บทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
(หนุมานสังหารวิรุฬจำบังแล้วส่งนางวานรินคืนสวรรค์)
(หนุมานสังหารวิรุฬจำบังแล้วส่งนางวานรินคืนสวรรค์)
แถว 1,060: แถว 1,060:
ฯ เชิด ฯ
ฯ เชิด ฯ
</tpoem>
</tpoem>
-
====หนุมานสังหารวิรุฬจำบังแล้วส่งนางวานรินคืนสวรรค์====
+
====หนุมานสังหารวิรุฬจำบัง====
<tpoem>
<tpoem>
๏ ครั้นถึงจึงพิจารณาฟอง  ลอยฟ่องล่องตามน้ำไหล  
๏ ครั้นถึงจึงพิจารณาฟอง  ลอยฟ่องล่องตามน้ำไหล  
แถว 1,143: แถว 1,143:
เหาะจากปากถ้ำคิรี  รีบรี่มาสมรภูมิพลัน
เหาะจากปากถ้ำคิรี  รีบรี่มาสมรภูมิพลัน
ฯ เชิด ปฐม ๑๒ คำ ฯ
ฯ เชิด ปฐม ๑๒ คำ ฯ
 +
 +
๏ ฝ่ายข้างพระรามเห็นกระบี่  ภูมีบอกแก่พลขันธ์
 +
โน่นแน่หนุมานจรจรัล  ได้หัวกุมภัณฑ์เหาะมา
 +
พวกพลกระบี่ดีใจ  เอิกเกริกกันไปทั่วหน้า
 +
หนุมานถึงจึ่งวันทา  ถวายเศียรอสุราทันที
 +
ฯ เชิด ฯ
 +
 +
๏ เดิมเมื่อได้ข่าวยักษา  พบวานรในพนาศรี
 +
บอกว่าอังกาศคิรี  มีนางอัปสรกัญญา
 +
ข้าจึ่งนิมิตบิดเบือน  เหมือนมนุษย์หนุ่มน้อยเสน่หา
 +
เข้าไปไถ่ถามกิจจา  นางว่าต้องสาปพระศุลี
 +
กลับสงสัยข้าที่แปลงกาย  หยาบคายว่าชาวพนาศรี
 +
ข้าเลียมลวงตอบคดี  นารีแปลนคำออกมา
 +
ว่าต่อได้บอกกิจการ  พบพานร่วมรักกับข้า
 +
จึ่งให้คืนคุงบาทมุลิกา  ยังมหาไกรลาศคิรี
 +
ข้าจึ่งผาดแผลงอานุภาพ  นางกราบประณตบทศรี
 +
บอกให้ไปตามอสุรี  พบตัวต่อตีกันไปมา
 +
มันตีข้าจมลงในน้ำ  ข้าดำผุดขึ้นได้ตียักษา
 +
ชิงได้ตระบองอสุรา  ข้าก็ตียักษาจมไป
 +
ครั้นผุดขึ้นมาข้าตีซ้ำ  มันดำลงอยู่ตํ่าใต้
 +
ข้านิมิตหางโตเกรียงไกร  จึ่งกระหวัดจับได้อสุรา
 +
ตัดเอาศีรษะจรลี  มาโปรดนางที่พระคูหา
 +
แล้วจึงพาเอาศีรษะมา  ถวายพระผ่านฟ้าบัดนี้
 +
ฯ ๒๐ คำ ฯ
 +
 +
๏ บัดนั้น  พระอวตารผู้ชาญชัยศรี
 +
ปราศร้ยไปแก่ขุนกระบี่  ที่ใข้ศรข่ายกั้นอสุรา
 +
กูพิจารณาดูรูปพึงหาย  จึงหมายมุ่งว่าเองได้ยักษา
 +
ก็พอแลไปเห็นหนุมานมา  ดูราพิเภกอสุรี
 +
แต่ให้หนุมานอาสา  เข่นฆ่าต้านต่อยักษี
 +
ล้วนมีชัยได้ท่วงที  ควรที่เป็นอัครเสนา
 +
นี่แน่พิเภกธิบดี  อันเศียรอสุรียักษา
 +
เพื่อนขลังอาคมวิทยา  จะเอามาทำประการใด
 +
ฯ ๘ คำ ฯ
 +
 +
๏ ฝ่ายพระยาพิเภกกราบทูล  ซึ่งอิสูรต้องศรตักษัย
 +
ย่อมได้ฟากฟ้าคาลัย  ไปเป็นสุขทั่วอสุรี
 +
บัดนี้วิรุญจำบังม้วย  ด้วยมือหนุมานกระบี่ศรี
 +
ข้าบาทเห็นไม่สู้ดี  ขอให้ชูศีรษะไว้เมฆา
 +
แล้วจึงทรงศรแผลงผลาญ  สังหารให้ไปเป็นสุขา
 +
จึงจะได้สวรรค์ชั้นฟ้า  โปรดเกศาทำบัดนี้
 +
ฯ ๖ คำ ฯ
 +
 +
๏ บัดนั้น  พระอวตารผู้ชาญชัยศรี
 +
สั่งให้เอาเศียรจรลี  ทำตามพิเภกบัญชา
 +
หนุมานก็พาเหาะไป  ชูไว้อากาศเวหา
 +
จึงแผลงศรกินเศียรอสุรา  ยักษาสู่สวรรคาลัย
 +
ฯ ตระ ๔ คำ ฯ
 +
 +
๏ แล้วตรัสแก่พลวานร  อันนครหาพ้นมือไม่
 +
ครั้นจะบุกรุกเอาเวียงชัย  ผิดไปไม่ต้องประเวณี
 +
จำเราจะเลิกทัพชัย  กลับไปยังพลับพลาศรี
 +
ฟังดูกำลังอสุรี  ก็เลิกรี้พลกลับพลับพลา
 +
ฯ ๔ คำ เชิด ฯ
</tpoem>
</tpoem>

การปรับปรุง เมื่อ 13:53, 4 สิงหาคม 2552

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

พระราชนิพนธ์: สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

มี ๔ ตอน โดยตอนที่ ๒ ถึง ๔ นั้นความต่อกัน

บทประพันธ์

บานแพนก

วันอาทิตย์ เดึอน ๖ ขึ้นคํ่าหนึ่ง จุลศักราช ๑๑๓๒ (พ.ศ. ๒๓๑๓ ปีที่ ๓ ในร้ชกาลกรุงธนบุรี) ปีขาล โทศก พระราชนิพนธ์ทรงแต่งชั้นต้นเป็นปฐม ยังทรามยังพอดีอยู่

ตอนที่ ๑ ตอนพระมงกุฎ

พระมงกุฎอยู่ป่า

๏ มาจะกล่าวบทไปหน่อในอวตารรังสี
หาผลปรนนิบ้ติชนนีทั้งพระฤษีมีญาณ
ว้นหนึ่งชวนน้องเข้าพาทีพระมุนีจงโปรตเดฉาน
ข้าไสร้เกลือกคนภัยพาลขอประทานรํ่าเรียนวิชา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฤษีรักจูบกระหม่อมเกศสอนให้เล่าเวทคาถา
ฯ เจรจา ฯ
๏ หุดีกุณฑ์กองวิทยาเจ็ดราตรีศรผุดพลัน
ฯ ตระ ฯ
๏ จึงประสิทธิ์ประสาทธนูศิลป์เจ้าจินดารมณ์หมายมั่น
เมึ่อลั่นซั้นซ้ำมนตร์พลันสรรพโลกไม่ทนฤทธา
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารเรียนเสร็จได้ทั้งกลละเม็ดคาถา
รบเอาธนูศิลป์มาลาล่าหาผลพนาลี
ฯ เข้าม่าน ฯ
๏ ครั้นถึงกาลวาตพนาลัยปราศัยน้องลบเรืองศรี
ฝ่ายพี่จะแผลงฤทธียิงรังด้นนี้ให้ขาดไป
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าลบว่าใหญ่ถึงแสนวาข้าเจ้าเห็นหาห้กไม่
๏ พระมงกุฎก็วางศรชัยสนั่นไปถึงชั้นพรหมา
ตระเชิด
๏ ถูกรังต้นใหญ่สินขาดยับเยินวินาศดังฟ้าผ่า
แล้วกลับต่อว่าอนุชาน้องยาจะว่าประการใด
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระลบสรรเสริญบุญญาอานุภาพเป็นหาที่สุดไม่
พระชนนีจะมิตกใจก็ชวนเก็บผลไม้กลับมา
ฯ พญา เดิน ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระฤษีสนั่นเสียงสำเนียงกึกก้องเวหา
ตกใจทิ้งนางสีดาก็ลีลาออกตามกุมาร
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏      ฝ่ายพระพี่น้องเห็นฤษีก็วิ่งเข้าอัญชลีทูลสาร
ทิ้งนางสีดาดวงมาลย์พระอาจารย์มาไยชนนี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระมุนีสีดาว่าดูเอาให้เราตกใจถึงสองศรี
สุ้งเสียงอะไรเมื่อกี้คิดว่าอสุรีพะพาน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกฎทูลไขหาไม่ดอกยิงไม้พฤกษาสาร
๏ เจ้าลบว่าแสนอ้อมประมาณพฤกษาสารสูงเทียมเมฆา
หักย้บสะบั้นสินขาดวินาศดุจดั่งฟ้าผ่า
ที่กาลวาตพนาวาหาภ้ยมิได้พระมุนี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ สีดาว่ายิงทำไมให้ตกใจทั้งพระฤษี
นี่ลูกอะไรน่าใคร่ตีก็พาทีขู่รู่กุมาร
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระมุนีจึ่งห้ามสีดาอย่าว่าหลานกูห้าวหาญ
แล้วอวยชัยหน่ออวตารให้ชัยวาลรุ่งฤทธี
จงเจ้าเป็นใหญ่ไตรภพจบสกลทิศทั้งสี่
โภยภัยสิ่งใดอย่าได้มีให้ฤทธียิ่งบิดร
แล้วบอกนวลนางสีดาพฤกษานี้มีมาแต่ก่อน
แรกตั้งฟ้าดินอัมพรศรใครไม่กินนะสีดา
เมื่อไรต่อหน่ออวตารจึงผลาญไม้นี้ดั่งฟ้าผ่า
ลูกเจ้ารุ่งเรืองฤทธาว่าแล้วก็มากุฎี
ฯ เสมอ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารเข้าไปถวายผลไม้พระฤษี
แล้วกล้บมาหาชนนียังที่พระบรรณศาลา
ฯ บาทสกุณี ๒ คำ ฯ
โอ้
๏ ฝ่ายนางสีดาส้วมกอดพลอดพลางทางกวดเกศา
จูบเกศเทวศโศกาโอ้ว่ากำพร้ายาใจ
มาดแม้นถ้าอยู่ก้บพ่อจะเสน่ห์หน่อหาที่สุดไม่
เท่านี้หรือมีฤทธิไกรที่ไหนบิดาจะให้จร
ฝ่ายเจ้าผลานแผลงศิลป์ชัยเหมือนเมื่อท้าวไทเธอยกศร
ครั้งไปทำการสยมพรในเมืองนครมิถิลา
ให้เจ้ายิ่งยศโมลีแม่จะได้ฝากผีภายหน้า
ให้เรืองฤทธิ์เหมือนองค์พระบิดาว่าแล้วก็ทรงโศกี
ฯ โอด ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ ฝ่ายพระมงกุฎทูลถามโปรดบอกความเกล้าเกศี
แม่ว่าพ่อข้ามีฤทธีมาอยู่พนาลีด้วยอ้นใด
อ้นฝ่ายพระบังเกิดเกล้าเผ่าพงศ์กษัตริย์หรือไม่
เธอผ่านถิ่นฐานบ้านเมืองใดบอกให้หน่อยเถิดพระมารดา
ฯ มโนราโอด ๔ คำ ฯ
๏ สีดากรรแสงแถลงไขพิไรบอกลูกเสน่หา
เดิมแม่อยู่เมืองมิถิลาพระอัยกาเจ้าเสี่ยงศิลป์ชัย
เทพามนุษย์เข้ายกศิลป์เสร็จสิ้นมิได้หวาดไหว
พ่อเจ้ายกได้ว่องไวจึงเศกแม่ให้กับบิดา
อ้นบิตุเรศของเจ้าเผ่าพงศ์บรมนาถา
เรืองรุดสุดอรรคอิศราปรากฏยศยิ่งโมลี
จึ่งพาแม่มาเวียงชัยอัยกาให้สัจมเหษี
ให้พ่อเจ้าไปพนาลีแม่นี้ติดตามจรจรรย์
กับทั้งพระล้กษมณ์อนุชาออกไปอยู่ป่าพนาสัณฑ์
วันหนึ่งจึงยักษ์ทศกัณฐ์มันใช้มารีศเป็นกวางมา
แม่ไม่รู้เลยเป็นร้กใคร่ให้พ่อเจ้าตามไปในป่า
แล้วได้ยินเสียงเหมือนบิดาคิดว่ายักษาม้นยายี
จึงให้อนุชาไปดูมิรู้ยักษ์ล้กพาแม่หนี
บิดาเจ้าตามไปต่อตีฆ่าอสุรีตายทั้งลงกา
แล้วพามาผ่านโภคัยครั้งนั้นแลแม่ได้หรรษา
จึงมีปีศาจลวงมารดาวานข้าเขียนรูปอสุรี
พาซื่อมือแม่ไม่สุขประดุกเขียนรูปยักษี
พอพ่อเจ้ามาเห็นทันทีนารีผู้วานนั้นหายไป
ฝ่ายแม่จึงรู้ว่าปิศาจพระบิตุราชโกรธชักพระขรรค์ไล่
ให้พระอนุชาพาแม่ไปพิฆาตเสียในพนาวา
เดชะความสัตย์ของแม่เที่ยงแท้ต่อพ่อเจ้าหนักหนา
พระขรรค์กล้บกลายเป็นมาลาอนุชาจึงขับเสียพล้น
เตชะบุญญาของเจ้าขวัญเข้าแม่ไม่อาสัญ
พอพบมุนีในพนาวันจึงคมค้ลอาศัยคลอดลูกยา
พระบิดาเจ้าชื่อราเมศหน่อนเรศทศรถนาถา
ครอบครองกรุงศรีอยุธยาว่าแล้วก็ทรงโศกี
ฯ โอด ๒๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกุฎกราบเกล้าพระแม่เจ้าอย่าหม่นหมองศรี
ถึงพระบิดาไม่ดูดีเราอยู่พงพีตามเข็ญใจ
ฯ ครวญ ๒ คำฯ
๏ สีดาส้วมสอดกอดจูบลูบหน้าหลังพลางร้องไห้
แสนโศกวิโยคอาล้ยเสน่ห์ในกอดลูกนิทรา
ฯ กล่อม ๒ คำ ฯ
             

พระรามเสี่ยงม้า

ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทเจ้าไตรตรึงษา
เอ็นดูกุมารสีดาจากสามีพรากบิดร
อ้อหน่อนั้นค่อยจำเริญวัยไปลองศิลป์ชัยธนูศร
เอิกเกริกสิ้นทั้งพระนครบิดรก็อัศจรรย์ใจ
เอะพ่อจะเสี่ยงพาชีลูกนี้จะได้หม่นไหม้
เป็นกรรมทำมาแต่ไรให้พรไปโดยยินดี
ฯ สาธุการ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างองค์อรรคอวตารให้หาพฤฒาจารยอึงมี่
ควรดูฤกษ์พานาทีเหตุนี้จะเป็นประการใด
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระโหรผู้เฒ่าก้มเกล้ากราบทูลแถลงไข
เหตุลั่นดินฟ้าสุราลัยหาภัยมิได้ภูมี
แต่เกิดองค์อรรคศักดาลองมหาธนูชัยศรี
สำหร้บปราบมารไพรีเหตุนี้ดีดอกพระราชา
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นพระรามบุญเรืองเฟื่องฟ้า
สงสัยไถ่ถามโหราบัญชาแก่ราชสามนต์
เมื่อกูอยู่บนบัญชรชัยหวั่นไหวดินฟ้ากุลาหล
สะเทือนเลื่อนภูมิมณฑลจลาจลดุจดั่งจะควํ่าไป
ดูดุ๋ช้างม้าอาณาจักรหักหลักแหล่งหลุดไปได้
เหตุนี้กูมิไว้ใจเป็นภัยติดราชธานี
จงตกแต่งล้กษณโองการเขียนลงเป็นราชสารศรี
ผูกแขวนคอม้าเสี่ยงพาชีตามประเวณีเมืองปล่อยไป
จึงจะต้องตามตำราว่าแม้นใครขี่ฆ่าให้ต้กษ้ย
ให้หาอนุชาสองไทกูจะให้ไปตามอาชา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
ร่าย
๏ หนุมานก็ร้บสั่งพลันผายผันเหาะระเห็จไปหา
ฯ เชิดปฐม ฯ
๏ ครั้นถึงไกยเกศภาราเชิญเสด็จอนุชาทันที
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระสัตรุดพระพรตถามไถ่ให้หาเราไยกระบี่ศรี
สะเทือนเลื่อนลั่นบูรีอยุธยามีเหตุประการใด
ฯ ๒ คำ ฯ
๏      หนุมานทูลแจ้งกิจจาเหตุสุธาสนั่นหวั่นไหว
พระเชษฐาให้เสี่ยงพาชีชัยจึงจะให้พระไปตามไพรี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏      พระสัตรุดพระพรตสั่งพลันให้เตรียมพลขันธ์ชัยศรี
ขึ้นทูลไอยกาทันทีพระเจ้าพี่รามาให้หาไป
ฯ ๒ คำเสมอ ฯ
๏ พระไอยกาอำนวยพรให้ถาวรยศยิ่งเป็นใหญ่
เจ้าไปเถิดไปพ่อไปมีชัยแล้วกลับมาธานี
ฯ เจรจา ๒ คำฯ
๏ พระสัตรุดพระพรตอำลามาท้องพระโรงชัยศรี
ฯ เสมอ ฯ
๏ เสนาซึ่งรับสั่งเดิมทีไปจ้ดรี้พลโยธา
ฯ เชิดปฐม ฯ
ยานี
๏ กะเกนรถรัดอัสดรพวกพลนิกรซ้ายขวา
หอกง้าวหลาวแหลนปืนยาทัพหลังทัพหน้าเรียงรัน
อีกทั้งยกระบัตรเกียกกายปีกป้องกองรายแข็งขัน
ครั้นเสร็จระเห็จทูลพลันพลขันธ์พร้อมแล้วภูมี
ฯ ๖ คำ ฯ
โทน
๏ เมื่อนั้นพระพรตยศไกรชัยศรี
จึงชวนอนุชาสรงวารีสองศรีสำอางอาภรณ์
ทรงมงกฎสังวาลเสร็จสรรพจับสะพักสะพายแล่งแสงศร
ทบทรวงกรรเจียกกระจายจรตาบติดอาภรณ์กระจายตา
พาหุรัดธำมรงค์ชายแครงศรีแสงชายไหวซ้ายขวา
สนอบสนับสรรพชวนอนุชาลีลามาขึ้นรถไป
ฯ บาทสกุณี ๖ คำ ฯ
โทน
๏ รถเอยราชรถแดงสีแสงสว่างสุกใส
งอนแอกปะแหรกวิไลฉ้ตรชัยวิจิตรเจษฎา
เพราเพชรเก็จแกมหน้าหลังบังใบด้วยมณีมีค่า
ระย้าระย้อยลอยเลื่อนฟ้ากรีฑาพหลไปพลัน
ฯ กราวเชิด ๔ คำ ฯ
๏ ครั้นถึงซึ่งกรุงอยุธยาขึ้นเฝ้าเชษฐาไอศวรรย์
พระรามเห็นเรียกน้องพลันพากันออกท้องพระโรงชัย
ฯ เสมอ ฯ
๏ จึงตรัสด้วยราชสารศรีเสนีแต่งแล้วหรึอไฉน
เสนาก้มกราบทูลไปแต่งไว้เสร็จแล้วภูมี
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
ช้า
๏ ในลักษณพระราชสารว่าพระผ่านทศทิศทั้งสี่
แบ่งภาคจากกระเษียรวารีมีกมลจิตต์จินดา
ให้ปล่อยมิ่งม้าอุปการใครพานพะขี่จะเข่นฆ่า
ที่อวดฤทธิ์ดีจงขี่ม้าผ่านฟ้าจะไปต่อตี
ถ้าแม้นเป็นข้าอาณาจ้กรทักษิณประณตบทศรี
เคารพอภิวันท์ธุลีปล่อยพาชีจรไคลคลา
ฯ ๖ คำ ร่าย ฯ
๏ พระรามว่าดีแล้วเอาเถิดพอเกิดดวงดาวเวหา
เบื้องบนข้างทิศบูรพาบัญชาให้ผูกพาชี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ อาลักษณ์เอาสารผูกคอม้าอลังการที่นั่งรังสี
โหรปล่อยมิ่งม้าทันทีพาชีดึงเดาะเดินพลัน
ฯ ฉาน เชิดฉิ่ง ๒ คำ ฯ
๏ พระรามจึงสั่งอนุชาแม้นใครขี่ฆ่าให้อาสัญ
๏ อนุชารบสั่งจรจรัลพลันยกพลตามสะกดไป
ฯ กราว ๒ คำ ฯ
๏ พระรามซ้ำสั่งหนุมานท่านไปช่วยด้วยจึ่งได้
หนุมานรับสั่งคลาไคลไปนำพลตามพาชี
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
             

พระมงกุฎขี่ม้าเสี่ยงทาย หนุมานจะจับ ถูกพระมงกุฎเสกมนตร์มัดตัว

ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทท่านท้าวโกสีย์
ผู้ทรงมหิทธิ์ฤทธีตรีเนตรเล็งแลลงมา
ก็แจ้งว่าหน่ออวตารจะพานพะรบวงศา
อ้อกรรมหน่อดลบิดาจึงเสี่ยงพญาม้าไป
เอะอาว์ผู้เข้าราวีจะต้องศรศรีเพียงต้กษัย
จึงจะจ้บได้แต่พี่ไปอวตารจะให้ลงอาชญา
จำกูจะช่วยแก้ไขเอาผลบุญไปภายหน้า
อย่าให้มอดม้วยชีวาก็ดลม้าเข้าพนาล้ย
ร่าย
๏ แล้วจึ่งไปดลกุมารให้ออกพนัสสถานใหญ่
ครั้นเสร็จเสด็จขึ้นไปยังในฟากฟ้าดุษดี
ฯ คุกพาทย์ เหาะ ๑๐ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไปหน่อในอวตารร้งษี
รัญจวนป่วนถึงพนาลีที่จะไปเที่ยวเล่นพนาวา
ครั้นเช้าอำลามารดรจับธนูศรชัยจะไปป่า
สีดามิให้ไคลคลาลูกยาอย่าไปพนาลี
คืนนี้แม่ฝันเห็นร้ายฦๅสายอย่าเข้าพนาศรี
หูตากระเหม่นไม่ดีวันนี้อย่าไปพนาลัย
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ พระพี่น้องเทียบทูลชนนีกรรมมีหาพ้นตายไม่
อันกาลวาตพนาลัยลูกไสร้เคยเล่นอยู่อ้ตรา
แม้นข้ามิไปพนาลีพระฤษีจะอดพฤกษา
โภยภ้ยอะไรไม่มีมาถึงอ้ายยักษาไม่กลัวกัน
แม้นมันฺทำร้ายลูกจะยิงให้กลิ้งอยู่ในพนาสัณฑ์
พระแม่จงให้จรจรรย์กรรแสงที่จะไปพนาวา
ฯ ๖คำ ฯ
โอดครวญ
๏ สีดาส้วมสอดกอดจูบลูบหน้าหลังกวดเกศา
เจ้าไปเถิดพ่ออย่าโศกาว้นนี้กลับมาแต่วัน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองพี่น้องอำลาคว้าได้ธนูผายผัน
ลาดาบสแล้วจรจรรย์เข้าอรัญวามิช้า
ฯ เชิด ฯ
๏ ครั้นถึงซึ่งป่ากาลวาตองอาจเที่ยวไพรพฤกษา
เก็บผลไม้กินสองราพอเห็นมิ่งม้าพาชี
จึงบอกเจ้าลบน้องยามาเราช่วยกันจับขี่
ฯ เชิด ฯ
๏ เออสัตว์อะไรอย่างนี้เรามิเคยพบเห็นมา
แน่เจ้าดูเอาที่หลังใคร่นั่งเล่นไปในป่า
อะไรที่แขวนคอมาก็เอาสาราอ่านพลัน
ฯ ๘ คำ ฯ
ช้า
๏ ใจความว่าองคอวตารผู้ผ่านโภคัยไอศวรรย์
ปล่อยม้าใครขี่ให้ฆ่าฟันถ้าข้าขอบข้นธ์ให้บูชา
เออนี่อะไรใช่เมืองบ้านพานพะมาไยในป่า
ถึงมาดติดตามมาใช่ว่าเราเป็นข้าไท
มาเราจะขึ้นขี่เล่นเช่นนี้จะกล้วเป็นไฉน
ต้วเราก็ไม่ขบถใครขึ้นพาชีชัยไปมา
ฯ เชิดฉิ่ง เพลง ๖ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงหนุมานอาษา
ซึ่งนำทัพกับตามอาชาล่าลอดสอดดูพาชี
จึงเห็นกุมารขี่ม้าโกรธาลัดเข้าพนาศรี
แพละน้อย
๏ ก็เผ่นโผนจบกุมารตีกระบี่ต้องค้นศรสลบไป
ฯ เชิด โอด ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายมงกุฎดาหนุมานกูผลานเถิดหรือให้ตักษัย
เจ้าลบเอยลิงอะไรทำไมมันมาจับเรา
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ เจ้าลบว่าเออไม่เข้ายาอ้ายนี่มาทำเราเปล่า ๆ
ว่าพลางทางวิ่งตามม้าเล่าสองเจ้าเล่นในพนาลัย
ฯ ๒ คำ เชิดฉิ่ง เพลง ฯ
๏ หนุมานครั้นต้องพระพายถูกลูกลมกลับฟื้นขึ้นได้
ก็ผาดโผนแผลงฤทธิไกรโตใหญ่เงือบเงื้อมเมฆา
แล้วคิดเอะมีฤทธิ๋นักศรศ้กดิ์ตีลงดั่งฟ้าผ่า
อย่าเลยกูจะแปลงกายาก็เป็นลิงป่าเล็กเข้าไป
ฯ แพละ น้อย ฯ
๏ ถึงจึ่งตํ่าเตี้ยเงี่ยห้วฝากตัวแล่นเล่นในป่าใหญ่
ปีนป่ายร่ายกิ่งค่าไม้ทำเป็นรักใคร่ไปมา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองกุมารไม่สังเกตหน่อนเรศคิดว่าลิงป่า
๏ หนุมานโจนจับมิช้ากุมาราตีลิงสลบไป
ฯ เชิด โอด ๒ คำ ฯ
๏ พระมงกุฎด่าโจนลงเงื้อง่ากูฆ่าเถิดหรือให้ตักษ้ย
เจ้าลบเอ่ยดูอ้ายจังไรมันไม่หลาบเลยอนุชา
ทำไมมันมาจับเราเอาหรือให้ม้วยสังขาร
๏ เจ้าลบร้องห้ามพี่ยาอย่าฆ่าเจ้านายมันมี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ มงกุฎด่าว่าอ้ายเจ้าเล่ห์เหม่พานมาไยพนาศรี
จองหองจะเข้าราวีกิริยาอ้ายนี้เข้าใช้มัน
มาเราจะเอาเชือกเขามัดศอกมันเข้าให้มั่น
จารึกหน้าไปบอกเจ้ามันก็ชวนก้นเข้ามัดลิงไพร
ฯ ตระ ฯ
๏ มัดแล้วจารึกเศกมนต์เป่าต่อเจ้าของมึงจึ่งแก้ได้
ซํ้าตีมิให้บรรลัยเร่งไปบอกเจ้ามึงมา
ว่าพลางทางเผ่นขึ้นพาชีข้บขี่ควบเล่นในป่า
ฯ เชิดฉิ่ง เพลง ฯ
๏ เล็มล่าหาผลพนาวาได้มาก็สู่กันพลัน
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายหนุมานซึ่งต้องม้ดสะบัดตะบึงยิ่งรึงมั่น
เวทนาน่าอายเทวัญโศกศัลย์มายังทัพชัย
ฯ เชิด โอด ฯ
             

พระพรตจับพระมงกุฎ

๏ ครั้นถึงจึ่งเฝ้าพระพรตกำสรดหาบอกความไม่
๏ พระพรตเห็นต้องม้ดไปตัดด้วยพระขรรค์ชัยมิช้า
ฯ ตะบองกัน ฯ
๏ เชือดเถือเท่าไรก็ไม่ขาดประหลาดอัศจรรย์หนักหนา
๏ หนุมานเจ็บร้องเจรจาอุ่ยหน่าโอยอย่าภูมี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระพรตจึงเห็นอักษรที่หน้าวานรกระบี่ศรี
นิ่งอยู่กูจะดูหน้งสือมีได้เนื้อความบอกกระบี่พลัน
ในลักษณว่าถ้าจะแก้แม้นแลมิใช่เจ้าจงติดมั่น
ท่านเร่งเข้าไปบังคมคัลมันอยู่หาไหนบอกมา
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานทูลบุ้ยปากไปมันอยู่ในไพรพฤกษา
นะแน่งนิ่มน้อยสุนทราข้าประมาณชันษาสิบปี
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระพรตก็ไปตามว่าหนุมานเหาะมากรุงศรี
ฯ เชิด โอด ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระรามเห็นกระบี่ภูมีกริ้วโกรธโกรธา
เหม่อ้ายพญาหนุมานแต่มึงทำการอาสา
ฆ่าอสุรม้วยทั้งลงกาบัดนี้พามัดมาหากู
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ หนุมานครวญครางร้องไห้ไม่ทูลได้ซบเศียรอยู่
พระรามเห็นอักษรอ่านดูก็รู้ว่าต้องมนตรา
จึงเอาพระหัตถ์ลูบหลุดพระทรงภุชขัดแค้นหนักหนา
๏ หนุมานก้มกราบทูลลาถ้ามิได้ข้าศึกไม่กลับคืน
ว่าพลางเหาะขึ้นเวหาขัดแค้นโศกาสะอื้น
ฯ เชิด ฯ
๏      ก็เหาะลงมาแผ่นพื้นฝ่าฝืนเข้านำท้พไป
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ พระพรตร้องถามหนุมานพระอวตารยังว่าเป็นไฉน
หนุมานว่าโกรธฟูนไฟอย่าพิไรมาไปต่อตี
ทูลพลางทางออกนำท้พกลับกลายแปลงองค์กระบี่ศรี
สี่กรสี่พักตร์รูจีก็นำไปที่กุมารพลัน
ฯ กราว ตระ ๔ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไปหน่อไทนารายณ์ไอศวรรย์
เห็นชี้บอกแก่น้องพลันนั่นแนอริราชยกมา
ว่าพลางทางลงขึ้นศิลป์แผ่นพื้นด้าวดิ้นดั่งฟ้าผ่า
ขวางออกบอกความเจรจาดูกรท่านมาไย
ทำไมอุกมาถึงนี่องอาจอวดดีหรือไฉน
เราเป็นเจ้าป่าพนาลัยเราไสร้ไม่ให้จรลี
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายอาว์ขับรถเข้าบัญชาเรามาหาผู้จับม้าขี่
เหตุเจ้าร่วมอาสน์โมลีกับตีมัดผูกหนุมาน
พระอวตารให้เชิญเจ้าเข้าไปแม้นขัดแข็งให้เราสังหาร
มาเข้าไปเฝ้าพระอวตารหาไม่จะสังหารบัดนี้
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายสองพี่น้องตอบว่าอย่าจองหองฆ่าเราสองศรี
ทำไมมิให้จับม้าขี่ม้านี้ของใครว่ามา
มาดแม้นถ้าม้าของเธอเออปล่อยมาไยในป่า
เราได้ขี่เล่นไปมาชอบว่าขอเราจะให้ไป
มากลับว่าเราองอาจราชฐานโรงโกงอยู่ไหน
ทําไมมิให้มัดลิงไปใครใช้มันมาราวี
ฝ่ายเราเห็นแก่อวตารจึงไม่ประหารกระบี่ศรี
มัดไปให้แจ้งคดีชอบแต่จะขอบไมตรีกัน
นี่ถ้อยไม่ถามความไม่ว่าเจรจาแต่ล้วนจะหํ้าหั่น
เออสังหารมามาเล่นกันกระชั้นรุกว่าอย่าดูเบา
ชิตาพหลสกลไกรจะทำไมใครหรือเจ้า
อวดหาญแกล้งมาพาลเราเอาเถิดจะต่อฤทธา
ฯ ๑๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระอาว์ตอบวาทีสองศรีอย่าก้องแก้งว่า
เจ้าย้งเด็กเล็กสุนทราเราเมตตาดอกกุมาร
มาดแม้นไม่ลุกะโทษไทที่ไหนจะพ้นสังหาร
แน่เจ้าอันศรอวตารผลาญสิบสี่โลกก็บรรลัย
เทพามนุษย์รู้สิ้นเมืองแมนแดนดินหวาดไหว
ทำไมขี่ม้าของไทไม่แจ้งในสารหรือว่ามา
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพี่น้องตอบพจมานราชสารอะไรในป่า
เมื่อมีแต่ลิงวิ่งตามมาอุกอาจเข้าป่าเราไย
ชิชะว่าเราก้องแก้งเด็กถึงเล็กก็หากลัวผู้ใหญ่ไม่
ท่านอย่าอวดองทะนงไปเราไม่ครั่นคร้ามวาจา
ตัวเราผู้ตั้งอยู่ในธรรม์หาพรั่นพรึงไม่อย่าว่า
อุ่ยหนาข้ากลัววิทยาโกรธาดันดึงพาที
ฯ กราวรำ ๖ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระพรตโกรธกริ้วหลิ่วแลเล็งยิงสองศรี
ศรเป็นข่ายแก้วราวีให้ไปพิฆาฎกุมารา
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระสัตรุตก็ผลานแผลงเป็นเพลิงเริงแรงเวหา
เปลวปลาบวาบถึงพระสุธารารอรอบองค์พระกุมาร
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ พระมงกุฎกวางศรไปเป็นพระขรรค์เพ็ชรไล่สังหาร
ฟาดฟันข่ายแก้วอสุรกาฬบันดาลแพ้ฤทธิหายพลัน
ฯ เชิด คำ ๒ ฯ
๏ พระลบก็ผลานแผลงซํ้าเป็นนํ้าล้างไฟที่กางกั้น
พระพี่น้องเยาะเย้ยไปพลันหุนหันเข้าต่อฤทธา
ฯ เชิด ฯ
๏ ยิงถูกพระสัตรุดพระพรตตลอดหมดทั้งพลอาษา
ระเนนล้มวินาศดาษดาอนุชาแผลงซํ้าตระหนํ่าไป
ฯ เชิด โอด ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานครั้นต้องพระพายฟื้นฝ่าฝืนเข้าหากลัวไม่
ฯ เชิด ฯ
๏ พระมงกุฎตีด้วยธนูชัยลิงไพรสลบซบซอน
จึงบอกเจ้าลบเอ๋ยดูลิงมันกลิ้งอยู่แล้วด้วยคันศร
๏ พระลบซํ้าโบยราญรอนอ้ายวานรตายแล้วพี่ยา
ฯ กราวรำ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระพรตฟั่นฟื้นขืนอารมณ์เสี่ยงคาถา
เดชะพระเดชเดชาพี่ยานารายณ์ช่วยพลัน
บัดนี้ต้วข้าต้องศรอย่าให้ม้วยมรณ์อาสัญ
อธิษฐานพลางทานํ้ามันพลันเนื้อติดหายเป็นดี
ฯ ตระ ๔ คำ ฯ
๏ แล้วคิดดูฤทธิกุมารคล้ายองค์อวตารเรืองศรี
เนื้อนะแน่งนวลนิลรูจีศรีทรงเหมือนองค์ภูวนัย
หรือว่าลูกนางสีดาเชษฐาให้ฆ่าหาม้วยไม่
ก็ผิดที่เจ้าล้กษมณ์ว่าบรรลัยครั้นจะท้กไปอายวิญญาณ์
คิดแล้วจึงตั้งอธิษฐานแม้นกุมารเป็นวงศ์พงศา
นํ้าเนื้อเชื้อชาติพี่ยาให้พลเป็นมาบัดนื้
ตั้งสัตย์ตร้สพลางสำรวมมนต์รี้พลเป็นขึ้นอึงมี่
ทั้งพระสัตรุดเป็นดีภูมีเร่งอัศจรรย์ใจ
จำเป็นจำกูจะแผลงผลานตามคำอวตารผูใช้
คิดพลางวางวิรุนปานำไปศรชัยเป็นนาคนาคี
ฯ กลม ๑๐ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระสัตรุดก็แผลงผลานเป็นเพลิงกาลไปเจียวจี่
รอบหน้าในศรวาสุกรีศรไม่ยายีสองรา
ฯ ตะบองกัน ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระมงกุฎก็แผลงผลานบันดาลเป็นพระยาปักษา
ฯ แพละ ฯ
๏ พระลบแผลงเป็นท่อธาราดับวิทยาซึ่งเป็นไฟ
ฯ ปรายเข้าตอก ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายศรซึ่งไปเป็นครุฑฉวยฉุดนาคหนีตามไล่
แล้วแผลงศรชํ้ากระหนํ่าไปรุกไล่เขาต่อฤทธา
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ หนุมานครั้นต้องพระพายเป็นเต้นแอบแนบบังพฤกษา
คอยมองจับสองกุมาราสอดนัยนาดูท่วงที
ฯ แพละน้อย ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายอาว์ขึ้นศรพรหมาศพาดสายเสี่ยงทูนเหนือเกศี
มาดแม้นเป็นวงศ์พงศ์พีร์ศรศรีอย่ากินกุมารา
แต่พอสลบจ้บได้จะเอาไปถวายเชษฐา
เสี่ยงพลางทางตั้งสัจจาว่าแล้วก็ผลานแผลงพลัน
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ พระมงกุฎรับข้อพระกรอ่อนพระนลาตกระทบศรรังสรร
ฯ เชิด ฯ
๏ ล้มกลิ้งลิงเข้าจับพลันคาดคั้นเอาสองกุมารา
ฯ เชิด โอด ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าลบลอดหนีได้ด้นดั้นเข้าไพรพฤกษา
ฯ กลม ฯ
๏ หนุมานมัดเอามงกุฎมาพาเข้าถวายฉับพลัน
ฯ ๒ คำ เตียว ฯ
๏ พระพรตเห็นร้องสั่งไปขันขึงมันให้แน่นมั่น
ฯ เจรจา ฯ
(ทรงแทรก)
๏ หนุมานจำใส่ตะโหงกพลันมอบกันร้กษากุมารา
๏ พระพรตจึงสั่งหนุมานเร่งจัดทหารค้นป่า
น้องม้นวิ่งเข้าพนาวารีบร้นค้นหาบัดนี้
ฯ เจรจา ฯ
๏ หนุมานรับสั่งสั่งพลันให้พลขันธ์ค้นพนาศรี
ฯ เชิด ฯ
๏ พลขันธ์เข้าค้นพนาลีมิพบก็เข้าบงคมคัล
ฯ เชิด ฯ
๏ ข้าค้นหาอ้ายกุมารหนีทุกซอกพนาลีเขตต์ขัณฑ์
จบทั่วไม่พบตัวมันอัศจรรย์หนกหนาภูมี
ฯ เจรจา ฯ
๏ พระพรตก็สั่งทันใดจวนอโณทัยคล้อยรังสี
ก็เลิกพหลมนตรีกลับรี้พลคืนพารา
ฯ กราว ฯ
๏ ฝ่ายข้างเจ้าลบเห็นทัพกลับลับเนตรแล้วออกค้นหา
ล่าลอดสอดดูพี่ยาพบแต่ธนูศิลป์ชัย
โออนิจจาพระพี่เอ๋ยกรรมสิ่งใดเลยมาซัดให้
มาดแม้นถ้าม้วยบรรลัยน้องไม่ขออยู่จะตายตาม
เป็นสัตย์สุจริตพระพี่น้องมิได้คิดเข็ดขาม
ครั้นน้องจะเข้าไปตามความนี้ไม่แจ้งชนนี
น้องขอไปแจ้งอาจารย์แล้วจะลามารดาไปตามพี่
โอ้ว่าเทวัญจันทรีปรานีอย่าให้มรณา
คิดพลางทางหยิบเอาศิลป์ศรบทจรคนึงถึงเชษฐา
ก็แจ้งใสในราชปัญญาอ่อเทวาบังให้กู
ดีร้ายพระพี่ไม่ม้วยเมื่อเข้าไปช่วยจะได้สู้
คิดพลางยกศิลป์ใส่เศียรชูก็วางวู่กรรแสงวิ่งมา
ฯ เชิด โอด ฯ
(ทรงแทรก สุดดรงนี้)
๏ ครั้นถึงจึงร้องแถลงสารบันดาลโอดโอยโหยหา
สะอึกสะอื้นเจรจาเขาเข่นฆ่าจับพระพี่ไป
ครั้นข้าจะเข้าไปตามหาใครมาบอกความไม่
ขอลามารดาอาจารย์ไปติดตามภูวนัยพี่ยา
ฯ ๑๖ คำ ฯ
             

พระลบแจ้งข่าวนางสีดา พระมงกุฎถูกจองจำ

โอ้
๏ สีดาฟังลูกลบทูลอาดูรเทวศเสน่หา
โอ้ว่ามงกุฎเจ้าแม่อาอนิจจามาจากแม่ไป
มาดแม้นถ้าฟังคำแม่เที่ยงแท้หามอดม้วยไม่
ป่านนี้จะเป็นประการใดหรือบรรล้ยแล้วลูกยา
แม่ไม่เห็นเลยว่าบุญน้อยร้อยชั่งมาด้บสังขาร์
มาดแม้นถ้าม้วยมรณาแม่จะกลั้นชีวาตายตามไป
พระลบลูกน้อยของแม่เอ๋ยทรามเชยเจ้าจงแถลงไข
เดิมเหตุเภทผลกลใดอย่างไรเขาจับพี่ยา
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ พระลบกราบทูลมารดรเดิมบทจรเล่นป่า
มีสัตว์ต้วหนึ่งเจษฎาหนังสือแขวนมาว่าพาชี
ฝ่ายข้าพี่น้องขี่เที่ยวบัดเดี๋ยวเผือกผู้กระบี่ศรี
ม้นจู่โจนจับพระพี่ตีกระบี่ต้องคันศรสลบพลัน
จึงช่วยกันมัดลิงปล่อยลิงน้อยวิ่งเข้าพนาสัณฑ์
ก็เที่ยวเล่นป่าพนาวันจึงพบพลข้นธ์ยกมา
นายกองร้องบอกพระพี่ว่ามีรับสั่งให้หา
พระพี่กริ้วโกรธโกรธามันอหังการ์แล้วก็ชิงชัย
ต่างต่างยิงก้นไปมามันร้องว่าอวตารใช่
ข้าก้บพระพี่วางศรไปบรรลัยหมดแล้วพระมารดา
อยู่สักประเดี๋ยวเป็นคืนฝืนเข้าต่อรบฝ่ายข้า
มันแผลงศรหนึ่งมหึมากระทบหน้าผากพี่สลบไป
ฝ่ายข้าก็ยิงศรสู้อ้ายวานรจู่จ้บพี่ได้
ฝ่ายม้นรวบข้าเข้าไว้ข้าปลิ้นออกได้หนีมา
ครั้นทัพกลับแล้วข้าไปตูเห็นธนูศรไชยเชษฐา
อัศจรรย์อยู่แล้วพระมารดากิริยาเทวาปรานี
มาดแม้นถ้าตามเห็นได้เหมือนหนึ่งจะให้ชิงชัยศรี
พระแม่พระตาจงปรานีจับธนูศรศรีอำลา
ฯ ๑๘ คำ ฯ
โอ้
๏ สีดาคร่าฉุดยุดไว้ยังจะไปอีกหรือให้ว่า
เมื่อไม่ฟังเลยนี่ลูกยาพระฤษีขาจะดึงไป
อันลิงผ่องเผือกผู้ขาวคือทหารห้าวแห่งผู้ใหญ่
ชื่อหนุมานชาญชัยสองไทคือองค์อนุชา
ชะรอยรู้ว่าไม่ตายจึ่งจองร้ายทำลูกข้า
โอ้ว่ามงกุฎเจ้าแม่อาอนิจจามาจากแม่ไป
พระลบลูกน้อยของแม่เอ๋ยทรามเชยฟังแม่แถลงไข
พี่เจ้าก็ม้วยบรรลัยแม่ได้เห็นหน้าแต่ลูกยา
เป็นกรรมสิ่งไรมาจองผลาญพระอาจารย์ขาเขาจึงเข่นฆ่า
เมื่อเท่านี้หรึอมิเมตตาอ้ายใจมหาย้กษ์จังไร
ถึงมาดดุก็เป็นเด็กไม่ควรที่ทำลูกเล็กได้
แสนโศกวิโยคอาลัยสะอึกสะอื้นไห้ไปมา
ฯ โอด ๑๒ คำ ฯ
ยานี
๏ ฤษีก็เข้าฌานดูรู้ว่ากุมารไม่สังขาร์
จึงบอกนวลนางสีดาเจ้าอย่าได้ร้อนรนใจ
จึงให้อ้ายลบเอาแหวนก้อยลูกน้อยของมึงไปแก้ไข
ญาณี
๏ สีดาก็รูดส่งไปตามแต่ท่านไทพระมุนี
ฯ ๔ คำ ฯ
ยานี
๏ ฤษีจึงสั่งพระลบหลานแม้นนางคราญหนึ่งส่งศรี
นะแน่งนิ่มนวลรูจีมิได้กะพริบนัยนา
ถ้าเห็นนางมาตักนํ้ามึงทำอ้อนวอนจงหนักหนา
ว่าจะช่วยตักให้เอาบุญญานางจะพาไปรดกุมาร
จึงเอาแหวนใส่ในขะนนเศกมนต์แล้วเจ้าอธิษฐาน
นางนั้นแลเทพบันดาลชลธารถึงแล้วจะรอดมา
ฝ่ายเจ้าอย่าได้ประมาทอ่านวิทยาศาสตร์คาถา
เข้าแอบอยู่แทบทวาราไปกว่าจะพบนวลนาง
แต่ว่าอย่าเพ่อคลาไคลพระเคราะห์ยังให้ขัดขวาง
สีดาจงเสี่ยงสัตย์นางพลางเข้ามณฑลกุมารา
ฯ ตระ ๑๐ คำ ฯ
ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทไตรตรึงษ์ดึงสา
ปรานีฤษีสีดาเมตตาลงช่วยกุมาร
ซึ่งต้องรัดรึงขึงไปก็ไม่เจ็บปวดเกษมสานต์
ด้วยกรรมทำหน่ออวตารจึงบันดาลดลอาว์ไป
ที่พระอาว์ว่าจะแจ้งกิจกรรมปิดหาทูลได้ไม่
ก็จะให้ว้าวุ่นขุ่นเคลิ้มใจครั้นช่วยแล้วไปวิมานพลัน
ฯ เชิดปฐม ๖ คำ
ร่าย
๏ ฝ่ายอาว์ครั้นถึงซึ่งกรุงไกรขึ้นไปเฝ้าไทไอศวรรย์
๏ พระรามเห็นเรียกน้องพลันได้มันหรือไม่ไพรี
ฯ เจรจาในเพลง ๒ คำ เสมอ ฯ
๏ พระสัตรุดพระพรตทูลไปจับได้มันมาแต่พี่
อ้ายน้องวิ่งเข้าพนาลีหนีรอดไม่ได้ตัวมา
ทูลพลางสะท้อนฤทัยข้ดแค้นใจหนักเชษฐา
แต่ข้ารองเบื้องบาทาไม่ต้องอาวุธผู้ใด
ครั้งนี้มันยิงตลอดปรุถูกทะลุรี้พลม้วยไหม้
หากอธิษฐานเอาบุญไทจึงได้มารองบาทา
ฯ ๖ คำ ฯ
ช้า
๏ เมึ่อนั้นพระรามสุริวงศ์รุ่งฟัา
จึงตรัสแก่สองอนุชาทั้งพญาหนุมานชาญชํย
อันอ้ายกุมารมีฤทธิ์นักจึงอาณาจักรลั่นหวั่นไหว
หากเจ้ากับหนุมานไปหาไม่ไม่ได้ตัวมา
นี่แน่เจ้าให้เขาจองจำทำโทษแก่มันให้หนักหนา
เอาขึ้นขาหย่างกลางภาราทะเวนให้ครบเจ็ดวัน
แล้วจึ่งบั่นเศียรเสียบไว้ให้เลื่องลือไปเขตต์ข้ณฑ์
อย่าให้มันดูเยี่ยงกันไว้มันจะเป็นราคี
ฯ ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ พระลักษมณ์ก็รับสั่งลาให้หาตำรวจอึงมี่
ฯ เจรจา ฯ
๏ ตำรวจเข้าทูลทันที บัดนี้นครบาลมา
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายองครักษ์จ้กรนารายณ์วุ่นวายแก่กันหนักหนา
ประนังทำจำจองกุมาราโซ่ตรวนขื่อคาครบครัน
ทั้งม้ดทั้งผูกรังรึงขันขึงเข้าไว้แน่นมั่น
พนมแอกแตกขื่อโยงมือพลันกระสันใส่พืดตรึงตรา
ครั้นเสร็จเอาขึ้นขาหย่างย่างแดดลมไว้เวหา
ฯ เจรจา ฯ
๏ แทบตะแลงแกงกลางภาราทะเวนไปตามสั่งพล้น
ฯ เจรจา ๖ คำ ฯ
ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปชาวในนิเวศเขตต์ข้ณฑ์
อีกทั้งไพร่ฟ้าข้าขอบคันชวนกันไปดูกุมาร
เห็นต้องระนังรังรึงคะนึงพะวงสงสาร
รูปทรงเหมือนองค์อวตารครั้นจะบันดาลทักก็กลัวภัย
แต่สะกิดกระซิบบอกเพื่อนความเหมือนตละหนึ่งเถือไส้
เออนี่ลูกเต้าของใครไฉนจึงมาอหังการ์
เมื่อเจ้าเด็กเล็กเท่านี้หรือมีฤทธีแกล้วกล้า
โอ้ว่าแต่เครื่องพันธนาหนักหนานักน่าไม่ข้ามคืน
เจ้าเหวยข้าขอให้ทานนักโทษกุมารแต่พอชื่น
กินนี่หรือพ่อแต่พอฟื้นขืนให้เสวยโภชนา
ลางบ้างก็ให้นํ้าอ้อยกินเถิดอร่อยหนักหนา
พอหายระหวยวิญญาณ์ทาไส้ให้มีแรงไป
ฯ ๑๒ คำ ฯ
ร่าย
๏ พระมงกุฎขอบใจให้ทานต่อข้าขอทานเขาเราให้
๏ ผู้คุมรับปันกันไปทะเวนคลาไคลมิช้า
ฯ เดียว ๒ คำ ฯ
โอ้ร่าย
๏ พระมงกุฎคะนึงถึงเหตุทูนเทวศเสร้าสร้อยละห้อยหา
โอ้ว่าอาจารย์มารดาไม่รู้ว่าเป็นประการใด
มาดแม้นถ้าน้องไม่ม้วยจะได้ไปช่วยแถลงไข
ก็ไม่แจ้งเหตุเภทภัยทำไฉนจะรู้คดี
คิดแล้วจึ่งกลั้นความโศกถามออกนามเมื่อชิงชัยศรี
๏ ผู้คุมก็บอกทันทีหนีรอดไม่ได้ตัวมา
ฯ ๖ คำ ฯ
ครวญ
๏ มงกุฎครวญครํ่ารํ่าไรหม่นไหม้ดุจดังจะเป็นบ้า
มาดแม้นถ้าน้องถึงมารดาหน้าที่จะทรงโศกี
อีกทั้งพระมุนีเจ้าจะโศกสร้อยเสร้าหมองศรี
ที่ไหนจะได้สมฤดีเหมือนแกล้งชนนีอาจารย์
โอ้ว่าถ้าฟังคำแม่เที่ยงแท้ไม่จากถิ่นฐาน
โพยภัยไม่มีมาพานจะสำราญทั้งอาตมา
เสียแรงกูเอากำเนิดให้ซ้ำเกิดโทษไปภายหน้า
แสนโศกวิโยคโศกาตรึกตราตั้งสัจจวาที
แล้วเสี่ยงเอาคุณมารดาทั้งคุณเทวาฤษี
อธิษฐานพลางจรลีจนสิ้นแสงศรีสุริยา
ฯ ๑๐ คำ ฯ
๏ ผู้คุมครั้นไปทะเวนเสร็จพาเสด็จย่างไว้เวหา
รักษาตรวจจัดอัตราครบห้าหกวันราตรี
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
             

พระลบช่วยพระมงกุฎหนี พระรามเตรียมยกทัพไปจับพระมงกุฎ

ยานี
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทท่านท้าวโกสีย์
ใช้รัมภาเทวะจรลีนารีไปช่วยกุมาร
บัดนี้ฤษีจะให้หลานแอบทวารไพชยนต์พิศาล
เขาจะอ้อนวอนตักชลธารเยาวมาลย์เจ้าให้กระออมพลัน
ถ้าเขาเอานํ้ามาส่งจงพาเข้าในเขตตขัณฑ์
เจ้ารดกุมารฉับพลันพันธนาหลุดแล้วบังมา
ให้พ้นจากที่จองจำนำออกยังไพรพฤกษา
๏ รัมภาก็รับสั่งลามาดูท่าทางทันที
ฯ เพลงพิราบป่า ๘ คำ ฯ
ร่าย
๏ มาจะกล่าวบทไปถึงไทชะมฤคฤษี
สั่งแก่หลานลบทันทีจงเอาศรศรีพี่มึงไป
กับทั้งธนูของมึงจึงจะได้ช่วยกันแก้ไข
เอ็งทำตามสั่งแต่ไรเจ้าไปเถิดเร่งจรลี
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระลบก้มกราบอำลาทั้งพระมารดาฤษี
เคารพอภิว้นท์ยินดีพาแหวนศรศรีบทมาลย์
ฯ ปลูกต้นไม้ ฯ
๏ ถึงจึ่งแอบองค์ตามสั่งบังทวารไพชยนต์พิศาล
แลลอดสอดคอยนงคราญตามคำอาจารย์บัญชา
ฯ พันพิลาป ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายรัมภานางซึ่งลงช่วยขวยเขินแกล้งทำเป็นทาษา
กระเดียดกระออมลีลาออกมาแทบปากทวารชัย
ฯ เพลงแขก ๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระลบเห็นนางเยื้องย่างออกกล่าวแถลงไข
พี่ขาตักนํ้าทำไมข้าตักให้หรือนที
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏      นางว่าจะไปให้ทานกุมารโทษชิงชัยศรี
วันนี้แล้วเขาจะฆ่าตีปรานีใคร่สรงคงคา
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ พระลบขอตักชลธารเหมือนท่านให้ทานบุญข้า
นางส่งกระออมมิช้าตักมาเถิดเจ้าอย่านาน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ พระลบจึงลงตักนํ้ากระทำเศกเป่าอธิษฐาน
ฯ ตระ ฯ
๏ เอาแหวนใส่ในชลธารเสร็จการขึ้นจากวารี
ฯ เดียว ฯ
๏ ครั้นถึงจึงส่งกระออมให้เข้าแอบทวารชัยศรี
ฯ กลม ฯ
๏ รัมภาก็พาจรลีไปที่กุมารมิช้า
ฯ เพลง ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างผู้คุมถามไถ่ตักน้ำทำไมทาษา
๏ นวลนางชะม้อยเจรจาข้าปรารถนาเอาบุญ
เพื่อจะให้ทานน้ำเป็นทานกุมารโทษที่จะดับสูญ
เอ็นดูเถิดเจ้าเอาบุญทำคุณขอให้นที
ฯ เจรจา ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างผู้คุมพานเกี้ยวมานี่ประเดี๋ยวก่อนสาวศรี
ไปไหนไม่ให้จรลีกรุณาพี่จึงจะให้คลา
ฯ ๒ คำ เจรจา ฯ
๏ ฝ่ายรัมภาตอบเป็นพาลให้ทานแล้วจึงจะมาหา
ฯ เจรจา ฯ
๏ ผู้คุมก็ให้ไคลคลาอย่าช้านักเร่งออกไป
ฯ สะระบุหรง ๒ คำ ฯ
๏ รัมภาพานํ้าเข้าไปสรงธำมรงค์บังเอิญสรวมใส่
พันธนาหลุดแล้วเอาใจมาไปเถิดพ่ออย่าโศกา
บัดนี้อาจารย์มารดรร่านร้อนรัญจวนป่วนหา
ให้น้องน้อยลบตามมาว่าพลางทางพาจรลี
ฯ ตะบองกัน พิลาป ฯ
ร่าย
๏ ฝ่ายพระมงกุฎขอบคุณอาดูรถึงมารดาฤษี
ดีใจได้แหวนชนนีติดนิ้วชี้ตามนางไป
ฯ เพลง ฯ
๏ เดชะเดชเทวะธำมรงค์ใครแลหาเห็นองค์ไม่
ครั้นถึงซึ่งปากทวารชัยนางฟ้าก็ไปวิมานพลัน
ฯ เหาะ ๔ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระลบเห็นพี่โศกีออกรับเกษมสันต์
ถวายศิลป์ธนูพลันพากันเข้ายังอรัญวา
ฯ เชิด ๒ คำ ฯ
๏ มาจะกล่าวบทไปฝ่ายผู้พิทักษ์รักษา
แลไปไม่เห็นกุมาราอัศจรรย์วิ่งหาวุ่นวาย
บ้างบอกแก่ก้นไปมาพอพริบตาลงเห็นหาย
ชะรอยรู้บังเลื่อมกายหายตัวล่องหนสะเดาะไป
ลางบ้างตามรอยบทจรออกนอกนครเข้าป่าใหญ่
ฯ เชิด ฯ
๏ รอยเท้าก้าวเป็นสองคนไปครั้นทันจะเข้าใกล้กลัวฤทธี
พระมงกุฎเหลือบเห็นร้องเจรจาให้เจ้ามึงมาชิงชัยศรี
๏ ผู้ตามขามฤทธิ์วาทีเกลือกมิอยู่ช้าไม่พ้นภัย
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระพี่น้องร้องด่ากูหาหนีพ่อแม่มึงไม่
ชวนน้องเก็บผลมิ่งไม้กินถ้าอยู่ที่ไพรวัน
ฯ ๒ คำ ฯ
๏ ผู้คุมแบ่งกันมาแจ้งเหตุเข้าในนิเวศเขตตข้ณฑ์
ก้มเกล้ากราบเรียนสุมันตันตามอันคดีมีมา
ฯ เจรจา ๒ คำ ฯ
๏ สุมันตันจึ่งเข้ากราบทูลไอสูรย์บรมนาถา
๏ ก็กริ้วโกรธให้เตรียมโยธากูจะกรีฑาทัพต่อตี
เหม่มึงออกไปจองจำอ้ายผู้ทำให้กุมารหนี
แล้วเร่งรัดกันจงทันทีกูจะกรีฑาทัพตามไป
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ พระอนุชารับสั่งเตรียมท้พสรรพทั้งพยุหน้อยใหญ่
ฯ เจรจาฯ
๏ สุมันตันจองจำกันไปตรากตรำกันไว้ตามบัญชา
๏ ครั้นเสร็จมาช่วยเตรียมพลปีกป้องพหลซ้ายขวา
ฯ เจรจา ฯ
๏ สรรพทั้งจตุรงคโยธาเสร็จพากันเข้าอัญชลี
ฯ เชิด ฯ
๏ บัดนี้พหลสกลไกรสำรับพยุหชัยศรี
กะเกนกันแล้วภูมีจงแจ้งธุลีท่านไท
อันอ้ายนักโทษกุมารเข้ากาลลวาตป่าใหญ่
ผู้คุมก็ตามสะกดไปได้ร่องรอยอยู่ภูมี
ฯ ๘ คำ ฯ
โทน
๏ เมื่อนั้น พระอวตารผู้ชาญชัยศรี
ชวนสามอนุชาสรงวารีสี่องค์สำอางอาภรณ์
ทรงมงกุฎสังวาลตระการแก้วแล้วสะพกสะพายแล่งแสงศร
เขียวเหลืองเรืองรัศอัมพรกระจายจรแดงกํ่าดำพราย
ดุจดังอโณทัยไตรตรัสแจ่มจัดวิเชียรเฉิดฉาย
ระย้าระยับทับทรวงลายกระจายจรกรรเจียกเพราตา
พาหุรัดรัศมีชายแครงศรีแสงชายไหวซ้ายขวา
ดั่งเทวะเลื่อนลอยเมฆาลีลาดลรถจรลี
ฯ เพลงกราว ๘ คำ ฯ
โทน
๏ รถเอยราชรถทรงยศยงด้วยนิลรังษี
รถแดงแข่งรัศรูจีรถเขียวเหลืองศรีเพราพราย
สี่รถยศยิ่งเจษฎาสุนทราดั่งเทวะเฉิดฉาย
ระย้าระย้อยพร้อยพรายกระจายไขรัศอัมพร
โดยวิเชียรฤทธิ์สิทธิเดชทุกนิเวศสาธุการอยู่สลอน
ลอยเลึ่อนละลิ่วอัมพรจามรจรบังอโณทัย
อภิรุมชุมสายพรายพรันเศวตรัตรฉัตรกั้นไสว
พัชนีวีระยาบปลาบไปวิไลวิเล่จะบาดตา
อีกทั้งฆ้องกลองแตรสังข์ประดังกันไปซ้ายขวา
อื้ออึงคนึงโกลากึกก้องท้องฟ้าอลวน
พร้อมด้วยเสนาเสนีจตุรงคโยธีสับสน
ขุนตำรวจตรวจจัดรี้พลเร่งพหลนิกรตามไป
ฯ เชิด ฯ
             

ตอนที่ ๒ ตอนหนุมานเกี้ยววานริน จนท้าวมาลีวราชมา

หนุมานเกี้ยววานริน

ความตอนเริ่มต้นขาดไปบ้าง กลอนแรกเป็นคำของนางวานริน

๏ ฝ่ายข้าก็เห็นสุดทีชิเจ้าคนดีมุสา
อย่าโป้ปดคดคิดเจรจาไม่สบายวิญญาณ์อย่ายายี
ซึ่งข้าจะคืนยังสถานต่อพระอวตารรังสี
เธอปราบอรินไพรีใช้ขุนกระบี่หนุมานมา
ติดตามอสุระผู้หนีข้านี้ได้ร่วมเสน่หา
หนึ่งข้าได้แจ้งกิจจาข้าจึ่งจะพ้นสาปไป
เจ้าอย่าล่อเลี้ยวลวงกันข้าคนสำคัญไม่ได้
ฝ่ายข้าเจ่าจุกทุกข์ใจเซ้าซี้อยู่ไยไม่เข้ายา
ฯ ๑๔ คำ ฯ
ร่าย
๏      เจ้าเอยเจ้าพี่มารศรีเสาวภาคย์อย่ากังขา
พี่คือทหารพระรามาพนิดาอย่าแหนงแคลงใจ
ทรงนามชื่อหนุมานเป็นทหารห้าวแหงผู้ใหญ่
ฝ่ายอสุรยกออกไปชิงชัยต่อด้วยพระราชา
พระองค์ทรงยิงศรผลาญสังหารมารหมู่ยักษา
ถูกวิรุญจำบังอสุรายักษาหลบหลีกหนีไป
จึ่งให้พี่มาติตตามนางงามเจ้ารู้บ้างหรึอไม่
มันไปแห่งหนตำบลใดบอกให้หน่อยเถิดนารี
อันซึ่งธุระของเจ้าขวัญเข้าไว้เป็นธุระพี่
จะให้ได้ดั่งใจเทวีก็เซ้าซี้ไปตามกิจจา
ฯ รอบก้อย ๑๐ คำ เจรจา ฯ
๏ เมึ่อนั้นวานรินนารีศรีฟ้า
ได้ฟังถ้อยคำเจรจานางฟ้าประชดประชันไป
ชิตาทหารพระราเมศทรงเดโชชัยเป็นใหญ่
อ้อนแอ้นเอวกลมวิไลช่างจะไปตามมารอสุรา
แม้นย้กษ์จะเด็ดทีเดียวคาเขี้ยวก็ไม่ได้อย่ามุสา
นี่เจ้าได้ยินใครเจรจาจึงว่าเป็นองค์หนุมาน
ข้าใคร่กล่าวแกล้งห้ามไว้มิให้เจ้าไปสังหาร
ชิชะเจ้าตัวหุนมานยังเห็นท่านเป็นประการใด
ยังมีเขี้ยวแก้วกุณฑลขนเพชรมาลัยอยู่ไหน
เจ้ามีดาวเดือนอโณทัยอยู่ในโอษฐ์หรือช่างเจรจา
ไฉนไม่เป็นวานรนี่คนซอกซอนอยู่ในป่า
ลวงเราไม่ได้ดั่งจินดาแกล้งว่าจะไปตามไพรี
อันวิรุญจำบังมารต้องศรอวตารเรืองศรี
ตัวเจ้าจะไปต่อตีที่ทางเราได้สาคัญ
ว่าพลางทางเย้ยไปมาชิเจ้าฤทธาแข็งขัน
ยังได้สลักสำคัญบั่นแบ่งให้แจ้งบัดนี้
ฯ ๑๖ คำ ฯ
ยิกิ่น
๏ บัดนั้นจึงพญาหนุมานกระบี่ศรี
ชื่นชมโสมนัสเทวีมีสุนทรยกย่องบัญชา
ดูกรนางนิ่มน้อยถ้อยคำเลิศลบเลขา
พี่ขอบใจเจ้าเยาวสุดาไม่หลงรูปรสวาที
สมควรนวลเจ้าเป็นบาทบงสุ์องค์อิศวรราชรังสี
สู้ตายไม่ให้ประเวณีต่อทื่คู่ควรจึ่งปรองดอง
เจ้านี้ยศยิ่งยอดกัญญาสาวสวรรค์ชั้นฟ้าไม่มีสอง
อยาแคลงพี่จะให้แจ้งน้องขอต้องนิดหนึ่งนารี
นี่แน่เมื่อพบอสุรายังกรุณาบ้างหรือสาวศรี
หรือว่าเจ้ากลัวมันราวีจูบทีพี่จะแผลงฤทธา
ก็ผาดเผ่นโผนกลายกลับโตค้บคิรีถ้ำพระคูหา
เผือกผ่องพึงพิศเจษฎาอ้าโอษฐ์มีเดือนดาวตะวัน
ทรงกุณฑลขนเพชรมาลัยเขี้ยวแก้วอำไพเฉิดฉัน
ดุจดั่งไขสีรวีวรรณก็จรจรัลโลมถามเทวี
ฯ คุกพาทย์ ๑๔ คำ ฯ
ยิกิ่น
๏ ยอดเอยยอดมิ่งยังจริงหรือไม่มารศรี
พี่จะติดตามต่ออสุรีจงชี้ท่าทางบอกไป
อันซึ่งธุระของเจ้าขวัญเข้าไว้พี่แก้ไข
ต้องสาปเหดุผลกลใดจูบให้เร่งว่าเนื้อความมา
ฯ คุกพาทย์ ๔ คำ ฯ
มโนราห์โอด
๏ วานรินตรีดตราดพาทีโปรดเกศีเถิดอย่าทำข้า
ไม่รู้ว่าองค์ศ้กดาขอษมาโทษเถิดภูมี
ข้าเป็นข้าบาทเจ้าโลกาอิศราศวรราชรังสี
ชื่อวานรินนารีพระศุลีสาปข้าลงมา
รักษาอังกาศคิรีที่สุวรรณถ้ำคูหา
เมื่อข้าอยู่ก้บเจ้าโลการักษาประทีปอัคคี
วันหนึ่งจึ่งเธอออกนั่งยังบัลลังก์รัศรังสี
สนทนาไญยธรรมอันมีกับนารอทฤษีมีญาณ
ข้าพูดกับเทวบุตรเล่นเธอไม่เห็นอยู่ราชฐาน
ประทีปก็ดับไปช้านานระแวงราชการต้องสาปมา
ว่าต่อท่านได้มาพบสบสมรักร่วมเสน่หา
จึงให้คืนคุงมุลิกายังมหาไกรลาศคิรี
หนึ่งให้คอยบอกกิจการวิรุญจำบังมารยักษี
แก่ท่านผู้มีฤทธีข้านี้ก็จะพ้นสาปไป
บัดนี้วิรุญจำบังมารต้องศรอวตารเป็นใหญ่
มันหนีอยู่ริมสมุทรไททิศใต้ในฟองคงคา
ไปเถิดให้ได้ดังประสงค์จงสำเร็จจำนงปรารถนา
ก็เป็นไรจึ่งไม่ไคลคลามารวบรัดข้าว่าไร
ไหอะไรมาเซ้าซี้หารู้ที่ยินดีด้วยไม่
อย่ามาจู้จี้น้ำใจอายฤท้ยอยู่ไม่ไยดี
ฯ ๒๐ คำ ฯ
ชาตรี
๏ ขวัญเอยขวัญตากรุณาบ้างเถิดมารศรี
พี่จะติดตามต่อไพรีปรานีเหมือนอวยช้ยไป
ว่าพลางทางรวบรึงรัดเออนี่หยิกกัดเป็นไฉน
ดูแรงแข็งขืนหรือไรฟัดฟั้นกันไปเป็นโกลา
ฯ คุกพาทย์ ๔ คำ ฯ
ร่าย
๏ วานรินตรีดตราดครื้นเครงเจ้าข้าเอยข่มเหงทำข้า
สาปไม่พ้นก็จะทนเวทนาข้าหายอมไม่ภูมี
เออนี่ทำไมมารึงรัดสะบัดพลางทางว่าน่าบัดสี
ไปเสียไปข้าไม่ประเวณีอย่าหยักเหยาเซ้าซี้กวนใจ
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เจ้าเอยเจ้าพี่มารศรีอย่าหม่นหมองไหม้
ถึงอยู่ไม่ชูอาลัยจงสำราญบานใจจะขอลา
ว่าพลางทางทำเป็นคลาไคลทำไมมายุดชายผ้า
เช่นพี่หรือจะมีเจตนาฉุดผ้าข้าไยเทวี
ชาตรี
๏ กลับนั่งแนบน้องเจรจากรุณาบ้างเถิดอย่าผินหนี
จะอยู่ก็ไม่ไยดีจะไปก็มิให้ไคลคลา
ว่าพลางทางโอบอุ้มน้องคืนเข้าถํ้าทองคูหา
ฯ เสมอ ฯ
โอ้โลม
๏ แสนสนิทพิศวาสตรึงตราเสน่หาอัดอั้นพูนทวี
ก็รัดรึงตระบึงร่วมรสภุมรีจ้องจรดเกสรศรี
กลั้วเกลือกกลีบเกศสุมาลีปรีดาผาสุกสนุกใจ
ฯ โลมปี่พาทย์ ๑๐ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นวานรินนารีศรีใส
อยู่กับหนุมานชาญชัยมิได้จะนิราศคลาดคลา
จึ่งแจ้งกิจการยุบลซึ่งทนยากอยู่ในพระคูหา
นานเนิ่นเกินเจียนกาลมาข้านานได้ถึงหมื่นปี
อันจะพ้นทนทุกข์เวทนาเพราะพระภัสดาโปรดเกศี
เมียจะไปไกรลาศคิรีปรานีให้ได้ดั่งใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
ร่าย
๏ เมึ่อนั้นจึ่งพญาหนุมานทหารใหญ่
รับคำวรราชนางในอย่าร้อนรนใจกัลยา
พี่คิดจะติดตามต่อไพรีแล้วจะกลับมาที่พระคูหา
จึ่งจะส่งไปสวรรค์ชั้นฟ้าก็เหาะมายังมหาสมุทรไท
ฯ เชิด ฯ
             

หนุมานสังหารวิรุฬจำบัง

๏ ครั้นถึงจึงพิจารณาฟองลอยฟ่องล่องตามน้ำไหล
แต่ฟองน้ำอันหนึ่งไสร้โตใหญ่หลวงล้ำมหึมา
ไม่ลอยลงไปเหมือนทั้งปวงท่วงทีจะเป็นยักษา
ก็ผาดโผนแผลงฤทธาเท่ามหาพรหมาเกรียงไกร
มีหางใหญ่ยาวเจษฎากระหวัดฟองคงคาอันใหญ่
สองหัตถ์คลำพิจารณาไปที่ในมหาชลธาร
ฯ เชิด ๑๐ คำ ฯ
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังตกใจก็รู้ว่าภัยมาตามผลาญ
จึ่งอ่านพระเวทวิชาการบันดาลแทรกตัวออกมา
ฯ ตระ เชิด ฯ
๏ พ้นจากวงหางขนกระบี่อสุรีอายใจยักษา
ก็ผาดโผนแผลงฤทธากลับเข้าเข่นฆ่าหนุมาน
ฯ เชิด ๔ คำ ฯ
๏ หนุมานเผ่นโผนโจนรบจับกุมกันตามกำลังหาญ
ฯ เชิด ฯ
๏ วิรุญจำบังตีหนุมานพลำทานมิได้จมไป
ฯ เชิด ฯ
๏ หนุมานผุดขึ้นอ่านมนตร์เข้าผจญชิงเอาตระบองได้
ตีวิรุญจำบังจมไปผุดเมื่อไรซํ้าตีอสุรา
ฯ เชิด ฯ
๏ ฝ่ายวิรุญจำบังอ่านมนตร์ประตาต้นไม่ขึ้นเข่นฆ่า
สมาธิสำรวมวิญญาณ์อยู่ในมหาน้ที
ฯ ตระ ๖ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจึ่งพญาหนุมานกระบี่ศรี
นิมิตหางโตใหญ่ยาวรีล้อมรอบนัทีคงคา
เบื้องตํ่าจรดเพียงบาดาลโดยสูงตระหง่านพระเวหา
ค่อยกระหยับจะจ้บอสุราทำฤทธาอยู่ที่วารี
ฯ ตระ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นวิรุญจำบังยักษี
ซึ่งหลีกหลบอยู่ในนัทีมิรู้ที่หนีหนุมาน
ครั้นเห็นกระหยับหางเข้าทีใดร่านร้อนฤทัยดังไฟผลาญ
พ้นที่จะต่อหนุมานก็ลนลานอยู่ในสมุทรไท
ฯ คุกพาทย์ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้นจึงพญาหนุมานทหารใหญ่
กระหวัดหางรัดรวบเข้าไปก็จ้บตัวได้อสุรี
ขึ้นฟัดกับพื้นพสุธาย้กษามอดม้วยเป็นผี
ฯ เชิด โอด ฯ
๏ ตัดเอาศีรษะอสุรีขุนกระบี่ก็พาเหาะมา
ฯ เดี่ยว ฯ
๏ จึงตรงลงยังคิรีที่สุวรรณถํ้าทองคูหา
จะโปรดวานรินกัลยาทิ้งศีรษะไว้เข้าไป
ฯ เสมอ ๖ คำ ฯ
ช้า
๏ เมื่อนั้นวานรินนารีศรีใส
แต่หนุมานคลาไคลนางในไม่เป็นสมปฤดี
แสนวิโยคโศกสร้อยคอยหากลัวว่าจะพ่ายแพ้ยักษี
เจ่าจุกทุกข์ใจเทวีแลไปเห็นศรีหนุมาน
วิ่งออกไปรับขุนกระบี่มารศรีปรีดิ์เปรมเกษมสานต์
นำเข้าแท่นที่นางคราญก็เบิกบานอยู่ในคิรี
ฯ เพลง ๖ คำ ฯ
โอ้โลม
๏ เมื่อนั้นหนุมานผู้ชาญชัยศรี
แสนพิศวาสเทวียังที่แท่นอาสน์ไสยา
แล้วจึ่งปราศร้ยนวลนางข้อซึ่งไปล้างยักษา
แพ้พี่ต้ดเอาศีรษะมาทิ้งไว้ปากมหาคิรี
บัดนี้สำเร็จการแล้วจะลาน้องแก้วบทศรี
เอาเศียรไปถวายภูมียังที่สมรภูมิชัย
ว่าพลางก็ทางเชยชิดแสนสนิทแนบน้องพิสมัย
พี่จะส่งเจ้าไปสุราลัยก็อุ้มอรทัยออกมา
ฯ เสมอ ฯ
ร่าย
๏ ครั้นถึงปากถํ้าโยนขึ้นไปในพิดลอากาศเวหา
ม้วยมุดสุดสิ้นชีวาไปมหาไกรลาศคิรี
ฯ ตระ ฯ
๏ ครั้นเสร็จกิจการนงเยาว์จับเอาเศียรเกล้ายักษี
เหาะจากปากถ้ำคิรีรีบรี่มาสมรภูมิพลัน
ฯ เชิด ปฐม ๑๒ คำ ฯ
๏ ฝ่ายข้างพระรามเห็นกระบี่ภูมีบอกแก่พลขันธ์
โน่นแน่หนุมานจรจรัลได้หัวกุมภัณฑ์เหาะมา
พวกพลกระบี่ดีใจเอิกเกริกกันไปทั่วหน้า
หนุมานถึงจึ่งวันทาถวายเศียรอสุราทันที
ฯ เชิด ฯ
๏ เดิมเมื่อได้ข่าวยักษาพบวานรในพนาศรี
บอกว่าอังกาศคิรีมีนางอัปสรกัญญา
ข้าจึ่งนิมิตบิดเบือนเหมือนมนุษย์หนุ่มน้อยเสน่หา
เข้าไปไถ่ถามกิจจานางว่าต้องสาปพระศุลี
กลับสงสัยข้าที่แปลงกายหยาบคายว่าชาวพนาศรี
ข้าเลียมลวงตอบคดีนารีแปลนคำออกมา
ว่าต่อได้บอกกิจการพบพานร่วมรักกับข้า
จึ่งให้คืนคุงบาทมุลิกายังมหาไกรลาศคิรี
ข้าจึ่งผาดแผลงอานุภาพนางกราบประณตบทศรี
บอกให้ไปตามอสุรีพบตัวต่อตีกันไปมา
มันตีข้าจมลงในน้ำข้าดำผุดขึ้นได้ตียักษา
ชิงได้ตระบองอสุราข้าก็ตียักษาจมไป
ครั้นผุดขึ้นมาข้าตีซ้ำมันดำลงอยู่ตํ่าใต้
ข้านิมิตหางโตเกรียงไกรจึ่งกระหวัดจับได้อสุรา
ตัดเอาศีรษะจรลีมาโปรดนางที่พระคูหา
แล้วจึงพาเอาศีรษะมาถวายพระผ่านฟ้าบัดนี้
ฯ ๒๐ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระอวตารผู้ชาญชัยศรี
ปราศร้ยไปแก่ขุนกระบี่ที่ใข้ศรข่ายกั้นอสุรา
กูพิจารณาดูรูปพึงหายจึงหมายมุ่งว่าเองได้ยักษา
ก็พอแลไปเห็นหนุมานมาดูราพิเภกอสุรี
แต่ให้หนุมานอาสาเข่นฆ่าต้านต่อยักษี
ล้วนมีชัยได้ท่วงทีควรที่เป็นอัครเสนา
นี่แน่พิเภกธิบดีอันเศียรอสุรียักษา
เพื่อนขลังอาคมวิทยาจะเอามาทำประการใด
ฯ ๘ คำ ฯ
๏ ฝ่ายพระยาพิเภกกราบทูลซึ่งอิสูรต้องศรตักษัย
ย่อมได้ฟากฟ้าคาลัยไปเป็นสุขทั่วอสุรี
บัดนี้วิรุญจำบังม้วยด้วยมือหนุมานกระบี่ศรี
ข้าบาทเห็นไม่สู้ดีขอให้ชูศีรษะไว้เมฆา
แล้วจึงทรงศรแผลงผลาญสังหารให้ไปเป็นสุขา
จึงจะได้สวรรค์ชั้นฟ้าโปรดเกศาทำบัดนี้
ฯ ๖ คำ ฯ
๏ บัดนั้นพระอวตารผู้ชาญชัยศรี
สั่งให้เอาเศียรจรลีทำตามพิเภกบัญชา
หนุมานก็พาเหาะไปชูไว้อากาศเวหา
จึงแผลงศรกินเศียรอสุรายักษาสู่สวรรคาลัย
ฯ ตระ ๔ คำ ฯ
๏ แล้วตรัสแก่พลวานรอันนครหาพ้นมือไม่
ครั้นจะบุกรุกเอาเวียงชัยผิดไปไม่ต้องประเวณี
จำเราจะเลิกทัพชัยกลับไปยังพลับพลาศรี
ฟังดูกำลังอสุรีก็เลิกรี้พลกลับพลับพลา
ฯ ๔ คำ เชิด ฯ
             

ตอนที่ ๓ ตอนท้าวมาลีวราชพิพากษาความ จนทศกัณฐ์เข้าเมือง

ตอนที่ ๔ ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด, พระลักษมฌ์ต้องหอกกบิลพัท จนผูกผมทศกัณฐ์กับนางมณโฑ

เชิงอรรถ

อ้างอิง

เครื่องมือส่วนตัว