|
|
| | ๏ แต่ปางหลังครั้งว่างพระศาสนา
|
| เป็นปฐมสมมตินิทานมา | | ด้วยปัญญายังประวิงทั้งหญิงชาย
|
| ฉันชื่อภู่รู้เรื่องประจักษ์แจ้ง | | จึงแสดงคำคิดประดิษฐ์ถวาย
|
| ตามสติริเริ่มเรื่องนิยาย | | ให้เพริศพรายพริ้งเพราะเสนาะกลอนฯ
|
|
|
| |
|
| ๏ จะร่ำปางนางสวรรค์เสวยสุข | | อยู่ปรางค์มุขพิมานสโมสร | |
|
| เผยพระแกลแลดูแผ่นดินดอน | | เห็นไกรสรคลอดลูกในหิมวา
|
| ผลกรรมนำจิตให้พิศวาส | | นุชนาฏจะใคร่มีโอรสา
|
| เห็นพระสุริโยทัยเธอไคลคลา | | กัลยานึกไปดังใจปอง
|
| แม้นสามีมิได้เหมือนพระอาทิตย์ | | ไม่ขอคิดสมสู่เป็นคู่สอง
|
| ผลกรรมจำจากวิมานทอง | | นางก็ต้องจุติด้วยใจตน
|
| เห็นสระศรีมีบัวระดาดาษ | | สุดสวาทจิตประหวัดเข้าปฏิสนธิ์
|
| เกิดเป็นรูปนารีนิรมล | | กลีบอุบลหุ้มไว้ในสาคร
|
| อยู่ประมาณนานมาในบัวหลวง | | สุดาดวงกำดัดชมสมสมร
|
| จะกล่าวถึงสุริยาทิพากร | | เสด็จจรเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุมา
|
| อรุณโรจน์โชติช่วงดวงจรัส | | ส่องจังหวัดภาคพื้นพระเวหา
|
| พิศเพ่งเล็งแลในโลกา | | เห็นนางฟ้าอยู่ในพุ่มปทุมมาลย์
|
| เพราะรักเราเจ้าต้องมาสิ้นชีพ | | เกิดในกลีบบุษบงน่าสงสาร
|
| จำจะช่วยให้อนงค์คงวิมาน | | พระสุริยกาลโสมนัสสวัสดี
|
| จึ่งแบ่งภาคจากรถระเห็จเหาะ | | ลงเฉพาะสระใหญ่ในไพรศรี
|
| พระหัตถ์หักปทุมาจากวารี | | มานั่งที่ร่มไทรในไพรวัน
|
| คลี่ปทุมอุ้มนางขึ้นวางตัก | | แม่ยอดรักปิ่นสุรางค์นางสวรรค์
|
| กุศลเราเคยสมภิรมย์กัน | | บุญจึ่งบันดาลใจให้เจาะจง
|
| พี่พึ่งรู้ว่าเจ้าอยู่ในโกเมศ | | จึ่งประเวศติดตามด้วยความประสงค์
|
| จะช่วยเจ้าเยาวลักษณ์วิไลทรง | | ให้คืนคงเมืองฟ้าสุราลัยฯ
|
|
|
| |
|
| ๏ ปางยุพินปิ่นเทพอัปสร | | ฟังสุนทรสุริยงคิดสงสัย | |
|
| นางผลักพลางทางแลชำเลืองไป | | งามวิไลพูนสวัสดิ์ชัชวาล
|
| ถึงเทพบุตรสุดสิ้นในอากาศ | | ไม่ผุดผาดผิวพรรณเทียมสัณฐาน
|
| นางค้อนคมก้มพักตร์แล้วพจมาน | | ไม่ควรการช่างไม่เกรงข่มเหงกัน
|
| เทพบุตรภุชงค์หรือวงศ์ยักษ์ | | มาหาญหักปทุมมาศขาดสะบั้น
|
| เขาอาศัยได้สบายในบุษบัน | | ทำเช่นนั้นช่างไม่คิดอนิจจังฯ
|
|
|
|
|
| ๏ โอ้เจ้าพี่ศรีสวัสดิ์กำดัดสวาท | | นุชนาฏแม่อย่าลืมเนื้อความหลัง
|
| หรือชอบใจอยู่ที่ในอุบลบัง | | สมบัติทั้งเมืองฟ้าไม่อาวรณ์
|
| พี่หรือคือสุริยงดำรงทวีป | | ทุเรศรีบมาด้วยการสงสารสมร
|
| จะชูช่วยนางฟ้าสถาวร | | พะงางอนนุชน้องอย่าหมองนวล
|
| มานั่งนี่เถิดพี่จะเล่าเรื่อง | | แม่เนื้อเหลืองนพรัตน์กำดัดสงวน
|
| พลางประโลมโฉมนางไม่ห่างนวล | | หอมรัญจวนเกสรขจรจายฯ
|
|
|
| |
|
| ๏ สาวสวรรค์ครั้นสดับอภิวาท | | สุดสวาทแสนรักพระสุริย์ฉาย | |
|
| แต่มารยาทกษัตรีทำทีอาย | | ค้อนชม้ายตอบสนองทำนองใน
|
| ถึงดินฟ้าสาครภูเขาขุน | | เมื่อสิ้นบุญถึงกรรมทำไฉน
|
| แต่ชาติก่อนใครห่อนประจักษ์ใจ | | ระลึกได้หรือจะรู้ในเรื่องราว
|
| ซึ่งโปรดน้องจะให้ครองวิมานสวรรค์ | | พระคุณนั้นล้ำฟ้าเวหาหาว
|
| มิได้สนองครองคุณให้สิ้นคราว | | ด้วยเปลี่ยวเปล่าเอ้องค์ในดงแดนฯ
|
|
|
|
|
| ๏ แสนเสนาะเพราะล้ำหนอน้ำเสียง | | ช่างกล่าวเกลี้ยงเชิงฉลาดนั้นเหลือแสน
|
| พี่เมตตาจะช่วยพาไปเมืองแมน | | ถึงมิแทนคุณได้เป็นไรมี
|
| เหมือนมัจฉาสาครเป็นที่พึ่ง | | บุญแล้วจึ่งได้พบประสบศรี
|
| ต้องประสงค์อยู่ตรงไมตรีดี | | ถึงแม้นมีสิ่งของไม่ต้องการ
|
| นี่แน่เจ้าเยาวลักษณ์วิไลศรี | | เสียแรงพี่จงรักสมัครสมาน
|
| อย่าพูดนักชักเยิ่นให้เนิ่นนาน | | จะเสียการไมตรีที่เรียมวอน
|
| จงแย้มเยื้อนเบือนพักตร์รับรักบ้าง | | ประโลมนางแนบกายสายสมร
|
| แสนสำราญอยู่ในร่มนิโครธร | | พระกางกรประดิพัทธ์วัจนา
|
| อัศจรรย์บรรดาสาคเรศ | | อรัญเวศหวั่นไหวไพรพฤกษา
|
| เทพทั้งตั้งโห่เป็นโกลา | | สนั่นป่าลั่นเสียงสำเนียงดัง
|
| บรรดาฝูงเทพาวลาหก | | ก็ตื่นตกใจวิ่งไม่เหลียวหลัง
|
| อึกทึกกึกก้องฆ้องระฆัง | | ด้วยกำลังพระอาทิตย์ฤทธิรงค์
|
| สมสนิทพิศวาสนางสวรรค์ | | เกษมสันต์สบเชิงละเลิงหลง
|
| แบ่งกำลังตั้งครรภ์ให้โฉมยง | | แล้วเอื้อนโองการตรัสกับกัลยา
|
| อีกเจ็ดวันขวัญเข้าเจ้าคลอดบุตร | | เจ้าจะจุติไปสวรรค์ด้วยหรรษา
|
| พี่อยู่ด้วยเจ้าไม่ได้ต้องไคลคลา | | ถึงเวลาเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุทอง
|
| จะเร่งรีบไปทวีปข้างโน้นแล้ว | | แม่ดวงแก้วนพเก้าอย่าเศร้าหมอง
|
| กลับชมพูจะมาอยู่ด้วยนวลละออง | | แม่อย่าหมองอารมณ์อยู่ร่มไทร
|
| ประโลมลูบจูบสั่งสายสวาท | | จะนิราศแรมมิตรพิสมัย
|
| ด้วยร้างรักหักจิตไปจำไกล | | คืนเวไชยันต์ถาวรเหมือนก่อนมา
|
| เลี้ยวพระเมรุเผ่นเยี่ยมอุดรทวีป | | ดังประทีปส่องทั่วทุกทิศา
|
| สาวสวรรค์สร้อยเศร้าเปล่าอุรา | | พระสุริยาเลี้ยวเหลี่ยมพระเมรุธร
|
| สันโดษเดียวเปลี่ยวร่างอยู่กลางเถื่อน | | ไม่มีเพื่อนสาวสุรางค์นางอัปสร
|
| ยินสำเนียงปักษาทิชากร | | ดวงสมรวังเวงวิเวกใจฯ
|
| |
|
| |
|
| ๏ ฝ่ายพระสุริยงผู้ทรงรถ | | เที่ยวเลี้ยวรถส่องสัตว์จำรัสไข | |
|
| ส่องตรีภพจบทวีปแล้วรีบไป | | สว่างในภพโลกชมพูพลัน
|
| ระลึกถึงโฉมงามทรามสวาท | | ออกจากราชรถชัยลงไพรสัณฑ์
|
| ถนอมแนบแอบนางไม่ห่างกัน | | เกษมสันต์พิศวาสไม่คลาดคลาย
|
| แต่เช้ามาสายัณห์แล้วคืนกลับ | | กำหนดนับเจ็ดวันเหมือนมั่นหมาย
|
| ยุพาพินสิ้นกรรมประจำกาย | | จะคลอดสายสุดที่รักโอรสนาง
|
| พอรุ่งแสงสุริยาพระอาทิตย์ | | มานั่งชิดโลมน้องอย่าหมองหมาง
|
| สงสารนวลป่วนปั่นพระครรภ์คราง | | นาภีนางเพียงจะพังประทังทน
|
| บรรดาเทพธิดาลงมาพร้อม | | เข้าแวดล้อมอรไทในไพรสณฑ์
|
| บ้างนวดครรภ์ผันแปรให้นิรมล | | พระสุริยนเคียงน้องประคององค์
|
| ถึงยามปลอดนางคลอดโอรสราช | | เสียงพิณพาทย์ก้องฟ้าป่าระหง
|
| เป็นชายเหมือนพระอาทิตย์ไม่ผิดทรง | | สำอางค์องค์นวลละอองดังทองทา
|
| สาวสวรรค์รับขวัญโอรสรัก | | พิศพักตร์ลูกน้อยละห้อยหา
|
| นางกางกรช้อนอุ้มกุมารา | | เจ้าเกิดมามิได้อยู่ด้วยแม่แล้ว
|
| ไม่เห็นใครที่จะให้นมเสวย | | เจ้าแม่เอ๋ยสุดอาลัยนะลูกแก้ว
|
| เจ้าอยู่เถิดมารดาจะลาแล้ว | | กอดลูกแก้วโศกาด้วยอาลัย
|
| แล้วก้มกราบสุริยันรำพันสั่ง | | พระระวังลูกยาในป่าใหญ่
|
| พอสิ้นสั่งสุดสวาทก็ขาดใจ | | กลับคืนไปสู่สวรรค์ชั้นวิมานฯ
|
|
|
| |
|
| ๏ ปางพระสุริย์ใสวิไลลบ | | ให้ปรารภด้วยบุตรสุดสงสาร | |
|
| ไม่เห็นใครที่จะได้พยาบาล | | พระสุริยกาลกอดบุตรเข้าโศกา
|
| แล้วผันแปรแลไปเห็นไกรสร | | แม่ลูกอ่อนสถิตอยู่ในคูหา
|
| พระอุ้มโอรสราชแล้วยาตรา | | ถึงพญาสิงหราชประกาศพลัน
|
| ว่าดูราราชสีห์อันมีศักดิ์ | | โอรสรักเราเกิดในไพรสัณฑ์
|
| กำพร้าแม่แต่คลอดออกจากครรภ์ | | จะให้ท่านเลี้ยงไว้ดังใจจง
|
| เป็นบิดามารดาของทารก | | เราจะยกให้ตามความประสงค์
|
| เวลาจวนเราจะด่วนไปอัสดง | | ต่อนานนานจึงจะลงมาเชยชมฯ
|
|
|
|
|
| ๏ ราชสีห์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ | | บังคมคัลพระอาทิตย์อิศยม
|
| ไว้ธุระสิงหราอย่าปรารมภ์ | | จะส่งนมเลี้ยงดูให้อยู่เย็น
|
| แม้นโตใหญ่ได้พึ่งซึ่งพระเดช | | ช่วยปกเกศราชสีห์ไม่มีเข็ญ
|
| อันลูกข้าทารกแม้นอยู่เย็น | | จะได้เป็นข้าไทเหมือนใจปอง
|
| พระสุริยงทรงฟังไกรสรสัตว์ | | โสมนัสยินดีไม่มีสอง
|
| ส่งลูกให้สิงหราน้ำตานอง | | อวยพรสองราชสีห์อย่ามีภัย
|
| พระกอดจูบลูกยาน้ำตาหยด | | อุ้มโอรสเศร้าสร้อยละห้อยไห้
|
| พระสงสารราชบุตรสุดอาลัย | | แล้วลาไกรสรไปเวไชยันต์ฯ
|
|
|
|
|
| ๏ ราชสีห์มีจิตพิศวาส | | ด้วยองค์ราชโอรสพระสุริย์ฉัน
|
| รักเสมอลูกยาไม่อาธรรม์ | | เกษมสันต์อยู่ในถ้ำอันอำไพ
|
| กุมาราชันษาได้สิบทัศ | | งามจำรัสเหมือนองค์พระสุริย์ใส
|
| กำลังเจ็ดช้างสารอันชาญชัย | | เพราะว่าได้กินนมนางสิงหราฯ
|
| |
|
| |
|
| ๏ จะกล่าวถึงพระอาทิตย์บิตุเรศ | | พูนเทวษคิดถึงโอรสา | |
|
| เสด็จจากรถชัยแล้วไคลคลา | | ถึงคูหาถ้ำแก้วอันแพรวพราย
|
| เห็นโอรสลดองค์ลงโอบอุ้ม | | ประจงจุมพิตพักตร์พระโฉมฉาย
|
| พระโลมลูบรับขวัญบรรยาย | | โอ้พ่อสายสุดที่รักของบิดร
|
| พ่อมิได้อยู่เลี้ยงไว้เคียงพักตร์ | | เอาลูกรักฝากไว้กับไกรสร
|
| ชนนีนางฟ้าสถาวร | | นั้นม้วยมรณ์แต่เจ้าคลอดออกจากครรภ์
|
| พระกุมารฟังสารให้สงสัย | | จึงถามไถ่ราชสีห์ขมีขมัน
|
| ไกรสรเล่าความหลังให้ฟังพลัน | | แจ้งสำคัญพระอาทิตย์เป็นบิดา
|
| ศิโรราบกราบบาทบิตุเรศ | | ชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
|
| พระสุริยันกันแสงด้วยลูกยา | | ทั้งสามสัตว์สิงหราก็โศกี
|
| ครั้นเคลื่อนคลายวายโศกกันแสงศัลย์ | | พระสุริยันตรัสประภาษกับราชสีห์
|
| จะให้นามตามวงศ์สวัสดี | | แทรกชนกชนนีเข้าในนาม
|
| ชื่อโคบุตรสุริยาวราฤทธิ์ | | จงประสิทธิ์แก่กุมารชาญสนาม
|
| ทั้งตรีโลกโลกาสง่างาม | | เจริญความเกียรติยศปรากฏครันฯ
|
|
|
|
|
| ๏ พระอาทิตย์นิรมิตเครื่องประดับ | | ให้เสร็จสรรพล้วนเทพรังสรรค์
|
| เป็นเครื่องทิพสาตราสารพัน | | ให้ป้องกันอยู่ในกายกุมารา
|
| รณรงค์คงทนด้วยกายสิทธิ์ | | พระอาทิตย์จึ่งสั่งโอรสา
|
| อันเครื่องทรงที่ในองค์พระลูกยา | | ล้วนเทพสาตราอันเกรียงไกร
|
| จะรบราญรณรงค์เข้ายงยุทธ์ | | ไม่พักหาอาวุธอย่าสงสัย
|
| เครื่องประดับรับรบอรินทร์ภัย | | เหาะเหินได้รุ่งเรืองด้วยเครื่องทรง
|
| จงคิดอ่านไปผ่านพิภพโลก | | มาวิโยคอยู่ไยในไพรระหง
|
| สิงหราชชาติเชื้อเขาชาวดง | | เจ้าเป็นพงศ์จักรพรรดิสวัสดี
|
| พ่อจะบอกมรคาไปหาคู่ | | นางนั้นอยู่บูรพาพาราณสี
|
| จงลาแม่ลาพ่อจรลี | | ถ้าได้ดีแล้วจงกลับมารับกัน
|
| แม้นเคืองเข็ญจงคิดถึงบิตุเรศ | | ถ้าแจ้งเหตุจะมาช่วยอย่าโศกศัลย์
|
| พระกอดจูบลูกยาเฝ้าจาบัลย์ | | พระรำพันร่ำไรแล้วให้พร
|
| พ่อจะลาแก้วตาไปส่องโลก | | อย่าแสนโศกจงสุขสโมสร
|
| ครั้นเสร็จสั่งสิงหราสถาวร | | พระทินกรเหาะไปเวไชยันต์ฯ
|
| |
|
|
|
| ๏ พระโคบุตรสุริยาน้ำตาไหล | | ด้วยอาลัยสุริย์ฉายนั้นผายผัน | |
|
| ยิ่งแลลับพระบิดายิ่งจาบัลย์ | | สะอื้นอั้นกำสรดระทดกายฯ
|
|
|
|
|
| ๏ สิงหราว่ากล่าวเล้าโลมปลอบ | | ตามระบอบโศกเศร้าบรรเทาหาย
|
| พระโคบุตรสุดจิตคิดเสียดาย | | ค่อยน้อมกายเกศก้มประนมกร
|
| ลูกขอลาชนนีอย่ามีเหตุ | | เที่ยวประเวศตามคำพระร่ำสอน
|
| ว่าคู่สร้างนางอยู่ในสาคร | | พเนจรไปในป่าพนาวัน
|
| แม้นบุญช่วยได้สมอารมณ์คิด | | ให้ต้องจิตดังคำพระสุริย์ฉัน
|
| กุศลส่งคงพบประสบกัน | | ครองเขตขัณฑ์ได้คู่อยู่สำราญ
|
| ถึงลูกไปใช่จะลืมพระคุณแม่ | | ถ้าเว้นแต่ชีวังสิ้นสังขาร
|
| แม้นบุญส่งคงสบายไม่วายปราณ | | จะเวียนมามัสการพระมารดาฯ
|
|
|
|
|
| ๏ ราชสีห์สุดที่จะทานทัด | | กลัวจะขัดเคืองลูกเสน่หา
|
| จึงอวยพรสั่งสอนกุมารา | | แล้วให้ยาล้ำเลิศประเสริฐครัน
|
| ถ้าเคี้ยวพ่นคนตายแล้วคลายรอด | | ไม่ม้วยมอดมรณาชีวาสัญ
|
| พระรับยาอาลัยใจผูกพัน | | กันแสงศัลย์กราบบาทสิงหราฯ
|
|
|
|
|
| ๏ โอ้แม่เจ้าคราวนี้จะนานแล้ว | | จงอยู่ครองห้องแก้วถ้ำคูหา
|
| ไม่ปลดปลงลูกคงจะกลับมา | | แล้วอำลาราชสีห์ผู้พี่ชาย
|
| ตั้งอารมณ์ข่มใจอาลัยรัก | | ค่อยหาญหักอาดูรให้สูญหาย
|
| เสด็จจากห้องแก้วอันแพรวพราย | | พระทัยหายกลับมาโศกาลัย
|
| เป็นหลายครั้งตั้งร่ำรำพันรัก | | แล้วหวนหักเสน่หาน้ำตาไหล
|
| พระชุบเช็ดชลนาด้วยอาลัย | | แล้วหักใจจำทิศพระบิดา
|
| เหาะละลิ่วปลิวคว้างมากลางเมฆ | | ลอยวิเวกมาในท้องพระเวหา
|
| พระลอยลมแลชมอรัญวา | | ประมาณมาหลายคืนชื่นอารมณ์ฯ
|
| | |
|