บทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(ท้าวมาลีวราชสอบคดีทศกัณฐ์)
()
แถว 1,515: แถว 1,515:
</tpoem>
</tpoem>
-
==== ====
+
====ท้าวมาลีวราชให้พระวิษณุกรรมไปตามพระราม====
 +
๏ คนธรรพ์ก็รับสั่งลา ไปดาวดึงสาสวรรค์
 +
ฯ เชิด ฯ
 +
 
 +
๏ เข้าหาพระวิษณุกรรม์  ฉับพลันมาไปอย่าช้า
 +
ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ
 +
 
 +
๏ ฝ่ายพระวิษณุกรรมแจ้งเหตุ  ก็มาจากนิเวศดึงสา
 +
ฯ เหาะ ฯ
 +
 
 +
๏ จึงชวนกันเข้าวันทา  สองราประณมดุษฎี
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 
 +
ร่าย
 +
๏ เมื่อนั้น  ท้าวมาลีวราชยักษี
 +
จึงสั่งให้เทวจรลี  ไปบอกคดีสองไทย
 +
อันอัชบาลอัยกา  ร่วมวิญญาณ์กูพิสม้ย
 +
สหายกูปู่รามเรืองชัย  จงแจ้งไขแก่สองรา
 +
ครั้นเราจะให้คนธรรพ์ไป  เกลือกสองภูวนัยจะกังขา
 +
ด้วยรามลักษมณ์ไม่รู้จักกูมา  พาทีอย่าให้แคลงใจ
 +
บัดนี้นัดดากับนัดดา  เข่นฆ่ากันเท่าไหนไหน
 +
ตัวกูนี้พึ่งรู้ไป  ฉับไวให้มาบัดนี้
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 
 +
๏ ฝ่ายเทวะร้บสั่งลา  เหาะมายังพลับพลาศรี
 +
ฯ เชิด ฯ
 +
 
 +
๏ ถึงจึ่งแถลงเสนี  กระบี่พาแจ้งกิจจา
 +
บัดนี้ท่านท้าวมาลีวราช  พระบาทสิทธิศ้กดิ์หนักหนา
 +
เธอเป็นสหายพระอัยกา  ให้ข้ามาเชิญเสด็จไป
 +
จะไถ่ถามห้ามความรบสู้  พระเจ้าปู่ว่าหาอื่นไกลไม่
 +
เหตุนี้พึ่งทราบธุลีไป  จึ่งให้มาแจ้งราชา
 +
ฝ่ายข้างพระยาทศพักตร์  กล่าวโทษพระองค์หนักหนา
 +
พระอัยกาไม่เชึ่อวาจา  จึ่งให้มาเชิญจรลี
 +
ฯ ๘ คำ เจรจา ฯ
 +
 
 +
๏ เมื่อนั้น  พระอวตารผู้ชาญชัยศรี
 +
จึ่งบัญชาชอบวาที  ให้กระบี่ปรึกษาทุกตัวนาย
 +
ผู้ใดยังได้รู้เห็น  อัยกากูเป็นสหาย
 +
กับท้าวมาลีวราชเพริดพราย  บรรยายให้แจ้งบัดนี้
 +
ฯ ๔ คำ ฯ
 +
 
 +
๏ บัดนั้น  พระยาชามพูวราชกระบี่ศรี
 +
ก้มเกล้าเคารพสามที  ขุนกระบี่จึงทูลเนื้อความไป
 +
อันองค์ท้าวมาลีวราช  พระบาทบพิตรเป็นใหญ่
 +
กับพระอัยการักร่วมใจ  ไกลนานเนิ่นนักพระราชา
 +
แต่ชันษาข้าพึ่งวัย  พอจำความได้น้อยหน้กหนา
 +
จนได้เป็นบาทมุลิกา  อายุข้าถึงกัลป์ปลาย
 +
แม่นมั่นอันองค์พระอัยกา  กับท้าวยักษาเป็นสหาย
 +
ตัวข้าจะขอบรรยาย  เล่าถวายให้แจ้งกิจการ
 +
ว่ายังมีพรหมผู้หนึ่ง  จึ่งเธอทำเพียรห้าวหาญ
 +
อตส่าห์เฝ้าพระสยมภูวญาณ  จะใคร่เป็นประธานโลกา
 +
จึ่งกราบทูลขอพระพร  ให้ถาวรยิ่งพรหมทุกทิศา
 +
กับคทาเพชรมหึมา  จะป้องกันรักษาไพรี
 +
ฝ่ายองค์อิศวรบรมญาณ  ประธานทั้งพระพรชัยศรี
 +
ครั้งนั้นคึอท้าวมาลี  มีมโนในนึกเมตตา
 +
ทูลพระอิศวรบรมนาถ  ว่าพระบาทอัชบาลนาถา
 +
ผ่านแผ่นพื้นภพอยุธยา  สามัญพึ่งพาทั่วไป
 +
สุจริตทศพิธราชธรรม์  พงศ์พันธุ์นารายณ์เป็นใหญ่
 +
ทุกนิเวศเขตขัณฑ์พึ่งไท  เกลือกพรหมจะไปราวี
 +
หน้าที่จะสิ้นสูญพรตกรรม์  สามัญจะร้อนดั่งเพลิงจี่
 +
จะขัดสนจนทั้งมุนี  โปรดเกศีอย่าให้สูญไป
 +
พระศุลีฟังมาลีวัคคพรหม  พระสยมภูวญาณก็สงสัย
 +
จี่งประทานพระขรรค์เพชรเรืองชัย  ให้ท้าวมาลีเอามา
 +
ถวายแก่ท้าวอัชบาล  แล้วประทานพระพรหนักหนา
 +
ให้ชนะแก่บรมพรหมา  คทาเพชรจงพ่ายแพ้พระขรรค์ชัย
 +
ท้าวมาลีรับเอาพระขรรค์แก้ว  แล้วเชิญพระพรลงมาให้
 +
แด่ท้าวอัชบาลเรืองชัย  จึ่งร้กใคร่เป็นสหายกันมา
 +
ไม่มีที่เป็นอุบาย  พระองค์อย่าหมางหมายกังขา
 +
ขอเชิญเสด็จไคลคลา  ไปหาจึ่งจะชอบทางธรรม
 +
ฯ ๒๘ คำ เจรจา ฯ
 +
 
 +
๏ เมื่อนั้น  พระเผ่าพงศ์นารายณ์ไอศวรรย์
 +
จึ่งสั่งให้ตรวจเตรียมกัน  กูจะไปคมคัลพระอัยกา
 +
ฯ ๒ คำ ฯ
 +
 
 +
๏ สุครีพรับสั่งไปพลัน  ตระเตรียมพลขันธ์อาสา
 +
ฯ เชิดปฐม ฯ
 +
 
 +
๏ กำชับันเป็นโกลา  จัดแจงมหารถชัย
 +
นี่แน่นิลนนท์หนุมาน  องคตชมพูพานทหารใหญ่
 +
หมวดกองกะเกนจงเกือบไป  อย่าไว้ใจอรินไพรี
 +
เกลือกเป็นอุบายถ่ายเท  เล่ห์กลแห่งมารยักษี
 +
จงจัดสรรกันแต่ตัวดี  ประคองเคียงข้างภูมีไป
 +
ฯ เจรจา ฯ
 +
 
 +
๏ ครั้นเอยครั้นเสร็จ  ระเห็จเข้ามาแถลงไข
 +
ฯ แพละน้อย ฯ
 +
 
 +
๏ อันซึ่งพหลสกลไกร  ได้พร้อมอยู่แล้วราชา
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 
 +
โทน
 +
๏ เมื่อนั้น  พระรามบุญเรืองเฟื่องฟ้า
 +
จึ่งชวนพระศรีอนุชา  ลีลาลงสรงวารี
 +
ทรงภูษาทาธะรสประดับเครื่อง  เรื่อเรืองรุ่งรัศรังสี
 +
สององค์ทรงลักษณ์รูจี  ต่างสีเหลืองนิลว้ตถาพราย
 +
เลิศแล้วแก้วเก้ามงกุฎเก็จ  เพชรระยับทับทรวงเฉิดฉาย
 +
ตาบติดสังวาลเลื่อมพราย  กระจายจรกรรเจียกเพราตา
 +
พาหุร้ดธำมรงค์ชายแครง  ศรีแสงชายไหวซ้ายขวา
 +
ทรงศิลป์ศรชวนอนุชา  ไคลคลาขึ้นรถจรลี
 +
ฯ เพลง ๘ คำ ฯ
 +
 
 +
โทน
 +
๏ รถเอยราชรถอินทร์  เฉิดฉินฉ้อพรรณรังสี
 +
สลับเลือกล้วนดวงจินดาดี  รัศมีสว่างเมฆา
 +
ดุจดังอโณท้ยไตรตรัส  แจ่มจัดแสงนิลว้ตถา
 +
ระย้าระย้อยลอยเลื่อนฟ้า  อนุชานั่งหน้ารถไป
 +
ฯ กลองโยน รุกร้น ฯ
 +
 
 +
ร่าย
 +
๏ ครั้นถึงจึงหยุดรถแก้ว  แล้วอ่อนโอนองค์ลงไหว้
 +
ให้พระมาตุลีขับเข้าไป  เคียงข้างขวาไทอัยกา
 +
ยอกรปัญจางค์สุจริต  ประดิษฐานเหนือเกศเกศา
 +
เคารพอภิว้นท์ปรีดา  อยู่ในมหารถชัย
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 
 +
ช้า
 +
๏ เมึ่อนั้น  พระกอบกิจธรรมเป็นใหญ่
 +
ครั้นเห็นลักษมณ์รามเรืองชัย  ท้าวไทเพ่งพิจารณา
 +
องค์อรรคอ้อนแอ้นทั้งสอง  ผ่องแผ้วผิวนิลวัตถา
 +
เรืองรุดสุดเลิศลักขณา  เหมือนมหาอ้ชบาลสหายกู
 +
จึ่งเอื้อนอรรถโองการปราศรัย  เหตุใดเวียงชัยเจ้าไม่อยู่
 +
มาเที่ยวไพรไยทั้งคู่  เกิดรบสู้กันด้วยอันใด
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
===ตอนที่ ๓ ตอนท้าวมาลีวราชพิพากษาความ จนทศกัณฐ์เข้าเมือง===
===ตอนที่ ๓ ตอนท้าวมาลีวราชพิพากษาความ จนทศกัณฐ์เข้าเมือง===

การปรับปรุง เมื่อ 14:11, 4 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

พระราชนิพนธ์: สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

มี ๔ ตอน โดยตอนที่ ๒ ถึง ๔ นั้นความต่อกัน

บทประพันธ์

บานแพนก

วันอาทิตย์ เดึอน ๖ ขึ้นคํ่าหนึ่ง จุลศักราช ๑๑๓๒ (พ.ศ. ๒๓๑๓ ปีที่ ๓ ในร้ชกาลกรุงธนบุรี) ปีขาล โทศก พระราชนิพนธ์ทรงแต่งชั้นต้นเป็นปฐม ยังทรามยังพอดีอยู่

ตอนที่ ๑ ตอนพระมงกุฎ

พระมงกุฎอยู่ป่า

๏ มาจะกล่าวบทไปหน่อในอวตารรังสี
หาผลปรนนิบ้ติชนนีทั้งพระฤษีมีญาณ
ว้นหนึ่งชวนน้องเข้าพาทีพระมุนีจงโปรตเดฉาน
ข้าไสร้เกลือกคนภัยพาลขอประทานรํ่าเรียนวิชา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฤษีรักจูบกระหม่อมเกศสอนให้เล่าเวทคาถา
ฯ เจรจา ฯ
๏ หุดีกุณฑ์กองวิทยาเจ็ดราตรีศรผุดพลัน
ฯ ตระ ฯ
๏ จึงประสิทธิ์ประสาทธนูศิลป์เจ้าจินดารมณ์หมายมั่น
เมึ่อลั่นซั้นซ้ำมนตร์พลันสรรพโลกไม่ทนฤทธา
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารเรียนเสร็จได้ทั้งกลละเม็ดคาถา
รบเอาธนูศิลป์มาลาล่าหาผลพนาลี
ฯ เข้าม่าน ฯ
๏ ครั้นถึงกาลวาตพนาลัยปราศัยน้องลบเรืองศรี
ฝ่ายพี่จะแผลงฤทธียิงรังด้นนี้ให้ขาดไป
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าลบว่าใหญ่ถึงแสนวาข้าเจ้าเห็นหาห้กไม่
๏ พระมงกุฎก็วางศรชัยสนั่นไปถึงชั้นพรหมา
ตระเชิด
๏ ถูกรังต้นใหญ่สินขาดยับเยินวินาศดังฟ้าผ่า
แล้วกลับต่อว่าอนุชาน้องยาจะว่าประการใด
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระลบสรรเสริญบุญญาอานุภาพเป็นหาที่สุดไม่
พระชนนีจะมิตกใจก็ชวนเก็บผลไม้กลับมา
ฯ พญา เดิน ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระฤษีสนั่นเสียงสำเนียงกึกก้องเวหา
ตกใจทิ้งนางสีดาก็ลีลาออกตามกุมาร
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏      ฝ่ายพระพี่น้องเห็นฤษีก็วิ่งเข้าอัญชลีทูลสาร
ทิ้งนางสีดาดวงมาลย์พระอาจารย์มาไยชนนี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระมุนีสีดาว่าดูเอาให้เราตกใจถึงสองศรี
สุ้งเสียงอะไรเมื่อกี้คิดว่าอสุรีพะพาน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกฎทูลไขหาไม่ดอกยิงไม้พฤกษาสาร
๏ เจ้าลบว่าแสนอ้อมประมาณพฤกษาสารสูงเทียมเมฆา
หักย้บสะบั้นสินขาดวินาศดุจดั่งฟ้าผ่า
ที่กาลวาตพนาวาหาภ้ยมิได้พระมุนี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ สีดาว่ายิงทำไมให้ตกใจทั้งพระฤษี
นี่ลูกอะไรน่าใคร่ตีก็พาทีขู่รู่กุมาร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระมุนีจึ่งห้ามสีดาอย่าว่าหลานกูห้าวหาญ
แล้วอวยชัยหน่ออวตารให้ชัยวาลรุ่งฤทธี
จงเจ้าเป็นใหญ่ไตรภพจบสกลทิศทั้งสี่
โภยภัยสิ่งใดอย่าได้มีให้ฤทธียิ่งบิดร
แล้วบอกนวลนางสีดาพฤกษานี้มีมาแต่ก่อน
แรกตั้งฟ้าดินอัมพรศรใครไม่กินนะสีดา
เมื่อไรต่อหน่ออวตารจึงผลาญไม้นี้ดั่งฟ้าผ่า
ลูกเจ้ารุ่งเรืองฤทธาว่าแล้วก็มากุฎี
ฯ เสมอ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารเข้าไปถวายผลไม้พระฤษี
แล้วกล้บมาหาชนนียังที่พระบรรณศาลา
ฯ บาทสกุณี ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ ฝ่ายนางสีดาส้วมกอดพลอดพลางทางกวดเกศา
จูบเกศเทวศโศกาโอ้ว่ากำพร้ายาใจ
มาดแม้นถ้าอยู่ก้บพ่อจะเสน่ห์หน่อหาที่สุดไม่
เท่านี้หรือมีฤทธิไกรที่ไหนบิดาจะให้จร
ฝ่ายเจ้าผลานแผลงศิลป์ชัยเหมือนเมื่อท้าวไทเธอยกศร
ครั้งไปทำการสยมพรในเมืองนครมิถิลา
ให้เจ้ายิ่งยศโมลีแม่จะได้ฝากผีภายหน้า
ให้เรืองฤทธิ์เหมือนองค์พระบิดาว่าแล้วก็ทรงโศกี
ฯ โอด ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ฝ่ายพระมงกุฎทูลถามโปรดบอกความเกล้าเกศี
แม่ว่าพ่อข้ามีฤทธีมาอยู่พนาลีด้วยอ้นใด
อ้นฝ่ายพระบังเกิดเกล้าเผ่าพงศ์กษัตริย์หรือไม่
เธอผ่านถิ่นฐานบ้านเมืองใดบอกให้หน่อยเถิดพระมารดา
ฯ มโนราโอด ๔ คำ ฯ
๏ สีดากรรแสงแถลงไขพิไรบอกลูกเสน่หา
เดิมแม่อยู่เมืองมิถิลาพระอัยกาเจ้าเสี่ยงศิลป์ชัย
เทพามนุษย์เข้ายกศิลป์เสร็จสิ้นมิได้หวาดไหว
พ่อเจ้ายกได้ว่องไวจึงเศกแม่ให้กับบิดา
อ้นบิตุเรศของเจ้าเผ่าพงศ์บรมนาถา
เรืองรุดสุดอรรคอิศราปรากฏยศยิ่งโมลี
จึ่งพาแม่มาเวียงชัยอัยกาให้สัจมเหษี
ให้พ่อเจ้าไปพนาลีแม่นี้ติดตามจรจรรย์
กับทั้งพระล้กษมณ์อนุชาออกไปอยู่ป่าพนาสัณฑ์
วันหนึ่งจึงยักษ์ทศกัณฐ์มันใช้มารีศเป็นกวางมา
แม่ไม่รู้เลยเป็นร้กใคร่ให้พ่อเจ้าตามไปในป่า
แล้วได้ยินเสียงเหมือนบิดาคิดว่ายักษาม้นยายี
จึงให้อนุชาไปดูมิรู้ยักษ์ล้กพาแม่หนี
บิดาเจ้าตามไปต่อตีฆ่าอสุรีตายทั้งลงกา
แล้วพามาผ่านโภคัยครั้งนั้นแลแม่ได้หรรษา
จึงมีปีศาจลวงมารดาวานข้าเขียนรูปอสุรี
พาซื่อมือแม่ไม่สุขประดุกเขียนรูปยักษี
พอพ่อเจ้ามาเห็นทันทีนารีผู้วานนั้นหายไป
ฝ่ายแม่จึงรู้ว่าปิศาจพระบิตุราชโกรธชักพระขรรค์ไล่
ให้พระอนุชาพาแม่ไปพิฆาตเสียในพนาวา
เดชะความสัตย์ของแม่เที่ยงแท้ต่อพ่อเจ้าหนักหนา
พระขรรค์กล้บกลายเป็นมาลาอนุชาจึงขับเสียพล้น
เตชะบุญญาของเจ้าขวัญเข้าแม่ไม่อาสัญ
พอพบมุนีในพนาวันจึงคมค้ลอาศัยคลอดลูกยา
พระบิดาเจ้าชื่อราเมศหน่อนเรศทศรถนาถา
ครอบครองกรุงศรีอยุธยาว่าแล้วก็ทรงโศกี
ฯ โอด ๒๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกุฎกราบเกล้าพระแม่เจ้าอย่าหม่นหมองศรี
ถึงพระบิดาไม่ดูดีเราอยู่พงพีตามเข็ญใจ
ฯ ครวญ ๒ คำฯ
๏ สีดาส้วมสอดกอดจูบลูบหน้าหลังพลางร้องไห้
แสนโศกวิโยคอาล้ยเสน่ห์ในกอดลูกนิทรา
ฯ กล่อม ๒ คำ ฯ
             

พระรามเสี่ยงม้า

ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทเจ้าไตรตรึงษา
เอ็นดูกุมารสีดาจากสามีพรากบิดร
อ้อหน่อนั้นค่อยจำเริญวัยไปลองศิลป์ชัยธนูศร
เอิกเกริกสิ้นทั้งพระนครบิดรก็อัศจรรย์ใจ
เอะพ่อจะเสี่ยงพาชีลูกนี้จะได้หม่นไหม้
เป็นกรรมทำมาแต่ไรให้พรไปโดยยินดี
ฯ สาธุการ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างองค์อรรคอวตารให้หาพฤฒาจารยอึงมี่
ควรดูฤกษ์พานาทีเหตุนี้จะเป็นประการใด
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระโหรผู้เฒ่าก้มเกล้ากราบทูลแถลงไข
เหตุลั่นดินฟ้าสุราลัยหาภัยมิได้ภูมี
แต่เกิดองค์อรรคศักดาลองมหาธนูชัยศรี
สำหร้บปราบมารไพรีเหตุนี้ดีดอกพระราชา
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระรามบุญเรืองเฟื่องฟ้า
สงสัยไถ่ถามโหราบัญชาแก่ราชสามนต์
เมื่อกูอยู่บนบัญชรชัยหวั่นไหวดินฟ้ากุลาหล
สะเทือนเลื่อนภูมิมณฑลจลาจลดุจดั่งจะควํ่าไป
ดูดุ๋ช้างม้าอาณาจักรหักหลักแหล่งหลุดไปได้
เหตุนี้กูมิไว้ใจเป็นภัยติดราชธานี
จงตกแต่งล้กษณโองการเขียนลงเป็นราชสารศรี
ผูกแขวนคอม้าเสี่ยงพาชีตามประเวณีเมืองปล่อยไป
จึงจะต้องตามตำราว่าแม้นใครขี่ฆ่าให้ต้กษ้ย
ให้หาอนุชาสองไทกูจะให้ไปตามอาชา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ หนุมานก็ร้บสั่งพลันผายผันเหาะระเห็จไปหา
ฯ เชิดปฐม ฯ
๏ ครั้นถึงไกยเกศภาราเชิญเสด็จอนุชาทันที
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระสัตรุดพระพรตถามไถ่ให้หาเราไยกระบี่ศรี
สะเทือนเลื่อนลั่นบูรีอยุธยามีเหตุประการใด
ฯ ๒ คำ ฯ
๏      หนุมานทูลแจ้งกิจจาเหตุสุธาสนั่นหวั่นไหว
พระเชษฐาให้เสี่ยงพาชีชัยจึงจะให้พระไปตามไพรี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏      พระสัตรุดพระพรตสั่งพลันให้เตรียมพลขันธ์ชัยศรี
ขึ้นทูลไอยกาทันทีพระเจ้าพี่รามาให้หาไป
ฯ ๒ คำเสมอ ฯ
๏ พระไอยกาอำนวยพรให้ถาวรยศยิ่งเป็นใหญ่
เจ้าไปเถิดไปพ่อไปมีชัยแล้วกลับมาธานี
ฯ เจรจา ๒ คำฯ
๏ พระสัตรุดพระพรตอำลามาท้องพระโรงชัยศรี
ฯ เสมอ ฯ
๏ เสนาซึ่งรับสั่งเดิมทีไปจ้ดรี้พลโยธา
ฯ เชิดปฐม ฯ
ยานี
๏ กะเกนรถรัดอัสดรพวกพลนิกรซ้ายขวา
หอกง้าวหลาวแหลนปืนยาทัพหลังทัพหน้าเรียงรัน
อีกทั้งยกระบัตรเกียกกายปีกป้องกองรายแข็งขัน
ครั้นเสร็จระเห็จทูลพลันพลขันธ์พร้อมแล้วภูมี
ฯ ๖ คำ ฯ
โทน
๏ เมื่อนั้นพระพรตยศไกรชัยศรี
จึงชวนอนุชาสรงวารีสองศรีสำอางอาภรณ์
ทรงมงกฎสังวาลเสร็จสรรพจับสะพักสะพายแล่งแสงศร
ทบทรวงกรรเจียกกระจายจรตาบติดอาภรณ์กระจายตา
พาหุรัดธำมรงค์ชายแครงศรีแสงชายไหวซ้ายขวา
สนอบสนับสรรพชวนอนุชาลีลามาขึ้นรถไป
ฯ บาทสกุณี ๖ คำ ฯ
โทน
๏ รถเอยราชรถแดงสีแสงสว่างสุกใส
งอนแอกปะแหรกวิไลฉ้ตรชัยวิจิตรเจษฎา
เพราเพชรเก็จแกมหน้าหลังบังใบด้วยมณีมีค่า
ระย้าระย้อยลอยเลื่อนฟ้ากรีฑาพหลไปพลัน
ฯ กราวเชิด ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงซึ่งกรุงอยุธยาขึ้นเฝ้าเชษฐาไอศวรรย์
พระรามเห็นเรียกน้องพลันพากันออกท้องพระโรงชัย
ฯ เสมอ ฯ
๏ จึงตรัสด้วยราชสารศรีเสนีแต่งแล้วหรึอไฉน
เสนาก้มกราบทูลไปแต่งไว้เสร็จแล้วภูมี
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
ช้า
๏ ในลักษณพระราชสารว่าพระผ่านทศทิศทั้งสี่
แบ่งภาคจากกระเษียรวารีมีกมลจิตต์จินดา
ให้ปล่อยมิ่งม้าอุปการใครพานพะขี่จะเข่นฆ่า
ที่อวดฤทธิ์ดีจงขี่ม้าผ่านฟ้าจะไปต่อตี
ถ้าแม้นเป็นข้าอาณาจ้กรทักษิณประณตบทศรี
เคารพอภิวันท์ธุลีปล่อยพาชีจรไคลคลา
ฯ ๖ คำ ร่าย ฯ
๏ พระรามว่าดีแล้วเอาเถิดพอเกิดดวงดาวเวหา
เบื้องบนข้างทิศบูรพาบัญชาให้ผูกพาชี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ อาลักษณ์เอาสารผูกคอม้าอลังการที่นั่งรังสี
โหรปล่อยมิ่งม้าทันทีพาชีดึงเดาะเดินพลัน
ฯ ฉาน เชิดฉิ่ง ๒ คำ ฯ
๏ พระรามจึงสั่งอนุชาแม้นใครขี่ฆ่าให้อาสัญ
๏ อนุชารบสั่งจรจรัลพลันยกพลตามสะกดไป
ฯ กราว ๒ คำ ฯ
๏ พระรามซ้ำสั่งหนุมานท่านไปช่วยด้วยจึ่งได้
หนุมานรับสั่งคลาไคลไปนำพลตามพาชี
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
             

พระมงกุฎขี่ม้าเสี่ยงทาย หนุมานจะจับ ถูกพระมงกุฎเสกมนตร์มัดตัว

ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทท่านท้าวโกสีย์
ผู้ทรงมหิทธิ์ฤทธีตรีเนตรเล็งแลลงมา
ก็แจ้งว่าหน่ออวตารจะพานพะรบวงศา
อ้อกรรมหน่อดลบิดาจึงเสี่ยงพญาม้าไป
เอะอาว์ผู้เข้าราวีจะต้องศรศรีเพียงต้กษัย
จึงจะจ้บได้แต่พี่ไปอวตารจะให้ลงอาชญา
จำกูจะช่วยแก้ไขเอาผลบุญไปภายหน้า
อย่าให้มอดม้วยชีวาก็ดลม้าเข้าพนาล้ย
ร่าย
๏ แล้วจึ่งไปดลกุมารให้ออกพนัสสถานใหญ่
ครั้นเสร็จเสด็จขึ้นไปยังในฟากฟ้าดุษดี
ฯ คุกพาทย์ เหาะ ๑๐ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไปหน่อในอวตารร้งษี
รัญจวนป่วนถึงพนาลีที่จะไปเที่ยวเล่นพนาวา
ครั้นเช้าอำลามารดรจับธนูศรชัยจะไปป่า
สีดามิให้ไคลคลาลูกยาอย่าไปพนาลี
คืนนี้แม่ฝันเห็นร้ายฦๅสายอย่าเข้าพนาศรี
หูตากระเหม่นไม่ดีวันนี้อย่าไปพนาลัย
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ พระพี่น้องเทียบทูลชนนีกรรมมีหาพ้นตายไม่
อันกาลวาตพนาลัยลูกไสร้เคยเล่นอยู่อ้ตรา
แม้นข้ามิไปพนาลีพระฤษีจะอดพฤกษา
โภยภ้ยอะไรไม่มีมาถึงอ้ายยักษาไม่กลัวกัน
แม้นมันฺทำร้ายลูกจะยิงให้กลิ้งอยู่ในพนาสัณฑ์
พระแม่จงให้จรจรรย์กรรแสงที่จะไปพนาวา
ฯ ๖คำ ฯ
โอดครวญ
๏ สีดาส้วมสอดกอดจูบลูบหน้าหลังกวดเกศา
เจ้าไปเถิดพ่ออย่าโศกาว้นนี้กลับมาแต่วัน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองพี่น้องอำลาคว้าได้ธนูผายผัน
ลาดาบสแล้วจรจรรย์เข้าอรัญวามิช้า
ฯ เชิด ฯ
๏ ครั้นถึงซึ่งป่ากาลวาตองอาจเที่ยวไพรพฤกษา
เก็บผลไม้กินสองราพอเห็นมิ่งม้าพาชี
จึงบอกเจ้าลบน้องยามาเราช่วยกันจับขี่
ฯ เชิด ฯ
๏ เออสัตว์อะไรอย่างนี้เรามิเคยพบเห็นมา
แน่เจ้าดูเอาที่หลังใคร่นั่งเล่นไปในป่า
อะไรที่แขวนคอมาก็เอาสาราอ่านพลัน
ฯ ๘ คำ ฯ
ช้า
๏ ใจความว่าองคอวตารผู้ผ่านโภคัยไอศวรรย์
ปล่อยม้าใครขี่ให้ฆ่าฟันถ้าข้าขอบข้นธ์ให้บูชา
เออนี่อะไรใช่เมืองบ้านพานพะมาไยในป่า
ถึงมาดติดตามมาใช่ว่าเราเป็นข้าไท
มาเราจะขึ้นขี่เล่นเช่นนี้จะกล้วเป็นไฉน
ต้วเราก็ไม่ขบถใครขึ้นพาชีชัยไปมา
ฯ เชิดฉิ่ง เพลง ๖ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงหนุมานอาษา
ซึ่งนำทัพกับตามอาชาล่าลอดสอดดูพาชี
จึงเห็นกุมารขี่ม้าโกรธาลัดเข้าพนาศรี
แพละน้อย
๏ ก็เผ่นโผนจบกุมารตีกระบี่ต้องค้นศรสลบไป
ฯ เชิด โอด ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายมงกุฎดาหนุมานกูผลานเถิดหรือให้ตักษัย
เจ้าลบเอยลิงอะไรทำไมมันมาจับเรา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เจ้าลบว่าเออไม่เข้ายาอ้ายนี่มาทำเราเปล่า ๆ
ว่าพลางทางวิ่งตามม้าเล่าสองเจ้าเล่นในพนาลัย
ฯ ๒ คำ เชิดฉิ่ง เพลง ฯ
๏ หนุมานครั้นต้องพระพายถูกลูกลมกลับฟื้นขึ้นได้
ก็ผาดโผนแผลงฤทธิไกรโตใหญ่เงือบเงื้อมเมฆา
แล้วคิดเอะมีฤทธิ๋นักศรศ้กดิ์ตีลงดั่งฟ้าผ่า
อย่าเลยกูจะแปลงกายาก็เป็นลิงป่าเล็กเข้าไป
ฯ แพละ น้อย ฯ
๏ ถึงจึ่งตํ่าเตี้ยเงี่ยห้วฝากตัวแล่นเล่นในป่าใหญ่
ปีนป่ายร่ายกิ่งค่าไม้ทำเป็นรักใคร่ไปมา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารไม่สังเกตหน่อนเรศคิดว่าลิงป่า
๏ หนุมานโจนจับมิช้ากุมาราตีลิงสลบไป
ฯ เชิด โอด ๒ คำ ฯ
๏ พระมงกุฎด่าโจนลงเงื้อง่ากูฆ่าเถิดหรือให้ตักษ้ย
เจ้าลบเอ่ยดูอ้ายจังไรมันไม่หลาบเลยอนุชา
ทำไมมันมาจับเราเอาหรือให้ม้วยสังขาร
๏ เจ้าลบร้องห้ามพี่ยาอย่าฆ่าเจ้านายมันมี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ มงกุฎด่าว่าอ้ายเจ้าเล่ห์เหม่พานมาไยพนาศรี
จองหองจะเข้าราวีกิริยาอ้ายนี้เข้าใช้มัน
มาเราจะเอาเชือกเขามัดศอกมันเข้าให้มั่น
จารึกหน้าไปบอกเจ้ามันก็ชวนก้นเข้ามัดลิงไพร
ฯ ตระ ฯ
๏ มัดแล้วจารึกเศกมนต์เป่าต่อเจ้าของมึงจึ่งแก้ได้
ซํ้าตีมิให้บรรลัยเร่งไปบอกเจ้ามึงมา
ว่าพลางทางเผ่นขึ้นพาชีข้บขี่ควบเล่นในป่า
ฯ เชิดฉิ่ง เพลง ฯ
๏ เล็มล่าหาผลพนาวาได้มาก็สู่กันพลัน
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายหนุมานซึ่งต้องม้ดสะบัดตะบึงยิ่งรึงมั่น
เวทนาน่าอายเทวัญโศกศัลย์มายังทัพชัย
ฯ เชิด โอด ฯ
             

พระพรตจับพระมงกุฎ

๏ ครั้นถึงจึ่งเฝ้าพระพรตกำสรดหาบอกความไม่
๏ พระพรตเห็นต้องม้ดไปตัดด้วยพระขรรค์ชัยมิช้า
ฯ ตะบองกัน ฯ
๏ เชือดเถือเท่าไรก็ไม่ขาดประหลาดอัศจรรย์หนักหนา
๏ หนุมานเจ็บร้องเจรจาอุ่ยหน่าโอยอย่าภูมี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระพรตจึงเห็นอักษรที่หน้าวานรกระบี่ศรี
นิ่งอยู่กูจะดูหน้งสือมีได้เนื้อความบอกกระบี่พลัน
ในลักษณว่าถ้าจะแก้แม้นแลมิใช่เจ้าจงติดมั่น
ท่านเร่งเข้าไปบังคมคัลมันอยู่หาไหนบอกมา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานทูลบุ้ยปากไปมันอยู่ในไพรพฤกษา
นะแน่งนิ่มน้อยสุนทราข้าประมาณชันษาสิบปี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระพรตก็ไปตามว่าหนุมานเหาะมากรุงศรี
ฯ เชิด โอด ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระรามเห็นกระบี่ภูมีกริ้วโกรธโกรธา
เหม่อ้ายพญาหนุมานแต่มึงทำการอาสา
ฆ่าอสุรม้วยทั้งลงกาบัดนี้พามัดมาหากู
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ หนุมานครวญครางร้องไห้ไม่ทูลได้ซบเศียรอยู่
พระรามเห็นอักษรอ่านดูก็รู้ว่าต้องมนตรา
จึงเอาพระหัตถ์ลูบหลุดพระทรงภุชขัดแค้นหนักหนา
๏ หนุมานก้มกราบทูลลาถ้ามิได้ข้าศึกไม่กลับคืน
ว่าพลางเหาะขึ้นเวหาขัดแค้นโศกาสะอื้น
ฯ เชิด ฯ
๏      ก็เหาะลงมาแผ่นพื้นฝ่าฝืนเข้านำท้พไป
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ พระพรตร้องถามหนุมานพระอวตารยังว่าเป็นไฉน
หนุมานว่าโกรธฟูนไฟอย่าพิไรมาไปต่อตี
ทูลพลางทางออกนำท้พกลับกลายแปลงองค์กระบี่ศรี
สี่กรสี่พักตร์รูจีก็นำไปที่กุมารพลัน
ฯ กราว ตระ ๔ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไปหน่อไทนารายณ์ไอศวรรย์
เห็นชี้บอกแก่น้องพลันนั่นแนอริราชยกมา
ว่าพลางทางลงขึ้นศิลป์แผ่นพื้นด้าวดิ้นดั่งฟ้าผ่า
ขวางออกบอกความเจรจาดูกรท่านมาไย
ทำไมอุกมาถึงนี่องอาจอวดดีหรือไฉน
เราเป็นเจ้าป่าพนาลัยเราไสร้ไม่ให้จรลี
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายอาว์ขับรถเข้าบัญชาเรามาหาผู้จับม้าขี่
เหตุเจ้าร่วมอาสน์โมลีกับตีมัดผูกหนุมาน
พระอวตารให้เชิญเจ้าเข้าไปแม้นขัดแข็งให้เราสังหาร
มาเข้าไปเฝ้าพระอวตารหาไม่จะสังหารบัดนี้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองพี่น้องตอบว่าอย่าจองหองฆ่าเราสองศรี
ทำไมมิให้จับม้าขี่ม้านี้ของใครว่ามา
มาดแม้นถ้าม้าของเธอเออปล่อยมาไยในป่า
เราได้ขี่เล่นไปมาชอบว่าขอเราจะให้ไป
มากลับว่าเราองอาจราชฐานโรงโกงอยู่ไหน
ทําไมมิให้มัดลิงไปใครใช้มันมาราวี
ฝ่ายเราเห็นแก่อวตารจึงไม่ประหารกระบี่ศรี
มัดไปให้แจ้งคดีชอบแต่จะขอบไมตรีกัน
นี่ถ้อยไม่ถามความไม่ว่าเจรจาแต่ล้วนจะหํ้าหั่น
เออสังหารมามาเล่นกันกระชั้นรุกว่าอย่าดูเบา
ชิตาพหลสกลไกรจะทำไมใครหรือเจ้า
อวดหาญแกล้งมาพาลเราเอาเถิดจะต่อฤทธา
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระอาว์ตอบวาทีสองศรีอย่าก้องแก้งว่า
เจ้าย้งเด็กเล็กสุนทราเราเมตตาดอกกุมาร
มาดแม้นไม่ลุกะโทษไทที่ไหนจะพ้นสังหาร
แน่เจ้าอันศรอวตารผลาญสิบสี่โลกก็บรรลัย
เทพามนุษย์รู้สิ้นเมืองแมนแดนดินหวาดไหว
ทำไมขี่ม้าของไทไม่แจ้งในสารหรือว่ามา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพี่น้องตอบพจมานราชสารอะไรในป่า
เมื่อมีแต่ลิงวิ่งตามมาอุกอาจเข้าป่าเราไย
ชิชะว่าเราก้องแก้งเด็กถึงเล็กก็หากลัวผู้ใหญ่ไม่
ท่านอย่าอวดองทะนงไปเราไม่ครั่นคร้ามวาจา
ตัวเราผู้ตั้งอยู่ในธรรม์หาพรั่นพรึงไม่อย่าว่า
อุ่ยหนาข้ากลัววิทยาโกรธาดันดึงพาที
ฯ กราวรำ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระพรตโกรธกริ้วหลิ่วแลเล็งยิงสองศรี
ศรเป็นข่ายแก้วราวีให้ไปพิฆาฎกุมารา
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระสัตรุตก็ผลานแผลงเป็นเพลิงเริงแรงเวหา
เปลวปลาบวาบถึงพระสุธารารอรอบองค์พระกุมาร
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ พระมงกุฎกวางศรไปเป็นพระขรรค์เพ็ชรไล่สังหาร
ฟาดฟันข่ายแก้วอสุรกาฬบันดาลแพ้ฤทธิหายพลัน
ฯ เชิด คำ ๒ ฯ
๏ พระลบก็ผลานแผลงซํ้าเป็นนํ้าล้างไฟที่กางกั้น
พระพี่น้องเยาะเย้ยไปพลันหุนหันเข้าต่อฤทธา
ฯ เชิด ฯ
๏ ยิงถูกพระสัตรุดพระพรตตลอดหมดทั้งพลอาษา
ระเนนล้มวินาศดาษดาอนุชาแผลงซํ้าตระหนํ่าไป
ฯ เชิด โอด ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานครั้นต้องพระพายฟื้นฝ่าฝืนเข้าหากลัวไม่
ฯ เชิด ฯ
๏ พระมงกุฎตีด้วยธนูชัยลิงไพรสลบซบซอน
จึงบอกเจ้าลบเอ๋ยดูลิงมันกลิ้งอยู่แล้วด้วยคันศร
๏ พระลบซํ้าโบยราญรอนอ้ายวานรตายแล้วพี่ยา
ฯ กราวรำ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระพรตฟั่นฟื้นขืนอารมณ์เสี่ยงคาถา
เดชะพระเดชเดชาพี่ยานารายณ์ช่วยพลัน
บัดนี้ต้วข้าต้องศรอย่าให้ม้วยมรณ์อาสัญ
อธิษฐานพลางทานํ้ามันพลันเนื้อติดหายเป็นดี
ฯ ตระ ๔ คำ ฯ
๏ แล้วคิดดูฤทธิกุมารคล้ายองค์อวตารเรืองศรี
เนื้อนะแน่งนวลนิลรูจีศรีทรงเหมือนองค์ภูวนัย
หรือว่าลูกนางสีดาเชษฐาให้ฆ่าหาม้วยไม่
ก็ผิดที่เจ้าล้กษมณ์ว่าบรรลัยครั้นจะท้กไปอายวิญญาณ์
คิดแล้วจึงตั้งอธิษฐานแม้นกุมารเป็นวงศ์พงศา
นํ้าเนื้อเชื้อชาติพี่ยาให้พลเป็นมาบัดนื้
ตั้งสัตย์ตร้สพลางสำรวมมนต์รี้พลเป็นขึ้นอึงมี่
ทั้งพระสัตรุดเป็นดีภูมีเร่งอัศจรรย์ใจ
จำเป็นจำกูจะแผลงผลานตามคำอวตารผูใช้
คิดพลางวางวิรุนปานำไปศรชัยเป็นนาคนาคี
ฯ กลม ๑๐ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระสัตรุดก็แผลงผลานเป็นเพลิงกาลไปเจียวจี่
รอบหน้าในศรวาสุกรีศรไม่ยายีสองรา
ฯ ตะบองกัน ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกุฎก็แผลงผลานบันดาลเป็นพระยาปักษา
ฯ แพละ ฯ
๏ พระลบแผลงเป็นท่อธาราดับวิทยาซึ่งเป็นไฟ
ฯ ปรายเข้าตอก ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายศรซึ่งไปเป็นครุฑฉวยฉุดนาคหนีตามไล่
แล้วแผลงศรชํ้ากระหนํ่าไปรุกไล่เขาต่อฤทธา
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ หนุมานครั้นต้องพระพายเป็นเต้นแอบแนบบังพฤกษา
คอยมองจับสองกุมาราสอดนัยนาดูท่วงที
ฯ แพละน้อย ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายอาว์ขึ้นศรพรหมาศพาดสายเสี่ยงทูนเหนือเกศี
มาดแม้นเป็นวงศ์พงศ์พีร์ศรศรีอย่ากินกุมารา
แต่พอสลบจ้บได้จะเอาไปถวายเชษฐา
เสี่ยงพลางทางตั้งสัจจาว่าแล้วก็ผลานแผลงพลัน
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ พระมงกุฎรับข้อพระกรอ่อนพระนลาตกระทบศรรังสรร
ฯ เชิด ฯ
๏ ล้มกลิ้งลิงเข้าจับพลันคาดคั้นเอาสองกุมารา
ฯ เชิด โอด ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าลบลอดหนีได้ด้นดั้นเข้าไพรพฤกษา
ฯ กลม ฯ
๏ หนุมานมัดเอามงกุฎมาพาเข้าถวายฉับพลัน
ฯ ๒ คำ เตียว ฯ
๏ พระพรตเห็นร้องสั่งไปขันขึงมันให้แน่นมั่น
ฯ เจรจา ฯ
(ทรงแทรก)
๏ หนุมานจำใส่ตะโหงกพลันมอบกันร้กษากุมารา
๏ พระพรตจึงสั่งหนุมานเร่งจัดทหารค้นป่า
น้องม้นวิ่งเข้าพนาวารีบร้นค้นหาบัดนี้
ฯ เจรจา ฯ
๏ หนุมานรับสั่งสั่งพลันให้พลขันธ์ค้นพนาศรี
ฯ เชิด ฯ
๏ พลขันธ์เข้าค้นพนาลีมิพบก็เข้าบงคมคัล
ฯ เชิด ฯ
๏ ข้าค้นหาอ้ายกุมารหนีทุกซอกพนาลีเขตต์ขัณฑ์
จบทั่วไม่พบตัวมันอัศจรรย์หนกหนาภูมี
ฯ เจรจา ฯ
๏ พระพรตก็สั่งทันใดจวนอโณทัยคล้อยรังสี
ก็เลิกพหลมนตรีกลับรี้พลคืนพารา
ฯ กราว ฯ
๏ ฝ่ายข้างเจ้าลบเห็นทัพกลับลับเนตรแล้วออกค้นหา
ล่าลอดสอดดูพี่ยาพบแต่ธนูศิลป์ชัย
โออนิจจาพระพี่เอ๋ยกรรมสิ่งใดเลยมาซัดให้
มาดแม้นถ้าม้วยบรรลัยน้องไม่ขออยู่จะตายตาม
เป็นสัตย์สุจริตพระพี่น้องมิได้คิดเข็ดขาม
ครั้นน้องจะเข้าไปตามความนี้ไม่แจ้งชนนี
น้องขอไปแจ้งอาจารย์แล้วจะลามารดาไปตามพี่
โอ้ว่าเทวัญจันทรีปรานีอย่าให้มรณา
คิดพลางทางหยิบเอาศิลป์ศรบทจรคนึงถึงเชษฐา
ก็แจ้งใสในราชปัญญาอ่อเทวาบังให้กู
ดีร้ายพระพี่ไม่ม้วยเมื่อเข้าไปช่วยจะได้สู้
คิดพลางยกศิลป์ใส่เศียรชูก็วางวู่กรรแสงวิ่งมา
ฯ เชิด โอด ฯ
(ทรงแทรก สุดดรงนี้)
๏ ครั้นถึงจึงร้องแถลงสารบันดาลโอดโอยโหยหา
สะอึกสะอื้นเจรจาเขาเข่นฆ่าจับพระพี่ไป
ครั้นข้าจะเข้าไปตามหาใครมาบอกความไม่
ขอลามารดาอาจารย์ไปติดตามภูวนัยพี่ยา
ฯ ๑๖ คำ ฯ
             

พระลบแจ้งข่าวนางสีดา พระมงกุฎถูกจองจำ

โอ้
๏ สีดาฟังลูกลบทูลอาดูรเทวศเสน่หา
โอ้ว่ามงกุฎเจ้าแม่อาอนิจจามาจากแม่ไป
มาดแม้นถ้าฟังคำแม่เที่ยงแท้หามอดม้วยไม่
ป่านนี้จะเป็นประการใดหรือบรรล้ยแล้วลูกยา
แม่ไม่เห็นเลยว่าบุญน้อยร้อยชั่งมาด้บสังขาร์
มาดแม้นถ้าม้วยมรณาแม่จะกลั้นชีวาตายตามไป
พระลบลูกน้อยของแม่เอ๋ยทรามเชยเจ้าจงแถลงไข
เดิมเหตุเภทผลกลใดอย่างไรเขาจับพี่ยา
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ พระลบกราบทูลมารดรเดิมบทจรเล่นป่า
มีสัตว์ต้วหนึ่งเจษฎาหนังสือแขวนมาว่าพาชี
ฝ่ายข้าพี่น้องขี่เที่ยวบัดเดี๋ยวเผือกผู้กระบี่ศรี
ม้นจู่โจนจับพระพี่ตีกระบี่ต้องคันศรสลบพลัน
จึงช่วยกันมัดลิงปล่อยลิงน้อยวิ่งเข้าพนาสัณฑ์
ก็เที่ยวเล่นป่าพนาวันจึงพบพลข้นธ์ยกมา
นายกองร้องบอกพระพี่ว่ามีรับสั่งให้หา
พระพี่กริ้วโกรธโกรธามันอหังการ์แล้วก็ชิงชัย
ต่างต่างยิงก้นไปมามันร้องว่าอวตารใช่
ข้าก้บพระพี่วางศรไปบรรลัยหมดแล้วพระมารดา
อยู่สักประเดี๋ยวเป็นคืนฝืนเข้าต่อรบฝ่ายข้า
มันแผลงศรหนึ่งมหึมากระทบหน้าผากพี่สลบไป
ฝ่ายข้าก็ยิงศรสู้อ้ายวานรจู่จ้บพี่ได้
ฝ่ายม้นรวบข้าเข้าไว้ข้าปลิ้นออกได้หนีมา
ครั้นทัพกลับแล้วข้าไปตูเห็นธนูศรไชยเชษฐา
อัศจรรย์อยู่แล้วพระมารดากิริยาเทวาปรานี
มาดแม้นถ้าตามเห็นได้เหมือนหนึ่งจะให้ชิงชัยศรี
พระแม่พระตาจงปรานีจับธนูศรศรีอำลา
ฯ ๑๘ คำ ฯ
โอ้
๏ สีดาคร่าฉุดยุดไว้ยังจะไปอีกหรือให้ว่า
เมื่อไม่ฟังเลยนี่ลูกยาพระฤษีขาจะดึงไป
อันลิงผ่องเผือกผู้ขาวคือทหารห้าวแห่งผู้ใหญ่
ชื่อหนุมานชาญชัยสองไทคือองค์อนุชา
ชะรอยรู้ว่าไม่ตายจึ่งจองร้ายทำลูกข้า
โอ้ว่ามงกุฎเจ้าแม่อาอนิจจามาจากแม่ไป
พระลบลูกน้อยของแม่เอ๋ยทรามเชยฟังแม่แถลงไข
พี่เจ้าก็ม้วยบรรลัยแม่ได้เห็นหน้าแต่ลูกยา
เป็นกรรมสิ่งไรมาจองผลาญพระอาจารย์ขาเขาจึงเข่นฆ่า
เมื่อเท่านี้หรึอมิเมตตาอ้ายใจมหาย้กษ์จังไร
ถึงมาดดุก็เป็นเด็กไม่ควรที่ทำลูกเล็กได้
แสนโศกวิโยคอาลัยสะอึกสะอื้นไห้ไปมา
ฯ โอด ๑๒ คำ ฯ
ยานี
๏ ฤษีก็เข้าฌานดูรู้ว่ากุมารไม่สังขาร์
จึงบอกนวลนางสีดาเจ้าอย่าได้ร้อนรนใจ
จึงให้อ้ายลบเอาแหวนก้อยลูกน้อยของมึงไปแก้ไข
ญาณี
๏ สีดาก็รูดส่งไปตามแต่ท่านไทพระมุนี
ฯ ๔ คำ ฯ
ยานี
๏ ฤษีจึงสั่งพระลบหลานแม้นนางคราญหนึ่งส่งศรี
นะแน่งนิ่มนวลรูจีมิได้กะพริบนัยนา
ถ้าเห็นนางมาตักนํ้ามึงทำอ้อนวอนจงหนักหนา
ว่าจะช่วยตักให้เอาบุญญานางจะพาไปรดกุมาร
จึงเอาแหวนใส่ในขะนนเศกมนต์แล้วเจ้าอธิษฐาน
นางนั้นแลเทพบันดาลชลธารถึงแล้วจะรอดมา
ฝ่ายเจ้าอย่าได้ประมาทอ่านวิทยาศาสตร์คาถา
เข้าแอบอยู่แทบทวาราไปกว่าจะพบนวลนาง
แต่ว่าอย่าเพ่อคลาไคลพระเคราะห์ยังให้ขัดขวาง
สีดาจงเสี่ยงสัตย์นางพลางเข้ามณฑลกุมารา
ฯ ตระ ๑๐ คำ ฯ
ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทไตรตรึงษ์ดึงสา
ปรานีฤษีสีดาเมตตาลงช่วยกุมาร
ซึ่งต้องรัดรึงขึงไปก็ไม่เจ็บปวดเกษมสานต์
ด้วยกรรมทำหน่ออวตารจึงบันดาลดลอาว์ไป
ที่พระอาว์ว่าจะแจ้งกิจกรรมปิดหาทูลได้ไม่
ก็จะให้ว้าวุ่นขุ่นเคลิ้มใจครั้นช่วยแล้วไปวิมานพลัน
ฯ เชิดปฐม ๖ คำ
ร่าย
๏ ฝ่ายอาว์ครั้นถึงซึ่งกรุงไกรขึ้นไปเฝ้าไทไอศวรรย์
๏ พระรามเห็นเรียกน้องพลันได้มันหรือไม่ไพรี
ฯ เจรจาในเพลง ๒ คำ เสมอ ฯ
๏ พระสัตรุดพระพรตทูลไปจับได้มันมาแต่พี่
อ้ายน้องวิ่งเข้าพนาลีหนีรอดไม่ได้ตัวมา
ทูลพลางสะท้อนฤทัยข้ดแค้นใจหนักเชษฐา
แต่ข้ารองเบื้องบาทาไม่ต้องอาวุธผู้ใด
ครั้งนี้มันยิงตลอดปรุถูกทะลุรี้พลม้วยไหม้
หากอธิษฐานเอาบุญไทจึงได้มารองบาทา
ฯ ๖ คำ ฯ
ช้า
๏ เมึ่อนั้นพระรามสุริวงศ์รุ่งฟัา
จึงตรัสแก่สองอนุชาทั้งพญาหนุมานชาญชํย
อันอ้ายกุมารมีฤทธิ์นักจึงอาณาจักรลั่นหวั่นไหว
หากเจ้ากับหนุมานไปหาไม่ไม่ได้ตัวมา
นี่แน่เจ้าให้เขาจองจำทำโทษแก่มันให้หนักหนา
เอาขึ้นขาหย่างกลางภาราทะเวนให้ครบเจ็ดวัน
แล้วจึ่งบั่นเศียรเสียบไว้ให้เลื่องลือไปเขตต์ข้ณฑ์
อย่าให้มันดูเยี่ยงกันไว้มันจะเป็นราคี
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ พระลักษมณ์ก็รับสั่งลาให้หาตำรวจอึงมี่
ฯ เจรจา ฯ
๏ ตำรวจเข้าทูลทันที บัดนี้นครบาลมา
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายองครักษ์จ้กรนารายณ์วุ่นวายแก่กันหนักหนา
ประนังทำจำจองกุมาราโซ่ตรวนขื่อคาครบครัน
ทั้งม้ดทั้งผูกรังรึงขันขึงเข้าไว้แน่นมั่น
พนมแอกแตกขื่อโยงมือพลันกระสันใส่พืดตรึงตรา
ครั้นเสร็จเอาขึ้นขาหย่างย่างแดดลมไว้เวหา
ฯ เจรจา ฯ
๏ แทบตะแลงแกงกลางภาราทะเวนไปตามสั่งพล้น
ฯ เจรจา ๖ คำ ฯ
ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปชาวในนิเวศเขตต์ข้ณฑ์
อีกทั้งไพร่ฟ้าข้าขอบคันชวนกันไปดูกุมาร
เห็นต้องระนังรังรึงคะนึงพะวงสงสาร
รูปทรงเหมือนองค์อวตารครั้นจะบันดาลทักก็กลัวภัย
แต่สะกิดกระซิบบอกเพื่อนความเหมือนตละหนึ่งเถือไส้
เออนี่ลูกเต้าของใครไฉนจึงมาอหังการ์
เมื่อเจ้าเด็กเล็กเท่านี้หรือมีฤทธีแกล้วกล้า
โอ้ว่าแต่เครื่องพันธนาหนักหนานักน่าไม่ข้ามคืน
เจ้าเหวยข้าขอให้ทานนักโทษกุมารแต่พอชื่น
กินนี่หรือพ่อแต่พอฟื้นขืนให้เสวยโภชนา
ลางบ้างก็ให้นํ้าอ้อยกินเถิดอร่อยหนักหนา
พอหายระหวยวิญญาณ์ทาไส้ให้มีแรงไป
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ พระมงกุฎขอบใจให้ทานต่อข้าขอทานเขาเราให้
๏ ผู้คุมรับปันกันไปทะเวนคลาไคลมิช้า
ฯ เดียว ๒ คำ ฯ
โอ้ร่าย
๏ พระมงกุฎคะนึงถึงเหตุทูนเทวศเสร้าสร้อยละห้อยหา
โอ้ว่าอาจารย์มารดาไม่รู้ว่าเป็นประการใด
มาดแม้นถ้าน้องไม่ม้วยจะได้ไปช่วยแถลงไข
ก็ไม่แจ้งเหตุเภทภัยทำไฉนจะรู้คดี
คิดแล้วจึ่งกลั้นความโศกถามออกนามเมื่อชิงชัยศรี
๏ ผู้คุมก็บอกทันทีหนีรอดไม่ได้ตัวมา
ฯ ๖ คำ ฯ
ครวญ
๏ มงกุฎครวญครํ่ารํ่าไรหม่นไหม้ดุจดังจะเป็นบ้า
มาดแม้นถ้าน้องถึงมารดาหน้าที่จะทรงโศกี
อีกทั้งพระมุนีเจ้าจะโศกสร้อยเสร้าหมองศรี
ที่ไหนจะได้สมฤดีเหมือนแกล้งชนนีอาจารย์
โอ้ว่าถ้าฟังคำแม่เที่ยงแท้ไม่จากถิ่นฐาน
โพยภัยไม่มีมาพานจะสำราญทั้งอาตมา
เสียแรงกูเอากำเนิดให้ซ้ำเกิดโทษไปภายหน้า
แสนโศกวิโยคโศกาตรึกตราตั้งสัจจวาที
แล้วเสี่ยงเอาคุณมารดาทั้งคุณเทวาฤษี
อธิษฐานพลางจรลีจนสิ้นแสงศรีสุริยา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ผู้คุมครั้นไปทะเวนเสร็จพาเสด็จย่างไว้เวหา
รักษาตรวจจัดอัตราครบห้าหกวันราตรี
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
             

พระลบช่วยพระมงกุฎหนี พระรามเตรียมยกทัพไปจับพระมงกุฎ

ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทท่านท้าวโกสีย์
ใช้รัมภาเทวะจรลีนารีไปช่วยกุมาร
บัดนี้ฤษีจะให้หลานแอบทวารไพชยนต์พิศาล
เขาจะอ้อนวอนตักชลธารเยาวมาลย์เจ้าให้กระออมพลัน
ถ้าเขาเอานํ้ามาส่งจงพาเข้าในเขตตขัณฑ์
เจ้ารดกุมารฉับพลันพันธนาหลุดแล้วบังมา
ให้พ้นจากที่จองจำนำออกยังไพรพฤกษา
๏ รัมภาก็รับสั่งลามาดูท่าทางทันที
ฯ เพลงพิราบป่า ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทชะมฤคฤษี
สั่งแก่หลานลบทันทีจงเอาศรศรีพี่มึงไป
กับทั้งธนูของมึงจึงจะได้ช่วยกันแก้ไข
เอ็งทำตามสั่งแต่ไรเจ้าไปเถิดเร่งจรลี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระลบก้มกราบอำลาทั้งพระมารดาฤษี
เคารพอภิว้นท์ยินดีพาแหวนศรศรีบทมาลย์
ฯ ปลูกต้นไม้ ฯ
๏ ถึงจึ่งแอบองค์ตามสั่งบังทวารไพชยนต์พิศาล
แลลอดสอดคอยนงคราญตามคำอาจารย์บัญชา
ฯ พันพิลาป ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายรัมภานางซึ่งลงช่วยขวยเขินแกล้งทำเป็นทาษา
กระเดียดกระออมลีลาออกมาแทบปากทวารชัย
ฯ เพลงแขก ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระลบเห็นนางเยื้องย่างออกกล่าวแถลงไข
พี่ขาตักนํ้าทำไมข้าตักให้หรือนที
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏      นางว่าจะไปให้ทานกุมารโทษชิงชัยศรี
วันนี้แล้วเขาจะฆ่าตีปรานีใคร่สรงคงคา
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ พระลบขอตักชลธารเหมือนท่านให้ทานบุญข้า
นางส่งกระออมมิช้าตักมาเถิดเจ้าอย่านาน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระลบจึงลงตักนํ้ากระทำเศกเป่าอธิษฐาน
ฯ ตระ ฯ
๏ เอาแหวนใส่ในชลธารเสร็จการขึ้นจากวารี
ฯ เดียว ฯ
๏ ครั้นถึงจึงส่งกระออมให้เข้าแอบทวารชัยศรี
ฯ กลม ฯ
๏ รัมภาก็พาจรลีไปที่กุมารมิช้า
ฯ เพลง ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างผู้คุมถามไถ่ตักน้ำทำไมทาษา
๏ นวลนางชะม้อยเจรจาข้าปรารถนาเอาบุญ
เพื่อจะให้ทานน้ำเป็นทานกุมารโทษที่จะดับสูญ
เอ็นดูเถิดเจ้าเอาบุญทำคุณขอให้นที
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างผู้คุมพานเกี้ยวมานี่ประเดี๋ยวก่อนสาวศรี
ไปไหนไม่ให้จรลีกรุณาพี่จึงจะให้คลา
ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ
๏ ฝ่ายรัมภาตอบเป็นพาลให้ทานแล้วจึงจะมาหา
ฯ เจรจา ฯ
๏ ผู้คุมก็ให้ไคลคลาอย่าช้านักเร่งออกไป
ฯ สะระบุหรง ๒ คำ ฯ
๏ รัมภาพานํ้าเข้าไปสรงธำมรงค์บังเอิญสรวมใส่
พันธนาหลุดแล้วเอาใจมาไปเถิดพ่ออย่าโศกา
บัดนี้อาจารย์มารดรร่านร้อนรัญจวนป่วนหา
ให้น้องน้อยลบตามมาว่าพลางทางพาจรลี
ฯ ตะบองกัน พิลาป ฯ
ร่าย
๏ ฝ่ายพระมงกุฎขอบคุณอาดูรถึงมารดาฤษี
ดีใจได้แหวนชนนีติดนิ้วชี้ตามนางไป
ฯ เพลง ฯ
๏ เดชะเดชเทวะธำมรงค์ใครแลหาเห็นองค์ไม่
ครั้นถึงซึ่งปากทวารชัยนางฟ้าก็ไปวิมานพลัน
ฯ เหาะ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระลบเห็นพี่โศกีออกรับเกษมสันต์
ถวายศิลป์ธนูพลันพากันเข้ายังอรัญวา
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไปฝ่ายผู้พิทักษ์รักษา
แลไปไม่เห็นกุมาราอัศจรรย์วิ่งหาวุ่นวาย
บ้างบอกแก่ก้นไปมาพอพริบตาลงเห็นหาย
ชะรอยรู้บังเลื่อมกายหายตัวล่องหนสะเดาะไป
ลางบ้างตามรอยบทจรออกนอกนครเข้าป่าใหญ่
ฯ เชิด ฯ
๏ รอยเท้าก้าวเป็นสองคนไปครั้นทันจะเข้าใกล้กลัวฤทธี
พระมงกุฎเหลือบเห็นร้องเจรจาให้เจ้ามึงมาชิงชัยศรี
๏ ผู้ตามขามฤทธิ์วาทีเกลือกมิอยู่ช้าไม่พ้นภัย
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระพี่น้องร้องด่ากูหาหนีพ่อแม่มึงไม่
ชวนน้องเก็บผลมิ่งไม้กินถ้าอยู่ที่ไพรวัน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ผู้คุมแบ่งกันมาแจ้งเหตุเข้าในนิเวศเขตตข้ณฑ์
ก้มเกล้ากราบเรียนสุมันตันตามอันคดีมีมา
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ สุมันตันจึ่งเข้ากราบทูลไอสูรย์บรมนาถา
๏ ก็กริ้วโกรธให้เตรียมโยธากูจะกรีฑาทัพต่อตี
เหม่มึงออกไปจองจำอ้ายผู้ทำให้กุมารหนี
แล้วเร่งรัดกันจงทันทีกูจะกรีฑาทัพตามไป
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระอนุชารับสั่งเตรียมท้พสรรพทั้งพยุหน้อยใหญ่
ฯ เจรจาฯ
๏ สุมันตันจองจำกันไปตรากตรำกันไว้ตามบัญชา
๏ ครั้นเสร็จมาช่วยเตรียมพลปีกป้องพหลซ้ายขวา
ฯ เจรจา ฯ
๏ สรรพทั้งจตุรงคโยธาเสร็จพากันเข้าอัญชลี
ฯ เชิด ฯ
๏ บัดนี้พหลสกลไกรสำรับพยุหชัยศรี
กะเกนกันแล้วภูมีจงแจ้งธุลีท่านไท
อันอ้ายนักโทษกุมารเข้ากาลลวาตป่าใหญ่
ผู้คุมก็ตามสะกดไปได้ร่องรอยอยู่ภูมี
ฯ ๘ คำ ฯ
โทน
๏ เมื่อนั้น พระอวตารผู้ชาญชัยศรี
ชวนสามอนุชาสรงวารีสี่องค์สำอางอาภรณ์
ทรงมงกุฎสังวาลตระการแก้วแล้วสะพกสะพายแล่งแสงศร
เขียวเหลืองเรืองรัศอัมพรกระจายจรแดงกํ่าดำพราย
ดุจดังอโณทัยไตรตรัสแจ่มจัดวิเชียรเฉิดฉาย
ระย้าระยับทับทรวงลายกระจายจรกรรเจียกเพราตา
พาหุรัดรัศมีชายแครงศรีแสงชายไหวซ้ายขวา
ดั่งเทวะเลื่อนลอยเมฆาลีลาดลรถจรลี
ฯ เพลงกราว ๘ คำ ฯ
โทน
๏ รถเอยราชรถทรงยศยงด้วยนิลรังษี
รถแดงแข่งรัศรูจีรถเขียวเหลืองศรีเพราพราย
สี่รถยศยิ่งเจษฎาสุนทราดั่งเทวะเฉิดฉาย
ระย้าระย้อยพร้อยพรายกระจายไขรัศอัมพร
โดยวิเชียรฤทธิ์สิทธิเดชทุกนิเวศสาธุการอยู่สลอน
ลอยเลึ่อนละลิ่วอัมพรจามรจรบังอโณทัย
อภิรุมชุมสายพรายพรันเศวตรัตรฉัตรกั้นไสว
พัชนีวีระยาบปลาบไปวิไลวิเล่จะบาดตา
อีกทั้งฆ้องกลองแตรสังข์ประดังกันไปซ้ายขวา
อื้ออึงคนึงโกลากึกก้องท้องฟ้าอลวน
พร้อมด้วยเสนาเสนีจตุรงคโยธีสับสน
ขุนตำรวจตรวจจัดรี้พลเร่งพหลนิกรตามไป
ฯ เชิด ฯ
             

ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา

หนุมานเกี้ยววานริน

ความตอนเริ่มต้นขาดไปบ้าง กลอนแรกเป็นคำของนางวานริน

๏ ฝ่ายข้าก็เห็นสุดทีชิเจ้าคนดีมุสา
อย่าโป้ปดคดคิดเจรจาไม่สบายวิญญาณ์อย่ายายี
ซึ่งข้าจะคืนยังสถานต่อพระอวตารรังสี
เธอปราบอรินไพรีใช้ขุนกระบี่หนุมานมา
ติดตามอสุระผู้หนีข้านี้ได้ร่วมเสน่หา
หนึ่งข้าได้แจ้งกิจจาข้าจึ่งจะพ้นสาปไป
เจ้าอย่าล่อเลี้ยวลวงกันข้าคนสำคัญไม่ได้
ฝ่ายข้าเจ่าจุกทุกข์ใจเซ้าซี้อยู่ไยไม่เข้ายา
ฯ ๑๔ คำ ฯ
ร่าย
๏      เจ้าเอยเจ้าพี่มารศรีเสาวภาคย์อย่ากังขา
พี่คือทหารพระรามาพนิดาอย่าแหนงแคลงใจ
ทรงนามชื่อหนุมานเป็นทหารห้าวแหงผู้ใหญ่
ฝ่ายอสุรยกออกไปชิงชัยต่อด้วยพระราชา
พระองค์ทรงยิงศรผลาญสังหารมารหมู่ยักษา
ถูกวิรุญจำบังอสุรายักษาหลบหลีกหนีไป
จึ่งให้พี่มาติตตามนางงามเจ้ารู้บ้างหรึอไม่
มันไปแห่งหนตำบลใดบอกให้หน่อยเถิดนารี
อันซึ่งธุระของเจ้าขวัญเข้าไว้เป็นธุระพี่
จะให้ได้ดั่งใจเทวีก็เซ้าซี้ไปตามกิจจา
ฯ รอบก้อย ๑๐ คำ เจรจา ฯ
๏ เมึ่อนั้นวานรินนารีศรีฟ้า
ได้ฟังถ้อยคำเจรจานางฟ้าประชดประชันไป
ชิตาทหารพระราเมศทรงเดโชชัยเป็นใหญ่
อ้อนแอ้นเอวกลมวิไลช่างจะไปตามมารอสุรา
แม้นย้กษ์จะเด็ดทีเดียวคาเขี้ยวก็ไม่ได้อย่ามุสา
นี่เจ้าได้ยินใครเจรจาจึงว่าเป็นองค์หนุมาน
ข้าใคร่กล่าวแกล้งห้ามไว้มิให้เจ้าไปสังหาร
ชิชะเจ้าตัวหุนมานยังเห็นท่านเป็นประการใด
ยังมีเขี้ยวแก้วกุณฑลขนเพชรมาลัยอยู่ไหน
เจ้ามีดาวเดือนอโณทัยอยู่ในโอษฐ์หรือช่างเจรจา
ไฉนไม่เป็นวานรนี่คนซอกซอนอยู่ในป่า
ลวงเราไม่ได้ดั่งจินดาแกล้งว่าจะไปตามไพรี
อันวิรุญจำบังมารต้องศรอวตารเรืองศรี
ตัวเจ้าจะไปต่อตีที่ทางเราได้สาคัญ
ว่าพลางทางเย้ยไปมาชิเจ้าฤทธาแข็งขัน
ยังได้สลักสำคัญบั่นแบ่งให้แจ้งบัดนี้
ฯ ๑๖ คำ ฯ
ยิกิ่น
๏ บัดนั้นจึงพญาหนุมานกระบี่ศรี
ชื่นชมโสมนัสเทวีมีสุนทรยกย่องบัญชา
ดูกรนางนิ่มน้อยถ้อยคำเลิศลบเลขา
พี่ขอบใจเจ้าเยาวสุดาไม่หลงรูปรสวาที
สมควรนวลเจ้าเป็นบาทบงสุ์องค์อิศวรราชรังสี
สู้ตายไม่ให้ประเวณีต่อทื่คู่ควรจึ่งปรองดอง
เจ้านี้ยศยิ่งยอดกัญญาสาวสวรรค์ชั้นฟ้าไม่มีสอง
อยาแคลงพี่จะให้แจ้งน้องขอต้องนิดหนึ่งนารี
นี่แน่เมื่อพบอสุรายังกรุณาบ้างหรือสาวศรี
หรือว่าเจ้ากลัวมันราวีจูบทีพี่จะแผลงฤทธา
ก็ผาดเผ่นโผนกลายกลับโตค้บคิรีถ้ำพระคูหา
เผือกผ่องพึงพิศเจษฎาอ้าโอษฐ์มีเดือนดาวตะวัน
ทรงกุณฑลขนเพชรมาลัยเขี้ยวแก้วอำไพเฉิดฉัน
ดุจดั่งไขสีรวีวรรณก็จรจรัลโลมถามเทวี
ฯ คุกพาทย์ ๑๔ คำ ฯ
ยิกิ่น
๏ ยอดเอยยอดมิ่งยังจริงหรือไม่มารศรี
พี่จะติดตามต่ออสุรีจงชี้ท่าทางบอกไป
อันซึ่งธุระของเจ้าขวัญเข้าไว้พี่แก้ไข
ต้องสาปเหดุผลกลใดจูบให้เร่งว่าเนื้อความมา
ฯ คุกพาทย์ ๔ คำ ฯ
มโนราห์โอด
๏ วานรินตรีดตราดพาทีโปรดเกศีเถิดอย่าทำข้า
ไม่รู้ว่าองค์ศ้กดาขอษมาโทษเถิดภูมี
ข้าเป็นข้าบาทเจ้าโลกาอิศราศวรราชรังสี
ชื่อวานรินนารีพระศุลีสาปข้าลงมา
รักษาอังกาศคิรีที่สุวรรณถ้ำคูหา
เมื่อข้าอยู่ก้บเจ้าโลการักษาประทีปอัคคี
วันหนึ่งจึ่งเธอออกนั่งยังบัลลังก์รัศรังสี
สนทนาไญยธรรมอันมีกับนารอทฤษีมีญาณ
ข้าพูดกับเทวบุตรเล่นเธอไม่เห็นอยู่ราชฐาน
ประทีปก็ดับไปช้านานระแวงราชการต้องสาปมา
ว่าต่อท่านได้มาพบสบสมรักร่วมเสน่หา
จึงให้คืนคุงมุลิกายังมหาไกรลาศคิรี
หนึ่งให้คอยบอกกิจการวิรุญจำบังมารยักษี
แก่ท่านผู้มีฤทธีข้านี้ก็จะพ้นสาปไป
บัดนี้วิรุญจำบังมารต้องศรอวตารเป็นใหญ่
มันหนีอยู่ริมสมุทรไททิศใต้ในฟองคงคา
ไปเถิดให้ได้ดังประสงค์จงสำเร็จจำนงปรารถนา
ก็เป็นไรจึ่งไม่ไคลคลามารวบรัดข้าว่าไร
ไหอะไรมาเซ้าซี้หารู้ที่ยินดีด้วยไม่
อย่ามาจู้จี้น้ำใจอายฤท้ยอยู่ไม่ไยดี
ฯ ๒๐ คำ ฯ
ชาตรี
๏ ขวัญเอยขวัญตากรุณาบ้างเถิดมารศรี
พี่จะติดตามต่อไพรีปรานีเหมือนอวยช้ยไป
ว่าพลางทางรวบรึงรัดเออนี่หยิกกัดเป็นไฉน
ดูแรงแข็งขืนหรือไรฟัดฟั้นกันไปเป็นโกลา
ฯ คุกพาทย์ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ วานรินตรีดตราดครื้นเครงเจ้าข้าเอยข่มเหงทำข้า
สาปไม่พ้นก็จะทนเวทนาข้าหายอมไม่ภูมี
เออนี่ทำไมมารึงรัดสะบัดพลางทางว่าน่าบัดสี
ไปเสียไปข้าไม่ประเวณีอย่าหยักเหยาเซ้าซี้กวนใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่มารศรีอย่าหม่นหมองไหม้
ถึงอยู่ไม่ชูอาลัยจงสำราญบานใจจะขอลา
ว่าพลางทางทำเป็นคลาไคลทำไมมายุดชายผ้า
เช่นพี่หรือจะมีเจตนาฉุดผ้าข้าไยเทวี
ชาตรี
๏ กลับนั่งแนบน้องเจรจากรุณาบ้างเถิดอย่าผินหนี
จะอยู่ก็ไม่ไยดีจะไปก็มิให้ไคลคลา
ว่าพลางทางโอบอุ้มน้องคืนเข้าถํ้าทองคูหา
ฯ เสมอ ฯ
โอ้โลม
๏ แสนสนิทพิศวาสตรึงตราเสน่หาอัดอั้นพูนทวี
ก็รัดรึงตระบึงร่วมรสภุมรีจ้องจรดเกสรศรี
กลั้วเกลือกกลีบเกศสุมาลีปรีดาผาสุกสนุกใจ
ฯ โลมปี่พาทย์ ๑๐ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นวานรินนารีศรีใส
อยู่กับหนุมานชาญชัยมิได้จะนิราศคลาดคลา
จึ่งแจ้งกิจการยุบลซึ่งทนยากอยู่ในพระคูหา
นานเนิ่นเกินเจียนกาลมาข้านานได้ถึงหมื่นปี
อันจะพ้นทนทุกข์เวทนาเพราะพระภัสดาโปรดเกศี
เมียจะไปไกรลาศคิรีปรานีให้ได้ดั่งใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมึ่อนั้นจึ่งพญาหนุมานทหารใหญ่
รับคำวรราชนางในอย่าร้อนรนใจกัลยา
พี่คิดจะติดตามต่อไพรีแล้วจะกลับมาที่พระคูหา
จึ่งจะส่งไปสวรรค์ชั้นฟ้าก็เหาะมายังมหาสมุทรไท
ฯ เชิด ฯ
             

หนุมานสังหารวิรุฬจำบัง

๏ ครั้นถึงจึงพิจารณาฟองลอยฟ่องล่องตามน้ำไหล
แต่ฟองน้ำอันหนึ่งไสร้โตใหญ่หลวงล้ำมหึมา
ไม่ลอยลงไปเหมือนทั้งปวงท่วงทีจะเป็นยักษา
ก็ผาดโผนแผลงฤทธาเท่ามหาพรหมาเกรียงไกร
มีหางใหญ่ยาวเจษฎากระหวัดฟองคงคาอันใหญ่
สองหัตถ์คลำพิจารณาไปที่ในมหาชลธาร
ฯ เชิด ๑๐ คำ ฯ
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังตกใจก็รู้ว่าภัยมาตามผลาญ
จึ่งอ่านพระเวทวิชาการบันดาลแทรกตัวออกมา
ฯ ตระ เชิด ฯ
๏ พ้นจากวงหางขนกระบี่อสุรีอายใจยักษา
ก็ผาดโผนแผลงฤทธากลับเข้าเข่นฆ่าหนุมาน
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานเผ่นโผนโจนรบจับกุมกันตามกำลังหาญ
ฯ เชิด ฯ
๏ วิรุญจำบังตีหนุมานพลำทานมิได้จมไป
ฯ เชิด ฯ
๏ หนุมานผุดขึ้นอ่านมนตร์เข้าผจญชิงเอาตระบองได้
ตีวิรุญจำบังจมไปผุดเมื่อไรซํ้าตีอสุรา
ฯ เชิด ฯ
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังอ่านมนตร์ประตาต้นไม่ขึ้นเข่นฆ่า
สมาธิสำรวมวิญญาณ์อยู่ในมหาน้ที
ฯ ตระ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจึ่งพญาหนุมานกระบี่ศรี
นิมิตหางโตใหญ่ยาวรีล้อมรอบนัทีคงคา
เบื้องตํ่าจรดเพียงบาดาลโดยสูงตระหง่านพระเวหา
ค่อยกระหยับจะจ้บอสุราทำฤทธาอยู่ที่วารี
ฯ ตระ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิรุญจำบังยักษี
ซึ่งหลีกหลบอยู่ในนัทีมิรู้ที่หนีหนุมาน
ครั้นเห็นกระหยับหางเข้าทีใดร่านร้อนฤทัยดังไฟผลาญ
พ้นที่จะต่อหนุมานก็ลนลานอยู่ในสมุทรไท
ฯ คุกพาทย์ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจึงพญาหนุมานทหารใหญ่
กระหวัดหางรัดรวบเข้าไปก็จ้บตัวได้อสุรี
ขึ้นฟัดกับพื้นพสุธาย้กษามอดม้วยเป็นผี
ฯ เชิด โอด ฯ
๏ ตัดเอาศีรษะอสุรีขุนกระบี่ก็พาเหาะมา
ฯ เดี่ยว ฯ
๏ จึงตรงลงยังคิรีที่สุวรรณถํ้าทองคูหา
จะโปรดวานรินกัลยาทิ้งศีรษะไว้เข้าไป
ฯ เสมอ ๖ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นวานรินนารีศรีใส
แต่หนุมานคลาไคลนางในไม่เป็นสมปฤดี
แสนวิโยคโศกสร้อยคอยหากลัวว่าจะพ่ายแพ้ยักษี
เจ่าจุกทุกข์ใจเทวีแลไปเห็นศรีหนุมาน
วิ่งออกไปรับขุนกระบี่มารศรีปรีดิ์เปรมเกษมสานต์
นำเข้าแท่นที่นางคราญก็เบิกบานอยู่ในคิรี
ฯ เพลง ๖ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ เมื่อนั้นหนุมานผู้ชาญชัยศรี
แสนพิศวาสเทวียังที่แท่นอาสน์ไสยา
แล้วจึ่งปราศร้ยนวลนางข้อซึ่งไปล้างยักษา
แพ้พี่ต้ดเอาศีรษะมาทิ้งไว้ปากมหาคิรี
บัดนี้สำเร็จการแล้วจะลาน้องแก้วบทศรี
เอาเศียรไปถวายภูมียังที่สมรภูมิชัย
ว่าพลางก็ทางเชยชิดแสนสนิทแนบน้องพิสมัย
พี่จะส่งเจ้าไปสุราลัยก็อุ้มอรทัยออกมา
ฯ เสมอ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นถึงปากถํ้าโยนขึ้นไปในพิดลอากาศเวหา
ม้วยมุดสุดสิ้นชีวาไปมหาไกรลาศคิรี
ฯ ตระ ฯ
๏ ครั้นเสร็จกิจการนงเยาว์จับเอาเศียรเกล้ายักษี
เหาะจากปากถ้ำคิรีรีบรี่มาสมรภูมิพลัน
ฯ เชิด ปฐม ๑๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระรามเห็นกระบี่ภูมีบอกแก่พลขันธ์
โน่นแน่หนุมานจรจรัลได้หัวกุมภัณฑ์เหาะมา
พวกพลกระบี่ดีใจเอิกเกริกกันไปทั่วหน้า
หนุมานถึงจึ่งวันทาถวายเศียรอสุราทันที
ฯ เชิด ฯ
๏ เดิมเมื่อได้ข่าวยักษาพบวานรในพนาศรี
บอกว่าอังกาศคิรีมีนางอัปสรกัญญา
ข้าจึ่งนิมิตบิดเบือนเหมือนมนุษย์หนุ่มน้อยเสน่หา
เข้าไปไถ่ถามกิจจานางว่าต้องสาปพระศุลี
กลับสงสัยข้าที่แปลงกายหยาบคายว่าชาวพนาศรี
ข้าเลียมลวงตอบคดีนารีแปลนคำออกมา
ว่าต่อได้บอกกิจการพบพานร่วมรักกับข้า
จึ่งให้คืนคุงบาทมุลิกายังมหาไกรลาศคิรี
ข้าจึ่งผาดแผลงอานุภาพนางกราบประณตบทศรี
บอกให้ไปตามอสุรีพบตัวต่อตีกันไปมา
มันตีข้าจมลงในน้ำข้าดำผุดขึ้นได้ตียักษา
ชิงได้ตระบองอสุราข้าก็ตียักษาจมไป
ครั้นผุดขึ้นมาข้าตีซ้ำมันดำลงอยู่ตํ่าใต้
ข้านิมิตหางโตเกรียงไกรจึ่งกระหวัดจับได้อสุรา
ตัดเอาศีรษะจรลีมาโปรดนางที่พระคูหา
แล้วจึงพาเอาศีรษะมาถวายพระผ่านฟ้าบัดนี้
ฯ ๒๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระอวตารผู้ชาญชัยศรี
ปราศร้ยไปแก่ขุนกระบี่ที่ใข้ศรข่ายกั้นอสุรา
กูพิจารณาดูรูปพึงหายจึงหมายมุ่งว่าเองได้ยักษา
ก็พอแลไปเห็นหนุมานมาดูราพิเภกอสุรี
แต่ให้หนุมานอาสาเข่นฆ่าต้านต่อยักษี
ล้วนมีชัยได้ท่วงทีควรที่เป็นอัครเสนา
นี่แน่พิเภกธิบดีอันเศียรอสุรียักษา
เพื่อนขลังอาคมวิทยาจะเอามาทำประการใด
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระยาพิเภกกราบทูลซึ่งอิสูรต้องศรตักษัย
ย่อมได้ฟากฟ้าคาลัยไปเป็นสุขทั่วอสุรี
บัดนี้วิรุญจำบังม้วยด้วยมือหนุมานกระบี่ศรี
ข้าบาทเห็นไม่สู้ดีขอให้ชูศีรษะไว้เมฆา
แล้วจึงทรงศรแผลงผลาญสังหารให้ไปเป็นสุขา
จึงจะได้สวรรค์ชั้นฟ้าโปรดเกศาทำบัดนี้
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระอวตารผู้ชาญชัยศรี
สั่งให้เอาเศียรจรลีทำตามพิเภกบัญชา
หนุมานก็พาเหาะไปชูไว้อากาศเวหา
จึงแผลงศรกินเศียรอสุรายักษาสู่สวรรคาลัย
ฯ ตระ ๔ คำ ฯ
๏ แล้วตรัสแก่พลวานรอันนครหาพ้นมือไม่
ครั้นจะบุกรุกเอาเวียงชัยผิดไปไม่ต้องประเวณี
จำเราจะเลิกทัพชัยกลับไปยังพลับพลาศรี
ฟังดูกำลังอสุรีก็เลิกรี้พลกลับพลับพลา
ฯ ๔ คำ เชิด ฯ
             

ทศกัณฑ์ให้นนยุเวกวายุเวกไปตามท้าวมาลีวราช

๏ มาจะกล่าวบทไปถึงสารัณทูตยักษา
ซึ่งคอยเหตุเจ้ากรุงลงกาเห็นทัพยักษาอัปราชัย
พ่ายแพ้แก่องค์พระราเมศเอาเหตุไปแจ้งแถลงไข
ฯ เชิดปฐม ฯ
๏ ทูลแก่ท้าวทศกัณฐ์ไปได้ทราบธุลีบาทา
บัตนี้ทัพท้าวสัทธาสูรทั้งวิรุญจำบังยักษา
พ่ายแพ้แก่องค์รามายักษามอดม้วยบรรลัย
เสร็จสิ้นม้ารถคชพลทั้งสกลพยุหน้อยใหญ่
ตายกลาดเกลื่อนเต็มพนาลัยท่านไทจงแจ้งธุลี
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นทศเศียรสุริวงศ์ยักษี
ครั้นรู้ข่าวแพ้ไพรีมีกมลเศร้าเปล่าใจ
ฯ ครวญ ฯ
๏ โอ้ว่าแต่แต่งไปอาสาจะมีชัยมาบ้างก็หาไม่
ล้วนย่อยยับอัปราชัยไฉนจะชนะไพรี
เร่งร้อนรัญจวนป่วนใจดั่งไฟประลัยก้ลป์เเจียวจี่
แสนวิโยคโศกสร้อยโศกีคิดถึงพงศ์พีร์ทั้งปวงไป
คือจะได้ใครมาต่อต้านพระยามารอัดอ้นหม่นไหม้
ทอดกายก่ายคิดคดีไประลึกได้ว่าองค์อัยกา
ยานี
๏ เธอเสด็จไปทรงศีลอยู่ภูเขาศิวาลัยภูผา
โดยอิทธิฤทธ์เดชาอานุภาพปราบเดโชชัย
พระนามชื่อมาลีวราชพระบาทบพิตรเป็นใหญ่
ทรงสัจแม้นตรัสสิ่งใดก็เป็นไปตามพระบัญชา
ดุจดั่งบรมพรหมเมศรทุกนิเวศลิขิตเลขา
จารึกไว้หน้าศิลาถ้าแม้นแช่งชักผู้ใด
ผู้นั้นก็เป็นดั่งวาจาจะคลาดคลาสักน้อยก็หาไม่
ควรกูจะให้ไปทูลไทมาในนครลงกา
แล้วจึ่งจะทูลกล่าวโทษให้กริ้วโกรธรามจงหนักหนา
อันลักษมณ์แลรามราชาน่าที่จะต้องแช่งตาย
ฝ่ายนางสีดาดวงจิตรก็จะสมความคิดกูมุ่งหมาย
ไพรีมิม้วยอันตรายไม่วายทุกข์ร้อนเคืองใจ
ร่าย
๏ คิดแล้วสั่งสุรเสนาไปเชิญอัยกาผู้เป็นใหญ่
ซึ่งอยู่ยอดฟ้าศิวาลัยมาดับภัยพื้นพสุธา
มึงคิดพิดทูลถ้าไถ่ถามกล่าวโทษล้กษมณ์รามให้หนัก
แก้ไขอย่าให้แคลงวิญญาณ์สองเสนาไปบัดนี้
ฯ ๒๔ คำ ฯ
๏ บัดนั้นนนยุเวกวายุเวกยักษี
รับสั่งพลันพลางจรลีกรีธาทัพไช้พันหนึ่งไป
ฯ กราว ฯ
๏ มาเอยมาถึงซึ่งนครยอดฟ้าสูงใหญ่
ก็เข้าไปหาเสนาในแถลงไขตามราชกิจพล้น
ฯ ๔ คำ เจรจา ฯ
๏ เสนาจึ่งพาเข้าทูลไอศูรย์บรมพงศ์สวรรค์
ก็พอไขสีรวีวรรณจรจร้ลออกหน้าบัญชรชัย
ฯ เสมอ ๒ คำ ฯ
๏ เสนาจึ่งเบิกทูลแถลงแจ้งท้าวมาลีวราชเป็นใหญ่
นนยุเวกวายุเวกก็ทูลไปแถลงไขตามข้อคดี
บัดนี้ท่านท้าวทศพักตร์อันเป็นหลานร้กเรืองศรี
ผู้ผ่านสามโลกโมลีซึ่งเป็นศรีราชนัดดา
ให้ข้ามาทูลพระบาทด้วยพระญาติวงศ์พงศา
มีหมู่อริราชยกมาเข่นฆ่ามอดม้วยมากมาย
นามชื่อล้กษมณ์รามราชากับพลวานรทั้งหลาย
สังหารอสุรศ้กดิ์ยักษาตายมากมายเป็นพ้นคณนา
ขอเชิญเสด็จไปปกเกล้าแก่เผ่าพ้นธุ์วงศ์พงศา
ยังกรุงนครลงกาเห็นว่าจะปลอดรอดภัย
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ช้าปี่ร้บ
๏ เมื่อนั้นพระทรงธรรมธิราชเป็นใหญ่
สงสัยไถ่ถามเนื้อความไปเป็นไฉนสองสุรเสนี
อันองค์ท้าวทศพักตร์หลานรักกูยิ่งยอดเรืองศรี
ถึงว่าเทวัญจันทรีก็อัญชุลีอวยชัย
เป็นยอดมงกุฎเมืองมารห้าวหาญผ่านภพสูงใหญ่
ทั้งสิบสี่โลกสุราลัยย่อมกลัวฤทธิไกรมหึมา
ไม่มีผู้อาจองทะนงศักดิ์มายํ่ายีพญาย้กษา
สิ้นเสร็จเข็ดฤทธิ์อสุรามึงว่ากูฉงนสนเท่ห์ใจ
ซึ่งว่าพระรามพระลักษมณ์ศักดิ์แสงสุริวงศ์อยู่ไหน
เพื่อนผ่านถิ่นฐานบ้านเมืองใดเร่งเร็วบอกไปอย่าช้า
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ นนยุเวกวายุเวกทูลพลันซึ่งยกพลขันธ์มาเข่นฆ่า
ครอบครองกรุงศรีอยุธยาอานุภาพปราบเดโชชัย
เป็นหน่อของท้าวทศรถปรากฏฟากฟ้าดินไหว
หลานท้าวอัชบาลเรืองชัยเป็นใหญ่ยิ่งยศโมลี
เดิมพระยอดเมืองมารไปเล่นป่าพบนางสีดามารศรี
สิ่งซึ่งบริโภคไม่มีปรานีเอามาลงกา
อยู่มาพระรามพระลักษมณ์คุมกระบี่มีศักดิ์มาหนักหนา
ข่มเหงห้ำหั่นอสุราจองถนนข้ามมาพระบุรี
ฆ่าพระญาติวงศ์พงศาโยธาอสุรายักษี
ตายกลาดเกลื่อนเต็มธรณีจงแจ้งธุลีท่านไท
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นพระกอบกิจธรรมเป็นใหญ่
ครั้นจะแจ้งเหตุเภทภ้ยจึ่งแถลงไขสองเสนา
อันองค์อัชบาลเป็นสหายเพื่อนตายร้กใคร่กูหนักหนา
ร่วมชีพไว้วิญญาณ์ซึ่งลักษมณ์รามากูไม่รู้
ด้วยพึ่งใหญ่ค่อยจำเริญวัยทางไกลต่างคนต่างอยู่
ช้านานไม่ได้ไปดูสุริวงศ์ในกรุงอยุธยา
ไฉนจึ่งมารุกรานกรุงมารเมืองหมู่ยักษา
หรือจะเกี่ยวข้องกันด้วยสีดาว่ามาทั้งนี้กูเห็นจริง
อันนอกกว่านี้ไม่มีใครจะทำฤทธิไกรสุงสิง
หลานรักกูศักดิ์แสงยวดยิ่งกฤษฎาธิการมหึมา
เห็นแต่ท่านท้าวอัชบาลเป็นประธานสุริวงศ์นาถา
เธอเป็นสหายรักกูมาอนิจจานัดดามาผิดก้น
จำกูจะไปเกลี่ยไกล่อย่าให้ขึ้งเคียดเดียดฉันท์
เป็นเพึ่อนเผ่าพันธุมิตรกันโดยธรรมธรรมเนียมมีมา
ร่าย
๏ ก็สั่งให้เตรียมสกลไกรกูจะไปห้ามสองเสน่หา
ให้สมัคสมานอัธยาอย่าช้ารีบรัดบัดนี้
ฯ ๑๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ บัดนั้นจึ่งอำมาตย์มารย้กษี
ร้บสั่งพลันพลางจรลีมาจัดรี้พลโยธา
ฯ แพละน้อย ฯ
ยานี
๏ กะเกนคนธรรพ์คันธรรพกับอสุรศักดิ์ยักษา
ทั้งฤษีสิทธ์วิทยากินนรปักษานาคี
อีกทั้งโขมดผีป่าเทพบุตรเทวาอึงมี่
แตรสังข์ดุริยางค์ดนตรีให้คอยที่แห่แหนเสด็จไป
ครั้นเสร็จระเห็จเข้ามาไคลคลาขึ้นทูลแถลงไข
ฯ เชิดปฐม ฯ
ร่าย
๏ อันซึ่งพหลสกลไกรได้พร้อมอยู่เเล้วพระราชา
ฯ ๘ คำ ฯ
โทน
๏ เมื่อนั้นพระทรงจตุศีลยักษา
จึ่งชำระสระสรงคงคาทรงกาสาวพัสตร์รูจี
สอดสร้อยใส่ชฎาประดับเครื่องเรึ่อเรืองรุ่งรัศรังสี
เปล่งปลั่งดังดาวโรหิณีสีกรรจรแก้วแพรวตา
ดั่งองค์อิศโรยโสธรบวรลิขิตเลขา
ผ่องผึ่งพึงพิศเจษฎาทรากรสิกขาเพราพราย
กอปรกับสัจจะเวทคาถาอลังการ์เป็นพระขรรค์ผันผาย
มาขึ้นรถแก้วแพร้วพรายคลี่คลายพลจากคิรี
ฯ ๘ คำ เพลง แล้วกราว ฯ
             

ท้าวมาลีวราชสอบคดีทศกัณฐ์

โทน
๏ รถเอยราชรถทรงสำหรับพงศ์เผ่าพรหมรังสี
เทียมด้วยเทพบุตรพาชีรัศมีวิจิตรเจษฎา
ดุจดั่งดวงอโณทัยตรัสแจ่มจัดสว่างเวหา
ระย้าระยับจับเมฆาอลังการ์รัศอัมพร
โดยญาณฤทธิ์สิทธิเดชทุกนิเวศสาธุการอยู่สลอน
ก็เคลื่อนชัยรถบทจรจามรจรบังบังตะว้น
กลิ้งกลดกลดกลิ้งพริ้งพรายอภิรุมชุมสายผายผัน
บังแสงแสงศรีรวีวรรณผาดฝันเลื่อนลอยลีลา
ฯ ๘ คำ กลองโยน ฯ
ยานี
๏ มาพลางทางคิดถวิลจินตนาการตามอุเบกขา
ครั้นกูจะเข้าไปลงกาพระรามารู้จะน้อยใจ
ครั้นกูจะไปหารามลักษมณ์ฝ่ายพญาทศพักตร์จะว่าได้
ควรกูอยู่ท่ามกลางไสร้อย่าให้ข้างใครนินทา
คิดพลางทางสั่งหมู่มารท่านอย่าเข้าไปเมืองยักษา
ยับยั้งยั้งนอกภาราก็มาหยุดสมรภูมิชัย
ฯ บาทสกุณี ฯ
ร่าย
๏ จึ่งสั่งสองสุระขุนมารผู้ซึ่งจำทูลสารไข
มึงเร่งเอากิจจาไปแถลงไขเจ้ากรุงลงกา
๏ นนยุเวกวายุเวกรับสั่งบังคมกราบคนละสามท่า
ทูลลาระเห็จเตร็ดมาพากันเข้าแจ้งคดี
ฯ เชิดปฐม ฯ
๏ บัดนี้สมเด็จพระอัยกาไม่เข้ามาในกรุงศรี
อยู่นอกนครธานีตรงที่สมรภูมิชัย
เดิมเมื่อไปทูลเธอไถ่ถามตรัสเรื่องราวความแถลงไข
บอกว่าลักษมณ์รามสองไทได้เป็นหลานพระสหายมา
พระองค์จะตรัสเกลี่ยไกล่มิให้ขึ้งเคียดเข่นฆ่า
ว่าเป็นพงศ์พันธุมิตรมาให้ข้าบาทเชิญจรลี
ฯ ๑๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นทศเศียรสุริวงศ์ยักษี
ชื่นชมโสมนัสยินดีสองเสนีไว้กูเจรจา
เองเร่งบุษบกพิมานกับพลทวยหาญซ้ายขวา
อีกทั้งธูปเทียนบูชากูจะไปวันทาบัดนี้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ นนยุเวกวายุเวกสั่งพล้นเร่งรัดพลขันธ์ชัยศรี
ฯ เชิด เจรจา ฯ
๏ บ้างจัดบุษบกมณีตระเตรียมอัคคีมาลัย
เสร็จพร้อมธูปเทียนบริบูรณ์เขาทูลบังคมแถลงไข
ฯ เชิด ฯ
๏ อันซึ่งจะเสด็จคลาไคลได้พร้อมอยู่แล้วราชา
ฯ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมื่อนั้นทศเศียรสุริวงศ์ยักษา
จึ่งชำระสระสรงคงคายักษาสำอางอาภรณ์
ทรงมงกุฎสังวาลเสร็จสรรพจับสะพกสะพายแล่งแสงศร
ถือธูปเทียนบุษบากรก็จรจะไปบูชา
ฯ เพลง ฯ
๏ ขึ้นยังบุษบกพิมานเหาะระเห็จทะยานพระเวหา
ฝ่ายหมู่แสนสูรเสนาแห่ห้อมล้อมท้าวยักษาไป
ฯ กราว ๖ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงจึ่งหยุดบุษบกยกสองพระกรก้มกราบไหว้
เคียงข้างรถแก้วแววไวเบื้องซ้ายท้าวไทอ้ยกา
จึ่งจุดธูปเทียนตามถวายบ่ายพักตรอภิวันท์หรรษา
โปรยปรายดอกไม้บูชาโศกาอ้ดอั้นพันทวี
ฯ โอด ฯ
ครวญ
๏ พระจอมเกศแก้วกระหม่อมเอ๋ยไม่เคยอับปางบทศรี
แต่พระบาทเบื้องตํ่าใต้ธุลีก็มีผู้ยำเยงเกรงใจ
ไม่มีผู้มาทำแค้นหาดูหมิ่นถิ่นแคลนได้ไม่
เดชะพระเดชปกเกศไปก็เย็นในสุริวงศ์พรหมา
บัดนี้พระรามพระล้กษมณ์โหมหักฆ่าญาติวงศา
อาจอุกรุกรันรานมาจะเกรงอัยกาบ้างก็ไม่มี
ถึงกระไรก็จะเห็นแก่พระองค์ซึ่งเป็นพงศ์พรหมเรืองศรี
ยังเสด็จอยูยอดคีรีนี่มาทำได้ทำไป
ฯ ครวญ ฯ
๏ อันพระญาติวงศ์ตายสิ้นแล้วยังแต่หลานแก้วจะตักษัย
จึงให้ไปเชิญท่านไทเพื่อจะได้ถวายบังคมลา
ทูลพลางทางทรงโศกียักษีสอดใส่แสร้งว่า
ทำสะอึกสะอื้นไห้ไปมา โศกาอัดอั้นพันทวี
ฯ ๑๖ คำ โอด ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระทรงทศธรรมรังสี
สงสัยในพจนวาทีมีมโนในนิ่งจินดา
ดีร้ายการจะก่อเกิดเคืองแค้นจึ่งจะแสนสาห้สกันเข่นฆ่า
แม้นดีหรือจะมีภัยมาปรีชาฉงนสนเท่ห์ใจ
แม้นมั่นมันทำเขาก่อนเขาจึ่งรานรอนม้วยไหม้
หรือจริงสิ่งซึ่งมันว่าไปท้าวไทกลับนึกตรึกตรา
ครั้นกูจะปราศรัยต่อหน่อทศรถจะกังขา
ครั้นกูจะไม่เจรจามิรู้ว่าเป็นประการใด
ร่าย
คิดแล้วจึ่งร้องประกาศเทวราชเรืองฤทธิน้อยใหญ่
มาเป็นพยานกันไว้เราจ้กไถ่ถามข้อคดี
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทยเทพทั่วราศี
ผู้ทรงมหิทธิฤทธีเรืองศรีทิพโสตรู้ไป
คือองค์ท้าวมาลีวราชพระบาทบพิตรเป็นใหญ่
เสด็จอยู่สมรภูมิชัยจะไถ่ถามความกุมภัณฑ์
กับด้วยพระลักษมณ์พระราเมศเทพเจ้าเรืองเดชผายผัน
ฯ เพลง ฯ
๏ ก็ชวนกันเข้าคมคัลอัญชุลีท้าวมาลี
ฯ โคมเวียน ๖ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระผู้พงศ์ผ่านภพรังสี
ปราศรัยไปแก่อสุรีซึ่งเป็นศรีราชน้ดดา
ตัวเจ้าเป็นใหญ่ไตรภพจบสกลโลกทิศา
เจ้าผิดกับลักษมณ์รามาสาเหตุอย่างไรอย่าได้พราง
อันซึ่งกิจการรบสู้กูนี้จะขอทั้งสองข้าง
เขาหลานสหายปู่ผู้กลางข้างเจ้าก็เป็นนัดดา
ไม่ควรทำร้ายแก่กันเป็นพันธุมิตรดีกว่า
คือใครก่อกรรมอหังการ์ กูจะหามาว่าบัดนี้
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ บัดนั้นทศเศียรสุริวงศ์ยักษี
พิดทูลเคลือบแฝงคดีเดิมทีไปเล่นพนาวา
ข้าไล่มหิงส์กระทิงไพรพบนางคนหนึ่งในป่า
ต่างต่างช่วงชิงกันไปมายักษาจะกินเทวี
พอข้าขอทัณฑ์ถามไถ่นางว่าเกิดในพนาศรี
พ่อแม่ลูกผัวไม่มีนารีชื่อว่าสีดา
ปรานีเอามาไว้ในสวนไม่ควรร่วมรสเสน่หา
นานเนิ่นเกินเจียนกาลมาใครใครไม่ว่าผัวนารี
แต่องค์พระลักษมณ์พระราเมศซึ่งไม่เกรงเดชฆ่าพงศ์ยักษี
ม้วยมุดสุดสิ้นชีวีจึ่งพาทีว่าเป็นผัวสีดา
ครั้นข้าจะส่งสีดาเล่าด้วยพระญาติวงศ์เจ้าด้บสังขาร
เห็นไม่กล้บคืนเป็นมาข้าจึ่งมิส่งนางไป
ถ้าว่ากันก่อนโดยดีเป็นทางไมตรีจะส่งให้
นี่มาข่มเหงไม่เกรงใจจะส่งไปกล้วขายพระบาทา
แม้นไม่มีชัยอัปยศจะปรากฏอายบาทไปเมื่อหน้า
ขออย่าให้ขายบาทากรุณาข้าใต้ธุลี
ฯ ๑๖ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระทรงธรรมธิราชรังสี
สอดส่องดูคำอสุรีผิดที่ไม่เคยพบเห็นมา
หรือว่าผู้อื่นลักนางฝ่ายผัวตามล้างเข่นฆ่า
พอพบพญาอสุรากลัวฤทธาทิ้งนารี
ฝ่ายผัวเหลือบเห็นไม่ทันถามวู่วามเข้าชิงชัยศรี
หมายใจว่าอ้ายไพรีต่างต่างจึ่งมีอหังการ์
ก็ผิดที่นี่หน่อทศรถปรากฎสุริยวงศ์นาถา
มิใช่เข็ญใจไพร่ฟ้าจะมาเป็นดั่งนี้ก็ผิดไป
หรือเมียนอกใจอ้ายนี่ชู้ต่อสู้เจ้าผัวเขาไม่ได้
สุดฤทธิ์ที่จะคิดชิงช้ยเพื่อจะให้กูแช่งกระมังนา
ดีร้ายจะเป็นฉะนี้ท่วงทีจึ่งเคลือบริษยา
ครั้นกูจะตอบต่อเจรจาม้นจะว่าแกล้งกล่าวซักความ
จำกูจะเงือดงดไว้จึ่งจะค่อยซักไซ้ไถ่ถาม
ควรกูจะให้ไปหารามมาสอบถามห้ามผิดกัน
ร่าย
๏ คิดแล้วจึ่งมีพจนารถประกาศแก่เทวาสรวงสวรรค์
แล้วว่าไปแก่กุมภัณฑ์อันเป็นศรีราชนัดดา
ซึ่งข้อคดีของเจ้าจำจะให้หาเขาผู้เข่นฆ่า
มาสมัคสมานอัธยาว่ากล่าวกันตามประเวณี
ก็สั่งอำมาตย์มึงไปหาเทวบุตรศณุกรรม์เรืองศรี
ฉับไวให้มาบัดนี้ยังที่สมรภูมิพลัน
ฯ ๒๐ คำ ฯ
             

ท้าวมาลีวราชให้พระวิษณุกรรมไปตามพระราม

๏ คนธรรพ์ก็รับสั่งลา ไปดาวดึงสาสวรรค์ ฯ เชิด ฯ

๏ เข้าหาพระวิษณุกรรม์ ฉับพลันมาไปอย่าช้า ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ

๏ ฝ่ายพระวิษณุกรรมแจ้งเหตุ ก็มาจากนิเวศดึงสา ฯ เหาะ ฯ

๏ จึงชวนกันเข้าวันทา สองราประณมดุษฎี ฯ ๒ คำ ฯ

ร่าย ๏ เมื่อนั้น ท้าวมาลีวราชยักษี จึงสั่งให้เทวจรลี ไปบอกคดีสองไทย อันอัชบาลอัยกา ร่วมวิญญาณ์กูพิสม้ย สหายกูปู่รามเรืองชัย จงแจ้งไขแก่สองรา ครั้นเราจะให้คนธรรพ์ไป เกลือกสองภูวนัยจะกังขา ด้วยรามลักษมณ์ไม่รู้จักกูมา พาทีอย่าให้แคลงใจ บัดนี้นัดดากับนัดดา เข่นฆ่ากันเท่าไหนไหน ตัวกูนี้พึ่งรู้ไป ฉับไวให้มาบัดนี้ ฯ ๘ คำ ฯ

๏ ฝ่ายเทวะร้บสั่งลา เหาะมายังพลับพลาศรี ฯ เชิด ฯ

๏ ถึงจึ่งแถลงเสนี กระบี่พาแจ้งกิจจา บัดนี้ท่านท้าวมาลีวราช พระบาทสิทธิศ้กดิ์หนักหนา เธอเป็นสหายพระอัยกา ให้ข้ามาเชิญเสด็จไป จะไถ่ถามห้ามความรบสู้ พระเจ้าปู่ว่าหาอื่นไกลไม่ เหตุนี้พึ่งทราบธุลีไป จึ่งให้มาแจ้งราชา ฝ่ายข้างพระยาทศพักตร์ กล่าวโทษพระองค์หนักหนา พระอัยกาไม่เชึ่อวาจา จึ่งให้มาเชิญจรลี ฯ ๘ คำ เจรจา ฯ

๏ เมื่อนั้น พระอวตารผู้ชาญชัยศรี จึ่งบัญชาชอบวาที ให้กระบี่ปรึกษาทุกตัวนาย ผู้ใดยังได้รู้เห็น อัยกากูเป็นสหาย กับท้าวมาลีวราชเพริดพราย บรรยายให้แจ้งบัดนี้ ฯ ๔ คำ ฯ

๏ บัดนั้น พระยาชามพูวราชกระบี่ศรี ก้มเกล้าเคารพสามที ขุนกระบี่จึงทูลเนื้อความไป อันองค์ท้าวมาลีวราช พระบาทบพิตรเป็นใหญ่ กับพระอัยการักร่วมใจ ไกลนานเนิ่นนักพระราชา แต่ชันษาข้าพึ่งวัย พอจำความได้น้อยหน้กหนา จนได้เป็นบาทมุลิกา อายุข้าถึงกัลป์ปลาย แม่นมั่นอันองค์พระอัยกา กับท้าวยักษาเป็นสหาย ตัวข้าจะขอบรรยาย เล่าถวายให้แจ้งกิจการ ว่ายังมีพรหมผู้หนึ่ง จึ่งเธอทำเพียรห้าวหาญ อตส่าห์เฝ้าพระสยมภูวญาณ จะใคร่เป็นประธานโลกา จึ่งกราบทูลขอพระพร ให้ถาวรยิ่งพรหมทุกทิศา กับคทาเพชรมหึมา จะป้องกันรักษาไพรี ฝ่ายองค์อิศวรบรมญาณ ประธานทั้งพระพรชัยศรี ครั้งนั้นคึอท้าวมาลี มีมโนในนึกเมตตา ทูลพระอิศวรบรมนาถ ว่าพระบาทอัชบาลนาถา ผ่านแผ่นพื้นภพอยุธยา สามัญพึ่งพาทั่วไป สุจริตทศพิธราชธรรม์ พงศ์พันธุ์นารายณ์เป็นใหญ่ ทุกนิเวศเขตขัณฑ์พึ่งไท เกลือกพรหมจะไปราวี หน้าที่จะสิ้นสูญพรตกรรม์ สามัญจะร้อนดั่งเพลิงจี่ จะขัดสนจนทั้งมุนี โปรดเกศีอย่าให้สูญไป พระศุลีฟังมาลีวัคคพรหม พระสยมภูวญาณก็สงสัย จี่งประทานพระขรรค์เพชรเรืองชัย ให้ท้าวมาลีเอามา ถวายแก่ท้าวอัชบาล แล้วประทานพระพรหนักหนา ให้ชนะแก่บรมพรหมา คทาเพชรจงพ่ายแพ้พระขรรค์ชัย ท้าวมาลีรับเอาพระขรรค์แก้ว แล้วเชิญพระพรลงมาให้ แด่ท้าวอัชบาลเรืองชัย จึ่งร้กใคร่เป็นสหายกันมา ไม่มีที่เป็นอุบาย พระองค์อย่าหมางหมายกังขา ขอเชิญเสด็จไคลคลา ไปหาจึ่งจะชอบทางธรรม ฯ ๒๘ คำ เจรจา ฯ

๏ เมื่อนั้น พระเผ่าพงศ์นารายณ์ไอศวรรย์ จึ่งสั่งให้ตรวจเตรียมกัน กูจะไปคมคัลพระอัยกา ฯ ๒ คำ ฯ

๏ สุครีพรับสั่งไปพลัน ตระเตรียมพลขันธ์อาสา ฯ เชิดปฐม ฯ

๏ กำชับันเป็นโกลา จัดแจงมหารถชัย นี่แน่นิลนนท์หนุมาน องคตชมพูพานทหารใหญ่ หมวดกองกะเกนจงเกือบไป อย่าไว้ใจอรินไพรี เกลือกเป็นอุบายถ่ายเท เล่ห์กลแห่งมารยักษี จงจัดสรรกันแต่ตัวดี ประคองเคียงข้างภูมีไป ฯ เจรจา ฯ

๏ ครั้นเอยครั้นเสร็จ ระเห็จเข้ามาแถลงไข ฯ แพละน้อย ฯ

๏ อันซึ่งพหลสกลไกร ได้พร้อมอยู่แล้วราชา ฯ ๘ คำ ฯ

โทน ๏ เมื่อนั้น พระรามบุญเรืองเฟื่องฟ้า จึ่งชวนพระศรีอนุชา ลีลาลงสรงวารี ทรงภูษาทาธะรสประดับเครื่อง เรื่อเรืองรุ่งรัศรังสี สององค์ทรงลักษณ์รูจี ต่างสีเหลืองนิลว้ตถาพราย เลิศแล้วแก้วเก้ามงกุฎเก็จ เพชรระยับทับทรวงเฉิดฉาย ตาบติดสังวาลเลื่อมพราย กระจายจรกรรเจียกเพราตา พาหุร้ดธำมรงค์ชายแครง ศรีแสงชายไหวซ้ายขวา ทรงศิลป์ศรชวนอนุชา ไคลคลาขึ้นรถจรลี ฯ เพลง ๘ คำ ฯ

โทน ๏ รถเอยราชรถอินทร์ เฉิดฉินฉ้อพรรณรังสี สลับเลือกล้วนดวงจินดาดี รัศมีสว่างเมฆา ดุจดังอโณท้ยไตรตรัส แจ่มจัดแสงนิลว้ตถา ระย้าระย้อยลอยเลื่อนฟ้า อนุชานั่งหน้ารถไป ฯ กลองโยน รุกร้น ฯ

ร่าย ๏ ครั้นถึงจึงหยุดรถแก้ว แล้วอ่อนโอนองค์ลงไหว้ ให้พระมาตุลีขับเข้าไป เคียงข้างขวาไทอัยกา ยอกรปัญจางค์สุจริต ประดิษฐานเหนือเกศเกศา เคารพอภิว้นท์ปรีดา อยู่ในมหารถชัย ฯ ๘ คำ ฯ

ช้า ๏ เมึ่อนั้น พระกอบกิจธรรมเป็นใหญ่ ครั้นเห็นลักษมณ์รามเรืองชัย ท้าวไทเพ่งพิจารณา องค์อรรคอ้อนแอ้นทั้งสอง ผ่องแผ้วผิวนิลวัตถา เรืองรุดสุดเลิศลักขณา เหมือนมหาอ้ชบาลสหายกู จึ่งเอื้อนอรรถโองการปราศรัย เหตุใดเวียงชัยเจ้าไม่อยู่ มาเที่ยวไพรไยทั้งคู่ เกิดรบสู้กันด้วยอันใด ฯ ๖ คำ ฯ

ตอนที่ ๓ ตอนท้าวมาลีวราชพิพากษาความ จนทศกัณฐ์เข้าเมือง

ตอนที่ ๔ ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด, พระลักษมฌ์ต้องหอกกบิลพัท จนผูกผมทศกัณฐ์กับนางมณโฑ

เชิงอรรถ

อ้างอิง

เครื่องมือส่วนตัว