กลอนไดเอรีซึมทราบกับตามเสด็จไทรโยค

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


คำนำ

พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าหญิงผ่อง จะทรงบำเพ็ญพระกุศลฉลองพระชันษาครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ นี้ สมเด็จพระศรีสวินทรา บรมราชเทวี พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า มีพระประสงค์จะพิมพ์หนังสือประทานช่วยสำหรับจะได้ถวายแลจ่ายแจกเปนมิตรพลี มีรับสั่งมายังราชบัณฑิตยาสภาให้เลือกเรื่องหนังสือแลจัดการพิมพ์ถวาย ก็เรื่องหนังสือซึ่งเคยพิมพ์แจกในงานมงคลฉลองพระชันษาเช่นนี้ มักเคยพิมพ์พระราชนิพนธ์มาเปนพื้น ข้าพเจ้าเลือกดูหนังสือพระราชนิพนธ์พระยามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะหาเรื่องซึ่งยังไม่เคยพิมพ์ทีเดียวในเวลานี้ขาดมือยังไม่มี จึงได้เลือกพระราชนิพนธ์กลอนเรื่องไดเอรีซึมทราบกับตามเสด็จไทรโยค ซึ่งเคยพิมพ์ครั้งหนึ่งแต่นานช้ากว่าสิบปีมาแล้ว เปนหนังสือหายาก ผู้ซึ่งยังไม่เคยอ่านก็เห็นจะมีมาก เห็นว่าถ้าพิมพ์ขึ้นอิกครั้งหนึ่ง ผู้ที่จะได้รับไปก็เห็นจะยินดีไม่เลือกหน้า

อธิบาย

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสันทัดแต่งบทกลอนมาแต่ยังทรงพระเยาว์ เมื่อเสด็จประทับอยู่ณพระตำหนักเดิมสวนกุหลาบ ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทระบำแลบทละคอน ระบำนั้นได้มาเล่นเมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้วครั้งหนึ่ง เดี๋ยวนี้หาบทไม่ได้ น่ากลัวจะสูญ สักรวา เพลงยาว โคลง ฉันท์ แลกลอนเบ็ดเตล็ดที่ได้ทรงไว้นั้นมีมาก กอพระสมุด ฯ ได้รวบรวมพิมพ์แล้วแทบทั้งนั้น พระราชนิพนธ์บทกลอนที่ทรงไว้เปนเรื่องใหญ่ คือ

  • โคลงพระราชพิธีถือน้ำแลคเชนทรัศวสนาน เรื่อง ๑ พิมพ์แล้ว
  • โคลงดั้นพระราชพิธีโสกันต์ เรื่อง ๑ พิมพ์แล้ว
  • ลิลิตนิทราชาคริช เรื่อง ๑ พิมพ์แล้ว
  • บทละคอนเรื่องเงาะป่า เรื่อง ๑ พิมพ์แล้ว
  • โคลงพระนามพระเจ้าลูกเธอรัชกาลที่ ๔ เรื่อง ๑ พิมพ์แล้ว
  • บทละคอนเรื่องวงศ์เทวราชเรื่อง ๑ พิมพ์แล้ว


บทละคอนพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังมีอีกประเภท ๑ ซึ่งเปนจำพวกแกล้งทรงแต่งโดยมีมูลเหตุต่างกัน บางเรื่องทรงพระราชดำริห์เห็นว่าแต่งเปนเรื่องของผู้อื่นทางโวหารจะเหมาะกับเรื่องดีกว่าแต่งเปนพระราชนิพนธ์ของพระราชา จึงทรงพระราชนิพนธ์เปนเหมือนผู้อื่นแต่ง แต่ก็มิได้ปกปิด ในจำพวกนี้มี ๒ เรื่อง คือ

  • โคลงนิราสท้าวสุภัติการภักดี (นาก) เรื่อง ๑ พิมพ์แล้ว
  • กลอนตามเสด็จไทรโยค ทรงพระราชนิพนธ์เปนอย่างข้าราชการฝ่ายในแต่งเรื่อง ๑ ซึ่งพิมพ์ในสมุดเล่มนี้ นอกนี้ที่ทรงพระราชนิพนธ์แทรกอยู่ในเรื่องอื่นเช่นกลอนนิราสรัตนในหนังสือไกลบ้านเปนต้นก็มี

มูลเหตุอีกอย่าง ๑ เกิดทรงเบื่อหน่ายหนังสือชนิด ๑ ซึ่งเจ้านายเรียกกันว่าอย่าง "ซึมทราบ" คือผู้แต่งไม่รู้จักถ้อยจักคำไม่รู้จักอักษรรู้แต่กลอนก็แต่งไป แต่ก็ยังมีคนพอใจอ่าน จึงทรงแต่งบทกลอนอย่างซึมทราบล้อเล่นบ้าง ในจำนวนนี้มีกลอนไดเอรีซึมทราบ ทรงพระราชนิพนธ์ให้เปนของข้าราชการฝ่ายในแต่งเรื่อง ๑ ซึ่งพิมพ์ในสมุดเล่มนี้


ไดเอรีซึมทราบนี้ พระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์เปนอย่างหนังสือของข้าราชการฝ่ายในแต่ง แกล้งทรงพระราชนิพนธ์ ทั้งวิธีใช้ถ้อยคำแลสัมผัสเช่นหนังสือกลอนอย่างซึมทราบ เพราะฉะนั้นต้องใช้อักษรวิธีอย่างซึมทราบ จึงเปนกลอนได้

ไฟล์:ดำรงราชานุภาพ.JPG

นายกราชบัณฑิตยสภา

วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐

บทประพันธ์

๏ ข้อคำรบนบหัดอัดทิถานอํงพระทุดทะรัดกำจัดมาน
โปรดประทานพระสะทันอันอุดํมหนึ่งคำนับในพระทัมอันล้ำเลิศ
แสนประเสิดส่องทางข้างสยํมอีกไหว้อ่ริยสํงวํงบ่อ่รํม
ด้วยชื่นชํมโสมนัดมัดส่กานข่อ่บังคมพระไม้ตรีสีอานเจ้า
อันยังเนาในดุสิตส่ทิดสถานอีกไหว้ครูอุปัดชาอํงอาจาน
อีกกราบกรานทั้งช่นกชนละนีอีกอีนพรมยมเรดวิเสดสัก
ฝูงอารักเทวาทุกราสึเดชะข้าอภิวันอันชุลี
ข่ออย่ามีโครไพอันใดพานจะจะจำทำใดอ่รีใหม่
แต่ล้วนใช้กาบกลอนอักสอนสานสำหรับฝูงนารีที่ชำนาน
จะได้อ่านซึมทราบอาบอุราข่อ่เริ่มบดพจ่นังตั้งกำหนด
จะจำจดเรื่องรายลายเลขาแต่ต้นนเดือนสิบสองไปไม่เคลื่อนคลา
เริ่มทิวาอาทิดสิดทิไชยอันนามปีนี้ชวดสำริดทิสก
ไม่ปิดปกสัก่ราดประกาดไขพันสองร้อยห้สิบแสดงไว้
ได้นับไปเปนต้นยุบํนกลอน
วันอาทิตย์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑ ค่ำ
ในวันนี้มีการพยุหยาดชล่มาดนาวามาสลอน
เรือกระบวนรูปสัตอัดสาคอนทั้งเรือมอนเรือยวนท่วนทุกกรํม
อันเรือหํงทรํงไกรพระกระถินดูดังบินโยนยาวฉาวข่รํม
กลองช่นะแกรสังดังร่งํมน่าชื่นชมเรือที่นั่บันลังทรํง
ชื่ออนันนาคราชผงาดเงื้อมแลละเลื่อมบุดส่บํกกระนกร่หง
ที่ประทับลอยเด่นเหนพระอํงล้วนฉัดทำรายไสววิไลยตา
ที่นั่งรองเรือพลับพลาหลังคาสีพายตามที่ระยะย่านข่นานหน้า
เรือตำหรวดเรือเจ้านายพายต่อมาทั้งเรือข้าราช่กิตติดกระบวน
ประทับท่าวัดอรุนสุนท่เรดเสรจประเวดขึ้นทางหว่างฉ่นวน
ขุนนางพร้อมน้อมเกล้าเฝ้าตามควรเสรจ่ด่วนขึ้นเกยเลยทรํงยาน
ตำหรวดนำสองข้างย่างขยับเสียงกุบกับเข้าไปในวิหาร
ประทานกระถินสังคาสาทุกานแล้วสวดกรานตามอย่างทางวิไน
ครั้นสำเหรกเสรจจากวัดแจ้งนั้นล่องผายผันตามหาช่ลาไหล
มาเข้าคลองบางหลวงล่วงเข้าไปถึงวัดในท้ายต่ลาดส่อาดงาม
ประทานกระถินวัดนี้เปนที่สองแลถัดรองไปวัดหํงทรํงที่สาม
แต่วัดพลับนับเปนที่สี่อารามตกอยู่ยามสุริยันตวันชาย
ประทานไกรให้กรมภูธ่เรศเสรจประเวดคันไลไปถ่วาย
ตั้งกระบวนเสดจกลับจับริ้วรายให้เรือพายถ่วายลำนำดำเนิน
สิ้นนาวายาตตราเรือที่นั่งต้นบดตั้งเห่โคลงส่งเสียงเหิ่น
แล้วโหยหวนทวนรับส่ดับเพลินเรือพายเดินน่าฉนวนทวนราวี
พอจวนแสงสุริยํงจะลํงลับเรือประทับตำหนักแพเซงแส้มี่
เรือตำหรวดรีบทุกลำจ้ำเต็มที่มาจอดที่ท่าขุนนางย่างขึ้นไป
ตั้งริ้วเรียบร้อยคอยพร้อมเสรจเสดจขนราช่กิดวินิดไฉ
ทรงพระราดทะยายผ่องอำไพคืนเข้าในพระนิเวศสิ้นเขตวัน
วันจันทร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๒ ค่ำ
เวลาบ่ายโมงหนึ่งถึงกำหนดได้จำจํดกระถินเรือเหลือข่ยัน
ที่นั่งทรงเทวาสง่าครันที่หนึ่งนั้นวัดระฆังตั้งขึ้นบํน
แล้วล่องกลับโดยลำดับวิถีท่าวัดกัลยานิมิตอย่าคิดฉง่น
วัดรั้วเหลกที่สามตามตำบํนแล้วข้ามชํลตรงตัดวัดตีนเลน
พระยารักโขนหักเอาเชือกรัดสามเปลาะมัดน่าเบื่อดูเหลือเถน
ฝีพายใหม่ไม่ถนัดตัดวาดเบนจนโขนเขนหักยับได้อับอาย
กลับถึงวังยังไม่ทันค่ำสนิทคืนส่ทิดพระที่นั่งดังมั่นหมาย
ฝีพายหิวนิ่วน่าบันดาตายอันเรื่องรายวันจํดก็หมดกลอน
วันอังคาร เดือน ๑๒ ขึ้น ๓ ค่ำ
ในวันนี้นาวีพระที่นั่งชื่อทวยเทพพาบประนังนั่งส่ลอน
เสดจดนบางลำพูคูน่คอนด้านอุดอนโดยระยะมะระคา
ที่หนึ่งวัดบางลำพูสู่ประทับกระถินสรับเสรจกรํงมาลํงท่า
เคลื่อนกระบวนด่วนโดยทางช่ลามาถึงน่าวัดบนคนประดัง
ชื่อบ่อ่รํมมะนิเวดวิเสดสุดโดยสมมุตเลื่องลือเปนชื่อตั้ง
ของถ่วายรายเรียบเพียบประนังกรํมวังทูลถ่วายรายบาญชี
ของพระยากระเสบพะรักษากรํมนาวังน่าเรืองราสี
บ้านอยู่น่าอารามความภักดีกับบุดกรีคิดพร้อมน้อมนำมา
วัดที่สองครองกระถินสิ้นเสรจกิจเสรจส่ทิดเรือที่นั่งแห่หลังน่า
ไปเข้าคลองมหานากบากนาวาเรือตั้งมาประทะคั่งอยู่ทั้งกอง
ด้วยน้ำตื้นพื้นคลองล้วนกองเสาเรือเกยเข้าติดประดังอยู่ทั้งผอง
เรือที่นั่งตั้งวางกรํงกลางคลองก็ลอยล่องเข้าไปทอดจอดตะพาน
วัดสะเกดวิเสดดีเปนที่สามขุนนางหลามคนผู้หมู่ทหาน
เสดจกรํงขึ้นทรํงราดทะยานเข้าวิหานตามอย่างแต่ปางมา
ครั้นสำเหรดโมทะนารถาถ่วายก็คลี่คลายเคลื่อนพหํพนหลังน่า
ไปตามแถวแนวคลองล่องลิ้นลาริมทานท่านคนผู้มาดูครั้น
วัดบูรํมมะวิวาดส่อาดเอี่ยมดูใหม่เรี่ยมดิบดีทาสีสัน
ส่นนลาดดาดสินลาน่าจ่อ่ร่จันเสรจผายผันด้วยพระบาดลี้ลาดไป
ครั้นประทานพระกระถินสิ้นเสรจแล้วเสรจคลาดแคล้วสู่ที่เจดีใหญ่
มัดส่การตามเคยเลยคันไลทอดพระเนตกุดใหม่ในอาราม
แล้วกลับกรํงลํงเรือพระที่นั่งต่างคับคั่งเรือแห่แลออกหลาม
กลับทางเก่าเข้ารากรีอักคีตามสว่างวามลอยล่องท้องนัดที
เกือบทุ่มถึงตำหนักแพเสียงแส้ซ้องสนั่นกลองแขกแปลงกระแสงปี่
พ่อ่เสดจขึ้นลับกลับนาวีในวันนี้พ่อ่หมดที่จดจำ
วันพุธ เดือน ๑๒ ขึ้น ๔ ค่ำ
พ่อสายแสงสุริยาเวลาบ่ายเรือดั้งรายเรียงมาออกคลาคล่ำ
คู่ชักเรือรูปสัดจัดให้นำถัดถึงลำพระที่นั่งอ่ลังกา
เรืออะเนกกลายนากหลากแต่ก่อนชมพูอ่อนพื้นอะแหร่มแกมทองจ้า
ฝีพายกรายพายมาสเพียงบาดตาทั้งนาวาติดตามหลามเปนทิว
เข้าปากคลองขุดใหม่ข้างใต้น้ำต่างพายร่ำรี่เรื่อยแล่นเฉี่อยฉิว
พระพายพัดผ้าพู่ฟ่องฟูปลิวตามข้างริ้วเรือดูอยู่เรียงราย
ประทับที่วัดพระเทบเปนที่หนึ่งเสรจแล้วจึ่งลอยเลื่อนเคลื่อนข่ยาย
ไปวัดโสม่นัดนั้นตวันชายที่สุดท้ายวัดพระนามสามตำบล
ออกปากคลองข้างเหนือเรือล่องกลับดูคั่งคับเฮฮาโกลาหน
พ่อ่พลบค่ำถึงตำหนักริมสาชลเสรจนิพลในวันนี้ที่มีการ
วันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ ขึ้น ๕ ค่ำ
ตามใบป้ายหมายทางวางวิถีในวันนี้คลองบางหลวงกระทรวงสถาน
พ่อ่เวลาแสงสายบ่ายโมงนานก้องส่ท้านเสียงเส้าเร้าระงํม
เรือน่รายทรงสุบันยืนยันเหยียบฝีพายเพียงปืนประจำน่าลำสํม
เรือครุดเปนคู่ชักกสักบ่อ่รํมดูอุมํมที่นั่งรองทองเหรา
ที่หนึ่งนั้นวัดจันทารามราชคนเกลื่อนกลาดคั่งคับส่ลับหน้า
ไม่ช้าทีมีพระราชชงคาเรียกไกรมาทรงกะพระราช่ทาน
แก่สมเดจพระราช่โอรํฏให้พร้อมหมดทั้งอัดถะบ่อ่ริขาน
ไปทอดพระกระถินมั่งหวังนิพานที่ส่ถานวัดหนังลำพังอํง
ที่นั่งรองสนองเปนเรือที่นั่งให้แต่งตั้งเครื่องอานพานร่หํง
ทูลหม่อมเล๊กเลิกลักจักรพํงโปรใดให้ทรงทอดบ้างวัดนางนอง
เรือที่นั่งกรมพระกะการเสรจยืมเสดจทรงวันนี้เปนที่สอง
ตามติดไปในกระบวนควนละบองไปแยกกองเมื่อถึงวัดที่จัดปัน
กระบวนหลวงล่วงลงวัดที่สองชื่อจอมทองงามเทียบเปรียบส่วัน
เรียกวัดราชโอรํฏปรากํดครันเปนนามอันประทานไว้แต่ไรมา
กระถินเสรจเสดจกลับไม่ทันค่ำพ่อ่ฟ้าคล้ำน่อยหนึ่งถึงน่าท่า
เปนวันเลิกเรือกระบวนควนเวลาสิ้นสาราส่วนวันนี้มีนิยํม
วันศุกร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๖ ค่ำ
วันนี้งดกระถินไว้ไม่ลิ้นลาดด้วยพระราช่ปรสงอํงอิส่ยํม
ให้ตั้งสวดตามอย่างตั้งต่างกรํมในพระบรํมราชวังแต่หลังมา
พระอํงทองน้องเธอเผ่ยอยดนามปรากดสัมป่สิดส้อยติดว่า
สามปะสาดสืบส่นองต้องวินยาในเวลาค่ำเสรจเสดจวัง
อีกเจ้านายขุนนางข้างในด้วยต่างไปช่วยนั่งล้อมอยู่พร้อมพรั่ง
เสียงปี่พาดระนาดค้องก้องประดังพระสํงตั้งสวดสับกลับไปวัด
ให้เลื้ยงดูผู้บันดาที่มานั้นต่างพร้อมกันกินโต๊ะตามส่นัด
ของฝาหรั่งจีนไทยได้สาร่พัดที่ชาจัดถาดสล้างวางรายเลี้ยง
จุดโคมไฟไว้ทุกแห่งแสงส่อาดน้ำมันก๊าดเรียงรันชั้นเฉลียง
ตามรอบรั้วรายทางวางโคมเคียงไฟฟ้าเพียงแสงจันเมื่อวันเพง
ที่พื้นวังตั้งกระถางวางต้นไม้ส่นามย่ากว้างใหญ่อยู่น่าเก๋ง
ตำหนักใหม่วิไลยตาน่าแลเลงดูเหมาะเหมงงดงามตามทำนอง
เวลาสองทุ่มเสดเสดจกลับรถที่นั่งควบขับพาชีสอง
ทหานม้าแห่หลามตามเปนกองผันผยองเข้ายังพระวังใน
อนึ่งคืนวันนี้นั้นมีเหตุแปดทุ่มเสดตามข่าวที่กล่าวไข
พระยาธรรมน่าวัดเลียบล่วงลับไปไม่ป่วยไข้อยู่ดีดีมีอันเปน
แน่นน่าอกขึ้นมาสิบห้าพินิดสิ้นชีวิตอนิจจังควรยังเหน
อย่าประมาทสังขาราว่าอยู่เยนไม่ว่างเว้นเวลาชีวาวาง
ได้ประทานโกดไปใส่สบท่านด้วยความชอบราชการมีหลายอย่าง
ท่านทั้งเปนกอมมิตตี้มีที่ทางได้ว่าข้างกรมเมืองสืบเนื่องมา
วันเสาร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๗ ค่ำ
เริกตั้งกรํมวันนี้สี่โมงเสดกำหนดเขตห้าสิบเก้าตามเขาว่า
เสดจโดยราดทะยานกระหง่านตาได้เวลาประทานน้ำตามทำนอง
แล้วเจ้านายฝ่ายในทั้งฝ่ายน่าอีกท่านเสนาบ่อ่ดีที่ไปสอง
พระอาลักนุ่งถํมปักเสื้อครุยกรองก็เพรียกพร้องคำประกาดราดโองการ
สิ้นเสรจสานแล้วประทานน้ำพระสังตีปงปังเป่าแกรแช่ประสาน
ปีพาดค้องก้องดังกังสะดานพระสํงท่านพร้อมกันสวดยันโต
ประทานสูวันณะบัดพระแสงถํมประคำทองกากลํมเครื่องยะโส
สตาส้อยสายส่พักกราจักโกรทั้งมาโลเส้าสะเทินจำเรินเรือง
เสรจแล้วท่านกรํมหมื่นพระอํงใหม่ยํกทูบเทียนแพใหญ่เล่มเติบเตื้อง
ไม้เงินทองสองคู่ดูประเทืองตลับเพชเมดเขื่องขึ้นโต๊ะราย
แล้วคำนับอับพิวาดพระบาดเบื้องเปนเครื่องราช่พลีตั้งที่ถวาย
อีกทูบเทียนทั้งชำล่วยด้วยมากมายแจกเจ้านายแลขุนนางอย่างตั้งกรํม
แล้วจัดโต๊ะอย่างฝาหรั่งตั้งเครื่องเส่วยพร้อมนมเนยเนื้อหนังทั้งขนํม
ไอสะติมไดลี่มีอุดํมตะหนุ่นส้มผลไม้ก็ก่ายกอง
เลี้ยงสำเหรดเสรจพลันตวันบ่ายสองโมงปลายตั้งริ้วเปนทิวท่อง
เสดจกลับแห่หลามตามทำนองการทั้งผองเสรจสันที่บันระบาย
อันพระหน่อในพระโกดที่โปรดตั้งเปนกรํมครั้งแผ่นดินนี้มีมากหลาย
กรํมพระทั้งสองพระน้องชายอํงใหญ่หมายกรํมพระจักรพัด
พระอํงน้อยนั้นกรํมพานุส้อยคระครุจำไม่ได้สนัด
กรํมหลวงสองอํงนามกรํงชัดที่วังหลังวัดสทัดเทวาวํง
วังประตูส่สสใหม่นั้นไม่ผิดพระนามกรํมนุชิดอย่าพิดส่วํง
กรํมขุนวังล่างยังอีกอํงพระนามกรํงเรียกนริดผิดบูราน
กรํมหมื่นมีสิบสองลองสังเกตกรํมนาเรศกรํมภูคุ่หนึ่งขาน
อดิดสอนว่อ่ระจักกระหนักการอีกซียานทรํงพระหนวดวัดพระนาม
กรํมมะพรมอีกกรํมมะราชสักจํงประจักเจดอํงไม่หลงข้าม
กรํมมะศ่ริแลตำรํงกรํงข้อความยังอีกสามคือกรํมมะสํมมด
กับกรํมมะสับพ่สินสัมปะสิดตั้งวันนี้นับติดเปนที่สุด
ยังจะตั้งอีกที่วังสานเจ้าครุดข่อ่ยั้งอยุดกล่าวต่อข้ออื่นไป
ละคอนฝาหรั่งครั้งสะวิเชนนั้นเดี๋ยวนมันเข้ามาหากินใหม่
เล่นที่โอเตนล่างหนทางไกลเดี๋ยวนี้ไพล่มาประชุมที่มุมวัง
มีเสือหมีโคลาทั้งม้าช้างอีกลิงข้างนํกขี้ราบปราบคุมขัง
ถึงดุร้ายสักเท่าใดว่าไรฟังด้วยมํนดํนของเขาขลังกำบังตา
คิดจะไปดูมั่งยังข่ยาดเสียหลายบาดครู่เดียวเจียวไม่น่า
ยังจะมีถ้อยความตามต่อมาลายเลขาข่อ่ส่งํบจํบไว้ที
             

วันอาทิตย์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๘ ค่ำ
เสรจการจอนย้อนเปนกระถินใหม่กระบวนเรือกลไฟใช้ตามที่
เพราะวัดไกรไปถึงนนบุรีแต่ก่อนนี้เรือพายหลายชั่วโมง
จึ่งเปลี่ยนใหม่ใช้กระบวนเรือไฟหมดถึงกำหนดกลางวันควันโขมง
สองโมงเสดเสดจออกท้องพระโรงฤาที่โถงตามสำเหนียกเขาเรียกกัน
เรือที่นั่งตั้งชื่ออาตีกํงเจ้าขุนนางต่างลํงเปนหลายหลั่น
แล่นขึ้นเหนือเรือตามไปครามครันวัดแรกนั้นส่มอรายชายคํงคา
กระถินเสรจเสดจสู่หมู่เสนาดดูสอาดอะหร่ามเรืองทั้งเฝืองฝา
ทรํงปุนนะขึ้นใหม่วิไลยตาวัดเสมาเปนที่สองรองต่อไป
อันที่สามนามวัดเฉลิมพระเกียดต่วันเฉียดลับเขาจะเข้าไต้
โต๊ะจีนจุดเทียนกระจ่างสว่างไฟราบเรียงไว้ริมข้างทางจ่อระลี
เสดจกลับประทับท่าเหนกว่าทุ่มไม่มืดคลุ้มตามทางหว่างวิถี
ด้วยเดือนเด่นเห็นสว่างกลางนัดทีสิ้นเท่านี้จดหมายในรายวัน
วันจันทร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๙ ค่ำ
กระถินเรือเหมือนเมื่อวานที่ขานไขเปลี่ยนลงไต้จนตลอดเมืองเขื่อนขัน
นาวาล่องมาถึงคลองวัดทองพลันอยุดที่นั่นทอดส่มอร่อ่บันลัง
เรือทองที่นั่งทรํงกรํงมาเทียบสีพายเพียบนาวาทั้งน่าหลัง
เรือนำตามหลามช่ลาดาประดังมากระทั่งน่าท่าก็ราพาย
ลานอารามน้ำท่วมถึงคืบกว่าบัดาข้าทูลอองต้องขํนขวาย
หาทางดอนผ่อนผันกันวุ่นวายบ้างสิ้นอายถอดถุงเท้าลํงก้าวลุย
แต่ตำหรวดกับทหานพานขัดข้องด้วยว่าต้องแห่นำท่องน้ำฉุย
มหาดเล๊กมหาดลอยพลอยตะกุยดู่รุกรุยเต็มประดาน่ารำคาน
คุณสาหร่ายนายอะไรได้เปนที่เชิญพระพันนะสีตามที่ถาม
เดินชิดติดท้ายพระราดทะยานปาติหานลงในหลุมชุ่มทั้งตัว
น้ำพระสีพระสร้อยพลอยเปื้อนหน้าลุกขึ้นมามึนเหมยแล้วเสยหัว
พระราดทะยานย่องมาดูน่ากลัวน้ำเปนตมขุ่นมัวไม่เห็นทาง
กระถินเสรจเสดจจากวัดทองนั้นไปประทับเรือกำปั่นวัดทองล่าง
ส่นํนเลี่ยนลาดสิลาผ่าไปกลางทั้งสองข้างน้ำเหลิงจํนเรือลอย
กระถินสรับเสดจกลับเรือที่นั่งแล่นจากฝั่งเฝือมาไม่ราถอย
ถึงปากลัดตัดเข้าคลองไม่ต้องคอยไปอีกหน่อยถึงอารามที่สามพลัน
ชื่อโปรดเกษเชดฐาเปรื่องปรากดเจ้าคุณคํชมุนีอยู่ที่นั่น
ประทานเงินสิบชั่งเปนรางวัลในเชิงชั้นแพทยาวิชาดี
ออกจากท่าเวลาจะใกล้ค่ำรีบแล่นร่ำตามคลองท้องวิถี
ออกลัดล่างสว่างช่วงดวงอัคคีเขาตั้งที่บูชาตามน่าเรือน
ต้องทวนน้ำไปตามลำนัดทีใหญ่ช้ากระไรก๊ระนี้ไม่มีเหมือน
หากส่ว่างกระจ่างแจ้งด้วยแสงเดือนไม่ฟั่นเฟื่อนเรือแพออกแจจัน
จอดประทับที่ตะพานปราการใหญ่ให้เรียกไกรวัดทรํงทำนำผายผัน
ด้วยมืดค่ำเกินเวลากว่าทุกวันขึ้นบํกนั้นหํนทางอยู่ข้างไกล
เจ้าพระยาพลเทพเรือท่านเล่าต้องคอยกว่ายี่สิบมินูดได้
ครั้นมาเฝ้าที่ต่พานประทานไกรให้ท่านไปทอดกระถินสิ้นเวลา
ประทานเสรจเสดจกลับโดยทางเก่าล่วงมาเข้าคลองลัดตัดบากน่า
ทวนกระแสนัดทีรี่เร็วมาแสงจันกราส่องสว่างดังกลางวัน
เหนตึกกว้านบ้านช่องทั้งสองฟากทำหลากหลากดูเล่นก็เหนขัน
เย่าเรือนมันไม่เหมือนเมื่อกระนั้นทำสองชั้นสามชั้นน่ากลัวพัง
แม้นตัวเราแล้วไม่เอาละเช่นนี้ต่อให้จ้างอีกสักสี่ห้าสิบชั่ง
พ่อ่ยามเสดนาวามาถึงวังข่อ่อยุดยั้งแรรี่วันนี้ไว้
วันศุกร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๓ ค่ำ
สามทิวาล่วงมาไม่มีกิดจึงไม่คิดจํดแจ้งแถ่ลงไข
ถึงวันนี้มีการฉลองไกรสวดมํนใหญ่พระมากว่าห้าร้อย
เสียงกึก้องท้องพระโรงที่ในสวนตามกระบวนพร้องเพราะเสนาะถ้อย
ห้าทุ่มเสดเสดจขึ้นกลับคืนคล้อยการเล็กน้อยยังมีที่ควรแส่ดง
สิบสองค่ำกำหนดยํกโคมไชยแลไส่วสว่างงามอร่ามแสง
เมื่อยักจ้องมองหนดวงเด่นแดงไม่อาดแผลงฤทธามากราวเกรียว
หนงมีข่าวกล่าวว่าเจ้าฝาหรั่งมาจอดยั้งอยุดนาวีที่น้ำเขียว
ข้ามหลังเต่าเข้าไม่ได้จนใจเจียวต้องมาเลี้ยวข่อ่ให้เรารับเข้ามา
ซออาชะลิวสุวะโปนโพนประพาศเปนเชื้อชาดอ๊อดเกรียนเพียนหนักหนา
ลํงกำปั่นลำใหญ่เที่ยวไคลคลาเรียนวิชาชาดฝาหรั่งข้างเรือรํบ
เรืออุบลสกลไฟลํงไปรับผู้กำกับเลือกผู้รู้เจนจบ
พระอํงเจ้าปรีดามาสํมทํบกับกรํมวังทั้งงํบพนักงาน
คอยอยู่นอกหลังเต่าเข้าไม่ถึงเฝ้าคะนึงนึกในให้สงสาน
กลางชะเลพระเวหํนทํนกันดานจะส่ท้านส่ทํกพรั่นหวั่นวินยา
ถึงแต่วานแล้วยังพานพูดเพี้ยนผัดเลื่อนหลีกนัดมาวันนี้เปนทีถ้า
พ่อ่ต่วันตกบ่ายได้เวลาเขาขึ้นมาถึงปากน้ำในลำทรํง
ป้อมผีเสื้อสมุดสลุดรับจำนวนนับยี่สิบเบดเสรจประสรํง
อย่างฝาหรั่งเปนคำนับรับพระวํงเรือแล่นกรํงมาตามทางกลางคงคา
ถึงทน่าวังกรํมอุดมเก่าเรือพายเข้าไปรับมาขึ้นท่า
พระอํงจรกับพระยาเพชดารับขึ้นมาอยู่วังสำรานรํม
กรํมหมื่นวรจักคอยทักถามเชิญอยู่ห้องต้องตามที่ใครสํม
อับพี่เซ่ออีกสิบสี่มีนิยํมมาเที่ยวชํมกรุงสยามตามเจ้านาย
ให้อยู่วังทั้งหมดไม่อํดอยากเลี้ยงดูมากฟั่นเฝือจํนเหลือหลาย
สาร่พัดจัดไว้ให้ส่บายบันระยายมาก็หมดจํดรายวัน
วันเสาร์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๔ ค่ำ
เวลาเช้าเลี้ยงพระตามกะแบ่งเป็นสองแห่งคือที่สุดไทสู่วัน
กับที่ตัดสมาคํมรด่มกันรวมเปนวันละร้อยเสดสังเกตตา
แต่มิได้เสดจออกบอกกำหนดหมายแขกเมือเตมยํศให้พร้อมน่า
ทหานก๊าดเข้าแถวแนวสันลาถัดเข้ามามีอีกหมู่อยู่ชั้นใน
ตามน่าห่อ่พระสมุดสุดสง่าล้วนรักษาพระอํงตื่นยืนไสว
พร้อมแกรวํงทํงคู่ดูเกรียงไกรที่แถวในน่าปราสาทก๊าดเรียงราย
ล้วนทหานมหาดเลกราดวันลํบแต่งตัวครํบเครื่องครึ่งดูผึ่งผาย
เสนาในใหญ่น้อยทั้งเจ้านายต่างแต่งกายเตมยํศหมดด้วยกัน
ที่ผู้ใหญ่เฝ้าในห้องเสดจออกผู้น้อยอยู่ห้องนอกผนังคั่น
ยืนเรียงรายสองข้างทางจรันตามอย่างอันจัดใหม่เคยใช้มา
เวลาสี่โมงเสดเสดจออกพระโรงนอกต่างคำนับสลับหน้า
สมเดจก็เสดจตามลีลาทั้งพระราชโอรํฏสามาพร้อมเพรียง
พ่อ่รถเจ้าเข้าท่วานทหานคำนับสนั่นสับแกรวํงส่งแซ่เสียง
บันเลงเพลงสั่งกระเสินเพลินสำเนียงรดขับเรียงเลี้ยววํงตรงอัศจัน
กรมหมื่นวรจักพระอํงจอนคอยรับกอนกู๋ดบ๋ายชวนผายผัน
ปางพระอํงผู้ดำรงทศทันเสรจจ่อ่ร่จันออกมารับประคับประคอง
ถึงท่วานเจ้าคำนับจับหัตถาแล้วทรํงพาเข้าไปถึงในห้อง
กรัดปราไสไถ่ถามตามทำนองควรแก่คลองไมกรีมีต่อกัน
แล้วตำหรัดกรัดนำให้ได้เฝ้าสมเดจพระนางเจ้าจอมสาวสัน
เจ้าถวายคำนับอับพิวันแล้วจุ๊บหัดเปนสำคันความนอบนํบ
อันเยี่ยงอย่างข้างฝาหรั่งนางกระสัตประทานหัดแล้วต้องจุ๊บตามฉบํบ
เปนนับถือยิ่งอย่างทางคำรับต่อยํศใหญ่จึ่งได้พํบพระราช่ทาน
แล้วประทานดวงตราอร่แชนกับผ้าแกรนกร๊อดต่พายสายประส
ท้องน้ำเงินขอบขจีมีประมานตราบำนานชั้นที่หนึ่งพึ่งนิยม
แล้วทรํงนำแนะบันดาที่มาเฝ้าให้รู้จักกับเจ้าสนิทสนม
เจ้าก็นำแต่บันดาข้าในกรํมเข้ามาก้มคำนับน้อมพร้อมทุกนาย
ครั้นเสรจกรัดสนทนาโปรดปราไสเสดจไปส่งพลันให้ผันผาย
เจ้าทูลลาพาขุนนางย่างเยื้องกรายขึ้นรดรายเรียงร่ดับขับตามกัน
พ่อ่เคลื่อนรดทหานรับคำนับถวายดังบันร่ยายมาแต่แรกไม่แปลกผัน
สิ้นแขกเมืองเรื่องความตามรายวันตอนค่ำนั้นไว้ข้างน่าจะว่ากลอน
วันอาทิตย์ เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๕ ค่ำ
เช้าวันนี้มิได้เสรจออกเลี้ยงพระด้วยพระราช่ธุระไม่อยุดหย่อน
บ่ายสี่โมงเปนกำหนดนรินทอรบทจอรเยี่ยมฝาหรั่งวังสำราน
ทหานแห่แลหลามตามเปนหมู่ถึงประตูวังแกรแซ่ประสาน
เจ้าฝาหรั่นทั้งบันดาข้าราช่การคอยรับอยู่ที่ท่วานจะเข้าวัง
เสดจจากรํดทรํงกรํงจับหัดขุนนางยืนเยียดยัดอยู่สพรั่ง
ตามเสดจยาตกราดาประดังถึงพระที่นั่งอยุดประทับรับห้องใน
พวกฝาหรั่งที่ได้กราติดมาดื่นต่างมายืนเฝ้าอยู่ดูไส่ว
ตำหรัดถามศุขทุกขตามฤไททางปราไสสนท่นาไม่ราคี
พ่อ่สมควรเสดจคืนรํดที่นั่งขับผาดผังมาตามทางหว่งวิถี
ถึงประทับกลับขึ้นพระมนทรียามรากรียกไว้ว่าวันน่าไป
วันจันทร์ เดือน ๑๒ แรม ๒ ค่ำ
เลี้ยงพระสํงทรงบาดทั้งปวงเสรจสมเดจเสดจตามอํงกานสั่งขานไข
พอสิ้นแสงสุริโยอ่โนทัยเสรจคันไลห่อ่สมุดวัดชียาน
ชุมนุมคิดกิดการงานเปิดหอกานอื่นอิกต่อไปหลายสถาน
เสดจขึ้นข้างในได้ยามนานกระเกรียมการลอยกระทงเสรจลงแพ
สองยามเสดเสดจจากพระที่นั่งลงสู่เรือบันลังริมกระแส
เรือล้อมวํงจอดอยู่คอยดูแลเสียงเซงแซ่ปี่พาดระนาดค้อง
กลองแขกอื้ออึงเสียงตึงทั่งแกรฝาหรั่งโครมครึกกลองกึกก้อง
ทุ่นหยวกรายต้ายสว่างอย่างท่ำมองเรือคอนพายขึ้นล่องปักโคมบัว
เรืออ่นันสีสะนากมากสนัดมีทํงฉัดเทียมประจำในลำทั่ว
โคมกระจกสีกระจ่างไม่พร่างมัวประดับหัวประดับท้ายคล้ายดารา
บุดส่บํกพระที่นั่งตั้งพระไชยเครื่องมัดส่การวางไว้ที่ตรงน่า
ทรงช่นวนคัดจามงามกรูตาจุดเทียนในนาวาที่รายไว้
ทั้งเจ้านายฝ่ายในได้ทรํงจุดจนสิ้นสุดแสนกระจ่างสว่างไสว
ที่น่าท้ายสองข้างห่างออกไปฝ่ายน่าได้จุดต่อพ่อ่ทั่วลำ
พ่อ่เรือมาทอดที่มีบันหารให้ขับขานเห่เอื่อยเสียงเฉื่อยฉ่ำ
เพดฉลูต้นบดชดช้อยคำถึงแก่คร่ำตาหยียังดีครัน
ส่วนขุนรามที่สองรองค่อ่เล่าถึงแก่เถ้าเสียงดังยังขยัน
ไม่ใส่หมวกใส่ม่อยปล่อยอย่างนั้นกระจ่างแจ้งแสงจันประชันไฟ
แกกลอกหน้าเข้าท้ากันทั้งคู่สีพายรับอู้อู้เสียงหวั่นไหว
ขุนรามมักลืมปลายละลายไปกระล่อมกระแล่มฮ้าไฮ้ได้ทั้งเพ
จุดเทียนหมดร้องบดช้าแล้วะเรือสีพายจ้ำสามเตื้อร้องเห่เห่
เห่โหโอละวะเห้เฮแล้วโอ๋เห้มารานาวาจอน
สุวันละหํงกรํงมาน่าบันลังพานพุ่มตั้งบุดสะบํกไม่ยํกถอน
พร้อมฉัดทํงเทียนอร่ามงามบ่อ่วอนจุดแล้วผ่อนลอยลำตามกันไป
เรือกระทํงน้อยลอยถวายปักเทียนรายตลอดลำงามไส่ว
ทั้งเรือสีเรือกราบเอกไชยสิ้นเรือหลวงแล้วจึงให้ปล่อยสำเภา
มีทํงเที่ยวเขียวแดงปลิวแพลงพลิ้วใบม้วนติ้วรีบรัดมัดกับเสา
ร่ยางแขวนโคมกระจ่างสว่างเงาเทียนรายปากมากไม่เบาสว่างวาว
ทรงดอกไม้สันยาย่าบันลังเขาประดังจุดพุ่มควันกลุ้มขาว
ประเดี๋ยวใจไฟสว่างเหมือนอย่างดาวประกายพราวหยดพร่างอย่างพิรุน
จุดกระถางประทัดลั่นสนั่นก้องรัดทาร้องอื้อออดตอดออกวุ่น
พุ่มตะไลไปเปนหมู่ดูชุลมุนจุดที่ทุ่นสายกลางดูพล่างพราว
เพนียงลอยกลางชลาน่าพิดส่วํงด้วยว่าส่งลูกถี่เปนสีขาว
บ้องหนึ่งคงส่งลูกถึงสามคราวเหมือนดวงดาวสุกสว่างกระจ่างตา
ทั้งพลุน้ำก็สำคัญมิใช่หยอกตะละดอกลอยทลึ่งถึงเวหา
เหมือนปืนใหญ่ยิงก้องท้องคงคาตึงทีไรไนยนาพริบทุกที
เสียงกรวดก้องร้องแปร๋ดวงแตหวาดเหมือนเสียงสายฟ้าฟาดมิ่งขวันหนี
หวั่นอุรากลัวจะผ่ามาข้างนี้นึกเสดจอยู่นี่ไม่ต้องกลัว
ที่ทุ่นไฟทหานในจุดดอกไม้ล้วนเปดไซ้แหนจ้อยจ้อยค่อยยังชั่ว
ตะเข้ใหญ่บางทีมีสี่ห้าตัวบ้างคาบลูกดูออกพัวตัวน้อยน้อย
ที่ทรํงจุดน่าบันลังยังมีอีกนกบินปีกดีดีมีบ่อยบ่อย
หมุนติ้วติ้วลิ่วขึ้นอากาศลอยบ้างย้อนรอยเข้าบันลังร้องดังอึง
ที่ใจดีมีสติก็หยิบทิ้งที่ขี้ขลาดหวาดวิ่งลุกทลึ่ง
บ้างผ้าไหม้ไล่ขยี้ตีฟาดทึ้งจุดดอกใหม่ใจปึงปึงคอยมุ่งมอง
เรือเจ้านายรายถวายให้ทรํงจุดก็สิ้นสุดตามกำหนดหมดทั้งผอง
เรือกระบวนมากมายนับก่ายกองจุดเทียนล่องลอยวางกลางคํงคา
แปดทุ่มเสดเสดจขึ้นคืนนิเวศเปนสิ้นเขตรในวันนี้ที่จะว่า
สองรากรีที่มิได้เรียบเรียงมาเหมือนวันนี้ทุกเวลาไม่แปลกกัน
วันอังคาร เดือน ๑๒ แรม ๒ ค่ำ
เช้าวันนี้มีการส่ดับพระกอนตามเยี่ยงย่างปางก่อนไม่ผิดผัน
เรียกว่ากาลานุกาลนั้นสมเดจเสรจผายผันมาทรํงแทน
เยนวันนี้มีประชุมที่สวนหลวงคนทั้งปวงต่างมาออกหนาแน่น
ในการรับเจ้าฝาหรั่งมาต่างแดนตั้งแห่แหนช้างไปให้เขาดู
สมเดจพระราชโอรํฏบํทจอนไปสู่ที่สโมสอนเข้าในหมู่
ขุนนางไทยแลฝาหรั่งมาพรั่งพรูสิ้นเรื่องรู้จํดระรี่วันนี้ไว้
             

วันพุธ เดือน ๑๒ แรม ๓ ค่ำ
เช้าทำบุนทูลหม่อมกลางข้างในสวนนับจำนวนครบเวลาพรรษาไส่ม
คิดแต่วันทั่นสิ้นพระชนไปที่สุดไทส่วันอันอุดํม
พระหัวเมืองมีนามสามสิบถ้วนแต่ล้วนขึ้นคะนะไต้ไม่ประสํม
ส่ดับพระกอนไกรย่ามตามนิยํมว่าชื่นชํมส่วนเจ้าภาบลาบของพระ
ทั่นถ่วายปัดใจมิใช่เล่นอํงหนึ่งเปนห้าตำลึงทีเดียวหนะ
รายร้อยอีกอํละบาทไม่ขาดละสาทุสะโมทะนาสัดทาครัน
ของหลวงสองร้อยไม่น้อยกว่าร้อยหนึ่งผ้าขาวพับดูขับขัน
แต่ร้อยหนึ่งเงินเฟื้องตามเบื้องบันพ่อ่อสิ้นแสงสุริยันก็ทิ้งทาน
กระละพรึกสี่ต้นคนกลุ้มแน่นบ้างยื่นแขนชูมืออื้อน่าฉาน
ทรงโปรยมะนาวแผ่ฉลากมากประมาณของกระการต่างต่างล้วนอย่างดี
สวดมํนค่ำแล้วมีทัมเทศนากันหนึ่งเงินถึงสิบห้าเปนเสดฐี
ของเครื่องกันหลากหลากก็มากมีตกรากรีจุดดอกไม้ไฟทั้งปวง
หนึ่งกานเล่นเยนเช้าไม้สูงต่ำที่ตามตำหรับโบรานในงานหลวง
เวลาค่ำรำโคมอัคคีดวงก็มีหมดทุกกระทรวงไม่ลดลา
แต่โขนหนังเจ้าฝาหรั่งเขามาอยู่จะหนวกหูรุงรังทั้งไขหน้า
จึงเปลี่ยนมียี่เกที่ช่ลาเล่นกรํงน่าประสาดใหม่ที่ในวัง
เขาออกแขกแปลกท่ามาใหม่บ้างแต่อยู่ข้างจืดเหนื่อยนั่งเมื่อยหลัง
ห้าทุ่มเสดเสดจคืนเข้าในวังเปนหยุดยั้งข้อคดีที่มีกาน
เจ้าคุนกรํมนาใหม่ได้ว่าที่ท่านมีกานโกนจุกบุดที่บ้าน
ชื่อนายพาดหมายมาดได้ราช่การสืบสันดานเชื้อวํงจํงฤไทย
ทูลหม่อมโตคันไลเสรจไปช่วยด้วยว่าท่านมีจิตรพิดไส่ม
พรุ่งนี้เล่าเจ้าฝาหรั่งเขาจะไปท่านเชินให้รํดน้ำตามทำนอง
มีละคอนสองโรงโอโถงแท้คุนท้าวแพวันนี้ที่เจ้าของ
พรุ่งนี้พระอํงสีนากสำรองงามทั้งสองโรงเทียบเปรียบหม่อมนาง
จะพันระนาไปอีกก็ไม่ไหวด้วยไม่ได้เหนส่นัดพานขัดขวาง
จะงดกลอนตอนวันนี้ไว้ทีพลางพรุ่งนี้ว่างจึงจะว่าข้างน่าไป
วันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ แรม ๔ ค่ำ
สุดไทยส่วันสันนี้ก็มีกานเหมือนเมื่อวานทุกอย่างหาต่างไม่
เปลี่ยนแต่พระเปนคนะฝ่ายเหนือในหัวเมืองใกล้แขวงจังหวัดเลือกคัดมา
หนึ่งทิ้งทานทั้งเมื่อวานแลวันนี้เจ้าฝาหรั่งทั้งผู้ที่ตามรักษา
กับปิตันอับพิเซ่อในนาวามาเฝ้าที่พลับพลาคอยรับทาน
ส่วนตัวเจ้าเขานั่งบนพลับพลานอกนั้นนั่งที่เบงจาน่าส่ถาน
ทรํงแจกจ่ายหลายหลากมากประมาณซ้ำจัดการอย่าง “ผ้าม่วง” ตามท่วงที
ค่ำวันนี้มีการละเล่นใหม่ละคอนใช้ตลํกเล่นเหนต้องที่
จับเมื่อแต่งงานพระไวในทานีเจ้าขุนช้างเสดถีมาช่วยงาน
เจ้าขุนแผนแต่งอย่างใหม่ใช้เชดหนังดินสีพองเขียนหลังลายเปนย่าน
พระหมี่นสีแต่งตัวใส่หัวล้านกรํงน่าบ้านแต่งเช่นเปนขุนนาง
ในระกาขนํมปังทั้งส้อยแขวนทาขาแทนถุงเท้ารองเท้าเที่ยวก้าวย่าง
พระพิจิตใส่เสื้อยืดดูจืดจางส่วนขุนช้างนุ่งยกโจงกระเบน
ใส่หนังค่างผมยางอย่างเตมยศแต่หน้าลีบไม่รับบดออกเถนเถน
ใส่เสื้อขาวยาวอย่างเสื้อปะเตนคาดเพลาะเขียวดูเห็นไม่เข้ากัน
เล่นตลํกเกินไปจนไม่ส่นุกบ่าวมันลุกลี้ลุกลํนจํนเกินขัน
เลยกร่อยกร่อยกันไปไม่ได้รังวันห้าทุ่มพลันเสดจขึ้นคืนข้างใน
เยนวันนี้มีกานแข่งนาวาที่กรํงน่าตำหนักแพแม่น้ำใหญ่
เรือที่นั่งกราบสีเอก่ไชยมาพายให้เจ้าฝาหรั่งเขานั่งดู
เวลาค่ำซ้ำไปบ้านเจ้าคุนพาดเลยรำท้าวตามชาตเขาเข้าคู่
หันเหียนเวียนกันไปคล้ายพะบู๊น่าเวียนหัวเวียนหูเล่นสับประดํน
ปะเปนไทยเราเอาไปเล่นเช่นนี้ได้หัวแตกหัวลั่นกันปี้ป่น
จะเปนลํมล้มพับถึงอับจนสิ้นนุสนตามวันนี้มีเรื่องราว
วันศุกร์ เดือน ๑๒ แรม ๕ ค่ำ
สุดไทส่วันเหมือนกันกับวันก่อนเปลี่ยนแต่เปนพระมอนเสียงเหง่อหง่าว
ฝาหรั่งไม่ได้มารับลูกมะนาวเขาบอกข่าวว่าขึ้นไปบางปอิน
ในวันนี้มีละคอนต่ลกใหม่ค่อยใช้ได้ดูไม่จืดไปทั้งสิ้น
จับเมื่อสุริยํงมาเล่นวารินกับเงือกน้ำตามถิ่นชายคงคา
อักส่ดอนกับกุมพํนเทยวค้นทั่วมาพบตัวโฉมศรีที่ตินท่า
พานางไปในเมืองพระพัดส่ดาซ่อนไว้ในยุท่ยากับม้าทรํง
ฝ่ายกุมพนคนดีมีความรู้เข้าไปสู่ที่เฝ้าสุวันะหํง
ยักคินียวนยีอยู่ข้างอํงเทอไหลหลงขันขันมันชั่งทำ
เมื่อวานนี้นายต่ายเปนขุนช้างดูแก้มคางลดไปไม่ไหล่ล่ำ
จนแปลกน่าท่าถ้อยพลอยงึมงำแกแก่คร่ำเตมทนจนแปลกตา
ครั้นวันนี้ว่าเปนทีสุวันละหํงดูซวดทรํงผิดไปเปนหนักหนา
เห็นหนุ่มน้อยน่ารักดวงภักกราสองแก้มพวงดวงน่านวนเปนใย
คุนท้าวนากท่านก็เหนเหมือนเช่นฉันเหนพร้อมกันว่าคนนี้นั้นหมีใช่
เหมือนเมื่อวานคํนที่เล่นเปนหมื่นไวก็ว่าไนเนดเปนเหนไม่จริง
นี่รูปร่างเกลี้ยงเกลาเหนเพราพริ้งหนุ่มอย่างยิ่งอายุเพียงสิบเจดปี
จำได้แท้แต่ท่าร่พระพิจิดรูปาริดท่าเล่นเหนเตมที่
คือนายนวนลูกเจ้ากรับแล้วคํนนี้ยังนายสีที่เปนนางอสุรา
คุนท้าวไยท่านว่าไล่มันไม่จนเล่นสนุกกว่าทุกคนไม่แกล้งว่า
แต่ขำแกรหายไปไม่เหนมาหฤาจะแก่ช่ราตาซมซาน
เหนแต่ไอ้เจ้าหวาดลูกของไกอายุสักสิบสี่ได้น่าสํงสาน
เจ้าแม่นามาอํดนอนได้ทนทานตลํกใหญ่ได้การเหมือนบิดา
เจ้าเมกนั้นมันก็เล่นดีทายาดแต่เปนรองไอ้เจ้าหวาดสี่เอาห้า
มันภูใหญ่ได้เคยเล่นออกเจนมาเกลียดน้ำหน้าภูหยิงมักรักใคร่มัน
ได้รังวันกันคํนละโขโขเจ้าสีแหละกองโตเพราะเขาขัน
สงสานหวาดคลาดไปไม่ได้รังวันภูใหญ่อิดฉามันคอยกันไว้
เด็กที่เปนพระหมื่นไวก็ไม่เหนหฤาที่เปนสุริยํงยังสงไสย
แต่มีหนวดแก้มก้อยก็น้อยไปเจดทุ่มได้เสดจขึ้นคืนกลับมา
วันเสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๖ ค่ำ
เวลาค่ำวันนี้มีรับสั่งให้เล่นละคอนฝาหรั่งเหมือนดังว่า
ประทานมันพันเหลียนเปนราคามากนักหนาจะระนีก็ดีใจ
ให้เป่าร้องหาเจ้านายข้างฝ่ายหน้าทั้งข้าราช่การภูน้อยภูใหญ่
พระอํงเจ้าท้าวนางพวกข้างในปลูกแต๊นใหญ่ทุ่งพระเมนเหนพี่ลึก
ดูใหญ่โตระโหถานเหมือนบ้านช่องยังอีกสองหลังกระไรใหญ่เท่าตึก
หลังน่าที่ไว้สัดดูอัดคึกเดินเข้าไปใจทึกทึกนึกกลัวตาย
หมู่ลิงเทาลิงดำทำโครกครากบ้างอ้าปากเหลือกตาน่าใจหาย
ทั้งเสือดำเสือดาวต่างพราวพรายทั้งเสือลายตลับมีรวมสี่ตัว
กรํงถัดไปในนั้นเขาใส่หมีโตเตมทีสูงเยี่ยมเทียมค่าหัว
เลกลงไปในนั้นอีกสองตัวหลุดมาแล้วไม่ชั่วหนังหัวเปิง
ถัดเข้าไปในกรํงมีเสือสามล้วนเสือโคร่งคำรามแหงนน่าเบิ่ง
ไม่ไว้ใจเข้าไปใกล้กลัวเสียเชิงแล้วเดินเหลืงเหลียวน่ามาขวามือ
มีกรํงเสือฝาหรั่งตั้งอยู่ต้นบางคนว่าสิงโตเขานับถือ
ผมเปนเชิงชอบกํนคำรํนฮือน่าดุดื้อดังจะโผนโจนจับคน
ถัดไปในคอกเขาขังม้าเลกหนักเลกหนาน่าฉงํน
แลไปใจหมายว่าม้ากํนเขาติดยํนไยไว้ให้คนดู
เหนไม่ดุเดินเข้าไปใกล้คอกขังต้องยืนตั้งตามเขม้นอยู่เปนครู่
เหนมันก้มกินย่าน่าเอนดูอ้วนเปนหมูไม่เคยเหนเลยเช่นนี้
อีกตัวหนึ่งเขาว่าลาดูน่าเคอะเหมซึมเซอะยืนอยู่ทำหูลี่
ต่อออกไปไว้นางกิรินีล่ามแหล่งมีสองตัวน่ากลัวจริง
ไปใจหายแทนงัวตัวหนึ่งนั้นเขาล่ามแหล่งไว้ด้วยกันลงนอนนิ่ง
สีเทาเทาไม่เข้าท่าน่าประวิงกลัวช้างจะเต๊ะกลิ้งไม่อาดลุก
พอฝาหรั่งตีระคังเสียงหง่างโหง่งเข้าไปนั่งดูในโรงค่อยเปนศุก
เขาขี่ม้าพากันออกมาพลุกพลุกน่าสนุกหันเหียนวิ่งเวียนวํง
ทั้งหยิงชายหลายคู่ดูไม่ถ้วนใส่เสื้อแพรกกระบวนงามระหํง
ขี่ม้าเทดเผ่นผ่งาดดูอาดอํงจับคู่เคียงเรียงอนํงอยู่กรํงกลาง
ตัวนายใหญ่ขี่ม้ามาผ่ายหลังมีคํนยืนแถวตั้งทั้งสองข้าง
ถึงกลางวํงกรํงเข้าหม่ดูท่าทางจะเปนอย่างหัดท่หานคานชิงไชย
เข้าตับกันทีละสามแล้วย้ายสี่วิ่งออกจี๋ส่บัดย่างแล้ววางใหญ่
บางทีขับเสมาน่าดากันไปวิ่งอยู่ในสังเวียนเรียนชำนาน
พ่อ่สิ้นท่าขับม้าเข้าโรงหมํดไปเขนรํดเสือมากรํงน่าฉาน
แต่เปนเสือฝาหรั่งที่สีน้ำตานยืนกระหง่ายอยู่ในกรํงจํนวํงกลาง
พวกนั่งดูกรํงประตูอํกเต้นโหยงถ้าโดดโผลมาหละยับดับฉวาง
ใช่แต่ฉันแต่ชั้นคุนท้าวนางต้องถอยห่างออกมาดูอยู่แต่ไกล
คุนท้าวอินท่านหนีไปลี้ลับจนเลยหลับหลังพลับพลาหาดูไม่
พ่อ่กรํงเสือไปพ้นรํนเข้าไปน่าเสียวไซ่ดูฝาหรั่งนั่งขํนพอง
มันเข้าไปในกรํงแสนอํงอาดเสือขู่ฟู่เอาแซ่ฟาดจํนกลัวหยอง
ให้นั่งหิ้งห้อยได้เหมือนใจปองเอาหัวลองเข้าในปากไม่หยากกลัว
เสือก็ไม่ทำไมเขาหมดสิ้นเราคํนดูเกือบจะดิ้นกลัวขํบหัว
ยิ่งนึกไปใจพรั่นสั่นรัวรัวนึกพั้วพั้วขอให้เลิกไปพลันพลัน
หมํดชุดนี้มีเดกมาขี่ม้าแล้วทำท่าต่างต่างอย่างขันขัน
ตีนมันเหนียวเกินไปสงไสยครันฤาหนึ่งมันจะใช้อะไรทา
แต่ก็ขันมันกระโดดได้เหยงเหยงเหนเก่งเองชาดฝาหรั่งพวกมังข้า
นั่งดุม้าวิ่งวํนจํนลายตาต้องเมินน่าเวียนสีสะเหลือจะทํน
ชุดที่สี่ยี่ปุ่นออกเล่นร่มเคยมีถมยังได้ไม่ฉงํน
ฉากฉ้อยถีบลอยลอยอย่างเล่นกํนแต่น่ายํนกว่าเสือเหลือรำคาน
ที่ห้าหัดม้าสีเหลืองเหลืองให้ย่างเยื้องเข้าจังหวะแกรทะหาน
ยืนสองเท้าก้าวจังหวะกะประมาณคือตัวท่านจะระนีขี่ม้าเอง
ต่อชุดนี้สามีกับพันระยาขึ้นขี่ม้าค่เล่นเต้นออกเหยง
นางเมียปืนบ่าผัวไม่กลัวเกรงมันเหลือเก่งกว่าภูหยิงจิงจิงเจียว
เจ้าผัวจับเอวได้ตะพายหิ้วนางเมียลอยราวกับปลิวใจเสียวเสียว
ม้าฮ่อใหญ่ไม่ได้ยั้งสักครั้งเดียวเล่นขับเขี้ยวให้คนดูอยู่นานครัน
ภูชายมักตบมือออกอื้อฉาวนั่นเรื่องราวว่ากระไรไฉ่นนั่น
อย่างช้างไทยใช้ผัดพ่อเขาล้อกันฝาหรั่งมันว่ากระไรก็ไม่รู้
ชุดที่เจดคราวนี้ลิงขี่ม้าเขาเอาเชือกมัดขาทำน่าจู๋
วิ่งหัวคลอนย่อนย่อนน่าเอ็นดูแต่ไม่สู้เมื่อกระนั้นขันกว่านี้
แล้วคนถือป้ายหนังสือตัวฝาหรั่งว่าไรมั่งจนอยู่ไม่รู้ที่
ที่อ่านออกเขาบอกว่าข่อ่อยุดทีกำหนดมีเวลาสิบห้าพินิต
ได้เวลาตีระคังเสียงกั่งโก่งตัวละคอนออกทั้งโรงยืนติดติด
จับกันเปนท่าทางอย่างแผลงริดไม่ใคร่ผิดกับพะบู๊ดูคล้ายคลึง
ชุดที่เก้าเอาช้างออกมาเล่นไม่เหนมีหม่อ่ม่อยปล่อยจํนถึง
ถ้าไล่คํนจะชอบกํนคํงแตกอึงฉันต้องถอยมาหน่อยหนึ่งเพราะออกคร้าม
เขาเอาถังมาตั้งไว้ให้ขึ้นยืนไม่ขัดขืนปีนช้าช้าน่างุ่มง่าม
ให้ยกตีนยกขาว่าไรตามหกขะเมนแลดูงามกว่าทั้งนั้น
ทั้งเป่าปูดเป่าไรไรได้ทุกสิ่งแล้วให้กลิ้งถึงเวียนเดินเหียนหัน
แล้วคายหัวคนเลี้ยงถึงเพียงกันเขาชั่งหมั่นฝึกฝนเอาจนดี
ทิ่สิบนั้นนางแหม่มเขาขี่ม้ามีต่ลํกออกมาพูดอู้อี้
หํกขะเมนลอดบ่วงทำท่วงทีล้อนารีบํนหลังม้าว่าทำเปน
แล้วนางแหม่มควบม้าท่าดังเหาะตามสังเวียนจำเพาะก็โดดเผ่น
ลอดบ่วงถึงสามระยะน่ากระเดนไม่ยักตํกกลับเต้นส่บายใจ
ต่อนี้ไปในกระบวนซ้อนเต้าอี้จนถึงมีม้าตั้งยังซ้อนได้
จนสูงลิ่วแลหวิวหวาดฤไทยแล้วซ้ำไปหํกขะเมนเล่นบํนนั้น
ชุดต่อนี้มีนกขี้ราบขาวกับหยิงสาวออกมาเล่นไม่เหนขัน
ม้าตัวเล็กดอกเอนดูมันรู้ครันวิ่งสังเวียนเหียนหันได้เรียบร้อย
อีกทั้งยืนสองเท้าก้าวจังหวะเอาไม้วางวิ่งปะทะก็กลับถอย
เดินหลังได้ดิบดีทีละน้อยแล้ววิ่งร่อยเลยลับกลับเข้าเตน
ต่อตอนนี้ยี่ปุ่นเลี้ยงกระไดมีเดกปีนขึ้นไปเช่นเคยเล่น
ม้าสามตัวต่อไปก็ไม่เว้นเล่นเหมือนเช่นเคยเล่นมาทุกครั้ง
ต่อนี้มีคนหนึ่งออกมาแต่งอย่างคนแข่งม้าข้างฝาหรั่ง
มายืนขับพาชีมีกำลังหนังเต้าอี้ที่บนหลังไม่พลาดแพลง
ดูหมิ่นหมิ่นท้ายม้าน่าจะตกมันไม่ยักหํกค่เมนเหนเหลือแขง
ด้วยใจมั่นสันทัดไม่พลัดแพลงแล้วเปลี่ยนแปลงออกเล่นเปนตอนตอน
คราวนี้เสือบั้งก้าหล่าว่าดุนักต้องหลบพักเลี่ยงไถ่ลไปเสียก่อน
คนลากคํดเขากลับดับอาวอนจึงค่อยผ่อนออกไปนั่งเหมือนยังเดิม
พอเปิดกรํงเสียงโฮกกระโชกลั่นให้หวั่นหวั่นไยมันคึกทำฮึกเหิม
ยิ่งแลไปใจพรั่นตัวสั่นเทิ้มรู้เช่นนี้หนีไปเคลิ้มเสียจะดี
ถ้ามันผลุดหลุดออกมาจะว่ากระไรคว้าเอาไคเข้าแล้วเหนต้องเปนผี
ถึงเสือกัดจะไม่มอดรอดชีวีท่หานที่ถือปืนยืนประจำ
เขาจะยิงคํงจะกลิ้งลํงเปนแน่มิใครก็ใครคํงจะแผ่เพราะปืนร่ำ
ออกเสียใจเราไปดูคือสู่กำต้องกลืนกล้ำฝืนอารมอยู่นมนาน
เขาเข้าไปในให้มันทำเหมือนคราวก่อนเคื่ยนร่ำไปไม่หยุดหย่อนเสือก็หาน
ขึ้นยืนเกาะกรํงเผ่นเหนท่ยานกลัวละลานแล้วเขาให้ลอดบ่วงไฟ
เอากระดานชุบกอฮอห่อบ่วงจุดเสือลุกผลุดไปมาหาขัดไม่
ถ้าฝาหรั่งผินหลังมาเมื่อไรก็ขู่โฮกเหมือนจะใคร่เข้าคายเคี้ยว
ต้องฟาดแซ่ร่ำไปใส่ขวับขวับจนเลิกกลับออกมาน่าหวาดเสียว
เวดมํนเขาคํงชงัดชัดจิงเจียวคํนคํนเดียวเสือสามตัวจึงกลัวลาน
แล้วเอาชิ้นเนื้อโคโตส่นัดเสียบส้อมยัดเข้าไปให้เปนอาหาน
เสือตะครุบปากงับรับประทานดูเดือดดานมิใคร่หายวายโกรธา
กว่าจะเสดเกือบเจดทุ่มไปได้เสดจขึ้นคืนข้างในไปทั่วน่า
สิ้นเนื้อความตามกำหนดจำจดมาต่อพรุ่งนี้จึ่งจะว่าความต่อไป
             

วันอาทิตย์ เดือน ๑๒ แรม ๗ ค่ำ
วันนี้มีสมโพดขึ้นพระอู่ต่างคนรู้ทั่วหน้าหาขาดไม่
ไปตำหนักท่านอํงเล็กที่ข้างในแต่พ่อ่ได้เวลาเสดจลง
คุนว่อ่ร่จันทั่นเชินเสดจมาสู่ขันถํมทาราให้โสดสง
พระเต้าน้ำบั้งการหรีคราวนี้ทรํงด้วยพระอํงสายเสดจไปลันดอน
พรามพระครูชูสังหลั่งถ่วายแล้วเชินย้ายลํงสู่ยี่พู่อ่อน
ทรงขมิ้นดินสีพองประคองกอนแล้วค่อยช้อนผ้าหุ้มคลุมพระกาย
เชินเสดจมานั่งยังเต้าอี้กรํงใบสีเงินทองแก้วแพร้วพรายฉาย
พรามสามคํนจุดเทียนแว่นเวียนรายแล้วเจ้านายภูหยิงทรํงส่งรับกัน
ครบห้ารอบตามร่บอบแบบฉ่บับเข้าแว่นดับเทียนสำเนียกเรียกพระขวัน
เสกกะถาว่าโส่ลกแล้วโบกควันแป้งน้ำมันเจิมบาทราชโอรํฏ
อีกคํนหนึ่งจึงเข้าไปฟาดด้ายผูกบาทซ้ายขวาทำตามกำหนด
ช้อนทองตักน้ำมนาฬีที่มีรํดถ่วายให้ทรํงซํดถึงสามครา
แล้วประทานน้ำพระสังแลเจิมจันผูกด้ายขวันที่พระกอนทั้งซ้ายขวา
ใบไม้วางข้างยี่พู่อู่นิดกราทั้งพระหัดะเลขาตั้งพระนาม
ว่าพระอํงอิดสีริยาภอนให้ถาวอนสักสีเปนที่ขาม
เหล่าสัตกรูหมู่พาลาอย่าลวนลามให้มีความจำเรินเนิ่นนานเนา
ของสมโพดโปรดประทานเงินหกแท่งกับทองคำกำลังแพงอีกลิ่มเล่า
ขันลงยากาทองคำงามไม่เบาเงินสิบชั่งตั้งริมเสาพระอู่ทอง
ทองพระบาทส้อยทองก้อนร่อนได้ใหม่ทรํงวางไว้ในพระอู่ดูไม่หมอง
สายสินโยงเสาไว้ให้คุ้มครองพรามประคองพระกุมารพลางอ่านมํล
แล้ววางอํงลํงกลางพระอู่น้อยชักสายส้อยเห่ขับไม่สับสํน
ว่ากล่อมหํงลํงทำนองทั้งสองคํนจํบบํดต้นเป่าสังตั้งต่อไป
บํดสองสามลำดับจนสับสิ้นประโคมพินพาดสนั่นเสียงหวั่นไหว
สมโพดเสดเสดจนขึ้คืนคันไลต่างคํนไปจากตำหนักไม่พักนาน
ค่ำวันนี้มีเลี้ยงโต๊ะเจ้าฝาหรั่งบํนพระที่นั่งปัดกวาดสอาดสอ้าน
ฉันขึ้นไปชมเล่นเหนกระกานเหลือประมาณที่จะร่ำเปนคำกลอน
ท้องพระโรงสีจัมพูดูสดใสจัดไว้เปนที่พักข้างน่าก่อน
พรํมลวดลาดทางย่างเยื้องจอรท่วานตอนต่วันออกบอกม่อ่ร่คา
ห้องเลี้ยงโต๊ะโต๊ะวางอยู่กลางห้องเต้าอี้สองข้างรายเปนซ้ายขวา
กลางโต๊ะตั้งเครื่องดอกไม้วิไลตาที่กรํงน่าเต้าอี้มีซ่อมช้อน
ทั้งจานกราผ้าเชดมือมีดน้อยใหญ่ถ้วยแก้วไว้วางจังหวะเรียงสะหลอน
จานสุบใส่ขนมปังนั้นตั้งช้อนมีก๊าดบอกนามกอนกำกับจาน
พวกบ๋อยมาคอยอยู่พร้อมพรั่งแกรฝาหรั่งมโหรีมีขับขาน
ยังที่บํนห้องเหลืองมโหลานล้วนที่ชาถ้วยปั้นตั้งตู้ราย
ที่ห้องเขียวเลี้ยวขวาน่าชมยิ่งมีทุกสิ่งสุดร่ำคำข่ยาย
ตู้ผนังตู้ตั้งยังมากมายท่วงทีคล้ายห่อ่เจียมเอื่ยมอำไพ
ห้องน้ำเงินนั้นยิ่งงามไปกว่านี้ตั้งเต้าอี้นอนนั่งทั้งน้อยใหญ่
ตามตู้เกลียวเหลียวน่าตาแลไปเหมือนอย่างได้ขึ้นวิมานกระกานตา
ตู้เครื่องนากก็ล้วนนากรูบมากหลายดูมากมายล้วนจะร่ำรำพันว่า
ตู้เครื่องทองทองล้วนชวนทัดส่นาตู้สํงยาล้วนลํงยาราชาวดี
ตู้กระไหล่ของกระไหล่ใส่ทุกชั้นตู้ถํมสันถํมตะทองให้ต้องที่
ตู้เครื่องเล่นตุกตาน่าเปรมปรีสาร่พัดที่จะมีล้วนน้อยน้อย
ตู้เครื่องเพดแลผาดหวาดส่ดุ้งเหมือนแสงรุ้งฤาว่าพรายคล้ายฮิงห้อย
ทุกวันนี้มีมากหนอเพดพลอยหาใส่ก้อยเมื่อกระนั้นแทบบันไล
เพดเดียวนี้มีมาก็จริงแหล่แต่น้ำแพ้สู้แต่ก่อนเขาไม่ได้
ตะกั่วตัดยักกราหายน่าไปมีแต่เพดบ่อใหม่น้ำหลัวนัก
แขกบอกมาว่าฝาหรั่งทำด้วยถ่านเกยไว้นานดำไปได้เหนประจัก
อีกตำราว่าถ้าแซ่สานส้มนักครู่หนึ่งจักเปนสานส้มสิ้นเหลี่ยมเงา
อันเรื่องนี้ที่พระองค์ ป.ร.ท่านเคยเหนมาก่อนรับสั่งเล่า
ฝาหรั่งชั่งหลอกขายได้ไม่เบานี่หมีเอาเงินไปเปนหลายพัน
กรํงพระท่วานทั่นร้อยดอกไม้แขวนเปนแผ่นแผ่นเอออะไรที่ไหนนั่น
บ้างเปนอย่างข้างฝาหรั่งรงรังครันเมื่อกระนั้นแล้วเปนยอดเพียงระย้า
เดี๋ยวนี้แผลงแผลงไปให้วิถานอย่างโบรานเหนจะสูนเสียแล้วหนา
เลี้ยงโต๊ะเสดจวนเสดจจะขึ้นมาต้องหนีไปแอบฝาแฝงตาดู
ตั้งใจจะใคร่เหนเจ้าฝาหรั่งรูปร่างจะขึงขังอย่างไรอยู่
เขาตามเสรจเยื้องย่างทางพรมปูพ่อ่โผล่เข้าในประตูก็เหนตัว
ไม่มีหนวดมีเคราเค้ายังเด็กแต่ไม่เล็กสูงใหญ่มิใช่ชั่ว
ดูยิ้มแย้มน่าตาไม่น่ากลัวอยากให้ตัวกวินเขาเข้ามาเอง
อยู่แต่เมืองวิลาดไม่คลาดบ้านให้แต่ลูกแต่หลานที่เก่งเก่ง
มาท่องเที่วทุกน่คอรจอนแลเลงเดี๋ยวนี้เร่งเรียกให้กลับไปเมือง
วันนี้เจ้าเขาจึงเข้ามาทูนลาว่าจะลงนาวาแต่ฟ้าเหลือง
ห้าทุ่มเสดกลับไปไม่ขุ่นเคืองก็สิ้นเรื่องหมดเท่านั้นในวันนี้
วันอังคาร เดือน ๑๒ แรม ๙ ค่ำ
แรมแปดค่ำวันพระระยะว่างวันนี้วางแขกเมืองไว้ให้ต้องที่
เสดจออกพระโรงนอกนามจักรกรีพร้อมหมู่มุขมนตรีเนืองประนัง
ด้วยเมืองมุกดาหานบอกขานไขส่งต้นไม้เงินทองของเครื่องตั้ง
อีกส่วยสายบรรณาการเหมือนทุกครั้งเสียงเซงแส้แกรฝาหรั่งม่ห่อ่ร่ทึก
ท่หานก๊าดดาดส่ดามาเข้าแถวแกรวํงส่งเสียงแจ้วดูก้องกึก
เปนแขกเมืองสามันไม่พันลึกสุดสิ้นความตามที่นึกได้เท่านี้
วันพุธ เดือน ๑๒ แรม ๑๐ ค่ำ
ใจปั๋งปั๋งฟังข่าวหนาวส่ท้านเหนมีงานมิได้ห่างว่างดิถี
คุนท้าวคลังฤาก็ยังเจบเตมทีกลัวเบี้ยหวัดปีนี้จะเลื่อนไป
ยังมีลืออื้อมาว่ารับสั่งคุนท้าวคลังยังไม่หายหาแจกไม่
เวียนปฤกษากันว่าถ้าท่านบันไลเหนไม่ได้เบี้ยหวัดกินคํงสิ้นทุน
พ่อ่ได้ข่าวเช้าเมื่อวานปานจะโลดนั่งที่ไหนเวียนแต่โจดกันออกวุ่น
บ้างแคลงใจไปเที่ยวสืบออกชุนละมุนย้ายที่ใหม่ทำให้ขุ่นขึ้นอีกพัก
มาดูพระที่นั่งใหม่ไม่มีคํนต้องเสือกสํนไปใหม่ได้ประจัก
ว่าย้ายไปไพสานสำรานนักไปคอยอยู่พร้อมพรักพระโรงใน
เสดจออกข้างน่าเวลาบ่ายสมโพดเงินตามหมายหาผิดไม่
แจกเบี้ยหวัดเจ้าพระแล้วระไปถึงงบใหญ่โหนพรามตามทำนอง
เสดจขึ้นข้างน่ากว่าสามโมงประทับน่าท้องพระโรงที่กรํงช่อง
แจกข้างในรายน่ามาเปนกองแม่โป๊ยร้องขานบานชีปีนี้ดัง
ถึงท้าวนางยังไม่ทันจะเสรจสับเสดจกลับขึ้นบํนพระที่นั่ง
กลัวอยุดไว้ใจเต้นอยู่ปังปังพ่อ่รับสั่งให้แจกไปมิให้งํด
ได้เบี้ยหวัดแล้วลัดกลับมาที่อยู่เก็บเงินเข้าตู้เรียบร้อยหมํด
ลั่นประแจตีตราไม่ลาลํดใจกระจ่างสว่างหมํดไม่ราคี
ถึงขวบปีที่เสวยราชสมบัตจะสมโพดเสวกรฉัตเฉลิมศรี
อีกบังคํมบุรํมรูปประจำปีสวดมํนที่พระมหาปราสาดนั้น
ตั้งพระไชยไว้ทั้งห้าแผ่นดินโยงสายสินจัดการทุกสิ่งสัน
บํนบันลังตั้งราชกุกุพันพระแสงพานสองชั้นประจํงรอง
พระสํงนั้นคะนะเหนือสามสิบถ้วนล้วนท่านเจ้าท่านพระครูสิ้นทั้งผอง
พวกเจ้านายเสนามาเปนกองพ่อ่สักสองทุ่มเสดเสดจลํง
ทรํงจุดเครื่องสะการะมัดส่กานอาลักอ่านคำประกาดไม่คลาดหลง
แล้วพระท่านสวดมํนไม่วํนวํงพ่อ่จํบลํงเสดจขึ้นก็คืนมา
วันพฤหัสบดี เดือน ๑๒ แรม ๑๑ ค่ำ
เลี้ยงพระสํงทรงประเคนเพนไปได้แล้วถ่วายของพระท่านยะถา
สวดยานีมีสับพ่พุดทาแล้วไคลคลากลับอารามตามส่บาย
ทรํงจุดเทียนสังเวยเทวะราชโหนประกาดชํงกานขานพอนถ่วาย
พรามอ่านคำฉันบันระยายแล้วออกแว่นเวียนรายตามโบราน
สํมโภคสับเสดจกลับพระที่นั่งเวลาค่ำเช้าตั้งที่ไพสาน
สวดมํนเยนเช่นที่ว่าแต่วันวานแต่พระเปลี่ยนตามกานที่กะไว้
คือวันนี้มีแต่ทำมะยุดบ่อ่ริสุดสิกขาอัดชาไสย
สวดมํนจํบเสดสับพระกลับไปข่อ่จํบแดรีไว้เพียงนี้ที
วันศุกร์ เดือน ๑๒ แรม ๑๒ ค่ำ
สดุ้งตื่นลุกขึ้นนั่งได้ฟังเสียงปืนใหญ่เปรี้ยงตัวสั่นมิ่งขวันหนี
นี่ทั่นยิงกันทำไมมาหลายปีอันเรื่องนี้แปรไม่ออกบอกกรํงกรํง
ยิงอัตต่นาในเวลาสวดพันยักเพราะทั่นจักไล่ผีให้หนีส่ง
ดูเปนคุนคุ้มไภยไม่ปลํดปลํงทำเนียนมคํงยืนอยู่แต่บูราน
ยิ่งอย่างใหม่ไม่ได้ตั้งพระอัตต่นาทั้งเวลาก็กลางวันขันอีกส่ถาน
เปนเยี่ยงอย่างข้างอังกฤษพิสดานดูเกินกานสลุดได้เคยใช้มา
จะไปไหนไปยากลำบากยิ่งกลัวจะถูกปืนกลิ้งดับสังขา
เลี้ยงพระสํงทรํงประเคนตามเพลาเจ้าข้างในถวายผ้าแลไชยทาน
ยีมํนพระทีละอํงกรํงมารับตามลำดับที่ชานพักบํนไพสาน
แล้วโมทนาเหมือนตำราเมื่อวันวานอีกทั้งการสังเวยท้าวเทวัน
สมโภคเสดเสดจกลับพระที่นั่งพ่อ่ปืนดังตอบบ่ายรีบผายผัน
ไปคอยรับเสดจอยู่ในสวนพลันพวกนอกวังทั้งนั้นมามากมาย
ที่ได้หีบรีบมาตามประกาศไม่ใคร่ขาดเหมือนทุกปีมีเหลือหลาย
พ่อ่เสดจถึงสักครู่ฝนพรูพรายตํกกระจายไปไม่จํบจํนพลํบเยน
เสดจออกที่นั่งตัดสมาคํมทางท่วานพระบ่อ่รํมฉันไม่เหน
หลังปรางมาดฝนสาดไหลกระเซนแต่จำเปนนั่งอยู่คอยบูชา
เสียงประโคมห่อ่ระทึกออกกึกก้องทีหลังกลองชะนะดังไม่กังขา
ทราบว่าเสรจสู่ปราสาดยาดกรามาทรํงวันทาพระบ่อ่รมรูปแล้ว
เสดจขึ้นมุกหลังทางข้างในกรัดปราไสยทั้งผองดัวยผ่องแผ้ว
เล้วบทจอนจากปราสาดเสรจคลาดแคล้วไปตามแถวท้องฉนวนด่วนดำเนิน
อันแต่งตัวกันเดี๋ยวนี้วิเสศนักใช่ว่าจักกล่าวแกล้งแส้งสั่งกระเสิน
แต่ราคาแลมันแรงแพงเหลือเกินดูน่ากลัวยับเยินถึงยากจํน
เต่งกระจุกกระจิกหยุกหยิกมากเหนเตมยากฉันนี้ยอมเปนขัดสํน
ถึงสาวแส้จะยอมแพ้ไม่ต่อชํนห่มห่มนอนแลพ่อ่ทํนงามถํมไป
ประทานกราที่ข้างน่าวันนี้นั้นเขาบอกฉันว่าทูลหม่อมโตท่านได้
สายส้อยทองลํงยาน่าปลื้มใจเจ้าคุนกรํมนาใหม่สายทองชัด
พระอ่มอต่อเติมเพิ่มยศถาเปนพระยาเดชโชโตขึ้นส่นัด
พระยารักษากรุงพวยพุ่งชงัดได้ที่สองรองถัดทั้งสองคํน
ยังที่สามตามสกุนอีกหลายนายจะบันระยายชื่อเสียงก็ขัดสํน
ว่าไม่ได้เปนใหม่ให้เวียนวํนข่อ่ยอมจํนเปนคํนตื้นว่าอื่นแทน
สวดมํนวันนี้ที่พระที่นั่งใหม่เครื่องกุกุพันตั้งไว้บํนพระแท่น
เรียงพระตั้งน่าอีกทีไม่มีแม้นผิดแบบแผนที่อื่นหมดจึ่งจํดไว้
พระที่มาสวดมํนแลจะฉันเปนเวนวันฝ่ายพระคะนะได้
สวดมํนเสรจเสดจคืนเข้าข้างในจํบเรื่องไรแรรี่วันนี้ลํง
             

วันเสาร์ เดือน ๑๒ แรม ๑๓ ค่ำ
พ่อ่สายแสงสุริยาเวลาเพนก็ประเคนสำรับเลี้ยงพระสํง
ของพระราช่วํษานุวํงจัดบันจงอย่างดีที่โตโต
เมื่อวันกลางข้างในสิ้นทั้งนั้นวันแรกแจกปันพระวังโส
ทั้งฝ่ายน่าข้าราช่กาโรมีไชยทาโนตามกำลัง
ทรํงพระเต้าเสนอทุกพระยะถาสวดยัดส่มิงตำราพระคาถัง
อีกยานีทะพูตาออกวาจังแล้วสับพะพุดทังจํนตุเต
แล้วท่านอติเรกะพวะตุสับถ่วายพระพอนลากกลับอาวาเส
ทรํงจุดเทียนสังเวยอํงทเวขุนโหเรยืนร่ำคำบูชา
แล้วพรามอ่านดุษดีเปนคำฉันอันเชินฝูงเทวันนัดส่มา
อีกทั้งจตุโลกปาลาแผ้วไพยาอย่าให้ข้องมาพ้องพาน
แก่พระอํงผู้ดำรงพํบพัดสะจำเรินพระชันสาสักดาหาน
ทั้งเจ้านาเยนะข้าราช่การให้สำรานทั่วน่าประชาชน
ทั้งฝูงสัตตัมหานานาชาตให้แคล้วคลาดไพเยศเหดขัดสํน
แล้วออกแว่นจุดเทียนให้เวียนวนประโคมดํนกรีลั่นสนั่นดัง
ทั้งข้างในข้างน่าโกลาหํนมะโหรีตีบนพระที่นั่ง
ทั้งขับไม้ซ่อ่รับกับปํงปังพรามเป่าสังเมื่อบันจํบครํบรอบวํง
ลั่นค้องไซไล่ตามกันสามคาบขุนนางกราบรับแว่นโยกควันส่ง
ข้างในท้าวนางรับจับประจํงเจ้านายทุกพระอํงส่งต่อไป
ส่วนเจ้านายฝ่ายน่าบันดาเฝ้าจุดทูบเทียนน้อมเกล้าบังคํมไหว้
บูชาพระเสวกรฉัดไชยตามแบบอย่างวางไว้แต่ไรมา
เวียนเทียนสับดับโบกควันเฉลิมเสรจทรํงเจิมพระที่นั่งอยู่ข้างน่า
เจิมทั้งเครื่องกุกุพันอันวราทั้งมหาเสวกรฉัดสวัสดี
อีกพระแสงน้อยใหญ่ที่ไปตั้งแล้วคืนยังปรางมาดปราสาดศรี
ฝ่ายพระครูชูสังหลั่งชํนละทีแล้วเจิมที่เครื่องต้นบํนบันลัง
พระโหราถือผ้าชํมพูจัดห้อยคันเสวกรฉัดข้างเบื้องหลัง
ทั้งพระแท่นพุดตานด้านกำบังตามแบบอย่างปางหลังที่เคยมา
อันใดรีที่จะจํดต่อไปนั้นอีกสองวันแรมสิบสี่แลสิบห้า
เปนวันว่างห่างานกานพาราครั้นจะว่าต่อไปก็ไม่ควร
จะของํดเพียงพิธีสีสวัดกานฉลองเสวกรฉัดกระสัดส่งวน
ก็สิ้นข้อพ่อ่จํดหมํดกระบวนจะต่อไปให้รันจวนชวนระอา
ทุกวันนี้เจ้านายแลขุนนางท่านพูดกันต่างต่างหลายประสา
ไม่เข้าอํกเข้าใจไปไหนมาที่เจรจาสังเกดไว้ได้หลายคำ
อัน”โคมลอย”นั้นว่าเหลวเปนแน่หละยังคำ”บ๊ะ”อีกก็เหนเปนความขำ
ทีจะคล้ายกับบ่อ่พ่อ่นึกคลำยัง”สับพี”มีซ้ำแปลกออกมา
ออกชื่อ “ นุ่ง “ ละส่ดุ้งได้ทุกครั้งมันจะยังไรอยู่ไม่รู้ท่า
ยัง “ กู๋กู “ คู่กันหวั่นวินยาดูน่าตานั้นจะไปข้างไม่ดี
คำ “ สวิต “ ติดฝาหรั่งเสียงอังกฤษเคยคิดคิดลองเดาเหนเข้าที่
คนเหลวเหลวแล้วประใจใช้อย่างนี้เหนท่วงทีจะละม้ายคล้ายโคมลอย
“มะหลึกดึก” นึกดูอยู่ข้างหยาบทีขนาบว่าทลึ่งไม่ลํดถอย
แต่คำ “ เย “ นั้นอิดฉาท่าร่องรอยเคยได้ยินมาบ่อยบ่อยจึงเข้าใจ
“เว้นไม่ได้” คล้ายกันกับว่า “หนัก”ดูไม่สู้ลึกนักแต่สงไสย
“เม๊ก” อีกคำดูอยู่ข้างจะกระไรเหนจะไม่สู้ดีทีทำนอง
ยัง “โก๋” นี้มีพูดแต่เก่าแก่เกือบจะเหมือนกันกับแย่เข้าใจคล่อง
ยังคำไก๋, ใช้ติดต่อได้คิดกรองเห็นจะต้องกับไถลใช้เพี้ยนตัว
อันคำ โอ, คำ กลํม, มีถํมเถทั้งคำ เอ้, ก็เคยใช้มิใช่ชั่ว
บางทีมี อูด, เข้าพันพัวอีกรัวรัว, ใช้บ่อยไม่น้อยเลย
ทั้งลูกตุ้ม, แลบุหรี่, มีคำกล่าวอัน, แลอิม, ริมอํกร้าวเจียวอกเอ๋ย
ท่านจะว่ากระไรให้ไม่รู้เลยคำว่า ป๊อด, นั้นก็เคยใช้เนืองเนือง
แถมโลกย, ฤาแถม, เปล่าเขาก็ใช้ลางทีโลกย, เปล่าก็ได้ ไม่รู้เรื่อง
ลางทีเหลือแต่ โล โก, โอ๊น่าเคืองอีกอย่างเยื้อง ไปเปน หยอด, ก็ยังมี
บางครั้งว่า หยอดตาลงขลุ้กขลุ้กจะเล่นกันมุก ใดไฉนนี่
หฤาว่าเราสูบกันชาเปนราคีก็ใช่ที่ไม่มีเค้าเราไม่รับ
คำว่า พัด, จัดเอาเปนไทแท้แต่จะแปลกรํง ไป ไม่เข้าสับ
กางร่ม, หฤาร่ม, เปล่าเข้าสำทับใช้ระคนปนกับว่า คันดาน,
ยังลอยแพ, ลอย, เปล่าเข้าประสาเปนตำราเกิดใหม่ใหม่ ใช้ว่าขาน
แต่ใยเขื่อง, หฤาว่า โคม, พโยมยานค่เนการคํงสํงเคราะ ใน โคมลอย
ยังคำ ลัก, คำ เลข, หฤา ลักขู,ดูหนาหูร่ำ ไป ใช้บ่อยบ่อย
ยังพื้นเก่า, พื้นใหม่, มิใช่น้อยจํน โคลงคล่อยท่านก็ ใส่ ได้ ดิบดี
ยังคำ ตุ๋ง, คำ ทึ่ง, นี้ถึงเอกอีกคำ เต๊ก, คำ ตั้น, ขันสิ้นที่
หัวร่อ, แง้ม, แย้ม, แล กีดีกรีทั้งว่า มี, อิง, บึ, ก็เทือกบ๊ะ,
ยังคำ ห้อ, แต๊กแต๊ก, แล กีตัน,ทั่นประใจรับสั่งกันอยู่เอะอะ
อีกคำหนึ่งนั้นทั่นว่า ทัก, ละไม่รู้จะแก้กะถาว่ากะไร
ส่วนคำ หึ, คำ มัน, นั้นค่อยง่ายพ่อ่จะทายว่าเปนกานไม่ชอบได้
ยัง รวมรวม, แล หลวม, ละลายไปทั้งคำใหม่ นอร่อหร่อ่, หฤา นอ, ชุม
เหนจะมาแต่พระยาน่อ่ร่รัดแต่เรื่องอะไรไม่ชัดใช้เกลื่อนกลุ้ม
ยังคำ ดีด, นี้ใหม่ใหม่ให้มืดคลุ้มเหลือจะสุ่มสืบไปให้ได้ความ
อันคำ โก้งโค้ง, หฤา โค้งแฮ้,เปนคำข้างจีนแท้ไม่พักถาม
คำเตี้ยเตี้ย, ก็ใช้เลอะเปรอะเปื้อนลามดูเค้าความมิใช่คำต่ำกรํงกรํง
คำว่าปัน, ฟัน, ยูดี, มีมานานสังเกตกานก็ยิ่งคิดพิดส่วํง
เค้าคล้ายกันแต่ดูมันไม่แน่ลํงอีกปาส่ง, ทุ่มส่ง, ลงเหวลึก,
คำนี้ทีจะไปข้างว่าย่อ่ใครมาล้อก็คํงพ่อ่จะรู้สึก
ถึงคำว่าทับฮ่อ, ก็พ่อ่นึกแต่คำขลึก, นั้นแลเหนเปนเหลือแปร
อันคำอี่, โขลกเน่า, แลนางนองเหลือจะกรองกรึกกราหากระแส
ทั้งพาวพาว, เพาเพา, สุดเดาแท้แต่กระหายแหนจะแน่ในเชิงตะกลาม
กรึ่, ครึ่, กึ, เคาะ, ดูเพราะมากยังหาฟ, ยาก, หอย, เหนเปนหลายง่าม
อีกยัว, มอง, กะระหม่า, ทั้งอารามวุฒิ, อา, ถ้าความคล้ายคลึงกัน
คำชั่งเถอะ, แลจะโปรด, หนาโสดส้าล่าก้อนบ้า, กุลู, อีกกุหลัน,
กระโหลก, กระลา, เจ้าก้า, ว่าพัวพันดูเชิงชั้นจะว่าเสือกตาเหลือกตาลาน
หัวเหดย้ำ, แลย้ำ, เปล่าก็เอามั่งเบเรียน, ครั้ง, ขาก, แจก, แปลกโวหาร
คำโรม, เหลี่ยม, เหี้ย, นี้มีมานานยังวิถานไปอีกชิ้นอินเทเว,
หนึ่งอัคคี, โคลน, ไฟ, จดไม่ติดนิ่งคิดคิดหฤาจะคล้ายกับรายเหว,
ถึงลึกลับจำปั๊บปั้บ, กับปัจเจตื้น, เสเพลจํน พรุ่งนี้, ก็มีใช้
ลํมจับ, กับ อินเดียรับเบอ,จะคล้ายกับอำปะเรอ, หฤามิใช่
พูดฝรั่งมังค่าน่ากลุ้มใจรับว่าได้, เน้นหนักเหนก็มี
ควง, เปล่า ควงหนวด, อีกหนุงหนิงหยอกภูหยิงหฤายังไรไม่รู้ที่
ขนํดหาง, กาหล, จํนแวง, วี,ยะโส, ยะ, คู่นี้ที่ว่ายศ
รัศมี, วิธีใช้มีหลายอย่างถอน, กระชาก, ร่วง, บ้างใช้ได้หมํด
ทั้งปักหลัก, ปักคา, ว่าไม่งํดอีกออกรศ, แจ้กแจ้ก, แปลกสำนวน
คำจัปบรือ, ซึบจื้อ, บื่อ, เปล่าเปล่าดูเปนเค้าเหนบแนมแกมเสสวน
กร้าว, หฤาคร่าว, โฮ้ โฮ้, โก๊ เกากวนเปนกระบวนเลียนล้อทางตอแย
ยังกัมกึ, ก้ะก้ำ, ซ้ำ อํมก๋อเกิ๊ก, เกิ๋ม, ฮ้อฮ้อ, เห็นจีนแน่
เอาไหม, ให้เถอะ, เนื่องกันแท้เปนคำแก้คำไขกันในเชิง
เกรี้ยวกร่าว, กริ้ว, กุสํน, โกนหฤาถอนกุลีไท่, ใช้แต่ก่อนวางกันเหลิง
ยังก้นแป้ว, ปวดหูดูละเลิงเลยกระเจิงจํน ครูจ๋า, อาเจระ,
ยังคลุกคลัก, จับเคละ, แลจับเคลอะอีกซับเฟอะ, ยับเคลอะ, เปรอะเปะปะ
ไปข้างทางโสโครกโปกถูกละปลาแห้ง, แคลงว่าจะไม่ชุ่มมัน
คำว่าทอย, ว่าสลูด, พูดกันถี่ข้างท้ายมีคำเอายับ, จับได้มั่น
คงเหมือนขับ, ที่เราใช้เมื่อกระนั้นแต่ขอช้าง, พึ่งใช้กันเรวเรวนี้
ทั้งพอง, เปล่าพองแก้ม, แถมมาใหม่แต่ สวิทธิไชย, เคยใช้ ถี่
เปนคำเดียกับสวิด, คิดดูทีเช่นกับ วี, วีโวหาร ถานวาจา
อันคำหื้อ, คือว่าขู่ส่พัดสั่น, ซีด, ซัด, คึ้ก, อือหฤาจะว่า
ตมูกคัดอัดอืดครืดขึ้นมายังคำโบราณนานมาว่า มะกลาม,
เปนชั้นเก่าเกือบจะเท่าโคมเข้าแขก,แต่คำ เทวครอกแครก, แลอีกสาม
คือจุก, บู, ม่วง, ควงกับความว่าห่อ่พราม, งึมงำ, คำเจรจา
ตักกระแตน, ตักกระเต๋, ตักกระไต๋ตักกะเตยโย, ก็ใช้เปนคำว่า
กระเรยฉัน, โกร้, เข็ม, เก็บเลมมาพูดเฮฮาหนวกหูผู้นั่งเคียง
เขลียะ, คริ้ม, ครึม, อีกคำ ควิ้ว,คล้ายกับผิวปากซ้ำทำสุ้มเสียง
อีกกร๊อกกร๊อก, แลกว้า, ค้าสำเนียงบิ๊บ, เบ๊ะ, เบี่ยง, เหวี่ยงรับกับจับคาง,
อันตะโป, เหรา, พูดมาเก่าวันยังค่ำ, นับเข้าได้ อีกอย่าง
ติ๋ติ๋, เตียวล่อ, ต่อตามทางเตียว, เปล่าบ้างอีก ทั้งตั้ง, คำดั้งเดิม
ฟิปฟอบแฟบ, แบบว่าทางอาพาดลอองบาด, แลรางวับ, ปั้นเป้อ, เบิ้ม
สวิง, เพลีย, เสียแต้ม กันดานเทิ้มจับกล๊อก, เติม ตุ๊กะฉิ้ก, หลีกคำไทย
อนึ่งคำบิดพระส่อ่, ข่อ่พระเสียนคำไพร่เปลี่ยน บิดคอ, ขอหัว, ได้
อีกเรียกตัวตุ๊กกะตุ่น วุ่นกระไรทั้งคำใช้ ปลิ๊ด, ควัช, ชัดวิที
หง่อยหง่อย, กร่อยกร่อย, ฟังค่อยกระจ่างเหมนนุหน่าย, หลายอย่างไม่เลือกที่
วิมารพรํม, กับไพร่ว่าอเวจีเปนท่วงทีข้างอย่างทางประชํด
คำกา, คำค้างคาว, คราวปีวอกคำจะบอก, นี้พึ่งมีทีหลังหมํด
ซิ้ว, คำจีนหฤาอย่างไรใช้ไม่งํดเก, ปี, อา, ปรากํดฝรั่งลึก
ยังมี ตี, ปี, แลบีเลียดกับเอ็มปี, ฉันชั่งเกลียดเกือบส่อึก
ที่ข้างในใช้อีกคำล้ำเหลือนึกทั่นอึกกระทึกกันว่า กรุด, สุดปัญญา
ทั้งคำย่อ, คำปรึอ, หฤาคำยิง,เปนคำเจ้านายภูหยิงรับสั่งหนา
ทั้งเกเก, แลกับ, สดับมาเปนประสาที่ข้างในใช้เนืองเนือง
เม้ย, เหมย, แมว, มืด, อีกเม็ดถั่ว,มวย, เบะโบ้ย, บี้ด, มัวไม่แจ้งเรื่อง
ทั้วบวม, แบ, เป๊ะ, ปอน, ค่อนทั้งเมืองอีกเละ, เป๊ะ, ป่ายเยื้องไปปูมปาม,
ป๋อป่อง, เปิดเปิง, เปนเชิงขูดทั้งปรี๊ด, ปรูด, ปรวด, ปราด, คํนขลาดขาม
อีกอิ้ง, อื่ด, อื้ด, เอียน, เหลือเลียนตามยังห่าง, ห่าม, หุบ, แจ๊บ, แยบคายคำ
ตู้, เต่า, ตั้บตั้บ, สำหรับติทั่นช่างริห์เอามากรัดคัดขำขำ
ตลุยตลาย, ตรังตัง, ตั้งใจทำก๋อมก้อ, ก่ำ, เก๋, กลั้น, สันเอามา
แง้ก, งัก, เงียบ, เงี่ยง, อีกทั้งหง่าว,ก๊วย, แก๊บ, กล๊อก, กล่าวกันหนาหนา
เชี้ยบ, สนิท, หนุน, น้ำ, ทั้งเหน็บชา,อีกคำว่าเผ่น, ผ่อย, ทั้งพุ่งเพรียว,
ทั้งคำฉูด, ขุด, แข็บ, ขอ, เข้าอู่,ยิ้บยิ้บเหยเริ่ย, ดูน่าเฉลียว
อันฉีก, เต้น, เผยอ, สั้บ ลับจริงเจียวอีกว่าเขียว, ทับถม, ทั้งถอน, แทง
ยังตืบ, เตี้อง, ติ้ว, ต๊อก, ออกกันใหม่กุ้ง, กั้ง, เก๋ง, กิ๋ม, ใช้ไม่เลือกแห่ง
อีกหยุกหยุย, ยุ่มย่าม, ความแสดงไม่สู้แรงหนักหนาดูท่าทาง
เป่ง, ปั่น, ปักปำ, ปาว, โปะ, ปิ้ก,เปนคำลึกเหลือรู้ดูขัดขวาง
แต่ปาก้อน, ปั้นก้อน, ค่อนรางรางจะไปข้างปั้นน้ำขึ้นเปนตัว
ตักกระแต, ห่วงตึก, อีกตักหมอนหฤาคล้ายถอนตัก, อะไรใช้ได้ทั่ว
เต๊ก, กระดาน, เดาะ, กระเต เล่นลิ้นนัวถวย, ถับเถะเถิม, ถัว, กับถาก, โทน
ทั้งปวดท้อง, ตีค้อง, กระชากไส้,ดูรุนแรงอยู่กระไรเหนผาดโผน
แต่แกะแดะ, คิดเค้าเดาคงโดนไม่แปลกโจนจากเก่าเขาไปนัก
อ่านประกาศ, ยับกราน, ละลานลึก,จะกรองกรึกสันเท่าใดไม่ประจัก
หีบ, เหี้ยน, หิ้ด, ได้แจก, อีกเจาะควัก,ระมัด, มัด, ก็มักจะพูดกัน
ตีพิม, เพิ่ม, เผละ, แลพราม, นี้ดูอยู่ข้างพูดถี่ชินหูฉัน
เสงี่ยม, เพี้ยม, รุ่งโรด, หนาโสดครันซุดโซม, ส้อบ, สอง, นั้นพอเข้าใจ
ยังประจง, สาด, หรี่, มีอีกแน่อุกอุ๋ย, แอ๋, แว่น, วาว, กล่าวกันใหม่
บิด, กับปลื้ม, อีกสองคำฉันจำไว้ทั้นจันโท, ท่านก็ใช้ มีตำรา
ขึ้น, แขก, ขิก,ขยี้, เขย่า, หยอง,ทั้งออมครอม, ย้อม, พร้องนานหนักหนา
นวด, รีด, เอ้อเร้อ, เพ้อกันมากับคำว่าโท่งเท่ง, ทั้งกว่าง, แงว
โป๊ก, เปล่าโป๊กเป๊ก, แลจับปรี๊ด,คำจืดจืด, ผุ, เปื่อย, เรื่อยเปนแถว
ยังกรี๊ด, กรอบ, โกร๊ด, ใช้ไปจนแกวตุกขลัก, ปัก, แล้วเจื่อง, ตะเปน
คำโต้, วิ่ง, หวาน, ทั้งว่าแน็บ,แสนเจบแสบคำกว้าน, กว้างเกินเหน
อีกแจกกรา, แลกุมาน, พานยากเยนอยู่อีกเปนคำผวนชวนเสียดแทง
คำข้างในไม่เหมือนกับข้างน่าท่านใช้เกยกิริยาทั่วทุกแห่ง
คงคอยแต่ค่อนว่าน่าคิดแคลงฉันสู้แกล้งทำให้เหนเปนไม่เคือง
ฝ่ายข้างน่านั้นประสาทั่นเรียนยากยังมีอยู่อีกมากไม่รู้เรื่อง
จะจํดไปไม่สิ้นสุดสมุดเปลืองเฝ้ายักเยื้องเหลือจะร่ำทำเปนกลอน
ยังประสาฝาหรั่งไปทั้งนั้นทั่นกรัดกันเลียนไม่ไหวไม่ได้สอน
ดํงซิ้วซิ้วเซ้าเซ้าชาวลันดอนไม่เหมือนอย่างเมื่อแต่ก่อนเคยพูดกัน
คำเหลวไหลไม่มีคำอื่นผลัดเพราะคำขัดจึงต้องใช้หมีใช่ขัน
ยังหาปี้, หาแปะ, แลเพ้ย, นั้นคํนชั้นฉันพูดบ้างอย่างคนอง
คำฝาหรั่งตั้งแต่ก่อนก็เคยใช้เหมือนคำไขไอสติม, ก็แคล่วคล่อง
ทั้งเต็มเปา, เขาก็พากันพูดพร้องถ้ากรองกรองไปคํงได้อีกหลายคำ
ถึงพูดแผลงแปลงคำก็จำเพาะที่เหมาะเหมาะเปนต่ลํกหฤาขำขำ
แต่เดี๋ยวนี้ใช้เฝื่อพดเพรื่องพรำจํนเหลือจำไม่รู้ถ้าว่ากระไร
ครั้นจะถามก็มีความละอายจิตรจํนร่อ่ทั่นไม่ใคร่ติดพูดไม่ได้
เช่นนี้และจึ่งขัดสํนเปนจํนใจจะจํดแรรี่ไปก็ออกคร้าม
ความคิดเหนหฤาก็เปนอย่างบุรานท่านภูอ่านก็จะว่าฉันงุ่มง่าม
จึ่งข่อ่หยุดสุดบดจํดเนื้อความแม้นไม่งามข้อใดในกายกลอน
หฤาคดีที่จํดหมดทั้งนั้นเอกโทชั้นตลอดชั่วตัวอักสอน
ข่อ่จงช่วยแก้ไขในสุนทอนอย่าขอดข้อนร่ำว่านินทากัน
ถ้านารีมีปันยาอันสามาดฉลาดรู้อักสอนสีดีกว่าฉัน
ช่วยแก้ให้ถูกได้หมดทั้งนั้นฉันจะใหรังวันช่างหนึ่ง เอย ๚ะ
             

เชิงอรรถ

ที่มา

กลอนไดเอรีซึมทราบกับตามเสด็จไทรโยค พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ สมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า ทรงให้พิมพ์ประทานช่วย พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าหญิงผ่อง ในงานทรงบำเพ็ญกุศลฉลองพระชันษาครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐

[ขอขอบคุณ คุณพิกุลแก้ว สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน]

เครื่องมือส่วนตัว