิ้น | |||
น้ำใสไหลรินซอกศิขริน | |||
แสนถวิลถึงสวาดิไม่คลาดคลา | |||
เกษมสุขสรงสนานสำราญเริง | |||
บันเทิงจิตพิศวงหรรษา | |||
ชลอได้ก็จะใคร่ชลอมา | |||
ให้เป็นที่ผาสุขทุกนางใน | |||
คิดเคยเมื่อเคยสรงสนาน | |||
สุธาธารทิพรสสดใส | |||
อันหอมหวลอวลอบสุมาไลย | |||
มาร้างไร้สุคนธกำจร | |||
เจ้าเคยถวายภูษาสุธาสรง | |||
อันบรรจงทิพรสเกษร | |||
เคยไพบูลย์ด้วยดรุณนิกร | |||
ทีนี้มาจำจรอยู่เอกา | |||
ชมเขาลำเนาพนาวาศ | |||
แสนสวาดิไม่วายถวิลหา | |||
ค ถึงไทรโยคปลายแดนนัครา | |||
มิให้หยุดโยธาเร่งคลาไคล | |||
แต่เห็นทางท่าชลานั้น | |||
เป็นเกาะแก่งขัดขึ้นล้วนเนินไศล | |||
ยากที่นาวีจะหลีกไป | |||
จึงสั่งให้รอรั้งยั้งนาวา | |||
เร่งรีบคชสารอัสดร | |||
บทจรตามแถวแนวพฤษา | |||
ชมพรรณมิ่งไม้นานา | |||
บ้างทรงผลผกาเขียวขจี | |||
ลางต้นสาขาดูน่าชม | |||
รื่นร่มมิดแสงพระสุริยศรี | |||
สดับเสียงปักษาสุวาที | |||
ลิงค่างบ่างชนีวิเวกดง | |||
เสนาะเสียงจักจั่นสนั่นไพร | |||
แม่ม่ายลองในในป่าระหง | |||
เรไรร้องหริ่งหริ่งอยู่ริมพง | |||
ส่งเสียงดังสำเนียงอนงค์นวล | |||
คิดคล้ายลม้ายเหมือนดนตรี | |||
จำเรียงรี่เรื่อยโรยโหยหวน | |||
ยิ่งซับซาบอาบชื่นอารมณ์ชวน | |||
กำสรวลว้าเหว่ทุเรโรย | |||
ฟังแต่เสียงสำเนียงนกวิหคร้อง | |||
วิเวกก้องเกริ่นไพรฤทัยโหย | |||
รุกขชาติแกว่งกวัดสบัดโบย | |||
ลมโชยคันธรสจรุงใจ | |||
ตะวันรอนอ่อนแสงจะอัสดง | |||
เหล่าจัตุรงค์เตรียมกายทั้งนายไพร่ | |||
แรมรอนนอนแนวพนาไลย | |||
แต่ไศลป่าระหงดงดอน | |||
นอนเดียวเปลี่ยวเทวษทวีทุกข์ | |||
ไม่มีสุขเร่าร้อนสท้อนถอน | |||
แสงจันทร์ส่องสว่างกลางอัมพร | |||
ยิ่งอาวรณ์หวังสวาดิไม่ขาดคิด | |||
วายุพัดพานดวงศศิธร | |||
เขจรจรบังเมฆมิดสนิท | |||
พิรุณโรยโปรยปรายใบไม้ชิด | |||
สะท้านจิตเจียนจักเป็นไข้ใจ | |||
เย็นฉ่ำน้ำฟ้าละอองฝน | |||
มาทนเทวษครั้งนี้จะมีไหน | |||
ถึงทั้งหลายหนาวกายได้ผิงไฟ | |||
ไม่เหมือนพี่หนาวใจที่ในทรวง | |||
เห็นดาวดึกนึกหวนรัญจวนหา | |||
ในอุษาเพียงทับด้วยเขาหลวง | |||
อันหาบหามที่เขาตามมาทั้งปวง | |||
ไม่หนักทรวงเหมือนพี่หนักอาลัยไกล | |||
เขาหนักหาบถึงที่ก็ได้พัก | |||
พี่หนักรักนี้ไม่ปลงเอาลงได้ | |||
มีแต่คอยคอยทุกข์ทุกวันไป | |||
จะเห็นใจฤาที่ใจการุณกัน | |||
แต่นอนนิ่งกลิ้งกลับไม่หลับสนิท | |||
ยิ่งคิดคิดก็ยิ่งโทมนัสสัน | |||
จนอรุณเรืองศรีรวีวรรณ | |||
จึงให้ยกพลขันธ์ยาตรา | |||
ออกจากเนินผาศิลาพนัส | |||
เร่งรัดทวยหาญทั้งซ้ายขวา | |||
ไปตามแนวแถวในพนาวา | |||
พอสุริยาสายัณห์ลงรอนรอน | |||
ก็ถึงด่านท่าขนุนโดยหมาย | |||
ให้ตั้งค่ายตามเชิงศิขร | |||
แล้วรีบเร่งพหลพลนิกร | |||
ทั้งลาวมอญเขมรไทยเข้าโจมตี | |||
ทัพพม่าอยู่ยังท่าดินแดง | |||
แต่งค่ายรายไว้เป็นถ้วนถี่ | |||
ทั้งเสบียงอาหารสารพันมี | |||
ดังสร้างสรรค์ธานีทุกประการ | |||
มีทั้งพ่อค้ามาขาย | |||
ร้านรายกระท่อมพลทุกสถาน | |||
ด้านหลังท่าทางวางตะพาน | |||
ตามละหานห้วยน้ำทุกตำบล | |||
ร้อยเส้นมีฉางระหว่างค่าย | |||
ถ่ายเสบียงมาไว้ทุกแห่งหน | |||
แล้วแต่งกองร้อยอยู่คอยคน | |||
จนตำบลสามสบครบครัน | |||
อันค่ายคูประตูหอรบ | |||
ตบแต่งสารพันเป็นที่มั่น | |||
ทั้งขวากหนามเขื่อนคูป้องกัน | |||
เป็นชั้นชั้นอันดับมากมาย | |||
ให้ทหารเข้าหักโหมโรมรัน | |||
สามวันพวกพม่าก็พังพ่าย | |||
แตกยับกระจัดพลัดพราย | |||
ทั้งค่ายคอยน้อยใหญ่ไม่ต่อดี | |||
ให้ติดตามไปจนแม่กษัตร | |||
เหล่าพม่ารีบรัดลัดหนี | |||
บ้างก็ตายก่ายกองในปัถพี | |||
ด้วยเดชะบารมีที่ทำมา | |||
ตั้งใจจะอุปถัมภก | |||
ยอยกพระพุทธศาสนา | |||
จะป้องกันขอบขัณฑสีมา | |||
รักษาประชาชนแลมนตรี | |||
จะบำรุงทั้งฝูงสุรางค์รัก | |||
ให้อัคเรศเป็นสุขเจริญศรี | |||
ครั้นเสร็จการผลาญราชไพรี | |||
ก็ให้กรีธาทัพกลับมา | |||
ทั้งทิวาราตรีไม่หยุดหย่อน | |||
ด้วยอาวรณ์ทนเทวษถวิลหา | |||
แสนคนึงถึงสวาดิไม่คลาดคลา | |||
แต่พร่ำปรารภนั้นเป็นอาจิณ | |||
จิตเจ็บจะขาดด้วยนิราศรส | |||
จะอดไว้ก็สุดอาลัยถวิล | |||
อันบำราบรบราชไพริน | |||
ถึงจะไร้ศรศิลป์ที่ชิงไชย | |||
ก็พอจะพยายามตามตี | |||
ให้ชนะไพรีจงได้ | |||
จะสู้สงครามรักนี้หนักใจ | |||
ด้วยไร้ศรรสสวาดิจะราวี | |||
อันแสนศึกทั้งหลายก็พ่ายแพ้ | |||
ยากแต่จะรบรักให้หน่ายหนี | |||
ที่ลำบากแต่หลังในครั้งนี้ | |||
สุดที่จะปรับทุกข์กับผู้ใด | |||
อันฝูงสุรางค์นางทั้งหลาย | |||
ยังค่อยอยู่สุขสบายฤาไฉน | |||
ฤาในจิตคิดอ่านประการใด | |||
อย่าอำไว้จงแจ้งแต่จริง เอย ฯ | |||