|
เจ้าคุณผู้ช่วยกรมท่า เก็บเรื่องความเมืองญวนแต่ก่อน มาเรียบเรียงเข้าไว้ไม่สู้ละเอียดแจ่มแจ้งนัก ด้วยฉบับเดิม เจ้าพนักงานแต่ก่อนรักษาต่อๆ กันมาให้ฉบับเสียหายเสียบ้าง ปลวกกินเสียบ้าง ได้ความประการใดก็เรียงไว้พอเป็นของสำหรับแผ่นดินไปเบื้องหน้า ค้นหาได้ความว่าเมื่อครั้งแผ่นดินสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกนั้น มีรับสั่งให้ขุนราชมนตรี ขุนศรีเสนา ขุนราชาวดี ล่าม แปลคำองเปดกลึง องเดจัด พวกองไชสือไว้ เมื่อ ณ วันเดือน ๙ ขึ้น ๓ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๕๕ ปีฉลูเบญจศก ได้ความว่า
|
|
เดิมเมืองญวนนั้นเมืองตังเกี๋ยเป็นเมืองหลวง เจ้ากินเป็นเจ้าเมือง สืบกษัตริย์มาได้ ๖ องค์ กษัตริย์ในที่ ๖ ชื่อ หุงเมือง ครั้งนั้นพระเจ้ากรุงปักกิ่งให้ขุนนางชื่อเลียวท่าง เป็นแม่ทัพมาตีเมืองตังเกี๋ยได้ เลียวท่างจับหุงเมืองและพวกพ้องฆ่าเสียสิ้น แล้วเลียวท่างก็อยู่รักษาเมือตังเกี๋ย เมืองตังเกี๋ยก็ขึ้นแก่เมืองจีนตั้งแต่นั้นมา
|
|
ครั้นนานมาเกิดญวนผู้มีบุญชื่อเลเลย อยู่ ณ บ้านลำเซิน เลเลยฝันเห็นว่าเทวดามาบอกว่าเลเลยจะได้เป็นเจ้าแผ่นดิน ชายผู้หนึ่งชื่อเวียนกรายจะได้เป็นมหาอุปราช ดวงตรากับกระบี่สำหรับกษัตริย์อยู่ที่ตำบลหวยนำ ครั้นเพลาเช้าเลเลยก็ไปเที่ยวดูที่ตำบลหวยนำ ก็ได้เห็นดวงตรากับกระบี่สมคำที่เทวดาบอก จึงเอาดวงตรากับกระบี่มาเก็บไว้ที่บ้าน ฝ่ายเวียนกรายนั้นเที่ยวมาอาศัยอยู่ในศาลเทพารักษ์ มีเทวดามาบอกในฝันว่า ชายชื่อเลเลยจะได้เป็นเจ้าแผ่นดินในเมืองญวน ตัวท่านจะได้เป็นมหาอุปราช ถ้าท่านจะใคร่พบเลเลยก็ให้ไป ณ บ้านลำเซิน ถ้าไม่รู้จักเรือนเลเลยเพลากลางคืนให้ดูรัศมีสว่างอยู่ที่เรือนใด เรือนนั้นแลเป็นเรือนเลเลย ครั้นตื่นขึ้นเพลาเช้าเวียนกรายก็ออกจากศาลเทพารักษ์เดินมาถึงบ้านลำเซินพอเพลาค่ำจึงคอยดู เห็นเรือนหนึ่งรัศมีสว่างสมกับคำเทวดาบอก เวียนกรายก็เข้าไปหาเลเลย เลเลยกับเวียนกรายพอพบกันแล้วก็ไถ่ถามชื่อเสียงรู้จักกันสมกับความฝันทั้งสองฝ่าย เวียนกรายขอดูดวงตราและกระบี่ของเลเลย เลเลยก็ให้ดู เวียนกรายไม่มีความสงสัยแน่แก่ใจแล้ว จึงว่าเราทั้งสองคงจะได้เป็นใหญ่ในเมืองตังเกี๋ย จึงให้เลเลยตั้งกองเกลี้ยกล่อมผู้คนอยู่ที่บ้านลำเซิน ตัวเวียนกรายจะไปเที่ยวเกลี้ยกล่อมคนในแขวงเมืองตังเกี๋ย ครั้นเกลี้ยกล่อมคนเข้าด้วยมากแล้ว เวียนกรายกับเลเลยก็เป็นกบฏ คุมคนยกเข้าตีเอาเมืองตังเกี๋ยได้ จับเจ้าเมืองฆ่าเสีย เลเลยก็ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้า ตั้งเวียนกรายขึ้นเป็นมหาอุปราช
|
|
ฝ่ายพระเจ้ากรุงจีนรู้ว่าเลเลยกับเวียนกรายฆ่าเจ้าเมืองตังเกี๋ยเสียจึงแต่งกองทัพไปตีเมืองตังเกี๋ย เลเลยกับเวียนกรายเห็นกองทัพจีนยกมามากนักจะสู้รบมิได้จึงเอาทองคำทำเป็นรูปเจ้าเมืองตังเกี๋ยกับเครื่องราชบรรณาการ ให้ทูตคุมไปให้กับแม่ทัพเมืองจีน ขอโทษตัวยอมเป็นเมืองขี้นตามเดิม แม่ทัพจึงมีหนังสือบอกขึ้นไป ณ เมืองหลวง พระเจ้ากรุงจีนจึงมีหนังสือตอบมาให้แม่ทัพตั้งเลเลยเป็นเจ้าเมืองตังเกี๋ยเถิด แม่ทัพทำตามหนังสือรับสั่งแล้วก็ยกทัพกลับไป เลเลยจึงให้เวียนกรายผู้เป็นมหาอุปราชเป็นผู้สำเร็จราชการบ้านเมืองทั้งปวง และเวียนกรายนั้นมีบุตรหญิงคนหนึ่งชื่อกงจัว บุตรชายคนหนึ่งชื่อจัวเตียน บุตรหญิงนั้นยกให้เป็นภรรยาตีนเฮกยิ่มซึ่งเป็นเสนาบดีในเมืองตังเกี๋ย ครั้นนานมามหาอุปราชจึงทูลลาเจ้าเมืองตังเกี๋ย ว่าตัวแก่ชราแล้วจะขอลาออกจากราชการ จะขอให้ตีนเฮกยิ่มบุตรเขยเป็นว่าที่อุปราชแทนตัวไปกว่าจัวเตียนบุตรชายจะใหญ่ขึ้น ถ้าบุตรใหญ่แล้วจะขอให้บุตรเป็นมหาอุปราชสืบไป เจ้าเมืองตังเกี๋ยก็ยอมให้ ครั้นเวียนกรายอุปราชตายแล้ว ตีนเฮกยิ่มบุตรเขยก็คิดจะฆ่าจัวเตียนน้องภรรยาเสีย นางจงกัวพี่สาวรู้ความจึงกระซิบบอกน้องชายให้รู้ตัว ให้น้องชายทำเป็นบ้าเสีย จัวเตียนก็ทำตามคำพี่สาว พี่สาวจึงคิดอุบายบอกแก่ตีนเฮกยิ่มผู้ผัวว่าจัวเตียนเป็นบ้าไปแล้ว จะเลี้ยงไว้ก็ขายหน้าขอให้ขับไปเสียให้พ้นบ้านพ้นเมืองเถิด
|
|
ตีนเฮกยิ่มไม่ทันคิดจึงไปทูลกับเจ้าเมืองตังเกี๋ยให้ขับจัวเตียนเสียจากเมือง เจ้าเมืองตังเกี๋ยก็ยอมตาม ตีนเฮกยิ่มจึงแต่งเรือและคนให้คุมตัวจัวเตียนลงมาส่งข้างทิศใต้ให้ขึ้นที่ป่าชื่อโวจ๊อ ที่นั้นเป็นแดนข่า ถ้าจะเดินมาแต่เมืองตังเกี๋ยประมาณ ๑๕ วันจึงถึง คนที่มาส่งนั้นก็อยู่ด้วยจัวเตียนหากลับขึ้นไปไม่ จัวเตียนจึงตั้งซ่องเกลี้ยกล่อมผู้คนอยู่ที่นั้น ครั้นได้คนมากขึ้นก็สร้างเมืองขึ้นที่ป่าโวจ๊อให้ชื่อว่าเมืองเว้ ฝ่ายองตีนเฮกยิ่มพี่เขยรู้จึงให้องลักเบาคุมกองทัพยกมาตีเมืองเว้ ได้รบพุ่งกันเป็นสามารถ องลักเบาตาย กองทัพแตกกลับไปเมืองตังเกี๋ย ภายหลังจัวเตียนเจ้าเมืองเว้กลัวว่าจะเป็นศึกติดพันกันไปจึงแต่งเครื่องราชบรรณาการให้จิ้มก้ององเตียนเฮกยิ่มพี่เขยขอโทษตัวแล้วยอมเป็นเมืองขึ้น เจ้าเมืองตังเกี๋ยก็ยกโทษให้ จัวเตียนได้ครองเมืองเว้สืบลูกหลานมาได้ ๖ ชั่วเจ้าเมือง คือ จัวเตียนบุตรเวียนกรายที่ ๑ จัวสายบุตรจัวเตียนที่ ๒ จัวเทิ่งบุตรจัวสายที่ ๓ กับจัวเหียนบุตรจัวเทิ่งที่ ๔ จัวค่างบุตรจัวเหียนที่ ๕ องเฮียวหูเวียงบุตรจัวค่างที่ ๖ เป็น ๖ เจ้าเมืองด้วยกัน ครั้นเมื่อองเฮียวหูเวียงได้เป็นเจ้าเมืองเว้ก็ตั้งแข็งเมืองไม่ไปขึ้นกับเมืองตังเกี๋ยเหมือนแต่ก่อน เจ้าเมืองตังเกี๋ยก็จัดกองทัพไปตีเมืองเว้หลายครั้งก็ไม่ได้ องเฮียวหูเวียงจึงให้ตั้งด่านทางบกลงไว้ที่ตำบลโปจัน ตำบลโปจันนั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำซงยัน ฟากแม่น้ำซงยันข้างตะวันออกเป็นแดนเมืองตังเกี๋ย ด่านโปจันทุกวันนี้เขาเรียกว่าเมืองกวางเบือง ทางน้ำนั้นให้เอาโซ่ขึงแม่น้ำกงเหยไว้ไม่ให้พวกเมืองตังเกี๋ยมาเมืองเว้ได้ เมืองเว้ก็ขาดจิ้มก้องเมืองตังเกี๋ยมาหลายปี ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ขึ้นด้วยกันทั้งสองเมือง องเฮียวหูเวียงนั้นมีราชบุตร ๕ องคือ องดิกหมูที่ ๑ องเฮียวคางเวียงที่ ๒ องเทิงกวางที่ ๓ กับองเชียงฉุนที่ ๔ องทางที่ ๕
|
|
ฝ่ายองดิกหมูราชบุตรใหญ่นั้นมีบุตรชายชื่อองหวางคน ๑ องเฮียงคางเวียราชบุตรที่ ๒ มีบุตร ๓ คนคือ องยาบา ๑ องหมัน ๑ องไชสือ ๑ องดิกหมู องคางเวียงตายก่อนพระราชบิดา ครั้นองเฮียวหูเวียงพระราชบิดาตาย องกวักภัยขุนนางผู้ใหญ่ก็ยกกองเทิงกวางพระราชบุตรที่ ๓ ขึ้นเป็นเจ้าเมืองเว้ แล้วองกวักภ้อก็เป็นผู้สำเร็จราชการสิทธิ์ขาดอยู่แต่ผู้เดียว เสนาบดีและราษฎรไม่เต็มใจ บ้านเมืองก็เกิดจลาจลต่างๆ ครั้นอยู่มาองยากเป็นโจรป่าอยู่แดนเมืองกุยเยิน องยากมีน้องชายสองคนชื่อองบาย ๑ องดาม ๑ ครั้นอยู่มาองกรุมหวดผู้เป็นบิดาตาย พี่น้องสามคนหาหมอดูที่ฝังศพ หมอดูว่าที่เขากวางนำนั้นเป็นที่ฮวงซุ้ยดี มีเขาเป็นรูปปากมังกร ถ้าผู้ใดได้ฝังศพบิดามารดาลงที่นั้น นานไปลูกหลานจะได้ดี พี่น้องทั้งสามก็เอาศพบิดามารดาลงไปฝังที่เขานั้น เมื่อขุดหลุมลงไปนั้นได้ทองสองไหแง แล้วจึงเอาศพบิดาฝังลงไว้ที่นั้น พี่น้องทั้งสามก็เอาทองนั้นมาขาย ครั้นได้เงินก็เอาไปช่วยที่ทุกข์ยากปล่อยเสีย แล้วเกลี้ยกล่อมผู้คนได้มาก จึงปรึกษากันจะชิงเอาราชสมบัติในเมืองเว้ ด้วยเห็นว่าองเทิงกวาง องกวักภ้อไม่เอาใจใส่ในราชการ ตั้งแต่เสพสุราเล่นงิ้วเป็นการสนุก แต่บรรดาขุนนางก็เอาใจออกหากอยู่สิ้น พี่น้องทั้งสามเห็นการดังนั้นก็ปรึกษากันว่า ผู้คนนิยมกับเรามากอยู่แล้ว เห็นพอจะคิดการใหญ่ได้ จึงให้องบายเอาทองคำหลายลิ่ม ๆ ละ ๑๐ ตำลึงใส่กะบะเข้าไปให้เจ้าเมืองกวางนำขอทำราชการด้วย เจ้าเมืองกวางนำก็รับไว้ ครั้นนานมาเจ้าเมืองกวางนำเห็นว่าองบายมีสติปัญญาและความเพียรมาก ก็ให้ว่าราชการสิทธิ์ขาดแทนตัว ด้วยตัวเป็นคนชรา องบายเกลี้ยกล่อมให้ไพร่บ้านพลเมืองรักใคร่ก็ได้พวกพ้องเป็นอันมาก
|
|
|
|
ฝ่ายองยากพี่ชายองดามน้องชายก็คุมไพร่พลอยู่ในป่า จึงพูดจาว่าองเทิงกวางเจ้าเมืองเว้คนนี้หาอยู่ในยุติธรรมไม่ เราจะคิดกำจัดเสีย จะยกหวางตนซึ่งเป็นบุตรรองดิกหมูขึ้นเป็นเจ้าจึงจะควร และองหวางตนคนนี้มีคนรักมาก เพราะดังนั้นคนทั้งปวงก็เห็นด้วยพี่น้องทั้งสาม พี่น้องทั้งสามก็ตั้งแข็งเมืองกวางนำไว้ ความรู้ไปถึงเจ้าเมืองเว้ เจ้าเมืองเว้จึงให้องภ้อมาเป็นแม่ทัพ คุมกองทัพมาตีเมืองกวางนำ องบายผู้สำเร็จราชการเมืองกวางนำก็มีหนังสือไปเกลี้ยกล่อมองภ้อมาเป็นแม่ทัพ ว่าจะคิดเอาราชสมบัติให้กับองหวานตน องภ้อมาเป็นแม่ทัพเห็นด้วย จึงยอมเข้าด้วยองบาย องบายก็มีหนังสือไปถึงองยากพี่ชาย องดามน้องชายให้ยกพวกโจรและคนเข้าเกลี้ยกล่อมเข้าสมทบกับกองทัพองภ้อมา องบายก็เป็นแม่ทัพคุมคนเมืองกวางนำไปด้วย ก็เข้าตีเอาเมืองเว้ได้ องเทิงกวางเจ้าเมืองเว้และองเชียงฉุนน้องชาย กับองยาบา องไชสือ องหมัน ก็ลงเรือหนีมาอยู่เมืองไซ่ง่อน แต่องหวานตนไม่หนีเพราะรู้ข่าวว่าเขาจะยกตัวขึ้นเป็นเจ้า องทั้งสามได้เมืองเว้แล้ว ก็ให้เอาตัวองหวางตนไปไว้เมืองกุยเยิน องหวานตนเห็นว่าองทั้งสามไม่สุจริตคิดเป็นอุบายจะเอาราชสมบัติเอง ก็ไม่ไว้ใจจึงหนีลงมาอยู่เมืองไซ่ง่อนกับองเทิงกวางด้วยกัน องเทิงกวางปรึกษากับพี่น้องและขุนนางทั้งปวงว่าจะยกองหวางตนผู้หลานขึ้นเป็นเจ้าเมืองไซ่ง่อน จะได้เกณฑ์กองทัพไปตีเอาเมืองเว้คืน กองทัพเมืองไซ่ง่อนยังไม่ทันจะยกไป องทั้งสามก็ยกทัพมาตีเมืองไซ่ง่อนได้ จับองเทิงกวาง องหวานตนฆ่าเสีย องเชียงฉุนนั้นหนีมาตั้งอยู่เมืองพุทไธมาศ
|
|
องเชียงฉุนมีบุตรชายชื่อองกลัด บุตรหญิงชื่อหมูเส พวกไยเรียกว่า โกเงิน ขณะนั้นเจ้ากรุงไทยคือเจ้าตากยกกองทัพออกไปตีเมืองพุทไธมาศ องเชียงฉุนกับพวกพ้องก็เข้ามาฝากตัวอยู่กับเจ้าตาก ณ กรุงเทพฯ ครั้นภายหลังคิดจะหนีกลับไปเมืองญวน เจ้าตากรู้ให้ประหารชีวิตองเชียงฉุนกับพวกพ้องเสีย ฝ่ายองยาบาพี่ องหมันน้อง กับองไชสือ หนีอยู่ในป่าแขวงเมืองไซ่ง่อน องทั้งสามสืบรู้ให้ไปจับได้อลยาบา องหมันพี่น้องสองคนให้ประหารชีวิตเสีย แต่องไชสือหนีไปได้ องยากได้เมืองไซ่ง่อนแล้วก็ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้าชื่อองไกรเซิน ครองราชสมบัติอยู่ ณ เมืองกุยเยิน องบายน้องกลางได้เป็นเจ้าชื่อบากบินเวืองเป็นใหญ่อยู่เมืองไซ่ง่อน องดามน้องน้อยเป็นเจ้าชื่อล่องเยืองอยู่รักษาเมืองเว้ ฝ่ายองล่องเยืองซึ่งเป็นเจ้าเมืองเว้คิดจะไปตีเมืองตังเกี๋ย จึงทำอุบายเขียนชื่อองไชสือหลานเจ้าเก่าลงในธง ให้ทหารพูดจากันว่าทัพองไชสือยกมา เจ้าเมืองตังเกี๋ยและขุนนางราษฎรก็ยินดี สำคัญว่าเป็นทัพองไชสือจึงเปิดประตูเมืองรับ องลองเยืองเข้าเมืองตังเกี๋ยได้ ให้จับแต่บรรดาพี่น้องเจ้าเมืองฆ่าเสีย ตัวเจ้าเมืองตังเกี๋ยนั้นรากเลือดตาย มหาอุปราชก็เชือดคอตาย องลองเยืองจึงตั้งให้องเจียวทุงบุตรองกวางตรีหลานเจ้าเมืองตังเกี๋ย องลองเยืองก็เก็บเอาทรัพย์สิ่งของปืนใหญ่น้อย เครื่องศัตราวุธมาเสียสิ้น องเจียวท่งคิดแค้นก็มีหนังสือขึ้นไปให้กราบทูลเจ้าเมืองกรุงจีน เจ้าเมืองกรุงจีนให้จงตกเป็นแม่ทัพมารบกับองลองเยือง องลองเยืองก็ยกไปตีทัพเมืองจีนแตกไป องเจียวท่งเจ้าเมืองตังเกี๋ยกับพรรคพวกก็อพยพหนีไปอยู่ ณ เมืองจีน องลองเยืองจึงตั้งองกะวิบุตรหัวปีของตัวให้เป็นเจ้าเมืองตังเกี๋ย แล้วองลองเยืองก็กลับลงมาอยู่เมืองเว้ ครั้นภายหลังองลองเยืองป่วยตาย เสนาบดีจึงยกกองกลัดบุตรที่ ๒ ขึ้นเป็นเจ้าเมืองเว้สืบวงศ์ต่อไป
|
|
ฝ่ายองไชสือเมื่อแตกทัพนั้นพลัดกันกับพี่น้องจึงหนีไปอยู่ที่บ้านป่าชื่อบ้านไกเต๋า เป็นบ้านเขมรลับแลขัดสนด้วยเสบียงอาหาร จึงใช้อ้ายจูผู้เป็นบ่าวสนิทให้ไปเที่ยวหาเสบียงอาหารมาสู่กันกิน อ้ายจูลงเรือไปที่เมืองเตกเชียะ จึงไปบอกกับองตนรีเจ้าเมืองเตชียะว่าองไชสือมาอาศัยอยู่ที่บ้านไกเต๋าอยู่ในป่าอดอยากลำบากนัก องตรีเจ้าเมืองเตชียะครั้นรู้ความก็จัดแจงเสบียงอาหารให้อ้ายจูมา แล้วจึงสั่งอ้ายจูว่าถ้าสิ้นเสบียงเมื่อไรก็ให้มาเอาอีกจะจัดแจงให้มิให้ขัดสน แต่องไชสือมาอาศัยอยู่ที่บ้านเขมรลับแลนั้นประมาณ ๓ ปี ๔ ปี พวกญวนไปเที่ยวตีผึ้งในป่าหลายพวก รู้ว่าองเชียงสือลูกหลานเจ้านายมาอยู่ที่บ้านนั้นได้ความลำบาก ก็ชวนกันแบ่งเสบียงอาหารไปให้ทุกพวก ส่วนจีนทัดกับพวกญวนตีผึ้งคิดอ่านกันว่าองไกรเซินคิดกบฏจับเจ้านายเราฆ่าเสีย ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้าเมืองเว้ บัดนี้องไชสือหลานเจ้านายเราหนีมาอาศัยอยู่ในป่าได้ความลำบากนัก เราจะคิดอ่านตีเอาบ้านเอาเมืองคืนให้องไชสือให้จงได้ จีนทัดจึงคิดอ่านเกลี้ยกล่อมชักชวนพวกจีนพวกญวนในเมืองไซ่ง่อน ครั้นได้พวกพ้องมากก็ยกเข้าตีเมืองไซ่ง่อนได้ องบากบินเวืองเจ้าเมืองหนีขึ้นไปเมืองกุยเยิน จีนทัดก็ตั้งตัวขึ้นเป็นองกงเซินนั้น ให้เลื่อนขึ้นเป็นองเทืองกงขุนนางผู้ใหญ่ ๆ กลับเป็นกบฏ คิดกันกับจีนที่เป็นพวกพ้องของตัวจะชิงเอาสมบัติเป็นเจ้าในเมืองไซ่ง่อน ฝ่ายอ้ายจูบ่าวองไชสือเสพสุราเมาไปเที่ยวนอนอยู่โรงจีน ได้ยินพวกจีนเล่าให้กันฟัง ว่าบัดนี้องเทือกกงจะคิดฆ่าองไชสือเสีย อ้ายจูจึงรีบเอาความมาบอกกับองไชสือ องไชสือรู้ตัวแล้วจึงคิดเป็นอุบายให้กั้นม่านไว้ที่ตนอยู่สามชั้น แล้วให้คนสนิทถืออาวุธเตรียมอยู่ในม่านประมาณ ๒๐๐ คน องไชสือทำเป็นป่วยนอนอยู่ในม่าน แล้วสั่งคนสนิทว่าถ้าองเทืองกงเข้ามาเยี่ยมถึงม่านชั้นใน ถ้าคิดกบฏจริงก็คงจะมียาพิษมาให้เรากิน เราก็จะรับถ้วยยาเทเสียในกระโถน แล้วจะดีดเคาะกระโถนเข้าเป็นสำคัญ ท่านทั้งปวงจงรุมกันเข้าจับตัวองเทืองกงฆ่าเสียเถิด ฝ่ายองเทืองกงรู้ว่าองไชสือป่วยก็ทำยาพิษใส่ถ้วยถือไป หมายจะให้องไชสือกินจะให้ตายเสีย พอเข้าไปถึงม่านชั้นใน องไชสือจึงทักว่าท่านมาเยี่ยมเราหรือ องเทืองกงตอบว่า ข้าพเจ้ารู้ความว่าท่านจึงขึ้นมาเยี่ยมจะเอายามาให้กินด้วยท่านจึงจะหายโดยเร็ว ครั้นว่าแล้วจึงส่งถ้วยยาให้องไชสือ องไชสือก็เห็นความจริงเมือนอย่างคิดไว้ จึงรับเอาถ้วยยามาเทเสียแล้วเคาะกระโถนขึ้นตามสัญญา คนสนิทได้ยินแล้วก็เข้ามากลุ้มรุมจับองเทืองกงได้แล้วเอาไปฆ่าเสีย แล้วองไชสือจึงสั่งว่าแต่บรรดาจีนที่เป็นพวกองเทืองกงนั้นให้จับฆ่าเสียให้สิ้น
|
|
ฝ่ายจีนแจ จีนเล็กเป็นพ่อค้าผู้ใหญ่ในเมืองไซ่ง่อนจึงมาว่ากับองไชสือว่า ซึ่งท่านจะให้ฆ่าพวกจีนในเมืองไซ่ง่อนเสียนั้น นานไปพวกจีนจะกลัวจะไม่มาค้าขายในเมืองไซ่ง่อน บ้านเมืองจะร่วงโรยไป กับประการหนึ่งพวกจีนในเมืองไซ่ง่อนถ้ารู้ว่าท่านสั่งให้จับฆ่าแล้วก็จะชักชวนกันเป็นกระบวนขึ้น การศึกข้างองไกรเซินก็ยังติดพันกันอยู่ ขอให้ท่านเอาใจพวกจีนเหล่านี้ไว้ก่อน องไชสือก็เห็นชอบด้วยจึงให้งดไว้
|
|
ครั้นอยู่มาองไกรเซินจึงจัดขุนนางนายทหารคุมพล ๓๐๐๐ ยกมาทางบก จะตีเมืองไซ่ง่อนจับองไชสือฆ่าเสีย องไชสือรู้ตัวก็ให้จัดเรือใบพาครอบครัวหนีมาจากเมืองไซ่ง่อนจะเข้ามาพึ่งพระบารมีอยู่ ณ กรุงเทพฯ ครั้นมาถึงเกาะกระบือได้ความว่าองเชียงฉุนเป็นอาของตัวเข้าไปอยู่ ณ กรุงเทพฯ เจ้าตากฆ่าเสีย องไชสือก็กลัวหาอาจเข้ามา ณ กรุงเทพฯ ไม่ จึงยั้งอยู่ที่เกาะกระบือ แขวงเมืองกระโพงสม ครั้นอยู่มาพระยาชลบุรีกับพระระยองออกไปตามปังกะลิมา แขกซึ่งหนีออกไปแต่กรุง ฯ ไปถึงเกาะกระบือจึงพบกับองไชสือ องไชสือเล่าความให้พระยาชลบุรี พระระยอง พระยาชลบุรี พระระยองจึงชวนองไชสือเข้ามากรุง ฯ องไชสือจึงตอบว่ากลัวจะเข้าไปตายเสียเหมือนองเชียงฉุน พระยาชลบุรี พระยาระยองจึงว่า บัดนี้ที่กรุงเทพฯ เปลี่ยนแผ่นดินใหม่ เจ้าตากนั้นตายเสียแล้ว พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ของเรามีพระทัยโอบอ้อมแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินและนานาประเทศทั้งปวง ท่านจงเข้าไปเถิดหาเป็นอันตรายไม่ องไชสือจึงหมายว่าพระยาชลบุรีจะเป็นที่พึ่งได้ จึงฝากตัวเป็นบุตรเลี้ยงพระยาชลบุรี องไชสือนั้นปีมะเมียอายุได้ ๓๓ ปี พระยาชลบุรี พระระยอง จึงพาองไชสือกับครอบครัวเข้ามากรุง ฯ ในเดือน ๔ ปีขาลจัตวาศก จึงแจ้งความกับท่านเสนาบดีว่าองไชสือคนนี้เป็นหลานเจ้าเมืองเว้ บ้านเมืองเสียแก่องไกรเซิน จะขอเข้ามาพึ่งพระบารมีกับครอบครัวชายหญิงใหญ่น้อย ๑๕๐ คน ครั้นเสนบดีเอาเนื้อความขึ้นกราบทูล จึงโปรดให้องไชสือกับพวกพ้องลงไปตั้งบ้านเรือนอยู่ ณ ตำบลต้นสำโรงคอกควาย พระราชทานเบี้ยหวัดให้ปีละ ๕ ตำลึง และเครื่องยศ พานหมาก คนโท กลดคันสั้น ชุบเลี้ยงเหมือนเข้าเขมร ให้เฝ้าข้างพระเฉลียงท้องพระโรงด้านตะวันตก นั่งขัดสมาธิ์ตามเพศญวนเสมอหน้ากับเจ้ากรมพระตำรวจ มารดาองไชสือกับองโดยองดาขุนนางซึ่งเข้ามาด้วยนั้น ก็ได้รับเบี้ยหวัดตามสมควร แล้วโปรดตรัสสั่งไปถึงเจ้าเมืองกรรมการด่านปากน้ำว่าพวกญวนจะเข้าออกไปมาหากินตามท้องทะเลอย่าให้กักขังห้ามปรามเป็นอันขาด
|
ฝ่ายองยากพี่ชายองดามน้องชายก็คุมไพร่พลอยู่ในป่า จึงพูดจาว่าองเทิงกวางเจ้าเมืองเว้คนนี้หาอยู่ในยุติธรรมไม่ เราจะคิดกำจัดเสีย จะยกหวางตนซึ่งเป็นบุตรรองดิกหมูขึ้นเป็นเจ้าจึงจะควร และองหวางตนคนนี้มีคนรักมาก เพราะดังนั้นคนทั้งปวงก็เห็นด้วยพี่น้องทั้งสาม พี่น้องทั้งสามก็ตั้งแข็งเมืองกวางนำไว้ ความรู้ไปถึงเจ้าเมืองเว้ เจ้าเมืองเว้จึงให้องภ้อมาเป็นแม่ทัพ คุมกองทัพมาตีเมืองกวางนำ องบายผู้สำเร็จราชการเมืองกวางนำก็มีหนังสือไปเกลี้ยกล่อมองภ้อมาเป็นแม่ทัพ ว่าจะคิดเอาราชสมบัติให้กับองหวานตน องภ้อมาเป็นแม่ทัพเห็นด้วย จึงยอมเข้าด้วยองบาย องบายก็มีหนังสือไปถึงองยากพี่ชาย องดามน้องชายให้ยกพวกโจรและคนเข้าเกลี้ยกล่อมเข้าสมทบกับกองทัพองภ้อมา องบายก็เป็นแม่ทัพคุมคนเมืองกวางนำไปด้วย ก็เข้าตีเอาเมืองเว้ได้ องเทิงกวางเจ้าเมืองเว้และองเชียงฉุนน้องชาย กับองยาบา องไชสือ องหมัน ก็ลงเรือหนีมาอยู่เมืองไซ่ง่อน แต่องหวานตนไม่หนีเพราะรู้ข่าวว่าเขาจะยกตัวขึ้นเป็นเจ้า องทั้งสามได้เมืองเว้แล้ว ก็ให้เอาตัวองหวางตนไปไว้เมืองกุยเยิน องหวานตนเห็นว่าองทั้งสามไม่สุจริตคิดเป็นอุบายจะเอาราชสมบัติเอง ก็ไม่ไว้ใจจึงหนีลงมาอยู่เมืองไซ่ง่อนกับองเทิงกวางด้วยกัน องเทิงกวางปรึกษากับพี่น้องและขุนนางทั้งปวงว่าจะยกองหวางตนผู้หลานขึ้นเป็นเจ้าเมืองไซ่ง่อน จะได้เกณฑ์กองทัพไปตีเอาเมืองเว้คืน กองทัพเมืองไซ่ง่อนยังไม่ทันจะยกไป องทั้งสามก็ยกทัพมาตีเมืองไซ่ง่อนได้ จับองเทิงกวาง องหวานตนฆ่าเสีย องเชียงฉุนนั้นหนีมาตั้งอยู่เมืองพุทไธมาศ
|
|
องเชียงฉุนมีบุตรชายชื่อองกลัด บุตรหญิงชื่อหมูเส พวกไยเรียกว่า โกเงิน ขณะนั้นเจ้ากรุงไทยคือเจ้าตากยกกองทัพออกไปตีเมืองพุทไธมาศ องเชียงฉุนกับพวกพ้องก็เข้ามาฝากตัวอยู่กับเจ้าตาก ณ กรุงเทพฯ ครั้นภายหลังคิดจะหนีกลับไปเมืองญวน เจ้าตากรู้ให้ประหารชีวิตองเชียงฉุนกับพวกพ้องเสีย ฝ่ายองยาบาพี่ องหมันน้อง กับองไชสือ หนีอยู่ในป่าแขวงเมืองไซ่ง่อน องทั้งสามสืบรู้ให้ไปจับได้อลยาบา องหมันพี่น้องสองคนให้ประหารชีวิตเสีย แต่องไชสือหนีไปได้ องยากได้เมืองไซ่ง่อนแล้วก็ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้าชื่อองไกรเซิน ครองราชสมบัติอยู่ ณ เมืองกุยเยิน องบายน้องกลางได้เป็นเจ้าชื่อบากบินเวืองเป็นใหญ่อยู่เมืองไซ่ง่อน องดามน้องน้อยเป็นเจ้าชื่อล่องเยืองอยู่รักษาเมืองเว้ ฝ่ายองล่องเยืองซึ่งเป็นเจ้าเมืองเว้คิดจะไปตีเมืองตังเกี๋ย จึงทำอุบายเขียนชื่อองไชสือหลานเจ้าเก่าลงในธง ให้ทหารพูดจากันว่าทัพองไชสือยกมา เจ้าเมืองตังเกี๋ยและขุนนางราษฎรก็ยินดี สำคัญว่าเป็นทัพองไชสือจึงเปิดประตูเมืองรับ องลองเยืองเข้าเมืองตังเกี๋ยได้ ให้จับแต่บรรดาพี่น้องเจ้าเมืองฆ่าเสีย ตัวเจ้าเมืองตังเกี๋ยนั้นรากเลือดตาย มหาอุปราชก็เชือดคอตาย องลองเยืองจึงตั้งให้องเจียวทุงบุตรองกวางตรีหลานเจ้าเมืองตังเกี๋ย องลองเยืองก็เก็บเอาทรัพย์สิ่งของปืนใหญ่น้อย เครื่องศัตราวุธมาเสียสิ้น องเจียวท่งคิดแค้นก็มีหนังสือขึ้นไปให้กราบทูลเจ้าเมืองกรุงจีน เจ้าเมืองกรุงจีนให้จงตกเป็นแม่ทัพมารบกับองลองเยือง องลองเยืองก็ยกไปตีทัพเมืองจีนแตกไป องเจียวท่งเจ้าเมืองตังเกี๋ยกับพรรคพวกก็อพยพหนีไปอยู่ ณ เมืองจีน องลองเยืองจึงตั้งองกะวิบุตรหัวปีของตัวให้เป็นเจ้าเมืองตังเกี๋ย แล้วองลองเยืองก็กลับลงมาอยู่เมืองเว้ ครั้นภายหลังองลองเยืองป่วยตาย เสนาบดีจึงยกกองกลัดบุตรที่ ๒ ขึ้นเป็นเจ้าเมืองเว้สืบวงศ์ต่อไป
|
|
ฝ่ายองไชสือเมื่อแตกทัพนั้นพลัดกันกับพี่น้องจึงหนีไปอยู่ที่บ้านป่าชื่อบ้านไกเต๋า เป็นบ้านเขมรลับแลขัดสนด้วยเสบียงอาหาร จึงใช้อ้ายจูผู้เป็นบ่าวสนิทให้ไปเที่ยวหาเสบียงอาหารมาสู่กันกิน อ้ายจูลงเรือไปที่เมืองเตกเชียะ จึงไปบอกกับองตนรีเจ้าเมืองเตชียะว่าองไชสือมาอาศัยอยู่ที่บ้านไกเต๋าอยู่ในป่าอดอยากลำบากนัก องตรีเจ้าเมืองเตชียะครั้นรู้ความก็จัดแจงเสบียงอาหารให้อ้ายจูมา แล้วจึงสั่งอ้ายจูว่าถ้าสิ้นเสบียงเมื่อไรก็ให้มาเอาอีกจะจัดแจงให้มิให้ขัดสน แต่องไชสือมาอาศัยอยู่ที่บ้านเขมรลับแลนั้นประมาณ ๓ ปี ๔ ปี พวกญวนไปเที่ยวตีผึ้งในป่าหลายพวก รู้ว่าองเชียงสือลูกหลานเจ้านายมาอยู่ที่บ้านนั้นได้ความลำบาก ก็ชวนกันแบ่งเสบียงอาหารไปให้ทุกพวก ส่วนจีนทัดกับพวกญวนตีผึ้งคิดอ่านกันว่าองไกรเซินคิดกบฏจับเจ้านายเราฆ่าเสีย ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้าเมืองเว้ บัดนี้องไชสือหลานเจ้านายเราหนีมาอาศัยอยู่ในป่าได้ความลำบากนัก เราจะคิดอ่านตีเอาบ้านเอาเมืองคืนให้องไชสือให้จงได้ จีนทัดจึงคิดอ่านเกลี้ยกล่อมชักชวนพวกจีนพวกญวนในเมืองไซ่ง่อน ครั้นได้พวกพ้องมากก็ยกเข้าตีเมืองไซ่ง่อนได้ องบากบินเวืองเจ้าเมืองหนีขึ้นไปเมืองกุยเยิน จีนทัดก็ตั้งตัวขึ้นเป็นองกงเซินนั้น ให้เลื่อนขึ้นเป็นองเทืองกงขุนนางผู้ใหญ่ ๆ กลับเป็นกบฏ คิดกันกับจีนที่เป็นพวกพ้องของตัวจะชิงเอาสมบัติเป็นเจ้าในเมืองไซ่ง่อน ฝ่ายอ้ายจูบ่าวองไชสือเสพสุราเมาไปเที่ยวนอนอยู่โรงจีน ได้ยินพวกจีนเล่าให้กันฟัง ว่าบัดนี้องเทือกกงจะคิดฆ่าองไชสือเสีย อ้ายจูจึงรีบเอาความมาบอกกับองไชสือ องไชสือรู้ตัวแล้วจึงคิดเป็นอุบายให้กั้นม่านไว้ที่ตนอยู่สามชั้น แล้วให้คนสนิทถืออาวุธเตรียมอยู่ในม่านประมาณ ๒๐๐ คน องไชสือทำเป็นป่วยนอนอยู่ในม่าน แล้วสั่งคนสนิทว่าถ้าองเทืองกงเข้ามาเยี่ยมถึงม่านชั้นใน ถ้าคิดกบฏจริงก็คงจะมียาพิษมาให้เรากิน เราก็จะรับถ้วยยาเทเสียในกระโถน แล้วจะดีดเคาะกระโถนเข้าเป็นสำคัญ ท่านทั้งปวงจงรุมกันเข้าจับตัวองเทืองกงฆ่าเสียเถิด ฝ่ายองเทืองกงรู้ว่าองไชสือป่วยก็ทำยาพิษใส่ถ้วยถือไป หมายจะให้องไชสือกินจะให้ตายเสีย พอเข้าไปถึงม่านชั้นใน องไชสือจึงทักว่าท่านมาเยี่ยมเราหรือ องเทืองกงตอบว่า ข้าพเจ้ารู้ความว่าท่านจึงขึ้นมาเยี่ยมจะเอายามาให้กินด้วยท่านจึงจะหายโดยเร็ว ครั้นว่าแล้วจึงส่งถ้วยยาให้องไชสือ องไชสือก็เห็นความจริงเมือนอย่างคิดไว้ จึงรับเอาถ้วยยามาเทเสียแล้วเคาะกระโถนขึ้นตามสัญญา คนสนิทได้ยินแล้วก็เข้ามากลุ้มรุมจับองเทืองกงได้แล้วเอาไปฆ่าเสีย แล้วองไชสือจึงสั่งว่าแต่บรรดาจีนที่เป็นพวกองเทืองกงนั้นให้จับฆ่าเสียให้สิ้น
|
|
ฝ่ายจีนแจ จีนเล็กเป็นพ่อค้าผู้ใหญ่ในเมืองไซ่ง่อนจึงมาว่ากับองไชสือว่า ซึ่งท่านจะให้ฆ่าพวกจีนในเมืองไซ่ง่อนเสียนั้น นานไปพวกจีนจะกลัวจะไม่มาค้าขายในเมืองไซ่ง่อน บ้านเมืองจะร่วงโรยไป กับประการหนึ่งพวกจีนในเมืองไซ่ง่อนถ้ารู้ว่าท่านสั่งให้จับฆ่าแล้วก็จะชักชวนกันเป็นกระบวนขึ้น การศึกข้างองไกรเซินก็ยังติดพันกันอยู่ ขอให้ท่านเอาใจพวกจีนเหล่านี้ไว้ก่อน องไชสือก็เห็นชอบด้วยจึงให้งดไว้
|
|
ครั้นอยู่มาองไกรเซินจึงจัดขุนนางนายทหารคุมพล ๓๐๐๐ ยกมาทางบก จะตีเมืองไซ่ง่อนจับองไชสือฆ่าเสีย องไชสือรู้ตัวก็ให้จัดเรือใบพาครอบครัวหนีมาจากเมืองไซ่ง่อนจะเข้ามาพึ่งพระบารมีอยู่ ณ กรุงเทพฯ ครั้นมาถึงเกาะกระบือได้ความว่าองเชียงฉุนเป็นอาของตัวเข้าไปอยู่ ณ กรุงเทพฯ เจ้าตากฆ่าเสีย องไชสือก็กลัวหาอาจเข้ามา ณ กรุงเทพฯ ไม่ จึงยั้งอยู่ที่เกาะกระบือ แขวงเมืองกระโพงสม ครั้นอยู่มาพระยาชลบุรีกับพระระยองออกไปตามปังกะลิมา แขกซึ่งหนีออกไปแต่กรุง ฯ ไปถึงเกาะกระบือจึงพบกับองไชสือ องไชสือเล่าความให้พระยาชลบุรี พระระยอง พระยาชลบุรี พระระยองจึงชวนองไชสือเข้ามากรุง ฯ องไชสือจึงตอบว่ากลัวจะเข้าไปตายเสียเหมือนองเชียงฉุน พระยาชลบุรี พระยาระยองจึงว่า บัดนี้ที่กรุงเทพฯ เปลี่ยนแผ่นดินใหม่ เจ้าตากนั้นตายเสียแล้ว พระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ของเรามีพระทัยโอบอ้อมแก่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินและนานาประเทศทั้งปวง ท่านจงเข้าไปเถิดหาเป็นอันตรายไม่ องไชสือจึงหมายว่าพระยาชลบุรีจะเป็นที่พึ่งได้ จึงฝากตัวเป็นบุตรเลี้ยงพระยาชลบุรี องไชสือนั้นปีมะเมียอายุได้ ๓๓ ปี พระยาชลบุรี พระระยอง จึงพาองไชสือกับครอบครัวเข้ามากรุง ฯ ในเดือน ๔ ปีขาลจัตวาศก จึงแจ้งความกับท่านเสนาบดีว่าองไชสือคนนี้เป็นหลานเจ้าเมืองเว้ บ้านเมืองเสียแก่องไกรเซิน จะขอเข้ามาพึ่งพระบารมีกับครอบครัวชายหญิงใหญ่น้อย ๑๕๐ คน ครั้นเสนบดีเอาเนื้อความขึ้นกราบทูล จึงโปรดให้องไชสือกับพวกพ้องลงไปตั้งบ้านเรือนอยู่ ณ ตำบลต้นสำโรงคอกควาย พระราชทานเบี้ยหวัดให้ปีละ ๕ ตำลึง และเครื่องยศ พานหมาก คนโท กลดคันสั้น ชุบเลี้ยงเหมือนเข้าเขมร ให้เฝ้าข้างพระเฉลียงท้องพระโรงด้านตะวันตก นั่งขัดสมาธิ์ตามเพศญวนเสมอหน้ากับเจ้ากรมพระตำรวจ มารดาองไชสือกับองโดยองดาขุนนางซึ่งเข้ามาด้วยนั้น ก็ได้รับเบี้ยหวัดตามสมควร แล้วโปรดตรัสสั่งไปถึงเจ้าเมืองกรรมการด่านปากน้ำว่าพวกญวนจะเข้าออกไปมาหากินตามท้องทะเลอย่าให้กักขังห้ามปรามเป็นอันขาด
|
|
|
|
| | |
|