บทละครนอกเรื่องไชยเชษฐ์

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ พระราชนิพนธ์: พระบาทสมเด็จพระพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

บทประพันธ์

ตอนที่ ๑ นางสุวิญชาถูกขับไล่

ช้า
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์เรืองศรี
แต่มาอยู่ป่าพนาลีได้เจ็ดราตรีทิวาวัน
ให้หมอเฒ่าเอาช้างไปเที่ยวค้นทุกตำบลโป่งป่าพนาสัณฑ์
ไม่ประสบพบช้างตัวสำคัญจนสิ้นแดนเหมันต์พารา
ฯ ๔ คำ ฯ
ปีนตลิ่ง
๏ เมื่อพระมเหสีจะมีเหตุให้เขม่นนัยน์เนตรทั้งซ้ายขวา
พระทอดถอนหฤทัยไปมาหวนรำลึกตรึกตราถึงเวียงวัง
สงสารสุวิญชาโฉมศรีเทวีมีครรภ์อยู่ข้างหลัง
จะประสูติลูกแก้วแล้วหรือยังไม่มีที่หวังที่ไว้ใจ
นางก็ไร้สุริย์วงศ์พงศ์เผ่าใครจะเอาใจดูหูใส่
จำจะเลิกพหลพลไกรกลับคืนเข้าไปยังพารา
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
คิดพลางทางสั่งเสนีจงตระเตรียมโยธีทั้งซ้ายขวา
เร่งรัดผูกช้างผูกม้าจะคืนเข้าพาราเวลานี้
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนีรับสั่งใส่เกศี
ออกมาจัดกันทันทีพร้อมเสร็จดังมีพระบัญชา
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์ก็หรรษา
จึงสระสรงทรงเครื่องสุคนธาทรงมหาภูษิตพรายพรรณ
ครั้นเสร็จเสด็จบทจรขึ้นทรงอัสดรผายผัน
ให้ยกพวกพลช้างดั้นกันคืนเข้าเหมันต์ธานี
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา กราวนอก เชิด
๏ ครั้นถึงจึงประทับม้าทรงเสด็จลงเกยแก้วมณีศรี
พอสิ้นแสงสนธยาราตรีจรลีเข้ายังวังใน
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางนารีศรีใส
แจ้งเหตุว่าเสด็จมาแต่ไพรดีใจเปรมปริ่มยิ้มพราย
ชวนกันอาบน้ำทาแป้งจัดแจงแต่งตัวเฉิดฉาย
นุ่งยกห่มตาดนาดกรายผันผายไปเฝ้าพระภูมี
ฯ ๔ คำ ฯ เพลงช้า
๏ เมื่อนั้นองค์พระไชยเชษฐ์เรืองศรี
เห็นนางสาวสรรค์มาอัญชลีจึงปราศรัยนารีทั้งเจ็ดคน
พี่จากน้องไปคล้องคชสารทรมานนอนป่าพนาสณฑ์
เช้าค่ำรำลึกถึงนฤมลเจ้าทุกคนอยู่ดีหรือฉันใด
อันนางสุวิญชานงเยาว์พี่ฝากฝังให้เจ้าเอาใจใส่
ครรภ์นางก็แก่แต่วันไปเป็นกระไรคลอดลูกแล้วหรือยัง
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางทูลไปดังใจหวัง
ข้าทุกข์แทนนฤมลพ้นกำลังเป็นธุระระวังนั่งรำพึง
พอวันหนึ่งนางคลอดโอรสาก่อนหน้าพระเสด็จเข้ามาถึง
รูปร่างพริ้งพร้อมดั่งกล่อมกลึงงามแม้นเหมือนหนึ่งเทวดา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ฟังคำที่ร่ำว่า
เห็นทั้งท่อนไม้ใส่พานมาผ่านฟ้านิ่งอึ้งตะลึงตะไล
เสน่ห์นางเจ็ดคนเข้าดลจิตจะทันพิจารณาก็หาไม่
ให้ชึงชังสุวิญชาแล้วว่าไปจะเลี้ยงไว้ทำไมในธานี
ว่าพลางทางขยับจับพระขรรค์หมายจะไปห้ำหั่นบั่นเกศี
ลงจากแท่นแค้นใจจรลีเจ็ดนางนารีก็ตามไป
ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงเห็นนางสุวิญชายิ่งโกรธาหุนหันมันไส้
กระทืบบาทกึกก้องทั้งห้องในชี้หน้าว่าไปกับนงลักษณ์
เสียแรงเราชุบเลี้ยงถึงเพียงนี้ควรหรือมีลูกอ่อนเป็นท่อนสัก
ให้อับอายขายหน้านักหนานักสิ้นรักใคร่กันแล้วหรือวันนี้
แม้นเลี้ยงไว้ในเมืองจะเลื่องลือขึ้นชื่อว่าเป็นเมียเสียศักดิ์ศรี
ชอบแต่สังหารผลาญชีวีภูมีฮึดฮัดขัดแค้นใจ
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
โอ้
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาตัวสั่นหวั่นไหว
กันแสงพลางทางทูลภูวไนยเขาจะคิดอย่างไรเมียไม่รู้
แต่แรกเจ็บท้องร้องครวญครางเจ็ดนางมานั่งหนุนหลังอยู่
แล้วขับไล่ข้าไทมิให้ดูเมียไม่รู้ทันเท่าเขาคิดคด
นางว่าข้าไม่เคยจะคลอดลูกเอาผ้าผูกพันตาเสียมืดหมด
เมื่อแรกประสูติพระโอรสเสียงร้องปรากฏเหมือนเสียงคน
บัดนี้ลูกอ่อนเป็นท่อนไม้เพราะเขาปิดตาไว้ไม่เห็นหน
พระองค์จงคิดดูเล่ห์กลลูกคนใครห่อนเป็นท่อนไม้
เมื่อฟังคำข้างเดียวมาเกรี้ยวโกรธจะลงโทษน้องรักให้ตักษัย
เมียจะผินพักตราไปหาใครร่ำพลางสะอื้นไห้ไปมา
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ฟังคำจึงซ้ำว่า
เหม่เหม่ดูดู๋สุวิญชายังขืนกลับมาว่าเขาพาโล
ยักเยื้องพูดจาสารพัดเจ้าสำบัดสำนวนกวนโมโห
เมื่อลูกเป็นท่อนไม้ไอ้กะโตข้ามิใช่ชายโง่จะงงงวย
เจ็ดนางรักเจ้าเรารู้แจ้งว่าเขาแกล้งใส่ไคล้ไม่เห็นด้วย
อย่าพักทำกำสรดระทดระทวยจะมอดม้วยไม่ทันรุ่งพรุ่งนี้
ว่าพลางทางเรียกเสนาใครอยู่บ้างข้างหน้าเข้ามานี่
จงเอาตัวสุวิญชากาลีไปประหารชีวิตให้วายปราณ
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นเสนาคำนับรับบรรหาร
เข้าผูกรัดมัดมือเยาวมาลย์ลนลานรีบพาออกมาพลัน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาตระหนกอกสั่น
เหลียวดูภัสดาแล้วจาบัลย์ครวญคร่ำรำพันวิงวอน
ฯ ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ โอ้ว่าพระองค์ทรงเดชโปรดเกศหยุดยั้งมั่งก่อน
พระจะให้ห้ำหั่นบั่นรอนโทษกรณ์น้องนี้ไม่มีเลย
ช่างเชื่อแต่เจ็ดนางไปข้างเดียวไม่แลเหลียวดูมั่งนั่งนิ่งเฉย
แต่ก่อนร่อนชะไรก็ไม่เคยอกเอ๋ยน้องคิดเห็นผิดใจ
นางวิ่งเข้ากอดบาทภัสดาขอโทษกรณ์วอนว่ากราบไหว้
เสนาเข้าคร่าเอาตัวไปอรไทครวญคร่ำร่ำโศกา
ฯ ๖คำ ฯ โอด เชิด
ร่าย
๏ ครั้นออกมานอกทวารวังพอเห็นพี่เลี้ยงนั่งอยู่พร้อมหน้า
นางร้องเรียกไปมิได้ช้าเชษฐาโปรดด้วยช่วยน้องไว้
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นสี่พี่เลี้ยงย่างเหย่าเข้ามาใกล้
เห็นเขาจูงสุวิญชาพาไปตกใจตัวสั่นเข้ากั้นกาง
พวกเสนาว่าหลีกไปให้พ้นต่างคนฮึดฮัดขัดขวาง
พระพี่เลี้ยงชิงไว้ไม่ละวางแล้วถามว่าโทษนางเป็นอย่างไร
ฯ ๔คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นรู้แน่ตระหนักประจักษ์ความจึงห้ามเสนาว่าไม่ได้
ถ้าแม้นขืนฆ่าฟันให้บรรลัยนานไปเราร่อยจะพลอยตาย
ท่านจงหยุดยั้งรั้งรอข้าจะไปทูลขอนางโฉมฉาย
มิให้ม้วยมอดวอดวายว่าแล้วสี่นายจรลี
ฯ ๔คำ ฯ เสมอ
๏ ครั้นถึงจึงคลานเข้าไปเฝ้าก้มเกล้าประณตบทศรี
กราบทูลไปพลันทันทีพระภูมีเป็นไฉนจึงใจเบา
ธรรมดาลูกอ่อนเป็นท่อนไม้มีมั่งหรือไม่แต่ก่อนเก่า
แต่เพียงนี้มิรู้ดูเอายิ่งกว่ามัวเมามึนตึง
ธรรมดาเมียหลวงกับเมียน้อยย่อมคอยหยิบผิดคิดหวงหึง
ช่างไม่ตรองตรึกให้ลึกซึ้งเหมือนไม่รู้ถึงทันเมีย
ล้วนเหล่าริษยาเป็นอารมณ์มีแต่จะเรียกลมให้เรือเสีย
ทั้งเล่ห์กลกระทำยำเยียจะให้เขาผัวเมียได้รำคาญ
ถึงว่านางจะเป็นเช่นนั้นไซร้ก็ยังไม่ควรสั่งให้สังหาร
รู้ถึงสิงหลมิเป็นการจะมาผลาญเสียสิ้นทั้งเหมันต์
มนุษย์หรือจะสู้กับหมู่ยักษ์จะเคี้ยวเล่นเป็นผักไม่พักหั่น
พระองค์จงโปรดยกโทษทัณฑ์อย่าให้ชีวันนางมอดม้วย
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
สามเส้า
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ได้ฟังก็เห็นด้วย
จริงอยู่พี่ว่าข้างงงวยเพราะใครใครไม่ช่วงห้ามปราม
มีแต่จะเติมเสริมซ้ำจึงพลอยพล้ำเผลอไปไม่ไต่ถาม
น้องนี้โฉดเฉาเบาความนี่หากว่าพี่ห้ามจึงได้คิด
ถ้าสิงหลรู้ไปที่ไหนนั่นจะพากันย่อยยับดับจิต
ใครจะออกต่อต้านทานฤทธิ์น่าที่ชีวิตจะม้วยมรณ์
ตายแล้วหรือยังอยู่สุวิญชากลับไปให้หาเข้ามาก่อน
อย่าให้ห้ำหั่นบั่นรอนทำโทษโรธกรณ์เยาวมาลย์
ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางนั่งฟังอยู่ในม่าน
ได้ยินสี่พี่เลี้ยงทูลทัดทานว่าขานเป็นแยบก็แปลบใจ
นิ่งอยู่ดูเห็นจะเป็นรองชวนกันเผยม่านทองสองไข
โกรธาชี้หน้าแล้วว่าไรนี่อะไรมากลุ้มรุมชิงชัง
ชิชะท่านสารพัดรู้มาข่มขู่ตะคอกหลอกผู้หญิง
ลิ้นลมคมสันขยันจริงพูดแยบแอบอิงสอพลอพลอย
หรือทั้งสี่แจ้งใจว่าใครทำจึงพิดทูลปรักปรำให้ยับย่อย
ช่างซื้อหน้ามาเฝ้าทูลตะบอยข้าสิน่ากลัวน้องไปเมื่อไร
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระพี่เลี้ยงเคืองขัดอัชฌาสัย
จึงว่าข้าทูลขออรไทกลการอะไรมาโกรธฟุ้ง
ชาติวัวระวังสันหลังขาดเห็นแต่กาบินผาดก็สะดุ้ง
เรารู้อยู่เต็มใจในไส้พุงอย่าหยาบยุ่งกรุ่งกริ่งเจรจา
หากว่าภูวไนยไม่ให้ถามนางรูปงามจึงออกมาลอยหน้า
แม้นทรงฤทธิ์ให้เราพิจารณาที่ไหนเจ้าจะมาท้าทายอึง
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางพิโรธโกรธขึ้ง
จึงร้องว่าอย่าพักรำพึงข้าไม่อยากพรั่นพรึงทั้งสี่นาย
จะถามไถ่อย่างไรก็ถามกันที่จะเป็นเช่นนั้นอย่านึกหมาย
มาช่วยกันแก้หน้าว่าไม่อายเที่ยวเอาความร้ายมาบ้ายทา
ทั้งสี่นี้ดูเหมือนงูงอดจะคอยมองย่องตอดกระมังหนา
เมื่อลูกเป็นท่อนสักประจักษ์ตายังจะแค่นมีหน้าว่ากั้นกาง
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
สมิงทองไทย
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์นิ่งฟังทั้งสองข้าง
ผลกรรมจำให้เริดร้างพระเคืองข้องหมองหมางในอารมณ์
ฟังสี่พี่เลี้ยงก็เห็นชอบฟังเจ็ดนางตอบก็เห็นสม
เห็นชอบเป็นผิดคิดนิยมด้วยว่าอาคมเข้าดลใจ
พระตรัสห้ามความเสียทั้งสองข้างจะถากถางเถียงกันหาควรไม่
อันนางสุวิญชานั้นไซร้พี่ขอชีวิตไว้ก็ตามที
แต่ตัวมันนั้นอัปมังคลเร่งขับไปให้พ้นจากกรุงศรี
อย่าให้มานั่งเฝ้าเซ้าซี้แม้นช้าชีวีจะบรรลัย
ฯ ๘คำ ฯ เจรจา
ร่าย
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาได้ฟังนั่งร้องไห้
โศกศัลย์รันทดสลดใจทรามวัยไม่เป็นสมประดี
ดังหนึ่งจะพินาศขาดจิตสุดสิ้นชีวิตลงกับที่
นางเข้ากอดบาทาพระสามีโศกีครวญคร่ำร่ำไร
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้
๏ โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้วจะขับเมียเสียแล้วหรือไฉน
พระเคืองข้องน้องผิดด้วยสิ่งไรภูวไนยไม่ทรงพระเมตตา
ถึงกระไรไต่ถามความสักนิดถ้าแม้นผิดแล้วก็ตามแต่โทษา
นี่ทรงฤทธิ์ไม่พิจารณาชะรอยกรรมเวราของน้องนี้
เมื่อเมียได้กุมภามาเลี้ยงไว้ก็จากเวียงชัยไปในไพรศรี
มาเป็นบาทบริจาพระสามีพอประจบครบปีจะจำไกล
เที่ยงนางกลางคืนถึงเพียงนี้จะเดินดงพงพีกระไรได้
ตัวเป็นผู้หญิงจะวิ่งไปหนทางกลางไรพนาดร
โปรดให้เมียพักแต่สักคืนพออยู่ไฟอยู่ฟืนเสียหน่อยก่อน
ร่ำพลางนางคิดอาวรณ์สองกรข้อนทรวงเข้าโศกา
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ฟังคำที่ร่ำว่า
ยิ่งมีโมโหโกรธาจึงร้องด่าสำทับขับไป
เหม่อีอัปรีย์ทรลักษณ์มึงอย่างพักมานั่งร้องไห้
ยังขืนขัดผัดวันขออยู่ไฟหัวจะขาดปลิวไปไม่ทันรู้
อย่าว่าแต่คืนหนึ่งถึงครู่เดียวพระอินทร์มาเขียวเขียวไม่ให้อยู่
เร่งไปให้พ้นบ้านเมืองกูค่ำมืดไม่รู้ไม่เข้าใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นวิฬาร์ฟังว่าน่าหมั่นไส้
เจ็บจิตสุดที่จะคิดไปน้อยใจเป็นพ้นคณนา
ถึงโศกีก็ไม่มีใครเอ็นดูยังจะอยู่เอาอะไรให้เร่งว่า
จึงวิ่งเข้าแย่งยุดฉุดมือมาไปพาราเราเถิดนะทรามวัย
เมื่อพลัดพรากจากเมืองมาคราวแล้วแต่หม่อมแม่กับอีแมวยังมาได้
ดึกดื่นคืนค่ำค่อยคลำไปร้องไห้ไยให้เสียน้ำตา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาตอบคำวิฬาร์ว่า
ข้าก็รู้อยู่สิ้นแล้ววิฬาร์ท่านไม่เมตตาจึงขับไป
เมื่อความผิดนิดหนึ่งก็ไม่มีคิดแค้นเท่านี้จึงร้องไห้
วิฬาร์อย่าเพ่อคลาไคลทรามวัยวิ่งกลับคืนมา
โอ้
๏ ยอกรก้มกราบกับตีนผัวพ่อทูนหัวจงโปรดเกศา
ซึ่งว่าโทษตัวน้องชั่วช้าพระจงพิจารณาให้แจ้งใจ
นี่ไม่ถามความเลยมาเฉยเสียพระจะดูหน้าเมียก็หาไม่
ว่าพลางนางทรงโศกาลัยอรไทพ่างเพียงจะมรณา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ บัดนั้นวิฬาร์น้อยใจเป็นนักหนา
คิดแค้นแล่นไปด้วยโกรธาฉุดมือนางมาแล้วว่าไป
คิดบ้างเป็นไรในสวนขวัญหนียักษ์ตัวสั่นดังลูกไก่
จักแหล่านชีวันจะบรรลัยยังแต่ลมหายใจอยู่รวยรวย
ไม่พบเราบบ่าวนายก็ตายแล้วพูดอ้อนวอนแมวให้ช่วยด้วย
ที่นี้แทนคุณให้ที่ไม่ม้วยทั้งเจ้าข้ารื่นรวยบริบูรณ์
เสียแรงรักภักดีสุจริตแทบจะเอาชีวิตมาสาบสูญ
อนิจจาอาภัพลับเหมือนปูนหม่อมเมียท่านทูลท่านเชื่อกัน
ว่าพลางพานางลีลาศลงจากปราสาทเฉิดฉัน
วิฬาร์นำหน้าจรจรัลนางโศกศัลย์ดำเนินเดินมา
ฯ ๑๐ คำ ฯ ทยอย
๏ เมื่อนั้นพระไชยเชษฐ์ผันแปรแลหา
เห็นโฉมงามเดินตามหลังวิฬาร์ให้คืนคิดเมตตาอาลัย
ความรักหักห้ามโมโหหายแสนเสียดายไม่กลั้นน้ำตาได้
นี่เนื้อว่าเวรกรรมได้ทำไว้จึงเกิดเข็ญเป็นไปถึงเพียงนี้
เสียทีเพียรพากลำบากกายปิ้มจะตายเพราะมิ่งมารศรี
ได้สมสองครองกันพอครบปีจะมาจากอกพี่ไปทั้งรัก
นิจจาเอ๋ยเดินพลางร้องไห้พลางสงสารนางนักหนาน่าอกหัก
จะเรียกกลับอับอายเสนานักพระทรงศักดิ์อักอ่วนป่วนใจ
ไม่มีสุขผุดลุกผุดนั่งร้อนรุมคลุ้มคลั่งดังเพลิงไหม้
แต่รัญจวนครวญคร่ำร่ำไรภูวไนยโศกาจาบัลย์
ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นสุวิญชามิใคร่จะผายผัน
กันแสงพลางทางลงอัฒจันทร์แว่วเสียงโศกศัลย์สะดุ้งใจ
จึงยืนยั้งฟังศัพท์สำเนียงได้ยินเสียงผัวรักร้องไห้
นางตีอกฟกช้ำร่ำไรทรามวัยวิ่งกลับคืนมา
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
โอ้
๏ ยอกรกราบลงกับเบื้องบาทใจจะขาดด้วยความเสน่หา
เป็นกรรมตามสนองทั้งสองราพระจะทรงโศกาไปว่าไร
ธรรมดาจารีตเป็นกษัตริย์โองการตรัสขาดแล้วไม่คืนได้
น้องนี้จะขอลาคลาไคลสัญจรไปตามกรรมได้ทำมา
นางยกบาทผัวขึ้นทูลเกศชลเนตรไหลหลั่งทั้งซ้ายขวา
ตีอกชกเกล้าเข้าโศกาซบกับบาทาพระสามี
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ เมื่อนั้นเจ็ดนางร้อนใจดังไฟจี้
เห็นนางสุวิญชามาโศกีกลัวว่าเขาจะดีกันผัวเมีย
คิดวิตกอกไหม้ไส้ขมในอารมณ์นั้นจะใคร่ให้ขับเสีย
จึงชี้หน้าว่านางช่างทำเยียมาอะลิ้มอะเหลี่ยภูวไนย
อีหน้าด้านมารยาพิรากวนทำกระบวนชวนผัวให้ร้องไห้
จะพะนึงพะเน้าเอาอะไรไปไปแล้ววกหกกลับมา
คนกระลีกระลำส่ำเสียให้เพื่อนเมียพลอยอายขายหน้า
ไสหัวไปให้พ้นพารามึงอย่ามายียวนกวนพระทัย
บ้างว่าน่าเกลียดเคียดค้อนขอดค่อนงอนว่าไม่ปราศรัย
บ้างยั่วเย้าเฝ้าทูลตะบอยไปปรานีมันไยอีใจคด
แต่เลือดร้ายในกายยังกอกเสียมานั่งนับกับเมียที่อัปยศ
ชั่วชาติอุบาทว์ไม่เป็นรสเชิญเสด็จทรงยศเข้าห้องใน
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นวิฬาร์ฟังว่าไม่อดได้
ความโกรธกระโดดโลดเข้าไปแล้วจูงมืออรไทออกมา
ทำลอยหน้าลอยตาพาทีตัวเป็นทาสีแล้วมิสา
ทั้งโหดไร้ไม่มีปัญญาขืนจะขึ้นแข่งหน้าว่าไม่ฟัง
รูปร่างของตัวก็ชั่วช้าแล้วหยูกยาอาคมก็ไม่ขลัง
สารพัดวิบัติให้ผัวชังถึงจะโปรดปรานมั่งก็เจ็บใจ
ช่างอาภัพอับจนหม่นหมองจะผินพึ่งพี่น้องก็ไม่ได้
จึงต้องจ้างช่างทำท่อนไม้ไปซ่อนใส่สมหวังแล้วครั้งนี้
เอออะไรที่ไหนมานั่งวอนให้เขาค่อนแคะว่าน่าบัดสี
มิใช่แม่แก่เฒ่าเมื่อไรมีแต่เป็นม่ายเพียงนี้ไม่น้อยใจ
มันไม่ต้องอารมณ์สมประกอบผิดชอบชั่วดีมีผัวใหม่
เที่ยงนางกลางคืนแม่มาไปกลัวอะไรมือค่ำกรรมของตัว
จะเที่ยวหาหมอยามนต์ดลทำเสน่ห์กลซนหาผัว
ให้มันขลังทั้งรักทั้งกลัวขึ้นนั่งซังตั้งตัวเป็นผู้ดี
ฯ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุริยาเคืองเคียดมันเสียดสี
จึงชี้หน้าว่าอีวิฬารีมึงพาทีเถียงแทนช่วยแค้นเคือง
กูจะตอบสำนวนไม่ควรคู่เหมือนเอาทองไปถูรู่กระเบื้อง
ไสหัวมึงไปเสียจากเมืองจะยักเยื้องอย่างไรเขาไม่ฟัง
อีแมวอุบาทว์ชาติขี้ข้ามึงไม่รู้ว่าฟ้าจะเคืองหลัง
แม้นเจ้าข้ามิไปให้พ้นวังกูจะสั่งให้เขาไสคอไป
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นวิฬาร์ฟังว่าน่าหมั่นไส้
จะออมอดลดละมันทำไมตายไหนตายไปคงให้ลือ
จึงร้องว่าแน่คะหม่อมเมียเอกอภิเษกขึ้นใหม่เมื่อไรหรือ
บัญชาแทนรับสั่งนั่งชี้มือมาออกหน้าค่าชื่อไม่อายใจ
เจ้าสิคนสบเสียนางเมียต้นจะฆ่าผู้ฟันคนก็ทำได้
มานั่งขับเหนื่อยปากลำบากใจเอาจับใส่หีบฝังเสียทั้งเป็น
อีพวกเหล่าเจ้าเสน่ห์เล่ห์กลแต่ละคนใจคอไม่พอเล่น
มันตาร้อนตาไฟมิใช่เย็นเอาคนฝังทั้งเป็นอีอัปรีย์
แม้นเจ้าข้าพากันวายชนม์ถ้ารู้ถึงสิงหลยักษี
เหมันต์ก็จะหมดทั้งธานีอสุรีเคี้ยวเล่นเป็นผักไป
ว่าพลางพานางจรลีลงจากปราสาทศรีที่อาศัย
ออกนอกพระทวารวังในเดินไปตามถนนธานี
ฯ ๑๒ คำ ฯ เพลง
             

๏ ครั้นออกมานอกประตูเมืองพอเรื่อเรืองรุ่งแจ้งแสงสี
วิฬาร์ทูลความตามคดีเมื่อเทวีประสูติพระโอรส
ข้าระวังนั่งเฝ้าแฝงประตูแอบดูเห็นแน่แก่ตาหมด
อีทั้งเจ็ดทุจริตคิดคดลักองค์โอรสใส่หีบมา
ข้าวิ่งแอบอ้อมด้อมตามไปพอถึงต้นไทรสาขา
มันยั้งหยุดขุดหลุมที่ฉายาแล้วฝังหีบรีบมาเสียทันที
ข้าไปดูที่ฝังสังเกตไว้จำได้สันทัดสนัดสนี่
ทูลพลางทางรีบจรลีนำนางเทวีไปทันใด
ฯ ๘ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงพระไทรสาขาวิฬาร์จึงแจ้งแถลงไข
มันฝังองค์พระโอรสไว้อยู่ใต้ร่มไทรต้นนี้
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นนางสุวิญชาโฉมศรี
ดีใจเป็นพ้นพันทวีก็ขุดลงตรงที่ฝังไว้
ฯ ๒ คำ ฯ
ล่องเรือ
๏ ขุดไปไม่พบพระโอรสนางกำสรดดิ้นโดยโหยไห้
สะอื้นพลางทางถามวิฬาร์ไปเหตุไฉนไม่พบพระลูกยา
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้นวิฬาร์หลากใจเป็นนักหนา
หรือผีสางบังหูบังตามาหลอนหลอกหยอกข้าดอกกระมัง
คิดแล้วนางแมวยกมือไหว้ขอให้ได้พระกุมารเหมือนใจหวัง
เทพไทองค์ใดที่กำบังจะแต่งตั้งสังเวยที่ร่มไทร
ข้าจะรำฉุยฉายถวายมือให้เลื่องลือว่าแมวนี้รำได้
บนพลางทางแลดูไปก็เห็นหีบที่ในหลุมนั้น
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา ฉุยฉาย
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
เอาหีบมาเปิดฝาดูพลันจึงเห็นโอรสนั้นเป็นชาย
ยกพระลูกน้อยขึ้นใส่ตักพิศพักตร์ลักขณาเฉิดฉาย
ทรงศรพระขรรค์สำหรับกายทั้งม้ารถพรรณรายก็มีมา
นางแสนพิศวาสพระลูกรักจูบพักตร์แล้วทูนเหนือเกศา
พ่อคุณทูนหัวของมารดาจะหาไหนได้เหมือนเช่นนี้
แม่คิดว่าอาสัญบรรลัยตามจากแม่ไปไม่เห็นผี
ร่ำพลางทางทรงโศกีมารศรีพ่างเพียงจะขาดใจ
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
๏ ครั้นสร่างโศกาปรึกษาแมวเราพบลูกแล้วจะไปไหน
หรือจะกลับหลังยังเวียงชัยทูลให้ทราบเบื้องบาทา
เมียท่านทำการถึงเพียงนี้จะดูพระสามีพิพากษา
เจ้าจะเห็นอย่างไรนางวิฬาร์จงว่ามาให้แม่แจ้งใจ
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้นวิฬาร์เคืองขัดอัชฌาสัย
จึงตอบวาจาไปทันใดช่างไม่อายแก่ใจหรือไรนา
เขาขับหนีตีด่าว่าตัวชั่วยังแค่นคิดถึงผัวจะไปหา
ไม่เจ็บจำน้ำคำอีสุริยามันด่าว่านั้นน้อยไปเมื่อไร
ข้างผัวก็หลงงงงวยเมียว่าไรว่าด้วยไม่ถามไถ่
จะขืนไปบอกเล่าเขาทำไมเขาจะเชื่อที่ไหนว่าลูกตน
เมื่อรักผัวไม่คิดถึงตัวแล้วอีแมวก็จะในไพรสณฑ์
จะอุตส่าห์สัญจรซอนซนกว่าจะถึงสิงหลเวียงชัย
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาฟังแจ้งแถลงไข
แต่วิฬาร์ยังว่าน่าอายใจคิดมานะพระทัยขึ้นมา
จำจะผายผันสัญจรไปนครสิงหลยักษา
แต่ขัดสนจนเสียด้วยมรคาไม่รู้ว่าตำแหน่งแห่งใด
นางจึงยอกรขึ้นเพียงผมบังคมเทวาในป่าใหญ่
เชิญช่วยนำข้าคลาไคลไปถึงเวียงชัยฉับพลัน
ฯ ๖ คำ ฯ
ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงท้าวสหัสนัยน์รังสรรค์
อาสน์อ่อนร้อนเร่าดังไฟกัลป์เร่งคิดอัศจรรย์เป็นพ้นนัก
จึงเล็งทิพเนตรลงมาเห็นนางสุวิญชามีศักดิ์
มาประสบพบองค์โอรสรักจะไปสู่สำนักพระบิดา
จำกูจะให้นำไปถึงกรุงไกรสิงหลยักษา
อย่าให้นางทนทุกข์ทรมาเวทนาแก่องค์พระกุมาร
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ จึงตรัสสั่งพระวิษณุกรรม์จงจรจรัลไปในไพรสาณฑ์
พานางสุวิญชานงคราญไปส่งถึงสถานธานี
ฯ ๒คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระวิษณุกรรม์เรืองศรี
รับสั่งท้าวสุชัมบดีบังคมลาจรลีลงมาพลัน
ฯ ๒คำ ฯ กลม
๏ ครั้นถึงจึงมีวาจาเจ้าอย่าวิโยคโศกศัลย์
เราจะมาพานางจรจรัลไปส่งยังเขตขัณฑ์เวียงชัย
ฯ ๒คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นสุวิญชานารีศรีใส
ชื่นชมเปรมปรีดิ์ดีใจยอกรบังคมไหว้เทวา
แล้วอุ้มองค์โอรสยศยงวางลงยังราชรถา
พระวิษณุกรรมขับมาวิฬาร์นำหน้าคลาไคล
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงหิมวันต์บรรพตให้หยุดรถอยู่ริมภูเขาใหญ่
เห็นน้ำพุจากผาชลาลัยอรไทยินดีปรีดา
จึงยกเอาลูกน้อยกลอยใจลงจากพิชัยรถา
พาไปสระสรงคงคาวิฬาร์ก็พาเสด็จไป
ฯ ๔ คำ ฯ ลงสรง
๏ ครั้นชำระสระสรงพระลูกแล้วคลาดแคล้วจากเชิงเขาใหญ่
นางเปลื้องภูษาผ้าสไบผูกเป็นเปลให้เจ้าไสยา
กอดจูบลูกแก้วแล้วเชยชมค่อยวางลงบรรทมในเปลผ้า
นอนเสียเถิดพ่ออย่าโศกาปลอบพลางกัลยาก็กล่อมไป
ฯ ๔ คำ ฯ
กล่อม
๏ เจ้านอนไปเถิดแม่จะกล่อมเจ้างามละม่อมจะไกวให้
ขวัญอ่อนอย่าอ้อนอาลัยหลับไปเถิดพ่ออย่าโศกา
แม่ลูกมีกรรมลำบากต้องตกยากนอนหลับกับเปลผ้า
แม้นอยู่เวียงวังพระบิดาจะไสยาอู่ทองรององค์
ตื่นบรรทมนางนมจะแซ่ซ้องค่อยประคององค์วางในอ่างสรง
ครั้นเห็นลูกหลับไปดังใจจงบังอรเอนองค์ลงไสยา
ฯ ๔ คำ ฯ ตระ
ร่าย
๏ ครั้นพระสุริยันตะวันชายแสงสายบ่ายบังพฤกษา
พระกุมารก็ฟื้นตื่นนิทรากัลยาโอบอุ้มเอามาพลัน
โลมลูบจูบกอดให้กินนมเชยชมรับมิ่งสิ่งขวัญ
แล้ววางองค์ลงเหนือรถสุวรรณวิษณุกรรม์นำหน้าพาจรลี
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
๏ สุริยาสายัณห์ลงรอนรอนก็ถึงพระนครท้าวยักษี
เทวาลากลับไปทันทีเทวีอุ้มลูกคลาไคล
ฯ ๒ คำ ฯ เชิด
๏ เดินพลางทางทรงโศกาชลนาแถวถั่งหลั่งไหล
ชวนนางวิฬาร์ผู้ร่วมใจรีบไปเฝ้าองค์พระบิดา
ฯ ๒ คำ ฯ เพลง
๏ ครั้นถึงท้องพระโรงรูจีเทวีคิดเกรงท้าวยักษา
ยั้งหยุดยืนแฝงทวาราตรึกตรองกิจจาจะเพ็ดทูล
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลราชนเรนทร์สูร
สถิตเหนือแท่นรัตน์เรืองจำรูญพร้อมมูลข้าเฝ้าท้าวพระยา
ว่าขานกิจการนคเรศให้เขม่นนัยน์เนตรทั้งซ้ายขวา
พระยายักษ์นิ่งนึกตรึกตราจะได้ลาภหรือว่าจะได้ทุกข์
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ แต่ก่อนร่อนชะไรไม่เคยเป็นจะพูดเล่นเจรจาไม่ผาสุก
จึงตรัสเรียกกระดานหมากรุกมาทรงเล่นกับมุขมนตรี
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นนวลนางสุวิญชาโฉมศรี
แอบประตูดูองค์อสุรีเห็นท่วงทีเริงรื่นชื่นบาน
อุ้มองค์ลูกน้อยกลอยใจร้องไห้เข้าไปตรงหน้าฉาน
ก้มเกล้าประณตบทมาลย์นงคราญซวนซบสลบลง
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลเร่งคิดพิศวง
แปลกนางสุวิญชาโฉมยงด้วยพระองค์ชราหูตามัว
พิศดูเอ๊ะนี่มีธิดาเป็นไรมาสลบซบหัว
ท้าวค่อยประคองต้องตัวลูบทั่วสรรพางค์นางเทวี
ตรัสเรียกเท่าไรก็ไม่ขานพระยามารเรียกหมออึงมี่
พลางทรงนวดฟั้นให้ทันทีเสนีนิ่งได้ไม่ช่วยกู
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นนางค่อยฟื้นสมประดีเทวียังทรงกันแสงอยู่
ประคอบปลอบเล้าโลมนางโฉมตรูจะใคร่รู้เนื้อความจึงถามไป
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ จอมเอยจอมขวัญเหมันต์เกิดเข็ญเป็นไฉน
หรือผัวเจ้าเขาทำให้ช้ำใจได้ลำบากยากไร้อับจน
มีธุระอะไรนะบังอรจึงมายังนครสิงหล
เหตุไรไม่มีรี้พลมาแต่สองคนกับอีแมว
นี่ลูกเต้าของใครได้ไหนมาดูหน้าตายิ้มยิ่งผ่องแผ้ว
ยังเล็กนักได้สักกี่เดือนแล้วลูกแก้วจงแถลงแจ้งกิจจา
ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาบังคมก้มหน้า
นางคิดพิดทูลแต่อัชฌาด้วยกลัวจะโกรธาพระสามี
เดิมยกลูกให้พระไชยเชษฐ์ไปจากนคเรศยักษี
เธอร่วมเรียงเลี้ยงลูกไว้ดิบดีมิได้มีอาธรรม์อันใด
เมื่อจะเกิดเหตุนั้นลูกครรภ์แก่เป็นกรรมแต่หนหลังมาซัดให้
เขาบอกข่าวช้างเผือกที่ในไพรพระสามีดีใจไปคล้องช้าง
ข้าคลอดลูกชายภายหลังเพื่อนเมียมานั่งอยู่รอบข้าง
สมคะเนเล่ห์กลอีเจ็ดนางจะแกล้งล้างผลาญข้าให้บรรลัย
เอาลูกน้อยนี้ใส่ในหีบผ้าให้ทาสาไปฝังนอกกรุงใหญ่
พอผัวกลับมาถึงเวียงชัยมันเอาท่อนไม้ไปให้ดู
พระไชยเชษฐ์นั้นไม่ทันคิดจำจิตขับข้าด้วยอดสู
อันที่ฝังลูกยาวิฬาร์รู้มาขุดดูได้ลูกที่ต้นไทร
เดชะสมภารพระหลานขวัญเทวัญเอารถลงมาให้
แล้วช่วยพามาส่งถึงกรุงไกรจงทราบใต้บาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์
ฯ ๑๔ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลฟังเรื่องให้เคืองจิต
จึงว่าชะไชยเชษฐ์ช่างไม่คิดถึงชอบผิดก็ควรจะบอกกู
น้อยหรือขับไล่ไม่ไว้หน้าให้พ่อตาอัปยศอดสู
มันเชื่อฤทธิ์จะลองฝีมือดูเห็นว่ากูแก่เฒ่าจะเข้าโลง
เมื่อเมียมันพาลผิดริษยาเห็นตัวอยู่อิจฉาโต้งโต้ง
อ้ายคนหลับตาบ้าลำโพงโป้งโย้งพูดฮึกไม่ตรึกตรา
งมเงาแล้วมิหนำซ้ำจองหองถ้าอยู่ใกล้จะถองให้หนักหนา
จำจะหามาถามตามกิจจามันจะว่าอย่างไรจะใคร่ฟัง
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นวิฬาร์แค้นคิดถึงความหลัง
เห็นนางทูลปิดงำอำปลังนี่เนื้อยังรักผัวกลัวจะเคือง
วิฬาร์ขัดใจเข้าไปทูลว่านางเล่าเค้ามูลไม่สิ้นเรื่อง
พอผัวเขากลับมาถึงเมืองมันยักเยื้องยุยงให้โกรธา
หม่อมเมียว่าไรก็เป็นนั่นสารพันแคะไค้พิไรว่า
ไม่ไต่ถามความพิจารณาสั่งให้เข่นฆ่านางโฉมตรู
หากสี่พี่เลี้ยงมาขอไว้ทั้งเจ้าข้าจึงได้รอดอยู่
เธอว่ายับขับเสียไม่เลี้ยงดูนางผัดพอเช้าตรู่จะจรลี
เธอยิ่งกราดเกรี้ยวเคี่ยวเข็ญถ้าขืนอยู่ก็เห็นจะเป็นผี
ข้าจึงพานางมาในราตรีปิ้มชีวีจะม้วยด้วยเจ็บใจ
ทั้งผัวเมียเขารุมกันด่าว่าหาเกรงใต้บาทาผ่านฟ้าไม่
ขันศึกฮึกฮักเป็นพ้นไปว่าจะสู้ภูวไนยไม่พรั่นพรึง
ฯ ๑๒ คำ ฯ เจรจา
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลพิโรธโกรธขึ้ง
ลุกขึ้นกระทืบบาทตวาดอึงสุวิญชาดูดู๋มึงไม่บอกกู
ช่างรักผัวกระไรกระนี้หนอให้หม่อมพ่อไชยเชษฐ์มาลบหลู่
ความโตความใหญ่พ่อไม่รู้หากวิฬาร์ลูกกูมันเจ็บอาย
อัปยศครั้งนี้เป็นที่สุดถึงชีวิตม้วยมุดก็ไม่หาย
มันดูหมิ่นถิ่นแคลนกูมากมายจะปล่อยแก่แก้อายไม่เกรงมัน
ชะอ้ายไชยเชษฐ์ลูกเขยคงได้เล่นกันเหวยอย่าคึกขัน
ขัดเขมรเป็นเกลียวเคี้ยวฟันโจนจากแท่นสุวรรณทันที
เขี้ยวงอกออกข้างละสามวานัยนาดังแสงพระสุริย์ศรี
สำแดงแผลงฤทธิ์อสุรีเพียงพื้นปัถพีจะโทรมทรุด
ฯ ๑๐ คำ ฯ คุกพาทย์
๏ จับศรสะพายแล่งแกว่งตระบองขึ้นฆาตกลองสำคัญชั้นสุด
แล้วให้เตรียมทัพสำหรับยุทธ์กู้จะไปรบมนุษย์เมืองเหมันต์
พระยามารมายังเกยลายืนท่าพหลพลขันธ์
ร้องเรียกโยธีนี่นันหุนหันฮึดฮัดขัดใจ
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
๏ ครั้นพร้อมเสร็จเสด็จขึ้นทรงรถยกอสุรจัตุรงค์ทัพใหญ่
กระทืบบาทเร่งราชรถชัยออกไปจากวังไม่รั้งรอ
ฯ ๒คำ ฯ กราว
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาขวัญหนีดีฝ่อ
วิ่งตะกายน้ำลายไม่ติดคอกลัวพ่อจะไปฆ่าพระสามี
ตามยุดท้ายรถกำสรดพลางนวลนางร้องทูลท้าวยักษี
จงผินพักตรามาพาทีเทวีครวญคร่ำร่ำวิงวอน
ฯ ๔ คำ ฯ
โอ้ปี่
๏ โอ้ว่าพระองค์ผู้ทรงเดชโปรดเกศลูกมั่งจงยั้งก่อน
พระจะยกพลมารไปราญรอนทำโทษโรธกรณ์กับเขาไย
คิดเห็นเป็นกรรมลูกเที่ยงแท้จึงได้แต่ทุกข์ทนหม่นไหม้
พลัดพรากพ่อแม่มาเดินไพรนี่หากได้พึ่งบาทพระบิดา
ชีวิตจึงรอดไม่วอดวายทั้งกุมารหลานชายเป็นสุขา
ครั้งนี้มิทรงพระเมตตาก็จะเป็นเวราแก่ข้านี้
ประทานโทษเถิดทูลกระหม่อมเอ๋ยอย่าไปเลยจงคืนเข้ากรุงศรี
ให้เห็นแก่นัดดาของภูมีเทวีทูลพลางทางโศกา
ฯ ๘ คำ ฯ โอด
ร่าย
๏ บัดนั้นท้าวสิงหลให้คิดเสนหา
เหลียวมาปลอบพระธิดาอย่าโศกาอาวรณ์ร้อนรน
จึงมีสิงหนาทประกาศร้องให้เลิกกองทัพกลับเข้าสิงหล
ง่าหัตถ์รับนางนฤมลขึ้นนั่งบนรถาแล้วพาที
พ่อขัดใจไชยเชษฐ์มันดูแคลนเจ็บแค้นดังหัวอกเป็นฝี
หากสงสารหลานน้อยคนนี้ดับโมโหเสียทีเอาบุญไว้
ตรัสพลางทางเหลือบเห็นวิฬาร์รื้อคิดโกรธาขึ้นมาใหม่
ชังลูกชังหลานงุ่นง่านใจแกว่งตระบองร้องให้กลับรถ
เสนาเร่งขับพลขันธ์จะไปเหยียบเหมันต์ให้แหลกหมด
กูจะได้แก้แค้นแทนทดกระทืบบาทเร่งรถรีบไป
ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด
๏ เมื่อนั้นสุวิญชาอกสั่นหวั่นไหว
วอนว่าพาทีรี้พิไรพระบิตุรงค์จงได้เมตตา
หลานน้อยนี้จะเป็นกำพร้าพ่อลูกขอประทานโทษา
ทูลพลางนางซบพักตรากอดบาทพระบิดาโศกาลัย
ฯ ๔ คำ ฯ โอด
๏ เมื่อนั้นท้าวสิงหลกลับคิดพิสมัย
จึงโลมเล้าธิดายาใจอย่าร้องได้ไปเลยนะลูกรัก
พ่อคิดแค้นขึ้นมาก็งุ่นง่านจะใคร่ยกพลมารไปหาญหัก
อันโทษตัวผัวเจ้ามันฮึกฮักจะยกให้หลานรักอย่าทุกข์ร้อน
แล้วดำรัสตรัสร้องเปรยไปลูกหลานมันร้องไห้ไม่หยุดหย่อน
ให้กลับพหลพลนิกรคืนเข้าพระนครมิทันช้า
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนปราสาทเสด็จนั่งเหนืออาสน์อันเลขา
เชยชมพระราชนัดดาเป็นที่เสน่หาพระยายักษ์
ขนานนามประทานหลานชายชื่อนารายณ์ธิเบศร์สมศักดิ์
ให้พี่เลี้ยงนางนมพร้อมพรักบำรุงรักษ์พระกุมารสำราญใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
             

ตอนที่ ๒ พระไชยเชษฐ์ตามนางสุวิญชา

             

ตอนที่ ๓ พระไชยเชษฐ์เข้าเฝ้าท้าวสิงหล

             

ตอนที่ ๔ อภิเษกพระไชยเชษฐ์

             

เชิงอรรถ

ที่มา

บทละครนอกเรื่อง ไชยเชษฐ์ สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๓๘

(ขอขอบคุณ คุณ gignoi สมาชิก kaewkao.com ผู้พิมพ์เป็นวิทยาทาน)

เครื่องมือส่วนตัว