บทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
()
(/* ตอนที่ ๔ ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด, พระลักษมฌ์ต้องหอกกบิลพัท จนผูกผมทศกัณฐ์กับนางมณโฑ)
แถว 2,314: แถว 2,314:
===ตอนที่ ๔ ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด,  พระลักษมฌ์ต้องหอกกบิลพัท จนผูกผมทศกัณฐ์กับนางมณโฑ ===
===ตอนที่ ๔ ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด,  พระลักษมฌ์ต้องหอกกบิลพัท จนผูกผมทศกัณฐ์กับนางมณโฑ ===
 +
====ทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด====
 +
<tpoem>
 +
๏ จึ่งตร้สกับหมู่อสูรราช  ประภาษแก่มารยักษา
 +
ทั้งพวกอำมาตย์เสนา  กูได้มหารูจี
 +
ท่านเร่งเกษมเปรมใจ  อย่าครั่นคร้ามขามใครยักษี
 +
อันลักษมณ์แลรามขนกระบี่  น่าที่จะม้วยพิราลัย
 +
กูผัดมึงแต่สองสามวัน  เท่านั้นดอกแล้วจะม้วยไหม้
 +
มโหทรเร่งคุมอสูรไป  ปลูกโรงพิชัยพิธี
 +
โดยยาวใหญ่สามสิบเก้าห้อง  ให้กุก่องด้วยแดงแสงศรี
 +
ทิ้งธูปเทียนตามรูจี  ดอกไม้แดงดีสิบเจ็ดพรรณ
 +
จงประดับประดาธราลัย  อำไพพึงพิศเฉิดฉัน
 +
อบอายกระจายจรจวงจันทน์  อำพันรสกลิ่นโอฬาร์
 +
ทั้งเจ็ดประการแก้ววิเศษ  จะบูชาพระเวทคาถา
 +
กับหอกกบิลพัทสาตรา  ณ ท่าทางเชิงพระเมรุบรรพต
 +
ยังที่ละเอียดอ่อนแดง  ศรีแสงนามชื่อว่าทรายกรด
 +
เร่งคุมอสุรีมียศ  กฎหมายกิจการทั้งปวงไป
 +
หนึ่งให้แกะดินเจ็ดท่า  จะปั้นรูปเทวาน้อยใหญ่
 +
เข้าบูชากุณฑ์กองไฟ  อย่าให้ใครรู้จงลีลา
 +
ฯ เจรจา ๔๔ คำ ฯ
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  จึ่งมโหทรมารยักษา
 +
รับสั่งดีใจออกมา  ก็พาอสูรพันหนึ่งไป
 +
ฯ กราว เชิด ฯ
 +
 +
ร่าย
 +
๏ ครั้นถึงเชิงพระเมรุบรรพต  เอากฎหมายออกแถลงไข
 +
ฯ เจรจา ฯ
 +
 +
๏ กะเกนแก่กันทันใด  ปลูกโรงพิชัยพิธี
 +
บ้างไปแกะดินเจ็ดท่า  บ้างเก็บบุปผาพนาศรี
 +
ตัดไม้ทำโรงพิธี  เสร็จได้มาลีดินมา
 +
ฯ ๖ คำ เจรจา เชิดปฐม ฯ
 +
 +
๏ เมื่อนั้น  จึ่งมโหทรมารย้กษา
 +
แต่งโรงพิธีโอฬาร์  วิจิตรรจนาอำไพ
 +
เลิศแล้วแก้วเก้าเนาวรัตน์  เพดานดัดแดงแสงใส
 +
ระย้าย้อยห้อยภู่วิไล  สุกใสเถือกถ่องรูจี
 +
เสาส้างสะอ้านพื้นพรรณแดง    ตกแต่งที่ทางเรืองศรี
 +
ตามด้วยธูปเทียนรูจี    มีคนธรสโอฬาร์
 +
จึงให้เอาดอกมาลี  ซึ่งให้ยักษีไปหา
 +
กับดินเจ็ดท่าสมุทมา  ไว้ท่า ณ โรงพิธี
 +
ครั้นเสร็จระเห็จผายผัน  จรจรัลเหาะมายังกรุงศรี
 +
ฯ เชิดปฐม ฯ
 +
 +
๏ ครั้นถึงจึ่งทูลคดี บัดนี้พร้อมแล้วพระราชา
 +
ฯ เจรจา ๑๐ คำ ฯ
 +
 +
โทน
 +
๏ เมื่อนั้น  ทศเศียรสุริวงศ์ยักษา
 +
ชำระสระสรงคงคา  ขัดกายาหมดมลทิน
 +
ทรงภูษาทาธะรศประดับเครึ่อง  เรื่องรัศอำไพเฉิดฉิน
 +
ดุจดังบรมพรหมินทร์  เหมือนอินทร์เลื่อยลอยเมฆา
 +
ทรงมงกุฎสังวาลกรรเจียกเก็จ  เพชรระยับทับทรวงเลขา
 +
ตาบติดวิจิตรเจษฎา  พาหุรัดตรัสใส่ธำมรงค์
 +
รัดพระองค์ทรงทองปลายพระกร  บทจรดั่งพระยาราชหงส์
 +
ลีลามาขึ้นรถทรง  ก็เหาะตรงไปโรงพิธี
 +
ฯ กราว ชมตลาด ฯ
 +
 +
๏ ครั้นถึงประทับพลับพลา  เปลื้องเครื่องมหารังสี
 +
บรรจงกระหวัดโจฬ์เป็นโยคี พิจิตรทะรังสีล้วนแดง
 +
ทรงด้ายย้อมเป็นสังวาลวรรณ  เกี่ยวกันพึงพิศเป็นแสง
 +
ประดับประดาอ่าองค์บรรจงแดง  แต่งจุณจันทน์เจิมพักตรา
 +
ดุจดั่งบรมพรหเมศ  เรืองเดชสิทธิศักดิ์หนักหนา
 +
เสด็จเข้าปั้นรูปเทวา  ทุกช่องชั้นฟ้าสุราลัย
 +
จึ่งเชิญหอกแก้วกบิลพัท  พาดบนเตียงแดงแสงใส
 +
ใส่เพลิงเถกิงกุณฑ์ไฟ  สูงได้เท่าเทียมปลายตาล
 +
จึ่งอ่านพระเวทคาถา  ตามตำรับตำราว่าขาน
 +
บูชาด้วยแก้วเจ็ดประการ  หว่านดอกไม้เข้าในอัคคี
 +
แล้วจึ่งเอามัจฉมังสา  บูชาหอกแก้วรังสี
 +
เอารูปเทวัญจันทรี  โยนเข้าอ้คคีระดมไฟ
 +
แล้วจึ่งสมาธิปัญโญ  โอมอ่านโอรูปก็ม้วยไหม้
 +
หอกกบิลพัทลุกเป็นไฟ  อาคมระงมไปถึงพรหมา
 +
ฯ ตระ ๒๒ คำ ฯ
 +
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
 +
</tpoem>
 +
==== ====
 +
<tpoem>
 +
 +
</tpoem>
 +
== เชิงอรรถ ==
== เชิงอรรถ ==
== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

การปรับปรุง เมื่อ 14:52, 4 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

พระราชนิพนธ์: สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

มี ๔ ตอน โดยตอนที่ ๒ ถึง ๔ นั้นความต่อกัน

บทประพันธ์

บานแพนก

วันอาทิตย์ เดึอน ๖ ขึ้นคํ่าหนึ่ง จุลศักราช ๑๑๓๒ (พ.ศ. ๒๓๑๓ ปีที่ ๓ ในร้ชกาลกรุงธนบุรี) ปีขาล โทศก พระราชนิพนธ์ทรงแต่งชั้นต้นเป็นปฐม ยังทรามยังพอดีอยู่

ตอนที่ ๑ ตอนพระมงกุฎ

พระมงกุฎอยู่ป่า

๏ มาจะกล่าวบทไปหน่อในอวตารรังสี
หาผลปรนนิบ้ติชนนีทั้งพระฤษีมีญาณ
ว้นหนึ่งชวนน้องเข้าพาทีพระมุนีจงโปรตเดฉาน
ข้าไสร้เกลือกคนภัยพาลขอประทานรํ่าเรียนวิชา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฤษีรักจูบกระหม่อมเกศสอนให้เล่าเวทคาถา
ฯ เจรจา ฯ
๏ หุดีกุณฑ์กองวิทยาเจ็ดราตรีศรผุดพลัน
ฯ ตระ ฯ
๏ จึงประสิทธิ์ประสาทธนูศิลป์เจ้าจินดารมณ์หมายมั่น
เมึ่อลั่นซั้นซ้ำมนตร์พลันสรรพโลกไม่ทนฤทธา
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารเรียนเสร็จได้ทั้งกลละเม็ดคาถา
รบเอาธนูศิลป์มาลาล่าหาผลพนาลี
ฯ เข้าม่าน ฯ
๏ ครั้นถึงกาลวาตพนาลัยปราศัยน้องลบเรืองศรี
ฝ่ายพี่จะแผลงฤทธียิงรังด้นนี้ให้ขาดไป
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าลบว่าใหญ่ถึงแสนวาข้าเจ้าเห็นหาห้กไม่
๏ พระมงกุฎก็วางศรชัยสนั่นไปถึงชั้นพรหมา
ตระเชิด
๏ ถูกรังต้นใหญ่สินขาดยับเยินวินาศดังฟ้าผ่า
แล้วกลับต่อว่าอนุชาน้องยาจะว่าประการใด
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระลบสรรเสริญบุญญาอานุภาพเป็นหาที่สุดไม่
พระชนนีจะมิตกใจก็ชวนเก็บผลไม้กลับมา
ฯ พญา เดิน ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระฤษีสนั่นเสียงสำเนียงกึกก้องเวหา
ตกใจทิ้งนางสีดาก็ลีลาออกตามกุมาร
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏      ฝ่ายพระพี่น้องเห็นฤษีก็วิ่งเข้าอัญชลีทูลสาร
ทิ้งนางสีดาดวงมาลย์พระอาจารย์มาไยชนนี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระมุนีสีดาว่าดูเอาให้เราตกใจถึงสองศรี
สุ้งเสียงอะไรเมื่อกี้คิดว่าอสุรีพะพาน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกฎทูลไขหาไม่ดอกยิงไม้พฤกษาสาร
๏ เจ้าลบว่าแสนอ้อมประมาณพฤกษาสารสูงเทียมเมฆา
หักย้บสะบั้นสินขาดวินาศดุจดั่งฟ้าผ่า
ที่กาลวาตพนาวาหาภ้ยมิได้พระมุนี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ สีดาว่ายิงทำไมให้ตกใจทั้งพระฤษี
นี่ลูกอะไรน่าใคร่ตีก็พาทีขู่รู่กุมาร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระมุนีจึ่งห้ามสีดาอย่าว่าหลานกูห้าวหาญ
แล้วอวยชัยหน่ออวตารให้ชัยวาลรุ่งฤทธี
จงเจ้าเป็นใหญ่ไตรภพจบสกลทิศทั้งสี่
โภยภัยสิ่งใดอย่าได้มีให้ฤทธียิ่งบิดร
แล้วบอกนวลนางสีดาพฤกษานี้มีมาแต่ก่อน
แรกตั้งฟ้าดินอัมพรศรใครไม่กินนะสีดา
เมื่อไรต่อหน่ออวตารจึงผลาญไม้นี้ดั่งฟ้าผ่า
ลูกเจ้ารุ่งเรืองฤทธาว่าแล้วก็มากุฎี
ฯ เสมอ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารเข้าไปถวายผลไม้พระฤษี
แล้วกล้บมาหาชนนียังที่พระบรรณศาลา
ฯ บาทสกุณี ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ ฝ่ายนางสีดาส้วมกอดพลอดพลางทางกวดเกศา
จูบเกศเทวศโศกาโอ้ว่ากำพร้ายาใจ
มาดแม้นถ้าอยู่ก้บพ่อจะเสน่ห์หน่อหาที่สุดไม่
เท่านี้หรือมีฤทธิไกรที่ไหนบิดาจะให้จร
ฝ่ายเจ้าผลานแผลงศิลป์ชัยเหมือนเมื่อท้าวไทเธอยกศร
ครั้งไปทำการสยมพรในเมืองนครมิถิลา
ให้เจ้ายิ่งยศโมลีแม่จะได้ฝากผีภายหน้า
ให้เรืองฤทธิ์เหมือนองค์พระบิดาว่าแล้วก็ทรงโศกี
ฯ โอด ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ฝ่ายพระมงกุฎทูลถามโปรดบอกความเกล้าเกศี
แม่ว่าพ่อข้ามีฤทธีมาอยู่พนาลีด้วยอ้นใด
อ้นฝ่ายพระบังเกิดเกล้าเผ่าพงศ์กษัตริย์หรือไม่
เธอผ่านถิ่นฐานบ้านเมืองใดบอกให้หน่อยเถิดพระมารดา
ฯ มโนราโอด ๔ คำ ฯ
๏ สีดากรรแสงแถลงไขพิไรบอกลูกเสน่หา
เดิมแม่อยู่เมืองมิถิลาพระอัยกาเจ้าเสี่ยงศิลป์ชัย
เทพามนุษย์เข้ายกศิลป์เสร็จสิ้นมิได้หวาดไหว
พ่อเจ้ายกได้ว่องไวจึงเศกแม่ให้กับบิดา
อ้นบิตุเรศของเจ้าเผ่าพงศ์บรมนาถา
เรืองรุดสุดอรรคอิศราปรากฏยศยิ่งโมลี
จึ่งพาแม่มาเวียงชัยอัยกาให้สัจมเหษี
ให้พ่อเจ้าไปพนาลีแม่นี้ติดตามจรจรรย์
กับทั้งพระล้กษมณ์อนุชาออกไปอยู่ป่าพนาสัณฑ์
วันหนึ่งจึงยักษ์ทศกัณฐ์มันใช้มารีศเป็นกวางมา
แม่ไม่รู้เลยเป็นร้กใคร่ให้พ่อเจ้าตามไปในป่า
แล้วได้ยินเสียงเหมือนบิดาคิดว่ายักษาม้นยายี
จึงให้อนุชาไปดูมิรู้ยักษ์ล้กพาแม่หนี
บิดาเจ้าตามไปต่อตีฆ่าอสุรีตายทั้งลงกา
แล้วพามาผ่านโภคัยครั้งนั้นแลแม่ได้หรรษา
จึงมีปีศาจลวงมารดาวานข้าเขียนรูปอสุรี
พาซื่อมือแม่ไม่สุขประดุกเขียนรูปยักษี
พอพ่อเจ้ามาเห็นทันทีนารีผู้วานนั้นหายไป
ฝ่ายแม่จึงรู้ว่าปิศาจพระบิตุราชโกรธชักพระขรรค์ไล่
ให้พระอนุชาพาแม่ไปพิฆาตเสียในพนาวา
เดชะความสัตย์ของแม่เที่ยงแท้ต่อพ่อเจ้าหนักหนา
พระขรรค์กล้บกลายเป็นมาลาอนุชาจึงขับเสียพล้น
เตชะบุญญาของเจ้าขวัญเข้าแม่ไม่อาสัญ
พอพบมุนีในพนาวันจึงคมค้ลอาศัยคลอดลูกยา
พระบิดาเจ้าชื่อราเมศหน่อนเรศทศรถนาถา
ครอบครองกรุงศรีอยุธยาว่าแล้วก็ทรงโศกี
ฯ โอด ๒๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกุฎกราบเกล้าพระแม่เจ้าอย่าหม่นหมองศรี
ถึงพระบิดาไม่ดูดีเราอยู่พงพีตามเข็ญใจ
ฯ ครวญ ๒ คำฯ
๏ สีดาส้วมสอดกอดจูบลูบหน้าหลังพลางร้องไห้
แสนโศกวิโยคอาล้ยเสน่ห์ในกอดลูกนิทรา
ฯ กล่อม ๒ คำ ฯ
             

พระรามเสี่ยงม้า

ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทเจ้าไตรตรึงษา
เอ็นดูกุมารสีดาจากสามีพรากบิดร
อ้อหน่อนั้นค่อยจำเริญวัยไปลองศิลป์ชัยธนูศร
เอิกเกริกสิ้นทั้งพระนครบิดรก็อัศจรรย์ใจ
เอะพ่อจะเสี่ยงพาชีลูกนี้จะได้หม่นไหม้
เป็นกรรมทำมาแต่ไรให้พรไปโดยยินดี
ฯ สาธุการ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างองค์อรรคอวตารให้หาพฤฒาจารยอึงมี่
ควรดูฤกษ์พานาทีเหตุนี้จะเป็นประการใด
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระโหรผู้เฒ่าก้มเกล้ากราบทูลแถลงไข
เหตุลั่นดินฟ้าสุราลัยหาภัยมิได้ภูมี
แต่เกิดองค์อรรคศักดาลองมหาธนูชัยศรี
สำหร้บปราบมารไพรีเหตุนี้ดีดอกพระราชา
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระรามบุญเรืองเฟื่องฟ้า
สงสัยไถ่ถามโหราบัญชาแก่ราชสามนต์
เมื่อกูอยู่บนบัญชรชัยหวั่นไหวดินฟ้ากุลาหล
สะเทือนเลื่อนภูมิมณฑลจลาจลดุจดั่งจะควํ่าไป
ดูดุ๋ช้างม้าอาณาจักรหักหลักแหล่งหลุดไปได้
เหตุนี้กูมิไว้ใจเป็นภัยติดราชธานี
จงตกแต่งล้กษณโองการเขียนลงเป็นราชสารศรี
ผูกแขวนคอม้าเสี่ยงพาชีตามประเวณีเมืองปล่อยไป
จึงจะต้องตามตำราว่าแม้นใครขี่ฆ่าให้ต้กษ้ย
ให้หาอนุชาสองไทกูจะให้ไปตามอาชา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ หนุมานก็ร้บสั่งพลันผายผันเหาะระเห็จไปหา
ฯ เชิดปฐม ฯ
๏ ครั้นถึงไกยเกศภาราเชิญเสด็จอนุชาทันที
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระสัตรุดพระพรตถามไถ่ให้หาเราไยกระบี่ศรี
สะเทือนเลื่อนลั่นบูรีอยุธยามีเหตุประการใด
ฯ ๒ คำ ฯ
๏      หนุมานทูลแจ้งกิจจาเหตุสุธาสนั่นหวั่นไหว
พระเชษฐาให้เสี่ยงพาชีชัยจึงจะให้พระไปตามไพรี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏      พระสัตรุดพระพรตสั่งพลันให้เตรียมพลขันธ์ชัยศรี
ขึ้นทูลไอยกาทันทีพระเจ้าพี่รามาให้หาไป
ฯ ๒ คำเสมอ ฯ
๏ พระไอยกาอำนวยพรให้ถาวรยศยิ่งเป็นใหญ่
เจ้าไปเถิดไปพ่อไปมีชัยแล้วกลับมาธานี
ฯ เจรจา ๒ คำฯ
๏ พระสัตรุดพระพรตอำลามาท้องพระโรงชัยศรี
ฯ เสมอ ฯ
๏ เสนาซึ่งรับสั่งเดิมทีไปจ้ดรี้พลโยธา
ฯ เชิดปฐม ฯ
ยานี
๏ กะเกนรถรัดอัสดรพวกพลนิกรซ้ายขวา
หอกง้าวหลาวแหลนปืนยาทัพหลังทัพหน้าเรียงรัน
อีกทั้งยกระบัตรเกียกกายปีกป้องกองรายแข็งขัน
ครั้นเสร็จระเห็จทูลพลันพลขันธ์พร้อมแล้วภูมี
ฯ ๖ คำ ฯ
โทน
๏ เมื่อนั้นพระพรตยศไกรชัยศรี
จึงชวนอนุชาสรงวารีสองศรีสำอางอาภรณ์
ทรงมงกฎสังวาลเสร็จสรรพจับสะพักสะพายแล่งแสงศร
ทบทรวงกรรเจียกกระจายจรตาบติดอาภรณ์กระจายตา
พาหุรัดธำมรงค์ชายแครงศรีแสงชายไหวซ้ายขวา
สนอบสนับสรรพชวนอนุชาลีลามาขึ้นรถไป
ฯ บาทสกุณี ๖ คำ ฯ
โทน
๏ รถเอยราชรถแดงสีแสงสว่างสุกใส
งอนแอกปะแหรกวิไลฉ้ตรชัยวิจิตรเจษฎา
เพราเพชรเก็จแกมหน้าหลังบังใบด้วยมณีมีค่า
ระย้าระย้อยลอยเลื่อนฟ้ากรีฑาพหลไปพลัน
ฯ กราวเชิด ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงซึ่งกรุงอยุธยาขึ้นเฝ้าเชษฐาไอศวรรย์
พระรามเห็นเรียกน้องพลันพากันออกท้องพระโรงชัย
ฯ เสมอ ฯ
๏ จึงตรัสด้วยราชสารศรีเสนีแต่งแล้วหรึอไฉน
เสนาก้มกราบทูลไปแต่งไว้เสร็จแล้วภูมี
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
ช้า
๏ ในลักษณพระราชสารว่าพระผ่านทศทิศทั้งสี่
แบ่งภาคจากกระเษียรวารีมีกมลจิตต์จินดา
ให้ปล่อยมิ่งม้าอุปการใครพานพะขี่จะเข่นฆ่า
ที่อวดฤทธิ์ดีจงขี่ม้าผ่านฟ้าจะไปต่อตี
ถ้าแม้นเป็นข้าอาณาจ้กรทักษิณประณตบทศรี
เคารพอภิวันท์ธุลีปล่อยพาชีจรไคลคลา
ฯ ๖ คำ ร่าย ฯ
๏ พระรามว่าดีแล้วเอาเถิดพอเกิดดวงดาวเวหา
เบื้องบนข้างทิศบูรพาบัญชาให้ผูกพาชี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ อาลักษณ์เอาสารผูกคอม้าอลังการที่นั่งรังสี
โหรปล่อยมิ่งม้าทันทีพาชีดึงเดาะเดินพลัน
ฯ ฉาน เชิดฉิ่ง ๒ คำ ฯ
๏ พระรามจึงสั่งอนุชาแม้นใครขี่ฆ่าให้อาสัญ
๏ อนุชารบสั่งจรจรัลพลันยกพลตามสะกดไป
ฯ กราว ๒ คำ ฯ
๏ พระรามซ้ำสั่งหนุมานท่านไปช่วยด้วยจึ่งได้
หนุมานรับสั่งคลาไคลไปนำพลตามพาชี
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
             

พระมงกุฎขี่ม้าเสี่ยงทาย หนุมานจะจับ ถูกพระมงกุฎเสกมนตร์มัดตัว

ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทท่านท้าวโกสีย์
ผู้ทรงมหิทธิ์ฤทธีตรีเนตรเล็งแลลงมา
ก็แจ้งว่าหน่ออวตารจะพานพะรบวงศา
อ้อกรรมหน่อดลบิดาจึงเสี่ยงพญาม้าไป
เอะอาว์ผู้เข้าราวีจะต้องศรศรีเพียงต้กษัย
จึงจะจ้บได้แต่พี่ไปอวตารจะให้ลงอาชญา
จำกูจะช่วยแก้ไขเอาผลบุญไปภายหน้า
อย่าให้มอดม้วยชีวาก็ดลม้าเข้าพนาล้ย
ร่าย
๏ แล้วจึ่งไปดลกุมารให้ออกพนัสสถานใหญ่
ครั้นเสร็จเสด็จขึ้นไปยังในฟากฟ้าดุษดี
ฯ คุกพาทย์ เหาะ ๑๐ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไปหน่อในอวตารร้งษี
รัญจวนป่วนถึงพนาลีที่จะไปเที่ยวเล่นพนาวา
ครั้นเช้าอำลามารดรจับธนูศรชัยจะไปป่า
สีดามิให้ไคลคลาลูกยาอย่าไปพนาลี
คืนนี้แม่ฝันเห็นร้ายฦๅสายอย่าเข้าพนาศรี
หูตากระเหม่นไม่ดีวันนี้อย่าไปพนาลัย
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ พระพี่น้องเทียบทูลชนนีกรรมมีหาพ้นตายไม่
อันกาลวาตพนาลัยลูกไสร้เคยเล่นอยู่อ้ตรา
แม้นข้ามิไปพนาลีพระฤษีจะอดพฤกษา
โภยภ้ยอะไรไม่มีมาถึงอ้ายยักษาไม่กลัวกัน
แม้นมันฺทำร้ายลูกจะยิงให้กลิ้งอยู่ในพนาสัณฑ์
พระแม่จงให้จรจรรย์กรรแสงที่จะไปพนาวา
ฯ ๖คำ ฯ
โอดครวญ
๏ สีดาส้วมสอดกอดจูบลูบหน้าหลังกวดเกศา
เจ้าไปเถิดพ่ออย่าโศกาว้นนี้กลับมาแต่วัน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองพี่น้องอำลาคว้าได้ธนูผายผัน
ลาดาบสแล้วจรจรรย์เข้าอรัญวามิช้า
ฯ เชิด ฯ
๏ ครั้นถึงซึ่งป่ากาลวาตองอาจเที่ยวไพรพฤกษา
เก็บผลไม้กินสองราพอเห็นมิ่งม้าพาชี
จึงบอกเจ้าลบน้องยามาเราช่วยกันจับขี่
ฯ เชิด ฯ
๏ เออสัตว์อะไรอย่างนี้เรามิเคยพบเห็นมา
แน่เจ้าดูเอาที่หลังใคร่นั่งเล่นไปในป่า
อะไรที่แขวนคอมาก็เอาสาราอ่านพลัน
ฯ ๘ คำ ฯ
ช้า
๏ ใจความว่าองคอวตารผู้ผ่านโภคัยไอศวรรย์
ปล่อยม้าใครขี่ให้ฆ่าฟันถ้าข้าขอบข้นธ์ให้บูชา
เออนี่อะไรใช่เมืองบ้านพานพะมาไยในป่า
ถึงมาดติดตามมาใช่ว่าเราเป็นข้าไท
มาเราจะขึ้นขี่เล่นเช่นนี้จะกล้วเป็นไฉน
ต้วเราก็ไม่ขบถใครขึ้นพาชีชัยไปมา
ฯ เชิดฉิ่ง เพลง ๖ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงหนุมานอาษา
ซึ่งนำทัพกับตามอาชาล่าลอดสอดดูพาชี
จึงเห็นกุมารขี่ม้าโกรธาลัดเข้าพนาศรี
แพละน้อย
๏ ก็เผ่นโผนจบกุมารตีกระบี่ต้องค้นศรสลบไป
ฯ เชิด โอด ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายมงกุฎดาหนุมานกูผลานเถิดหรือให้ตักษัย
เจ้าลบเอยลิงอะไรทำไมมันมาจับเรา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เจ้าลบว่าเออไม่เข้ายาอ้ายนี่มาทำเราเปล่า ๆ
ว่าพลางทางวิ่งตามม้าเล่าสองเจ้าเล่นในพนาลัย
ฯ ๒ คำ เชิดฉิ่ง เพลง ฯ
๏ หนุมานครั้นต้องพระพายถูกลูกลมกลับฟื้นขึ้นได้
ก็ผาดโผนแผลงฤทธิไกรโตใหญ่เงือบเงื้อมเมฆา
แล้วคิดเอะมีฤทธิ๋นักศรศ้กดิ์ตีลงดั่งฟ้าผ่า
อย่าเลยกูจะแปลงกายาก็เป็นลิงป่าเล็กเข้าไป
ฯ แพละ น้อย ฯ
๏ ถึงจึ่งตํ่าเตี้ยเงี่ยห้วฝากตัวแล่นเล่นในป่าใหญ่
ปีนป่ายร่ายกิ่งค่าไม้ทำเป็นรักใคร่ไปมา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารไม่สังเกตหน่อนเรศคิดว่าลิงป่า
๏ หนุมานโจนจับมิช้ากุมาราตีลิงสลบไป
ฯ เชิด โอด ๒ คำ ฯ
๏ พระมงกุฎด่าโจนลงเงื้อง่ากูฆ่าเถิดหรือให้ตักษ้ย
เจ้าลบเอ่ยดูอ้ายจังไรมันไม่หลาบเลยอนุชา
ทำไมมันมาจับเราเอาหรือให้ม้วยสังขาร
๏ เจ้าลบร้องห้ามพี่ยาอย่าฆ่าเจ้านายมันมี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ มงกุฎด่าว่าอ้ายเจ้าเล่ห์เหม่พานมาไยพนาศรี
จองหองจะเข้าราวีกิริยาอ้ายนี้เข้าใช้มัน
มาเราจะเอาเชือกเขามัดศอกมันเข้าให้มั่น
จารึกหน้าไปบอกเจ้ามันก็ชวนก้นเข้ามัดลิงไพร
ฯ ตระ ฯ
๏ มัดแล้วจารึกเศกมนต์เป่าต่อเจ้าของมึงจึ่งแก้ได้
ซํ้าตีมิให้บรรลัยเร่งไปบอกเจ้ามึงมา
ว่าพลางทางเผ่นขึ้นพาชีข้บขี่ควบเล่นในป่า
ฯ เชิดฉิ่ง เพลง ฯ
๏ เล็มล่าหาผลพนาวาได้มาก็สู่กันพลัน
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายหนุมานซึ่งต้องม้ดสะบัดตะบึงยิ่งรึงมั่น
เวทนาน่าอายเทวัญโศกศัลย์มายังทัพชัย
ฯ เชิด โอด ฯ
             

พระพรตจับพระมงกุฎ

๏ ครั้นถึงจึ่งเฝ้าพระพรตกำสรดหาบอกความไม่
๏ พระพรตเห็นต้องม้ดไปตัดด้วยพระขรรค์ชัยมิช้า
ฯ ตะบองกัน ฯ
๏ เชือดเถือเท่าไรก็ไม่ขาดประหลาดอัศจรรย์หนักหนา
๏ หนุมานเจ็บร้องเจรจาอุ่ยหน่าโอยอย่าภูมี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระพรตจึงเห็นอักษรที่หน้าวานรกระบี่ศรี
นิ่งอยู่กูจะดูหน้งสือมีได้เนื้อความบอกกระบี่พลัน
ในลักษณว่าถ้าจะแก้แม้นแลมิใช่เจ้าจงติดมั่น
ท่านเร่งเข้าไปบังคมคัลมันอยู่หาไหนบอกมา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานทูลบุ้ยปากไปมันอยู่ในไพรพฤกษา
นะแน่งนิ่มน้อยสุนทราข้าประมาณชันษาสิบปี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระพรตก็ไปตามว่าหนุมานเหาะมากรุงศรี
ฯ เชิด โอด ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระรามเห็นกระบี่ภูมีกริ้วโกรธโกรธา
เหม่อ้ายพญาหนุมานแต่มึงทำการอาสา
ฆ่าอสุรม้วยทั้งลงกาบัดนี้พามัดมาหากู
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ หนุมานครวญครางร้องไห้ไม่ทูลได้ซบเศียรอยู่
พระรามเห็นอักษรอ่านดูก็รู้ว่าต้องมนตรา
จึงเอาพระหัตถ์ลูบหลุดพระทรงภุชขัดแค้นหนักหนา
๏ หนุมานก้มกราบทูลลาถ้ามิได้ข้าศึกไม่กลับคืน
ว่าพลางเหาะขึ้นเวหาขัดแค้นโศกาสะอื้น
ฯ เชิด ฯ
๏      ก็เหาะลงมาแผ่นพื้นฝ่าฝืนเข้านำท้พไป
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ พระพรตร้องถามหนุมานพระอวตารยังว่าเป็นไฉน
หนุมานว่าโกรธฟูนไฟอย่าพิไรมาไปต่อตี
ทูลพลางทางออกนำท้พกลับกลายแปลงองค์กระบี่ศรี
สี่กรสี่พักตร์รูจีก็นำไปที่กุมารพลัน
ฯ กราว ตระ ๔ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไปหน่อไทนารายณ์ไอศวรรย์
เห็นชี้บอกแก่น้องพลันนั่นแนอริราชยกมา
ว่าพลางทางลงขึ้นศิลป์แผ่นพื้นด้าวดิ้นดั่งฟ้าผ่า
ขวางออกบอกความเจรจาดูกรท่านมาไย
ทำไมอุกมาถึงนี่องอาจอวดดีหรือไฉน
เราเป็นเจ้าป่าพนาลัยเราไสร้ไม่ให้จรลี
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายอาว์ขับรถเข้าบัญชาเรามาหาผู้จับม้าขี่
เหตุเจ้าร่วมอาสน์โมลีกับตีมัดผูกหนุมาน
พระอวตารให้เชิญเจ้าเข้าไปแม้นขัดแข็งให้เราสังหาร
มาเข้าไปเฝ้าพระอวตารหาไม่จะสังหารบัดนี้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองพี่น้องตอบว่าอย่าจองหองฆ่าเราสองศรี
ทำไมมิให้จับม้าขี่ม้านี้ของใครว่ามา
มาดแม้นถ้าม้าของเธอเออปล่อยมาไยในป่า
เราได้ขี่เล่นไปมาชอบว่าขอเราจะให้ไป
มากลับว่าเราองอาจราชฐานโรงโกงอยู่ไหน
ทําไมมิให้มัดลิงไปใครใช้มันมาราวี
ฝ่ายเราเห็นแก่อวตารจึงไม่ประหารกระบี่ศรี
มัดไปให้แจ้งคดีชอบแต่จะขอบไมตรีกัน
นี่ถ้อยไม่ถามความไม่ว่าเจรจาแต่ล้วนจะหํ้าหั่น
เออสังหารมามาเล่นกันกระชั้นรุกว่าอย่าดูเบา
ชิตาพหลสกลไกรจะทำไมใครหรือเจ้า
อวดหาญแกล้งมาพาลเราเอาเถิดจะต่อฤทธา
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระอาว์ตอบวาทีสองศรีอย่าก้องแก้งว่า
เจ้าย้งเด็กเล็กสุนทราเราเมตตาดอกกุมาร
มาดแม้นไม่ลุกะโทษไทที่ไหนจะพ้นสังหาร
แน่เจ้าอันศรอวตารผลาญสิบสี่โลกก็บรรลัย
เทพามนุษย์รู้สิ้นเมืองแมนแดนดินหวาดไหว
ทำไมขี่ม้าของไทไม่แจ้งในสารหรือว่ามา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพี่น้องตอบพจมานราชสารอะไรในป่า
เมื่อมีแต่ลิงวิ่งตามมาอุกอาจเข้าป่าเราไย
ชิชะว่าเราก้องแก้งเด็กถึงเล็กก็หากลัวผู้ใหญ่ไม่
ท่านอย่าอวดองทะนงไปเราไม่ครั่นคร้ามวาจา
ตัวเราผู้ตั้งอยู่ในธรรม์หาพรั่นพรึงไม่อย่าว่า
อุ่ยหนาข้ากลัววิทยาโกรธาดันดึงพาที
ฯ กราวรำ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระพรตโกรธกริ้วหลิ่วแลเล็งยิงสองศรี
ศรเป็นข่ายแก้วราวีให้ไปพิฆาฎกุมารา
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระสัตรุตก็ผลานแผลงเป็นเพลิงเริงแรงเวหา
เปลวปลาบวาบถึงพระสุธารารอรอบองค์พระกุมาร
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ พระมงกุฎกวางศรไปเป็นพระขรรค์เพ็ชรไล่สังหาร
ฟาดฟันข่ายแก้วอสุรกาฬบันดาลแพ้ฤทธิหายพลัน
ฯ เชิด คำ ๒ ฯ
๏ พระลบก็ผลานแผลงซํ้าเป็นนํ้าล้างไฟที่กางกั้น
พระพี่น้องเยาะเย้ยไปพลันหุนหันเข้าต่อฤทธา
ฯ เชิด ฯ
๏ ยิงถูกพระสัตรุดพระพรตตลอดหมดทั้งพลอาษา
ระเนนล้มวินาศดาษดาอนุชาแผลงซํ้าตระหนํ่าไป
ฯ เชิด โอด ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานครั้นต้องพระพายฟื้นฝ่าฝืนเข้าหากลัวไม่
ฯ เชิด ฯ
๏ พระมงกุฎตีด้วยธนูชัยลิงไพรสลบซบซอน
จึงบอกเจ้าลบเอ๋ยดูลิงมันกลิ้งอยู่แล้วด้วยคันศร
๏ พระลบซํ้าโบยราญรอนอ้ายวานรตายแล้วพี่ยา
ฯ กราวรำ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระพรตฟั่นฟื้นขืนอารมณ์เสี่ยงคาถา
เดชะพระเดชเดชาพี่ยานารายณ์ช่วยพลัน
บัดนี้ต้วข้าต้องศรอย่าให้ม้วยมรณ์อาสัญ
อธิษฐานพลางทานํ้ามันพลันเนื้อติดหายเป็นดี
ฯ ตระ ๔ คำ ฯ
๏ แล้วคิดดูฤทธิกุมารคล้ายองค์อวตารเรืองศรี
เนื้อนะแน่งนวลนิลรูจีศรีทรงเหมือนองค์ภูวนัย
หรือว่าลูกนางสีดาเชษฐาให้ฆ่าหาม้วยไม่
ก็ผิดที่เจ้าล้กษมณ์ว่าบรรลัยครั้นจะท้กไปอายวิญญาณ์
คิดแล้วจึงตั้งอธิษฐานแม้นกุมารเป็นวงศ์พงศา
นํ้าเนื้อเชื้อชาติพี่ยาให้พลเป็นมาบัดนื้
ตั้งสัตย์ตร้สพลางสำรวมมนต์รี้พลเป็นขึ้นอึงมี่
ทั้งพระสัตรุดเป็นดีภูมีเร่งอัศจรรย์ใจ
จำเป็นจำกูจะแผลงผลานตามคำอวตารผูใช้
คิดพลางวางวิรุนปานำไปศรชัยเป็นนาคนาคี
ฯ กลม ๑๐ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระสัตรุดก็แผลงผลานเป็นเพลิงกาลไปเจียวจี่
รอบหน้าในศรวาสุกรีศรไม่ยายีสองรา
ฯ ตะบองกัน ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกุฎก็แผลงผลานบันดาลเป็นพระยาปักษา
ฯ แพละ ฯ
๏ พระลบแผลงเป็นท่อธาราดับวิทยาซึ่งเป็นไฟ
ฯ ปรายเข้าตอก ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายศรซึ่งไปเป็นครุฑฉวยฉุดนาคหนีตามไล่
แล้วแผลงศรชํ้ากระหนํ่าไปรุกไล่เขาต่อฤทธา
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ หนุมานครั้นต้องพระพายเป็นเต้นแอบแนบบังพฤกษา
คอยมองจับสองกุมาราสอดนัยนาดูท่วงที
ฯ แพละน้อย ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายอาว์ขึ้นศรพรหมาศพาดสายเสี่ยงทูนเหนือเกศี
มาดแม้นเป็นวงศ์พงศ์พีร์ศรศรีอย่ากินกุมารา
แต่พอสลบจ้บได้จะเอาไปถวายเชษฐา
เสี่ยงพลางทางตั้งสัจจาว่าแล้วก็ผลานแผลงพลัน
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ พระมงกุฎรับข้อพระกรอ่อนพระนลาตกระทบศรรังสรร
ฯ เชิด ฯ
๏ ล้มกลิ้งลิงเข้าจับพลันคาดคั้นเอาสองกุมารา
ฯ เชิด โอด ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าลบลอดหนีได้ด้นดั้นเข้าไพรพฤกษา
ฯ กลม ฯ
๏ หนุมานมัดเอามงกุฎมาพาเข้าถวายฉับพลัน
ฯ ๒ คำ เตียว ฯ
๏ พระพรตเห็นร้องสั่งไปขันขึงมันให้แน่นมั่น
ฯ เจรจา ฯ
(ทรงแทรก)
๏ หนุมานจำใส่ตะโหงกพลันมอบกันร้กษากุมารา
๏ พระพรตจึงสั่งหนุมานเร่งจัดทหารค้นป่า
น้องม้นวิ่งเข้าพนาวารีบร้นค้นหาบัดนี้
ฯ เจรจา ฯ
๏ หนุมานรับสั่งสั่งพลันให้พลขันธ์ค้นพนาศรี
ฯ เชิด ฯ
๏ พลขันธ์เข้าค้นพนาลีมิพบก็เข้าบงคมคัล
ฯ เชิด ฯ
๏ ข้าค้นหาอ้ายกุมารหนีทุกซอกพนาลีเขตต์ขัณฑ์
จบทั่วไม่พบตัวมันอัศจรรย์หนกหนาภูมี
ฯ เจรจา ฯ
๏ พระพรตก็สั่งทันใดจวนอโณทัยคล้อยรังสี
ก็เลิกพหลมนตรีกลับรี้พลคืนพารา
ฯ กราว ฯ
๏ ฝ่ายข้างเจ้าลบเห็นทัพกลับลับเนตรแล้วออกค้นหา
ล่าลอดสอดดูพี่ยาพบแต่ธนูศิลป์ชัย
โออนิจจาพระพี่เอ๋ยกรรมสิ่งใดเลยมาซัดให้
มาดแม้นถ้าม้วยบรรลัยน้องไม่ขออยู่จะตายตาม
เป็นสัตย์สุจริตพระพี่น้องมิได้คิดเข็ดขาม
ครั้นน้องจะเข้าไปตามความนี้ไม่แจ้งชนนี
น้องขอไปแจ้งอาจารย์แล้วจะลามารดาไปตามพี่
โอ้ว่าเทวัญจันทรีปรานีอย่าให้มรณา
คิดพลางทางหยิบเอาศิลป์ศรบทจรคนึงถึงเชษฐา
ก็แจ้งใสในราชปัญญาอ่อเทวาบังให้กู
ดีร้ายพระพี่ไม่ม้วยเมื่อเข้าไปช่วยจะได้สู้
คิดพลางยกศิลป์ใส่เศียรชูก็วางวู่กรรแสงวิ่งมา
ฯ เชิด โอด ฯ
(ทรงแทรก สุดดรงนี้)
๏ ครั้นถึงจึงร้องแถลงสารบันดาลโอดโอยโหยหา
สะอึกสะอื้นเจรจาเขาเข่นฆ่าจับพระพี่ไป
ครั้นข้าจะเข้าไปตามหาใครมาบอกความไม่
ขอลามารดาอาจารย์ไปติดตามภูวนัยพี่ยา
ฯ ๑๖ คำ ฯ
             

พระลบแจ้งข่าวนางสีดา พระมงกุฎถูกจองจำ

โอ้
๏ สีดาฟังลูกลบทูลอาดูรเทวศเสน่หา
โอ้ว่ามงกุฎเจ้าแม่อาอนิจจามาจากแม่ไป
มาดแม้นถ้าฟังคำแม่เที่ยงแท้หามอดม้วยไม่
ป่านนี้จะเป็นประการใดหรือบรรล้ยแล้วลูกยา
แม่ไม่เห็นเลยว่าบุญน้อยร้อยชั่งมาด้บสังขาร์
มาดแม้นถ้าม้วยมรณาแม่จะกลั้นชีวาตายตามไป
พระลบลูกน้อยของแม่เอ๋ยทรามเชยเจ้าจงแถลงไข
เดิมเหตุเภทผลกลใดอย่างไรเขาจับพี่ยา
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ พระลบกราบทูลมารดรเดิมบทจรเล่นป่า
มีสัตว์ต้วหนึ่งเจษฎาหนังสือแขวนมาว่าพาชี
ฝ่ายข้าพี่น้องขี่เที่ยวบัดเดี๋ยวเผือกผู้กระบี่ศรี
ม้นจู่โจนจับพระพี่ตีกระบี่ต้องคันศรสลบพลัน
จึงช่วยกันมัดลิงปล่อยลิงน้อยวิ่งเข้าพนาสัณฑ์
ก็เที่ยวเล่นป่าพนาวันจึงพบพลข้นธ์ยกมา
นายกองร้องบอกพระพี่ว่ามีรับสั่งให้หา
พระพี่กริ้วโกรธโกรธามันอหังการ์แล้วก็ชิงชัย
ต่างต่างยิงก้นไปมามันร้องว่าอวตารใช่
ข้าก้บพระพี่วางศรไปบรรลัยหมดแล้วพระมารดา
อยู่สักประเดี๋ยวเป็นคืนฝืนเข้าต่อรบฝ่ายข้า
มันแผลงศรหนึ่งมหึมากระทบหน้าผากพี่สลบไป
ฝ่ายข้าก็ยิงศรสู้อ้ายวานรจู่จ้บพี่ได้
ฝ่ายม้นรวบข้าเข้าไว้ข้าปลิ้นออกได้หนีมา
ครั้นทัพกลับแล้วข้าไปตูเห็นธนูศรไชยเชษฐา
อัศจรรย์อยู่แล้วพระมารดากิริยาเทวาปรานี
มาดแม้นถ้าตามเห็นได้เหมือนหนึ่งจะให้ชิงชัยศรี
พระแม่พระตาจงปรานีจับธนูศรศรีอำลา
ฯ ๑๘ คำ ฯ
โอ้
๏ สีดาคร่าฉุดยุดไว้ยังจะไปอีกหรือให้ว่า
เมื่อไม่ฟังเลยนี่ลูกยาพระฤษีขาจะดึงไป
อันลิงผ่องเผือกผู้ขาวคือทหารห้าวแห่งผู้ใหญ่
ชื่อหนุมานชาญชัยสองไทคือองค์อนุชา
ชะรอยรู้ว่าไม่ตายจึ่งจองร้ายทำลูกข้า
โอ้ว่ามงกุฎเจ้าแม่อาอนิจจามาจากแม่ไป
พระลบลูกน้อยของแม่เอ๋ยทรามเชยฟังแม่แถลงไข
พี่เจ้าก็ม้วยบรรลัยแม่ได้เห็นหน้าแต่ลูกยา
เป็นกรรมสิ่งไรมาจองผลาญพระอาจารย์ขาเขาจึงเข่นฆ่า
เมื่อเท่านี้หรึอมิเมตตาอ้ายใจมหาย้กษ์จังไร
ถึงมาดดุก็เป็นเด็กไม่ควรที่ทำลูกเล็กได้
แสนโศกวิโยคอาลัยสะอึกสะอื้นไห้ไปมา
ฯ โอด ๑๒ คำ ฯ
ยานี
๏ ฤษีก็เข้าฌานดูรู้ว่ากุมารไม่สังขาร์
จึงบอกนวลนางสีดาเจ้าอย่าได้ร้อนรนใจ
จึงให้อ้ายลบเอาแหวนก้อยลูกน้อยของมึงไปแก้ไข
ญาณี
๏ สีดาก็รูดส่งไปตามแต่ท่านไทพระมุนี
ฯ ๔ คำ ฯ
ยานี
๏ ฤษีจึงสั่งพระลบหลานแม้นนางคราญหนึ่งส่งศรี
นะแน่งนิ่มนวลรูจีมิได้กะพริบนัยนา
ถ้าเห็นนางมาตักนํ้ามึงทำอ้อนวอนจงหนักหนา
ว่าจะช่วยตักให้เอาบุญญานางจะพาไปรดกุมาร
จึงเอาแหวนใส่ในขะนนเศกมนต์แล้วเจ้าอธิษฐาน
นางนั้นแลเทพบันดาลชลธารถึงแล้วจะรอดมา
ฝ่ายเจ้าอย่าได้ประมาทอ่านวิทยาศาสตร์คาถา
เข้าแอบอยู่แทบทวาราไปกว่าจะพบนวลนาง
แต่ว่าอย่าเพ่อคลาไคลพระเคราะห์ยังให้ขัดขวาง
สีดาจงเสี่ยงสัตย์นางพลางเข้ามณฑลกุมารา
ฯ ตระ ๑๐ คำ ฯ
ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทไตรตรึงษ์ดึงสา
ปรานีฤษีสีดาเมตตาลงช่วยกุมาร
ซึ่งต้องรัดรึงขึงไปก็ไม่เจ็บปวดเกษมสานต์
ด้วยกรรมทำหน่ออวตารจึงบันดาลดลอาว์ไป
ที่พระอาว์ว่าจะแจ้งกิจกรรมปิดหาทูลได้ไม่
ก็จะให้ว้าวุ่นขุ่นเคลิ้มใจครั้นช่วยแล้วไปวิมานพลัน
ฯ เชิดปฐม ๖ คำ
ร่าย
๏ ฝ่ายอาว์ครั้นถึงซึ่งกรุงไกรขึ้นไปเฝ้าไทไอศวรรย์
๏ พระรามเห็นเรียกน้องพลันได้มันหรือไม่ไพรี
ฯ เจรจาในเพลง ๒ คำ เสมอ ฯ
๏ พระสัตรุดพระพรตทูลไปจับได้มันมาแต่พี่
อ้ายน้องวิ่งเข้าพนาลีหนีรอดไม่ได้ตัวมา
ทูลพลางสะท้อนฤทัยข้ดแค้นใจหนักเชษฐา
แต่ข้ารองเบื้องบาทาไม่ต้องอาวุธผู้ใด
ครั้งนี้มันยิงตลอดปรุถูกทะลุรี้พลม้วยไหม้
หากอธิษฐานเอาบุญไทจึงได้มารองบาทา
ฯ ๖ คำ ฯ
ช้า
๏ เมึ่อนั้นพระรามสุริวงศ์รุ่งฟัา
จึงตรัสแก่สองอนุชาทั้งพญาหนุมานชาญชํย
อันอ้ายกุมารมีฤทธิ์นักจึงอาณาจักรลั่นหวั่นไหว
หากเจ้ากับหนุมานไปหาไม่ไม่ได้ตัวมา
นี่แน่เจ้าให้เขาจองจำทำโทษแก่มันให้หนักหนา
เอาขึ้นขาหย่างกลางภาราทะเวนให้ครบเจ็ดวัน
แล้วจึ่งบั่นเศียรเสียบไว้ให้เลื่องลือไปเขตต์ข้ณฑ์
อย่าให้มันดูเยี่ยงกันไว้มันจะเป็นราคี
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ พระลักษมณ์ก็รับสั่งลาให้หาตำรวจอึงมี่
ฯ เจรจา ฯ
๏ ตำรวจเข้าทูลทันที บัดนี้นครบาลมา
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายองครักษ์จ้กรนารายณ์วุ่นวายแก่กันหนักหนา
ประนังทำจำจองกุมาราโซ่ตรวนขื่อคาครบครัน
ทั้งม้ดทั้งผูกรังรึงขันขึงเข้าไว้แน่นมั่น
พนมแอกแตกขื่อโยงมือพลันกระสันใส่พืดตรึงตรา
ครั้นเสร็จเอาขึ้นขาหย่างย่างแดดลมไว้เวหา
ฯ เจรจา ฯ
๏ แทบตะแลงแกงกลางภาราทะเวนไปตามสั่งพล้น
ฯ เจรจา ๖ คำ ฯ
ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปชาวในนิเวศเขตต์ข้ณฑ์
อีกทั้งไพร่ฟ้าข้าขอบคันชวนกันไปดูกุมาร
เห็นต้องระนังรังรึงคะนึงพะวงสงสาร
รูปทรงเหมือนองค์อวตารครั้นจะบันดาลทักก็กลัวภัย
แต่สะกิดกระซิบบอกเพื่อนความเหมือนตละหนึ่งเถือไส้
เออนี่ลูกเต้าของใครไฉนจึงมาอหังการ์
เมื่อเจ้าเด็กเล็กเท่านี้หรือมีฤทธีแกล้วกล้า
โอ้ว่าแต่เครื่องพันธนาหนักหนานักน่าไม่ข้ามคืน
เจ้าเหวยข้าขอให้ทานนักโทษกุมารแต่พอชื่น
กินนี่หรือพ่อแต่พอฟื้นขืนให้เสวยโภชนา
ลางบ้างก็ให้นํ้าอ้อยกินเถิดอร่อยหนักหนา
พอหายระหวยวิญญาณ์ทาไส้ให้มีแรงไป
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ พระมงกุฎขอบใจให้ทานต่อข้าขอทานเขาเราให้
๏ ผู้คุมรับปันกันไปทะเวนคลาไคลมิช้า
ฯ เดียว ๒ คำ ฯ
โอ้ร่าย
๏ พระมงกุฎคะนึงถึงเหตุทูนเทวศเสร้าสร้อยละห้อยหา
โอ้ว่าอาจารย์มารดาไม่รู้ว่าเป็นประการใด
มาดแม้นถ้าน้องไม่ม้วยจะได้ไปช่วยแถลงไข
ก็ไม่แจ้งเหตุเภทภัยทำไฉนจะรู้คดี
คิดแล้วจึ่งกลั้นความโศกถามออกนามเมื่อชิงชัยศรี
๏ ผู้คุมก็บอกทันทีหนีรอดไม่ได้ตัวมา
ฯ ๖ คำ ฯ
ครวญ
๏ มงกุฎครวญครํ่ารํ่าไรหม่นไหม้ดุจดังจะเป็นบ้า
มาดแม้นถ้าน้องถึงมารดาหน้าที่จะทรงโศกี
อีกทั้งพระมุนีเจ้าจะโศกสร้อยเสร้าหมองศรี
ที่ไหนจะได้สมฤดีเหมือนแกล้งชนนีอาจารย์
โอ้ว่าถ้าฟังคำแม่เที่ยงแท้ไม่จากถิ่นฐาน
โพยภัยไม่มีมาพานจะสำราญทั้งอาตมา
เสียแรงกูเอากำเนิดให้ซ้ำเกิดโทษไปภายหน้า
แสนโศกวิโยคโศกาตรึกตราตั้งสัจจวาที
แล้วเสี่ยงเอาคุณมารดาทั้งคุณเทวาฤษี
อธิษฐานพลางจรลีจนสิ้นแสงศรีสุริยา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ผู้คุมครั้นไปทะเวนเสร็จพาเสด็จย่างไว้เวหา
รักษาตรวจจัดอัตราครบห้าหกวันราตรี
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
             

พระลบช่วยพระมงกุฎหนี พระรามเตรียมยกทัพไปจับพระมงกุฎ

ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทท่านท้าวโกสีย์
ใช้รัมภาเทวะจรลีนารีไปช่วยกุมาร
บัดนี้ฤษีจะให้หลานแอบทวารไพชยนต์พิศาล
เขาจะอ้อนวอนตักชลธารเยาวมาลย์เจ้าให้กระออมพลัน
ถ้าเขาเอานํ้ามาส่งจงพาเข้าในเขตตขัณฑ์
เจ้ารดกุมารฉับพลันพันธนาหลุดแล้วบังมา
ให้พ้นจากที่จองจำนำออกยังไพรพฤกษา
๏ รัมภาก็รับสั่งลามาดูท่าทางทันที
ฯ เพลงพิราบป่า ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทชะมฤคฤษี
สั่งแก่หลานลบทันทีจงเอาศรศรีพี่มึงไป
กับทั้งธนูของมึงจึงจะได้ช่วยกันแก้ไข
เอ็งทำตามสั่งแต่ไรเจ้าไปเถิดเร่งจรลี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระลบก้มกราบอำลาทั้งพระมารดาฤษี
เคารพอภิว้นท์ยินดีพาแหวนศรศรีบทมาลย์
ฯ ปลูกต้นไม้ ฯ
๏ ถึงจึ่งแอบองค์ตามสั่งบังทวารไพชยนต์พิศาล
แลลอดสอดคอยนงคราญตามคำอาจารย์บัญชา
ฯ พันพิลาป ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายรัมภานางซึ่งลงช่วยขวยเขินแกล้งทำเป็นทาษา
กระเดียดกระออมลีลาออกมาแทบปากทวารชัย
ฯ เพลงแขก ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระลบเห็นนางเยื้องย่างออกกล่าวแถลงไข
พี่ขาตักนํ้าทำไมข้าตักให้หรือนที
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏      นางว่าจะไปให้ทานกุมารโทษชิงชัยศรี
วันนี้แล้วเขาจะฆ่าตีปรานีใคร่สรงคงคา
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ พระลบขอตักชลธารเหมือนท่านให้ทานบุญข้า
นางส่งกระออมมิช้าตักมาเถิดเจ้าอย่านาน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระลบจึงลงตักนํ้ากระทำเศกเป่าอธิษฐาน
ฯ ตระ ฯ
๏ เอาแหวนใส่ในชลธารเสร็จการขึ้นจากวารี
ฯ เดียว ฯ
๏ ครั้นถึงจึงส่งกระออมให้เข้าแอบทวารชัยศรี
ฯ กลม ฯ
๏ รัมภาก็พาจรลีไปที่กุมารมิช้า
ฯ เพลง ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างผู้คุมถามไถ่ตักน้ำทำไมทาษา
๏ นวลนางชะม้อยเจรจาข้าปรารถนาเอาบุญ
เพื่อจะให้ทานน้ำเป็นทานกุมารโทษที่จะดับสูญ
เอ็นดูเถิดเจ้าเอาบุญทำคุณขอให้นที
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างผู้คุมพานเกี้ยวมานี่ประเดี๋ยวก่อนสาวศรี
ไปไหนไม่ให้จรลีกรุณาพี่จึงจะให้คลา
ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ
๏ ฝ่ายรัมภาตอบเป็นพาลให้ทานแล้วจึงจะมาหา
ฯ เจรจา ฯ
๏ ผู้คุมก็ให้ไคลคลาอย่าช้านักเร่งออกไป
ฯ สะระบุหรง ๒ คำ ฯ
๏ รัมภาพานํ้าเข้าไปสรงธำมรงค์บังเอิญสรวมใส่
พันธนาหลุดแล้วเอาใจมาไปเถิดพ่ออย่าโศกา
บัดนี้อาจารย์มารดรร่านร้อนรัญจวนป่วนหา
ให้น้องน้อยลบตามมาว่าพลางทางพาจรลี
ฯ ตะบองกัน พิลาป ฯ
ร่าย
๏ ฝ่ายพระมงกุฎขอบคุณอาดูรถึงมารดาฤษี
ดีใจได้แหวนชนนีติดนิ้วชี้ตามนางไป
ฯ เพลง ฯ
๏ เดชะเดชเทวะธำมรงค์ใครแลหาเห็นองค์ไม่
ครั้นถึงซึ่งปากทวารชัยนางฟ้าก็ไปวิมานพลัน
ฯ เหาะ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระลบเห็นพี่โศกีออกรับเกษมสันต์
ถวายศิลป์ธนูพลันพากันเข้ายังอรัญวา
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไปฝ่ายผู้พิทักษ์รักษา
แลไปไม่เห็นกุมาราอัศจรรย์วิ่งหาวุ่นวาย
บ้างบอกแก่ก้นไปมาพอพริบตาลงเห็นหาย
ชะรอยรู้บังเลื่อมกายหายตัวล่องหนสะเดาะไป
ลางบ้างตามรอยบทจรออกนอกนครเข้าป่าใหญ่
ฯ เชิด ฯ
๏ รอยเท้าก้าวเป็นสองคนไปครั้นทันจะเข้าใกล้กลัวฤทธี
พระมงกุฎเหลือบเห็นร้องเจรจาให้เจ้ามึงมาชิงชัยศรี
๏ ผู้ตามขามฤทธิ์วาทีเกลือกมิอยู่ช้าไม่พ้นภัย
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระพี่น้องร้องด่ากูหาหนีพ่อแม่มึงไม่
ชวนน้องเก็บผลมิ่งไม้กินถ้าอยู่ที่ไพรวัน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ผู้คุมแบ่งกันมาแจ้งเหตุเข้าในนิเวศเขตตข้ณฑ์
ก้มเกล้ากราบเรียนสุมันตันตามอันคดีมีมา
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ สุมันตันจึ่งเข้ากราบทูลไอสูรย์บรมนาถา
๏ ก็กริ้วโกรธให้เตรียมโยธากูจะกรีฑาทัพต่อตี
เหม่มึงออกไปจองจำอ้ายผู้ทำให้กุมารหนี
แล้วเร่งรัดกันจงทันทีกูจะกรีฑาทัพตามไป
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระอนุชารับสั่งเตรียมท้พสรรพทั้งพยุหน้อยใหญ่
ฯ เจรจาฯ
๏ สุมันตันจองจำกันไปตรากตรำกันไว้ตามบัญชา
๏ ครั้นเสร็จมาช่วยเตรียมพลปีกป้องพหลซ้ายขวา
ฯ เจรจา ฯ
๏ สรรพทั้งจตุรงคโยธาเสร็จพากันเข้าอัญชลี
ฯ เชิด ฯ
๏ บัดนี้พหลสกลไกรสำรับพยุหชัยศรี
กะเกนกันแล้วภูมีจงแจ้งธุลีท่านไท
อันอ้ายนักโทษกุมารเข้ากาลลวาตป่าใหญ่
ผู้คุมก็ตามสะกดไปได้ร่องรอยอยู่ภูมี
ฯ ๘ คำ ฯ
โทน
๏ เมื่อนั้น พระอวตารผู้ชาญชัยศรี
ชวนสามอนุชาสรงวารีสี่องค์สำอางอาภรณ์
ทรงมงกุฎสังวาลตระการแก้วแล้วสะพกสะพายแล่งแสงศร
เขียวเหลืองเรืองรัศอัมพรกระจายจรแดงกํ่าดำพราย
ดุจดังอโณทัยไตรตรัสแจ่มจัดวิเชียรเฉิดฉาย
ระย้าระยับทับทรวงลายกระจายจรกรรเจียกเพราตา
พาหุรัดรัศมีชายแครงศรีแสงชายไหวซ้ายขวา
ดั่งเทวะเลื่อนลอยเมฆาลีลาดลรถจรลี
ฯ เพลงกราว ๘ คำ ฯ
โทน
๏ รถเอยราชรถทรงยศยงด้วยนิลรังษี
รถแดงแข่งรัศรูจีรถเขียวเหลืองศรีเพราพราย
สี่รถยศยิ่งเจษฎาสุนทราดั่งเทวะเฉิดฉาย
ระย้าระย้อยพร้อยพรายกระจายไขรัศอัมพร
โดยวิเชียรฤทธิ์สิทธิเดชทุกนิเวศสาธุการอยู่สลอน
ลอยเลึ่อนละลิ่วอัมพรจามรจรบังอโณทัย
อภิรุมชุมสายพรายพรันเศวตรัตรฉัตรกั้นไสว
พัชนีวีระยาบปลาบไปวิไลวิเล่จะบาดตา
อีกทั้งฆ้องกลองแตรสังข์ประดังกันไปซ้ายขวา
อื้ออึงคนึงโกลากึกก้องท้องฟ้าอลวน
พร้อมด้วยเสนาเสนีจตุรงคโยธีสับสน
ขุนตำรวจตรวจจัดรี้พลเร่งพหลนิกรตามไป
ฯ เชิด ฯ
             

ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา

หนุมานเกี้ยววานริน

ความตอนเริ่มต้นขาดไปบ้าง กลอนแรกเป็นคำของนางวานริน

๏ ฝ่ายข้าก็เห็นสุดทีชิเจ้าคนดีมุสา
อย่าโป้ปดคดคิดเจรจาไม่สบายวิญญาณ์อย่ายายี
ซึ่งข้าจะคืนยังสถานต่อพระอวตารรังสี
เธอปราบอรินไพรีใช้ขุนกระบี่หนุมานมา
ติดตามอสุระผู้หนีข้านี้ได้ร่วมเสน่หา
หนึ่งข้าได้แจ้งกิจจาข้าจึ่งจะพ้นสาปไป
เจ้าอย่าล่อเลี้ยวลวงกันข้าคนสำคัญไม่ได้
ฝ่ายข้าเจ่าจุกทุกข์ใจเซ้าซี้อยู่ไยไม่เข้ายา
ฯ ๑๔ คำ ฯ
ร่าย
๏      เจ้าเอยเจ้าพี่มารศรีเสาวภาคย์อย่ากังขา
พี่คือทหารพระรามาพนิดาอย่าแหนงแคลงใจ
ทรงนามชื่อหนุมานเป็นทหารห้าวแหงผู้ใหญ่
ฝ่ายอสุรยกออกไปชิงชัยต่อด้วยพระราชา
พระองค์ทรงยิงศรผลาญสังหารมารหมู่ยักษา
ถูกวิรุญจำบังอสุรายักษาหลบหลีกหนีไป
จึ่งให้พี่มาติตตามนางงามเจ้ารู้บ้างหรึอไม่
มันไปแห่งหนตำบลใดบอกให้หน่อยเถิดนารี
อันซึ่งธุระของเจ้าขวัญเข้าไว้เป็นธุระพี่
จะให้ได้ดั่งใจเทวีก็เซ้าซี้ไปตามกิจจา
ฯ รอบก้อย ๑๐ คำ เจรจา ฯ
๏ เมึ่อนั้นวานรินนารีศรีฟ้า
ได้ฟังถ้อยคำเจรจานางฟ้าประชดประชันไป
ชิตาทหารพระราเมศทรงเดโชชัยเป็นใหญ่
อ้อนแอ้นเอวกลมวิไลช่างจะไปตามมารอสุรา
แม้นย้กษ์จะเด็ดทีเดียวคาเขี้ยวก็ไม่ได้อย่ามุสา
นี่เจ้าได้ยินใครเจรจาจึงว่าเป็นองค์หนุมาน
ข้าใคร่กล่าวแกล้งห้ามไว้มิให้เจ้าไปสังหาร
ชิชะเจ้าตัวหุนมานยังเห็นท่านเป็นประการใด
ยังมีเขี้ยวแก้วกุณฑลขนเพชรมาลัยอยู่ไหน
เจ้ามีดาวเดือนอโณทัยอยู่ในโอษฐ์หรือช่างเจรจา
ไฉนไม่เป็นวานรนี่คนซอกซอนอยู่ในป่า
ลวงเราไม่ได้ดั่งจินดาแกล้งว่าจะไปตามไพรี
อันวิรุญจำบังมารต้องศรอวตารเรืองศรี
ตัวเจ้าจะไปต่อตีที่ทางเราได้สาคัญ
ว่าพลางทางเย้ยไปมาชิเจ้าฤทธาแข็งขัน
ยังได้สลักสำคัญบั่นแบ่งให้แจ้งบัดนี้
ฯ ๑๖ คำ ฯ
ยิกิ่น
๏ บัดนั้นจึงพญาหนุมานกระบี่ศรี
ชื่นชมโสมนัสเทวีมีสุนทรยกย่องบัญชา
ดูกรนางนิ่มน้อยถ้อยคำเลิศลบเลขา
พี่ขอบใจเจ้าเยาวสุดาไม่หลงรูปรสวาที
สมควรนวลเจ้าเป็นบาทบงสุ์องค์อิศวรราชรังสี
สู้ตายไม่ให้ประเวณีต่อทื่คู่ควรจึ่งปรองดอง
เจ้านี้ยศยิ่งยอดกัญญาสาวสวรรค์ชั้นฟ้าไม่มีสอง
อยาแคลงพี่จะให้แจ้งน้องขอต้องนิดหนึ่งนารี
นี่แน่เมื่อพบอสุรายังกรุณาบ้างหรือสาวศรี
หรือว่าเจ้ากลัวมันราวีจูบทีพี่จะแผลงฤทธา
ก็ผาดเผ่นโผนกลายกลับโตค้บคิรีถ้ำพระคูหา
เผือกผ่องพึงพิศเจษฎาอ้าโอษฐ์มีเดือนดาวตะวัน
ทรงกุณฑลขนเพชรมาลัยเขี้ยวแก้วอำไพเฉิดฉัน
ดุจดั่งไขสีรวีวรรณก็จรจรัลโลมถามเทวี
ฯ คุกพาทย์ ๑๔ คำ ฯ
ยิกิ่น
๏ ยอดเอยยอดมิ่งยังจริงหรือไม่มารศรี
พี่จะติดตามต่ออสุรีจงชี้ท่าทางบอกไป
อันซึ่งธุระของเจ้าขวัญเข้าไว้พี่แก้ไข
ต้องสาปเหดุผลกลใดจูบให้เร่งว่าเนื้อความมา
ฯ คุกพาทย์ ๔ คำ ฯ
มโนราห์โอด
๏ วานรินตรีดตราดพาทีโปรดเกศีเถิดอย่าทำข้า
ไม่รู้ว่าองค์ศ้กดาขอษมาโทษเถิดภูมี
ข้าเป็นข้าบาทเจ้าโลกาอิศราศวรราชรังสี
ชื่อวานรินนารีพระศุลีสาปข้าลงมา
รักษาอังกาศคิรีที่สุวรรณถ้ำคูหา
เมื่อข้าอยู่ก้บเจ้าโลการักษาประทีปอัคคี
วันหนึ่งจึ่งเธอออกนั่งยังบัลลังก์รัศรังสี
สนทนาไญยธรรมอันมีกับนารอทฤษีมีญาณ
ข้าพูดกับเทวบุตรเล่นเธอไม่เห็นอยู่ราชฐาน
ประทีปก็ดับไปช้านานระแวงราชการต้องสาปมา
ว่าต่อท่านได้มาพบสบสมรักร่วมเสน่หา
จึงให้คืนคุงมุลิกายังมหาไกรลาศคิรี
หนึ่งให้คอยบอกกิจการวิรุญจำบังมารยักษี
แก่ท่านผู้มีฤทธีข้านี้ก็จะพ้นสาปไป
บัดนี้วิรุญจำบังมารต้องศรอวตารเป็นใหญ่
มันหนีอยู่ริมสมุทรไททิศใต้ในฟองคงคา
ไปเถิดให้ได้ดังประสงค์จงสำเร็จจำนงปรารถนา
ก็เป็นไรจึ่งไม่ไคลคลามารวบรัดข้าว่าไร
ไหอะไรมาเซ้าซี้หารู้ที่ยินดีด้วยไม่
อย่ามาจู้จี้น้ำใจอายฤท้ยอยู่ไม่ไยดี
ฯ ๒๐ คำ ฯ
ชาตรี
๏ ขวัญเอยขวัญตากรุณาบ้างเถิดมารศรี
พี่จะติดตามต่อไพรีปรานีเหมือนอวยช้ยไป
ว่าพลางทางรวบรึงรัดเออนี่หยิกกัดเป็นไฉน
ดูแรงแข็งขืนหรือไรฟัดฟั้นกันไปเป็นโกลา
ฯ คุกพาทย์ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ วานรินตรีดตราดครื้นเครงเจ้าข้าเอยข่มเหงทำข้า
สาปไม่พ้นก็จะทนเวทนาข้าหายอมไม่ภูมี
เออนี่ทำไมมารึงรัดสะบัดพลางทางว่าน่าบัดสี
ไปเสียไปข้าไม่ประเวณีอย่าหยักเหยาเซ้าซี้กวนใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่มารศรีอย่าหม่นหมองไหม้
ถึงอยู่ไม่ชูอาลัยจงสำราญบานใจจะขอลา
ว่าพลางทางทำเป็นคลาไคลทำไมมายุดชายผ้า
เช่นพี่หรือจะมีเจตนาฉุดผ้าข้าไยเทวี
ชาตรี
๏ กลับนั่งแนบน้องเจรจากรุณาบ้างเถิดอย่าผินหนี
จะอยู่ก็ไม่ไยดีจะไปก็มิให้ไคลคลา
ว่าพลางทางโอบอุ้มน้องคืนเข้าถํ้าทองคูหา
ฯ เสมอ ฯ
โอ้โลม
๏ แสนสนิทพิศวาสตรึงตราเสน่หาอัดอั้นพูนทวี
ก็รัดรึงตระบึงร่วมรสภุมรีจ้องจรดเกสรศรี
กลั้วเกลือกกลีบเกศสุมาลีปรีดาผาสุกสนุกใจ
ฯ โลมปี่พาทย์ ๑๐ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นวานรินนารีศรีใส
อยู่กับหนุมานชาญชัยมิได้จะนิราศคลาดคลา
จึ่งแจ้งกิจการยุบลซึ่งทนยากอยู่ในพระคูหา
นานเนิ่นเกินเจียนกาลมาข้านานได้ถึงหมื่นปี
อันจะพ้นทนทุกข์เวทนาเพราะพระภัสดาโปรดเกศี
เมียจะไปไกรลาศคิรีปรานีให้ได้ดั่งใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมึ่อนั้นจึ่งพญาหนุมานทหารใหญ่
รับคำวรราชนางในอย่าร้อนรนใจกัลยา
พี่คิดจะติดตามต่อไพรีแล้วจะกลับมาที่พระคูหา
จึ่งจะส่งไปสวรรค์ชั้นฟ้าก็เหาะมายังมหาสมุทรไท
ฯ เชิด ฯ
             

หนุมานสังหารวิรุฬจำบัง

๏ ครั้นถึงจึงพิจารณาฟองลอยฟ่องล่องตามน้ำไหล
แต่ฟองน้ำอันหนึ่งไสร้โตใหญ่หลวงล้ำมหึมา
ไม่ลอยลงไปเหมือนทั้งปวงท่วงทีจะเป็นยักษา
ก็ผาดโผนแผลงฤทธาเท่ามหาพรหมาเกรียงไกร
มีหางใหญ่ยาวเจษฎากระหวัดฟองคงคาอันใหญ่
สองหัตถ์คลำพิจารณาไปที่ในมหาชลธาร
ฯ เชิด ๑๐ คำ ฯ
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังตกใจก็รู้ว่าภัยมาตามผลาญ
จึ่งอ่านพระเวทวิชาการบันดาลแทรกตัวออกมา
ฯ ตระ เชิด ฯ
๏ พ้นจากวงหางขนกระบี่อสุรีอายใจยักษา
ก็ผาดโผนแผลงฤทธากลับเข้าเข่นฆ่าหนุมาน
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานเผ่นโผนโจนรบจับกุมกันตามกำลังหาญ
ฯ เชิด ฯ
๏ วิรุญจำบังตีหนุมานพลำทานมิได้จมไป
ฯ เชิด ฯ
๏ หนุมานผุดขึ้นอ่านมนตร์เข้าผจญชิงเอาตระบองได้
ตีวิรุญจำบังจมไปผุดเมื่อไรซํ้าตีอสุรา
ฯ เชิด ฯ
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังอ่านมนตร์ประตาต้นไม่ขึ้นเข่นฆ่า
สมาธิสำรวมวิญญาณ์อยู่ในมหาน้ที
ฯ ตระ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจึ่งพญาหนุมานกระบี่ศรี
นิมิตหางโตใหญ่ยาวรีล้อมรอบนัทีคงคา
เบื้องตํ่าจรดเพียงบาดาลโดยสูงตระหง่านพระเวหา
ค่อยกระหยับจะจ้บอสุราทำฤทธาอยู่ที่วารี
ฯ ตระ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิรุญจำบังยักษี
ซึ่งหลีกหลบอยู่ในนัทีมิรู้ที่หนีหนุมาน
ครั้นเห็นกระหยับหางเข้าทีใดร่านร้อนฤทัยดังไฟผลาญ
พ้นที่จะต่อหนุมานก็ลนลานอยู่ในสมุทรไท
ฯ คุกพาทย์ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจึงพญาหนุมานทหารใหญ่
กระหวัดหางรัดรวบเข้าไปก็จ้บตัวได้อสุรี
ขึ้นฟัดกับพื้นพสุธาย้กษามอดม้วยเป็นผี
ฯ เชิด โอด ฯ
๏ ตัดเอาศีรษะอสุรีขุนกระบี่ก็พาเหาะมา
ฯ เดี่ยว ฯ
๏ จึงตรงลงยังคิรีที่สุวรรณถํ้าทองคูหา
จะโปรดวานรินกัลยาทิ้งศีรษะไว้เข้าไป
ฯ เสมอ ๖ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นวานรินนารีศรีใส
แต่หนุมานคลาไคลนางในไม่เป็นสมปฤดี
แสนวิโยคโศกสร้อยคอยหากลัวว่าจะพ่ายแพ้ยักษี
เจ่าจุกทุกข์ใจเทวีแลไปเห็นศรีหนุมาน
วิ่งออกไปรับขุนกระบี่มารศรีปรีดิ์เปรมเกษมสานต์
นำเข้าแท่นที่นางคราญก็เบิกบานอยู่ในคิรี
ฯ เพลง ๖ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ เมื่อนั้นหนุมานผู้ชาญชัยศรี
แสนพิศวาสเทวียังที่แท่นอาสน์ไสยา
แล้วจึ่งปราศร้ยนวลนางข้อซึ่งไปล้างยักษา
แพ้พี่ต้ดเอาศีรษะมาทิ้งไว้ปากมหาคิรี
บัดนี้สำเร็จการแล้วจะลาน้องแก้วบทศรี
เอาเศียรไปถวายภูมียังที่สมรภูมิชัย
ว่าพลางก็ทางเชยชิดแสนสนิทแนบน้องพิสมัย
พี่จะส่งเจ้าไปสุราลัยก็อุ้มอรทัยออกมา
ฯ เสมอ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นถึงปากถํ้าโยนขึ้นไปในพิดลอากาศเวหา
ม้วยมุดสุดสิ้นชีวาไปมหาไกรลาศคิรี
ฯ ตระ ฯ
๏ ครั้นเสร็จกิจการนงเยาว์จับเอาเศียรเกล้ายักษี
เหาะจากปากถ้ำคิรีรีบรี่มาสมรภูมิพลัน
ฯ เชิด ปฐม ๑๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระรามเห็นกระบี่ภูมีบอกแก่พลขันธ์
โน่นแน่หนุมานจรจรัลได้หัวกุมภัณฑ์เหาะมา
พวกพลกระบี่ดีใจเอิกเกริกกันไปทั่วหน้า
หนุมานถึงจึ่งวันทาถวายเศียรอสุราทันที
ฯ เชิด ฯ
๏ เดิมเมื่อได้ข่าวยักษาพบวานรในพนาศรี
บอกว่าอังกาศคิรีมีนางอัปสรกัญญา
ข้าจึ่งนิมิตบิดเบือนเหมือนมนุษย์หนุ่มน้อยเสน่หา
เข้าไปไถ่ถามกิจจานางว่าต้องสาปพระศุลี
กลับสงสัยข้าที่แปลงกายหยาบคายว่าชาวพนาศรี
ข้าเลียมลวงตอบคดีนารีแปลนคำออกมา
ว่าต่อได้บอกกิจการพบพานร่วมรักกับข้า
จึ่งให้คืนคุงบาทมุลิกายังมหาไกรลาศคิรี
ข้าจึ่งผาดแผลงอานุภาพนางกราบประณตบทศรี
บอกให้ไปตามอสุรีพบตัวต่อตีกันไปมา
มันตีข้าจมลงในน้ำข้าดำผุดขึ้นได้ตียักษา
ชิงได้ตระบองอสุราข้าก็ตียักษาจมไป
ครั้นผุดขึ้นมาข้าตีซ้ำมันดำลงอยู่ตํ่าใต้
ข้านิมิตหางโตเกรียงไกรจึ่งกระหวัดจับได้อสุรา
ตัดเอาศีรษะจรลีมาโปรดนางที่พระคูหา
แล้วจึงพาเอาศีรษะมาถวายพระผ่านฟ้าบัดนี้
ฯ ๒๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระอวตารผู้ชาญชัยศรี
ปราศร้ยไปแก่ขุนกระบี่ที่ใข้ศรข่ายกั้นอสุรา
กูพิจารณาดูรูปพึงหายจึงหมายมุ่งว่าเองได้ยักษา
ก็พอแลไปเห็นหนุมานมาดูราพิเภกอสุรี
แต่ให้หนุมานอาสาเข่นฆ่าต้านต่อยักษี
ล้วนมีชัยได้ท่วงทีควรที่เป็นอัครเสนา
นี่แน่พิเภกธิบดีอันเศียรอสุรียักษา
เพื่อนขลังอาคมวิทยาจะเอามาทำประการใด
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระยาพิเภกกราบทูลซึ่งอิสูรต้องศรตักษัย
ย่อมได้ฟากฟ้าคาลัยไปเป็นสุขทั่วอสุรี
บัดนี้วิรุญจำบังม้วยด้วยมือหนุมานกระบี่ศรี
ข้าบาทเห็นไม่สู้ดีขอให้ชูศีรษะไว้เมฆา
แล้วจึงทรงศรแผลงผลาญสังหารให้ไปเป็นสุขา
จึงจะได้สวรรค์ชั้นฟ้าโปรดเกศาทำบัดนี้
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระอวตารผู้ชาญชัยศรี
สั่งให้เอาเศียรจรลีทำตามพิเภกบัญชา
หนุมานก็พาเหาะไปชูไว้อากาศเวหา
จึงแผลงศรกินเศียรอสุรายักษาสู่สวรรคาลัย
ฯ ตระ ๔ คำ ฯ
๏ แล้วตรัสแก่พลวานรอันนครหาพ้นมือไม่
ครั้นจะบุกรุกเอาเวียงชัยผิดไปไม่ต้องประเวณี
จำเราจะเลิกทัพชัยกลับไปยังพลับพลาศรี
ฟังดูกำลังอสุรีก็เลิกรี้พลกลับพลับพลา
ฯ ๔ คำ เชิด ฯ
             

ทศกัณฑ์ให้นนยุเวกวายุเวกไปตามท้าวมาลีวราช

๏ มาจะกล่าวบทไปถึงสารัณทูตยักษา
ซึ่งคอยเหตุเจ้ากรุงลงกาเห็นทัพยักษาอัปราชัย
พ่ายแพ้แก่องค์พระราเมศเอาเหตุไปแจ้งแถลงไข
ฯ เชิดปฐม ฯ
๏ ทูลแก่ท้าวทศกัณฐ์ไปได้ทราบธุลีบาทา
บัตนี้ทัพท้าวสัทธาสูรทั้งวิรุญจำบังยักษา
พ่ายแพ้แก่องค์รามายักษามอดม้วยบรรลัย
เสร็จสิ้นม้ารถคชพลทั้งสกลพยุหน้อยใหญ่
ตายกลาดเกลื่อนเต็มพนาลัยท่านไทจงแจ้งธุลี
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นทศเศียรสุริวงศ์ยักษี
ครั้นรู้ข่าวแพ้ไพรีมีกมลเศร้าเปล่าใจ
ฯ ครวญ ฯ
๏ โอ้ว่าแต่แต่งไปอาสาจะมีชัยมาบ้างก็หาไม่
ล้วนย่อยยับอัปราชัยไฉนจะชนะไพรี
เร่งร้อนรัญจวนป่วนใจดั่งไฟประลัยก้ลป์เเจียวจี่
แสนวิโยคโศกสร้อยโศกีคิดถึงพงศ์พีร์ทั้งปวงไป
คือจะได้ใครมาต่อต้านพระยามารอัดอ้นหม่นไหม้
ทอดกายก่ายคิดคดีไประลึกได้ว่าองค์อัยกา
ยานี
๏ เธอเสด็จไปทรงศีลอยู่ภูเขาศิวาลัยภูผา
โดยอิทธิฤทธ์เดชาอานุภาพปราบเดโชชัย
พระนามชื่อมาลีวราชพระบาทบพิตรเป็นใหญ่
ทรงสัจแม้นตรัสสิ่งใดก็เป็นไปตามพระบัญชา
ดุจดั่งบรมพรหมเมศรทุกนิเวศลิขิตเลขา
จารึกไว้หน้าศิลาถ้าแม้นแช่งชักผู้ใด
ผู้นั้นก็เป็นดั่งวาจาจะคลาดคลาสักน้อยก็หาไม่
ควรกูจะให้ไปทูลไทมาในนครลงกา
แล้วจึ่งจะทูลกล่าวโทษให้กริ้วโกรธรามจงหนักหนา
อันลักษมณ์แลรามราชาน่าที่จะต้องแช่งตาย
ฝ่ายนางสีดาดวงจิตรก็จะสมความคิดกูมุ่งหมาย
ไพรีมิม้วยอันตรายไม่วายทุกข์ร้อนเคืองใจ
ร่าย
๏ คิดแล้วสั่งสุรเสนาไปเชิญอัยกาผู้เป็นใหญ่
ซึ่งอยู่ยอดฟ้าศิวาลัยมาดับภัยพื้นพสุธา
มึงคิดพิดทูลถ้าไถ่ถามกล่าวโทษล้กษมณ์รามให้หนัก
แก้ไขอย่าให้แคลงวิญญาณ์สองเสนาไปบัดนี้
ฯ ๒๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นนนยุเวกวายุเวกยักษี
รับสั่งพลันพลางจรลีกรีธาทัพไช้พันหนึ่งไป
ฯ กราว ฯ
๏ มาเอยมาถึงซึ่งนครยอดฟ้าสูงใหญ่
ก็เข้าไปหาเสนาในแถลงไขตามราชกิจพล้น
ฯ ๔ คำ เจรจา ฯ
๏ เสนาจึ่งพาเข้าทูลไอศูรย์บรมพงศ์สวรรค์
ก็พอไขสีรวีวรรณจรจร้ลออกหน้าบัญชรชัย
ฯ เสมอ ๒ คำ ฯ
๏ เสนาจึ่งเบิกทูลแถลงแจ้งท้าวมาลีวราชเป็นใหญ่
นนยุเวกวายุเวกก็ทูลไปแถลงไขตามข้อคดี
บัดนี้ท่านท้าวทศพักตร์อันเป็นหลานร้กเรืองศรี
ผู้ผ่านสามโลกโมลีซึ่งเป็นศรีราชนัดดา
ให้ข้ามาทูลพระบาทด้วยพระญาติวงศ์พงศา
มีหมู่อริราชยกมาเข่นฆ่ามอดม้วยมากมาย
นามชื่อล้กษมณ์รามราชากับพลวานรทั้งหลาย
สังหารอสุรศ้กดิ์ยักษาตายมากมายเป็นพ้นคณนา
ขอเชิญเสด็จไปปกเกล้าแก่เผ่าพ้นธุ์วงศ์พงศา
ยังกรุงนครลงกาเห็นว่าจะปลอดรอดภัย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ช้าปี่ร้บ
๏ เมื่อนั้นพระทรงธรรมธิราชเป็นใหญ่
สงสัยไถ่ถามเนื้อความไปเป็นไฉนสองสุรเสนี
อันองค์ท้าวทศพักตร์หลานรักกูยิ่งยอดเรืองศรี
ถึงว่าเทวัญจันทรีก็อัญชุลีอวยชัย
เป็นยอดมงกุฎเมืองมารห้าวหาญผ่านภพสูงใหญ่
ทั้งสิบสี่โลกสุราลัยย่อมกลัวฤทธิไกรมหึมา
ไม่มีผู้อาจองทะนงศักดิ์มายํ่ายีพญาย้กษา
สิ้นเสร็จเข็ดฤทธิ์อสุรามึงว่ากูฉงนสนเท่ห์ใจ
ซึ่งว่าพระรามพระลักษมณ์ศักดิ์แสงสุริวงศ์อยู่ไหน
เพื่อนผ่านถิ่นฐานบ้านเมืองใดเร่งเร็วบอกไปอย่าช้า
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ นนยุเวกวายุเวกทูลพลันซึ่งยกพลขันธ์มาเข่นฆ่า
ครอบครองกรุงศรีอยุธยาอานุภาพปราบเดโชชัย
เป็นหน่อของท้าวทศรถปรากฏฟากฟ้าดินไหว
หลานท้าวอัชบาลเรืองชัยเป็นใหญ่ยิ่งยศโมลี
เดิมพระยอดเมืองมารไปเล่นป่าพบนางสีดามารศรี
สิ่งซึ่งบริโภคไม่มีปรานีเอามาลงกา
อยู่มาพระรามพระลักษมณ์คุมกระบี่มีศักดิ์มาหนักหนา
ข่มเหงห้ำหั่นอสุราจองถนนข้ามมาพระบุรี
ฆ่าพระญาติวงศ์พงศาโยธาอสุรายักษี
ตายกลาดเกลื่อนเต็มธรณีจงแจ้งธุลีท่านไท
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระกอบกิจธรรมเป็นใหญ่
ครั้นจะแจ้งเหตุเภทภ้ยจึ่งแถลงไขสองเสนา
อันองค์อัชบาลเป็นสหายเพื่อนตายร้กใคร่กูหนักหนา
ร่วมชีพไว้วิญญาณ์ซึ่งลักษมณ์รามากูไม่รู้
ด้วยพึ่งใหญ่ค่อยจำเริญวัยทางไกลต่างคนต่างอยู่
ช้านานไม่ได้ไปดูสุริวงศ์ในกรุงอยุธยา
ไฉนจึ่งมารุกรานกรุงมารเมืองหมู่ยักษา
หรือจะเกี่ยวข้องกันด้วยสีดาว่ามาทั้งนี้กูเห็นจริง
อันนอกกว่านี้ไม่มีใครจะทำฤทธิไกรสุงสิง
หลานรักกูศักดิ์แสงยวดยิ่งกฤษฎาธิการมหึมา
เห็นแต่ท่านท้าวอัชบาลเป็นประธานสุริวงศ์นาถา
เธอเป็นสหายรักกูมาอนิจจานัดดามาผิดก้น
จำกูจะไปเกลี่ยไกล่อย่าให้ขึ้งเคียดเดียดฉันท์
เป็นเพึ่อนเผ่าพันธุมิตรกันโดยธรรมธรรมเนียมมีมา
ร่าย
๏ ก็สั่งให้เตรียมสกลไกรกูจะไปห้ามสองเสน่หา
ให้สมัคสมานอัธยาอย่าช้ารีบรัดบัดนี้
ฯ ๑๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้นจึ่งอำมาตย์มารย้กษี
ร้บสั่งพลันพลางจรลีมาจัดรี้พลโยธา
ฯ แพละน้อย ฯ
ยานี
๏ กะเกนคนธรรพ์คันธรรพกับอสุรศักดิ์ยักษา
ทั้งฤษีสิทธ์วิทยากินนรปักษานาคี
อีกทั้งโขมดผีป่าเทพบุตรเทวาอึงมี่
แตรสังข์ดุริยางค์ดนตรีให้คอยที่แห่แหนเสด็จไป
ครั้นเสร็จระเห็จเข้ามาไคลคลาขึ้นทูลแถลงไข
ฯ เชิดปฐม ฯ
ร่าย
๏ อันซึ่งพหลสกลไกรได้พร้อมอยู่เเล้วพระราชา
ฯ ๘ คำ ฯ
โทน
๏ เมื่อนั้นพระทรงจตุศีลยักษา
จึ่งชำระสระสรงคงคาทรงกาสาวพัสตร์รูจี
สอดสร้อยใส่ชฎาประดับเครื่องเรึ่อเรืองรุ่งรัศรังสี
เปล่งปลั่งดังดาวโรหิณีสีกรรจรแก้วแพรวตา
ดั่งองค์อิศโรยโสธรบวรลิขิตเลขา
ผ่องผึ่งพึงพิศเจษฎาทรากรสิกขาเพราพราย
กอปรกับสัจจะเวทคาถาอลังการ์เป็นพระขรรค์ผันผาย
มาขึ้นรถแก้วแพร้วพรายคลี่คลายพลจากคิรี
ฯ ๘ คำ เพลง แล้วกราว ฯ
             

ท้าวมาลีวราชสอบคดีทศกัณฐ์

โทน
๏ รถเอยราชรถทรงสำหรับพงศ์เผ่าพรหมรังสี
เทียมด้วยเทพบุตรพาชีรัศมีวิจิตรเจษฎา
ดุจดั่งดวงอโณทัยตรัสแจ่มจัดสว่างเวหา
ระย้าระยับจับเมฆาอลังการ์รัศอัมพร
โดยญาณฤทธิ์สิทธิเดชทุกนิเวศสาธุการอยู่สลอน
ก็เคลื่อนชัยรถบทจรจามรจรบังบังตะว้น
กลิ้งกลดกลดกลิ้งพริ้งพรายอภิรุมชุมสายผายผัน
บังแสงแสงศรีรวีวรรณผาดฝันเลื่อนลอยลีลา
ฯ ๘ คำ กลองโยน ฯ
ยานี
๏ มาพลางทางคิดถวิลจินตนาการตามอุเบกขา
ครั้นกูจะเข้าไปลงกาพระรามารู้จะน้อยใจ
ครั้นกูจะไปหารามลักษมณ์ฝ่ายพญาทศพักตร์จะว่าได้
ควรกูอยู่ท่ามกลางไสร้อย่าให้ข้างใครนินทา
คิดพลางทางสั่งหมู่มารท่านอย่าเข้าไปเมืองยักษา
ยับยั้งยั้งนอกภาราก็มาหยุดสมรภูมิชัย
ฯ บาทสกุณี ฯ
ร่าย
๏ จึ่งสั่งสองสุระขุนมารผู้ซึ่งจำทูลสารไข
มึงเร่งเอากิจจาไปแถลงไขเจ้ากรุงลงกา
๏ นนยุเวกวายุเวกรับสั่งบังคมกราบคนละสามท่า
ทูลลาระเห็จเตร็ดมาพากันเข้าแจ้งคดี
ฯ เชิดปฐม ฯ
๏ บัดนี้สมเด็จพระอัยกาไม่เข้ามาในกรุงศรี
อยู่นอกนครธานีตรงที่สมรภูมิชัย
เดิมเมื่อไปทูลเธอไถ่ถามตรัสเรื่องราวความแถลงไข
บอกว่าลักษมณ์รามสองไทได้เป็นหลานพระสหายมา
พระองค์จะตรัสเกลี่ยไกล่มิให้ขึ้งเคียดเข่นฆ่า
ว่าเป็นพงศ์พันธุมิตรมาให้ข้าบาทเชิญจรลี
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นทศเศียรสุริวงศ์ยักษี
ชื่นชมโสมนัสยินดีสองเสนีไว้กูเจรจา
เองเร่งบุษบกพิมานกับพลทวยหาญซ้ายขวา
อีกทั้งธูปเทียนบูชากูจะไปวันทาบัดนี้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ นนยุเวกวายุเวกสั่งพล้นเร่งรัดพลขันธ์ชัยศรี
ฯ เชิด เจรจา ฯ
๏ บ้างจัดบุษบกมณีตระเตรียมอัคคีมาลัย
เสร็จพร้อมธูปเทียนบริบูรณ์เขาทูลบังคมแถลงไข
ฯ เชิด ฯ
๏ อันซึ่งจะเสด็จคลาไคลได้พร้อมอยู่แล้วราชา
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นทศเศียรสุริวงศ์ยักษา
จึ่งชำระสระสรงคงคายักษาสำอางอาภรณ์
ทรงมงกุฎสังวาลเสร็จสรรพจับสะพกสะพายแล่งแสงศร
ถือธูปเทียนบุษบากรก็จรจะไปบูชา
ฯ เพลง ฯ
๏ ขึ้นยังบุษบกพิมานเหาะระเห็จทะยานพระเวหา
ฝ่ายหมู่แสนสูรเสนาแห่ห้อมล้อมท้าวยักษาไป
ฯ กราว ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งหยุดบุษบกยกสองพระกรก้มกราบไหว้
เคียงข้างรถแก้วแววไวเบื้องซ้ายท้าวไทอ้ยกา
จึ่งจุดธูปเทียนตามถวายบ่ายพักตรอภิวันท์หรรษา
โปรยปรายดอกไม้บูชาโศกาอ้ดอั้นพันทวี
ฯ โอด ฯ
ครวญ
๏ พระจอมเกศแก้วกระหม่อมเอ๋ยไม่เคยอับปางบทศรี
แต่พระบาทเบื้องตํ่าใต้ธุลีก็มีผู้ยำเยงเกรงใจ
ไม่มีผู้มาทำแค้นหาดูหมิ่นถิ่นแคลนได้ไม่
เดชะพระเดชปกเกศไปก็เย็นในสุริวงศ์พรหมา
บัดนี้พระรามพระล้กษมณ์โหมหักฆ่าญาติวงศา
อาจอุกรุกรันรานมาจะเกรงอัยกาบ้างก็ไม่มี
ถึงกระไรก็จะเห็นแก่พระองค์ซึ่งเป็นพงศ์พรหมเรืองศรี
ยังเสด็จอยูยอดคีรีนี่มาทำได้ทำไป
ฯ ครวญ ฯ
๏ อันพระญาติวงศ์ตายสิ้นแล้วยังแต่หลานแก้วจะตักษัย
จึงให้ไปเชิญท่านไทเพื่อจะได้ถวายบังคมลา
ทูลพลางทางทรงโศกียักษีสอดใส่แสร้งว่า
ทำสะอึกสะอื้นไห้ไปมา โศกาอัดอั้นพันทวี
ฯ ๑๖ คำ โอด ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระทรงทศธรรมรังสี
สงสัยในพจนวาทีมีมโนในนิ่งจินดา
ดีร้ายการจะก่อเกิดเคืองแค้นจึ่งจะแสนสาห้สกันเข่นฆ่า
แม้นดีหรือจะมีภัยมาปรีชาฉงนสนเท่ห์ใจ
แม้นมั่นมันทำเขาก่อนเขาจึ่งรานรอนม้วยไหม้
หรือจริงสิ่งซึ่งมันว่าไปท้าวไทกลับนึกตรึกตรา
ครั้นกูจะปราศรัยต่อหน่อทศรถจะกังขา
ครั้นกูจะไม่เจรจามิรู้ว่าเป็นประการใด
ร่าย
คิดแล้วจึ่งร้องประกาศเทวราชเรืองฤทธิน้อยใหญ่
มาเป็นพยานกันไว้เราจ้กไถ่ถามข้อคดี
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทยเทพทั่วราศี
ผู้ทรงมหิทธิฤทธีเรืองศรีทิพโสตรู้ไป
คือองค์ท้าวมาลีวราชพระบาทบพิตรเป็นใหญ่
เสด็จอยู่สมรภูมิชัยจะไถ่ถามความกุมภัณฑ์
กับด้วยพระลักษมณ์พระราเมศเทพเจ้าเรืองเดชผายผัน
ฯ เพลง ฯ
๏ ก็ชวนกันเข้าคมคัลอัญชุลีท้าวมาลี
ฯ โคมเวียน ๖ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระผู้พงศ์ผ่านภพรังสี
ปราศรัยไปแก่อสุรีซึ่งเป็นศรีราชน้ดดา
ตัวเจ้าเป็นใหญ่ไตรภพจบสกลโลกทิศา
เจ้าผิดกับลักษมณ์รามาสาเหตุอย่างไรอย่าได้พราง
อันซึ่งกิจการรบสู้กูนี้จะขอทั้งสองข้าง
เขาหลานสหายปู่ผู้กลางข้างเจ้าก็เป็นนัดดา
ไม่ควรทำร้ายแก่กันเป็นพันธุมิตรดีกว่า
คือใครก่อกรรมอหังการ์ กูจะหามาว่าบัดนี้
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นทศเศียรสุริวงศ์ยักษี
พิดทูลเคลือบแฝงคดีเดิมทีไปเล่นพนาวา
ข้าไล่มหิงส์กระทิงไพรพบนางคนหนึ่งในป่า
ต่างต่างช่วงชิงกันไปมายักษาจะกินเทวี
พอข้าขอทัณฑ์ถามไถ่นางว่าเกิดในพนาศรี
พ่อแม่ลูกผัวไม่มีนารีชื่อว่าสีดา
ปรานีเอามาไว้ในสวนไม่ควรร่วมรสเสน่หา
นานเนิ่นเกินเจียนกาลมาใครใครไม่ว่าผัวนารี
แต่องค์พระลักษมณ์พระราเมศซึ่งไม่เกรงเดชฆ่าพงศ์ยักษี
ม้วยมุดสุดสิ้นชีวีจึ่งพาทีว่าเป็นผัวสีดา
ครั้นข้าจะส่งสีดาเล่าด้วยพระญาติวงศ์เจ้าด้บสังขาร
เห็นไม่กล้บคืนเป็นมาข้าจึ่งมิส่งนางไป
ถ้าว่ากันก่อนโดยดีเป็นทางไมตรีจะส่งให้
นี่มาข่มเหงไม่เกรงใจจะส่งไปกล้วขายพระบาทา
แม้นไม่มีชัยอัปยศจะปรากฏอายบาทไปเมื่อหน้า
ขออย่าให้ขายบาทากรุณาข้าใต้ธุลี
ฯ ๑๖ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระทรงธรรมธิราชรังสี
สอดส่องดูคำอสุรีผิดที่ไม่เคยพบเห็นมา
หรือว่าผู้อื่นลักนางฝ่ายผัวตามล้างเข่นฆ่า
พอพบพญาอสุรากลัวฤทธาทิ้งนารี
ฝ่ายผัวเหลือบเห็นไม่ทันถามวู่วามเข้าชิงชัยศรี
หมายใจว่าอ้ายไพรีต่างต่างจึ่งมีอหังการ์
ก็ผิดที่นี่หน่อทศรถปรากฎสุริยวงศ์นาถา
มิใช่เข็ญใจไพร่ฟ้าจะมาเป็นดั่งนี้ก็ผิดไป
หรือเมียนอกใจอ้ายนี่ชู้ต่อสู้เจ้าผัวเขาไม่ได้
สุดฤทธิ์ที่จะคิดชิงช้ยเพื่อจะให้กูแช่งกระมังนา
ดีร้ายจะเป็นฉะนี้ท่วงทีจึ่งเคลือบริษยา
ครั้นกูจะตอบต่อเจรจาม้นจะว่าแกล้งกล่าวซักความ
จำกูจะเงือดงดไว้จึ่งจะค่อยซักไซ้ไถ่ถาม
ควรกูจะให้ไปหารามมาสอบถามห้ามผิดกัน
ร่าย
๏ คิดแล้วจึ่งมีพจนารถประกาศแก่เทวาสรวงสวรรค์
แล้วว่าไปแก่กุมภัณฑ์อันเป็นศรีราชนัดดา
ซึ่งข้อคดีของเจ้าจำจะให้หาเขาผู้เข่นฆ่า
มาสมัคสมานอัธยาว่ากล่าวกันตามประเวณี
ก็สั่งอำมาตย์มึงไปหาเทวบุตรศณุกรรม์เรืองศรี
ฉับไวให้มาบัดนี้ยังที่สมรภูมิพลัน
ฯ ๒๐ คำ ฯ
             

ท้าวมาลีวราชให้พระวิษณุกรรมไปตามพระราม

๏ คนธรรพ์ก็รับสั่งลาไปดาวดึงสาสวรรค์
ฯ เชิด ฯ
๏ เข้าหาพระวิษณุกรรม์ฉับพลันมาไปอย่าช้า
ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ
๏ ฝ่ายพระวิษณุกรรมแจ้งเหตุก็มาจากนิเวศดึงสา
ฯ เหาะ ฯ
๏ จึงชวนกันเข้าวันทาสองราประณมดุษฎี
ฯ ๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นท้าวมาลีวราชยักษี
จึงสั่งให้เทวจรลีไปบอกคดีสองไทย
อันอัชบาลอัยการ่วมวิญญาณ์กูพิสม้ย
สหายกูปู่รามเรืองชัยจงแจ้งไขแก่สองรา
ครั้นเราจะให้คนธรรพ์ไปเกลือกสองภูวนัยจะกังขา
ด้วยรามลักษมณ์ไม่รู้จักกูมาพาทีอย่าให้แคลงใจ
บัดนี้นัดดากับนัดดาเข่นฆ่ากันเท่าไหนไหน
ตัวกูนี้พึ่งรู้ไปฉับไวให้มาบัดนี้
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายเทวะร้บสั่งลาเหาะมายังพลับพลาศรี
ฯ เชิด ฯ
๏ ถึงจึ่งแถลงเสนีกระบี่พาแจ้งกิจจา
บัดนี้ท่านท้าวมาลีวราชพระบาทสิทธิศ้กดิ์หนักหนา
เธอเป็นสหายพระอัยกาให้ข้ามาเชิญเสด็จไป
จะไถ่ถามห้ามความรบสู้พระเจ้าปู่ว่าหาอื่นไกลไม่
เหตุนี้พึ่งทราบธุลีไปจึ่งให้มาแจ้งราชา
ฝ่ายข้างพระยาทศพักตร์กล่าวโทษพระองค์หนักหนา
พระอัยกาไม่เชึ่อวาจาจึ่งให้มาเชิญจรลี
ฯ ๘ คำ เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้นพระอวตารผู้ชาญชัยศรี
จึ่งบัญชาชอบวาทีให้กระบี่ปรึกษาทุกตัวนาย
ผู้ใดยังได้รู้เห็นอัยกากูเป็นสหาย
กับท้าวมาลีวราชเพริดพรายบรรยายให้แจ้งบัดนี้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระยาชามพูวราชกระบี่ศรี
ก้มเกล้าเคารพสามทีขุนกระบี่จึงทูลเนื้อความไป
อันองค์ท้าวมาลีวราชพระบาทบพิตรเป็นใหญ่
กับพระอัยการักร่วมใจไกลนานเนิ่นนักพระราชา
แต่ชันษาข้าพึ่งวัยพอจำความได้น้อยหน้กหนา
จนได้เป็นบาทมุลิกาอายุข้าถึงกัลป์ปลาย
แม่นมั่นอันองค์พระอัยกากับท้าวยักษาเป็นสหาย
ตัวข้าจะขอบรรยายเล่าถวายให้แจ้งกิจการ
ว่ายังมีพรหมผู้หนึ่งจึ่งเธอทำเพียรห้าวหาญ
อตส่าห์เฝ้าพระสยมภูวญาณจะใคร่เป็นประธานโลกา
จึ่งกราบทูลขอพระพรให้ถาวรยิ่งพรหมทุกทิศา
กับคทาเพชรมหึมาจะป้องกันรักษาไพรี
ฝ่ายองค์อิศวรบรมญาณประธานทั้งพระพรชัยศรี
ครั้งนั้นคึอท้าวมาลีมีมโนในนึกเมตตา
ทูลพระอิศวรบรมนาถว่าพระบาทอัชบาลนาถา
ผ่านแผ่นพื้นภพอยุธยาสามัญพึ่งพาทั่วไป
สุจริตทศพิธราชธรรม์พงศ์พันธุ์นารายณ์เป็นใหญ่
ทุกนิเวศเขตขัณฑ์พึ่งไทเกลือกพรหมจะไปราวี
หน้าที่จะสิ้นสูญพรตกรรม์สามัญจะร้อนดั่งเพลิงจี่
จะขัดสนจนทั้งมุนีโปรดเกศีอย่าให้สูญไป
พระศุลีฟังมาลีวัคคพรหมพระสยมภูวญาณก็สงสัย
จี่งประทานพระขรรค์เพชรเรืองชัยให้ท้าวมาลีเอามา
ถวายแก่ท้าวอัชบาลแล้วประทานพระพรหนักหนา
ให้ชนะแก่บรมพรหมาคทาเพชรจงพ่ายแพ้พระขรรค์ชัย
ท้าวมาลีรับเอาพระขรรค์แก้วแล้วเชิญพระพรลงมาให้
แด่ท้าวอัชบาลเรืองชัยจึ่งร้กใคร่เป็นสหายกันมา
ไม่มีที่เป็นอุบายพระองค์อย่าหมางหมายกังขา
ขอเชิญเสด็จไคลคลาไปหาจึ่งจะชอบทางธรรม
ฯ ๒๘ คำ เจรจา ฯ
๏ เมื่อนั้นพระเผ่าพงศ์นารายณ์ไอศวรรย์
จึ่งสั่งให้ตรวจเตรียมกันกูจะไปคมคัลพระอัยกา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ สุครีพรับสั่งไปพลันตระเตรียมพลขันธ์อาสา
ฯ เชิดปฐม ฯ
๏ กำชับันเป็นโกลาจัดแจงมหารถชัย
นี่แน่นิลนนท์หนุมานองคตชมพูพานทหารใหญ่
หมวดกองกะเกนจงเกือบไปอย่าไว้ใจอรินไพรี
เกลือกเป็นอุบายถ่ายเทเล่ห์กลแห่งมารยักษี
จงจัดสรรกันแต่ตัวดีประคองเคียงข้างภูมีไป
ฯ เจรจา ฯ
๏ ครั้นเอยครั้นเสร็จระเห็จเข้ามาแถลงไข
ฯ แพละน้อย ฯ
๏ อันซึ่งพหลสกลไกรได้พร้อมอยู่แล้วราชา
ฯ ๘ คำ ฯ
โทน
๏ เมื่อนั้นพระรามบุญเรืองเฟื่องฟ้า
จึ่งชวนพระศรีอนุชาลีลาลงสรงวารี
ทรงภูษาทาธะรสประดับเครื่องเรื่อเรืองรุ่งรัศรังสี
สององค์ทรงลักษณ์รูจีต่างสีเหลืองนิลว้ตถาพราย
เลิศแล้วแก้วเก้ามงกุฎเก็จเพชรระยับทับทรวงเฉิดฉาย
ตาบติดสังวาลเลื่อมพรายกระจายจรกรรเจียกเพราตา
พาหุร้ดธำมรงค์ชายแครงศรีแสงชายไหวซ้ายขวา
ทรงศิลป์ศรชวนอนุชาไคลคลาขึ้นรถจรลี
ฯ เพลง ๘ คำ ฯ
โทน
๏ รถเอยราชรถอินทร์เฉิดฉินฉ้อพรรณรังสี
สลับเลือกล้วนดวงจินดาดีรัศมีสว่างเมฆา
ดุจดังอโณท้ยไตรตรัสแจ่มจัดแสงนิลว้ตถา
ระย้าระย้อยลอยเลื่อนฟ้าอนุชานั่งหน้ารถไป
ฯ กลองโยน รุกร้น ฯ
ร่าย
๏ ครั้นถึงจึงหยุดรถแก้วแล้วอ่อนโอนองค์ลงไหว้
ให้พระมาตุลีขับเข้าไปเคียงข้างขวาไทอัยกา
ยอกรปัญจางค์สุจริตประดิษฐานเหนือเกศเกศา
เคารพอภิว้นท์ปรีดาอยู่ในมหารถชัย
ฯ ๘ คำ ฯ
ช้า
๏ เมึ่อนั้นพระกอบกิจธรรมเป็นใหญ่
ครั้นเห็นลักษมณ์รามเรืองชัยท้าวไทเพ่งพิจารณา
องค์อรรคอ้อนแอ้นทั้งสองผ่องแผ้วผิวนิลวัตถา
เรืองรุดสุดเลิศลักขณาเหมือนมหาอ้ชบาลสหายกู
จึ่งเอื้อนอรรถโองการปราศรัยเหตุใดเวียงชัยเจ้าไม่อยู่
มาเที่ยวไพรไยทั้งคู่เกิดรบสู้กันด้วยอันใด
ฯ ๖ คำ ฯ
             

ตอนที่ ๓ ตอนท้าวมาลีวราชพิพากษาความ จนทศกัณฐ์เข้าเมือง

ท้าวมาลีวราชสอบความข้างพระราม

ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระรามสุริวงศเป็นใหญ่
จึงทูลแถลงแจ้งไปซึ่งมาอยู่ในพนาลี
ด้วยพระบิตุรงค์ทรงชัยให้สัตย์นางไกยเกศี
ขอให้พระพรตผ่านบุรีให้ข้านี้บวชอยู่ไพร
ต่อถึงครบสิบสี่ปีจึ่งให้ข้านี้เป็นใหญ่
กลับเข้าไปครองกรุงไกรข้าไสร้จึ่งมาพนาวา
ด้วยเหตุนี้พระภูบาลหลานรักจึ่งออกมาอยู่ป่า
อันลักษมณ์เเละนางสีดารักข้าติดตามมาด้วยก้น
เดิมข้าตั้งพรตอยู่ริมป่ากับพระลักษมณ์นางสีดาเมียขว้ญ
เมื่อจะเกิดการณ์ก่อติดพันมีสุวรรณกวางทองเดินมา
ให้ภควดีสีดาเห็นเป็นชอบเนื้อจำเริญใจนักหนา
ไม่รู้ว่ากลมายาให้ข้าติดดามกวางไป
ข้าจึงให้ลักษมณ์อนุชาอยู่รักษานางที่อาศัย
ทันกวางก็วางศรชัยกวางร้องก้องไปเป็นเสียงคน
ได้ยินสำเนียงว่าเจ้าพี่บัดนี้หมู่มารอกุศล
แกล้งมาทำเล่ห์เท่กลผจญพี่เจ้าช่วยด้วยรา
ครั้นกลับมาพบเจ้าลักษมณ์บอกว่านางให้ออกมาตามหา
ได้ยินสำเนียงร้องมาจึงรู้ว่ามารยาอสุรี
ข้าจึงพิเคราะห์ดูกวางเล่าก็กลายเป็นเผ่าพงศ์ยักษี
ครั้นข้ากลับมาหาเทวีมิพบนวลนางสีดา
ข้าจึงติดตามนางไปได้ข่าวพญาปักษา
บอกว่าพญาอสุราลักพาเอานางสีดาไป
ได้ออกต่อต้านสับประยุทธ์ยงยุทธ์กันที่ทางป่าใหญ่
บอกว่ากลัวแหวนนางในราพณ์ได้ทิ้งต้องสกุณี
ปีกหักทบทับเจ็บครางอยู่ที่ในกลางพนาศรี
พอข้าไปได้วาทีสกุณีก็ถึงแก่คาลัย
ข้าจึงได้เรื่องราวตามมาเพราะพญาปักษาแถลงไข
จนได้รี้พลสกลไกรให้องคตเข้าไปแจ้งกิจจา
พญายักษ์หักหาญเอานางไว้มิส่งสีดาให้แก่ข้า
แล้วแต่งกองทัพออกมารบข้าจึ่งฆ่าบรรลัย
เป็นสัจสุจริตพระผ่านเกล้าข้ามิได้เอาเท็จมาเศกใส่
พระบิดาก็ถึงแก่คาล้ยจะได้พึ่งแต่ท้าวพระอัยกา
ฯ เจรจา ๓๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระทรงจตุศีลยักษา
ได้ฟังถ้อยคำพระรามาก็จินดาสอดส่องดูไป
สุจริตทศพิธเจรจาไม่มีมุสาเศกใส่
ซื่อสัตย์ตรัสตรงจริงไปช่างมาทำได้อสุรี
ถึงกระไรไม่เห็นบาปกรรมจงอายนํ้าหน้าบ้างเถิดยักษี
มิใช่สมบัติไม่มีนี่กระไรไปลักเมียเขามา
จำกูจะช่วยเกลี่ยไกล่จึ่งจะไม่อับอายขายหน้า
ร่าย
๏ คิดแล้วจึ่งมีพระบัญชาดูกรรามาอสุรี
สองเจ้าเป็นเอกอรรควงศ์เผ่าพงศ์ผ่านภพเรืองศรี
หนึ่งผ่านลงกาธานีหนึ่งผ่านบุรีอยุธยา
ไม่มีผู้ที่จะเทียมเท่าสองเจ้าเป็นบรมนาถา
เรืองรุทสุดอรรคอิศราสามัญพึ่งพาทั่วไป
ดั่งฤๅจะมาหมองหมางในนางหนึ่งนี้เป็นไฉน
ไกล่เกลี่ยกันเสียเถิดเป็นไรอย่าให้เคืองใจอัยกา
ฯ เจรจาปลอบ ๑๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระรามทศพักตร์ยักษา
ทั้งสองหลานรับพระบัญชาขืนอารมณ์ว่ากันไป
ต่าง ๆ ตอบต่อคำแข็งยั่วแยงเย้ยเยาะเศกใส่
ดื้อดึงขึงขันกันไปก็ทูลไทท่านท้าวมาลี
อันซึ่งชีวิตข้าทั้งสองปองไว้ใต้เบื้องบทศรี
เกี่ยวข้องกันอยู่ด้วยนารีพิพากษาเถิดพระอัยกา
ฯ เจรจา ๖ คำ กล่าวโทษกัน ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นท้าวมาลีวราชยักษา
ตรัสห้ามสองราชนัดดาแล้วตรึกตราตามข้อความไป
เห็นเหตุเภทผลด้วยสตรีจึ่งมีกระทู้ซักไล่
ไถ่ถามท้าวทศกัณฐ์ไปเมื่อตัวได้นางสีดามา
คือใครยังได้รู้เห็นเป็นประการใดบ้างให้ว่า
ยังมีสำคัญสัญญาเจ้าว่าแต่ตามจริงไป
ฯ เจรจาตามจริง ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นทศเศียรสุริวงศ์เป็นใหญ่
จึงแก้กระทู้ทูลไปเมื่อพบนางในพนาวา
ไม่มีผู้คนเมืองบ้านกันดารท่าทางกลางป่า
ข้าได้สำคัญสัญญากระหมวดหญ้าเข้าไว้เป็นพยาน
มั่นคงสุจริตพระอัยกาข้ามิได้มุสากล่าวสาร
มาดแม้นมิสมคำให้การขอประทานถวายชีวิต
ฯ เจรจาไม่เท็จ ๖ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระบรมลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์
ได้ฟังพ่ออ้ายอินทรชิตบิดผันเศกแสร้งเจรจา
เป็นสิ่งของหรือตกหล่นนี่มาเก็บคนได้กลางป่า
ผิดที่มิเคยพบเห็นมาหรือว่าผู้อื่นลักนาง
พอพบพระยาอสุรีถ้าฉนี้จะเห็นด้วยบ้าง
เกรงกลัวคิดว่าผัวนางขว้างเสียทิ้งไว้หนีไป
อันกระนั้นมั่นแม่นผิดทีถ้าฉนี้พอจะเห็นด้วยได้
นี่สิว่านางตกกลางไพรจนใจไม่รู้ที่เจรจา
แต่ว่าจะเป็นอะไรมีข้อคดีของรามกล่าวหา
เพื่อนว่าเป็นผัวสีดาถ้าจริงก็จะได้เนื้อความ
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ คิดแล้วจึงแต่งกระทู้ไล่บัญชาซักไซ้ไถ่ถาม
ตัวว่าเป็นผัวนงรามนางงามนี้เป็นประการใด
นางนี้ก็จะมีแม่พ่อหน่อท้าวด้าวแดนกรุงไหน
นางอยู่ถิ่นฐานบ้านเมืองใดเร่งให้การไปบัดนี้
ฯ เจรจาตามสัจจริง ๑๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระอวตารผู้ชาญชัยศรี
แก้กระทู้ทูลตอบคดีนางนี้อยู่เมืองมิถิลา
พระบิดาชื่อท้าวชนกยกนางนี้ให้แก่ข้า
ได้ตกแต่งการวิวาห์สามัญญะมาทั่วไป
เธอตั้งพิธียกศิลป์เมืองแมนแดนดินหวั่นไหว
ข้ายกได้จึ่งให้ทรามว้ยเทพไทรู้สิ้นพระราชา
ถ้าสืบมิสมดุจดั่งคำจงทำโทษเถิดให้หนักหนา
ประหารชีพให้ม้วยชีวาพระอัยกาอย่าได้ปรานี
ฯ เจรจาไม่ว่าเท็จ ๘ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระพงศ์พรหมธิราชรังสี
ได้ฟังพระรามพาทีก็ปรีดาส่องดูไป
เห็นเหตุเภทผลแม่นมั่นนั่นอะไรเล่าคำแถลงไข
ดั่งฤๅจะเกิดนางกลางไพรอ้ายจังไรมันแกล้งพาที
จำกูจะถามสีดาก่อนจึ่งจะแบ่งบั่นรอนถูกที่
             

ท้าวมาลีราชสอบความนางสีดา

ร่าย
๏ ก็สั่งวิศณุกรรม์ทันทีไปหานวลนางสีดามา
ฝ่ายองค์ท้าวทศพักตร์ให้แต่งอสุรศักดิ์ยักษา
ฝ่ายข้างพระรามราชาให้แต่งเสนากำกับไป
คุมกันพานางสีดามาอย่าให้ใครเจรจาด้วยได้
บอกว่าแต่กูให้หาไปฉับไวพามาอย่าช้า
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระรามทศพักตรยักษา
สองฝ่ายรับสั่งสั่งเสนาคุมอาสาข้างละพันไป
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายมโหธรหนุมานสองทหารประณตประณมไหว้
มาจัดยักษีกระบี่ไพรกำกับเทพไทจรลี
ฯ เชิดปฐม ๒ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงสวนขวัญทันใดเทพไทร้องบอกมารศรี
พระอัยกาให้เชิญจรลีไปที่สมรภูมิพลัน
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมึ่อนั้นนารีสีดาสาวสวรรค์
ได้ฟังพระวิษณุกรรม์เกษมสันติ์ราชหฤทัย
แม่นมั่นอันอัยกาเจ้าจะเอากูไปถามซักไล่
ซึ่งพระยามารลักกูมาไว้จะสอบใส่กับคำพระรามา
ดีใจกูจะได้ไปเห็นเป็นไรก็เป็นไปข้างหน้า
จะตัดพ้อท่อถามเจรจากูจะว่าให้อายแก่คน
กูไม่ปราศัยอ้ายขุนมารพวกพาลยักษ์ร้ายอกุศล
กูจะกราบพระบาทจุมพลซึ่งสู้เสียสกลกายมา
คิดแล้วจึ่งร้องไปพลันข้าจะจรจันไปหา
จะได้กราบพระบาทพระไอยกา อย่าเข้ามาเร่งจรลี
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้นพระวิษณุกรรม์เรืองศรี
รับคำวรราชนารีเร่งยักษีเชิญพิมานชัย
ฯ ยักษ์ร้อง ๒ คำ ฯ
๏ ต่าง ๆ จัดแจงเป็นโกลายกมหาบุษบกเข้ามาให้
เตรียมสรรพก็กลับคลาไคลออกไปคอยนำลีลา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ บัดนั้นอสุรานารีซ้ายขวา
ซึ่งได้รักษาสีดาพาเชิญขึ้นบุษบกพลัน
สีดาก็เข้าในม่านทองปิดป้องกำบังผายผัน
อยู่ในม่านแก้วแพรวพรรณผายผันตามเทวะจรลี
ฯ เพลง ฯ
๏ ครั้นถึงนางจึ่งอภิวาทอัยกาธิราชรังสี
ทั้งพระภ้สดาสามีมารศรีสอดส่องนัยนา
เห็นทศกัณฑ์อยู่เบื้องซ้ายคล้าย ๆ พระรามอยู่เบื้องขวา
นั่งหน้าคือองค์พระอนุชาพระอัยกาอยู่หว่างกลางคัน
นวลนางเศร้าสร้อยโศกีมารศรีวิโยคโศกศัลย์
นางแสนโศกาจาบัลย์อัดอั้นอยู่ในม่านรูจี
ฯ โอด ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระพงศพรหมธิราชร้งสี
ครั้นเห็นบุษบกมณีก็รู้ว่านางสีดามา
จึ่งสั่งให้เข้ามาใกล้หน้าพิช้ยราชรถา
ตัวกูจะดูสีดาจงพาเข้ามาบัดนี้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายเทวะรับสั่งพลันร้องบอกแจ่มจันทร์มารศรี
ทั้งตรีชฎาอสุรีเชิญมณีบุษบกเข้ามา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ตรีชฎาก็พาเข้าไปตรงหน้าพิชัยรถา
จึ่งบอกนวลนางสีดารูดมหาม่านทองดุษฎี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ สีดาก็รูดม่านก้มประณตประณมบทศรี
ครวญ
๏ เคารพอภิวันท์ธุลีโศกีสะอื้นไปมา
ฯ โอด ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระทรงจตุศีลยักษา
ครั้นเห็นนวลนางสีดาเสน่หาปลาบปลื้มฤทัย
อั้นอัดกำหนัดในนางพลางกำเริบราคร้อนพิสมัย
พิศเพ่งเล็งแลทรามวัยมิได้ที่จะขาดวางตา
ชิชะโอ้ว่าสีดาเอ๋ยมางามกระไรเลยเลิศเลขา
ถึงนางสิบหกห้องฟ้าจะเปรียบสีดาได้ก็ไม่มี
แต่กูผู้รู้ยศธรรม์ยังหมายมั่นมุ่งมารศรี
สาอะไรกับอ้ายอสุรีจะมิพาโคติกาตาย
โอ้อนิจจาทศกัณฐ์สู้เสียพงศ์พันธ์ฉิบหาย
ม้ารถคชพลวอดวายฉิบหายเพราะนางสีดา
ตัวกูผู้หลีกลัดตัดใจยังให้หุนเหี้ยนเสน่หา
ที่ไหนม้นจะได้สติมาแต่วิญญาณ์กูยังแดยัน
ขวยเขินสะเทินวิญญาณ์กว่านั้นไม่เหลือบแลแปรผัน
ไม่ดูสีดาดวงจันทร์พระทรงธรรมเธอคิดละอายใจ
บิดเบือนพักตร์ผินไม่นำพาขืนข่มอารมณ์ปราศัย
อั้นอัดอดยิ้มไม่ได้เยื้อนแย้มว่าไปแก่สีดา
เจ้าผู้จำเริญสิริภาพปลาบปลื้มเยาวะยอดเสน่หา
เจ้าเป็นเอกอรรคกัญญาหน่อนามกษัตราบุรีใด
ทำไมจึ่งมาอยู่นี่สุริวงศ์พงศ์พรอยู่ไหน
ลูกผัวเจ้ามีหรือไม่บอกไปให้แจ้งบัดนี้
ฯ เจรจาตามจริง ๒๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้นนวลนางสีดามารศรี
ก้มเกล้ากราบทูลทันทีข้านี้เป็นเมียพระรามา
เดิมชนกบิดาบวชอยู่ไพรบอกข้าว่าได้มาแต่ป่า
แทบริมฝั่งนํ้าคงคาในมหาบัวทองรูจี
จึ่งเอาข้ามาเลี้ยงไว้แล้วพาเข้าไปกรุงศรี
ในมิถิลาธานีให้ตั้งพิธียกศิลป์ชัย
ต่าง ๆ เข้ายกธนูศิลป์เสร็จสิ้นมิได้หวาดไหว
พระรามยกได้ว่องไวจึ่งให้ข้าเป็นภรรยา
ทำการวิวาหมงคลเสนาสามนต์ทั่วหน้า
ทั้งฤๅษีสิทธิวิทยาเทวามาช่วยอวยชัย
เทพเจ้าแจ้งใจอยู่สิ้นเมืองแมนแดนดินน้อยใหญ่
แล้วพระรามจึงพาข้าไปอยู่ในกรุงศรีอยุธยา
อยู่มานางไกยเกศีทูลบิดาสามีของข้า
ให้พระรามไปอยู่พนาวาข้ารักจึ่งตามจรลี
กับทั้งพระล้กษมณ์อนุชาออกมาอยู่ริมพนาศรี
แล้วมีกวางทองรูจีจรลีมาเห็นเป็นชอบใจ
ข้าให้พระรามไปตามกวางท่าทางที่ริมอาศัย
พระรามจึ่งให้เจ้าลักษมณ์ไว้เธอก็ไปตามไล่มฤคา
ครั้นอยู่ประเดี๋ยวได้ยินก้องว่าน้องเอยช่วยด้วยยักษา
สงสัยว่าภัยมีมาจึ่งให้อนูชาไปตาม
ทศพักตร์จึงล้กพาข้ามาสดายุได้ออกไต่ถาม
บอกว่าข้าเป็นเมียรามถ้อยถามถุ้งเถียงไปมา
พญาย้กษ์ไม่ฟังจะพาหนีสดายุต่อตีเข่นฆ่า
ฝ่ายองค์พระยาอสุราถอดแหวนของข้าทิ้งไป
ถูกต้องพญาสกุณีปีกห้กอยู่ที่ทางป่าใหญ่
แล้วพาข้าเข้ามาไว้ในกรุงนครลงกา
จึ่งทศกัณฐ์ไปวอนวิงจะให้ยิงยอมเสน่หา
ข้าว่าเป็นเมียพระรามายักษากราบไหว้ให้ปรานี
ด่าว่าเท่าไรไม่ขึ้งโกรธไปคาดโทษแก่นางยักษี
ตัวข้าก็มิได้ไยดีจงแจ้งธุลีบาทา
ฯ เจรจา ๓๐ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระทรงจตุศีลยักษา
สอดส่องดูคำสีดาไม่ต้องในหาทศกัณฐ์
ผิดไปมิได้ไคล้คลึงคำรามอ้างถึงสรวงสวรรค์
สมคำสีดาดวงจ้นทร์เห็นมั่นคงทางพระรามา
ฝ่ายคำพระยาอสุรีมีพยานแต่ที่กระหมวดหญ้า
แม่นมั่นมันล้กเมียเขามาครั้นว่ากูจะตัดสินไป
ข้อความยังมิได้สืบก่อนเสนาพลากรจะสงสัย
ทศกัณฐ์ผู้ผิดจะติดใจจำจะให้สืบใส่ด้วยสำนวน
แล้วจึ่งจะคิดบัญชาพิพากษาตามข้อไต่สวน
ทั้งฟ้องถ้อยคำสำนวนประมวญกันพิพากษาไป
             

ท้าวมาลีวราชตัดสินความ

ร่าย
๏ คิดแล้วให้สืบเทวาตามคำรามาแถลงไข
เทวาจะว่าประการใดท่านจงเร่งให้การมา
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายทศกัณฐ์โจทก์ค้านพยานเหล่านี้ชังข้างข้า
ไม่รู้ว่าได้สีดามาเป็นพยานมิเต็มใจ
ฯ ๒ คำ ฯ
เทวา
๏ ฝ่ายเทพรีบสมอ้างค้านสบถสาบานแถลงไข
แม้นมุสาให้ข้าบรรล้ยมิได้เอาเท็จมาเจรจา
ชังจริงด้วยเธออาธรรม์ถึงกระนั้นก็ไม่มุสา
ไม่แจ้งว่าได้สีดาข้ามิได้เอาเท็จมาพาที
เดิมข้าได้ยินเขาลือเลึ่องในเมืองพระชนกฤษี
เธอกล้บเข้าครองบุรีทำการพิธีมงคล
ให้ตั้งธนูยกศิลป์ชัยชวนกันลงไปทุกแห่งหน
ใครยกไหวจะให้เนียรมลผู้คนเต็มไปทั้งภารา
ตัวข้าได้ยกธนูศิลป์พรหมินทร์อินทร์จันทร์เป็นหนักหนา
ข้ายกศิลป์ชัยไม่เคลื่อนคลาพระรามายกไหวจึ่งได้นาง
แล้วเธอทำการวิวาห์ข้านี้ได้ช่วยทั้งสองข้าง
พอเจ้าบ่าวเข้าหานางต่างคนต่างมาวิมานชัย
ฯ เจรจา ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระกอบกิจธรรมเป็นใหญ่
ได้ฟังเทวาสุราลัยให้การสมคำพระรามา
ก็พอจะตัดสินไปแต่ยังมิได้ชันสูตรหญ้า
ดูก่อนพญาอสุราจะให้เอาหญ้าสำคัญ
ฝ่ายข้างพระรามราชาจงแต่งเสนาผายผัน
กำกับทนายกุมกัณฑ์นำวิษณุกรรม์ไปเอามา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระรามทศพักตร์ยักษา
สองฝ่ายรับสั่งสั่งเสนาให้กำกับนำเทวะจรลี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายมโหธรหนุมานสองทหารประณตบทศรี
๏ มโหธรนำเทพจรลีฝ่ายศรีหนุมานกำกับมา
ฯ เชิด ฯ
ร่าย
๏ มาเอยมาถึงยังที่ทุ่งกว้างกลางป่า
ฝ่ายมโหธรอสุรายักษาก็คิดในใจ
เมื่อมิได้มีสำค้ญจะรู้ที่หมายมั่นแห่งไหน
ใช้มาแล้วจำจะพาไปให้ได้ซึ่งหญ้าเป็นสำค้ญ
พอเห็นหญ้าตกเรี่ยรายยักษ์ร้ายจึ่งว่านี่หมายมั่น
เจ้านายข้าทำเป็นสำคัญเทวัญจงเอาจรลี
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายวิษณุกรรม์เก็บเอาหญ้าพามาตามคำย้กษี
ฯ เชิด ฯ
๏ ครั้นถึงทูลถวายทันทีนี่และสำคัญอสุรา
ฯ ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระทรงจตุศีลยักษา
ครั้นเห็นซึ่งหญ้าสำคัญมาก็บัญชาไกล่เกลี่ยเนื้อความไป
ดูกรเจ้าสองหลานพยานข้างรามฟังได้
ฝ่ายทศก้ณฐ์สำคัญไซ้สืบได้แต่หญ้ากระหมวดมา
เมึ่อพิจารณาดูข้อความถ้อยถามยืดยาวนักหนา
มีพยานมั่นคงว่ารามาเป็นผัวสีดาเทวี
ก็มาดเก็บได้นางข้างผัวยังตามมารศรี
ดูกรพญาอสุรีเพื่อนนี้หลานสหายร่วมใจ
ข้างเจ้าก็เป็นนัดดาหาอื่นหาไกลกันไม่
จงฝากชีวิตกันไปส่งนางให้รามคืนภารา
นี่แน่เจ้ารามทศก้ณฐ์เป็นพันธุมิตรดีกว่า
อย่าให้ร้อนราษฎร์ประชาสองราฟังปู่วาที
ฯ เจรจาปลอบ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้นทศพักตร์ลักษมณ์รามสามศรี
ดื้อดึงขึงขันพาทีสามศรีเถียงกันไปมา
ฯ เจรจาโจทก์มาว่ากัน ฯ
๏ ฝ่ายทศกัณฐ์ทูลแถลงแคลงชังด้วยกล่าวมุสา
เมื่อได้มาแต่พนาวากลับว่าข้าลักเทวี
หาไม่ทำไมกับสีดาตัวข้าไม่หวงสาวศรี
มิใช่สมบัติไม่มีว่านี้ด้วยแค้นฤทัย
เสียแรงขอจากปากมารกลับว่าเป็นพาลไปได้
เมื่อขัดสนจนรู้ทั้งกรุงไกรช่างซ้อมก้นได้เป็นคำเดียว
อนิจจาเทวาก็กลอกกลับผู้บังคับไม่ว่าตามป่าเปลี่ยว
เสือสีห์อสุรีท่องเที่ยวแม้นพบจะขบเคี้ยวเนื้อกิน
ธรรมเนียมว่าเป็นผัวเมียหรือจะทั้งเสียได้ไพรสิน
ก็จะแหนหวงอยู่อาจิณจงถวิลดูเถิดพระอัยกา
อันซึ่งพยานสมอ้างเหตุชังข้างข้ายักษา
เหมือนมาตุลีเทวาก็อาสาชักรถจงดูไป
อ้ายนี่กับเทพให้การแต่ก่อนดีฉานเอามาใช้
ได้ยากลำบากเจ็บใจแกล้งให้การสมรามมา
อันองค์ลักษมณ์รามผู้นี้เป็นคนมิดีริษยา
ยิงพญาพาลีม้วยชีวาได้พลยกมาพระบุรี
หากจะช่วงชิงเอาสมบัติพัสถานในราชกรุงศรี
แกล้งกล่าวด้วยสีดานารีมิใช่ผัวนางพระอัยกา
พระรามหากอาจองทนงศ้กดิ์มายํ่ายีหมู่มารยักษา
สิ้นสุดมุดม้วยชีวาจึ่งให้เจรจาความเมือง
เมื่อองคตเข้าไปว่าขานทำห้าวหาญโกลีฟุ้งเฟื่อง
ให้อายแก่ไพร่พลเมืองลือเลื่องรู้สิ้นพระราชา
มิใช่ว่าจะไปโดยดีฆ่าสี่เสนียักษา
องอาจกล่าวคำอหังการ์ข้าติดใจอยู่พระภูมี
ฯ ๒๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระรามทูลแย้งข้าบาทขอแจ้งบทศรี
เมื่อทศพักตร์ลักเทวีพามาบุรีลงกา
ฝ่ายพญาพิเภกว่าขานพญามารโกรธขับเสียป่า
ได้ความทนทุกข์เวทนามาพึ่งข้านี่แนภูมี
ถ้าสืบมิสมดุจดั่งคำจงทำโทษเกล้าเกศี
อะไรไม่อายวาทีสีดาว่าไหว้ก้ลยา
ซึ่งศรถูกพญาพาลีข้ามิตั้งใจเข่นฆ่า
ด้วยพาลีเสียสัจจาขอให้ศรข้าปักอกตาย
ครั้งดึกดำบรรพ์นั้นมาพญาพาลีจึ่งฉิบหาย
มิได้ให้เมียแก่น้องชายจึ่งตายเหมือนถวายสัจจา
ถึงกระนั้นก็ไม่ขึ้งโกรธข้าจะช่วยแก้โทษริษยา
ขอแต่โลหิตติดโลมาทาปลายศรกินเป็นที
พญาพาลีก็มิให้ยอมม้วยบรรลัยเป็นผี
ไม่มีผู้ผ่านธานีน้องพาลีผ่านภารา
เห็นข้าอยู่ในสุจริตคิดกันถวายเมืองทูลอาสา
จึ่งให้ไปแจ้งกิจจายักษาไม่เปิดทวารชัย
องคตจึ่งทลายประตูเมืองเอาเรื่องราวเข้าแถลงไข
ทศกัณฐ์ก็ดื้อดึงไปไม่ส่งสีดาเทวี
กลับว่าองคตหยาบข้าให้เสนาฆ่ากระบี่ศรี
เสนาจับองคตต่อตีฆ่าอสุรีตายจึ่งรอดไป
มิใช่สมบัติข้าไม่มีจะรบเอาบุรีหาไม่
แม้นส่งสีดาทรามว้ยก็จะกลับคืนไปภารา
เหตุด้วยลักเมียข้ามาก่อนข้าจึ่งตามบั่นรอนเข่นฆ่า
ไม่ดีลักเมียข้าหนีมาพระอัยกาจงแจ้งธุลี
ฯ ๒๔ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระทรงทศธรรมรังสี
พิพากษาตัดสินคดีไม่ควรอสุรีติดใจ
มิใช่แต่มาตุลีเทวันจันทรีเท่าไหน ๆ
รู้เห็นเป็นสามภพไตรเจ้าติดใจผิดประเวณี
อันจะแคลงว่านางอยู่กลางป่านัดดาไปได้มารศรี
นั้นชอบแต่ผัวไม่มีนารีตกอยู่เอกา
นี่ถามสีดาว่าเจ้าลักทศพักตร์ว่าได้มาแต่ป่า
ฝ่ายรามว่าเป็นภรรยาสืบเทวาสมพาที
กลับซัดให้การถึงเจ้าว่าลักพาเมียเขาหนี
เห็นว่าเจ้าลักเทวีสีดาเป็นเมียรามา
จึ่งปรึกษาให้เจ้าส่งคงแก่รามร่วมเสน่หา
คือผิดอย่างไรให้ว่ามาทำตามปรึกษาบัดนี้
ฯ เจรจาพิพากษาคู่ ๑๒ คำ ฯ
             

ทศกัณฑ์พาล ไม่ยอมรับคำตัดสิน

ร่าย
๏ บัดนั้นทศเศียรสุริวงศ์ยักษี
ติดใจเทวัญจันทรีกับพิพากษาไม่เต็มใจ
เมื่อเทพรับสั่งอ้างค้านดั่งฤๅภูบาลฟังได้
โกสีย์ยังให้รถชัยหรือจะมิดลใจเทวี
ถึงมาดว่าเมียรามจริงเมื่อทิ้งทอดในพนาศรี
เป็นสิทธิ์เสือสางอสุรีชอบพิพากษาให้ผู้ได้มา
นี่สิว่าข้าไปลักนางฝ่ายข้างรามเห็นหรือให้ว่า
เป็นแต่บอกเล่าเจรจาข้าติดใจอยู่ภูมี
ฯ เจรจาติดใจพิพากษา ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระทรงทศธรรมรังสี
เดือดด่าพญาอสุรีอ้ายนี่ม้นช่างเจรจา
ฝ่ายมึงลักเมียเขาพรากผัวจะช่วยชั่วกระไรอ้ายบ้า
เมื่อเองเล็ดลอดลักมาจะเห็นหน้าตามึงกลใด
มาดแม้นถ้าพบเจ้าผัวโดยชั่วไม่ละเมียให้
เช่นนี้หรือนางตกกลางไพรจะพิพากษาให้มึงมา
อย่างนี้หรือเหยื่อเสือสีห์มึงช่างพาทีริษยา
เทพผู้ใดดลสีดาใยมึงมิว่าออกไป
จะเกี่ยวข้องอะไรกับโกสีย์รถของเขามีเขาให้
มาดแม้นมึงไม่เป็นโจรไสร้ใยมิส่งให้พระรามา
แล้วกล่าวเป็นภาคสุนทรดูกรพญายักษา
เจ้าเป็นเยาวะยอดนัดดาหลานรักเสน่หาของเรา
ถึงมาดจะแหนหวงนางไว้นางก็ไม่อะไรกับเจ้า
ป่วยการไปชั่วอย่ามัวเมามิใช่ของเจ้าอย่าเจรจา
จงฟังคำกูผู้ปู่สอนให้ถาวรยศยิ่งภายหน้า
จะทำไมกับอี่สีดายักษาเจ้าอย่าใยดี
มาดแม้นถึงทิพสุวรรณสามัญรองบทศรี
ดั่งฤๅจะสวดสวมโมลียักษีอย่าผูกพันอาลัย
หนึ่งนวลนางราชอสุรีดิบดีดั่งดวงแขไข
ประโลมเลิศละลานฤทัยอำไพยศยิ่งกัญญา
ว่านี้แต่ที่เยาว์ ๆยังอี่เถ้ามนโทกนิษฐา
เป็นยิ่งยอดเอกอิศรารจนาล้วนเล่ห์ระเริงใจ
แม้นเจ้ามิฟังคำกูจะไปสู่นรกหมกไหม้
ล้วนสาหัสฉกรรจ์บรรลัยจะใยดีอะไรกับสีดา
จงส่งองค์นางสีดาให้แก่พระรามเจ้าไปดีกว่า
เหมือนหลานเอ็นดูอัยกาเจ้าฟังปู่ว่าบัดนี้
ฯ เจรจาปลอบหลาน ๒๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นทศเศียรสุริวงศ์ยักษี
ฮึดฮัดตัดพอพาทีเออกระนี้ควรเป็นพระอัยกา
มาดแม้นมอดม้วยสุริวงศ์พระองค์เบี่ยงบ่ายตามสุขา
แพ้พ่ายไม่ขายบาทาหน้าอ้ายยักษาอสุรี
ก็ให้เลื่อนบุษบกออกร้องบอกอัยการังสี
ถึงมอดม้วยชีพชีวีจะสู้เอาบุรีเป็นเรือนตาย
พระองค์อยู่เถิดให้เลิศผู้จะได้ดูประเสริฐเฉิดฉาย
จงพิศวาทสองราชหลานชายช่วยกันเบี่ยงบ่ายเจรจา
ดูกรพระรามพระลักษมณ์เราเป็นหลานรักเสน่หา
เธอยังไม่คิดเมตตาสาอะไรแก่เจ้าสองไท
ก็จะเหมึอนกันกับตูข้าเธอช่างบัญชาออกได้
ครั้นจะส่งองค์นางสีดาไปเจ้าไซร้ก็กังขาราคี
แล้วได้ทำการสับประยุทธ์นงนุชอยู่ในเมึองย้กษี
เราจะสู้กันกว่าชีวีจึ่งจะมีเกียรติยศสืบไป
ว่าแล้วก็ร้องโกญจนาทดูกรอสุรราชน้อยใหญ่
พระอัยกาให้ส่งนางไปมึงจะว่ากะไรอสุรา
แล้วทูลเฉลยยุบลที่จะส่งเนียรมลอย่าได้ว่า
ให้ลือชื่อไว้กัลปาอัยกาเจ้าจงแจ้งใจ
ฯ ๑๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระทรงทศธรรมเป็นใหญ่
กริ้วโกรธพิโรธฤท้ยเอาใจลักษมณ์รามราชา
ดูกรสองหน่อนาถอย่าประภาษความแก่ยักษา
มันเป็นหมู่หมามฤคาไม่ควรนัดดาจะพาที
ไว้อัยกาจะตอบต่อข้อความกับอ้ายยักษี
ดูกรพญาอสุรีมึงนี้เป็นคนอาธรรม์
ไม่อยู่ในสัจสุจริตคิดคดทดโท่โมหัน
ฝ่ายกูคนึงถึงกุมภัณฑ์มึงจะพามันม้วยมรณา
ตัวกูคิดว่ามึงหลานจึ่งว่าขานให้เป็นสุขา
ฝ่ายมึงก็ไม่นำพาเจรจาทรลักษณ์ใส่ตัว
ความเจ็บความอายไม่มีกราบไหว้สตรีท่วมหัว
มึงนี้อ้ายเต่าเมามัวชั่วชาติไม่มีความอาย
ให้อับประภาคไปทั้งมูลไอสูรย์สมบัติจงเสื่อมหาย
ให้วายชีพด้วยศรนารายณ์จงพ่ายแพ้พระรามทุกเวลา
แล้วจุมพิตพักตรพระราเมศเยาวเรศเรืองฤทธิเสน่หา
จงมีชัยชนะอสุราปรากฏยศยิ่งสามธาตรี
แล้วสั่งพระวิษณุกรรม์จงผายผันพานางบทศรี
ไปไว้ในสวนอสุรีตามทีที่เดิมสีดามา
ฯ ๑๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายวิษณุกรรม์รับพาทีสีดากราบลงสามท่า
ไหว้ทั้งท้าวผู้ภัสดาก็ลีลามายังอุทยาน
ฯ เพลง ๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นทศเศียรสุริวงศ์ได้ฟังสาร
ร่านร้อนฤทัยเพียงไฟกาลดั่งจะผลานทรวงซ่านวิญญาณ์
ดิ้นเดือดดันดึงโกนก้องร้องด้วยอำนาจยักษา
สนั่นครั่นครื้นพระสุธาก็ลีลาบุษบกพิมานชัย
ออกมาคอยฟังคดียักษีมิได้บังคมไหว้
แทบใกล้สมรภูมิชัยเข้าสถิตย์อยูในไพรวัน
ฯ คุกพาทย์ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายอัษฎาทัศวานรพลากรทูลไทไอศวรรย์
ข้าขออาสาพระทรงธรรม์ไปหั่นสับหน้าเป็นตีนกา
ประจานไว้มิให้ใครดูเยี่ยงอาธรรม์ไม่เที่ยงมรรษา
แล้วจะเข้าไปเชิญสีดามิให้ผ่านฟัาเคืองใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระลักษมณ์พระรามห้าม ออกนามหนุมานทหารใหญ่
เจ้าอย่ากริ้วโกรธฟูนไฟไม่ต้องขนบธรรมเนียมมา
ห้ามทั้งอัษฎาพานรพวกพลนิกรซ้ายขวา
มิให้เข่นฆ่าอสุราก็ทูลพระอัยกาไป
เมื่อพระองค์ให้หามาว่าขานพระยามารดันดึงไม่ส่งให้
ฝ่ายนางก็กล้บเข้าไปอยู่ในเงื้อมมืออสุรา
เกลือกทศกัณฐ์กริ้วโกรธจองโทษทัณฑ์ทำเมียข้า
จะมิมอดม้วยชีวาพระอัยกาจะว่าประการใด
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นพระทรงทศธรรม์เป็นใหญ่
จึ่งจุมพักตร์ปลอบพระรามไปเจ้าไสร้ยศยิ่งนัดดา
ครั้นจะช่วงชิงเอานางไว้เกียรติยศจะไม่มีภายหน้า
หนึ่งก็มานะอสุราข้อนี้นัดดาอย่าแคลงใจ
เจ้าจงกลับคืนพลับพลาอัยกาจะไปกรุงใหญ่
ต่างคนก็ต่างคลาไคลพระรามก็ไปพลับพลา
ฯ เชิด ๖ คำ ฯ
             

ทศกัณฑ์คืนเมือง คิดแค้นพระรามพระลักษมณ์และเหล่าเทวา

๏ เมึ่อนั้นทศเศียรสุริวงศ์ยักษา
ครั้นเห็นลักษมณ์รามราชาทั้งพระอัยกาจรลี
เธอเร่งกริ้วโกรธพิโรธใจยังไม่เข้าไปกรุงศรี
ฮึกฮักอักอ่วนอสุรีกูจะฆ่าสีดาทรามวัย
กูจะแหวะปากเจียนเศียรเกล้าจะเอาลูกมะพร้าวห้าวยัดใส่
ให้สาอี่คนดีมิเกรงภัยท้าวไทก็เหาะระเห็จมา
ฯ กราว ฯ
๏ ครั้นถึงสวนแก้วอุทยานบันดาลโกรธกริ้วเข่นฆ่า
เผ่นโผนโจนจับสาตราเงื้อง่าพิฆาตเทวี
ฯ เชิด ฯ
๏ สีดาก็ยืดยื่นเศียรให้ฟันฟอนลงไปเถิดยักษี
ฯ เชิด ฯ
๏ พญามารง่าเงยพาทีต้วพี่จะฆ่าเจ้ากลใด
ฯ ฯ
ชาตรี
๏ โอ้ว่านวลนางสีดากรุณาพี่เถิดอย่าม้วยไหม้
พี่อดทนจนสู้บรรลัยเหมึอนได้เมตตาปรานี
ขอเชิญยุพยอดยุพาพาลสู่สถานพระนิเวศด้วยพี่
ถึงมาดไม่ไยดีสนทนาพาทีด้วยกัน
เออนี่ทำไมเจ้าขึ้งโกรธโทษพี่อย่างไรจึ่งหุนหัน
ชํ้าแสนโศกาจาบัลดีร้ายเจ้าร้ญจวนสามี
โอ้ว่าเขลารักเขาไยหาเหลียวดูไม่หรือเมื่อกี้
ผัวนางขว้างนุชนารีตัวพี่จึ่งไม่ชิงชัย
ฝ่ายเจ้าก็ดูอยู่ท่ามกลางเหมึอนอย่างพี่ว่าหรือไม่
ผัวเจ้ากังขาราคีไปนัยเนตรพี่เห็นอยู่กับตา
อันพี่กับเจ้าเยาวมิ่งจริง ๆ ไม่ทิ้งกนิษฐา
สู้ม้วยด้วยสร้อยสุดาไฉนขวัญตามิปลงใจ
สงสัยขอนี้พี่แคลงพี่หากล่าวแกล้งซักไม่
ขอถามความข้องในใจอย่าได้โศกสร้อยโศกี
ฯ เจรจา ฯ
ร่าย
๏ ปลอบพลางทางใช้ตรีชฎามึงวิงวอนว่ามารศรี
เกลี้ยกล่อมให้ยอมประเวณีกูจะมีบำเหน็จมา
ฯ เจรจา ๒๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ สั่งพลางก็ทางบทบาทเข้าราชนิเวศเลขา
ฯ กราว สั่งเบญกายสีดา ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งมีบัญชาโศกาบอกมนโทไป
ฯ โอด บอกในบท ฯ
ครวญ
๏ บัดนี้เทวาพลอยสมเกลียวกลมคำรามแถลงไข
อัยกาก็เท่เปรไปปรึกษาให้ส่งนงราม
ฝ่ายกูติดใจว่าได้ตกเธอยกกระทู้ไถ่ถาม
เป็นมากถ้อยกระทงความถ้อยถามทุ่งเถียงไปมา
ทั้งนี้มิสู้น้อยใจเหมึอนพระอัยกาวงศา
ด่าทอเป็นข้อหยาบช้าให้อายลิงป่ากุมภัณฑ์
แม้นศึกเสร็จกูมิให้เหลือกูจะไปเถือเนื้อหํ้าหั่น
โอ้ว่าเทวินท์อินทร์จันทร์เอาต้วผาผันหันไป
ถ้าแม้นมิม้วยมรณาชีพชีวากูไม่ตักษัย
กูจะขอทดแทนเทพไทก็ฮึกฮักไปห้องมณี
กลับเรียกมนโฑดวงจิตต์เพื่อนชีวิตเจ้ามาตามพี่
ฯ เสมอ ฯ
โอ้
๏ ทอดองค์ลงแท่นมณีกอดมิ่งมารศรีรํ่าไร
แสนวิโยคโศกพลางพาทีแก้วพี่ยังคิดเป็นไฉน
เจ้าเร่งระลึกตรึกไตรพี่จะคิดไปตามสงคราม
โอ้อนิจจาแก่ตัวกูผู้ผ่านภพโลกเกรงขาม
ดั่งฤๅจะพ่ายแพ้รามความทุกข์พี่กลุ้มกลัดใจ
มนโฑคิรีของพี่เอยทรามเชยเจ้าช่วยแก้ไข
เห็นพี่จะปลอดรอดภัยให้โลกเลื่องฤๅชา
ว่าพลางก็ทางจุมพิตแสนสนิทแนบน้องเสน่หา
กรเกี่ยวกระหวัดเจรจาปรึกษาสร้อยเสร้าเปล่าใจ
เออเจ้ายังเห็นสุริวงศ์หลงเหลือหลอบ้างหรือไม่
เจ้าเร่งระลึกดูไปจะได้มาต่อต้านไพรี
ฯ โอด ๓๒ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นมนโฑยอดฟ้ามารศรี
ฯ ครวญ ฯ
๏ บอกผัวทั้งตัวโศกีพาทีสอนยุทธชิงชัย
พระจอมเกศแก้วของเมียปละอาสวะเสียอย่าหม่นไหม้
แม้นจิตต์ไม่พิทราลัยถีนะมิทธะภัยมีมา
อันซึ่งความทุกข์ความร้อนตัวนิวรณ์วิจิกิจฉา
อกุศลปนปลอมเข้ามาพาอุธัจจะให้เป็นไป
ประการหนึ่งแม้นมีเหตุเวทนาพาลงหมกไหม้
ฝ่ายซึ่งการแพ้ชนะไสร้สุดแต่ได้สร้างสมมา
ถึงกระนั้นก็อันประเวณีให้มีความเพียรจงหนักหนา
กอปมนต์ดลทั้งอวิญญาณ์สัจจะสัจจาปลงไป
ล้างอาสวะจิตต์มลทินให้ภิญโญสิ้นปัถมัย
เมียเขาเอามันมาไยไม่ควรคือกาลกินี
หนึ่งข้าได้ยินแต่หลังครั้งพระปิตุราชรังสี
เธอผ่านพื้นภพโมลีฤทธีมีตำราประการใด
เร่งค้นกอบกับพิธีสำรวมอินทรีย์แก้ไข
ปละปลงจงเจษฎาใจอาจจะให้ชนะไพรี
ฯ ครวญ ฯ
๏ อันซึ่งพระวงศ์พระญาติลีลาศสู่สวรรค์รังสี
มอดม้วยด้วยการต่อตีหามีไม่แล้วราชา
ฯ เจรจา ๑๘ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นทศเศียรสุรีวงศ์ยักษา
ฯ ครวญ ฯ
๏ พระกรกายพิศบัญชาโอ้ว่าแก้วสุนทราลัย
ไม่ควรนวลเจ้าจะแหนหวงหาล่วงนิวรณ์ไปไม่
อย่าวิจิกิจฉากังขาใจพี่คิดได้แล้วกัลยา
คือองค์ท้าวปิตุเรศประทานพระเวทคาถา
กับหอกกบิลพัทสาตราไว้ปราบเทวาสุราลัย
นามชื่อลัสเตียนพรหมเมศร์ทรงเดโชชัยเป็นใหญ่
ผ่านแผ่นพื้นภพกรุงไกรใหญ่ยอดยิ่งยศโมลี
ขึ้นฟ้าอิศวรบรมญาณประทานทั้งพระพรชัยศรี
ให้ไปทำการพิธีที่เชิงพระเมรุบรรพต
ณท่าละเอียดอ่อนแดงศรีแสงนามชื่อว่าทรายกรด
เถกิงกุณฑ์ระดมอย่างดแม้นถ้วนกำหนดสามราตรี
หอกแก้วก็จะลุกเป็นเพลิงเริงแรงเรืองฤทธิรังสี
ไมมีผู้ต้านต่อตีถูกแสงก็ภัสม์ธุลีไป
มาดแม้นมุ่งหมายตรวยตรงถูกเข้าก็ผุยผงม้วยไหม้
อันลักษมณ์เเละรามพิเภกไซร้ไม่ต้านทานได้อย่าสงกา
อย่าว่าแต่คนเผ่าพันธุนี้สามภพธาตรีไตรหล้า
มิอาจที่จะต้านสาตราพระเวทคาถาเรืองชัย
ทีนี้จะได้เห็นกันเทวัญสวรรค์พื้นตํ่าใต้
มันช่วยกันดีมิเกรงภัยกูจะฆ่าให้ม้วยมรณา
ฯ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่มารศรีผู้ยอดเสน่หา
ไม่พักฆ่าต้วยสาตราแต่ปั้นรูปบูชาก็บรรลัย
ฝ่ายพี่จะปั้นรูปเทวาบูชาเสียให้มันม้วยไหม้
ครั้นถ้วนคำรบสามว้นไซร้เทวัญจะบรรลัยด้วยฤทธา
ไม่ยากลำบากที่ปราบราบรื่นมิพักไปเข่นฆ่า
พี่ไม่ให้ม้วยแต่นางฟ้าจะพามาไว้ในธานี
๏ แก้วเอยเจ้าแก้วตามาไปพระโรงชัยศรี
เรียกพลางทางพาจรลีออกที่พระโรงมิช้า
ฯ บาทสกุณี ฯ
             

ตอนที่ ๔ ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด, พระลักษมฌ์ต้องหอกกบิลพัท จนผูกผมทศกัณฐ์กับนางมณโฑ

ทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด

๏ จึ่งตร้สกับหมู่อสูรราชประภาษแก่มารยักษา
ทั้งพวกอำมาตย์เสนากูได้มหารูจี
ท่านเร่งเกษมเปรมใจอย่าครั่นคร้ามขามใครยักษี
อันลักษมณ์แลรามขนกระบี่น่าที่จะม้วยพิราลัย
กูผัดมึงแต่สองสามวันเท่านั้นดอกแล้วจะม้วยไหม้
มโหทรเร่งคุมอสูรไปปลูกโรงพิชัยพิธี
โดยยาวใหญ่สามสิบเก้าห้องให้กุก่องด้วยแดงแสงศรี
ทิ้งธูปเทียนตามรูจีดอกไม้แดงดีสิบเจ็ดพรรณ
จงประดับประดาธราลัยอำไพพึงพิศเฉิดฉัน
อบอายกระจายจรจวงจันทน์อำพันรสกลิ่นโอฬาร์
ทั้งเจ็ดประการแก้ววิเศษจะบูชาพระเวทคาถา
กับหอกกบิลพัทสาตราณ ท่าทางเชิงพระเมรุบรรพต
ยังที่ละเอียดอ่อนแดงศรีแสงนามชื่อว่าทรายกรด
เร่งคุมอสุรีมียศกฎหมายกิจการทั้งปวงไป
หนึ่งให้แกะดินเจ็ดท่าจะปั้นรูปเทวาน้อยใหญ่
เข้าบูชากุณฑ์กองไฟอย่าให้ใครรู้จงลีลา
ฯ เจรจา ๔๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจึ่งมโหทรมารยักษา
รับสั่งดีใจออกมาก็พาอสูรพันหนึ่งไป
ฯ กราว เชิด ฯ
ร่าย
๏ ครั้นถึงเชิงพระเมรุบรรพตเอากฎหมายออกแถลงไข
ฯ เจรจา ฯ
๏ กะเกนแก่กันทันใดปลูกโรงพิชัยพิธี
บ้างไปแกะดินเจ็ดท่าบ้างเก็บบุปผาพนาศรี
ตัดไม้ทำโรงพิธีเสร็จได้มาลีดินมา
ฯ ๖ คำ เจรจา เชิดปฐม ฯ
๏ เมื่อนั้นจึ่งมโหทรมารย้กษา
แต่งโรงพิธีโอฬาร์วิจิตรรจนาอำไพ
เลิศแล้วแก้วเก้าเนาวรัตน์เพดานดัดแดงแสงใส
ระย้าย้อยห้อยภู่วิไลสุกใสเถือกถ่องรูจี
เสาส้างสะอ้านพื้นพรรณแดง ตกแต่งที่ทางเรืองศรี
ตามด้วยธูปเทียนรูจี มีคนธรสโอฬาร์
จึงให้เอาดอกมาลีซึ่งให้ยักษีไปหา
กับดินเจ็ดท่าสมุทมาไว้ท่า ณ โรงพิธี
ครั้นเสร็จระเห็จผายผันจรจรัลเหาะมายังกรุงศรี
ฯ เชิดปฐม ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งทูลคดี บัดนี้พร้อมแล้วพระราชา
ฯ เจรจา ๑๐ คำ ฯ
โทน
๏ เมื่อนั้นทศเศียรสุริวงศ์ยักษา
ชำระสระสรงคงคาขัดกายาหมดมลทิน
ทรงภูษาทาธะรศประดับเครึ่องเรื่องรัศอำไพเฉิดฉิน
ดุจดังบรมพรหมินทร์เหมือนอินทร์เลื่อยลอยเมฆา
ทรงมงกุฎสังวาลกรรเจียกเก็จเพชรระยับทับทรวงเลขา
ตาบติดวิจิตรเจษฎาพาหุรัดตรัสใส่ธำมรงค์
รัดพระองค์ทรงทองปลายพระกรบทจรดั่งพระยาราชหงส์
ลีลามาขึ้นรถทรงก็เหาะตรงไปโรงพิธี
ฯ กราว ชมตลาด ฯ
๏ ครั้นถึงประทับพลับพลาเปลื้องเครื่องมหารังสี
บรรจงกระหวัดโจฬ์เป็นโยคี พิจิตรทะรังสีล้วนแดง
ทรงด้ายย้อมเป็นสังวาลวรรณเกี่ยวกันพึงพิศเป็นแสง
ประดับประดาอ่าองค์บรรจงแดงแต่งจุณจันทน์เจิมพักตรา
ดุจดั่งบรมพรหเมศเรืองเดชสิทธิศักดิ์หนักหนา
เสด็จเข้าปั้นรูปเทวาทุกช่องชั้นฟ้าสุราลัย
จึ่งเชิญหอกแก้วกบิลพัทพาดบนเตียงแดงแสงใส
ใส่เพลิงเถกิงกุณฑ์ไฟสูงได้เท่าเทียมปลายตาล
จึ่งอ่านพระเวทคาถาตามตำรับตำราว่าขาน
บูชาด้วยแก้วเจ็ดประการหว่านดอกไม้เข้าในอัคคี
แล้วจึ่งเอามัจฉมังสาบูชาหอกแก้วรังสี
เอารูปเทวัญจันทรีโยนเข้าอ้คคีระดมไฟ
แล้วจึ่งสมาธิปัญโญโอมอ่านโอรูปก็ม้วยไหม้
หอกกบิลพัทลุกเป็นไฟอาคมระงมไปถึงพรหมา
ฯ ตระ ๒๒ คำ ฯ
             

             

             

             

เชิงอรรถ

อ้างอิง

เครื่องมือส่วนตัว