บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง:

บทประพันธ์

ตอนที่ ๑

             

ตอนที่ ๒

             

ตอนที่ ๓

             

ตอนที่ ๔

             

ตอนที่ ๕

             

ตอนที่ ๖

             

ตอนที่ ๗

             

ตอนที่ ๘

             

ตอนที่ ๙

             

ตอนที่ ๑๐

             

ตอนที่ ๑๑

             

ตอนที่ ๑๒

             

ตอนที่ ๑๓

             

ตอนที่ ๑๔

             

ตอนที่ ๑๕

             

ตอนที่ ๑๖

             

ตอนที่ ๑๗

             

ตอนที่ ๑๘

             

ตอนที่ ๑๙

             

ตอนที่ ๒๐

             

ตอนที่ ๒๑

             

ตอนที่ ๒๒

             

ตอนที่ ๒๓

             

ตอนที่ ๒๔ กำเนิดพลายงาม

๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภาอยู่เคหากับขุนช้างให้หมางหมอง
ไม่มีสุขทุกเวลาน้ำตานองด้วยว่าท้องสิบเดือนไม่เคลื่อนคลา
จะคลอดบุตรสุดปวดให้รวดร้าวตึงหัวเหน่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยต้นขา
แสงห่องห้อยพรอยพรายพร่างสายตาจะเรียกหาขุนช้างให้หมางใจ
แต่นวดนวดปวดมวนให้ป่วนปั่นสุดจะกลั้นกลอกหน้าน้ำตาไหล
พยุงท้องร้องเรียกพวกข้าไทจะขาดใจแล้วช่วยด้วยแม่คุณ
ขุนช้างตื่นฟื้นตัวหัวผงกเห็นเมียตกใจผวาออกว้าวุ่น
ประคองนางพลางบนเอาต้นทุนอย่าท้อแท้แม่คุณจงแข็งใจ
พลางดูท้องร้องว่าเออออกแล้วซิตั้งสติอารมณ์จะข่มให้
นางวันทองร้องเสือกกลิ้งเกลือกไปขุนช้างได้หมอนรองประคองคอ
เรียกหาข้าคนอลหม่านบนนอกชานพวกผู้หญิงออกวิ่งสอ
ให้ไปรับยายสายกับยายยอแต่ล้วนหมอตำแยเซ็งแซ่มา
เข้าถือท้องต้องถูกว่าลูกต่ำเอาหน้าคว่ำไขว่ขวางไปข้างขวา
ช่วยผันแปรแก้ไขใกล้เวลาบ้างตำยาขยำส้มต้มน้ำร้อน
นางวันทองร้องไห้ใจจะขาดพอกรรมชวาตวาตะประทะถอน
อรุณฤกษ์เบิกสุรินทร์ทินกรอุทรคลอนเคลื่อนคลอดไม่วอดวาย
พอพ้นท้องร้องแว้นางแม่หวีดหน้าซีดอกสั่นมิ่งขวัญหาย
ขุนช้างมองร้องอ้ายหนูเป็นผู้ชายทั้งย่ายายเยี่ยมลูกให้หยูกยา
แล้วทอดเตาเข้าไฟไม่ไข้เจ็บครั้นจะเก็บความกล่าวยาวหนักหนา
ค่อยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้จนใหญ่มากระทั่งอายุเจ้าได้เก้าปี
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนแม้นขุนแผนพ่อเหลืองลอออวบอ้วนเป็นนวลศรี
ทั้งจุกผมกลมกล่อมกระหม่อมดีช่างพาทีฉอเลาะพูดเพราะพราย
นางวันทองน้องคะนึงถึงขุนแผนด้วยลูกแม้นเหมือนเหลือเป็นเชื้อสาย
บอกบ่าวไพร่ให้สำเหนียกเรียกลูกชายชื่อว่าพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ ฯ
๏ ฝ่ายขุนช้างหมางจิตให้คิดแค้นลูกขุนแผนมั่นคงไม่สงสัย
เมื่อกระนั้นเหมือนกูครั้นดูไปก็กลับไพร่เหมือนพ่ออ้ายทรพี
อีแม่มันวันทองก็สองจิตช่างประดิษฐ์ชื่อลูกให้ถูกที่
เรียกพ่อพลายคล้ายผัวอีตัวดีทุกราตรีตรึกตราจะฆ่าฟัน
พอวันทองน้องป่วยลงด้วยเคราะห์มาจำเพาะจะวิโยคให้โศกศัลย์
ฟังเสียงเงียบระงับหลับกลางวันพลายงามนั้นนั่งกับพ่อที่หอกลาง
ขุนช้างเห็นเป็นทีไม่มีเพื่อนแกล้งชี้เชือนชักพาลงมาล่าง
ให้ขี่หลังนั่งบ่าแล้วว่าพลางไปชมช้างกวางทรายมีหลายพรรณ
ทั้งนกยูงฝูงหงส์มันลงเกลื่อนจับไก่เถือนมาเลี้ยงฟังเสียงขัน
พูดให้เพลินเดินพลางกลางอรัญแกล้งให้หมั่นดูแลฝูงแกกา
โพระดกนกงั่นกระตั้วเต้นกระแตเล่นไม้โจนโผนผวา
เจ้าพลายงามถามพ่อพูดจ้อมาขุนช้างพาเลี้ยวไปปะไม้ซุง
เห็นลับลี้ที่สงัดขัดเเขมรสะบัดเบนเบือนเหวี่ยงลงเสียงผลุง
ปะเตะซ้ำต้ำผางเข้ากลางพพุงถีบกระทุ้งถองทุบเสียงอุบโอย
พลายงามร้องสองมือมันอุดปากดิ้นกระดากถลากไถลร้องไห้โหย
พอหลุดมือรื้อร้องวันทองโวยหม่อมพ่อโบยตีฉันแทบบรรลัย
ไม่เห็นแม่แลหาน้ำตาตกขุนช้างชกฉุดคร่าไม่ปราศรัย
จนเหงื่อตกกระปรกประปรอมขึ้นคร่อมไว้หอบหายใจฮักฮักเข้าหักคอ
พลายงามดิ้นสิ้นเสียงสำเนียงร้องยกแต่สองมือไหว้หายใจฝ่อ
มันห้ามว่าอย่าร้องก็ต้องรอเรียกหม่อมพ่อเจ้าขาอย่าฆ่าเลย
จงเห็นแก่แม่วันทองของลูกบ้างพ่อขุนช้างใจบุญพ่อคุณเอ๋ย
ช่วยฝังปลูกลูกไว้ใช้เช่นเคยผงกเงยมันก้ทุบหงุบลงไป
บีบจมูกจุกปากลากกระแทกเสียงแอ้กแอ้กอ่อนซบสลบไสล
พอผีพรายนายขุนแผนผู้แว่นไวเข้ากอดไว้มิให้ถูกลูกของนาย
ขุนช้างเห็นว่าทับจนตับแตกเอาคาแฝกฝุ่นกลบให้ศพหาย
แล้วกลิ้งขอนซ้อนทับให้ลับกายทำลอยชายชมป่ากลับมาเรือนฯ
๏ ฝ่ายผีพรายนายขุนแผนแค้นขุนช้างอุตส่าห์ง้างขอนใหญ่ให้เขยื้อน
แล้วเป่าแผลแก้หายละลายเลือนเจ้าพลายเคลื่อนคลายฟื้นเหมือนตื่นนอน
นางพรายบอกว่าเราบ่าวขุนแผนมาทำแทนเมื่อมันทับช่วยรับขอน
ไม่ม้วยแล้วแก้วตาอย่าอาวรณ์อยู่นี่ก่อนเถิดนะเจ้าอย่าเศร้าใจ
แม่ของเจ้าเราจะบอกออกมารับแล้วหายวับวู่วามตามนิสัย
เจ้าพลายงามยามเย็นไม่เห็นใครเที่ยวร้องไห้หาแม่ชะแง้คอย
จะไปเรือนเพื่อนทางที่กลางป่านึกน้ำตาหยดเหยาะลงเผาะผ็อย
เจ้าแหงนดูสุริย์ฉายก็บ่ายคล้อยให้นึกน้อยใจพ่อพูดล่อลวง
เสียแรงลูกผูกใจจะได้พึ่งพ่อโกรธขึ้งสิ่งใดเป็นใหญ่หลวง
โอ้มีพ่อก็ไม่เหมือนเพื่อทั้งปวงมีแต่ลวงลูกรักไปหักคอ
รู้กระนี้มิอยากเรียกพ่อดอกจะไปบอกแม่วันทองให้ฟ้องพ่อ
เที่ยวผันแปรแลหาน้ำตาคลอนึกระย่อเยือกเย้นไม่เห็นใคร
ดูครึ้มครึกฟฤกษาป่าสงัดไม่แกว่งกวัดก้านกิ่งประวิงไหว
จังหรีดร้องก้องเสียงเคียงเรไรทั้งลองไนเรื่อยแร่แวแววับ
ดุเหว่าร้องมองเมียงเสียงว่าแม่ยืนชะแง้แลดูเงี่ยหูตรับ
อยู่นี่แน่แม่จ๋าจงมารับวิ่งกระสับกระสนวนเวียนไป ฯ
๏ ฝ่ายพวกพรายกายสิทธิ์ฤทธิรุทรเหมือนลมวุดวู่หนึ่งถึงไหนไหน
ไปเข้าฝันวันทองถึงห้องในเหมือนจะให้เห็นลูกคิดผูกพัน ฯ
๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภาเมื่อลูกแก้วแววตาจะอาสัญ
คิ้วกระเหม่นเป็นลางแต่กลางวันให้หวั่นหวั่นหวิวหวิวหิวหาวนอน
พอม่อยหลับคลับคล้ายเห็นพลายน้อยขุนช้างถ่อยทับไว้ด้วยไม้ขอน
ผวาฟื้นตื่นตาด้วยอาวรณ์สะอื้นอ่อนในอกตกตะลึง
พอแมงมุมอุ้มไข่ไต่ตีตกนางผงกเงี่ยฟังดังผึงผึง
ประหลาดลางหมางจิตคิดคะนึงรำลึกถึงลูกชายเจ้าพลายงาม
ลุกออกมาหาจบไม่พบเห็นที่เคยเล่นอยู่กับใครเที่ยวไต่ถาม
แต่อีดูกลูกครอกมันบอกความว่าเห็นตามพ่อขุนช้างไปกลางไพร
นางแคลงผัวกลัวจะพาไปฆ่าเสียน้ำตาเรี่ยเรี่ยตกซกซกไหล
ออกนอกรั้วตัวคนเดียวเที่ยวเดินไปโอ้อาลัยเหลียวแลชะแง้เงย
เห็นคุ่มคุ่มพุ่มไม้ใจจะขาดพ่อพลายงามทรามสวาทของแม่เอ๋ย
เจ้าไปไหนไม่มาหาแม่เลยที่โคกเคยวิ่งเล่นไม่เห็นตัว
หรือล้มตายควายขวิดงูพิษขบไฉนศพสาบสูญพ่อทูนหัว
ยิ่งเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มมัวยิ่งเริ่มรัวเรียกร่ำระกำใจ
เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อนจิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย
จักจั่นเจื้อยร้องริมลองไนเสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง
ทั้งเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีดเสียงจังหรีดกรีดแซ่ดังแตรสังข์
นางวันทองมองหาละล้าละลังหรือผีบังซ่อนเร้นไม่เห็นเลย
จะบนหมูสุรารำว่าครบขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย
แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงยโอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อแก้วตา
ตะโกนเรียกพลายงามทรามสวาทใจจะขาดคนเดียวเที่ยวตามหา
สะอื้นโอ้โพล้เพล้เดินเอกาสกุณานอนรังสะพรั่งไพร
เห็นฝูงนกกกบุตรยิ่งสุดเศร้าโอ้ลูกเราไม่รู้ว่าอยู่ไหน
ชะนีโหวยโหยหวนรัญจวนใจยิ่งอาลัยแลหาน้ำตานอง
พอแจ้วแจ้วแว่วเสียงสำเนียงเรียกนึกสำเหนียกหลายหนขนสยอง
ตรงเซิงซุ้มคุ่มเคียงนางเมียงมองเห็นลูกร้องไห้สะอื้นยืนเหลียวแล
ความดีใจไปกอดเอาลูกแก้วแม่มาแล้วอย่ากลัวทูนหัวแม่
เป็นไรไม่ไปเรือนเที่ยวเชือนแชแม่ตามแต่ตะวันบ่ายเห็นหายไป ฯ
๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าว่าหม่อมพ่อพาเวียนวงให้หลงใหล
แล้วทุบถีบบีบจมูกของลูกไว้เอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา
พอพวกพ้องของขุนแผนแล่นมาช่วยจึงไม่ม้วยแม่คุณบุญหนักหนา
ยังช้ำชอกยอกเหน็บเจ็บกายาพูดน้ำตาผ็อยผ็อยด้วยน้อยใจฯ
๏ นางวันทองร้องไห้ใจจะขาดโอ้ชาตินี่มีกรรมจะทำไฉน
แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไปเจ้ามิใช่ลูกเต้าเขาจึงชัง
พ่อของเจ้านั้นหรือชื่อขุนแผนเป็นคนแค้นกับขุนช้างแต่ปางหลัง
เอาทุกข์ร้อนก่อนเก่าเล่าให้ฟังเดี๋ยวนี้ยังอยู่ในคุกเป็นทุกข์ทน
จึงจนใจไม่มีที่จะพึ่งมันทำถึงสาหัสก็ขัดสน
ครั้นจะฟ้องร้องเล่าเราก็จนแม้นไม่พ้นมือมันจะอันตราย
แต่รู้อยู่ว่าย่าทองประศรีอยู่บ้านกาญจน์บุรีวัดเชิงหวาย
แม้นไปถึงพึ่งพาย่าพ่อพลายจะสบายบุญปลอดตลอดไป
แต่ทางนั้นวันครึ่งจึงถึงบ้านทางกันดารเดินดงจะหลงใหล
โอ้ใครเล่าเขาจะพาเจ้าคลาไคลนางร้องไห้สะอื้นกลืนน้ำตา ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามซักตระหนักแน่พลางบอกแม่ลูกแสนแค้นหนักหนา
อ้ายคนนี้มิใช่พ่อจะขอลาไปหาย่าอยู่บ้านกาญจน์บุรี
สงสารแต่แม่คุณของลูกแก้วจะลับแล้วตายเป็นไม่เห็นผี
เพราะพ่อเลี้ยงเดียงสาไม่ปรานีอยู่ที่นี่ชีวันจะบรรลัย
ไปสู้ตายวายวางเสียข้างหน้าด้วยเกิดมามีกรรมจะทำไฉน
ขอลาแม่แต่นี้นับปีไปแล้วร้องไห้หวลคิดถึงบิดา
โอ้พ่อคุณขุนแผนของลูกเอ๋ยเมื่อไรเลยลูกจะได้ไปเห็นหน้า
ต้องติดคุกทุกข์ทุเรศเวทนาเจ้าครวญคร่ำร่ำว่าด้วยอาลัย ฯ
๏ นางวันทองร้องไห้จิตใจหายกอดเจ้าพลายงามน้อยละห้อยไห้
โอ้ลูกแก้วแววตาจะลาไปหนทางป่าค่าไม้พ่อไม่เคย
จะเลี้ยวหลงวงวกระหกระเหินเจ้าจะเดินไปถูกหรือลูกเอ๋ย
โอ้ยากเย็นเข็ญใจกระไรเลยเพราะกรรมเคยพรากสัตว์ให้พลัดพราย
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าจะพรากไปจากแม่แม่จะแลเห็นใครน่าใจหาย
พลางสวมสอดกอดแอบไว้แนบกายสะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา ฯ
๏ จนจวนค่ำน้ำค้างลงพร่างพรายปลอบลูกชายพลายน้อยเสน่หา
อ้ายศัตรูรู้ความจะตามมาแม่จะพาเจ้าไปฝากขรัวนากไว้
แล้วพากันดั้นดัดไปวัดเขาเห็นสมภารคลานเข้าไปกราบไหว้
แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไปเจ้าคุณได้โปรดด้วยช่วยธุระ
เอาลูกอ่อนซ่อนไว้เสียในห้องเผื่อพวกพ้องเขามาหาอย่าให้ปะ
ท่านขรัวครูผู้เฒ่าว่าเอาวะไว้ธุระเถิดอย่ากลัวที่ผัวเลย
ถ้าหากว่ามาค้นจนถึงห้องกูมิถองก็จงว่าสีกาเอ๋ย
ฆ่าลูกเลี้ยงเอี้ยงดูกูไม่เคยอย่าทุกข์เลยลุงจะช่วยลูกอ่อนไว้ ฯ
๏ นางวันทองหมองหมางไม่สร่างทุกข์กระหมวดจุกลูกยาน้ำตาไหล
เห็นจวนค่ำจำลาทั้งอาลัยลงบันไดเดินด่วนด้วยจวนเย็น
พอเข้าไปในรั้วด่าผัวโผงอ้ายตายโหงหักคอไม่ขอเห็น
แต่ชาตินี้กีกรรมจึงจำเป็นได้ชายเช่นนี้มาเป็นสามี
ขึ้นบนเรือนเหมือนใจจะจากร่างเห็นขุนช้างชิงชังผินหลังหนี
เข้าในห้องหมองอารมณ์ไม่สมประดีเห็นแต่ที่นอนเปล่ายิ่งเศร้าใจ
คิดถึงลูกผูกพันให้หวั่นอกน้ำตาตกผ็อยผ็อยละห้อยไห้
โอ้ลูกเอ๋ยเคยนอนแต่ก่อนไรจนเจ้าได้สิบปีเข้านี่แล้ว
อยู่หลัดหลัดพลัดพรากไปจากแม่แม่ยังแลเห็นแต่ฟูกของลูกแก้ว
โอ้พลายงามทรามสวาทจะคลาดแคล้วเสียงแจ้วแจ้วเจ้าวันทองนองน้ำตาฯ
๏ ฝ่ายขุนช้างคางเคราอ้ายเจ้าเล่ห์เมาโมเมยิ้มกริ่มอยู่ริมฝา
เสียงวันทองร้องไห้จุดไฟมาส่องดูหน้านั่งเคียงบนเตียงนอน
ทำไถลไถ่ถามเป็นความหยอกหรือหนามยอกเจ็บป่วยจะช่วยถอน
พลางรับขวัญวันทองร้องละครเจ้าทุกข์ร้อนรำคาญประการใด ฯ
นางวันทองข้องขัดสะบัดหน้าขุนช้างรำทำท่าเข้าคว้าไขว่
นางผลักพลิกหยิกข่วนว่ากวนใจไฮ้อะไรนี่เล่าเฝ้าเซ้าซี้
ลูกข้าหายตายเป็นไม่เห็นศพอย่ามากลบรอยเสือเบื่อบัดสี
เจ้าพาไปในป่าพนาลีแล้วก็มิพามาว่ากระไร ฯ
๏ ขุนช้างฟังช่างแก้อีแม่เจ้าข้าเมาเหล้าหลับซบสลบไสล
ใครบอกเจ้าเล่าว่าข้าพาไปหล่อนไม่ได้ตามข้าผ่าเถิดซิ
เมื่อกลางวันยังเห็นเล่นไม้หึ่งกับอ้ายอึ่งอีดูกลูกอีปิ
แล้วว่าเจ้าเล่าก็ช่างนั่งมึนมิว่าแล้วซิอย่าให้ลงไปดิน
ลูกปะหล่ำกำไลใส่ออกกลบฉวยว่าพบคนร้ายอ้ายคอฝิ่น
มันจะทุบยุบยับเหมือนกับริ้นง้างกำไลไปกินเสียแล้วกรรม
แล้วแก้เก้อเร่อออกไปนอกห้องตะโกนร้องเรียกข้ามาด่าพร่ำ
ไปเที่ยวตามถามหาถึงท่าน้ำไม่พบทำถอนใจกลับไปเรือน
รินสุรามาดื่มลืมสติอุตริร้องไห้ใครจะเหมือน
ขึ้นหอขวางกลางแจ้งเห็นแสงเดือนโอ้พ่อเพื่อนชีวิตของบิตุรงค์
แกล้งร้องร่ำคร่ำครวญทำหวนโหยสะโอดโอยเอกทุ้มจนลุ่มหลง
ถึงท่อนปลายกรายเกริ่นเป็นเดินดงปีกเจ้าอ่อนร่อนลงในดงเตย
แล้วรู้ตัวกลัวเมียร้องเสียใหม่เจ้าจำไกลพ่อแล้วลูกแก้วเอ๋ย
เสียงอ้อแอ้แผ่กายนอนหงายเลยจนลืมเลยซบเซาด้วยเมามาย ฯ
๏ นวลนางวันทองค่อยย่องย่างเห็นขุนช้างหลับสมอารมณ์หมาย
สะอื้นอั้นพันผูกถึงลูกชายจนพลัดพรายเพราะผัวเป็นตัวมาร
จึงเย็บไถ้ใส่ขนมกับส้มลิ้มทั้งแช่อิ่มจันอับลูกพลับหวาน
แหวนราคาห้าช่างทองบางตะพานล้วนต้องการเก็บใส่ในไถ้น้อย
ไปอยู่บ้านท่านย่าจะหายากเมื่ออดอยากอย่างไรได้ใช้สอย
แล้วนั่งนึกตรึกตราน้ำตาย้อยรำคาญคอยสุริยาจะคลาไคล ฯ
๏ จะกล่าวถึงพลายงามทรามสงสารพึ่งสมภารอยู่ในห้องนั่งร้องไห้
พวกศิษย์เณรเถรชีต้นช่วยฝนไพลมาลูบไล้แผลที่มันตีรัน
แล้วสมภารท่านก็หลับระงับเงียบยิ่งเย็นเยียบเยือกใจเมื่อไก่ขัน
เพราะแม่ลูกผูกจิตคิดถึงกันเฝ้าใฝ่ฝันเฟือนแลเห็นแม่มา
ดุเหว่าร้องซ้องเสียงสำเนียงแจ้วให้แว่วว่าวันทองร้องเรียกหา
สะดุ้งใจไหววับทั้งหลับตาร้องขานขาสุดเสียงแต่เที่ยงคืน
ครั้นรู้สึกนึกได้ให้ละห้อยเจ้าพลายน้อยนิ่งนอนถอนสะอื้น
จนเคาะระฆังหงั่งเหง่งเสียงเครงครื้นสมภารตื่นเตือนชีต้นสวดมนตร์เกณฑ์ฯ
๏ นางวันทองร้องไห้เมื่อใกล้รุ่งน้ำค้างฟุ้งฟ้าแดงเป็นแสงเสน
ด้วยวัดเขาเข้าใจเคยไปเจนโจงกระเบงมั่นเหมาะห่มเพลาะดำ
แล้วถือไถ้ใส่ขนมผ้าห่มหุ้มออกย่างดุ่มเดินเหย่าก้าวถลำ
ลงจากเรือนเชือนมาข้างท่าน้ำแล้วรีบร่ำเดินตรงเข้าดงตาล
ถึงวัดเขาเช้าตรู่ดูลูกน้อยเห็นมาคอยนั่งท่าน่าสงสาร
จะนั่งหยุดพูดจาจะช้าการลาสมภารพามาป่าสะแก
ให้ขนมส้มสูกแก่ลูกรักสงสารนักจะร้างไปห่างแม่
หนทางบ้านกาญจน์บุรีตรงนี้แลจำให้แน่นะอย่าหลงเที่ยววงเวียน
อุตส่าห์ไปให้ถึงเหมือนหนึ่งว่าให้คุณย่าเป็นอาจารย์สอนอ่านเขียน
จงหมายมุ่งทุ่งกว้างตามทางเกวียนที่โล่งเลี่ยนลัดไปในไพรวัน
แล้วเกล้าจุกผูกไถ้ที่ใส่ของให้แหวนทองทุกสิ่งทำมิ่งขวัญ
แล้วกอดลูกผูกใจจะไกลกันสะอื้นอั้นออกปากฝากเทวา
ขอเดชะพระไพรข้าไหว้กราบช่วยกำราบเสือสิงห์มหิงสา
ทั้งปู่เจ้าเขาเขินขอเชิญพาไปถึงย่าอย่าให้หลงเที่ยววงวน
ทั้งพ่อคุณขุนแผนแสนวิเศษบังเกิดเกศแก้วตาสถาผล
ช่วยลูกชายพลายงามเมื่อยามจนให้รอดพ้นภัยพาลถึงกาญจน์บุรี
นางคร่ำครวญร่ำว่าน้ำตาตกเหมือนหนึ่งอกพุพองเป็นหนองฝี
แม่อุ้มท้องครองเลี้ยงถึงเพียงนี้ได้สิบปีเศษแล้วจะแคล้วกัน
เคยกินนอนวอนแม่ไม่แหห่างจะอ้างว้างเปล่าใจในไพรสัณฑ์
ทั้งจุกไรใครเล่าจะเกล้าพันจะนับวันนับเดือนไปเลือนลับ
นับปีมิได้มาเห็นหน้าแม่จะห่างแหหายเหมือนเมื่อเดือนดับ
โอ้เสียชาติวาสนาแม่อาภัพให้ย่อยยับยากแค้นแสนระอา
จะมีผัวผัวก็พลัดกำจัดจากจนแสนยากอย่างนี้แล้วมิหนำ
มามีลูกลูกก็จากวิบากกรมสะอื้นร่ำรันทดสลดใจ ฯ
             

๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล
แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัยลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ
แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจากต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะอ้ายขุน
เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน
แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารักคนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือนจะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว
แม่วันทองของลูกจงกลับบ้านเขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว
จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัวแม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ ฯ
๏ นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอนอำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้
พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัยจนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน
ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศเจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน
แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียนจะจากเจียนใจขาดอนาถใจ
ลูกก็และดูแม่แม่ดูลูกต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล
สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัยแล้วแข็งใจจากนางตามทางมา
เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้นแม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา
แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง ฯ
๏ นางวันทองหมองมัวกลัวขุนช้างไม่เหมือนอย่างคนทั้งปวงมันหวงหึง
ออกชายทุ่งมุ่งเมินเดินตะบึงกลับมาถึงเรือนร่ำระกำตรอม
ทุกเช้าเย็นเศร้าหมองเฝ้าร้องไห้ด้วยอาลัยพลายงามทรามถนอม
ถึงยามกินสิ้นรสสู้อดออมจนซูบผอมผิวพรรณทุกวันคืน ฯ
๏ เจ้าพลายงามตามทางไปกลางทุ่งเขม้นมุ่งเขาเขินเดินสะอื้น
ออกหลังบ้านตาลตะคุ่มเป็นพุ่มพื้นร่มรื่นรังเรียงเคียงตะเคียน
ต้นแคคางกร่างกระทุ่มชอุ่มออกทั้งช่อดอกดูไสวเหมือนไม้เขียน
เจ้าพลายเพลินเดินพลางตามทางเกวียนตลอดเลี่ยนลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยมา
ถงโคกฆ้องหนองสะพานบ้านกะเหรี่ยงเห็นโรงเรียงไร่ฝ้ายทั้งซ้ายขวา
พริกมะเขือเหลืออร่ามงามตาสาลิกาแก้วกินแล้วบินฮือ
เห็นไก่เตี้ยเขี่ยคุ้ยที่ขุยไผ่กระโชกไล่ลดเลี้ยวมันเปรียวปรื๋อ
พบนกยูงฝูงใหญ่ไล่กระพือมันบินหวือโห่ร้องคะนองใจ
จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยข้อให้ท้อแท้คิดถึงแม่วันทองแล้วร้องไห้
พระสุริยาสายัณห์ลงเรไรเหมือนจิตใจเจ้าจะขาดลงรอนรอน
พอจวนพลบพบฝูงจิ้งจอกน้อยวิ่งร่อยร่อยตามเขาแล้วเห่าหอน
แสยงเส้นโลมาให้อาวรณ์ถึงดงดอนแดนบ้านกาญจน์บุรี
เห็นวัดร้างข้างเขาดูเก่าแก่ยังมีแต่รูปพระชินสีห์
โบสถ์โบราณบานประตูยังดูดีพอราตรีกราบไหว้อาศัยนอน
ครั้นรุ่งเช้าเอาขนมทั้งส้มลิ้มพอกินอิ่มแล้วออกเดินเนินสิงขร
ถึงบ้านกร่างทางคนเขาหาบคอนเห็นเด็กต้อนควายอึงคะนึงไป
ไม่รู้ความถามเหล่าพวกชาวบ้านว่าเรือนท่านทองประศรีอยู่ที่ไหน
เด็กบ้านนอกบอกเล่าให้เข้าใจแกอยู่ไร่โน่นแน่ะยังแลลับ
มะยมใหญ่ในบ้านกินหวานนักกูไปลักบ่อยบ่อยแกคอยจับ
พอฉวยได้อ้ายขิกหยิกเสียยับร้ายเหมือนกับผีเสื้อแกเหลือตัว
ถ้าลูกใครไปเล่นแกเห็นเข้าแกจับเอานมยานฟัดกบาลหัว
มาถามหาว่าไรช่างไม่กลัวแกจับตัวตีตายยายนมยาน ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามแจ้งแล้วแกล้งว่าเอ็งช่วยพาเราไปชมมะยมหวาน
จะขึ้นลักหักห่อให้พอการมาสู่ท่านทั้งสิ้นกินด้วยกัน
พวกเด็กเด็กดีใจไปสิหวาซ่อนข้าวปลาปล่อยควายแล้วผายผัน
บ้างเหน็บหน้าผ้านุ่งเกี้ยวพุงพันหัวเราะกันกูจะห่อให้พอแรง
พอถึงบ้านท่านยายทองประศรีพวกเด็กชี้เรือนให้แล้วแอบแฝง
เจ้าพลายงามขามจิตยังคิดแคลงค่อยลัดแลงเล็งแลมาแต่ไกล
ดูเงียบเชียบเลียบรอบริมขอบรั้วไม่เห็นตัวท่านย่าน่าสงสัย
ประตูหับยับยั้งยืนฟังไปเสียงแต่ในออดแอดแรดแรแร
รู้ว่าคนบนนั้นนั่งปั่นฝ้ายจะอุบายบอกความตามกระแส
ขึ้นมะยมห่มล้อทำตอแยให้ท่านแลเห็นเรามาเอาตัว
จึงจะบอกออกตามเนื้อความลับได้อยู่กับย่าบังเกิดกำเนิดหัว
แล้วเมียงมองย่องดอดเข้าลอดรั้วค่อยแฝงตัวขึ้นบนต้นมะยม
แล้วพยักกวักเรียกอ้ายเด็กเด็กลูกเล็กหลบลอบค่อยหมอบก้ม
ระวังตัวกลัวยายเฒ่าเจ้าคารมเก็บมะยมซุบซิบกระหยิบตา ฯ
๏ ครานั้นท่านยายทองประศรีกับยายปลียายเปลอยู่เคหา
ให้พวกเหล่าบ่าวไพร่ไปไร่นาตามประสาเพศบ้านกาญจน์บุรี
แต่ขุนแผนแสนสนิทต้องติดคุกไม่มีสุขเศร้าหมองทองประศรี
จนซูบผอมตรอมใจมาหลายปีอยู่แต่ที่ในห้องนองน้ำตา
แต่หูไวได้ยินมะยมหล่นเป็นทำวลแหวกมองตามช่องฝา
เห็นเด็กเด็กเล็ดดลอดดอเข้ามาแกฉวยคว้าไม้ตระบองค่อยมองเมียง
ลงบันไดอ้ายเด็กเล็กกเล็กวิ่งแกไล่ทิ้งด่าทอมันล้อเถียง
ชกโคตรเหง้าเหล่ากอเอาพอเพียงพอแว่วเสียงอยู่บนต้นมะยม
มองเขม้นเห็นลูกหัวจุกน้อยเหม่อ้ายจ้อยโจรป่าด่าขรม
อย่าแอบอิงนิ่งนั่งตั้งเทพนมลงมาก้มหลังลองตระบองกู ฯ
๏ เจ้าพลายงามคร้ามพรั่นขยั้นหยุดความกลัวสุดแสนกลัวตัวเป็นหนู
จึงว่าฉานหลานดอกบอกให้รู้อันอยู่ที่เมืองสุพรรณบ้านวันทอง
ทองประศรีชี้หน้าว่าอุเหม่อ้ายเจ้าเล่ห์หลานข้ามันน่าถอง
มาเถิดมาย่าจะให้ไม้ตระบองแกคอยจ้องจะทำให้หนำใจ
เจ้าพลายงามความกลัวจนตัวสั่นหยุดขยั้นอยู่ไม่กล้าลงมาได้
แล้วนึกว่าย่าตัวกลัวอะไรโจนลงไปกราบย่าที่ฝ่าตีน ฯ
๏ ทองประศรีตีหลังเสียงดังผึงจะมัดมึงกูไม่ปรับเอาทรัพย์สิน
มาแต่ไหนลูกไทยหรือลูกจีนเฝ้าลักปีนมะยมห่มหักราน
เจ้าพลายน้อยคอยหลบแล้วนบนอบฉันเจ็บบอบแล้วย่าเมตตาหลาน
ข้าเป็นลูกพ่อขุนแผนแสนสะท้านข้างฝ่ายมารดาชื่อแม่วันทอง
จะมาหาย่าชื่อทองประศรีอย่าเพ่อตีฉันจะเล่าความเศร้าหมอง
ย่าเขม้นเห็นจริงทิ้งตระบองกอดประคองรับขวัญกลั้นน้ำตา
แล้วด่าตัวชั่วเหลือไม่เชื่อเจ้าขืนตีเอาหลานรักเป็นหนักหนา
จนหัวห้อยพลอยนอพ่อนี่นาแล้วพามาขึ้นเรือนเตือนยายปลี
ช่วยฝนไพลให้เหลวเร็วเร็วเข้าอีเปลเอาขันล้างหน้าออกมานี่
แกตักน้ำร่ำรดหมดราคีช่วยขัดสีโซมขมิ้นสิ้นเป็นชาม
แล้วทาไพลให้หลานสงสารเลหือมานั่งเสื่อลันไตปราศรัยถาม
เจ้าชื่อไรใครบอกออกเนื้อความจึงได้ตามขึ้นมาถึงย่ายาย ฯ
๏ เจ้าพลายน้อยสร้อยเศร้าแล้วเล่าเรื่องแต่อยู่เมืองสุพรรณเหมือนมั่นหมาย
แม่วันทองครองเลี้ยงไว้เคียงกายให้ชื่อพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ
ให้ไหว้บุญขุนช้างเหมือนอย่างพ่อมันลวงล่อหลานหลงไม่สงสัย
พาหลานเที่ยวเลี้ยวทางไปกลางไพรเอาขอนไม้ทับคอแทบมรณา
แม่จึงบอกออกว่าพ่อชื่อขุนแผนขุนช้างแค้นเคืองคิดริษยา
อยู่ไม่ได้ในสุพรรณจึงดั้นมาขอพึ่งบุญคุณย่าประสาจน ฯ
๏ ทองประศรีตีอกชกผางผางทุดอ้ายช้างชาติข้าอ้ายหน้าขน
ลูกอีเฒ่าเทพทองคลองน้ำชนจะฆ่าคนเสียทั้งเป็นไม่เอ็นดู
ทำราวเจ้าชีวิตกูคิดฟ้องให้มันต้องโทษกรณ์จนอ่อนหู
แกบ่นว่าด่าร่ำออกพร่ำพรูพ่อมาอยู่บ้านย่าแล้วอย่ากลัว
แม้นอ้ายขุนวุ่นมาว่าเป็นลูกมันมิถูกนมยานฟัดกบาลหัว
พลางเรียกอีไหมที่ในครัวเอาแกงคั่วข้าวปลามาให้กิน
พอบ่ายเบี่ยงเสียงละว้าพวกข้าบ่าวทั้งมอญลาวเลิกนาเข้ามาสิ้น
บ้างสุมไฟใส่ควันกันยุงริ้นตามถิ่นบ้านนอกอยู่คอกนา ฯ
๏ ครั้นพลบค่ำย่ำฆ้องทองประศรีเรียกยายปลียายเปลเข้าเคหา
เย็บบายศรีนมแมวจอกแก้วมาใส่ข้าวปลาเปรี้ยวหวานเอาจานรอง
เทียนดอกไม้ไข่ข้าวมะพร้าวพร้อมน้ำมันหอมแป้งปรุงฟุ้งทั้งห้อง
ลูกปะหล่ำกำไลไขออกกองบอกว่าของพ่อเจ้าแต่เยาว์มา
เอาสอดใส่ให้หลานสงสารเหลือด้วยหน่อเนื้อนึกรักเป็นหนักหนา
เหมือนพ่อแผนแสนเหมือนไม่เคลื่อนคลาทั้งหูตาคมสันเป็นมันยับ
พลางเรียกหาข้าคนมาบนหอให้นั่งต่อต่อกันเป็นอันดับ
บายศรีตั้งพรั่งพร้อมน้อมคำนับเจริญรับมิ่งขวัญรำพันไป ฯ
๏ ขวัญพ่อพลายงามทรามสวาทมาชมภาชนะทองอันผ่องใส
ล้วนของขวัญจันทร์จวงพวงมาลัยขวัญอย่าไปป่าเขาลำเนาเนิน
เห็นแต่เนื้อเสือสิงห์ฝูงลิงค่างจะอ้างว้างเวียนวกระหกระเหิน
ขวัญมาหาย่าเถิดอย่าเพลิดเพลินจงเจริญร้อยปีอย่ามีภัย
แล้วจุดเทียนเวียนวงส่งให้บ่าวมันโห่กราวเกรียวลั่นสนั่นไหว
คอยรับเทียนเเวียนส่งเป็นวงไปแล้วดับไฟโบกควันให้ทันที
มะพร้าวอ่อนป้อนเจ้าทั้งข้าวขวัญกระแจะจันทน์เจิมหน้าเป็นราศี
ให้สาวสาวลาวเวียงที่เสียงดีมาซอปี่อ้อซั้นทำขวัญนาย ฯ
             
๏ พ่อเมื้อเมืองดงเอาพงเป็นเหย้าอึดปลาอึดข้าวขวัญเจ้าตกหาย
ขวัญอ่อนร่อแร่ว้าเหว่สู่กายอยู่ปลายยางยูงท้องทุ่งท้องนา
ขวัญเผือเมื้อเมินขอเชิญขวัญพ่อฟังซอเสียงอ้อขวัญพ่อเจ้าจ๋า
ข้าวเหนียวเต็มพ้อมข้าวป้อมเต็มป่าขวัญเจ้าจงมาสู่กายพลายเอยฯ
             
๏ แล้วพวกมอญซ้อนซอเสียงอ้อแอ้ร้องทะแยย่องกระเหนาะย่ายเตาะเหย
ออระน่ายพลายงามพ่อทรามเชยขวัญเอ๋ยกกกะเนียงเกรียงเกลิง
ให้อยู่ดีกินดีมีเมียสาวเนียงกะราวกนตะละเลิงเคลิ่ง
มวยบามาขวัญจงบันเทิงจะเปิงยี่อิกะปิปอน
ทองประศรีดีใจให้เงินบาทเห็นแต่ทาสพรั่งพร้อมล้อมสลอน
ถึงเวลาพาเจ้าเข้าที่นอนมีฟูกหมอนมุ้งม่านสำราญใจ ฯ
๏ เจ้าพลายงามถามย่าว่าพ่อแผนต้องคับแค้นเคืองเข็ญเป็นไฉน
ไม่เคยคุ้นคุณย่าช่วยพาไปพอหลานได้เห็นหน้าบิดาตัว
ได้ฟังหลานท่านย่าน้ำตาตกสะอื้นอกอาดูรว่าทูนหัว
พ่อเอ็งย่าว่าไรเขาไม่กลัวเพราะเมามัวเมียลาวนางชาววัง
ไปทูลขอพระองค์ทรงพระโกรธให้ลงโทษทนทุกข์ใส่คุกขัง
แต่ไม่ต้องจองจำอยู่ลำพังถึงสิบปีแล้วยังไม่พ้นเลย
รุ่งพรุ่งนี้สิย่าจะพาเจ้าไปหาเขาอยู่ที่ทับริมหับเผย
ให้พ่อเห็นเย็นอารมณ์ได้ชมเชยพูดจนเลยลืมหลับระงับไป ฯ
๏ เห็นแสงทองหมองจิตคิดถึงลูกสั่งบ่าวผูกช้างสัปคับใหญ่
ใส่ข้าวปลาผ้าผ่อนท่อนสไบกับไต้ไฟฟักแฟงแตงน้ำตาล
ทั้งปูนยาสาคูแลพลูหมากจะไปฝากขุนแผนแสนสงสาร
อ้ายกุลาตาหลอเป็นหมอควาญแล้วพาหลานขึ้นช้างตามทางมา
ลงบางขามข้ามบ้านสะพานโขลงออกทุ่งโล่งเลี้ยวทางไปข้างขวา
สองวันครึ่งถึงกรุงอยุธยาลงเดินพาพลายงามไปตามทาง ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนายขุนแผนที่แสนทุกข์แต่ติดคุกขัดข้องให้หมองหมาง
อยู่หับเผยเคยสะอาดขาดสำอางจนผอมซูบรูปร่างดูรุงรัง
ผมยาวเกล้ากระหวัดตัดไม่เข้าเหตุด้วยเขาคงทนทั้งมนตร์ขลัง
อยู่เปล่าเปล่าเล่าก็จนพ้นกำลังอุตส่าห์นั่งทำการสานกระทาย
ให้นางแก้วกิริยาช่วยทารักขุนแผนถักขอบรัดกระหวัดหวาย
ใบละบาทคาดได้ด้วยง่ายดายแขวนไว้ขายทั้งเรือนออกเกลื่อนไป
พอมารดามาถึงทับรับเข้าห้องทั้งข้าวของผู้คนขนมาให้
เห็นลูกชายพลายงามถามทันใดนี่ลูกใครหน้าตาน่าเอ็นดู ฯ
๏ ทองประศรีชี้แจงแถลงเล่านี่ลูกเจ้าแล้วเป็นไรไหว้เสียหนู
แล้วบอกความตามที่มีศัตรูขุนแผนรู้รับขวัญกลั้นน้ำตา
เข้าสวมสอดกอดจูบแล้วลูบหลังน้ำตาพรั่งพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
แค้นขุนช้างดังจะดิ้นสิ้นชีวามันชะล่าชะเลยจนเคยตัว
ฉุดคร่าพาวันทองไปครองคู่เห็นว่ากูถือสัตย์ไม่ตัดหัว
ทั้งลูกเต้าเอาไปฆ่าเหมือนม้าวัวหมายว่ากลัวแล้วกระมังอ้ายจังไร
วันนี้ค่ำจำจะไปให้ถึงบ้านสับกบาลหัวเชือดให้เลือดไหล
ลูกผู้ชายตายไหนก็ตายไปขัดใจฮึดฮัดกัดฟันฟาง ฯ
๏ ท่านย่าทองประศรีว่าอีพ่อแม่จะขอทัดทานเหมือนขัดขวาง
ไปฆ่าผีดีกว่าฆ่าขุนช้างจะสืบสร้างบาปกรรมไปทำไม
ลูกของเจ้าเล่าก็มาหาเจ้าแล้วใช่เชื้อแถวเจ้ายังมีอยู่ที่ไหน
จงฟังแม่แต่เท่านั้นแล้วกันไปพ่อจะได้ภาวนารักษากาย
ลูกของเจ้าเล่าแม่จะรับเลี้ยงช่วยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้ได้ถวาย
ที่กริ้วโกรธโทษกรณ์จะผ่อนคลายคราวเคราะห์ร้ายเจ้าจงเจียมเสงี่ยมตน
โบราณท่านสมมุติมนุษย์นี้ยากแล้วมีใหม่สำเร็จถึงเจ็ดหน
ที่ทุกข์โศกโรคร้อนค่อยผ่อนปรนคงจะพ้นโทษทัณฑ์ไม่บรรลัย ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพก้มกราบมารดาน้ำตาไหล
ลูกเห็นแต่แม่คุณค่อยอุ่นใจช่วยสอนให้พลายงามเรียนความรู้
อันตำรับตำราสารพัดลูกเก็บจัดแจงไว้ที่ในตู้
ถ้าลืมหลงตรงไหนไขออกดูทั้งของครูของพ่อต่อกันมา
แล้วลูบหลังสั่งความพลายงามน้อยเจ้าจงค่อยร่ำเรียนเขียนคาถา
รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชาไปเบื้องหน้าเติบใหญ่จะให้คุณ
เรายากแล้วแก้วตาอย่าประมาททั้งสิ้นญาติสิ้นเชื้อจะเกื้อหนุน
ทุกวันนี้มีแต่ย่ายังการุญพ่อพึ่งบุญเถิดลูกได้ปลูกเลี้ยง
จงนึกว่าย่าเหมือนกับแม่พ่อถึงด่าทอเท่าไรอย่าได้เถียง
อันพ่อนี้มิได้อยู่ใกล้เคียงไม่ได้เลี้ยงลูกแล้วนาแก้วตา
พลางกอดพลายงามแอบไว้แนบอกน้ำตาตกพร่างพรายทั้งซ้ายขวา
โอ้มีกรรมทำไว้แต่ไรมาพอเห็นหน้าลูกแล้วจะแคล้วกัน
มาหาพ่อพ่อไม่มีสิ่งไรผูกยังแต่ลูกประคำจะทำขวัญ
อยู่หอกปืนยืนยงคงกระพันได้ป้องกันกายาข้างหน้าไป ฯ
๏ เจ้าพลายงามความแสนสงสารพ่อน้ำตาคลอคลอตกซกซกไหล
รับประคำร่ำว่าประสาใจฉันจะใคร่อยู่ด้วยช่วยบิดา
ได้ตักน้ำตำข้าวทุกเช้าค่ำที่พอทำฟืนผักจะหักหา
ให้พ่อพ้นทนทุกข์แล้วลูกยาจะอุตส่าห์เล่าเรียนค่อยเพียรไป ฯ
๏ ขุนแผนแสนสวาทจะขาดจิตกะจิริดรู้ว่าจะหาไหน
น่าสงสารท่านย่าพลอยอาลัยน้ำตาไหลพรากพรากเพราะยากเย็น
ขุนแผนว่าจะอยู่ดูไม่ได้ในคุกใหญ่มันยากแค้นถึงแสนเข็ญ
เหมือนกับนรกตกทั้งเป็นมิได้เว้นโทษทัณฑ์สักวันเลย
แต่พ่อนี้ท่านเจ้ากรมยมราชอนุญาตให้อยู่ทับในหับเผย
คนทั้งหลายนายมุลก็คุ้นเคยเขาละเลยพ่อไม่ต้องถูกจองจำ
ทั้งข้าวปลาสารพันทุกวันนี้พระหมื่นศรีเธอช่วยชุบอุปถัมภ์
ค่อยเบาใจไม่พักต้องตักตำคุณท่านล้ำล้นฟ้าด้วยปรานี
ถ้าแม้นเจ้าเล่าเรียนความรู้ได้จะพาไปพึ่งพระจมื่นศรี
ถวายตัวพระองค์ทรงธรณีจะได้มีเกียรติยศปรากฏไป ฯ
             

๏ พลายงามน้อยสร้อยเศร้ารับเจ้าคะดีฉันจะพากเพียรเรียนให้ได้
ต่างพูดจาพาทีค่อยดีใจจนจวนใกล้โพล้เพล้ถึงเวลา
ทองประศรีสั่งความว่ายามค่ำแม่จะจำจากพ่อแก้วไปแล้วหนา
ขุนแผนแสนสะท้านไหว้มารดาพลายงามลาพ่อลูกผูกอาลัย
ตามย่ามาพ้นทับที่หับเผยไม่ลืมเลยเหลียวหน้าน้ำตาไหล
ทั้งขุนแผนแสนสวาทเพียงขาดใจต่างอาลัยแลลับวับวิญญาณ์
ไปขึ้นช้างข้างวัดท่าการ้องพอเดือนส่องแสงสว่างกลางเวหา
ออกข้ามทุ่งกรุงศรีอยุธยารีบกลับมาถึงบ้านกาญจน์บุรีฯ
๏ อันเรื่องราวกล่าวความพลายงามน้อยค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี
ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดีเรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนตร์
ปัถมังตั้งตัวนะปัดตลอดแล้วถอนถอดถูกต้องเป็นล่องหน
หัวใจกริดอิทธิเจเสน่ห์กลแล้วเล่ามนตร์เสกขมิ้นกินน้ำมัน
เข้าในห้องลองวิชาประสาเด็กแทงจนเหล็กแหลมลู่ยู่ขยั้น
มหาทะมื่นยืนยงคงกระพันทั้งเลขยันตร์ลากเหมือนไม่เคลื่อนคลาย
แล้วทำตัวหัวใจปิติโสสะเดาะโซ่ตรวนได้ดังใจหมาย
สะกดคนมนตร์จังงังกำบังกายเมฆฉายสูรย์จันทร์ขยันดี
ทั้งเรียนธรรมกรรมฐานนิพพานสูตรร้องเรียกภูตพรายปราบกำราบผี
ผูกพยนต์หุ่นหญ้าเข้าราวีทองประศรีสอนหลานชำนาญมา
จนอายุพลายงามสิบสามขวบดูขาวอวบอ้วนท้วนเป็นนวลหน้า
ด้วยเนื้อแตกแรกรุ่นละมุนตากิริยาแย้มยิ้มหงิมหงิมงาม
นัยน์ตากลมคมขำดูดำขลับใครแลลับรักใคร่ปราศรัยถาม
ทองประศรีดีใจได้ฤกษ์ยามได้สิบสามปีแล้วหลานแก้วกู
จะโกนจุกสุกดิบขึ้นสิบค่ำแกทำน้ำยาจีนต้มตีนหมู
พวกเพื่อนบ้านวานมาผ่าหมากพลูบ้างปัดปูเสื่อสาดลาดพรมเจียม
ทั้งหม้อเงินหม้อทองสำรองตั้งมีทั้งสังข์ใส่น้ำมนตร์ไว้จนเปี่ยม
อัฒจันทร์ชั้นพระก็ตระเตรียมตามธรรมเนียมห้องกลองฉลองทาน
ถึงวันดีนิมนต์ขรัวเกิดเฒ่าอยู่วัดเขาชนไก่ใกล้กับบ้าน
พอพิณพาทย์คาดตระสาธุการท่านสมภารพาพระสงฆ์สิบองค์มา
นั่งสวดมนตร์จนจบพอพลบค่ำก็ซัดน้ำมนตร์สาดเสียงฉาดฉ่า
ผู้ชายเสียดเบียดสาวชาวละว้าเสียงเฮฮาฮึดฮัดเมื่อซัดน้ำ
ผู้หญิงหยิกตะกายผู้ชายทับเสียงหนุบหนับเหนาะแหนะแขยะขยำ
จนอีหังคลั่งใจถีบอ้ายดำลุกขึ้นปล้ำกันออกอึงเสียงตึงตัง
ทองประศรีดีใจว่าใครแพ้สนุกแน่แล้วอ้ายดำปล้ำอีหัง
แล้วให้หลานผลัดผ้ามาเก้กังเข้าไปนั่งกราบกรานสมภารครู
ขรัวเกิดแลมองเห็นทองประศรีถามว่านี่ลูกใครเล่าไอ้หนู
เจ้าขรัวย่าอ้าปากน้ำหมากพรูเล่าให้รู้แต่ต้นมาจนปลาย
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าขุนแผนยังติดคุกนี่โกนจุกแล้วจะได้ไปถวาย
ท่านขรัวครูดูพ่อของออพลายเคราะห์จะคลายเคลื่อนบ้างหรืออย่างไร ฯ
๏ ท่านขรัวครูรู้เรื่องให้เคืองแค้นทุดอ้ายแผนถ่อยแท้ไม่แก้ไข
เมื่อความรู้กูสอนเจ้าหล่อนไว้ยังวิ่งไปเข้าคุกสนุกจริง
อ้ายเจ้าชู้กูได้ว่ามาแต่ก่อนจะทุกข์ร้อนอ่อนหูเพราะผู้หญิง
หัวเราะพลางทางเอกเขนกอิงพินิจนิ่งดูกายเจ้าพลายงาม
เห็นน่ารักลักษณะก็ฉลาดจะมีวาสนาดีขี่คานหาม
ถ้าถึงวันชั้นโชคโฉลกยามก็ต้องตามลักษณะว่าจะรวย
แต่ที่เมียเสียถนัดปัตนิตัวตำหนิรูปขาวเป็นสาวสวย
แต่อ้ายนี่ขี้หลงจะงงงวยต้องถูกด้วยละโมบโลภโลกีย์
แล้วท่านขรัวหัวร่อว่าออหนูมันเจ้าชู้เกินการหลานอีศรี
ก็แต่ว่าอายุสิบแปดปีจะได้ที่หมื่นขุนเป็นมุลนาย
ทั้งเมียสาวชาวเหนือเป็นเชื้อแถวอีนั่นแล้วมันจะมาพาฉิบหาย
อันอ้ายขุนแผนพ่อของออพลายจะพ้นปลายเดือนยี่ในปีกุน
นับแต่นี้มีสุขไม่ทุกข์ร้อนได้เตียงนอนนั่งเก้าอี้เป็นที่ขุน
ทองประศรีดีใจไหว้เจ้าคุณช่วยแบ่งบุญให้ได้ฟื้นคืนสักที
สมภารรับกลับมายังอาวาสเสียงพิณพาทย์พวกพ้องทองประศรี
หาเสภามาทั่วที่ตัวดีท่านตามีช่างประทัดถนัดรบ
ดูทำนองพองคอเสีบงอ้อแอ้พวกคนแก่ชอบหูว่ารู้จบ
ตารองศรีดีแต่ขันรู้ครันครบกรับกระทบทำหลอกแล้วกลอกตา
แล้วนายทั่งดังโด่งเสียงโว่งโวกว่ากระโชกกระชั้นขันหนักหนา
ฝ่ายนายเพรชเม็ดมากลากช้าช้าตั้งสามวาสองศอกเหมือนบอกยาว
ส่วนนายมาพระยานนท์คนตลกว่าหยกหยกหยาบช้าคนฮาฉาว
ตาทองอยู่รู้ว่าภาษาลาวแล้วส่งกราวเชิดเพลงโหน่งเหน่งไป
ครั้นรุ่งเช้าเจ้าพลายก็โกนจุกเป็นพ้นทุกข์พ้นร้อนนอนหลับใหล
จนผมยาวเจ้าได้ตัดมหัดไทยคิดจะใคร่ไปเป็นข้าฝ่าธุลี
เดชะบุญทูลขอพ่อพ้นโทษเหมือนได้โปรดบิดาเป็นราศี
แต่นิ่งนึกตรึกตราจนราตรีเข้าข้างที่นอนย่าน้ำตาคลอ
ทำคลึงเคล้าเว้าวอนด้วยอ่อนหวานพรุ่งนี้หลานจะลาไปหาพ่อ
จะได้เฝ้าเจ้าชีวิตชิดชอบพอทูลขอเผื่อจะโปรดที่โทษทัณฑ์ ฯ
๏ ทองประศรีดีใจให้อนุญาตเจ้าเชื้อชาติพงศ์พลายจงผายผัน
จะได้ช่วยพ่อแม่คิดแก้กันตามกตัญญูเถิดประเสริฐดี
ย่าจะให้ไปส่งจนถึงพ่อจึงพาต่อไปหาพระหมื่นศรี
ตามแต่บุญวาสนาบารมีอันย่านี้นับวันจะบรรลัย
มีลูกเต้าเล่าก็ทำให้ซ้ำทุกข์ไม่มีสุขสักเวลาน้ำตาไหล
โรคก็ซ้ำช้ำบอบทั้งหอบไอใครจะได้เผาผีก็มิรู้
เจ้าจงจำตำราที่ย่าสอนจะถาวรเพิ่มยศไม่อดสู
ย่าจะให้ไอ้พลัดไอ้ปัดไอ้ปูเข้าไปอยู่ติดตามทั้งสามคน
พอถือร่มสมปักตักน้ำท่าหุงข้าวปลาสารพัดไม่ขัดสน
พูดจนดึกตรึกการกับหลานตนแล้วหลับจนแจ่มแจ้งแสงตะวัน ฯ
๏ รู้สึกกายยายทองประศรีย่าเอาเงินผ้าเสื้อใส่ในกำปั่น
ทั้งหวานคาวข้าวปลาสารพันขนขึ้นบรรทุกสัปคับช้าง
พลายงามลาย่าช่วยอวยสวัสดิ์ได้ฤกษ์พาสารพัดไม่ขัดขวาง
ขึ้นขี่หลังพังสะเทินเดินตามทางไม่แรมค้างข้ามทุ่งถึงกรุงไกร
ไปหาพ่อพอพบนั่งนบนอบขุนแผนสอบไต่ถามความสงสัย
เจ้าพลายน้อยค่อยเล่าให้เข้าใจลูกจะใคร่ให้พระนายถวายตัว ฯ
๏ ขุนแผนแสนสวาทอนุญาตว่าจงอุตส่าห์สืบตะรกูลเถิดทูนหัว
พ่อพงศ์พลายหมายศึกอย่านึกกลัวจะพาตัวเจ้าไปให้พระนาย
แล้วซักไซ้ไต่ถามถึงความรู้ให้ท่องดูได้สมอารมณ์หมาย
ที่เข้าออกบอกความตามอุบายสอนลูกชายอยู่จนสนธยา
พอเสียงฆ้องกลองย่ำเข้าค่ำพลบถึงเดินพบผู้ใดไม่เห็นหน้า
ชวนลูกชายพลายงามตามกันมาไปเคหาพระหมื่นศรีที่ริมคลอง
ขึ้นบันไดไฟอร่ามถามพวกบ่าวพอรู้ข่าวว่าสบายค่อยคลายหมอง
ตรงมาหอรอรั้งยั้งหยุดมองหมื่นศรีร้องเรียกว่ามาซิเกลอ
ด้วยรักใคร่ใจซื่อถือว่าเพื่อนไม่บากเบือนหน้าหนีดีเสมอ
ขุนแผนพาลูกไปนั่งไหว้เธอถามว่าเออนั่นใครที่ไหนมา ฯ
๏ ขุนแผนบอกออกว่าลูกเจ้าวันทองที่มีท้องเกือบแก่มาแต่ป่า
เอาความหลังทั้งนั้นพรรณนาจะพามามอบไว้ให้เจ้าคุณ
ด้วยไม่มีที่เห็นแต่เป็นโทษพระนายโปรดช่วยเหลือทั้งเกื้อหนุน
เป็นที่พึ่งจึงมาจงการุญเอาแต่บุญเถิดพ่อเจ้าเมื่อคราวจน
อันวิชาย่าสอนลูกอ่อนแล้วเห็นคล่องแคล่วการศึกพอฝึกฝน
ถ้ากระไรได้ช่องเห็นชอบกลช่วยผ่อนปรนโปรดถวายเจ้าพลายงาม ฯ
๏ พระหมื่นศรีดีใจปราศรัยทักดูแหลมหลักลูกทหารชาญสนาม
เป็นข้าเฝ้าเจ้าชีวิตอย่าคิดคร้ามมีสงครามเมื่อไรคงได้ดี
ไว้ธุระจะถวายช่วยบ่ายเบี่ยงให้ชุบเลี้ยงลูกรักเป็นศักดิ์ศรี
ที่กินอยู่ผู้คนของเรามีอยู่เรือนนี่นั่งนอนไม่ร้อนรน
ขุนแผนเล่าเจ้าก็รู้อยู่ว่ารักจนเจียนจักแหล่นตายด้วยหลายหน
ก็เอ็นดูอยู่ว่าเกลอถึงเธอจนที่ขัดสนสารพัดไม่ขัดกัน
แต่สุดช่วยด้วยว่าอาญาหลวงต่อได้ท่วงทีก่อนจะผ่อนผัน
จริงนะเจ้าเราก็คิดทุกคืนวันคงช่วยกันไปกว่ากายจะวายวาง ฯ
๏ นายขุนแผนแสนชื่นให้ตื้นอกอุตส่าห์ยกมือไหว้มิได้หมาง
สู้กลืนกล้ำน้ำตาแล้วว่าพลางพ่อเหมือนอย่างพ่อแม่ช่วยแก้ทุกข์
จนยากเย็นเป็นโทษเห็นโหดไร้ยังส่งให้ข้าวปลาเป็นผาสุก
ก็หมายมั่นกตัญญูถึงอยู่คุกกราบพ่อทุกทุกคืนได้ชื่นใจ
อันลูกชายพลายงามตามแต่พ่อลูกจะขอกราบลาช้าไม่ได้
พลางลูบหลังสั่งลูกผูกอาลัยพ่อจะไปก่อนแล้วนะแก้วตา
อยู่พึ่งบุญคุณพ่อต่อไปเถิดจะประเสริฐสมหวังเป็นฝั่งฝา
แล้วลงเรือนเดือนสว่างกระจ่างตาก็กลับมาหับเผยที่เคยนอน ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ราชเรียกพลายงามทรามสวาทมาสั่งสอน
จะเป็นข้าจอมนรินทร์ปิ่นนครอย่านั่งนอนเปล่าเปล่าไม่เข้าการ
พระกำหนดกฎหมายมีหลายเล่มเก็บไว้เต็มตู้ใหญ่ไขออกอ่าน
กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการมนเทียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน
แล้วให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วงตามกระทรวงผิดชอบคิดสอบสวน
ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควรรู้จงถ้วนถี่ไว้จึงได้การ
ที่ไม่สู้รู้อะไรผู้ใหญ่เด็กมหาดเล็กสามต่อพ่อลูกหลาน
เสียตระกูลสูญลับอัประมาณเพราะเกียจคร้านคร่ำคร่าเหมือนพร้ามอญ
นี่ตัวเจ้าเหล่ากอทั้งพ่อแม่อย่าเชือนแชอุตส่าห์จำเอาคำสอน
แล้วจัดแจงห้องหับให้หลับนอนไม่อาวรณ์เธอช่วยเลี้ยงเป็นเที่ยงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามสวาทแหลมฉลาดเลขผาปัญญาขยัน
อยู่บ้านพระหมื่นศรียินดีครันทุกคืนวันตามหลังเข้าวังใน
เธอเข้าเฝ้าเจ้าก็นั่งบังไม้ดัดคอยฟังตรัสตรึกตราอัชฌาสัย
ค่อยรู้กิจผิดชอบรอบคอบไปด้วยมิได้คบเพื่อนเที่ยวเชือนแช
ครั้นอยู่บ้านอ่านคำพระธรรมศาสตร์ตำรับราชสงครามตามกระแส
ค่อยชื่นชุ่มหนุ่ตะกอดูฟ้อแฟ้นางสาวแส้ใส่ใจจะใคร่พบ
เข้าไปหามาสู่ไม่รู้เกี้ยวแต่พอเหลียวเห็นผู้หญิงก็วิ่งหลบ
อุตส่าห์เพียรเรียนรู้ดูจนครบรู้ขนบธรรมเนียมก็เจียมใจ ฯ
๏ ครานั้นท่านพระจมื่นศรีถึงวันดีได้ช่องก็ผ่องใส
จึงจัดแจงแต่งธูปเทียนดอกไม้จะเข้าไปทูลถวายเจ้าพลายงาม
นุ่งสมปักชักกลีบจีบสลับครั้นเสร็จสรรพสำราญขึ้นคานหาม
พวกข้าคนอลหม่านถือพานตามเจ้าพลายงามตามหลังเข้าวังใน
ถึงพระลานวานเขาพวกชาวที่ที่ค่อยมีกิริยาอัชฌาสัย
ถือพานทองรองธูปเทียนดอกไม้ยกเข้าไปเตรียมตั้งพอบังควร
ให้พลายงามตามไปนั่งตรงตั้งของตามทำนองพระหมื่นศรีสั่งถี่ถ้วน
ฝ่ายข้าเฝ้าเจ้าพระยาเวลาจวนต่างก็ชวนกันเข้ามาหน้าพระโรง
นุ่งสมปักชักชายกรายกรีดเล็บผ้ากราบเหน็บแนบหน้าดูอ่าโถง
พอเวลานาทีถ้วนสี่โมงเข้าพระโรงพร้อมหน้าข้าราชการ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดชมงกุฎเกศอยุธยามหาสถาน
สถถิตแท่นแว่นฟ้าโอฬาฬารดังวิมานเมืองฟ้าสุราลัย
ห้ามแหนแน่นหนุนละมุนหมอบงามประกอบกิริยาอัชฌาสัย
ระเรื่อยรับขับร้องทำนองในสำราญราชหฤทัยทุกเวลา
ยามกลางวันนั้นก็ออกพระโรงรัตน์มีแต่ตรัสสรวลสันต์ทรงหรรษา
ทั้งเหนือใต้ไพรีไม่มีมาสำราญใจไพร่ฟ้าประชาชี
ด้วยเดชะบุญญาอานุภาพมีแต่ลาภมาประมูลพูนภาษี
แต่บรรดาข้าเฝ้าเหล่าเสนีใครทำดีได้ประทานถึงพานทอง ฯ
๏ ฝ่ายพระจมื่นศรีเสาวรักษ์ราชอภิวาทบาทมูลทูลฉลอง
ขอเดชะพระกรุณาฝ่าละอองดอกไม้ธูปเทียนทองของพลายงาม
บุตรขุนแผนแสนสะท้านหลานทองประศรีความรู้มีเรียบราบไม่หยาบหยาม
จะขอรองมุลิกาพยายามพลางกราบสามทีสดับตรับโองการ ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษาเหลือบเห็นหน้าพลายงามความสงสาร
จะออกโอษฐ์โปรดขขุนแผนแสนสะท้านแต่กรรมนั้นบันดาลดลพระทัย
ให้เคลิ้มองค์ทรงกลอนละครนอกนึกไม่ออกเวียนวงให้หลงใหล
ลืมประภาษราชกิจที่คิดไว้กลับเข้าในแท่นที่ศรีไสยา ฯ
๏ อันเรื่องกล่าวความพลายงามสวาทเป็นมหาดเล็กแล้วค่อยแกล้วกล้า
อยู่ด้วยพระหมื่นศรีผู้ปรีชาเฝ้าเวลาเช้าเย็นไม่เว้นวัน
มุลนายถ้วนหน้าก็ปรานีมิได้มีใครรังเกียจเดียดฉันท์
ถึงว่าท่านจางวางทั้งสองนั้นก็ฝากตัวกลัวทั่นทุกคนไป ฯ
             

ตอนที่ ๒๕

             

ตอนที่ ๒๖

             

ตอนที่ ๒๗

             

ตอนที่ ๒๘

             

ตอนที่ ๒๙

             

ตอนที่ ๓๐

             

ตอนที่ ๓๑

             

ตอนที่ ๓๒

             

ตอนที่ ๓๓

             

ตอนที่ ๓๔

             

ตอนที่ ๓๕

             

ตอนที่ ๓๖

             

ตอนที่ ๓๗

             

ตอนที่ ๓๘

             

ตอนที่ ๓๙

             

ตอนที่ ๔๐

             

ตอนที่ ๔๑

             

ตอนที่ ๔๒

             

ตอนที่ ๔๓

             

เชิงอรรถ

ที่มา

เว็บบอร์ดบ้านวรรณกรรม

เครื่องมือส่วนตัว