|
๏ เราที่สองรองภูมินทร์นามปิ่นเกล้า | | คิดบทเกลาไว้เป็นกลอนสุนทรสนอง
|
เป็นคติควรดำริขอเชิญตรอง | | ตามทำนองโบราณราชประเพณี
|
แม้ผู้ใดเป็นข้าราชกิจ | | อย่าห่อนคิดถือโกรธเท่าเกศี
|
ถึงจะต้องราชทัณฑ์สักพันที | | ก็ควรที่รับผิดอย่าคิดโกง
|
อีกข้อหนึ่งอย่าพึงทำปากมาก | | รู้สิ่งใดแล้วอย่าอยากพูดโผงโผง
|
ความข้างในออกไปนอกออกตะโกรง | | จงชักโยงหักใจอย่าได้ทำ
|
อันปากบอนนี้เป็นการพานชั่วมาก | | พอใจอยากชอบพอในข้อขำ
|
จึงได้คิดยอกย้อนบอนระยำ | | เพราะหมายทำการชอบมอบกายา
|
ต้องคิดไปจึงจะได้เห็นว่าผิด | | ความชั่วนั้นมันจะติดเพราะอิจฉา
|
วิสัยคนปากคันอกตัญญุตา | | ไม่ซื่อต่อภัสดาที่ชื่นเชย
|
ถึงผู้ใดจักไปเลี้ยงดูเล่า | | ชั่วของเจ้าเขาไม่ลืมดอกน้องเอ๋ย
|
ใครคิดร้ายต่อสามีไม่ดีเลย | | อย่าเชือนเฉยตรึกตรองไว้ลองดู
|
นางโมราฆ่าพระจันทรโครพ | | ความไม่จบลือเล่าจนเข้าหู
|
ควรจะจำใส่ใจไว้เป็นครู | | จะได้รู้ชั่วเช่นไว้เป็นตรา
|
จงรำฤกนึกดูเมื่ออยู่บ้าน | | เคยสำราญเป็นไฉนอย่างไรหนา
|
คนทั้งหลายเขาก็เรียกตามฉายา | | ที่มีมาว่าอีนี่อีนั่นไป
|
ประเดี๋ยวนี้คนทั้งนั้นก็หันกลับ | | มาคำนับว่าคุณจอมหม่อมฉันไหว้
|
มีวาสนาเหมาะเจาะขึ้นเพราะใคร | | เหตุไฉนลืมคุณกรุณา ฯ
|
|
๏ อันตัวเรานี้ก็รองพระจอมเจ้า | | เป็นปิ่นเกล้าในสยามภาษา
|
มียศศักดิ์ประจักษ์ทั่วทุกพารา | | พระทรงธรรม์กรุณาชุบเลี้ยงเรา
|
ถึงใครใครที่จะตกมาเป็นห้าม | | ไม่มีความขายหน้าดอกหนาเจ้า
|
เสียแต่ไม่ฉายเฉิดเพริศพริ้งเพรา | | เพราะแก่เถ้าหงุบหงับไม่ฉับไว
|
ถ้าจะว่าไปจริงทุกสิ่งสิ้น | | ก็พอกินตามแก่แก้ขัดได้
|
ฤาน้ำจิตต์คิดเห็นเป็นอย่างไร | | จึงมิได้ปลงรักสักเวลา
|
การสิ่งใดที่มิดีเรามิชอบ | | อ้อนวอนปลอบจงจำอย่าทำหนา
|
ก็ไม่ฟังขืนขัดอัธยา | | ยิ่งกับว่าตอไม้ไม่ไหวติง
|
ที่ข้อใหญ่ชี้ให้เห็นเรื่องเล่นเพื่อน | | ทำให้เฟือนราชกิจผิดทุกสิ่ง
|
ถ้าจะเปรียบเนื้อความไปตามจริง | | เสมอหญิงเล่นชู้จากสามี
|
นี่หากวังมีกำแพงแขงแรงรอบ | | เป็นคันขอบดุจเขื่อนคิรีศรี
|
ถ้าหาไม่เจ้าจอมหม่อมเหล่านี้ | | จะไปเล่นจ้ำจี้กับชาย เอย ฯ
|
| | |
|