พระราชหัตถเลขา เรื่à¸à¸‡à¹€à¸ªà¸”็จประพาสลำน้ำมะขามเฒ่า เมื่ภพ.ศ. ๒๔๕๑
จาก ตู้หนังสือเรือนไทย
เนื้อหา | 
ข้อมูลเบื้องต้น
แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
บทประพันธ์
จดหมายฉบับที่ ๑
หน้าที่ว่าการมณฑลนครสวรรค์
วันที่ ๑๕ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๗
ใบบอกแจ้งความมายังมกุฎราชกุมาร ให้ทราบ
ระยะทางที่มาโดยรถไฟได้เป็นว่าน้ำมาก แต่ไม่ใช่มากข้าวล่ม แลเห็นน้ำเปล่าน้อย  เต็มไปด้วยข้าวตลอดหนทาง ผักชวาในทุ่งนี้ได้ทำลายลงเสียมากจนโปร่งตา แต่ก็ยังเหลือ จะต้องทำลายต่อไปอีกมาก พิเคราะห์ดูแพและเรือค้าขายในแควใหญ่โรยไปมาก  นึกสงสัยว่าจะเป็นด้วยรถไฟพิษณุโลกทำให้เมืองนครสวรรค์ไม่เป็นท่าสำคัญ  เพราะสินค้าขึ้นไปทางรถได้สะดวกกว่า  ครั้นถามคนค้าขาย  กล่าวคือยายพลอยที่เป็นคนชอบกัน  บอกว่าไม่เชิงจะร่วงโรยด้วยรถไฟ เป็นด้วยราคาเงินบางกอก บรรทุกของลงไปจำหน่ายไม่มีกำไร เวลาเย็นได้มาพักที่แพหน้าที่ว่าการ  ตลิ่งน้ำท่วมไปหมดทั้งนั้น  เรือพายได้เวลากลางคืนฝนตกหนัก  อากาศเย็น  ไม่มียุง
วันพฤหัสบดีที่ ๑๕  เวลาเช้าโมง ๑ ได้ลงเรือครุฑเหิรเห็จขึ้นไปทางแควใหญ่  แล้วไปทางลำน้ำเชียงไกร ลำน้ำนี้ยังกว้างน้ำก็ลึก  เรือพายม้าเดินได้ในฤดูแล้งตลอดปี  สองข้างเป็นป่าไม้กระเบาเป็นพื้น  มีเรือขึ้นล่องเนือง ๆ บ้านเรือนรายกันไป  ได้ผ่านบ้านขี้ทูด  ทีจะเป็นตำบลที่พวกโรคเรื้อนอาศัยอยู่ก่อน มีบ้านเรือนหลายหลัง  ต่อไปจนถึงตำบลบ้านพะหลวง  มีบ้านเรือนมากขึ้นหน่อย  อยู่แพกันเป็นพื้น   ได้แวะที่วัดพะหลวง  วัดนั้นก็อยู่บนแพ  มีแพโบสถ์หลัง ๑  แพการเปรียญหลัง ๑ แพกุฎิ ๓ หลัง  ที่นั้นนำลึกกว่าทุกแห่ง  เดี๋ยวนี้ถึง ๑๑ ศอกเป็นที่ประชุมปลาอาศัยมาก  มีปลาเทโพตัวใหญ่ ๆ  ในฤดูนี้  แต่เมื่อถึงฤดูปลาขึ้นเหนือ  ปลาเทโพขึ้นไปเหนือปลาบ้าเข้ามาอยู่แทน  เพราะเป็นที่พ้นอันตรายไม่มีใครไปทำร้าย  มีพระสงฆ์อยู่ ๖ รูป  เป็นพวกข้างเหนือ ๕ รูป มาแต่กรุงเทพฯ  ๑ แต่อุโบสถไม่ได้ทำเพราะไม่มีผู้สวดปาฏิโมกข์ได้ พระสงฆ์ลงไปรวมทำอุโบสถที่วัดปากน้ำในแควใหญ่  วิธีจองกฐินของเขาชอบกล เขียนลงในกระดาษปิดไว้ที่เสาแพการเปรียญว่าผู้นั้นจองกฐินจะทอดกลางเดือน ๑๒ ไตร ๓ บริขารสำรับ ๑ อันดับองค์ละ ๔ บาท  ถ้าผู้ใดจะถวายมากกว่านี้เชิญท่านทอดเถิด  ตามัคนายกแกบอกว่า ทำเช่นนี้ไม่เป็นการขัดลาภสงฆ์ มัคนายกผู้นี้คือนายดัด  เป็นชาวเมืองอ่างทอง  ขึ้นมาตัดฟืนแล้วเลยจอดแพอยู่ที่นี่
การหากินทำปลาเป็นพื้นของท้องที่  เหตุด้วยในลำน้ำนี้มีปลาชุม  ส่วนผู้อื่นที่ขึ้นมาหากินในที่นี้ตัดฟืนเป็นพื้น  การตัดฟืนใช้จ้างลูกจ้างลาว เหมาปีละชั่ง  กินอยู่เป็นของผู้จ้าง  แต่ถ้าอยู่ไม่ครบปีไปเสียก่อนไม่ต้องให้อะไรเลยได้ฟืนเปล่า  จึงเป็นอันได้ความว่าด้วยเหตุนี้นี่เองเป็นเรื่องให้พวกลาวละทิ้งการรับจ้างทำนาที่คลองรังสิต  ด้วยเจ้าของนาหรือนายกองนาคิดอ่านโกงพวกลาว  ค่าจ้างไม่ได้จ่ายให้เป็นรายเดือน ๆ ต่อครบปีจึงจ่ายชั่ง ๑ ทีเดียว  เมื่องทำงานมาได้หลายเดือนจวนสิ้นปีแล้วกวนให้พวกลาวนั้นได้ความลำบากเบื่อหน่ายละทิ้งงานไปเสีย ก็ไม่ต้องให้ค่าจ้าง  หรืออีกอย่างหนึ่งถึงกำหนดแล้วก็ผัดไป  เมื่อลาวไม่ได้เงินก็ไปไม่ได้  ครั้นเบื่อหน่ายเข้าต้องละทิ้งไป  ผู้จ้างก็ยังได้กำไรมากขึ้น  ผู้ที่ทำการโดยซื่อตรงเช่นตาดัด  อ้างว่าตัวเป็นคนซื่อตรง  ว่าพวกลาวเหล่านี้ทำงานแข็งแรง  และอยู่ด้วย ๓ ปี  จึงกลับไปบ้านครั้งหนึ่ง  อยู่บ้านเดือนเดียวก็กลับมาใหม่  ไม่ยากในการที่จะหาจ้าง  ฟืนขายราคาที่ในลำน้ำนั้นพันละ ๗ บาท ๘ บาท ถ้าต้องล่องลงมาส่งข้างนอกขึ้นไปพันละ ๑๐ บาท
ได้เรียกลาวมาพูดด้วย ๔ คน มาจากเขมราฐ ๒ คน อุบล ๑ คน ศรีสะเกษ คน ๑ ถามได้ความว่า หากินอะไรไม่สู้เป็นลูกจ้างทำทางรถไฟได้ถึงเดือนละ ๒๕ บาท ได้เสมอ  จึงได้ถามว่าเหตุใดไม่ทำงานทางรถไฟต่อไป  บอกว่าได้มากก็จริงแต่มีที่เสียมาก  อยู่ด้วยกันมาก ๆ อดเล่นคู่คี่ไม่ได้  เก็บเงินไม่อยู่ ที่หลีกมาหากินเช่นนี้ เมื่อได้เงินคราวเดียวมากก็ได้กลับไปบ้านเจ้านี่อยู่กันมา ๒ ปีแล้ว  ปีหน้าจะไปบ้าน  การที่ไปบ้านชั่วแต่เอาเงินไปให้บิดามารดาบุตรภรรยา  ที่จะไปหากินในเมืองลาวไม่ใคร่ได้อะไร  ลำบากมาก  รับยืนยันว่านายดัดเป็นคนซื่อตรงให้เงินจริง ๆ ฟืนนั้นโดยมาตัดลงไว้ก่อนน้ำมา  เมื่อน้ำมาแล้วจมอยู่ในน้ำต้องดำขึ้นมารอนเป็นขนาดดุ้นฟืน  ถ้าหากว่ารอนหมดในฤดูน้ำ  ก็ไปตัดได้ทั้งกำลังน้ำ
เวลาที่ไปนี้มีแต่ลาว ๔ คน กับผู้ใหญ่ ๓ คน  นอกนั้นลงไปอยู่ที่วัดเขาบวชนาคซึ่งยังเหลือคนอยู่  เพราะเหตุที่กำลังทำธรรมมาสน์จะมีมหาชาติเทศน์ซ้อน  แต่ยังมีความปรารถนาเป็นอันมากที่จะเห็นฟ้า และบอกให้อนุโมทนาในเรื่องที่ได้ออกเงินหล่อรูปฟ้า  พรรณนาถึงบุญคุณของฟ้าที่มีแก่ราษฎรเป็นอันมาก และการที่ได้ออกเงินหล่อรูปท่านไว้คงจะได้บุญมาก  และจะมีความจำเริญแก่ตัว ความปรารถนามีอย่างเดียว  แต่จะใคร่เห็นตัวฟ้า  กรมหลวงดำรงเห็นบ่นคร่ำครวญนำ  จึงชี้ตัวฟ้าให้เป็นที่ชื่นชมยินดีต้องไปหาธูปมาบูชา  และรับพาเด็กมารับเสมา  คุยเอ็ดว่าดีกว่าพวกที่ลงไปถึงเขาบวชนาค  เพราะเหตุที่ตัวมุ่งหมายจะทำบุญ  กุศลส่งให้ฟ้าขึ้นมาถึงที่ได้เห็นสมประสงค์  ได้แจกเงินพระแล้ให้เงินสำหรับซื้อไม้ยัดแพต่างหากอีก ๗๐ บาท  และล่องกลับมาจอดที่หน้าวัดเขาซึ่งราษฎรมาประชุมกันอยู่ที่นั้น  น้ำท่วมสะพานหมด  ไม่มีที่จะยืนต้องจอดเรืออยู่  แต่ราษฎรแข่งเรือกันสนุกสนานมาก  การแข่งเรือที่นี้มาแต่เช้า  แข่งเรือกันทอดหนึ่งแล้วขึ้นไหว้พระ  ทักษิณแล้วกลับลงมาแข่งเรืออีกทอดหนึ่ง  ค่อย ๆ โรยกันไปตามบ้านไกลบ้านใกล้  พวกที่ทวนน้ำก็ไปก่อน  พวกที่ตามน้ำไปทีหลังไม่มีเรืออยู่เกินบ่าย ๓ โมง
แม่น้ำเชียงไกรนี้  เป็นทางซึ่งไปขึ้นแม่ยมไปสุโขทัย  สวรรคโลกได้ในพงศาวดารว่าเสด็จไปตีเชียงไกรเชียงกรานคงเป็นทางลำน้ำนี้  แต่เมืองจะอยู่แห่งใดถามยังไม่ได้ความ  เพราะผู้ที่อยู่ในที่นี้เป็นคนมาจากอื่นได้ความแต่ว่า  ถ้าจะไปบางคลาน  อำเภอเมืองพิจิตร  คงจะถึงในเวลาพลบค่ำ  ได้ทำคำสั่งเรื่องที่จะตรวจสอบแม่น้ำเก่า  ซึ่งเธอคงจะได้รับฉบับหนึ่งต่างหาก
เวลาบ่ายได้ขึ้นบกหน้าที่ว่าการ  น้ำลดลงไปมากจนเป็นแผ่นดินไป  ลงเรือพายหลังที่ว่าการ  เพราะเป็นที่ลุ่มลึกมากตัดไปในทุ่งข้าวในเชิงเทินเมือง ในเมืองเป็นที่ดอน  แต่มีสายน้ำหักแทงเข้าไปตามหนทาง  ไหลเชี่ยวเป็นแก่งเชิงเทินเมืองนี้ตั้งอยู่หลังวัดโพธิ์  ยังมีดินอยู่สูง ๆ มาก  ไปออกตลาดทางวัดโพธิ์ในถนนท้องตลาดน้ำท่วม  เรือครุฑเดินได้  การขายของใช้ยกพื้นตั้งขึ้นบนพื้นเดิม แต่ที่ยกขึ้นไปไม่ได้  เช่นตู้กระจกสูง ๆ  ปล่อยให้แช่อยู่ในน้ำ  ตั้งแต่ท่วมมาประมาณสัก ๑๕ วันแล้ว  เขาว่าน้ำเหมือนกับศก ๑๒๒ เคยท่วมเท่านี้ ขากลับล่องลงมาทางข้างนอก  ฝนตั้งแต่ไม่ตก  ไม่สู้ร้อนและไม่มียุงอีกด้วย
(พระบรมนามาภิไธย)  สยามินทร์
พระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้สำรวจลำน้ำเก่า
วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๗
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินประพาสลำน้ำมะขามเฒ่า  ประทับอยู่หน้าที่ว่าการมณฑลนครสวรรค์  ทรงพระราชดำริว่าจดหมายเหตุการณ์ในพระราชอาณาจักรกรุงสยามนี้ มีข้อความซึ่งกล่าวถึงเมืองและตำบลอันไม่มีปรากฏว่าอยู่แห่งใด เช่นเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปตีเชียงไกรเชียงกรานนั้นอย่างหนึ่ง  ตำบลซึ่งแลเห็นปรากฏว่าเป็นมหานครใหญ่แต่ดอนเขินรกร้าง  ไม่เห็นมีท่าทางที่จะเป็นเมืองใหญ่ได้ เช่นพระปฐมเจดีย์ เมืองนครชัยศรี  เป็นตัวอย่างเมืองซึ่งเมื่อ ๔๓ ปีมานี้  เรือพระที่นั่งกลไฟอรรคราชวรเดชขึ้นไปจอดได้หน้าเมือง  ได้เสด็จพระราชดำเนินตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไปในเรือพระที่นั่ง  เดี๋ยวนี้ขึ้นไปอยู่ในดอนไม่มีทางเรือที่จะขึ้นไปถึงได้  เช่นนี้เป็นตัวอย่าง
ได้ทรงพระราชดำริเห็นมานานแล้วว่า  จดหมายเหตุการณ์ของเราไม่มีแห่งใดได้เอาใจใส่เรื่องน้ำเปลี่ยนสาย  จดหมายลงไว้อย่างไร  คนภายหลังก็จะคิดค้นหาลู่ทางให้เหมือนอย่างที่ได้จดหมายลงไว้แต่ก่อน  เมื่อค้นไปไม่เห็นจริงก็ไม่เชื่อ  เรื่องที่เล่านั้นก็ไม่เป็นที่พอใจที่จะพิจารณาต่อไป  อีกฝ่ายหนึ่งนั้นย่อมปรากฏรู้อยู่ด้วยกันโดยมาก  ว่ามีลำน้ำเก่า  ลำน้ำด้วนอยู่เป็นหลายแห่ง  แต่ก็ไม่มีผู้ใดพิจารณาให้เป็นหลักฐานว่า ลำน้ำนั้นเดิมอย่างไรจึงเป็นลำน้ำใหญ่  ด้วนเขินไปด้วยเหตุไร  เมื่อครั้งใด  เพราะเหตุที่ไม่ได้พิจารณาลำน้ำสอบกับท้องเรื่องจดหมายโบราณพงศาวดารหรือจดหมายเหตุจึงได้สาบสูญลืมและเลือนไปเสียเป็นอันมาก  ได้รับสั่งเตือนพระยาโบราณบุรานุรักษ์ให้สืบสวนเรื่องนี้มานานแล้ว
บัดนี้  ทรงพระราชดำริว่า แต่ลำพังข้าหลวงเทศาภิบาล หรือผู้ว่าราชการเมืองเฉพาะมณฑลจะสอบสวน  คงจะเนิ่นช้าและบางทีจะไม่สำเร็จเป็นประโยชน์ได้ จึงทรงพระราชดำริว่าพระยาศรีสหเทพเป็นผู้เข้าใจชำนาญในการแผนที่  ควรจะให้เป็นผู้ทำแผนที่แม่น้ำเก่าและใหม่  เป็นหน้าที่สำหรับรวมการสอบสวนอยู่แห่งหนึ่ง
ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชมกุฎราชกุมาร  ซึ่งปรากฏว่าเคยเอาพระทัยใส่สอบสวนมาแล้วในมณฑลซึ่งเป็นอาณาจักรเฉลียง  และพระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงดำรงราชานุภาพ  เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย  พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นมรุพงศ์ศิริพัฒน์  ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลปราจีน  
พระยาสุนทรบุรี ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลนครชัยศรี  พระยาโบราณบุรานุรักษ์  ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่า  พระยาอมรินทรฦาชัย  ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลนครสวรรค์  พระยาอุทัยมนตรี  ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลพิษณุโลก  พระยาเทพาธิบดี  ข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลเพชรบูรณ์  พระวิเชียรปราการ ผู้ว่าราชการเมืองกำแพงเพชร ซึ่งเป็นผู้เอาใจใส่สอบสวนอยู่ก่อนแล้ว  ให้ต่างมณฑลต่างสอบสวนลำแม่น้ำเก่าและตำบลอันมีชื่อเสียงปรากฏซึ่งตั้งอยู่ในลำน้ำนั้น   ได้ความประการใดให้จ้างไปยังพระยาศรีสหเทพ  จะได้พิเคราะห์สอบสวนกับสายน้ำซึ่งมีอยู่ในแผนที่ให้เห็นว่าสายน้ำเดิมจะเป็นอย่างไร  เปลี่ยนแปลงตื้นตันด้วยน้ำมาร่วมกันและขาดกันอย่างไร  จะเป็นประโยชน์แก่ทางความรู้เรื่องราวในพระราชอาณาจักรเป็นอันมาก
การที่จะควรสืบสวนอย่างไร  ให้กรมหลวงดำรงราชานุภาพเป็นผู้แนะนำ  ข้าหลวงเทศาภิบาลทั้งปวงให้เข้าใจตามความที่คิดเห็น
ตัวอย่างเช่นลำน้ำมะขามเฒ่า  ทรงพระราชดำริว่า คงจะติดต่อขึ้นไปถึงลำน้ำสะแกกรัง  มีที่ไปบรรจบกับแม่น้ำน้อยในที่แห่งใดแห่งหนึ่ง  ล่องจากเมืองกำแพงเพชรอาจจะลงมาถึงเมืองอุทัยธานี  ไม่ถูกนครสวรรค์  จากอุทัยธานีลงมา  ไม่ถูกเมืองพยุหะคีรี  เมืองมโนรมย์และชัยนาท  แต่อาจจะมาถูกเมืองสรรค์  เมืองสิงห์เก่า  จนถึงวิเศษชัยชาญทางหนึ่ง  ลงมาถูกสุพรรณทางหนึ่ง  ดังนี้เป็นต้น  หรืออย่างเมืองพิจิตรขึ้นทางปากน้ำเกยชัย  ซึ่งพึ่งจะตื้นใหม่  ปรากฏเห็นอยู่ง่าย ๆ เอาตัวอย่างเช่นนี้ตั้งเป็นเกณฑ์ที่จะค้นหาท่าทางต่อไป
พระบรมราชโองการดำรัสสั่งวันที่ ๑๕ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก  ๑๒๗
