สามัคคีเภทคำฉันท์

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(๑๑)
(๑๒)
แถว 536: แถว 536:
===๑๒===
===๑๒===
<tpoem>
<tpoem>
-
 
+
<sup>ภุชงคปยาตรฉันท์</sup>
 +
๏ ทิชงค์ชาติ์ฉลาดยล  คเนกลคนึงการ
 +
กษัตริย์ลิจฉวีวาร  ระวังเหือดระแวงหาย
 +
๏ เหมาะแก่การจะเสกสัน  ปวัตติ์วัญจะโนบาย
 +
มล้างเหตุพิเฉทสาย  สมัคคิ์สนธิ์สโมสร
 +
๏ ณ วันหนึ่งลุถึงกา  ละศึกษาพิชากร
 +
กุมารลิจฉวีวร  เสด็จพร้อมประชุมกัน
 +
๏ ตระบัดวัสสการมา  สถานราชะเรียนพลัน
 +
ธแกล้งเชิญกุมารฉันท์  สนิทหนึ่งพระองค์ไป
 +
๏ ลุห้องหับระโหฐาน  ก็ถามการณะทันใด
 +
มิลี้ลับอะไรใน  กถาที่ธปุจฉา
 +
๏ จะถูกผิดกระไรอยู่  มนุษผู้กระทำนา
 +
และคู่โคก จูงมา  ประเทียบไถมิใช่หรือ
 +
๏ กุมารลิจฉวีขัติย์  ก็รับอัตถะอออือ
 +
กะสิกชนกระทำคือ  ประดุจคำพระอาจาย์
 +
๏ ก็เท่านั้นธเชิญให้  นิวัติในมิช้านาน
 +
ประสิทธิ์ศิล์ปประสาสน์สาร  ตลอดเลิกลุเวลา
 +
๏ อุรสลิจฉวีสรร  พะชวนกันเสด็จมา
 +
และต่างซักกุมารรา  ชะองค์นั้นจะเอาความ
 +
๏ พระอาจารย์สิเรียกไป  ณ ข้างใน ธ ไต่ถาม
 +
อะไรเธอเสนอตาม  วจีสัตย์กะพวกเรา
 +
๏ กุมารนั้นสนองสา  ระวากย์วาทะตามเลา
 +
เฉลยกับพระครูเปา  รุหิตย์โดยคดีมา
 +
๏ กุมารอื่นก็สงสัย  มิเชี่อในพระวาจา
 +
สหายราชธพรรณ์นา  และต่างองค์ก็พาที
 +
๏ ไฉนเลยพระครูเรา  จะพูดเปล่าประโยชน์มี
 +
เลอะเหลวนักละล้วนนี  ระผลเห็นบเปนไป
 +
๏ เถอะถึงถ้าจะจริงแม้  ธกล่าวแท้ก็ทำไม
 +
สิชวนเข้า ณ ข้างใน  จะถามนอกบยากเย็น
 +
๏ ชรอยว่าทิชาจารย์  ธคิดอ่านกะท่านเปน
 +
รหัสเหตุประเภทเห็น  ละแน่ชัดถนัดความ
 +
๏ และท่านมามุสาวาท  บกล้าอาจจะบอกตาม
 +
พจีจริงพยายาม  ไถลแสรงแถลงสาร
 +
๏ กุมารราชมิตร์ผอง  ก็สอดคล้องและแคลงดาล
 +
พิโรธกาจวิวาทการ  อุบัติขึ้นเพราะขัดเคือง
 +
๏ พิพิธพันธะไมตรี  ประดามีนิรันดร์เนือง
 +
กะองค์นั้นก็พลันเปลีอง  มลายปลาศท์พินาศปลง
</tpoem>
</tpoem>
 +
===๑๓===
===๑๓===
<tpoem>
<tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 16:39, 8 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: ชิต บุรทัต

บทประพันธ์

ปรารมภพจน์

ฉบงง
๏ ข้าผู้นิพันธ์พาทีถ้อยสามัคคี
เภทฉันท์อ้นออกบอกนาม
๏ ในท้ายทั้งที่มีความเจตนาพยายาม
นิยมประพันธ์อันใด
๏ แจ้งหมดปรากฎมีในปัจฉิมชัดไข
ลิขิตรจิตร์จองแถลง
๏ ปรารมภพจน์นี้ชี้แจงเพี่อจักสำแดง
ประวัติอุบัติ์แห่งบรรณ
๏ พิมพ์ขึ้นสำเร็จเสร็จพลันทั้งรวดเร็วทัน
ประสงค์สดวกโดยไว
๏ ด้วยทุนหนังสือพิมพ์ไทยทดรองจ่ายไป
เปนส่วนเอื้อเฟื้อเจือจาน
๏ ขุนสันทัดอักษรสารบรรณาธิการ
ธเกื้อธเอื้ออุดหนุน
๏ สัมฤทธิ์เพราะท่านการุญช่วยเหลือเจือจุน
โดยรอบประกอบอุปการ
๏ ผู้อื่นอีกอาทิ์เอาภารขุนนัยวิจารณ์
(เปล่ง ดิษยบุตร์) นามผจง
๏ คุณสุดกอบโกยโดยสงเคราะห์ล้ำจำนง
พินิจพิจารณ์จริงใจ
๏ สอดส่องถ่องถ้วนควรนัยเชิงอรรถอันใด
มิดีและมีขัดขวาง
๏ บอกให้แก้ใหม่ไป่วางธุระแท้แลทาง
แก้ไขใบพิมพ์เพียรทำ
๏ เรียบร้อยไพเราะเพราะคำที่ท่านแนะนำ
และตรวจและตราอาทร
๏ สองท่านอันออกนามกรข้าจะอนุศร
พระคุณตลอดฤๅลืม
             
นายชิต
ผู้ประพันธ์
ที่ทำการหนังสือศรีกรุง
วันที่ ๑ มิถุนายน พระพุทธศักราช ๒๔๕๘
             

ศุภมัสดุ
สัททุลวิกีฬิตฉันท์ ๑๙
๏ พร้อมเบญจางคประดิษฐ์สฤษติตษฎี
กายจิตร์วจีไตรทวาร
๏ กราบไหว้คุณพระสุคตอนาวรณญาณ
ยอดศาสดาจารย์มุนี
๏ อีกคุณสุนทรธรรมะคัมภิรวิธี
พุทธ์พจน์ประชุมตรีปิฎก
๏ ทั้งคุณสงฆะพิสุทธิศาสนะดิลก
สัมพุทธสาวกนิกร
๏ นอบน้อมคุณพระคเณศวิเศษศิลปธร
เวทางคบวรกะวี
๏ เปนเจ้าแห่งวิทยาวราภรณะศรี
สุนทรสุวาทวิธาน
๏ สรวมชีพหัดถประณามประนตพระบทมาลย์
บพิตระสมภารพระองค์
๏ สมเด็จอรรคะมหาจุฑาธิปะพระมง
กุฎเกล้าพิศิฏฐ์พงศ์กระษัตริย์
๏ บานบำเทองพรััเถลิงถวัลยอธิปัติ์
ที่หกดลกรัฏฐ์ประชา
๏ ชุ่มชื่นมณฑละภูมิ์นิพัทธ์วัฒนะปรา
กฎเพียงพระรามาวตาร
๏ ปางไวกูณฐประกอบประกาศกิติอุฬาร
เลิศมากประมาณคือพระองค์
๏ สรวมศรีไตรรตนาธิคุณอดุละมง
คลเหตุพิเศษทรงประสิทธิ์
๏ เสริมซึ่งโสตถิบวรพระพรจตรพิธ
ขอพึงสฤษดิ์นิจนิรันดร์
๏ จุ่งไท้เทียรฆพระชนมะดลลุสตพรรษ์
ภัทร์เพิ่มพระศุขวรรณพล
๏ อันใดสรรพะกะลีและนีรผละมล
ทินไกลยุคลบาทลออง
๏ เพียรเพ็ญูในมนะข้าพเจ้านิยมะจอง
เจตน์คิดลิขิตปองประพันธ์
๏ สามัคคีภิทะโทษนิทานะคติธรรม์
โดยพิศดารอันแสดง
๏ เชิงบรรพ์ฉันทะลเบงชเลงพจนะแปลง
บรรจงพจีแจงประโยชน์
๏ บูชาศาสนะพากย์สุภาสิตะวิโรจน์
เริงปรีดิปราโมทย์ประมวญ
๏ ใดบทบาทผิวะคลาศและผิดนิติขบวน
โกวิทกะวีควรอภัย
             

วสันตดิดก ฉันท์
๏ โบราณะกาลบรมะขัตติยรัชชเกรียงไกร
ท้าวทรงพระนามะอภิไธยะอชาตะศัตรู
๏ ครอบครองมไหยศุริยเอกอภิเศกประสิทธิ์ภูว์
อาณาปวัตติบริบูรณะบรรพประเพณี
๏ แว่นแคว้นมคธนคระราชคฤห์ราชบูรี
ทรงราชวัตร์วิธะทวีทศธรรมะจรรยา
๏ แหล่งหล้ามหาอุดมะลาภคุณะภาพพระเมตตา
แผ่เพียงชนกกรุณะอาทระบุตร์ธิดาตน
๏ โปร่งปรีดิปราศอริริปูภพะภูมิมณฑล
เปรมโสตถิ์ประสบวัฒนะผลศุขะต้วยพระเดชา
๏ อำพนพระมณฑิรพระราชะนิวาศน์วโรฬาร์
อัพกันตร์ก็ไพจิตระพาหิรภาคก็พึงชม
๏ เช่นหลั่งชลอดุสิตะเทวสถานพิมานพรหม
มารังสฤษดิ์ศิริอุตมผิวะเทียบก็เทียมทัน
๏ สามยอดยะเยี่ยมยละระยับวะวะวับสลับพรรณ์
ช่อฟ้าตระการกละจะหยันจะเยาะยั่วทิฆัมพร
๏ บราลีพิลาศศุภจรูญูนพศูลประกัศร
หางหงส์ผจงพิจิตระงอนดุจะกวักนภาลัย
๏ รอบด้านตระหง่านจตุรมุขพิศะสุกอร่ามใส
กาญจน์แกมมณีกนกะไพฑุริย์พร่างพะแพรวพราย
๏ บานบัฏพระบัญชระสลักฉลุลักษณ์เฉลาลาย
เพดาลก็ดารกะประกายระกะดาดประดิษฐ์ดี
๏ เพ่งภาพตลอดตละผนังก็มะลังมะเลืองสี
ยิ่งดูก็เด่นประดุจะมีชิวะแม้นกมลครอง
๏ ภาพเทพพนมวิจิตระยิ่งนรสิงหะลำยอง
ครุฑยุตภุชงค์วิยะผยองและเผยอขยับผัน
๏ ลวดลายระบายระบุกระหนาบกระแหนภาพกระหนกพัน
แผ่เกี่ยวผกาบุษปะวัลลิและวางระหว่างเนือง
๏ ภายใต้เศวตร์ฉัตระรัตนะจรัศจรูญเรือง
ตั้งราชอาศนะประเทีองวรมัญจบรรจ์ฐรณ์
๏ ห้อยย้อยประทีปอุบะประทินรศกลิ่นชเอมอร
อาบอบตระหลบนิจะขจรดุจะทิพย์สุมาลัย
๏ คัณนาอเนกคณะอนงค์ศิริทรงเจริญูใจ
สรรพางคะพรรณพิศะประไพกละพิมพอับศร
๏ เรียงรายจรูงรมยะบาทบริจาริกากร
ปันเวรพิทักษ์อธิบวรทิวรัตติ์นิวัทธ์วาร
๏ โดยรอบมหานคระเล่หะสิเนรุปราการ
มั่นคงอรินทระจะราญก็ระย่อและท้อหนี
๏ แถวถัมภะโดรณะสล้างระยะนางจรัลมี
ชลคูประตูวรบุรีณ ระหว่างพระภารา
๏ เรียงป้อมและปักธวัชะรายยละค่ายก็แน่นหนา
เสาธงสถิตยะธุชะมาลุตะโบกสบัดปลาย
๏ หอรบอรินทรจะรอรณะท้อหทัยหมาย
มุ่งยุทธะย่อมชิวะมลายก็ประลาศน์มิอาจทาน
๏ พร้อมพรั่งพฤนท์พหละรณพยุห์พลทหารหาญ
อำมาตย์และราชบริวารวุฒิเสวกากร
๏ เนืองแน่นขนัดอัศวะพาหนะชาติกุญชร
ชาญศึกสมรรถะณสมรชยะเพิกริปูภินท์
๏ ความศุขก็แสนบรมศุขและสนุกสนานยิน
ดีในผไทรัฐะบุรินทรรัตน์จรูญเรือง
๏ กลางวันอนันตคณนานรคลาคระไลเนือง
กลางคืนมหุศวะประเทืองดุริย์ศัพทะดีดสี
๏ บรรสานผสมสรนินาทพิณะพาทย์และดนตรี
แซ่โสตร์สดับเสนาะฤดีอุระเพลินเจริญใจ
๏ เมืองท้าวและเทียบพิพยโลกภพะแหล่งสุราลัย
เมืองท้าวและสมบุรณไพบุละทุกประการมาน
             

ฉบงง
๏ อันอรรคปุโรหิตอาจารย์พราหมณ์นามวัสสการ
ฉลาดเฉลียวเชี่ยวชิน
๏ กลเวทโกวิทจิตร์จินต์่ประจักษ์แจ้งศิล
ปศาสตร์ก็จบสบสรรพ์
๏ เปนมหาอำมาตย์ราชวัลลภใครไป่ทัน
ฤเทียมฤเทียบเปรียบปาน
๏ สมัยหนึ่งจึ่งจอมภูมิบาลท้าวจินตนาการ
จะแผ่อำนาจอาณา
๏ ให้ราบปราบปรามเพื่อปรากฎไผทไพศา
ละจวบจังหวัดวัชชี
๏ หวังพระหฤทัยใคร่กรีฑาทัพโยธี
กระทำประยุทธ์เอาไชย
๏ ครั้นทรงดำริห์ตริไปกลับยั้งหยั่งใน
มนัศมิแน่แปรเกรง
๏ หากหักจักได้ไชยเชวงฤๅแพ้แลเลง
พะว้าพะวังลังเล
๏ ไป่อาจสามารถทุ่มเททำศึกรวนเร
พระราชหทัยโช่เบา
๏ ต้วยเหตุพระองค์ทรงเสาวนะศัพท์สำเนา
ระเบงระบีอลือชา
๏ ว่ากษัตริย์วัชชีบรรดาครองรัชชสีมา
กเษตร์ประเทศทุกองค์
๏ อปริหานิยะธรรมธำรงทั้งนั้นมั่นคง
มิโกรธมิกร้าวร้าวฉาน
๏ เพึ่อธรรมดำเนินเจริญูการณ์ใช่เหตุแห่งหานิ์
เจ็ดข้อจะคัดจัดไข
๏ หนึ่ง.เมื่อมีราชกิจใดปฤกษากันไป
บวายบหน่ายชุมนุม
๏ สอง.ย่อมพร้อมเลิกพร้อมประชุมพร้อมพรักพรรคคุม
ประกอบณกิจควรทำ
๏ สาม.นั้นถือมั่นในสัมมะจารีตจำ
ประพฤติ์มิตัดดัดแปลง
๏ สี่.ใครเปนใหญชะจงโอวาทศาสน์แสดง
ก็ยอมและน้อมบูชา
๏ ห้า.นั้นอันบุตริ์ภิริยาผู้อื่นก็หา
ประทุษฐ์กระทำข่มเหง
๏ หก.ที่เจดีย์ชนเกรงเคารพยำเยง
ก็เส้นก็บวงสรวงพลี
๏ เจ็ด.พระอรหันต์อันมีโนรัฏฐ์วัชชี
ก็คุ้มก็ครองปัองกัน
๏ พร้อมสรรพสัปดพิธนิจนิรันตร์สามัคคีธรรม์
ณหมู่กระษัตริย์ลิจฉวี
๏ อชาตศัตรูภูมีทรงทราบโดยคดี
ดั่งนั้นก็ครั่นคร้ามขาม
๏ ศึกใหญ่หากจะพยายามหาญหัก อาตาม
กำลังก็หนักนักหนา
๏ จำจักหักด้วยปัญญารอก่อนผ่อนหา
อุบายทำลายมูลความ
             

อุปชาติฉันท์
๏ บรมกระษัตริย์ปรารภะการะปราบปราม
กับวัสสการพราหมะณพฤฒิอาจารย์
๏ ปฤกษาอุบายดำริหะทำไฉนการ
จะสมนิยมภารธุระปราถนาเรา
๏ สมัคคิ์สมานมิตร์คณะลิจฉวีเขา
มั่นคงจะคิดเอาชนะด้วยประการใด
๏ ท่านวัสสการผู้ทิชะครูฉลาดใน
อุบายคนึงไปก็ประจักษ์กระจ่างจินตน์
๏ เสนอสนองทูลกละมูลยุบลรบิล
แต่องคภูมินทอชาตศัตรู
๏ ตกลงและทรงนัดแนะกะวัสสการครู
ตริเพื่อเผต็จมูละสมัคคไมตรี
๏ สมัยเสด็จว่ากิจะราชะการี
เสนาธิบดีมุขะมวญูอมาตย์ผอง
๏ โดยศักดิฐานันคระชั้นอนันต์นอง
ณท้องพระโรงทองขณะเฝ้าพระบทมาลย์
๏ สดับปกาสิตวระกิจวโรงการ
จึ่งราชะสมภารพจนาตถ์ประภาษไป
๏ เราคิดจะใคร่ยกพยุห์พลสกลไกร
ประชุมประชิดไชยรณะรัฏฐวัชชี
๏ ฉนี้แหละเสนาปติฐานะมนตรี
คอใครจะใคร่มีพจะคานประการไร
๏ ฝ่ายพราหมณ์ก็กราบทูลอติศูริย์ณทันใด
นยาธิบายไขวจนัตถทัดทาน
๏ พระราชปรารมภนิยมมิควรการณ์
ขอองคภูบาลพิเคราะห์เหตุจงดี
๏ อันซึ่งจะกรีฑาพละทัพและไปดี
กระษัตริย์ณวัชชีชนบทสมหมาย
๏ มิแผกมิผิดพากยะข้าพระองค์ทาย
ไป่ได้สดวกตายและจะแพ้เพราะไพรี
๏ พวกลิจฉวีขัตติยรัชชวัชชี
ละองค์ละองค์มีมิตระพันธะมั่นคง
๏ และแสนจะสามารถพละอาจกระทำสง
ครามยุทธยรรยงมิระย่อมิเยงใคร
๏ เราน้อยจะย่อยยับดละอัปราไชย
ฉนี้แหละแน่ในมนะข้าพยากรณ์
๏ และอีกประการเล่าผิวะเขาสิคิดคลอน
แคลนพาลระราญรอนทุจริตผจญเรา
๏ เป็นก่อนกระนั้นชอบทุษะตอบก็ทำเนา
มิมีคดีเอาธุระเห็นบเปนธรรม
๏ และโลกจะล่วงวาทะติว่าพระองค์จำ
นงเจตนาดำริห์วิรุธประทุษฐ์เขา
๏ กระนี้พระจุ่งปรารภะภาระแบ่งเบา
เพื่อกล่อมถนอมเกลามิตระภาพสงบงาม
             

อีทิสังฉันท์
๏ ภูบดินทร์สตับอุปายะตาม
ณวาทะวัสสการะพราหมณ์และบังอาจ
๏ เกินประมาณเพราะการละเมิดประมาท
มิควรจะขัตบรมราชชโยงการ
๏ ท้าวก็ทรงแสดงพระองคะปาน
ประหนึ่งพระราชหทัยธดาลพิโรธจึง
๏ ผันพระกายกระทีบพระบาทและอึง
พระศัพทะสีหนาทะพึงสยองภัย
๏ เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร
ทุทาษสถุลฉนี้ไฉนก็มาเปน
๏ ศึกบถึงและมึงก็ยังมิเห็น
จะน้อยจะมากจะยากจะเย็นประการใด
๏ อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ
ขยาดขยั้นมิทันอะไรก็หมิ่นกู
๏ เล่หะกากะหวาดขมังธนู
บห่อนจะเห็นธวัชริปูก็ท้อถอย
๏ พ่ายเพราะไภยะตัวสิกลัวจะพลอย
พินาศชิพิตร์ประดิษฐ์ประดอยประเด็นขัด
๏ กูก็เอกอุดมบรมกษัตริย์
วิจาระถ้วนบควรจะทัดจะทานคำ
๏ นี่ก็เห็นเพราะเปนอมาตย์กระทำ
พระราชการะมาฉนำสมัยนาน
๏ ใช่กระนั้นละไซร้จะให้ประหาร
ชิวาตม์และหัวจะเสียบประจานณทันที
๏ นัคราภิบาลสภาบดี
และราชบุรุษฮะเฮ้ยจะรีจะรอไย
๏ ฉุดกระชากกะลีอปรีชะไป
บพักจะต้องกะรุณอะไรกะคนคด
๏ ลงพระราชอาชะญา ณ บท
พระอัยการพิพากษะกฎและโกนผม
๏ ไล่มิให้สถิตย์ณคามนิคม
นครมหาสิมานิยมบุรีใด
๏ มันสมรรคสวามิภักดิใน
อมิตตะลิจฉวีก็ไปบห้ามกัน
๏ เสร็จประกาศพระราชธูระสรรพ์
เสด็จนิวัติศุขาภิมัณฑ์มหาคาร
             

อินทรวิเชียร ฉันท์
๏ ควรสุดจะสมเพชจิตระเวทนาการ
ที่ท่านพฤฒาจารย์พะกระทบประสบทัณฑ์
๏ โตยเต็มกตัญูญูกตเวทิตาอัน
ใหญ่ยิ่งและยากครันขรการณ์จะทานทน
๏ ยินดีนิยมเพี่อสละเนี้อและเลีอดตน
ยอมรับอดูรผลจะพะพ้องพะพานกาย
๏ ไป่เห็นกะเจ็บแสบชีวะแทบจะทำลาย
มอบสัตย์สมรรถหมายมนะมั่นมิหวั่นไหว
๏ หวังการ ณ แผ่นดินจะสดวกเพราะฉันใต
ให้กิจในฤทธิ์ไปบมิเลี่ยงฤเบี่ยงเบือน
๏ เหลือที่จะมีใครทมะในหทัยเหมีอน
กัดฟันบฟั่นเฟีอนสติอดสกดเอา
๏ พวกราชมัลล์โดยพละโบยมิใช่เบา
สุดหัตถะแห่งเขาขณะหวดสิพึงกลัว
๏ ยลเนื้อก็เนื้อเต้นพิศะเส้นก็สั่นรัว
ทั่วร่างและทั้งตัวก็ระริกระริวไป
๏ แลหลังก็หลั่งโลหิตโอ้เลอะลามไหล
พ่งผาดอนาถใจตละล้วนระรอยหวาย
๏ เนี่องนับอเนกแนวระยะแถวตลอดลาย
เฆี่ยนครบสยบกายศิระพับพะกับคา
๏ ทั้งหลายสหายมิตตะอมัจจะเสนา
ทัศน์เหตุทุเรศสาหศะแสนสลดใจ
๏ สุดที่จะกลั้นโทมนะโศกะอาลัย
ถ้วนหน้ามิว่าใครขณะเห็นบเว้นคน
๏ แก้ไขและได้คืนสติฟื้นประทังตน
จึ่งราชบุรุษกลปกกรณ์ก็โกนหัว
๏ เสื่อมศีศะผมเผ้าพิศะเปล่าประจานตัว
เปนเยี่ยงประหยัดกลัวผิมะลักจะหลาบจำ
๏ เสร็จอาชะญาทัณฑ์กิจะพลันประกาศทำ
ปัพพาชนีย์กรรมดุจะราชโองการ
๏ บรรดาประชาชนขณะยลทิชาจารย์
สุดแสนจะสงสารสรแซ่ประสาสันทน์
๏ บางคนกมลอ่อนอุระข้อนพิไรพรรณน์
บางเหล่าวิสัยอันกุธะเกลียดก็เสียดสี
๏ บางพวกก็เปนกลางยละข้างพิจารณ์ดี
บางหมู่กะรุณมีณหทัยก็ให้ของ
๏ พราหมณ์วัสสการเสกละเล่หะทำนอง
ท่าทางละอย่างผองนระสิ้นบสงสัย
๏ ออกจากนครราชะคฤห์รีบจรัลไป
สู่เทศสถานไกลบุระรัฏฐัวัชชี      
             

วิชชุมมาลาฉันท์
๏ แรมทางกลางเถี่อนห่างเพื่อนหาผู้
หนึ่งใดนึกดูเห็นใครไป่มี
หลายวันถั่นล่วงเมืองหลวงธานี
นามเวสาลีดุ่มเดาเข้าไป
๏ ผูกไมตรีจิตร์เชิงชิดชอบเชื่อง
กับหมู่ชาวเมีองฉันท์อัชฌาสัย
เล่าเรี่องเคืองขุ่นว้าวุ่นวายใจ
จำเปนมาในด้าวต่างแดนตน
๏ เขาแสนสังเวชสังเกตอาการ
แห่งท่านอาจารย์ท่าทีทุกข์ทน
ภายนอกบอกแผลแน่แท้ทุพพล
เห็นเหตุสมผลให้พักอาศรัย
๏ ข่าวคราวกล่าวกันเปนทันแพร่หลาย
ลือล่ำกำจายจนแจ้งทั่วไป
มนตรีกราบทูลเค้ามูลขานไข
แด่องค์ท้าวไทแหล่งหล้าลิจฉวี
๏ ทรงทราบข่าวสาสน์โดยราชตำรัส
สัญญาอาณัติทุ่มฆาฏเภรี
ทุกไท้ราชาอาณาวัชชี
มาชุมนุมมีการตฤกปฤกษา
๏ แน่นเนีองเนื่องนับลำดับโดยหมู่
ทันใดราชผู้เปนใหญ่ในสภา
เริ่มอารัมภ์พจน์ตามบทมีมา
ชี้แจงจักปรารพภ์กันฉันใด
๏ พราหมณ์หนึ่งซึ่งเขาเปนเปาโรหิตย์
พวกปัจจามิตร์มาคธเขตร์ไผท
ต้องราชอาชญูาหนีมาอาศรัย
จำไล่ให้ไปฤๅรับเลี้ยงดู
๏ พร้อมตกลงเปนความเห็นเดียวกัน
บ้านเมีองของมันนั้นเปนศัตรู
แห่งรัฏฐ์วัชชีแม้มีแต้มคู
คิดมาตร์คาดมูลารัมภ์ทำกล
๏ เพื่อส่อไส้ศึกลับลึกสนธิ์สาย
หากเห็นแยบคายผิดอย่างแผกยล
ไล่มันทันทีแต่นี่ในฉงน
ยากหยังยังปนไปข้างสงสัย
๏ รอไว้ให้หาเข้ามาจักมี
ถ้อยท่าพาทีเท็จจริงฉันใด
สุดแท้แต่การณ์ตามฐานเปนไป
สมควรอย่างไรบัญชาคราหลัง
             

อินทรวงศ์ฉันท์
๏ ราชาประชุมดำริหะโดยประการะดัง
ดำรัสตระบัดยังวจนัตถ์ปวัตติพลัน
๏ ให้ราชภัฏโปริสะไปขมีขมัน
หาพราหมณ์ทุพลอันบุระเนระเทศะมา
๏ เขาพลันจรัลริบจระรุตประตุจประกา
สิตนำทิชาจาริยะสู่พระราชฐาน
๏ จึ่งลิจฉวีราชะสภาบดีประธาน
มีราชโองการนยะปุจฉนีย์คตี
๏ เยียใดไฉนตูกะระครูธล่วงกะลี
ข้อใหญ่อะไรมีทุระเหตุจะเสียจะหายน์
๏ จึ่งดาลอดูรพ้องขรข้องระคนระคาย
หลังไหล่สิรอยหวายคณนาอนันต์ประมาณ
๏ ต้องทัณฑะบรรพาชนิย์มาก็ไกลสถาน
พรากพันธุวงศ์วานบุตรทาระมิตร์สหาย
๏ มาอยู่นครเราจะเสาะเอารหัสอุบาย
ฤๅไรก็ ยากหมายอนุมานะครันนะครู
๏ อันราชอชาตสัตคุณรัฏฐู์มคธริปู
แห่งเราจะเอาภูมิกะกันและกันประสงค์
๏ หลากเหลือจะเชี่อจิตร์ผิวะคิดประหวั่นพะวง
เมตตาและเต็มปลงจิตระจักประคับประคอง
๏ หนักข้างระคางอยู่บมิรู้จะรับจะรอง
ภายหลังก็ตั้งตรองตริฤเว้นระวังระแวง
๏ ฝายวัสสการครูก็มธูระทูลแถลง
ให้เชื่อและชี้แจงอภิยาจนาภิปราย
             

วสันตดิลกฉันท์
๏ ข้าแต่พระจอมจุฬมกุฎบริสุทธิกำจาย
ปรากฎพระยศระบุระบายกิติเบิกระบือบุญ
๏ เมตตาทยาลุศุภะกรรมอุปถัมภะการุญ
สรรเสริญเจริญพระคุณะสุนทระภาพพิบูลย์งาม
๏ เปรียบปานมหรรณพะนทีรมะที่ ประทังความ
ร้อนกายกระหายอุทกะยามนระผู้ประสบเห็น
๏ เอิบอิ่มกระหยิมหทยะคราวกระอุผ่าวก็ผ่อนเย็น
ยังอุณหะมุญจนะและเปนศุขะปีติดีใจ
๏ อันข้าพระองค์กษณะนี้บมิมีจะร้อนใด
ยิ่งกว่าและหามนุษไหนฤเสมีอนเสมอตน
๏ ใคร่เปลื้องประเทืองประนุทะทุกข์ภยะมุขจะมาดล
ไร้ญาติและขาตมิตระสกลนฤผู้จะดูดาย
๏ โดยเดียวอดักอดุระแดและก็แก่ชรากาย
ที่ซึ่งจะพึงสรณะหมายอนุศรบห่อนเห็น
๏ ทราบข่าวขจรพระกิติบาระมิว่าพระองค์เปน
เอกอรรคกระษัตริย์สุขุมะเพ็ญกรุณามหาศาล
๏ หวังเพื่อพะพิงบพิตระพึ่งอภิโพธิสมภาร
มอบกายถวายชิพิตตระปราณนิจะกาละปรารมภ์
๏ คิดไว้บได้ประดุจะเจตน์เฉภาะเหตุบเห็นสม
ขืนทำก็เท่ากะจะนิยมคติผิดพิจารณ์ดู
๏ ขึ้นชื่อกระฉ่อนบุรุษะกักขละอักกตัญญู
คิดคดขบถประทุษะภูวะประเทศผไทตน
๏ จำเปนเพราะเหลีอจะทุมนัศบมิน่าจะรับผล
แห่งราชภัยพิบัติดลดุจะนี้พินิจดู
๏ เหตุเดิมก็โดยบรมะราชอชาตะศัตรู
ปฤกษากะข้ายุคละมูลิกะมุขมนตรี
๏ จักยาตร์พยู่ห์พหละยุทธะประทุษฐะย่ำยี
เขตร์แดนพระองค์นิยมะนีระประโยชน์พยายาม
๏ ข้าบาทบจงจิตระอสัตย์พิเคราะห์ชัดถนัดความ
จริงอ้างกระจ่างพจนะตามอธิบายรบิลแจง
๏ วัชชีนครบวระสรรพะจะขันจะเข้มแขง
รี้พลสกลพิริยแรงรณะการะกล้าหาญู
๏ มาคธผไทรัฐะนิกรพละอ่อนบชำนาญ
ทั้งสินจะสู้สมระราญรึปุนั้นไฉนไหว
๏ ดั่งอินทโคปกะผวามุหะฝ่า ณ กองไฟ
หิ่งห้อยสิแข่งสุริยะไหนจะมิน่าชิวาลาญ
๏ เห็นการณ์ก็ควรยบละขัตพจนัตถะทัดทาน
บัดดลบดินทร์หทยะตาลลพิโรธะสำแดง
๏ ลงราชทัณฑะพิธะทารุณะการะร้ายแรง
ไม่ควรเฉลยนยะแถลงเพราะพระองค์ก็ทรงเห็น
๏ กราบทูลประมูลบทะประมวญตละล้วนตลอตเปน
ความจริงบแต่งกละประเด็นนิระสาระพาที
๏ ทีดับระงับอตุระผ่อนก็บห่อนจะเห็นมี
นอกจากพระองค์อดุละสีตลเมตตะคุณมัย
๏ มุ่งมาก็หมายกมละมีสรณียะเปนไป
ครองชีวะสืบศุขะพิสัยอนุสนธิอาสัญ
๏ มั่นปองสนองวระคุณาธิมหากะรณครัน
ในราชกิจนิจะนิรันดระตราบสลายกาล
๏ สุดแต่จะทรงพระกรุณาทนข้าพระบทมาลย์
ผู้ถืออภัพพ์ทุพพละซานเสาะอุสาหะมาถึง
             

๑๐

วังสัฏฐฉันท์
๏ ประชุมกระษัตริย์ราชะสภาสดับคนึง
คเรณทุกข์รึงอุระอัตถ์ประวัติประวิง
๏ ประกอบระกำพาหิระกายะน่าจะจริง
มิใช่จะแอบอิงกละอำกระทำอุบาย
๏ และทุกพระองค์ในคณะไป่ฉงนฉงาย
ก็เชื่อฌแยบคายคะรุวัสสการะพราหมณ์
๏ ตระบัตธรับสั่งผิวะดั่งวจีนิยาม
ละล้วนก็ควรความและมิร้ายมิแรงอะไร
๏ อชาตะศัตรูจุฬะภูว์มคธผไท
มิควรจะมีใจกุธะเกรี้ยวกระนี้สิหนอ
๏ และเหตุก็เท่านั้นผิจะผันจะผ่อนก็พอ
ระงับพิโรธรอพิเคราะห์เห็น บ เปนกระไร
๏ เถอะเราก็เอนดูทิชะครูและเศร้าหทัย
เพราะที่ธมีใจสุจริตวินิจวิจารณ์
๏ พะพ้องพระอาชญาบมิน่าจะเปนจะปาน
มิหนำนิเทสการทวิวิธลุทัณฑะทวน
๏ จะรับและเลี้ยงท่านอุปการ ณ ฐานะควร
ก็จงละเว้นมวลมละโทษประพฤติสุธรรม์
๏ ประดุจขนบข้าธุระราชะกิจจสรรพ์
ทิชงคะน้อมอัญชลิเช่นจะชื่นจะชู
๏ และมีพระปุจฉานยะว่าก็ครา ณ ครู
ฉลองพระคุณภูธระรับพระราชธูร
๏ สถิตย์ ณ ฐานันดระชั้นอะไรจะปูน
ประกอบและเกื้อกูลดุจะดั่งบุราณะมา
๏ ทวิชแถลงไทกิจะในสมัยณะกา
ละอยู่นครราชคฤห์ศักดิข้าธุลี
๏ สเถียรอมาตย์ฐานะพิจารณาคดี
พิฉินทะธารีดุละกิจพิพากษะการ
๏ กระษัตริย์กเษตร์ลิจฉวิหล้าพระราชะทาน
สถาปนาฐานยศะเทอดธุโรปถัมภ์
๏ และเห็นเพราะเปนครูวุฒิรู้วิชาและชำ
นิพลปศาสตร์คัมภิระเพทพิเศษพิศาล
๏ ประสิทธิดำแหน่งคะรุแห่งพระราชกุมาร
นิพัทธะเอาภารอนุสิฏฐะวิทยา
             

๑๑

มาลินีฉันท์
๏ กษณะทวิชะรับฐานันดร์และที่วา
ทกาจารย์
๏ นิระอลสะประกอบการพีริโยฬาร
และเต็มใจ
๏ จะพินิจยะคดีใดเที่ยง ณ บทใน
พระธรรมนูญู
๏ ละมนะอคติสีสูญูยุกติบาฐบูรณ์
ณคลองธรรม์
๏ ลุสมยะจะแนะนำพรรค์ราชกุมารสรรพ์
ธพรำสอน
๏ หฤทยปริอาทรชี้วิชากร
ก็โดยดี
๏ เพราะตริจะทนุถนอมปรีตามิไห้มี
ระแวงใด
๏ ผิวจะวิรุธะแคลงในราชหทัยไท
ธลิจฉวี
๏ เพราะปกรณะวิธีมีเล่หะลับนี
ระสงสัย
๏ คณะขัติยะและใครใครต่างก็ไว้ใจ
ทิชาจารย์
             

๑๒

ภุชงคปยาตรฉันท์
๏ ทิชงค์ชาติ์ฉลาดยลคเนกลคนึงการ
กษัตริย์ลิจฉวีวารระวังเหือดระแวงหาย
๏ เหมาะแก่การจะเสกสันปวัตติ์วัญจะโนบาย
มล้างเหตุพิเฉทสายสมัคคิ์สนธิ์สโมสร
๏ ณ วันหนึ่งลุถึงกาละศึกษาพิชากร
กุมารลิจฉวีวรเสด็จพร้อมประชุมกัน
๏ ตระบัดวัสสการมาสถานราชะเรียนพลัน
ธแกล้งเชิญกุมารฉันท์สนิทหนึ่งพระองค์ไป
๏ ลุห้องหับระโหฐานก็ถามการณะทันใด
มิลี้ลับอะไรในกถาที่ธปุจฉา
๏ จะถูกผิดกระไรอยู่มนุษผู้กระทำนา
และคู่โคก จูงมาประเทียบไถมิใช่หรือ
๏ กุมารลิจฉวีขัติย์ก็รับอัตถะอออือ
กะสิกชนกระทำคือประดุจคำพระอาจาย์
๏ ก็เท่านั้นธเชิญให้นิวัติในมิช้านาน
ประสิทธิ์ศิล์ปประสาสน์สารตลอดเลิกลุเวลา
๏ อุรสลิจฉวีสรรพะชวนกันเสด็จมา
และต่างซักกุมารราชะองค์นั้นจะเอาความ
๏ พระอาจารย์สิเรียกไปณ ข้างใน ธ ไต่ถาม
อะไรเธอเสนอตามวจีสัตย์กะพวกเรา
๏ กุมารนั้นสนองสาระวากย์วาทะตามเลา
เฉลยกับพระครูเปารุหิตย์โดยคดีมา
๏ กุมารอื่นก็สงสัยมิเชี่อในพระวาจา
สหายราชธพรรณ์นาและต่างองค์ก็พาที
๏ ไฉนเลยพระครูเราจะพูดเปล่าประโยชน์มี
เลอะเหลวนักละล้วนนีระผลเห็นบเปนไป
๏ เถอะถึงถ้าจะจริงแม้ธกล่าวแท้ก็ทำไม
สิชวนเข้า ณ ข้างในจะถามนอกบยากเย็น
๏ ชรอยว่าทิชาจารย์ธคิดอ่านกะท่านเปน
รหัสเหตุประเภทเห็นละแน่ชัดถนัดความ
๏ และท่านมามุสาวาทบกล้าอาจจะบอกตาม
พจีจริงพยายามไถลแสรงแถลงสาร
๏ กุมารราชมิตร์ผองก็สอดคล้องและแคลงดาล
พิโรธกาจวิวาทการอุบัติขึ้นเพราะขัดเคือง
๏ พิพิธพันธะไมตรีประดามีนิรันดร์เนือง
กะองค์นั้นก็พลันเปลีองมลายปลาศท์พินาศปลง
             

๑๓

             

๑๔

             

๑๕

             

๑๖

             

๑๗

             

เชิงอรรถ

ที่มา

[1]

เครื่องมือส่วนตัว